The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ไฟล์รวม กฎหมายอาญา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chokoooon, 2021-06-07 23:13:47

ไฟล์รวม กฎหมายอาญา

ไฟล์รวม กฎหมายอาญา

เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา 245

เปลี่ยนโทษจาคกุ ตลอดชีวิตเป็นจาคกุ 50 ปี แลว้ เพิ่มโทษจาก 50 ปี ไมไ่ ด้ เพราะจะทาให้เกิน 50 ปี
และกรณตี อ้ งโทษจาคุกตลอดชีวิตอย่างเดียวในความผิดกระทงเดียวโดยไม่มีการเพิ่มโทษก็ต้องให้จาคุก
ตลอดชีวติ ไปตามโทษน้ัน ศาลจะเปล่ียนโทษเปน็ ใหจ้ าคุก 50 ปี ไม่ได้

ตัวอย่าง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจาเลยผิดตามมาตรา 340 วรรคสอง และให้เพิ่มโทษอีกก่ึง
หน่ึงตามมาตรา 340 ตรี ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าจาเลยมีความผิดตามมาตรา 340 ประกอบด้วย
มาตรา 340 ตรี ให้วางโทษจาคุก 30 ปี ตามคาพิพากษาฎีกามิใช่การเพิ่มโทษ แต่เป็นกรณีท่ี
กฎหมายใหล้ งโทษหนกั ขน้ึ เพราะเหตุฉกรรจ์

2. การลดโทษ
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 52 บัญญัติว่า “ในการลดโทษประหารชีวิตไม่ว่าจะเป็นการลด
โทษหรือลดโทษทจ่ี ะลงให้ลดดังต่อไปน้ี
(1) ถ้าจะลดหนง่ึ ในสามใหล้ ดเป็นโทษจาคกุ ตลอดชีวิต
(2) ถา้ จะลดกงึ่ หนึง่ ให้ลดเป็นจาคุกตลอดชวี ิต หรือโทษจาคกุ ต้งั แต่ยสี่ ิบห้าปถี งึ หา้ สบิ ปี”

ตามบทบัญญตั นิ ีแ้ สดงวา่ การลดโทษประหารชวี ติ ให้ 1 ใน 3 หรอื ก่งึ หน่ึง คอื 1 ใน 2 นั้นไม่
มีผลแตกต่างกันเลย คือ อาจลดลงเป็นจาคุกตลอดชีวิตได้ทั้ง 2 กรณี ซ่ึงจะดูไม่เป็นธรรมแก่ผู้ที่จะ
ได้รับการลดโทษก่ึงหน่ึงซ่ึงมากกว่าผู้ได้ลดโทษเพียง 1 ใน 3 มาตรา 52 ลดมาตราส่วนโทษกับลด
โทษท่ีจะลงซ่งึ ไม่เหมือนกัน การลดมาตราส่วนโทษหมายความถึง การลดส่วนของโทษจากอัตราโทษท่ี
กฎหมายบัญญัติไว้สาหรับความผิดนั้น เช่น การลดมาตราส่วนโทษให้แก่เด็กหรือเยาวชนผู้กระทา
ความผดิ ลงก่ึงหนึง่ หรือ 1 ใน 3 ตามมาตรา 75,76 หรือความผิดท่ีกฎหมายบัญญัติว่ามีโทษ 1 ใน 3
ตามมาตรา 84 วรรคสอง หรือมีโทษ 2 ใน 3 ตามมาตรา 80, 82 หรือมีโทษก่ึงหนึ่งตามมาตรา
85,247,262 หรือมีโทษไม่เกินก่ึงหนึ่งตามมาตรา 81 เหล่านี้อยู่ในความหมายของการลดมาตราส่วน
โทษ ส่วนการลดโทษท่ีจะลงแก่ผกู้ ระทาความผดิ มอี ยู่เพยี งกรณเี ดียวตามมาตรา 78 คือ มีเหตุบรรเทา
โทษ และศาลเห็นสมควรลดโทษได้เทา่ ใดก็ไดไ้ ม่เกนิ กงึ่ หน่ึงของโทษทศ่ี าลลงแก่ผู้นั้นจะถูกเพิ่มโทษท่ีศาล
ลงแก่ผู้นั้น ท้งั นี้ไมว่ ่าผูน้ น้ั จะถูกเพ่ิมโทษหรือลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญาน้ีหรือตามกฎหมายอื่น
แลว้ หรอื ไม่

สรุปในการลดโทษประหารชีวิตถ้าจะลดกึ่งหน่ึงให้ลดเป็นโทษจาคุกตลอดชีวิต หรือโทษจาคุก
ต้ังแต่ 25 ปี ถึง 30 ปี ซ่ึงศาลจะเห็นสมควรลดลงให้เพียงใดเป็นดุลพินิจของศาล ท้ังน้ีขึ้นอยู่กับ
พฤติการณ์แห่งการกระทาความผดิ วา่ รา้ ยแรงหรอื ไมเ่ พยี งใด

3. การลดโทษจาคกุ ตลอดชวี ติ
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 53 บญั ญัตวิ ่า “ในการลดโทษจาคุกตลอดชีวิตไม่ว่าจะเป็นการ
ลดมาตราส่วนโทษหรือลดโทษท่ีจะลงให้เปลี่ยนโทษจาคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจาคุก 50 ปี” ตามมาตรา
53 น้ีเป็นการลดโทษจาคุกตลอดชีวิต ในการลดโทษจาคุกตลอดชีวิตให้ศาลเปล่ียนโทษจาคุกตลอด

246 เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา

ชีวิตเป็นโทษจาคุก 50 ปี เช่น สรเดช กลับมาบ้านพบ อรชุน น่ังหยอกล้อกับแสงโสม ภริยาของสร
เดช ดว้ ยความหงึ หวง สรเดช ใช้อาวุธปืนยงิ อรชุน ตาย ศาลพิพากษาลงโทษจาคุก สรเดช ตลอดชีวิต
เนอื่ งจาก สรเดช ให้การรับสารภาพศาลเห็นสมควรลดโทษให้ก่ึงหน่ึง อย่างน้ีศาลต้องเปล่ียนโทษจาคุก
ตลอดชวี ิตเป็นโทษจาคกุ 50 ปี แล้วลดลงกง่ึ หนึง่ คือ 25 ปี เหลือโทษจาคุก 25 ปี

ตัวอย่าง จาเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (4) ประกอบด้วยมาตรา
84 วรรคสอง ซึ่งต้องระวางโทษเพียง 1 ใน 3 ของโทษที่กาหนดไว้น้ันให้ลดโทษประหารชีวิต 1 ใน 3
ของโทษประหารชีวิตเป็นจาคุก 50 ปี ตามมาตรา 53 ซ่ึงต้องลงโทษเพียง 1 ใน 3 ของโทษประหาร
ชวี ิตคือ กึ่งหนึง่ ของโทษจาคกุ 50 ปี จึงเป็นโทษจาคุก 25 ปี (คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3611/2523)

ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสาม มีระวางโทษจาคุกตลอดชีวิตเม่ือ
เป็นการพยายามกระทาความผิดต้องระวางโทษสองในสามส่วนเท่ากับลดมาตราส่วนโทษของหน่ึงใน
สาม กรณีโทษจาคุกตลอดชีวิตจะต้องเปล่ียนโทษจาคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจาคุก 50 ปี ตามประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 53 เมื่อคานวณแล้วเหลือโทษจาคุก 33 ปี 4 เดือน จาเลยท้ังสองให้การรับ
สารภาพมีเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา 78 ลดโทษท่ีจะลงให้อีกก่ึงหนึ่ง คงจาคุกจาเลยทั้งสอง คนละ
16 ปี 8 เดือน อันเป็นโทษจาคุกอัตราข้ันต่าของกฎหมายแล้ว กรณีนี้จึงไม่อาจลงโทษจาเลยท้ังสอง
นอกเหนอื จากนี้ แต่สว่ นจาเลยที่ 1 ขณะกระทาความผดิ มีอายเุ พียง 18 ปี เศษ ตามพฤติการณ์แห่งคดี
ไม่มกี ารกระทาท่ีรุนแรงกับมีการชดเชยค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายแล้วจึงมีเหตุลดมาตราส่วนโทษให้แก่
จาเลยท่ี 1 อกี ก่ึงหนึ่ง คงจาคุก 8 ปี 4 เดือน

4. การเพม่ิ โทษหรือลดโทษทจ่ี ะลง
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 54 บัญญัติว่า “ในการคานวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษที่จะลง
ให้ศาลตั้งกาหนดโทษที่จะลงแก่จาเลยเสียก่อนแล้วจึงเพิ่มหรือลด ถ้ามีการเพ่ิมและการลดโทษท่ีจะลง
ให้เพมิ่ กอ่ นแลว้ จึงลดจากผลทีเ่ พ่ิมแล้วนั้น ถ้าส่วนของการเพ่ิมเท่ากับหรือมากกว่าส่วนของการลดและ
ศาลเหน็ สมควรจะไมเ่ พิม่ ไม่ลดก็ได้
จากบทบญั ญตั ิมาตรา 54 น้ี ในการคานวณการเพมิ่ โทษหรอื ลดโทษทจ่ี ะลงนน้ั ให้ศาลกาหนด
โทษที่จะลงแก่จาเลยก่อน แล้วจึงเพ่ิมโทษหรือลดโทษที่จะลงให้เพิ่มโทษก่อนแล้วจึงลดโทษ ถ้าการ
เพ่ิมหรอื ลดโทษเทา่ กนั ศาลจะไม่เพิ่มไม่ลดโทษก็ได้

ตวั อยา่ งคาพพิ ากษาฎีกา
คาพิพากษาฎีกาท่ี 706/2526 โจทก์ขอให้เพ่ิมโทษจาเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา
92 มาดว้ ย เม่อื ศาลพพิ ากษาให้ประหารชีวิตจาเลยและตามมาตรา 54 ให้ศาลเพ่ิมก่อนแล้วจึงลดจาก
ผลท่ีเพิ่มแล้วน้ัน เม่ือศาลเพมิ่ โทษจาเลยมไิ ดเ้ ปน็ โทษประหารชีวติ จึงคงลดโทษใหจ้ าเลยสถานเดียว
คาพิพากษาฎีกาที่ 361/2530 เมื่อศาลพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจาเลยแล้ว ศาลจะเพิ่ม
โทษจาเลยอีกไม่ได้ ฉะน้ันแม้คดีจะมีส่วนของการเพ่ิมเท่ากับส่วนของการลด ศาลจะไม่เพิ่มไม่ลด

เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา 247

หาไดไ้ ม่ เพราะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 54 ใหเ้ พ่มิ กอ่ นแล้วจึงลดจากผลท่ไี ด้เพมิ่ แล้วน้ัน แต่ใน
กรณที ี่เพ่มิ โทษตามมาตรา 92 ไมอ่ าจทาได้ ศาลจึงต้องลดโทษให้แกจ่ าเลยสถานเดียว

คาพิพากษาฎีกาท่ี 3852/2536 คาว่า “ส่วนของการเพ่ิมและส่วนของการลด” ตามประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 54 นั้นมิได้ หมายถึง จานวนของโทษท่ีคิดคานวณแล้วแต่เป็นส่วนท่ียังไม่ได้คิด
คานวณ กรณีส่วนของการเพ่ิมโทษคือก่ึงหน่ึงและส่วนของการลดคือหน่ึงในสาม ดังนี้ ส่วนของการ
เพมิ่ จงึ มากกว่าส่วนของการลด แต่ศาลเห็นสมควรไมเ่ พม่ิ ไมล่ ดกไ็ ด้

