The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐานม.3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by khampia690, 2020-05-20 00:48:01

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐานม.3

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐานม.3

package holiday (n) การทอ่ งเท่ยี ววนั หยุดไปกบั บริษทั ทัวร์ซ่ึงจัดบริการแบบครบวงจร

rafting (n) การล่องแพ

safari (n) การเดินทางเพื่อดูสตั วป์ า่

sailing (n) การแลน่ เรอื ใบ

scuba diving (n) การดาน้าดูปะการังน้าลึก

snorkelling (n) การดานา้ ดูปะการังน้าต้นื

so far (phr) จนถึงทกุ วนั น้ี

spooky (adj) น่ากลัว

theme park (n) สวนสนุก

vaults (n) ห้องใตด้ ิน, หอ้ งใต้ดินของโบสถ์ใช้เปน็ ท่เี ก็บศพ

windsurfing (n) การเล่นวนิ ดเ์ ซริ ฟ์

20,000 Leagues Under the Sea ใต้ทะเลสองหมื่นโยชน์ เปน็ นิยายวิทยาศาสตร์ของ จลู ย์ เวิรน์ ซงึ่ เก่ียวกับ

การเดนิ ทางใตท้ ะเล โดยเรือดานา้ ชอื่ นอตลิ สุ (Nautilus)

3b Out of the ordinary

amphitheatre (n) อัฒจนั ทร์, ที่นงั่ ชมการแสดงรูปครงึ่ วงกลมที่ไม่มหี ลังคา

Arctic Circle (n) เสน้ ขนานกับเสน้ ศนู ยส์ ูตรท่ี 23 องศา 28 ลิปดา ของขัว้ โลกเหนือ

barrel (n) ถงั ใสข่ องเหลว

book (v) จอง

create (v) สร้าง

drive-in cinema (n) โรงภาพยนตรท์ ผี่ ชู้ มสามารถขับรถเข้าไปและนั่งชมภาพยนตรใ์ นรถได้

entire (adj) ท้งั หมด

falls (n) น้าตก

just the place (phr) สถานท่ีทเ่ี หมาะ

melt (v) ละลาย

perform a trick (phr) เล่นกล

snowmobile (n) รถสาหรบั เคลอ่ื นบนหิมะ

survive (v) มีชวี ิตรอด

treat (v) ซ้ือหรอื จ่ายให้

3c Greetings from... น่าสะอิดสะเอียน
167
disgusting (adj)

exciting (adj) นา่ ตื่นเต้น
gorgeous (adj) ดีเย่ียม
rude (adj) หยาบคาย
souvenirs (n) ของท่ีระลึก
sunbathing (n) การอาบแดด
sunburnt (adj) (ผิวหนัง) อกั เสบเน่ืองจากถกู แสงแดดมากไป
wet and rainy (phr) ฝนตกหนักมาก

3d Culture corner

attractions (n) สถานทที่ ดี่ ึงดูดความสนใจ

be sure not to miss (phr) แนใ่ จว่าไม่พลาด

form models of landmarks (phr) สรา้ งแบบจาลองอาคาร

get a driving licence (phr) ไดร้ บั ใบอนุญาตขบั ข่ี

landmarks (n) อาคารหรือสถานที่ทีเ่ ปน็ จุดสังเกต

plastic bricks (n) อิฐรปู ส่เี หลยี่ มมมุ ฉากทาด้วยพลาสติก

put it on your list (phr) ใสไ่ ว้ในรายการท่ีตอ้ งทา

roller coaster (n) รถไฟเหาะตลี ังกา เปน็ เคร่ืองเลน่ ชนิดหนง่ึ ในสวนสนุก

safari trek (phr) การเดนิ ดสู ตั วป์ ่า

trek (n) การเดนิ เป็นระยะทางยาว โดยเฉพาะเดนิ ขา้ มภูเขาหรือป่า

3e How about ...? กินอาหารนอกบ้าน, กินอาหารในรา้ นอาหาร
อทุ ยานแห่งชาติ
eat out (phr v) คา่ ยทพี่ ักซง่ึ วัยร่นุ จะมาพกั และทากจิ กรรม โดยปกตจิ ะอยู่ในชว่ งฤดรู อ้ น
national park (n)
teen camp (n)

3f Curricular Cut ตะคริว
ที่กาหนด
cramps (n) การกระโดดน้าขณะที่กอดเข่าไวก้ บั อก
designated (adj) จมนา้
dive-bombing (n) ปฏบิ ตั ติ ามกฎ
drown (v)
follow rules (phr) 168

get into trouble (phr) มีปญั หา
lead to (v) สง่ ผลใหเ้ กิด
lifeguards (n) ผู้ดแู ลความปลอดภัยในการทากจิ กรรมนนั ทนาการทางนา้ และชว่ ยเหลือ
คนท่ีมาวา่ ยนา้ เมอ่ื เกิดปญั หา
pay attention (phr) ใส่ใจ
put in danger (phr) เป็นสาเหตุใหไ้ ด้รบั อนั ตราย
splash (v) (นา้ ) สาดกระเดน็

Grammar

Unit 3b

 Present perfect
รูปประโยค ประธาน + verb ‘to have’ (have/has) + past participle (คากริยาช่องที่ 3)

การใช้
- เราใช้ present perfect กับการกระทาท่ีเร่ิมตน้ ในอดตี และตอ่ เนื่องมาถงึ ปัจจุบัน เช่น
He has worked in this company for five years.
(He started working in this company 5 years ago and is still working in this

company.)
- เราใช้ present perfect เพ่อื กลา่ วถึงการกระทาในอดีตซง่ึ มผี ลปรากฏให้เห็นในปจั จุบนั เชน่
He has broken his leg. He can’t walk.
- เราใช้ present perfect เพอ่ื กล่าวถึงประสบการณ์ เช่น
I have seen the Leaning Tower of Pisa.
- คาแสดงเวลาทใี่ ช้กับ present perfect ไดแ้ ก่ just, already, yet, for, since, ever, never, etc

 Already – Yet – Just – For – Since
- เราใช้ already ในประโยคบอกเล่าและประโยคคาถาม เช่น
Jack has already washed the dishes.
Has Jack washed the dishes already?
- เราใช้ yet ในประโยคคาถามและประโยคปฏิเสธ เชน่
“Have you finished the project yet?”
“No, I haven’t finished the project yet?”
- เราใช้ just ในประโยคเพ่ือแสดงว่ากระทาสน้ิ สดุ ไปเพยี ง 2-3 นาทกี ่อน เชน่
“Has she told you the news yet?”

169

“Yes, she’s just told me.”
- เราใช้ for เพ่อื แสดงถงึ ชว่ งเวลา เช่น

They’ve been in Lisbon for a week.
- เราใช้ since เพ่อื บอกจุดเรม่ิ ต้น เชน่

They’ve been in Lisbon since last Tuesday.
 Present perfect continuous

รปู ประโยค ประธาน + verb ‘to have’ (have/has) + been + คากรยิ าเติม -ing

การใช้
- เราใช้ present perfect continuous เพ่ือเนน้ ถึงชว่ งเวลาของการกระทาซึ่งเรม่ิ ตน้ ในอดีตและ

ตอ่ เนื่อง
มาถึงปจั จบุ ันในขณะท่ีพดู เชน่
She has been cooking all morning.
(She started cooking early this morning and is still cooking now.)

- เราใช้ present perfect continuous กับการกระทาซ่ึงเร่ิมตน้ และสนิ้ สดุ ไปแล้ว โดยท่ผี ลของการ
กระทา

นน้ั ยงั ปรากฏให้เห็นในปจั จุบัน เช่น
He is dirty. He has been playing in the mud.
(He isn’t playing in the mud now. He has just stopped and we can see that his

clothes are dirty.)
- เราใช้ present perfect continuous เพื่อแสดงความโกรธ ความราคาญ หรือความขนุ่ เคือง เช่น
Who has been using my computer? (The speaker is irritated.)
- คาแสดงเวลาที่ใชก้ ับ present perfect continuous ไดแ้ ก่ how long, for, since,

lately/recently, etc

Culture

Unit 3a

Rio de Janeiro

รูปป้ันพระเยซู 170 ชายหาดโคปาคาบานา
(The Christ the Redeemer) ชายหาดชื่อดงั ของบราซิล
ทางเดินสไตลโ์ ปรตุเกส
ริมหาดโคปาคาบานา

