แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 1
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. ก คำนำ การจัดทำแผนพัฒนาองค์การ ของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระยะ 3 ปี (ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2568) เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 ที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการจัดทำแผนและแนวทางพัฒนาราชการ 4.0 และดำเนินการตามแผน และแนวทางดังกล่าว ติดตาม ประเมินผล หาโอกาสปรับปรุงองค์การและดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็น ประจำทุกปี รวมถึงกำหนดให้ใช้การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 (PMQA 4.0) เป็นเครื่องมือสำคัญ ในการขับเคลื่อนองค์กร โดยมีสำนักงาน ก.พ.ร. ทำหน้าที่ตรวจประเมิน แผนพัฒนาองค์การ ของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระยะ 3 ปี (ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2568) จัดทำขึ้นโดยการมีส่วนร่วมของทุกหน่วยงานในสังกัดสำนักงาน ปลัดกระทรวง ร่วมกันทบทวนประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการทำงาน บุคคลากร สภาพแวดล้อม และวัฒนธรรมขององค์กร ที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายขององค์การ ยุทธศาสตร์ชาติแผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแผนการปฏิรูปประเทศ และนโยบายรัฐบาล โดยใช้ผล การประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0 ของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ และข้อสังเกตจากผู้ตรวจประเมินฯ 4 ปี ก่อนหน้า (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 - 2565) และผลการประเมิน ตนเองของหน่วยงานในสังกัด จากแบบประเมินตนเองที่พัฒนาขึ้นโดยใช้การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการ ภาครัฐ 4.0 (PMQA 4.0) เป็นแนวทาง รวมทั้งเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อกำหนดทิศทาง การพัฒนาองค์การของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกัน โดยมีวิสัยทัศน์ คือ “พัฒนา สป.พม. สู่ระบบราชการ 4.0 ภายใน 3 ปี (พ.ศ. 2566 - 2568)” ซึ่งจะปรับเปลี่ยนและยกระดับ การทำงาน ด้วยกลยุทธ์ 3D-FRAME ภายใต้แผนพัฒนาองค์การที่สำคัญ 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1 พัฒนา สป.พม. เป็นผู้นำด้านสังคม เรื่องที่ 2 สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ สป.พม. เป็นที่ยอมรับของประชาชน และเรื่องที่ 3 พัฒนา สป.พม. เป็นองค์กรสมรรถนะสูงและทันสมัย สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มุ่งหวังให้แผนพัฒนาองค์การของ สำนักงานปลัดกระทรวง ระยะ 3 ปี (ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2568) ฉบับนี้เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนา หน่วยงานในสังกัดกระทรวงไปสู่ระบบราชการ 4.0 และสนับสนุนการขับเคลื่อนภารกิจงานขององค์การให้บรรลุ เป้าหมาย ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างตรงจุด ทั่วถึง และเท่าเทียม
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. ข บทสรุปผู้บริหาร แผนพัฒนาองค์การ ของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระยะ 3 ปี (ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2568) เป็นกรอบแนวทางการพัฒนาองค์การของสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ในระยะ 3 ปี ที่มุ่งยกระดับไปสู่การเป็น “ระบบราชการ 4.0” โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับองค์กรให้มีสมรรถนะสูง และทัยสมัย เป็นผู้นำด้านสังคม และเป็นที่ยอมรับของประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อน ประเทศด้วยยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 เพื่อพัฒนาประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยมีหลักการ สำคัญของแผนพัฒนาองค์การ ของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระยะ 3 ปี (ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2568) ดังนี้ การจัดทำแผนพัฒนาองค์การ ของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ ระยะ 3 ปี (ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2568) ได้คำนึงถึงทิศทางองค์กรของสำนักงานปลัดกระทรวง กรอบการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 (PMQA 4.0) และผลการประเมินสถานะการเป็นระบบ ราชการ 4.0 ของสำนักงานปลัดกระทรวง จาก 3 มิติ ได้แก่ 1) ผลการประเมินฯ และข้อสังเกตจากผู้ตรวจประเมินฯ 4 ปี ก่อนหน้า (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 - 2565) 2) ผลการประเมินตนเองของแต่ละหน่วยงานในสังกัด จากแบบ ประเมินตนเองที่พัฒนาขึ้นโดยใช้แนวทางการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 (PMQA 4.0) และ 3) ผลการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัด จากการวิเคราะห์ทิศทางองค์กรของสำนักงานปลัดกระทรวง หลักเกณฑ์การพัฒนาคุณภาพการ บริหารจัดการภาครัฐ 4.0 (PMQA 4.0) ผลการประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0 ของสำนักงาน ปลัดกระทรวง ผลการประเมินตนเองของแต่ละหน่วยงานในสังกัด และผลการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถระบุโอกาสในการพัฒนา (Opportunity for Improvement) และสามารถนำมาวางแผน กำหนดทิศทางในการพัฒนาองค์การของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ใน ระยะ 3 ปี (ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2568) โดยมีวิสัยทัศน์คือ “พัฒนา สป.พม. สู่ระบบราชการ 4.0 ภายใน 3 ปี (พ.ศ. 2566 - 2568)” ซึ่งจะปรับเปลี่ยนและยกระดับการทำงาน ด้วยกลยุทธ์ 3D-FRAME ภายใต้ แผนพัฒนาองค์การที่สำคัญ 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1 พัฒนา สป.พม. เป็นผู้นำด้านสังคม เรื่องที่ 2 สร้างภาพลักษณ์ ที่ดีให้ สป.พม. เป็นที่ยอมรับของประชาชน และเรื่องที่ 3 พัฒนา สป.พม. เป็นองค์กรสมรรถนะสูงและทันสมัย โดยกลยุทธ์ 3D-FRAME ประกอบด้วย 1) Digitization : พัฒนาปรับปรุงกระบวนงานและบริการให้เป็นรูปแบบดิจิทัล 2) Demand – driven Innovation : สร้างนวัตกรรมในการปรับปรุงกระบวนงานและบริการ เพื่อ ตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่ม (Customization) 3) Data - driven : ขับเคลื่อนงานด้วยข้อมูลเป็นหลัก (Data-driven) พัฒนาฐานข้อมูล (Database) ที่ครอบคลุม พร้อมใช้งาน รวมถึงใช้การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytic) ในการวางแผน ออกแบบ และชี้นำ การพัฒนาสังคม
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. ค 4) Friendly : ปรับปรุงนโยบายและการดำเนินงานที่เป็นมิตร โดยคำนึงประโยชน์และผลกระทบที่จะ เกิดขึ้นกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Citizen –Centric) 5) Reinventing : สร้างตัวตนของ สป.พม. ขึ้นใหม่ ที่ - โปร่งใสตรวจสอบได้ (Public accountability & transparency) - เปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานเป็นปกติและเข้าถึงง่าย (Open System, Open access) 6) Agility : ปรับโครงสร้างองค์กร ระเบียบและกฎหมายให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น (Agility) เอื้อต่อ การทำงานร่วมกันแบบบูรณาการในเชิงยุทธศาสตร์ ตั้งแต่การวางนโยบาย จนถึงการปฏิบัติ (Collaboration) 7) Masterful Workforce : พัฒนากำลังคนให้เป็นมืออาชีพ มี Skillsets และ Mindset ในการ ทำงานยุคดิจิทัล และศตวรรษที่ 21 พร้อมรับมือกับปัญหาที่มีความซับซ้อนและหลากหลาย 8) Efficiency : ปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน สื่อสาร และเชื่อมโยงข้อมูลถึงกัน (Efficiency)
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. ง สารบัญ คำนำ..................................................................................................................................................................ก บทสรุปผู้บริหาร ......................................................................................................................................................ข สารบัญ ............................................................................................................................................................... ง 1. บทนำ.............................................................................................................................................................. 1 1.1 ทิศทางองค์กรของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์.................................................................... 1 1.2 กรอบการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 (PMQA 4.0) ...................................................................................... 3 1.2.1 แนวคิดในการประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0.....................................................................................................................................................6 1.2.2 เกณฑ์ในการประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0.......................................................................................................................................................8 1.3 ผลการประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0 ของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์.....................................14 1.3.1 ข้อสังเกตจากผู้ตรวจประเมินรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0.......................................................................................................................25 1.3.2 ผลการประเมินตนเองของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์........................................................................................38 1.4 ประเด็นโอกาสในการพัฒนา (Opportunity for Improvement : OFI) ของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์....56 2. แผนพัฒนาองค์การ...............................................................................................................................................63 2.1 สาระสำคัญของแผนพัฒนาองค์การ ........................................................................................................................63 2.2 รายละเอียดโครงการภายใต้แผนพัฒนาองค์การ............................................................................................................66 แผนพัฒนาองค์การเรื่องที่ 1 : พัฒนา สป.พม. เป็นผู้นำด้านสังคม .............................................................................................66 กลยุทธ์ที่ 1.1 : พัฒนาเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data – driven)................................................................................................................................66 กลยุทธ์ที่ 1.2 : สร้างนวัตกรรมในการปรับปรุงกระบวนงานและบริการ ตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่ม (Demand – driven Innovation) ....................73 กลยุทธ์ที่ 1.3 : ปรับปรุงนโยบายและการดำเนินงานให้เป็นมิตรกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Friendly)....................................................................80 แผนพัฒนาองค์การเรื่องที่ 2 : สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ให้ สป.พม. เป็นที่ยอมรับของประชาชน ..................................................................85 กลยุทธ์ที่ 2.1 : สร้างตัวตนของ สป.พม. ขึ้นใหม่ (Reinventing)................................................................................................................................................85 แผนพัฒนาองค์การเรื่องที่ 3 : พัฒนา สป.พม. เป็นองค์กรสมรรถนะสูงและทันสมัย...........................................................................92 กลยุทธ์ที่ 3.1 : พัฒนารูปแบบการทำงานไปสู่องค์กรดิจิทัล (Digitization) ................................................................................................................................92 กลยุทธ์ที่ 3.2 : ปรับโครงสร้างองค์กรระเบียบและกฎหมายให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น (Agility) .................................................................................................95 กลยุทธ์ที่ 3.3 : พัฒนากำลังคนให้เป็นมืออาชีพ (Masterful Workforce) .................................................................................................................................98 กลยุทธ์ที่ 3.4 : ปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน การสื่อสาร และเชื่อมโยงข้อมูลถึงกัน (Efficiency).................................................................105 3. การนำแผนไปสู่การปฏิบัติและการติดตามประเมินผล...........................................................................................................121 ภาคผนวก...........................................................................................................................................................122