5. การยกโทษจาคุก
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 55 บัญญัติว่า “ถ้าโทษจาคุกที่ผู้กระทาความผิดจะต้องรับมี
กาหนดเวลาเพยี งสามเดือนหรือน้อยกว่าศาลจะกาหนดโทษจาคุกให้น้อยลงอีกก็ได้ หรือถ้าโทษจาคุกท่ี
ผู้กระทาความผิดจะต้องรับมีกาหนดเพียงสามเดือนหรือน้อยกว่า และมีโทษปรับด้วย ศาลจะกาหนด
โทษจาคุกให้น้อยลง หรือจะยกโทษจาคุกเสีย คงให้ปรับแต่อย่างเดียวก็ได้” ตามมาตรา 55 น้ีแยก
ออก 2 กรณคี ือ8
1. ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้จาคุกไม่เกิน 3 เดือนอย่างเดียว ศาลมีอานาจเพียงอย่างเดียว
เทา่ น้นั คอื กาหนดโทษจาคกุ นนั้ ให้นอ้ ยลงอีกเท่าใดก็ได้ แตจ่ ะยกโทษจาคุกให้ไมไ่ ด้
2. ในกรณีท่ีศาลพิพากษาให้จาคุกไม่เกิน 3 เดือน และลงโทษปรับด้วยจะปรับเท่าใดก็ตาม
ศาลมีอานาจทาได้ 2 อย่างคือ กาหนดโทษจาคุกให้น้อยลงอีกก็ได้ หรือยกโทษจาคุก (ที่ไม่เกิน 3
เดอื น) นน้ั เสยี คงใหป้ รบั อยา่ งเดียวก็ได้
อนึ่งในการท่ีศาลจะยกโทษจาคุกนี้ต้องมีโทษปรับด้วย และโทษจาคุกมีกาหนดเวลาไม่เกิน 3
เดือน หมายถึง โทษสุทธิท่ีจาเลยจะได้รับตามคาพิพากษาภายหลังจากศาลได้เพิ่มโทษหรือลดโทษน้ัน
แล้ว (ถ้าหากม)ี

คาพิพากษาฎีกาที่ 2517/2541 โทษจาคุกของผู้กระทาความผิดจะต้องรับมีกาหนดเวลาเพียง
3 เดือน หรือน้อยกว่าดงั ท่บี ัญญัติไวใ้ นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 55 ต้องถือเอาโทษจาคุกที่ศาล
ลงในแต่ละกระทงความผิดจะรวมโทษจาคุกทกุ กระทงความผิดในคดีนั้นมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาหา
ได้ไม่ เมอ่ื ศาลพิพากษาลงโทษจาเลยในแต่ละกระทงความผิดให้จาคุกไม่เกิน 3 เดือน ศาลจึงมีอานาจ
ใช้ดลุ พนิ ิจยกโทษจาคุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 55 ได้

6. การรอกาหนดโทษและรอการลงโทษ
ประมวลกฎหมายมาตรา 56 บัญญัติว่า “ผู้กระทาความผิดซ่ึงมีโทษจาคุกเกินสามปี ถ้าไม่
ปรากฏว่าผู้น้ันได้รับโทษจาคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจาคุกมาก่อน แต่ก็เป็นโทษสาหรับ

8 เกียรติขจร วัจนะสวัสด์ิ, ผศ.ดร., กฎหมายอาญาภาค 1 บทบัญญัติท่ัวไป, (กรุงเทพมหานคร : คณะนิติศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, 2524), หน้า 132.

248 เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา

ความผิดท่ีได้กระทาโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษเม่ือศาลได้คานึงถุงอายุประวัติ ความประพฤติ
สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และส่ิงแวดล้อมของผู้นั้น หรือสภาพ
ความผิด หรือเหตุอื่นอันควรปราณีแล้ว เห็นเป็นการสมควรศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้นมีความผิดแต่รอ
การกาหนดโทษไว้ หรือกาหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้ แล้วปล่อยตัวไปเพ่ือให้โอกาสผู้นั้นกลับตัว
ภายในระยะเวลาท่ีศาลได้กาหนด แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันท่ีศาลพิพากษา โดยจะกาหนดเง่ือนไข
เพื่อคุมความประพฤติของผ้กู ระทาความผดิ นั้นศาลอาจกาหนดข้อเดยี วหรือหลายขอ้ ดังต่อไปนี้

(1) ให้ไปรายงานตัวตอ่ เจ้าพนกั งานที่ศาลระบไุ วเ้ ปน็ ครั้งคราว เพ่ือเจ้าพนักงานจะได้สอบถาม
แนะนาช่วยเหลอื หรือตักเตือนตามท่ีเห็นสมควรในเร่ืองความประพฤติและประกอบอาชีพ หรือจัดให้
ทากิจกรรมบรกิ ารสงั คม หรือสาธารณประโยชนต์ ามท่ีเจา้ พนักงาน และผู้กระทาความผดิ เห็นสมควร

(2) ให้ฝึกหดั หรอื ทางานอาชีพอนั เปน็ กจิ จะลกั ษณะ
(3) ให้ละเว้นการคบหาสมาคม หรือการประพฤติใดอันนาไปสู่การกระทาความผิดในทานอง
เดียวกันอีก
(4) ให้ปรับการบาบัดรักษาการติดยาเสพติดให้โทษความบกพร่องทางร่างกายหรือจิตใจหรือ
ความเจบ็ ปวุ ยอย่างอืน่ ณ สถานที่ และตามระยะเวลาท่ศี าลกาหนด
(5) เงื่อนไข่อื่นๆ ตามที่ศาลเห็นสมควรกาหนดเพ่ือแก้ไขฟ้ืนฟูหรือปูองกันมิให้ผู้กระทา
ความผิดหรือมีโอกาสกระทาความผดิ ข้ึนอกี
เงื่อนไขตามที่ศาลกาหนดตามความในวรรคก่อนน้ัน ถ้าภายหลังความปรากฏแก่ศาลตามคา
ของผ้กู ระทาความผดิ ผู้แทนโดยชอบธรรมผู้น้ัน ผู้อนุบาลของผู้นั้น พนักงานอัยการหรือเจ้าพนักงาน
ว่าพฤติการณ์ท่ีเก่ียวแก่การควบคุมความประพฤติของผู้กระทาความผิดได้เปล่ียนแปลงไป เมื่อศาล
เห็นสมควร ศาลอาจแกไ้ ขเพ่มิ เติมหรือเพิกถอนข้อใดเสียก่อน หรือกาหนดเงื่อนไขใดตามท่ีกล่าวมาใน
วรรคก่อนทศ่ี าลยงั มไิ ด้กาหดไวเ้ พิม่ เติมขนึ้ อกี ก็ได้”

หลกั เกณฑใ์ นการรอการกาหนดโทษหรือรอการลงโทษ
1. ตอ้ งเป็นกรณที ่ไี ดก้ ระทาความผิดซงึ่ มโี ทษจาคกุ
2. ความผิดในคดีนั้นศาลจะลงโทษจาคุกไมเ่ กนิ 3 ปี
3. ไม่ปรากฏว่าผู้น้ันเคยรับโทษจาคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจาคุกมาก่อนแต่เป็น

โทษสาหรบั ความผิดที่ได้กระทาโดยประมาทหรอื ความผิดลหโุ ทษ
4. เมื่อศาลคานึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ

ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชพี และสงิ่ แวดล้อม สภาพความผดิ หรือเหตอุ ื่นอันควรปราณี

1) ตอ้ งเป็นกรณีที่ได้กระทาความผิดึึ่งมีโทษจาคุก คดีท่ีจะรอการกาหนดโทษหรือ
รอการลงโทษได้จะต้องมีโทษจาคกุ หารเป็นโทษชนดิ อนื่ ที่จาคุกแล้วจะรอไม่ได้

เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา 249

2) ความผิดในคดีน้ันศาลจะลงโทษจาคุกไม่เกิน 3 ปี ความผิดที่มีโทษจาคุกนั้น
ศาลได้ลงโทษจาคกุ ไม่เกิน 3 ปี หมายถึงสุทธิที่ศาลลงแก่จาเลย เช่น คาพิพากษาให้จาเลยจาคุก 3
ปี จาเลยรบั สารภาพ ศาลลดโทษให้ก่ึงหนึง่ ในสามเป็นจาคุก 2 ปี โทษที่ลงจริงๆ คือ 2 ปีจึงอยู่ใน
เงือ่ นไขการลงโทษได้ กรณีบางคดจี าเลยถูกฟูอง หลายกรรมกระทงในทานองเดียวกัน ต้องดูโทษเป็น
รายกระทงไปว่าแต่ละกระทงโทษสุทธเิ กิน 3 ปหี รือไมเ่ กิน 3 ปรี อการลงโทษ

3) ไม่ปรากฏว่าผู้นั้นเคยได้รับโทษจาคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจาคุกมา
ก่อนแต่เป็นโทษสาหรับความผิดท่ีได้กระทาโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ คาว่า ไม่ปรากฏว่าผู้
นั้นได้รับโทษจาคุกงาก่อน ”หมายความว่า เม่ือไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในสานวนคดีน้ีจาเลยผู้นั้นได้รับ
โทษจาคกุ มากอ่ นยอ่ มเปน็ หลกั เกณฑ์ขอ้ หน่ึงท่ศี าลจะรอการลงโทษหรอื รอการกาหนดโทษได้ คาว่า “ผู้
น้ันไดรับโทษจาคุกมาก่อน”หมายความว่า ก่อนท่ีศาลจะพิพากษาคดีอ่ืนอันมิใช่ความผิดฐานประมาท
หรอื กาลงั รบั โทษจาคุกอยใู่ นคดอี ันมิใช่ความผิดฐานประมาท หรือความผิดฐานประมาท หรือกาลังรับ
โทษจาคุกอยู่ในคดีอน่ื มิใชค่ วามผิดฐานประมาท หรือความผิดลหุโทษศาลจะรอการลงโทษแก่จาเลยใน
คดีนไ้ี ม่ไดค้ วามผดิ ในคดอ่นื จะเกดิ ขน้ั ก่อนหรอื หลังในคดนี ้ี โทษจาคุกท่ีรับมาก่อนนอกจากเป็นสุทธิแล้ว
คดนี น้ั ต้องถงึ ท่ีสดุ แล้ว หากคดีอยู่ระหวา่ งอุทธรณแ์ ม้ตวั จาเลยจะถูกขังระหว่างพิจารณาอยู่ในเรือนจาก็
ถือว่ายังไม่ปรากฏว่าได้รับโทษจาคุกมาก่อน เช่น จาเลยกระทาความผิดฐานชิงทรัพย์ ศาลชั้นต้น
พิพากษาลงโทษจาคุกจาเลย 4 ปี จาเลยอุทธรณ์ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จาเลยถูกุคุมขัง
ระหว่างพิจารณาในศาลอุทธรณ์ที่เรือนจา คดีที่จาเลยต้องหาว่ากระทาความผิดฐานทาร้ายร่างการ
และศาลพพิ ากษาให้ลงโทษจาคุก 1 ปี 6 เดือน คดีน้ีศาลรอการลงโทษได้เพราะคดีชิงทรัพย์ยังไม่ถึง
ท่ีสุดการคุมขังในระหว่างพิจารณายังไม่ถือว่าจาเลนได้รับโทษจาคุกมาก่อน ตาปรากฏว่าจาเลยได้รับ
โทษจาคุกมาก่อนเป็นโทษท่ีกระทาโดยประมาทหรือลหุโทษก็ยังรอการลงโทษได้เพราะมาตรา 56
ยกเว้นไว้

4) เมื่อศาลคานึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม
สุขภาพภาวะแห่งจิตนิสัย อาชีพ สิ่งแวดล้อม นิสัย อาชีพ ส่ิงแวดล้อม สภาพความผิด หรือ
เหตอุ ื่นอนั ควรปราณี กลา่ วคอื ศาลเห็นสมควรให้การลงโทษแล้วรอการลงโทษ โดยคานึงถึงเหตุต่าง ๆ
รวม 12 เหตุผลท่ีระบไุ ว้ตามที่กลา่ วมาแลว้

เม่ือครบหลักเกณฑ์ท้ัง 4 ประการแล้วศาลเห็นสมควรให้รอการลงโทษหรือรอการ
กาหนดโทษไว้ไม่เกิน 5 ปี ส่วนใหญ่ศาลจะกาหนดโทษแล้วรอการลงโทษ การออกการกาหนดโทษ
ปกตไิ ม่ค่อยไดใ้ ช้

