The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐานม.3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by khampia690, 2020-05-20 00:48:01

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐานม.3

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐานม.3

Suggested Answer Key
A: ‘Top of the Pops’ is on TV. Do you feel like watching it?
B: Sure. I like music programmes. What channel is it on?
A: Channel 4. There’s a comedy series on after.
B: OK. I like comedies.

2. นกั เรยี นทากจิ กรรมในแบบฝึกหัด (Workbook) Unit 4e หน้า 40 Exs. 1-3
7. การวดั และการประเมนิ ผล

7.1 ประเมินการทาแบบฝึกหดั
7.2 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ในช่วงการทากจิ กรรม
7.3 ประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์
7.4 สังเกตการออกเสยี งสานวนภาษาทใ่ี ชใ้ นการเลือกรายการโทรทศั น์และคาศพั ท์ที่มเี สยี ง /e/,

/eə/, /æ/
7.5 ประเมนิ ผลการแสดงบทสนทนาเกยี่ วกบั รายการโทรทัศนท์ ่ีตอ้ งการดู

8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 หนงั สอื เรยี น Access 3 ม. 3
8.2 แบบฝกึ หดั Access 3 ม. 3
8.3 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนงั สือเรียน Access 3 ม. 3)
8.4 CD หนังสือ Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3

217

บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
ผลการจัดการเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอ่ื …………………………………….ผูส้ อน
(……………………….……………)

วันท่ี……..เดือน……….………พ.ศ. …..…
ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ …………………………………….ผู้ตรวจ
(……………………….……………)

วนั ที่……..เดอื น……….………พ.ศ.……….

218

แผนการจัดการเรียนรู้
Unit 4f Curricular Cut

ชัว่ โมงท่ี 11-12

1. ความคิดรวบยอด

รแู้ ละเขา้ ใจคาศัพท์ทเ่ี กี่ยวข้องกบั รายการวิทยุ เป็นพน้ื ฐานในการคน้ คว้า รวบรวมข้อมลู ที่เก่ยี วข้องกับ
กลุ่มสาระการเรยี นรู้อนื่ และนาเสนอด้วยการพูด

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

2.1 เรยี นรู้คาศพั ทต์ ่อไปนี้ phrases with ‘win’, ‘gain’, and ‘make’; review (v), campus, run a
station, technician, engineer, equipment, producer ได้

2.2 ฟังและอ่านเพอ่ื หาข้อมลู จาเพาะได้
2.3 พูดเกยี่ วกบั การทางานของสถานีวทิ ยไุ ด้

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- การจบั ใจความสาคญั เช่น ใจความสาคัญ รายละเอียดสนบั สนุน
- การบรรยายเก่ียวกับเร่ืองทีอ่ ยู่ในความสนใจของสังคม
- กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เช่น การเลน่ เกม
- การคน้ ควา้ การรวบรวม และการนาเสนอขอ้ มูลทีเ่ กย่ี วข้องกบั กลุ่มสาระการเรยี นรู้อนื่
(เทคโนโลยีฯ)

3.2 สาระการเรยี นรูท้ ้องถน่ิ
-

4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น

4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ

- การคดิ วิเคราะห์
4.3 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

210

5.1 ใฝเ่ รยี นรู้

6. กิจกรรมการเรียนรู้

กจิ กรรมนาสูก่ ารเรียน
ครอู า่ นคาว่า Media studies ในหนังสอื เรียน หนา้ 47 แล้วอธบิ ายวา่ Media studies เปน็ วิชาท่ี
เกีย่ วขอ้ ง
กับส่อื มวลชน จากนน้ั ครูถามว่าในโรงเรยี นของนักเรียนมีการสอนวิชาน้ีหรอื ไม่ แล้วครูดึงความสนใจ
ของนักเรยี นมาทภ่ี าพ และกระตนุ้ ให้นกั เรียนบอกวา่ เนอื้ หาใน Unit 4f น่าจะเก่ยี วกับอะไร (student
radio stations)

กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้
1. ครูอา่ นคาถามในหนังสือเรียน หน้า 47 Ex. 1 (to introduce the topic) ให้นักเรยี นฟงั แลว้ กระตนุ้
คาตอบจากนกั เรียน

Suggested Answer Key
Yes, I listen to the radio. I like music and chat shows.

3. นักเรียนทากจิ กรรมในหนังสือเรยี น หนา้ 47 Ex. 2 (to read and listen for specific
information) โดยครเู ปิด CD 1/Track 57 ให้นักเรยี นฟงั และอา่ นบทอา่ นในหนังสอื เรยี นตามไป
ด้วย เมือ่ นกั เรียนอ่านจบครูอ่านคาถามท่ใี ห้มา แลว้ กระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นตอบคาถาม เสรจ็ แล้วครตู รวจ
คาตอบ และใหน้ ักเรียนอธบิ ายคาทพี่ ิมพ์ตวั หนาในบทอา่ น

1. Students who are studying media courses or hope to work in the radio
industry work at university radio stations.

2. University radio stations entertain local people and the students by playing
all the latest music and chart hits. They also review bands, films and new CDs.
They inform the students about all the news on campus and in the local area.
3. A radio station needs several people such as a DJ, journalists, a technician

or engineer and a producer.

211

3. นกั เรยี นทากจิ กรรมในหนังสือเรียน หน้า 47 Ex. 3 (to present new vocabulary) โดยเติมวลี 1-
4 ด้วย win หรือ gain เสร็จแล้วให้นกั เรยี นตรวจคาตอบจากพจนานุกรมภาษาอังกฤษ จากน้ันครใู ห้
นักเรยี นแปลวลีเหล่านด้ี ว้ ยถ้อยคาที่เทยี บเท่ากบั ในภาษาไทย

1. gain 2. win 3. win 4. gain

4. ครูใหน้ ักเรยี นดู mind map ในหนังสือเรยี น หนา้ 47 Ex. 4 (to present and practise new
vocabulary) แล้วให้เวลานกั เรยี นหาวลีท่ใี ช้ make ในบทอา่ น (make new friends) จากนั้นครใู ห้
นักเรียนเขียนประโยคโดยใช้วลที ่ีใช้ make ใน mind map เสรจ็ แล้วครตู รวจคาตอบด้วยการให้
นักเรยี นอ่านประโยคของตนเอง

Suggested Answer Key
Steven Spielberg made a lot of films with Harrison Ford.
My mum always makes me a cake on my birthday.
Tom is very funny. He makes me laugh.
This money will make it possible for me to buy a car.
He made a mistake and he was sorry.
Jack found it difficult to make a decision.
His mum made the suggestion and he agreed.
I like to make new friends.

5. นักเรยี นทากจิ กรรมในหนงั สือเรียน หน้า 47 Ex. 5a (to listen for gist) โดยครูบอกว่าจะให้
นักเรยี นฟังรายการวทิ ยุ และใหน้ ักเรียนสนใจฟงั โดยเฉพาะตอนเริ่มตน้ จากน้ันครเู ปดิ CD 1/Track
58 ใหน้ ักเรยี นฟงั แล้วกระตุน้ ใหน้ กั เรียนตอบคาถามที่กาหนดให้

Suggested Answer Key
It starts with the time and name of the radio station.
The news is about a student who was knocked off her bike by a car on her
way to university, the arrest of a man who broke into a student’s flat, and a student
who cheated in a race.

212

6. นกั เรียนทากิจกรรมในหนังสือเรยี น หน้า 47 Ex. 5b (to act out a radio programme) โดยครู
แบง่ นกั เรยี นออกเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ 5 คน แล้วให้นกั เรยี นช่วยกนั ระดมความคิดเกยี่ วกบั เหตกุ ารณท์ ่ี
เกดิ ข้นึ ในโรงเรยี นหรือในท้องถ่นิ เม่อื เรว็ ๆ น้ี ท่นี ักเรยี นสามารถนามารวมไว้ในรายการวทิ ยุได้
ครแู นะนาวา่ นักเรยี นควรคดิ ชื่อสถานีวทิ ยุ รวมท้งั ดนตรสี ั้นๆ (jingle) และบอกให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่
สมมติบทบาทเปน็ DJ, journalists, technician, producer
จากนัน้ ครูให้เวลานกั เรียนแต่ละกลุ่มเตรยี มรายการวทิ ยุของตนเอง พรอ้ มท้ังบันทึกเสยี ง จากน้นั ให้
แตล่ ะกลมุ่ นารายการวิทยุของตนเองมาเปิดให้เพือ่ นในชนั้ ฟัง

Suggested Answer Key
Students’ own answers

กจิ กรรมเพ่มิ เติม ครใู ห้นักเรียนเล่นเกมโดยเลือกนักเรยี น 1 คน เปน็ leader และให้ leader คดิ ถงึ
อุปกรณ์ทีท่ นั สมัย 1 ชน้ิ และให้นักเรียนในช้ันผลัดกนั ถามคาถาม ซึ่ง leader จะตอบ “Yes” หรือ
“No” หรอื “Perhaps” นักเรยี นท่ีเดาถูกตอ้ งว่าอุปกรณช์ ิน้ นน้ั คอื อะไร จะไดม้ าเปน็ leader แทน
และเริ่มเลน่ เกมต่อไป

e.g. S1: Do you read it?
Leader: Perhaps.
S2: Do you play games on it?
Leader: Yes.
S3: Do you talk to people with it?
Leader: Yes.
S4: Is it a mobile phone?
Leader: Yes.

กจิ กรรมรวบยอด

1. นกั เรียนทากิจกรรมในหนังสือเรยี น หน้า 47 Ex. 6 (to make a presentation) โดยแบ่งกลมุ่ กลุ่ม
ละ 3-4 คน คน้ ควา้ ขอ้ มลู ว่าสถานวี ทิ ยุทางานอย่างไร ครูให้นักเรยี นคน้ คว้าขอ้ มูลจากเวบ็ ไซต์ที่
กาหนดให้ และสนับสนนุ ใหน้ ักเรียนคน้ ควา้ ข้อมลู จากเวบ็ ไซต์อ่นื รวมถึงขอ้ มูลจากหนังสืออา้ งองิ
อืน่ ๆ จากน้ันรวบรวมข้อมลู และนาเสนอท่ีหนา้ ชัน้ เรยี น

2.

213

Suggested Answer Key
How A Radio Station Works
This is a typical radio studio with a control console,
mike, CD players, digital audio system, etc.
The microphone feeds into a microphone processor
which equalises, compresses and limits the DJ’s voice to make it louder
and clearer. Then, the signal goes out of the studio to an equipment room and into
an audio processor to tailor the sound, then to the studio transmitter via a high-gain
antenna. The signal leaves the transmitter and goes up the tower through a big
cable to the antenna on top of the tower, and out to the listeners.