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 1. บทนำ 1.1 ทิศทางองค์กรของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 กำหนดให้สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นศูนย์กลาง การบริหารของกระทรวงในการพัฒนายุทธศาสตร์และแปลงนโยบายของกระทรวงเป็นแผน ปฏิบัติงาน จัดสรร ทรัพยากร และรับผิดชอบการบริหารราชการทั่วไปของกระทรวง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและเกิดผลสัมฤทธิ์ตาม ภารกิจของกระทรวง โดยให้มีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้ 1) พัฒนานโยบายและมาตรการด้านการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดทำนโยบายและ ยุทธศาสตร์ของกระทรวงและสำนักงานปลัดกระทรวง และนำนโยบายและมาตรการดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ ตลอดจนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ 2) พัฒนา ปรับปรุง และดำเนินการเกี่ยวกับงานกฎหมายในความรับผิดชอบของกระทรวง 3) พัฒนาวิชาการและมาตรฐานด้านการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเฝ้าระวัง ติดตาม วิเคราะห์ คาดการณ์ เตือนภัยและรายงานสถานการณ์ทางสังคมของประเทศในภาพรวม 4) พัฒนานโยบาย ยุทธศาสตร์ และมาตรการด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และ กำกับ ติดตามผล และรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบาย ยุทธศาสตร์และมาตรการ รวมทั้งการช่วยเหลือและ คุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และบริหารจัดการกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปราม การค้ามนุษย์ 5) ดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกระทรวง รับเรื่องราวร้องทุกข์ที่อยู่ใน หน้าที่และอำนาจของกระทรวง และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม 6) กำกับ เร่งรัด ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในสังกัดกระทรวง 7) จัดสรรและบริหารทรัพยากร บริหารงานบุคคล งบประมาณ การเงิน การบัญชี และการตรวจสอบของ กระทรวงและสำนักงานปลัดกระทรวง 8) พัฒนาและจัดให้มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้เป็นศูนย์ข้อมูลกลางของกระทรวง เพื่อสนับสนุนการบริหารงานของกระทรวง การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลของกระทรวงและการให้บริการแก่ หน่วยงานของรัฐและประชาชน 9) พัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรของกระทรวง และบุคลากรอื่นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวง 10) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่และอำนาจของสำนักงานปลัดกระทรวง หรือตามที่รัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีหรือปลัดกระทรวงมอบหมาย สำหรับทิศทางในการดำเนินงานในอีก 5 ข้างหน้า สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ได้กำหนดแผนปฏิบัติราชการ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) จำนวน 4 เรื่อง โดยมี สาระสำคัญ ดังนี้ วิสัยทัศน์“เสริมพลัง สร้างโอกาส พัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัย”
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 2 พันธกิจ 4 ด้าน 1) พัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคมสู่การปฏิบัติ 2) ส่งเสริม พัฒนากลไก และบูรณาการภาคีเครือข่ายทางสังคมทุกภาคส่วนและทุกระดับ 3) ส่งเสริมการวิจัย งานวิชาการ และพัฒนานวัตกรรมทางสังคมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคน ทุกช่วงวัย 4) พัฒนาระบบบริหารจัดการองค์กรให้มีขีดสมรรถนะสูง ผลสัมฤทธิ์ : “ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับการคุ้มครองทางสังคม และการพัฒนาศักยภาพ สามารถ ช่วยเหลือตนเองและครอบครัวได้” แผนปฏิบัติราชการ 4 เรื่อง ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 พัฒนานโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัยแบบพุ่งเป้า ประกอบด้วย 2 เป้าหมาย คือ เป้าหมายที่ 1 นโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาสังคม สามารถชี้นำการขับเคลื่อนการพัฒนา สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี 3 แนวทางในการดำเนินงาน ได้แก่ 1.1) จัดทำนโยบายและยุทธศาสตร์ที่ สอดคล้องกับทิศทางยุทธศาสตร์ชาติแผนแม่บท รวมถึงนโยบายและยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง 1.2) ขับเคลื่อนนโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์1.3) พัฒนา และขับเคลื่อนแผนการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ระดับจังหวัดสู่การปฏิบัติและเป้าหมายที่ 2 ประชาชนและครัวเรือนเป้าหมายได้รับการพัฒนาในทุกมิติ มีแนวทางในการดำเนินงาน ได้แก่ 2.1) สร้างโอกาส และขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตครัวเรือนเปราะบางแบบพุ่งเป้า 2.2) พัฒนาระบบการให้ความช่วยเหลือ กลุ่มเปราะบางกลุ่มเป้าหมายตามภารกิจในสถานการณ์ วิกฤติอย่างทันท่วงที่และมีประสิทธิภาพ เรื่องที่ 2 ยกระดับการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แบบบูรณาการ มีเป้าหมาย คือ เกิดการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน โดยใช้ 3 แนวทางในการดำเนินงาน ได้แก่ 1) บูรณาการความร่วมมือกับเครือข่ายทุกระดับและทุกภาคส่วนเพื่อเป็น หุ้นส่วนการพัฒนาสังคม ให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคม ลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 2) พัฒนาเครือข่ายและกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ 3) ขับเคลื่อนกลไกศูนย์ช่วยเหลือสังคม ระดับตำบลเพื่อพัฒนาสังคมแบบองค์รวม เรื่องที่ 3 พัฒนาระบบสวัสดิการและนวัตกรรมทางสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัย ประกอบด้วย 3 เป้าหมาย ได้แก่ 1) พัฒนางานวิชาการงานวิจัย และมาตรฐานการพัฒนาสังคม และความมั่นคง ของมนุษย์ เพื่อพัฒนาระบบสวัสดิการและยกระดับคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัยอย่างตรงจุด 2) ขับเคลื่อนการจัดทำ สถานการณ์ทางสังคมและการพยากรณ์แนวโน้มทางสังคมเพื่อชี้นำการพัฒนาสังคม 3) พัฒนานวัตกรรมทางสังคม เพื่อตอบโจทย์ปัญหาสังคมและความเหลื่อมล้ำทางสังคม เรื่องที่ 4 ยกระดับการพัฒนาองค์กรให้มีผลสัมฤทธิ์สูงเพื่อรองรับยุคดิจิทัล โดยมีเป้าหมาย คือ สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นองค์กรที่มีผลสัมฤทธิ์สูง รองรับการเปลี่ยนแปลง ในยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี 4 แนวทางในการดำเนินงาน ได้แก่ 1) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 3 องค์กร การปรับโครงสร้าง ให้มีความยืดหยุ่น ตลอดจนการพัฒนากฎหมาย ระเบียบ ประกาศต่าง ๆ ให้สอดคล้อง กับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลง รวมถึงสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารองค์กร 2) พัฒนาระบบเทคโนโลยี ดิจิทัลและข้อมูลสารสนเทศให้ได้มาตรฐานเพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล 3) มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะบุคลากร (Skillsets) ในการทำงานในยุคดิจิทัลและศตวรรษที่ 21 ทั้งการปลูกฝังบุคลากรให้มีกรอบความคิด (Mindset) ในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองมุ่งประโยชน์ส่วนรวม รวมถึงการปรับสภาพแวดล้อมให้ให้เอื้อต่อการทำงาน และ 4) สื่อสารสังคม เพื่อสร้างภาพลักษณ์องค์กรทั้งในเชิงนโยบายและการขับเคลื่อนภารกิจ เพื่อสร้างการรับรู้ของ กลุ่มเป้าหมายและภาคส่วนต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ 1.2 กรอบการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 (PMQA 4.0) ระบบราชการ 4.0 เป็นแนวคิดของการพัฒนาหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้รองรับต่อการเปลี่ยนแปลง และการเป็นประเทศไทย 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น การพัฒนาสู่ระบบราชการ 4.0 จึงมีเป้าหมายหลัก เพื่อให้ภาครัฐสามารถเป็นที่พึ่ง ที่เชื่อถือและไว้วางใจได้ของประชาชน โดยได้กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาระบบ ราชการไว้ ดังนี้ 1) ระบบราชการที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงถึงกัน (Open & Connected Government) ต้องมี ความเปิดเผยโปร่งใสในการทำงาน โดยบุคคลภายนอกสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของทางราชการ หรือ มีการแบ่งปัน ข้อมูลซึ่งกันและกัน และสามารถเข้ามาตรวจสอบการทำงานได้ตลอดจนเปิดกว้างให้กลไก หรือภาคส่วนอื่น ๆ เช่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ได้เข้ามามีส่วนร่วม และโอนถ่ายภารกิจที่ภาครัฐไม่ควรดำเนินการเอง ออกไปให้แก่ ภาคส่วนอื่น ๆ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการแทน โดยการจัดระเบียบความสัมพันธ์ในเชิงโครงสร้างให้สอดรับกับ การทำงานในแนวระนาบ ในลักษณะของเครือข่าย มีการเชื่อมโยงการทำงานภายในภาครัฐด้วยกันให้มีเอกภาพ และสอดรับประสานกัน ทั้งการบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น 2) ระบบราชการที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง (Citizen-Centric Government) ต้องทำงานใน เชิงรุกและมองไปข้างหน้า โดยตั้งคำถามกับตนเองเสมอว่า ประชาชนจะได้อะไร มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความต้องการ และตอบสนองความต้องการของประชาชน โดยที่ประชาชนไม่ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากทางราชการ (Proactive Public Services) รวมทั้งใช้ประโยชน์จากข้อมูลของทางราชการ (Big Government Data) และ ระบบดิจิทัลสมัยใหม่ในการจัดบริการสาธารณะที่ตรงกับความต้องการของประชาชน (Personalized หรือ Tailored Services) พร้อมทั้งอำนวยความสะดวก โดยมีการเชื่อมโยงกันเองของหน่วยงานราชการเพื่อให้บริการ ต่าง ๆ สามารถเสร็จสิ้นในจุดเดียว ประชาชนสามารถเรียกใช้บริการของทางราชการได้ตลอดเวลา ตามความต้องการ ของตน และผ่านการติดต่อได้หลายช่องทางผสมผสานกัน 3) หน่วยงานของรัฐมีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย(Smart & High Performance Government) ต้องทำงานอย่างเตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้า มีการวิเคราะห์ความเสี่ยง สร้างนวัตกรรม หรือ ความคิดริเริ่มและประยุกต์ องค์ความรู้ในแบบสหสาขาวิชาเข้ามาใช้ในการตอบโต้กับโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เพื่อสร้างคุณค่า มีความยืดหยุ่น และความสามารถในการตอบสนองกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างทันเวลา ตลอดจนเป็นองค์การที่
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 4 มีขีดสมรรถนะสูง และปรับตัวเข้าสู่สภาพความเป็นสำนักงานสมัยใหม่ รวมทั้งทำให้ข้าราชการมีความผูกพันต่อการ ปฏิบัติราชการและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมกับบทบาทของตน ฉะนั้น ความสำเร็จของการพัฒนาไปสู่ระบบราชการ 4.0 ดังกล่าวต้องอาศัยปัจจัยสำคัญ ๆ อย่างน้อย 3 ประการ ได้แก่ • การสานพลังทุกภาคส่วน ระหว่างภาครัฐและภาคส่วนอื่นๆ ในสังคม (Collaboration) เป็นการ ยกระดับการทำงานให้สูงขึ้นไปกว่าการประสานงานกัน (Coordination) หรือทำงานด้วยกัน (Cooperation) ไปสู่ การร่วมมือกัน (Collaboration) อย่างแท้จริง โดยจัดระบบให้มีการวางแผนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และ เป้าหมายที่ต้องการร่วมกัน มีการระดมและนำเอาทรัพยากรทุกชนิดเข้ามาแบ่งปันและใช้ประโยชน์ร่วมกัน มีการ ยอมรับความเสี่ยงและรับผิดชอบต่อผลสำเร็จที่เกิดขึ้นร่วมกัน เพื่อพัฒนาประเทศหรือแก้ปัญหาความต้องการของ ประชาชนที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น • การสร้างนวัตกรรม (Innovation) เป็นการคิดค้นและแสวงหาวิธีการหรือแนวทาง (Solutions) ใหม่ๆ อันจะเกิดผลกระทบมหาศาล (Big Impact) เพื่อปรับปรุงและออกแบบการให้บริการสาธารณะและนโยบาย สาธารณะให้สามารถตอบโจทย์ความท้าทายของประเทศ หรือ ตอบสนองปัญหาความต้องการของประชาชนได้ อย่างมีคุณภาพ อันแปรผันไปตามสภาพพลวัตของการเปลี่ยนแปลง โดยอาศัยรูปแบบห้องปฏิบัติการ (Government Lab/ Public Sector Innovation Lab) และใช้กระบวนการความคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ในลักษณะที่ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อสร้างความเข้าใจและเข้าถึงความรู้สึกนึกคิด (Empathize) ก่อนจะสร้างจินตนาการ (Ideate) พัฒนาต้นแบบ (Prototype) ทำการทดสอบปฏิบัติจริงและขยายผลต่อไป • การปรับเข้าสู่การเป็นดิจิทัล (Digitization/Digitalization) เป็นการผสมผสานกันของการจัดเก็บ และประมวลข้อมูลผ่านคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) อุปกรณ์ประเภทสมาร์ทโฟน (Smart Phone) และการทำงานร่วมกันผ่านเครื่องมือต่าง ๆ (Collaboration Tools) ทำให้สามารถติดต่อกันได้อย่างเรียลไทม์ (Real Time) ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่สลับซับซ้อนต่าง ๆ ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของ ประชาชน เกิดผลกระทบอย่างสูงและมีความคาดหวังต่อการให้บริการของทางราชการที่จะต้องดำเนินการในทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกอุปกรณ์และทุกช่องทาง ได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย และประหยัด ในส่วนของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องได้รับการปรับเปลี่ยนกระบวนการทางความคิด (Mindset) ให้ตนเองมีความเป็นผู้ประกอบการสาธารณะ (Public Entrepreneurship) เพิ่มทักษะให้มีสมรรถนะที่ จำเป็นและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตน อันจะช่วยทำให้สามารถแสดงบทบาทของการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Leader) เพื่อสร้างคุณค่า (Public Value) และประโยชน์สุขให้แก่ประชาชนได้