7. ผลของการรอโทษจาคกุ
เมื่อศาลพิพากษาให้รอการกาหนดโทษจาคุก หรือการรอการลงโทษจาคุกท่ีไม่เกิน 3 ปี แก่
ผู้กระทาความผิดในระยะเวลาที่ศาลกาหนดไว้ไม่เกิน 5 ปี ศาลจะปล่อยตัวให้เพ่ือให้โอกาสผู้นั้นกลับ
ตวั ภายในระยะเวลาท่ีศาลกาหนดให้รอไว้ตาม ปอ.มาตรา 56 ดงั กลา่ วแลว้ ฉะน้นั ถ้าผกู้ ลับตัวไมไ่ ดก้ ็

250 เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา

จะต้องรับผลร้ายถ้ากลับตัวไม่ได้ก็จะต้องรับผลร้าย ถ้ากลับตัวก็จะได้รับผลดีตาม ปอ.มาตรา 58
บัญญัติไวด้ ังนี้

“เมื่อความปรากฏแก่ศาลเอง หรือความปรากฏตามคาแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่า
ภายในเวลาท่ศี าลกาหนดมาตรา 56 ผ้ทู ี่ถกู ศาลพพิ ากษาได้กระทาความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทา
โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และศาลพิพากษาให้ลงโทษจาคุกสาหรับความผิดนั้นให้ศาลที่
พิพากษาคดีหลังกาหนดโทษท่ีรอการลงโทษท่ีรอการลงโทษไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในความผิดน้ัน
ให้ศาลพิพากษาคดีหลังกาหนดโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนบวกเข้าคดีหลัง หรือบวกท่ีรอการ
ลงโทษไวใ้ นคดีก่อนเข้ากบั โทษคดีหลงั แลว้ แต่กรณี

แต่ถ้าภายในเวลาท่ีศาลได้กาหนดตามมาตรา 56 ผู้นั้นมิได้กระทาความผิดดังกล่าวในวรรค
แรกให้ผู้น้ันพ้นจากการที่จะถูกกาหนดโทษหรือถูกลงโทษในคดีนั้นแล้วแต่กรณี” ตามบทบัญญัติ 58
น้ีเปน็ การกระทาความผิดในระหว่างการอการลงโทษ กล่าวคือ ได้กระทาผิดขึ้นอีกภายในระยะเวลาท่ี
รอการลงโทษ ความผิดท่ีได้กระทาขึ้นอีกนั้นมิใช่ความผิดที่กระทาโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
หมายความว่า ถ้าผู้กระทาความผิดอยู่ระหว่างเวลา รอการลงโทษหรือการกาหนดโทษได้กระทา
ความผิดข้ึนแต่กระทาโดยประมาท หรือเป็นความผิดลหุโทษศาลจะนาโทษที่รอหรือกาหนดโทษที่รอ
แล้วนามาบวกกับทาในคดีหลังท่ีทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษไม่ได้ และในการนาโทษท่ีรอการ
ลดโทษ หรือกาหนดโทษทีรอแล้วมาบวกกับโทษในคดีหลังน้ีต้องเป็นโทษที่ศาลให้ลงโทษจาคุกสาหรับ
ความผิดที่ได้กระทาขึ้นอีกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58 จึงบทบัญญัติบังคับให้ศาลท่ี
พิพากษาคดีหลังกาหนดโทษท่ีรอการกาหนดโทษไว้ในคดีก่อนหรือโทษที่คดีก่อนมาบวกเข้าในคดีหลัง
ไมไ่ ด้

อนึ่งในการรอการลงโทษไม่มีบทบัญญัติว่าจะรอได้กี่ครั้งดังนั้นจะรอก่ีคร้ังก็ได้ ถ้าอยู่ใน
หลกั เกณฑต์ าม ปอ.มาตรา 56

ตัวอย่าง จาเลยเคยถูกศาลพิพากษาลงโทษจาคุก 1 เดือน ปรับ 500 บาท โทษจาคุกให้
รอไว้ 1 ปี ภายในระยะเวลาท่ีศาลรอการลงโทษไว้น้ัน จาเลยกระทาความผิดอีก ศาลพิพากษา
ลงโทษจาคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจาคุกให้รอไว้มีกาหนด 1 ปี การกอการลงโทษใน
คดีหลงั น้ีเพราะวา่ คดีแรกจาเลยยังมิไดร้ บั โทษจาคกุ มาก่อน

ตามตวั อยา่ งข้างต้นหากคดีหลังศาลไม่ได้ส่ังรอการลงโทษ โจทก์จะขอให้ศาลนาโทษท่ีรอไว้ใน
คดีก่อนมาบวกเขา้ กบั โทษในคดีหลังด้วยก็ได้

ตัวอย่าง ยาวิดา ขับรถยนต์โดยประมาท ด.ช.น้อย ตาย ศาลพิพากษาลงโทษจาคุก 2 ปี
หลังจากพ้นโทษแลว้ ยาวดิ าถูกฟูองวา่ กระทาความผดิ ฐานยังยอกทรัพยศ์ าลพพิ ากษาลงโทษจาคุกมาแล้ว
ก็ตาม แต่เปน็ ความผดิ ทีก่ ระทาโดยประมาท

ตวั อยา่ ง สมชาย ทาร้ายร่างกาย สมจิต ศาลพิพากษาลงโทษจาคุกสมชาย 3 เดือน ศาล
เปลย่ี นโทษจาคุกเป็นกกั ขงั แทน หลงั จากสมชายพ้นโทษกกั ขงั สมชายกระทาความผิดฐานบุกรุก ศาล

เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา 251

พิพากษาลงโทษจาคุก 6 เดือน ดังน้ี ศาลรอการลงโทษจาคุกสมชายได้ เพราะคดีก่อนสมชาย
ตอ้ งโทษกักขงั มิใช่โทษจาคกุ

8. การระงบั ของโทษหรือความผดิ
(1) คดีโทษปรับสถานเดยี ว
ประมวลกฎหมาย มาตรา 79 บัญญัติว่า “ในคดีที่มีโทษปรับสถานเดียว ถ้าผู้ท่ีต้องหาว่า
กระทาความผิดนาคา่ ปรบั ในอัตราอยา่ งสูงสาหรับความผิดนั้นมาชาระก่อนที่ศาลจะเร่ิมต้นสืบพยาน ให้
คดอี ันระงบั ไป” คดีอนั ระงบั ไปตามมาตรา 79 นี้จะต้องเป็นคดีที่มีโทษปรับแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
จะมโี ทษจาคกุ หรอื ปรับ หรอื ทัง้ จาทงั้ ปรับด้วยไม่ได้ และจะต้องนาค่าปรับในอัตราอย่างสูงในความผิด
น้ันมาชาระทีเดียว โดยชาระก่อนท่ีศาลเริ่มต้นสืบพยาน คาว่า “เริ่มต้นสืบพยาน” หมายความว่า
ก่อนวันสืบพยานจริงๆ เช่นชาระก่อนสืบพยานว่าวันที่ 10 มีนาคม 2540 จะต้องนาเงินมาชาระ
ค่าปรับภายในวันที่ 9 มีนาคม 2540 สาหรับคดีที่มีโทษปรับอย่างเดียวน้ีส่วนมากเป็นความผิดลหุ
โทษ เชน่

1. โทษปรับหนึ่งร้อยบาท
มาตรา 367 ไมบ่ อกหรือแกลง้ บอกชอ่ื เทจ็ จริงตอ่ เจ้าพนักงาน
มาตรา 370 ส่งเสยี งออ้ื องึ โดยไมส่ มควร
มาตรา 371 พกพาอาวธุ ไปในเมือง หม่บู า้ น ทางสาธารณะ
2. โทษปรับห้ารอ้ ยบาท
มาตรา 369 ทาประกาศท่ีเจ้าพนักงานไว้หลุดอีก
มาตรา 372 ทะเลาะกนั อือ้ อึงในทางสาธารณะ
มาตรา 373 ปล่อยปละละเลยให้คนวกิ ลจริตออกเท่ยี วไป
มาตรา 375 ทาให้รางระบายนา้ ขดั ขอ้ งไม่สะดวก
มาตรา 378 เสพสุรามาครองสตไิ ม่ได้ในสาธารณะสถาน
มาตรา 385 กดี ขวางทางสาธารณะ
มาตรา 386 ขุดหลุม ราง วางของเกะกะในสาธารณะ
มาตรา 387 ต้ังวางของนา่ จะพังลงมาเปน็ อันตรายแก่ผู้สญั จรในทางสาธารณะ
มาตรา 388 เปลอื ยกายต่อหนา้ ธารกานัล
มาตรา 393 ดหุ มิ่นเขาซึง่ หนา้
มาตรา 395 ปลอ่ ยให้สัตว์เข้าไปในสวน ไร่ นา ผู้อืน่
มาตรา 396 ท้งิ ซากสัตวใ์ นหรอื ริมทางสาธารณะ

(2) ผ้กู ระทาความผิด
โทษตามมาตรา 18 เป็นโทษสาหรับใช้ลงแก่ผู้กระทาความผิด ตามท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา 2
วรรคหน่ึงว่า “บคุ คลจกั ตอ้ งรบั โทษในทางอาญาตอ่ เมือ่ ได้กระทาการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทานั้น

252 เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา

บัญญัติเป็นความผิดและกาหนดโทษไว้ และโทษท่ีจะลงแก่ผู้กระทาความผิดเป็นโทษที่บัญญัติไว้ใน
กฎหมาย” จากบทบัญญัติมาตรา 2 วรรคหนึ่ง การลงโทษจะต้องปรากฏว่าผูกระทาความผิดยังมี
ชีวิตอยู่ หากผู้กระทาความผิดตาย ทาเป็นอันระงับไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 38
บญั ญตั ิ “โทษเป็นอนั ระงับไปด้วยความตายของผกู้ ระทาผดิ ”

(3) คดีขาดความอายฟุ ้อง
เม่ือผู้ใดกระทาความผิดอย่างใดอย่างหนึ่งผู้นั้นจะต้องถูกจับ ถูกสอบสวนและถูกฟูองต่อศาล
เพ่ือพิจารณาพิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่การฟูองคดีต่อศาล
จะต้องฟูองและได้ตัวผู้กระทาความผิดมายังศาลภายในกาหนดเวลาที่บัญญัติใน ประมวลกฎหมาย
มาตรา 95 กาหนดไว้นับแต่วันกระทาความผิดฉะนั้นความผิดน้ันเป็นอันขาดอายุความจะต้องฟูอง
ผู้กระทาความผิดไม่ได้ และถ้าเป็นความผิดอันยอมได้ ผู้เสียหายในความผิดนั้นยังต้องร้องทุกข์ต่อ
พนักงานเจ้าหน้าท่ีภายใน 3 เดือนนับแต่วันรู้เรื่องความผิด และรู้ตัวผู้กระทาความผิดตามประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 96 ด้วยมิฉะนั้นขาดอายุความหรือถ้าผู้เสียหายฟูองคดีเอง โดยไม่ต้องร้องทุกข์
ก็ต้องฟูองภายใน 3 เดือน ด้วยเหตุนี้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (6) จึง
บัญญัตวิ ่าสิทธิท่จี ะนาคดีอาญามาฟูองระงบั ไปเมื่อคดีขาดอายคุ วาม

ส่วนที่ 3
อายคุ วาม

อายุความแยกพจิ ารณาเปน็ 2 ประเภท
(1) อายุความสาหรบั ความผิดทว่ั ไป

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 บัญญัติว่า “ในคดีอาญาถ้ามิได้ฟูองและได้ตัว
ผกู้ ระทาความผิดมายงั ศาลภายในกาหนดเวลาดงั ตอ่ ไปนนี้ บั แตว่ ันกระทาความผดิ เปน็ อันขาดอายุความ

(1) ย่สี ิบปี สาหรับความผิดตอ้ งระวางโทษประหารชีวิต จาคกุ ตลอดชีวติ หรอื จาคุก
ยสี่ บิ ปี

(2) สิบห้าปี สาหรับความผดิ ต้องระวางโทษจาคกุ กวา่ เจด็ ปี แตไ่ ม่ถึงย่ีสบิ ปี
(3) สิบปี สาหรบั ความตอ้ งระวางโทษจาคกุ หน่ึงปถี ึงเจ็ดปี
(4) ห้าสิบปี สาหรับความผดิ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ หนึ่งเดือนถึงหนึง่ ปี
(5) หน่ึงปี สาหรับความรับผิดชอบระวางโทษจาคุกต้ังแต่หนึ่งเดือนลงมาหรือต้อง
ระวางโทษอยา่ งอืน่
ถ้าได้ฟูองและได้ตัวผู้กระทาความผิดมายังศาลแล้วผู้กระทาความผิดหลบหนีหรือ
วิกลจริตและศาลส่ังงดการพิจารณาไว้จนเกินกาหนดดังกล่าวแล้วนับแต่สันท่ีหลบหนี หรือวันที่ศาลสั่ง
งดการพิจารณากไ็ หถ้ อื วา่ เป็นอนั ขาดอายุความเชน่ เดียวกัน

เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา 253

ถ้าใช้อายุความตามมาตรา 95 น้ีมี 2 ตอน คือ ตอนแรกเป็นอายุความฟูองคดี
ตามวรรคหนึ่งซ่ึงถ้ามิได้ตัวผู้กระทาความผิดมายังศาลภายในกาหนดเวลานับแต่วันกระทาความผิดคดี
ขาดอายุความจะฟูองไมไ่ ด้ ตอนหลังตามวรรคสอง เป็นเร่ืองฟูองและได้ตัวผู้กระทาความผิดมายังศาล
แล้วปรากฏว่าผู้นั้นหลบหนีไปหรือวิกลจริต อายุความจะเริ่มนับใหม่ ต้ังแต่หลบหนี หรือวันศาล
พจิ ารณา ซึง่ ถ้าเกนิ กาหนดเวลาตามวรรคหนึง่ คดกี ็ขาดอายคุ วามเชน่ เดยี วกัน

(2) อายคุ วามสาหรบั ความรับผิดอันยอมความได้
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับมาตรา 95 ในกรณีความผิผ
อันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันท่ีรู้เร่ืองความผิดและรู้ตัวผู้กระทา
ความผิด เป็นอันขาดอายุความ” ตามบัญญัติมาตรา 96 น้ีจะเห็นว่าความผิดอันยอมความได้
สาหรับอายุความมี 2 กรณี กรณีแรกผู้เสียหายจะต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันรู้เร่ือง
ความผิดและรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทาความผิด กรณีหลังผู้เสียหายฟูองคดีเองโดยไม่ร้องทุกข์
ผู้เสยี หายต้องฟอู งภายใน 3 เดอื น นับแตว่ นั รเู้ รือ่ งความผดิ และร้ตู ัวผูก้ ระทาความผดิ
อย่างไรก็ตามมาตรา 96 ต้องอยู่ใต้บังคับมาตรา 95 กล่าวคือ ถ้าคดีขาดอายุความตาม
มาตรา 95 แล้วจะร้องทุกข์หรือฟูองคดีภายในเวลาที่กาหนดไว้ในมาตรา 95 ไม่ได้ แตถ้าร้องทุกข์
แลว้ แตไ่ มฟ่ อู งภายใน 3 เดือนก็ไมข่ าดอายุความ
สาหรับความอันยอมความได้มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาได้แก่ มาตรา 71 วรรค
สอง, 271,272,281,284,321,325,333,348,351,361 และ 366

(3) คดขี าดอายุความลว่ งเลยการลงโทษ
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 98 บัญญัติว่า “เมื่อได้มีคาพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษผู้ใด ผู้
นั้นยังไม่ได้รับโทษก็ดี ได้รับโทษแต่ยังไม่ครบถ้วนโดยหลบหนีก็ดี ถ้ายังมิได้ตัวผู้นั้นมาเพ่ือรับโทษนับ
แตว่ นั ท่มี ีคาพิพากษาถึงที่สุดหรอื นับแตว่ ันผทู้ าความผดิ หลบหนี แลว้ แต่กรณีกาหนดเวลาดังต่อไปน้ี
(1) ย่ีสบิ ปี สาหรับความผดิ ต้องระวางโทษประหารชวี ิต จาคุกตลอดชวี ติ หรอื จาคกุ
ยี่สิบปี
(2) สิบหา้ ปี สาหรบั ความผิดต้องระวางโทษจาคกุ กวา่ เจ็ดปี แตไ่ ม่ถึงยส่ี บิ ปี
(3) สิบปี สาหรับความต้องระวางโทษจาคุกหน่ึงปีถงึ เจ็ดปี
(4) ห้าสบิ ปี สาหรับความผดิ ต้องระวางโทษจาคุกหนึ่งเดือนถึงหน่ึงปี
อายุความล่วงเลยการลงโทษตามมาตรา 98 ใช้สาหรับโทษสุทธิที่ศาลลงแก่จาเลยตามคา
พพิ ากษาถึงท่สี ดุ ไมใ่ ช่โทษตามที่กฎหมายบญั ญตั ิอยา่ งมาตรา 95 และ 96

254 เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา

หลักพเิ ศษท่ใี ชแ้ ก่ความผิดลหุโทษ
1. ความหมายของความผิดลหุโทษ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 102 บัญญัติว่า
“ความผิดลหุโทษคือ ความผิดซึ่งต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหน่ึงพันบาท
หรือท้ังจาทง้ั ปรับเช่นวา่ มานี้ด้วย”
1. ปรบั ไม่เกิน 100 บาท
2. ปรับไมเ่ กิน 500 บาท
3. จาคุกไม่เกินสิบวัน ปรับไม่เกนิ หา้ รอ้ ยบาท หรอื ทัง้ จาทงั้ ปรบั
4. จาคกุ ไม่เกนิ หนึ่งเดอื น หรือปรบั ไมเ่ กนิ หน่งึ พันบาท หรอื ทงั้ จาทง้ั ปรบั
ประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้กาหนดโทษที่จะลงในความผิดลหุโทษไว้เป็นช้ันๆ เหมือนดัง
กฎหมายลักษณะอาญา แต่ได้บัญญัติโทษลงไว้กับบทมาตรานั้นๆ ท่ีเดียวดังเช่นความผิดอ่ืนๆน้ันจะ
กาหนดสถานใด พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 5 จึงบัญญัติว่า
“เม่ือประมวลกฎหมายอาญาลักษณะอาญาไว้ ใหถ้ อื ว่ากฎหมายนั้นไดอ้ ้างถงึ โทษดงั ตอ่ ไปน้ี”
ถ้าอา้ งถงึ โทษชน้ั ที่ 1 หมายความวา่ ปรับไม่เกินหนง่ึ ร้อยบาท
ถา้ อา้ งถงึ โทษช้ันท่ี 2 หมายความวา่ ปรบั ไม่เกินหา้ ร้อยบาท
ถ้าอ้างถึงโทษช้ันท่ี 3 หมายความว่า จาคุกไม่เกินสิบวัน หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือ
ทง้ั จาทัง้ ปรบั
ถ้าอ้างถึงโทษช้ันท่ี 4 หมายความว่า จาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหน่ึงพันบาท
หรือทัง้ จาทง้ั ปรับ
จงึ เป็นที่เข้าใจได้ว่า ความผดิ ลหุโทษน้ันมไิ ดม้ ีอยูแ่ ตเ่ ฉพาะในประมวลกฎหมายอาญาแห่งเดียว
แตม่ อี ย่ใู นพระราชบัญญัตอิ ่ืนๆ อีกมาก ต้องดเู ปน็ พระราชบญั ญตั ๆิ ไป

2. ความผิดลหุโทษแตกต่างกับความผิดอ่ืนอย่างใด มาตรา 103 วางหลักไว้ว่าความผิด
ลหุโทษเหมือนกับความผิดอื่นทุกประการ เว้นแต่ท่ีบัญญัติไว้เป็นพิเศษใน 3 มาตรา คือ มาตรา
104 ถึงมาตรา 106 ทง้ั น้โี ดยมาตรา 103 ได้บัญญัติไว้ว่า “บทบัญญัติในลักษณะ 1 ให้ใช้ในกรณี
แห่งความผิดลหุโทษด้วย เวน้ แตท่ ีบ่ ัญญตั ไิ วใ้ นสามมาตรา ต่อไปน้ี

ข้อยกเวน้ สามมาตราในลหโุ ทษ คอื
ก. กระทาโดยไมเ่ จตนากเ็ ป็นความผิด ดังท่บี ญั ญัติในมาตรา 104 ว่า การกระทาความผิดลหุ
โทษตามประมวลกฎหมายนี้ แม้กระทาโดยเจตนาก็เป็นความผิด เว้นแต่ตามบทบัญญัติความผิดนั้นจะมี
ความบัญญัตใิ ห้เป็นอยา่ งอ่ืน” หมายความว่า บาบัญญัตินั้นๆ ต้องการเจตนาเป็นองค์ประกอบด้วยจึงจะ
เป็นความผิด เช่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 367,368,371,378,379,384,319,393 เป็นต้น
ฉะน้ันจงึ ต้องพิจารณาบทบญั ญัตขิ องแต่ละมาตราน้ันๆ ว่าต้องการเจตนาหรือไม่ ถ้าไม่ต้องการเจตนาเป็น
องคป์ ระกอบแล้ว จะกระทาโดยประการใดก็เป็นความผดิ เชน่ ตามมาตรา 370,375,377,380 เปน็ ต้น

เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา 255

ข. พยายามกระทาความผิดไม่ต้องรับโทษ ดังท่ีบัญญัติในมาตรา 105 ว่า ผู้ใดพยายาม
กระทาความผิดลหุโทษ “ผู้น้ันไม่ต้องรับโทษ” ตามบทบัญญัติน้ีเป็นอันว่าไม่มีการพยายามกระทา
ความผิดในความผิดลหุโทษ แม้จะมีการพยายามกระทากไ็ มต่ ้องรบั โทษ

ค. ผู้สนับสนุนในความผิดลหุโทษไม่ต้องรับโทษ ดังทีบัญญัติไว้ในมาตรา 106
“ผสู้ นับสนนุ ในความผิดลหโุ ทษไม่ต้องรับโทษ ฉะนั้นจึงไม่ต้องนามาตรา 86 มาใช้ในความผิดลหุโทษ
มาตรา 87,88 ท่ีเกีย่ วกบั ผู้สนับสนุนด้วย

256 เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา

คาถามท้ายบท

1. ชนดิ ของโทษในกฎหมายอาญาตามบทบญั ญัตมิ าตรา 18 มีกสี่ ถาน อยา่ งไรบา้ ง
2. โทษจาคุก มกี ่ีประเภท อะไรบา้ ง
3. หลกั เกณฑ์ในการลงโทษกกั ขังแทนโทษจาคุก มีหลกั เกณฑ์อย่างไรบา้ ง
4. หลักเกณฑ์ในการทางานบริการสังคมหรือทางานสาธารณะประโยชน์แทนค่าปรับ มีหลักเกณฑ์
อยา่ งไรบา้ ง
5. จงอธิบายหลกั เกณฑใ์ นการรอการกาหนดโทษหรอื รอการลงโทษ มีหลักเกณฑ์อยา่ งไรบ้าง

เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา 257

อา้ งอิงประจาบท

เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์, ผศ.ดร., กฎหมายอาญาภาค 1 บทบัญญัติท่ัวไป, (กรุงเทพมหานคร: คณะ
นิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, 2524).

จิตติ ติงศภัทิย์, ศาสตราจารย์, คาอธิบายประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 ตอน 2 และตอน 3, (โรง
พมิ พ์แสงทองการพมิ พ์, 2513).

เสรมิ วินิจฉัยกลุ , (2482), คาอธบิ ายลักษณะอาญาภาค 1, (กรงุ เทพมหานคร : ไทยพาณชิ ยการ).
หยุด แสงอุทัย, (2520), กฎหมายอาญาภาคทั่วไป, พิมพ์ครั้งที่ 14, (กรุงเทพมหานคร :

มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์).
หยุด แสงอุทัย, ศาสตราจารย์ ดร., กฎหมายอาญาภาคทั่วไป, (กรุงเทพมหานคร :

มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2515).

