ดา้ นวัตถุ ดา้ นสังคม
- มีทักษะในการเลือกคอมพิวเตอร์และ - ปฏบิ ัตติ ามระเบียบการใช้
วัสดุอุปกรณ์ประกอบในการสร้างงาน คอมพวิ เตอร์รว่ มกับผอู้ ่นื
และนำเสนออย่างเหมาะสม
- ตระหนักและเห็นคุณค่าของการวาง - มีเจตคติท่ีดีในการช่วยเหลือเกื้อกูล
แผนการทำงานและการใช้วัสดุอุปกรณ์ แบ่งปนั เอ้อื เฟ้อื เผ่ือแผ่ ในการทำงาน
เพือ่ ใหเ้ กดิ ความคมุ้ คา่ - เห็นคุณค่าของการทำงานอย่างเป็น
- ตระหนักและเห็นคุณค่าของการอก ระบบและมกี ารวางแผนในการทำงาน
แบบและการสร้างชิ้นงานโดยใช้ -ตระหนักและเห็นคุณค่าของการเป็น
คอมพิวเตอร์ตามหลักปรัชญาของ แบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตาม
เศรษฐกจิ พอเพยี ง ระเบียบการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับ
- มเี จตคติท่ดี ีในการใช้คอมพวิ เตอร์เพ่ือ ผ้อู นื่
การนำเสนอความรู้
ด้านสิง่ แวดลอ้ ม ด้านวัฒนธรรม
- มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า - มีมารยาทในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับ
และประหยดั พลังงาน ผ้อู นื่
-ตระหนักและ เห็นคุณค่าของการเลือกใช้ - เกิดความภาคภมู ใิ จผลงานทที่ ำ
เทคโนโลยี เพื่อใช้ประโยชน์ได้อย่าง - ตระหนักและเห็นคุณค่าของการใช้ การ
เหมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ ม รักษาทรัพยากรส่วนรวมอย่างประหยัด
-ตระหนักและเห็นคุณค่าของการใช้ และคุม้ ค่า
เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่าและประหยัด -มีเจตคติท่ี ดีต่อวัฒนธรรมการใช้
พลังงาน เทคโนโลยรี ่วมกบั ผอู้ ่ืน
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3
คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ขอ้ ใดเปน็ ความสัมพนั ธ์ของกระบวนการทาง 5. ขน้ั ตอนสดุ ท้ายของกระบวนการการออกแบบเชงิ
วิทยาศาสตรแ์ ละวศิ วกรรมศาสตร์ วศิ วกรรมคอื ข้อใด
ก. วศิ วกรรมศาสตรส์ รา้ งเทคโนโลยีใหก้ บั ก. นำนวัตกรรมออกไปจำหนา่ ยแกผ่ ู้บริโภค
วิทยาศาสตร์ ข. สรุปการทดสอบเคร่อื งต้นแบบ
ข. วิทยาศาสตร์สร้างเทคโนโลยใี หก้ ับ ค. นำผลติ ภณั ฑไ์ ปใช้งานจริง
วศิ วกรรมศาสตร์ ง. ทำการผลติ นวัตกรรมจากการออกแบบ
ค. วศิ วกรรมศาสตร์สรา้ งองค์ความรใู้ ห้กบั 6. รปู แบบใดเปน็ รปู แบบการแกป้ ญั หาของระบบ
วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี
ง. วิทยาศาสตรส์ ร้างองคค์ วามรู้ให้กบั ก. การย่อยปญั หา
วิศวกรรมศาสตร์ ข. การออกแบบขน้ั ตอน
2. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์เก่ยี วข้องกับข้นั ตอนใด ค. อัลกอริทมึ
ของกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม ง. ระบบวงจร
ก. ออกแบบข้ันตอน 7. ระบบเทคโนโลยเี ปน็ ข้นั ตอนใดในกระบวนการ
ข. ประเมินผล ออกแบบเชงิ วศิ วกรรม
ค. รวบรวมองค์ความรู้ ก. การออกแบบละเอียด
ง. ออกแบบการผลิต ข. การสรา้ งเครื่องต้นแบบ
3. ขอ้ ใดเป็นการออกแบบทางวิศวกรรม ค. การออกแบบการผลิต
ก. กระบวนการแก้ปญั หา ง. การจำลองสถานการณ์
ข. กระบวนการคิดเชิงคำนวณ 8. การเรียนรใู้ นรูปแบบ STEM เปน็ การรวมศาสตรใ์ ด
ค. กระบวนการประดิษฐ์ เข้ามาเก่ียวขอ้ งบา้ ง
ง. กระบวนการวางแผน ก. วทิ ยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ คณติ ศาสตร์
4. การจำลองสถานการณ์ของกระบวนการ ภาษาศาสตร์
ออกแบบเชิงวศิ วกรรม หมายถงึ ข้อใด ข. วศิ วกรรมศาสตร์ นเิ ทศศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
ก. นำต้นแบบมาจำลองการใชง้ าน คณติ ศาสตร์
ข. สร้างเครอ่ื งตน้ แบบจากการออกแบบ ค. วศิ วกรรมศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์
ค. สร้างสถานการณเ์ พื่อทดสอบ เทคโนโลยี
ง. การจำลองรูปแบบการทำงาน ง. เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์
คณิตศาสตร์
9. เม่อื ตรวจพบข้อผดิ พลาดในกระบวนการออกแบบ 10. ขอ้ ใดคือความหมายของสะเต็มศกึ ษา
เชงิ วศิ วกรรม ควรทำส่งิ ใด ก. เน้นการนำความรู้ไปใชแ้ ก้ปญั หาในชีวติ จริง
ก. แกไ้ ขตามสถานการณ์ หรือผลิตสงิ่ ใหม่ ๆ
ข. ประเมินข้อผดิ พลาด ข. เนน้ การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้มคี วาม
ค. วเิ คราะห์การออกแบบ หลากหลายมากขน้ึ
ง. ย้อนกลบั ไปปรบั ปรงุ ค. เน้นกระบวนการทำงานทเ่ี ปน็ ขน้ั ตอน
ง. เน้นการออกแบบเชงิ วิศวกรรม
เฉลย 1. ง 2. ค 3. ข 4. ก 5. ก 6. ค 7. ก 8. ค 9. ง 10. ก
ใบงานที่ 3.1.1
เร่ือง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
คำชี้แจง : ใหน้ กั เรียนอธิบายวธิ ีการทำโคมไฟคริสตัล โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
1. ความรูเ้ ดิม
2. ความอยากรูท้ างวทิ ยาศาสตร์
3. ตั้งสมมตฐิ าน
4. ออกแบบการทดลอง
5. สรุปวิเคราะห์
6. นำขอ้ สรปุ ไปพิสูจน์
ใบงานที่ 3.1.1
เร่อื ง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนอธบิ ายวธิ กี ารทำโคมไฟคริสตลั โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
1. ความรู้เดมิ
- แสงสามารถหกั เหได้ และเดินทางผา่ นตวั กลางได้
- เมอ่ื แสงเดนิ ทางผ่านปรซิ มึ จะปรากฎแสงสขี าว
2. ความอยากรทู้ างวิทยาศาสตร์
- คริสตลั มลี กั ษณะเปน็ ปริซมึ แสงสามารถเดนิ ทางผา่ นและเปลี่ยนสีไดห้ รอื ไม่
3. ตง้ั สมมตฐิ าน
- นำคริสตลั ท่แี สงสามารถเดนิ ทางผา่ นได้มาทำเปน็ ของตกแตง่ หอ้ งให้เกดิ ความ
สวยงาม
4. ออกแบบการทดลอง
- ออกแบบโคมไฟครสิ ตัลให้เปน็ ทรงกลมและโคมไฟแขวนตดิ เพดาน
- จากน้ันนำโคมไฟคริสตลั ไปวางตรงแสงแดด แสงไฟ และสังเกตถึง
การเปลี่ยนแปลง
5. สรปุ วเิ คราะห์
- แสงจากโคมไฟกระจายออกจากคริสตัลทำให้เกิดแสงทม่ี คี วามสวยงาม
6. นำข้อสรปุ ไปพิสจู น์
- นำโคมไฟพรอ้ มวัสดุครอบโคมไฟมาติดดว้ ยคริสตัลตามรูปแบบและข้นั ตอน
ท่ีกำหนด
- ทดสอบและปรบั ปรุงชิ้นงาน
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
คำชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงใน
ช่องทตี่ รงกับระดบั คะแนน
คุณลกั ษณะอันพึงประสงคด์ า้ น ระดบั คะแนน
รายช่อื นักเรียน 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริ ์ย 321
2 ความซ่ือสัตย์สุจริต
3. มีวินัย
4. ใฝ่เรียนรู้
5. อ ่ยูอย่างพอเ ีพยง
6. ่มุง ั่มนในการทำงาน
7. รักความเ ็ปนไทย
8. มี ิจตสาธารณะ
ลงช่อื .......................................ผ้ปู ระเมิน
.................../.................../....................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
- พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบัติชดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัตชิ ดั เจนและบ่อยครง้ั
- พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบัติบางคร้ัง
บนั ทึกหลังการสอน
1. ผลการสอน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวเตชนิ ี ภิรมย์)
วันท่.ี ......เดอื น..........................พ.ศ. ............
4. ความคิดเห็นของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
ข้อเสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื ...............................................................
(นางสาวจรยิ า ยงกำลัง)
ตำแหน่ง หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
5. ความเหน็ ของหัวหนา้ กลุ่มบริหารวิชาการ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ...............................................................
(นางสาวรจุ ิรา บัวลอย)
ตำแหนง่ หวั หน้ากล่มุ บริหารวิชาการ
6. ความเหน็ ของผ้อู ำนวยการสถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ...............................................................
