ท่ีคุมขังนักโทษ และลานประหาร ทาวเวอร์ ออฟ ลอนดอนสร้างขนึ้ หลังจากวลิ เลยี ม ดยุคแหง่ นอร์มังดีไดร้ บั
การสถาปนาเป็นกษตั ริย์แห่งองั กฤษ หอคอยท่ีอยู่ใจกลางสถาปตั ยกรรมท้งั หมดมชี ่อื เรยี กว่า White Tower
(หอคอยสขี าว) สาหรับหอคอยซ่งึ เป็นจุดควบคุมประตนู ้าเข้า-ออก มชี อ่ื วา่ Bloody Tower (หอคอยเลอื ด)
เพราะเปน็ สถานทเ่ี กิดเหตฆุ าตกรรมเจ้าชายเอ็ดเวริ ์ดกับเจ้าชายรชิ ารด์
      ทาวเวอร์ ออฟ ลอนดอน จะเลย้ี งอีกาจานวน 6 ตวั เนือ่ งจากมีคาสาปมานานกวา่ 900 ปี วา่ ถา้ หาก
อกี าลดจานวนลงเมื่อใด ความหายนะจะมาเยือนนครลอนดอน และส้ินสุดพระราชวงศแ์ ห่งองั กฤษ เรื่องนี้มี
ตานานปรากฏเป็นเอกสารในสมยั พระเจา้ ชารล์ ส์ท่ี 2 ราวศตวรรษท่ี 17 และทาให้ทุกคนไมว่ ่าจะเปน็ ยามหรือ
กษัตริย์ถือเป็นเร่ืองเคร่งครัด เชน่ วา่ ถา้ มอี ีกาตาย 1 ตวั จะตอ้ งรบี ถวายรายงานตอ่ สมเด็จพระราชนิ ีทันที และ
ตอ้ งหาอีกาตัวใหม่มาทดแทนโดยดว่ น
                        เรยี บเรียงจาก: http://cutieparade.exteen.com/20070106/04-tower-of-london
Unit 1e
London Underground
      รถไฟใต้ดินลอนดอน (London Underground) เปน็ ระบบขนส่งมวลชนของกรงุ ลอนดอน สหราช
อาณาจักร ตัวระบบใชไ้ ฟฟา้ เป็นหลกั มที ง้ั รถไฟบนดินและรถไฟใตด้ ินอย่ภู ายในสายเดียวกนั รถไฟใต้ดิน
ลอนดอนเป็นระบบรถไฟที่เก่าแก่ทสี่ ุดในโลกระบบหนง่ึ เร่ิมเปิดใช้เม่ือวนั ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2406 (ค.ศ.
1863) โดยสายแรกคือ สาย Circle ว่งิ รอบโซน 1 ชน้ั ในของเมือง และสาย Hammersmith & City ว่ิงพาด
จากด้านตะวนั ตกเฉยี งใตไ้ ปยังดา้ นตะวันออกของเมือง มีระยะทางรวมประมาณ 406 กิโลเมตร (253 ไมล)์
รถไฟใต้ดนิ ลอนดอนบางคร้งั จะเรยี กวา่ ดิอันเดอร์กราวนด์ (The Underground) หรือ เดอะทวิ บ์ (The Tube)
ตามลักษณะของอโุ มงคร์ ถไฟใตด้ นิ บริการรถไฟใต้ดินไมไ่ ด้บรกิ ารตลอด 24 ชวั่ โมง ยกเวน้ วนั ปใี หม่ เพราะสาย
รถไฟใตด้ นิ สว่ นใหญ่จะมที างรถไฟแคส่ องรางสวนกันเท่าน้นั ฉะนนั้ บรกิ ารจงึ ตอ้ งปิดตอนกลางคืนเพ่อื ปรับปรุง
รักษารางรถไฟ โดยรถไฟจะเร่ิมใหบ้ ริการเทยี่ วแรกเวลา 04:30 น. ไปจนถงึ เวลา 01:30 น.
ตารางข้างล่างน้ีแสดงสายรถไฟใตด้ ินในลอนดอนถงึ ปี พ.ศ. 2550 ซ่งึ มที ง้ั หมด 12 สาย สายท่ี 12 คือ สายอีสต์
ลอนดอน แตส่ ายนี้ถูกปิดลงเพอื่ เปลีย่ นแปลงไปเปน็ รถไฟเหนือดินลอนดอน
ชื่อสาย                 สีบนแผนท่ี   ให้บรกิ าร  ระยะทาง  ระยะทาง  จานวน
                                     คร้ังแรก     (กม.)    (ไมล)์  สถานี
สายเบเคอร์ลู (Bakerloo  นา้ ตาล พ.ศ. 2449        23.2     14.5     25
line)
สายเซ็นทรลั (Central line) แดง พ.ศ. 2443         74       46 49
สายเซอรเ์ คลิ (Circle line) เหลือง พ.ศ. 2427 22.5 14 27
สายดิสทรกิ ต์ (District line) เขียว  พ.ศ. 2411   64       40 60
                                        78
สายแฮมเมอรส์ มิธและซิตี        ชมพู      พ.ศ. 2406    26.5     16.5     28
(Hammersmith & City             เทา
line)                          มว่ ง     พ.ศ. 2522    36.2     22.5     27
                                ดา       พ.ศ. 2406    66.7     41.5     34
สายจูบลิ ี (Jubilee line)      นา้ เงนิ
                                         พ.ศ. 2433     58       36      50
สายเมโทรโพลติ นั
(Metropolitan line)                      พ.ศ. 2449     71      44.3     52
                                         ใหบ้ ริการ  ระยะทาง  ระยะทาง  จานวน
สายนอรธ์ เธริ น์                          ครงั้ แรก            (ไมล)์  สถานี
(Northern line)                          พ.ศ. 2511    (กม.)    13.25
                                         พ.ศ. 2441     21               16
สายพิคคาดลิ ลี่                                        2.5      1.5      2
(Piccadilly line)
          ช่อื สาย สบี นแผนท่ี
สายวกิ ตอเรยี (Victoria line)   ฟา้
                               ฟา้ อ่อน
สายวอเตอร์ลูและซติ ี
(Waterloo & City line)
Unit 1f                                                  ทมี่ า: th.wikipedia.org/wiki/รถไฟใต้ดินลอนดอน
Tortilla
                                               ตอตญิ ่า (Tortilla) คือ แปง้ แผน่ รูปวงกลมทท่ี ามาจาก
                                         แป้งขา้ วโพดหรือขา้ วสาลี มตี ้นกาเนิดมาจากประเทศสเปน
                                         เดมิ เรียกว่า ตอต้า แปลว่า เค้กรูปวงกลม แล้วนามาเผยแพร่ใหก้ ับ
                                         อาญาจกั รแอซแทค (Aztecs) จงึ ถกู เรียกช่ือใหมว่ ่า ตอติญา่
                                         ซง่ึ ปจั จุบนั เป็นที่แพรห่ ลายในประเทศเม็กซโิ กและสหรัฐอเมรกิ า
                                         วธิ ีการเตรยี มจะนาไปหอ่ กับเนอ้ื เช่น ทารโ์ ก้ (tacos) เบอรโิ ต้
                                         (burritos) และเอ็นชิราดาส (enchiladas)
                                                                   ท่มี า: th.wikipedia.org/wiki/ตอติญา่
                                         79
บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้
ผลการจดั การเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
                                                      ลงชอ่ื …………………………………….ผูส้ อน
                                                         (……………………….……………)
                                                      วันท่ี……..เดือน……….………พ.ศ. …..…
ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรือผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
                                                      ลงชอ่ื …………………………………….ผู้ตรวจ
                                                          (……………………….……………)
                                                      วันที่……..เดอื น……….………พ.ศ.……….
                                        80
แผนการจดั การเรยี นรู้
               หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 Narrow escapes!
รายวิชา ภาษาองั กฤษพน้ื ฐาน                                       ชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 3
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ)                เวลาเรียน 12
ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วดั ชัน้ ปี
มาตรฐาน ต 1.1  เขา้ ใจและตคี วามเร่ืองที่ฟงั และอา่ นจากส่ือประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เห็น
    ตัวชี้วัด  อย่างมีเหตผุ ล
               2. อ่านออกเสยี งข้อความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรองส้ันๆ ถูกต้องตามหลักการอา่ น
               4. เลือก/ระบุหวั ข้อเร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนับสนุน และแสดงความคดิ เห็น
                 เกีย่ วกบั เร่ืองท่ีฟังและอา่ นจากสื่อประเภทต่างๆ พร้อมทงั้ ใหเ้ หตุผลและยกตวั อย่าง
                 ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2  มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นข้อมูลขา่ วสาร แสดงความรูส้ ึก
    ตัวช้ีวดั  และความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธิภาพ
               1. สนทนาและเขียนโตต้ อบข้อมูลเก่ียวกับตนเอง เร่อื งต่างๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าว
                 เร่ืองที่อยู่ในความสนใจของสงั คม และส่ือสารอยา่ งต่อเน่ืองและเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3  นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรือ่ งต่างๆ โดยการพูดและ
    ตัวชี้วัด  การเขียน
               1. พูดและเขียนบรรยายเกย่ี วกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์/เร่ือง/ประเดน็
                 ต่างๆ ทอ่ี ยู่ในความสนใจของสังคม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
                อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ
    ตวั ชว้ี ดั 2. อธิบายเกย่ี วกับชวี ิตความเปน็ อยู่ ขนบธรรมเนียม และประเพณขี องเจ้าของภาษา
มาตรฐาน ต 3.1  ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กลุ่มสาระการเรยี นรอู้ ่ืน และเป็นพื้นฐาน
   ตัวชวี้ ดั  ในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทศั น์ของตน
               1. ค้นควา้ รวบรวม และสรุปข้อมูล/ข้อเท็จจรงิ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรูอ้ ืน่
                 จากแหลง่ เรยี นรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูดและการเขียน
                                          81
2. ความคดิ รวบยอด
     รแู้ ละเข้าใจคาศัพทเ์ ก่ยี วกบั ปรากฏการณธ์ รรมชาติ คาคณุ ศพั ท์ที่เกยี่ วข้องกับประสบการณ์ สานวน
ภาษาทใ่ี ช้ในการเล่าเหตุการณ์ การลาดบั เหตุการณ์ หลกั การเขยี นเรื่องเล่า การออกเสียงถูกต้องตามหลกั การ
อ่าน การใช้ past simple ความรู้เกยี่ วกบั เรื่องเล่า/นทิ านพ้ืนบ้าน งานประพันธ์ของเจ้าของภาษา ช่วยใหใ้ ช้
ภาษาในการพดู เขียนได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม และเกิดความเข้าใจความเป็นมา ภูมิหลงั และบรบิ ททาง
สังคมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
3. สาระการเรยี นรู้
    3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
          - การออกเสยี งเน้นหนัก-เบา ในประโยค การออกเสียงสระเสียงยาว
          - การจับใจความสาคัญ เชน่ ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนับสนนุ
            ประโยคที่ใชใ้ นการแสดงความคิดเห็น เช่น I think…
          - ภาษาท่ใี ชใ้ นการส่ือสารระหว่างบุคคล
          - การบรรยายเกีย่ วกับประสบการณ์
          - เรื่องเล่า/นิทาน งานประพนั ธ์ของเจ้าของภาษา
          - การค้นควา้ การรวบรวม และการนาเสนอข้อมลู ท่เี กย่ี วข้องกบั กลุ่มสาระการเรยี นรู้อ่ืน
    3.2 สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ
          -
4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
    4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
    4.2 ความสามารถในการคิด
          - การคดิ วิเคราะห์
    4.3 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
    5.1 ใฝ่เรยี นรู้
6. ชนิ้ งาน/ภาระงาน
    6.1 การพดู เลา่ ประสบการณ์ในวันหยุดของเพ่ือน
    6.2 การนาเสนอข้อมลู เก่ยี วกับภัยพบิ ตั ทิ างทะเล
                                        82
6.3 การเขยี นเร่ืองเลา่ เก่ียวกับประสบการณ์ท่ผี ิดปกติ
    6.4 การพูดนาเสนอเกย่ี วกับนิทานพน้ื บา้ นของไทย
    6.5 การออกเสยี งสานวนภาษาท่ีใช้ในการเล่าเหตกุ ารณใ์ นอดีตและคาศพั ท์ที่มีเสยี ง /i:/, /ɪə/
    6.6 การแสดงบทสนทนาเก่ียวกับเหตกุ ารณ์ท่ีไม่ปกตทิ ่เี กดิ ขนึ้ กับตนเอง
