á¼¹¡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙ
à·¤â¹âÅÂÕ
(¡ÒÃÍ͡ẺáÅÐà·¤â¹âÅÂ)Õ
ª¹้Ñ Á¸Ñ ÂÁÈÖ¡ÉÒ»· Õ
»¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ òõöô
¡ÅÁØ ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙÇÔ·ÂÒÈÒʵÃáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ
¹Ò§ÊÒÇàµªÔ¹Õ ÀÔÃÁÂ
µÒํ á˹§ ¤ÃÙ
âçàÃÂÕ ¹Ç§Ñ ËÔ¹ÇÔ·ÂÒ¤Á
ÊÒํ ¹Ñ¡§Ò¹à¢µ¾¹×้ ·Õ¡่ ÒÃÈ¡Ö ÉÒÁѸÂÁÈÖ¡ÉÒ ¹¤ÃÈÃ¸Õ ÃÃÁÃÒª
Êํҹѡ§Ò¹¤³Ð¡ÃÃÁ¡ÒáÒÃÈÖ¡ÉÒ¢¹Ñ้ ¾¹้× °Ò¹ ¡ÃзÃÇ§È¡Ö ÉÒ¸Ô¡ÒÃ
บันทกึ ขอ้ ความ
สว่ นราชการ กลุ่มงานบรหิ ารงานวชิ าการ โรงเรียนวังหนิ วทิ ยาคม
ที่ / 2564 วันท่ี 12 พฤษภาคม 2564
เรื่อง ขออนุญาตใช้แผนการจัดการเรยี นรู้
เรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนวังหนิ วทิ ยาคม
สงิ่ ทสี่ ่งมาด้วย
1. แผนการจัดการเรยี นรู้ จำนวน 1 รายวิชา
ด้วยข้าพเจ้า นางสาวเตชินี ภิรมย์ ตำแหน่ง ครู โรงเรียนวังหินวิทยาคม อำเภอบางขนั
จังหวัดนครศรีธรรมราช สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครศรีธรรมราช ได้รับมอบหมาย
ให้ทำการสอนรายวิชา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) รหัสวิชา ว22103 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 ความดงั แจง้ แลว้ นน้ั
ในการนี้ ขา้ พเจา้ ไดจ้ ัดเตรียมการสอนโดยการวเิ คราะหผ์ เู้ รียนและพบสภาพท่ีเปน็ ปัญหาในการเรียน
การสอน จึงได้วางแผนเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนในส่วนที่รับผิดชอบ โดยได้จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โครงการสอนและการวัดผลประเมินผลการพัฒนาผู้เรียน จึงขออนุญาตดำเนินการสอน
ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ โครงการสอนที่แนบมาพรอ้ มบันทึกขอ้ ความฉบบั นี้
จึงเรยี นมาเพ่อื โปรดพจิ ารณาอนุมตั ิ
ลงชอื่
(นางสาวเตชนิ ี ภิรมย์)
ตำแหน่ง ครู
ความคดิ เหน็ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ฯ ความคดิ เหน็ งานพัฒนาหลกั สูตรการเรียนการสอน
...................................................................................... .............................. .....................................................
...................................................................................... ...................................................................................
ลงชอื่ ........................................................................... ลงชื่อ.......................... ..............................................
(นางสาวจริยา ยงกำลงั ) (นางสาวรุจิรา บวั ลอย)
ความคิดเห็นฝ่ายวิชาการ ความคดิ เห็นของผู้อำนวยการโรงเรยี น
...................................................................................... .............................. .....................................................
...................................................................................... ...................................................................................
ลงชือ่ ....................................................................... ลงชอื่ .........................................................................
(นางสาวรจุ ิรา บวั ลอย) (นางจริ าพร อนิ ทรทศั น์)
วสิ ยั ทศั น์โรงเรียน (Vision)
โรงเรียนวังหินวิทยาคม มีความพร้อมในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ ตามมาตรฐานการศึกษา และ
บุคลากรเป็นครูมืออาชีพ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เคียงคู่ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น อาศัยการมีส่วนร่วม
จากทุกภาคส่วน
พันธกจิ (Mission)
1. พัฒนานกั เรียนให้มคี วามรู้ตามมาตรฐานการเรยี นรู้ในทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (3Rs8Cs)
2. สง่ เสรมิ นกั เรยี นให้มีคุณธรรม จรยิ ธรรม คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง และสง่ เสริมภูมปิ ัญญาท้องถนิ่
3. ส่งเสริมและพฒั นาศักยภาพของบุคลากรครทู ุกสาขาวิชา
4. พัฒนาระบบบริหารจัดการศึกษาแบบมสี ่วนรว่ ม
5. สง่ เสรมิ และสรา้ งโอกาสทางการศึกษาข้นั พ้นื ฐานอย่างท่ัวถึง
เปา้ หมาย (Goal)
1. นักเรยี นมีโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพนื้ ฐานอยา่ งท่ัวถงึ
2. นกั เรยี นมีความรตู้ ามมาตรฐานการเรียนรใู้ นทักษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 (3Rs8Cs)
3. นักเรยี นมคี ุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ยดึ หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
4. บคุ ลากรครูมีความสามารถในการจัดการเรยี นการสอนอย่างมีคณุ ภาพ
5. ชมุ ชนและองคก์ รอน่ื ในท้องถิ่นมสี ่วนรว่ มในการจัดการศกึ ษา
ตัวชีว้ ัดความสำเร็จ (Key performance indicator : KPI)
1. รอ้ ยละของนักเรยี นมโี อกาสไดร้ ับการศึกษาข้ันพ้นื ฐานอย่างท่วั ถงึ
2. รอ้ ยละของนักเรยี นมีความรตู้ ามมาตรฐานการเรียนรู้ในทกั ษะการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 (3Rs8Cs)
3. ร้อยละของนักเรยี นมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
4. ร้อยละของบุคลากรครมู คี วามสามารถในการจัดการเรยี นการสอนอย่างมีคณุ ภาพ
5. ชมุ ชนและองค์กรอืน่ ในท้องถิน่ มสี ว่ นร่วมในการจดั การศึกษาอยา่ งมีคุณภาพในระดับดีข้ึนไป
กลยุทธ์ (Strategies)
1. ใหน้ ักเรยี นในการได้รบั โอกาสในการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานอย่างทั่วถงึ
2. ยกระดบั คณุ ภาพนกั เรยี นใหม้ คี วามรู้ตามมาตรฐานการเรยี นรใู้ นทักษะการเรยี นร้ใู นศตวรรษที่ 21
(3Rs8Cs)
3. พฒั นาคุณภาพนักเรยี นให้มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคุณลักษณะอันพึง่ ประสงค์ยดึ หลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
4. ยกระดบั คุณภาพของบุคลากรให้เป็นครูมอื อาชีพ
5. ระดมทรัพยากรจากชมุ ชนและองคก์ รอ่นื ในท้องถิ่นใหม้ ีสว่ นรว่ มในการจดั การศึกษา
อตั ลกั ษณข์ องโรงเรียน
“ลกู วงั หินวทิ ยาคมทุกคน แต่งกายดี และมนี สิ ยั รักการออม”
จุดเนน้ (Focus)
1. ด้านผูเ้ รยี น
1.1 นกั เรียนเป็นคนดี เก่ง กลา้ มที ักษะการแกป้ ัญหา มีจิตสาธารณะ และอยู่อยา่ งพอเพียง
1.2 นักเรียนมคี วามม่งุ มน่ั ในการศกึ ษาและการทำงาน สามารถปรบั ตวั เข้ากับชุมชน และสงั คม
2. ด้านครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
2.1 ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษามวี ินยั คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณของวิชาชพี
3. ด้านการบริหารจดั การ
3.1 สถานศึกษามีความเข้มแข็งและมคี ุณภาพเป็นทย่ี อมรับของชุมชน
หลักสูตรเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี)
1. เปา้ หมายของวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี)
เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) เป็นวิชาที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวมเพื่อให้มีความรู้
ความสามารถ มที กั ษะในการคดิ วิเคราะห์ แกป้ ัญหาอยา่ งเป็นข้นั ตอน และเปน็ ระบบ เพ่อื แก้ปญั หาในชีวิตจริง
อย่างสรา้ งสรรค์ โดยเปน็ วิชาเกีย่ วกับการพฒั นาผู้เรียนให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อดำรงชีวิต
ในสังคมที่มีการเปลีย่ นแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์
อ่นื ๆ เพอ่ื แก้ปญั หาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสรา้ งสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสมโดยคำ นงึ ถึงผลกระทบต่อชีวิต สงั คม และสง่ิ แวดลอ้ ม
2. คุณภาพผ้เู รยี นวชิ าเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี)
หลกั สตู รเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) จดั ใหม้ กี ารเรียนการสอนต้งั แตร่ ะดับมัธยมศกึ ษา
ตอนตน้ จนถึงระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย โดยมีความคาดหวังเพอื่ ให้ได้คุณภาพผ้เู รียนเมอื่ จบการศกึ ษา ดงั น้ี
จบชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3
เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณติ ศาสตร์ วิเคราะห์ เปรยี บเทยี บ
และตัดสนิ ใจ เพอื่ เลอื กใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวติ สังคม และสง่ิ แวดลอ้ ม ประยุกต์ใช้ความรู้
ทกั ษะ และทรัพยากรเพื่อออกแบบและสรา้ งผลงานสำหรบั แกป้ ัญหาในชวี ติ ประจำ วนั หรือการประกอบอาชีพ
โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม ปลอดภัย รวมทั้งคำนงึ ถึงทรัพย์สินทางปญั ญา
3. สาระและมาตรฐานการเรยี นรวู้ ชิ าเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี)
กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 การออกแบบและเทคโนโลยี
เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ใช้ความรูแ้ ละทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อืน่ ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมี
ความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคำนึงถึง
ผลกระทบตอ่ ชีวิต สังคม และส่งิ แวดลอ้ ม
เป้าหมายของหลักสูตรเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความ
เข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี เพื่อดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะ
เพือ่ แก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคดิ สรา้ งสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม บูรณาการกับ