2. นักเรยี นทากิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) Unit 4f หน้า 41 Exs. 1-4 เป็นการบา้ น
3. นกั เรยี นทากิจกรรมในแบบฝึกหัด (Workbook) Unit 4f หนา้ 41 Ex. 5 โดยครูเปิด Access

Workbook Audio CD 3 ม. 3/Track 9 ใหน้ กั เรียนฟงั เพื่อเขยี นตามคาบอก
4. นกั เรยี นทาแบบทดสอบความรู้หลงั เรียนโดยใช้ Test 4: Module 4 จาก CD หนงั สือ Teacher’s

Resource Pack & Tests ม. 3 หนา้ 109-112
5. นกั เรยี นประเมินความสามารถในการเรยี นรู้ของตนเองตามตารางทก่ี าหนด (Now I Can …) โดยครู

ถา่ ยเอกสารจากภาคผนวก

7. การวดั และการประเมนิ ผล

7.1 ประเมินการทาแบบทดสอบหลงั เรียน
7.2 ประเมนิ การทาแบบฝึกหดั
7.3 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ในช่วงการทากิจกรรม
7.4 ประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
7.5 ประเมินผลการพูดนาเสนอการทางานของสถานวี ทิ ยุ

8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้

8.1 หนังสือเรียน Access 3 ม. 3
8.2 แบบฝกึ หดั (Workbook) Access 3 ม. 3

214

8.3 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสือเรียน Access 3 ม. 3)
8.4 Access Workbook Audio CD 3 ม. 3 (ประกอบแบบฝึกหดั (Workbook) Access 3 ม. 3 และ

Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3)
8.5 CD หนังสือ Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
8.6 พจนานกุ รมภาษาอังกฤษ
8.7 อนิ เทอร์เน็ต หรอื หนงั สืออา้ งอิง

Vocabulary ขอ้ มลู เพม่ิ เติมดา้ นภาษาและวฒั นธรรม

The media เรือ่ งซบุ ซิบเกย่ี วกับบุคคลทมี่ ีชอ่ื เสยี ง
รายการโทรทัศน์ทมี่ ีการพดู คุยกับแขกรบั เชญิ
celebrity gossip (n) ภาพยนตร์สารคดี
chat shows (n) บทบรรณาธิการ
documentary (n) รายการโทรทัศน์ที่ให้ประชาชนอภิปรายเรอ่ื งท่สี าคญั
editorials (n) การทานายดวงชะตาราศี
forums (n) การสมั ภาษณ์
horoscopes (n)
interview (n) สอ่ื มวลชน เชน่ วทิ ยุ โทรทศั น์ หนังสอื พมิ พ์
หนา้ ตอบคาถามเกย่ี วกับปญั หาของประชาชนในนิตยสารและหนงั สือพมิ พ์
media (n) เกมทดสอบความรู้, เกมตอบปญั หา
problem pages (n) เร่ืองเล่าจากชวี ติ จรงิ
quizzes (n) บทวิจารณ์
real-life stories (n) ละครตลกเป็นตอนๆ ท่ีฉายทางโทรทัศน์ โดยใช้ตวั ละครตวั เดิมในสถานการณ์
reviews (n) ทแี่ ตกตา่ งกนั ในแต่ละสัปดาห์
sitcoms (n) ละครโทรทศั น์
นิตยสารซ่ึงให้รายละเอียดเกยี่ วกับรายการโทรทัศน์
soap opera (n) การพยาการณ์อากาศ
TV guide (n) หน้าเว็บเพจซ่ึงจดั ทาขึน้ เพือ่ นาเสนอข้อมูลผา่ นคอมพิวเตอร์
weather forecast (n)
websites (n)

215

4a Daily news พวง (องุ่น)
ขับไล่
bunch (n) สุนัขเฝ้าแกะ
chase away (phr v) ชว่ ยชีวติ
collie (n) หลกั ฐาน
come to the rescue (phr) ความกลวั
evidence (n) โชคดี
fear (n) ดีข้ึนหลงั จากเจบ็ ป่วยหรืออบุ ัตเิ หตุ
fortunately (adv) ร้านขายของชา, อาหารหรือสิ่งของทซ่ี ้ือมาจากร้านขายของชาหรอื
get better (phr) ซุปเปอรม์ ารเ์ กต็
groceries (n) ไม่มีร่องรอย
ความตกใจกลัว
no sign of (phr) ฟ้ืนตัวจากการเจ็บปว่ ยหรืออุบตั ิเหตุ
panic (n) วง่ิ หนี
recover (v) ข้อความท่ีถูกเขียนและส่งทางโทรศัพท์มือถอื (SMS)
run off (phr v)
text message (n)

4b That’s incredible! เสยี หายมาก
ระเบียง
badly damaged (phr) คลาน
balcony (n) ไมน่ ่าเชือ่
crawl (v) กะ, ช่วงเวลาการทางาน
incredible (adj)
shift (n)

4c Lucky days จบั , จบั กมุ
หลกี เลยี่ ง, หลบหลีก
arrest (v) (อบุ ัตเิ หตุ) รถชน
avoid (v) ครีบ (ปลา)
crash (n) ซ่งึ ไดร้ ับบาดเจ็บ
fin (n)
injured (adj) 216

jaws (n) ปาก (ของสัตว)์ , ขากรรไกร
scratch (n) รอยถลอก, รอยขีด, รอยข่วน
stuff (v) ใส่
swerve (v) หักเลี้ยวอยา่ งกะทันหัน
take place (phr v) เกดิ ขนึ้
witness (n) พยาน

4d Culture corner เรอ่ื งซุบซิบของบคุ คลท่ีมชี อ่ื เสียง
ม,ี บรรจุ
celebrity gossip (phr) ซงึ่ เปน็ มนั วาว
contain (v) วิธีแก้ปัญหา
glossy (adj)
solution (n)

4e What’s on? คณุ ต้องการ... ไหม
ฉันอยากทจ่ี ะ...
Do you fancy …? (phr) รายการโทรทัศน์ท่ีถา่ ยทอดเร่ืองราวของบคุ คลธรรมดาในสถานการณจ์ ริง
I’d rather (phr)
reality show (n)

4f Curricular Cut เสยี
บริเวณมหาวิทยาลัย
break down (phr v) ไดร้ บั
campus (n) แจ้ง
gain (v) ตดั สนิ ใจ
inform (v) ทาผิดพลาด
make a decision (phr) ให้คาแนะนา
make a mistake (phr) ไดเ้ พ่ือนใหม่
make a suggestion (phr) ทาใหห้ ัวเราะ
make new friends (phr) ทาบางส่ิงให้เปน็ ไปได้
make sb laugh (phr) ปฏิบตั ิจรงิ
make sth possible (phr) ดาเนินไปอยา่ งราบรื่น
practical (adj)
run smoothly (phr) 217

technician (n) เจา้ หน้าทีเ่ ทคนิค

Grammar

Unit 4a

 Past continuous
รปู ประโยค ประธาน + รปู อดตี ของ verb ‘to be’ (was/were) + คากริยาเตมิ -ing

การใช้
- เราใช้ past continuous กบั การกระทาที่กาลังดาเนนิ อยใู่ นเวลาท่ีระบุในอดตี ซ่ึงไมร่ วู้ ่าเมอ่ื ไหร่
ทก่ี ารกระทาเริ่มตน้ หรอื ส้ินสุด เช่น
At 7 o’clock yesterday morning, they were driving to work.
- เราใช้ past continuous กบั การกระทา 2 การกระทา หรือมากกวา่ ทก่ี าลงั เกดิ ขึ้นในเวลาเดยี วกนั
ในอดตี (การกระทาที่เกดิ ขึ้นพรอ้ มกัน) เชน่
I was reading a book while my brother was listening to music.
- เราใช้ past continuous เพ่ืออธิบาย/บรรยายฉากของเรื่องราว เช่น
The sun was shining and the birds were singing. Peter work up …

- คาแสดงเวลาท่ีใช้กับ past continuous ได้แก่ while, when, as, all day/night/morning,
all day yesterday, etc

 Past simple vs Past continuous
- เราใช้ past continuous กบั การกระทาในอดตี ทก่ี าลงั ดาเนนิ อยู่ (long action) และใช้ past

simple
กบั อีกการกระทาหนึง่ ซึ่งเขา้ มาแทรก (short action) เช่น
He was walking down the street when he saw his friend Tom.

Unit 4b

 Past perfect
รปู ประโยค ประธาน + had + คากรยิ าชอ่ งท่ี 3

การใช้

218

- เราใช้ past perfect กับการกระทาทส่ี ้ินสดุ ภายหลงั อีกการกระทาในอดีต หรือเวลาเฉพาะในอดีต เชน่
Jenny had eaten her lunch by 2 o’clock.

- เราใช้ past perfect กบั การกระทาท่ีสิ้นสดุ ในอดีต และผลของการกระทาสามารถมองเห็นได้
ในเวลาตอ่ มาในอดีต เช่น
He had broken his leg and it was still hurting.

- คาแสดงเวลาท่ีใชก้ บั past perfect ได้แก่ before, after, already, just, for, since, till/until,
when,

by the time, never etc

 Past perfect continuous
รปู ประโยค ประธาน + had + been + คากรยิ าเติม -ing

การใช้
- เราใช้ past perfect continuous เพ่ือเน้นช่วงเวลาของการกระทาทีเ่ ริ่มต้นและสิ้นสดุ ในอดตี
กอ่ นอกี การกระทา ปกติจะใช้กับ for หรอื since เชน่
I had been watching TV for an hour when I remembered I had forgotten to call

my friend.
- เราใช้ past perfect continuous กับการกระทาที่อยู่ในช่วงเวลาในอดีต และผลของการกระทา

สามารถ
มองเหน็ ไดใ้ นอดีต เช่น
She had been painting her room and her clothes were covered in paint.

- คาแสดงเวลาทใ่ี ช้กับ past perfect continuous ได้แก่ for, since, how long, before, until etc

Culture

Unit 4d

Sugar

Sugar เป็นนติ ยสารองั กฤษสาหรบั สาววัยร่นุ ที่มเี นอื้ หาให้ความสนใจกับเดก็ ผู้ชาย แฟชนั่ บุคคลท่ีมี
ช่อื เสียง เร่อื งราวซึง่ เกิดข้ึนในชีวิตจริงเกี่ยวกับวยั ร่นุ และเร่ืองอนื่ ๆ ทคี่ ล้ายกนั เนื้อหาของ Sugar ว่าด้วยความ
กังวลของสาววัยรนุ่ ภาพลักษณ์ที่โดดเดน่ คือคอลัมนแ์ นะนา ซงึ่ ตอบคาถามที่ถูกสง่ มาจากผู้อ่าน มักเก่ียวข้อง
กับเด็กผู้ชายและปัญหาสขุ ภาพ บนปกนติ ยสารโดยสว่ นมากจะเป็นผ้หู ญงิ ซ่ึงมีช่ือเสียง

เรยี บเรยี งจาก: http://en.wikipedia.org/wiki/Sugar_Magazine

219

Bliss

Bliss เปน็ นติ ยสารรายเดือนของคนองั กฤษท่ีมีกลุ่มเปา้ หมายท่ีสาววัยรุ่น และมักจะมาพร้อมกบั
ของขวญั ฟรี เชน่ เคร่ืองสาอางหรือกระเป๋า เนือ้ หาครอบคลมุ เกย่ี วกับเรอ่ื งซบุ ซิบของบคุ คลที่มีช่ือเสียง แฟชนั่ ท่ี
ทนั สมัย ทรงผมและลักษณะการแต่งหน้า หน้าปัญหาของวัยหนุ่มสาว เพอ่ื นชาย เพ่ือน และเพศสัมพนั ธ์ บท
สมั ภาษณผ์ หู้ ญงิ ที่มชี ือ่ เสียง บทวจิ ารณค์ วามบันเทิง คาแนะนาเรื่องรักใคร่ จิตวิทยาในเร่ืองมิตรภาพ และ
เร่อื งราวซ่งึ เกิดข้ึนในชวี ิตจรงิ

