บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้
ผลการจัดการเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชื่อ…………………………………….ผ้สู อน
(……………………….……………)
วนั ท่ี……..เดอื น……….………พ.ศ. …..…
ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารหรอื ผู้ที่ได้รบั มอบหมาย
258
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื …………………………………….ผู้ตรวจ
(……………………….……………)
วนั ที่……..เดอื น……….………พ.ศ.……….
แผนการจัดการเรียนรู้
Unit 5e Sounds easy
ช่วั โมงท่ี 9-10
1. ความคิดรวบยอด
รู้และเขา้ ใจสานวนภาษาท่ใี ช้ในการขอและให้คาแนะนา ช่วยใหใ้ ช้ภาษาในการให้คาแนะนาใน
สถานการณ์ต่างๆ ได้อยา่ งเหมาะสม
2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
2.1 เรยี นรูค้ าศัพทต์ ่อไปนี้ turn on, connect access email account, create, type, click on,
include email address ได้
2.2 อ่านออกเสยี งสานวนภาษาทใ่ี ช้ในการขอและให้คาแนะนาและคาศัพท์ทม่ี ีเสียง / /, /ʌ/ ได้
2.3 ให้คาแนะนาในการสง่ SMS ได้
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- การออกเสียงตามระดบั เสยี งสงู -ต่า ในประโยค การออกเสียงสระเสียงสนั้ สระเสียงยาว
- คาแนะนาในการส่ง SMS
- การเลือกใช้ภาษา น้าเสยี ง และกริ ิยาท่าทางในการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรม
ของเจา้ ของภาษา
- การใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณ์จาลองที่เกิดข้ึนในห้องเรียน
3.2 สาระการเรยี นรู้ท้องถ่นิ
259
-
4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
5.1 ใฝเ่ รียนรู้
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
กจิ กรรมนาสกู่ ารเรยี น
ครใู หน้ ักเรยี นอ่านชือ่ Unit 5e ในหนังสือเรยี น หนา้ 56 และให้นักเรยี นเดาวา่ เนื้อหาใน Unit 5e น่าจะ
เกยี่ วกับเรอื่ งอะไร (giving instructions)
กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้
1. ครใู ห้นักเรียนดทู ี่อย่ทู ี่ใหม้ าในหนังสอื เรยี น หนา้ 56 Ex. 1 (to understand email and website
addresses) แล้วบอกวา่ ทอ่ี ยู่ใดเปน็ email address และท่ีอยู่ใดเป็น website address จากนน้ั ครู
อา่ นข้อความใน key ให้นกั เรียนฟงั และสุ่มเรียกนักเรยี นหลายๆ คน อ่าน email address และ
website address ท่ใี หม้ า ครชู ว่ ยเหลือเรอื่ งการออกเสียงในกรณที ่จี าเป็น แล้วเปิด CD 2/Track 5
ใหน้ กั เรยี นฟงั วิธีการอา่ น email address และ website address เพือ่ ตรวจการออกเสียงของ
นักเรยี น
http://www.google.com – website
kathy@me–online.bu – email
Steve@pen _mail.com – email
2. ครูอ่านประโยคท่ีให้มาในหนังสอื เรียน หนา้ 56 Ex. 2 (to distinguish between giving and
asking for instructions) ให้นกั เรียนฟัง แลว้ เปิด CD 2/Track 6 โดยครูหยุด CD หลงั จบแตล่ ะ
ประโยคเพื่อใหน้ ักเรียนฟังและออกเสยี งตาม จากนน้ั กระตุ้นให้นักเรียนบอกวา่ ประโยคใดเป็นการให้
260
คาแนะนา และประโยคใดเป็นการขอคาแนะนา แล้วครเู ฉลยคาตอบ และใหน้ ักเรียนแปลประโยค
เหล่านี้เป็นภาษาไทย
give instructions: ask for instructions:
First, turn on your computer. Can you help me send an email?
Now connect to the Internet. Got it! What’s next?
Then, access your email account. Is that all?
3. ครูอธบิ ายกจิ กรรมในหนังสือเรียน หน้า 56 Ex. 3 (to decode information and order visual
material) แล้วใหน้ กั เรยี นดภู าพ A-F และบอกว่าแตล่ ะภาพแสดงให้เห็นอะไร (A – the Internet, B
– a ‘send’ button, C – a ‘create message’ button, D – turning on a computer, E – a
‘sign in’ page, F – typing on a computer keyboard) จากนั้นครเู ปดิ CD 2/Track 7 ให้
นักเรยี นฟังและอ่านบทสนทนาในหนังสือเรยี นตามไปดว้ ย เมอ่ื ฟงั จบแล้วใหน้ ักเรยี นเรยี งลาดับภาพ A-
F ใหถ้ กู ต้องตามข้นั ตอนท่ีได้ฟัง เสร็จแล้วครตู รวจคาตอบ
1. D 2. A 3. E 4. C 5. F 6. B
4. นักเรียนทากจิ กรรมในหนังสือเรยี น หน้า 56 Ex. 4 (to understand the meaning of everyday
English expressions) โดยอ่านบทสนทนาใน Ex. 3 อกี คร้ัง แล้วหาประโยคในบทสนทนาท่มี ี
ความหมายเหมือนกับประโยค 1-4 เสร็จแล้วครเู ฉลยคาตอบโดยสมุ่ เรยี กนักเรยี นอ่านคาตอบของ
ตนเอง
1. Do you have a minute? 3. Got it!
2. Sure. 4. Is that all?
5. ครูให้นักเรียนคัดลอกตารางในหนงั สือเรยี น หน้า 56 Ex. 6 (to pronounce / /, /ʌ/) ลงในสมุด
จากนน้ั ครูเปิด CD 2/Track 8 ให้นกั เรยี นฟังคาศัพท์ท่อี อกเสยี ง / / และ /ʌ/ แล้วทาเครอ่ื งหมาย
ลงในตารางตามเสยี งท่ีไดย้ ิน เสรจ็ แล้วครเู ปดิ CD ใหน้ กั เรยี นฟงั อีกครงั้ และหยดุ CD หลังจบ
แตล่ ะคา เพ่อื ให้นกั เรยี นฝึกออกเสียงตาม
261
กิจกรรมรวบยอด
1. ครูอา่ นคาแนะนาทใ่ี ห้มาในหนังสือเรียน หน้า 56 Ex. 5 (to act out a dialogue) ให้นักเรยี นฟัง
แลว้ ให้นกั เรยี นจบั ค่กู บั เพื่อน ใช้คาแนะนาเหลา่ นี้แสดงบทสนทนาเกี่ยวกบั การใหค้ าแนะนาในการสง่
SMS ครูยา้ ใหน้ กั เรียนใชบ้ ทสนทนาใน Ex. 3 เปน็ ตน้ แบบ แลว้ เขยี นโครงสร้างบทสนทนาใหน้ ักเรยี น
ดบู นกระดาน และกระตุ้นให้นกั เรียนบอกสานวนภาษาท่ใี ช้ในบทสนทนานี้
ครูสังเกตรอบๆ ชน้ั เรยี นขณะนักเรียนทากจิ กรรม ครูใหน้ ักเรยี นบันทกึ บทสนทนาของตนเองถ้ามี
อปุ กรณ์ทีเ่ หมาะสม จากน้ันครูสุ่มเรียกนักเรยี นหลายๆ คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาที่หนา้ ชัน้ เรยี น
Suggested Answer Key
A: Can you help me send an SMS?