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 5 ภาพที่ 1 ระบบราชการ 4.0 หมายเหตุ จาก “คู่มือการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นระบบราชการ 4.0 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565 (2),” โดย สำนักงาน ก.พ.ร., 2565. จากแนวคิดใหม่ดังกล่าว อาจสรุปเป็นคุณลักษณะสำคัญของการปฏิบัติงานในระบบราชการ 4.0 ดังนี้ (1) ทำงานอย่างเปิดเผย โปร่งใส เอื้อให้บุคคลภายนอกและประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้ (2) ทำงานเชิงรุก แก้ไขปัญหา ตอบสนองความต้องการของประชาชน และสร้างคุณค่า (3) แบ่งปันข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เชื่อมโยงการทำงานซึ่งกันอย่างเป็นเอกภาพเบ็ดเสร็จในจุดเดียว (4) ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจัดการ มีฐานข้อมูลที่ทันสมัยเพื่อสนับสนุนการวางแผน ยุทธศาสตร์และการตัดสินใจในการทำงาน (5) ปรับรูปแบบการทำงานให้คล่องตัวรองรับการประสานงานแนวระนาบและในลักษณะเครือข่าย (6) ทำงานอย่างเตรียมการไว้ล่วงหน้า ตอบสนองต่อสถานการณ์ทันเวลา มีการวิเคราะห์ความเสี่ยงทั้ง ในระดับองค์การและในระดับปฏิบัติการ (7) เปิดกว้างให้ภาคส่วนอื่นเข้ามามีส่วนร่วม ถ่ายโอนภารกิจไปดำเนินการแทนได้ (8) ส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรม ความคิดริเริ่ม และการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ในการทำงานที่ทันต่อการ เปลี่ยนแปลง (9) บุคลากรทุกระดับพร้อมปรับเปลี่ยนตัวเองสู่องค์การที่มีความทันสมัยและมุ่งเน้นผลงานที่ดี (10) ให้ความสำคัญกับบุคลากร ดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพสูง พัฒนาอย่างเหมาะสมตามบทบาท หน้าที่ สร้างความผูกพัน สร้างแรงจูงใจ มีแผนเชิงรุกรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านบุคลากร
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 6 1.2.1 แนวคิดในการประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0 ถึงแม้ว่าส่วนราชการจะมีความคุ้นเคยกับเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) ทั้ง 7 หมวด รวมถึงข้อกำหนดของเกณฑ์PMQA ที่ใช้เป็นระบบการรับรองในระดับการพัฒนาที่ 250 – 275 คะแนน และใช้เพื่อพัฒนาความเป็นเลิศรายหมวดตามแนวทางรางวัล (ระดับ 300 คะแนน) แต่ทั้งสองแนวทางยังมีแนวคิด ในเชิงตั้งรับ (Reactive) คือเป็นการดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือพัฒนาปรับปรุงโดยยึดบริบทของส่วน ราชการเป็นที่ตั้ง จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเชื่อมโยงแนวคิดการพัฒนาองค์การไปสู่การบูรณาการกับทิศทางการพัฒนา และยุทธศาสตร์ของประเทศ รวมทั้งการเร่งให้เกิดการปรับปรุงผ่านกลไกของการสร้างนวัตกรรมทั่วทั้งองค์การและ การปรับตัวให้เข้าสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดผล กล่าวคือ ใช้กลไกของเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐมา ปรับการดำเนินการจากแนวคิดแบบตั้งรับ ไปสู่การทำงานเชิงรุก (Proactive) และการสร้างนวัตกรรมสู่ประสิทธิผล และตอบสนองการพัฒนาประเทศ (Effective & Innovative) โดยแนวคิดการพัฒนาในทั้งสามระดับอาจอธิบาย เชื่อมโยงกับมิติต่าง ๆ ของระบบราชการ 4.0 ดังแสดงในตารางที่ 1 มิติ (Overall Concept) Basic (Reactive) Advance (Proactive) Significance (Effective & innovative) Collaboration Cooperation Integration Collective Solution Innovation Internal Process Service/ Output Policy/ Outcome Digitalization Usage/data base Collection of data & communication Citizen experience End to end process Integrated and connectedness Customer Service quality and customer satisfaction Proactive services CRM Personalized services Government lab Process Standardization Data-driven Improvement Integrated process Improvement Operational excellence People Rule-base Responsive Top-down Integrity Professional Tran-disciplinary Problem solvers Initiative Entrepreneurship Leadership Effective leadership Actively engaged Pay attention to details 21st century leadership Results Organization Sector/Area National/Impact ตารางที่ 1 มิติของการพัฒนาในแต่ระดับสู่ระบบราชการ 4.0 หมายเหตุ จาก “คู่มือการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นระบบราชการ 4.0 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565 (10),” โดย สำนักงาน ก.พ.ร., 2565. • ระดับพื้นฐาน เป็นการดำเนินงานในเชิงตั้งรับ (Reactive) คือ ปฏิบัติงานตามหน้าที่และระเบียบปฏิบัติ • ระดับก้าวหน้า เป็นการดำเนินงานในเชิงรุก (Proactive) คือ คิดและวิเคราะห์ก่อนที่จะปฏิบัติงาน และมีการคาดเดาเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นล่วงหน้า • ระดับเกิดผล (การพัฒนาต่อเนื่อง) เป็นการดำเนินการที่มีประสิทธิผลและมีนวัตกรรม (Effective & Innovative) คือ คิดเป็น คิดเก่ง คิดเชื่อมโยงและบูรณาการให้ได้ผลงานที่มีประสิทธิผลและเกิดนวัตกรรม โดยมีคำอธิบายมิติย่อย ดังต่อไปนี้
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 7 1) การให้ความร่วมมือ (Collaboration) มีการพัฒนาจากพื้นฐานการทำงานในเชิงให้ความร่วมมือ (Cooperation) ไปสู่การบูรณาการวางแผนการทำงานร่วมกัน (Integration) และต่อยอดไปสู่การทำงานในเชิง ร่วมกันคิด ร่วมกันทำงานให้ได้คำตอบที่ดี (Collective Solution) 2) นวัตกรรม (Innovation) จากนวัตกรรมของกระบวนการภายในหน่วยงาน (Internal Process Innovation) คือ การลดขั้นตอนการบริการให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ไปสู่นวัตกรรมของผลผลิตและการบริการ (Service Innovation) คือนวัตกรรมที่นำมาใช้ พัฒนา และสร้างคุณค่าในงานบริการภาครัฐ การปรับปรุงบริการหรือสร้าง บริการใหม่ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน ไปสู่นวัตกรรมเชิงนโยบาย (Policy/Outcome) เป็นการคิดริเริ่มนโยบาย กฎหมายและกฎระเบียบใหม่ๆ ให้ทันสมัย เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ 3) ความเป็นดิจิทัล (Digitalization) จากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการจัดเก็บข้อมูลและสามารถ สื่อสารได้ ฉับไว รวดเร็วขึ้น (Usage/ data base Collection of Data & Communication) ไปสู่ระบบดิจิทัลที่ ใช้ในการให้บริการแก่ผู้รับบริการ หรือ ประชาชน เกิดประสบการณ์ของผู้รับบริการที่เหนือความคาดหมาย ทำให้ ประชาชนประทับใจ หรือสามารถติดตามกระบวนการตั้งแต่ต้นจนถึงปลายได้รวดเร็ว ( Citizen Experience, End to End Process) เช่น ระบบเตือนไปยังผู้รับบริการล่วงหน้าโดยไม่ต้องใช้ระบบบัตรคิวหรือการนั่งรอ ไปสู่ระบบ ดิจิทัลที่บูรณาการทุกภาคส่วนและสามารถแบ่งปันข้อมูลกันได้ (Integrated and Connectedness) 4) ผู้รับบริการ (Customer) ระดับตั้งรับ คือการให้บริการที่มีคุณภาพเป็นที่พึงพอใจของผู้รับบริการ (Service Quality and Customer Satisfaction) ไปสู่การให้บริการในเชิงรุกและการแก้ไขข้อร้องเรียนอย่างมี ประสิทธิผล (Proactive Services, Compliant Resolution Management (CRM)) คือ มีการวางแผนรองรับ การบริการที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง มองเห็นปัญหา และมีกระบวนการในการแก้ไขข้อร้องเรียนอย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก และพัฒนามาสู่การให้บริการที่สามารถออกแบบตรงกับความต้องการของประชาชน (Personalized Services) หรือคิดร่วมกันเพื่อสร้างกลไกขึ้นมาใหม่ (Government Lab) 5) กระบวนการ (Process) ระดับตั้งรับในการจัดการกระบวนการ คือ การทำงานอย่างเป็นระบบได้ มาตรฐาน มีการจัดทำคู่มือมาตรฐานในการทำงาน และการบริการ (Standardization) มีการปรับปรุงงานตาม วงจร P-D-C-A ไปสู่เชิงรุกในการปรับปรุงกระบวนการโดยวิเคราะห์จากข้อมูลทั้งภายในและภายนอก (Data - driven Improvement) เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง ว่าปัญหาอยู่ตรงไหนและปรับปรุงอย่างเป็นระบบ กระตุ้น ให้เกิดการสร้างนวัตกรรม จนสามารถเทียบเคียง (Benchmark) กับกระบวนการทำงานขององค์การอื่น เพื่อใช้ ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เป็นเลิศ (Integrated Process Improvement Operational Excellence) 6) บุคลากร (People) ระดับตั้งรับ คือ บุคลากรที่ปฏิบัติตามระเบียบ ตอบสนองและทำงานตาม การสั่งการที่มาจากระดับบนสู่ระดับล่าง (Rule-base, Responsive, Top-down) การพัฒาไปสู่เชิงรุก คือ เป็น บุคลากรที่มีจิตสำนึก มีความเชี่ยวชาญ มีความคล่องตัว มีความสามารถหลากหลาย (Integrity, Professional, Tran-disciplinary) และเมื่อพัฒนาไปสู่ระดับเกิดผลคือเป็นบุคลากรที่แก้ปัญหาเป็น คิดริเริ่ม และมีความเป็น เจ้าของธุรกิจ (Problem Solvers, Initiative, Entrepreneurship)
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 8 7) ผู้นำ (Leadership) ระดับตั้งรับหรือพื้นฐานเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ นำเป็น คิดเป็น (Effective Leadership) พัฒนาก้าวหน้าเป็นผู้นำที่ทำงานแข็งขัน จริงจัง ใส่ใจในรายละเอียด (Actively Engaged, Pay Attention to Details) และพัฒนาไปสู่ผู้นำสำหรับศตวรรษที่ 21 (21st Century Leadership) 8) ผลลัพธ์ (Results) จากการบรรลุผลตามยุทธศาสตร์องค์การ (Organization) ไปสู่การบรรลุผล ตามยุทธศาสตร์พื้นที่ (Sector) จนไปสู่การบรรลุผลตามยุทธศาสตร์ชาติ (National Strategy) เพื่อปรับตัวรองรับ การเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น 1.2.2 เกณฑ์ในการประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0 PMQA 4.0 คือ เครื่องมือการประเมินระบบการบริหารของส่วนราชการในเชิงบูรณาการ เพื่อ เชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของส่วนราชการกับเป้าหมายและทิศทางการพัฒนาของประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น แนวทางให้หน่วยงานภาครัฐพัฒนาไปสู่ระบบราชการ 4.0 กรอบการประเมิน PMQA 4.0 มีทั้งหมด 7 หมวด (อิง ตามเกณฑ์PMQA ฉบับ พ.ศ. 2558) โดยหมวด 1 – 6 ซึ่งเป็นหมวดกระบวนการ จะมีประเด็นในการพิจารณา หมวดละ 4 ประเด็น หมวด 7 ซึ่งเป็นหมวดผลลัพธ์การดำเนินการมีประเด็นในการพิจารณา 6 ประเด็น รวมทั้งหมด 30 ประเด็นในการประเมิน แต่ละประเด็นจะมีระดับการประเมิน 3 ระดับ ได้แก่ • ระดับพื้นฐาน (Basic) มีผลประเมินเทียบเท่า 300 - 399 คะแนน • ระดับก้าวหน้า (Advance) มีผลประเมินเทียบเท่า 400 - 469 คะแนน • ระดับพัฒนาจนเกิดผล (Significance) มีผลประเมินเทียบเท่า 470 - 500 คะแนน ภาพที่ 2 ระดับของการพัฒนาสู่ระบบราชการ 4.0 หมายเหตุ จาก “คู่มือการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นระบบราชการ 4.0 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565 (13),” โดย สำนักงาน ก.พ.ร., 2565.
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 9 ในการประเมินโดยใช้เกณฑ์PMQA 4.0 มีแนวทางในการประเมินหมวดกระบวนการ (หมวด 1 – 6) และหมวดผลลัพธ์ (หมวด 7) ดังนี้ หมวด 1 - 6 มีการดำเนินการใน 3 ระดับ คือ ระดับ ระดับพื้นฐาน (Basic) ระดับก้าวหน้า (Advance) ระดับพัฒนาจนเกิดผล (Significance) คะแนน 300 - 399 400 - 469 470 - 500 คำอธิบาย มีแนวทางของการดำเนินการ ที่เป็นระบบและถ่ายทอด อย่างมีประสิทธิผล (Approach and Deployment หรือ A&D) แนวทางในการดำเนินการมี ความสอดคล้องกับ เป้าประสงค์ขององค์การและ ของระดับประเทศ (Alignment) แนวทางในการดำเนินการมี การบูรณาการกับส่วนงาน ภายในและสนับสนุนการ เกิดผลสู่ประชาชนและภาค ส่วนต่าง ๆ (Integration) ตารางที่ 2 แนวทางในการประเมินหมวดกระบวนการ (หมวด 1 – 6) หมายเหตุ จาก “คู่มือการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นระบบราชการ 4.0 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565 (14),” โดย สำนักงาน ก.พ.ร., 2565. หมวด 7 มีผลการดำเนินการ 3 ระดับ คือ ระดับ ระดับพื้นฐาน (Basic) ระดับก้าวหน้า (Advance) ระดับพัฒนาจนเกิดผล (Significance) คะแนน 300 - 399 400 - 469 470 - 500 คำอธิบาย มีการระบุตัววัดที่หัวข้อที่ระบุ ไว้และมีการตั้งเป้าหมายที่มี ความท้าทาย ตัววัดมี ความสัมพันธ์ในเชิงเหตุผลกับ กระบวนการ เพื่อปรับปรุงให้ ดีขึ้น โดยมีการบรรลุ เป้าหมายที่ตั้งไว้หลายตัว (Level and Early Trend) ตัววัดได้รับการปรับปรุงและมี ผลลัพธ์ดีกว่าค่าเป้าหมาย หลายตัว (Focus Improvement) ตัววัดได้รับการปรับปรุง จนมี ผลลัพธ์ดีกว่าค่าเป้าหมาย เกือบทุกตัว อันเป็นผลมาจาก ความพยายามในการปรับปรุง ทุกส่วนงาน (Integration) ตารางที่ 3 แนวทางในการประเมินหมวดผลลัพธ์ (หมวด 7) หมายเหตุ จาก “คู่มือการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นระบบราชการ 4.0 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565 (14),” โดย สำนักงาน ก.พ.ร., 2565. หมวด 1 การนำองค์การ เป้าหมาย : เพื่อให้ระบบการนำองค์การของส่วนราชการมุ่งเน้นสัมฤทธิผลและสร้าง ความยั่งยืนให้กับองค์การ โดยส่วนราชการกำหนดวิสัยทัศน์และแผนยุทธศาสตร์ที่นำไปสู่การบรรลุพันธกิจและ สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติกำหนดนโยบายในการกำกับดูแลที่มีประสิทธิผลในเรื่องการป้องกันทุจริตและการสร้าง ความโปร่งใส สร้างสภาพแวดล้อมภายในที่มุ่งเน้นการบรรลุผลสัมฤทธิ์ของส่วนราชการ ส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรม และการแก้ไขปัญหาร่วมกับเครือข่าย ติดตามประเมินผลการดำเนินการของส่วนราชการและผลกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างต่อเนื่องและทันการณ์ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและมุ่งเน้นให้เกิดผลลัพธ์ที่ นำไปสู่การพัฒนาประเทศตามทิศทางยุทธศาสตร์
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 10 ภาพที่ 3 หมวด 1 การนำองค์การ หมายเหตุ จาก “คู่มือการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นระบบราชการ 4.0 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565 (15),” โดย สำนักงาน ก.พ.ร., 2565. หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ เป้าหมาย : เพื่อให้ส่วนราชการมีกระบวนการวางแผนยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิผล รองรับ การขับเคลื่อนสู่องค์การดิจิทัล และเพิ่มขีดความสามารถขององค์การ และรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี กำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่สอดคล้องกับพันธกิจของส่วนราชการและเชื่อมโยงกับ ยุทธศาสตร์ชาติ มีแผนงานที่ขับเคลื่อนลงไปทุกภาคส่วนมีการติดตามผลของการบรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ และการรายงานผลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ภาพที่ 4 หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ หมายเหตุ จาก “คู่มือการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นระบบราชการ 4.0 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565 (25),” โดย สำนักงาน ก.พ.ร., 2565.