    6.7 การแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับเนือ้ เร่อื งที่จะดาเนินต่อไปจากงานประพันธท์ ี่อา่ น
7. การวดั และการประเมนิ ผล
    7.1 ประเมนิ การทาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน
    7.2 ประเมินการทาแบบฝึกหัด
    7.3 สังเกตพฤติกรรมการเรยี นร้ใู นช่วงการทากจิ กรรม
    7.4 ประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
    7.5 ประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน
8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
    8.1 หนงั สอื เรยี น Access 3 ม. 3
    8.2 แบบฝึกหัด (Workbook) Access 3 ม. 3
    8.3 แบบฝกึ ไวยากรณ์ Extra Access 3 ม. 3
    8.4 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสอื เรียน Access 3 ม. 3)
    8.5 Access Workbook Audio CD 3 ม. 3 (ประกอบแบบฝึกหดั (Workbook) Access 3 ม. 3 และ
        Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3)
    8.6 CD หนงั สอื Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
    8.7 พจนานกุ รมภาษาอังกฤษ
    8.8 อนิ เทอรเ์ นต็ สารานุกรม หนังสอื อา้ งอิง
                                        83
แผนการจัดการเรียนรู้
                                 Unit 2a Experiences
                                     ชวั่ โมงที่ 1-2
1. ความคิดรวบยอด
     รแู้ ละเขา้ ใจคาศัพท์และคาคุณศพั ทท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั ประสบการณ์ การใช้ past simple ชว่ ยใหใ้ ชภ้ าษาใน
การพูดเกี่ยวกับตนเองและเรื่องใกลต้ วั ไดอ้ ย่างเหมาะสม
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
    2.1 เรียนร้คู าศัพทต์ ่อไปนี้ crystal clear, roar, disappear, hills, screaming, breathe, surface, safe,
        grabbed, gasped for air, tsunami และคาคุณศัพท์ sunny, massive, shocked, safe, lonely,
        huge, horrified, bright, abandoned, unharmed ได้
    2.2 อา่ นเพื่อจับใจความสาคัญได้
    2.3 ใช้ past simple ได้ถูกต้อง
    2.4 พดู เก่ียวกับประสบการณไ์ ด้
3. สาระการเรยี นรู้
    3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
          - การจบั ใจความสาคัญ เชน่ ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนับสนนุ
          - การบรรยายเก่ยี วกับประสบการณ์
    3.2 สาระการเรยี นรูท้ ้องถิ่น
          -
4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
    4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
    4.2 ความสามารถในการคิด
          - การคดิ วเิ คราะห์
5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
    5.1 ใฝเ่ รยี นรู้
                                 84
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
กจิ กรรมนาส่กู ารเรียน
    1. นักเรียนทาแบบทดสอบความรกู้ ่อนเรยี นโดยใช้ Self Check ในหนงั สือเรียน หน้า 28
    2. นกั เรยี นดชู อ่ื หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2: Narrow escapes! ในหนังสือเรยี น หนา้ 19 แล้วครูถามนักเรยี น
        วา่ หมายความว่าอยา่ งไร และให้นักเรียนคิดวา่ หนว่ ยการเรียนรูน้ ี้จะเกีย่ วข้องกบั อะไร ครูกระตุ้นให้
        นักเรยี นตอบคาถามด้วยการใหน้ ักเรียนเปดิ ดเู น้ือหาในหนังสือเรียน หน้า 20-27 อย่างคร่าวๆ
                Suggested Answer Key
        The title refers to escaping from or avoiding dangerous situations. We will learn
        about different natural disasters and people’s experiences and feelings.
    3. ครชู แี้ จงให้นกั เรยี นทราบว่าในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 นกั เรียนจะไดเ้ รียนรู้เกีย่ วกับ
             people’s experiences & feelings
             natural phenomena
             past simple
             forming adverbs from adjectives
             time words
             sequence of events
             stories
5. ครูใช้ภาพ 1-8 ในหนังสือเรียน หน้า 19 กระต้นุ ความสนใจของนักเรียนเข้าสู่การอภปิ รายและนาเข้าสู่
   หน่วยการเรียนรู้ โดยครูบอกนกั เรยี นว่ามีเพยี งบางภาพเทา่ น้นั ทีน่ ักเรียนจะเห็นในหน่วยการเรยี นร้นู ี้ และ
   กระตุ้นใหน้ ักเรยี นหาวา่ มภี าพใดบา้ ง (Pictures 1, 2, 4, 6) เมือ่ นกั เรียนหาภาพพบแลว้ ครูถามคาถาม
   เกีย่ วกบั ภาพดังกล่าว เพื่อเร่มิ การอภิปรายเกี่ยวกบั หัวข้อต่างๆ ที่จะเรยี นในหน่วยการเรียนรู้นี้
                                          85
Suggested Answer Key
                Focus students’ attention on picture 1.
                T: What page is picture 1 from? (p. 27)
                S1: It’s from p. 27.
                T: What can you see in picture 1?
                S2: A ghostly man.
                T: How do you think the picture is related to the title of the unit?
                S3: I think it relates to a scary story. etc
                T: What page is picture 2 from? (p. 26) What can you see in picture 2?
                     How do you think the picture is related to the title of the unit?
                     How do you think he feels? What else can you see on p. 26? etc
    5. นกั เรียนทากจิ กรรมในหนังสือเรียน หน้า 19 หัวข้อ Find the page numbers for โดยหาว่า an
        extract from a novel (ขอ้ ความทีต่ ัดตอนมาจากนวนยิ าย) และ a quote (การยกเอาคาพดู ของ
        คนดังมาอ้างถงึ ) อยู่ในหนังสือเรยี นหน้าใด เม่ือหาพบแลว้ ครูถามคาถามเก่ยี วกับหวั ข้อดังกล่าวเพ่ือ
        ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน
        an extract from a novel (p. 27) What is the title of the novel? Who wrote it?
        Do you know any other works by this author? What do you think the story is about?
        etc
        a quote (p. 25) Who said this? What do you think he meant? Are there any similar
             sayings in your language? etc
6. ครูอธบิ ายหรอื กระตุ้นให้นกั เรียนบอกความหมายของคาคุณศพั ท์ในหนังสอื เรียน หนา้ 19 หวั ข้อ
   Vocabulary จากน้ันให้นักเรียนจบั คคู่ าคุณศัพท์กบั ภาพ 1-8 เม่อื ทาเสรจ็ แลว้ ครูเปิด CD 1/Track 21 ให้
   นกั เรียนฟงั เพื่อตรวจคาตอบ แล้วแปลคาคณุ ศัพทเ์ หลา่ นเี้ ป็นภาษาไทย สดุ ทา้ ยครกู ระตนุ้ ใหน้ ักเรียนบอก
   วา่ คร้งั สดุ ทา้ ยทนี่ ักเรยี นเกิดความรสู้ กึ ตามคาคณุ ศัพทด์ ังกล่าวเกิดข้ึนเม่ือไหร่
                                          86
1. surprised 3. relieved 5. excited 7. bored
2. terrified 4. calm               6. worried  8. tired
7. นกั เรยี นดชู อื่ Unit 2a และภาพในหนังสือเรยี น หน้า 20 แล้วครกู ระตุ้นใหน้ ักเรยี นบอกวา่ Unit 2a
   นา่ จะเกย่ี วข้องกับเร่อื งอะไร (real life experiences, possibly about a person who
   experienced a disaster)
กจิ กรรมพัฒนาการเรียนรู้
    1. นกั เรยี นทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 20 Ex. 1 (to predict the content of a text from
        pictures) โดยครูดงึ ความสนใจของนักเรยี นมาทภ่ี าพ และกระตุน้ ใหน้ ักเรียนบอกว่าเห็นอะไรในภาพ
        (a tropical beach, a huge wave/tsunami, a flooded are a with damaged houses) จากน้นั
        ครใู หน้ ักเรียนระดมความคดิ ร่วมกนั ในชน้ั เรยี นว่าบทอา่ นนี้นา่ จะเก่ยี วกับอะไร แลว้ ครูเปิด CD
        1/Track 22 ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทอ่านตามไปดว้ ยเพื่อตรวจคาตอบของนักเรียน
                Suggested Answer Key
                The text is about a huge wave/tsunami that hit a holiday resort in Thailand.
2. ครใู หน้ กั เรยี นหาความหมายของคา/วลใี นหนงั สือเรยี น หน้า 20 Ex. 2 (to present new
   vocabulary) จากพจนานกุ รมภาษาองั กฤษ แล้วครสู ุ่มเรยี กนักเรียนบอกความหมาย
3. ครใู หน้ ักเรยี นอา่ นประโยคข้อ 1-8 ในหนงั สือเรยี น หนา้ 20 Ex. 3 (to read for specific
   information and inference) แลว้ อ่านบทอา่ นอีกครง้ั จากนน้ั เติมคาลงในประโยคให้สมบรู ณ์ โดย
   ครยู ้าให้นักเรียนเติมคา 2-4 คา ลงในชอ่ งว่างของแตล่ ะประโยค และบอกนกั เรยี นว่าคาตอบบาง
   ประโยคจะบอกไว้อย่างชดั เจนในบทอ่าน แตค่ าตอบบางประโยคจะต้องถอดความหรอื สรปุ ความ น่นั
   คอื คาตอบจะเขยี นไมเ่ หมอื นในบทอา่ น แต่จะมีความหมายเหมอื นกนั เม่อื นักเรียนเตมิ คาเสรจ็ แลว้
   ครูตรวจคาตอบของนกั เรียน
Suggested Answer Key               5. pull him into
1. on holiday to Thailand          6. a helicopter
2. warm and sunny                  7. his mum
3. run into the water/go swimming  8. lucky to be alive
4. massive/huge wave
87
4. ครอู ่านคาถามในหนงั สือเรยี น หน้า 20 Ex. 4 (to answer questions on a text) ให้นักเรยี นฟงั
   แลว้ กระตนุ้ คาตอบจากนกั เรยี นในช้นั โดยครูชว่ ยเหลอื ด้วยการบอกคาศัพท์ท่ีจาเปน็ แกน่ ักเรียน
           Suggested Answer Key
           1. Mark experienced a tsunami/huge wave.
           2. Mark felt shocked and upset, then he felt lonely and lost and in the end
             he felt relieved and lucky to be alive, but sorry for the locals.
5. นักเรยี นทากิจกรรม Think! ในหนงั สือเรยี น หนา้ 20 โดยตอบคาถามว่าเร่ืองของ Mark ทาให้
   นักเรยี นร้สู กึ อย่างไร จากน้นั ครูส่มุ เรยี กนกั เรยี นบอกคาตอบของตนเองใหเ้ พื่อนฟัง
           Suggested Answer Key
           I felt shocked at what happened to him and sorry for the locals.
6. นักเรียนอ่านคาคุณศัพท์ (1-6) ในหนงั สือเรียน หนา้ 21 Ex. 5 (to understand new vocabulary
   through synonyms) แล้วจบั คคู่ าคุณศัพท์ (1-6) กบั คาที่มีความหมายเหมอื น (a-f) โดยนักเรยี น
   สามารถดคู วามหมายของคาคุณศัพทด์ ังกลา่ วได้จากบริบทในบทอ่าน หนา้ 20 เมอื่ ทาเสรจ็ แลว้ ครู
   เฉลยคาตอบ จากน้ันให้นักเรียนอธบิ ายความหมายของคาที่พิมพ์ตัวหนาในบทอ่าน
                  1. c 2. a 3. b 4. f 5. e 6. d
7. นักเรียนอ่านหลักการใช้ past simple ในหนงั สือเรียน หน้า 21 Ex. 6 (to present the past
   simple tense) เม่อื อ่านจบแลว้ ครดู งึ ความสนใจของนักเรียนมาท่รี ูปปฏิเสธ รูปคาถาม และการ
   ตอบคาถามแบบสั้น จากนนั้ กระตุน้ ให้นกั เรยี นช่วยกนั บอกวธิ ที า regular verbs ในประโยคบอกเล่า
   ปฏิเสธ และคาถามให้อยใู่ นรูป past simple
        We form the past simple for regular verbs in the affirmative by adding -ed to
   the end of the main verb. We form negations with did not/didn’t + the main verb
   without -ed. We form questions with did + subject pronoun + main verb without -
   ed. Irregular verbs do not follow this pattern but they form negations and questions
   with did and did not/didn’t and the main verb.
