หลักมีเหตุผล หลกั สรา้ งภมู ิคุ้มกนั ท่ดี ใี นตัว
บการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้เห็นคุณค่า จัดเตรียมสื่อ / แหล่งเรียนรู้ / ทรัพยากรที่มี
ทคโนโลยี สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้ / วัสดุ อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนให้
กรที่มีอยู่มาใช้ให้เกดิ ประโยชน์สงู สดุ เพียงพอกับผู้เรียน เตรียมสื่อ CAI (โปรแกรม
ช่วยสอน) ในกรณีที่ครูไม่สามารถมาสอนได้
ลว่ งหนา้
ผูเ้ รียนบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคก์ ารจัดการ เตรียมวิธีป้องกันปัญหา ที่อาจเกิดจากการ
องหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั จดั การเรยี นรู้ การใช้เคร่อื งมือไม่ตรงตามแผน
พทุ ธศักราช 2551
ที่วางไว้ วัดและประเมินผลบรรลุตาม
วตั ถุประสงค์ทีก่ ำหนด
ตรฐาน/ตัวชีว้ ัด เนือ้ หาความรูเ้ ร่อื ง พน้ื ฐานทางคอมพิวเตอร์ การวัดผล ประเมินผล และ
รกั และเมตตาตอ่ ศิษย์
10.2 คุณลกั ษณะ “อยู่อย่างพอเพียง” ที่เกดิ กบั ผู้เรยี น
หลักพอประมาณ หลัก
1.เลอื กใช้ฮารด์ แวร์อุปกรณ์เครอื ขา่ ยและ 1.ตัดสินใจเลือกใช้ฮาร์ดแ
ตามความจำเป็นใช้งานไม่ฟุ่มเฟือยเสียค่าใช้จ่ายเกิน ตรงตามความตอ้ งการใชง้
ความจำเป็น 2. ยอมรบั ความคิดเห็นแล
2. แบ่งหน้าที่การทำงานได้ตรงกับความสามารถของ ความสามารถของสมาชกิ ใ
สมาชิกแตล่ ะคนในกลมุ่ ภายใต้เวลาที่กำหนด 3.ใช้ทักษะกระบวนกา
3.ปฏบิ ตั งิ านโดยใช้ระยะเวลาทเี่ หมาะสม ท้งั นตี้ อ้ งเกิด เทคโนโลยี การทำงานนอ
จากการวางแผนการทำงานที่ดีและทำงานอย่างเป็น บรรลตุ ามเปา้ หมาย
ระบบรู้จักใชเ้ ทคโนโลยีทีเ่ หมาะสมกบั ภาระงาน
ความรู้: มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเสยี งและอุปกรณ์ที่ทำให้เกดิ เสียง
คณุ ธรรม: มีความซ่อื สตั ย์ในการปฏบิ ัติงาน ขยัน รบั ผดิ ชอบ ม่งุ ม่ันในการทำงา
เรยี นทั้งดา้ นความรู้และทรัพยากรทีเ่ กี่ยวข้องกับบรบิ ทของการสรา้ งและนำเสนองาน
นำไปสู่ สมดุลและพร้อ
กมเี หตุผล หลกั สรา้ งภูมคิ ุ้มกันท่ีดใี นตัว
แวร์อุปกรณ์เครือข่ายต่าง ๆได้ 1. มีการวางแผนในการเรียน การทำงานกลุ่มอย่าง
งาน รอบคอบและเปน็ ระบบ
ละ 2.เตรียมพร้อมแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่สร้าง
ในกลมุ่ งานและนำเสนอผลงาน
ารทำงานกลุ่ม ทักษะการใช้ 3. เตรียมพร้อมสำหรับผลคะแนนที่จะได้รับจากการ
อกเวลาเรียนเพื่อให้ภาระงาน ตรวจช้ินงานและนำเสนองานของครูผู้สอน
าน มีความประหยัดในการเลือกวสั ดแุ ละอปุ กรณเ์ ทคโนโลยี มนี ้ำใจช่วยเหลือเพอื่ นในชนั้
นโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และสง่ งานตรงเวลา
อมรับการเปล่ียนแปลง
ด้านวตั ถุ ด้านสังคม
- มีความรู้ในการวางแผนการทำงาน - การทำงานร่วมกบั เพ่อื น
ก า ร จ ั ด แ บ ่ ง ห น ้ า ท ี ่ ต า ม ค ว า ม รู้ ในกลุ่ม
ความสามารถของแตล่ ะคน - แลกเปลี่ยนเรยี นรู้รว่ มกัน
- มีความรู้ในเรื่องการสืบค้นการ สรุป กับเพอื่ น และครู
องค์ความรู้ และการจัดการความรู้โดย - ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการทำงาน
ใช้คอมพิวเตอร์ตามหลักปรัชญาของ อยา่ งสรา้ งสรรค์
เศรษฐกิจพอเพยี ง - ร ู ้ ร ะ เ บ ี ย บ ก า ร ป ฏ ิ บ ั ต ิ ใ น ก า ร ใ ช้
- มีความรู้ ความเข้าใจในเรือ่ งของการ คอมพิวเตอร์ร่วมกบั ผู้อ่นื
ใช้คอมพวิ เตอร์และอปุ กรณป์ ระกอบอ่ืน
เพื่อการสร้างงาน
- มีทักษะในการวางแผนการทำงานและ - มที ักษะในการทำงาน
การใช้วัสดุอุปกรณ์ เพื่อให้เกิดความ ร่วมกนั แบง่ ปนั
คุ้มคา่ เอ้ือเฟื้อเผือ่ แผ่
- มีทักษะในการออกแบบและการสร้าง - ทกั ษะการทำงานอย่าง
ชิ้นงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ตามหลัก เป็นระบบมกี ารวางแผน
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในการทำงาน
ดา้ นส่ิงแวดล้อม ดา้ นวัฒนธรรม
- มีความรู้ในการเลือกใช้เทคโนโลยี เพ่ือ - รวู้ ฒั นธรรมในการทำงานรว่ มกับผ้อู ืน่
ใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมกับ - รู้วัฒนธรรม ในการแบ่งปัน การใช้
สภาพแวดล้อม เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการสร้างชิน้ งาน
- มีความรู้ในการใช้เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า - รู้มารยาทในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับ
และประหยัดพลงั งาน ผอู้ ืน่
- มีทักษะในการเลือกใชเ้ ทคโนโลยี เพื่อใช้ - ถ่ายทอดวัฒนธรรมในการแบ่งปันการ
ป ร ะ โ ย ช น ์ ไ ด ้ อ ย ่ า ง เ ห ม า ะ ส ม กั บ ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการสร้าง
สภาพแวดล้อม ช้ินงาน
ดา้ นวัตถุ ดา้ นสังคม
- มีทักษะในการเลือกคอมพิวเตอร์และ - ปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บการใช้
วัสดุอุปกรณ์ประกอบในการสร้างงาน คอมพวิ เตอรร์ ว่ มกบั ผ้อู ื่น
และนำเสนออย่างเหมาะสม
- ตระหนักและเห็นคุณค่าของการวาง - มีเจตคติที่ดีในการช่วยเหลือเกื้อกูล
แผนการทำงานและการใช้วัสดุอุปกรณ์ แบ่งปนั เอ้อื เฟือ้ เผ่ือแผ่ ในการทำงาน
เพือ่ ใหเ้ กดิ ความคมุ้ คา่ - เห็นคุณค่าของการทำงานอย่างเป็น
- ตระหนักและเห็นคุณค่าของการอก ระบบและมีการวางแผนในการทำงาน
แบบและการสร้างชิ้นงานโดยใช้ -ตระหนักและเห็นคุณค่าของการเป็น
คอมพิวเตอร์ตามหลักปรัชญาของ แบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตาม
เศรษฐกจิ พอเพยี ง ระเบียบการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับ
- มเี จตคติท่ดี ีในการใช้คอมพวิ เตอร์เพ่ือ ผ้อู นื่
การนำเสนอความรู้
ด้านสิง่ แวดลอ้ ม ด้านวัฒนธรรม
- มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า - มีมารยาทในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับ
และประหยดั พลังงาน ผ้อู นื่
-ตระหนักและ เห็นคุณค่าของการเลือกใช้ - เกิดความภาคภมู ใิ จผลงานทท่ี ำ
เทคโนโลยี เพื่อใช้ประโยชน์ได้อย่าง - ตระหนักและเห็นคุณค่าของการใช้ การ
เหมาะสมกบั สภาพแวดล้อม รักษาทรัพยากรส่วนรวมอย่างประหยัด
-ตระหนักและเห็นคุณค่าของการใช้ และคุม้ ค่า
เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่าและประหยัด -มีเจตคติที่ดีต่อวัฒนธรรมการใช้
พลังงาน เทคโนโลยรี ่วมกบั ผอู้ ่ืน
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
คำชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง
ทต่ี รงกับระดบั คะแนน
คุณลักษณะอันพึงประสงคด์ า้ น ระดบั คะแนน
รายชอื่ นกั เรยี น 1. รักชา ิต ศาส ์น ก ัษตริ ์ย 321
2 ความ ่ืซอ ัสตย์สุจริต
3. มีวิ ันย
4. ใ ่ฝเรียนรู้
5. อ ่ยูอย่างพอเพียง
6. ่มุง ่ัมนในการทำงาน
7. รักความเป็นไทย
8. มีจิตสาธารณะ
เด็กหญิงเจนจิรา เเกว้ กล้า
เดก็ หญงิ เบญจรตั น์ บุญจนั ทร์
เด็กหญงิ ภัทรธิดา รังศรี
เดก็ หญงิ วาสนา วีระสุข
เดก็ หญงิ สพุ ชิ ฌาย์ จอ้ งโก้
เดก็ ชายกฤษฎา ขวญั ทอง
เดก็ ชายชาครยี ์ รักษาสังข์
เดก็ ชายณัฐวฒุ ิ จนั ทรไ์ ชยแก้ว
เด็กชายธนกฤต เสอื คำ
เด็กชายธนากร บุญชว่ ยเเกว้
เดก็ ชายนนทพันธ์ วงษ์ดี
เด็กชายนภสั รุ่งเมอื ง
เด็กชายปวีณก์ ร บญุ จันทร์
เดก็ ชายพงศกร เพยี รดี
เดก็ ชายพงศธร รักษาชล
เด็กชายพงศพัศ เพชรเรือนทอง
เดก็ ชายพรภวษิ ย์ นอ้ ยยนู ติ ย์
เดก็ ชายพุฒิเมธ ทองทิพย์
เดก็ ชายภตู ะวนั สมบรู ณ์
ลงชื่อ..............................................ผปู้ ระเมิน
.................../.................../....................