(นางจริ าพร อินทรทัศน์)
ตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวังหินวิทยาคม
แผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว22103
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เวลาเรียน 3 ชว่ั โมง
สาระที่ 4 เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี)
1. มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
1.1 ตัวชว้ี ดั
ว 4.1 ม.2/2 ระบปุ ัญหาหรือความต้องการในชุมชน หรอื ท้องถิ่น สรปุ กรอบของปญั หา รวบรวม
วิเคราะห์ ขอ้ มลู และแนวคดิ ทเี่ กีย่ วขอ้ งกับปญั หา
ม.2/3 ออกแบบวิธีการแกป้ ัญหา โดยวิเคราะหเ์ ปรยี บเทียบ และตดั สินใจเลอื กขอ้ มูลทีจ่ ำเปน็
ภายใตเ้ ง่อื นไขและทรพั ยากรที่มอี ยู่ นำเสนอแนวทางการแกป้ ัญหาใหผ้ ู้อนื่ เข้าใจ
วางแผนข้ันตอนการทำงานและดำเนินการแก้ปญั หาอย่างเป็นขน้ั ตอน
ม.2/4 ทดสอบ ประเมินผล และอธิบายปญั หาหรือขอ้ บกพรอ่ งที่เกดิ ข้นึ ภายใต้กรอบเงือ่ นไข
พรอ้ มทั้งหาแนวทางปรบั ปรงุ แก้ไข และนำเสนอผลการแก้ปัญหา
2. สาระสำคญั
เมื่อเรามองไปรอบ ๆ ตัวของเราก็จะพบเห็นส่ิงปลูกสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวก ที่จะช่วยให้มนุษย์
ดำเนินชีวิตไดส้ ะดวกสบาย สิ่งเหล่านี้เกดิ จากการที่มนุษย์คิดคน้ และทำการทดลองทฤษฎีต่าง ๆ จนได้ข้อสรุป
แนวคิดที่แน่ชัด มนุษย์จึงเริ่มคิดค้นและประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ โดยจะผ่านการวางแผน รวบรวมองค์ความรู้การ
ออกแบบ ทดสอบ ประเมินผล และนำเสนอ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดเหล่านี้เรียกว่ากระบวนการออกแบบเชิง
วศิ วกรรม
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายขนั้ ตอนของกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมไดอ้ ยา่ งถูกต้อง (K)
2. ออกแบบผลิตภัณฑ์โดยใช้หลักการออกแบบเชิงวศิ วกรรมได้ (P)
3. เหน็ ประโยชน์ของกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม (A)
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น
พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
- ปญั หาหรอื ความต้องการในชุมชนหรือทอ้ งถ่ิน
มหี ลายอย่าง ขึ้นกบั บริบทหรือสถานกาณท์ ่ี
ประสบ เช่น ด้านพลงั งาน สิง่ แวดลอ้ ม
การเกษตร การอาหาร
- การระบุปญั หาจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์
สถานการณ์ของปญั หาเพ่ือสรุปกรอบของ
ปัญหาแลว้ ดำเนนิ การสืบคน้ รวบรวมขอ้ มลู
ความรจู้ ากศาสตร์ตา่ ง ๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งเพ่อื
นำไปสูก่ ารออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา
- การวิเคราะห์ เปรียบเทยี บ และตัดสินใจเลอื ก
ข้อมลู ท่ีจำเปน็ โดยคำนงึ ถงึ เงือ่ นไขและ
ทรัพยากร เช่น งบประมาณ เวลา ขอ้ มูล และ
สารสนเทศ วัสดุ เคร่ืองมือและอุปกรณ์ ช่วยให้
ได้แนวทางการแก้ปญั หาทเ่ี หมาะสม
- การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หาทำได้
หลากหลายวิธี เช่น การรา่ งภาพ การเขยี น
แผนภาพ การเขยี นผงั งาน
- การกำหนดข้นั ตอนระยะเวลาในการทำงาน
กอ่ นดำเนินการแกป้ ญั หาจะชว่ ยให้การทำงาน
สำเร็จได้ ตามเปา้ หมาย และลดข้อผดิ พลาด
ของการทำงานที่อาจเกดิ ขนึ้
- การทดสอบและประเมินผลเปน็ การตรวจสอบ
ชนิ้ งาน หรอื วธิ กี ารว่าสามารถแกป้ ญั หาไดต้ าม
วตั ถปุ ระสงค์ภายใต้กรอบของปญั หา เพอื่ หา
ขอ้ บกพร่อง และดำเนินการปรับปรุงให้
สามารถ แก้ไขปัญหาได้
- การนำเสนอผลงานเปน็ การถ่ายทอดแนวคิด
เพ่อื ให้ผ้อู น่ื เข้าใจเกีย่ วกับกระบวนการทำงาน
และช้ินงานหรือวธิ ีการท่ีได้ ซ่ึงสามารถทำได้
หลายวธิ ี เชน่ การเขียนรายงาน การทำแผน่
นำเสนอผลงาน การจัดนทิ รรศการ
5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี นและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ
- ทกั ษะการสื่อสาร 2. ใฝ่เรียนรู้
- ทักษะการแลกเปล่ียนข้อมลู 3. ม่งุ มั่นในการทำงาน
2. ความสามารถในการคิด
- ทกั ษะการคิดวิเคราะห์
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
- ทักษะการสังเกต
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
- ทักษะการทำงานรว่ มกัน
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- ทักษะการสืบค้นขอ้ มูล
6. ชิ้นงาน/ภาระงาน
6.1 แบบทดสอบหลงั เรียน
7. กระบวนการจดั การเรียนรู้
วธิ ีการสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบใช้ปญั หาเปน็ ฐาน (problem - based learning)
ชัว่ โมงท่ี 1
ข้นั นำ
1. ครูทบทวนความรเู้ ดมิ เกยี่ วกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
2. ครูเปิดวีดิทัศน์เกี่ยวกับการผลิตรถยนต์ ให้นักเรียนดูพร้อมถามคำถามกระตุ้นความสนใจของ
นักเรียนว่า“ในการผลิตรถยนต์นักเรียนสังเกตเห็นขั้นตอนการผลิตอะไรบ้าง และสังเกตเห็น
การทำงานเชิงวิศวกรรมศาสตร์บ้างหรือไม่และปรากฏอยู่ในขั้นตอนใด” นักเรียนร่วมกันแสดง
ความคิดเห็นภายในหอ้ งเรยี น
3. ครูอธิบายกับนักเรียนเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า“กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเพื่อ
ให้ได้ผลงานโดยทั่วไปมีอยู่ 2 แบบ คือ การออกแบบเชิงวิศวกรรมโดยใช้วิทยาศาสตร์และ
คณิตศาสตร์ และการออกแบบเชิงวิศวกรรมโดยใช้ประสบการณ์ ซึ่ง 2 แบบนี้แตกต่างกัน
ท่คี วามนา่ เชอื่ ถอื ความปลอดภัย และการทำซ้ำ เปน็ ต้น”
4. ครูถามคำถามกระตนุ้ ความคิดใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเหน็ โดยใช้คำถามสำคญั ประจำหัวข้อว่า
“กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมมคี วามสำคัญในการสร้างเทคโนโลยีอย่างไร”
(แนวตอบ : นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดยคำตอบขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ
ครูผู้สอน เช่น กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเป็นกระบวนการสำคัญที่ทำงานอย่างเป็น
ระบบจะทำให้สร้างเทคโนโลยีมีประสิทธิภาพผ่าน 6 ขั้นตอนหลักและสามารถจำแนก
รายละเอยี ดไดเ้ ปน็ 13 ข้นั ตอน เปน็ ต้น)
ข้นั สอน
ขน้ั ท่ี 1 กำหนดปัญหา
1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม ตามสถานการณ์ที่ครูกำหนด จากนั้นครูชี้แจงรายละเอียด
เกี่ยวกับ สถานการณ์ปัญหาว่า “จากการที่ครูได้ทำการสำรวจปัญหาภายในชุมชน ทำให้พบ
ปญั หาทัง้ หมด 4 ปญั หา ดังน้ี
1) ไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อจำนวนครัวเรือน จึงต้องการเครื่องปั่นไฟที่สามารถผลิต
ไฟฟา้ ได้เอง
2) ส่งิ แวดลอ้ มในบริเวณชุมชนปรากฏขยะมูลฝอยเปน็ จำนวนมาก จงึ ตอ้ งการ
เคร่ืองกำจัดขยะทสี่ ามารถย่อยสลายขยะได้งา่ ย
3) ชาวบ้านต้องการหมักปุ๋ยจำนวนมาก แต่ไม่มีแรงงานในการทำงานที่เพียงพอ
จึงต้องการเครือ่ งหมกั ปุ๋ยอัตโนมัติ
4) ชาวบ้านตอ้ งการแปรรูปเน้ือสัตว์ดว้ ยวิธีการรมควนั จงึ ตอ้ งการเครอ่ื งอบรมควัน
ทส่ี ามารถใช้ได้ในครวั เรือน”
ขน้ั ท่ี 2 ทำความเข้าใจปัญหา
2. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมว่า“การออกแบบ
เชิงวิศวกรรมเป็นคำที่ใช้อธิบายกระบวนการสร้างเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือสิ่งประดิษฐ์
ซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินงานที่มีความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และเกิดการทำซ้ำ
โดยกระบวนการเหล่านี้เป็นกระบวนการที่อาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
เขา้ มาพัฒนา แตก่ ็มกี ระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมที่ไม่ได้ใชห้ ลกั การทางวทิ ยาศาสตร์และ