                                     88
8. นกั เรยี นอ่านคากริยาในหนงั สือเรียน หน้า 21 Ex. 7a (to identify past forms of regular and
   irregular verbs) แลว้ ครูกระตนุ้ ให้นกั เรยี นบอกความหมายหรอื คาท่ีมคี วามหมายเหมือนของคากริยา
   แตล่ ะคา จากนน้ั ให้นักเรียนหารูปอดีตของคากรยิ าเหล่าน้ีในบทอ่าน หน้า 20 พรอ้ มทั้งบอกว่าคาใด
   เป็น regular คาใดเปน็ irregular เมื่อทาเสรจ็ แลว้ ครูตรวจคาตอบบนกระดาน
Suggested Answer Key
1. be – was/were – irregular (exist)
2. go – went – irregular (travel/move)
3. decide – decided – regular (choose)
4. run – ran          – irregular (move quickly)
5. can – could – irregular (be able to)
6. hear – heard – irregular
7. disappear – disappeared – regular (vanish/move out of sight)
8. wonder – wondered – regular (think)
9. turn – turned – regular (change direction)
10. swallow – swallowed – regular (put in stomach)
11. try – tried – irregular (attempt)
12. push – pushed – regular
13. grab – grabbed – regular (get hold of sth)
14. pull – pulled – regular (move sth towards you with force)
15. gasp – gasped – regular (breathe in quickly)
16. look – looked – regular (see/direct your eyes at sth)
17. feel – felt       – irregular (touch/experience an emotion)
18. pass – passed – regular (go by)
19. start – started – regular (begin)
20. see – saw – irregular (understand through your eyes)
21. come – came – irregular (arrive)
22. leave – left      – irregular (depart)
23. lose – lost – irregular (no longer have sth/not succeed)
                      89
9. ครใู หน้ ักเรียนคัดลอกตารางในหนังสือเรยี น หน้า 21 Ex. 7b (to identify and practise /t/, /d/,
   /Id/) ลงในสมุด แล้วครอู า่ นออกเสียงตวั อย่างที่อย่ใู นตารางใหน้ ักเรยี นฟัง และอาจทบทวนวิธีการ
   ออก-เสียงคากริยาทีล่ งท้ายด้วย -ed บนกระดาน ดังนี้
       1) ออกเสียง /t/ เมอ่ื คากรยิ าน้ันลงทา้ ยดว้ ยพยญั ชนะเสียงไม่ก้อง (voiceless) ได้แก่ /k/, /s/,
         /ʧ/, /∫/, /f/, /p/ เช่น cooked, kissed, watched, finished, laughed, stepped
       2) ออกเสยี ง /d/ เมื่อคากริยาน้ันลงท้ายด้วยพยัญชนะเสยี งก้อง (voiced) ไดแ้ ก่ /b/, /n/, /v/
   เชน่
         rubbed, opened, arrived
       3) ออกเสยี ง /Id/ เมือ่ คากรยิ าน้ันลงท้ายด้วยพยญั ชนะเสียง /t/, /d/ เชน่ wanted, needed
   จากนั้นให้นักเรยี นเติมรปู อดตี ของคากริยาท่เี ป็น regular จาก Ex. 7a ลงในตารางตามการออกเสยี ง
   เมอื่ นกั เรียนทาเสรจ็ แล้วครเู ปิด CD 1/Track 23 ให้นกั เรยี นฟังเพื่อตรวจคาตอบของตนเอง
       /t/               /d/                       /Id/
pushed, gasped,  disappeared,               decided, started
looked, passed   wondered, turned,
                 swallowed, tried,
                 grabbed, pulled
10. นกั เรยี นทากิจกรรมในหนงั สือเรยี น หน้า 21 Ex. 7c (to practise the past simple) โดยเลือก
    คากริยา 5 คา จาก Ex. 7a มาแต่งประโยคเก่ยี วกับตนเองในรปู past simple เสรจ็ แล้วครูตรวจ
    คาตอบดว้ ยการสมุ่ เรยี กนักเรียนอ่านประโยคของตนเองให้เพื่อนในช้ันฟัง
Suggested Answer Key
Yesterday, I went to the cinema.
Once, I swallowed a fish bone.
This morning I felt tired.
I could ride a bike when I was five.
I started learning English four years ago.
                 90
10. นกั เรียนทากจิ กรรมในหนังสือเรียน หน้า 21 Ex. 8 (to practise the past simple) โดย
   เปลย่ี นคากรยิ าในวงเล็บให้อยู่ในรูป past simple เสร็จแลว้ ครตู รวจคาตอบ
A 1. felt           3. started                 3. rushed
    2. didn’t know  4. couldn’t                5. were
                    2. grabbed
B 1. didn’t take    3. tried
C 1. became         4. didn’t work
    2. started
12. นักเรยี นทากิจกรรมในหนังสือเรยี น หนา้ 21 Ex. 9 (to ask and answer questions about the
    past) โดยจบั ค่กู บั เพื่อน ถามและตอบเกีย่ วกบั ประสบการณ์ในวันหยุดของตนเองทส่ี นุกทส่ี ดุ เศร้า
    ทส่ี ุด หรือน่ากลัวท่สี ดุ ดว้ ยคาทีก่ าหนดให้ ครสู งั เกตขณะนักเรยี นทากจิ กรรม แลว้ สุม่ เรยี กนกั เรยี น
    บางคู่ ออกมาพูดถามและตอบทห่ี น้าชั้นเรียน
Suggested Answer Key
1. A: Where did you go?
    B: I went to Portugal.
2. A: What was the weather like?
    B: It was hot and sunny.
3. A: How did you get there?
    B: I got there by boat.
4. A: Where did you stay?
    B: I stayed at a campsite.
5. A: What did you do?
    B: I swam every day and ate local dishes.
6. A: What happened?
    B: We went sailing and there was a storm.
7. A: Who were you with?
    B: I was with my friends.
8. A: How did you feel?
    B: I felt scared.
                        91
9. A: What happened in the end?
                    B: We got rescued.
                10. A: How did you feel in the end?
                    B: I felt lucky to be alive.
กจิ กรรมรวบยอด
1. นกั เรยี นทากิจกรรมในหนังสือเรียน หนา้ 21 Ex. 10 (to relate someone’s experience, to
   practise the past simple third person singular) โดยนาคาตอบของค่สู นทนาของตนเองจาก
   Ex. 9 มาพดู เล่าประสบการณ์ในวนั หยุดของค่สู นทนาให้เพ่ือนในชน้ั ฟัง
        Suggested Answer Key
        Last year John went on holiday to Portugal with his friends. They went
there by boat. They stayed at a campsite and had a great time. They swam every
day, then in the evenings they ate local dishes.
        One day they decided to hire a boat and went sailing. Suddenly the
weather changed. Soon it started to rain and there was a storm. They were very
scared. Luckily, some fishermen rescued them. They all felt lucky to be alive.
สาหรับช้ันเรียนเด็กอ่อน ครูเขียนวลตี อ่ ไปนี้บนกระดาน และให้นกั เรียนใช้วลีเหลา่ นีใ้ นการเขียน
เรื่องเล่า
 went on holiday with friends  stayed at campsite
 swam                      decided to hire
 went sailing              suddenly
 started to rain           were scared
 fishermen rescued them    felt lucky to be alive
2. นักเรยี นทากจิ กรรมในแบบฝึกหัด (Workbook) Unit 2a หนา้ 16 Exs. 1-4 เปน็ การบ้าน
7. การวดั และการประเมินผล
7.1 ประเมนิ การทาแบบทดสอบก่อนเรยี น
7.2 ประเมนิ การทาแบบฝึกหัด
7.3 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรใู้ นช่วงการทากิจกรรม
7.4 ประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
7.5 ประเมนิ ผลการพดู เล่าประสบการณใ์ นวนั หยุดของเพื่อน
                                     92
8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
    8.1 หนงั สือเรียน Access 3 ม. 3
    8.2 แบบฝึกหัด (Workbook) Access 3 ม. 3
    8.3 แบบฝกึ ไวยากรณ์ Extra Access 3 ม. 3
    8.4 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนงั สอื เรยี น Access 3 ม. 3)
    8.5 CD หนังสอื Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
    8.6 พจนานุกรมภาษาอังกฤษ
                                          93
บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้
ผลการจดั การเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
                                                      ลงชอ่ื …………………………………….ผู้สอน
                                                         (……………………….……………)
                                                      วันท่ี……..เดือน……….………พ.ศ. …..…
ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
                                                      ลงชอ่ื …………………………………….ผู้ตรวจ
                                                          (……………………….……………)
                                                      วันท่ี……..เดือน……….………พ.ศ.……….
                                          94
แผนการจัดการเรียนรู้
                            Unit 2b Nightmares
                                ช่ัวโมงที่ 3-4
1. ความคิดรวบยอด
     ร้แู ละเขา้ ใจคาศัพทเ์ กีย่ วกบั ปรากฏการณธ์ รรมชาติ เพ่ือเป็นพ้ืนฐานในการค้นคว้า รวบรวม และนาเสนอ
ขอ้ มลู ท่ีเกย่ี วข้องกับกลมุ่ สาระการเรยี นรู้อ่นื
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
    2.1 เรยี นรู้คาศพั ทเ์ กี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติและคาศัพท์ต่อไปน้ี nightmares, drowning,
        swept away, burst its banks, hit, lamppost ได้
    2.2 ฟังและอ่านเพอ่ื หาข้อมูลจาเพาะได้
    2.3 สร้าง adverbs จาก adjectives ได้ถูกต้อง
    2.4 ใช้ time words ได้ถูกต้อง
    2.5 นาเสนอข้อมูลเกย่ี วกับภัยพิบัตทิ างทะเลได้
3. สาระการเรยี นรู้
    3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
          - การจับใจความสาคญั เชน่ ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนับสนนุ
          - การคน้ ควา้ การรวบรวม และการนาเสนอขอ้ มลู ที่เกย่ี วข้องกับกลุม่ สาระการเรียนรู้อ่นื
    3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น
          -
4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน
    4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
    4.2 ความสามารถในการคดิ
          - การคดิ วิเคราะห์
    4.3 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
    5.1 ใฝ่เรียนรู้
                                        95
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมนาสูก่ ารเรียน
    ครดู ึงความสนใจของนักเรียนมาทีช่ อ่ื Unit 2b และภาพในหนงั สอื เรยี น หน้า 22 แล้วกระตุ้นให้นกั เรยี น
    บอกว่า Unit 2b นา่ จะเกยี่ วกับเรอื่ งอะไร (natural disasters)
กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรู้
    1. ครูเปิด CD 1/Track 24 ใหน้ กั เรยี นฟงั คาศัพท์เกยี่ วกับปรากฏการณ์ธรรมชาติในหนังสือเรียน
        หนา้ 22 Ex. 1 (to present new vocabulary and consolidate through discussion) แลว้ ออก
        เสียงตาม จากนน้ั ครูให้นกั เรียนบอกความหมายของคาศัพท์ดงั กลา่ วดว้ ยการเดาความหมายจากภาพ
        เสรจ็ แลว้ ให้นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายวา่ ปรากฏการณ์ธรรมชาตใิ ดบา้ งท่ีเกดิ ขน้ึ ในประเทศไทย
                 Suggested Answer Key
                 In my country we often have flood and lightning.