B: No problem. First, switch on your mobile phone.
A: All right.
B: Now go to the menu on your phone. Then choose ‘messages’.
A: Got it! What’s next?
262
B: Select ‘create message’ and then ‘new text message’, and write your
SMS.
When you finish, select ‘send to’.
A: Is that all? Sounds easy.
B: Yes, it is. Don’t forget to select the mobile number of the person
you’re sending the text message to, and press ‘send’.
A: Thanks.
2. นกั เรียนทากจิ กรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) Unit 5e หนา้ 48 Exs. 1-4
7. การวดั และการประเมินผล
7.1 ประเมินการทาแบบฝึกหดั
7.2 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ในชว่ งการทากิจกรรม
7.3 ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
7.4 สังเกตการอ่านออกเสียงสานวนภาษาท่ใี ชใ้ นการขอและให้คาแนะนาและคาศัพท์ที่มีเสยี ง / /, /ʌ/
7.5 ประเมนิ ผลการแสดงบทสนทนาเกี่ยวกบั การให้คาแนะนาในการส่ง SMS
8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 หนงั สือเรยี น Access 3 ม. 3
8.2 แบบฝึกหดั (Workbook) Access 3 ม. 3
8.3 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสือเรียน Access 3 ม. 3)
8.4 CD หนงั สือ Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
263
บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้
ผลการจดั การเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชอ่ื …………………………………….ผ้สู อน
(……………………….……………)
264
วนั ท่ี……..เดอื น……….………พ.ศ. …..…
ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ที่ได้รับมอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่อื …………………………………….ผตู้ รวจ
(……………………….……………)
วันท่ี……..เดอื น……….………พ.ศ.……….
265
แผนการจดั การเรียนรู้
Unit 5f Curricular Cut
ช่วั โมงท่ี 11-12
1. ความคิดรวบยอด
ความร้เู ก่ียวกับการจาลองสถานการณ์จริง (simulating reality) ในคอมพวิ เตอร์ ช่วยใหเ้ กิดความรู้
ความเขา้ ใจเก่ยี วกับกลมุ่ สาระการเรยี นรอู้ ื่น
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
2.1 เรยี นรคู้ าศพั ทต์ ่อไปน้ี phrases with ‘develop’; phrases with ‘popular’ and ‘famous’;
simulating reality games, computer simulations, cockpit, flight simulators, design,
develop, at risk ได้
2.2 อ่านเพื่อหาความสอดคลอ้ งและการเช่อื มโยงได้
2.3 พูดเกยี่ วกับเรื่องท่ีอ่านได้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
- การจับใจความสาคัญ เชน่ ใจความสาคัญ รายละเอยี ดสนบั สนุน
- ประโยคและข้อความท่ีใชใ้ นการใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั เร่ืองที่อ่าน
3.2 สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิ่น
-
4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
- การคดิ วิเคราะห์
5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 ใฝเ่ รยี นรู้
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมนาสกู่ ารเรียน
ครูให้นกั เรียนชว่ ยกันบอกว่า ICT ยอ่ มาจากคาวา่ อะไร (Information and Communications
Technology)
แล้วครถู ามวา่ ในภาษาไทย ICT เรยี กวา่ อะไร (เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร) และมีไว้เพื่อ
อะไร (to help students acquire general ICT competencies e.g. use a computer, create
websites etc)
กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้
1. นักเรยี นทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หน้า 57 Ex. 1 (to predict the content of a text) โดยดู
ภาพและชื่อของบทอ่าน แลว้ เดาว่าบทอ่านน้นี า่ จะเกีย่ วกบั เรอื่ งอะไร (computer simulations)
จากนั้นครูใหน้ ักเรียนอา่ นบทอา่ นเพื่อตรวจว่าการคาดเดาของนกั เรยี นถกู ต้องหรือไม่
2. นักเรยี นทากจิ กรรมในหนังสือเรียน หนา้ 57 Ex. 2 (to read for lexico-grammatical structure)
โดยอ่านบทอ่านอีกครง้ั แลว้ เลือกคาทถี่ ูกต้องเติมลงในช่องว่าง 1-5 เม่อื ทาเสรจ็ แล้วให้นักเรียน
เปรยี บเทียบคาตอบกับเพ่ือน จากน้ันครูเปดิ CD 2/Track 9 ให้นักเรยี นฟังและตรวจคาตอบของ
ตนเอง
1. C 2. B 3. B 4. B 5. C
4. ครใู หน้ กั เรยี นตอบคาถามทก่ี าหนดให้ในหนังสอื เรียน หน้า 57 Ex. 3 (to read for specific
information) เสรจ็ แลว้ ครเู ฉลยคาตอบด้วยการสมุ่ เรยี กนักเรยี นหลายๆ คน ตอบคาถาม จากนัน้ ให้
นักเรียนอธิบายความหมายของคาทพ่ี ิมพต์ วั หนาในบทอ่าน
Suggested Answer Key
1.A computer simulation is a computer programme, like a video game, that
simulates reality.
2.Pilots can use a flight simulator to practise their skills, and engineers can
use simulations to design and test new products.
3.Simulations are useful because they enable us to study or test something that we
can’t study or test in real life, because it’s too difficult or dangerous. We can
develop and test new things without putting people’s lives at risk.