เรียบเรียงจาก: http://en.wikipedia.org/wiki/Bliss_(magazine)

NME (New Musical Express)

New Musical Express รจู้ ักกนั ดใี นช่อื NME เป็นนิตยสารเพลงยอดนยิ มในสหราชอาณาจักรทต่ี ีพิมพ์
รายสัปดาห์ นบั เป็นกระดาษแผ่นแรกของชาวองั กฤษทรี่ วบรวมลาดับเพลง ซ่ึงปรากฏครั้งแรกในฉบับพมิ พว์ นั ที่
14 พฤศจกิ ายน ค.ศ. 1952 ถอื เป็นนิตยสารเพลงองั กฤษท่ขี ายดที ีส่ ุด

เรียบเรียงจาก: http://en.wikipedia.org/wiki/NME

Shoot

Shoot เปน็ นิตยสารฟตุ บอลที่ตพี ิมพ์ในประเทศอังกฤษโดย IPC Media เร่ิมตีพิมพ์เป็นรายสปั ดาห์ใน
ปี ค.ศ. 1969 ซึ่งวางเป้าหมายหลกั ท่แี ฟนฟุตบอลวัยร่นุ เป็นนติ ยสารฟุตบอลยอดนยิ มที่สดุ ในสหราช-
อาณาจักร และยังคงเป็นนติ ยสารท่ีมีอทิ ธิพลทส่ี ดุ ในตลาดจนถงึ กลางปี ค.ศ. 1990

เรยี บเรียงจาก: http://en.wikipedia.org/wiki/Shoot_(magazine)

Match

Match เปน็ นิตยสารฟุตบอลองั กฤษรายสัปดาห์ท่มี ีเป้าหมายท่ีตลาดกลุม่ วยั รนุ่ และก่อนวัยรนุ่ พิมพ์
ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1979 เนือ้ หาในนิตยสารประกอบด้วยบทสมั ภาษณ์ โรงเรยี นที่เชีย่ วชาญ แบบทดสอบและ
ผลตลอดสปั ดาห์ ตารางและการจัดอนั ดับผูเ้ ลน่ จาก 4 ลีกอังกฤษท่ีสาคัญ และพรเี มยี ร์ลีกสกอตแลนด์ สว่ น-
ใหญจ่ ะครอบคลุมทีมและผ้เู ล่นในพรีเมียรล์ ีกองั กฤษ แตย่ งั มีการรายงานเกี่ยวกบั ลาลกี า กลั โซซ่ รี ีย์ อา และ
ฟตุ บอลนานาชาติด้วย

เรยี บเรยี งจาก: http://en.wikipedia.org/wiki/Match_(magazine)

220

Unit 4e

The Weakest Link

The Weakest Link คือรายการเกมโชว์ ซึง่ ออกอากาศครั้งแรกในสหราชอาณาจกั รทางช่อง BBC Two
เมื่อวนั ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2543 ออกแบบรายการโดย ฟินตัน คอยล์ (Fintan Coyle) นายแพทย์และผู้เขยี น
บทละครตลก และเคธี ดนั นิง (Cathy Dunning) นกั แสดงตลก พัฒนาเพอื่ การออกอากาศโดย BBC
Entertainment เปน็ รายการท่ีถอดแบบมาดาเนินรายการในฉบบั ภาษาต่างๆ ท่วั โลก ถกู เรียกว่า “เกมโชวแ์ บบ
เรียลลิต้ี” เพราะ
มลี กั ษณะคล้ายเรยี ลลติ โี้ ชว์ในปัจจบุ นั และเปน็ รากฐานแหง่ เรียลลติ ้โี ชว์

รูปแบบตน้ ฉบับมีลักษณะการแขง่ ขันแบบเป็นกลุม่ ของผ้แู ข่งขัน 6-9 คน ผลัดกันตอบคาถามความรู้
ทวั่ ไป เป้าหมายในแต่ละรอบคอื การตอบคาถามอย่างถูกต้องติดต่อกนั เพื่อสะสมเงนิ รางวัลตามขนั้ และถ้าตอบ
คาถามผดิ เงนิ รางวลั ท่ีสะสมตามขัน้ ก็จะหายไป เมื่อเวลาในการตอบคาถามในแต่ละรอบหมดลง ผู้เขา้ แขง่ ขนั แต่
ละคนจะถกู บงั คบั ใหล้ งคะแนนให้แก่ผเู้ ขา้ แขง่ ขันคนอนื่ ทีค่ ิดว่าเปน็ “จดุ อ่อน” ดว้ ยเหตผุ ลใดก็ตาม ผทู้ ่ีได้รบั การ
ลงคะแนนมากทีส่ ดุ เมื่อจบการแขง่ ขนั ในแต่ละรอบจะถกู กาจัดออกไปจากเกม หากมผี ู้ได้รับการลงคะแนนเท่ากัน
ผเู้ ขา้ แขง่ ขนั กจ็ ะไดร้ บั โอกาสใหล้ งคะแนนใหม่

ทีม่ า: th.wikipedia.org/wiki/กาจัดจดุ ออ่ น

Friends

Friends เป็นซิทคอมอเมรกิ ันที่สรา้ งโดย David Crane และ Marta Kauffman ฉายทางชอ่ ง NBC
ตง้ั แตว่ นั ท่ี 22 กนั ยายน ค.ศ. 1994 ถึง 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2004 เร่อื งราวมุง่ ไปท่กี ลุม่ เพ่ือนๆ ในแมนฮัตตัน
นิวยอรก์ ซติ ้ี ซีรี่ย์เรอ่ื งนีไ้ ดร้ บั คาวิจารณ์ในทางท่ดี ีมาโดยตลอด และกลายเปน็ หนงึ่ ในซิทคอมทเี่ ป็นท่ีนิยมมาก
ทีส่ ุดตลอดกาล ซรี ี่ยเ์ รื่องน้ไี ด้รบั รางวลั และประสบความสาเรจ็ มากมาย

เรยี บเรยี งจาก: http://en.wikipedia.org/wiki/Friends

EastEnders

EastEnders เป็นละครโทรทัศน์อังกฤษท่ฉี ายมายาวนาน ออกอากาศคร้งั แรกในสหราชอาณาจักรทาง
ช่อง BBC One เม่ือวนั ที่ 19 กมุ ภาพันธ์ ค.ศ. 1985 ไดร้ ับการจดั อันดับเป็นหนงึ่ ในละครท่ีมคี นดูมากทีส่ ดุ ใน

221

สหราชอาณาจกั ร เปน็ เร่ืองราวเกย่ี วกับชวี ติ ของผคู้ นท่อี าศัยและทางานใน London Borough of Walford
ใน East End of London สถานท่สี าคญั ของเรอ่ื งส่วนใหญ่จะอย่รู อบๆ ที่พักอาศยั เชน่ Albert Square,
Victorian square of terraced houses และถนนใกล้เคยี ง ได้แก่ Bridge Street, Turpin Road และ
George Street ซึ่งรวมผับ สตรีทมาร์เกต็ ไนตค์ ลบั ศนู ย์ชุมชน คาเฟ่ และธุรกจิ เล็กๆ มากมาย

เรียบเรียงจาก: http://en.wikipedia.org/wiki/EastEnders

Parkinson

Parkinson เปน็ รายการโทรทัศนอ์ ังกฤษทเ่ี ชิญแขกรับเชญิ มาพูดคุย ดาเนนิ รายการโดย Michael
Parkinson ออกฉายคร้ังแรกทางชอ่ ง BBC One ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1971-1982 รวมทง้ั ส้ิน 361 ตอน และกลับมา
ฉายใหมใ่ นปี ค.ศ. 1998 ตอนสดุ ทา้ ยคือ Parkinson: The Final Conversation ออกอากาศทางช่อง ITV เม่อื
วันท่ี 16 ธนั วาคม ค.ศ. 2007

เรียบเรียงจาก: http://en.wikipedia.org/wiki/Parkinson_(TV_series)

Big Brother

Big Brother เปน็ รายการโทรทัศนท์ ถ่ี ่ายทอดเร่อื งราวในสถานการณจ์ ริงของกล่มุ คนท่อี ยู่ร่วมกนั ใน
บา้ นหลงั ใหญ่ แตย่ ังถูกเฝา้ ดูอยา่ งต่อเนื่องโดยกล้องโทรทัศน์ ซง่ึ แต่ละคร้ังจะมีเวลาประมาณ 3 เดือน และคนที่
อยู่ร่วมกันในบ้านตอ้ งพยายามท่ีจะชนะเพ่ือรับรางวลั เงนิ สดโดยหลกี เล่ยี งไม่ให้ถกู คัดออกจากบา้ น

Big Brother ออกอากาศคร้ังแรกในประเทศเนเธอรแ์ ลนดใ์ นปี ค.ศ. 1999 ทางช่อง Veronica TV
และออกอากาศท่ีเยอรมนี โปรตุเกส สหรัฐอเมรกิ า สหราชอาณาจักร สเปน เบลเยี่ยม สวีเดน สวสิ เซอร์แลนด์
และอิตาลีในปตี ่อๆ มา ซ่งึ โด่งดงั ไปทวั่ โลก ตง้ั แตน่ ้ันมาก็เป็นรายการยอดนิยมลาดบั ต้นๆ ในเกอื บ 70 ประเทศ
ท่ัวโลก

เรยี บเรียงจาก: http://en.wikipedia.org/wiki/Big_Brother_(TV_series)

222

บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้
ผลการจัดการเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชื่อ…………………………………….ผ้สู อน
(……………………….……………)

วันที่……..เดอื น……….………พ.ศ. …..…

ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผูบ้ ริหารหรือผู้ท่ีไดร้ ับมอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

223

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่ือ…………………………………….ผ้ตู รวจ

(……………………….……………)

วันท่ี……..เดอื น……….………พ.ศ.……….