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
คำชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ ง
ทีต่ รงกับระดับคะแนน
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ดา้ น ระดบั คะแนน
รายชอื่ นักเรียน 1. รักชา ิต ศาส ์น ก ัษตริ ์ย 321
2 ความ ่ืซอ ัสตย์สุจริต
3. มีวิ ันย
4. ใ ่ฝเรียนรู้
5. อ ่ยูอย่างพอเพียง
6. ่มุง ่ัมนในการทำงาน
7. รักความเป็นไทย
8. มีจิตสาธารณะ
เดก็ ชายมนตม์ นัส บุญจนั ทร์ ออกกลางคนั
เดก็ ชายมหาราช บัวเอ่ียม
เด็กชายรชต มะสวุ รรณ
เด็กชายวจนะ หลหี ลัง
เดก็ ชายวรากร สามารถ
เดก็ ชายวชั รพงศ์ ทองในแกว้
เด็กชายวาศิล ปะหนะ
เดก็ ชายสมรัก ผลออ่ น
เดก็ ชายอดิเทพ ทองอ่อน
เด็กชายนภสั กร โคตรปญั ญา
เดก็ หญิงอภษิ ฎา สุดทองคง
เด็กหญงิ อรณรินทร์ รักษาชล
ลงชื่อ..............................................ผู้ประเมนิ
.................../.................../....................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ชิ ัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 1 คะแนน
- พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ัตชิ ดั เจนและบ่อยครง้ั
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติบางครงั้
บนั ทึกหลังการสอน
1. ผลการสอน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา/อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ ...............................................ครผู ู้สอน
(นางสาวเตชินี ภริ มย์)
วนั ที่.......เดอื น..........................พ.ศ. ............
4. ความคดิ เห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้
ข้อเสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ...............................................................
(นางสาวจริยา ยงกำลัง)
หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 4 ไฟฟ้าและอุปกรณ์ทที่ ำใหเ้ กิดแสง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว22103
ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 วัสดุ อุปกรณ์ ทางเทคโนโลยี เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี
1. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั
1.1 ตัวชว้ี ัด
ว 4.2 ม.2/5 ใชค้ วามรู้ และทักษะเกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟา้ และ
อิเลก็ ทรอนิกสเ์ พอ่ื แกป้ ัญหาหรือพฒั นางานได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม และ
ปลอดภัย
2. สาระสำคัญ
ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นในปัจจุบัน เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดจะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงาน
รูปแบบอ่ืน ๆ ตามที่ถกู ออกแบบมาเพ่ือประโยชน์ในการใช้งานในดา้ นต่าง ๆ เช่น พลังงานแสงสว่าง พลังงาน
ความรอ้ น พลังงานกล พลังงานเสียง เปน็ ต้น
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายกระบวนการเกิดแสงไดถ้ ูกตอ้ ง (K)
2. เลอื กใช้วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนานได้เหมาะสมกับงาน (K)
3. ร่างแบบวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนานไดถ้ ูกต้อง (P)
4. ตระหนกั ถึงความปลอดภัยขณะทำงานท่เี ก่ยี วข้องกับวงจรไฟฟ้า (A)
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถิน่
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
- วัสดุแตล่ ะประเภทมีสมบตั แิ ตกต่างกนั เช่น ไม้
โลหะ พลาสติก จึงต้องมีการวเิ คราะห์สมบตั ิ
เพือ่ เลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกับลักษณะของงาน
- การสรา้ งชน้ิ งานอาจใชค้ วามรู้เร่อื งกลไก ไฟฟ้า
อิเลก็ ทรอนิกส์เชน่ LED มอเตอรบ์ ัซเซอรเ์ ฟือง
รอก ล้อ เพลา
- อปุ กรณ์และเคร่ืองมอื ในการสรา้ งชิ้นงาน หรอื
พัฒนาวิธีการมีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้
ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภยั รวมทัง้ รูจ้ ัก
เก็บรักษา
5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. ซอ่ื สัตย์ สุจริต
- ทกั ษะการสื่อสาร 2. มีวนิ ัย รับผดิ ชอบ
- ทกั ษะการแลกเปล่ยี นข้อมูล 3. ใฝเ่ รียนรู้
4. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
2. ความสามารถในการคิด
- ทักษะการคดิ วิเคราะห์
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
- ทกั ษะการสังเกต
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
- ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
- ทักษะการสบื ค้นขอ้ มูล
6. ชิ้นงาน/ภาระงาน
6.1 ใบงานท่ี 2.4.1
6.2 แบบทดสอบหลงั เรียน
7. กระบวนการจดั การเรียนรู้
ข้ันนำ
ขัน้ ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement)
1. ครูทดลองเปิด-ปิดสวิตซข์ องหลอดไฟหนา้ ชนั้ เรยี น จากน้ันครถู ามคำถามประจำหวั ขอ้ กบั
นกั เรยี นว่า“แสงเกดิ จากอะไร และวงจรไฟฟ้าทำใหเ้ กดิ แสงไดอ้ ยา่ งไร”
(แนวตอบ : นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดยคำตอบข้ึนอยกู่ ับดลุ ยพินิจของ
ครูผู้สอน เช่น แสงจากหลอดไฟฟ้าเกิดจากเมื่อมีกระแวไฟฟ้าจากวงจรไฟฟ้าไหลผ่านหลอด
ไฟฟา้ ด้านในจนเปล่งแสงออกมา เป็นต้น)
2. ครอู ธบิ ายกับนักเรยี นเพอื่ เช่อื มโยงเขา้ สูบ่ ทเรียนวา่ “ไฟฟ้าเป็นส่ิงท่ขี าดไม่ไดเ้ ลยในสงั คม
ปัจจุบัน เพราะอุปกรณ์ทุกชิ้น จำเป็นต้องมีไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานไม่ว่าจะเป็น เตารีด ตู้เย็น
พดั ลม เครอ่ื งซกั ผา้ เครอื่ งดดู ฝ่นุ วิทยุ เปน็ ต้น แตเ่ ครอ่ื งใช้ไฟฟา้ แตล่ ะชนดิ สามารถเปลี่ยน
พลงั งานไฟฟ้าเปน็ พลงั งานอน่ื ๆ ไดอ้ ยา่ งหลากหลาย ดังน้ี”
เคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ พลงั งานที่ให้
พลงั งานความร้อน
เตารีด หมอ้ หงุ ข้าว กระทะไฟฟ้า กาต้มน้ำ
เคร่อื งต้มกาแฟ พลังงานกล หรอื พลังงานท่ี
เกีย่ วขอ้ งกบั การเคลอื่ นทขี่ องวัตถุ
เครอ่ื งปรบั อากาศ ตเู้ ย็น เคร่ืองดูดฝุน่ พดั ลม เคร่ือง พลงั งานเสียง
ซักผ้า เคร่ืองปัน่ นำ้ ผลไม้
วิทยุ เคร่ืองขยายเสียง เครอ่ื งบนั ทึกเสียง
ขน้ั สอน
ขัน้ ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. นักเรยี นกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน หรอื ตามความเหมาะสม จากน้ันให้นักเรยี นศกึ ษาขอ้ มลู เกี่ยวกับ
วงจรไฟฟ้าและการต่อตัวต้านทานทั้งแบบอนุกรมและแบบขนาน จากหนังสือเรียน รายวิชา
พนื้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 วัสดุ อุปกรณ์
ทางเทคโนโลยี หรือสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ตท่ีเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง
เพอ่ื หาคำตอบว่าการทห่ี ลอดไฟฟา้ สวา่ งขน้ึ จะต้องมีการต่อวงจรไฟฟ้า ซ่ึงส่วนประกอบที่สำคัญ
ของวงจรไฟฟ้ามีอะไรบ้าง
2. เปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอว่าส่วนประกอบที่สำคัญของวงจรไฟฟ้ามี
อะไรบ้าง และอภปิ รายเก่ยี วกบั กระบวนการตา่ ง ๆ ทที่ ำใหห้ ลอดไฟฟ้ามีแสงสว่าง
3. ครูอภิปรายร่วมกับนักเรียนว่า“วงจรวงจรไฟฟ้าเป็นเส้นทางที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ซึ่งมี
ส่วนประกอบทีส่ ำคัญ 3 ส่วน คือ