4. ครอู า่ นวลีทใี่ ช้ develop ในหนังสือเรียน หน้า 57 Ex. 4 (to present and practise new
vocabulary) แลว้ อธบิ ายว่าคาท่พี ิมพ์สีดาคือวลี และคาท่ีพมิ พ์สอี นื่ ๆ คือความหมาย จากนัน้ ให้
นกั เรียนหาวา่
วลีใดทอ่ี ยใู่ นบทอา่ น เม่ือหาพบแลว้ ครใู หน้ กั เรียนแตง่ ประโยคดว้ ยวลีทีใ่ ช้ develop แต่ละวลี
เสรจ็ แล้วครตู รวจคาตอบ
… we can develop and test new things …
Suggested Answer Key
There are genetic tests available to discover if some people may develop
cancer.
I took my holiday photos to be developed.
Jack has developed his own video game.
My brother went to drama school to develop his acting skills.
5. ครูเขียนคาวา่ popular และ famous บนกระดาน แล้วอธิบายว่าทง้ั 2 คานี้เกย่ี วข้องกับคาว่า
‘well known’ แต่ใช้ในบรบิ ทท่ีตา่ งกนั จากน้ันครูให้นกั เรียนเติมประโยคในหนังสือเรียน หนา้ 57
Ex. 5 (to distinguish between popular and famous) ให้สมบูรณด์ ว้ ย popular หรือ
famous เม่ือทาเสรจ็ แล้วครใู ห้นกั เรียนตรวจคาตอบของตนเองในพจนานุกรมภาษาองั กฤษ
1. popular 2. famous 3. famous 4. popular
กิจกรรมเพมิ่ เติม ครูให้นักเรียนเลน่ เกม โดยครเู ขยี นคาเหล่านบ้ี นกระดาน
video game real life computer stimulation
at risk go online language barrier
technology gap genetic engineering artificial intelligence
global warming clone
cures turn on
แลว้ แบง่ นักเรียนเป็นกลุ่ม ให้แต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมาแต่งประโยคโดยใชค้ าทีค่ รูเขียนบนกระดาน
ครง้ั ละ 1 คน ถ้าแต่งประโยคไดถ้ ูกตอ้ งจะได้ 1 คะแนน กลุ่มท่ไี ด้คะแนนมากท่ีสุดเป็น
ผู้ชนะ
e.g. Team A S1:Sim City is a video game.
Team B S1:We can’t test some things in real life because it’s very difficult.
กจิ กรรมรวบยอด
1. นกั เรยี นทากจิ กรรมในหนังสือเรยี น หนา้ 57 Ex. 6 (to consolidate information through
speaking) โดยครูให้นักเรยี นอ่านบทอ่านอีกครงั้ เม่อื อ่านจบแล้วปดิ หนงั สือเรียนและจับคกู่ บั เพื่อน
ผลดั กนั พูดสิง่ ท่จี าได้ 3 ส่ิง เก่ียวกบั บทอา่ น จากน้นั ครูสุ่มเรียกนักเรียนหลายๆ คู่ รายงานให้เพ่ือนใน
ชัน้ ฟัง
Suggested Answer Key
The Sims is one of the most popular video games among teenagers.
We use simulations for things we cannot study or test in real life, as it is
too difficult or dangerous.
Engineers use computer simulations to design and test a product before
people use it.
2. นกั เรียนทากจิ กรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) Unit 5f หนา้ 49 Exs. 1-3 เปน็ การบา้ น
3. นกั เรยี นทากจิ กรรมในแบบฝึกหัด (Workbook) Unit 5f หน้า 49 Ex. 4 โดยครเู ปิด Access
Workbook Audio CD 3 ม. 3/Track 11 ใหน้ กั เรยี นฟังเพื่อเขยี นตามคาบอก
4. นกั เรียนทาแบบทดสอบความรหู้ ลังเรยี นโดยใช้ Test 5: Module 5 จาก CD หนังสือ Teacher’s
Resource Pack & Tests ม. 3 หนา้ 113-116
5. นักเรยี นประเมินความสามารถในการเรยี นรู้ของตนเองตามตารางทก่ี าหนด (Now I Can …) โดยครู
ถา่ ยเอกสารจากภาคผนวก
7. การวดั และการประเมนิ ผล
7.1 ประเมนิ การทาแบบทดสอบหลงั เรยี น
7.2 ประเมนิ การทาแบบฝึกหัด
7.3 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ในชว่ งการทากิจกรรม
7.4 ประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
7.5 ประเมนิ ผลการพูดเกีย่ วกบั เร่อื งที่อา่ น
8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สอื เรยี น Access 3 ม. 3
8.2 แบบฝกึ หดั (Workbook) Access 3 ม. 3
8.3 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสอื เรียน Access 3 ม. 3)
8.4 Access Workbook Audio CD 3 ม. 3 (ประกอบแบบฝึกหัด (Workbook) Access 3 ม. 3 และ
Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3)
8.5 CD หนงั สอื Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
8.6 พจนานุกรมภาษาอังกฤษ
ขอ้ มลู เพิ่มเติมดา้ นภาษาและวฒั นธรรม
Vocabulary
Our future
CCTV cameras (n) กล้องวงจรปิด
digital camera (n) กล้องดิจติ อล
digital TV (n) ทีวีท่ีสามารถรบั สญั ญาณดิจิตอลได้
DVD player (n) เคร่ืองเล่นดวี ีดี
games console (n) เครือ่ งเล่นวิดโี อเกม
high-tech (adj) ซง่ึ ใช้เทคโนโลยีชั้นสงู (คายอ่ ของ high technology)
laptop (n) เครือ่ งคอมพิวเตอร์แบบพกพา
make our streets safe (phr) สรา้ งความปลอดภยั บนท้องถนน
mobile phone (n) โทรศพั ท์มอื ถอื
MP3 player (n) อปุ กรณ์สาหรับเล่นเพลงใน MP3
receive and transmit radio signals (phr) รับและสง่ สัญญาณวิทยุ
robot helpers (n) ห่นุ ยนต์ชว่ ยทางานบา้ น
satellites (n) ดาวเทยี ม
send text messages (phr) ส่งขอ้ ความทางโทรศัพท์มอื ถือ (SMS)
store music files (phr) จัดเก็บแฟม้ ข้อมลู เพลง
surf the Net (phr) เล่นอนิ เทอรเ์ น็ต
5a E-society
access (n) การเขา้ ถึง
afford (v) สามารถซื้อได้
billion (n) พนั ล้าน
bridge (v) ประสาน
broadband (n) ระบบอนิ เทอรเ์ น็ตทข่ี ้อมลู ถูกส่งอยา่ งรวดเรว็
can’t afford (phr) ไม่มีเงินพอท่จี ะซื้อ