แผนการจดั การเรียนรู้

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 5 Our future

รายวชิ า ภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3

กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) เวลาเรียน 12 ชัว่ โมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วดั ชั้นปี

มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองท่ีฟังและอา่ นจากสือ่ ประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เหน็
ตัวชีว้ ดั อยา่ งมีเหตผุ ล
2. อา่ นออกเสียงข้อความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรองสั้นๆ ถกู ต้องตามหลกั การอ่าน
3. ระบุและเขยี นสอ่ื ทีไ่ ม่ใช่ความเรียงรปู แบบต่างๆ ให้สมั พันธ์กับประโยค และข้อความ

ที่ฟงั หรืออ่าน
4. เลือก/ระบุหัวข้อเร่ือง ใจความสาคัญ รายละเอยี ดสนับสนุน และแสดงความคิดเห็น

เกีย่ วกับเรอ่ื งทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ งๆ พรอ้ มทงั้ ให้เหตผุ ลและยกตัวอย่าง
ประกอบ

มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลขา่ วสาร แสดงความรูส้ กึ
ตัวชีว้ ดั และความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ใชค้ าขอร้อง ให้คาแนะนา คาชี้แจง และคาอธบิ ายอยา่ งเหมาะสม
4. พดู และเขียนเพอื่ ขอและใหข้ ้อมูล อธิบาย เปรยี บเทียบ และแสดงความคิดเห็น

เก่ียวกับเรื่องทีฟ่ ังหรอื อา่ นอย่างเหมาะสม
5. พดู และเขยี นบรรยายความรสู้ ึก และความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องตา่ งๆ

กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตกุ ารณ์ พร้อมทัง้ ใหเ้ หตผุ ลประกอบอยา่ ง
เหมาะสม

224

มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรือ่ งต่างๆ โดยการพูดและ
ตวั ชว้ี ัด การเขียน
1. พูดและเขยี นบรรยายเก่ยี วกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ/์ เรื่อง/ประเด็น

ต่างๆ ท่ีอยู่ในความสนใจของสงั คม

มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใชไ้ ด้
ตัวชว้ี ดั อยา่ งเหมาะสมกับกาลเทศะ
1. เลือกใช้ภาษา น้าเสียง และกิริยาท่าทาง เหมาะกบั บคุ คลและโอกาสตามมารยาท

สงั คมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
2. อธบิ ายเกี่ยวกบั ชีวิตความเปน็ อยู่ ขนบธรรมเนียม และประเพณีของเจ้าของภาษา

มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กลุ่มสาระการเรยี นรู้อ่นื และเป็นพ้นื ฐาน
ตัวชี้วดั ในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทัศน์ของตน
1. ค้นควา้ รวบรวม และสรปุ ขอ้ มลู /ข้อเท็จจรงิ ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั กล่มุ สาระการเรียนร้อู ่นื

จากแหล่งเรียนรู้ และนาเสนอด้วยการพดู /การเขียน

มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ ่างๆ ทง้ั ในสถานศึกษา ชมุ ชน และสังคม
ตัวชี้วดั 1. ใช้ภาษาสอ่ื สารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ าลองที่เกิดข้นึ ในห้องเรียน
สถานศึกษา ชมุ ชน และสังคม

2. ความคดิ รวบยอด

รู้และเขา้ ใจคาศัพท์ทเี่ กยี่ วข้องกับการเขา้ ถึงขอ้ มลู ข่าวสารผา่ นเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ วิทยาศาสตร์
อปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนิกสต์ ่างๆ สานวนภาษาท่ใี ช้ในการแสดงความคิดเหน็ การขอและให้คาแนะนา ความรู้
เกี่ยวกับวัยรุ่นอังกฤษกบั อุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ การจาลองสถานการณจ์ ริง (simulating reality) ใน
คอมพิวเตอร์ หลักการเขียนบทความแสดงความคดิ เหน็ การอา่ นและเขยี นกราฟแทง่ การใช้ will/be going
to/present continuous ชว่ ยใหใ้ ช้ภาษาในการสื่อสารเก่ียวกบั เรื่องที่อยใู่ นความสนใจของสงั คมไดอ้ ย่าง
เหมาะสมท้งั การพดู เขยี น และแสดงความคิดเหน็ เปน็ พ้ืนฐานในการคน้ คว้า รวบรวมขอ้ มลู ทเี่ ก่ียวข้องกับกลมุ่
สาระการเรยี นรู้อื่น ช่วยให้เกดิ ความเขา้ ใจในชวี ิตความเป็นอย่ขู องเจ้าของภาษา และสามารถตีความ/ถา่ ยโอน
ข้อมูลใหส้ ัมพนั ธก์ ับส่ือที่ไมใ่ ช่ความเรียงได้

3. สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- การออกเสยี งตามระดบั เสียงสงู -ต่า ในประโยค การออกเสียงสระเสียงส้ัน สระเสียงยาว

225

- การตคี วาม/ถา่ ยโอนข้อมลู ให้สมั พันธ์กบั สอื่ ทไ่ี ม่ใช่ความเรียง เช่น กราฟ
- การจบั ใจความสาคัญ เชน่ ใจความสาคัญ รายละเอียดสนบั สนุน
- คาแนะนาในการส่ง SMS
- ประโยคและขอ้ ความทีใ่ ชใ้ นการขอและให้ข้อมลู เก่ียวกับเรื่องท่ีอา่ น
- ภาษาทีใ่ ช้ในการแสดงความคิดเห็น เชน่ I think…/I believe…/I agree/disagree…
- การบรรยายเกี่ยวกับประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม
- ชีวติ ความเป็นอยู่ของเจา้ ของภาษา
- การเลอื กใช้ภาษา น้าเสียง และกริ ิยาทา่ ทางในการสนทนา ตามมารยาทสังคมและ

วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา
- การค้นคว้า การรวบรวม และการนาเสนอข้อมลู ท่ีเก่ยี วข้องกบั กลุม่ สาระการเรียนรู้อื่น

(วิทยาศาสตร์)
- การใช้ภาษาส่อื สารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ าลองท่ีเกิดขึ้นในห้องเรียน
3.2 สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิ่น
-

4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน

4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ

- การคดิ วเิ คราะห์
4.3 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

5.1 ใฝเ่ รยี นรู้

6. ชิ้นงาน/ภาระงาน

6.1 การเขียนข้อความสั้นๆ เกยี่ วกับสิ่งประดิษฐใ์ นอนาคต
6.2 การนาเสนอขอ้ มลู เก่ยี วกับภาวะโลกรอ้ น (global warming)
6.3 การเขียนบทความแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั ชีวิตในอนาคต
6.4 การเขียนกราฟแทง่ จากผลสารวจ
6.5 การอา่ นออกเสยี งสานวนภาษาทใ่ี ช้ในการขอและให้คาแนะนาและคาศพั ท์ทีม่ เี สยี ง / /, /ʌ/
6.6 การแสดงบทสนทนาเก่ียวกบั การให้คาแนะนาในการสง่ SMS

226

6.7 การพูดเกยี่ วกับเร่ืองท่ีอา่ น

7. การวดั และการประเมินผล
7.1 ประเมินการทาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน
7.2 ประเมนิ การทาแบบฝึกหัด
7.3 สังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นร้ใู นช่วงการทากิจกรรม
7.4 ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
7.5 ประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงาน

8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 หนงั สอื เรียน Access 3 ม. 3
8.2 แบบฝกึ หัด (Workbook) Access 3 ม. 3
8.3 แบบฝึกไวยากรณ์ Extra Access 3 ม. 3
8.4 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสือเรยี น Access 3 ม. 3)
8.5 Access Workbook Audio CD 3 ม. 3 (ประกอบแบบฝึกหดั (Workbook) Access 3 ม. 3 และ
Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3)
8.6 CD หนงั สือ Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
8.7 พจนานุกรมภาษาอังกฤษ
8.8 อินเทอรเ์ นต็
8.9 แบบสอบถาม

227

แผนการจัดการเรยี นรู้
Unit 5a E-society

ชว่ั โมงที่ 1-2

1. ความคดิ รวบยอด

ความรู้เกย่ี วกับความเหลอ่ื มล้าในการเข้าถงึ ขอ้ มลู ข่าวสารผา่ นเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ การใช้ will/be
going to/present continuous ช่วยให้ใช้ภาษาในการสอื่ สารเก่ียวกบั เรื่องที่อยู่ในความสนใจของสงั คมได้
อยา่ งเหมาะสม

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

2.1 เรียนร้คู าศัพทต์ ่อไปน้ี educate people, language barrier, can’t afford, use the Internet, go
online,
old-fashioned way of thinking, equal opportunities, right software, local languages, take
new technology for granted, phone line, modem, have access, technology gab,
subscription, bridge digital divide ได้

2.2 นาเสนอเร่ืองความเหล่อื มลา้ ในการเขา้ ถงึ ข้อมลู ข่าวสารผา่ นเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรไ์ ด้
2.3 ใช้ will/be going to/present continuous ไดถ้ ูกต้อง
2.4 เขยี นขอ้ ความสัน้ ๆ เกย่ี วกบั สิง่ ประดษิ ฐใ์ นอนาคตได้

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- ประโยคและข้อความท่ใี ชใ้ นการขอและให้ข้อมลู เก่ยี วกบั เร่ืองท่ีอา่ น
- การบรรยายเก่ยี วกับประเด็นท่ีอยู่ในความสนใจของสังคม

3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่
-

4. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน

4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคิด

- การคิดวเิ คราะห์

228

5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
5.1 ใฝเ่ รียนรู้

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

กจิ กรรมนาสกู่ ารเรียน
1. นกั เรียนทาแบบทดสอบความรกู้ อ่ นเรียนโดยใช้ Self Check ในหนงั สอื เรยี น หน้า 58
2. นกั เรยี นดชู ือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5: Our future แลว้ ครถู ามว่าหมายความว่าอยา่ งไร และใหน้ ักเรยี น
คิดว่าหนว่ ยการเรียนรู้นี้น่าจะเกี่ยวกับเร่ืองใด ครูกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามดว้ ยการให้นกั เรยี น
เปิดดูเนื้อหาในหนังสือเรียน หน้า 50-57 อยา่ งครา่ วๆ

Suggested answer key
The title refers to the future. We will learn about different types of high-
tech gadgets and new technology that will play an important role in our future.

3. ครูช้ีแจงใหน้ ักเรยี นทราบว่า หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 5 นี้ นักเรียนจะไดเ้ รียนรู้เกย่ี วกบั
 the digital revolution
 technology & science
 high-tech gadgets
 conditionals types 1-3
 wishes
 will/be going to – present continuous (future meaning)
 expressing opinions
 giving instructions

4. ครูใช้ภาพ 1-2 ในหนังสือเรยี น หนา้ 49 กระตุ้นความสนใจของนักเรยี นเข้าสู่การอภปิ ราย และนา
นกั เรยี นเข้าสู่หน่วยการเรยี นรู้ โดยครูถามคาถามเพอื่ เริ่มตน้ การอภิปรายเกย่ี วกบั หวั ขอ้ ต่างๆ ท่ีจะ
เรยี นในหนว่ ยการเรียนรนู้ ี้

229

Suggested Answer Key
Focus students’ attention on pictures 1.
T: What page is picture 1 from? (p. 55)
S1: It’s from p. 55.
T: What can you see in picture 1?
S2: Two children playing games on a games console in front of the TV.
T: How is the picture related to the title of the unit?
S3: I think it relates to what gadgets teens have. etc
T: What page is picture 2 from? (p. 52) What can you see in picture 2?

How do you think the picture is related to the title of the unit?
What else can you see in the pictures on p. 52? etc

5. นักเรยี นทากจิ กรรมในหนงั สือเรยี น หน้า 49 หัวข้อ Find the page numbers for โดยหาว่า
instructions, a quiz, a bar graph และ opinions อยู่ในหนังสือเรยี นหนา้ ใด เมื่อหาพบแลว้ ครู
ถามคาถามเก่ยี วกบั หวั ข้อดังกล่าวเพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียน

instructions (p. 56) What are the instructions for?
Where could you see instructions like these?
a quiz (p. 52) What is the quiz about? Where can you find quizzes?
Do you like doing quizzes? etc
a bar graph (p. 55) What does the graph show? Do you use graphs at school?
In which classes? Do you find graphs useful? etc
opinions (p. 54) What are the opinions about? Which do you agree/disagree
with? etc

6. ครเู ปิด CD 2/Track 1 ให้นักเรียนฟงั คาศัพท์ในหนงั สือเรียน หน้า 49 หัวข้อ Vocabulary โดยครู
หยดุ CD เมื่อจบทีละคา เพ่ือให้นักเรยี นออกเสยี งตาม แลว้ กระตนุ้ ให้นักเรียนบอกคาทเี่ ป็นคาสากล

230

(TV, laptop, DVD, MP3, camera, robot) จากนน้ั ให้นักเรยี นจับคคู่ าศัพท์ 1-10 กบั วลที ีอ่ ยู่
ทางด้านขวามือซึ่งเปน็ การใช้อปุ กรณ์ เสรจ็ แลว้ นาคาศัพท์และวลที จ่ี ับคกู่ ันมาแตง่ ประโยค

Suggested Answer Key
We use a laptop to surf the Net and send emails.
We use a DVD player to watch films.
We use a mobile phone to call friends and send text messages.
We use an MP3 player to listen to music and store music files.
We use a robot helper to do the housework.
We use a digital camera to take pictures.
We use satellites to receive and transmit signals.
We use CCTV cameras to make our streets safe.
We use a games console to play video games with.