ศาสตร์อ่นื โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรอื คณิตศาสตร์ อย่างเหมาะสม เลือกใช้เทคโนโลยีโดยคำนงึ ถึงผลกระทบ
ตอ่ ชีวติ สงั คม และสิง่ แวดลอ้ ม
หลักสูตรเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) แบ่งออกเป็น 3 หัวข้อหลัก ได้แก่ ความรู้และ
ความเขา้ ใจเกยี่ วกับเทคโนโลยี กระบวนการออกแบบ และความรู้และทักษะพืน้ ฐานเฉพาะดา้ น
หวั ข้อหลกั ท่ี 1 ความรูแ้ ละความเข้าใจเกย่ี วกับเทคโนโลยี ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ยอ่ ย ตอ่ ไปนี้
1) ความหมายของเทคโนโลยี
2) ระบบทางเทคโนโลยี
3) การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
4) ความสมั พันธ์ระหว่างเทคโนโลยกี บั ศาสตรอ์ ่นื
5) ผลกระทบของเทคโนโลยี
หัวข้อหลักที่ 2 กระบวนการออกแบบ
กระบวนการออกแบบ (design process) ในวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี)
เป็นกระบวนการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างเป็นขั้นตอน โดยใช้ความรู้และทักษะ รวมทั้งความคิด
สร้างสรรค์ ซึ่งในที่นี้ใช้กระบวนการที่เรียกว่า กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม (engineering design
process) โดยมีขน้ั ตอน ดงั นี้
1) ระบุปัญหา
2) รวบรวมขอ้ มูลและแนวคิดที่เกยี่ วขอ้ งกับปัญหา
3) ออกแบบวิธีการแกป้ ัญหา
4) วางแผนและดำเนินการแกป้ ญั หา
5) ทดสอบ ประเมนิ ผล และปรับปรุงแกไ้ ขวิธกี ารแก้ปญั หาหรือช้นิ งาน
6) นำเสนอวธิ กี ารแก้ปญั หา ผลการแก้ปัญหาหรอื ชิ้นงาน
หัวข้อหลักที่ 3 ความรแู้ ละทกั ษะพื้นฐานเฉพาะดา้ น
ความรู้และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานในเทคโนโลยี (การ
ออกแบบและเทคโนโลยี) ไดแ้ ก่
1) วัสดุ อุปกรณ์ และเคร่อื งมอื ชา่ งพื้นฐาน
2) กลไก ไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์
4. ตวั ช้ีวดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลาง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2
ชัน้ ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ม.2 1. คาดการณ์แนวโนม้ เทคโนโลยีทีจ่ ะ • สาเหตุหรือปัจจยั ต่าง ๆ เช่น ความก้าวหนา้
เกดิ ขน้ึ โดยพจิ ารณาจากสาเหตุหรือ
ของศาสตรต์ ่าง ๆ การเปลีย่ นแปลงทางด้าน
ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงของ เศรษฐกจิ สังคม วัฒนธรรม ทำให้เทคโนโลยี
เทคโนโลยี และวเิ คราะห์ เปรียบเทยี บ มกี ารเปล่ียนแปลงตลอดเวลา
ตดั สนิ ใจเลอื กใชเ้ ทคโนโลยี โดย
• เทคโนโลยีแต่ละประเภทมีผลกระทบต่อ
คำนึงถงึ ผลกระทบทเ่ี กิดขึ้นต่อชวี ติ
ชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน
สงั คม และสงิ่ แวดล้อม
จึงต้องวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย
และตัดสนิ ใจเลอื กใชใ้ ห้เหมาะสม
2. ระบุปญั หาหรอื ความต้องการใน • ปัญหาหรือความต้องการในชุมชนหรือ
ชมุ ชนหรือท้องถ่ิน สรปุ กรอบของ ท้องถิ่น มีหลายอย่าง ขึ้นกับบริบทหรือ
ปัญหา รวบรวม วิเคราะหข์ ้อมลู และ สถานการณ์ที่ประสบ เช่น ด้านพลังงาน
แนวคดิ ท่เี กย่ี วข้องกบั ปญั หา สง่ิ แวดล้อม การเกษตร การอาหาร
• การระบุปัญหาจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์
สถานการณ์ของปัญหาเพื่อสรุปกรอบของ
ปญั หา แลว้ ดำเนินการสบื ค้น รวบรวมข้อมูล
ความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพ่ือ
นำไปสู่การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หา
3. ออกแบบวิธีการแกป้ ัญหา โดย • การวเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ และตดั สนิ ใจเลอื ก
วิเคราะห์เปรยี บเทยี บ และตัดสนิ ใจ
ขอ้ มลู ทจี่ ำเปน็ โดยคำนึงถึงเงอ่ื นไขและ
เลือกข้อมลู ที่จำเป็น ภายใต้เงื่อนไข
ทรพั ยากร เช่น งบประมาณ เวลา ข้อมลู และ
และทรัพยากรท่ีมีอยู่ นำเสนอแนวทาง สารสนเทศ วสั ดุ เคร่อื งมือและอุปกรณ์ ชว่ ยให้
การแก้ปัญหาใหผ้ ู้อืน่ เขา้ ใจ วางแผน
ไดแ้ นวทางการแก้ปญั หาทเ่ี หมาะสม
ข้นั ตอนการทำงานและ
• การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทำได้
ดำ เนินการแกป้ ัญหาอย่างเป็นขน้ั ตอน หลากหลายวิธี เชน่ การร่างภาพ การเขยี น
แผนภาพ การเขียนผงั งาน
• การกำหนดขนั้ ตอนระยะเวลาในการทำงาน
ก่อนดำเนนิ การแก้ปญั หาจะช่วยใหก้ าร
ทำงานสำเรจ็ ไดต้ ามเปา้ หมาย และลด
ข้อผดิ พลาดของการทำ งานท่ีอาจเกิดข้นึ
ชั้น ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ม.2 4. ทดสอบ ประเมนิ ผล และอธิบาย • การทดสอบและประเมนิ ผลเป็นการตรวจสอบ
ปญั หาหรือข้อบกพร่องทเ่ี กดิ ข้ึน
ช้ินงานหรือวิธีการว่าสามารถแก้ปัญหาไดต้ าม
ภายใตก้ รอบเง่อื นไข พรอ้ มท้ังหาแนว วัตถุประสงคภ์ ายใตก้ รอบของปัญหา เพ่ือหา
ทางการปรับปรงุ แก้ไข และนำเสนอผล ขอ้ บกพร่อง และดำเนนิ การปรับปรงุ ใหส้ ามารถ
การแก้ปัญหา
แกไ้ ขปัญหาได้
• การนำเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคดิ
เพือ่ ใหผ้ อู้ น่ื เข้าใจเกย่ี วกบั กระบวนการ
ทำงานและชนิ้ งานหรอื วธิ ีการทไ่ี ด้ ซง่ึ
สามารถทำได้หลายวธิ ี เชน่ การเขียน
รายงาน การทำแผน่ นำเสนอผลงาน
การจัดนิทรรศการ
๕. ใชค้ วามรู้ และทักษะเกย่ี วกับวสั ดุ • วสั ดแุ ตล่ ะประเภทมสี มบัติแตกตา่ งกนั เชน่
อุปกรณ์ เครอ่ื งมอื กลไก ไฟฟ้า และ ไม้ โลหะ พลาสตกิ จึงต้องมกี ารวเิ คราะห์
อิเลก็ ทรอนกิ ส์ เพอ่ื แก้ปัญหาหรือ สมบตั เิ พื่อเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกับลกั ษณะ
พัฒนางานได้อยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสม ของงาน
และปลอดภยั
• การสรา้ งชน้ิ งานอาจใช้ความรู้ เรื่องกลไก
ไฟฟา้ อิเล็กทรอนิกส์ เช่น LED มอเตอร์ บัซ
เซอร์ เฟือง รอก ลอ้ เพลา
• อปุ กรณ์และเครื่องมอื ในการสรา้ งชิ้นงาน
หรือพฒั นาวธิ กี ารมหี ลายประเภท ต้อง
เลือกใชใ้ หถ้ ูกต้อง เหมาะสม และปลอดภยั
รวมทง้ั รจู้ กั เก็บรักษา
5. ทักษะและกระบวนการที่สำคัญในวชิ าเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี)
การจัดการเรยี นรวู้ ิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) เพ่ือพัฒนาความสามารถของผู้เรียนใน
การแกป้ ญั หาหรือพฒั นางานอย่างสรา้ งสรรค์ ผู้เรียนจะไดร้ ับการพฒั นาทกั ษะและกระบวนการที่จำเป็นต่อการ
ดำรงชีวิตผ่านการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการลงมือปฏิบัติ ซึ่งทักษะและกระบวนการสำคัญของวิชาการออกแบบ
และเทคโนโลยี ไดแ้ ก่
1) กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เป็นกระบวนการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานประกอบไปด้วย
ขน้ั ตอนดงั นี้
ขั้นระบุปัญหา (Problem Identification) เป็นการทำความเข้าใจปัญหาหรือความ
ต้องการ วิเคราะห์เงื่อนไขหรือข้อจำกัดของสถานการณ์ปัญหา เพื่อกำ หนดขอบเขตของปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่
การสรา้ งชิน้ งานหรือพัฒนาวิธกี ารในการแกป้ ญั หา
ขั้นรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา (Related Information Search)
เป็นการรวบรวมข้อมูลและแนวคิดทางวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี หรือศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ
แนวทางการแกป้ ัญหา เพ่ือนำไปสู่การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หา
ขั้นออกแบบวิธีการแก้ปัญหา (Solution Design) เป็นการนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์
เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลอื กข้อมูลทีจ่ ำเป็นสำหรับการแก้ปัญหา โดยคำนึงถึงเงือ่ นไขหรือทรพั ยากรทีม่ ีอยู่
แลว้ ออกแบบแนวทางการแก้ปญั หา โดยอาจรา่ งภาพ เขียนเปน็ แผนภาพ หรอื ผังงาน
ขั้นวางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา (Planning and Development) เป็นการกำหนด
ลำดับขั้นตอนของการแก้ปัญหา และเวลาในการดำเนินงานแต่ละขั้นตอน แล้วลงมือแก้ปัญหาตามที่ออกแบบ
และวางแผนไว้
ขั้นทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน (Testing,
Evaluation and Design Improvement) เป็นการทดสอบและประเมินผลการทำงานของชิ้นงานหรือ
วิธกี าร โดยผลท่ีได้อาจนำมาใชใ้ นการปรับปรงุ และพัฒนาการแกป้ ัญหาให้มีประสทิ ธภิ าพมากขน้ึ
ขั้นนำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน (Presentation) เป็นการ
นำเสนอแนวคิดและขั้นตอนการสร้างชิ้นงานหรือการพฒั นาวิธกี ารให้ผู้อ่นื เขา้ ใจ
ทั้งนี้ในการแก้ปัญหาตามกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมนั้นไม่ได้มีลำดับขั้นตอนที่แน่นอนโดย
ขั้นตอนทั้งหมดสามารถย้อนกลับไปมาได้ และอาจมีการทำงานซ้ำ (iterative cycle) ในบางขั้นตอนหาก
ต้องการพฒั นาหรอื ปรบั ปรุงใหด้ ีขน้ึ
2) การคิดเชิงระบบ เป็นการคิดถึงสิง่ หนง่ึ ส่งิ ใดทีม่ องภาพรวมเป็นระบบ โดยมีหลกั การและเหตุผล มี
การจัดระเบยี บข้อมูลหรอื ความสัมพนั ธข์ ององคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ใหเ้ ปน็ แบบแผนหรอื กระบวนการทชี่ ัดเจน
3) ความคิดสร้างสรรค์ เป็นการใช้เทคนิคในการสร้างสรรค์มุมมองอย่างหลากหลายและแปลกใหม่
ซึ่งอาจจะพัฒนาจากของเดิมหรือคิดใหม่ วเิ คราะห์และประเมินแนวคดิ เพ่ือพัฒนาความคดิ สรา้ งสรรค์ให้ได้มาก
ที่สุด นำไปสู่การลงมือปฏิบัติตามความคิดสร้างสรรค์ให้ได้ผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม ความคิดสร้างสรรค์
ประกอบดว้ ย 4 ลกั ษณะ คือ
1) ความคิดริเริ่ม เป็นความสามารถในการคิดที่แปลกใหม่ แตกต่างจากความคิดเดิม
ประยกุ ต์ให้เกิดส่งิ ใหม่ ไมซ่ ้ำกับของเดิม
2) ความคิดคล่อง เป็นความสามารถในการคิดหาคำตอบได้อย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว และมี
ปรมิ าณมากในเวลาจำกัด