258 เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา

บทที่ ๑๓
วิธีการเพื่อความปลอดภัย

วตั ถุประสงค์การเรยี นประจาบท

1. เพ่ือให้นิสติ ได้ศึกษาและวเิ คราะห์ถึงการใช้บงั คับวธิ ีการเพอ่ื ความปลอดภัย
2. เพ่ือให้นสิ ติ ได้ศึกษาและวิเคราะหถ์ ึงลักษณะชนดิ ของวิธีการเพือ่ ความปลอดภยั

ขอบขา่ ยเน้ือหา

1. การใช้บงั คับวิธกี ารเพอ่ื ความปลอดภัย
2. ชนดิ ของวิธกี ารเพ่อื ความปลอดภัย

วธิ ีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท
1. การบรรยาย
2. การศึกษาเอกสารประกอบการสอน
3. ทาแบบฝึกหัดทา้ ยบท

ส่อื การเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. ประมวลกฎหมายอาญา

เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา 259

ส่วนท่ี 1
การใชบ้ ังคบั วิธกี ารเพื่อความปลอดภยั

การใช้บังคับวิธีการเพ่ือความปลอดภัย บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 12 ถึง 16
มีสาระสาคัญดังน1้ี

1. ต้องมีบทบัญญัติแห่งกฎหมายให้ใช้บังคับวิธีการเพื่อความปลอดภัยได้และกฎหมายท่ีจะใช้
บังคับให้ใช้กฎหมายในขณะท่ีศาลพิพากษาคดีนั้น (ป.อ.มาตรา 12) หมายความว่า วิธีการเพ่ือความ
ปลอดภัยท่ีศาลจะนามาใช้บังคับแก่ผู้ใดต้องเป็นวิธีการท่ีกฎหมายกาหนดไว้ และต้องใช้กฎหมายใน
ขณะท่ศี าลพพิ ากษาคดี ไมใ่ ช่กฎหมายในขณะกระทาความผดิ

2. ถา้ ผู้ใดถูกใช้บงั คบั วธิ ีการเพ่อื ความปลอดภยั ใดอยู่ และมีกฎหมายบัญญตั ิขึ้น ใหม่ในภายหลัง
อยา่ งใดอย่างหน่ึงดงั ต่อไปน้ี คือ

2.1 กฎหมายใหม่ยกเลิกวิธีการเพื่อความปลอดภัยน้ัน ก็ให้ศาลสั่งระงับการใช้ บังคับ
วธิ กี ารเพอ่ื ความปลอดภยั นั้นเสีย โดยศาลสั่งเอง หรือผู้น้ัน ผูแ้ ทนโดยชอบธรรมของผู้นั้น ผู้อนุบาลของผู้
น้ัน หรือพนักงานอยั การรอ้ งขอ (ป.อ.มาตรา 13)

2.2 กฎหมายใหม่เปลี่ยนแปลงเง่ือนไขท่ีจะส่ังให้มีการใช้บังคับวิธีการเพ่ือ ความ
ปลอดภัยนั้นเป็นอย่างอื่น ซ่ึงเป็นผลอันไม่อาจนามาใช้บังคับแก่กรณีของผู้น้ันได้ หรือนามาใช้บังคับได้
แตก่ ารใชบ้ ังคับวธิ กี ารเพื่อความปลอดภัยตามบทบัญญัติของ กฎหมายที่บัญญัติในภายหลังเป็นคุณแก่ผู้
น้ันย่ิงกว่า เมื่อสานวนความปรากฏแก่ศาล หรือเม่ือผู้น้ัน ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้นั้น ผู้อนุบาลของผู้
นั้น หรอื พนักงานอัยการรอ้ ง ขอตอ่ ศาลให้ยกเลิกการใช้บังคับวธิ กี ารเพือ่ ความปลอดภัย ให้ศาลมีอานาจ
สัง่ ตามท่ี เห็นสมควร (ป.อ.มาตรา 14)

3. ถ้าตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง โทษใดได้เปลี่ยนลักษณะมาเป็นวิธีการ เพื่อความ
ปลอดภัย ก็ให้ถือว่าโทษท่ีลงตามคาพิพากษานั้นเป็นวิธีการเพ่ือความปลอดภัยด้วย และถ้ายังไม่ได้
ลงโทษผู้นั้น หรือผู้น้ันยังรับโทษอยู่ ก็ให้ใช้บังคับวิธีการเพื่อความ ปลอดภัยแก่ผู้น้ันแทนโทษน้ันต่อไป
(ป.อ.มาตรา 15 หมายความว่า ผู้ใดถูกศาลพิพากษาลงโทษตามกฎหมายในขณะนั้น ต่อมาน้ันเปล่ียน
ลักษณะมาเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามกฎหมายใหม่ ให้ถือว่าโทษท่ีลงแก่ผู้นั้นเป็นวิธีการเพ่ือ
ความปลอดภัย ซึง่ ใช้บงั คับแกผ่ ู้นนั้ ไดต้ ่อไปถ้ายังไม่พน้ โทษ

4. เมื่อศาลได้พิพากษาให้ใช้บังคับวิธีการเพ่ือความปลอดภัยแก่ผู้ใดแล้ว ถ้าภายหลังความ
ปรากฏแก่ศาลตามคาเสนอของผู้นั้นเอง ผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาลของผู้น้ัน หรือพนักงาน
อัยการว่าพฤติการณ์เกยี่ วกับการใชบ้ ังคบั น้ันได้เปล่ียนแปลงไป จากเดิมศาลจะส่ังเพิกถอนหรืองดการใช้
บงั คบั วิธกี ารเพ่อื ความปลอดภัยแกผ่ ูน้ ัน้ ไว้ ชว่ั คราวตามท่ศี าลเห็นสมควรก็ได้ (ป.อ.มาตรา 16)

1 จติ ติ ตงิ ศภทั ิย์, ศาสตราจารย์, คาอธิบายประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 ตอน 2 และตอน 3, (โรงพิมพ์แสงทองการพิมพ์,
2513), หนา้ 58.

260 เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา

ส่วนท่ี 2
ชนิดของวิธกี ารเพ่ือความปลอดภยั

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 12 บญั ญตั ิวา่ “วิธกี ารเพ่อื ความปลอดภยั จะ ใชบ้ งั คับแก่
บคุ คลได้กต็ ่อเม่ือมบี ทบัญญัติแห่งกฎหมายให้ใชบ้ งั คับได้เท่านัน้ .....” ดังน้นั ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 39 จึงไดบ้ ญั ญตั ิวิธีการเพ่ือความปลอดภยั ไว้ 5 ชนดิ ด้วยกนั คอื 2
1. กักกัน (ป.อ.มาตรา 40 ถงึ มาตรา 43)
2. หา้ มเขา้ เขตกาหนด (ป.อ.มาตรา 44, 45 และ 46 วรรคสอง)
3. เรียกประกนั ทัณฑ์บน (ป.อ.มาตรา 46, 47)
4. คุมตัวไวใ้ นสถานพยาบาล (ป.อ.มาตรา 48, 49)
5. หา้ มการประกอบอาชพี บางอยา่ ง (ป.อ.มาตรา 50)

1. กกั กนั
1.1 ความหมายของคาว่า “กกั กัน”
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 40 บัญญัติว่า “กักกัน คือ การควบคุมผู้กระทา

ความผิดติดนิสัยไว้ภายในเขตกาหนด เพื่อปูองกันการกระทาความผิด เพื่อดัดนิสัยและเพื่อฝึกหัด
อาชพี ” ตามบทบัญญตั ิน้ีกักกนั เป็นเรอ่ื งปูองกนั สงั คมใหป้ ลอดภัย มคี วามมุ่งหมาย 3 ประการ คอื

ก. เพอ่ื ปอู งกนั การกระทาความผดิ ต่อไปอีก อันเป็นการทาให้สังคมหรือ ผู้อื่นปลอดภัย
จากการกระทาของผนู้ น้ั

ข. เพ่ือดัดนิสัย อันเป็นการเปลี่ยนความเคยชินต่อการกระทาผิดให้เป็น ความเคยชิน
ในทางที่ถูกต้องและเหมาะสมแกอ่ ุปนิสัย ทศั นคติ และวิถีของผู้นน้ั

ค. เพื่อฝึกหัดอาชีพ โดยนาผู้ถูกกักกันมาฝึกหัดอาชีพ เพ่ือจะได้รู้ คุณประโยชน์ของ
การทางาน รักงาน และรู้จักประกอบอาชีพเพ่ือได้ใช้อาชีพเป็นประโยชน์ แก่การดารงชีพของตนและ
ครอบครวั ภายหลงั จากกักกนั แล้ว

1.2 หลกั เกณฑ์ในการกกั กัน
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 41 ได้บัญญัติถึงหลกั เกณฑ์การกกั กัน ดงั น้ี
(1) ผนู้ น้ั เคยถกู ศาลพพิ ากษาให้กักกนั มาแล้ว หรือ
(2) ผู้นั้นเคยถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจาคุกไม่ต่ากว่า 6 เดือนมาแล้วไม่ น้อยกว่า 2
ครั้ง ในความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญาตามทีร่ ะบุไว้ตามมาตรา 41(1) ถงึ (8) และ
(3) ผู้น้ันพ้นจากการกักกัน (ตามข้อ 1.) หรือพ้นโทษไปแล้ว (ตามข้อ 2.) ยังไมเกิน 10
ปี

2 เกียรติขจร วัจนะสวัสด์ิ, ผศ.ดร., กฎหมายอาญาภาค 1 บทบัญญัติท่ัวไป, (กรุงเทพมหานคร : คณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2524), หน้า 20-25.

เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา 261

(4) ผู้นั้นได้กระทาความผิดอย่างหน่ึงอย่างใดในบรรดาความผิดท่ีระบุไว้ นั้นอีกครั้ง
หนึง่ จนศาลพพิ ากษาลงโทษจาคุกไมต่ ่ากว่า 6 เดือนสาหรับการกระทา ความผิดนั้น และ

(5) ผนู้ ้ันได้กระทาความผดิ ทรี่ ะบไุ วใ้ นขณะที่อายตุ ่ากวา่ สบิ แปดปแี ล้ว

1.3 การคานวณระยะเวลากกั กนั
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 42 ได้บัญญัติการคานวณระยะเวลา กักกันไว้ว่า
“การคานวณระยะเวลากักกันให้นับวันท่ีศาลพิพากษาเป็นวันเร่ิมกักกัน แต่ถ้า ยังมีโทษจาคุกหรือกักขัง
ที่ผู้ต้องถูกกักกันน้ันจะต้องรับอยู่ ก็ให้จาคุกหรือกักขังเสียก่อนและให้นับวันถัดจากวันท่ีพ้นโทษจาคุก
หรอื พน้ จากกักขังเปน็ วนั เรมิ่ กักกัน
ระยะเวลากักกันและการปล่อยตัวผู้ถูกกักกัน ให้นาบทบัญญัติมาตรา 21 มาใช้บังคับ
โดยอนโุ ลม”
เม่ือศาลพิพากษาให้กักกันมีกาหนดเท่าใดในระหว่าง 3 ปี ถึง 10 ปี การคานวณ
ระยะเวลากักกนั ใหน้ ับวันท่ศี าลพพิ ากษาเป็นวันเริ่มกกั กัน แต่ถ้าผู้นั้นมีโทษจาคุกอยู่ด้วยหรือถูกกักขัง ก็
ต้องให้จาคุกหรือกักขังเสียก่อน เม่ือครบกาหนดแล้วจึงให้นับวันถัดจากวันที่พ้นโทษจาคุกหรือพ้นจาก
การกักขงั เปน็ วนั เรม่ิ กักกัน

1.4 การฟอู งคดกี กั กัน
การฟูองคดีกักกัน กฎหมายบัญญัติให้เป็นอานาจของพนักงานอัยการ โดยเฉพาะ
(ป.อ.มาตรา 43) ราษฎรแม้จะเปน็ ผเู้ สยี หายในการกระทาความผิดกไ็ มม่ ี อานาจฟอู งขอให้กกั กนั ได้

1.5 อายุความในการฟอู งขอใหก้ กั กัน
พนักงานอัยการต้องฟูองขอให้กักกันภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ฟูองคดีอัน เป็นมูลให้
เกิดอานาจฟอู งกกั กนั (ป.อ.มาตรา 97)

2. ห้ามเข้าเขตกาหนด
2.1 ความหมายของคาวา่ “ห้ามเข้าเขตกาหนด”
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 44 บัญญัติความหมายห้ามเข้าเขต กาหนดไว้ว่า

“หา้ มเขา้ เขตกาหนด” คอื การหา้ มมใิ หเ้ ข้าไปในท้องทีห่ รือสถานทท่ี ี่กาหนด ไวใ้ นคาพพิ ากษา

2.2 หลักเกณฑ์การห้ามเขา้ เขตกาหนด มดี ังนี้ 3
(1) ต้องเป็นคดีทศี่ าลพพิ ากษาใหล้ งโทษผู้กระทาความผิดนนั้ โดยไม่ จากดั ความผิด

3 ดร.อุทศิ แสนโกศกิ , กฎหมายอาญาภาค 1 (พระนคร: ศูนย์บริการเอกสารและวิชาการ กองวิชาการ กรมอัยการ, 2525),
หน้า 165.