connect (v) เชอื่ มต่อ
digital divide (n) ความเหล่อื มล้าในสังคมทเ่ี กิดขึน้ อันเน่ืองมาจากการมีและไมม่ ี
หรอื ความสามารถในการเขา้ ถึงข้อมูลขา่ วสารและความรู้
ผา่ นเครอื ขา่ ยส่ือสารและคอมพิวเตอร์
educational institutions (n) สถาบันการศึกษา
equal opportunities (n) โอกาสท่เี ท่าเทยี มกัน
E-society (n) สังคมอเิ ล็กทรอนกิ ส์ คือ การสง่ เสรมิ สงั คมใหเ้ ป็นสังคมแห่ง
การเรยี นรู้ และเปน็ การเรียนรผู้ ่านเครอื่ งมืออเิ ล็กทรอนิกส์
especially (adv) โดยเฉพาะอย่างย่ิง
four fifths (n) เศษสีส่ ว่ นหา้
gap (n) ชอ่ งวา่ ง
have access to new technology (phr) เข้าถงึ เทคโนโลยีใหมๆ่
Internet search engine (n) เวบ็ ไซตห์ รอื เครื่องมือคน้ หาข้อมลู บนอินเทอรเ์ น็ต เชน่ Google
Internet service provider (n) ผู้ให้บริการอนิ เทอร์เนต็
IT industries (n) ธรุ กจิ ซ่งึ เก่ียวข้องกบั การใหบ้ รกิ ารดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ
language barrier (n) อุปสรรคในการสอ่ื สารเน่ืองมาจากความแตกต่างด้านภาษา
let alone (phr) ฉะน้ันไมต่ ้องพดู ถึง, นบั ประสาอะไรกับ
local languages (n) ภาษาถน่ิ
modem (n) โมเดม็ (อปุ กรณเ์ ช่ือมต่ออนิ เทอร์เน็ตผ่านสายโทรศัพท์)
network (n) ระบบการเชื่อมโยงระหวา่ งเคร่ืองคอมพิวเตอร์เพอื่ การส่ือสาร
ขอ้ มลู หรือใชโ้ ปรแกรมรว่ มกัน
old-fashioned (adj) ล้าสมยั
old-fashioned way of thinking (phr) วธิ ีการคิดที่ลา้ สมยั
software (n) ซอฟตแ์ วร์ (โปรแกรมคอมพวิ เตอร์หรอื ชดุ คาสง่ั ท่เี ขียนข้ึนด้วย
ภาษาคอมพิวเตอรภ์ าษาใดภาษาหนงึ่ ที่เครื่องคอมพิวเตอร์
สามารถแปลและรบั รูไ้ ด้)
subscription (n) การจ่ายเงนิ เพ่ือรับการให้บริการ (บนอินเทอรเ์ น็ต)
take new technology for granted (phr) คิดเองว่าเทคโนโลยใี หมเ่ ปน็ ที่ยอมรบั
5b Science matters ปัญญาประดิษฐ์ (ใชต้ วั ยอ่ ว่า AI หมายถงึ วิทยาการคอมพิวเตอร์
แขนงหน่ึงท่ีพยายามจะทาให้คอมพวิ เตอร์สามารถคดิ หาเหตุผลได้
artificial intelligence (n) เรยี นรไู้ ด้ และทางานได้เหมือนสมองมนุษย์)
ตราบเทา่ ที่
as long as (conj) ทาใหก้ าเนดิ มาจากเซลล์เดียวกนั
clone (v) การโคลนนง่ิ คือ การคัดลอก (copy) พันธหุ์ รือการสร้างสิง่ มีชีวิต
cloning (n) ขน้ึ มาใหม่ โดยไมไ่ ด้อาศัยการปฏสิ นธขิ องเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้
และเพศเมีย แต่ใช้เซลล์รา่ งกายในการสร้างสิ่งมีชวี ิตขึ้นมาใหม่
coal (n) ซงึ่ มลี ักษณะทางพนั ธกุ รรมเหมือนเดิมทุกประการ
endangered species (phr) ถา่ น
enslave (v) พืชหรอื สัตว์ท่ีใกล้สญู พนั ธ์ุ
extinction (n) ทาใหเ้ ป็นทาส
famine (n) การสญู พนั ธุ์
genes (n) ความอดอยาก
genetic engineering (n) ยีน (เซลลส์ บื พนั ธุท์ ีถ่ ่ายทอดพันธกุ รรม)
genetically modified (GM) (adj) พนั ธุวิศวกรรม (การตัดตอ่ ยีน)
global warming (n) ทด่ี ดั แปลงพันธุกรรม
optimistic (adj) ภาวะโลกรอ้ น
pessimistic (adj) มองโลกในแง่ดี
polar ice caps (n) มองโลกในแง่รา้ ย
บริเวณข้ัวโลกทป่ี กคลุมด้วยนา้ แขง็
pollute (v) ทาใหเ้ ปน็ มลพษิ
praise (v) ยกย่อง
renewable energy (n) พลงั งานท่ีไม่มีวันหมด เชน่ ลม แสงอาทิตย์ น้า
resist (v) ต้านทาน
run out (phr v) หมด
solar energy (n) พลงั งานแสงอาทิตย์
source (n) แหลง่ กาเนดิ
take over (phr v) ควบคมุ
5c Life in the future พจิ ารณาจากทงั้ หมดแล้ว
การรักษา
all in all (phr) โรค
cures (n) ดขี ้นึ
disease (n) อาหารที่ถูกดัดแปลงพนั ธุกรรม
for the better (phr)
GM foods (phr) เกือบจะ
เกมกระดาน เช่น หมากรุก
5d Culture corner ไดเ้ งนิ (จากการทางาน)
อปุ กรณ์
all but (idm) อุปกรณ์ขนาดเล็กสาหรับการใชง้ านเฉพาะอย่าง
board game (n) เหมืองทอง, บอ่ ทอง, ขุมทรัพย์
earn money (phr) สังสรรค์กบั เพ่ือน
equipment (n) เครื่องเสียงทีเ่ ลน่ ซีดแี ละเทป
gadgets (n) เทคโนโลยีช้นั สูง (คายอ่ ของ high technology)
goldmine (n) สง่ิ ประดิษฐ์ใหม่, นวตั กรรม
hang out (phr v) เก้า (คน) จากสิบ (คน) หรอื เกา้ ในสิบ (คน)
hi-fi system (n)
high-tech (phr) กดเมาสเ์ พ่ือเลือกรายการทตี่ ้องการบนจอคอมพวิ เตอร์
innovations (n)
nine out of ten (phr)
5e Sounds easy
click on (phr v)
create a message (phr) เขยี นข้อความ
email account (n) บัญชรี ายช่ือ
mobile phone menu (n) รายการตวั เลือกบนจอโทรศัพทม์ อื ถอื
text message (n) ข้อความท่ีถูกส่งจากโทรศัพท์มือถือ (SMS)
5f Curricular Cut ทีซ่ ง่ึ คนขับน่งั ในเคร่อื งบนิ
ความนิยม (ในช่วงระยะสน้ั ๆ)
cockpit (n) ภาวะท่รี า่ งกายเจบ็ ปวดหรือได้รบั ผลกระทบจากโรค
craze (n) ลา้ งรูป
develop a disease (phr) พัฒนาผลิตภณั ฑ์
develop a photograph (phr) พัฒนาความคิด
develop a product (phr) พัฒนาทกั ษะ
develop an idea (phr) ทาใหอ้ ยู่ในอนั ตราย
develop skills (phr) การจาลองสถานการณ์จริง
put (somebody) at risk (phr) การจาลองหรือเลยี นแบบบางสิง่ บางอยา่ ง
simulating reality (n)
simulation (n)
Grammar
Unit 5a
Future simple (will)
รปู ประโยค ประธาน + will + คากรยิ าหลกั
ประโยคบอกเลา่ I/You/He/She/It/We/They will/’ll go.