คณติ ศาสตร์เข้ามาเกย่ี วข้อง คอื กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมโดยใชป้ ระสบการณ์
กระบวนการนเี้ กิดจากการคิดคน้ และประดิษฐจ์ ากภมู ปิ ัญญาชาวบ้าน เชน่ เคยี วเกี่ยวข้าว
เรือไม้ พาย เป็นต้น”
3. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การเรียนรู้รูปแบบ STEM ว่า“ปัจจุบันเทคโนโลยี และ นวัตกรรม
ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้มีผู้คิดค้นการเรียนรู้รูปแบบ STEM คือ การผนวกแนวคิด
การออกแบบเชิงวิศวกรรมเข้ากับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ
เทคโนโลยี เพื่อให้เกิดการออกแบบวิธีการหรือกระบวนการ เพื่อตอบสนองความต้องการท่ี
จะสรา้ งสรรคผ์ ลงานหรอื แกป้ ญั หาท่ีเกยี่ วขอ้ งกับชวี ติ ประจำวัน”
4. นักเรยี นศกึ ษาขัน้ ตอนหลัก 6 ขั้นตอนของกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมจากหนังสือ
เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3
กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เพอ่ื ทำความเขา้ ใจถึงรายละเอียดต่าง ๆ อยา่ งละเอียด
โดยเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนสืบค้นขอ้ มลู เพิ่มเติมจากทางอนิ เทอรเ์ น็ตที่เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ของ
ตนเอง
ขน้ั ที่ 3 ดำเนนิ การศกึ ษาคน้ ควา้
5. เปดิ โอกาสให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอภปิ รายรว่ มกันจากศึกษาคน้ คว้าหาความรู้ เร่อื ง กระบวนการ
ออกแบบเชิงวศิ วกรรม 6 ข้นั ตอน เพอ่ื นำมาแก้ปัญหาสถานการณต์ ามทกี่ ลุ่มตนเองได้รบั
มอบหมาย
6. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ศึกษาและสงั เกตตวั อยา่ ง เร่ือง กระบวนการพัฒนาเตาอบพลังงาน
แสงอาทติ ย์ดว้ ยกระบวนการเชงิ วิศวกรรมศาสตรท์ ง้ั 6 ข้นั ตอน จากหนงั สือเรยี น ดงั น้ี
ขั้นตอนท่ี 1 ระบปุ ญั หา
ข้ันตอนท่ี 2 รวบรวมข้อมลู และแนวคดิ ท่ีเก่ียวข้องกับปัญหา
ข้นั ตอนที่ 3 ออกแบบวธิ กี ารปญั หา
ขน้ั ตอนที่ 4 วางแผนและดำเนนิ การแก้ปญั หา
ขั้นตอนที่ 5 ทดสอบ ประเมนิ ผลและปรบั ปรงุ วธิ กี ารแก้ปญั หาหรอื ชนิ้ งาน
ขั้นตอนท่ี 6 นำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาหรือชนิ้ งาน
7. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมที่เป็นขั้นตอนหลกั ท้ัง 6 ข้นั ตอน
มาปรบั ใช้ในการแก้ปัญหาสถานการณต์ ามท่ีกลุม่ ของตนเองไดร้ บั มอบหมาย
ชว่ั โมงท่ี 2
ขัน้ ที่ 3 ดำเนินการศึกษาค้นควา้
8. นักเรียนสังเกตผังแสดงกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมจากหนังสือเรียนที่จะทำให้เห็น
ถึงขั้นตอนหลักของกระบวนการทั้ง 6 ขั้นตอน ถูกจำแนกรายละเอียดออกเป็น 13 ขั้นตอน
ซึ่งเป็นการทำงานที่มีความละเอียดมากขึ้น โดยใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
บนฐานความคิดเดียวกับกระบวนการออกแบบการแก้ปัญหา ซึ่งกระบวนการออกแบบ
เชิงวศิ วกรรมทั้ง 13 ขั้นตอน มีดงั นี้
1) ระบุความต้องการ (Recognition of need and definition of problem)
เป็นการระบุส่งิ ท่ีตอ้ งการผลิตหรือสร้างสรรค์ผลงาน
2) ระบุคุณลักษณะที่ต้องการ (Specification) เป็นการระบุสิ่งต้องการแก้ปัญหา
เบ้อื งต้นหรือรูปแบบลักษณะของผลิตภณั ฑ์
3) การรวบรวมข้อมูล (Gathering of information) เป็นการหาข้อมูลเกี่ยวกับ
รายละเอียดของรปู แบบ ลกั ษณะของผลติ ภัณฑ์ หรือระบบของทำงานของ
ผลิตภัณฑ์
4) ศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) เป็นการนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์
เพื่อนำไปใช้แก้ปัญหา และเพื่อให้ตอบโจทย์การแก้ปัญหาได้ตรงตาม
ความต้องการมากทส่ี ดุ
5) สังเคราะห์หาหลักการสร้างสรรค์ (Creative Design Synthesis) เป็นการหา
หลักการหรอื แนวทางแก้ปัญหาและการสรา้ งสรรค์ชิน้ งาน
6) ออกแบบสรา้ งขน้ั ตอน (Preliminary Design) เปน็ ขน้ั ตอนทวี่ ศิ วกรนำหลักการ
มาออกแบบรปู รา่ ง โดยมเี งอ่ื นไขจากการสังเคราะหท์ เ่ี สรจ็ แล้ว
7) จำลองสภาพสถานการณ์ (Simulation) เป็นการนำต้นแบบมาจำลอง
การใช้งานหรือวิศวกรอาจจะนำเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์มาจำลอง
เป็นสถานการณเ์ บ้ืองตน้
8) ออกแบบละเอียด (Detailed Design) เป็นการออกแบบรายละเอียดของ
ทกุ ระบบ เพอื่ ใหเ้ กิดกระบวนการทำงานของนวตั กรรม โดยตอ้ งใหท้ ุกสว่ น
ทำงานสัมพนั ธ์กนั
9) สร้างและทดสอบเครื่องต้นแบบ (Prototype build and test) เป็นขั้นตอน
ทร่ี วบรวมข้อมลู ทัง้ หมดแลว้ ทำการสร้างเครอ่ื งตน้ แบบขน้ึ มาจริง
10) ประเมนิ ผล (Evaluation) ข้ันตอนนีจ้ ะเปน็ การตรวจสอบผลการทำงาน
ของเคร่ืองต้นแบบ และจดปัญหาหรอื ข้อบกพรอ่ งของการทำงาน
11) ประชุมสรุปผล (Design Conclusion) เปน็ การตัดสนิ ใจว่าผลิตภัณฑ์
จะสามารถนำไปใช้ไดห้ รอื ไม่ เพราะถา้ ไมผ่ า่ นตอ้ งกลบั ไปแกไ้ ขใหม่ต้ังแต่
ขนั้ การออกแบบ
12) ออกแบบการผลิต (Design for production) เป็นขัน้ ตอนทผ่ี อู้ อกแบบ
ตอ้ งส่ือสาร กับผู้ผลติ เพือ่ ให้ผ้ผู ลิตสามารถผลิตออกมาได้ตรงตามการออกแบบ
13) จำหน่ายผลติ ภัณฑ์ (Product Release) ขัน้ ตอนนเี้ ปน็ หน้าทข่ี องฝา่ ยขาย
ท่จี ะต้องนำสนิ คา้ ไปจำหน่าย
ขนั้ ท่ี 4 สังเคราะห์ความรู้
9. นักเรียนแตล่ ะคนแลกเปลี่ยนความรู้โดยนำเสนอรว่ มกันภายในกลมุ่ เกี่ยวกบั การ ออกแบบเชิง
วิศวกรรม 13 ขน้ั ตอน พร้อมตรวจสอบข้อมูลทไ่ี ด้ศกึ ษาและสืบค้นมาตอบสถานการณ์ปัญหา
ของกลุ่มตนเองได้ครบถ้วน และให้สมาชิกในกล่มุ ลงมตวิ ่าพึงพอใจกับคำตอบหรือไม่ ถ้ามตขิ อง
กลมุ่ ยงั ไมเ่ ป็นที่พอใจให้ทบทวนและหาความรู้เพม่ิ เติม
ขนั้ ท่ี 5 สรปุ และประเมนิ ค่าของคำตอบ
10. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั สรุปองค์ความร้ทู ี่ไดจ้ ากการศึกษา กระบวนการออกแบบเชิง
วศิ วกรรม 13 ขนั้ ตอน จากน้ันนำสถานการณ์ปัญหาของกล่มุ ตนเองมาสรา้ งเป็นกระบวนการ
ออกแบบเชิงวิศวกรรม
ชวั่ โมงที่ 3
ขัน้ ท่ี 6 นำเสนอและประเมินผลงาน
11. นักเรยี นแต่ละกลุม่ นำเสนอผลงานเก่ียวกบั กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมจากสถานการณ์
ทไ่ี ด้รับในรปู แบบของ PowerPoint จากนั้นครูผสู้ อนประเมินผลงานการนำเสนอของแตล่ ะ
กลุ่ม
12. จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นแบ่งกลุม่ กล่มุ ละ 3 คน เพือ่ รว่ มกนั ทำกิจกรรมท่ีสอดคล้องกับเน้ือหา
โดยใหผ้ เู้ รียนฝึกปฏิบัติเพ่อื พัฒนาความรู้และทกั ษะ (Design Activity)
Note
วัตถปุ ระสงค์ของกจิ กรรมเพื่อใหน้ ักเรียน
- มีทักษะการทำงานร่วมกันโดยใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานหรือการทำ
กจิ กรรมเพอื่ ใหเ้ กดิ การสอื่ สารและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกนั ภายในกล่มุ
- มีทกั ษะการสืบคน้ ขอ้ มลู โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนสืบค้นข้อมูลจากอินเทอรเ์ นต็
เพอื่ สบื เสาะหาความรู้ตามหัวขอ้ ที่ได้รบั มอบหมาย
- มีทักษะการคิดวเิ คราะห์ โดยใหน้ กั เรียนพิจารณาเน้ือหาจากการสบื คน้ หรือศึกษา
ขอ้ มลู จากแหลง่ ขอ้ มูลตา่ ง ๆ เช่น หนังสือเรยี น อนิ เทอรเ์ นต็ เป็นต้น
- มีทักษะการสังเกต โดยให้นักเรียนสังเกตตัวอย่าง เรื่อง กระบวนการพัฒนาเตาอบ
พลังงานแสงอาทิตย์ด้วยกระบวนการเชิงวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อนำไปปรับใช้ในการเรียนได้
อยา่ งเหมาะสม
ขัน้ สรปุ
1. นักเรียนและครรู ่วมกันสรุปความรเู้ กย่ี วกบั กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมวา่
“กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เปน็ รูปแบบการทำงานของการผลิตสิ่งประดษิ ฐ์