7. ครูใหน้ กั เรียนดูชอ่ื Unit 5a ในหนังสอื เรยี น หน้า 50 แล้วให้นักเรียนคดิ วา่ ‘E’ ใชแ้ ทนคาว่าอะไร
(electronic) จากน้นั ให้นกั เรียนดภู าพ แล้วครกู ระตนุ้ ใหน้ ักเรียนคิดวา่ เน้อื หาใน Unit 5a น่าจะ
เกยี่ วข้องกับอะไร (modern life and communication)

กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู้
1. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรยี น หนา้ 50 Ex. 1a (to compare pictures) โดยดภู าพ แลว้ ครู
กระตุ้นให้นักเรียนชว่ ยกันบอกว่าบุคคลในภาพกาลังทาอะไร จากน้ันให้นักเรียนเปรียบเทียบ
การกระทาของบุคคลในภาพด้านบนของหนงั สือเรยี นกับการกระทาของบคุ คลในภาพดา้ นล่าง

Suggested Answer Key
The top picture shows people using old-fashioned means of
communication
such as writing letters by hand, a postman delivering a letter and someone
who is sending a message by telegraph. The second picture shows modern
means of communication such as mobile phones, email, laptops and
satellite communication.

231

2. ครูอา่ นคาถามทีก่ าหนดใหใ้ นหนังสอื เรียน หนา้ 50 Ex. 1b (to infer information and read for
confirmation) แลว้ กระตุ้นคาตอบจากนักเรยี น จากน้ันครูเปดิ CD 2/Track 2 ใหน้ ักเรียนฟังและ
อา่ นบทอา่ นในหนังสือเรียนตามไปด้วย หลังจากอ่านจบครูให้นักเรียนตอบคาถาม เสรจ็ แล้วครูเฉลย
คาตอบ

The gap between those who have access to new technology and
those who don’t is called the “digital divide”.

3. นกั เรียนทากจิ กรรมในหนังสือเรียน หน้า 50 Ex. 1c (to ask and answer questions based on
a text) โดยจบั คูก่ บั เพื่อน ถามและตอบคาถามง่ายๆ เกีย่ วกับบทอ่านเพ่ือตรวจความเขา้ ใจของ
นักเรียน ครูคอยสงั เกตขณะนักเรยี นทากิจกรรม

Suggested Answer Key
A: How many people have never used a telephone?
B: 50% of the people in the world. How many people can use the
Internet?
A: Fewer than 17% of the people in the world. What do you need to go
online?
B: A computer, the right software, a phone line, a modem and a
subscription to an Internet provider. Why can’t everyone afford to go online?
A: Because the equipment isn’t cheap. How many websites are in English?
B: Four-fifths. Why is it difficult to teach people how to use a computer?
A: Because many people can’t read or write in their own language, let
alone

in English. What’s another reason why the technology gap exists?
B: Because people don’t understand how it can help them. How can we
solve the problem?
A: We need to educate people and train them. We should also introduce
local languages into computer usage. etc

232

4. ครูให้เวลานกั เรยี นหาความหมายของคา/วลีที่กาหนดใหใ้ นหนงั สอื เรียน หนา้ 51 Ex. 2a (to present
new vocabulary) จากพจนานกุ รมภาษาอังกฤษ แล้วครสู ุ่มเรยี กนักเรียนหลายๆ คน พูดสรุปบทอ่าน
ในหน้า 50 โดยใช้คา/วลเี หล่านี้ จากน้นั ครใู ห้นกั เรยี นช่วยกันอธิบายความหมายของคาที่พิมพต์ วั หนา
ในบทอ่าน

Suggested Answer Key
Today, we take new technology for granted. There is a huge gap
between those who have access to new technology and those who don’t. It is
called the ‘Digital Divide’. To use the Internet and go online you need a
computer, the right software, a phone line, a modem and a subscription to an
Internet service provider. A lot of people can’t afford it. There is also a language
barrier. Most websites are in English. The technology gap also exists because many
people have an old-fashioned way of thinking. Governments and educational
institutions should work together to educate people and introduce local
languages into computer usage. When we bridge the digital divide, then everyone
will have equal opportunities and the power that information will give.

สาหรบั ช้นั เรียนเด็กอ่อน ครูเขยี น Suggested Answer Key บนกระดาน โดยเวน้ ช่องว่างไวใ้ ห้
นักเรยี นเตมิ คา/วลที ี่พมิ พต์ ัวหนา
5. นักเรียนทากจิ กรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 51 Ex. 2b (to consolidate information) โดยครใู ห้
เวลานกั เรยี น 3 นาที เขยี น 2-3 ประโยค เกยี่ วกบั หัวข้อ ‘เราสามารถประสานความเหล่ือมล้าทาง
สงั คมในการเข้าถงึ ข้อมูลขา่ วสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร’ เม่ือเขยี นเสรจ็ แล้วให้นักเรียน
อา่ นประโยคของตนเองให้เพื่อนข้างๆ ฟงั แลว้ ครสู ่มุ เรยี กนักเรียนอา่ นประโยคของตนเอง

Suggested Answer Key
Students’ own answers

6. ครเู ขียนประโยคบนกระดานตามนี้
A I’m going to travel abroad this year.
B I think I’ll go to China.
C I’m meeting Hanna tonight.

233

แล้วถามนักเรียนวา่ ประโยคใดแสดงแผนการท่แี น่นอนในอนาคตอนั ใกล้ (C) ประโยคใดแสดงความ
ต้ังใจในอนาคต (A) และประโยคใดแสดงการคาดเดาโดยตัง้ อยูบ่ นส่งิ ทเี่ ราคดิ (B)
จากนั้นครใู ห้นักเรยี นอ่านการใช้ will/be going to/present continuous ในหนังสือเรียน หน้า 51
Ex. 3 (to present will/be going to/present continuous) แล้วใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ยกตวั อยา่ งที่
แสดงการใชแ้ ต่ละแบบ และหาตัวอย่าง will/be going to/present continuous จากบทอ่านใน
หนา้ 50

Suggested Answer Key

What are you going to do today? (future plan/intention)

Perhaps you’ll email your friends, (prediction based on what we imagine)

you’re going to surf the Net (future plan/intention)

it will be hard to teach them (prediction based on what we think)

everyone will have equal opportunities(prediction based on what we imagine)

7. นักเรยี นทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 51 Ex. 4 (to practise will/won’t) โดยครใู ห้นกั เรียน
ระดมความคิดเกี่ยวกับการคาดเดาอนาคต ครูกระตุ้นให้นักเรียนคดิ ถงึ ส่งิ ทจี่ ะเกดิ ขนึ้ /ไม่เกิดข้นึ ใน
อนาคต จากนัน้ ใหน้ กั เรียนดูข้อความท่ีใหม้ า และอธบิ ายว่าข้อความนีเ้ ป็นการคาดเดาอนาคตของ
Brad แลว้ ครใู ห้เวลานกั เรียนอา่ นและเติมข้อความใหส้ มบูรณ์ด้วย will หรอื won’t เมอ่ื ทาเสร็จแล้ว
ครูเฉลยคาตอบ แลว้ ให้นักเรยี นบอกวา่ การคาดเดาของ Brad คืออะไร

1. will 3. won’t 5. will 7. will

2. will 4. won’t 6. won’t

Suggested Answer Key
Brad predicts that people will have flying cars that use a non-polluting fuel.
He thinks there won’t be any traffic jams or petrol.

234

8. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรยี น หนา้ 51 Ex. 5 (to practise be going to) ด้วยการแตง่
ประโยคเก่ยี วกับตนเองโดยใช้ be going to และคาท่กี าหนดให้ เมื่อนักเรียนทาเสรจ็ แล้วครตู รวจ
คาตอบโดยส่มุ เรยี กนักเรียนอ่านประโยคของตนเอง

Suggested Answer Key
I’m going to play football tonight.
I’m not going to visit a museum next week.
I’m going to have a party tonight.
I’m not going to meet my friends this weekend.
I’m going to buy a car when I finish school. etc

9. นกั เรยี นทากจิ กรรมในหนังสือเรยี น หนา้ 51 Ex. 6 (to practise the present continuous) โดย
จบั คู่กบั เพ่ือน ถามและตอบเก่ียวกบั แผนการท่จี ะทาในวนั สดุ สัปดาหน์ ี้โดยใช้ present continuous
ครบู อกนักเรยี นวา่ สามารถใช้คากริยาใน Ex. 5 มาตัง้ คาถามได้ แลว้ ครเู ดินสงั เกตรอบๆ ชั้นเรยี น
ขณะนักเรยี นทากิจกรรม จากนัน้ สมุ่ เรียกนักเรียนบางคูใ่ ห้ออกมาพูดถามและตอบท่หี นา้ ช้นั เรียน

Suggested Answer Key
A: Are you playing football this weekend?
B: Yes, I am./No, I’m not.
A: Are you visiting a museum this weekend?
B: Yes, I am./No, I’m not.
A: Are you having a party this weekend?
B: Yes, I am./No, I’m not. etc

10. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 51 Ex. 7 (to practise will and be going to) โดยเตมิ
ประโยคด้วย will หรอื be going to เสรจ็ แลว้ ครูตรวจคาตอบ

1. will 3. will 5. will
2. am going to 4. are going to

235

11. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรยี น หน้า 51 Ex. 8 (to listen for gist) โดยครูเปดิ CD 2/Track 3
ใหน้ กั เรียนฟงั แลว้ จบั ใจความสาคัญวา่ David กาลังพูดเกี่ยวกับอะไร

A the importance of technology

กจิ กรรมรวบยอด

1. นักเรยี นทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 51 Ex. 9 (to write a short text) โดยครใู ห้นกั เรียนช่วยกนั
ระดมความคดิ ว่าช่วง 80 ปขี ้างหน้าจะมสี ง่ิ ประดษิ ฐใ์ หม่ๆ อะไรบา้ ง เช่น underground cities,
robots, hover shoes, cures for every disease แลว้ ครเู ขียนสิ่งท่ีนกั เรียนคดิ บนกระดาน จากนน้ั
ให้นกั เรียนใชค้ วามคดิ ดังกลา่ วเขียนขอ้ ความสนั้ ๆ เก่ียวกบั สง่ิ ประดิษฐใ์ นอนาคตโดยใช้ข้อความของ
Bred ใน Ex. 4 เป็นตน้ แบบ เมือ่ นักเรียนเขยี นเสร็จแล้ว ครูส่มุ เรียกนักเรียนหลายๆ คน อา่ นข้อความ
ของตนเองให้เพื่อนในชัน้ ฟัง

Suggested Answer Key
I believe we will have underground cities and we will all live below the
sea. The atmosphere will be too polluted above ground, but we will have big
machines to provide air for us to breathe. There won’t be many animals or plants
left but, while we live underground, the Earth will repair itself.