1) แหล่งกำเนิดไฟฟ้า (Power Source ) คือ แหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้าไปทั้งวงจร เช่น
ถา่ นไฟฉาย แบตเตอรี่
2) ตัวนำไฟฟ้า (Conductor) คือ วัสดุที่ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่าน เช่น สายไฟ
ทองแดง เงิน เหลก็
3) เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือโหลด (Electric Appliances or Load) คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่
เปลี่ยนแรงดนั ไฟฟ้า ที่ไดร้ ับใหเ้ ปน็ พลงั งานรูปแบบอ่ืน”
4. ครดู ำเนินการสาธิตให้นักเรียนดเู กย่ี วกบั การตอ่ วงจรไฟฟ้าของหลอดไฟฟ้า พร้อมทัง้ ให้
ข้อแนะนำถึงสิ่งที่ควรระวังในขณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับวงจรไฟฟ้าว่า“ขณะทำงานที่เกี่ยวข้อง
กบั ไฟฟา้ ผใู้ ชค้ วรตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า เครอื่ งมอื ฉนวนหุ้มสายไฟฟ้า ซึ่งตอ้ งไมช่ ำรุด
เพราะหากชำรดุ จะสง่ ผลใหไ้ ฟฟา้ รัว่ ไหล กอ่ นปฏิบัตงิ านควรเขียนผังวงจร และตรวจสอบ
ร่วมกันก่อนลงมือปฏิบัติเพื่อความไม่ประมาท รวมถึงขณะทำงานมือ และเท้าต้องแห้ง หรือ
สวมรองเท้าเพอ่ื ความปลอดภยั ”
5. จากนน้ั ครตู อ่ วงจรไฟฟา้ ท้ัง 2 แบบใหน้ ักเรยี นดเู ปน็ ตวั อย่าง คอื
1) การตอ่ วงจรไฟฟา้ แบบเปิด
2) การต่อวงจรไฟฟา้ แบบปิด
6. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า“การต่อวงจรไฟฟ้าแบบเปิดจะทำให้ผลลัพธ์คือหลอดไฟฟ้าไม่ติด
แต่การตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบปิด จะสง่ ผลลัพธค์ ือหลอดไฟฟา้ สว่าง”
7. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนปฏิบัติการต่อวงจรไฟฟ้าตามความเข้าใจ โดยครูแจกอุปกรณ์การต่อ
วงจรไฟฟา้ และคอยใหค้ ำแนะนำอย่างใกล้ชดิ
8. จากน้นั ครสมุ่ ตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอวธิ ีการต่อวงจรไฟฟา้ พอสงั เขป
ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
9. ครูอธิบายความรู้เรื่องวงจรไฟฟ้าและตัวต้านทานเพื่อทบทวนความรู้ว่า“ส่วนประกอบของ
วงจรไฟฟ้าสามารถต่อตัวต้านทาน ซึ่งติดตั้งอยู่ในวงจรการทำงานทุกอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยตัว
ต้านทานเป็นตัวท่ีทําหนา้ ทจี่ ํากัดกระแสไฟฟา้ ท่ีไหลในวงจรตามท่ีอุปกรณ์ไฟฟ้าได้กาํ หนดเอาไว้
ดังนั้น การต่อตัวต้านทานจึงมีความสำคัญมากต่อการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า วิธีการต่อตัว
ตา้ นทานได้ 2 แบบ คอื แบบอนุกรมและแบบขนาน”
10. นกั เรยี นศึกษาเกรด็ เสริมความรทู้ ี่เกีย่ วกบั เน้อื หา (Design Focus) เรือ่ ง แหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า
11. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม (กลุม่ เดิม) จากช่วั โมงที่ผ่านมา เพอื่ รว่ มกนั ทำใบงาน 2.4.1 เร่ือง ช่างไฟฟ้า
โดยให้นักเรยี นนำความรู้ เร่ือง วธิ กี ารตอ่ ตัวตา้ นทานทั้ง 2 แบบมาประยกุ ตใ์ ช้ในการทำใบงาน
แต่ก่อนลงมือทดลองให้แต่ละกลุ่มนำแบบร่างการต่อผังวงจรมาให้ครูตรวจสอบก่อนลงมือ
ปฏิบัติ และในระหว่างการปฏิบัตใิ ห้ครเู ดินตรวจสอบพร้อมให้คำแนะนำ และตั้งคำถามเพื่อให้
นกั เรยี นไดท้ ดสอบและสังเกตการทดลอง
12. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งใบงาน จากนั้นครูสุ่มนักเรียน 1 กลุ่ม ออกมาอภิปรายนำผลการทำใบ
งานโดยครูคอยช้ีแนะคำตอบใหต้ ามความเหมาะสม ดงั นี้
ผลการทดลองการตอ่ วงจรแบบอนุกรม
รูปแบบการต่อวงจร ผลการทดลอง
แบบท่ี 1 หลอดไฟฟ้าสวา่ ง
แบบที่ 2 หลอดไฟฟา้ สวา่ งนอ้ ยลง
แบบท่ี 3 หลอดไฟฟา้ ดี ไมส่ วา่ ง
ผลการทดลองการตอ่ วงจรแบบขนาน
รูปแบบการตอ่ วงจร ผลการทดลอง
แบบท่ี 1 หลอดไฟฟา้ สวา่ ง
แบบที่ 2 หลอดไฟฟา้ สว่างเทา่ กัน
แบบที่ 3 หลอดไฟฟา้ อกี ดวงยังคงสวา่ งอยู่
13. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้จากการทำกิจกรรมว่า“การต่อวงจรไฟฟ้าสำหรับหลอด
ไฟฟ้าในห้องหรืออาคาร จึงควรต่อวงจรแบบขนาน เพราะการต่อดังกล่าวเมื่อมีหลอดไฟฟ้า
ที่เพิ่มมาในระบบมากขึ้น หลอดไฟยังคงให้ความสว่างเท่าเดิม และหากมีหลอดไฟฟ้าเสีย
อีกหลอดก็ยงั คงใช้ได้”
Note
วตั ถุประสงคข์ องกจิ กรรมเพ่อื ให้นกั เรียน
- มีทักษะการทำงานร่วมกันโดยใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานหรือการทำ
กจิ กรรมเพ่ือใหเ้ กิดการส่ือสารและแลกเปล่ยี นข้อมลู ร่วมกนั ภายในกลมุ่
- มีทักษะการสบื คน้ ข้อมลู โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนสืบค้นขอ้ มลู จากอินเทอร์เน็ต
เพอ่ื สบื เสาะหาความรูต้ ามหวั ขอ้ ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย
- มีทักษะการสังเกต โดยให้นักเรียนสังเกตการต่อวงจรไฟฟ้าแบบปิดและการต่อ
วงจรไฟฟา้ แบบเปดิ จากหนังสือเรยี นเพ่ือนำไปปรบั ใช้ในการเรยี นไดอ้ ย่างเหมาะสม
- มีทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ โดยให้นักเรยี นพิจารณาเนอ้ื หาจากการสืบคน้ หรือศึกษา
ข้อมูลจากแหล่งข้อมลู ต่าง ๆ เช่น หนังสือเรยี น อินเทอร์เน็ต เป็นต้น
ขน้ั สรปุ
ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมนิ ผลการนำเสนอของนักเรยี นและตรวจสอบความถูกต้องจากการทำใบงานท่ี 2.4.1
เร่อื ง ช่างไฟฟา้
2. ครูตง้ั คำถามเพ่ือให้นกั เรียนคาดเดาว่า“หากเพ่ิมถา่ นไฟฉายในวงจรไฟฟา้ แบบอนุกรม จะเกิด
อะไรข้นึ ในวงจรไฟฟ้า”
(แนวตอบ : นกั เรยี นตอบตามความคดิ เหน็ ของตนเอง โดยคำตอบขน้ึ อยู่กบั ดลุ ยพินิจของ
ครผู สู้ อน โดยคำตอบท่ถี ูกต้อง คือ หลอดไฟฟ้าจะสว่างมากขึ้น)
3. นกั เรียนและครูรว่ มกันสรุปความรูเ้ ก่ียวกบั ความสมั พนั ธ์ของวิทยาศาสตรแ์ ละวศิ วกรรมศาสตร์
ว่า“วงจรที่ประกอบด้วยแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ตัวนำไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือโหลด เมื่อเปิด
สวิตชก์ ระแสไฟฟ้าจะออกจากแหลง่ กำเนิดไฟฟ้า เช่น ถ่านไฟฉาย จากขว้ั บวกผา่ นตัวนำไฟฟ้า
เช่น สายไฟ ไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าในวงจร จากนั้นกระแสไฟฟ้าจะไหลออกไปยังขั้วลบของ
แหล่งกำเนิดไฟฟ้า เป็นการเคลื่อนที่ครบวงจรของกระแสไฟฟ้า เรียกวงจรไฟฟ้านี้ว่
“วงจรไฟฟ้าปิด” และการต่องวงจรไฟฟ้ามี 2 แบบ คือ แบบอนุกรมและแบบขนาน โดยการ
ต่อแบบอนุกรมจะเป็นการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าต่อกัน หากมีอุปกรณ์ตัวใดตัวหนึ่งเสีย อุปกรณ์อื่น
ๆ ในวงจรจะใชง้ านไมไ่ ด้ ในขณะที่การตอ่ แบบขนานเปน็ การตอ่ ครอ่ มกับแหลง่ กำเนิดไฟฟ้า ทำ
ใหเ้ ปน็ การแยกวงจร หากมีอุปกรณ์ตัวใดตัวหนึ่งเสยี อปุ กรณอ์ ่ืน ๆ ในวงจรจะยังคงใช้งานได”้
4. นักเรียนทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับเนื้อหาโดยให้ผู้เรยี นฝึกปฏิบัติเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะ
(Design Activity) และทำแบบฝกึ หัดทบทวนความรู้ ความเข้าใจ และพฒั นาทักษะการคิดของ
ผู้เรยี น (Unit Activity) โดยใหน้ ักเรียนตอบคำถามให้ถกู ตอ้ งลงในสมุดประจำตวั
5. นักเรียนตรวจสอบระดับความสามารถของตนเอง (Self-Check) โดนพิจารณาข้อความว่าถูก
หรือผิด หากนักเรียนพิจารณาข้อความไม่ถูกต้อง ให้นักเรียนกลับไปทบทวนเนื้อหาตามหัวข้อ
ท่กี ำหนดให้
6. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง วัสดุ อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี
เพือ่ วดั ความรทู้ น่ี กั เรยี นไดร้ ับหลงั ผา่ นการเรยี นรู้