เทคโนโลยี หรือนวัตกรรม ในรูปแบบของการแก้ปัญหาโดยใช้แนวคิดเชิงการคำนวณ
การแตกย่อยปัญหา การมองหารูปแบบ การกำหนดหลักการ และการออกแบบขั้นตอน
การทำงาน โดยจะมกี ารตรวจสอบผลตามข้ันตา่ ง ๆ เพือ่ เป็นการปรับปรงุ แก้ไขปัญหาและ
ขอ้ บกพรอ่ งของผลติ ภณั ฑ์”
2. นักเรียนแต่ละคนทำแบบฝึกหัดทบทวนความรู้ ความเข้าใจ และพัฒนาทักษะการคิดของผู้อ่ืน
(Unit Activity)
3. นักเรียนตรวจสอบระดับความสามารถของตนเอง (Self-check) โดยพิจารณาข้อความว่า
ถูกหรือผิด หากนักเรียนพิจารณาข้อความไม่ถูกต้อง ให้นักเรียนกลับไปทบทวนเนื้อหา
ตามหวั ข้อที่กำหนดให้
4. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
เพอื่ วดั ความรทู้ ่นี กั เรยี นได้รบั หลงั จากผา่ นการเรียนรู้
8. การวัดและประเมนิ ผล วิธวี ดั เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน
รายการวดั - สังเกตพฤติกรรมการ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2
ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
8.1 ประเมนิ ระหว่างการจัด
กจิ กรรมการเรยี นรู้ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2
1) พฤติกรรมการทำงาน ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
รายบคุ คล - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2
2) การนำเสนอผลงาน การทำงานกลุ่ม การทำงานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์
3) พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ - ตรวจชน้ิ งาน - แบบประเมินชิน้ งาน ระดบั คุณภาพ 2
- แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์
4) การสร้างช้นิ งาน - สงั เกตความมวี ินัย คุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ 2
การออกแบบเชิงวศิ วกรรม ความรบั ผิดชอบ อันพงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์
ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มัน่ - แบบทดสอบก่อนเรยี น
5) คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ในการทำงาน ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
- ตรวจแบบทดสอบ
8.2 การประเมินหลังเรยี น กอ่ นเรยี น
- แบบทดสอบหลังเรียน
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3
เรือ่ ง กระบวนการออกแบบ
เชิงวศิ วกรรม
9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
9.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3
กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
2) สอื่ การเรยี นรู้ออนไลน์ ของ สสวท. ผา่ นเว็บไซต์ https://proj14.ipst.ac.th/m2/m2-dt/
3) วิดิทัศน์เกยี่ วกับการผลิตรถยนต์
4) ส่ือ PowerPoint
5) เครื่องคอมพิวเตอร์
9.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อินเทอรเ์ น็ต
10. การใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงในการจดั การเรยี นรู้
10.1 การนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาจดั การเรียนร้ขู องผู้สอน
3 ห่วง หลักพอประมาณ
ประเด็น
1.ภาระงาน/หนา้ ที่ วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน มุ่งเน้นให
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มาตรฐานการ พึงประส
เรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ และบริบท ตัวชี้วดั ส
ของโรงเรียน การศึกษ
บรบิ ทขอ
2. การวางแผน จัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้สื่อ / แหล่ง เพื่อจัดก
เรียนรู้ / ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ มาตรฐา
สูงสุดตามมาตรฐานและตัวชี้วัดมีลักษณะพึง
ประสงค์ ตามที่หลักสูตรกำหนด เหมาะสม ตามที่ห
กบั วยั ระดบั ชั้น และเวลาเรยี นของผเู้ รียน ระดบั ชัน้
หลักมเี หตุผล หลกั สร้างภูมคิ ุ้มกนั ทด่ี ีในตวั
ห้ผู้เรียนมีความรู้ทักษะคุณลักษณะอัน มีการวางแผนและบริหารจัดการ เพื่อจัดการ
สงค์บรรลุตาม มาตรฐานการเรียนรู้ เรียนรู้ ให้ตรงตามหลักสูตรแกนกลาง
สาระการเรยี นรู้ ของหลักสตู รแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และ
องโรงเรยี น มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้
และบรบิ ทของโรงเรยี น
กิจกรรมการเรียนการสอนบรรลุตาม วางแผนการเตรียมการสอนไม่ให้บกพร่อง
านและตัวชี้วัดมีลักษณะพึงประสงค์ โดยจัดทำแผนจัดการเรียนรู้ สื่อ แบบวัดและ
หลักสูตรกำหนด เหมาะสมกับวัย ประเมินผล ที่เหมาะสมกับมาตรฐาน ตัวชี้วัด
น และเวลาเรยี นของผูเ้ รียน สาระการเรียนรู้ และบริบทของโรงเรียน
เหมาะสมกับวัย ระดับชั้น และเวลาเรียนของ
ผู้เรียน
3 ห่วง หลักพอประมาณ
ประเด็น
3.เทคนคิ /วิธีสอน เลือกกจิ กรรมการเรียนรใู้ ห้เหมาะกับบริบท ออกแบบ
การนำเท
ของ ผ้เู รยี น ครู ชุมชน ธรรมชาติวิชา และ ทรัพยาก
ทรัพยากรทมี่ ีอยู่
4. การเลือกใช้ เลอื กและใช้เครื่องมือ วิธีการ และเกณฑก์ าร เพ่อื ให้ผ
เครื่องมือ วิธีการ และ วดั ผลประเมินผลใหเ้ หมาะสมกับกิจกรรม เรยี นรู้ขอ
เ ก ณ ฑ ์ ก า ร ว ั ด ผ ล การเรียนรู้และศักยภาพของผ้เู รียน พน้ื ฐาน
ประเมนิ ผล
ความรู้: รอบรหู้ ลักสตู รสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 มาต
เทคนคิ วธิ สี อน
คณุ ธรรม: ใฝเ่ รียนรู้ ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ความขยนั ความยตุ ธิ รรม
หลักมีเหตุผล หลกั สรา้ งภมู ิคุ้มกนั ท่ดี ใี นตัว
บการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้เห็นคุณค่า จัดเตรียมสื่อ / แหล่งเรียนรู้ / ทรัพยากรที่มี
ทคโนโลยี สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้ / วัสดุ อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนให้
กรที่มีอยู่มาใช้ให้เกดิ ประโยชน์สงู สดุ เพียงพอกับผู้เรียน เตรียมสื่อ CAI (โปรแกรม
ช่วยสอน) ในกรณีที่ครูไม่สามารถมาสอนได้
ลว่ งหนา้
ผูเ้ รียนบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคก์ ารจัดการ เตรียมวิธีป้องกันปัญหา ที่อาจเกิดจากการ
องหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั จดั การเรยี นรู้ การใช้เคร่อื งมือไม่ตรงตามแผน
พทุ ธศักราช 2551
ที่วางไว้ วัดและประเมินผลบรรลุตาม
วตั ถุประสงค์ทีก่ ำหนด
ตรฐาน/ตัวชีว้ ัด เนือ้ หาความรู้เร่ือง พน้ื ฐานทางคอมพิวเตอร์ การวัดผล ประเมนิ ผล และ
รกั และเมตตาตอ่ ศิษย์
10.2 คณุ ลกั ษณะ “อยู่อย่างพอเพียง” ทีเ่ กิดกับผู้เรียน
หลักพอประมาณ หลกั
1.เลอื กใช้ฮาร์ดแวร์อปุ กรณ์เครือข่ายและ 1.ตัดสินใจเลือกใช้ฮาร์ดแ
ตามความจำเป็นใช้งานไม่ฟุ่มเฟือยเสียค่าใช้จ่ายเกิน ตรงตามความต้องการใช้ง
ความจำเป็น 2. ยอมรับความคิดเห็นแล
2. แบ่งหน้าที่การทำงานได้ตรงกับความสามารถของ กลมุ่
สมาชกิ แต่ละคนในกลุ่มภายใต้เวลาทก่ี ำหนด 3.ใช้ทักษะกระบวนกา
3.ปฏบิ ัตงิ านโดยใช้ระยะเวลาทเ่ี หมาะสม ท้ังนี้ตอ้ งเกิด เทคโนโลยี การทำงานนอ
จากการวางแผนการทำงานที่ดีและทำงานอย่างเป็น บรรลตุ ามเป้าหมาย
ระบบรูจ้ ักใชเ้ ทคโนโลยีท่ีเหมาะสมกับภาระงาน
ความรู้: มคี วามรู้ ความเขา้ ใจกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
คณุ ธรรม: มีความซอื่ สัตย์ในการปฏบิ ตั งิ าน ขยนั รบั ผิดชอบ มงุ่ ม่นั ในการทำงา
เรยี นทัง้ ดา้ นความรู้และทรัพยากรท่ีเกีย่ วข้องกับบริบทของการสร้างและนำเสนองาน
นำไปสู่ สมดุลและพร้อ
กมีเหตุผล หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกันท่ดี ีในตัว
แวร์อุปกรณ์เครือข่ายต่าง ๆได้ 1. มีการวางแผนในการเรียน การทำงานกลุ่มอย่าง
งาน รอบคอบและเป็นระบบ
ละความสามารถของสมาชิกใน 2.เตรียมพร้อมแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่สร้าง
งานและนำเสนอผลงาน