รโิ อ เดอ จาเนโร (Rio de Janeiro) เป็นเมืองทีใ่ หญ่เป็นอันดับสองของประเทศบราซลิ และเปน็ เมืองท่องเที่ยว
ท่สี าคัญ ทงั้ ยงั เคยเป็นเมืองหลวงเกา่ ของประเทศบราซิลมากอ่ น จนกระทง่ั รฐั บาลกลางไดย้ ้ายเมอื งหลวงมาที่
เมอื งบราซิเลยี เมื่อปี พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) ชื่อของริโอ เดอ จาเนโรนน้ั มคี วามหมายในภาษาโปรตเุ กสวา่
“แมน่ า้ เดือนมกราคม”
รโิ อ เดอ จาเนโรถือเปน็ เมอื งทีม่ สี สี นั มากทสี่ ุดในโลกแหง่ หน่งึ โดยเฉพาะหากเป็นชว่ งเทศกาลคารน์ ิวลั ท่จี ะจัด
ขึ้นในชว่ งเดือนกุมภาพันธข์ องทกุ ปี ถือเป็นงานคารน์ ิวัลทโี่ ดง่ ดงั ท่สี ุดของบราซิล ซ่ึงจะจดั กันนานกว่า
1 สปั ดาห์ ในงานจะมีขบวนแห่ซ่งึ แต่ละเมืองจะนาการเตน้ ราในจังหวะแซมบา้ มาแขง่ ขนั ประชนั กัน
สญั ลักษณข์ องเมืองรโิ อ เดอ จาเนโร ซึง่ เปน็ สถานทท่ี ่องเที่ยวอกี แห่งหน่ึงคอื รูปป้นั พระเยซู (The Christ the
Redeemer) ขนาดใหญท่ ตี่ ้งั อยูบ่ นยอดเขาคอร์โควาโด (Corcovado) ในอุทยานแหง่ ชาติ Tijuca เป็นรูปป้นั
พระเยซูที่มีขนาดใหญ่ท่ีสุดในโลก มีความสงู ประมาณ 38 เมตร หลงั จากเปิดให้คนท่ัวโลกร่วมโหวตทาง
อินเทอรเ์ นต็ รปู ปนั้ พระเยซูคริสตน์ ี้ไดก้ ลายเปน็ 1 ในส่งิ มหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ส่งผลให้ผู้คนอยากมาเยือน
เมอื งรโิ อ เดอ จาเนโรมากข้ึน
เมืองรโิ อ เดอ จาเนโรยังมชี ายหาดสวยๆ อยา่ งหาดโคปาคาบานา (Copacabana Beach) ซึง่ เป็นสถานที่
ทอ่ งเทีย่ วทเ่ี ปน็ ชายหาดยาวกวา่ 4 กโิ ลเมตร มีทางเดนิ เลียบชายหาดสไตลโ์ ปรตุเกสทปี่ กู ระเบื้องเปน็ รปู คล้าย
ลอนคลืน่ ในทะเล ในย่านชายหาดนีถ้ ือเป็นยา่ นหรูของเมือง มีโรงแรมห้าดาว หา้ งสรรพสินคา้ และรา้ นอาหาร
ตา่ งๆ
เมอื งริโอ เดอ จาเนโรยังมสี นามฟุตบอลมาราคานา (Maracana) ซง่ึ เคยเป็นสนามฟุตบอลทใ่ี หญ่ทส่ี ุดในโลกเม่ือ
สรา้ งในตอนแรก สนามแห่งน้ีเคยใช้เป็นสถานท่ีแขง่ ขนั ฟตุ บอลโลกรอบชงิ ชนะเลศิ ในปี ค.ศ. 1950 นัดที่บราซลิ
แพ้อรุ ุกวัยไปในบ้านของตัวเอง และในอนาคตสนามกีฬามาราคานากจ็ ะถูกใช้เป็นสนามหนงึ่ ในการแข่งขัน
ฟุตบอลโลกปี 2014 และที่สาคญั คือจะใช้เป็นสถานท่ีจัดพิธีเปิด พิธปี ิด และฟุตบอลรอบชงิ ชนะเลิศในกีฬา
โอลมิ ปิกปี 2016
ถึงแม้ทิวทัศน์ของเมืองริโอ เดอ จาเนโรจะงดงามไปด้วยภมู ิประเทศท่ีหลากหลาย แต่ก็ขึ้นช่อื ว่าเปน็ เมอื งทมี่ ี
อาชญากรรมสงู มากแหง่ หน่ึงในละตินอเมรกิ า จนมกี ารนาไปสร้างเปน็ ภาพยนตร์ท่มี ีเนอ้ื หาสะท้อนให้เหน็ ความ
รุนแรงในช่อื City of God หรอื เมืองแหง่ พระเจา้

ท่ีมา: http://travel.tlcthai.com/1739

171

Jules Verne

ชลู ส์ กาบรลี แวร์น (ฝรงั่ เศส: Jules Gabriel Verne) (8
กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2371 - 24 มนี าคม พ.ศ. 2448) หรือทีร่ ูจ้ ักกันวา่ จลู ส์
เวริ น์ เปน็ นกั เขียนชาวฝร่ังเศส ผู้บุกเบกิ การเขยี นนิยายวิทยาศาสตร์สมยั
แรกๆ เขา มีช่ือเสยี งจากการเขียนเร่ืองเกยี่ วกับการผจญภยั ในอวกาศ ใต้
นา้ และการเดินทางต่างๆ ก่อนทจี่ ะมีการประดษิ ฐเ์ รอื ดาน้าหรืออากาศ
ยาน บทประพนั ธ์ทสี่ าคัญของเขา ได้แก่ Around the World in Eighty
Days, Five Weeks In a Balloon, 20,000 Leagues Under the Sea
จูลส์ เวริ ์นไดร้ บั การยกย่องให้เปน็ บดิ าแหง่ นยิ ายวิทยาศาสตรโ์ ลกร่วมกับเฮช. จี. เวลล์ (Herbert George
Wells) นักเขียนชาวอังกฤษ ซงึ่ ทงั้ สองคนน้ีมีอิทธิพลต่อนิยายวทิ ยาศาสตรแ์ ละวงการวิทยาศาสตรม์ าจนถึง
ปัจจบุ ันน้ี

ทม่ี า: th.wikipedia.org/wiki/ชลู ส_์ แวร์น

20,000 Leagues Under the Sea

ใตท้ ะเลสองหม่นื โยชน์ (อังกฤษ: Twenty Thousand Leagues Under the Sea, ฝรงั่ เศส: Vingt
mille lieues sous les mers) เปน็ นิยายวิทยาศาสตร์ที่เขียนโดยจูลส์ เวริ น์ ตีพิมพค์ ร้งั แรกเมื่อ ค.ศ. 1870
นยิ ายกล่าวถึง กปั ตันนโี ม กับเรือดานา้ ทช่ี ่ือนอติลสุ ผ่านมมุ มองของศาสตราจารยป์ ิแอร์ แอรอนแนกซ์ นัก
ชีววิทยาผ้โู ดยสารไปกับเรือ เรอื ดาน้าลานีถ้ ูกสรา้ งขึ้นมาอย่างลับๆ โดยหนว่ ยงานของรฐั บาล และเดนิ ทางไปท่วั
โลก ตอนท่ีมีชอ่ื เสยี งทส่ี ดุ ของนิยายเรอ่ื งน้ีคือตอนทเี่ รือดาน้าถกู โจมตีโดยปลาหมึกยักษ์ ลูกเรือต้องต่อสู้กับ
ปลาหมึกยกั ษ์และเสียชวี ิตไปหลายคน

ท่มี า: th.wikipedia.org/wiki/ใต้ทะเลสองหมนื่ ลกี

Unit 3f

Legoland California

Legoland California ตั้งอยูใ่ นเมืองคาร์ลส์บาด รัฐแคลฟิ อรเ์ นยี สวนสนุกแหง่ นีม้ ที งั้ สว่ นทจี่ ัดแสดงงาน
ประตมิ ากรรมที่ทาจากตัวตอ่ เลโกน้ บั ลา้ นๆ ชนิ้ และส่วนท่ีเปน็ เคร่ืองเลน่ ตา่ งๆ ไฮไลต์ของสถานทแี่ ห่งนี้ คือ “มินแิ ลนด”์ ซง่ึ ใช้
ตัวต่อเลโกม้ ากกวา่ 20 ลา้ นช้ิน สร้างอาคารจาลองซึง่ เปน็ ทส่ี าคญั ๆ ในสหรัฐอเมริกา เช่น ทาเนยี บขาว และเมืองนวิ ยอร์ก
จาลอง ทั่วทง้ั สวนสนกุ แหง่ นี้มีการใชต้ ัวตอ่ เลโกม้ ากกว่า 30 ล้านชน้ิ
สวนสนกุ แห่งนี้มเี ครื่องเลน่ มากกวา่ 50 ชนดิ และยังมโี รงเรยี นฝกึ ขบั รถ 1 แหง่ อยู่ในน้นั ด้วย นอกจากนีเ้ ด็กๆ ยังสามารถ
ลงทะเบียนเข้าเรยี นในคอรส์ ทีเ่ รยี กวา่ “ไมนด์สตรอม” (Mindstorms) เพ่อื ฝึกหดั สร้างหุ่นยนต์ นอกจากที่สหรัฐแล้ว สวน
สนกุ เลโก้แลนดย์ งั มใี นอกี 3 ประเทศ คือ อังกฤษ (LEGOLAND Windsor) เดนมาร์ก (LEGOLAND Billund) และเยอรมนี
(LEGOLAND Deutschland) ท่ีมา: http://www.modernplus.com/?p=1951

172

บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้
ผลการจดั การเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอื่ …………………………………….ผู้สอน
(……………………….……………)

วันที่……..เดอื น……….………พ.ศ. …..…

173

ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ทไี่ ด้รบั มอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่อื …………………………………….ผู้ตรวจ

(……………………….……………)

วันท่ี……..เดือน……….………พ.ศ.……….

แผนการจดั การเรยี นรู้

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 The media

รายวิชา ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน ชั้น มธั ยมศึกษาปีที่ 3

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) เวลาเรยี น 12 ชัว่ โมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดชัน้ ปี

มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรื่องท่ีฟงั และอา่ นจากสอ่ื ประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเหน็
ตัวช้ีวดั อยา่ งมีเหตผุ ล
2. อา่ นออกเสียงข้อความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรองส้นั ๆ ถกู ตอ้ งตามหลักการอ่าน
4. เลือก/ระบุหวั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนบั สนุน และแสดงความคิดเหน็

เกย่ี วกับเร่ืองที่ฟังและอา่ นจากสอ่ื ประเภทต่างๆ พร้อมท้ังให้เหตุผลและยกตัวอย่าง
ประกอบ

มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลขา่ วสาร แสดงความร้สู กึ และ
ตวั ชีว้ ัด ความคดิ เหน็ อยา่ งมีประสิทธิภาพ
1. สนทนาและเขยี นโตต้ อบข้อมูลเกย่ี วกบั ตนเอง เรอ่ื งต่างๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าว

เรือ่ งที่อยู่ในความสนใจของสงั คม และสื่อสารอยา่ งต่อเน่ืองและเหมาะสม

มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรอ่ื งตา่ งๆ โดยการพูดและ
การเขยี น

ตัวชี้วัด 1. พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกับตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ/์ เร่ือง/ประเดน็

174

ต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของสงั คม
2. พดู และเขยี นสรปุ ใจความสาคัญ/แก่นสาระ หัวข้อเรอื่ งที่ได้จากการวเิ คราะหเ์ รอ่ื ง/

ข่าว/เหตุการณ/์ สถานการณ์ท่ีอยู่ในความสนใจของสังคม

มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพันธร์ ะหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
ตวั ชี้วัด อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
1. เลอื กใช้ภาษา นา้ เสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกับบุคคลและโอกาสตามมารยาท

สังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
2. อธบิ ายเกี่ยวกบั ชวี ิตความเปน็ อยู่ ขนบธรรมเนียมและประเพณขี องเจา้ ของภาษา
3. เข้ารว่ ม/จัดกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ

มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
ตัวชี้วดั กบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใชอ้ ย่างถกู ต้องและเหมาะสม
1. เปรียบเทียบและอธิบายความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างการออกเสยี ง

ประโยคชนิดต่างๆ และการลาดับคาตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศ
และภาษาไทย

มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลมุ่ สาระการเรยี นรู้อื่น และเปน็ พ้ืนฐาน
ตัวช้วี ดั ในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทัศน์ของตน
1. ค้นคว้า รวบรวม และสรปุ ขอ้ มลู /ข้อเท็จจรงิ ท่เี กย่ี วข้องกับกลมุ่ สาระการเรยี นรู้อ่ืน

จากแหล่งเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน

มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณต์ ่างๆ ท้ังในสถานศกึ ษา ชุมชน และสังคม
1. ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณ์จาลองท่ีเกิดขึน้ ในหอ้ งเรยี น
สถานศกึ ษา ชุมชน และสังคม