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 11 หมวด 3 การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เป้าหมาย : เพื่อให้ส่วนราชการพัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศด้านการบริการประชาชน ที่ทันสมัยรวดเร็วและเข้าถึงในทุกระดับ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการสร้างนวัตกรรมการบริการที่สร้างความ แตกต่างและตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่ม และความต้องการเฉพาะบุคคลซึ่งสามารถออกแบบได้ (Personalized Service) โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบสนองการแก้ไขปัญหา วิเคราะห์ สร้างนวัตกรรม ความพึงพอใจ และความผูกพันของประชาชนผู้รับบริการกับหน่วยงาน วางแผนเชิงรุกในการตอบสนองความต้องการและความ คาดหวังของกลุ่มผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งปัจจุบันและอนาคต มีกระบวนการแก้ไขข้อร้องเรียนที่ รวดเร็ว และสร้างสรรค์โดยปฏิบัติงานบนพื้นฐานของข้อมูลความต้องการของประชาชน ส่งผลต่อความพึงพอใจ สร้างความร่วมมือของกลุ่มผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภาพที่ 5 หมวด 3 การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หมายเหตุ จาก “คู่มือการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นระบบราชการ 4.0 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565 (36),” โดย สำนักงาน ก.พ.ร., 2565. หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ เป้าหมาย : เพื่อให้ส่วนราชการมีการใช้ข้อมูลและสารสนเทศ มากำหนดตัววัดที่สามารถใช้ ติดตามงานทั้งในระดับปฏิบัติการ และระดับยุทธศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิผลทั่วทั้งองค์การ รวมทั้งการสื่อสารและ เปิดเผยข้อมูลสู่ผู้ใช้งานทั้งภายในและภายนอก วิเคราะห์ผลจากข้อมูลและตัววัด เพื่อการแก้ปัญหาและตอบสนอง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันเวลา และเชิงรุก มีการใช้ความรู้ และสติปัญญาในการแก้ปัญหา เรียนรู้และมีเหตุผลใน เชิงจริยธรรม มีการบริหารจัดการข้อมูล สารสนเทศ และระบบการทำงานที่ปรับเป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ มี ประสิทธิภาพ และใช้งานได้
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 12 ภาพที่ 6 หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ หมายเหตุ จาก “คู่มือการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นระบบราชการ 4.0 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565 (46),” โดย สำนักงาน ก.พ.ร., 2565. หมวด 5 การมุ่งเน้นบุคลากร เป้าหมาย : เพื่อให้ส่วนราชการมีนโยบายและระบบการบริหารจัดการด้านบุคลากรที่มี ประสิทธิภาพ ตอบสนองยุทธศาสตร์ และสร้างแรงจูงใจ มีความคล่องตัวและมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ มีการสร้าง วัฒนธรรมการทำงานที่ดี ก่อเกิดความร่วมมือ มีระบบการพัฒนาบุคลากร ให้ก้าวทันเทคโนโลยี มีทักษะในการแก้ไข ปัญหา มีความรอบรู้และมีจริยธรรม เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงภาระหน้าที่และลักษณะงาน มีความคิดริเริ่มที่จะ นำไปสู่การสร้างนวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการสาธารณะ เพื่อให้เกิดการทำงานที่มีสมรรถนะสูง โดยเน้น การบริการที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ภาพที่ 7 หมวด 5 การมุ่งเน้นบุคลากร หมายเหตุ จาก “คู่มือการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นระบบราชการ 4.0 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565 (57),” โดย สำนักงาน ก.พ.ร., 2565.
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 13 หมวด 6 การมุ่งเน้นระบบปฏิบัติการ เป้าหมาย : เพื่อให้ส่วนราชการมีการบริหารจัดการกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ เกิด ประสิทธิผล เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นจนจบ และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการ มีการสร้างนวัตกรรมในการปรับปรุงผลผลิต กระบวนการ และการบริการ มีการลดต้นทุนและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้มีขีดสมรรถนะสูงขึ้น บูรณาการกระบวนการเพื่อสร้างคุณค่าในการให้บริการแก่ประชาชนและเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขัน ภาพที่ 8 หมวด 6 การมุ่งเน้นระบบปฏิบัติการ หมายเหตุ จาก “คู่มือการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นระบบราชการ 4.0 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565 (68),” โดย สำนักงาน ก.พ.ร., 2565. หมวด 7 ผลลัพธ์การดำเนินการ เป้าหมาย : เพื่อให้ส่วนราชการกำหนดตัววัดที่สำคัญซึ่งสอดคล้องการปฏิบัติการในหมวด กระบวนการทั้ง 6 หมวด สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการกระบวนการ การแก้ไขปัญหา และการพัฒนา มีการตั้งเป้าหมายที่มีความท้าทาย มีการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในเชิงเหตุผลกับกระบวนการเพื่อค้นหาหนทางสร้าง นวัตกรรมในการแก้ไขปัญหา ปรับปรุงองค์การทั้งในระดับปฏิบัติการ และในระดับองค์การ ที่ส่งผลให้ผลลัพธ์มี โอกาสบรรลุเป้าหมายดีขึ้น และสะท้อนความสำเร็จของการเป็นระบบราชการ 4.0
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 14 ภาพที่ 9 หมวด 7 ผลลัพธ์การดำเนินการ หมายเหตุ จาก “คู่มือการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นระบบราชการ 4.0 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565 (78),” โดย สำนักงาน ก.พ.ร., 2565. 1.3 ผลการประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0 ของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ จากการดำเนินการสมัครรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2565 สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับผลการประเมินสถานะในการเป็น ระบบราชการ 4.0 ในรอบที่ 1 ดังแสดงในตารางที่ 4 เมื่อพิจารณาผลการประเมินสถานะในกาเป็นระบบราชการ 4.0 ของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในระยะ 4 ปี ที่ผ่านมา พบว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังแสดงในแผนภูมิ ที่ 1 ข้างต้น ระดับสถานะ (รอบที่ 1) ปี 2562 3.36 ปี 2563 3.37 ปี 2564 3.52 ปี 2565 3.63 ตารางที่ 4 ผลการประเมินสถานะในการเป็นระบบราชการ 4.0 ในรอบที่ 1 ของ สป.พม. แผนภูมิที่ 1 แนวโน้มผลการประเมินสถานะในการเป็นระบบ ราชการ 4.0 ของ สป.พม. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2565
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 15 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลการประเมินสถานะในการเป็นระบบราชการ 4.0 ในระยะ 4 ปี ที่ผ่านมาจะมี แนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่คะแนนรวมเฉลี่ยในการประเมินยังคงอยู่ในระดับพื้นฐาน (Basic) ดังแสดงใน แผนภูมิที่ 2 แผนภูมิที่ 2 คะแนนรวมเฉลี่ยในการประเมินสถานะในการเป็นระบบราชการ 4.0 ของ สป.พม. ในระยะ 4 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2565) หมายเหตุ คะแนนรวมเฉลี่ยในการประเมินสถานะในการเป็นระบบราชการ 4.0 ของ สป.พม. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 รอบที่ 2 ยังไม่ได้รับการแจ้ง คะแนนจากสำนักงาน ก.พ.ร. (ข้อมูล ณ 27 ตุลาคม 2565) สำหรับผลคะแนนในการประเมินสถานะในการเป็นระบบราชการ 4.0 รายหมวด ของสำนักงานปลัด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2565 มีรายละเอียดดังนี้ หมวด 1 การนำองค์กร คะแนนรวมเฉลี่ยหมวด 1 การนำองค์กร (รอบที่ 1) ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 455.16 คะแนน และ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เป็นต้นมา ผลคะแนนรวม เฉลี่ยหมวด 1 มีแนวโน้มสูงขึ้น ดังแสดงในแผนภูมิที่ 3 แม้แนวโน้มของคะแนนจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ เมื่อพิจารณาผลการประเมินในหมวดย่อยทั้ง 4 ภายใต้ หมวด 1 พบว่า • หมวดย่อย 1.1 ระบบการนำองค์การของส่วน ราชการได้สร้างองค์การที่ยั่งยืน มีผลการประเมินใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยลดลงจาก ระดับ 5 เหลือ 4.4 ซึ่งเป็นประเด็นโอกาสในการพัฒนาสำหรับ สป.พม. แผนภูมิที่ 3 คะแนนรวมเฉลี่ย (รอบที่1) หมวด 1 ของสป.พม. ในระยะ 4 ปี(พ.ศ. 2562 – 2565)
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 16 • หมวดย่อย 1.2 การป้องกันทุจริตและสร้างความโปร่งใส มีผลการประเมินดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เป็นต้นมา โดยที่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 อยู่ระดับ 5 • หมวดย่อย 1.3 การมุ่งเน้นการบรรลุผลสัมฤทธิ์ของส่วนราชการผ่านการสร้างการมีส่วนร่วมของ บุคลากรภายในและภายนอก มีผลการประเมินอยู่ในระดับ 5 มาอย่างต่อเนื่อง • หมวดย่อย 1.4 การคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและการมุ่งเน้นให้เกิดผลลัพธ์ที่นำไปสู่การพัฒนา ประเทศตามทิศทางยุทธศาสตร์ มีผลการประเมินดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เป็นต้นมา โดยที่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 อยู่ระดับ 5 รายละเอียดดังแสดงในแผนภูมิที่ 4 แผนภูมิที่ 4 ผลการประเมินหมวดย่อยภายใต้หมวด 1 การนำองค์กร (1.1 – 1.4) ของสป.พม. ในระยะ 4 ปี(ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2565)
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 17 หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ คะแนนรวมเฉลี่ยหมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ (รอบที่ 1) ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 458.34 คะแนน โดยใน 3 ปีแรก (พ.ศ. 2562 - 2564) คะแนนมี แนวโน้มลดลงอย่างเนื่อง จาก 500 คะแนน เหลือ 380.21 คะแนน แต่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สป.พม. สามารถทำผล คะแนนรวมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เป็น 484.38 คะแนน ดังแสดงใน แผนภูมิที่ 5 สำหรับผลการประเมินในหมวดย่อยทั้ง 4 ภายใต้ หมวด 2 พบว่า • หมวดย่อย 2.1 กระบวนการวางแผนยุทธศาสตร์ที่ตอบสนองความท้าทาย สร้างนวัตกรรม เพื่อ สร้างการเปลี่ยนแปลงและมุ่งเน้นประโยชน์สุขของประชาชน มีผลการประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยเพิ่มขึ้นจาก ระดับ 4.4 เป็น 5 • หมวดย่อย 2.2 การกำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ที่สอดคล้องกับ พันธกิจของส่วนราชการและเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติมีผลการประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพิ่มขึ้นเมื่อ เปรียบเทียบกับปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยเพิ่มขึ้นจาก ระดับ 3.8 เป็น 4.4 ซึ่งเป็นประเด็นโอกาสในการพัฒนา สำหรับ สป.พม. • หมวดย่อย 2.3 แผนปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของส่วนราชการลงไปทุกภาคส่วนโดยผ่าน เครือข่ายทั้งภายในและภายนอก มีผลการประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยเพิ่มขึ้นจาก ระดับ 4.2 เป็น 5 • หมวดย่อย 2.4 การติดตามผลของการบรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ การแก้ไขปัญหา และ การรายงานผลอย่างมีประสิทธิผล มีผลการประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยเพิ่มขึ้นจาก ระดับ 2.9 เป็น 5 รายละเอียดดังแสดงในแผนภูมิที่ 6 แผนภูมิที่ 5 คะแนนรวมเฉลี่ย (รอบที่1) หมวด 2 ของสป.พม. ในระยะ 4 ปี(พ.ศ. 2562 – 2565)
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 18 แผนภูมิที่ 6 ผลการประเมินหมวดย่อยภายใต้หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์(2.1 – 2.4) ของ สป.พม. ในระยะ 4 ปี(ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2565) หมวด 3 การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย คะแนนรวมเฉลี่ยหมวด 3 การให้ความสำคัญกับผู้รับ บริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (รอบที่ 1) ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 452.08 คะแนน โดยในแต่ละปีมีการเปลี่ยนแปลง ในลักษณะที่ไม่บ่งบอกถึงแนวโน้มที่ชัดเจน สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 มีผลคะแนนรวมเฉลี่ยลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จาก 484.38 เหลือ 421.88 คะแนน ดังแสดงในแผนภูมิที่ 7 สำหรับผลการประเมินในหมวดย่อยทั้ง 4 ภายใต้หมวด 3 พบว่า • หมวดย่อย 3.1 ระบบข้อมูลและสารสนเทศด้านการบริการประชาชนที่ทันสมัย รวดเร็ว และ เข้าถึงในทุกระดับ มีผลการประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 อยู่ในระดับ 5 • หมวดย่อย 3.2 การประเมินผลความพึงพอใจ ความผูกพันของกลุ่มผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย เพื่อนำมาใช้ประโยชน์มีผลการประเมินใน 3 ปีแรก (พ.ศ. 2562 – 2564) อยู่ในระดับ 5 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ผลการประเมินลดลงมาอยู่ในระดับ 3.3 ซึ่งเป็นประเด็นโอกาสในการพัฒนา สำหรับ สป.พม. แผนภูมิที่ 7 คะแนนรวมเฉลี่ย (รอบที่1) หมวด 3 ของสป.พม. ในระยะ 4 ปี(พ.ศ. 2562 – 2565)