8. การวัดและประเมินผล
รายการวดั วธิ ีวดั เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ
8.1 การประเมนิ ระหว่างการจัด - ใบงานที่ 2.4.1 - ตรวจใบงานท่ี 2.4.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ น
เกณฑ์
กิจกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
1) ไฟฟ้าและอปุ กรณ์ การทำงาน การทำงานรายบคุ คล ระดับคุณภาพ 2
รายบคุ คล - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์
ทีท่ ำใหเ้ กิดแสง การทำงานกลุ่ม
2) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
การทำงานกลมุ่ การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
รายบุคคล - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2
- ประเมินการ คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์
3) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม นำเสนอ อนั พึงประสงค์
ผลงาน ระดับคุณภาพ 2
4) การนำเสนอผลงาน -สงั เกตความ ซื่อสตั ย์ ผ่านเกณฑ์
สุจริต ความมีวนิ ัย
5) คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ความรับผดิ ชอบ
ใฝ่เรยี นรู้และและ
มุ่งมั่นในการทำงาน
รายการวดั วธิ วี ัด เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
8.2 การประเมนิ หลงั เรยี น
- ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน ประเมินตามสภาพจรงิ
- แบบทดสอบหลังเรียน
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 หลงั เรยี น
เร่ือง วัสดุ อุปกรณ์
ทางเทคโนโลยี
9. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
9.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียนวิชา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2
วสั ดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี
2) สือ่ การเรียนรู้ออนไลน์ ของ สสวท. ผา่ นเวบ็ ไซต์ https://proj14.ipst.ac.th/m2/m2-dt/
3) สอื่ PowerPoint
4) ใบงานท่ี 2.4.1 เรื่อง ช่างไฟฟา้
5) เครอื่ งคอมพวิ เตอร์
6) อุปกรณ์ตอ่ วงจรไฟฟ้า
7) หลอดไฟฟ้า
9.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งคอมพวิ เตอร์
2) อนิ เทอร์เน็ต
10. การใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงในการจดั การเรยี นรู้
10.1 การนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาจดั การเรียนร้ขู องผู้สอน
3 ห่วง หลักพอประมาณ
ประเด็น
1.ภาระงาน/หนา้ ที่ วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน มุ่งเน้นให
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มาตรฐานการ พึงประส
เรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ และบริบท ตัวชี้วดั ส
ของโรงเรียน การศึกษ
บรบิ ทขอ
2. การวางแผน จัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้สื่อ / แหล่ง เพื่อจัดก
เรียนรู้ / ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ มาตรฐา
สูงสุดตามมาตรฐานและตัวชี้วัดมีลักษณะพึง
ประสงค์ ตามที่หลักสูตรกำหนด เหมาะสม ตามที่ห
กบั วยั ระดบั ชั้น และเวลาเรยี นของผเู้ รียน ระดบั ชัน้
หลักมเี หตุผล หลกั สร้างภูมคิ ุ้มกนั ทด่ี ีในตวั
ห้ผู้เรียนมีความรู้ทักษะคุณลักษณะอัน มีการวางแผนและบริหารจัดการ เพื่อจัดการ
สงค์บรรลุตาม มาตรฐานการเรียนรู้ เรียนรู้ ให้ตรงตามหลักสูตรแกนกลาง
สาระการเรยี นรู้ ของหลักสตู รแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และ
องโรงเรยี น มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้
และบรบิ ทของโรงเรยี น
กิจกรรมการเรียนการสอนบรรลุตาม วางแผนการเตรียมการสอนไม่ให้บกพร่อง
านและตัวชี้วัดมีลักษณะพึงประสงค์ โดยจัดทำแผนจัดการเรียนรู้ สื่อ แบบวัดและ
หลักสูตรกำหนด เหมาะสมกับวัย ประเมินผล ที่เหมาะสมกับมาตรฐาน ตัวชี้วัด
น และเวลาเรยี นของผูเ้ รียน สาระการเรียนรู้ และบริบทของโรงเรียน
เหมาะสมกับวัย ระดับชั้น และเวลาเรียนของ
ผู้เรียน
3 ห่วง หลักพอประมาณ
ประเด็น
3.เทคนคิ /วิธีสอน เลือกกจิ กรรมการเรียนรใู้ ห้เหมาะกับบริบท ออกแบบ
การนำเท
ของ ผ้เู รยี น ครู ชุมชน ธรรมชาติวิชา และ ทรัพยาก
ทรัพยากรทมี่ ีอยู่
4. การเลือกใช้ เลอื กและใช้เครื่องมือ วิธีการ และเกณฑก์ าร เพอ่ื ให้ผ
เครื่องมือ วิธีการ และ วดั ผลประเมินผลใหเ้ หมาะสมกับกิจกรรม เรยี นรูข้ อ
เ ก ณ ฑ ์ ก า ร ว ั ด ผ ล การเรียนรู้และศักยภาพของผ้เู รียน พน้ื ฐาน
ประเมนิ ผล
ความรู้: รอบรหู้ ลักสตู รสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 มาต
เทคนคิ วธิ สี อน
คณุ ธรรม: ใฝเ่ รียนรู้ ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ความขยนั ความยตุ ธิ รรม
หลักมีเหตุผล หลกั สรา้ งภมู ิคุ้มกนั ท่ดี ใี นตัว
บการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้เห็นคุณค่า จัดเตรียมสื่อ / แหล่งเรียนรู้ / ทรัพยากรที่มี
ทคโนโลยี สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้ / วัสดุ อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนให้
กรที่มีอยู่มาใช้ให้เกดิ ประโยชน์สงู สดุ เพียงพอกับผู้เรียน เตรียมสื่อ CAI (โปรแกรม
ช่วยสอน) ในกรณีที่ครูไม่สามารถมาสอนได้
ลว่ งหนา้
ผูเ้ รียนบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคก์ ารจัดการ เตรียมวิธีป้องกันปัญหา ที่อาจเกิดจากการ
องหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั จดั การเรยี นรู้ การใช้เคร่อื งมือไม่ตรงตามแผน
พทุ ธศักราช 2551
ที่วางไว้ วัดและประเมินผลบรรลุตาม
วตั ถุประสงค์ทีก่ ำหนด
ตรฐาน/ตัวชีว้ ัด เนือ้ หาความรู้เร่ือง พน้ื ฐานทางคอมพิวเตอร์ การวัดผล ประเมนิ ผล และ
รกั และเมตตาตอ่ ศิษย์
10.2 คณุ ลกั ษณะ “อยู่อย่างพอเพียง” ทเ่ี กดิ กับผเู้ รยี น
หลกั พอประมาณ หลกั
1.เลือกใชฮ้ าร์ดแวร์อุปกรณเ์ ครอื ขา่ ยและ 1.ตัดสินใจเลือกใช้ฮาร์ดแ
ตามความจำเป็นใช้งานไม่ฟุ่มเฟือยเสียค่าใช้จ่ายเกิน ตรงตามความต้องการใชง้
ความจำเป็น 2. ยอมรบั ความคิดเหน็ แล
2. แบ่งหน้าที่การทำงานได้ตรงกับความสามารถของ กล่มุ
สมาชกิ แตล่ ะคนในกลุ่มภายใตเ้ วลาทก่ี ำหนด 3.ใช้ทักษะกระบวนกา
3.ปฏบิ ตั ิงานโดยใชร้ ะยะเวลาที่เหมาะสม ทั้งน้ตี ้องเกิด เทคโนโลยี การทำงานนอ
จากการวางแผนการทำงานที่ดีและทำงานอย่างเป็น บรรลตุ ามเป้าหมาย
ระบบรูจ้ กั ใชเ้ ทคโนโลยีทีเ่ หมาะสมกับภาระงาน
ความรู้: มคี วามรู้ ความเขา้ ใจไฟฟา้ และอุปกรณ์ท่ีทำให้เกดิ แสง
คณุ ธรรม: มคี วามซ่อื สัตย์ในการปฏบิ ตั ิงาน ขยนั รบั ผดิ ชอบ มงุ่ ม่ันในการทำงา
เรยี นทั้งด้านความรู้และทรัพยากรท่ีเกี่ยวข้องกบั บริบทของการสรา้ งและนำเสนองาน
นำไปสู่ สมดลุ และพร้อ
กมีเหตุผล หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกันท่ดี ีในตัว
แวร์อุปกรณ์เครือข่ายต่าง ๆได้ 1. มีการวางแผนในการเรียน การทำงานกลุ่มอย่าง
งาน รอบคอบและเป็นระบบ
ละความสามารถของสมาชิกใน 2.เตรียมพร้อมแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่สร้าง
งานและนำเสนอผลงาน
ารทำงานกลุ่ม ทักษะการใช้ 3. เตรียมพร้อมสำหรับผลคะแนนที่จะได้รับจากการ
อกเวลาเรียนเพื่อให้ภาระงาน ตรวจชิน้ งานและนำเสนองานของครผู สู้ อน
าน มคี วามประหยดั ในการเลือกวสั ดแุ ละอปุ กรณ์เทคโนโลยี มีน้ำใจชว่ ยเหลอื เพ่ือนในชน้ั
นโดยใช้โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และส่งงานตรงเวลา