2. นักเรียนทากิจกรรมในแบบฝึกหัด (Workbook) Unit 5a หนา้ 42 Exs. 1-4

7. การวัดและการประเมนิ ผล

7.1 ประเมนิ การทาแบบทดสอบก่อนเรียน
7.2 ประเมนิ การทาแบบฝึกหัด
7.3 สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ในชว่ งการทากิจกรรม
7.4 ประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
7.5 ประเมินผลการเขียนข้อความส้นั ๆ เกีย่ วกับสงิ่ ประดิษฐใ์ นอนาคต

8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 หนงั สอื เรยี น Access 3 ม. 3

236

8.2 แบบฝกึ หดั Access 3 ม. 3
8.3 แบบฝกึ ไวยากรณ์ Extra Access 3 ม. 3
8.4 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนงั สอื เรยี น Access 3 ม. 3)
8.5 CD หนังสอื Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
8.6 พจนานกุ รมภาษาอังกฤษ

บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
ผลการจดั การเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปัญหาและอปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชื่อ…………………………………….ผู้สอน
(……………………….……………)

วนั ที่……..เดอื น……….………พ.ศ. …..…

ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรือผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย

237

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชือ่ …………………………………….ผูต้ รวจ
(……………………….……………)

วันที่……..เดือน……….………พ.ศ.……….

238

แผนการจัดการเรยี นรู้
Unit 5b Science Matters

ชว่ั โมงท่ี 3-4

1. ความคดิ รวบยอด

รู้และเข้าใจคาศัพท์ทเ่ี กย่ี วข้องกบั วทิ ยาศาสตร์ เป็นพ้ืนฐานในการค้นควา้ รวบรวมขอ้ มูลท่เี กยี่ วข้องกับ
กลมุ่ สาระการเรียนรอู้ ื่น และนาเสนอดว้ ยการเขียน

2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

2.1 เรยี นร้คู าศพั ท์ต่อไปนี้ renewable, energy, global warming, genetic engineering, artificial
intelligence, cloning, run out, genes, resist disease, famine, pollute, temperatures
rise, polar ice caps, take over, enslave ได้

2.2 อา่ นเพื่อหาจุดประสงค์ได้
2.3 ใช้ 1st, 2nd, 3rd conditionals และ wishes ไดถ้ ูกตอ้ ง
2.4 นาเสนอเกย่ี วกับภาวะโลกร้อนได้

3. สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
- การจบั ใจความสาคัญ เชน่ ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน
- การบรรยายเกย่ี วกบั ประเด็นทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสงั คม
- การคน้ ควา้ การรวบรวม และการนาเสนอข้อมูลทีเ่ ก่ยี วข้องกบั กลุม่ สาระการเรยี นรู้อ่นื
(วิทยาศาสตร)์

3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ
-

4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น

4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด

- การคดิ วิเคราะห์
4.3 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

239

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 ใฝเ่ รยี นรู้

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

กจิ กรรมนาสกู่ ารเรียน

ครใู หน้ กั เรียนดชู ่ือ Unit 5b และภาพในหนังสือเรียน หนา้ 52 แลว้ ครกู ระตุ้นใหน้ ักเรียนบอกว่า
นักเรยี นเห็นอะไรในภาพ (the sun, a sheep and a model of a DNA strand, Earth on fire,

vegetables,
a robot) จากน้ันใหน้ กั เรยี นเดาวา่ เนอื้ หาใน Unit 5b นา่ จะเกีย่ วกบั เร่ืองอะไร (science in the

future)

กจิ กรรมพฒั นาการเรียนรู้

1. ครูใหน้ ักเรยี นหาความหมายของวลีท่ีกาหนดให้ในหนงั สอื เรียน หน้า 52 Ex. 1 (to present new
vocabulary) จากพจนานุกรมภาษาอังกฤษ แล้วครใู ห้นกั เรยี นอธบิ ายความหมายเพ่ือตรวจความ
เขา้ ใจ จากน้ันครูใหน้ กั เรียนจับคูว่ ลีเหลา่ น้ีกับภาพ A-E

A renewable energy D genetic engineering
B cloning E artificial intelligence
C global warming

2. ครูอธิบายหรือกระตุ้นให้นักเรียนบอกความหมายของคาว่า optimistic (hopeful for the future)
และ pessimistic (someone who thinks that bad things are going to happen)
แล้วครใู หน้ กั เรียนอ่านและทาแบบทดสอบความรู้ (quiz) ในหนงั สอื เรียน หน้า 52 Ex. 2 (to read
for specific purposes) เมื่อนกั เรียนทาเสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรยี นยกมือวา่ ใครตอบ A เป็นสว่ นใหญ่
และใครตอบ B เปน็ สว่ นใหญ่ จากนนั้ ให้นกั เรยี นอธบิ ายความหมายของคาที่พมิ พต์ ัวหนาใน quiz
แล้วบอก 3 ส่ิงที่นักเรียนจาได้จาก quiz

240

Suggested Answer Key
Renewable energy is energy that comes from a source that doesn’t run
out, such as the wind or the sun. Genetic engineering is used by scientists, mostly
on plants. Frogs, mice, sheep and cows are amongst the animals which scientists
have successfully cloned.
3. ครอู า่ นคาถามในหนังสอื เรียน หน้า 52 Ex. 3 (to express an opinion about cloning) ให้
นักเรยี นฟงั แลว้ จับคู่กับเพือ่ นอภิปรายคาถาม โดยครสู งั เกตการทากจิ กรรมของนักเรียน หรอื อาจให้
เวลานักเรยี น 3 นาที เขียนแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับคาถาม 2-3 ประโยค จากนัน้ ครสู ุ่มเรียก
นกั เรยี นหลายๆ คน พูดแสดงความคดิ เหน็ ของตนเองใหเ้ พ่ือนในช้นั ฟัง

Suggested Answer Key
I believe that people should be allowed to clone human organs for
transplants, but they shouldn’t be allowed to clone humans and produce a copy of
someone because they shouldn’t interfere that much with nature.

4. ครูให้นกั เรียนปิดหนงั สือเรยี น แล้วสอน 1st, 2nd, 3rd conditional ดงั น้ี
- ครเู ขียนประโยคบนกระดานตามนี้
If you ask him, he will help you.
hypothesis main clause

แลว้ กระต้นุ ใหน้ ักเรยี นบอกวา่ ประโยคนใ้ี ช้ tense อะไร ประโยคนีก้ ล่าวถงึ ปัจจุบัน อนาคต

หรอื อดตี จากนั้นครชู ใี้ ห้นักเรียนเห็นว่าประโยคยอ่ ย 2 ประโยค ถูกแบ่งโดยคอมม่า (,) และ

if-clause อย่หู น้าประโยคหลกั (main clause) ดงั น้ันประโยคน้คี ือ 1st conditional ซ่งึ ใช้

กล่าวถงึ เหตุการณท์ ี่เป็นไปได้ในอนาคต แลว้ ครูให้นกั เรยี นสรุปโครงสรา้ งประโยค

1st conditional (if + present simple will + infinitive)

- ครเู ขียนประโยคบนกระดานตามน้ี

If we all reduced our petrol usage, the air would be less polluted.

hypothesis main clause

แล้วกระตนุ้ ให้นักเรียนบอกวา่ ประโยคนใ้ี ช้ tense อะไร กล่าวถงึ ปัจจุบนั อนาคต หรอื อดีต
จากนน้ั ครชู ีใ้ ห้นกั เรียนเหน็ วา่ ประโยคยอ่ ย 2 ประโยค ถกู แบ่งโดยคอมม่า (,) และ if-clause
อยหู่ นา้ ประโยคหลัก (main clause) ดังน้ันประโยคน้ีคอื 2nd conditional ซ่งึ ใช้กลา่ วถงึ

241

เหตุการณ์ที่เป็นไปไม่ไดใ้ นปัจจบุ ัน/อนาคต หรือใหค้ าแนะนา แล้วครใู หน้ กั เรียนสรุป

โครงสรา้ งประโยค 2nd conditional (if + past simple would + infinitive)

- ครูเขียนประโยคบนกระดานตามนี้

If we had taken action sooner, the planet would have been in a

better state.

hypothesis main clause

แล้วกระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นบอกว่าประโยคนี้ใช้ tense อะไร กล่าวถงึ ปัจจบุ นั อนาคต หรอื อดีต
จากน้ันครูช้ใี ห้นกั เรยี นเหน็ วา่ ประโยคยอ่ ย 2 ประโยค ถกู แบ่งโดยคอมมา่ (,) และ if-clause
อย่หู น้าประโยคหลัก (main clause) ดังน้ันประโยคนี้คอื 3rd conditional ซึ่งใชก้ ล่าวถงึ
เหตุการณท์ สี่ มมตขิ ้ึนในอดีต แลว้ ครูใหน้ ักเรยี นสรุปโครงสรา้ งประโยค 3rd conditional
(if + past perfect would have + past participle)

5. ครูใหน้ ักเรียนเปดิ หนังสือเรียน หนา้ 53 Ex. 4 (to present the 1st, 2nd and 3rd conditionals)
แลว้ อา่ นการใช้และโครงสรา้ งของ 1st, 2nd, 3rd conditional ครกู ระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นยกตัวอย่าง
ประโยคแตล่ ะชนิดเพ่มิ เติม จากนนั้ ให้นกั เรยี นหาตวั อย่าง 1st, 2nd, 3rd conditional ใน quiz
หน้า 52 แลว้ ครูเฉลยคาตอบ

If there were more genetically modified (GM) foods, it would stop …/it would
harm … (2nd conditional)
If we hadn’t been so careless, the planet wouldn’t have been in this state.
(3rd conditional)
If we don’t do something about it now, we will have to …/we will die.
(1st conditional)
If we didn’t have this, we wouldn’t have any computer games, Internet search
engines or robots. (1st conditional)
If we keep creating intelligent machines, they will make our lives easier …/
they will take over the … (1st conditional)
6. ครใู หน้ ักเรยี นดูคาวา่ i-Cybie ในหนังสอื เรยี น หนา้ 53 Ex. 5 (to practise the first conditional)
แลว้ กระตนุ้ ให้นักเรียนบอกว่า i-Cybie คอื อะไร (a high-tech robot dog) จากนนั้ ครูให้นกั เรียน 1
คน อ่านตัวอยา่ งการถามและตอบ แลว้ ให้นักเรยี นบอกวา่ สมมตฐิ าน (hypothesis) อยใู่ น tense ใด
(present simple) และประโยคหลัก (main clause) อยใู่ น tense ใด (will + infinitive)

242

แลว้ ครูให้นกั เรยี นใชค้ าท่กี าหนดให้แต่งประโยค 1st conditional เสร็จแล้วครูตรวจคาตอบดว้ ยการ
ส่มุ เรียกนกั เรยี นทีละคนอา่ นประโยค

2. If you don’t play with it, it will go to sleep.
3. If you programme it, it will wake you up for school.
4. If you praise it, it will wag its tail.
5. If you don’t pay attention to it, it will get ill.