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 19 • หมวดย่อย 3.3 การสร้างนวัตกรรมการบริการที่สร้างความแตกต่าง และตอบสนองความต้องการ เฉพาะกลุ่มและต่างความต้องการ มีผลการประเมินใน 3 ปีแรก (พ.ศ. 2562 – 2564) อยู่ในระดับ 5 มาอย่าง ต่อเนื่อง แต่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ผลการประเมินลดลงมาอยู่ในระดับ 4.2 ซึ่งเป็นประเด็นโอกาสในการ พัฒนาสำหรับ สป.พม. • หมวดย่อย 3.4 กระบวนการแก้ไขข้อร้องเรียนที่รวดเร็วและสร้างสรรค์ เพื่อตอบสนองได้ทัน ความต้องการ มีผลการประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 อยู่ในระดับ 4.4 และเป็นที่น่าสังเกตว่า ผล การประเมินหมวดย่อย 3.4 นี้ สป.พม. ยังไม่เคยได้รับการประเมินอยู่ในระดับ 5 มาก่อน จึงเป็นประเด็นโอกาสใน การพัฒนาสำหรับ สป.พม. รายละเอียดดังแสดงในแผนภูมิที่ 8 แผนภูมิที่ 8 ผลการประเมินหมวดย่อยภายใต้หมวด หมวด 3 การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (3.1 – 3.4) ของ สป.พม. ในระยะ 4 ปี(ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2565)
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 20 หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ คะแนนรวมเฉลี่ยหมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการ จัดการความรู้(รอบที่ 1) ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 458.85 คะแนน โดยใน 3 ปีแรก (พ.ศ. 2562 – 2564) ผลคะแนนมี แนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึง 482.64 คะแนน แต่ในปี งบประมาณ พ.ศ. 2565 ผลคะแนนลดลงมาเหลือ 444.44 คะแนน ดังแสดงในแผนภูมิที่ 9 สำหรับผลการประเมินในหมวดย่อยทั้ง 4 ภายใต้หมวด 4 พบว่า • หมวดย่อย 4.1 การใช้ข้อมูลและสารสนเทศมากำหนดตัววัดที่สามารถใช้ติดตามงานทั้งในระดับ ปฏิบัติการและระดับยุทธศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิผล รวมทั้งการสื่อสารสู่ผู้ใช้งานทั้งภายในและภายนอก มีผล การประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 อยู่ในระดับ 5 มาอย่างต่อเนื่อง • หมวดย่อย 4.2 การวิเคราะห์ผลจากข้อมูล และตัววัดเพื่อการแก้ปัญหาและตอบสนองได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ทันเวลา และเชิงรุก มีผลการประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 อยู่ในระดับ 5 แต่ใน 3 ปีต่อมา (พ.ศ. 2563 – 2565) ผลการประเมินลดลงและเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่ไม่บ่งบอกถึงแนวโน้มที่ชัดเจน โดย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ลดลงมาอยู่ในระดับ 3.3 ซึ่งเป็นประเด็นโอกาสในการพัฒนาสำหรับ สป.พม. • หมวดย่อย 4.3 การใช้ความรู้และสติปัญญาในการแก้ปัญหา เรียนรู้และมีเหตุผล มีผลการประเมิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2565 อยู่ในระดับ 5 มาอย่างต่อเนื่อง • หมวดย่อย 4.4 การบริหารจัดการข้อมูล สารสนเทศ และระบบการทำงานที่ปรับเป็นดิจิทัลเต็ม รูปแบบ มีประสิทธิภาพและใช้งานได้มีผลการประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2563 อยู่ในระดับ 5 แต่ใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 เป็นที่น่าสังเกตว่า ผลการประเมินหมวดย่อย 4.4 นี้ ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนมา อยู่ในระดับ 4.4 จึงเป็นประเด็นโอกาสในการพัฒนาสำหรับ สป.พม. รายละเอียดดังแสดงในแผนภูมิที่ 10 แผนภูมิที่ 9 คะแนนรวมเฉลี่ย (รอบที่1) หมวด 4 ของสป.พม. ในระยะ 4 ปี(พ.ศ. 2562 – 2565)
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 21 แผนภูมิที่ 10 ผลการประเมินหมวดย่อยภายใต้หมวด หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้(4.1 – 4.4) ของ สป.พม. ในระยะ 4 ปี(ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2565) หมวด 5 การมุ่งเน้นบุคลากร คะแนนรวมเฉลี่ยหมวด 5 การมุ่งเน้นบุคลากร (รอบที่ 1) ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 426.04 คะแนน โดยใน 3 ปี แรก (พ.ศ. 2562 – 2564) ผลคะแนนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเหลือ 380.21 คะแนน แต่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ผล คะแนนเพิ่มขึ้นมาเป็น 421.88 คะแนน ดังแสดงในแผนภูมิที่ 11 สำหรับผลการประเมินในหมวดย่อยทั้ง 4 ภายใต้หมวด 5 พบว่า • หมวดย่อย 5.1 นโยบายและระบบการจัดการด้านบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ ตอบสนองยุทธศาสตร์ และสร้างแรงจูงใจ มีแนวโน้มผลการประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 - 2564 ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากระดับ 5 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.4 แต่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ระดับผลการประเมินเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับ 5 • หมวดย่อย 5.2 ระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ คล่องตัว และมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์มีผลการประเมิน ที่เปลี่ยนแปลงตลอดในระยะ 4 ปีและไม่มีลักษณะที่เป็นแนวโน้ม โดยมีผลการประเมินในปี พ.ศ. 2562 - 2565 อยู่ ในระดับ 4 ระดับ 5 ระดับ 3.5 และระดับ 4.6 ตามลำดับ ซึ่งผลการประเมินใน 2 ปีล่าสุดนี้ สป.พม. ยังไม่สามารถ ยกระดับไปถึงระดับ 5 ได้ จึงเป็นประเด็นโอกาสในการพัฒนา แผนภูมิที่ 11 คะแนนรวมเฉลี่ย (รอบที่1) หมวด 5 ของสป.พม. ในระยะ 4 ปี(พ.ศ. 2562 – 2565)
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 22 • หมวดย่อย 5.3 การสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดีมีประสิทธิภาพ และความร่วมมือ มีแนวโน้มผล การประเมินในระยะ 4 ปี ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดจากระดับ 5 ในปี พ.ศ. 2562 ลงมาอยู่ที่ระดับ 2.9 ในปี พ.ศ. 2565 แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการพัฒนาที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนของ สป.พม. • หมวดย่อย 5.4 ระบบการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ ก้าวทันเทคโนโลยี แก้ไข ปัญหา สร้างความรอบรู้ และความมีจริยธรรม มีแนวโน้มผลการประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2565 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้แนวโน้มผลการประเมินจะเพิ่มขึ้น แต่ในระยะ 3 ปีที่ ผ่านมา สป.พม. ยังไม่สามารถยกระดับผลการประเมินไปถึงระดับ 5 ได้ จึงเป็นประเด็นโอกาสในการพัฒนา รายละเอียดดังแสดงในแผนภูมิที่ 12 แผนภูมิที่ 12 ผลการประเมินหมวดย่อยภายใต้หมวด หมวด 5 การมุ่งเน้นบุคลากร (5.1 – 5.4) ของ สป.พม. ในระยะ 4 ปี(ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2565) หมวด 6 การมุ่งเน้นระบบปฏิบัติการ คะแนนรวมเฉลี่ยหมวด 6 การมุ่งเน้นระบบปฏิบัติการ (รอบที่ 1) ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 432.38 คะแนน โดยผลคะแนนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 387.50 คะแนน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เป็น 468.75 คะแนน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ดังแสดงในแผนภูมิที่ 13 สำหรับผลการประเมินในหมวดย่อยทั้ง 4 ภายใต้หมวด 6 พบว่า แผนภูมิที่ 13 คะแนนรวมเฉลี่ย (รอบที่1) หมวด 6 ของสป.พม. ในระยะ 4 ปี(พ.ศ. 2562 – 2565)
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 23 • หมวดย่อย 6.1 กระบวนการทำงานที่เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เพื่อนำสู่ผลลัพธ์ที่ ต้องการ มีผลการประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 อยู่ในระดับ 5 • หมวดย่อย 6.2 การสร้างนวัตกรรมในการปรับปรุงผลผลิต กระบวนการ และการบริการ มีผล การประเมินใน 3 ปีแรก (พ.ศ. 2562 – 2564) อยู่ในระดับ 4 ระดับ 4.6 และ 4.2 ตามลำดับ แต่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สป.พม. สามารถยกระดับผลการประเมินได้ถึงระดับ 5 • หมวดย่อย 6.3 การลดต้นทุนและการใช้ทรัพยากรเพื่อสร้างความมีประสิทธิภาพ และ ความสามารถในการแข่งขัน มีผลการประเมินในระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563 – 2565) อยู่ในระดับ 4.1 ระดับ 4.6 และ 4.4 ตามลำดับ และเป็นที่น่าสังเกตว่า ผลการประเมินของ สป.พม. ใน 4 ปีที่ผ่านมา ยังไม่สามารถยกระดับไปถึง ระดับ 5 ได้ในหมวดย่อยนี้ จึงเป็นประเด็นโอกาสในการพัฒนา • หมวดย่อย 6.4 การมุ่งเน้นประสิทธิผลทั่วทั้งองค์การ และผลกระทบต่อยุทธศาสตร์ชาติและ ผลลัพธ์มีแนวโน้มผลการประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 - 2565 ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากระดับ 5 ใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ลงมาอยู่ในระดับ 4.4 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จึงเป็นประเด็นโอกาสในการพัฒนา ที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนสำหรับ สป.พม. รายละเอียดดังแสดงในแผนภูมิที่ 14 แผนภูมิที่ 14 ผลการประเมินหมวดย่อยภายใต้หมวด หมวด 6 การมุ่งเน้นระบบปฏิบัติการ (6.1 – 6.4) ของ สป.พม. ในระยะ 4 ปี(ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2565)
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 24 หมวด 7 ผลลัพธ์การดำเนินการ (ตัววัด) คะแนนรวมเฉลี่ยหมวด 7 ผลลัพธ์การดำเนินการ (ตัววัด) (รอบที่ 1) ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 355คะแนน โดยใน 3 ปีแรก (พ.ศ. 2562 – 2564) ผลคะแนนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง จนถึง 453.33 คะแนน แต่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ผลคะแนนลดลงมาเหลือ 450 คะแนน ดังแสดงในแผนภูมิที่ 15 สำหรับผลการประเมินในหมวดย่อยทั้ง 4 ภายใต้หมวด 7 พบว่า • หมวดย่อย 7.1 การบรรลุผลลัพธ์ของตัวชี้วัดตามพันธกิจ : ผลลัพธ์บรรลุเป้าหมายที่กำหนดมา อย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2565 • หมวดย่อย 7.2 การบรรลุผลลัพธ์ตามตัวชี้วัดด้านผู้รับบริการ และประชาชน : ผลลัพธ์บรรลุ เป้าหมายที่กำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 • หมวดย่อย 7.3 การบรรลุผลลัพธ์ตามตัวชี้วัดด้านการพัฒนาบุคลากรและเครือข่าย : ในปี งบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 ผลลัพธ์ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดได้ทั้งหมด จึงเป็นประเด็นโอกาสใน การพัฒนาสำหรับ สป.พม. • หมวดย่อย 7.4 การบรรลุผลลัพธ์ตามตัวชี้วัดด้านการเป็นต้นแบบ : ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ผลลัพธ์ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดได้ทั้งหมด จึงเป็นประเด็นโอกาสในการพัฒนาสำหรับ สป.พม. • หมวดย่อย 7.5 การบรรลุผลลัพธ์ตามตัวชี้วัดด้านผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข และ สิ่งแวดล้อม : ในหมวดย่อย 7.5 นี้ ผลลัพธ์ในการดำเนินงานของ สป.พม. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 - 2565 ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดได้ทั้งหมด จึงเป็นประเด็นโอกาสในการพัฒนาเร่งด่วน สป.พม. • หมวดย่อย 7.6 การบรรลุผลลัพธ์ตามตัวชี้วัดด้านการลดต้นทุน การสร้างนวัตกรรม และการจัดการ กระบวนการ : ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ผลลัพธ์ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดได้ทั้งหมด จึงเป็น ประเด็นโอกาสในการพัฒนาสำหรับ สป.พม. รายละเอียดดังแสดงในแผนภูมิที่ 16 แผนภูมิที่ 15 คะแนนรวมเฉลี่ย (รอบที่1) หมวด 7 ของสป.พม. ในระยะ 4 ปี(พ.ศ. 2562 – 2565)
แผนพัฒนาองค์การ สป.พม. ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566 – 2568) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สป.พม. 25 แผนภูมิที่ 16 ผลการประเมินหมวดย่อยภายใต้หมวด หมวด 7 ผลลัพธ์การดำเนินการ (ตัววัด) (7.1 – 7.6) ของ สป.พม. ในระยะ 4 ปี(ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2565) 1.3.1 ข้อสังเกตจากผู้ตรวจประเมินรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 ในการดำเนินการสมัครรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 นอกจากจะได้รับทราบผล การประเมินสถานะในการเป็นระบบราชการ 4.0 แล้ว หน่วยงานที่สมัครรางวัลยังได้รับข้อสังเกต (Feedback) ใน แต่ละหมวด จากผู้ตรวจประเมินรางวัลฯ อีกด้วย โดยมีรายละเอียดข้อสังเกตตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2564 ดังนี้ หมายเหตุ : ข้อสังเกตจากผู้ตรวจประเมินรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ยังไม่ได้รับ การแจ้งจากสำนักงาน ก.พ.ร.