    2. นักเรียนทากิจกรรม Think! ในหนงั สือเรียน หน้า 22 โดยครูใหเ้ วลานักเรียน 2 นาที ในการเตรยี ม
        คาตอบดว้ ยการเขียนประโยค 2-3 ประโยค เมื่อทาเสร็จแล้วใหน้ กั เรยี นบอกคาตอบของตนเองกับ
        เพอื่ นข้างเคียง จากนัน้ ครสู ุ่มเรียกนักเรียนอ่านคาตอบของตนเองให้เพอ่ื นในชน้ั ฟัง
                 Suggested Answer Key
        To me the most dangerous ones are tornadoes, floods and hurricanes because they
        can occur suddenly, without much warning, and cause major damage.
    3. นกั เรยี นศกึ ษาหัวข้อ Learning to learn ในหนงั สือเรยี น หนา้ 22 เกย่ี วกบั การคาดเดาเนื้อเรอ่ื งของ
        บทอ่านจากคาสาคญั แล้วครูใหน้ กั เรียนดูทค่ี า/วลใี น Ex. 2 และอธิบายวา่ คา/วลสี าคัญเหล่านี้มาจาก
        บทอ่าน ซง่ึ คา/วลสี าคญั จะช่วยใหผ้ ู้อา่ นคาดเดาได้วา่ บทอ่านจะเกย่ี วข้องกบั เร่ืองอะไร
    4. นักเรียนทากจิ กรรมในหนงั สือเรยี น หน้า 22 Ex. 2 (to predict the content of a text) โดยอ่าน
        ช่อื บทอา่ น เกริน่ นาเรอ่ื ง และคา/วลสี าคญั ทใี่ หม้ าใน Ex. 2 แลว้ ครอู ธบิ ายคาที่นักเรียนไม่รู้
        ความหมาย เช่น nightmare – bad dream, drowning – dying under water, swept – washed
        away, lamppost – streetlight
                                        96
จากนน้ั ครูกระตุ้นให้นักเรยี นช่วยกนั บอกวา่ บทอ่านน้นี า่ จะเก่ียวกบั เร่อื งอะไร (a flood) แลว้ ให้
   นกั เรยี นฟัง CD 1/Track 25 และอ่านบทอ่านตามไปดว้ ยเพอื่ ตรวจคาตอบ เสร็จแล้วครูกระตนุ้ ให้
   นักเรียนบอกว่าสามารถอา่ นบทอา่ นนี้ได้จากทีใ่ ด (a magazine)
5. นกั เรยี นทากจิ กรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 23 Ex. 3 (to read for specific information) โดยอ่าน
   บทอ่านในหนา้ 22 อีกคร้ัง แลว้ ตอบคาถาม เสร็จแล้วครูตรวจคาตอบของนักเรยี น จากนนั้ ให้
   นกั เรียนอธบิ ายความหมายของคาท่พี ิมพ์ตัวหนาในบทอ่าน
1. John was afraid of water.
2. He went to Cornwall on holiday.
3. The river burst its banks, and water swept him off his feet and washed him
       down the road.
4. He grabbed a lamppost and pulled himself out of the water.
5. He was very relieved to be alive.
6. นกั เรยี นทากจิ กรรมในหนงั สือเรยี น หน้า 23 Ex. 4 (to match pronouns to nouns) โดยจับคคู่ า
   สรรพนาม (1-7) ซ่ึงมาจากบทอ่านในหน้า 22 กบั คานามท่ีกาหนดให้ เสรจ็ แลว้ ครตู รวจคาตอบของ
   นักเรียน
2. John         5. the lady in the shop
3. John’s       6. John
4. the river’s  7. the lamppost
7. นักเรียนอา่ นตัวอยา่ งประโยคแตล่ ะคู่ท่ใี หม้ าในหนังสือเรียน หน้า 23 Ex. 5a (to present how we
   form adverbs) แลว้ ครกู ระตุ้นให้นกั เรยี นบอกว่าคาท่ีพมิ พ์สฟี ้าในประโยคแตล่ ะคู่ คาใดเปน็
   adjective คาใดเป็น adverb
   จากนั้นครูดึงความสนใจของนักเรียนมาที่ adverb ท่ีลงทา้ ยด้วย -ly และชใ้ี หน้ ักเรียนดตู ัวอยา่ ง
   good – well ซ่ึงเป็น adverb ท่ีเปน็ irregular แลว้ ครกู ระตนุ้ ใหน้ กั เรียนบอกวิธีการสร้าง adverb
                We usually form adverbs by adding -ly to the adjective.
                Adjectives ending in -le drop the -e and take -y;
                adjectives ending in consonant + -y drop the -y and take -ily;
                adjectives ending in -l take -ly.
                                    97
8. นักเรยี นทากจิ กรรมในหนงั สือเรยี น หน้า 23 Ex. 5b (to practise forming adverbs) โดยสรา้ ง
   adverbs จาก adjectives ที่กาหนด ครูทาคาที่ 1 ให้ดเู ปน็ ตวั อย่างบนกระดาน แลว้ ให้นักเรยี นทา
   คาท่ีเหลือ เสร็จแล้วครตู รวจคาตอบ จากน้นั ให้นักเรยี นแต่งประโยคโดยใช้ adverbs เหลา่ นี้
                  slowly, happily, safely, fast, really, completely, well
Suggested Answer Key         He really likes chocolate.
She is singing happily.      She is completely happy.
I always drive safely.       She speaks English well.
I can run fast.
9. นักเรยี นศกึ ษาการใช้ time words ในหนงั สือเรยี น หนา้ 23 Ex. 6 (to present time words)
   จากนัน้ ใหน้ กั เรยี นหาตวั อยา่ งประโยคที่ใช้ time words จากบทอ่านในหน้า 22
... and then water swept me away.
Last year, while John was on holiday ... .
... as soon as he stepped out into the road ... .
Then suddenly, he ... .
10. ครใู ห้นักเรียนเช่ือมประโยคทีใ่ ห้มาในหนงั สือเรียน หนา้ 23 Ex. 7 (to practise using time
    words) ดว้ ยคาในวงเล็บ เสรจ็ แล้วครูตรวจคาตอบ
Suggested Answer Key
2. They walked in the park until it got dark.
3. He went on holiday after he finished school./
  After he finished school, he went on holiday.
4. The phone rang as soon as she entered the room./
  As soon as she entered the room, the phone rang.
5. It stopped raining and then they left the office.
6. It was late, so he decided to get a taxi.
                         98
11. ครูดงึ ความสนใจของนักเรียนมาทีภ่ าพ ชื่อเร่ือง และข้อความท่ีใหเ้ ตมิ คาในหนังสือเรยี น หน้า 23 Ex.
    8a (to listen for specific information) แล้วกระต้นุ ให้นกั เรยี นคิดวา่ กจิ กรรมการฟังน้ีจะเกย่ี วกับ
    อะไร (the sinking of The Titanic)
    จากนัน้ ครูให้นักเรยี นอา่ นข้อความทใี่ หเ้ ติมคา และกระตนุ้ ให้นักเรียนบอกวา่ ข้อมลู ประเภทใดทข่ี าด
    หายไปในแต่ละช่องว่าง (1 the name of a place, 2 a date, 3 a time, 4 a number, 5 a
    month) แลว้ ครูเปดิ CD 1/Track 26 ใหน้ ักเรียนฟังและเติมคาขาดหายไป เสรจ็ แลว้ ครตู รวจ
    คาตอบ
                1. New York  3. 2:20        5. September
                2. 14th      4. 1,500
12. ครูอธิบายภาระงานและอา่ นตัวอยา่ งการถามและตอบในหนังสือเรยี น หนา้ 23 Ex. 8b (to form,
    ask and answer questions) ใหน้ ักเรยี นฟัง แล้วใหน้ ักเรยี นจับคู่กบั เพื่อน ชว่ ยกันเรยี งลาดบั คาให้
    เป็นประโยคคาถามทีถ่ ูกตอ้ ง เสร็จแล้วถามและตอบคาถามโดยใช้ข้อมูลจาก Ex. 8a ครูเดินสงั เกต
    รอบๆ ช้นั เรยี นขณะนักเรียนทากิจกรรม จากนน้ั ครตู รวจคาตอบโดยสุ่มเรยี กนักเรียนหลายๆ คู่
    ออกมาพูดถามและตอบทหี่ น้าช้ันเรยี น
                2. A: What was its destination?
                    B: New York.
                3. A: What happened four days later?
                    B: The ship hit an iceberg (in the North Atlantic Ocean).
                4. A: When did the ship sink?
                    B: On 15th April.
                5. A: What time was it?
                    B: 2:20 am.
                6. A: How many people died?
                    B: More than 1,500.
                7. A: When did they locate the ship?
                B: On 1st September, 1985.
กจิ กรรมรวบยอด
                             99
1. ครูอธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หนา้ 23 Ex. 9 (to make a presentation) แลว้ แบ่งนกั เรียน
        ออกเปน็ กลุ่ม กลุม่ ละ 3-4 คน ให้แต่ละกลมุ่ สบื คน้ ข้อมลู เก่ยี วกับภัยพบิ ัติทางทะเลจากอนิ เทอร์เนต็
        โดยใชเ้ ว็บไซต์ที่กาหนดให้ สารานุกรม หรอื หนงั สอื อา้ งองิ อื่นๆ ครอู าจมอบหมายให้เป็นการบา้ น เสร็จ
        แล้วให้นักเรียนนาเสนอผลงานในชัน้ เรยี น ครูสนับสนนุ ใหน้ กั เรียนใชส้ ิ่งทีก่ ระตนุ้ สายตา เชน่ ภาพ มา
        ประกอบผลงาน หรอื นักเรียนที่มคี วามสามารถด้านเทคโนโลยอี าจนาเสนอด้วย PowerPoint จากน้ัน
        ครูอาจใหน้ ักเรียนลงคะแนนเลือกกลุ่มที่นาเสนอผลงานได้ดีที่สุด
                Suggested Answer Key
                The Herald of Free Enterprise was a British car and passenger ferry. On 6th
        March 1987, at 6:05 pm, it left the Belgian port of Bruges-Zeebrugge on its way to
        Dover in England. There were 459 passengers and 80 crew on board as well as 81
        cars, 3 buses and 47 lorries. It started to sink a minute and a half later because
        workers forgot to close the bow doors. At 6:29 pm the ship sank just 90 metres from
        the shore. A rescue helicopter arrived within 30 minutes as well as the Belgian Navy
        but still 193 people died. As the ship sank in shallow water, they managed to re-
        float it a month later in April, 1987.
3. นกั เรียนทากจิ กรรมในแบบฝึกหัด (Workbook) Unit 2b หน้า 17-18 Exs. 1-4
7. การวดั และการประเมนิ ผล
    7.1 ประเมินการทาแบบฝึกหัด
    7.2 สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนร้ใู นช่วงการทากิจกรรม
    7.3 ประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
    7.4 ประเมินผลการนาเสนอข้อมลู เก่ียวกับภัยพิบัติทางทะเล
8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
    8.1 หนังสือเรยี น Access 3 ม. 3
    8.2 แบบฝกึ หดั Access 3 ม. 3
    8.3 แบบฝึกไวยากรณ์ Extra Access 3 ม. 3
    8.4 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสอื เรยี น Access 3 ม. 3)
    8.5 CD หนังสอื Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
    8.6 อินเทอร์เนต็ สารานกุ รม หรือหนงั สืออา้ งอิง
                                        100
บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้
ผลการจัดการเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
                                                      ลงชอื่ …………………………………….ผ้สู อน
                                                         (……………………….……………)
                                                      วนั ที่……..เดอื น……….………พ.ศ. …..…
ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
                                                      ลงชื่อ…………………………………….ผู้ตรวจ
                                                          (……………………….……………)
                                                      วนั ท่ี……..เดือน……….………พ.ศ.……….