3) ความคิดยืดหยุ่น เป็นความสามารถในการคิดหาคำตอบได้หลายประเภทและหลาย
ทศิ ทาง ดดั แปลงจากสิง่ หน่งึ ไปเปน็ หลายสิ่งได้
4) ความคิดละเอียดลออ เป็นความสามารถในการคิดรายละเอียดหรอื ขยายความคิดหลักให้
สมบูรณ์ และรวมถึงการเชอ่ื มโยงความสัมพันธ์ของสง่ิ ตา่ ง ๆ อยา่ งมคี วามหมาย
4) การคิดอย่างมีวิจารณญาณ เป็นการคิดโดยใช้เหตุผลที่หลากหลายเหมาะสมกับสถานการณ์
มีการวิเคราะห์และประเมินหลักฐานและข้อคิดเห็นด้วยมุมมองที่หลากหลาย สังเคราะห์ แปลความหมาย
และลงขอ้ สรุปได้อยา่ งสมเหตสุ มผล รวมทง้ั สะท้อนความคดิ โดยใชป้ ระสบการณ์และกระบวนการเรียนรู้
5) การคิดวิเคราะห์ เป็นการจําแนก แจกแจงองค์ประกอบต่าง ๆ ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเรื่องใด
เรื่องหนึ่ง และหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างองค์ประกอบเหล่านั้น เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง
ของสิ่งที่เกิดขนึ้
6) การสื่อสาร เป็นการเรียบเรียงความคิดและสื่อสารแนวคิดในการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจอย่าง
ชัดเจน สามารถใช้วิธีการสื่อสารเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้หลายรูปแบบ เช่น การพูด การเขียนบรรยาย
การร่างภาพ และการใช้ส่อื มัลตมิ เี ดยี
7) การทำงานร่วมกับผู้อื่น เป็นความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความยืดหยุ่น
มีความรับผิดชอบร่วมกัน เคารพในความคิด เห็นคุณค่า และเข้าใจบทบาทของผู้อื่น เพื่อทำ งานให้บรรลุ
เปา้ หมายรว่ มกัน
คำอธบิ ายรายวิชา
รายวชิ าพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) รหัสวิชา ว22103
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เทคโนโลย)ี
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 เวลา 20 ชั่วโมง
ศึกษาสาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง
เทคโนโลยีต่อมนุษย์ และสังคม ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีต่อเศรษฐกิจ ผลกระทบจากการ
เปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีต่อสิ่งแวดล้อม ประเภท ของวัสดุอุปกรณ์เพื่อให้สามารถสร้างชิ้นงานได้ตรงกับความ
ต้องการ มีความปลอดภัย และใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า เครื่องกลในการสร้างชิ้นงาน ได้แก่ รอก คาน ล้อ
และเพลา พื้นเอยี ง ลมิ่ สกรู เคร่ืองมือในการสรา้ งชนิ้ งาน เคร่ืองมือวัด เครอื่ งมอื ตัด เคร่ืองมอื ยดึ ตดิ เครื่องมือ
เจาะ เสียงและอปุ กรณท์ ที่ ำให้เกิดเสยี ง อุปกรณ์ทีท่ ำใหเ้ กดิ เสยี ง ไฟฟ้าและอุปกรณ์ท่ีทำให้เกิดแสง วงจรไฟฟ้า
และ การต่อตัวต้านทาน ประเภทและการต่อวงจรไฟฟ้า ความสัมพันธ์ของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
วิศวกรรมศาสตร์แนวคิด กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ระบบเทคโนโลยี
การคิดเชิงออกแบบ แนวคิดหลักของการคิดเชิงออกแบบ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ และความคิดเชิง
ออกแบบของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning) และการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญ
สถานการณ์การแกป้ ัญหาวางแผนการเรียนรู้ และ นำเสนอผ่านการทำกจิ กรรมโครงงาน
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนา
เทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้า
ผลของเทคโนโลยีต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ
ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ เป็นผู้ที่มี
จติ วิทยาศาสตร์มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์
ตัวชว้ี ดั ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5
ว 4.1
รวม 5 ตวั ชว้ี ดั
โครงสร้างรายวิชา
วิชา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี รหสั วิชา ว22104 ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 2
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เวลา 40 ชวั่ โมง/ภาคเรยี น
หน่วยที่ ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา คะแนน
/ ตัวชวี้ ัด K PA
1. เทคโนโลยกี ับชวี ิต ว 4.1 ม.2/1 1. การเปล่ยี นแปลง 2 10 10 2
และผลกระทบของเทคโนโลยี
2. วสั ดุ อุปกรณ์ ว 4.1 ม.2/5 1. ความรู้เก่ียวกับวสั ดุ 9 10 15 4
ทางเทคโนโลยี 2. เครือ่ งกลและเครือ่ งมอื ในการ
สร้างชิน้ งาน
3. เสยี งและอุปกรณ์ท่ที ำใหเ้ กดิ
เสยี ง
4. ไฟฟา้ และอปุ กรณ์ที่ทำให้เกดิ
แสง
3. กระบวนการออกแบบ ว 4.1 ม.2/2 1. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 5 10 15 2
เชงิ วิศวกรรม
ม.2/3 2. กระบวนการออกแบบ
ม.2/4 เชงิ วศิ วกรรม
4. การคิดเชิงออกแบบ ว 4.1 ม.2/2 1. กระบวนการคดิ เชิงออกแบบ 4 10 10 2
ม.2/3 2. ถอดความคดิ เชงิ ออกแบบ
ม.2/4 ของพระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิ
พลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพติ ร
รวมชั่วโมง/คะแนนรวม 20 100
คะแนนกลางภาค 20
คะแนนปลายภาค 20
คะแนนรวม/ภาคเรยี น 60
ผังมโนทัศนห์ น
รายวชิ า ว22103 เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ชั้นมัธยมศกึ
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เทคโนโลยีกบั ชวี ติ
จำนวน 2 ชว่ั โมง
เทคโน
(การออกแบบแ
จำนวน 20
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 การคดิ เชงิ ออกแบบ
จำนวน 4 ช่ัวโมง
นว่ ยการเรยี นรู้
กษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เทคโนโลย)ี
นโลยี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 วัสดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี
และเทคโนโลยี) จำนวน 9 ชั่วโมง
0 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม
จำนวน 5 ช่วั โมง
กำหนดการสอน
กลุ่มสาระ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เทคโนโลยี) ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 2
รหัสวิชา ว22103 รายวิชา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี เวลา 20 ชั่วโมง
ชอื่ หน่วย สาระการเรียนรู้ เวลา(ชั่วโมง)
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 1. การเปล่ยี นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี 2
เทคโนโลยีกับชวี ติ
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 1. ความร้เู ก่ยี วกบั วัสดุ 9
วสั ดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี 2. เครอ่ื งกลและเคร่ืองมือในการสรา้ งช้นิ งาน
3. เสยี งและอุปกรณท์ ่ีทำใหเ้ กิดเสยี ง
4. ไฟฟ้าและอุปกรณ์ท่ีทำให้เกิดแสง
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 1. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 5
กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 2. กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 1. กระบวนการคิดเชิงออกแบบ 4
การคิดเชงิ ออกแบบ 2. ถอดความคิดเชงิ ออกแบบของพระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิเบศรมหาภมู ิพลอดุลยเดช
มหาราชบรมนาถบพติ ร
แผนการจดั การเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 การเปลี่ยนแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว22103
ช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เทคโนโลยีกับชวี ิต เวลาเรียน 2 ชั่วโมง
สาระที่ 4 เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี)
1. มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั
1.1 ตัวช้วี ดั
ว 4.1 ม.2/1 คาดการณแ์ นวโนม้ เทคโนโลยีท่ีจะเกิดข้นึ โดยพิจารณาจากสาเหตหุ รือปัจจยั
ที่สง่ ผลตอ่ การเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี และวิเคราะห์ เปรียบเทียบ
ตัดสนิ ใจ เลือกใชเ้ ทคโนโลยี โดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบทเ่ี กิดข้ึนตอ่ ชวี ิต สงั คม
และส่ิงแวดลอ้ ม
2. สาระสำคญั
มนุษย์ค้นพบและสร้างองค์ความรู้มากมายหลายสาขา เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์
นติ ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสตรท์ ่ีส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยอี ย่างมาก คอื วทิ ยาศาสตร์
เป็นความรูท้ เ่ี กย่ี วกับสิง่ ตา่ ง ๆ ในธรรมชาตทิ ั้งทมี่ ชี ีวิตและไม่มชี ีวติ โดยมวี ธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ท่ีใช้ในการสืบ
เสาะหาความรนู้ นั้ อาศัยการสังเกตเปน็ พน้ื ฐาน และคณติ ศาสตรท์ ่เี ก่ียวข้องกับ ก า ร อ ธ ิ บ า ย โ ค ร ง ส ร ้ า ง
ความสัมพันธ์ ระเบียบ รูปแบบ หรือแบบแผนต่าง ๆ ทั้งที่อยู่ในธรรมชาติรอบตัวและภาพที่อยู่ในสมอง เท่าท่ี
มนุษย์จะสามารถรับรู้ได้ทั้งในเชงิ นามธรรมและเชิงรูปธรรม โดยอาศัยการคำนวณและโมเดลทางคณิตศาสตร์
มาอธบิ าย ดังนน้ั การค้นพบทางวทิ ยาศาสตร์ทีม่ กี ารอธิบายในรปู แบบของสมการทางคณิตศาสตร์ทแ่ี ม่นยำจะ
ช่วยให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย และเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นสร้างผลกระทบทั้งทางด้านมนุษย์
และสังคม ด้านเศรษฐกจิ และด้านสิง่ แวดลอ้ ม
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกปัจจยั ท่ีมีผลต่อการเปลยี่ นแปลงเทคโนโลยีไดถ้ ูกตอ้ ง (K)
2. ยกตัวอย่างเทคโนโลยแี ละวิเคราะหว์ า่ เกิดจากปัจจัยต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยไี ดถ้ ูกต้อง (K)
3. เขียนผลกระทบทางบวกและผลกระทบทางลบของเทคโนโลยไี ด้ (P)
4. เล็งเห็นถึงความสำคญั ของผลกระทบทั้งทางบวกและผลกระทบทางลบในสรา้ งเทคโนโลยี (A)
4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ท้องถ่ิน
พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
- สาเหตหุ รอื ปัจจัยต่าง ๆ เชน่ ความก้าวหน้า
ของศาสตร์ต่าง ๆ การเปลยี่ นแปลงทางด้าน
เศรษฐกจิ สงั คม วฒั นธรรม ทำใหเ้ ทคโนโลยี
มีการเปลยี่ นแปลงตลอดเวลา
- เทคโนโลยแี ต่ละประเภทมผี ลกระทบต่อชวี ติ
สงั คม และส่ิงแวดล้อมทแี่ ตกต่างกนั จงึ ต้อง
วเิ คราะห์เปรยี บเทยี บข้อดี ข้อเสีย และตัดสินใจ
เลือกใชใ้ ห้เหมาะสม
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. ซอื่ สัตย์ สุจรติ
- ทักษะการสื่อสาร 2. มวี นิ ัย รบั ผดิ ชอบ
- ทกั ษะการแลกเปลี่ยนข้อมลู 3. ใฝเ่ รียนรู้
4. อยอู่ ย่างพอเพยี ง
2. ความสามารถในการคดิ 5. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
- ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
- ทักษะการสงั เกต
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
- ทกั ษะการทำงานร่วมกัน
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- ทักษะการสบื คน้ ขอ้ มลู
6. ชิ้นงาน/ภาระงาน
6.1 แบบทดสอบก่อนเรียน
6.2 ใบงานที่ 1.1.1
7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้
ข้นั นำ
ขั้นท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1. นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่อื ง เทคโนโลยกี ับชีวติ
2. นกั เรียนสแกนควิ อารโ์ ค้ด เร่ือง การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี จากหนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน
เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง เทคโนโลยี
กับชวี ติ โดยใหน้ ักเรียนสรปุ ประเดน็ สำคญั ที่ไดจ้ ากการดคู ลปิ วดี โิ อลงในสมดุ ประจำตวั ของ
ตนเอง
3. ครูสรุปความรู้ร่วมกับนักเรียนจากการดูวีดิทัศน์ว่า“การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีมีผลต่อ
การเปล่ียนกจิ กรรมของมนุษย์ โดยอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของมนุษย์
ในด้านต่าง ๆ เช่น วิวัฒนาการของการส่ือสารจากอดีตถงึ ปัจจุบันโดยเริ่มจากการส่งรหสั มอร์ส
> จดหมาย > โทรศัพท์ > โทรสาร > อีเมล์ > โปรแกรมสนทนาออนไลน์ จะเหน็ ได้ว่าเปน็
การพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองให้มนุษย์สื่อสารได้หลากหลายรูปแบบ และทำให้การสื่อสาร
เกดิ ประโยชน์สงู สดุ กบั มนุษย์”
4. นักเรยี นสังเกตภาพพัฒนาการของยานพาหนะจากอดีตถึงปจั จบุ ันจากหนงั สือเรียน เพื่อให้
นักเรียนเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของยานพาหนะจากอดีตถึงปัจจุบันที่มีผลกระทบที่ดีขึ้น
ตอ่ ชีวติ มนษุ ย์
5. ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมกบั นกั เรียนว่า “กอ่ นปฏวิ ัติอุตสาหกรรมไดม้ กี ารใชย้ านพาหนะท่ีใช้แรงงาน
สตั ว์เกิดขึ้นเพอ่ื ตอบสนองการเดนิ ทางหรือการขนยา้ ยสิ่งของที่มนี ้ำหนักมาก แตก่ ารเดินทาง
ด้วยสตั วเ์ ป็นไปอย่างล่าช้า จึงไดม้ ีการพัฒนายานพาหนะท่ขี ับเคลอ่ื นดว้ ยพลังงานไอนำ้ ทำให้
มนุษย์เดนิ ทางได้เรว็ ขึ้น แตเ่ นอ่ื งจากพาหนะทขี่ ับเคล่อื นดว้ ยพลงั งานไอนำ้ ต้องใชท้ รัพยากร
ธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักจึงส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้นจึงได้มีการพัฒนา
และประดษิ ฐเ์ คร่ืองยนต์ทใ่ี ช้น้ำมันดเี ซลข้นึ ซ่งึ เปน็ พาหนะทม่ี คี นนิยมใชม้ ากเพราะรวดเร็ว
และสะดวกสบาย แต่ก็มีผลกระทบใหม้ ีการใช้น้ำมนั สูงขึ้น จนมีการพยากรณ์ว่าการผลิตน้ำมนั
จะเร่ิมลดจำนวนลงหลงั ปี ค.ศ. 2020 จึงมีการคน้ คว้าและพัฒนาพาหนะทใ่ี ช้พลังงาน
ทางเลือก โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์เป็นเชื้อเพลิงหลัก ดังนั้นพาหนะที่ใช้พลังงาน
ไฟฟ้าจากแสงอาทิตยจ์ งึ นิยมจนถงึ ปัจจุบัน เพราะช่วยใหก้ ารเดินทางสะดวกมากขึ้นและช่วยลด
ปัญหาการใช้พลังงานเกินความจำเป็น”
ข้นั สอน
ข้ันที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
1. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน หรือตามความเหมาะสม โดยใหน้ ักเรยี นร่วมกันสบื ค้น
การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทมี่ ีผลกระทบทำให้สงั คมมนุษย์ดีขนึ้ จากทางอนิ เทอรเ์ น็ต
ทเี่ คร่อื งคอมพวิ เตอร์ของตนเอง
2. ครูส่มุ นักเรียน 2-3 กลมุ่ ออกมานำเสนอข้อมูลตามทไ่ี ดส้ ืบค้นหนา้ ชัน้ เรยี น โดยครู
เปิดโอกาสให้เพอื่ นรว่ มชน้ั สามารถซกั ถามขอ้ สงสัยไดอ้ ย่างอสิ ระ โดยครูคอยให้คำแนะนำ
เพ่มิ เติมตามความเหมาะสม
3. ครูอธบิ ายกบั นักเรียนวา่ “การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยเี กิดขนึ้ จากหลายปจั จยั แต่ปจั จัย
ทมี่ ผี ลต่อการเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยอี ย่างต่อเนอ่ื ง คือ 3 ปจั จยั ดงั นี้
1) การตอบสนองความต้องการของมนุษย์
2) ความก้าวหน้าของศาสตร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ศาสตร์ด้านวทิ ยาศาสตร์
และคณิตศาสตร์
3) การแก้ปัญหาตา่ ง ๆ ทีเ่ กิดขึน้ ในสังคม”
4. นักเรยี นดูภาพการเปล่ียนแปลงเทคโนโลยที างการสอ่ื สารและภาพการเปล่ยี นแปลงของ
เทคโนโลยีโทรศพั ท์ในรูปแบบของนวัตกรรม พร้อมวเิ คราะหถ์ ึงการเปลย่ี นแปลงจากอดีต
สปู่ ัจจบุ ัน
5. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ รว่ มกันวิเคราะห์จากตวั อย่างการเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยีของแตล่ ะกลุ่ม
ว่าเทคโนโลยดี งั กล่าวเกิดขนึ้ จากปจั จัยตอ่ การเปลย่ี นแปลงเทคโนโลยีปจั จัยใด โดยให้นกั เรยี น
วิเคราะหแ์ ละสรุปร่วมกนั ภายในกลุ่ม จากนน้ั ให้แต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมานำเสนอขอ้ มูล
หนา้ ชน้ั เรียน
ขั้นท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
6. ครอู ธบิ ายกับนักเรยี นวา่ “เทคโนโลยที ี่อำนวยความสะดวกสบายกก็ ่อใหเ้ กิดข้อเสยี หลายอย่าง
ตอ่ การใช้ชวี ิตของมนุษย์ ซึง่ ส่งผลกระทบโดยตรง 3 ด้าน คือ
1) ดา้ นมนุษยแ์ ละสังคม
2) ด้านเศรษฐกิจ
3) ดา้ นส่ิงแวดล้อม
7. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม (กลุ่มเดิม) และร่วมกันวเิ คราะหต์ วั อย่างการเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี
ท่ีแต่ละกลุ่มคัดเลือกมาวา่ เทคโนโลยดี งั กลา่ วส่งผลกระทบท้ังทางบวกและลบในแต่ละดา้ น
อยา่ งไร ตามหวั ข้อดงั นี้
1) ด้านมนุษยแ์ ละสังคม
1.1) ความต้องการของสังคม
1.2) ความก้าวหน้าของวทิ ยาการ
1.3) การเปลย่ี นแปลงทางวัฒนธรรม
2) ด้านเศรษฐกจิ
3) ดา้ นส่ิงแวดล้อม
8. ครูอธบิ ายเกรด็ เสริมความรู้เกี่ยวขอ้ งกบั เนื้อหา (Design Focus) เรือ่ ง การเปล่ียนแปลงทาง
วฒั นธรรมว่า“วัฒนธรรมเปน็ สงิ่ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา วัฒนธรรมในสังคมจะมีการ
เปลี่ยนแปลงเรว็ หรอื ชา้ ขนึ้ อยู่กบั สงั คมนัน้ มีโอกาสสมั ผัสกับวัฒนธรรมภายนอกไดส้ ะดวก
มากหรือน้อย โอกาสทว่ี ิทยาการต่าง ๆ เขา้ สูส่ ังคมยอ่ มมีผลกระทบตอ่ วฒั นธรรม ปัจจุบนั
วิทยาการต่าง ๆ ก้าวหน้าไปมาก ประกอบกบั มีอินเทอร์เน็ตเชือ่ มตอ่ กนั ถงึ ท่ัวโลก จึงเกิด
การเปลย่ี นแปลงดา้ นวัฒนธรรมอยา่ งรวดเรว็ ”
ข้ันที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
9. นกั เรยี นแตล่ ะคนทำกิจกรรมทส่ี อดคล้องกบั เน้ือหาโดยให้ผู้เรยี นฝึกปฏิบัติเพ่ือพัฒนาความรู้
และทักษะ (Design Activity) โดยให้นักเรยี นพจิ ารณาภาพและวิเคราะห์ถึงข้อดีและข้อเสีย
ของเทคโนโลยี พร้อมอธบิ ายถึงการทำงานของเทคโนโลยนี ั้นวา่ สามารถนำไปใชใ้ หเ้ กิด
ประโยชน์อย่างไร
10. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม (กล่มุ เดมิ ) เพือ่ ทำใบงานที่ 1.1.1 เรอ่ื ง ผลกระทบของเทคโนโลยี โดยให้
นกั เรยี นอ่านและทำความเข้าใจเน้อื หาพรอ้ มตอบคำถามลงในประเดน็ ท่ีกำหนดให้อย่าง
ถูกต้อง
11. ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ออกมานำเสนอข้อมลู หนา้ ช้นั เรยี น
Note
วัตถุประสงค์ของกจิ กรรมเพอ่ื ให้นักเรยี น
- มีทกั ษะการทำงานร่วมกนั โดยใช้กระบวนการกล่มุ ในการทำงานหรอื การทำ
กจิ กรรมเพ่อื ให้เกดิ การสื่อสารและแลกเปล่ยี นขอ้ มูลรว่ มกันภายในกล่มุ
- มีทักษะการสบื คน้ ข้อมูล โดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนสบื คน้ ข้อมูลจากอินเทอรเ์ นต็
เพ่อื สืบเสาะหาความรตู้ ามหวั ขอ้ ท่ีได้รบั มอบหมาย
- มีทักษะการสังเกต โดยให้นักเรียนสังเกตภาพพฒั นาการทางเทคโนโลยีจากอดตี
จนถงึ ปจั จบุ นั จากหนังสือเรยี นเพือ่ นำไปปรับใชใ้ นการเรียนไดอ้ ย่างเหมาะสม
- มที ักษะการคิดวเิ คราะห์ โดยให้นักเรยี นพจิ ารณาเน้ือหาจากการสืบคน้ หรือศึกษา
ขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมูลต่าง ๆ เชน่ หนังสือเรยี น อนิ เทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้
ขัน้ สรุป
ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมนิ ผลการนำเสนอของนกั เรียน
2. ครตู รวจสอบความถูกต้องจากการทำใบงานท่ี 1.1.1
3. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรปุ ความรเู้ ก่ียวกบั เทคโนโลยกี บั ชวี ติ วา่ “เทคโนโลยีที่มีการพัฒนา
อย่างต่อเน่ืองเกิดจากปัจจยั สำคญั ๆ ไดแ้ ก่
1) การตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์
2) ความกา้ วหน้าของศาสตร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสตร์ด้านวทิ ยาศาสตรแ์ ละ
คณิตศาสตร์
3) การแก้ปญั หาต่างที่เกิดขน้ึ ในสังคม ซ่ึงการพัฒนาเทคโนโลยีหรือเลือกใช้เทคโนโลยี
สิ่งสำคัญคือการประเมินว่าเทคโนโลยีนั้นส่งผลกระทบทัง้ ทางบวกและทางลบด้าน
มนุษยแ์ ละสังคม ด้านเศรษฐกิจ และด้านส่งิ แวดล้อมอยา่ งไรเพอื่ เปน็ แนวทาง
ในการพฒั นาเทคโนโลยีหรือเลอื กใชเ้ ทคโนโลยีน้นั ๆ ได้อย่างเหมาะสม”