ตารางที่ 5 ข้อสังเกตจากผู้ตรวจประเมินรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 ส หมวด ปีประเมิน จุดแข็ง/จุดเด่น 1. การนำองค์การ 1.1 ระบบการนำ องค์การของส่วน ราชการได้สร้าง องค์การที่ยั่งยืน 2562 2563 2564 1.2 การป้องกัน ทุจริตและสร้าง ความโปร่งใส 2562 2563 2564 1.3 การมุ่งเน้นการ บรรลุผลสัมฤทธิ์ ของส่วนราชการ ผ่านการสร้างการมี ส่วนร่วมของ 2562 กรมฯ มีนวัตกรรมจากการทำงานร่วมกันของเครือข่าย นวัตกรรมเชิง นโยบาย เช่น แผนบูรณาการปฏิบัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยก ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ นวัตกรรมการให้บริการ เช่น ศูนย์ประสานงาน ชายแดนเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ระบบรับแจ้งเหตุช่วยเหลือคนไทยใน ต่างประเทศและการค้ามนุษย์ ผ่าน SMS และ โทรศัพท์เลขหมายเดียวทั่ว นวัตกรรมเชิงกระบวนการ เช่น One Home
26 สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปี 2562 – 2564) โอกาสในการพัฒนา ควรมีการแปลงวิสัยทัศน์เป็นตัววัด (Vision Clarification) เชิงคุณภาพ ระดับผลลัพธ์ (Outcome) และ ผลกระทบ (Impact) และถ่ายทอดเป้าหมายและตัวชี้วัดไปยังทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยอาจจะมีการ สื่อสารแบบสองทิศทาง หรือการมอบหมายภารกิจและความรับผิดชอบ ผู้บริหารได้สร้างความยั่งยืนโดยการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ตอบสนองต่อพันธกิจและภาระหน้าที่ มีแผนบูรณา การระดับประเทศ ได้แก่ แผนงานบูรณาการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ แผนงานบูรณา การวิจัยและนวัตกรรม แผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ แผนงานบูรณา การป้องกันปราบปราม การทุจริตและประพฤติมิชอบ อย่างไรก็ดี ควรแสดงให้ชัดเจนถึงการสร้างนวัตกรรม และวัฒนธรรมในการมุ่งประโยชน์สุขประชาชน และผลการดำเนินงานที่สะท้อนให้เห็นถึงการบรรลุ วิสัยทัศน์ โดยอาจจะแปลงวิสัยทัศน์เป็นตัววัดเชิงคุณภาพและผลกระทบ เพื่อวัดผลการบรรลุตามวิสัยทัศน์ ว่าสามารถส่งผลต่อการบรรลุยุทธศาสตร์ชาติและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ควรแสดงการวิเคราะห์ข้อมูล ของการเปลี่ยนแปลงปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง ทางด้านสังคมเทคโนโลยี และ ประชากรตลอดจนความต้องการและความคาดหวังภาคประชาชน เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่สร้าง นวัตกรรมการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ควรมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านธรรมาภิบาล ความเสี่ยงด้านกระบวนการทำงานในทุกด้านที่จะก่อให้เกิด การทุจริตคอรัปชัน และกำหนดมาตรการแนวทางป้องกัน รวมทั้งการกำหนดตัวชี้วัดในการกำกับติดตาม ผู้บริหารกำหนดนโยบายและสร้างวัฒนธรรมด้านป้องกันทุจริตและสร้างความโปร่งใส อย่างไรก็ดี ควรแสดง ให้ชัดเจนถึงการประเมินประสิทธิผลและตัววัดการป้องกันทุจริตและการสร้างความโปร่งใสเพื่อนำไปพัฒนา และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจนเป็นต้นแบบและได้รับรางวัลด้านความโปร่งใสทั้งในประเทศและต่างประเทศ ควรกำหนดเป้าหมายการดำเนินงาน รวมทั้งผลการประเมิน ITAเพื่อการเป็นต้นแบบระดับประเทศ ด้าน ความโปร่งใส และการป้องกันปราบปรามทุจริตในภาครัฐ น ว ควรแสดงให้เห็นถึงการวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหา ที่ซับซ้อน รวมทั้งการตั้งเป้าหมายที่ท้าทายเพื่อรองรับการ เปลี่ยนแปลง และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จนก่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมผ่าน กระบวนการทำงานร่วมกับเครือข่าย
หมวด ปีประเมิน จุดแข็ง/จุดเด่น บุคลากรภายในและ ภายนอก 2563 ดำเนินงานผ่านการมีส่วนร่วมจากเครือข่ายทั้งภายในและภายนอก ได้แก่ 1) เครือข่ายงานด้านต่างประเทศ โดยเป็นประธานด้านสังคมและ วัฒนธรรมอาเซียนดำเนินงานร่วมกับผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ สร้าง นวัตกรรม เช่น ออกแบบระบบติดตามแผนงานต่างประเทศและประชา สังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 2) เครือข่ายระดับกลุ่มจังหวัด สร้าง นวัตกรรม เช่น โครงการศูนย์บริการวิชาการด้านการพัฒนาสังคมและจัด สวัสดิการสังคมในระดับพื้นที่กลุ่มจังหวัด 3) เครือข่ายที่เข้ามามีส่วนร่วมใน กระบวนการตรวจราชการ คัดสรรบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในพื้นที่ จังหวัด มามีส่วนร่วมในการตรวจราชการ พัฒนานวัตกรรมให้การให้บริกา คือ mobile Application Protect-U รองรับ 4 ภาษา มีนวัตกรรมเชิง นโยบายที่สำคัญ เช่น ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ แผน บูรณาการปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกผู้เสียหายจาก การค้ามนุษย์ 1.4 การคำนึงถึง ผลกระทบต่อสังคม และการมุ่งเน้นให้ เกิดผลลัพธ์ที่นำไปสู่ การพัฒนาประเทศ ตามทิศทาง ยุทธศาสตร์ 2562 2563 2. การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ 2.1 กระบวนการ วางแผนยุทธศาสตร์ ที่ตอบสนองความ ท้าทาย สร้าง นวัตกรรม เพื่อสร้าง การเปลี่ยนแปลง 2562 มีกระบวนการวางแผนยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิผลสอดคล้องกับพันธกิจ ของส่วนราชการและเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ 2563
27 โอกาสในการพัฒนา ง น าร มีกลไกที่เอื้อให้เกิดการทำงานร่วมกับเครือข่ายและพัฒนานวัตกรรมการให้บริการที่ทำงานร่วมกับเครือข่าย เช่น Mobile Application “PROTECT-U” อย่างไรก็ดี ควรแสดงให้ชัดเจนว่าผู้บริหารให้ความสำคัญกับ การมีส่วนร่วมของเครือข่ายในการสร้างนวัตกรรมเชิงนโยบายที่ส่งผลกระทบสูงในระดับประเทศ รวมถึงการ อธิบายการพัฒนานวัตกรรมผ่านกระบวนการทำงานร่วมกับเครือข่ายให้ชัดเจน โดยเฉพาะการมีส่วนร่วม ของประชาชนหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกกระบวนการ ควรมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงของโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ โดยมีการระบุความเสี่ยงหรือผลกระทบที่ อาจจะเกิดขึ้นกับสังคม การกำหนดกระบวนการ ตัววัด และเป้าประสงค์ที่สำคัญในการจัดการผลกระทบ ทางลบที่เกิดขึ้นกับสังคม และใช้เทคโนโลยี/ดิจิทัลในการรายงานข้อมูล รวมทั้งสร้างการมีส่วนของเครือข่าย ภาคประชาชนในการเฝ้าระวัง มีการให้ความสำคัญในการป้องกันเพื่อไม่ให้ผลการดำเนินงานเกิดผลกระทบต่อสังคม มีการกำหนดแนวทาง ป้องกันและตัวชี้วัดในการดำเนินการ อย่างไรก็ดี ควรแสดงให้ชัดเจนถึงกระบวนการในจัดการผลกระทบ และผลการติดตามตัวชี้วัดในการติดตามเฝ้าระวังในแต่ละเรื่องผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อนำไปสู่การแก้ไข ปัญหาอย่างทันการณ์และครอบคลุมยุทธศาสตร์ ควรแสดงให้เห็นประเด็นความท้าทาย ความได้เปรียบและโอกาสทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ รวมถึงกลยุทธ์ ที่ ตอบสนองต่อประเด็นต่าง ๆ มีกระบวนการวางแผนยุทธศาสตร์ที่เป็นระบบ อย่างไรก็ดี ควรแสดงให้ชัดเจนถึงกลยุทธ์ที่ตอบสนองต่อ ความท้าทายในทุกประเด็น รวมทั้งแผนการนำระบบดิจิทัลมาใช้ปรับเปลี่ยนการทำงานและรองรับการ เปลี่ยนแปลง รวมทั้งแผนการยกระดับการบริการให้รวดเร็ว ฉับไว ต้นทุนต่ำ เข้าถึงได้ง่ายและเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา
หมวด ปีประเมิน จุดแข็ง/จุดเด่น และมุ่งเน้น ประโยชน์สุขของ ประชาชน 2564 การกำหนดยุทธศาสตร์ โดยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติมีการวิเคราะห์ สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก กำหนดความท้าทาย ด้านพันธกิจ เพื่อการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ด้านการปฏิบัติการ โดย ขับเคลื่อนโครงการสำคัญทั้งระดับนโยบาย ระดับพื้นที่ และ กลุ่มเป้าหมาย ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ให้ความสำคัญในการพัฒนา คุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง โดยบูรณาการ ช่วยเหลือทุกมิติแบบเป็นองค์ รวม ร่วมกับ 12 กระทรวง โดยเฉพาะสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัส 2019 ด้านบุคลากร มีการยกระดับองค์กรที่มีสมรรถนะสูงและบุคลากร มืออาชีพในยุคดิจิทัล ด้านการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดในอนาคตมี การวิเคราะห์โครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยดำเนิน โครงการ ต้นแบบเมืองสร้างสุข เป็นต้นแบบการให้บริการด้านสังคม และพัฒนา คุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่ม ประสิทธิภาพ ทั้งในด้านบริหารจัดการภายในองค์กรด้านเทคโนโลยี สารสนเทศด้านการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบปัญหาทางสังคม ผ่าน ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และ Application ต่างๆ เพื่อให้การ ดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 2.2 การกำหนด เป้าหมายเชิง ยุทธศาสตร์ทั้งระยะ สั้นและระยะยาวที่ สอดคล้องกับพันธ กิจของส่วนราชการ และเชื่อมโยงกับ ยุทธศาสตร์ชาติ 2562 มีการกำหนดเป้าประสงค์และตัวชี้วัดที่สนองตอบต่อเป้าหมายเชิง ยุทธศาสตร์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหา การค้ามนุษย์ที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ 2563 2564 2.3 แผนปฏิบัติการ ที่ขับเคลื่อน 2562 มีการทำงานร่วมกับเครือข่ายผ่านระบบฐานข้อมูลของประเทศไทยด้าน การดำเนินคดีและการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2561
28 โอกาสในการพัฒนา ควรแสดงผลการวิเคราะห์เชื่อมโยงวางแผนยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้าง โอกาสเชิงกลยุทธ์ใหม่ ๆเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ ควรมีรายละเอียดในการวิเคราะห์ผลกระทบของเป้าประสงค์และตัวชี้วัด ที่มีผลต่อยุทธศาสตร์ชาติทั้งระยะ สั้นและระยะยาวในมิติต่าง ๆ ที่ครอบคลุมทุกประเด็นยุทธศาสตร์ เช่น การเพิ่มขีดความสามารถในการ แข่งขัน การลดผลกระทบในด้านต่าง ๆ (แม้มีการกำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ แต่ควรเน้นการวิเคราะห์ ความเสี่ยงระดับองค์การและผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเศรษฐกิจ สังคม สาธารณะสุข และ สิ่งแวดล้อม) มีการกำหนดตัวชี้วัดและเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์และมีการประเมินความเสี่ยง อย่างไรก็ดี ควรแสดงให้ ชัดเจนถึงการวิเคราะห์ผลกระทบของเป้าประสงค์และตัวชี้วัดที่มีกระทบต่อการพัฒนาประเทศด้าน เศรษฐกิจ/สังคม/สาธารณสุข/สิ่งแวดล้อม จากการวิเคราะห์ความเสี่ยงระดับองค์กร ของการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ควรแสดงผลการ วิเคราะห์ที่เกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อโครงการสำคัญของส่วนราชการ และผลกระทบต่อ ระบบ เศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งแสดงแผนรองรับความเสี่ยงจากการวิเคราะห์นั้นๆ ควรแสดงให้เห็นว่ามีแผนปฏิบัติการที่สนับสนุนความสำเร็จของยุทธศาสตร์ โดยเน้นโอกาสเชิงยุทธศาสตร์ รวมทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพและการลดต้นทุน
หมวด ปีประเมิน จุดแข็ง/จุดเด่น ยุทธศาสตร์ของส่วน ราชการลงไปทุก ภาคส่วนโดยผ่าน เครือข่ายทั้งภายใน และภายนอก และระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลกลางการจัดสวัสดิการของกระทรวง(MSO Linkage) 22 ฐานข้อมูล 2563 2564 2.4 การติดตามผล ของการบรรลุ เป้าหมายเชิง ยุทธศาสตร์ การ แก้ไขปัญหา และ การรายงานผล อย่างมีประสิทธิผล 2562 มีระบบการติดตามผลการดำเนินงาน 3 แนวทาง ได้แก่ 1) ศูนย์ปฏิบัติการระดับกระทรวงและระดับกรมเพื่อติดตามผลการ ดำเนินงานและสถานการณ์ด้านสังคมเป็นประจำวันทุกวัน 2) ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รายไตรมาส และ 3) การประเมินผลแผนยุทธศาสตร์ 2563 2564 3. การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3.1 ระบบข้อมูล และสารสนเทศด้าน การบริการ ประชาชนที่ทันสมัย รวดเร็ว และเข้าถึง ในทุกระดับ 2562 มีการรวบรวมความต้องการของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งแบบ เป็นทางการและไม่เป็นทางการและนำมาตอบสนองผ่านโครงการป้องกัน และแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ เช่น 1) ระบบข้อมูลสารสนเทศแผนที่ทาง สังคม Social Map 2) ระบบฐานข้อมูลผู้ประสบปัญหาทางสังคมในกรณี ฉุกเฉิน (MSO welfare) 3) ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลกลางการจัด สวัสดิการของกระทรวง (MSO Linkage) และ 4)ระบบฐานข้อมูลการ ป้องกันและปราบปรามปัญหาการค้ามนุษย์ 2563