2. ความคดิ รวบยอด

รแู้ ละเข้าใจคาศัพท์ที่เกยี่ วข้องกับนติ ยสาร รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ ความรู้เก่ียวกับนิตยสารวัยรนุ่
ของชาวองั กฤษ สานวนภาษาในการให้ข่าวและตอบสนองต่อขา่ วท่ีฟงั /อ่าน หลักการเขยี นรายงานข่าว การ
อา่ นออกเสยี งถูกต้องตามหลกั การอา่ น การใช้ past simple, past continuous การเปรียบเทยี บ past
perfect กบั past perfect continuous ชว่ ยใหใ้ ช้ภาษาในการสื่อสารได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสมทั้งการพูด
เขยี น

175

เข้าใจวา่ โครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศกบั ภาษาไทยนั้นแตกต่างกนั เกดิ ความเข้าใจชวี ติ ความ-เปน็ อยู่
บรบิ ททางสงั คมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และเป็นพืน้ ฐานในการค้นคว้า รวบรวมข้อมลู ที่เกย่ี วข้องกบั
กลุ่มสาระการเรียนรู้อืน่

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- การออกเสียงตามระดบั เสยี งสงู -ต่า ในประโยค การออกเสียงสระเสยี งยาว สระประสม
- การจบั ใจความสาคญั เชน่ ใจความสาคญั รายละเอียดสนับสนุน
- ภาษาท่ีใช้ในการส่ือสารระหว่างบคุ คล เชน่ การสนทนาเกย่ี วกบั ขา่ ว
- การบรรยายเกย่ี วกบั ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตกุ ารณ์ เร่อื งที่อยู่ในความสนใจของสงั คม
- การจบั ใจความสาคัญของข่าว/เหตกุ ารณ์
- การเลือกใชภ้ าษา น้าเสยี ง และกิริยาท่าทางในการสนทนาตามมารยาทสงั คมและวัฒนธรรม
ของเจา้ ของภาษา
- ชวี ติ ความเปน็ อยูข่ องเจา้ ของภาษา
- กจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เช่น การเล่นเกม
- การเปรียบเทยี บและอธบิ ายความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างโครงสรา้ งประโยคของ
ภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
- การคน้ ควา้ การรวบรวม และการนาเสนอขอ้ มูลทีเ่ ก่ยี วข้องกับกลุ่มสาระการเรยี นรู้อืน่
(เทคโนโลยีฯ)
- การใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองท่ีเกิดข้นึ ในห้องเรยี น

3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่น
-

4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน

4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการคิด

- การคดิ วเิ คราะห์
- การคิดอย่างสรา้ งสรรค์
4.3 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
5.1 ใฝเ่ รียนรู้

176

6. ชิ้นงาน/ภาระงาน
6.1 การสนทนาเกย่ี วกับกจิ กรรมทกี่ าลงั ทาในอดีต
6.2 การแสดงการสัมภาษณ์เกย่ี วกบั เหตกุ ารณท์ ี่เกิดข้ึนในขา่ ว
6.3 การเขยี นรายงานข่าว
6.4 การจดั ทานิตยสาร
6.5 การออกเสียงสานวนภาษาท่ีใช้ในการเลือกรายการโทรทัศน์และคาศพั ท์ที่มเี สียง /e/, /eə/, /æ/
6.6 การแสดงบทสนทนาเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์ทต่ี อ้ งการดู
6.7 การพูดนาเสนอการทางานของสถานีวทิ ยุ

7. การวัดและการประเมนิ ผล
7.1 ประเมนิ การทาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรยี น
7.2 ประเมนิ การทาแบบฝึกหดั
7.3 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรใู้ นช่วงการทากิจกรรม
7.4 ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
7.5 ประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน

8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนังสอื เรียน Access 3 ม. 3
8.2 แบบฝกึ หดั (Workbook) Access 3 ม. 3
8.3 แบบฝึกไวยากรณ์ Extra Access 3 ม. 3
8.4 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสือเรียน Access 3 ม. 3)
8.5 Access Workbook Audio CD 3 ม. 3 (ประกอบแบบฝึกหดั (Workbook) Access 3 ม. 3 และ
Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3)
8.6 CD หนังสือ Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
8.7 พจนานุกรมภาษาอังกฤษ
8.8 นติ ยสาร
8.9 อินเทอร์เนต็ หรือหนงั สืออ้างอิง

177

แผนการจัดการเรียนรู้
Unit 4a Daily news

ชั่วโมงท่ี 1-2

1. ความคิดรวบยอด
รู้และเข้าใจการใช้ past simple และ past continuous ชว่ ยใหใ้ ช้ภาษาในการพดู เกย่ี วกบั ตนเองได้

อย่างเหมาะสม และเขา้ ใจว่าโครงสรา้ งประโยคของภาษาต่างประเทศและภาษาไทยนั้นแตกตา่ งกนั

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.1 เรียนรคู้ าศัพทต์ ่อไปนี้ ran off, luckily, sign, come to the rescue of, recover, panic, evidence,
saved,
get better, escape, fear, fortunately, scorpion ได้
2.2 อ่านเพื่อหาข้อมูลจาเพาะได้
2.3 ใช้ past simple และ past continuous ไดถ้ ูกต้อง

3. สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- การจบั ใจความสาคญั เช่น ใจความสาคญั รายละเอียดสนับสนุน
- ภาษาท่ีใช้ในการส่ือสารระหว่างบคุ คล
- การเปรียบเทียบและอธิบายความเหมือน/ความแตกตา่ งระหวา่ งโครงสร้างประโยคของ
ภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย
3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถ่นิ
-

4. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
- การคิดวเิ คราะห์

178

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 ใฝ่เรียนรู้

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

กจิ กรรมนาสกู่ ารเรียน
1. นกั เรยี นทาแบบทดสอบความรู้กอ่ นเรียนโดยใช้ Self Check ในหนงั สอื เรยี น หน้า 48
2. ครูใหน้ ักเรียนดชู ่อื หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4: The media ในหนังสอื เรียน หน้า 39 แล้วบอกวา่ หมายความ
วา่ อยา่ งไร และนักเรยี นคิดว่าหนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 น่าจะเรียนเกย่ี วกับเรื่องอะไร ครูกระตุ้นให้นักเรยี น
ตอบคาถามด้วยการให้นักเรยี นเปิดดูเนอ้ื หาในหนังสอื เรียน หนา้ 40-47 อย่างคร่าวๆ

Suggested Answer Key
The title refers to newspapers, magazines, radio, TV, the Internet and their
content.

3. ครูชีแ้ จงใหน้ กั เรียนทราบวา่ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 น้ี นกั เรียนจะไดเ้ รียนรเู้ ก่ยี วกับ
 types of media
 news articles
 an interview
 a TV guide
 past simple vs past continuous
 past perfect – past perfect continuous

4. ครใู ชภ้ าพ 1-5 ในหนังสือเรยี น หนา้ 39 กระต้นุ ความสนใจของนักเรยี นเข้าสู่การอภปิ รายและนาเข้า
สหู่ นว่ ยการเรียนรู้ โดยการถามคาถามเพื่อเริม่ การอภิปรายเกี่ยวกบั หัวข้อต่างๆ ทจ่ี ะเรียนในหน่วย
การเรียนรู้น้ี

Suggested Answer Key
Focus students’ attention on picture 1.
T: What page is picture 1 from?
S1: It’s from p. 47.
T: What can you see in picture 1? What is the person doing?

179

S2: I can see a girl wearing headphones. She may be listening to theradio.
T: How do you think this is relevant to the title of the module?
S3: Radio is a type of media. etc
T: What page is picture 2 from? (p. 41) What can you see in picture 2?

How do you think the picture is related to the title of the unit?
Do you think she is having fun? What else can you see on p. 41?, etc

1. p. 47 2. p. 41 3. p. 41 4. p. 41 5. p. 45

5. นกั เรยี นทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 39 หัวข้อ Find the page numbers for โดยหาวา่
newspaper headlines, a TV guide, และ teen magazines อยู่ในหนังสือเรียนหนา้ ใด เมอื่ หา
พบแลว้ ครถู ามคาถามเกยี่ วกับหัวขอ้ ดงั กล่าวเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี น

newspaper headlines (p. 43) How can you easily recognise news
headlines?

What tense are they usually written in? Are they full sentences? etc
a TV guide (p. 46) How many TV channels does the guide include?
How many channels are there in your country? Do you have any of the
same or similar TV programmes? etc
teen magazines (p. 45) What are the names of the magazines on p. 45?
Do you read these magazines? Which magazines do you read? etc

6. ครูดึงความสนใจของนักเรียนมาท่ีภาพ 1-5 ในหนังสือเรียน หน้า 39 แล้วเปดิ CD 1/Track 47 ให้
นักเรียนฟงั คาศัพทแ์ ละออกเสียงตาม จากนน้ั ให้นักเรียนแปลความหมายของคาศัพทเ์ หลา่ น้ีเป็น
ภาษาไทย

Suggested Answer Key
Students’ own answers

180

แล้วครอู ่านคา/วลที ี่กาหนดให้ในหัวข้อ Vocabulary และอธิบายหรอื กระตุ้นให้นักเรียนบอก
ความหมาย ถา้ ไม่แน่ใจให้นกั เรียนดูความหมายจากพจนานุกรมภาษาอังกฤษ จากนนั้ ให้นกั เรยี นทา
กิจกรรมคู่กับเพือ่ น โดยจับคู่คา/วลเี หลา่ นใี้ ห้ตรงกับประเภทของส่ือมวลชน (media) ในภาพ
ครบู อกนักเรยี นวา่ คาบางคาอาจเก่ียวขอ้ งกบั สือ่ มวลชนได้มากกวา่ 1 ประเภท เมอ่ื นักเรียนทา
เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบ

Suggested Answer Key
newspapers:editorials, horoscopes, advertisements, TV guide, weather

forecast, cartoons, headlines, celebrity gossip, fashion, sport,
real-life stories, reviews
TV: documentaries, soap operas, advertisements, weather forecast,
cartoons, quizzes, chat shows, sport, sitcoms
Internet: horoscopes, advertisements, TV guide, weather forecast, jokes,
headlines, quizzes, celebrity gossip, fashion, sport, forums,
interviews, websites, real-life stories, reviews
magazines: editorials, horoscopes, advertisements, problem pages, jokes,
cartoons, quizzes, celebrity gossip, fashion, sport, interviews,
real-life stories, reviews
radio: horoscopes, soap operas, advertisements, weather forecast,
jokes, headlines, quizzes, chat shows, celebrity gossip, sport,
interviews, real-life stories, reviews

7. นกั เรียนทากิจกรรม Think! ในหนงั สอื เรยี น หน้า 39 โดยครกู ระตนุ้ ให้นักเรยี นบอกว่านักเรยี นอา่ น
หนังสือพมิ พ/์ นติ ยสาร ดทู วี ี ฟงั วิทยุ เลน่ อินเทอร์เนต็ บ่อยแคไ่ หนดว้ ยการยกมือ แล้วครูถามต่อว่า
ส่อื มวลชนประเภทใดท่นี ักเรยี นชนื่ ชอบ โดยครสู มุ่ เรยี กนักเรยี นหลายๆ คน บอกคาตอบ พรอ้ ม
เหตผุ ล
จากนั้นครนู านักเรยี นเขา้ สู่การอภิปรายสัน้ ๆ เกี่ยวกบั สือ่ มวลชนสามารถใช้ภาพของคนท่ีดูด/ี สวยมา
มีอทิ ธิพลตอ่ เราอย่างไร

Suggested Answer Key
The media can use images of beautiful people to try and influence us to
buy a product. Such images can also affect our own self image and influence how
we feel about our bodies and our appearance.