ประโยคปฏิเสธ I/You/He/She/It/We/They will not/won’t go.
ประโยคคาถาม Will I/You/He/She/It/We/They go?
การตอบคาถามแบบสัน้ Yes, I/you/he/she/it/we/they will.
No, I/you/he/she/it/we/they won’t.
การใช้
- เราใช้ future simple สาหรบั การคาดเดาอนาคต ปกตจิ ะใชก้ ับคากริยา hope, think, believe,
expect,
imagine ใช้กบั สานวน I’m sure, I’m afraid ใชก้ ับ adverb probably, perhaps เชน่
I think/I’m sure he will pass the test.
He’ll probably pass the test.
- เราใช้ future simple สาหรบั ใหส้ ญั ญา เช่น
I promise I won’t tell your secret.
- เราใช้ future simple สาหรบั การตดั สินใจในทันที เช่น
It’s too hot in here. I’ll open a window.
- เราใช้ future simple สาหรบั การขู่เข็ญ เชน่
I’ll punish you.
- คาแสดงเวลาทใี่ ชก้ บั future simple ไดแ้ ก่ tomorrow, the day after tomorrow, next
week/month/year,
tonight, soon, in a week/month/year
Be going to
รูปประโยค ประธาน + verb to be (am/is/are) + going to + คากริยาหลัก
ประโยคบอกเลา่ I’m going to eat.
He/She/It’s going to eat.
We/You/They’re going to eat.
ประโยคปฏเิ สธ I’m not going to eat.
He/She/It isn’t going to eat.
We/You/They aren’t going to eat.
ประโยคคาถาม Am I going to eat?
Is he/she/it going to eat?
Are we/you/they’re going to eat?
การตอบคาถามแบบสั้น Yes, I am.
No, I’m not Am I going to
Yes, he/she/it is. eat?
No, he/she/it isn’t. Is h e / s h e / i t going to
Yes, we/you/they are.
No, we/you/they aren’t. eaAtr?e w e / y o u / t h e y’re going to
การใช้ be going to เพื่อพูดเก่ยี วกับแผนการในอนาคตและควาeมaตtั้ง?ใจ เชน่
- เราใช้
He’s going to play tennis tomorrow morning. (= He’s planning to…)
แต่เราใช้ will สาหรับการตดั สนิ ใจในทนั ที เชน่
I’m cold. I’ll put my jacket on.
- เราใช้ be going to เพอื่ คาดเดาโดยต้ังอยบู่ นส่ิงทเ่ี ราเห็นหรือรู้ เช่น
It’s going to rain. There are dark clouds in the sky. (I can see the clouds.)
แต่เราใช้ will เพ่ือคาดเดาโดยต้งั อยบู่ นสง่ิ ที่เราคดิ หรือจนิ ตนาการ เชน่
I think he’ll pass his exam.
Unit 5b
Conditional types 1, 2 & 3
- Type Conditional 1 ใชเ้ พอื่ แสดงสภาพท่ีเป็นจรงิ หรือสถานการณ์ท่เี ปน็ ไปได้มากในปจั จบุ นั
หรอื ในอนาคต
If-clause main clause
If + present simple future simple, คาส่งั , can/must/may + คากริยาช่อง
ที่ 1
เช่น If he goes on holiday, he will relax.
- เม่ือ if-clause อยหู่ นา้ main clause เราจะแบ่ง 2 ส่วนน้ดี ้วยคอมม่า (,) แตถ่ า้ main clause อย่หู นา้
if-clause ไมจ่ าเปน็ ต้องใชค้ อมมา่ ค่ัน
หมายเหตุ เราสามารถใช้ unless + คากรยิ าในรปู บอกเลา่ (= if + คากรยิ าในรปู ปฏเิ สธ)
ใน Type Conditional 1 ได้ เชน่
She will not forgive him unless he apologises to her.
(= If he doesn’t apologise to her, she will not forgive him.)
- Type Conditional 2 (unreal present) ใชเ้ พือ่ แสดงสถานการณท์ ีส่ มมติข้ึนในปัจจุบนั ซ่ึงไมน่ า่
เป็นไปได้ในปัจจุบันหรือในอนาคต และสามารถใชโ้ ครงสร้าง If I were you, … เพ่ือให้คาแนะนา
If-clause main clause
If + past simple/past continuous would/could/might + คากริยา
ชอ่ งที่ 1
เช่น If I spoke their language, I would know what they were talking about.
If Richard was playing today, we would have a better chance of winning.
If I were you, I would apologise to her. (advice)
- Type Conditional 3 (unreal past) ใชเ้ พอ่ื แสดงสถานการณท์ สี่ มมติขึ้นในอดตี และยังใช้แสดงถงึ
ความเสยี ใจหรอื การติเตียนด้วย
If-clause main clause
If + past perfect/past perfect continuous would/could/might + คากริยา
รูป perfect
เชน่ If I had taken a taxi, I would have been there on time.
If it hadn’t been raining today, we would have gone on an excursion.