                                        101
แผนการจดั การเรียนรู้
                                Unit 2c Relieved
                                   ช่วั โมงท่ี 5-6
1. ความคิดรวบยอด
     รู้และเขา้ ใจการลาดบั เหตุการณแ์ ละหลกั การเขยี นเร่ืองเล่า ชว่ ยให้ใชภ้ าษาในการสอ่ื สารเกย่ี วกับเรื่อง
ใกลต้ ัวได้อยา่ งถูกต้อง
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
    2.1 เรยี นรคู้ าศัพทต์ ่อไปนี้ heavily, basement, crashing, calm down, damage, worried,
        searched, bushes ได้
    2.2 เรียงลาดับเหตกุ ารณ์ทีเ่ กดิ ขึน้ ได้
    2.3 สรุปเร่ืองที่อา่ นได้
    2.4 เขยี นเรอื่ งเล่าได้
3. สาระการเรียนรู้
    3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง
          - การจบั ใจความสาคญั เช่น ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนบั สนนุ
          - การบรรยายเก่ยี วกบั ประสบการณ์
    3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถ่ิน
          -
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
    4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
    4.2 ความสามารถในการคิด
          - การคิดวิเคราะห์
5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
    5.1 ใฝเ่ รียนรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้
                                102
กิจกรรมนาสกู่ ารเรยี น
    ครูให้นกั เรียนดภู าพและชื่อ Unit 2c ในหนงั สอื เรียน หน้า 24 แลว้ กระตุ้นใหน้ ักเรยี นเดาวา่ เนอื้ หาใน
    Unit 2c จะเก่ียวกับเรื่องอะไร (a story about a scary experience)
กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้
    1. นกั เรยี นทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 24 Ex. 1 (to predict the content of a text from
        audio and visual material) โดยครูดึงความสนใจของนักเรยี นมาท่ีภาพ แลว้ เปิด CD 1/Track 27
        ให้นักเรยี นฟงั และคาดเดาว่าเน้อื เรอ่ื งจะเกยี่ วข้องกับเรื่องอะไร จากน้ันใหน้ กั เรียนอา่ นบทอา่ นเพื่อ
        ตรวจวา่ การคาดเดาของนักเรียนถูกต้องหรอื ไม่
                Suggested Answer Key
                I think the story is about a hurricane which destroyed someone’s house.
    2. ครสู าธิตการทากจิ กรรมในหนังสอื เรียน หน้า 24 Ex. 2 (to read the text structure and
        cohesion) ด้วยการอ่านประโยคแรกในบทอา่ น และอ่านวลี a-e จากนน้ั กระต้นุ ใหน้ กั เรียนบอกวา่
        วลใี ดท่ีจะนาไปเติมในช่องว่าง (b)
        แลว้ ครูใหน้ กั เรียนทาขอ้ ท่เี หลอื ดว้ ยวธิ เี ดยี วกนั โดยพยายามเตมิ แตล่ ะวลีในทุกช่องวา่ งจนกระท่ังได้
        บทอ่านที่สมบรู ณ์ และตรวจดวู า่ บทอ่านนน้ั สามารถเข้าใจได้ เสรจ็ แล้วครูเปิด CD 1/Track 28 ให้
        นกั เรียนฟังเพ่ือตรวจคาตอบ จากนั้นใหน้ กั เรยี นช่วยกันอธิบายคา/วลที พี่ ิมพ์ตัวหนาในบทอ่าน
                      1. b 2. d 3. a 4. c 5. e
3. ครูใหน้ ักเรยี นเรยี งเหตุการณ์ในหนงั สือเรียน หนา้ 24 Ex. 3 (to order events and give a
   summary of a story) ตามลาดบั ที่เกิดข้ึนในบทอา่ น เม่ือนกั เรยี นเรยี งลาดบั เหตกุ ารณ์ถูกต้องแล้ว
   ใหใ้ ช้
   โครงเร่ืองนสี้ รปุ เร่ืองให้เพื่อนในช้นั ฟัง
2. It began to rain.       6. They heard a loud crashing noise.
3. They went inside the house. 7. The wind stopped.
4. They closed the windows. 8. They went outside again.
5. They went to the basement. 9. They helped their neighbours.
                      103
Suggested Answer Key
                The children were in the garden when it began to rain. They went inside
        the house and they closed the windows. The family went down to the basement
        and they could hear the wind blowing. They heard a loud crashing noise and they
        were scared. After a while, the wind stopped and they went outside again. They
        helped their neighbours find their dog.
    4. นกั เรยี นศกึ ษาหวั ข้อ Learning to learn ในหนงั สือเรียน หนา้ 24 เกีย่ วกบั การลาดบั เหตุการณ์
        (sequence of events) แลว้ ครูบอกนักเรยี นว่า ก่อนทน่ี กั เรยี นจะเขียนเรื่องจาเปน็ ต้องคิดถงึ
        เหตกุ ารณ์ทีเ่ กิดขึ้น และนาเสนอเหตกุ ารณเ์ หล่านนั้ ตามลาดับเวลาเพอื่ ชว่ ยให้ผู้อา่ นติดตามเร่อื งได้
กิจกรรมรวบยอด
    1. นักเรียนทากจิ กรรมในหนงั สือเรยี น หนา้ 24 Ex. 4 (to write a story) โดยครูให้นักเรยี นร่วมกัน
        ระดมความคดิ เกี่ยวกับประสบการณท์ ่ีผดิ ปกติ เชน่ earthquake, flood เปน็ ต้น แลว้ อภิปราย
        คาถามของแตล่ ะย่อหน้าในโครงเรือ่ งท่ีกาหนดให้ จากน้ันครูสุ่มเรียกนกั เรยี นบางคนพูดสรุป
        โครงเรือ่ งของตนเองทจ่ี ะเขียนใหเ้ พ่อื นในชน้ั ฟัง แล้วครูให้เวลานักเรยี นเขียนเรอื่ งเลา่ ในชัน้ เรยี น
        หรือมอบหมายให้เป็นการบ้าน เมอ่ื เขียนเสรจ็ แลว้ ครูใหน้ ักเรียนหลายๆ คน ออกมาอ่านเรอ่ื งที่
        ตนเองเขียนให้เพื่อนฟังทีห่ นา้ ชน้ั เรียน
                Suggested Answer Key
        I was on holiday in Athens with my parents last year. Three days before we left, we
        decided to go shopping for souvenirs. It was a hot sunny day.
        We were about to leave the hotel room when, suddenly, we heard a loud noise.
        The ground began to shake and we realised it was an earthquake. My dad told us to
        stay calm. We stood in a doorway and waited for it to stop.
        It was over in a few seconds. It was a frightening experience and we were relieved it
        was over. At least we were all OK.
                                        104
การเขยี นเรอ่ื งเล่า
การเขยี นเร่ืองเล่า 1 เร่อื ง สง่ิ แรกท่ีต้องตัดสนิ ใจคอื ประเภทของเร่ืองท่จี ะเขยี น
โครงเร่อื ง และตวั ละครหลัก ในยอ่ หน้าแรกเราจะวางฉากของเร่อื ง นนั่ คอื จะเขียน
วา่ เรอื่ งเกดิ ข้ึนที่ไหน เมือ่ ไหร่ ใครคือตวั ละครหลัก และมเี หตกุ ารณ์อะไรเกดิ ขึ้น
เปน็ อันดบั แรก
ในย่อหน้าที่ 2 เราจะบรรยายเหตุการณต์ ามลาดับท่ีเกิดขน้ึ ไปจนถงึ เหตกุ ารณท์ ่ี
สาคญั ทส่ี ุดของเรื่อง (climax event) โดยปกติเราจะใช้คาเชื่อมเวลา (after, when,
while, before, etc) เพ่ือแสดงการลาดบั เหตุการณ์ (sequence of events)
ในย่อหน้าสุดทา้ ย เราจะเขยี นว่าเกิดอะไรขึ้นในตอบจบและตวั ละครรูส้ ึกอย่างไร
สาหรับชน้ั เรยี นเด็กอ่อน ครเู ขียนวลีต่อไปนีบ้ นกระดาน แล้วให้นกั เรียนใช้วลเี หลา่ นี้เขียนเรอ่ื งเล่า
ของตนเอง
 on holiday with parents  last year                                   hot & sunny
 hear loud noise            ground begin to shake  earthquake
 stand in a doorway         stay calm                                 be over
 frightening experience     relieved
2. นักเรยี นทากิจกรรมในแบบฝึกหัด (Workbook) Unit 2c หน้า 19-20 Exs. 1-3
3. นักเรียนทากิจกรรมในแบบฝึกหัด (Workbook) Unit 2c หน้า 21-22 Exs. 4-7 เป็นการบา้ น
7. การวดั และการประเมนิ ผล
    7.1 ประเมินการทาแบบฝึกหดั
    7.2 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ในชว่ งการทากจิ กรรม
    7.3 ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
    7.4 ประเมินผลการเขียนเรื่องเลา่ เกี่ยวกบั ประสบการณท์ ผ่ี ดิ ปกติ
8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 หนังสือเรยี น Access 3 ม. 3
8.2 แบบฝกึ หดั (Workbook) Access 3 ม. 3
8.3 แบบฝกึ ไวยากรณ์ Extra Access 3 ม. 3
8.4 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสือเรยี น Access 3 ม. 3)
8.5 CD หนังสือ Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
                            105
บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
ผลการจัดการเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
                                                      ลงชอ่ื …………………………………….ผูส้ อน
                                                         (……………………….……………)
                                                      วันท่ี……..เดอื น……….………พ.ศ. …..…
ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารหรือผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
                                                      ลงชอ่ื …………………………………….ผู้ตรวจ
                                                          (……………………….……………)
                                                      วันท่ี……..เดือน……….………พ.ศ.……….
                                        106
แผนการจดั การเรียนรู้
                              Unit 2d Culture corner
                                    ชว่ั โมงที่ 7-8
1. ความคิดรวบยอด
     ความรู้เกีย่ วกับเร่ืองเลา่ /นทิ านพ้นื บา้ นของเจา้ ของภาษา ช่วยให้เกิดความเข้าใจความเป็นมา ภมู ิหลงั
และบรบิ ททางสงั คมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
    2.1 เรยี นรูค้ าศัพทต์ ่อไปนี้ myth, legend, giants, warriors, kings, tale, hero, overcome,
        obstacles, beast, incredible, entertain, moral values, fairies, leprechaun, pots;
        phrases with ‘spend’ ได้
    2.2 อ่านเพื่อหาข้อมูลจาเพาะได้
    2.3 พูดเก่ียวกับนิทานพ้นื บ้านได้
3. สาระการเรียนรู้
    3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
          - การจบั ใจความสาคัญ เช่น ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนับสนุน
          - เรอ่ื งเล่า/นิทานของเจา้ ของภาษา
    3.2 สาระการเรยี นร้ทู ้องถนิ่
          -
4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
    4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
    4.2 ความสามารถในการคิด
          - การคดิ วเิ คราะห์
5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
    5.1 ใฝเ่ รยี นรู้
                                 107
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมนาสู่การเรยี น
    ครใู ห้นกั เรียนดภู าพและช่ือบทอา่ นในหนงั สือเรยี น หน้า 25 แลว้ กระต้นุ ให้นักเรยี นคิดว่าเน้อื หาใน
    Unit 2d จะเกีย่ วข้องกบั อะไร (stories) จากน้ันครูให้นักเรียนบอกว่าเรื่องเลา่ นา่ จะเกี่ยวข้องกับอะไร
    (fairies, gold, forests, princesses, etc)
กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู้
    1. นกั เรียนทากิจกรรมในหนังสือเรยี น หน้า 25 Ex. 1 (to identify the country of origin of a
        music extract) โดยครูเปดิ CD 1/Track 29 ให้นักเรียนฟังเสยี งดนตรี และบอกวา่ เสยี งดนตรีทไี่ ด้
        ฟังนนั้
        ทาใหน้ กั เรียนนึกถึงประเทศใด
                           Ireland
    2. นักเรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หน้า 25 Ex. 2 (to listen and read for specific
        information) โดยดภู าพ แลว้ ครกู ระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นระบุสิ่งมชี ีวิตที่เห็นในภาพ (e.g. fairy) จากนน้ั ครู
        เปิด CD 1/Track 30 ให้นกั เรยี นฟังและอ่านบทอ่านในหนังสอื เรยี นตามไปดว้ ย เมื่ออา่ นจบแลว้ ครู
        กระตุน้ ขอ้ มลู เก่ยี วกับส่งิ มชี ีวิตในภาพจากนักเรยี นในชน้ั
                Suggested Answer Key
                The man on the left is a seanchai or a storyteller. The creature next to him
        is an elf called a leprechaun, who makes shoes and has a hidden pot of gold. The
        man on the horse is a warrior/hero and the girl may be a princess. The creature on
        the far right of the picture is a fairy.