181

8. ครใู ห้นกั เรียนดชู ื่อ Unit 4a ภาพ และบทอา่ นในหนังสือเรียน หนา้ 40 แลว้ ใหน้ กั เรยี นเดาวา่ Unit 4a
น่าจะเกยี่ วกับเร่ืองอะไร (news stories)

กจิ กรรมพัฒนาการเรียนรู้

1. ครูดึงความสนใจของนักเรียนมาท่ีบทอา่ น A-C ในหนงั สือเรียน หนา้ 40 Ex. 1 (to understand
the context and predict the content of a text) แลว้ กระตนุ้ ให้นักเรียนบอกวา่ สามารถพบบท
อ่าน
แต่ละเรอ่ื งได้ทีใ่ ด จากน้นั ครูอ่านหวั ขอ้ ในบทอา่ น และให้นักเรียนบอกว่าบทอ่านแตล่ ะเร่ืองน่าจะ
เกยี่ วขอ้ งกบั อะไร แล้วครูเปดิ CD 1/Track 48 ใหน้ ักเรียนฟงั และอา่ นบทอ่านในหนังสือเรียนตามไป
ดว้ ย เพ่ือตรวจว่าการคาดเดาของนักเรียนถูกต้องหรือไม่

Suggested Answer Key
A on the Internet – could be a story about a bear
B in a magazine – a dog saves a boy’s life
C in a newspaper – someone found a scorpion in a bunch of grapes

2. ครอู ่านประโยค 1-5 ในหนงั สอื เรยี น หน้า 40 Ex. 2 (to read for specific information) ใหน้ กั เรยี น
ฟัง และใหเ้ วลานกั เรยี นอา่ นบทอ่าน A-C อีกคร้ัง เมอื่ อ่านจบแลว้ ให้นักเรยี นตอบวา่ ประโยคทใ่ี หม้ า
ถูกต้องตามเนื้อเร่ืองท่ีอ่านหรือไม่ โดยใส่ T หรือ F พรอ้ มท้ังแกไ้ ขประโยคทผี่ ดิ ให้ถูกต้อง เสรจ็ แลว้ ครู
ตรวจคาตอบด้วยการสุ่มเรียกนักเรยี นบอกคาตอบ จากนน้ั ให้นักเรียนช่วยกนั อธิบายความหมายของ
คาทเี่ ป็นตัวพิมพ์หนาในบทอ่าน

1. T
2. F The bear ran off into the forest.
3. F Buddy rescued his owner.
4. F Mrs Smith found the scorpion on the kitchen table.
5. F Mr Smith caught the scorpion.

3. ครูอา่ นคา/วลี (a-f) ในหนังสอื เรยี น หนา้ 40 Ex. 3 (to present new vocabulary) และอธบิ าย
หรอื กระตนุ้ ใหน้ กั เรียนบอกความหมาย จากนั้นใหน้ ักเรียนจับคูค่ า/วลีทข่ี ดี เส้นใต้ในบทอ่านที่มี
ความหมายเหมือนกบั คา/วลีเหลา่ นี้ เสร็จแลว้ ครตู รวจคาตอบของนักเรียน

182

ran off – d sign – a recovering – c

Luckily – f came to the rescue of – b panic – e

4. นักเรยี นทากจิ กรรมในหนังสือเรียน หนา้ 40 Ex. 4 (to identify with a situation) โดยครูให้เวลา

นักเรยี นคดิ และเตรยี มคาตอบว่าถา้ นักเรยี นเปน็ Michelle Smith (จากบทอา่ นในกรอบ C) นกั เรยี น

จะทาอยา่ งไร จากน้นั ครตู รวจคาตอบโดยสมุ่ เรียกนกั เรยี นบอกคาตอบของตนเองใหเ้ พื่อนในช้นั ฟงั

Suggested Answer Key
I would call out for help./I would start screaming./I would faint. etc

5. นกั เรยี นศกึ ษาหัวข้อ Learning to learn ในหนงั สือเรียน หน้า 41 เกย่ี วกบั การเรยี นรู้โครงสร้าง
ไวยากรณ์ แลว้ ครยู กตวั อยา่ งประโยค past simple และ past continuous เป็นภาษาไทย เพ่ือให้
นกั เรยี นเข้าใจมากขึ้น

6. นกั เรยี นปดิ หนงั สือเรยี น แล้วครูเขยี นประโยค I was watching TV at 7 o’clock yesterday
evening. บนกระดาน และกระตุ้นให้นกั เรียนบอกว่ารปู กริยานีแ้ สดงถงึ อะไร (action in progress at
a specific time in the past)
แลว้ ครูใหน้ กั เรียนบอกรูปประโยค past continuous (We form the past continuous with
the past simple of the verb ‘to be’ (was/were) and the main verb + -ing. We form
questions by putting was/were before the subject, and we form negations by
putting ‘not’ after was/were.)
จากน้ันครูอธบิ ายหลักเกณฑข์ อง past continuous ในภาษาไทย และใหน้ ักเรยี นเปรยี บเทียบกบั
หลักเกณฑ์ของ past continuous ในภาษาอังกฤษ
กจิ กรรมเพม่ิ เติม ครใู ห้นกั เรียนหาตวั อย่าง past continuous ในบทอา่ น หนา้ 40 (e.g. was
eating, was hiking, was putting, were hiding)

7. ครูให้นกั เรยี นเปิดหนงั สือเรียน หน้า 41 Ex. 5 (to present the past continuous and
compare it with the past simple) แล้วระบุ tense ของรปู กริยาท่ีพิมพต์ ัวหนาในประโยค 1-4
และจับคปู่ ระโยค 1-4 กบั การใช้ a-d จากนน้ั ครกู ระตนุ้ ใหน้ ักเรียนบอกวา่ เราใช้ past continuous
และ past simple เมื่อไร (We use the past continuous for an action in progress at a
stated time in the past, for two or more actions which were happening at the same
time in the past, to give background information in a story, and for a past action
which was in progress when another action interrupted it. We use the past simple

183

for the action that interrupts the longer action. We use the past simple for an action
that started and finished in the past.) เสร็จแล้วครตู รวจคาตอบของนักเรียน

1. past continuous, past simple / b
2. past simple / d
3. past continuous, past continuous / a
4. past continuous / c

8. นกั เรียนทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex. 6 (to practise the past continuous) โดยครู
อธบิ ายให้นักเรียนฟังว่าภาพด้านบนขวาในหนงั สือเรียนเกิดข้ึนตอน 6 โมงเยน็ เมอื่ วานนี้ จากนั้นครู
สมุ่ เรียกนกั เรยี น 2 คน อ่านตัวอยา่ งการถามและตอบ แลว้ ให้นักเรียนจับคู่กัน ถามและตอบเก่ียวกับ
บคุ คลในภาพดังตวั อย่าง ครสู ังเกตการทากจิ กรรมของนักเรียน แล้วตรวจคาตอบโดยส่มุ เรยี ก
นกั เรยี นหลายๆ คู่ ออกมาพดู ถามและตอบคาถามทหี่ นา้ ช้นั เรยี น

Suggested Answer Key
2. A: Was John reading a magazine at 6 o’clock?

B: No, he wasn’t. He was sending a text message.
3. A: Was Sue sending text messages on her mobile at 6 o’clock?

B: No, she wasn’t. She was watching TV.
4. A: Was Tony sending emails at 6 o’clock?

B: No, he wasn’t. He was reading a newspaper.
5. A: Was Mary watching TV at 6 o’clock?

B: No, she wasn’t. She was reading a magazine.

10. นักเรียนทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex. 7 (to practise the past simple and past
continuous) โดยเปล่ยี นคากริยาในวงเลบ็ ให้เป็นรูป past simple หรอื past continuous เม่อื ทาเสรจ็
แลว้ ครตู รวจคาตอบโดยสมุ่ เรียกนักเรยี นทลี ะคนอ่านประโยคของตนเอง พร้อมทัง้ ใหเ้ หตผุ ลเพื่ออธิบายการ
เลอื ก tense ของตนเอง

184

1. caught (action that interrupted other past action), was driving (action in
progress in the past)

2. were travelling (action in progress in the past), fell (action that interrupted
other past action)

3. was talking (action in progress in the past), happened (action that
interrupted other past action)

4. was flying (action that was in progress at a certain time in the past),
started (action that interrupted other past action)

5. were watching, were helping (two actions that were happening at the
same time in the past)

10. นกั เรยี นทากจิ กรรมในหนังสือเรยี น หน้า 41 Ex. 8 (to practise the past continuous) โดยครสู ุม่
เรียกนกั เรยี น 1 คู่ อ่านตัวอย่างการถามและตอบ จากนน้ั ให้นักเรียนจับคู่ ถามและตอบเกย่ี วกบั สง่ิ ที่
นักเรียนกาลังทาในวนั เสาร์ที่ผา่ นมาตามเวลาที่กาหนดใหด้ ังตัวอย่าง ครเู ดนิ รอบๆ ชน้ั เรียนเพอ่ื สังเกต
การทากจิ กรรม แลว้ สมุ่ เรียกนักเรียนบางคู่ออกมาพูดถามและตอบคาถามทีห่ น้าชัน้ เรยี น

Suggested Answer Key
A: What were you doing at 12:30 pm on Saturday?
B: I was having lunch. What were you doing at 2:30 pm on Saturday?
A: I was drinking coffee. What were you doing at 5:00 pm on Saturday?
B: I was watching TV. What were you doing at 9:00 pm on Saturday?
A: I was watching a film at the cinema.
กจิ กรรมรวบยอด

1. นักเรยี นทากิจกรรมในหนังสือเรยี น หน้า 41 Ex. 9 (To practise the past simple and past
continuous) โดยจบั คู่ แล้วบอกสถานทท่ี ี่นักเรียนอยเู่ มอื่ วนั อาทิตยท์ ่ีผ่านมา จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นถาม
และตอบเก่ียวกบั ส่ิงที่เพ่ือนกาลังทาในสถานทดี่ งั กล่าวดงั ตัวอยา่ ง ครูสงั เกตขณะนกั เรียนทากจิ กรรม
แลว้ สุม่ เรยี กนกั เรยี นบางคอู่ อกมาพูดถามและตอบคาถามที่หนา้ ชน้ั เรียน

Suggested Answer Key
A: Last Sunday I was at home.
B: Were you doing your homework?
A: No, I wasn’t.