4. นักเรยี นทำแบบฝึกหัดทบทวนความรู้ ความเขา้ ใจ และพัฒนาทักษะการคดิ ของผ้เู รยี น (Unit
Activity) จากนนั้ ให้นักเรียนตอบคำถามลงในสมดุ ประจำตัว
5. นักเรียนตรวจสอบระดับความสามารถของตนเอง (Self-Check) โดยพิจารณาข้อความว่า
ถูกหรือผิด หากนักเรียนพิจารณาข้อความไม่ถูกต้อง ให้นักเรียนกลับไปทบทวนเนื้อหา
ตามหัวขอ้ ทก่ี ำหนดให้
6. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เรอื่ ง เทคโนโลยีกบั ชวี ติ เพ่อื
วดั ความรู้ทน่ี ักเรยี นไดร้ บั หลังจากผา่ นการเรียนรู้
8. การวดั และประเมินผล วิธีวดั เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน
รายการวดั - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมนิ ตามสภาพจริง
กอ่ นเรียน
8.1 การประเมนิ ก่อนเรียน
- แบบทดสอบก่อนเรยี น - ใบงานท่ี 1.1.1 - ตรวจใบงานท่ี 1.1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1
เร่ือง เทคโนโลยีกับชีวิต - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2
การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
8.2 การประเมินระหว่างการจัด ระดับคุณภาพ 2
กิจกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์
1) ผลกระทบของเทคโนโลยี การทำงานกลมุ่ การทำงานกล่มุ ระดับคุณภาพ 2
2) พฤติกรรมการทำงาน ผา่ นเกณฑ์
รายบคุ คล - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
3) พฤติกรรมการทำงานกลุม่ ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
4) การนำเสนอผลงาน - สังเกตความซ่ือสัตย์ - แบบประเมนิ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
สจุ ริต ความมีวินัย คุณลักษณะ
5) คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ความรับผดิ ชอบ อนั พงึ ประสงค์
ใฝเ่ รยี นรู้ อยูอ่ ย่าง - แบบทดสอบหลังเรยี น
8.3 การประเมินหลังเรียน พอเพียง และมุ่งมัน่
- แบบทดสอบหลงั เรยี น ในการทำงาน
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 - ตรวจแบบทดสอบ
เรือ่ ง เทคโนโลยกี ับชวี ิต หลังเรยี น
9. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้
9.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนังสอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1
เทคโนโลยีกับชวี ิต
2) สอื่ การเรียนรู้ออนไลน์ ของ สสวท. ผ่านเวบ็ ไซต์ https://proj14.ipst.ac.th/m2/m2-dt/
3) สื่อ PowerPoint
4) ใบงานที่ 1.1.1 เรอ่ื ง ผลกระทบของเทคโนโลยี
5) เคร่อื งคอมพวิ เตอร์
9.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอรเ์ นต็
10. การใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงในการจดั การเรยี นรู้
10.1 การนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาจดั การเรียนร้ขู องผู้สอน
3 ห่วง หลักพอประมาณ
ประเด็น
1.ภาระงาน/หนา้ ที่ วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน มุ่งเน้นให
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มาตรฐานการ พึงประส
เรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ และบริบท ตัวชี้วดั ส
ของโรงเรียน การศึกษ
บรบิ ทขอ
2. การวางแผน จัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้สื่อ / แหล่ง เพื่อจัดก
เรียนรู้ / ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ มาตรฐา
สูงสุดตามมาตรฐานและตัวชี้วัดมีลักษณะพึง ตามที่ห
ประสงค์ ตามที่หลักสูตรกำหนด เหมาะสม
กบั วยั ระดบั ชั้น และเวลาเรยี นของผเู้ รียน ระดบั ชัน้
หลักมเี หตุผล หลกั สร้างภูมคิ ุ้มกนั ทด่ี ีในตวั
ห้ผู้เรียนมีความรู้ทักษะคุณลักษณะอัน มีการวางแผนและบริหารจัดการ เพื่อจัดการ
สงค์บรรลุตาม มาตรฐานการเรียนรู้ เรียนรู้ ให้ตรงตามหลักสูตรแกนกลาง
สาระการเรยี นรู้ ของหลักสตู รแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และ
องโรงเรยี น มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้
และบรบิ ทของโรงเรยี น
กิจกรรมการเรียนการสอนบรรลุตาม วางแผนการเตรียมการสอนไม่ให้บกพร่อง
านและตัวชี้วัดมีลักษณะพึงประสงค์ โดยจัดทำแผนจัดการเรียนรู้ สื่อ แบบวัดและ
หลักสูตรกำหนด เหมาะสมกับวัย ประเมินผล ที่เหมาะสมกับมาตรฐาน ตัวชี้วัด
น และเวลาเรยี นของผูเ้ รียน สาระการเรียนรู้ และบริบทของโรงเรียน
เหมาะสมกับวัย ระดับชั้น และเวลาเรียนของ
ผู้เรียน
3 ห่วง หลักพอประมาณ
ประเด็น
3.เทคนคิ /วิธีสอน เลือกกจิ กรรมการเรียนรใู้ ห้เหมาะกับบริบท ออกแบบ
การนำเท
ของ ผ้เู รยี น ครู ชุมชน ธรรมชาติวิชา และ ทรัพยาก
ทรัพยากรทมี่ ีอยู่
4. การเลือกใช้ เลอื กและใช้เครื่องมือ วิธีการ และเกณฑก์ าร เพ่อื ให้ผ
เครื่องมือ วิธีการ และ วดั ผลประเมินผลใหเ้ หมาะสมกับกิจกรรม เรยี นรู้ขอ
เ ก ณ ฑ ์ ก า ร ว ั ด ผ ล การเรียนรู้และศักยภาพของผ้เู รียน พน้ื ฐาน
ประเมนิ ผล
ความรู้: รอบรหู้ ลักสตู รสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 มาต
เทคนคิ วธิ สี อน
คณุ ธรรม: ใฝเ่ รียนรู้ ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ความขยนั ความยตุ ธิ รรม
หลักมีเหตุผล หลกั สรา้ งภมู ิคุ้มกนั ท่ดี ใี นตัว
บการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้เห็นคุณค่า จัดเตรียมสื่อ / แหล่งเรียนรู้ / ทรัพยากรที่มี
ทคโนโลยี สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้ / วัสดุ อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนให้
กรที่มีอยู่มาใช้ให้เกดิ ประโยชน์สงู สดุ เพียงพอกับผู้เรียน เตรียมสื่อ CAI (โปรแกรม
ช่วยสอน) ในกรณีที่ครูไม่สามารถมาสอนได้
ลว่ งหนา้
ผูเ้ รียนบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคก์ ารจัดการ เตรียมวิธีป้องกันปัญหา ที่อาจเกิดจากการ
องหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั จดั การเรยี นรู้ การใช้เคร่อื งมือไม่ตรงตามแผน
พทุ ธศักราช 2551
ที่วางไว้ วัดและประเมินผลบรรลุตาม
วตั ถุประสงค์ทีก่ ำหนด
ตรฐาน/ตัวชีว้ ัด เนือ้ หาความรู้เร่ือง พน้ื ฐานทางคอมพิวเตอร์ การวัดผล ประเมนิ ผล และ
รกั และเมตตาตอ่ ศิษย์
10.2 คุณลกั ษณะ “อยู่อยา่ งพอเพียง” ที่เกดิ กับผู้เรียน
หลักพอประมาณ หลัก
1. เลือกใชฮ้ ารด์ แวรอ์ ปุ กรณเ์ ครอื ข่ายและตามความ 1.ตัดสินใจเลือกใช้ฮาร์ดแ
จำเป็นใช้งานไม่ฟมุ่ เฟือยเสียค่าใช้จ่ายเกินความจำเป็น ตรงตามความตอ้ งการใช้ง
2. แบ่งหน้าที่การทำงานได้ตรงกับความสามารถของ 2. ยอมรบั ความคิดเหน็ แล
สมาชกิ แตล่ ะคนในกลุ่มภายใตเ้ วลาทก่ี ำหนด กลุ่ม
3. ปฏิบัติงานโดยใช้ระยะเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ต้อง 3.ใช้ทักษะกระบวนกา
เกิดจากการวางแผนการทำงานที่ดีและทำงานอย่าง เทคโนโลยีการทำงานนอ
เปน็ ระบบรู้จักใช้เทคโนโลยีทเ่ี หมาะสมกับภาระงาน บรรลุตามเปา้ หมาย
ความรู้: มคี วามรู้ ความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี
คณุ ธรรม: มีความซอ่ื สตั ย์ในการปฏบิ ัตงิ าน ขยัน รับผิดชอบ มุง่ มั่นในการทำงา
เรียนท้ังด้านความรู้และทรัพยากรทีเ่ กี่ยวข้องกับบริบทของการสร้างและนำเสนองาน
นำไปสู่ สมดลุ และพร้อ
กมีเหตุผล หลกั สรา้ งภมู คิ ุ้มกันทด่ี ใี นตวั
แวร์อุปกรณ์เครือข่ายตา่ ง ๆ ได้ 1. มีการวางแผนในการเรียน การทำงานกลุ่มอย่าง
งาน รอบคอบและเป็นระบบ
ละความสามารถของสมาชิกใน 2.เตรียมพร้อมแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่สร้าง
งานและนำเสนอผลงาน
ารทำงานกลุ่มทักษะการใช้ 3. เตรียมพร้อมสำหรับผลคะแนนที่จะได้รับจากการ
อกเวลาเรียนเพื่อให้ภาระงาน ตรวจช้นิ งานและนำเสนองานของครผู สู้ อน
าน มคี วามประหยดั ในการเลือกวัสดุและอปุ กรณ์เทคโนโลยี มีน้ำใจชว่ ยเหลือเพือ่ นในชน้ั
นโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และสง่ งานตรงเวลา
อมรับการเปลยี่ นแปลง
ดา้ นวัตถุ ด้านสงั คม
- มีความรู้ในการวางแผนการทำงาน - การทำงานร่วมกับเพอ่ื นในกลุ่ม
ก า ร จ ั ด แ บ ่ ง ห น ้ า ท ี ่ ต า ม ค ว า ม รู้ - แลกเปลยี่ นเรียนรูร้ ่วมกัน
ความสามารถของแตล่ ะคน กับเพอื่ น และครู
- มีความรู้ในเรื่องการสืบค้นการ สรุป - ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการทำงาน
องค์ความรู้ และการจัดการความรู้โดย อย่างสร้างสรรค์
ใช้คอมพิวเตอร์ตามหลักปรัชญาของ -รู้ระเบียบการปฏิบัติในการใช้
เศรษฐกจิ พอเพยี ง คอมพวิ เตอร์รว่ มกับผอู้ นื่
- มีความรู้ ความเข้าใจในเรือ่ งของการ
ใชค้ อมพวิ เตอร์และอปุ กรณ์ประกอบอื่น
เพอื่ การสร้างงาน
- มีทักษะในการวางแผนการทำงานและ - มที กั ษะในการทำงาน
การใช้วัสดุอุปกรณ์ เพื่อให้เกิดความ รว่ มกนั แบ่งปัน
คุ้มคา่ เอือ้ เฟื้อเผื่อแผ่
- มีทกั ษะในการออกแบบและการสร้าง - ทักษะการทำงานอยา่ ง
ชิ้นงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ตามหลัก เป็นระบบมีการวางแผน
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการทำงาน
ดา้ นส่ิงแวดล้อม ดา้ นวัฒนธรรม
- มีความรู้ในการเลือกใช้เทคโนโลยี เพ่ือ - รวู้ ฒั นธรรมในการทำงานรว่ มกับผ้อู ืน่
ใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมกับ - รู้วัฒนธรรม ในการแบ่งปัน การใช้
สภาพแวดล้อม เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการสร้างชิน้ งาน
- มีความรู้ในการใช้เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า - รู้มารยาทในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับ
และประหยัดพลงั งาน ผอู้ ืน่
- มีทักษะในการเลือกใชเ้ ทคโนโลยี เพื่อใช้ - ถ่ายทอดวัฒนธรรมในการแบ่งปันการ
ป ร ะ โ ย ช น ์ ไ ด ้ อ ย ่ า ง เ ห ม า ะ ส ม กั บ ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการสร้าง
สภาพแวดล้อม ช้ินงาน
ดา้ นวัตถุ ดา้ นสังคม