อมรับการเปล่ยี นแปลง
ด้านวตั ถุ ด้านสังคม
- มีความรู้ในการวางแผนการทำงาน - การทำงานร่วมกบั เพ่อื น
ก า ร จ ั ด แ บ ่ ง ห น ้ า ท ี ่ ต า ม ค ว า ม รู้ ในกลุ่ม
ความสามารถของแตล่ ะคน - แลกเปลี่ยนเรยี นรู้รว่ มกัน
- มีความรู้ในเรื่องการสืบค้นการ สรุป กับเพอื่ น และครู
องค์ความรู้ และการจัดการความรู้โดย - ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการทำงาน
ใช้คอมพิวเตอร์ตามหลักปรัชญาของ อยา่ งสรา้ งสรรค์
เศรษฐกิจพอเพยี ง - ร ู ้ ร ะ เ บ ี ย บ ก า ร ป ฏ ิ บ ั ต ิ ใ น ก า ร ใ ช้
- มีความรู้ ความเข้าใจในเรือ่ งของการ คอมพิวเตอร์ร่วมกบั ผู้อ่นื
ใช้คอมพวิ เตอร์และอุปกรณ์ประกอบอ่ืน
เพื่อการสร้างงาน
- มีทักษะในการวางแผนการทำงานและ - มที ักษะในการทำงาน
การใช้วัสดุอุปกรณ์ เพื่อให้เกิดความ ร่วมกนั แบง่ ปนั
คุ้มคา่ เอ้ือเฟื้อเผือ่ แผ่
- มีทักษะในการออกแบบและการสร้าง - ทกั ษะการทำงานอย่าง
ชิ้นงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ตามหลัก เป็นระบบมกี ารวางแผน
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในการทำงาน
ดา้ นส่ิงแวดล้อม ดา้ นวัฒนธรรม
- มีความรู้ในการเลือกใช้เทคโนโลยี เพ่ือ - รวู้ ฒั นธรรมในการทำงานรว่ มกับผ้อู ืน่
ใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมกับ - รู้วัฒนธรรม ในการแบ่งปัน การใช้
สภาพแวดล้อม เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการสร้างชิน้ งาน
- มีความรู้ในการใช้เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า - รู้มารยาทในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับ
และประหยัดพลงั งาน ผอู้ ืน่
- มีทักษะในการเลือกใชเ้ ทคโนโลยี เพื่อใช้ - ถ่ายทอดวัฒนธรรมในการแบ่งปันการ
ป ร ะ โ ย ช น ์ ไ ด ้ อ ย ่ า ง เ ห ม า ะ ส ม กั บ ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการสร้าง
สภาพแวดลอ้ ม ช้ินงาน
ดา้ นวัตถุ ด้านสังคม
- มีทักษะในการเลือกคอมพิวเตอร์และ - ปฏบิ ัตติ ามระเบยี บการใช้
วัสดุอุปกรณ์ประกอบในการสร้างงาน คอมพวิ เตอร์ร่วมกบั ผอู้ น่ื
และนำเสนออย่างเหมาะสม
- ตระหนักและเห็นคุณค่าของการวาง - มีเจตคติท่ีดีในการช่วยเหลือเกื้อกูล
แผนการทำงานและการใช้วัสดุอุปกรณ์ แบ่งปนั เอ้อื เฟอ้ื เผอื่ แผ่ ในการทำงาน
เพือ่ ใหเ้ กดิ ความคมุ้ คา่ - เห็นคุณค่าของการทำงานอย่างเป็น
- ตระหนักและเห็นคุณค่าของการอก ระบบและมกี ารวางแผนในการทำงาน
แบบและการสร้างชิ้นงานโดยใช้ -ตระหนักและเห็นคุณค่าของการเป็น
คอมพิวเตอร์ตามหลักปรัชญาของ แบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตาม
เศรษฐกจิ พอเพยี ง ระเบียบการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับ
- มเี จตคติท่ดี ีในการใช้คอมพวิ เตอร์เพ่ือ ผ้อู นื่
การนำเสนอความรู้
ด้านสิง่ แวดลอ้ ม ด้านวัฒนธรรม
- มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า - มีมารยาทในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับ
และประหยดั พลังงาน ผ้อู นื่
-ตระหนักและ เห็นคุณค่าของการเลือกใช้ - เกิดความภาคภมู ใิ จผลงานทที่ ำ
เทคโนโลยี เพื่อใช้ประโยชน์ได้อย่าง - ตระหนักและเห็นคุณค่าของการใช้ การ
เหมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ ม รักษาทรัพยากรส่วนรวมอย่างประหยัด
-ตระหนักและเห็นคุณค่าของการใช้ และคุม้ ค่า
เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่าและประหยัด -มีเจตคติท่ี ดีต่อวัฒนธรรมการใช้
พลังงาน เทคโนโลยรี ่วมกบั ผอู้ ่ืน
ใบงานท่ี 2.4.1
เรอ่ื ง ชา่ งไฟฟ้า
คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นออกแบบวงจรไฟฟ้าสำหรบั หลอดไฟฟ้าในหอ้ ง 2 ห้อง โดยมเี งอ่ื นไข ดงั นี้
เงือ่ นไข : หลอดไฟฟ้าทง้ั สองหลอดต้องมีความสว่างเทา่ กัน และหากหลอดไฟฟา้ ห้องใดหอ้ งหนึ่งเสีย
หลอดไฟฟ้าของอีกห้องจะยงั คงใช้ได้อยู่
อปุ กรณท์ ใ่ี ช้ :
1. หลอดไฟฟ้าสำหรับทดสอบจำนวน 4 หลอด เป็นหลอดที่ใช้งานได้ 3 หลอด และหลอดเสีย 1
หลอด
2. รางถา่ นไฟฉายคู่ 1 ราง
3. ถา่ นไฟฉาย 2 ก้อน
4. สายไฟสแี ดง 2 เส้น สายไฟสดี ำ 2 เส้น
ร่างแบบการต่อวงจรแบบอนุกรม
แบบที่ 1 ต่อหลอดไฟฟ้าจำนวน แบบที่ 2 ต่อหลอดไฟฟ้าที่ใช้งาน แบบที่ 3 ต่อหลอดไฟฟ้าหลอดที่
1 หลอด ไดจ้ ำนวน 2 หลอด เสียจำนวน 1 หลอด และหลอด
ไฟฟ้าท่ีใช้งานได้จำนวน 1 หลอด
รปู แบบการต่อวงจร ผลการทดลองการต่อวงจรแบบอนกุ รม
แบบท่ี 1 ผลการทดลอง
แบบท่ี 2
แบบท่ี 3
รา่ งแบบการตอ่ วงจรแบบขนาน
แบบที่ 1 ต่อหลอดไฟฟ้าจำนวน แบบที่ 2 ต่อหลอดไฟฟ้าที่ใช้งาน แบบที่ 3 ต่อหลอดไฟฟ้าหลอดท่ี
1 หลอด ไดจ้ ำนวน 2 หลอด เสียจำนวน 1 หลอด และหลอด
ไฟฟ้าที่ใชง้ านไดจ้ ำนวน 1 หลอด
รปู แบบการต่อวงจร ผลการทดลองการต่อวงจรแบบขนาน
แบบท่ี 1 ผลการทดลอง
แบบท่ี 2
แบบที่ 3
มตขิ องกล่มุ สำหรับการเลือกการต่อวงจรไฟฟ้าภายในห้องหรืออาคารตามเงอ่ื นไขทีก่ ำหนดให้
การต่อวงจรแบบอนุกรม เพราะ ...............................................................................................................
............................................................................................................................................................. .................
การตอ่ วงจรแบบขนาน เพราะ ..................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ใบงานท่ี 2.4.1 เฉลย
เร่อื ง ชา่ งไฟฟา้
คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นออกแบบวงจรไฟฟา้ สำหรบั หลอดไฟฟ้าในหอ้ ง 2 หอ้ ง โดยมีเง่อื นไข ดังน้ี
เงือ่ นไข : หลอดไฟฟ้าท้ังสองหลอดต้องมคี วามสวา่ งเทา่ กนั และหากหลอดไฟฟ้าห้องใดหอ้ งหนึง่ เสีย
หลอดไฟฟ้าของอกี หอ้ งจะยังคงใช้ได้อยู่
อุปกรณ์ท่ใี ช้ :
1. หลอดไฟฟ้าสำหรับทดสอบจำนวน 4 หลอด เป็นหลอดที่ใช้งานได้ 3 หลอด และหลอดเสีย 1
หลอด
2. รางถา่ นไฟฉายคู่ 1 ราง
3. ถา่ นไฟฉาย 2 กอ้ น
4. สายไฟสีแดง 2 เสน้ สายไฟสีดำ 2 เส้น
ร่างแบบการต่อวงจรแบบอนุกรม
แบบที่ 1 ต่อหลอดไฟฟ้าจำนวน แบบที่ 2 ต่อหลอดไฟฟ้าที่ใช้งาน แบบที่ 3 ต่อหลอดไฟฟ้าหลอดที่
1 หลอด ไดจ้ ำนวน 2 หลอด เสียจำนวน 1 หลอด และหลอด
ไฟฟา้ ท่ใี ชง้ านไดจ้ ำนวน 1 หลอด
รปู แบบการต่อวงจร ผลการทดลองการต่อวงจรแบบอนุกรม
แบบท่ี 1 ผลการทดลอง
แบบที่ 2
แบบท่ี 3 หลอดไฟฟ้าสว่าง
หลอดไฟฟา้ สวา่ งนอ้ ยลง
หลอดไฟฟ้าดี ไม่สวา่ ง
ร่างแบบการตอ่ วงจรแบบขนาน
แบบที่ 1 ต่อหลอดไฟฟ้าจำนวน แบบที่ 2 ต่อหลอดไฟฟ้าที่ใช้งาน แบบที่ 3 ต่อหลอดไฟฟ้าหลอดที่
1 หลอด ได้จำนวน 2 หลอด เสียจำนวน 1 หลอด และหลอด
ไฟฟา้ ที่ใชง้ านไดจ้ ำนวน 1 หลอด
รปู แบบการตอ่ วงจร ผลการทดลองการตอ่ วงจรแบบขนาน
แบบท่ี 1 ผลการทดลอง
แบบที่ 2
แบบท่ี 3 หลอดไฟฟา้ สว่าง
หลอดไฟฟา้ สว่างเทา่ กนั
หลอดไฟฟา้ อกี ดวงยงั คงสวา่ งอยู่
มติของกลุ่มสำหรับการเลอื กการต่อวงจรไฟฟา้ ภายในหอ้ งหรืออาคารตามเงอ่ื นไขที่กำหนดให้
การตอ่ วงจรแบบอนุกรม เพราะ ...............................................................................................................
............................................................................................................................................................. .................