7. ครใู หน้ กั เรยี น 1 คน อ่านตัวอย่างการถามและตอบในหนงั สอื เรียน หน้า 53 Ex. 6 (to practise the
second conditional) แลว้ ให้นกั เรยี นบอกวา่ สมมติฐาน (hypothesis) อยูใ่ น tense ใด (past
simple) และประโยคหลกั (main clause) อยู่ใน tense ใด (would + infinitive) จากนน้ั ครูให้
นักเรียนจบั คู่ ถามและตอบดว้ ยโครงสร้าง 2nd conditional แล้วครูเฉลยคาตอบโดยสุ่มเรยี ก
นักเรียนหลายๆ คู่ พูดถามและตอบคาถาม

Suggested Answer Key
2 A: What would you do if a friend cheated on an exam?

B: If a friend cheated on an exam, I would be quite disappointed in
them.

3 A: What would you do if you got lost on a mountain?
B: If I got lost on a mountain, I would be very scared.

4 A: What would you do if your friend was ill?
B: If my friend was ill, I would visit him.

5 A: What would you do if you found a wallet in the street?
B: If I found a wallet in the street, I would hand it over to the police.

8. ครใู หน้ ักเรียน 1 คน อ่านตัวอยา่ งในหนงั สอื เรียน หน้า 53 Ex. 7 (to practise the third
conditional) แลว้ ให้นักเรียนบอกวา่ สมมตฐิ าน (hypothesis) อยใู่ น tense ใด (past perfect)
และประโยคหลัก (main clause) อย่ใู น tense ใด (would have + past participle) ครูช้ใี ห้
นกั เรียนเห็นการเปลี่ยนรูปคากรยิ าจากบอกเล่าเปน็ ปฏิเสธ
จากนนั้ ใหน้ ักเรียนเขียนประโยคที่กาหนดให้ใหมใ่ นรูป 3rd conditional เสรจ็ แล้วครตู รวจคาตอบ
โดยสุ่มเรยี กนกั เรยี นทีละคนอ่านประโยค

243

2. If I hadn’t eaten a lot, my stomach wouldn’t have hurt.
3. If John hadn’t been tired, he would have gone out.
4. If Becky hadn’t gone skiing, she wouldn’t have broken her leg.
9. ครใู ห้นกั เรียนดูคากรยิ าท่ใี หม้ าในแตล่ ะประโยคในหนังสือเรยี น หน้า 53 Ex. 8 (to further
practise the 1st, 2nd & 3rd conditional) ท้งั สมมตฐิ าน (hypothesis) และประโยคหลกั
(main clause) เพ่ือระบุรปู แบบของเงอ่ื นไข ซึง่ จะชว่ ยใหน้ กั เรยี นใช้ tense ไดถ้ ูกต้อง จากน้นั ให้
นักเรียนเปลยี่ นคากรยิ าในวงเลบ็ ให้ถกู ต้องตาม tense พรอ้ มท้ังบอกว่าแต่ละประโยคเปน็ ประโยค
เง่อื นไขแบบใด เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบ

1. did (2nd conditional)
2. stops (1st conditional)
3. had got up (3rd conditional)
4. wouldn’t eat (2nd conditional)
5. would have played (3rd conditional)

10. ครอู ่านประโยคท่ีอย่ใู นภาพในหนังสือเรยี น หน้า 53 Ex. 9a (to present wishes) แล้วอธิบายวา่ ท้งั
2 คน ในภาพต้องการบางสง่ิ ท่แี ตกต่างกนั คนหน่ึงต้องการบางส่ิงในปจั จบุ ัน ส่วนอีกคนหนึ่งแสดง
ความเสียใจเกยี่ วกับบางสง่ิ ทเี่ กิดขนึ้ หรอื ไม่ได้เกดิ ขึ้นในอดตี แล้วครูใหน้ กั เรยี นบอกวา่ ประโยคใดแสดง
ถึงความต้องการในปจั จบุ นั และประโยคใดแสดงถงึ ความเสียใจในอดีต จากนนั้ ครูเฉลยคาตอบ และให้
นักเรียนยกตัวอย่างการใช้ wish แต่ละแบบเพิ่มเตมิ

I wish/If only I had an umbrella. (wish for the present)
I wish/If only I hadn’t eaten so much. (regret about the past)

11. ครใู หน้ ักเรยี น 1 คน อ่านตัวอยา่ งขอ้ 1 ในหนังสือเรยี น หน้า 53 Ex. 9b (to practise wishes) แล้ว
ครใู หน้ กั เรียนเขยี นประโยคข้อท่เี หลือใหม่ดว้ ย I wish/If only เหมือนดังตัวอยา่ ง โดยครูชใ้ี ห้
นักเรยี นดูการเปลยี่ นรปู คากริยาเปน็ ปฏิเสธ เมือ่ นกั เรียนทาเสร็จแลว้ ครเู ฉลยคาตอบโดยส่มุ เรยี ก
นกั เรียนทีละคนอ่านประโยค

2. I wish/If only we hadn’t lost the match.
3. I wish/If only it wasn’t so hot.

244

4. I wish/If only I hadn’t failed my test.
5. I wish/If only I had won the competition.

กิจกรรมรวบยอด

1. นกั เรียนทากจิ กรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 53 Ex. 10 (ICT project on global warming) โดย
แบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 3-4 คน คน้ คว้า รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับภาวะโลกร้อน (global warming) จาก
เวบ็ ไซตท์ ่ีกาหนดให้หรอื เวบ็ ไซต์อืน่ ๆ ครใู หเ้ วลานักเรยี นทากิจกรรมในช้นั เรยี นหรือมอบหมายให้เป็น
การบ้าน จากนนั้ ให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มเตรยี มการนาเสนอข้อมูล ครูสนับสนุนใหน้ ักเรียนนาเสนอด้วย
ขอ้ มูลทสี่ ามารถมองเหน็ ได้

Suggested Answer Key
Global Warming
Man has caused global warming through deforestation and pollution. These factors
have greatly increased the carbon dioxide, methane, and nitrous oxide in the air.
These are all greenhouse gases that help trap heat near Earth’s surface.
What might happen in the future?
Global warming could have bad effects on wildlife. More than a million species face
extinction. Glaciers around the world could melt, causing sea levels to rise.
The sea level could rise between 18 to 59 cm by the end of the century and this
would affect a hundred million people around the world. The climate will change
and natural disasters like hurricanes may become commonplace in many parts of
the world.

2. นกั เรียนทากจิ กรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) Unit 5b หน้า 43 Exs. 1-4

7. การวัดและการประเมนิ ผล

7.1 ประเมนิ การทาแบบฝึกหัด
7.2 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรใู้ นช่วงการทากจิ กรรม
7.3 ประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
7.4 ประเมนิ ผลการนาเสนอข้อมลู เกี่ยวกบั ภาวะโลกรอ้ น (global warming)

245

8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนังสอื เรียน Access 3 ม. 3
8.2 แบบฝกึ หัด Access 3 ม. 3
8.3 แบบฝกึ ไวยากรณ์ Extra Access 3 ม. 3
8.4 CD หนังสือ Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3
8.5 พจนานุกรมภาษาอังกฤษ
8.6 อนิ เทอรเ์ น็ต

246

บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้
ผลการจัดการเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่ือ…………………………………….ผู้สอน
(……………………….……………)

วนั ท่ี……..เดอื น……….………พ.ศ. …..…

ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

247

ลงช่อื …………………………………….ผูต้ รวจ
(……………………….……………)

วันที่……..เดอื น……….………พ.ศ.……….

248

แผนการจัดการเรยี นรู้
Unit 5c Life in the future

ชั่วโมงที่ 5-6

1. ความคดิ รวบยอด

ร้แู ละเขา้ ใจสานวน ประโยคท่ีใชใ้ นการแสดงความคิดเหน็ หลกั การเขยี นบทความแสดงความคิดเห็น
ช่วยให้ใช้ภาษาในการแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั เรื่องต่างๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสม

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

2.1 เรยี นร้คู าศัพทต์ ่อไปน้ี scientists, cures, diseases, robots, GM foods ได้
2.2 อา่ นเพ่ือจบั ใจความสาคญั ได้
2.3 แสดงความคดิ เหน็ เห็นดว้ ย/ไมเ่ หน็ ด้วยเกี่ยวกบั เหตุการณใ์ นอนาคตได้
2.4 เขียนบทความแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ชวี ิตในอนาคตได้

3. สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
- การจับใจความสาคัญ เชน่ ใจความสาคัญ รายละเอียดสนับสนุน
- ภาษาที่ใช้ในการแสดงความคิดเหน็ เชน่ I think…/I believe…/I agree/disagree…

3.2 สาระการเรียนร้ทู อ้ งถิน่
-

4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น

4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ

- การคิดวเิ คราะห์

5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

5.1 ใฝเ่ รียนรู้
6. กิจกรรมการเรยี นรู้

249

กจิ กรรมนาส่กู ารเรยี น
ครูดึงความสนใจของนักเรียนมาที่ชอ่ื Unit 5c และภาพในหนังสอื เรยี น หนา้ 54 แล้วกระต้นุ ให้นกั เรียน
คิดว่า Unit 5c น่าจะเกี่ยวกับเรื่องอะไร (opinions about life in the future)

กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู้
1. ครูให้นักเรยี นอ่านบทความของ Lucy ในหนงั สอื เรยี น หน้า 54 Ex. 1 (to read for gist) แล้วเติม
ชอ่ งว่างในบทความดว้ ยความคดิ เหน็ A หรือ B พรอ้ มบอกว่าคา/วลีใดที่ Lucy ใช้เพ่ือลาดบั ความ-
คดิ เห็นของตนเอง

sentence A
words to list points = Firstly, Secondly, Finally

2. นักเรียนศกึ ษาการใช้ topic/supporting sentences ในหนังสอื เรยี น หนา้ 54 หวั ขอ้ Learning to
learn แลว้ ครูบอกนักเรียนวา่ topic sentences จะสร้างความคุน้ เคยระหว่างผู้อ่านกับเน้ือหา สว่ น
supporting sentences จะขยาย topic sentences ด้วยการให้เหตุผล/ตัวอยา่ ง

3. นักเรียนทากจิ กรรมในหนังสือเรยี น หน้า 54 Ex. 2 (to identify topic sentences and
supporting sentences) โดยจับคกู่ ับเพอ่ื น ดบู ทความของ Lucy ใน Ex. 1 แลว้ ระบวุ า่ ประโยคใด
เป็น topic sentence และประโยคใดเป็น supporting sentences แล้วครเู ฉลยคาตอบ จากนั้นให้
นักเรียนคดิ ประโยคท่ีเหมาะสมทจี่ ะใชแ้ ทนที่ topic sentence

topic sentence: I believe we will be healthier and our lives will be easier
in the future.

supporting sentences: Firstly, scientists will find cures for many diseases
and we will live longer. Secondly, we might have robots to do all the work, so we
will have more free time. Finally, I think with GM foods there will be enough food
for everyone.

250

Suggested Answer Key
I think life in the future will be much better than today.

4. นกั เรียนจับคูก่ ับเพื่อนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหวั ข้อ 1-6 ทกี่ าหนดให้ในหนังสือเรียน หนา้ 54 Ex.
3 (to express opinion, agree and disagree with an opinion) โดยใชส้ านวนภาษาในตาราง ครู
สังเกตขณะนักเรยี นทากิจกรรม แล้วสมุ่ เรยี กนักเรยี นบางคู่ออกมาแสดงความคิดเหน็ ทีห่ น้าชนั้ เรียน

Suggested Answer Key
A: In my opinion, people will live longer in the future.
B: I agree with that, but I think our planet will be in trouble.
A: I don’t agree with that. I think Earth won’t face any problems in the
future.
B: I disagree. I think that lots of animals and plants won’t exist any more.