- มีทักษะในการเลือกคอมพิวเตอร์และ - ปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บการใช้
วัสดุอุปกรณ์ประกอบในการสร้างงาน คอมพวิ เตอรร์ ว่ มกบั ผ้อู ื่น
และนำเสนออย่างเหมาะสม
- ตระหนักและเห็นคุณค่าของการวาง - มีเจตคติที่ดีในการช่วยเหลือเกื้อกูล
แผนการทำงานและการใช้วัสดุอุปกรณ์ แบ่งปนั เอ้อื เฟือ้ เผ่ือแผ่ ในการทำงาน
เพือ่ ใหเ้ กดิ ความคมุ้ คา่ - เห็นคุณค่าของการทำงานอย่างเป็น
- ตระหนักและเห็นคุณค่าของการอก ระบบและมีการวางแผนในการทำงาน
แบบและการสร้างชิ้นงานโดยใช้ -ตระหนักและเห็นคุณค่าของการเป็น
คอมพิวเตอร์ตามหลักปรัชญาของ แบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตาม
เศรษฐกจิ พอเพยี ง ระเบียบการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับ
- มเี จตคติท่ดี ีในการใช้คอมพวิ เตอร์เพ่ือ ผ้อู นื่
การนำเสนอความรู้
ด้านสิง่ แวดลอ้ ม ด้านวัฒนธรรม
- มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า - มีมารยาทในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับ
และประหยดั พลังงาน ผ้อู นื่
-ตระหนักและ เห็นคุณค่าของการเลือกใช้ - เกิดความภาคภมู ใิ จผลงานทท่ี ำ
เทคโนโลยี เพื่อใช้ประโยชน์ได้อย่าง - ตระหนักและเห็นคุณค่าของการใช้ การ
เหมาะสมกบั สภาพแวดล้อม รักษาทรัพยากรส่วนรวมอย่างประหยัด
-ตระหนักและเห็นคุณค่าของการใช้ และคุม้ ค่า
เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่าและประหยัด -มีเจตคติที่ดีต่อวัฒนธรรมการใช้
พลังงาน เทคโนโลยรี ่วมกบั ผอู้ ่ืน
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1
คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดกลา่ วถงึ เทคโนโลยี 5. สมารท์ โฟน เปน็ เทคโนโลยีท่พี ัฒนาขึ้นจากปัจจยั
ก. การสังเกตปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่าง การเปลยี่ นแปลงในขอ้ ใด
ตอ่ เน่ือง ก. การตอบสนองความต้องการของมนุษย์
ข. นำทฤษฎมี าใช้ประโยชนท์ ำใหเ้ กดิ ความแม่นยำ ข. ความก้าวหนา้ ของศาสตรต์ า่ ง ๆ
ในการทำนาย ค. การแก้ปัญหาต่างท่ีเกดิ ขึน้ ในสงั คม
ค. นำความร้มู าประยุกต์ใช้ในการสร้างเคร่อื งมอื ง. การผลิตสินค้าทีเ่ พิ่มมากขึ้น
ท่ีอำนวยความสะดวกให้กบั มนุษย์ 6. ไฟฟ้าที่เกิดจากพลงั งานแสงอาทติ ย์ เปน็ เทคโนโลยี
ง. ใช้ความคดิ สร้างสรรค์พัฒนาและผลิตสนิ ค้าใหม่ ท่ีพฒั นาขึน้ จากปจั จัยการเปล่ยี นแปลงเทคโนโลยี
เพอื่ ประโยชน์ในเชงิ พาณชิ ย์ ในข้อใด
2. ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยชนข์ องเทคโนโลยี ก. การตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์
ก. ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชวี ิตมนษุ ย์ ข. ความกา้ วหน้าของศาสตรต์ ่าง ๆ
ข. ช่วยแก้ปญั หาที่เกิดขนึ้ ในสงั คม ค. การแกป้ ัญหาต่าง ๆ ทเี่ กิดข้ึนในสงั คม
ค. ทำให้เกดิ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ง. การผลติ สนิ ค้าทีเ่ พม่ิ มากขนึ้ ฃ
มากขึน้ 7. “อนิ เทอร์เนต็ ” ทำใหเ้ กิดการแลกเปลย่ี นความรแู้ ละ
ง. ทำใหก้ ระบวนการผลิตมปี ระสิทธิภาพมากขน้ึ วฒั นธรรมของคนท่วั โลก จึงกลา่ วได้วา่ อินเทอร์เนต็
3. ข้อใดไมใ่ ช่ปจั จัยทท่ี ำให้เกดิ การเปลย่ี นแปลง สง่ ผลกระทบดา้ นใดจากการเปล่ียนแปลงเทคโนโลย
เทคโนโลยี ก. ดา้ นสังคมและมนษุ ย์
ก. การตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์ ข. ด้านเศรษฐกิจ
ข. ความก้าวหน้าของศาสตร์ต่าง ๆ ค. ด้านส่งิ แวดล้อม
ค. การแกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขึ้นในสงั คม ง. ด้านกฎหมาย
ง. การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม 8. “การโอนเงนิ ผ่านมอื ถือ” ส่งผลกระทบดา้ นใด
4. “การใช้เปลือกของกุ้งลอ็ บสเตอร์มาผลิตเปน็ พลาสตกิ ชีวภาพ จากการเปล่ยี นแปลงเทคโนโลยี
ที่ยอ่ ยสลายง่าย” สง่ ผลกระทบ ก. ดา้ นสงั คมและมนษุ ย์
ด้านใดจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ข. ดา้ นเศรษฐกจิ
ก. ดา้ นสงั คมและมนษุ ย์ ข. ด้านเศรษฐกิจ ค. ดา้ นสิ่งแวดล้อม
ค. ด้านส่งิ แวดลอ้ ม ง. ดา้ นกฎหมาย ง. ดา้ นกฎหมาย
9. ความร้เู ร่อื งฟา้ ผา่ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ 10. เพราะเหตุใดเราจงึ ต้องวิเคราะหเ์ ปรยี บเทียบข้อดี
ทเ่ี กดิ ขึ้นจากอิเล็กตรอนจำนวนมากเคล่ือนที่ไปมา ข้อเสยี ที่เกดิ ข้ึนก่อนลงมอื สรา้ งเทคโนโลยี
ระหวา่ งเมฆกับเมฆหรือระหว่างเมฆกับพ้ืนโลก ก. เพราะจะไดส้ รา้ งเทคโนโลยที ี่มตี ้นทุนตำ่ ท่ีสุด
เป็นความรทู้ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั ศาสตร์ด้านใด ข. เพราะเทคโนโลยีท่สี รา้ งข้ึนมีความสามารถดีท่สี ดุ
ก. วทิ ยาศาสตร์ ข. คณิตศาสตร์ ค. เพราะเทคโนโลยีท่ีสรา้ งขนึ้ สรา้ งรายไดใ้ หป้ ระเทศมากขน้ึ
ค. สังคมศาสตร์ ง. เศรษฐศาสตร์ ง.เพราะเทคโนโลยีที่สรา้ งข้ึนจะเกิดประโยชน์สงู สุดแก่มนษุ ย์
เฉลย 1. ค 2. ค 3. ง 4. ค 5. ก 6. ค 7. ก 8. ข 9. ก 10. ง
ใบงานที่ 1.1.1
เรื่อง ผลกระทบของเทคโนโลยี
คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนอา่ นและทำความเขา้ ใจกับเนื้อหา พร้อมตอบคำถามลงในประเดน็ ที่กำหนดให้
บริษัทสตาร์ทอัพ Shell works ประเทศอังกฤษได้พัฒนาพลาสติกชีวภาพ ใช้เปลือกของกุ้ง
ล็อบสเตอร์ ซึ่งในเปลือกกุ้งล็อบสเตอร์มีสารพอลิเมอร์ชีวภาพที่เรียกว่า ไคติน (Chitin) เป็นองค์ประกอบสูงมาก
สามารถนำมาพัฒนาเป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้และยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกด้วย โดยขั้นแรกเริ่มจากการนำ
เปลือกล็อบสเตอรม์ าปั่นให้เป็นผงและย่อยสลายต่อโดยใช้ตัวทำละลายอินทรีย์ เพื่อสกัดเอาไคตินออกมา ไคตินจะถูก
นำไปทำปฏิกิริยากับสารละลายกรดเบส จนได้เป็นผงไคโตซาน ที่ได้มาผสมกับน้ำส้มสายชู จนได้สารละลายพลาสติก
ชวี ภาพ ซ่งึ สามารถนำไปใช้ทำผลิตภัณฑ์สามมติ ิ เช่น ถงุ พลาสติก
พลาสติกชีวภาพจากเปลอื กกุง้ ลอ็ บสเตอร์ มคี ุณสมบัติพเิ ศษทีส่ ามารถต้านทานเชื้อราและแบคทเี รียได้รวมทง้ั
สามารถย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยได้ โดยไม่ก่อให้เกดิ อันตรายต่อส่ิงแวดล้อม อย่างไรก็ตาม แม้บรรดานักวิจัยจะหวังวา่
ในอนาคตจะมีการใช้พลาสติกชีวภาพผลิตช้อนส้อมแบบใช้แล้วทิ้งแพร่หลายขึ้น แต่บางคนบอกว่าเราอาจจะไม่ไดเ้ หน็
ถุงพลาสตกิ จากกุ้งล็อบสเตอร์ในเร็ว ๆ นี้ เพราะกระบวนการผลิตนั้นมีราคาค่อนข้างสงู เม่ือเทียบกบั พลาสติกที่ผลิตใน
อุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ทมี่ า : http://www.nsm.or.th/other-service/679-online-science/knowless-inventory/science-
news/science-news-science-museum/3734
ผลกระทบทางบวกและลบของเทคโนโลยกี ารผลติ พลาสติกชีวภาพ
ผลกระทบ ผลกระทบทางบวก ผลกระทบทางลบ
ดา้ นสงั คม
ด้านเศรษฐกิจ
ด้านสิ่งแวดล้อม
การตดั สินใจเลือกใชเ้ ทคโนโลยี เลอื กใช้ ไมเ่ ลือกใช้
เหตผุ ล .................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 1.1.1 เฉลย
เรอื่ ง ผลกระทบของเทคโนโลยี
คำชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นอ่านและทำความเขา้ ใจกับเน้ือหา พร้อมตอบคำถามลงในประเดน็ ที่กำหนดให้
บริษัทสตาร์ทอัพ Shell works ประเทศอังกฤษได้พัฒนาพลาสติกชีวภาพ ใช้เปลือกของกุ้ง
ล็อบสเตอร์ ซึ่งในเปลือกกุ้งล็อบสเตอร์มีสารพอลิเมอร์ชีวภาพที่เรียกว่า ไคติน (Chitin) เป็นองค์ประกอบสูงมาก
สามารถนำมาพัฒนาเป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้และยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกด้วย โดยขั้นแรกเริ่มจากการนำ
เปลือกล็อบสเตอร์มาปั่นให้เป็นผงและย่อยสลายต่อโดยใช้ตัวทำละลายอินทรีย์ เพื่อสกัดเอาไคตินออกมา ไคตินจะถูก
นำไปทำปฏิกิริยากับสารละลายกรดเบส จนได้เป็นผงไคโตซาน ที่ได้มาผสมกับน้ำส้มสายชู จนได้สารละลายพลาสติก
ชีวภาพ ซ่งึ สามารถนำไปใช้ทำผลิตภัณฑส์ ามมติ ิ เช่น ถุงพลาสตกิ
พลาสติกชีวภาพจากเปลือกก้งุ ลอ็ บสเตอร์ มคี ุณสมบตั ิพิเศษทส่ี ามารถต้านทานเชอื้ ราและแบคทีเรียได้รวมทง้ั
สามารถย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยได้ โดยไม่ก่อให้เกิดอนั ตรายต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม แม้บรรดานักวิจัยจะหวังวา่
ในอนาคตจะมีการใช้พลาสตกิ ชีวภาพผลิตช้อนส้อมแบบใช้แล้วท้ิงแพร่หลายขึ้น แต่บางคนบอกว่าเราอาจจะไม่ไดเ้ ห็น
ถุงพลาสติกจากกุ้งล็อบสเตอรใ์ นเร็ว ๆ นี้ เพราะกระบวนการผลติ นั้นมีราคาค่อนข้างสูงเม่ือเทียบกบั พลาสติกท่ีผลติ ใน
อุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ท่ีมา : http://www.nsm.or.th/other-service/679-online-science/knowless-inventory/science-
news/science-news-science-museum/3734
ผลกระทบทางบวกและลบของเทคโนโลยกี ารผลิตพลาสติกชีวภาพ
ผลกระทบ ผลกระทบทางบวก ผลกระทบทางลบ
ด้านสังคม พลาสตกิ ชีวภาพจากเปลือกกุ้งลอ็ บสเตอร์ มี -
คุณสมบัตพิ เิ ศษทสี่ ามารถต้านทานเช้อื ราและ
แบคทีเรีย เหมาะกับการบรรจอุ าหาร
ดา้ นเศรษฐกิจ สามารถนำไปสรา้ งบรรจภุ ัณฑแ์ ทนพลาสตกิ ต้นทนุ การผลติ ราคาคอ่ นข้างสูง ทำให้สนิ คา้
กระดาษ หรอื ทรพั ยากรทม่ี แี นวโน้มลดลง เป็น ราคาสูงข้ึน
ทางเลือกสำหรับผบู้ ริโภคทร่ี ักษ์โลก
ด้านสิ่งแวดล้อม - พลาสตกิ ชีวภาพ (Bioplastic) ทสี่ ามารถยอ่ ย -
สลายไดใ้ นธรรมชาตแิ ละเป็นปยุ๋ ในดนิ
- ลดขยะท่เี กดิ จากพลาสติกที่มมี ากขึ้น
การตดั สินใจเลอื กใชเ้ ทคโนโลยี เลอื กใช้ ไม่เลอื กใช้
เหตุผล .ม...ีผ..ล..ก...ร..ะ..ท...บ..ใ..น..ท...า..ง..บ..ว...ก..ม..า..ก...ก..ว..่า..ท...า..ง..ล..บ.....แ...ล..ะ..ป...จั..จ..บุ...นั...ม..ีป...ร..ิม..า..ณ....ข..ย..ะ...จ..า..ก..ถ..ุ.ง.พ...ล..า..ส..ต...ิก..ท...่มี ..า..ก...ข..น้ึ..................