185

B: Were you watching TV?
A: No, I wasn’t.
B: Were you reading a book?
A: Yes, I was. etc

2. นักเรยี นทากิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) Unit 4a หนา้ 35 Exs. 1-4
7. การวัดและการประเมนิ ผล

7.1 ประเมินการทาแบบทดสอบก่อนเรยี น
7.2 ประเมินการทาแบบฝึกหัด
7.3 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรใู้ นช่วงการทากจิ กรรม
7.4 ประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
7.5 ประเมนิ ผลการพดู สนทนาเกี่ยวกบั กจิ กรรมทก่ี าลงั ทาในอดีต

8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 หนงั สอื เรยี น Access 3 ม. 3
8.2 แบบฝึกหดั (Workbook) Access 3 ม. 3
8.3 แบบฝึกไวยากรณ์ Extra Access3 ม. 3
8.4 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสอื เรยี น Access 3 ม. 3)
8.5 CD หนังสือ Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
8.6 พจนานกุ รมภาษาอังกฤษ

186

บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้
ผลการจดั การเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชือ่ …………………………………….ผูส้ อน
(……………………….……………)

วนั ท่ี……..เดือน……….………พ.ศ. …..…

ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผูบ้ ริหารหรอื ผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

187

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชือ่ …………………………………….ผ้ตู รวจ
(……………………….……………)

วนั ท่ี……..เดอื น……….………พ.ศ.……….

188

แผนการจัดการเรียนรู้
Unit 4b That’s incredible!

ชวั่ โมงท่ี 3-4

1. ความคดิ รวบยอด
รูแ้ ละเขา้ ใจสานวนภาษาในการให้ข่าวและตอบสนองต่อขา่ วทฟี่ ัง/อา่ น และเปรียบเทยี บ past perfect

กับ past perfect continuous ชว่ ยใหใ้ ช้ภาษาในการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู เก่ยี วกับข่าว/เหตุการณ์ได้อย่างถูกตอ้ ง

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
2.1 เรยี นรู้คาศัพท์ต่อไปนี้ tortoise, unbelievable, crawling, balcony, apartment, damaged,
rescue, conquer, injured ได้
2.2 เปรยี บเทยี บ past perfect กับ past perfect continuous ได้
2.3 ให้ข่าวและตอบสนองตอ่ ขา่ วได้
2.4 อ่านและฟงั เพอ่ื หาข้อมูลจาเพาะได้

3. สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- การจับใจความสาคญั เชน่ ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนับสนนุ
- ภาษาทใี่ ช้ในการส่ือสารระหว่างบคุ คล เช่น การสนทนาเกีย่ วกบั ขา่ ว
- การจับใจความสาคญั ของข่าว
- การใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณจ์ าลองที่เกิดข้นึ ในห้องเรยี น
3.2 สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ
-

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
- การคดิ วิเคราะห์

5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

189

5.1 ใฝเ่ รยี นรู้

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

กิจกรรมนาสกู่ ารเรยี น
ครดู งึ ความสนใจของนักเรยี นมาทีช่ ื่อ Unit 4b และภาพในหนังสอื เรียน หน้า 42 แลว้ กระตนุ้ ให้นกั เรยี น
บอกว่าเน้ือหาใน Unit 4b น่าจะเกยี่ วกับเรื่องอะไร (an incredible story about a tortoise)

กจิ กรรมพฒั นาการเรียนรู้
1. นักเรยี นทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 42 Ex. 1 (to predict the content of a text) โดยครู
อา่ นประโยคแรกที่ reporter และ Mr Shaw พดู โตต้ อบกนั ในบทสมั ภาษณ์ แลว้ กระตนุ้ ให้นกั เรยี น
ช่วยกนั บอกว่าบทสัมภาษณน์ ี้น่าจะเก่ยี วกบั เรื่องอะไร จากนน้ั ครเู ปิด CD 1/Track 49 ให้นกั เรียนฟัง
และอ่านบทสัมภาษณ์ในหนังสือเรยี นตามไปดว้ ย เพื่อตรวจวา่ การคาดเดาของนักเรียนถูกตอ้ งหรอื ไม่

Suggested Answer Key
The interview is about an experience that happened to a taxi driver as he
was finishing his shift.

2. ครูใหน้ กั เรยี นอา่ นบนั ทึกยอ่ ของผสู้ ่ือข่าวในหนังสอื เรียน หนา้ 42 Ex. 2 (to read for specific
information) แล้วบอกว่าข้อมูลประเภทใดท่ีขาดหายไปในแต่ละช่องว่าง (1 a name, 2 a time, 3
a verb, 4 a verb, 5 a verb, 6 an adjective to describe the car, 7 an adjective to
describe Mr Shaw’s feelings) จากนัน้ ครใู ห้เวลานักเรียนอา่ นบทสัมภาษณ์ แล้วเตมิ ข้อมลู ใน
บนั ทึกยอ่ ใหส้ มบรู ณ์ เม่ือทาเสร็จแลว้ ครตู รวจคาตอบของนกั เรยี น

1. Mr Shaw (taxi driver)
2. 4 o’clock (in the afternoon)
3. fell
4. crawling on the balcony (of a tenth floor apartment)
5. fell off (and onto Mr Shaw’s car)
6. damaged
7. (a bit) shocked

190

3. นกั เรียนทากจิ กรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 42 Ex. 3 (to understand the meaning of everyday
English expressions) โดยอ่านบทสัมภาษณ์ แลว้ หาประโยคในบทสมั ภาษณท์ ี่มคี วามหมาย
เหมอื นกบั ประโยคท่ีกาหนดให้ เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบโดยส่มุ เรยี กนกั เรยี นอา่ นคาตอบของตนเอง

1. Go on. 3. Who were they?
2. That’s unbelievable! 4. I’m not surprised!

4. นกั เรียนจับคกู่ บั เพ่ือนทากจิ กรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 42 Ex. 4a (to give a third person
account of an event) โดยใชข้ ้อมลู จากบันทึกย่อใน Ex. 2 ผลัดกันเล่าว่าเกดิ อะไรขึ้น ครูสงั เกตการ
ทากจิ กรรมของนักเรียน แล้วสมุ่ เรยี กนักเรียนเล่าให้เพ่ือนในชน้ั ฟงั วา่ เกิดอะไรขนึ้

Suggested Answer Key
Mr Shaw was driving home in his taxi when suddenly something fell from the sky
and hit his car. He was very surprised when he saw it was a huge tortoise.
He stopped the car and got out and the tortoise was lying on the ground. Two
people were running towards it. They were the tortoise’s owners. They said it
was crawling on the balcony of their tenth floor apartment when it fell off and
onto Mr Shaw’s car. The tortoise was fine, but Mr Shaw’s car was badly damaged
and he is still a bit shocked.

5. นักเรยี นทากจิ กรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 42 Ex. 4b (to understand new vocabulary and act
out an interview) โดยครใู ห้เวลานกั เรยี นหาความหมายของคาท่ีพมิ พต์ ัวหนาในบทสัมภาษณ์ แลว้
ครูกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนบอกความหมาย จากน้ันใหน้ ักเรียนจับคฝู่ กึ แสดงการสัมภาษณ์ แล้วครสู มุ่ เรียก
นกั เรียนบางคู่ออกมาแสดงการสัมภาษณท์ ่หี น้าช้นั เรียน

Suggested Answer Key
Students’ own answers

6. นักเรียนปดิ หนงั สอื เรียน แลว้ ครเู ขยี นประโยค They had been waiting for three hours
before the rescue workers arrived. บนกระดาน และบอกนักเรยี นว่าคากริยาท่ีขดี เสน้ ใตอ้ ยูใ่ น
รูป past perfect continuous จากน้ันกระต้นุ ให้นักเรียนบอกว่า tense นี้ แสดงถึงอะไร (action

191

that started and ended in the past before another action, with emphasis on
duration)
แลว้ ครใู ห้นักเรยี นอ่านหลกั การใช้และตวั อย่างประโยค past perfect และ past perfect
continuous ในหนงั สือเรยี น หนา้ 43 Ex. 5 (to present the past perfect continuous and
compare it to the past perfect) จากนั้นกระตุน้ ใหน้ ักเรียนบอกว่าเราสร้าง past perfect และ
past perfect continuous อยา่ งไร แลว้ ใหน้ ักเรียนหาตัวอย่างประโยคทั้ง 2 tense ในบทสมั ภาษณ์
หน้า 42

We form the past perfect with the past simple of the verb ‘have got’ (had)
and the main verb + -ing.

We form the past perfect continuous with had been + the past participle of
the main verb.
Examples in the dialogue
past perfect: had finished
past perfect continuous: had been crawling

7. ครูให้นักเรียน 1 คน อา่ นตัวอยา่ งในหนงั สอื เรียน หน้า 43 Ex. 6 (to practise the past perfect
affirmative and negative) แล้วกระตุ้นให้นักเรยี นบอกรูปปฏิเสธของ past perfect (negative
form of past form of ‘have got’ + past participle of main verb) จากนั้นให้นักเรยี นจับคู่
กบั เพ่ือนพูดบอกส่งิ ท่ี Laura ทา/ไม่ไดท้ า เสร็จแล้วครตู รวจคาตอบ และสุ่มเรียกนักเรยี นทีละคน
บอกเพ่อื นในชน้ั ถึงสงิ่ ท่ี Laura ทา/ไม่ได้ทา

Suggested Answer Key
She hadn’t bought a birthday card for Julie by the end of the day, but she had
already done the shopping.
She hadn’t watered the plants by the end of the day, but she had already sent Tim
an email.