ารทำงานกลุ่ม ทักษะการใช้ 3. เตรียมพร้อมสำหรับผลคะแนนที่จะได้รับจากการ
อกเวลาเรียนเพื่อให้ภาระงาน ตรวจชิ้นงานและนำเสนองานของครผู สู้ อน
าน มคี วามประหยดั ในการเลือกวสั ดแุ ละอปุ กรณ์เทคโนโลยี มีน้ำใจชว่ ยเหลอื เพ่ือนในชน้ั
นโดยใช้โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และส่งงานตรงเวลา
อมรับการเปล่ยี นแปลง
ด้านวตั ถุ ด้านสังคม
- มีความรู้ในการวางแผนการทำงาน - การทำงานร่วมกบั เพ่อื น
ก า ร จ ั ด แ บ ่ ง ห น ้ า ท ี ่ ต า ม ค ว า ม รู้ ในกลุ่ม
ความสามารถของแตล่ ะคน - แลกเปลี่ยนเรยี นรู้รว่ มกัน
- มีความรู้ในเรื่องการสืบค้นการ สรุป กับเพอื่ น และครู
องค์ความรู้ และการจัดการความรู้โดย - ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการทำงาน
ใช้คอมพิวเตอร์ตามหลักปรัชญาของ อยา่ งสรา้ งสรรค์
เศรษฐกิจพอเพยี ง - ร ู ้ ร ะ เ บ ี ย บ ก า ร ป ฏ ิ บ ั ต ิ ใ น ก า ร ใ ช้
- มีความรู้ ความเข้าใจในเรือ่ งของการ คอมพิวเตอร์ร่วมกบั ผู้อ่นื
ใช้คอมพวิ เตอร์และอปุ กรณป์ ระกอบอื่น
เพื่อการสร้างงาน
- มีทักษะในการวางแผนการทำงานและ - มที ักษะในการทำงาน
การใช้วัสดุอุปกรณ์ เพื่อให้เกิดความ ร่วมกนั แบง่ ปนั
คุ้มคา่ เอ้ือเฟื้อเผือ่ แผ่
- มีทักษะในการออกแบบและการสร้าง - ทกั ษะการทำงานอย่าง
ชิ้นงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ตามหลัก เป็นระบบมกี ารวางแผน
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในการทำงาน
ด้านสิง่ แวดล้อม ดา้ นวัฒนธรรม
- มีความรู้ในการเลือกใช้เทคโนโลยี เพ่ือ - รวู้ ฒั นธรรมในการทำงานรว่ มกับผ้อู ืน่
ใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมกับ - รู้วัฒนธรรม ในการแบ่งปัน การใช้
สภาพแวดล้อม เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการสร้างชิน้ งาน
- มีความรู้ในการใช้เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า - รู้มารยาทในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับ
และประหยัดพลงั งาน ผอู้ ืน่
- มีทักษะในการเลือกใชเ้ ทคโนโลยี เพื่อใช้ - ถ่ายทอดวัฒนธรรมในการแบ่งปันการ
ป ร ะ โ ย ช น์ ไ ด ้ อ ย ่ า ง เ ห ม า ะ ส ม กั บ ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการสร้าง
สภาพแวดลอ้ ม ช้ินงาน
ดา้ นวัตถุ ดา้ นสังคม
- มีทักษะในการเลือกคอมพิวเตอร์และ - ปฏบิ ตั ติ ามระเบียบการใช้
วัสดุอุปกรณ์ประกอบในการสร้างงาน คอมพวิ เตอร์รว่ มกบั ผ้อู ่นื
และนำเสนออย่างเหมาะสม
- ตระหนักและเห็นคุณค่าของการวาง - มีเจตคติที่ดีในการช่วยเหลือเกื้อกูล
แผนการทำงานและการใช้วัสดุอุปกรณ์ แบง่ ปัน เออ้ื เฟือ้ เผือ่ แผ่ ในการทำงาน
เพือ่ ใหเ้ กดิ ความคมุ้ คา่ - เห็นคุณค่าของการทำงานอย่างเป็น
- ตระหนักและเห็นคุณค่าของการอก ระบบและมีการวางแผนในการทำงาน
แบบและการสร้างชิ้นงานโดยใช้ - ตระหนักและเห็นคุณค่าของการเป็น
คอมพิวเตอร์ตามหลักปรัชญาของ แบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตาม
เศรษฐกจิ พอเพยี ง ระเบียบการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับ
- มเี จตคติท่ดี ีในการใช้คอมพวิ เตอร์เพื่อ ผ้อู นื่
การนำเสนอความรู้
ด้านสงิ่ แวดลอ้ ม ด้านวฒั นธรรม
- มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า - มีมารยาทในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับ
และประหยดั พลงั งาน ผูอ้ ืน่
- ตระหนกั และ เห็นคุณค่าของการเลือกใช้ - เกดิ ความภาคภมู ิใจผลงานทท่ี ำ
เทคโนโลยี เพื่อใช้ประโยชน์ได้อย่าง - ตระหนักและเห็นคุณค่าของการใช้ การ
เหมาะสมกับสภาพแวดลอ้ ม รักษาทรัพยากรส่วนรวมอย่างประหยัด
- ตระหนักและเห็นคุณค่าของการใช้ และคุ้มค่า
เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่าและประหยัด - มีเจตคติที่ดีต่อวัฒนธรรมการใช้
พลงั งาน เทคโนโลยรี ่วมกบั ผอู้ ื่น
แบบทดสอบหลังเรยี น
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3
คำชแี้ จง : ให้นักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เกดิ จากการนำองค์ความรู้ 7. ข้ันตอนการ Research ของกระบวนการออกแบบเชงิ
ทางดา้ นใดนำมาสรา้ ง วศิ วกรรมคือข้นั ตอนใด
ก. Technology ข. STEM ก. รวบรวมข้อมูล ข. ศกึ ษาความเป็นไปได้
ค. Engineering ง. Science ค. จำลองสถานการณ์ ง. ออกแบบละเอยี ด
2. การย้อนกลบั ไปปรบั ปรุงของกระบวนการ 8. ข้อใดเกี่ยวข้องกบั กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม
ออกแบบเชิงวศิ วกรรม จะทำการปฏิบัติเม่ือใด ก. กระบวนการ ข. กระบวนการทดลอง
ก. พบข้อผดิ พลาด ข. ข้นั ตอนการออกแบบ ค. กระบวนการประเมนิ ผล ง. กระบวนการคดิ เชิงคำนวณ
ค. วิเคราะหก์ ารออกแบบ ง. ประเมนิ การทำงาน 9. ขอ้ ใดเปน็ การใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
3. ขอ้ ใดคือความหมายของสะเตม็ ศกึ ษา ก. พีทาโกรสั คดิ สตู รการคำนวณรปู สามเหล่ียมมมุ ฉาก
ก. เนน้ การนำความรู้ไปใชแ้ ก้ปญั หาในชีวติ จรงิ ข. มารก์ ซักเคอร์เบริ ์กคดิ ค้นแอปพลเิ คชนั เฟซบุ๊ก
หรือผลิตส่ิงใหม่ ๆ ค. นิวตันทำการแยกแสงสีขาวออกจากดวงอาทิตยโ์ ดยใช้ปรซิ ึม
ข. เนน้ การสร้างสรรคส์ ิ่งใหม่ ๆ ใหม้ ีความ ง. ชาวจนี ประดษิ ฐ์จื่อหนานเจินเป็นชาตแิ รก
หลากหลายมากข้ึน 10. ขอ้ ใดกล่าวถึงความสัมพันธ์ของกระบวนการทาง
ค. เนน้ กระบวนการทำงานท่เี ปน็ ข้ันตอน วิทยาศาสตรแ์ ละวศิ วกรรมศาสตรไ์ ด้ถูกต้อง
ง. เน้นการออกแบบเชิงวศิ วกรรม ก. วิทยาศาสตรส์ ร้างเทคโนโลยใี หก้ ับ
4. ข้อใดเปน็ ขนั้ ตอนของการออกแบบละเอียดของ วศิ วกรรมศาสตร์
กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ข. วิศวกรรมศาสตร์สรา้ งองค์ความรู้
ก. วางแผนการแกป้ ัญหา ข.สรา้ งสถานการณจ์ ำลอง ใหก้ บั วิทยาศาสตร์
ค. ระบบเทคโนโลยี ง.ระบบสารสนเทศ ค. วิทยาศาสตร์สรา้ งองคค์ วามรใู้ ห้กับ
5. อัลกอริทมึ มรี ปู แบบการทำงานอย่างไร วศิ วกรรมศาสตร์
ก. การย่อยปัญหา ข. การแกป้ ญั หา ง. วิศวกรรมศาสตร์สร้างเทคโนโลยี
ค. การออกแบบข้ันตอน ง. การวางระบบวงจร ใหก้ ับวิทยาศาสตร์
6. ข้นั ตอนใดของการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมเป็นขั้นตอน
ทร่ี ะบปุ ัญหาท่ีจะทำการสรา้ งช้ินงานหรือผลงาน
ก. รวบรวมขอ้ มูล ข. ระบคุ ุณลกั ษณะ
ค. ศึกษาความเป็นไปได้ ง. ระบคุ วามตอ้ งการ
เฉลย
1. ข 2. ก 3. ก 4. ค 5. ข 6. ง 7. ข 8. ง 9. ค 10. ค
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
คำชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงใน
ช่องทตี่ รงกับระดบั คะแนน
คุณลกั ษณะอันพึงประสงคด์ า้ น ระดบั คะแนน
รายช่อื นักเรียน 1. รักชาติ ศาสน์ ก ัษตริ ์ย 321
2 ความซ่ือสัตย์สุจริต
3. มีวินัย
4. ใฝ่เรียนรู้
5. อ ่ยูอ ่ยางพอเ ีพยง
6. ่มุง ั่มนในการทำงาน
7. รักความเ ็ปนไทย
8. มี ิจตสาธารณะ
ลงช่อื .......................................ผ้ปู ระเมิน
.................../.................../....................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
- พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบัติชดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัตชิ ดั เจนและบ่อยครง้ั
- พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบัติบางคร้ัง
บันทึกหลังการสอน
1. ผลการสอน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา/อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ...............................................ครูผู้สอน
(นางสาวเตชนิ ี ภริ มย์)
วนั ท.่ี ......เดือน..........................พ.ศ. ............