Wishes
- เราใช้ wish/If only เพือ่ แสดงความปรารถนา
แสดงความปรารถนาในปจั จบุ ัน wish + past simple/past continuous ใชเ้ พือ่ บอกวา่
ปรารถนา
ใหบ้ างส่งิ แตกตา่ งจากสถานการณ์ในปัจจุบนั เชน่
I wish I could help. (but I can’t)
If only he was leaving tomorrow. (but he’s not)
แสดงความปรารถนาในอดตี wish + past perfect ใชเ้ พ่ือแสดงความเสียใจเก่ยี วกบั บางสง่ิ ท่ี
เกดิ ข้นึ หรือไมเ่ กิดขึ้นในอดตี เชน่
I wish I had accepted his invitation. (but I didn’t)
If only I had told him the truth. (but I didn’t)
แสดงความปรารถนาในอนาคต wish + would + คากริยาช่องท่ี 1 ใชเ้ พ่ือแสดงคาสง่ั แบบสุภาพ
และแสดงความต้องการให้สถานการณ์หรือพฤติกรรมของคนเปลย่ี น เช่น
I wish you wouldn’t complain all the time. (but you do)
If only the bus would come. (but it isn’t)
หมายเหตุ เราสามารถใช้ were แทน was ได้ เมื่อตามหลัง wish และ If only เชน่
I wish I were/was on holiday now.
Culture
Unit 5b
Global warming (ภาวะโลกรอ้ น)
ภาวะโลกรอ้ น หมายถึง การท่ีอณุ หภูมิเฉล่ยี ของอากาศบนโลกสงู ขน้ึ ไม่วา่ จะเปน็ อากาศบริเวณใกลผ้ วิ
โลกและนา้ ในมหาสมทุ ร สาเหตุท่ที าใหเ้ กดิ ภาวะโลกร้อนคือกา๊ ซเรือนกระจกทเ่ี พ่ิมข้ึนจากการทากจิ กรรมต่างๆ
ของมนษุ ย์ ไม่วา่ จะเปน็ การเผาผลาญถ่านหนิ และเช้ือเพลงิ รวมไปถงึ สารเคมที ี่มสี ว่ นผสมของก๊าซ
เรือนกระจกที่มนษุ ยใ์ ช้ และอื่นๆอกี มากมาย จงึ ทาให้กา๊ ซเรอื นกระจกเหล่านลี้ อยขน้ึ ไปรวมตวั กนั อยบู่ น
ชัน้ บรรยากาศของโลก ทาใหร้ ังสีของดวงอาทิตย์ที่ควรจะสะท้อนกลบั ออกไปในปริมาณที่เหมาะสมถกู ก๊าซเรือน
กระจกเหลา่ นี้กักเก็บไว้ ทาให้อณุ หภมู ิของโลกค่อยๆสงู ขึ้นจากเดิม
ผลกระทบของภาวะโลกร้อนนนั้ มใี หเ้ ราเหน็ กันอย่บู อ่ ยๆ เช่น สภาพลมฟา้ อากาศท่ีผิดแปลกไปจาก
เดิม ภยั ธรรมชาติทร่ี นุ แรงมากข้ึน นา้ ท่วม แผ่นดินไหว พายทุ ี่รนุ แรง อากาศท่ีรอ้ นผดิ ปกติจนมคี นเสยี ชีวติ รวม
ไปถึงโรคระบาดชนิดใหม่ๆ หรอื โรคระบาดทเี่ คยหายไปจากโลกนีแ้ ลว้ ก็กลับมาใหเ้ ราได้เหน็ ใหม่ และพาหะนา
โรคทเี่ พมิ่ จานวนมากข้ึน
ท่มี า: http://www.greentheearth.info/
Genetic engineering (พันธวุ ิศวกรรม)
พนั ธวุ ศิ วกรรม (genetic engineering) หรือกระบวนการตัดต่อตัดแตง่ ยนี หมายถึง เทคโนโลยที ที่ า
การเคล่ือนย้ายยีน (gene) จากสิง่ มีชวี ติ สายพนั ธ์หุ นึง่ ไปสู่ส่ิงมีชีวติ อกี สายพนั ธ์หุ นง่ึ ท่ีมีลกั ษณะดตี ่างกัน เพื่อ
เปน็ การถา่ ยทอดลักษณะท่ตี ้องการ เพื่อสรา้ งส่งิ มชี ีวติ รูปแบบใหมซ่ ึง่ ไมเ่ คยปรากฏในธรรมชาตมิ าก่อน
ขอ้ ดีของพันธุวศิ วกรรม คอื ใช้เวลานอ้ ยกวา่ วิธกี ารปรบั ปรุงพนั ธุ์ตามธรรมชาติหรือวธิ ีการดั้งเดมิ
ผลิตผลทไ่ี ด้จะมีคุณสมบตั ิตรงตามความต้องการมากกว่า เน่ืองจากใช้ยีนทมี่ ีคุณสมบัตทิ ี่ต้องการโดยตรง
เทคนิคพันธุวศิ วกรรมเอ้ือประโยชน์มหาศาลต่อวงการแพทยใ์ นการคิดคน้ ยาและวคั ซีนป้องกันโรค ตลอดจน
การพฒั นาพนั ธุ์พืชเศรษฐกจิ ต่างๆ เชน่ มะเขือเทศ ถ่วั เหลอื ง ฝา้ ย มนั ฝรง่ั ฯลฯ
ท่ีมา: http://www.student.chula.ac.th/~50371094/knowledge.htm
Artificial Intelligence (ปญั ญาประดิษฐ)์
Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดษิ ฐ์ เป็นศาสตรแ์ ขนงหนงึ่ ของวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่
เก่ยี วขอ้ งกับวธิ กี ารทาใหค้ อมพวิ เตอร์มีความสามารถคลา้ ยมนษุ ย์หรือเลียนแบบพฤตกิ รรมมนุษย์ โดยเฉพาะ
ความสามารถในการคดิ เองได้ มุมมองต่อ AI ทแี่ ต่ละคนมอี าจไมเ่ หมือนกนั ขึ้นอยู่กับวา่ เราต้องการความฉลาด
โดยคานึงถึงพฤติกรรมท่ีมีต่อสง่ิ แวดลอ้ ม หรอื คานงึ ถึงการคดิ ได้ของผลผลิต AI ดงั นัน้ จงึ มีคานิยาม AI ตาม
ความสามารถทม่ี นุษย์ตอ้ งการ แบ่งได้ 4 กลุ่ม ดงั นี้