8. ครูอ่านตวั อย่างในหนงั สือเรยี น หน้า 43 Ex. 7 (to practise the past perfect and past simple
and combining sentences with time words) แล้วกระตุ้นให้นักเรยี นบอกวา่ ทาไมคากริยา left

192

จึงเป็นรูป past perfect เมื่ออยู่ในประโยคท่ีถูกรวมเข้าด้วยกันแล้ว (to indicate that the
action ‘left’ preceded the action ‘came’)
จากนั้นครูให้นักเรียนทากิจกรรมโดยใช้คาบอกเวลาในวงเล็บรวมประโยคเข้าด้วยกัน และ
เปล่ียนคากริยาซ่ึงเกิดก่อนเป็นรูป past perfect เมื่อนักเรียนทาเสร็จแล้วครูตรวจคาตอบโดย
สุ่มเรียกนักเรียนทีละคนบอกคาตอบของตนเองให้เพ่ือนในช้ันฟัง

2. By the time his mum got home, Steve had done the washing up.
3. Her lessons had already started when she arrived at school.
4. We went for a walk when it had stopped raining.

9. ครูอ่านตวั อย่างในหนงั สือเรียน หนา้ 43 Ex. 8a (to practise the past perfect continuous and
past simple) แล้วใหน้ กั เรยี นทาประโยคใหส้ มบูรณ์โดยใช้ past perfect continuous และ past
simple ครูบอกนักเรียนวา่ ให้ใช้ because เพื่อรวม 2 ประโยคย่อยเข้าด้วยกันดังตัวอยา่ ง เม่ือ
นักเรยี นทาเสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบ โดยสุ่มเรียกนักเรียนทีละคนบอกคาตอบของตนเองให้เพ่ือน
ในช้ันฟัง

morning. 1. Her eyes were red because she had been crying.
2. Sam was sunburnt because he had been lying on the beach all

3. Sally was exhausted because she had been sitting exams all week.
4. She was angry because she had been waiting for half an hour.

10. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรยี น หน้า 43 Ex. 8b (to consolidate the past perfect and the
past perfect continuous) โดยเขียนประโยคเกยี่ วกบั 3 ส่ิงที่นักเรียนทา/กาลงั ทากอ่ นเขา้ ช้นั เรียน
ภาษาองั กฤษวนั นี้โดยใช้ past perfect หรอื past perfect continuous เมอื่ นักเรียนเขียนประโยค
เสรจ็ แล้วครูตรวจคาตอบด้วยการส่มุ เรยี กนักเรยี นทีละคนพูดประโยคของตนเองใหเ้ พอื่ นในชัน้ ฟัง

Suggested Answer Key
1. I had already had breakfast before coming to my English class today.
2. I had been revising my notes before coming to my English class today.

193

3. I had already been to my Maths lesson before coming to my English
class today.

11. ครดู งึ ความสนใจของนักเรยี นมาท่หี วั ขอ้ ขา่ วและตัวอยา่ งการพดู โตต้ อบในหนังสือเรียน หนา้ 43 Ex. 9
(to give and react to news) แลว้ ให้นกั เรยี นจบั ค่แู สดงการพดู โตต้ อบเกี่ยวกบั หัวข้อข่าวดังกลา่ ว
โดยใชส้ านวนภาษาทใี่ หม้ าในกรอบ ครเู ดินสงั เกตรอบๆ ชนั้ เรียนขณะนักเรยี นทากจิ กรรม แลว้ สุม่
เรียกนกั เรียนหลายๆ คู่ ออกมาแสดงการพดู โต้ตอบที่หนา้ ชนั้ เรียน

Suggested Answer Key
 A: Did you hear that a falling tortoise stopped a taxi?

B: Wow! Really?
 A: Listen to this. A brother rescued his sister from a fire!

B: Wow! Really?
 A: You won’t believe this! Some teenagers conquered Everest.

B: That’s unbelievable!
 A: Did you hear that 130 people were injured in a train crash?

B: Really? Oh, dear! That’s terrible!

12. นกั เรียนทากจิ กรรมในหนังสือเรียน หน้า 43 Ex. 10 (to listen and take notes) โดยครเู ปดิ CD
1/Track 50 ให้นกั เรียนฟังเรื่องราวเก่ยี วกับพีช่ ายซง่ึ ชว่ ยชีวิตนอ้ งสาวของเขาจากไฟไหม้ ขณะทฟ่ี งั
ให้นกั เรยี นจดบันทึกย่อตามหัวขอ้ ทกี่ าหนด เสรจ็ แลว้ ครตู รวจคาตอบของนักเรยี น

when/where it happened
Last night, 10 Harrow Road, West London
who was involved
Simon Graves and his sister, Katy
how the fire started
a window had blown open and had knocked over a candle
what happened

194

Simon ran upstairs to rescue his sister in her bedroom. He broke the bedroom
window and climbed down a tree with Katy on his back. Then he called the fire
brigade on his mobile phone. The fire brigade put out the fire quickly but the house
was badly damaged.

how the characters felt
They were both fine but shocked.

กจิ กรรมรวบยอด

1. นักเรยี นทากจิ กรรมในหนงั สือเรียน หน้า 43 Ex. 11 (to act out an interview) โดยจบั คู่กบั เพอ่ื น
ใช้ข้อมลู จากบนั ทึกย่อใน Ex. 10 เตรยี มบทสมั ภาษณโ์ ดยใช้ past simple, past continuous, past
perfect และ/หรอื past perfect continuous นักเรียนสามารถใชบ้ ทสัมภาษณใ์ นหนา้ 42 เป็น
ต้นแบบ ครูใหเ้ วลานักเรียนเตรียมและฝกึ การสัมภาษณ์ โดยครูสังเกตการทากิจกรรมของนักเรยี น
จากน้ันสุ่มเรยี กนักเรียนหลายๆ คู่ ออกมาแสดงการสัมภาษณท์ ีห่ น้าชน้ั เรยี น

Suggested Answer Key
A: Good evening, Simon. I’m from the Daily Herald. Can you tell me

what happened?
B: Well, last night I was washing the dishes. I went into the living room

because I had smelt smoke, and saw it was on fire.
A: Wow! What did you do?
B: I ran upstairs to get my sister Katy, who had been playing in her
bedroom.

I broke her window and we climbed down the big tree outside.
A: That’s unbelievable! How do you feel now?
B: Well, I’m still a bit shocked!
A: I’m not surprised! What a story, Simon! Thank you for sharing it!

3. นกั เรียนทากจิ กรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) Unit 4b หนา้ 36 Exs. 1-5 โดยใน Ex. 5 ให้
นักเรียนฟงั Access Workbook Audio CD 3 ม. 3/Track 8 ประกอบการทากิจกรรม

4.
195

7. การวัดและการประเมนิ ผล
7.1 ประเมินการทาแบบฝึกหดั
7.2 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนร้ใู นชว่ งการทากจิ กรรม
7.3 ประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
7.4 ประเมนิ ผลการแสดงการสมั ภาษณเ์ ก่ยี วกบั เหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ ในข่าว

8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 หนังสอื เรียน Access 3 ม. 3
8.2 แบบฝึกหัด (Workbook) Access 3 ม. 3
8.3 แบบฝกึ ไวยากรณ์ Extra Access 3 ม. 3
8.4 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสอื เรยี น Access 3 ม. 3)
8.5 Access Workbook Audio CD 3 ม. 3 (ประกอบแบบฝกึ หัด (Workbook) Access 3 ม. 3 และ
Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3)
8.6 CD หนงั สอื Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3

196

บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
ผลการจัดการเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชือ่ …………………………………….ผู้สอน
(……………………….……………)

วันท่ี……..เดือน……….………พ.ศ. …..…

197

ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรือผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่อื …………………………………….ผ้ตู รวจ
(……………………….……………)

วันท่ี……..เดือน……….………พ.ศ.……….

198

แผนการจดั การเรยี นรู้
Unit 4c Lucky days

ชั่วโมงท่ี 5-6

1. ความคดิ รวบยอด
รแู้ ละเข้าใจหลักการเขียนรายงานข่าว ช่วยให้ใชภ้ าษาสอ่ื สารเก่ยี วกับเหตุการณต์ ่างๆ ทีอ่ ยใู่ นความสนใจ

ของสงั คมได้อยา่ งเหมาะสม

2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.1 เรียนรู้คาศพั ท์ต่อไปน้ี seriously injured, swerve off, crash, avoid, speed, witness, arrest,
recover, shark, jaws, surfboard, fin, ambulance, scratches ได้
2.2 เขยี นรายงานข่าวได้
2.3 เลา่ ประสบการณ์ได้
2.4 ฟังเพื่อยนื ยันข้อมลู ได้

3. สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรียนร้แู กนกลาง
- การจับใจความสาคญั เชน่ ใจความสาคัญ รายละเอียดสนับสนุน
- การบรรยายเกยี่ วกับประสบการณ์ ขา่ ว/เหตุการณ์
- การจับใจความสาคัญของข่าว/เหตุการณ์
3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่
-

4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน
4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
- การคิดวเิ คราะห์

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

199

5.1 ใฝเ่ รียนรู้

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

กิจกรรมนาส่กู ารเรยี น
ครใู หน้ กั เรยี นดชู ื่อ Unit 4c และภาพในหนังสือเรียน หน้า 44 แล้วเดาว่าเน้อื หาใน Unit 4c นา่ จะ
เกย่ี วขอ้ งกบั อะไร (an accident)

กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรู้
1. นักเรียนทากิจกรรมในหนังสือเรยี น หน้า 44 Ex. 1 (to describe an event from pictures) โดยดู
ภาพอบุ ตั เิ หตุและคิดวา่ เกดิ อะไรขนึ้ จากนน้ั ครสู มุ่ เรียกนักเรยี นทีละคนบรรยายเหตุการณว์ ่าเกดิ อะไร
ขน้ึ

Suggested Answer Key
A school bus was driving down the road when a car came round the corner
on the wrong side of the road. The bus swerved to avoid crashing into the car and
crashed into a wall.