29 โอกาสในการพัฒนา มีกระบวนการถ่ายทอดแผนสู่การปฏิบัติอย่างไรก็ดี แสดงให้ชัดเจนถึงการวิเคราะห์และกำหนดจุดสำคัญที่มี ความจำเป็นต้องทุ่มเททรัพยากรลงไปเพื่อจะได้ทุ่มงบประมาณหรือทรัพยากรลงไปในจุดที่สำคัญและ เร่งด่วน (การทำน้อยแต่ได้มาก) รวมทั้งการบูรณาการแผนด้านบุคลากรและการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ควรมีการติดตามประสิทธิผลของการดำเนินงานร่วมกับเครือข่าย ควรแสดงให้เห็นรายละเอียดการคาดการณ์ ผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้น (ทั้งที่บรรลุเป้าหมายและไม่บรรลุ เป้าหมาย) เพื่อนำไปปรับแผนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ทั้งในกรณีที่บรรลุผลหรือไม่บรรลุผล (อาจจะ ยกตัวอย่างหรือแนบหลักฐานที่แสดงให้เห็นชัดเจน) มีระบบการติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์และมีตัวอย่างการคาดการณ์ผลการ ดำเนินงาน อย่างไรก็ดี ควรแสดงให้ชัดเจนถึงการวางแนวทางในการคาดการณ์ถึงผลการดำเนินงานโดย วิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ เพื่อวางแนวทางในการปรับแผนปฏิบัติการอย่างทันท่วงที หากมีเหตุหรือปัจจัยที่ ส่งผลกระทบทั้งปัจจัยภายในองค์กรเอง หรือปัจจัยที่มาจากภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายของ ประเทศ การเปลี่ยนแปลงงบประมาณของประเทศ การคาดการณ์ผลการดำเนินการตามแผน เพื่อให้สามารถติดตามคาดการณ์และปรับแผนให้ทันต่อการ เปลี่ยนแปลง บ ควรแสดงให้เห็นว่าส่วนราชการได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศ/ดิจิทัลในการรวบรวมข้อมูล สารสนเทศและค้นหาความต้องการความคาดหวังอย่างไร และนำมาตอบสนองความต้องการอย่างไร ควรใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีดิจิทัลในการค้นหาความต้องการและความคาดหวังของกลุ่มผู้รับ บริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างมีประสิทธิผล และใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์
หมวด ปีประเมิน จุดแข็ง/จุดเด่น 2564 3.2 การประเมินผล ความพึงพอใจ ความผูกพันของ กลุ่มผู้รับบริการ และผู้มีส่วนได้ส่วน เสีย เพื่อนำมาใช้ ประโยชน์ 2562 มีแนวทางในการประเมินความพึงพอใจผู้รับบริการที่ประสบปัญหาทาง สังคมโดยแบบสอบถามและประเมินความผูกพันผ่านศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 เพื่อนำไปปรับปรุงที่สำคัญ เช่น Mobile App “PROTECT-U” เพื่อเป็นช่องทางการแจ้งขอรับการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุการค้ามนุษย์ 2563 2564 3.3 การสร้าง นวัตกรรมการ บริการ ที่สร้าง ความแตกต่าง และ ตอบสนองความ ต้องการเฉพาะกลุ่ม และต่างความ ต้องการ 2562 มีการปรับปรุงกระบวนการทำงานในด้านการป้องกันปราบปรามและ ช่วยเหลือด้านการค้ามนุษย์ เช่น เพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการที่รวดเร็ว การลดขั้นตอนการให้บริการ การเชื่อมโยงฐานข้อมูลบัตรประชาชนกับ กรมการปกครอง 2563 2564 นวัตกรรมการให้บริการ ที่คล่องตัวสามารถให้บริการเฉพาะบุคคล ได้แก่ mobile Application Protect -U รับแจ้งเหตุค้ามนุษย์ให้กับบุคคล ทั่วไป สามารถกำหนดพิกัดแผนที่บน Google Map แจ้งสิทธิผู้เสียหายค้า มนุษย์ 7 ภาษา และขอใช้ล่ามแปลภาษาได้ 8 ภาษา ระบบติดตามการใช้ บริการ โดยประชาชนสามารถตรวจสอบสถานะการการขอรับการ ช่วยเหลือด้วยตัวเอง ระบบฐานข้อมูลของประเทศไทยด้านการดำเนินคดี
30 โอกาสในการพัฒนา แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นเพื่อวางนโยบายเชิงรุกในการตอบสนองความต้องการให้ เหนือกว่าความคาดหวังของกลุ่มผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่ละกลุ่มที่มีความต้องการและความ คาดหวังแตกต่างกัน การประเมินประสิทธิภาพนโยบายเชิงรุก ที่ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย ควรแสดงให้เห็นการนำผลการประเมินความ พึงพอใจ ของกลุ่มผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมา วิเคราะห์ความต้องการ และแก้ปัญหาในเชิงรุกได้อย่างไร โดยอาจยกตัวอย่างมาแสดงให้เห็นถึงขั้นตอน กระบวนการวิเคราะห์ เชื่อมโยงไปสู่การแก้ไขปัญหาในเชิงรุกที่ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่ม ควรแสดงให้ชัดเจนถึงวิธีการประเมินทั้งในด้านความพึงพอใจและด้านความผูกพันของผู้รับบริการและผู้มี ส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญตามที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กร รวมทั้งแสดงตัวอย่างการใช้ผลการประเมินดังกล่าว ไปแก้ปัญหาเชิงรุก (ควรแสดงแนวทางที่ชัดเจนในการค้นหาความต้องการ/ความคาดหวังของผู้รับบริการ รวมทั้งการประเมินความพึงพอใจของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเชิงรุก หรือการใช้ประโยชน์ของ สารสนเทศด้านผู้รับบริการมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการทำงานสำคัญ ที่จะส่งผลให้เป็นระบบราชการที่ ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง) การวิเคราะห์ผลประเมินความพึงพอใจและความผูกพัน เพื่อค้นหาโอกาส และวางแนวทางในการแก้ไข ปัญหาเชิงรุก ควรมีการแสดงให้เห็นถึงการนำข้อมูลที่ได้รับมาปรับปรุงเพื่อให้ได้นวัตกรรมที่ตรงจุดกับความต้องการได้ อย่างไร โดยอาจยกตัวอย่างการวิเคราะห์กลุ่มผู้รับบริการ/ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการจัดลำดับความสำคัญ ควรแสดงให้ชัดเจนถึงการนำข้อมูลที่ได้รับมาวิเคราะห์และกำหนดแนวทางพัฒนาเพื่อให้ได้นวัตกรรมที่ตรง กับความต้องการของกลุ่มผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญ ตลอดจนการสร้างนวัตกรรมการ บริการที่สามารถออกแบบให้บริการเฉพาะบุคคลได้ า การประเมินประสิทธิภาพนวัตกรรมบริการต่างๆเพื่อนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆที่ตรงกับความ ต้องการ
หมวด ปีประเมิน จุดแข็ง/จุดเด่น และช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูล จาก 10 หน่วยงาน วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประกอบนโยบายและยุทธศาสตร์ ในการป้องกันและติดตามคดีความผิดค้ามนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.4 กระบวนการ แก้ไขข้อร้องเรียนที่ รวดเร็ว และ สร้างสรรค์ เพื่อ ตอบสนองได้ทัน ความต้องการ 2562 2563 2564 4. การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ 4.1 การใช้ข้อมูล และสารสนเทศ มา กำหนดตัววัดที่ สามารถใช้ติดตาม งานทั้งในระดับ ปฏิบัติการ และ ระดับยุทธศาสตร์ได้ อย่างมีประสิทธิผล รวมทั้งการสื่อสารสู่ ผู้ใช้งานทั้งภายใน และภายนอก 2562 มีการรวบรวมข้อมูลผลการดำเนินงานที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ โดยมีฐานข้อมูลในการตัดสินใจของผู้บริหาร ได้แก่ 1) ระบบแลกเปลี่ยน ข้อมูลกลางการจัดสวัสดิการของกระทรวง พม. (MSO Linkage) 2) ระบบฐานข้อมูลผู้ประสบปัญหาทางสังคมในกรณีฉุกเฉิน (MSO welfare) 3) ระบบข้อมูลสารสนเทศแผนที่ทางสังคม Social Map 5) ระบบ ฐานข้อมูลของประเทศไทยด้านการดำเนินคดีและการช่วยเหลือผู้เสียหาย จากการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2561 6) ระบบฐานข้อมูลกฎหมาย และ 7) ระบบรับเรื่องร้องทุกข์ของศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 2563 2564 4.2 การวิเคราะห์ ผลจากข้อมูล และ ตัววัด เพื่อการ แก้ปัญหาและ 2562
31 โอกาสในการพัฒนา ควรแสดงให้เห็นการแก้ไขปัญหาในเชิงรุก เช่น มีการรวบรวมข้อมูล สถิติข้อร้องเรียนมาเรียนรู้ และ วิเคราะห์หาทางแก้ไขเพื่อลดอัตราข้อร้องเรียน ที่พบบ่อย หรือร้องเรียนซ้ำ เป็นต้น ควรแสดงให้ชัดเจนถึงกระบวนการแก้ไขข้อร้องเรียนในเชิงรุก เช่น การรวบรวมสถิติข้อร้องเรียนมาเรียนรู้ และวิเคราะห์หาทางแก้ไขเพื่อลดอัตราข้อร้องเรียนที่พบบ่อย มีการติดตามความคืบหน้าของการจัดการข้อ ร้องเรียน การตอบกลับผู้ร้องเรียนอย่างมีประสิทธิผลและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ร้องเรียน การติดตามประสิทธิผลและความพึงพอใจของการจัดการข้อร้องเรียน ) ควรแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการรวบรวมตัวชี้วัดทั้งในระดับปฏิบัติการและ ระดับยุทธศาสตร์มาใช้ประโยชน์ในการบริหารและตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ 1) ควรแสดงให้ชัดเจนว่ามีการเลือกและรวบรวมข้อมูลและสารสนเทศ รวมทั้งตัวชี้วัดทั้งในระดับปฏิบัติการ และระดับยุทธศาสตร์อย่างไรเพื่อใช้ติดตามผลการดำเนินงานและใช้ประโยชน์ในการบริหารและตัดสินใจ 2) ควรแสดงให้ชัดเจนว่ามีการสำรวจความต้องการ ข้อเสนอแนะ ความพึงพอใจจากผู้ใช้ระบบและข้อมูล อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงทบทวนสารสนเทศ เพื่อสามารถพัฒนาฐานข้อมูล ระบบ และช่องทางเผยแพร่ ให้ ทันสมัย ทันต่อสถานการณ์ และตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละกลุ่มแต่ละระดับ การจัดทำข้อมูลและสารสนเทศที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานภายนอกและภาคประชาชนให้นำไปใช้ได้ทันทีโดย ไม่ต้องร้องขอ ควรแสดงผลการวิเคราะห์ตัวชี้วัดทุกระดับตามประเด็นยุทธศาสตร์ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการติดตามตัวชี้วัด ทั้งที่บรรลุเป้าหมายและไม่บรรลุเป้าหมาย และนำเอาข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อนำไปแก้ปัญหาเชิงนโยบายและ การปรับยุทธศาสตร์ (ยังไม่พบการวิเคราะห์และใช้สารสนเทศในการตัดสินใจเพื่อบริหารจัดการ และใช้ ประโยชน์จากเทคโนโลยี)
หมวด ปีประเมิน จุดแข็ง/จุดเด่น ตอบสนองได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ทันเวลา และเชิงรุก 2563 2564 การวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบสารสนเทศต่างๆ เพื่อตอบสนองสถานการณ์ และคาดการณ์ผลลัพธ์ เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม โดย บูรณาการข้อมูลกลางจากการจัดสวัสดิการของกระทรวง เชื่อมโยงข้อมูล กับหน่วยงานภาครัฐแบบreal-time บันทึกข้อมูลผ่านระบบฐานข้อมูลผู้ ประสบปัญหาทางสังคม ดำเนินการช่วยเหลือเงินสงเคราะห์ และรายงาน ผลการเบิกจ่ายเงินผ่านระบบDash Board ทำการวิเคราะห์สถานการณ์ จากข้อมูลในพื้นที่ เพื่อวางแผนจัดสรรงบประมาณและค้นหาความ ต้องการของผู้ประสบปัญหาทางสังคมในแต่ละพื้นที่ 4.3 การใช้ความรู้ และสติปัญญาใน การแก้ปัญหา เรียนรู้และมีเหตุผล 2562 มีการจัดการความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานผ่านกิจกรรม Knowledges Sharing Day และมีการเชื่อมโยงเข้ากับระบบฐานข้อมูล ของประเทศไทยด้านการดำเนินคดีและการช่วยเหลือผู้เสียหายจาก การค้ามนุษย์ พ.ศ. 2561 รวมทั้งพัฒนาองค์ความรู้ไปสู่นวัตกรรม เช่น 1) Mobile App ภายใต้ ชื่อ "PROTECT-U" 2) สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จังหวัดเชียงรายได้ผลิตสื่อวิทยุ เสียงตามสาย และ 3) Mobile application ชื่อ “Stop Trafficking 2563 2564 4.4 การบริหาร จัดการข้อมูล สารสนเทศ และ ระบบการทำงานที่ ปรับเป็นดิจิทัลเต็ม รูปแบบ มี 2562 มีนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน เช่น ระบบเฝ้าระวังและติดตามข่าวสารสถานการณ์ประจำวัน และในส่วน การยกระดับประสิทธิภาพด้านการปฏิบัติงาน ได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ ได้แก่ 1) Web Application : ระบบ Back Office เช่น ระบบงาน ทะเบียนพัสดุ ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์, Social Map, ระบบเยียวย ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชายแดนใต้ เป็นต้น