262 เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา

ประชาชน (2) ต้องมีพฤติการณ์ที่สมควรจะส่ังห้ามเข้าเขตกาหนด เพื่อความ ปลอดภัยแก่
แล้วไม่ได้
(3) กาหนดเวลาหา้ มเข้าไปตอ้ งไมเ่ กิน 5 ปนี บั จากวนั พน้ โทษ
(4) คาส่ังห้ามน้ันศาลต้องสั่งในคาพิพากษาท่ีลงโทษ จะส่ังภายหลังที่มีคา พิพากษา

(5) ศาลมีอานาจส่งั หา้ มไดเ้ องโดยโจทกไ์ มต่ ้องมคี าขอให้หา้ ม

3. เรยี กประกันทัณฑ์บน
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 46 ได้บัญญัติถึงเหตุที่ศาลจะสั่งให้ใช้ บังคับวิธีการเพื่อ
ความปลอดภัย 2 กรณคี อื
1) ถ้าความปรากฏแก่ศาลตามข้อเสนอของพนักงานอัยการว่าผู้ใดจะก่อ เหตุร้ายให้เกิด
ภยันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น หรือจะกระทาการใดให้เกิด ความเสียหายแก่สิ่งแวดล้อม
หรอื ทรัพยากรธรรมชาตติ ามกฎหมายเกยี่ วกบั สง่ิ แวดลอ้ ม และทรพั ยากรธรรมชาติ หรอื
2) ในการพิจารณาความผิดใด ถา้ ศาลไม่ลงโทษผูถ้ กู ฟูอง แต่มีเหตุอันควรเช่ือ ว่าผู้ถูกฟูองน่าจะ
กอ่ เหตรุ ้ายใหเ้ กดิ ภยันตรายแก่บุคคลหรอื ทรัพย์สินของผู้อื่น หรือจะการกระทาท้ังสองกรณีนี้ถ้าเป็นการ
กระทาของบคุ คลทม่ี ีอายุไม่ต่ากวา่ สบิ แปดปแี ลว้ ศาลจะสั่งดังนี้

(2.1) สั่งผู้น้ันให้ทาทัณฑ์บนว่าจะไม่ก่อเหตุร้ายดังกล่าวตลอดเวลาท่ีศาล กาหนดไม่
เกิน 2 ปี ถ้าผิดทัณฑ์บนยอมให้ใช้เงินตามท่ีศาลกาหนดไม่เกินห้าหม่ืนบาท และศาลจะสั่งให้มีประกัน
ทณั ฑ์บนนน้ั ดว้ ยหรอื ไมก่ ็ได้

(2.2) ถ้าผู้น้ันไม่ยอมทาทัณฑ์บน หรือหาประกันไม่ได้ ศาลมีอานาจส่ังกักขัง ผู้นั้น
จนกวา่ จะยอมให้ทาทัณฑบ์ นหรอื หาประกันได้ไม่เกิน 6 เดือน หรือมิฉะน้ันศาลจะส่ัง ห้ามผู้นั้นเข้าไปใน
เขตกาหนดตามมาตรา 45 ก็ได้ โดยศาลจะสัง่ อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง จะสงั่ ทงั้ สองอย่างไมไ่ ด้

(2.3) ถ้าผู้นั้นยอมทาทัณฑ์บนและทาผิดทัณฑ์บน ศาลมีอานาจส่ังให้ผู้น้ัน ชาระเงิน
ตามจานวนทีก่ าหนดไว้ในทัณฑ์บน ถา้ ผนู้ นั้ ไมช่ าระจะถกู บงั คบั เช่นเดียวกับ ค่าปรับตามมาตรา 29 และ
มาตรา 30 (ป.อ.มาตรา 47)

ข้อสังเกต การกระทาของบุคคลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 46 ที่ ศาลจะส่ังให้ทา
ทณั ฑบ์ นไดน้ น้ั ต้องปรากฏวา่ การกระทาน้ันยังไม่ถงึ ข้ึนเปน็ ความผิดตาม กฎหมาย

4. คุมตวั ไว้ในสถานพยาบาล
กรณีศาลจะส่ังให้ใช้วิธีการเพ่ือความปลอดภัยโดยสั่งคุมตัวไว้ในสถานพยาบาล มีเหตุกระทาได้
2 กรณีคือ

1) ถ้าศาลเห็นว่าการปล่อยตัวผู้มีจิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน ซึ่งไม่ต้องรับ
โทษหรือได้รับการลดโทษตามมาตรา 65 จะเป็นการไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน ศาลจะสั่งให้ส่งไปคุมตัว
ไวใ้ นสถานพยาบาลกไ็ ด้ และคาสัง่ นศี้ าลจะเพกิ ถอนเสยี เม่อื ใดก็ได้ (ป.อ.มาตรา 48)

เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา 263

2) ผู้กระทาความผิดเป็นผู้เสพสุราเป็นอาจิณ หรือเป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ และศาล
ได้กาหนดในคาพิพากษาว่าบุคคลนั้นจะต้องไม่เสพสุรา เสพยาเสพติดให้โทษ ภายในระยะเวลาไม่เกิน
สองปีนับแต่วันพน้ โทษหรือวันปลอ่ ยตัว เพราะรอการกาหนดโทษ

5. หา้ มการประกอบอาชีพบางอยา่ ง
ประมวลกฎหมายอา มาตรา 50 บัญญัติว่า “เม่ือศาลพิพากษาให้ลงโทษผู้ใด ถ้าศาลเห็นว่าผู้
น้ันกระทาความผิดโดยอาศัยโอกาสจากการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ หรือเน่ืองจากการประกอบ
อาชีพหรือวิชาชีพ และเห็นว่าหากผู้น้ันประกอบอาชีพหรือ วิชาชีพน้ันต่อไปอาจจะกระทาความผิด
เชน่ นน้ั ขึน้ อกี ศาลจะสงั่ ไว้ในคาพพิ ากษาห้ามการ ประกอบอาชีพหรอื วชิ าชีพน้ันมีกาหนดเวลาไม่เกินห้า
ปีนับแต่วันพ้นโทษไปแล้วก็ได้” ตามมาตรานี้ศาลจะสั่งห้ามการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพมีหลักเกณฑ์
ดงั น้ี
1) ผ้ใู ดกระทาความผดิ ใด ๆ โดยอาศัยโอกาสหรือเนอ่ื งจากการประกอบ อาชพี หรอื วิชาชพี
2) ศาลได้พิพากษาให้ลงโทษผูน้ ั้นตามความผดิ นั้นแลว้
3) ศาลเห็นว่าถ้าให้ผู้น้ันประกอบอาชีพหรือวิชาชีพน้ันต่อไปอีก อาจจะกระทาความผิดเช่นนั้น
ขึ้นอกี
4) ศาลจะส่ังห้ามการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพไว้ในคาพิพากษาท่ีลงโทษนั้นก็ได้ มี
กาหนดเวลาไม่เกิน 5 ปี นับจากวันพน้ โทษน้ัน
5) ผูฝ้ ุาฝืนคาส่ังศาลเช่นนี้ มีความผิดตามมาตรา 196 ด้วย
ตัวอย่าง เช่น ตั้งสถานพยาบาลรักษาโรคเป็นอาชีพ แต่รับจ้างทาแท้ง มีอาชีพขับรถรับจ้าง
(TAXI) ฉวยโอกาสจี้ขู่เข็ญชิงเอาทรัพย์ของผู้โดยสาร หรือมีอาชีพเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยแต่รู้
เห็นเป็นใจให้คนร้ายเข้ามาโจรกรรมทรัพย์ เป็นต้น เมื่อศาลพิพากษาให้ลงโทษสาหรับความผิดนั้นแล้ว
ศาลเห็นว่าหากผนู้ ้นั ประกอบอาชีพหรอื วิชาชพี นน้ั ตอ่ ไปอกี อาจกระทาความผิดเช่นน้ันขึ้นอีก ศาลจะสั่ง
ไว้ในคาพิพากษาห้ามการประกอบอาชีพหรือ วิชาชีพน้ันมีกาหนดเวลาไม่เกินห้าปีนับแต่วันพ้นโทษไป
แลว้ ก็ได้

264 เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา

คาถามท้ายบท

1. หลักเกณฑ์ในการกกั กันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 41 มีหลักเกณฑอ์ ยา่ งไร
2. กรณีท่ีศาลจะส่ังให้ใช้วิธีการเพ่ือความปลอดภัยโดยส่ังคุมตัวไว้ในสถานพยาบาล มีเหตุใดบ้างท่ีจะ
กระทาได้
3. จงอธบิ ายความหมายของคาว่า “ห้ามเขา้ เขตกาหนด”
4. จงอธบิ ายสาระสาคญั ทางกฎหมายในการเรยี กประกนั ทัณฑบ์ น มาพอสงั เขป
5. การกักกนั เปน็ เรอื่ งปอู งกันสังคมใหม้ ีความปลอดภยั จึงมีความมงุ่ หมายเป็นประการใดบ้าง จงอธบิ าย

เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา 265

อา้ งองิ ประจาบท

เกียรติขจร วัจนะสวัสด์ิ, ผศ.ดร., กฎหมายอาญาภาค 1 บทบัญญัติทั่วไป, (กรุงเทพมหานคร : คณะ
นิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, 2524).

จิตติ ติงศภัทิย์, ศาสตราจารย์, คาอธิบายประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 ตอน 2 และตอน 3, (โรง
พิมพ์แสงทองการพิมพ์, 2513).

ดร.อุทิศ แสนโกศิก, กฎหมายอาญาภาค 1 (พระนคร: ศูนย์บริการเอกสารและวิชาการ กองวิชาการ
กรมอยั การ, 2525).

266 เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา

บรรณานกุ รม

เกียรติขจร วัจนะสวัสด์ิ, ผศ.ดร., กฎหมายอาญาภาค 1 บทบัญญัติทั่วไป (กรุงเทพมหานคร: คณะ
นิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, 2524)

คณพล จันทน์หอม. (2558 ). รากฐานกฎหมายอาญา. กรุงเทพมหานคร : บริษัทสานักพิมพ์วิญญูชน
จากัด.

คณิต ณ นคร. (2549). กฎหมายอาญาภาคความผิด. (พิมพ์คร้ังท่ี 9). กรุงเทพมหานคร : บริษัท
สานกั พิมพ์วญิ ญชู น จากัด.

คณิต ณ นคร. (2556). กฎหมายอาญาภาคทั่วไป. (พิมพ์คร้ังท่ี 5). กรุงเทพมหานคร : บริษัท
สานักพมิ พว์ ญิ ญูชน จากดั .

จติ ติ ตงิ ศภทั ยิ ์, ศาสตราจารย์, คาอธิบายประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 ตอน 2 และตอน 3 โรงพิมพ์
แสงทองการพิมพ์, 2513)

ดร.อุทศ แสนโกศิก, กฎหมายอาญาภาค 1 (พระนคร: ศูนย์บริการเอกสารและวิชาการ กองวิชาการ
กรมอัยการ, 2525)

ดร.อุทิศ แสนโกศิก, กฎหมายอาญาภาค 1 (พระนคร: ศูนย์บริการเอกสารและวิชาการ กองวิชาการ
กรมอยั การ, 2525)

ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์. (2559 ก). กฎหมายอาญาภาคท่ัวไป . (พิมพ์คร้ังท่ี 17). กรุงเทพมหานคร :
บริษัทสานกั พิมพ์วิญญชู น จากดั .

ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ. (2559 ข). ประมวลกฎหมายอาญาฉบับอ้างอิง. (พิมพ์ครั้งที่ 35).
กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัทสานักพมิ พ์วิญญชู น จากัด.