การตอ่ วงจรแบบขนาน เพราะการต่อดงั กลา่ วเมื่อมีหลอดไฟฟา้ ท่เี พิ่มมาในระบบมากข้ึน หลอดไฟฟา้
ยงั คงให้ความสว่างเทา่ เดมิ และหากมหี ลอดไฟฟ้าเสีย อีกหลอดยังคงใช้ได้
แบบทดสอบหลงั เรยี น
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2
คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. วัสดุในข้อใดทมี่ ีคุณสมบตั ิการนำไฟฟา้ และ 7. ตัวกลางใดที่เสียงเคล่อื นที่ได้เรว็ ท่ีสุด
มีนำ้ หนกั เบา ก. นำ้ ข. ไม้
ก. ไม้ ข. ยาง ค. อากาศ ง. สญุ ญากาศ
ค. ทองแดง ง. เซรามกิ 8. ถา้ อากาศมีอุณหภมู สิ ูงขึน้ มผี ลตอ่ การเคลื่อนที่
2. วสั ดใุ นข้อใดทสี่ รา้ งขึน้ ใหมจ่ ากวัสดตุ งั้ แต่ ของเสยี งอยา่ งไร
2 ชนดิ และมคี ณุ สมบตั ทิ แี่ ตกต่างไปจากเดิม ก. เสยี งหยุดเคล่อื นที่
ก. ไม้ ข. ผา้ ข. เสยี งเคลอ่ื นท่ีได้เร็วข้นึ
ค. ยาง ง. พลาสตกิ ค. เสียงเคลื่อนท่ีไดช้ ้าลง
3. เครอ่ื งสุขภณั ฑ์นยิ มสรา้ งจากวสั ดุใด ง. เสียงยงั คงเคล่ือนทีด่ ้วยความเร็วเทา่ เดิม
ก. เซรามิก ข. พลาสตกิ 9. ตัวต้านทานเป็นวงจรการทำงานของอปุ กรณ์ใด
ค. เหลก็ กลา้ ง. อลูมิเนยี ม ก. ถ่ายไฟฉาย
4. เครื่องกลท่ชี ว่ ยยกของที่มีนำ้ หนักมาก ๆ ข. แบตเตอรี่
เพื่อขึ้นท่สี ูงหรือลงท่ตี ่ำ มักใชใ้ นงาน ค. สายไฟฟา้
กอ่ สร้างคือเครอ่ื งมืออะไร ง. หลอดไฟฟ้า
ก. รอก ข. คาน 10. จากภาพกล่าวถงึ วงจรไฟฟา้ แบบใด
ค. พนื้ เอียง ง. ลิ่ม
5. เครื่องมือใดใช้หลักการของคานช่วยให้
สะดวกในการทำงาน
ก. ตะเกยี บ ข. ลกู บดิ ประตู
ค. พวงมาลยั รถ ง. กว้านยกถงั นำ้ ก. วงจรไฟฟ้าแบบปดิ ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
6. ขอ้ ใดจดั เปน็ เครื่องมือวดั ทีช่ ่วยใหไ้ ด้ชนิ้ งาน ข. วงจรไฟฟ้าแบบปิด มกี ระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน
ค. วงจรไฟฟ้าแบบเปดิ ไม่มีกระแสไฟฟา้ ไหลผา่ น
ท่มี ีขนาดตรงกบั ทตี่ อ้ งการ ง. วงจรไฟฟ้าแบบเปดิ มกี ระแสไฟฟ้าไหลผา่ น
ก. ไขควง
ข. สวา่ นมือ
ค. คัตเตอร์
ง. ไมบ้ รรทดั
เฉลย
1. ค 2. ง แ3บ. บกประเ4ม. ินกคณุ ล5ัก.ษกณะอ6นั .พงึงประ7ส.งคค์ 8. ข 9. ง 10. ค
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง
ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ดา้ น ระดับคะแนน
รายชือ่ นักเรยี น 1. รักชา ิต ศาส ์น ก ัษตริ ์ย 321
2 ความ ่ืซอ ัสตย์สุจริต
3. มีวิ ันย
4. ใ ่ฝเรียนรู้
5. อ ่ยูอย่างพอเพียง
6. ่มุง ่ัมนในการทำงาน
7. รักความเป็นไทย
8. มีจิตสาธารณะ
เด็กหญิงเจนจิรา เเกว้ กล้า
เด็กหญงิ เบญจรตั น์ บุญจันทร์
เด็กหญิงภัทรธิดา รงั ศรี
เด็กหญิงวาสนา วีระสุข
เดก็ หญิงสพุ ิชฌาย์ จอ้ งโก้
เดก็ ชายกฤษฎา ขวัญทอง
เดก็ ชายชาครยี ์ รักษาสังข์
เดก็ ชายณัฐวฒุ ิ จนั ทรไ์ ชยแก้ว
เดก็ ชายธนกฤต เสือคำ
เดก็ ชายธนากร บญุ ช่วยเเก้ว
เดก็ ชายนนทพันธ์ วงษด์ ี
เดก็ ชายนภสั รงุ่ เมอื ง
เด็กชายปวณี ก์ ร บุญจนั ทร์
เด็กชายพงศกร เพยี รดี
เด็กชายพงศธร รักษาชล
เดก็ ชายพงศพศั เพชรเรอื นทอง
เด็กชายพรภวษิ ย์ น้อยยูนติ ย์
เดก็ ชายพฒุ ิเมธ ทองทิพย์
เดก็ ชายภตู ะวัน สมบรู ณ์
ลงชอ่ื ..............................................ผปู้ ระเมนิ
.................../.................../....................
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์
คำชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่อง
ที่ตรงกบั ระดับคะแนน
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ดา้ น ระดับคะแนน
รายช่ือนกั เรยี น 1. รักชา ิต ศาส ์น ก ัษตริ ์ย 321
2 ความ ่ืซอ ัสตย์สุจริต
3. มีวิ ันย
4. ใ ่ฝเรียนรู้
5. อ ่ยูอย่างพอเพียง
6. ่มุง ่ัมนในการทำงาน
7. รักความเป็นไทย
8. มีจิตสาธารณะ
เดก็ ชายมนตม์ นัส บญุ จันทร์ ออกกลางคัน
เด็กชายมหาราช บัวเอ่ยี ม
เด็กชายรชต มะสุวรรณ
เด็กชายวจนะ หลหี ลัง
เด็กชายวรากร สามารถ
เด็กชายวัชรพงศ์ ทองในแกว้
เดก็ ชายวาศิล ปะหนะ
เด็กชายสมรัก ผลอ่อน
เด็กชายอดเิ ทพ ทองออ่ น
เด็กชายนภสั กร โคตรปญั ญา
เด็กหญิงอภษิ ฎา สุดทองคง
เดก็ หญงิ อรณรินทร์ รักษาชล
ลงชอ่ื ..............................................ผปู้ ระเมนิ
.................../.................../....................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัตชิ ัดเจนและบ่อยครง้ั
- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิบางครั้ง
บนั ทึกหลังการสอน
1. ผลการสอน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ ...............................................ครผู สู้ อน
(นางสาวเตชินี ภริ มย์)
วนั ท่ี.......เดือน..........................พ.ศ. ............
4. ความคิดเหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้
ข้อเสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ ...............................................................
(นางสาวจริยา ยงกำลงั )
หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
5. ความเหน็ ของหัวหนา้ กลุ่มบริหารวิชาการ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ...............................................................
(นางสาวรุจริ า บวั ลอย)
หวั หนา้ กล่มุ บรหิ ารวิชาการ
6. ความเหน็ ของผ้อู ำนวยการสถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ...............................................................
(นางจิราพร อนิ ทรทัศน์)
ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวังหินวทิ ยาคม
แผนการจัดการเรยี นรู้
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วิชา ว22103
ชั้น มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี)
1. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั
1.1 ตวั ชีว้ ดั
ว 4.1 ม.2/2 ระบปุ ัญหาหรือความตอ้ งการในชมุ ชนหรือทอ้ งถนิ่ สรปุ กรอบของปญั หา รวบรวม
วิเคราะหข์ ้อมลู และแนวคดิ ที่เกย่ี วข้องกบั ปญั หา
2. สาระสำคัญ
ในปัจจุบันวิวัฒนาการของมนุษย์พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มนุษย์จึงได้นำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เข้ามาช่วยแก้ปัญหา แต่มนุษย์ก็ไม่หยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และยังคงมีการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรม
อย่างต่อเนื่อง โดยมนุษย์จึงคิดค้นหลักการของกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์มา เพื่อตอบสนองความ
ต้องการของมนษุ ย์ที่จะคดิ คน้ และประดษิ ฐ์ส่งิ ตา่ ง ๆ มาทำให้มนษุ ยไ์ ดใ้ ช้ชวี ิตอยา่ งสะดวกสบายมากขึ้น
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตรไ์ ด้ถูกต้อง (K)
2. บอกความสัมพนั ธ์ของกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละวิศวกรรมศาสตรไ์ ดถ้ ูกต้อง (K)
3. เขียนขนั้ ตอนการแกป้ ญั หาโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละวิศวกรรมศาสตร์ได้ (P)
4. เล็งเห็นถึงความสำคญั ของการแก้ปญั หาโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ (A)
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิน่
- ปญั หาหรอื ความต้องการในชมุ ชนหรือท้องถ่นิ พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
มีหลายอย่าง ข้นึ กับบริบทหรือสถานการณท์ ่ี
ประสบ เช่น ดา้ นพลังงาน ส่งิ แวดลอ้ ม การเกษตร
การอาหาร
- การระบุปัญหาจำเป็นต้องมีการวเิ คราะห์
สถานการณ์ของปัญหาเพ่อื สรุปกรอบของปัญหา
แลว้ ดำเนินการสืบค้น รวบรวมขอ้ มลู ความรู้จาก
ศาสตรต์ า่ ง ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง เพื่อนำไปสู่การ
ออกแบบแนวทางการแก้ปญั หา
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี นิ ัย รับผิดชอบ
- ทักษะการส่ือสาร 2. ใฝเ่ รียนรู้
- ทกั ษะการแลกเปลีย่ นข้อมูล 3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
2. ความสามารถในการคดิ
- ทักษะการคิดวิเคราะห์
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- ทกั ษะการสงั เกต
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
- ทักษะการทำงานร่วมกนั
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- ทักษะการสบื ค้นขอ้ มูล
6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
6.1 แบบทดสอบก่อนเรียน
6.2 ใบงานที่ 3.1.1
7. กระบวนการจดั การเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี 1
ขนั้ นำ