Acting Humanly: การกระทาคลา้ ยมนษุ ย์ เช่น
- สือ่ สารกบั มนุษยไ์ ด้ดว้ ยภาษาท่มี นุษย์ใช้ เชน่ ใช้เสยี งสั่งให้คอมพิวเตอร์พิมพเ์ อกสารให้
- มีประสาทรับสัมผัสคลา้ ยมนษุ ย์ เช่น คอมพวิ เตอร์วทิ ัศน์ (computer vision) คอมพิวเตอร์มองเหน็
รับภาพไดโ้ ดยใช้อุปกรณร์ บั สัญญาณภาพ (sensor)
- หุ่นยนต์ช่วยงานต่างๆ เช่น ดดู ฝุ่น เคลอื่ นยา้ ยสง่ิ ของ
- machine learning หรือคอมพิวเตอร์เกิดการเรยี นรไู้ ด้ โดยสามารถตรวจจบั รปู แบบการเกิดของ
เหตุการณ์ใดๆ แล้วปรับตวั สสู่ ่งิ แวดล้อมท่ีเปล่ียนไปได้
Thinking Humanly: การคิดคล้ายมนษุ ย์ กอ่ นท่ีจะทาให้คอมพวิ เตอร์คิดไดอ้ ย่างมนุษย์ ต้องรกู้ ่อน
ว่ามนุษย์มกี ระบวนการคิดอย่างไร ซ่ึงการวเิ คราะหล์ ักษณะการคดิ ของมนุษย์ เช่น ศกึ ษาโครงสร้างสามมิตขิ อง
เซลล์สมอง การแลกเปลี่ยนประจไุ ฟฟ้าระหว่างเซลล์สมอง วเิ คราะหก์ ารเปล่ยี นแปลงทางเคมีไฟฟ้าในร่างกาย
ระหวา่ งการคิด ซ่งึ จนถงึ ปัจจุบนั เราก็ยังไม่รู้แน่ชดั วา่ มนษุ ย์คดิ ได้อย่างไร
Thinking rationally: คดิ อยา่ งมีเหตุผลหรอื คดิ ถูกตอ้ ง โดยใช้หลกั ตรรกศาสตรใ์ นการคดิ หาคาตอบ
อย่างมเี หตผุ ล เช่น ระบบผู้เช่ียวชาญ
Acting rationally: กระทาอย่างมเี หตุผล เชน่ agent (agent เป็นโปรแกรมทีม่ ีความสามารถในการ
กระทาหรือเปน็ ตัวแทนในระบบอัตโนมัติตา่ งๆ) ในระบบขับรถอัตโนมัติท่มี ีเปา้ หมายวา่ ต้องไปถงึ เปา้ หมายใน
ระยะทางท่สี นั้ ท่สี ดุ ต้องเลอื กเส้นทางทไ่ี ปยังเปา้ หมายท่ีสน้ั ทีส่ ดุ ท่เี ป็นไปไดจ้ ึงจะเรยี กได้ว่า agent
ท่ีมา: http://www.atom.rmutphysics.com/charud/scibook/computer/evolution/AI_what.html
Genetically Modified Foods (อาหารดดั แปลงพนั ธุกรรม)
อาหารดัดแปลงพันธุกรรมหรือเรยี กย่อๆ วา่ GMFs (Genetically Modified Foods) คือ พชื ผล
ดัดแปลงพันธุกรรมทีผ่ ลิตข้ึนโดยใชเ้ ทคนิคในหอ้ งทดลอง จากการนาพันธุกรรมจากเซลล์สิง่ มีชวี ิตชนิดหนึ่งไปใส่
ในส่ิงมีชวี ติ อีกชนิดหนง่ึ เพอ่ื สร้างสิง่ มชี วี ติ ชนิดใหม่ทไี่ ม่มที างเกิดขึ้นเองจากการผสมพันธ์ตุ ามธรรมชาติ
ตวั อย่างเชน่ การใสย่ ีนจากปลาอารก์ ติกในมะเขอื เทศและสตรอเบอร์รี่ เพ่ือใหท้ นทานต่อความหนาวเย็น
อาหารดัดแปลงพันธกุ รรมน้ีอาจออกแบบมาเพ่ือใหป้ ระโยชนบ์ างอย่างแกผ่ ูป้ ลกู เช่น ทนทานต่อยาฆ่า
แมลง แต่ก็มักจะมีผลอย่างอ่นื รองลงมาทไ่ี ม่อาจคาดเดาได้ ปญั หาบางประการทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั พืชดดั แปลง
พันธกุ รรม ได้แก่ การทาให้เกิดพษิ หรืออาการภมู แิ พท้ ่ีไม่คาดคดิ เนอ่ื งจากพันธวุ ิศวกรรมเปน็ เทคโนโลยีทีไ่ ม่
แน่นอน การใสย่ ีนแปลกปลอมจึงอาจกระตุ้นให้เกิดโปรตนี ทีอ่ าจเปน็ พษิ หรือทาใหผ้ บู้ รโิ ภคเกดิ อาการภูมิแพ้
หรืออาจมีผลข้างเคยี งตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม ตวั อย่างเชน่ ยนี ถวั่ บราซิลนัทซึ่งนาไปใส่ในถัว่ เหลืองทาใหค้ นทแ่ี พ้ถว่ั นัท
เกดิ อาการแพข้ ึ้นอย่างไมค่ าดคิด นอกจากนี้ยังอาจเกิดการดื้อยาปฏิชีวนะ เน่ืองจากปจั จุบันสตั ว์เลี้ยงเพอ่ื การ
บริโภคส่วนใหญ่ลว้ นแต่ไดร้ ับการเลีย้ งโดยให้ยาปฏิชีวนะ ซง่ึ การดดั แปลงพนั ธุกรรมสามารถก่อให้เกิดเช้ือ
แบคทีเรยี ท่ีดอ้ื ต่อยาปฏิชีวนะ อาจทาให้ยาปฏชิ วี นะบางชนิดไมม่ ผี ลในการรักษาโรคของมนุษยแ์ ละสัตว์
ที่มา: http://www.greenpeace.org/seasia/th/campaigns/gmos/ge-food/
Cloning (การโคลนนิง่ )
การโคลนนงิ่ คือ การคัดลอก (copy) พนั ธ์ุหรือการสร้างส่ิงมชี วี ติ ข้ึนมาใหม่โดยไมไ่ ดอ้ าศัยการปฏสิ นธิ
ของเซลลส์ ืบพนั ธเุ์ พศผูแ้ ละเพศเมีย แต่ใช้เซลล์รา่ งกายในการสรา้ งสง่ิ มชี วี ิตขึ้นมาใหม่ ซึง่ มลี ักษณะทาง
พนั ธกุ รรมเหมือนของเดิมทุกประการ กระบวนการโคลนนิ่งท่ีมนุษย์ทาข้นึ ไดน้ ามาใชเ้ ปน็ เวลานานแลว้ ได้แก่
การเพาะเลย้ี งเน้ือเยือ่ พืชและตัวอ่อนสัตวโ์ ดยการแยกเซลล์ ซึ่งทากันท่ัวไปในวงการเกษตร