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525. พิมพ์ครั้งท่ี 1. (กรุงเทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์
2525)

พระวรภักดิ์พบิ ูลย์, ศาสตราจารย์, คาอธบิ ายประมวลกฎหมายอาญา 1.
พิพฒั น์ จักรางกูร, อาจารย์, คาอธิบายประมวลกฎหมายอาญาภาค 1, (กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์

กรุงสยามการพมิ พ์, 2525)
สหรัฐ กิติ ศุภการ. (2558). หลักและคาพิพากษากฎหมายอาญา. (พิมพ์คร้ังท่ี 3). กรุงเทพมหานคร :

บริษทั อมรินทรพ์ รน้ิ ต้ิงแอนด์พับลชิ ชิ่ง จากัด.
สุปนั พลู พัฒน์, คาอธบิ ายประมวลกฎหมายอาญา (กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์แสวงสุทธิ การพิมพ์,

2515).
เสริม วนิ ิจฉยั กุล, คาอธบิ ายลักษณะอาญาภาค 1. (กรุงเทพมหานคร : ไทยพาณิชยการ 2482)
หนังสือนิติศาสตร์ปริทัศน์ บทความเรื่อง “พยายามกระทาความผิดซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้” โดย

ดร. สมศกั ดิ์ สิงหพนั ธ์ุ จัดพมิ พ์โดยชมรมนติ ิศาสตร์ ปี 2516.

เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา 267

บรรณานุกรม (ตอ่ )

หยุด แสงอุทัย, ศาสตราจารย์, ดร., กฎหมายอาญาภาคท่ัวไป (กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัย-
ธรรมศาสตร์, 2515)

หยุด แสงอุทัย, ศาสตราจารย์,ดร. กฎหมายอาญาภาคท่ัวไป. พิมพ์คร้ังที่ 14 (กรุงเทพมหานคร :
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2520)

Carl Ludwig von Bar and others. A History of Continental Criminal Law. Vol. 6 New York
: Augustus M. Kelly. 1968.

H. A. Palmer. Harris’s Criminal Law. 20th ed. London : Sweet & Maxwell Ltd. 1960.
J.W.G. Turner. Kenny’s Othline of Criminal Law. 18th ed. London : Sweet & Maxwell,

1962.
Jerone Hall. General Peinciple of Criminal Law. 2th ed. Indiana Polis : Bob-Merrill,1960.
Justin Miller. Criminal Law. St. Paul, Minn. : West Publishing Co., 1984.
Random House Dictionary. New York : Random House, 1968.
Shorter Oxford English Dictionary. 3rd ed. Oxford : Oxford University Press , 1962.
Wavne R. LaFave & Austin W. Scott. Jr. Criminal Law. St. Paul , Minn : West Publishing

Co., 1972.

268 เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา

ภาคผนวก

เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา 269

รายละเอยี ดมาตรฐานคุณวุฒอิ ดุ มศกึ ษา (มคอ. ๓)

ชือ่ สถาบนั อดุ มศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย
วทิ ยาเขต/คณะ/ภาควิชา วิทยาลยั สงฆ์รอ้ ยเอ็ด คณะสงั คมศาสตร์ สาขาวชิ ารฐั ประศาสนศาสตร์

หมวดท่ี ๑ ข้อมูลโดยท่ัวไป
๑.รหัสและชอ่ื รายวชิ า

๔๐๑ ๔๑๘ กฎหมายอาญา (Criminal Law)
๒.จานวนหนว่ ยกิต

๓ หน่วยกติ (๓ – ๐ – ๖ )
๓.หลกั สตู รและประเภทของรายวชิ า

รฐั ประศาสนศาสตรบัณฑิต หมวดวิชาบังคับ
๔.อาจารย์ผูร้ ับผิดชอบรายวิชาและอาจารยผ์ ้สู อน

ดร.สุกานดา จันทวารยี ์
๕.ภาคการศกึ ษา / ชน้ั ปีท่ีเรยี น

ภาคการศกึ ษาท่ี ๒ / ชัน้ ปที ี่ ๓
๖.รายวิชาทต่ี ้องเรยี นมาก่อน (Pre-requisite) (ถ้ามี)

ไม่มี
๗.รายวิชาท่ตี ้องเรยี นพร้อมกัน (Co-requisites) (ถา้ มี)

ไมม่ ี
๘. สถานทเี่ รยี น

วทิ ยาลยั สงฆร์ อ้ ยเอ็ด มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย
๙.วนั ท่ีจดั ทาหรือปรบั ปรุงรายละเอียดของรายวชิ าครั้งล่าสุด

๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐

หมวดที่ ๒ จุดมุง่ หมายและวัตถุประสงค์
๑. จดุ มงุ่ หมายของรายวิชา

๑.๑ เพ่ือให้นักศึกษาทราบถึงลักษณะของกฎหมายอาญา หลักทั่วไปแห่งกฎหมายอาญา ทฤษฎีว่า
ด้วยความรบั ผดิ ชอบทางอาญา ขอบเขตบงั คบั ของกฎหมายอาญา

๑.๒ เพ่ือให้นักศึกษาทราบถึงการพยายามกระทาความผิด ตัวการ ผู้ใช้และผู้สนับสนุน การกระทา
ความผิดหลายบทหรอื หลายกระทง การกระทาความผดิ ซา้

๑.๓ เพอื่ ใหน้ กั ศึกษาทราบถงึ อายคุ วามอาญา การกาหนดโทษในทางอาญา ทฤษฎีทางอาชญาวิทยา
และทัณฑวทิ ยาและวิธีการเพือ่ ความปลอดภยั
๒. วัตถุประสงค์ในการพัฒนา/ปรับปรงุ รายวิชา

เพอ่ื ให้นิสิตมคี วามรูพ้ น้ื ฐานเกย่ี วกบั กฎหมายอาญา เปน็ การเตรียมความพร้อมด้านปัญญาในการนา
ความรู้ ความเข้าใจในด้านกฎหมายอาญาไปประยุกต์ใช้ ท้ังนี้ควรมีการเปลี่ยนแปลงตัวอย่างอ้างอิงให้
สอดคลอ้ งกับแนวโนม้ ด้านกฎหมายของไทยทไี่ ด้มีความก้าวหน้าและการเปลย่ี นแปลงไปตามยคุ สมัย

270 เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา

หมวดท่ี ๓ ลักษณะและการดาเนนิ การ
๑. คาอธบิ ายรายวชิ า

ศึกษาลกั ษณะของกฎหมายอาญา ทฤษฎีวา่ ด้วยความรับผิดชอบทางอาญา ขอบเขตบังคับกฎหมาย
อาญา การพยายามกระทาความผิด ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทาความผิด เหตุยกเว้นความผิด ยกเว้นโทษ
ลดโทษ การกระทาความผิดหลายบทหรือหลายกระทง การกระทาความผิดอีก อายุความอาญา โทษในทาง
อาญาและวิธกี ารเพ่อื ความปลอดภยั รวมทั้งศึกษาทฤษฎีทางอาชญาวทิ ยาและทัณฑวทิ ยาอกี ด้วย

๒. จานวนชั่วโมงทีใ่ ช้ต่อภาคการศกึ ษา

บรรยาย สอนเสรมิ การฝึกปฏบิ ัติ/งาน การศกึ ษาดว้ ยตนเอง
ภาคสนาม/การฝึกงาน

บรรยาย ๔๕ ชว่ั โมง สอนเสริมตามความ ไมม่ ีการฝึกปฏบิ ตั งิ าน การศึกษาดว้ ยตนเอง ๖
ช่ัวโมงต่อสัปดาห์
ต่อภาคการศึกษา ต้องการของนิสติ เฉพาะ ภาคสนาม

ราย

๓. จานวนชว่ั โมงต่อสปั ดาห์ท่ีอาจารย์ให้คาปรกึ ษาและแนะนาทางวิชาการแกน่ สิ ิตเป็นรายบคุ คล

- อาจารย์ผู้สอนจัดเวลาให้คาปรึกษาเป็นรายบุคคล หรอื รายกลมุ่ ตามความต้องการ 1 ชัว่ โมงตอ่

สปั ดาห์ (เฉพาะรายท่ีต้องการ)

- ขอคาปรึกษาไดโ้ ดยผ่านระบบ Social Network และ E-mail: [email protected]

- ผสู้ อนแจ้งให้นักศึกษาทราบคาบสอนท่วี า่ งของอาจารยใ์ นกรณีทีต่ ้องการพบด้วยตนเอง

หมวดท่ี ๔ การพัฒนาการเรยี นร้ขู องนิสติ

๑.คุณธรรม จริยธรรม

๑.๑ คณุ ธรรม จริยธรรมทต่ี อ้ งพัฒนา
- ตระหนกั ในคุณค่าและคุณธรรม จริยธรรม เสียสละ และซื่อสตั ย์สุจรติ
- มีวนิ ัย ตรงต่อเวลา และมีความรับผดิ ชอบต่องานท่ีได้รบั มอบหมาย
- เคารพสทิ ธิและรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อนื่ เคารพศักดศิ์ รีของความเป็นมนุษย์
- ตระหนักถงึ ความสาคัญของกฎหมายในการดารงความยุตธิ รรมให้กับสังคม
- เคารพกฎระเบียบและข้อบังคบั ตา่ งๆ ขององค์กรและสงั คม

๑.๒ วิธกี ารสอน
- บรรยายสอดแทรกคุณธรรมไปพร้อมกับการเรยี นการสอน
- กาหนดให้นักศึกษาหาตัวอย่างทเี่ ก่ยี วข้องประเด็นทางจรยิ ธรรม
- เปิดโอกาสให้นกั ศึกษาแสดงความคดิ เห็นในช้ันเรียน และอภิปรายกลุ่ม

เอกสารประกอบการสอน วชิ า กฎหมายอาญา 271

๑.๓ วิธกี ารประเมนิ ผล
- พฤติกรรมการเข้าเรยี น และส่งงานที่ได้รบั มอบหมายตามขอบเขตทใ่ี ห้และตรงเวลา
- ประเมินผลการนาเสนอรายงานที่มอบหมาย
- อภิปรายกลุ่ม

๒.ความรู้

๒.๑ ความรทู้ ่ีต้องได้รบั
- ความรู้ในเรอ่ื งทฤษฎีและแนวคดิ ในการกาหนดความผิดทางอาญา ลักษณะของกฎหมายอาญา การ

ตีความกฎหมายอาญา ประเภทของความผดิ ทางอาญา โครงสรDางความรับผิดในทางอาญา ประเภทของโทษ
ทางอาญาและกฎหมายอาญาภาคความผดิ

- สามารถเข้าใจ วเิ คราะห์และอธบิ ายปัญหา รวมทัง้ ประยุกต์ความรู้และทักษะให้เหมาะสมกับการ
แก้ไขปญั หา

- สามารถบรู ณาการความรู้ในสาขาวชิ าทศ่ี ึกษากบั ความรู้ในศาสตร์อน่ื ๆ ที่เกี่ยวข้อง
๒.๒ วธิ กี ารสอน

- บรรยาย และการยกตัวอย่างทงั้ จากสถานการณ์สมมติ และจากคดีทีเ่ กิดขน้ึ จรงิ
- การฝึกให้รู้จักการคิดเชิงวิเคราะห์ (analytical thinking) การคน้ คว้าด้วยตนเอง การศึกษาด้วย
ตนเอง
- การตอบคาถามในชน้ั เรยี น
- มอบหมายให้ค้นคว้าบทความ ข้อมลู ทีเ่ ก่ียวข้อง โดยนามาสรปุ และนาเสนอการศึกษา
๒.๓ วิธกี ารประเมินผล
- ประเมินผลการมีส่วนร่วมการอภปิ ราย
- การทางานกลุ่ม
- การสอบปลายภาค ดว้ ยข้อสอบทเ่ี น้นการวดั หลกั การและทฤษฎี

๓.ทักษะทางปญั ญา

๓.๑ ทักษะทางปญั ญาที่ต้องพัฒนา
- พฒั นาความสามารถในการคิด การตีความ การวเิ คราะห์ปญั หาทางด้านกฎหมายอย่างเปน็ ระบบ
- พัฒนาทกั ษะการศึกษา วเิ คราะห์ และสรุปประเด็นปัญหาและแกไ้ ขปญั หา
- พฒั นาทักษะในการคิดอย่างมคี วามเชื่อมโยงเป็นระบบ มีการคดิ เชิงวิเคราะห์ และมีการคิดอย่าง