    3. ครอู า่ นคาถาม 1-4 ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 25 Ex. 3 (to answer comprehension questions
        based on a text) ใหน้ ักเรียนฟงั แลว้ ใหน้ ักเรียนอ่านบทอ่านอีกครั้งและตอบคาถาม เสรจ็ แล้วครู
        ตรวจคาตอบของนักเรยี น จากนน้ั ครใู หน้ ักเรียนอธิบายความหมายของคาทพ่ี ิมพ์ตวั หนาในบทอ่าน
                                        108
1. Seanchais tell stories.
        2. Myths, legends and folk tales.
        3. They are about giants, warriors and kings. They are about heroes who
        overcome great obstacles, fight with magical beasts and have incredible adventures.
        4. They have fairies and elves including leprechauns.
    4. ครูอา่ นวลที ใี่ ช้ ‘spend’ ในหนงั สือเรยี น หน้า 25 Ex. 4 (to present new vocabulary) แล้ว
        กระตุ้นใหน้ ักเรียนบอกวา่ วลีใดทีน่ กั เรยี นพบในบทอา่ น (spend a cold, winter night) จากนัน้ ให้
        นกั เรยี นแตง่ ประโยคโดยใชว้ ลีทใี่ ช้ ‘spend’ เสรจ็ แลว้ ครูตรวจคาตอบของตนเองโดยสุ่มเรยี ก
        นักเรยี นอา่ นประโยคของตนเอง
                 Suggested Answer Key
                 I spend €12 a week on bus fares.
                 I spend most evenings reading or watching TV.
    5. นกั เรยี นทากิจกรรมในหนงั สือเรยี น หนา้ 25 Ex. 5 (to talk about stories and moral values)
        โดยครูให้เวลานกั เรียนคดิ เกีย่ วกบั เรอื่ งเล่าทนี่ ักเรียนชื่นชอบ 3 เรอื่ ง และคตทิ ีเ่ รื่องเหล่านน้ั สอน
        นักเรยี น จากน้ันส่มุ เรียกนักเรียนบางคนบอกคาตอบของตนเองใหเ้ พอื่ นในชัน้ ฟงั
                Suggested Answer Key
        My three favourite stories are the Grimm Brothers’ ‘Little Red Riding Hood’, and
        Aesop’s fables ‘The Tortoise and the Hare’ and ‘The Boy Who Cried Wolf’.
        The first story teaches us not to talk to strangers/beware of wolves in sheep’s
        clothes; the second teaches us not to underestimate others and the third story
        teaches us to always be honest.
กิจกรรมรวบยอด
    1. นกั เรยี นทากจิ กรรมในหนังสือเรียน หน้า 25 Ex. 6 (to retell a popular folk tale) โดยครแู บ่ง
        นกั เรียนออกเป็นกล่มุ แล้วให้แต่ละกลุม่ คิดเกี่ยวกับนิทานพ้ืนบา้ นของไทยท่เี ป็นที่รจู้ ัก ครูสังเกตการ
                                        109
ทากิจกรรมและกระตุ้นใหน้ ักเรียนคดิ ถงึ นิทานเรอ่ื งตา่ งๆ จากนน้ั ให้แต่ละกลมุ่ ตอบคาถามท่ี
        กาหนดให้ เสรจ็ แลว้ นาเสนอนิทานท่หี นา้ ชั้นเรยี น
                 Suggested Answer Key
                 The story of Chanthakorop and Mora is about a man and a beautiful girl.
Chanthakorop was a son of king Bhromadhat. His father wanted him to be a vigorous
governor. So his father ordered him to learn the magic incantations with the hermit. After he
finished his studies, he wanted to return home.
                 The hermit gave him a chrismatory cup and warned that didn’t open it
until he arrived home. While travelling alone in the jungle, he wanted to know why the
hermit didn’t want him to open it. So he opened it and he saw a very beautiful girl called
Mora who the hermit used the magic to make her be his wife. He was glad and took her to
home.
                 On the way they met a bandit who wanted Mora to be his wife.
Chanthakorop fought with the bandit and he was killed. Mora saw Chanthakorop died, so she
decided to follow the bandit to be his wife. The bandit was sceptical that she would betray
him. So he took her in the jungle and let her stay alone.
                 God Indra saw the situation and wanted to test Mora’s attitude. So he
disguised himself as a hawk holding some meat in his mouth. When Mora saw the hawk, she
asked for some meat. She told the hawk she would give him everything even becoming his
wife. When the hawk heard that, he cursed her to be a gibbon.
                 The story teaches us to listen to our teacher and teach us to be honest.
Chanthakorop didn’t listen to his teacher so he died. And Mora didn’t be honest so she
became a gibbon.
    2. นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) Unit 2d หน้า 23 Exs. 1-4 เป็นการบา้ น
7. การวัดและการประเมินผล
    7.1 ประเมินการทาแบบฝึกหดั
    7.2 สังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรใู้ นชว่ งการทากจิ กรรม
    7.3 ประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
                                        110
7.4 ประเมนิ ผลการพดู นาเสนอเก่ียวกับนทิ านพืน้ บ้านของไทย
8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
    8.1 หนังสอื เรียน Access 3 ม. 3
    8.2 แบบฝกึ หัด (Workbook) Access 3 ม. 3
    8.3 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสือเรยี น Access 3 ม. 3)
    8.4 CD หนงั สือ Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
                                        111
บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
ผลการจดั การเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
                                                      ลงชอ่ื …………………………………….ผสู้ อน
                                                         (……………………….……………)
                                                      วันท่ี……..เดอื น……….………พ.ศ. …..…
ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ ริหารหรือผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
                                                      ลงชอ่ื …………………………………….ผู้ตรวจ
                                                          (……………………….……………)
                                                      วันท่ี……..เดือน……….………พ.ศ.……….
                                        112
แผนการจัดการเรยี นรู้
                         Unit 2e Oh my goodness!
                                ช่วั โมงที่ 9-10
1. ความคิดรวบยอด
     รแู้ ละเขา้ ใจความหมายของสานวนภาษาทใี่ ช้ในการเล่าเหตุการณใ์ นอดีต การออกเสียงถูกต้องตาม
หลักการอา่ น ชว่ ยให้ใช้ภาษาในการพดู ส่ือสารได้อยา่ งเหมาะสม
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
    2.1 เรยี นรคู้ าศัพทต์ ่อไปน้ี upset, shock, shouting, screaming, fountain, snake, stripes, cage
        ได้
    2.2 อา่ นออกเสยี งสานวนภาษาทใ่ี ช้ในการเล่าเหตกุ ารณใ์ นอดีตและคาศพั ทท์ ม่ี ีเสยี ง /i:/, /ɪə/ ได้
    2.3 เลา่ เหตกุ ารณใ์ นอดตี ได้
3. สาระการเรยี นรู้
    3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
          - การออกเสียงเน้นหนัก-เบา ในประโยค การออกเสียงสระเสยี งยาว
          - ภาษาท่ีใช้ในการสื่อสารระหว่างบคุ คล
    3.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น
          -
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
    4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
    5.1 ใฝ่เรียนรู้
                                        113
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมนาสู่การเรยี น
    ครูให้นกั เรยี นดูชอ่ื Unit 2e และภาพในหนังสือเรยี น หนา้ 26 แล้วเดาวา่ เน้ือหาใน Unit 2e จะเก่ยี วกบั
    เรอื่ งอะไร (an unexpected event)
กจิ กรรมพฒั นาการเรียนรู้
    1. ครูเปิด CD 1/Track 31 ให้นักเรยี นฟังสานวนภาษาท่ีใช้เล่าเหตุการณ์ในอดีตในหนังสอื เรียน
        หนา้ 26 Ex. 1 (to practise pronunciation and intonation) 1 ครง้ั โดยใหน้ ักเรยี นฟังเพยี ง
        อยา่ งเดยี ว จากนนั้ ครูเปดิ CD อีกครัง้ โดยหยุด CD ทกุ คร้ังที่จบประโยค เพ่ือใหน้ ักเรียนฟังและออก
        เสยี งตาม พร้อมทงั้ ระบุวา่ แต่ละประโยคออกเสยี งเนน้ หนักที่คาใด
You’ll never guess what happened to me. Oh, my goodness!
I had quite a shock.        You look a little upset.
What on earth was it?       What was going on?
What is it?                 Oh, dear!
2. นกั เรียนทากิจกรรมในหนังสือเรียน หนา้ 26 Ex. 2 (to predict the content of a dialogue) โดย
   ครูอธบิ ายว่าประโยคใน Ex. 1 มาจากบทสนทนาระหวา่ ง John กับ Penny แล้วใหน้ กั เรียนดภู าพ
   และครกู ระตุน้ ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันเดาวา่ เกดิ อะไรขึน้ กับ Penny (e.g. She saw a snake.) จากนั้น
   ครูเปิด CD 1/Track 32 ใหน้ ักเรียนฟงั และตรวจว่าการคาดเดาของนักเรียนถกู ต้องหรือไม่
             She saw a snake at the zoo. The snake escaped from its cage and
went in a fountain.
3. นกั เรยี นทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 26 Ex. 3 (to read and give the sequence of events
   in a text) โดยอา่ นบทสนทนา แลว้ เขยี นบนั ทกึ เหตุการณ์ทเี่ กิดข้นึ ตามลาดบั เสรจ็ แล้วเปรยี บเทยี บ
   กับเพื่อนข้างๆ จากนน้ั ครตู รวจคาตอบของนักเรยี น
                       114
Suggested Answer Key
1. Penny went to the zoo.
2. Penny heard people shouting and screaming.
3. She saw people around the fountain, looking really scared.
4. She saw a long orange snake swimming in the fountain.
5. The guards caught the snake and put it back in its cage.
4. นกั เรยี นทากจิ กรรมในหนังสือเรียน หน้า 26 Ex. 4 (to consolidate new vocabulary) โดยครู
   กระตุ้นให้นักเรยี นแปลสานวนภาษาใน Ex. 1 เป็นภาษาไทย ครูบอกใหน้ กั เรียนแปลด้วยสานวน
   ภาษาทีเ่ ทียบเทา่ กบั ในภาษาไทยมากกวา่ การแปลตรงตัว
5. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สอื เรียน หน้า 26 Ex. 5 (to understand the meaning of everyday
   English expressions) แล้วให้นกั เรยี นอา่ นบทสนทนาอีกครัง้ และหาสานวนภาษาในบทสนทนาทมี่ ี
   ความหมายเหมือนกบั สานวนภาษาใน Ex. 5 เสรจ็ แล้วครูตรวจคาตอบของนักเรยี นโดยสุ่มเรียก
   นกั เรยี นอา่ นคาตอบของตนเอง
                   1. Oh, dear./Oh, my goodness!
                   2. What is it?
                   3. You look a little upset.
                   4. You don’t see that every day.
                   5. Imagine that!
6. ครูใหน้ กั เรยี นคัดลอกตารางในหนงั สอื เรยี น หน้า 26 Ex. 7 (to pronounce /i:/, /ɪə/) ลงในสมดุ
   แลว้ เปิด CD 1/Track 33 ให้นกั เรยี นฟังคาศัพท์ท่ีออกเสยี ง /i:/, /ɪə/ และทาเคร่อื งหมาย  ในช่อง
   ตามการออกเสียงที่ไดย้ นิ จากนั้นครเู ปิด CD อีกคร้งั ใหน้ ักเรียนฟงั และออกเสียงตาม แล้วครูกระต้นุ
   ใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั บอกคาศพั ท์ทอี่ อกเสยี ง /i:/ และ /ɪə/ เพิ่มเติม
/i:/ /ɪə/  /i:/ /ɪə/
he  beer 
here  knee 
bee  near 
115
Suggested Answer Key
                 /i:/: she, me, we
                 /ɪə/: fear, spear, dear, deer
กจิ กรรมรวบยอด
    1. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรยี น หนา้ 26 Ex. 6 (to act out a dialogue) โดยชว่ ยกันระดม
        ความคิดเกย่ี วกับเหตุการณ์ที่ไมป่ กติ (e.g. see a ghost/famous person/wild animal/find or
        lose something)
        จากนัน้ ครูใหน้ ักเรยี นจับคู่แสดงบทสนทนาเก่ียวกบั เหตกุ ารณ์ทีไ่ มป่ กติทเ่ี กิดขน้ึ กบั ตนเองโดยใชส้ านวน
        ภาษาใน Ex. 1 ครูชว่ ยเหลือนักเรยี นโดยเขยี นโครงสร้างบทสนทนาบนกระดาน แล้วกระตนุ้ ให้นกั เรียน
        บอกสานวนและวลีท่ีควรใชใ้ นบทสนทนานี้
        แลว้ ครสู มุ่ เรยี กนักเรยี นหลายๆ คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาทห่ี นา้ ช้ันเรียน
                 Suggested Answer Key
                 A: Hi, John. You’ll never guess what happened to me.