ข้นั ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement)ฃ
1. นกั เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม
2. นักเรียนศึกษาความหมายของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการทาง
วิศวกรรมศาสตร์จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หน่วยการ
เรียนรู้ที่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม หรือสืบค้นความหมายเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ตที่เครื่อง
คอมพิวเตอร์ของตนเอง
3. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นโดยใช้คำถามสำคัญประจำหัวข้อ
ว่า“นกั เรียนคดิ วา่ กระบวนการทางวิทยาศาสตรม์ คี วามสมั พนั ธก์ ับกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตรอ์ ย่างไร”
(แนวตอบ : นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดยคำตอบขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน
เช่น กระบวนการทางวิทยาศาสตร์มคี วามสัมพันธ์กับกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ตรงที่กระบวนการทาง
วศิ วกรรมศาสตร์จะตอ้ งนำองคค์ วามรู้และทฤษฎตี า่ ง ๆ จากกระบวนการ
ทางวทิ ยาศาสตรม์ าสรา้ งสรรคเ์ ปน็ ชนิ้ งานหรอื ผลงานข้นึ )
ข้นั สอน
ขน้ั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
1. นักเรียนสงั เกตผงั แสดงกระบวนการคดิ และการทำงานทางวทิ ยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์
เพ่อื เปรียบเทียบลกั ษณะการทำงานของแตล่ ะกระบวนการ
2. ครนู ำปากกาเคมีแสดงให้นักเรียนไดส้ ังเกตดูและถามคำถามวา่ “นักเรียนคิดวา่ การสร้างปากกาเคมี
ตอ้ งการผา่ นกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรห์ รอื กระบวนการทางวศิ วกรรมศาสตรห์ รอื ไม่อยา่ งไร”
(แนวตอบ : ผ่านทั้ง 2 กระบวนการ โดยส่วนด้านในของปากกาเคมีต้องมีการเรียนรู้เกี่ยวกับสารเคมีสี
สามารถเขียนกับวัตถุชิ้นใดถึงจะสามารถลบออกได้ ส่วนบรรจุภัณฑ์จะเป็นกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์
เพราะต้องออกแบบผลติ ภณั ฑไ์ ม่ให้สารเคมดี ้านในเกดิ การระเหยหรือทำให้สารเคมีมีอายุการใช้งานนานทสี่ ุด)
3. นักเรียนรว่ มกันยกตวั อย่างผลิตภณั ฑ์และรว่ มกันอภิปรายว่าในผลิตภณั ฑ์นั้นส่งิ ใดเป็นกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์และสง่ิ ใดเป็นกระบวนการทางวศิ วกรรมศาสตร์
4. นักเรยี นศกึ ษาค้นคว้าเกยี่ วกับ ผลติ ภณั ฑท์ นี่ กั เรียนไดย้ กตัวอยา่ งวา่ แต่ละช้นิ ผ่านกระบวนการทาง
วิทยาศาสตรแ์ ละวศิ วกรรมศาสตร์อย่างไร และศึกษาความเชือ่ มโยงเก่ียวกับความสัมพนั ธ์ของกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ จากแหล่งการเรียนรู้ เช่น ห้องสมุด อินเทอร์เน็ต และสรุปเป็นผังมโนทัศน์
(Mind Mapping) ลงในกระดาษ A4
ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
5. ครสู ุ่มนกั เรียน 5-6 คน หรอื ตามความเหมาะสม ออกมานำเสนอผังมโนทัศน์ (Mind Mapping)
จากที่นักเรียนได้ทำการศึกษาค้นคว้ามาแล้ว จากนั้นครูสรุปความรู้ตามที่นักเรียนออกมานำเสนอว่า
“กระบวนการทางวิทยาศาสตรเ์ ป็นการนำความรู้ท่ีมีอยนู่ ำมาหาข้อพิสูจน์ โดยการต้งั สมมตฐิ าน ออกแบบการ
ทดลอง จากน้นั วิเคราะห์เปน็ นโยบาย เพ่อื ตรวจสอบข้อสมมตฐิ านและสิ่งทีเ่ ราต้องการพสิ จู น์ เมอ่ื เราได้ข้อสรุป
จากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์แล้ว เราจึงนำไปประยุกต์ใช้และพัฒนาให้เกิดเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม
ต่าง ๆ โดยผ่านกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์”
ช่ัวโมงที่ 2
ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
6. ครูอธิบายเกี่ยวกับความหมายของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ว่า“กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ เป็นกระบวนการที่ผู้คนส่วนใหญ่ยอมรับกัน เพราะเป็นกระบวนการที่จะสามารถหาคำตอบ
แก้ปัญหาและพิสูจน์เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติได้ อีกทั้งยังคำนวณปรากฏการณ์ทาง
ธรรมชาตไิ ดล้ ่วงหน้า และยงั สามารถสร้างสรรค์เทคโนโลยี เพอ่ื อำนวยความสะดวกใหก้ ับมนษุ ย์ได้อกี ด้วย”
7. ครูยกตัวอย่างแนวคิดกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเซอร์ ไอแซก นิวตัน เกี่ยวกับการแยก
แสงสีที่ขาวว่า“นิวตันสามารถแยกแสงสีขาวออกมาเป็นแถบแสง 7 สี จากดวงอาทิตย์ได้สำเร็จ โดยทำการ
ทดลองกับปรซิ มึ ทำให้มนุษยส์ ามารถอธบิ ายปรากฏการณร์ ุ้งกินน้ำได้ และยงั นำความรไู้ ปสรา้ งสงิ่ อำนวยความ
สะดวกให้กับมนุษย์ เช่น แว่นสายตา กระจกเงา โคมไฟคริสตัล เป็นต้น โดยผ่านกระบวนการทาง
วิศวกรรมศาสตร”์
8. จากนั้นให้นักเรียนสแกนคิวอาร์โค้ด เรื่อง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กบั การทดลองการหกั
เหของแสง จากหนงั สือเรียน เพอ่ื ขยายความเข้าใจมากย่ิงขึน้
9. ครูเขียนผังมโนทัศน์ (Mind Mapping) บนกระดาน เกี่ยวกับการใช้กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตรก์ ับการทดลองของนิวตนั เพ่อื ใหน้ ักเรยี นไดเ้ ขา้ ใจมากข้ึนถงึ การประยกุ ต์ใชก้ ระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ โดยมีหัวข้อดังนี้
1) ความรเู้ ดิม (Existing Knowledge)
2) ความอยากรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ (Scientific Curiosity)
3) ตงั้ สมมติฐาน (Hypothesis)
4) ออกแบบการทดลอง (Experiment)
5) สรปุ วิเคราะห์ (Analysis)
6) นำข้อสรปุ ไปพิสจู น์ (Proof)
ข้ันท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
10. นกั เรียนแบ่งกลุม่ กล่มุ ละ 3-4 คน ตามความเหมาะสมเพื่อทำใบงานที่ 3.1.1 เรื่อง กระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ โดยให้นักเรียนอธิบายวิธีการทำโคมไฟคริสตัล โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เมื่อเสร็จ
แลว้ ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอหน้าชน้ั เรยี น
Note
วตั ถุประสงค์ของกจิ กรรมเพือ่ ให้นกั เรยี น
- มีทักษะการทำงานร่วมกันโดยใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานหรือการทำ
กิจกรรมเพอ่ื ใหเ้ กิดการสือ่ สารและแลกเปล่ยี นข้อมลู รว่ มกนั ภายในกลุ่ม
- มีทักษะการสืบคน้ ขอ้ มลู โดยให้นกั เรยี นแตล่ ะคนสืบค้นขอ้ มลู จากอินเทอรเ์ น็ต
เพ่ือสบื เสาะหาความรูต้ ามหวั ข้อทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
- มีทักษะการสังเกต โดยให้นักเรียนสงั เกตผังแสดงกระบวนการคิดและกระบวนการ
ทำงานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ จากหนังสือเรียน เพื่อนำไปปรับใช้ในการเรียน
ไดอ้ ย่างเหมาะสม
- มีทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยใหน้ กั เรยี นพิจารณาเนือ้ หาจากการสบื คน้ หรอื ศึกษา
ข้อมลู จากแหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ เช่น หนังสอื เรยี น อนิ เทอร์เนต็ เปน็ ตน้
ขั้นสรปุ
ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมินการนำเสนอของนักเรยี นและตรวจสอบความถูกต้องจากใบงานที่ 3.1.1
เรอื่ ง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2. ครูถามคำถามเพื่อตรวจสอบความรู้ของนักเรียนว่า“นักเรียนได้ความรู้จากการเรียนรู้เกี่ยวกับ
ความสัมพนั ธท์ างวิทยาศาสตรแ์ ละวศิ วกรรมศาสตรอ์ ยา่ งไรบ้าง” นักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็
3. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ว่า
“การเรียนรู้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยทำให้เกิด
วิทยาการ และสร้างกระบวนการใหม่ ๆ โดยเฉพาะกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์หนึ่งที่จะ
สรา้ งนวัตกรรม เทคโนโลยี หรอื สิ่งอำนวยความสะดวกให้กบั มนษุ ยอ์ กี ไดม้ ากมาย”
8. การวดั และประเมินผล
รายการวดั วธิ ีวดั เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
8.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
- แบบทดสอบก่อนเรียน ก่อนเรยี น
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3
เรือ่ ง กระบวนการ
ออกแบบเชิงวศิ วกรรม
8.2 การประเมินระหว่างการ - ใบงานท่ี 3.1.1 - ตรวจใบงานที่ 3.1.1 รอ้ ยละ 60 ผ่าน
เกณฑ์
จดั กจิ กรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม
การทำงานรายบุคคล ระดบั คุณภาพ 2
1) กระบวนการ - แบบสังเกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์
การทำงานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2
ทางวิทยาศาสตร์ - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์
การนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2
2) พฤติกรรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์
คณุ ลักษณะ ระดับคุณภาพ 2
รายบคุ คล การทำงานรายบุคคล อันพงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์
3) พฤติกรรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรม
กลุ่ม การทำงานกลุ่ม
4) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ
ผลงาน
5) คุณลักษณะ - สงั เกตความมีวนิ ัย
อันพงึ ประสงค์ ความรบั ผดิ ชอบ
ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ ม่นั
ในการทำงาน
9. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้
9.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3
กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม
2) สอื่ การเรียนรู้ออนไลน์ ของ สสวท. ผ่านเว็บไซต์ https://proj14.ipst.ac.th/m2/m2-dt/
3) ส่อื PowerPoint
4) ใบงานท่ี 3.1.1 เร่ือง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
5) เครื่องคอมพวิ เตอร์
6) ปากกาเคมี
9.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งคอมพวิ เตอร์
2) อินเทอร์เนต็
3) หอ้ งสมดุ
10. การใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงในการจดั การเรยี นรู้
10.1 การนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาจดั การเรียนร้ขู องผู้สอน
3 ห่วง หลักพอประมาณ
ประเด็น
1.ภาระงาน/หนา้ ที่ วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน มุ่งเน้นให
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มาตรฐานการ พึงประส
เรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ และบริบท ตัวชี้วดั ส
ของโรงเรียน การศึกษ
บรบิ ทขอ
2. การวางแผน จัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้สื่อ / แหล่ง เพื่อจัดก
เรียนรู้ / ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ มาตรฐา
สูงสุดตามมาตรฐานและตัวชี้วัดมีลักษณะพึง
ประสงค์ ตามที่หลักสูตรกำหนด เหมาะสม ตามที่ห
กบั วยั ระดบั ชั้น และเวลาเรยี นของผเู้ รียน ระดบั ชัน้
หลักมเี หตุผล หลกั สร้างภูมิคุ้มกนั ทด่ี ีในตวั
ห้ผู้เรียนมีความรู้ทักษะคุณลักษณะอัน มีการวางแผนและบริหารจัดการ เพื่อจัดการ
สงค์บรรลุตาม มาตรฐานการเรียนรู้ เรียนรู้ ให้ตรงตามหลักสูตรแกนกลาง
สาระการเรยี นรู้ ของหลักสตู รแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และ
องโรงเรยี น มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้
และบรบิ ทของโรงเรยี น
กิจกรรมการเรียนการสอนบรรลุตาม วางแผนการเตรียมการสอนไม่ให้บกพร่อง
านและตัวชี้วัดมีลักษณะพึงประสงค์ โดยจัดทำแผนจัดการเรียนรู้ สื่อ แบบวัดและ
หลักสูตรกำหนด เหมาะสมกับวัย ประเมินผล ที่เหมาะสมกับมาตรฐาน ตัวชี้วัด
น และเวลาเรยี นของผูเ้ รียน สาระการเรียนรู้ และบริบทของโรงเรียน
เหมาะสมกับวัย ระดับชั้น และเวลาเรียนของ
ผู้เรียน
3 ห่วง หลักพอประมาณ
ประเด็น
3.เทคนคิ /วิธีสอน เลือกกจิ กรรมการเรียนรใู้ ห้เหมาะกับบริบท ออกแบบ
การนำเท
ของ ผ้เู รยี น ครู ชุมชน ธรรมชาติวิชา และ ทรัพยาก
ทรัพยากรทมี่ ีอยู่
4. การเลือกใช้ เลอื กและใช้เครื่องมือ วิธีการ และเกณฑ์การ เพอ่ื ให้ผ
เครื่องมือ วิธีการ และ วดั ผลประเมินผลใหเ้ หมาะสมกับกิจกรรม เรยี นรูข้ อ
เ ก ณ ฑ ์ ก า ร ว ั ด ผ ล การเรียนรู้และศักยภาพของผ้เู รียน พน้ื ฐาน
ประเมนิ ผล
ความรู้: รอบรหู้ ลักสตู รสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 มาต
เทคนคิ วธิ สี อน
คณุ ธรรม: ใฝเ่ รียนรู้ ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ความขยนั ความยตุ ธิ รรม
หลักมีเหตุผล หลกั สรา้ งภมู ิคุ้มกนั ท่ดี ใี นตัว
บการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้เห็นคุณค่า จัดเตรียมสื่อ / แหล่งเรียนรู้ / ทรัพยากรที่มี
ทคโนโลยี สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้ / วัสดุ อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนให้
กรทม่ี ีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สงู สดุ เพียงพอกับผู้เรียน เตรียมสื่อ CAI (โปรแกรม
ช่วยสอน) ในกรณีที่ครูไม่สามารถมาสอนได้
ลว่ งหนา้
ผู้เรียนบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคก์ ารจัดการ เตรียมวิธีป้องกันปัญหา ที่อาจเกิดจากการ
องหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั จดั การเรยี นรู้ การใช้เคร่อื งมือไม่ตรงตามแผน
พทุ ธศักราช 2551
ที่วางไว้ วัดและประเมินผลบรรลุตาม
วตั ถุประสงค์ทีก่ ำหนด
ตรฐาน/ตัวชีว้ ัด เนือ้ หาความรู้เร่ือง พน้ื ฐานทางคอมพิวเตอร์ การวัดผล ประเมนิ ผล และ
รกั และเมตตาตอ่ ศิษย์
10.2 คณุ ลกั ษณะ “อยู่อยา่ งพอเพียง” ทีเ่ กิดกับผู้เรียน
หลกั พอประมาณ หลัก
1.เลือกใช้ฮาร์ดแวรอ์ ปุ กรณ์เครอื ข่ายและ 1.ตัดสินใจเลือกใช้ฮาร์ดแ
ตามความจำเป็นใช้งานไม่ฟุ่มเฟือยเสียค่าใช้จ่ายเกิน ตรงตามความตอ้ งการใช้ง
ความจำเปน็ 2. ยอมรบั ความคิดเหน็ แล
2. แบ่งหน้าที่การทำงานได้ตรงกับความสามารถของ กลมุ่
สมาชกิ แตล่ ะคนในกลุ่มภายใตเ้ วลาท่ีกำหนด 3.ใช้ทักษะกระบวนกา
3.ปฏิบตั ิงานโดยใช้ระยะเวลาที่เหมาะสม ทง้ั นตี้ ้องเกิด เทคโนโลยี การทำงานนอ
จากการวางแผนการทำงานที่ดีและทำงานอย่างเป็น บรรลุตามเป้าหมาย
ระบบรู้จกั ใช้เทคโนโลยที เ่ี หมาะสมกับภาระงาน
ความรู้: มีความรู้ ความเข้าใจกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
คุณธรรม: มีความซ่ือสตั ย์ในการปฏบิ ตั ิงาน ขยนั รับผดิ ชอบ มงุ่ มนั่ ในการทำงา
เรียนทง้ั ด้านความรู้และทรัพยากรทีเ่ ก่ยี วข้องกับบริบทของการสร้างและนำเสนองาน
นำไปสู่ สมดลุ และพร้อ
กมีเหตุผล หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกันท่ดี ีในตัว
แวร์อุปกรณ์เครือข่ายต่าง ๆได้ 1. มีการวางแผนในการเรียน การทำงานกลุ่มอย่าง
งาน รอบคอบและเป็นระบบ
ละความสามารถของสมาชิกใน 2.เตรียมพร้อมแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่สร้าง
งานและนำเสนอผลงาน
ารทำงานกลุ่ม ทักษะการใช้ 3. เตรียมพร้อมสำหรับผลคะแนนที่จะได้รับจากการ
อกเวลาเรียนเพื่อให้ภาระงาน ตรวจชน้ิ งานและนำเสนองานของครผู สู้ อน
าน มคี วามประหยดั ในการเลือกวัสดุและอปุ กรณ์เทคโนโลยี มีน้ำใจชว่ ยเหลอื เพ่ือนในชน้ั
นโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และสง่ งานตรงเวลา
อมรับการเปล่ยี นแปลง
ด้านวตั ถุ ด้านสังคม
- มีความรู้ในการวางแผนการทำงาน - การทำงานร่วมกบั เพ่อื น
ก า ร จ ั ด แ บ ่ ง ห น ้ า ท ี ่ ต า ม ค ว า ม รู้ ในกลุ่ม
ความสามารถของแตล่ ะคน - แลกเปลี่ยนเรยี นรู้รว่ มกัน
- มีความรู้ในเรื่องการสืบค้นการ สรุป กับเพอื่ น และครู
องค์ความรู้ และการจัดการความรู้โดย - ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการทำงาน
ใช้คอมพิวเตอร์ตามหลักปรัชญาของ อยา่ งสรา้ งสรรค์
เศรษฐกิจพอเพยี ง - ร ู ้ ร ะ เ บ ี ย บ ก า ร ป ฏ ิ บ ั ต ิ ใ น ก า ร ใ ช้
- มีความรู้ ความเข้าใจในเรือ่ งของการ คอมพิวเตอร์ร่วมกบั ผู้อ่นื
ใช้คอมพวิ เตอร์และอปุ กรณป์ ระกอบอื่น
เพื่อการสร้างงาน
- มีทักษะในการวางแผนการทำงานและ - มที ักษะในการทำงาน
การใช้วัสดุอุปกรณ์ เพื่อให้เกิดความ ร่วมกนั แบง่ ปนั
คุ้มคา่ เอ้ือเฟื้อเผือ่ แผ่
- มีทักษะในการออกแบบและการสร้าง - ทกั ษะการทำงานอย่าง
ชิ้นงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ตามหลัก เป็นระบบมกี ารวางแผน
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในการทำงาน
ด้านสิง่ แวดล้อม ดา้ นวัฒนธรรม
- มีความรู้ในการเลือกใช้เทคโนโลยี เพ่ือ - รวู้ ฒั นธรรมในการทำงานรว่ มกับผ้อู ืน่
ใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมกับ - รู้วัฒนธรรม ในการแบ่งปัน การใช้
สภาพแวดล้อม เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการสร้างชิน้ งาน
- มีความรู้ในการใช้เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า - รู้มารยาทในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับ
และประหยัดพลงั งาน ผอู้ ืน่
- มีทักษะในการเลือกใชเ้ ทคโนโลยี เพื่อใช้ - ถ่ายทอดวัฒนธรรมในการแบ่งปันการ
ป ร ะ โ ย ช น์ ไ ด ้ อ ย ่ า ง เ ห ม า ะ ส ม กั บ ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการสร้าง
สภาพแวดลอ้ ม ช้ินงาน