4. ความคดิ เห็นของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
ข้อเสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ...............................................................
(นางสาวจริยา ยงกำลัง)
ตำแหนง่ หัวหนา้ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
5. ความเหน็ ของหัวหนา้ กลุ่มบริหารวิชาการ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ...............................................................
(นางสาวรจุ ิรา บัวลอย)
ตำแหนง่ หวั หน้ากล่มุ บริหารวิชาการ
6. ความเหน็ ของผ้อู ำนวยการสถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ...............................................................
(นางจริ าพร อินทรทัศน์)
ตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวังหินวิทยาคม
แผนการจดั การเรียนรู้
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 กระบวนการคิดเชิงออกแบบ
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว22103
ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 การคิดเชิงออกแบบ เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง
สาระที่ 4 เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี)
1. มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั
1.1 ตัวช้ีวดั
ว 4.1 ม.2/2 ระบุปัญหาหรือความต้องการในชุมชนหรือทอ้ งถ่ิน สรปุ กรอบของปญั หา รวบรวม
วิเคราะห์ ข้อมลู และแนวคิดท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั ปญั หา
ม.2/3 ออกแบบวิธกี ารแกป้ ัญหา โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบ และตดั สินใจเลือกขอ้ มลู ที่
จำเปน็ ภายใต้ เง่ือนไขและทรพั ยากรที่มีอยู่ นำเสนอแนวทางการแกป้ ัญหาให้ผ้อู นื่
เข้าใจ วางแผนขั้นตอนการทำงานและดำเนนิ การแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ขั้นตอน
ม.2/4 ทดสอบ ประเมนิ ผล และอธิบายปัญหาหรอื ข้อบกพร่องท่เี กิดข้ึน ภายใต้
กรอบเงอื่ นไข พร้อมท้ังหาแนวทางปรับปรุงแกไ้ ข และนำเสนอผลการแกป้ ญั หา
2. สาระสำคญั
การคิดเชิงออกแบบเป็นแนวคิดที่ใช้ในการแก้ปัญหา โดยยึดเอาคนหรือประสบการณ์ผู้ใช้เป็น
ศูนยก์ ลาง และรว่ มกนั คน้ คิดวธิ ีการแก้ปัญหารว่ มกันของทมี งานอย่างสรา้ งสรรค์ ทำให้ตน้ แบบที่ผลิตขึน้ มาเป็น
เทคโนโลยีทม่ี คี วามทีม่ ีข้อผิดพลาดน้อย และเทคโนโลยนี ั้นมีมูลค่าท่สี ูงข้ึน ซง่ึ จะเป็นการแก้ปัญหาด้วยการเน้น
ทำความเขา้ ใจว่าคนตอ้ งการอะไร แทนทว่ี ธิ ีการแบบเดิมท่มี ักเริ่มต้นจาก“ปญั หา”
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายขั้นตอนของกระบวนการคดิ เชงิ ออกแบบได้ (K)
2. แกป้ ญั หาตา่ ง ๆ โดยใชก้ ระบวนการคดิ เชงิ ออกแบบได้อยา่ งถูกต้อง (P)
3. เห็นประโยชน์ของกระบวนการคดิ เชิงออกแบบ (A)
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- ปญั หาหรือความต้องการในชมุ ชนหรอื ท้องถ่นิ พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
มีหลายอย่าง ขึ้นกบั บริบทหรือสถานการณ์ท่ี
ประสบ เช่น ดา้ นพลงั งาน สิ่งแวดล้อม
การเกษตร การอาหาร
- การระบุปญั หาจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์
สถานการณ์ของปัญหาเพอ่ื สรุปกรอบของ
ปญั หาแลว้ ดำเนนิ การสบื คน้ รวบรวมขอ้ มูล
ความรจู้ ากศาสตรต์ า่ ง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพอ่ื
นำไปส่กู ารออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา
- การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบ และตดั สินใจเลอื ก
ขอ้ มูล ทีจ่ ำเปน็ โดยคำนงึ ถึงเงอ่ื นไขและ
ทรพั ยากร เชน่ งบประมาณ เวลา ขอ้ มลู และ
สารสนเทศ วัสดุ เครอื่ งมือและอุปกรณช์ ว่ ยให้
ได้แนวทางการแกป้ ัญหาท่ีเหมาะสม
- การออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหาทำได้
หลากหลายวิธี เช่น การร่างภาพ การเขียน
แผนภาพ การเขยี นผังงาน
- การกำหนดข้นั ตอนระยะเวลาในการทำงาน
กอ่ นดำเนินการแก้ปัญหาจะชว่ ยใหก้ ารทำงาน
สำเรจ็ ได้ ตามเป้าหมาย และลดข้อผิดพลาด
ของการทำงานที่อาจเกดิ ข้นึ
- การทดสอบและประเมนิ ผลเป็นการตรวจสอบ
ชิน้ งาน หรือวธิ กี ารว่าสามารถแก้ปัญหาไดต้ าม
วตั ถปุ ระสงคภ์ ายใต้กรอบของปัญหา เพ่อื หา
ขอ้ บกพร่อง และดำเนินการปรับปรุงให้
สามารถ แก้ไขปัญหาได้
- การนำเสนอผลงานเปน็ การถา่ ยทอดแนวคิด
เพ่อื ให้ผอู้ นื่ เขา้ ใจเกยี่ วกบั กระบวนการทำงาน
และชนิ้ งานหรอื วธิ กี ารที่ได้ ซึ่งสามารถทำได้
หลายวธิ ี เชน่ การเขียนรายงาน การทำแผ่น
นำเสนอผลงาน การจัดนิทรรศการ
5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี นและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. ซือ่ สัตย์ สจุ รติ
- ทักษะการสื่อสาร 2. มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ
- ทกั ษะการแลกเปลีย่ นข้อมลู 3. ใฝ่เรียนรู้
4. มุ่งม่นั ในการทำงาน
2. ความสามารถในการคดิ
- ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
- ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
- ทักษะการสืบค้นข้อมูล
6. ช้ินงาน/ภาระงาน
6.1 แบบทดสอบก่อนเรียน
7. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
วิธกี ารสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบใชป้ ญั หาเป็นฐาน (problem - based learning)
ชั่วโมงท่ี 1
ข้ันนำ
1. นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 เรอ่ื ง การคดิ เชิงออกแบบ
เพื่อวัดความรู้เดมิ กอ่ นเขา้ สูก่ ิจกรรม
2. ครใู ห้กระดาษแกน่ ักเรียนคนละ 1 แผน่ โดยเปน็ กระดาษที่มรี ูปส่ีเหล่ยี ม 10 รปู จากนั้น ใ ห้
นกั เรยี นทกุ คนวาดรปู ทรงอะไรก็ได้ลงบนรูปสเี่ หลี่ยมทั้ง 10 รูป โดยมเี ง่อื นไขว่ารูปทรงท้ังหมด
ใน 10 รูปจะตอ้ งไมซ่ ำ้ กนั
3. นักเรียนแบง่ กล่มุ ออกเปน็ 4-5 กลุ่ม ให้นักเรยี นรว่ มกันเปรียบเทียบรปู วาดภายในกล่มุ
จากนัน้ ครสู อบถามนักเรียนวา่ “รปู ทรงของกล่มุ ใดเหมอื นกัน และรูปทรงของกลุ่มใดไม่
เหมือนกนั ”
4. ครูสรุปการทำกิจกรรมว่า“ในการแก้ปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งของนักเรียน ไม่จำเป็นต้องได้
ทางเลือกหรือคำตอบที่เหมือน ๆ กัน อาจจะมีแนวคิดที่เหมือนกันได้และแตกต่างได้ ดังน้ัน
การแก้ปัญหาสามารถมีได้หลากหลายวิธีการ แต่การแก้ปัญหาโดยไม่ออกแบบให้ดีจะส่งผลให้
เกิดข้อผิดพลาดต่าง ๆ ตามมา รวมถึงการสร้างนวัตกรรมก็จะต้องมีขั้นตอนการสร้างต้นแบบ
เพือ่ ลดความผิดพลาด”
5. ครูอธิบายกับนักเรียนเกี่ยวกับการคิดเชิงออกแบบเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า“การคิดเชิง
ออกแบบ เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างนวัตกรรม เพราะการสร้างช้ินงานหรือเทคโนโลยีท่มี ี
ขน้ั ตอนการพฒั นาอยา่ งชัดเจนจะทำใหช้ ิ้นงานหรือเทคโนโลยีทีพ่ ฒั นาขึ้นมีมูลคา่ เพมิ่ ข้นึ ”
6. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียน โดยใช้คำถามประจำหัวข้อว่า“การคดิ เชงิ ออกแบบ
ชว่ ยพัฒนานวตั กรรมไดอ้ ยา่ งไร”
(แนวตอบ : นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดยคำตอบขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ
ครูผู้สอน เช่น การคิดเชิงออกแบบจะช่วยสร้างนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดความ
ผดิ พลาดใหแ้ ก่นวตั กรรม หรือเพ่ิมมลู คา่ ให้แกน่ วัตกรรม เป็นตน้ )
ขั้นสอน
ขัน้ ท่ี 1 กำหนดปัญหา
1. ครูอธิบายสถานการณ์ปัญหาชุมชนกับผู้เรียนว่า“ชุมชนมีแมลงวันจำนวนมากจะก่อให้เกิด
ปัญหา คือ โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารมาสู่คน เช่น บิด ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ
อหิวาตกโรค และโรคหนอนพยาธิบางชนิด ประกอบกับแมลงวันยังแพร่ขยายจำนวนได้อย่าง
รวดเร็วทำให้ปัญหาท่ีเกิดข้ึนกลายเปน็ ปญั หาใหญข่ องชุมชน”
2. จากนั้นครูให้นักเรียนคิดค้นวิธีการแก้ปัญหาชุมชน รวมถึงการสร้างนวัตกรรม โดยใช้การคิด
เชงิ ออกแบบเพื่อแกไ้ ขปัญหา
ขั้นที่ 2 ทำความเข้าใจปัญหา
3. นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 8-10 คน จากน้ันใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มทำความเข้าใจกบั ปัญหา
ชมุ ชน โดยใหน้ กั เรยี นระบหุ วั ขอ้ ท่ีควรดำเนนิ การศึกษา ได้แก่ ความรู้เกีย่ วกับแมลงวนั
วงจรชวี ิตของแมลงวนั การป้องกนั และกำจดั แมลงวัน เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์
ดงั กลา่ ว
4. นักเรียนทำความเข้าใจกับแนวคิดหลกั ของการคดิ เชงิ ออกแบบ จากหนงั สือเรียนรายวิชา
พ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4
การคดิ เชิงออกแบบ เพื่อวิเคราะหก์ ารออกแบบผลติ ภณั ฑ์ที่ตอบสนองความพึงพอใจของ
ผใู้ ชง้ าน จากภาพการคิดเชงิ ออกแบบของขวดซอสมะเขือเทศทมี่ ีแนวคดิ หลัก 3 ข้นั ตอน คอื
1) การเขา้ ใจปัญหาอยา่ งถูกต้อง (Understand)
2) การคิดแบบไม่มกี รอบ (Brainstorm)
3) เรยี นร้ผู า่ นการลงมอื ทำ (Prototype)
ขน้ั ท่ี 3 ดำเนินการศกึ ษาค้นควา้
5. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันศึกษากระบวนการของการคดิ เชิงออกแบบ 5 ข้นั ตอน ท่ี David
Kelly ไดน้ ำมาใชใ้ นธุรกจิ และรบั การยอมรบั อยา่ งกว้างขวาง ไดแ้ ก่
ข้ันตอนที่ 1 การทำความเข้าใจผู้ใช้อยา่ งลึกซ้ึง (Empathize)
ขนั้ ตอนท่ี 2 การระบปุ ญั หาและกรอบของปญั หา (Define)
ขัน้ ตอนท่ี 3 การหาแนวทางแกป้ ญั หา (Ideate)
ขน้ั ตอนท่ี 4 การสร้างตน้ แบบ (Prototype)
ขัน้ ตอนที่ 5 การทดสอบ (Test)
6. นกั เรียนศึกษาเกร็ดเสรมิ ความรู้ทีเ่ กยี่ วข้องกับเนื้อหา (Design Focus) เรือ่ ง การนำการคิดเชิง
ออกแบบไปพฒั นาผลิตภณั ฑ์ บริการ และกระบวนการ
7. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี น ศกึ ษาความร้เู พม่ิ เติมจากอนิ เทอรเ์ นต็ ที่เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ของตนเอง
ช่วั โมงท่ี 2
ขั้นที่ 4 สังเคราะหค์ วามรู้
8. นักเรียนนำความรู้จากกระบวนการคิดเชิงออกแบบมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันภายในกลุ่ม
และนำความรู้มาแก้ปัญหาสถานการณ์ชุมชน โดยเริ่มกิจกรรมตามกระบวนการของการคิดเชงิ
ออกแบบ 5 ขั้นตอน โดยครูคอยกระตุ้นให้สมาชิกในกลุ่มทุกคนแสดงความคิดเห็นหรือ
แนวทางการแกไ้ ขปัญหา
ขัน้ ที่ 5 สรปุ และประเมนิ คา่ ของคำตอบ
9. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ สรุปประเด็นท่ีได้จากการอภปิ รายความรู้รว่ มกันตามกระบวนการคิด
เชงิ ออกแบบ
ขน้ั ท่ี 6 นำเสนอและประเมินผลงาน
10. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมานำเสนอผลงานของกลุ่มเกี่ยวกับกระบวนการคดิ
เชงิ ออกแบบจากสถานการณ์ปัญหาชมุ ชนรวมถึงนวัตกรรมทีน่ ักเรยี นต้องการสร้างขนึ้
เพื่อแก้ไขปญั หา
Note
วัตถุประสงค์ของกิจกรรมเพือ่ ใหน้ ักเรยี น
- มีทักษะการทำงานร่วมกันโดยใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานหรือการทำ
กจิ กรรมเพือ่ ใหเ้ กิดการสอ่ื สารและแลกเปลีย่ นข้อมูลรว่ มกนั ภายในกลมุ่
- มีทักษะการสืบคน้ ข้อมลู โดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนสบื คน้ ข้อมูลจากอนิ เทอรเ์ นต็
เพอ่ื สบื เสาะหาความรู้ตามหัวข้อท่ไี ดร้ บั มอบหมาย
- มที กั ษะการคดิ วิเคราะห์ โดยใหน้ กั เรียนพจิ ารณาเนื้อหาจากการสืบค้นหรอื ศกึ ษา
ขอ้ มูลจากแหล่งขอ้ มูลตา่ ง ๆ เชน่ หนังสอื เรยี น อนิ เทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้
ขัน้ สรปุ
1. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรูเ้ ก่ยี วกับการคดิ เชงิ ออกแบบว่า“เป็นกระบวนการออกแบบ
และพฒั นาผลติ ภัณฑ์ บริการ และกระบวนการ ทต่ี ้องค้นหาประสบการณ์ของผใู้ ช้ (User
experience) เพ่ือพัฒนาต้นแบบออกมาทดลองตลาด (integrative Prototyping) จากนั้น
เมื่อทดลองใช้และได้รับผลตอบกลับจากผูท้ ม่ี ีใชง้ านจรงิ หรือผู้ทเ่ี ก่ยี วข้องกับผลติ ภณั ฑ์
(Stakeholder feedback) จึงนำมาปรับปรงุ และผลิตเพ่ือจำหนา่ ยต่อไป การคดิ เชิงออกแบบ
จงึ เปน็ กระบวนการออกแบบทเ่ี รียนรู้จากผูใ้ ชง้ านเปน็ ศนู ย์กลางอย่าง ดังน้นั จงึ กล่าวได้วา่
การคดิ เชิงออกแบบผลิตภัณฑ์จงึ เปน็ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพ่ือตอบสนองความพงึ พอใจของ
ผูใ้ ชอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ ”
2. ครูวาดผังมโนทัศนล์ งบนกระดานหนา้ ชัน้ เรยี น พร้อมอธบิ ายเพอื่ สรปุ หลักของการคิดเชงิ
ออกแบบว่า“หลักของการคิดเชงิ ออกแบบ ต้องประกอบด้วย 3 ข้นั ตอน คือ
1) การเข้าใจปัญหาอย่างถูกต้อง (Understand) เปน็ การทำความเขา้ ใจปญั หา
อย่างลึกซ้ึงกบั คนทเ่ี กิดปญั หานนั้ จริงๆ ตวั อยา่ งเชน่ หากเปน็ หมอหรือ
พยาบาลทต่ี ้องการสร้างสรรค์บริการที่ดี ควรเร่มิ ทก่ี ารทำความเขา้ ใจ
ความตอ้ งการของคนไข้ หรอื หากเปน็ ครูทต่ี ้องการพฒั นาการเรยี นการสอน
ของตัวเอง ควรเร่มิ ท่ีการทำความเข้าใจนกั เรียน
2) การคดิ แบบไม่มีกรอบ (Brainstorm) ม่งุ เน้นการแยกการสรา้ งสรรค์แนวคิด
ออกมาให้มากกอ่ น แลว้ นำแนวคดิ เหล่านัน้ มาประเมนิ ว่าแนวคิดใดมคี วาม
เปน็ ไปได้บ้าง
3) เรยี นรู้ผ่านการลงมือทำ (Prototype) สร้างต้นแบบ หรือแบบจำลองอยา่ งงา่ ย
ท่สี ามารถนำไปสือ่ สารแนวคิด เพื่อนำไปพสิ จู นว์ า่ ตอบสนองความตอ้ งการของ
กลมุ่ เปา้ หมายหรือไม่”
8. การวัดและประเมินผล วิธีวดั เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน
รายการวัด - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
ก่อนเรียน
8.1 การประเมนิ ก่อนการเรยี น
- แบบทดสอบก่อนเรียน - สงั เกตพฤติกรรมการ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
เรอ่ื ง การคิดเชิงออกแบบ
- ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2
8.2 ประเมินระหวา่ งการจดั ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
กิจกรรมการเรียนรู้ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2
1) พฤติกรรมการทำงาน การทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
รายบคุ คล
2) การนำเสนอผลงาน
3) พฤติกรรมการทำงานกลุม่
รายการวดั วิธีวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน
4) คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - แบบประเมนิ
- สงั เกตความซ่ือสตั ย์ คุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ 2
สุจรติ ความมวี ินัย อนั พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์
ความรบั ผิดชอบ
ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มัน่
ในการทำงาน
9. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้
9.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4