2. ครเู ปิด CD 1/Track 51 ใหน้ กั เรยี นฟังและอ่านรายงานขา่ วในหนังสือเรยี น หนา้ 44 Ex. 2 (to
listen and read for confirmation) ตามไปดว้ ย เพือ่ ตรวจว่าเหตุการณ์ที่นักเรยี นคาดเดาไว้
ถูกต้องหรือไม่

3. ครอู า่ นคาถามในหนงั สือเรยี น หนา้ 44 Ex. 3 (to read for context, purpose and structure) ให้
นกั เรยี นฟัง 1 ครัง้ แลว้ กระตุน้ คาตอบจากนกั เรียนในช้นั จากนั้นให้นกั เรยี นอธบิ ายความหมายของคา
ท่พี มิ พต์ ัวหนาในรายงานข่าว

Suggested Answer Key
1. in a newspaper
2. to inform
3. Para 1 – summary of the event (who, what, when, where etc)

Para 2 – what exactly happened
Para 3 – what happened in the end
4. students, seriously injured, school bus, swerved off the road, crashed,

200

driving along, car came around the corner, wrong side of the road,
swerved to avoid crashing, drove into a small wall, speeding, witnesses,
driving too fast, police arrested, injured students, recovering, in hospital

4. นักเรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 44 Ex. 4 (to narrate an experience) โดยจนิ ตนาการ
ว่าตนเองอยูบ่ นรถโรงเรยี นทเี่ กดิ อุบัติเหตใุ นภาพ แลว้ ใหน้ ักเรยี นเล่าประสบการณโ์ ดยเร่ิมตน้ เลา่
ประสบการณ์ดว้ ยประโยค “I was on the school bus yesterday morning on my way to
school when …” ครูให้เวลานกั เรยี นเตรยี มเรื่อง จากน้ันสมุ่ เรยี กนกั เรยี นหลายๆ คน เลา่
ประสบการณ์ใหเ้ พื่อนในชน้ั ฟัง

Suggested Answer Key
I was on the school bus yesterday morning on my way to school when,
suddenly, the bus swerved onto the other side of the road. I didn’t see what
happened to cause the driver to swerve, but the next thing I knew we were crashing
into a wall. I hit my arm very badly. The ambulance came and took a few of us to
hospital. My parents were very worried. It was a frightening experience.

5. ครูใหน้ ักเรยี นอา่ นหัวข้อขา่ วและคาสาคญั ทใี่ หม้ าในหนงั สือเรียน หน้า 44 Ex. 5 (to read to
predict content, to listen for confirmation) แล้วกระตนุ้ ใหน้ ักเรียนคิดว่าเกดิ อะไรขึ้นกับ
นักทอ่ งเท่ยี ว จากนัน้ ครเู ปดิ CD 1/Track 52 ให้นักเรยี นฟังและตรวจว่าการคาดเดาของนักเรียน
ถกู ต้องหรือไม่

Suggested Answer Key
The tourist was surfing last Sunday when he saw a shark fin in the water. The
shark attacked him and bit off part of the board. He grabbed the broken board,
stuffed it into the shark’s mouth and swam towards the shore. Some people on the
beach called an ambulance but, apart from a few scratches, he was alright and is
recovering from shock.

201

กจิ กรรมรวบยอด

1. นักเรยี นทากจิ กรรมในหนังสือเรยี น หนา้ 44 Ex. 6 (to write a news report) โดยจนิ ตนาการว่า
ตนเองเปน็ ผสู้ ื่อขา่ วของวารสารโรงเรยี น ใหน้ กั เรียนใช้ความคิดของตนเอง หวั ขอ้ ขา่ ว และคาสาคญั ท่ี
ให้มาใน Ex. 5 มาเขียนรายงานข่าวตามโครงรา่ งทกี่ าหนดให้ ครใู หเ้ วลานกั เรยี นทางาน
ในชั้นเรยี นหรืออาจมอบหมายใหเ้ ปน็ การบ้าน เม่ือเขยี นเสรจ็ แลว้ ครูให้นักเรยี นหลายๆ คน อา่ น
รายงานขา่ วของตนเองใหเ้ พือ่ นฟงั แลว้ ครูตรวจคาตอบ หรอื ใหน้ กั เรยี นแลกเปล่ยี นกับเพื่อนข้างเคียง
และประเมินรายงานขา่ วของเพอ่ื นโดยดูท่ี paragraphing, grammar, spelling,
topic/supporting sentences

Suggested Answer Key
26-year-old Tourist Escapes from Shark’s Jaws
26-year-old Simon Smith from London was on holiday in Hawaii last Sunday when a
shark attacked him. Simon was paddling on his surfboard towards some huge waves,
when he saw a shark’s fin. The shark bit off the front part of his board. Simon
grabbed the broken board quickly, and stuffed it into the shark’s mouth.Simon then
swam as quickly as he could towards the shore. When he reached the shore, some
people called an ambulance. Apart from a few scratches, he is alright. He is in
hospital, recovering from shock.

การเขยี นรายงานขา่ ว
ปกติรายงานข่าวจะประกอบดว้ ย 3 ย่อหน้า
ในยอ่ หน้าแรกจะเขยี นสรปุ เหตกุ ารณ์ น่ันคอื เกิดอะไรข้นึ เมื่อไหร่ ท่ไี หน และเกี่ยวขอ้ ง
กบั ใครบ้าง
ในย่อหน้าท่ี 2 จะนาเสนอรายละเอยี ดของเหตกุ ารณ์ โดยปกตเิ ราจะเขยี นตามลาดบั
เหตกุ ารณท์ ี่เกดิ ข้ึน
และในยอ่ หนา้ สดุ ทา้ ย เราจะเขยี นว่าเกิดอะไรข้ึนในตอนสดุ ทา้ ย
รายงานขา่ วจะต้องมีชือ่ เรื่องเสมอ เพอ่ื บอกใหผ้ ู้อ่านทราบถึงเนอ้ื หาของรายงาน
ซึง่ เปน็ รูปแบบทีเ่ ปน็ ทางการโดยท่ัวไปของรายงานข่าว

202

2. นักเรยี นทากิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) Unit 4c หน้า 37-38 Exs. 1-4
7. การวดั และการประเมนิ ผล

7.1 ประเมนิ การทาแบบฝึกหดั
7.2 สังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรใู้ นช่วงการทากจิ กรรม
7.3 ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
7.4 ประเมินผลการเขยี นรายงานขา่ ว
8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 หนงั สอื เรียน Access 3 ม. 3
8.2 แบบฝึกหดั Access 3 ม. 3
8.3 แบบฝึกไวยากรณ์ Extra Access 3 ม. 3
8.4 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนงั สือเรียน Access 3 ม. 3)

203

บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
ผลการจดั การเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่ือ…………………………………….ผูส้ อน
(……………………….……………)

วนั ท่ี……..เดือน……….………พ.ศ. …..…

ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

204

ลงช่อื …………………………………….ผูต้ รวจ
(……………………….……………)

วันที่……..เดอื น……….………พ.ศ.……….

205

แผนการจัดการเรียนรู้
Unit 4d Culture corner

ชัว่ โมงท่ี 7-8

1. ความคิดรวบยอด

รู้และเข้าใจคาศัพท์ทเี่ ก่ยี วข้องกบั นติ ยสาร ความรูเ้ ก่ยี วกบั นิตยสารวัยรุ่นของชาวอังกฤษ ชว่ ยให้เขา้ ใจ
ชวี ิตความเปน็ อยู่ บรบิ ททางสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา

2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

2.1 เรียนรูค้ าศัพทต์ ่อไปน้ี sections, problem page, glossy covers, celebrity gossip,
horoscopes,
real-life stories ได้

2.2 เรียนรู้เกีย่ วกับนติ ยสารวยั รุน่ ของชาวองั กฤษและเน้อื หาของนติ ยสารได้
2.3 สร้างคาคณุ ศัพท์ (adjectives) จากคานาม (nouns) ได้
2.4 จดั ทานิตยสารได้

3. สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
- การบรรยายเกย่ี วกับเร่ืองท่ีอยู่ในความสนใจของสงั คม
- ชวี ิตความเปน็ อย่ขู องเจา้ ของภาษา

3.2 สาระการเรยี นรูท้ ้องถน่ิ
-

4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน

4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ

- การคดิ วิเคราะห์
- การคดิ อย่างสร้างสรรค์

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

206

5.1 ใฝเ่ รียนรู้

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมนาสู่การเรียน

ครใู หน้ ักเรียนดูภาพในหนงั สอื เรยี น หน้า 45 แลว้ กระตนุ้ ให้นกั เรียนบอกวา่ เน้อื หาใน Unit 4d น่าจะ
เก่ียวกับเร่อื งอะไร (teen magazines) จากนน้ั ถามนักเรยี นว่านกั เรียนอ่านนิตยสารหรือไม่ ถ้าอา่ น
นักเรียนอา่ นนิตยสารอะไร

กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้
1. นกั เรยี นทากจิ กรรมในหนงั สือเรยี น หน้า 45 Ex. 1 (to identify the readership and content
of magazines) โดยครูดึงความสนใจของนกั เรยี นมาท่ภี าพปกนิตยสาร แลว้ ใหน้ ักเรียนตอบคาถาม
วา่ นิตยสารที่นกั เรยี นเห็นเหมาะสาหรับใคร และนักเรยี นจะได้อา่ นเกี่ยวกับอะไรในนิตยสารดงั กลา่ ว
โดยครูถามคาถามเพ่ือช่วยนักเรยี น เชน่
- What is the name of the magazine on the left? (Shoot)
- What does the picture on the cover show? (a footballer)
- Who do you think would read this magazine? (boys)
- What do you think you could read inside? (articles about football)

Suggested Answer Key
Shoot is a magazine for boys about football.
Sugar is a magazine for girls about fashion, celebrities and looks.

2. ครูเปิด CD 1/Track 53 ให้นกั เรยี นฟังและอ่านบทอ่านในหนังสอื เรียน หน้า 45 Ex. 2 (to listen
and read for specific information) ตามไปด้วย แล้วสมุ่ เรียกนักเรยี นหลายๆ คน อา่ นออกเสียง
ประโยค 1-3 ท่ไี มส่ มบูรณ์ จากนนั้ ใหน้ กั เรียนเติมประโยคดังกลา่ วให้สมบูรณ์ เม่ือทาเสร็จแลว้ ครู
ตรวจคาตอบของนักเรียน แล้วให้นักเรียนอธบิ ายความหมายของคาท่ีพมิ พ์ตวั หนาในบทอ่าน

207

Suggested Answer Key
1. ... beauty and fashion, celebrity gossip, real-life stories, horoscopes,
quizzes and problem pages.
2. … make them more attractive to teenagers and easier to understand.
3. … it can help them find solutions to problems they don’t feel
comfortable discussing with their parents.