ซึ่งทำลายยาก รวมท้ังเป็นภัยต่อสัตว์โลกท่มี ากขน้ึ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงสตั วท์ ะเล
แบบทดสอบหลังเรยี น
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1
คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดกลา่ วถงึ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 5. เทคโนโลยีใดท่พี ัฒนาขน้ึ เพ่ือตอบสนองความต้องการ
ก. การใช้เปลือกของกงุ้ ล็อบสเตอร์มาผลิตเป็น ของมนษุ ย์ ทำให้มนษุ ย์ไดร้ ับความสะดวกมากขึน้
พลาสตกิ ชวี ภาพ ก. สมารท์ โฟน
ข. ฟ้าผ่า เป็นปรากฏการณท์ างธรรมชาตทิ ่เี กิดข้ึน ข. ยานอวกาศ
จากอเิ ล็กตรอนจำนวนมากเคลอื่ นที่ไปมา ค. ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
ระหว่างเมฆกบั เมฆหรอื ระหว่างเมฆกับพนื้ โลก ง. ดาวเทียม
ค. หุ่นยนตเ์ ชื่อมโลหะในสายการผลติ ของโรงงาน
ง. โดรนปฏิบตั กิ ารพน่ สารเคมี ปุ๋ย ฮอร์โมนพืช 6. เทคโนโลยีใดท่พี ฒั นาขึ้นเพื่อแกป้ ญั หาการขาดแคลน
พลังงาน
2. การนำความรวู้ ิทยาศาสตร์มาประยุกตใ์ ชส้ ำหรบั ก. โดรน
ข. ยานอวกาศ
การสรา้ งเคร่ืองมือที่อำนวยความสะดวกให้กับมนษุ ย์ ค. กังหนั ลม
ง. ดาวเทียม
คอื อะไร
7. ข้อใดไมเ่ กย่ี วข้องกับเทคโนโลยที ีท่ ำให้เกดิ รปู แบบ
ก. เทคโนโลยี ข. วิศวกรรม การค้นหาข้อมลู ในห้องสมุดของนักเรยี นท่ีปล่ยี นไป
ก. คลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้า
ค. นวัตกรรม ง. คณติ ศาสตร์ ข. อนิ เทอรเ์ น็ต
ค. ดาวเทยี ม
3. ขอ้ ใดจัดเปน็ การใช้เทคโนโลยเี พ่ือแก้ปญั หา ง. ยานอวกาศ
การขาดแคลนพลงั งาน
ก. หนุ่ ยนต์เช่ือมโลหะในสายการผลิตของโรงงาน 8. ข้อใดคอื ผลกระทบทางลบทร่ี ุนแรงทีส่ ุดทีเ่ กดิ จาก
ข. การผลติ ไฟฟา้ จากพลงั งานแสงอาทิตย์ การใชเ้ ทคโนโลยีทช่ี าญฉลาด
ค. การใช้เปลือกของกุง้ ล็อบสเตอร์มาผลิต ก. การใชพ้ ลงั งานไฟฟา้ ท่ีมากขึ้น
เป็นพลาสติกชีวภาพ ข. ทำใหค้ วามสมั พันธ์ของมนุษย์เสื่อมลง
ง. การใชโ้ ดรนปฏิบัตกิ ารพ่นสารเคมี ปุ๋ย ฮอรโ์ มนพืช ค. สายตาเสยี จากการใช้คอมพิวเตอรเ์ ปน็ เวลานาน
ง. การยกเลกิ การจา้ งแรงงานคนในการทำงาน
4. ข้อใดไม่ใช่ปจั จัยทีท่ ำใหเ้ กดิ การเปล่ียนแปลง บางดา้ น
เทคโนโลยี
ก. การตอบสนองความต้องการของมนุษย์
ข. การแกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ทเ่ี กิดข้ึนในสังคม
ค. การเปลย่ี นแปลงทางสังคม
ง. ความก้าวหนา้ ของศาสตร์ตา่ ง ๆ
9. ข้อใดคือผลกระทบทางบวกของการใช้เทคโนโลยี 10. การลงมือสรา้ งเทคโนโลยีเพ่ือก่อใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ
อนิ เทอร์เน็ต ของมนษุ ยจ์ ะต้องทำสง่ิ ใด
ก. ทำให้ตดิ ต่อส่ือสารกับบคุ คลอ่ืนไดอ้ ยา่ งล่าช้า ก. วิเคราะห์เปรยี บเทียบขอ้ ดี-ข้อเสยี ก่อนลงมือ
ข. ทำใหต้ ลาดการค้าขายถดถอย สร้างเทคโนโลยี
ค. ทำใหต้ ิดตามเคลอ่ื นไหวจากข่าวสารทวั่ โลก ข. สำรวจความตอ้ งการของผู้ใช้งาน
อยา่ งรวดเร็ว ค. เปรยี บเทยี บกบั คแู่ ขง่ ก่อนลงมอื สร้างเทคโนโลยี
ง. ทำใหม้ ีการใชไ้ ฟฟ้ามากข้นึ ส่งผลกระทบ ง. คัดเลือกวสั ดุที่ดที ่สี ุดในการสรา้ งเทคโนโลยี
ต่อสายตา
เฉลย
1. ข 2. ก 3. ข 4. ค 5. ก 6. ค 7. ข 8. ง 9. ค 10. ก
แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
คำช้แี จง : ให้ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง
ท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ด้าน ระดับคะแนน
รายช่อื นักเรียน 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริ ์ย 321
2 ความซ่ือสัตย์สุจริต
3. มีวินัย
4. ใฝ่เรียนรู้
5. อ ่ยูอ ่ยางพอเ ีพยง
6. ่มุง ั่มนในการทำงาน
7. รักความเ ็ปนไทย
8. มี ิจตสาธารณะ
ลงชอื่ ..............................................ผู้ประเมิน
.................../.................../....................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติชดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ 1 คะแนน
- พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบตั ชิ ัดเจนและบ่อยครัง้
- พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั บิ างครั้ง
บันทกึ หลังการสอน
1. ผลการสอน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา/อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ...............................................ครูผสู้ อน
(นางสาวเตชนิ ี ภิรมย์)
วันท.่ี ......เดอื น..........................พ.ศ. ............
4. ความคดิ เห็นของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
ข้อเสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ...............................................................
(นางสาวจรยิ า ยงกำลงั )
ตำแหน่ง หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
5. ความเหน็ ของหัวหนา้ กลุ่มบริหารวิชาการ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ...............................................................
(นางสาวรจุ ิรา บัวลอย)
ตำแหนง่ หวั หน้ากล่มุ บริหารวิชาการ
6. ความเหน็ ของผ้อู ำนวยการสถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ...............................................................
(นางจริ าพร อินทรทัศน์)
ตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวังหินวิทยาคม
แผนการจดั การเรียนรู้
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 ความรู้เกยี่ วกับวัสดุ
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชา ว22103
ช้ัน มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 วัสดุ อุปกรณ์ ทางเทคโนโลยี เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง
สาระที่ 4 เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี)
1. มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
1.1ตวั ชว้ี ัด
ว 4.1 ม.2/5 ใช้ความรู้ และทักษะเกย่ี วกบั วสั ดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟ้า และ
อเิ ล็กทรอนิกส์ เพอ่ื แกป้ ญั หาหรือพฒั นางานได้อย่างถูกตอ้ งเหมาะสม และปลอดภัย
2. สาระสำคัญ
มนุษย์นำวัสดุจากธรรมชาติและวัสดุที่สร้างขึ้นและปรับปรุงจากความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยใี หม่ ๆ ทำให้มีวสั ดุหลากหลายประเภททม่ี คี ณุ สมบตั ิท่ดี มี ากขึน้ เรื่อย ๆ ดงั น้ัน การเลอื กใช้วัสดุ จาก
สมบัติของวัสดุแต่ละประเภท จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะส่งผลให้ชิ้นงานนั้นตรงกับความต้องการ และมีความ
ปลอดภัย สามารถใชท้ รัพยากรไดอ้ ยา่ งคมุ้ ค่า
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. บอกสมบตั ขิ องวัสดุแต่ละประเภทได้ถูกต้อง (K)
2. เลอื กวัสดทุ ใ่ี ช้ในการสรา้ งชิน้ งานแต่ละประเภทได้อยา่ งเหมาะสม (K)
3. บอกความแตกตา่ งของวัสดศุ าสตรแ์ ละวัสดุวิศวกรรมได้ (K)
4. วางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภยั (P)
5. เลง็ เห็นถึงความสำคญั ของการเลอื กวัสดแุ ต่ละประเภทในการพัฒนาชนิ้ งาน (A)
4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิน่
พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- วัสดุแต่ละประเภทมีสมบตั ิแตกตา่ งกนั เชน่ ไม้
โลหะ พลาสติก จึงต้องมีการวเิ คราะห์สมบัติ
เพ่อื เลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกบั ลักษณะของงาน
- การสร้างชน้ิ งานอาจใช้ความรู้ เรือ่ งกลไก ไฟฟา้
อเิ ล็กทรอนิกส์ เช่น LED มอเตอร์ บซั เซอร์ เฟือง
รอก ลอ้ เพลา
- อุปกรณ์และเคร่อื งมอื ในการสร้างชิ้นงาน หรือ
พัฒนาวธิ ีการมหี ลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้
ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภัย รวมท้งั รจู้ กั
เกบ็ รกั ษา
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ซื่อสตั ย์ สจุ ริต
1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ
- ทกั ษะการส่ือสาร 3. ใฝเ่ รยี นรู้
- ทักษะการแลกเปล่ยี นขอ้ มลู 4. มุ่งม่ันในการทำงาน
2. ความสามารถในการคดิ
- ทักษะการคดิ วิเคราะห์
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
- ทกั ษะการสังเกต
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
- ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- ทกั ษะการสบื คน้ ข้อมลู
6. ชิ้นงาน/ภาระงาน
6.1 แบบทดสอบกอ่ นเรียน
6.2 ใบงานที่ 2.2.1
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขน้ั นำ
ข้ันท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)
1. นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรอื่ ง วสั ดุ อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี
2. นักเรียนสังเกตภาพผลิตภณั ฑ์จากวัสดปุ ระเภทตา่ ง ๆ ในหนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เร่ือง
วสั ดุ อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี และเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นอภิปรายร่วมกันภายในช้นั เรียนวา่
ภาพดังกลา่ วประกอบดว้ ยวัสดุประเภทใดบ้าง
3. จากนนั้ ครูถามคำถามเพ่อื กระตุน้ ความสนใจของนกั เรียนวา่ “การเลอื กใช้วัสดทุ ีเ่ หมาะสม
มีผลตอ่ การสร้างได้อยา่ งไร”
(แนวตอบ : นกั เรียนตอบตามความคดิ เห็นของตนเอง โดยคำตอบขน้ึ อยู่กบั ดุลยพนิ จิ ของ
ครผู ู้สอน เชน่ การเลอื กใช้วัสดุต่าง ๆ มีผลต่อการสรา้ งนวัตกรรม ถา้ เลือกใชไ้ มเ่ หมาะสม
อาจจะสง่ ผลถงึ ปัญหาการใช้งานต่าง ๆ ได้ เปน็ ตน้ )
4. ครูอธิบายกับนักเรียนเพ่อื เชื่อมโยงเขา้ สบู่ ทเรยี นว่า“วัสดมุ ีหลากหลายประเภท ดงั นนั้
การใชง้ านจงึ จำเปน็ ต้องศกึ ษาหรือพิจารณาจากคณุ สมบตั ิใหต้ รงกบั ลกั ษณะการใช้งาน
เพ่ือความปลอดภยั และใชท้ รัพยากรไดอ้ ย่างคุ้มคา่ ”
ขน้ั สอน
ขนั้ ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน หรอื ตามความเหมาะสม โดยให้แตล่ ะกลมุ่ สบื คน้ ข้อมลู
เรือ่ ง ประเภทของวัสดุ จากหนงั สือเรียน หรือสบื คน้ เพม่ิ เติมจากอนิ เทอร์เน็ตที่
เครือ่ งคอมพิวเตอร์ของตนเอง ซ่งึ โดยท่วั ไปประเภทของวสั ดสุ ามารถแบ่งออกได้ ดงั นี้
1) โลหะ
1.1) โลหะประเภทเหลก็
1.2) โลหะนอกกลมุ่ เหล็ก
2) อโลหะ
2.1) วสั ดจุ ากธรรมชาติ
2.2) วัสดุสังเคราะห์
ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
2. ครอู ธิบายกบั นักเรียนวา่ “นอกจากวสั ดปุ ระเภทโลหะและอโลหะยงั มีวสั ดุประเภทต่าง ๆ
ทนี่ กั เรียนควรรจู้ กั เช่น วัสดุฉลาด วสั ดชุ วี ภาพ วัสดุนาโน เป็นตน้ ”
3. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนศึกษาความรูแ้ ละอภปิ รายร่วมกันภายในกลุม่ เกยี่ วกบั วสั ดุต่าง ๆ
ทก่ี ล่าวมา
4. ครสู มุ่ นักเรียน 3-4 คน ออกมาอภปิ รายเกร็ดเสริมความรู้ทีเ่ กยี่ วข้องกบั เนื้อหา (Design
Focus) ดงั นี้
“วัสดุฉลาด คือ วัสดุที่มีความสามารถในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก เช่น
มรี ูปรา่ งเปลย่ี นแปลงตามอุณหภูมิหรือมแี รงเคล่อื นไฟฟ้า เชน่ เลนส์ของแวน่ ตากันแดดสามารถ
ปรับสีได้เองตามความเข้มของแสงที่เปลี่ยนแปลงไป ลวดนำทาง (Guide Wire) ในการผ่าตัด
สายสวน (Catheter) ผ่านทางเส้นเลือด ถ้าหากวัสดุฉลาดเหล่านี้สามารถซ่อมแซมตัวเองหรือ
พัฒนาตวั เองใหด้ ีย่ิงข้ึน จะเรียกวัสดุเหล่านว้ี ่า วสั ดอุ ัจฉรยิ ะ (Intelligent Materials) เช่น
เส้นใยแก้วนำแสงที่มีข้อเสยี เร่อื ง ความเปราะบางและแตกหักง่าย ดงั นั้น เม่ือนำมาผสมกบั
วัสดุในกลมุ่ พอลิเมอร์จำรปู จนเกดิ เป็นเสน้ ใยแกว้ นำแสงอัจฉริยะชนดิ ใหมท่ ่ีสามารถซ่อมแซม
ตวั เองไดเ้ มอื่ เกดิ การแตกหักเสียหาย”
“วัสดุชีวภาพ คือ วัสดุที่สามารถเป็นส่วนประกอบหรือฝังอยู่ภายในร่างกายมนุษย์
เพื่อใช้เป็นวัสดุทดแทนส่วนต่าง ๆ ในร่างกายที่เสียหายจากโรคหรือสาเหตุอื่น ๆ เช่น ขาเทียม
หรอื กระดกู เทยี มที่ทำจากโลหะผสมท่เี ปน็ มิตรต่อรา่ งกาย ได้แก่ โลหะไทเทเนยี มผสม และ
โลหะผสมระหว่างโคบอลต์-โครเมียม”
“วัสดุนาโน คือ วัสดุที่มีขนาดอย่างน้อยหนึ่งมิติเป็นขนาดนาโน (มีขนาดระหว่าง
1 ถึง 100 นาโนเมตร) โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ วัสดุนาโนจากธรรมชาติ เช่น พื้นผิวใบบัวใย
แมงมุม เส้นขนตีนตุ๊กแกและวัสดุนาโนจากการผลิต เป็นวัสดุนาโนที่ผลิตขึ้น เพื่อให้มีสมบัติ
หรือองค์ประกอบที่จำเพาะ เชน่ อนุภาคนาโนของธาตเุ งนิ มฤี ทธิใ์ นการฆา่ เชอื้ โรค สามารถ
นำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ หรือ อุปกรณ์ฟอกอากาศ และสารเฟอร์โรอิเล็กทริกสามารถ
นำไปใช้งานทางดา้ นการเก็บขอ้ มูลของอุปกรณอ์ ิเล็กทรอนิกส”์
5. นกั เรยี นสแกนควิ อาร์โคด้ เรอื่ ง วสั ดสุ งั เคราะห์ จากหนังสือเรยี นและอภปิ รายความรูเ้ พื่อสรปุ
ประเด็นสำคัญทีไ่ ด้จากการดูคลปิ วีดิโอ ดังน้ี
“วัสดุสงั เคราะห์ คือ วัสดุทส่ี ร้างจากการผสมกนั ของวสั ดหุ รือกระบวนการทางเคมี เพ่อื ให้เกดิ
วัสดุท่ีมีคณุ ภาพทแี่ ตกต่างและดีข้ึน วัสดสุ ังเคราะห์ ได้แก่
1) ไมส้ ังเคราะห์ - นยิ มนำมาผลิตเฟอร์นิเจอร์ พ้ืนไม้ และระแนงกนั แดด
2) พลาสตกิ - นยิ มนำมาผลติ ภาชนะ ถุงพลาสตกิ และเคร่ืองใช้ไฟฟ้า
3) เซรามกิ - นยิ มนำมาผลิตภาชนะ เครื่องสุขภณั ฑ์ แจกนั
4) แกว้ - นยิ มนำมาผลิตภาชนะ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ กระจก
5) กระดาษ - นิยมนำมาผลิตกระดาษวาด กล่อง ผลงานศิลปะ
6) เส้นใยสังเคราะห์ - นิยมนำมาผลิตเชอื ก พรม เสื้อผ้า
7) ยางสังเคราะห์ - นยิ มนำมาผลิตยางรถยนต์ สายพานลำเลียง ฉนวนหุ้มสายไฟ”
ขั้นท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
6. นกั เรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม ใหเ้ ลน่ เกม วัสดอุ ะไรเอ่ย โดยมีกตกิ า ดังน้ี
“ครูเขียนช่อื วสั ดุบนกระดาน ไดแ้ ก่ เหลก็ อะลูมเิ นียม ไม้ ยาง ผา้ ไมส้ ังเคราะห์ พลาสติก
เซรามิก แกว้ กระดาษ เสน้ ใยสงั เคราะห์ ยางสังเคราะห์ และใหส้ มาชิกแตล่ ะกลมุ่ สลบั กัน
ออกมาบอกชื่อผลิตภัณฑ์ และบอกว่าทำมาจากวัสดุใด ซึ่งคำตอบของแต่ละกลุ่มจะต้องไม่ซ้ำ
กันและกำหนดเวลาให้แตล่ ะกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 วนิ าที โดยกลมุ่ ใดทท่ี ำผดิ กติกาจะต้องยุติการเล่น
เกม กลุ่มทชี่ นะจะเปน็ กลมุ่ สุดทา้ ยทีเ่ หลอื อยู่”
7. นักเรียนวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของวัสดุศาสตร์และวัสดุวิศวกรรมจากผังความคิดวัสดุศาสตร์
และวัสดุวศิ วกรรมจากหนงั สือเรยี น โดยครูอธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา่ “คณุ สมบัตติ ่างๆ ของวัสดุ
เรยี กว่า วัสดุศาสตร์ จงึ เปน็ ความร้หู ลักการพืน้ ฐานสำหรบั การประยุกตใ์ ช้งาน โดยการปรับปรงุ
คุณสมบัติของวัสดตุ า่ ง ๆ แลว้ นำมาผลิตเป็นผลติ ภณั ฑท์ ่ตี อ้ งการจะเรยี กวา่ “วสั ดุวศิ วกรรม”
8. ครูถามนักเรียนว่า“นักเรียนรู้จักเสน้ ใยแก้วนำแสงหรอื ไม่” จากนั้นครูอธิบายเกร็ดเสริมความรู้
ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา (Design Focus) เรื่อง เส้นใยแก้วนำแสงว่า“เส้นใยแก้วนำแสง หรือ
ไฟเบอร์ออปติก เป็นตัวกลางของสัญญาณแสงชนิดหนึ่งที่ทำมาจากแก้วซึ่งมีความบริสุทธ์ิ
สูงมาก เส้นใยแก้วนำแสงมีลักษณะเป็นเส้นยาวขนาดเล็ก มีขนาดประมาณเส้นผมของมนุษย์
เส้นใยแก้วนำแสงที่ดีต้องสามารถนำสัญญาณแสงจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้ โดยมี
การสูญเสียของสัญญาณแสงน้อยมาก เส้นใยแก้วนำแสงสามารถแบ่งตามความสามารถ
ในการนำแสงออกได้เปน็ 2 ชนิด คอื เสน้ ใยแกว้ นำแสงชนดิ โหมดเดีย่ ว (Singlemode
Optical Fibers) และเสน้ ใยแกว้ นำแสงชนิดหลายโหมด (Multimode Optical Fibers)”
9. ครูใหน้ ักเรียนแบง่ กลุ่ม(กลุ่มเดิม) เพอ่ื ร่วมกันทำใบงานท่ี 2.1.1 เรอื่ ง นกั ออกแบบผลิตภัณฑ์
โดยใหน้ ักเรียนวางแผนพฒั นาผลติ ภัณฑโ์ ดยวเิ คราะห์คุณสมบตั ขิ องผลติ ภณั ฑแ์ ตล่ ะชนิด
เลือกใชว้ สั ดใุ หเ้ หมาะสม และบอกขอ้ จำกดั ของผลิตภณั ฑ์
10. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ สง่ ตวั แทนออกมานำเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน
Note
วัตถุประสงค์ของกจิ กรรมเพือ่ ใหน้ ักเรียน
- มีทักษะการทำงานร่วมกันโดยใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานหรือการทำ
กิจกรรมเพ่อื ใหเ้ กดิ การส่อื สารและแลกเปลย่ี นข้อมูลรว่ มกันภายในกลุ่ม
- มที กั ษะการสืบคน้ ข้อมลู โดยให้นกั เรยี นแต่ละคนสบื คน้ ขอ้ มลู จากอนิ เทอร์เนต็
เพอื่ สืบเสาะหาความรตู้ ามหวั ขอ้ ท่ีได้รบั มอบหมาย
- มีทักษะการสังเกต โดยให้นักเรียนสังเกตภาพผลิตภัณฑ์จากวัสดุประเภทต่าง ๆ
และผังความคิดวัสดุศาสตร์และวัสดุวิศวกรรมจากหนังสือเรียนเพื่อนำไปปรับใช้ในการเรียน
ได้อย่างเหมาะสม
- มที ักษะการคิดวเิ คราะห์ โดยให้นกั เรียนพจิ ารณาเน้ือหาจากการสบื ค้นหรือศึกษา
ขอ้ มูลจากแหล่งข้อมลู ตา่ ง ๆ เช่น หนงั สือเรียน อนิ เทอรเ์ น็ต เป็นตน้
ขั้นสรปุ
ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมินผลจากการนำเสนอผลงานของนกั เรียน
2. ครตู รวจสอบความถูกต้องจากใบงานท่ี 2.1.1 เร่อื ง นกั ออกแบบผลิตภณั ฑ์
3. ครูถามคำถามเพื่อตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจของนักเรียนว่า“วัสดุแต่ละประเภทมีสมบัติ
ทแ่ี ตกต่างกนั หรือไม่ แต่ละประเภทมีสมบัติเดน่ อย่างไร”
(แนวตอบ : นกั เรยี นตอบตามความคดิ เหน็ ของตนเอง โดยคำตอบขึ้นอยกู่ บั ดุลยพนิ ิจของ
ครูผู้สอน เช่น วัสดุแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เช่น โลหะมีความแข็ง ผิวมันวาว