32 โอกาสในการพัฒนา ควรแสดงให้ชัดเจนถึงผลการวิเคราะห์ตัวชี้วัดทุกระดับตามประเด็นยุทธศาสตร์เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการ ติดตามตัวชี้วัดทั้งที่มีการบรรลุเป้าหมายและไม่บรรลุเป้าหมาย นำเอาข้อมูลมาวิเคราะห์และนำไปแก้ปัญหา เชิงนโยบายและการปรับยุทธศาสตร์ ณ์ การกำหนดตัวชี้วัดที่สำคัญ และใช้เป็นข้อมูลในการกำกับติดตามงานในแต่ละระดับเพื่อสะท้อน ประสิทธิภาพของการดำเนินงาน ควรมีการวิเคราะห์องค์ความรู้ที่สนับสนุนการบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์และประเด็นยุทธศาสตร์โดย พิจารณาจากโอกาสในการปรับปรุง รวมทั้งการนำองค์ความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาจนเกิดเป็น แนวปฏิบัติที่ ดี (Best Practices) ควรอธิบายให้ชัดเจนในการเชื่อมโยงข้อมูล สารสนเทศและองค์ความรู้ระหว่างกัน รวมถึงการนำองค์ความรู้ จากภายนอกมาใช้ในการสร้างนวัตกรรม หรือ การพัฒนาจนเกิดมาตรฐานใหม่หรือรูปแบบบริการที่สร้าง มูลค่าเพิ่มให้แก่ประชาชน (ไม่ได้นำเสนอความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและเรียนรู้ว่าความช่วยเหลือที่ให้ไปกับแต่ละกลุ่มได้ส่งผล กระทบต่อความสามารถในการแก้ปัญหาเพียงใด) น น ยา ควรแสดงให้เห็นว่ามีการวิเคราะห์ความเสี่ยงของระบบเทคโนโลยีดิจิทัล ถึงแนวปฏิบัติการรักษาความมั่นคง ปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มีระบบสำรองและกู้คืนข้อมูล (Backup and Recovery) มีแผน รองรับภาวะฉุกเฉิน/ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบสารสนเทศ
หมวด ปีประเมิน จุดแข็ง/จุดเด่น ประสิทธิภาพ และ ใช้งานได้ 2563 5. การมุ่งเน้นบุคลากร 5.1 นโยบายและ ระบบการจัดการ ด้านบุคลากรที่มี ประสิทธิภาพ ตอบสนอง ยุทธศาสตร์ และ สร้างแรงจูงใจ 2562 มีการจัดทำแผนกลยุทธ์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และมีระบบการ ประเมินประสิทธิผลการทำงานของบุคลากรทุกระดับผ่านการจัดทำ ตัวชี้วัดคำรับรองการปฏิบัติราชการรายบุคคลที่เชื่อมโยงตัวชี้วัดในระดับ องค์การ 2563 2564 วางแผนและวิเคราะห์อัตรากำลังให้สอดคล้องกับภารกิจ และโครงสร้าง องค์กรวิเคราะห์และกำหนดขีดสมรรถนะแต่ละตำแหน่งงาน สรรหา คัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถตามที่กำหนด กำหนดเส้นทาง ความก้าวหน้าของสายอาชีพและพัฒนาเส้นทางความก้าวหน้าในบุคลากร ทุกระดับ โดยจำเป็นต้องผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรหลักและหลักสูตร รองในแต่ละสายงาน มีนโยบายบริหารกำลังคนภายใต้แนวคิดบ้าน เดียวกัน โดยบูรณาการกำลังคนของหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. ในแต่ ละส่วนราชการของจังหวัด เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากร 5.2 ระบบการ ทำงานที่มี ประสิทธิภาพ คล่องตัว และ มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ 2562 2563
33 โอกาสในการพัฒนา ควรแสดงให้ชัดเจนถึงสาระสำคัญของแผนดิจิทัลของหน่วยงาน เช่น ยุทธศาสตร์/กลยุทธ์ หรือ ตัววัดที่ สำคัญที่ใช้ติดตามการบรรลุตามแผนการปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล รวมถึงตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีมาเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน การรายงานผลได้ทันการณ์ และมีประสิทธิผล ควรแสดงให้เห็นว่าการจัดโครงสร้างการทำงานและการจัดวางบุคลากรไปอยู่ตำแหน่งที่เหมาะสมกับการใช้ ความรู้และประสบการณ์อย่าง เต็มความสามารถ ก่อให้เกิดประโยชน์สูงที่สุดต่อองค์การและตอบโจทย์ ความต้องการของประชาชน (แนวทางการพัฒนาบุคลากรยังไม่ตอบสนองต่อความท้าทายและการ เปลี่ยนแปลง) 1) ควรแสดงให้ชัดเจนถึงการประเมินประสิทธิผลการทำงานและเส้นทางความก้าวหน้าของบุคลากรทุกกลุ่ม สามารถสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรทุ่มเท และทำงานให้มีประสิทธิภาพสูง ตอบสนองยุทธศาสตร์และมุ่งเน้น ประโยชน์สุขแก่มุ่งเน้นผู้รับบริการและประโยชน์ของส่วนรวม (High Performance) 2) ควรแสดงให้ชัดเจนว่าการประเมินผลการปฏิบัติงานจะช่วยสนับสนุนให้บุคลกรมีการพัฒนาปรับปรุงการ ปฏิบัติและได้รับการจูงใจให้ปฏิบัติงานให้สำเร็จ ร การกำหนดนโยบายการจัดการด้านบุคลากรสนับสนุนการทำงานที่คล่องตัวและปรับเปลี่ยนให้ทันต่อการ เปลี่ยนแปลง และสร้างนวัตกรรมการทำงานเป็นทีม ควรแสดงให้เห็นว่ามีการสร้างบรรยากาศให้บุคลากรกล้าตัดสินใจ และกระตุ้นให้แสดงความคิดเห็น รวมทั้ง พัฒนาระบบฐานข้อมูลที่ใช้สนับสนุนการปฏิบัติงานให้เกิดความคล่องตัว ควรแสดงให้ชัดเจนถึงการจัดสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อให้เกิดการทำงานเป็นทีมที่มีสมรรถนะสูง ที่มีความ คล่องตัว และสามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายภายนอกเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมี ประสิทธิผล เช่น มีรูปแบบของการทำงานอย่างไร มีการร่วมกันแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างไร มีผลงานที่ เป็นรูปธรรมอย่างไร (ควรแสดงให้ชัดเจนถึงการพัฒนาองค์กรไปสู่องค์กรที่มีสมรรถนะสูง เช่น การติดตาม ประสิทธิผลของการดำเนินงานและแนวทางในการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานไปถึงปัจจัยต้นเหตุเพื่อ ปรับปรุง หรือเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ อีกทั้งควรแสดงระบบการพัฒนาบุคลากรให้ชัดเจน)
หมวด ปีประเมิน จุดแข็ง/จุดเด่น 2564 5.3 การสร้าง วัฒนธรรมการ ทำงานที่ดี มี ประสิทธิภาพ และ ความร่วมมือ 2562 มีการเสริมสร้างวัฒนธรรมและค่านิยมองค์กร รวมทั้งการค้นหาปัจจัย ความผูกพันของบุคลากรนำไปสู่การกำหนดนโยบายด้านผู้ปฏิบัติงานเพื่อ สร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน 2563 2564 5.4 ระบบการ พัฒนาบุคลากรให้มี ความรู้ ความสามารถ ก้าวทันเทคโนโลยี แก้ไขปัญหา สร้าง ความรอบรู้ และ ความมีจริยธรรม 2562 2563 2564 6. การมุ่งเน้นระบบปฏิบัติการ 6.1 กระบวนการ ทำงานที่เชื่อมโยง ตั้งแต่ต้นจนจบ กระบวนการ เพื่อ 2562 มีการออกแบบกระบวนการทำงานโดยพิจารณาให้สอดคล้องกันพันธกิจ ความต้องการของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และนำเทคโนโลยีมา ใช้เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ได้แก่ 1) กระบวนการ ช่วยเหลือและคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และ 2) กระบวนการ ช่วยเหลือ ผู้ประสบปัญหาทางสังคม
34 โอกาสในการพัฒนา ควรแสดงกระบวนการทำงานเป็นทีมที่มีสมรรถนะสูงและ มีความคล่องตัวภายใต้แนวคิดบ้านเดียวกันอย่าง เป็นระบบ รวมทั้งแสดงประสิทธิผลของกระบวนการทำงานเป็นทีมร่วมกันดังกล่าว ควรมีการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างผลการประเมินความผูกพัน และผลลัพธ์ในการดำเนินงานของ บุคลากรแต่ละกลุ่ม เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงผลลัพธ์ในการดำเนินงาน 1) ควรแสดงให้ชัดเจนว่าวิธีการสำรวจความผูกพันทำให้สามารถระบุปัจจัยความผูกพันที่อาจจะแตกต่างกัน ในแต่ละประเภทของบุคลากรได้ เพื่อนำมาสู่การจัดทำแผนสร้างความผูกพันที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มของ บุคลากร รวมถึงการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างผลการประเมินความผูกพัน และผลลัพธ์ในการ ดำเนินงานของบุคลากรแต่ละกลุ่ม เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงผลลัพธ์ในการดำเนินงานต่อไป 2) ควรแสดงให้ชัดเจนถึงการปรับกระบวนการทางความคิดของบุคลากรทุกระดับเพื่อให้มุ่งเน้นการทำงาน ในเชิงรุกและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน หน่วยงาน และส่วนรวม ควรมีแนวทางในการสร้างวัฒนธรรมหรือค่านิยมองค์กร ในการทำงานภายใต้แนวคิดการเป็นผู้ประกอบการ ภาครัฐอย่างเป็นระบบ รวมทั้งติดตามประสิทธิผลของกระบวนการ ควรมีการวิเคราะห์ความต้องการด้านขีดความสามารถและอัตรากำลังของหน่วยงานเพื่อนำมากำหนด แผนพัฒนาบุคลากรที่ตอบสนองยุทธศาสตร์ ควรแสดงระบบที่ชัดเจนในการพัฒนาบุคลากรแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะการพัฒนาที่สอดคล้องกับประเด็น ยุทธศาสตร์และการปฏิบัติงานประจำ อาทิ บุคลากรที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับพันธกิจหลักจะต้องมีการพัฒนา ทักษะ/ความรู้ในด้านใดบ้าง กลุ่มบุคลากรสายสนับสนุนจะต้องมีการพัฒนาด้านใดบ้าง อีกทั้งแผนพัฒนา รายบุคคล (IDP) มีความสอดคล้องหรือส่งเสริมการปฏิบัติงานในหน้าที่อย่างไร และสอดคล้องกับผลการ ประเมินการปฏิบัติงานอย่างไร ควรมีระบบการพัฒนาบุคลากรและผู้นำ ให้มีทักษะการปฏิบัติงานที่หลากหลาย สำหรับปัญหาที่มีความ ซับซ้อน ควรแสดงให้เห็นกระบวนการทำงานที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ในทุกด้าน ที่เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นจนจบทุก กระบวนการ มีการวิเคราะห์ข้อกำหนดที่สำคัญ การออกแบบขั้นตอนการทำงานโดยพิจารณาองค์ความรู้ เทคโนโลยี การลดขั้นตอน และความคุ้มค่า รวมทั้งการกำหนดผู้รับผิดชอบ และมีการเชื่อมโยงการทำงาน ร่วมกันกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (มีการออกแบบกระบวนการทำงาน แต่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึง กระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ การทำงานเชื่อมโยงกับหน่วยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง)
หมวด ปีประเมิน จุดแข็ง/จุดเด่น นำสู่ผลลัพธ์ที่ ต้องการ 2563 2564 วิเคราะห์กระบวนการหลักและกระบวนการสนับสนุน โดยมีเป้าหมาย ภารกิจเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ช่วยเหลือคุ้มครองทางสังคม วิเคราะห์ ออกแบบกระบวนการทำงาน ที่จะส่งมอบคุณค่าแห่งผลผลิต ใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับกระบวนการ เช่น กระบวนการติดตามและ ประเมินผลการดำเนินงาน กระบวนการให้บริการผ่านศูนย์ช่วยเหลือ สังคม กระบวนการบันทึกข้อมูลการคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจาก การค้ามนุษย์ 6.2 การสร้าง นวัตกรรมในการ ปรับปรุง ปรับปรุง ผลผลิต กระบวนการ และ การบริการ 2562 มีการปรับปรุงกระบวนการโดยการลดระยะเวลาและขั้นตอนการ ปฏิบัติงาน โดยใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน 2563 2564 6.3 การลดต้นทุน และการใช้ ทรัพยากรเพื่อสร้าง ความมี ประสิทธิภาพ และ 2562 2563
35 โอกาสในการพัฒนา ควรแสดงให้ชัดเจนถึงแนวทางในการออกแบบกระบวนการทำงานที่สำคัญตามพันธกิจที่จะต้องมีการบูรณา การเชื่อมโยงกับพันธมิตร โดยแสดงให้เห็นถึงกระบวนการทำงานหลัก กระบวนการสนับสนุน ข้อกำหนด ของกระบวนการ มีการติดตามควบคุมกระบวนการโดยใช้ตัววัดและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลที่ ทันสมัย และข้อมูลร่วมกับเครือข่ายภายนอกเพื่อการทำงานที่เกิดประสิทธิผลทุกกระบวนการ (การรายงาน กระบวนการทำงานทั้ง 6 หมวด ส่วนใหญ่อยู่ในระดับพื้นฐาน โดยเฉพาะกระบวนการทำงานหลักที่สำคัญ ตามพันธกิจที่จะต้องมีการบูรณาการเชื่อมโยงกับพันธมิตร และควรแสดงแนวทางการออกแบบที่เชื่อมโยง กัน โดยเฉพาะแนวทางการใช้เทคโนโลยีร่วมกัน รวมทั้งแนวทางในการติดตามประสิทธิผลของแต่ละ กระบวนการที่จะส่งมอบคุณค่าแก่ผู้รับบริการและส่งผลต่อยุทธศาสตร์ของชาติ) ช้ ควรออกแบบกระบวนการทั้งองค์กร โดยนำผลลัพธ์สำคัญ ที่องค์กรต้องการเป็นตัวตั้ง เพื่อใช้ในการปรับ กระบวนการทำงานที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศ (การแยกแยะของกระบวนการยังไม่ชัดเจน และไม่นำเสนอ กระบวนการหลักในด้านอื่น ๆ เรื่องดัชนีเรื่องความมั่นคงของมนุษย์ความก้าวหน้าของมนุษย์) ควรแสดงให้เห็นว่ากระบวนการหลัก และกระบวนการสนับสนุนของหน่วยงานคืออะไร และในแต่ละ กระบวนการมีการสร้างนวัตกรรมอะไร และสามารถปรับปรุงกระบวนการได้อย่างไร ควรแสดงให้ชัดเจนถึงที่มาของการพัฒนานวัตกรรม เช่น มีการวิเคราะห์ปัญหาในติดตามกระบวนการเพื่อ นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมสนับสนุนกระบวนการทำงานหลักและกระบวนการสนับสนุนโดยมุ่งเน้นคุณค่า แก่ประชาชน ควรสนับสนุนความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อแก้ปัญหาเชิงบูรณาการ และสร้างนวัตกรรมการปรับปรุงที่มี ผลกระทบสูง จากการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง โดยใช้แนวคิด Design Thinking ควรแสดงให้เห็นว่ามีการแบ่งปันการใช้ทรัพยากรร่วมกันในกระบวนการทำงานหลักอะไรบ้าง การ ดำเนินการดังกล่าวสามารถลดต้นทุนในการดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด ควรแสดงให้ชัดเจนถึงแนวทางในการวิเคราะห์ต้นทุนของแต่ละกระบวนการทำงานที่สำคัญทั้งกระบวนการ หลักและกระบวนการสนับสนุน ในแต่ละพันธกิจ โดยวิเคราะห์ถึงต้นทุนโดยรวม และต้นทุนของแต่ละ โครงการ/กิจกรรมการทำงาน หรือกระบวนการย่อย ว่ามีต้นทุนอะไรบ้าง ทั้งต้นทุนโดยตรง เช่น ด้าน บุคลากร ค่าใช้สอย วัสดุอุปกรณ์ ต้นทุนของระบบเทคโนโลยีที่ต้องใช้ในการพัฒนา ต้นทุนด้านการ