                 B: What is it? You look a little upset.
                 A: I was in the supermarket when I heard people shouting and
        screaming.
                 B: What on earth was it?
                                        116
A: Everyone was at the entrance and they all looked really scared.
                 B: Oh, my goodness! What was going on?
                 A: A lion was outside the supermarket.
                 B: Oh, dear! Was anyone hurt?
                 A: No. Animal Control came and took it away.
                 B: Well, you don’t see that every day, do you?
                 A: No, you certainly don’t.
    2. นักเรียนทากิจกรรมในแบบฝึกหัด (Workbook) Unit 2e หน้า 24 Exs. 2-3 โดยใน Ex. 1 ให้
        นักเรยี นฟงั Access Workbook Audio CD 3 ม. 3/Track 4 ประกอบการทากจิ กรรม
7. การวดั และการประเมินผล
    7.1 ประเมนิ การทาแบบฝึกหัด
    7.2 สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรใู้ นช่วงการทากจิ กรรม
    7.3 ประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
    7.4 สังเกตการออกเสยี งสานวนภาษาท่ีใชใ้ นการเล่าเหตกุ ารณ์ในอดตี และคาศัพท์ท่มี ีเสยี ง /i:/, /ɪə/
    7.5 ประเมินผลการแสดงบทสนทนาเกี่ยวกบั เหตกุ ารณ์ไม่ปกติทเ่ี กิดขน้ึ กบั ตนเอง
8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
    8.1 หนังสือเรยี น Access 3 ม. 3
    8.2 แบบฝึกหัด (Workbook) Access 3 ม. 3
    8.3 แบบฝึกไวยากรณ์ Extra Access 3 ม. 3
    8.4 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสือเรยี น Access 3 ม. 3)
    8.5 Access Workbook Audio CD 3 ม. 3 (ประกอบแบบฝึกหัด (Workbook) Access 3 ม. 3 และ
        Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3)
                                        117
บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้
ผลการจัดการเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
                                                      ลงชอ่ื …………………………………….ผู้สอน
                                                         (……………………….……………)
                                                      วนั ที่……..เดือน……….………พ.ศ. …..…
ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารหรอื ผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
                                                      ลงชอื่ …………………………………….ผู้ตรวจ
                                                          (……………………….……………)
                                                      วันที่……..เดอื น……….………พ.ศ.……….
                                        118
แผนการจัดการเรียนรู้
                           Unit 2f Curricular Cut
                               ช่ัวโมงท่ี 11-12
1. ความคิดรวบยอด
     ความรเู้ กีย่ วกบั งานประพันธข์ องเจา้ ของภาษา ช่วยใหเ้ กิดความเข้าใจในบริบททางสงั คมและวัฒนธรรม
ของเจา้ ของภาษา
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
    2.1 เรยี นรคู้ าศัพทต์ ่อไปน้ี novelist, dramatist, ambassador, haunted house, clank of metal,
        struck a match, exactly, footsteps, slippers, dressing case, handcuffs, rusty chains,
        wrists, ankles, oiling, lubricant, marble ได้
    2.2 แนะนาข้อความท่ีตัดตอนมาจากงานประพนั ธไ์ ด้
3. สาระการเรียนรู้
    3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
          - ประโยคทใี่ ชใ้ นการแสดงความคิดเหน็ เชน่ I think…
          - งานประพนั ธ์ของเจา้ ของภาษา
    3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ
          -
4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
    4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
    4.2 ความสามารถในการคิด
          - การคดิ วเิ คราะห์
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
    5.1 ใฝเ่ รียนรู้
                                        113
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมนาส่กู ารเรียน
    ครูให้นักเรยี นดชู อ่ื ท่ีอยู่ในบรรทัดแรกของบทอ่าน A หน้าปี ค.ศ. และภาพของนักประพันธ์ใน
    หนงั สอื เรียน หนา้ 27 แล้วกระตุ้นใหน้ ักเรยี นบอกว่านักเรยี นรจู้ กั ผลงานของเขาหรือไม่ (e.g. The
    Happy Prince, Lady Windermere’s Fan)
กจิ กรรมพัฒนาการเรียนรู้
    1. นกั เรยี นทากจิ กรรมในหนังสือเรยี น หน้า 27 Ex. 1 (to predict the content of a text) โดยอ่าน
        ชือ่ เร่อื งของบทอา่ น และดภู าพด้านลา่ งของหนังสือเรยี น แล้วครูกระต้นุ ให้นักเรียนคดิ ว่าบทอา่ นเร่ือง
        น้นี ่าจะเก่ียวข้องกับอะไร (a ghost, a haunted house) จากนัน้ ครใู หน้ ักเรียนอ่านบทอ่าน A เพ่ือ
        หาคาตอบ
                      The story is about a family who buys a haunted house.
2. นักเรยี นทากิจกรรมในหนังสือเรียน หนา้ 27 Ex. 2 (to predict the content of a text from
   audio clues) โดยครเู ปดิ CD 1/Track 34 ใหน้ กั เรียนฟงั เสยี ง แลว้ เดาวา่ เกดิ อะไรข้ึนในเนอ้ื เรือ่ ง
   จากนน้ั ครเู ปิด CD 1/Track 35 ใหน้ ักเรยี นฟงั และอา่ นเน้ือเร่ืองในบทอา่ น B ตามไปดว้ ย เพื่อตรวจ
   ว่านกั เรียนคาดเดาถกู ต้องหรือไม่
           Suggested Answer Key
           I think the ghost moves around in chains. Someone hears the noise and
   goes to see what is happening.
3. ครใู ห้นักเรียนหาความหมายของคา/วลที ีก่ าหนดใหใ้ นหนังสือเรยี น หน้า 27 Ex. 3 (to present
   and use new vocabulary) จากพจนานุกรมภาษาอังกฤษ แล้วอ่านเนือ้ เรื่องในบทอ่าน B อีกครั้ง
   และเติมคา/วลดี ังกลา่ วลงในประโยค เม่ือนักเรยี นทาเสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบ จากนัน้ ให้นักเรียน
   ช่วยกนั อธิบายความหมายของคาที่พมิ พ์ตัวหนาในบทอา่ น
1. ambassador           4. ghost, handcuffs, rusty chains
2. haunted house        5. lubricant
3. clank of metal
                   114
4. นกั เรยี นทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หน้า 27 Ex. 4 (to read for specific information) โดยอ่าน
        เนื้อเร่ืองในบทอา่ น B อย่างรวดเร็ว เพื่อหาประโยคทีเ่ หมาะสมทใ่ี ชบ้ รรยายภาพท่ีอยู่ด้านล่างของ
        หนังสือเรยี นได้ดีทีส่ ุด เมือ่ หาพบแล้วครสู ุม่ เรยี กนักเรียนบอกคาตอบ
                Suggested Answer Key
                “My dear sir,” said Mr Otis, “those chains need oiling./Here, take this small
        bottle of lubricant./I will leave it here for you and I will give you more if you need
        it.”
กจิ กรรมรวบยอด
    1. นักเรยี นทากจิ กรรมในหนังสือเรยี น หนา้ 27 Ex. 5 (to continue a story) โดยครูแบ่งนักเรยี น
        ออกเปน็ กลุม่ กลมุ่ ละ 3-4 คน แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ ว่าเนือ้ เรื่อง ‘The
        Canterville Ghost’ ตอ่ จากนจ้ี ะดาเนนิ ไปอย่างไร เสรจ็ แลว้ ให้นกั เรยี นแลกเปลย่ี นความคดิ เห็นกับ
        เพอื่ นกลมุ่ อน่ื จากนั้นครูเปดิ CD 1/Track 36 ให้นักเรยี นฟังและตรวจว่าการคาดเดาของนกั เรียน
        ถูกต้องหรือไม่
                Suggested Answer Key
                I think the ghost got very upset that Mr Otis wasn’t scared of him and went
        away upset.