3. นักเรียนทากิจกรรมในหนังสือเรียน หนา้ 45 Ex. 3 (to relate the topic to students’ own
culture) โดยครูกระตุ้นใหน้ ักเรียนบอกช่อื ของนติ ยสารวยั รุ่นในประเทศไทย และเน้ือหาในนติ ยสาร
ดังกลา่ ว

Suggested Answer Key
Students’ own answers

4. ครูใหน้ ักเรยี นอา่ นหลกั เกณฑ์การสรา้ งคาคณุ ศัพท์จากคานามในหนังสอื เรยี น หนา้ 45 Ex. 4 (to
form adjectives from nouns) จากนั้นเปลย่ี นคานามทีก่ าหนดใหใ้ นวงเล็บให้เป็นคาคุณศพั ท์
เสร็จแล้วครกู ระตุน้ คาตอบจากนักเรียน

1. successful 2. helpful 3. harmless

กจิ กรรมรวบยอด
1. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 45 Ex. 5 (to make a magazine) โดยครูแบ่งนักเรียน
เปน็ กลุ่ม กลุม่ ละ 4-5 คน แล้วให้แตล่ ะกลมุ่ จดั ทานติ ยสารทมี่ ีเนอ้ื หาทง้ั หมด 6 หน้า ครูให้แตล่ ะกลุ่ม
ชว่ ยกนั ออกแบบเนื้อหาทีจ่ ะใสใ่ นนติ ยสาร ได้แก่ a crossword puzzle, some joke, sports,
quizzes, a horoscope, a problem page, a true story ซง่ึ นกั เรยี นสามารถใช้ภาพจากนิตยสาร
ต่างๆ หรือภาพท่ีวาดเองมาประกอบ เมอื่ ทกุ กลมุ่ ทานิตยสารเสรจ็ แล้วใหน้ าเสนอผลงานทีห่ นา้ ชั้น
เรยี น

208

Suggested Answer Key

Roller Hockey, also known This sport is been played
as Quad Hockey, in over sixty countries and
international-style Ball, has a worldwide following.
hockey and Hoquei em Roller hockey was a the
Patins is an overarching Barcelona Summer
demonstration sport at Olympics.
name for a roller sport that
has existed since long before
inline skates were invented.

209

2. นักเรยี นทากิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) Unit 4d หน้า 39 Exs. 1-4
7. การวัดและการประเมินผล

7.1 ประเมนิ การทาแบบฝึกหดั
7.2 สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนร้ใู นช่วงการทากจิ กรรม
7.3 ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
7.4 ประเมนิ ผลการจดั ทานติ ยสาร
8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน Access 3 ม. 3
8.2 แบบฝกึ หดั (Workbook) Access 3 ม. 3
8.3 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนงั สอื เรยี น Access 3 ม. 3)
8.4 CD หนงั สือ Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
8.5 นติ ยสาร

210

บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
ผลการจดั การเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอื่ …………………………………….ผู้สอน
(……………………….……………)

วนั ท่ี……..เดอื น……….………พ.ศ. …..…

ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

211

ลงช่อื …………………………………….ผูต้ รวจ
(……………………….……………)

วันที่……..เดอื น……….………พ.ศ.……….

212

แผนการจดั การเรียนรู้
Unit 4e What’s on?

ช่วั โมงที่ 9-10

1. ความคิดรวบยอด
รแู้ ละเขา้ ใจคาศัพท์ สานวนภาษาทีเ่ กี่ยวข้องกบั รายการโทรทศั น์ การอ่านออกเสียงถกู ต้องตามหลักการ

อ่าน ชว่ ยใหใ้ ชภ้ าษาในการพูดเก่ียวกบั เรอื่ งท่ีอย่ใู นความสนใจของสงั คมได้อย่างเหมาะสม

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
2.1 เรียนรคู้ าศพั ทต์ ่อไปนี้ wildlife documentary, cookery programme, music show, police
drama, sports programme, quiz show, comedy series, soap opera, chat show, reality
show ได้
2.2 อ่านออกเสยี งสานวนภาษาที่ใชใ้ นการเลือกรายการโทรทัศน์ บทสนทนา และคาศัพทท์ ่ีมีเสยี ง /e/,
/eə/, /æ/ ได้
2.3 พูดเก่ยี วกับรายการโทรทัศนไ์ ด้

3. สาระการเรียนรู้
3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- การออกเสียงตามระดับเสียงสูง-ต่า ในประโยค การออกเสียงสระเสียงยาว สระประสม
- ภาษาท่ใี ช้ในการสื่อสารระหว่างบคุ คล
- การเลือกใชภ้ าษา นา้ เสียง และกริ ิยาทา่ ทางในการสนทนาตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรม
ของเจ้าของภาษา
- การใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองที่เกดิ ขึ้นในห้องเรยี น
3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิน่
-

4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร

213

5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
5.1 ใฝเ่ รยี นรู้

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
กิจกรรมนาสู่การเรยี น

ครูอา่ นช่อื Unit 4e ในหนังสือเรยี น หนา้ 46 ให้นกั เรียนฟัง แลว้ ดึงความสนใจของนักเรียนมาทีภ่ าพ
และกระตนุ้ ให้นักเรยี นบอกว่าเน้ือหาใน Unit 4e น่าจะเก่ียวกับเร่ืองอะไร (TV)

กจิ กรรมพัฒนาการเรียนรู้
1. ครดู งึ ความสนใจของนักเรียนมาที่ TV guide ในหนงั สอื เรียน หน้า 46 Ex. 1 (to read for specific
information) แลว้ กระต้นุ ให้นกั เรยี นบอกว่าจะพบ TV guide ได้ทใี่ ด (in a magazine,
newspaper etc) จากนั้นครูให้เวลานักเรยี นอ่าน TV guide เมือ่ อ่านจบแลว้ ครใู หน้ ักเรียนหลายๆ
คน บอกประเภทรายการโทรทัศน์ทม่ี ีใน TV guide และส่มุ เรียกนกั เรียนบอกประเภทรายการ
โทรทศั นท์ ี่
ชน่ื ชอบ

the news & weather, a police drama, a soap opera, a documentary, a sports
programme, a cookery programme, a quiz show, a chat show, a music
show, a comedy series, a reality show

Suggested Answer Key
My favourite type of TV programme is sports programmes.

2. ครูเปิด CD 1/Track 54 ใหน้ ักเรยี นฟงั การออกเสยี งสานวนภาษาท่ใี ช้ในการเลือกรายการโทรทัศน์
ในหนังสือเรียน หนา้ 46 Ex. 2 (to present new vocabulary) พร้อมทั้งบอกนักเรียนให้สังเกต
การออกเสียงสูง-ตา่ ในประโยค แล้วครเู ปดิ CD อีกคร้งั โดยหยดุ ทีละประโยคเพ่ือใหน้ ักเรยี นออก
เสยี งตาม

214

3. นักเรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 46 Ex. 3a (to predict the content of a text) โดยครู
ใหน้ กั เรียนอ่านสานวนภาษาใน Ex. 2 อีกคร้ัง และครูอธบิ ายวา่ สานวนภาษาเหลา่ น้มี าจากบท
สนทนาระหว่างเพ่ือน 2 คน แล้วกระตุ้นใหน้ ักเรยี นคิดวา่ บทสนทนานี้น่าจะเกีย่ วข้องกับอะไร
จากนนั้ ครูเปดิ CD 1/Track 55 ใหน้ กั เรยี นฟังและอา่ นบทสนทนาในหนังสอื เรียนตามไปด้วย เพือ่
ตรวจว่าการคาดเดาของนักเรียนถูกต้องหรือไม่

Suggested Answer Key
The dialogue is between two people who are talking about which TV
programme(s) to watch.

4. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หน้า 46 Ex. 3b (to read out a dialogue and consolidate
new vocabulary through translation) โดยใหน้ ักเรียนจบั คูฝ่ กึ อ่านบทสนทนา แลว้ ครูสมุ่ เรียก
นักเรยี นบางคู่ออกมาอ่านบทสนทนาท่ีหน้าช้นั เรยี น จากนั้นกระตุน้ ใหน้ ักเรยี นแปลสานวนใน Ex. 2
เป็นภาษาไทย โดยครูย้าว่านกั เรียนควรแปลด้วยสานวนภาษาทีเ่ ทยี บเทา่ กบั ในภาษาไทยมากกวา่
การแปลตรงตวั

Suggested Answer Key
Students’ own answers

5. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 46 Ex. 4 (to understand the meaning of everyday
English expressions) โดยอ่านบทสนทนาอีกครัง้ แล้วหาประโยคในบทสนทนาทมี่ ีความหมาย
เหมอื นกบั ประโยค 1-3 จากน้ันครูตรวจคาตอบโดยสมุ่ เรยี กนักเรยี นอ่านคาตอบของตนเอง

1. Do you fancy watching it? 3. I hate sports.
2. Sure.

6. นักเรยี นฝึกออกเสียงคาศัพท์ทอี่ อกเสยี ง /e/, /eə/, /æ/ ในหนงั สือเรยี น หนา้ 46 Ex. 6 (to
pronounce /e/, /eə/, /æ/) โดยครูเปิด CD 1/Track 56 ให้นักเรียนฟัง และทาเครื่องหมาย  ลง
ในชอ่ งทต่ี รงกบั เสียงท่ีได้ยิน แลว้ ครูเปดิ CD อกี ครงั้ โดยหยดุ ทลี ะคาเพื่อให้นกั เรียนฟังและออกเสียง
ตาม ครเู ปิด CD ใหน้ กั เรียนฟังจนแนใ่ จว่านักเรยี นออกเสยี งไดถ้ ูกตอ้ ง จากนัน้ ครูเฉลยคาตอบ และ
ให้นกั เรียนบอกคาศัพท์ท่ีออกเสยี ง /e/, /eə/, /æ/ เพ่ิมเติม

215

/e/ /eə/ /æ/ /e/ /eə/ /æ/

belly  marry 

Harry  Mary 

fairy  ferry 

Suggested Answer Key
/e/: merry, Nelly
/eə/: hairy, dairy
/æ/: carry, mad

กิจกรรมรวบยอด

1. นกั เรียนทากิจกรรมในหนังสือเรยี น หน้า 46 Ex. 5 (to act out a dialogue using visual
prompts) โดยสมมติใหข้ ณะน้ีเปน็ วันอังคารตอนเย็น แลว้ ครูให้นกั เรยี นจบั คู่กบั เพ่ือน ใช้ TV guide
ใน Ex. 1 และความคิดของตนเองแสดงบทสนทนาเกย่ี วกับรายการโทรทัศน์ท่ตี ้องการดู ครูบอก
นักเรียนว่าสามารถใชบ้ ทสนทนาใน Ex. 3 เปน็ ต้นแบบได้ จากนนั้ ครูเขยี นโครงสร้างบทสนทนาให้
นกั เรียนดบู นกระดาน และกระตุ้นให้นกั เรยี นบอกสานวนภาษาท่ีใช้ในบทสนทนานี้

ครเู ดนิ รอบๆ ชนั้ เรียนเพ่ือสังเกตการทากิจกรรม แลว้ สุ่มเรียกนักเรยี นบางคู่ออกมาแสดงบทสนทนา
ทีห่ นา้ ชั้นเรยี น

216


Click to View FlipBook Version