เรื่อง การคดิ เชงิ ออกแบบ
2) ส่ือการเรยี นรู้ออนไลน์ ของ สสวท. ผา่ นเวบ็ ไซต์ https://proj14.ipst.ac.th/m2/m2-dt/
3) สอ่ื PowerPoint
4) เครือ่ งคอมพิวเตอร์
9.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอรเ์ น็ต
10. การใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงในการจดั การเรยี นรู้
10.1 การนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาจดั การเรียนร้ขู องผู้สอน
3 ห่วง หลักพอประมาณ
ประเด็น
1.ภาระงาน/หนา้ ที่ วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน มุ่งเน้นให
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มาตรฐานการ พึงประส
เรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ และบริบท ตวั ช้ีวดั ส
ของโรงเรียน การศึกษ
บรบิ ทขอ
2. การวางแผน จัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้สื่อ / แหล่ง เพื่อจัดก
เรียนรู้ / ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ มาตรฐา
สูงสุดตามมาตรฐานและตัวชี้วัดมีลักษณะพึง
ประสงค์ ตามที่หลักสูตรกำหนด เหมาะสม ตามที่ห
กบั วยั ระดบั ชั้น และเวลาเรยี นของผเู้ รียน ระดับช้ัน
หลกั มีเหตุผล หลกั สร้างภูมคิ ุ้มกนั ทด่ี ีในตวั
ห้ผู้เรียนมีความรู้ทักษะคุณลักษณะอัน มีการวางแผนและบริหารจัดการ เพื่อจัดการ
สงค์บรรลุตาม มาตรฐานการเรียนรู้ เรียนรู้ ให้ตรงตามหลักสูตรแกนกลาง
สาระการเรียนรู้ ของหลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551และ
องโรงเรียน มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้
และบรบิ ทของโรงเรยี น
กิจกรรมการเรียนการสอนบรรลุตาม วางแผนการเตรียมการสอนไม่ให้บกพร่อง
านและตัวชี้วัดมีลักษณะพึงประสงค์ โดยจัดทำแผนจัดการเรียนรู้ สื่อ แบบวัดและ
หลักสูตรกำหนด เหมาะสมกับวัย ประเมินผล ที่เหมาะสมกับมาตรฐาน ตัวชี้วัด
น และเวลาเรียนของผเู้ รยี น สาระการเรียนรู้ และบริบทของโรงเรียน
เหมาะสมกับวัย ระดับชั้น และเวลาเรียนของ
ผเู้ รียน
3 ห่วง หลักพอประมาณ
ประเด็น
3.เทคนคิ /วิธีสอน เลือกกจิ กรรมการเรียนรใู้ ห้เหมาะกับบริบท ออกแบบ
การนำเท
ของ ผ้เู รยี น ครู ชุมชน ธรรมชาติวิชา และ ทรัพยาก
ทรัพยากรทมี่ ีอยู่
4. การเลือกใช้ เลอื กและใช้เครื่องมือ วิธีการ และเกณฑก์ าร เพ่อื ให้ผ
เครื่องมือ วิธีการ และ วดั ผลประเมินผลใหเ้ หมาะสมกับกิจกรรม เรยี นรู้ขอ
เ ก ณ ฑ ์ ก า ร ว ั ด ผ ล การเรียนรู้และศักยภาพของผ้เู รียน พน้ื ฐาน
ประเมนิ ผล
ความรู้: รอบรหู้ ลักสตู รสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 มาต
เทคนคิ วธิ สี อน
คณุ ธรรม: ใฝเ่ รียนรู้ ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ความขยนั ความยตุ ธิ รรม
หลักมีเหตุผล หลกั สรา้ งภมู ิคุ้มกนั ท่ดี ใี นตัว
บการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้เห็นคุณค่า จัดเตรียมสื่อ / แหล่งเรียนรู้ / ทรัพยากรที่มี
ทคโนโลยี สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้ / วัสดุ อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนให้
กรที่มีอยู่มาใช้ให้เกดิ ประโยชน์สงู สดุ เพียงพอกับผู้เรียน เตรียมสื่อ CAI (โปรแกรม
ช่วยสอน) ในกรณีที่ครูไม่สามารถมาสอนได้
ลว่ งหนา้
ผูเ้ รียนบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคก์ ารจัดการ เตรียมวิธีป้องกันปัญหา ที่อาจเกิดจากการ
องหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั จดั การเรยี นรู้ การใช้เคร่อื งมือไม่ตรงตามแผน
พทุ ธศักราช 2551
ที่วางไว้ วัดและประเมินผลบรรลุตาม
วตั ถุประสงค์ทีก่ ำหนด
ตรฐาน/ตัวชีว้ ัด เนือ้ หาความรู้เร่ือง พน้ื ฐานทางคอมพิวเตอร์ การวัดผล ประเมนิ ผล และ
รกั และเมตตาตอ่ ศิษย์
10.2 คณุ ลักษณะ “อยู่อย่างพอเพียง” ทเี่ กดิ กับผู้เรยี น
หลักพอประมาณ หลัก
1.เลอื กใชฮ้ ารด์ แวรอ์ ปุ กรณเ์ ครอื ข่ายและ 1.ตัดสินใจเลือกใช้ฮาร์ดแ
ตามความจำเป็นใช้งานไม่ฟุ่มเฟือยเสียค่าใช้จ่ายเกิน ตรงตามความตอ้ งการใช้ง
ความจำเปน็ 2. ยอมรบั ความคิดเห็นแล
2. แบ่งหน้าที่การทำงานได้ตรงกับความสามารถของ กลมุ่
สมาชิกแตล่ ะคนในกล่มุ ภายใตเ้ วลาทกี่ ำหนด 3.ใช้ทักษะกระบวนกา
3.ปฏิบตั ิงานโดยใชร้ ะยะเวลาทเ่ี หมาะสม ทงั้ นต้ี ้องเกิด เทคโนโลยี การทำงานนอ
จากการวางแผนการทำงานที่ดีและทำงานอย่างเป็น บรรลุตามเป้าหมาย
ระบบรู้จักใชเ้ ทคโนโลยีท่เี หมาะสมกบั ภาระงาน
ความรู้: มีความรู้ ความเข้าใจกระบวนการคดิ เชิงออกแบบ
คุณธรรม: มีความซื่อสัตย์ในการปฏิบตั งิ าน ขยนั รบั ผิดชอบ มงุ่ ม่นั ในการทำงา
เรยี นทงั้ ด้านความรู้และทรัพยากรท่เี กี่ยวข้องกับบริบทของการสรา้ งและนำเสนองาน
นำไปสู่ สมดุลและพร้อ
กมีเหตุผล หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกันท่ดี ีในตัว
แวร์อุปกรณ์เครือข่ายต่าง ๆได้ 1. มีการวางแผนในการเรียน การทำงานกลุ่มอย่าง
งาน รอบคอบและเป็นระบบ
ละความสามารถของสมาชิกใน 2.เตรียมพร้อมแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่สร้าง
งานและนำเสนอผลงาน
ารทำงานกลุ่ม ทักษะการใช้ 3. เตรียมพร้อมสำหรับผลคะแนนที่จะได้รับจากการ
อกเวลาเรียนเพื่อให้ภาระงาน ตรวจช้ินงานและนำเสนองานของครผู สู้ อน
าน มคี วามประหยดั ในการเลือกวสั ดุและอปุ กรณ์เทคโนโลยี มีน้ำใจชว่ ยเหลอื เพ่ือนในชน้ั
นโดยใช้โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และสง่ งานตรงเวลา
อมรับการเปล่ยี นแปลง
ด้านวตั ถุ ด้านสังคม
- มีความรู้ในการวางแผนการทำงาน - การทำงานร่วมกบั เพ่อื น
ก า ร จ ั ด แ บ ่ ง ห น ้ า ท ี ่ ต า ม ค ว า ม รู้ ในกลุ่ม
ความสามารถของแตล่ ะคน - แลกเปลี่ยนเรยี นรู้รว่ มกัน
- มีความรู้ในเรื่องการสืบค้นการ สรุป กับเพอื่ น และครู
องค์ความรู้ และการจัดการความรู้โดย - ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการทำงาน
ใช้คอมพิวเตอร์ตามหลักปรัชญาของ อยา่ งสรา้ งสรรค์
เศรษฐกิจพอเพยี ง - ร ู ้ ร ะ เ บ ี ย บ ก า ร ป ฏ ิ บ ั ต ิ ใ น ก า ร ใ ช้
- มีความรู้ ความเข้าใจในเรือ่ งของการ คอมพิวเตอร์ร่วมกบั ผู้อ่นื
ใช้คอมพวิ เตอร์และอปุ กรณป์ ระกอบอ่ืน
เพื่อการสร้างงาน
- มีทักษะในการวางแผนการทำงานและ - มที ักษะในการทำงาน
การใช้วัสดุอุปกรณ์ เพื่อให้เกิดความ ร่วมกนั แบง่ ปนั
คุ้มคา่ เอ้ือเฟื้อเผือ่ แผ่
- มีทักษะในการออกแบบและการสร้าง - ทกั ษะการทำงานอย่าง
ชิ้นงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ตามหลัก เป็นระบบมกี ารวางแผน
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในการทำงาน
ดา้ นส่ิงแวดล้อม ดา้ นวัฒนธรรม
- มีความรู้ในการเลือกใช้เทคโนโลยี เพ่ือ - รวู้ ฒั นธรรมในการทำงานรว่ มกับผ้อู ืน่
ใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมกับ - รู้วัฒนธรรม ในการแบ่งปัน การใช้
สภาพแวดล้อม เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการสร้างชิน้ งาน
- มีความรู้ในการใช้เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า - รู้มารยาทในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับ
และประหยัดพลงั งาน ผอู้ ืน่
- มีทักษะในการเลือกใชเ้ ทคโนโลยี เพื่อใช้ - ถ่ายทอดวัฒนธรรมในการแบ่งปันการ
ป ร ะ โ ย ช น ์ ไ ด ้ อ ย ่ า ง เ ห ม า ะ ส ม กั บ ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการสร้าง
สภาพแวดล้อม ช้ินงาน