โคลนนิง่ เปน็ เทคโนโลยีท่ีนักวทิ ยาศาสตร์ใหค้ วามสนใจมากว่า 100 ปี โดยในปี พ. ศ. 2445 Hans
Spemann ประสบความสาเร็จในการแบง่ แยกเอ็มบรโิ อของซาลาเมนเดอร์ ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2540 ไดม้ กี ารทา
การโคลนน่งิ แกะโดยใชเ้ ซลลจ์ ากเตา้ นมของแกะทีโ่ ตแลว้ เป็นเซลล์ตน้ แบบ ได้แกะทมี่ ชี อื่ ว่า “ดอลล่ี” ซง่ึ
แกะดอลล่นี สี้ ามารถต้งั ท้องและให้กาเนดิ ลูกได้เชน่ เดียวกับสัตวท์ ่ัวไป
ท่ีมา: http://www.stkc.go.th/forum.php?exForumId=30
Unit 5e
www.google.com
เวบ็ ไซต์ Google (www.google.com) เป็นเวบ็ ไซตท์ ่ีให้บริการในการค้นหาข้อมูลในโลกของ
อนิ เตอร์เน็ต โดยคน้ หาข้อมูลจากข้อความหรือตัวอักษรท่ีพิมพ์เข้าไป แลว้ ทาการคน้ หาข้อมลู รปู ภาพ หรือเวบ็
เพจทเี่ ก่ยี วข้องเพ่ือนามาแสดงผล เว็บไซต์ Google ได้รับความนยิ มอยา่ งมากในกลมุ่ ผู้ใช้งานอนิ เทอรเ์ น็ตท่ี
ตอ้ งการค้นหาข้อมูล
การค้นหาโดยทั่วไปสว่ นใหญ่จะใช้คา Keyword เปน็ เครอื่ งมือในการค้นหาอย่างเดียว แตถ่ ้าเรารจู้ ักใช้
เครอื่ งหมายบางตวั ร่วมด้วยจะทาให้ขอบเขตการคน้ หาแคบลง ทาใหไ้ ด้ขอ้ มลู ทต่ี รงกับความตอ้ งการมากข้ึน
เครอ่ื งหมายทีน่ ามาช่วยในการค้นหาได้ มดี ังนี้
การค้นหาดว้ ยเครือ่ งหมายบวก (+) เหมาะสาหรบั การค้นหาคา Keyword ทมี่ ีลักษณะเปน็ ตัวเชื่อม
เพราะ Google จะไม่ค้นหาคาประเภทตัวเช่อื ม เชน่ at, with, on, what, when, where, how, the, to, of
ถึงแม้ว่าจะระบุคาเหล่านี้ลงใน Keyword กต็ าม ดังนั้น ถ้าต้องการให้ Google คน้ หาคาเหลา่ นีด้ ว้ ย สามารถใช้
เครือ่ งหมาย + ชว่ ยได้ โดยกอ่ นหน้าเคร่ืองหมาย + ต้องเวน้ วรรค 1 เคาะ เช่น ถา้ ต้องการค้นหาเว็บไซต์
เกี่ยวกบั เกมสท์ ช่ี ื่อว่า Age of Empire ถ้าพิมพ์ Age of Empire Google จะทาการค้นหาแยกคาโดยไม่สนใจ
of คืออาจจะค้นหา Age หรือ Empire แคต่ ัวเดียว แตถ่ า้ ระบุว่า Age +of Empire Google จะทาการคน้ หา
ท้ังคาว่า Age, of และ Empire เปน็ ตน้
ภาพตัวอย่างการใช้เงื่อนไข +
การค้นหาด้วยเครื่องหมายลบ (-) จะช่วยตดั เรื่องทไี่ มต่ ้องการหรอื ไม่เกย่ี วข้องออกไป เชน่ ถ้า
ตอ้ งการค้นหาเวบ็ ไซต์ทเ่ี กยี่ วกับการลอ่ งแก่ง แตไ่ ม่ต้องการการล่องแกง่ ทีเ่ กี่ยวข้องกบั จังหวัดตาก ให้พิมพ์
Keyword ว่า ลอ่ งแกง่ -ตาก โดยต้องเว้นวรรคกอ่ นหน้าเคร่อื งหมาย - ดว้ ย Google จะทาการค้นหาเว็บไซต์ที่
เก่ยี วกบั การล่องแก่ง แต่ไมม่ ีจังหวัดตากเขา้ มาเกย่ี วข้อง
ภาพตวั อย่างการใชเ้ งื่อนไข -
การค้นหาดว้ ยเครื่องหมายคาพดู (“...”) เหมาะสาหรบั การค้นหาคา Keyword ที่มีลกั ษณะเป็น
ประโยควลที ่เี ราต้องการให้แสดงผลทกุ คาในประโยคโดยไม่แยกคา เช่น ถ้าต้องการหาเว็บไซต์เกย่ี วกบั เพลงท่มี ี
ชอ่ื วา่ If I Let You Go ให้พิมพ์ว่า “If I Let You Go” Google จะทาการคน้ หาประโยค “If I Let You Go”
ทั้งประโยคโดยไม่แยกคาค้นหา
ภาพตัวอยา่ งการใชเ้ ง่ือนไข “...”
การค้นหาด้วยคาวา่ OR เปน็ การสั่งให้ Google คน้ หาข้อมลู เพ่มิ มากขน้ึ เช่น ถา้ ต้องการค้นหา
เว็บไซต์ท่เี กย่ี วกับการล่องแกง่ ท้งั ในจงั หวัดตากและปราจีนบุรี ให้พิมพ์ Keyword วา่ ล่องแก่งตาก OR
ปราจนี บรุ ี Google จะทาการคน้ หาเว็บไซต์ท่ีเก่ียวกับการล่องแก่งท้ังในจงั หวดั ตากและกาญจนบุรี
ภาพตวั อยา่ งการใชเ้ งื่อนไข OR
ทม่ี า: http://www.dld.go.th/ict/article/general/gen09.html
บนั ทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้
ผลการจดั การเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่ือ…………………………………….ผูส้ อน
(……………………….……………)
วันท่ี……..เดอื น……….………พ.ศ. …..…
ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ…………………………………….ผตู้ รวจ
(……………………….……………)
วันที่……..เดอื น……….………พ.ศ.……….