        กิจกรรมเพิม่ เติม นักเรยี นเล่นเกม Chain story โดยครเู ขยี นประโยคบนกระดานดังน้ี “John was
        very tired, so he decided to go to bed.” แลว้ ใหน้ กั เรียน 1 คน พดู เน้ือเรอ่ื งต่อจากประโยค
        บนกระดาน จากนัน้ ใหน้ กั เรียนในชั้นพูดเนอื้ เร่ืองต่อกนั ไปเรอื่ ยๆ ครตู ั้งชื่อเร่ืองนว้ี า่ “The ghost”
    2. นกั เรยี นทากิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) Unit 2f หน้า 25 Exs. 1-2 เปน็ การบา้ น
    3. นกั เรยี นทากิจกรรมในแบบฝึกหัด (Workbook) Unit 2f หนา้ 25 Ex. 3 โดยครเู ปิด Access
        Workbook Audio CD 3 ม. 3/Track 5 ใหน้ ักเรยี นฟงั เพื่อเขยี นตามคาบอก
    4. นักเรียนทาแบบทดสอบความรู้หลังเรยี น โดยใช้ Test 2: Module 2 จาก CD หนังสือ Teacher’s
        Resource Pack & Tests ม. 3 หนา้ 101-104
    5. นกั เรียนประเมินความสามารถในการเรยี นรู้ของตนเองตามตารางที่กาหนด (Now I Can …) โดยครู
        ถ่ายเอกสารจากภาคผนวก
                                        115
7. การวัดและการประเมินผล
    7.1 ประเมินการทาแบบทดสอบหลังเรียน
    7.2 ประเมินการทาแบบฝึกหดั
    7.3 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรใู้ นชว่ งการทากิจกรรม
    7.4 ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
    7.5 ประเมินผลการแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับเน้อื เร่ืองที่จะดาเนนิ ต่อไปจากงานประพันธท์ ่ีอ่าน
8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
    8.1 หนังสือเรียน Access 3 ม. 3
    8.2 แบบฝกึ หดั (Workbook) Access 3 ม. 3
    8.3 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสือเรยี น Access 3 ม. 3)
    8.4 Access Workbook Audio CD 3 ม. 3 (ประกอบแบบฝกึ หัด (Workbook) Access 3 ม. 3 และ
        Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3)
    8.5 CD หนงั สือ Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
    8.6 พจนานกุ รมภาษาอังกฤษ
                           ขอ้ มลู เพิ่มเติมดา้ นภาษาและวฒั นธรรม
 Vocabulary          รู้สกึ เบื่อ, เบื่อ
                     ตืน่ เต้น
Narrow escapes!      โล่งอก (หมดกงั วล)
                     ตกใจ
bored (adj)          เหนือ่ ย
excited (adj)        กลมุ้ ใจ, เปน็ กงั วล
relieved (adj)
terrified (adj)      ทถ่ี กู ทิง้ ไวล้ าพัง
tired (adj)          ใสมาก
worried (adj)        หายไป
                     ภัยพบิ ตั ิ
2a Experiences
                             116
abandoned (adj)
crystal clear (phr)
disappear (v)
disaster (n)
force (n)                    แรง (กาลงั )
gasp for air (phr)           อ้าปากเพื่อหายใจ
grab (v)                     คว้า
in the distance (phr)        อยไู่ กล
massive (adj)                ใหญ่มาก
out of nowhere (phr)         ไม่รวู้ ่ามาจากไหน
pass (v)                     ผ่านไป
reach (v) (the surface of the water)ไปถึง (ผวิ นา้ )
realise (v)                  เขา้ ใจ
rescue (v)                   ช่วยเหลือ
roar (n)                     เสียงครึกโครม, ดงั สนัน่ (= a loud, deep sound)
scream (v)                   กรีดรอ้ ง
sunbathe (v)                 อาบแดด
swallow (v)                  ดดู กลืน
2b Nightmares
desperately (adv)            อยา่ งสิ้นหวัง
destination (n)              จุดหมายปลายทาง
dreams come true (phr)       ฝันเปน็ จรงิ
drowning (n)                 การจมน้า
early bird (n)               คนที่ตนื่ เช้า
earthquake (n)               แผน่ ดินไหว
ferry (n)                    เรอื ขา้ มฟาก
flood (n)                    น้าท่วม
iceberg (n)                  ภเู ขาน้าแขง็
lamppost (n)                 เสาไฟตามถนน
lightning (n)                ฟา้ แลบ
nightmare (n)                ฝันรา้ ย
phenomena (n)                ปรากฏการณ์
port (n)                     ท่าเรอื
predict (v)                  คาดเดา
river burst its banks (phr)  นา้ ทว่ มฝ่งั
                                            117
shelter (n)                    ทีก่ าบัง
sweep away (phr v)             พัดพาไป (ตามนา้ )
tsunami (n)                    คลื่นยกั ษ์ (สึนาม)ิ
volcanic eruption (n)          การระเบิดของภูเขาไฟ
wash (sb) down the road (phr)  (น้า) พัดพาไปตามถนน
2c Relieved                    ภายหลงั , หลังจากน้นั
                               ในทันใดนั้น, ทันทีทนั ใด
afterwards (adv)               หอ้ งใตด้ ิน
all of a sudden (idm)          ความเสยี หาย
basement (n)                   เพ่อื นบ้าน
damage (n)
neighbour (n)                  สตั ว์ทีม่ ีรปู รา่ งผดิ ปกตแิ ละตัวใหญ่ (อสูร)
                               ภตู ิ
2d Culture corner              นางฟ้า, เทพธดิ า, เทวดา
                               นทิ านพืน้ บา้ น
beast (n)                      พรสวรรค์
elves (n)                      ไมน่ า่ เชอ่ื
fairies (n)                    ตานาน
folk tales (n)                 นิทานปรมั ปรา
gift (n)                       อุปสรรค
incredible (adj)               เอาชนะ, ผ่านพ้น
legend (n)                     นักรบ
myth (n)
obstacle (n)                   กรง
overcome (v)                   นา้ พุ
warrior (n)                    เลา่ เร่ือง
                               ลาย, รว้ิ
2e Oh my goodness!             มีอะไรเกิดขน้ึ
cage (n)                               118
fountain (n)
narrate (v)
stripe (n)
What on earth...? (phr)
2f Curricular Cut
ambassador (n)        นกั การทูต
clank of metal (phr)  เสียงกระทบของโลหะ
dramatist (n)         ผเู้ ขียนบทละคร
dressing case (n)     หบี บรรจสุ งิ่ ท่ใี ช้ในการแต่งตัว
footsteps (n)         ฝเี ทา้ , การก้าวเทา้
handcuffs (n)         กญุ แจมือ
haunted (adj)         ซึ่งมผี ีสิง
include (v)           ประกอบด้วย, รวมถงึ
lubricant (n)         นา้ มันหล่อลนื่
old-fashioned (adj)   ล้าสมยั
poet (n)              ผ้แู ต่งบทกวี
rusty chains (n)      โซท่ เี่ ปน็ สนิม
slippers (n)          รองเทา้ สวมเดนิ ในบ้าน
strike a match (phr)  ขดู หรอื ขีดไม้ขีดไฟ
 Grammar
Unit 2b
  Adverbs
   การใช้
     - เราใช้ adverbs (คากรยิ าวิเศษณ์) เพอ่ื อธิบาย verbs (คากรยิ า) โดย adverbs จะบอกว่าบางคนทา
       บางส่งิ บางอย่างอย่างไร ท่ีไหน เมื่อไหร่ หรอื บ่อยแคไ่ หน เชน่
          He left the class quickly. (How did he leave the class? - Quickly)
          She saw Jim yesterday. (When did she see Jim? - Yesterday)
การสร้าง adverbs
- โดยปกติเราจะสร้าง adverbs โดยการเติม -ly หลัง adjective เช่น
real – really
- adjectives ที่ลงทา้ ยด้วย -le ใหต้ ัด -e ออก แลว้ จึงเตมิ -y เชน่
comfortable – comfortably
- adjectives ทลี่ งทา้ ยด้วยพยัญชนะ + -y ใหเ้ ปลี่ยน -y เปน็ -i แลว้ จึงเตมิ -ly เชน่
happy – happily       easy – easily
- adverbs ส่วนใหญ่จะเตมิ -ly หลงั adjective แต่มี adverbs บางคาท่ีเป็น irregular adverbs เช่น
adjectives            adverbs
                           119
good   well
        fast   fast
        hard   hard
        late   late
        early  early
        daily  daily
Culture
Unit 2a
Tsunami
      สึนามิเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติในลกั ษณะของระลอกคลื่นท่มี จี ุดกาเนิดอยใู่ นเขตทะเลลกึ เกดิ ขึ้น
จากการทีน่ ้าในทะเลสาบหรือในมหาสมทุ รจานวนมหาศาลเกิดการเคล่ือนยา้ ยถ่ายเทจากบริเวณหน่งึ สูอ่ กี
บริเวณหน่ึงอย่างรวดเรว็ อันเน่ืองมาจากเกดิ แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ แผ่นดนิ ไหวใต้ทะเล แผน่ ดินเคลือ่ นตัว
ภเู ขาไฟระเบดิ แผ่นดินทรุด หรอื จากวตั ถนุ อกโลก เชน่ ดาวหางหรอื อกุ กาบาตตกสพู่ ื้นทะเลหรือมหาสมุทร ทา
ให้เกิดการขยับตวั ของเปลอื กโลก ซง่ึ จะเกดิ บริเวณที่ขอบของเปลอื กโลกหลายแผ่นเช่อื มต่อกนั ทเี่ รยี กวา่ รอย
เลื่อน (fault) เม่ือแผ่นดนิ ใตท้ ะเลเกิดการเปลี่ยนรปู รา่ งอยา่ งกะทันหนั จะทาใหน้ า้ ทะเลเกิดเคลือ่ นตัวเพ่ือปรับ
ระดับใหเ้ ข้าสู่จดุ สมดุลและจะก่อใหเ้ กิดคลื่นสึนามิ โดยทว่ั ไปแล้วคลน่ื สึนามจิ ะเดนิ ทางได้ชา้ กว่าการสน่ั สะเทือน
ของแผน่ ดินไหว ดังนั้น คล่ืนอาจเข้ากระทบฝั่งภายหลงั จากที่ผู้คนบรเิ วณนัน้ รูส้ กึ ว่าเกิดแผน่ ดนิ ไหวเป็นเวลา
หลายชว่ั โมง ซงึ่ คลนื่ สนึ ามิครั้งแรกในประเทศไทยเกิดจากแผน่ ดินไหวในมหาสมทุ รอินเดียเม่ือวันท่ี 26
ธนั วาคม พ.ศ. 2547 ทาให้มีผู้เสียชวี ิตจานวนกว่า 165,000 คน (มากกว่า 105,000 คนเสยี ชวี ิตในอนิ โดนเี ซีย)
                           เรียบเรียงจาก: th.wikipedia.org/wiki/คลื่นสึนามิ
Unit 2b
Titanic
                           อาร์เอ็มเอส ไททานิก (RMS Titanic) คือชือ่ เรอื
                      เดนิ สมทุ รของบริษัทไวท์สตาร์ไลน์ เร่ิมก่อสร้างเมื่อ ค.ศ. 1909
                      สรา้ งเสรจ็ เม่อื ค.ศ. 1911 พร้อมๆ กับเรอื คู่แฝดทช่ี อ่ื วา่ อาร์
                      เอม็ เอส โอลิมปกิ (RMS Olympic) ซึ่งครง้ั หน่ึงเรือคนู่ ี้
                      เคยเปน็ เรือทใ่ี หญท่ ส่ี ุดในโลก ไททานิกเป็นเรือทเี่ ปิดศักราช
                      ใหมใ่ ห้กบั อุตสาหกรรมเรอื เดินสมุทร เนื่องจากเปน็ เรอื ลา
                      แรกๆ ของโลกทส่ี รา้ งด้วยโลหะและรองรบั ผู้โดยสารได้ถึง
                      2,435 คน
                      120
ไททานิกออกเดนิ ทางเที่ยวปฐมฤกษจ์ ากท่าเรือเซาท์แธมตัน ประเทศองั กฤษ ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912
โดยมจี ุดหมายปลายทางคอื นิวยอรก์ สหรฐั อเมริกา มีผเู้ ดนิ ทางรวมท้งั หมด 2,208 คน ควบคุมเรอื โดยกัปตันเอ็ด
เวิรด์ เจ. สมธิ (Edward J. Smith)
วนั ท่ี 14 เมษายน ค.ศ. 1912 ไททานิกชนเขา้ กับภเู ขาน้าแข็งและจมลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
มผี รู้ อดชีวิตทั้งสน้ิ 706 คน แต่มผี เู้ สยี ชวี ติ 1,517 คน นบั เปน็ ภยั พบิ ัตคิ รงั้ ร้ายแรงครั้งหน่ึงในประวตั ิศาสตร์การ
เดนิ เรอื หลงั จากไททานิกจมอยู่ใตท้ ะเลเป็นเวลา 85 ปี ในปี พ.ศ. 2528 เรือร่วมสมทบในการหาซากเรอื ไท
ทานกิ โดยสถาบนั ภูมิศาสตรท์ างมหาสมทุ รวูดส์ โฮล และองคก์ รภมู ิศาสตร์ทางมหาสมุทรของประเทศฝร่งั เศส
คน้ พบเรือไททานิกทางตอนเหนอื ของมหาสมุทรแอตแลนติก ในปี พ.ศ. 2539 ทีมงานพยายามจะก้ซู ากเรือ
ขน้ึ มาแต่ล้มเหลวเพราะเรือลานี้มนี า้ หนกั มาก
         เรยี บเรยี งจาก: th.wikipedia.org/wiki/อารเ์ อ็มเอส_ไททานกิ
Unit 2d
Finn mac Cumhail
      Finn mac Cumhail (Fionn mac Cumhail) เปน็ ตวั ละครกง่ึ ตานาน ซึง่ กลา่ วถงึ นกั รบไอริชท่ีมผี ม
สที อง ผู้นาทยี่ ิง่ ใหญท่ ่ีสดุ ของ Fianna กองทหารโบราณเมื่อ 300 ปกี ่อนคริสตศ์ ักราช มีหนา้ ท่ใี นการปกป้อง
กษตั ริย์ มหี ลายตานานกลา่ วถึงความตายของ Finn เรอ่ื งหน่งึ กล่าวว่าเขาถูกฆ่าขณะทกี่ าลังหยดุ การต่อสู้
ระหวา่ งสมาชิกของ Fianna และอีกหลายๆ เร่ือง กลา่ วว่าความจรงิ เขาไม่ไดต้ าย แต่กาลังนอนหลับอย่ใู นถ้า
รอเวลาตน่ื ขึ้นมาเพื่อปกป้องไอร์แลนด์
         เรียบเรยี งจาก: http://www.ballycastle.free-online.co.uk/info/finnmaccool.htm
         121