กจิ กรรมรวบยอด
1. นักเรียนทากจิ กรรมในหนงั สือเรียน หน้า 54 Ex. 4 (to write a short opinion article) โดยใช้
ความ-คดิ เห็นของตนเองจาก Ex. 3 มาเขยี นบทความสน้ั ๆ แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับชีวิตในอนาคต
ครใู ห้นักเรยี นใช้โครงรา่ งทีก่ าหนดให้ในการเขียน ก่อนลงมือเขียนครูถามคาถามเพื่อใหแ้ นใ่ จว่า
นกั เรยี นเขา้ ใจสิ่งที่ต้องทา เช่น What are you going to write? How many paragraphs are
you going to write? What is your opinion of life in the future? จากน้นั ครใู ห้เวลานักเรยี น
เขยี นบทความหรือมอบหมายให้เปน็ การบ้าน เมื่อเขยี นเสร็จแล้วครตู รวจงานเขียนของนักเรยี น หรือ
อาจใหน้ ักเรยี นแลกเปลี่ยนกับเพือ่ นและประเมนิ งานเขยี น โดยดูในสว่ นของ paragraphing,
grammar, spelling, topic supporting sentences

251

Suggested Answer Key
In my opinion, life will be more difficult in the future. I believe life will
change for the worse. Firstly, our planet will be in trouble and lots of animals and
plants won’t exist any more. Secondly, pollution will get worse and it will be harder
to breathe. Finally, global temperatures will be so high that we will all have to stay
indoors all the time.
All in all, I think the future will be bad for everyone.

การเขยี นบทความแสดงความคิดเหน็
บทความแสดงความคดิ เหน็ คือ บทความทแ่ี สดงความคดิ เห็นของเราใน
หวั ขอ้ เฉพาะ ซง่ึ บทความแสดงความคดิ เหน็ จะประกอบดว้ ย คานา ซึ่งจะ
นาเสนอหวั ขอ้ และความคดิ เห็น เนือ้ เร่อื ง เราจะเขยี นความคิดเหน็ ของเรา
ท่ีสนบั สนนุ ด้วยเหตผุ ล และสรปุ เราจะกล่าวซ้าถึงความคิดเหน็ ของเรา
โดยใชค้ าอืน่

3. นกั เรียนทากจิ กรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) Unit 5c หนา้ 44-46 Exs. 1-7

7. การวดั และการประเมนิ ผล
7.1 ประเมินการทาแบบฝึกหดั
7.2 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นร้ใู นชว่ งการทากิจกรรม
7.3 ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
7.4 ประเมินผลการเขียนบทความแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั ชีวิตในอนาคต

8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 หนังสือเรียน Access 3 ม. 3

252

8.2 แบบฝกึ หัด (Workbook) Access 3 ม. 3
8.3 CD หนงั สือ Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3

บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้
ผลการจัดการเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ปญั หาและอปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชื่อ…………………………………….ผ้สู อน
(……………………….……………)

วนั ท่ี……..เดือน……….………พ.ศ. …..…

ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรือผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

253

ลงชอื่ …………………………………….ผู้ตรวจ
(……………………….……………)

วนั ที่……..เดอื น……….………พ.ศ.……….

แผนการจดั การเรยี นรู้
Unit 5d Culture corner

ช่ัวโมงที่ 7-8

1. ความคิดรวบยอด

ร้แู ละเข้าใจคาศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกสต์ า่ งๆ ความร้เู กย่ี วกบั วัยรุน่ อังกฤษกบั อปุ กรณ์
อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ การอ่านและเขียนกราฟแทง่ ช่วยให้เกิดความเขา้ ใจในชวี ิตความเปน็ อยู่ของเจา้ ของภาษา และ
สามารถตีความ/ถา่ ยโอนขอ้ มูลให้สัมพนั ธก์ ับส่ือทีไ่ มใ่ ช่ความเรยี งได้

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้

2.1 เรียนร้คู าศพั ทต์ ่อไปนี้ high-tech, equipment, MP3 player, games condole, DVD player,
hi-fi system, digital, pocket money, gold mine ได้

2.2 อา่ นเพ่ือหาข้อมูลจาเพาะได้
2.3 สารวจข้อมูลได้
2.4 แปลงขอ้ มูลเปน็ กราฟแท่งได้

3. สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
- การตีความ/ถ่ายโอนข้อมูลให้สัมพันธ์กบั สือ่ ที่ไมใ่ ชค่ วามเรยี ง เช่น กราฟ
- การจับใจความสาคญั เชน่ ใจความสาคญั รายละเอียดสนับสนุน
- ชีวติ ความเป็นอย่ขู องเจ้าของภาษา

3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิ่น
-

4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น

4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการคิด

254

- การคิดวเิ คราะห์
5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

5.1 ใฝเ่ รยี นรู้

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

กจิ กรรมนาส่กู ารเรยี น
ครใู ห้นกั เรียนดูภาพในหนังสือเรียน หน้า 55 และจดั การสารวจเพ่ือหาว่าอปุ กรณ์ (gadgets) ใดบา้ งท่ี
นกั เรยี นมี

กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้
1. นักเรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรยี น หนา้ 55 Ex. 1 (to listen and read for specific
information) โดยครูเปดิ CD 2/Track 4 ให้นักเรียนฟงั และอ่านบทอ่านในหนังสอื เรียนตามไปดว้ ย
และตอบคาถามท่ีกาหนดให้

Nine out of ten receive them as Christmas or birthday presents.
Others buy them with their pocket money or with money earned by working.

2. นกั เรียนทากจิ กรรมในหนงั สือเรยี น หนา้ 55 Ex. 2 (to read for specific information and
interpret a graph) โดยอ่านบทอ่านอกี ครั้ง และศกึ ษากราฟ จากน้นั ใหน้ ักเรียนตอบคาถามท่ี
กาหนดให้ และอธบิ ายความหมายของคาทพ่ี มิ พต์ วั หนาในบทอ่าน

1. 50% 2. an MP3 player and a PC 3. 13%

3. ครอู ธิบายกจิ กรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 55 Ex. 3 (to explain information in a graph) และ
อธบิ ายวา่ กราฟแทง่ (bar graph) ในบทอ่านแสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสิ่ง 2 ส่งิ คือ ความสัมพันธ์
ของวยั รุน่ อังกฤษ (เส้นแนวต้ัง) กับอุปกรณ์ (gadgets) ที่พวกเขามี (เส้นแนวนอน) แล้วกระตนุ้ ให้
นกั เรยี นบอกว่ากราฟแทง่ แรกแสดงถึงอะไร (50% of British teens own a hi-fi) จากน้ันครูสุม่
เรียกนักเรยี นทีละคนให้อธบิ ายกราฟแท่งอื่นๆ ทีเ่ หลอื เม่อื นักเรยี นสามารถอ่านกราฟแท่งไดแ้ ล้ว ครู
ใหน้ กั เรียนสารวจวา่ เพื่อนในชั้นมีอุปกรณใ์ ดบ้างตามทแ่ี สดงในกราฟ

255

Suggested Answer Key
50% of British teens have a hi-fi and a DVD player.
30% of British teens have an MP3 player and a PC.
13% of British teens have a digital TV. Students’ own answers

กจิ กรรมรวบยอด

1. นักเรยี นทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 55 Ex. 4 (to conduct a survey and make a bar
graph) โดยครูเขียนชือ่ อุปกรณ์ high-tech และอุปกรณช์ ้ินเลก็ ๆ (gadgets) จากกราฟแทง่ ในบท
อ่านลงบนกระดาน โดยอาจเพิ่มเตมิ อปุ กรณ์อน่ื ๆ ได้ เช่น mobile phone, laptop, games
console แล้วครใู ห้นกั เรยี นดูรายชอ่ื อุปกรณ์ต่างๆ บนกระดาน และให้นักเรยี นยกมือถา้ นกั เรียนมี
อปุ กรณ์ชนิดนั้น ครูนับจานวนนักเรียนท่ยี กมอื ในแต่ละคร้ัง และเขียนจานวนนกั เรียนบนกระดานต่อ
จากชื่ออปุ กรณช์ นดิ นน้ั ๆ
จากนัน้ ครูใหน้ ักเรียนคดั ลอกช่อื อุปกรณแ์ ละจานวนนกั เรยี นลงในสมดุ แล้วคานวณเปอร์เซ็นต์ เช่น
ในช้ันมีนกั เรยี นท้งั หมด 20 คน ถ้า 10 คน มีโทรศัพท์มือถือ (mobile phone) แสดงว่านัน่ คือ 50%
ของนักเรยี นท่มี โี ทรศพั ทม์ ือถือ เมอ่ื นักเรยี นไดผ้ ลคานวณเปอรเ์ ซ็นตแ์ ล้วให้นกั เรียนใชผ้ ลคานวณท่ีได้
เขยี นกราฟแท่งเหมอื นในหนังสอื เรียน เสร็จแลว้ ให้นักเรยี นนาเสนอผลคานวณเป็นเปอรเ์ ซ็นตใ์ ห้
เพ่อื นในชัน้ ฟัง หรือครูอาจให้นกั เรียนเตรยี มแบบสอบถาม แลว้ ถ่ายเอกสารแจกใหเ้ พอื่ นในชั้น

ตัวอยา่ งแบบสอบถาม

Which gadgets have you got? Tick ().

M P 3 player … … … … …. m o bile

phone … …..… … …

Hi-fi … … … … … … … …. laptop

… … … … … ….…….
ครใู หน้ ักเรยี นทาแบบสอบถาม เมื่อทาเสรจ็ แลว้ ให้นักเรยี นแตล่ ะคนรวบรวมแบบสอบถาม และ คานวณ

เปอร์เซน็ ตPต์ าCมท…่ีอธิบ…าย…ไปแ…ล้ว…จา…กน…นั้ น…าผล…คานวณท่ีได้มgาเaขียmนeกsราcฟoแทn่งs o l e

…………… other

256

digital TV … … … … … …

… … … … … …..… … .

video camera … … …. …..

Suggested Answer Key
Students’ own answers
2. นักเรียนทากจิ กรรมในแบบฝึกหัด (Workbook) Unit 5d หน้า 47 Exs. 1-3 โดยใน Ex. 2 ให้
นกั เรยี นฟงั Access Workbook Audio CD 3 ม. 3/track 10 ประกอบการทากิจกรรม
7. การวดั และการประเมินผล
7.1 ประเมนิ การทาแบบฝึกหดั
7.2 สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ในช่วงการทากจิ กรรม
7.3 ประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
7.4 ประเมินผลการเขียนกราฟแท่งจากผลสารวจ
8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน Access 3 ม. 3
8.2 แบบฝึกหัด (Workbook) Access 3 ม. 3
8.3 แบบฝึกไวยากรณ์ Extra Access3 ม. 3
8.4 Access Class Audio CDs 3 ม. 3 (ประกอบหนังสือเรียน Access 3 ม. 3)
8.5 Access Workbook Audio CD 3 ม. 3 (ประกอบแบบฝกึ หดั (Workbook) Access 3 ม. 3 และ
Teacher’s Resource Pack & Tests ม. 1-3)
8.6 แบบสอบถาม

257


Click to View FlipBook Version