เป็นองคร์ วม
๓.๒ วิธกี ารสอน
- สอนโดยการแสดงตัวอย่างโครงสร้างของกฎหมาย
- การฝึกให้รู้จักการคิดเชิงวิเคราะห์ (analytical thinking) การคน้ คว้าด้วยตนเอง
- อภปิ รายกลุ่ม

272 เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา

๓.๓ วิธีการประเมินผล
- พฤตกิ รรมการเข้าชนั้ เรยี น
- การส่งงาน
- สอบปลายภาค

๔.ทกั ษะความสัมพนั ธร์ ะหว่างบคุ คลและความรบั ผดิ ชอบ

๔.๑ ทักษะความสมั พันธร์ ะหวา่ งบคุ คลและความรับผิดชอบทต่ี ้องพัฒนา
- พัฒนาทกั ษะในการสร้างสัมพนั ธภาพระหว่างผู้เรียนด้วยกัน และระหว่างผู้เรยี นกบั อาจารย์ผู้สอน
- พัฒนาความเปน็ ผู้นาและความสามารถในการทางานร่วมกับผู้อน่ื
- พัฒนาการเรยี นรู้ด้วยตนเอง และมีความรบั ผิดชอบในงานทีม่ อบหมายให้ครบถว้ นตามกาหนดเวลา
- พฒั นาความรู้ในศาสตร์มาช้นี าสังคมในประเดน็ ที่เหมาะสม

๔.๒ วธิ ีการสอน
- การบรรยายและการยกตัวอย่างทั้งจากสถานการณส์ มมติ และจากคดที ่ีเกิดข้ึนจริงการศึกษาด้วย

ตนเอง
- การฝึกให้รู้จักการคิดเชงิ วเิ คราะห์ (analytical thinking) การคน้ คว้าด้วยตนเอง

๔.๓ วธิ ีการประเมนิ ผล
- ประเมนิ จากการเข้าช้นั เรียนและการมีส่วนร่วมในช้นั เรยี น
- รายงานการศกึ ษาและวเิ คราะห์กรณีศึกษา
- การสอบปลายภาค

๕.ทกั ษะการวเิ คราะห์เชิงตวั เลข การสื่อสาร และการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ

๕.๑ ทักษะการวิเคราะห์เชงิ ตวั เลข การสอ่ื สาร และการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศทต่ี อ้ งพัฒนา
- นกั ศกึ ษาสามารถใช้สือ่ อินเตอร์เนต็ เพื่อเป็นเครอื่ งมอื ในการศึกษาค้นคว้าได้อย่างเหมาะสมและมี

ประสิทธิภาพ
- สามารถสื่อสารอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพทงั้ ปากเปล่าและการเขยี น เลือกใช้รปู แบบของส่ือการนาเสนอ

อย่างเหมาะสม
๕.๒ วิธกี ารสอน
- การบรรยายและการยกตัวอย่างคาพิพากษาฎกี าประกอบ รวมถงึ คดใี นเหตุการณ์ปัจจบุ ัน
- วิเคราะห์กรณีศกึ ษา
- การมอบหมายกลุ่ม
๕.๓ วิธีการประเมนิ ผล
- การสงั เกตพฤตกิ รรมผู้เรยี น
- การนาเสนอรายงานด้วยสอ่ื เทคโนโลยี การอ้างอิงแหล่งขอ้ มูล, website สาหรบั การค้นหาข้อมูล
- สอบปลายภาค

เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา 273

หมวดที่ ๕ แผนการสอนและการประเมนิ ผล

๑. แผนการสอน

สปั ดาห์ เนอ้ื หา/รายละเอยี ด จานวน กิจกรรมการเรียน ผสู้ อน
ดร.สุกานดา จนั ทวารยี ์
ที่ ชัว่ โมง การสอน/สื่อการสอน
ดร.สกุ านดา จันทวารีย์
๑ แนะนารายวชิ า วธิ กี ารจัดการ ๓  Crouse syllabus ดร.สกุ านดา จันทวารีย์
เรียนการสอน และการ  PowerPoint ดร.สกุ านดา จนั ทวารยี ์
ประเมนิ ผล  เอกสาร ดร.สุกานดา จันทวารยี ์
ดร.สกุ านดา จันทวารีย์
บทท่ี ๑ ความรู้ทัว่ ไปเกีย่ วกับ ประกอบการสอน
กฎหมายอาญาและลักษณะของ  แบบฝกึ หัด

กฎหมายอาญา

๒ บทท่ี ๒ บทนิยาม ๓  PowerPoint

 เอกสาร

ประกอบการสอน

 กรณศี ึกษา

 แบบฝึกหดั

๓ บทที่ ๓ ขอบเขตการบังคับใช้ ๓  PowerPoint
กฎหมายอาญา  เอกสาร

ประกอบการสอน

 กรณศี ึกษา

 แบบฝกึ หดั

๔ บทท่ี ๔ สาระสาคัญของความ ๓  PowerPoint
รับผดิ ทางอาญา  เอกสาร

ประกอบการสอน

 กรณีศึกษา

 แบบฝกึ หัด

๕ บทที่ ๕ สาระสาคัญทางจิตใจ ๓  PowerPoint

 เอกสาร

ประกอบการสอน

 กรณศี ึกษา

 แบบฝกึ หัด

๖ บทที่ ๖ การพยายามกระทา ๓  PowerPoint
ความผดิ  เอกสาร

ประกอบการสอน

 กรณศี ึกษา

 แบบฝกึ หัด

274 เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา

สัปดาห์ เน้อื หา/รายละเอียด จานวน กจิ กรรมการเรยี น ผูส้ อน
ที่ บทที่ ๗ เหตุยกเว้นความผดิ ชว่ั โมง การสอน/สื่อการสอน ดร.สุกานดา จันทวารีย์
๗ ดร.สุกานดา จนั ทวารีย์
บทท่ี ๘ เหตุยกเวน้ โทษ ๓  PowerPoint
๘ ดร.สุกานดา จันทวารีย์
บทที่ ๙ เหตุลดโทษ  เอกสาร ดร.สุกานดา จันทวารยี ์
๙ ประกอบการสอน ดร.สกุ านดา จันทวารีย์
๑๐ บทท่ี ๑๐ ผู้มีส่วนเกยี่ วข้องใน ดร.สกุ านดา จนั ทวารีย์
การกระทาความผิด  กรณีศึกษา
๑๑
บทที่ ๑๑ การกระทาความผิด  แบบฝึกหดั
๑๒ หลายบทหรือหลายกระทง และ ๓  PowerPoint
การกระทาความผดิ อีก
๑๓ บทที่ ๑๒ โทษในทางอาญา  เอกสาร
ประกอบการสอน

 กรณศี ึกษา

 แบบฝกึ หัด
สอบกลางภาค
๓  PowerPoint

 เอกสาร
ประกอบการสอน

 กรณศี ึกษา

 แบบฝึกหดั
๓  PowerPoint

 เอกสาร
ประกอบการสอน

 กรณีศึกษา

 แบบฝึกหัด
๓  PowerPoint

 เอกสาร
ประกอบการสอน

 กรณศี ึกษา

 แบบฝึกหัด
๓  PowerPoint

 เอกสาร
ประกอบการสอน

 กรณีศึกษา

 แบบฝกึ หดั

เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา 275

สัปดาห์ เนอ้ื หา/รายละเอียด จานวน กิจกรรมการเรียน ผ้สู อน
ที่ ชั่วโมง การสอน/สือ่ การสอน ดร.สุกานดา จันทวารีย์
๑๔ บทท่ี ๑๓ วิธกี ารเพื่อความ
ปลอดภยั ๓  PowerPoint ดร.สกุ านดา จันทวารยี ์

๑๕ นาเสนองานและสรุปทบทวน  เอกสาร
บทเรยี น ประกอบการสอน

๑๖  กรณศี ึกษา

 แบบฝกึ หัด
๓  นาเสนอผลงาน

ตามทไ่ี ด้รบั
มอบหมาย

 บรรยาย ซกั ถาม
ข้อเสนอแนะ

สอบปลายภาค

๒. แผนการประเมินผลการเรียนรู้

กิจกรรม ผลการเรียนรู้ วิธีการประเมิน สปั ดาหท์ ่ี สัดส่วนการ
ที่ ประเมนิ ประเมินผล
แบบฝกึ หัด ๑-๘,๑๐-๑๔
๑ ความรู้ ๒๐%
สอบกลางภาค ๙ ๓๐%
๒ ทกั ษะทางปัญญา สอบปลายภาค ๑๖ ๓๐%
การเข้าช้ันเรยี น/มารยาท/
ทักษะความสัมพันธ์ การแต่งกาย ๑-๑๖ ๑๐%
๓ ระหว่างบุคคลและ งานกลุม่ การมสี ่วนรว่ มใน
๑๕ ๑๐%
ความรับผดิ ชอบ ห้องเรียน
การนาเสนอและการอ้างการ ๑๐๐%
ทักษะการวิเคราะห์เชิง
๔ ตัวเลขการส่อื สารการ สบื คน้ ข้อมูลจากแหลง่
สารสนเทศ
ใชเ้ ทคโนโลยี
รวม

276 เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา

หมวดท่ี ๖ ทรัพยากรประกอบการเรียนการสอน
๑. เอกสารและตาราหลัก

สุกานดา จันทวารีย์. เอกสารประกอบการสอน กฎหมายอาญา. พิมพ์ครั้งที่ ๑ . มหาสารคาม :
เดอะปรนิ๊ ท์, ๒๕๕๙.
๒. เอกสารและข้อมลู สาคัญ

เกียรติขจร วัจนะสวัสด์ิ. คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาค ๑ .พิมพ์ครั้งท่ี ๔ . กรุงเทพฯ : จิรวัชการ
พิมพ,์ ๒๕๔๘.

ทวเี กยี รติ มนี ะกนษิ ฐ,รศ.ดร.,กฎหมายอาญา หลกั และปัญหา.กรุงเทพมหานคร:สานักพิมพ์ นิติธรรม.
๒๕๔๓.

วินัย ล้าเลิศ. กฎหมายอาญา๑. พิมพ์ครั้งท่ี๑ (ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์
มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง , ๒๕๕๑.

สุรศกั ดิ์ ลขิ สทิ ธ์วิ ัฒนกลุ . ประมวลกฎหมายอาญา. พมิ พค์ ร้งั ท่ี ๔ แกไ้ ขเพิม่ เตมิ . กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์
เดือนตุลา, ๒๕๕๓.

แสวง บุญเฉลิมวิภาส,รศ.ดร.,หลักกฎหมายอาญา.กรุงเทพมหานคร: สานักพิมพ์ วิญญูชน จากัด.
๒๕๔๘.
๔. เอกสารและข้อมลู แนะนา

-

หมวดท่ี ๗ การประเมินและปรบั ปรงุ การดาเนนิ การของรายวชิ า
๑. กลยุทธ์การประเมนิ ประสทิ ธิผลของรายวิชาโดยนสิ ิต

ใหน้ กั ศึกษาประเมนิ ประสทิ ธิผลของรายวิชา ได้แก่ วิธีการสอน การจัดกิจกรรมในและนอกห้องเรียน
ส่ิงสนับสนุนการเรียนการสอน ซึ่งมีผลกระทบต่อการเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ท่ีได้รับพร้อมข้อเสนอแนะเพื่อ
การปรบั ปรงุ

๒.กลยุทธ์การประเมนิ การสอน
ในการเกบ็ ขอ้ มูลเพ่ือประเมนิ การสอน ไดม้ ีกลยทุ ธ์ ดงั นี้
- การสงั เกตการณส์ อนของผรู้ ่วมทีมการสอน
- ผลการสอบ
- การทวนสอบผลประเมนิ การเรยี นรู้

๓.การปรับปรุงการสอน
หลังจากผลการประเมินการสอนในข้อ ๒ จึงมีการปรับปรุงการสอน โดยการจัดกิจกรรมในการระดม

สมอง และหาข้อมลู เพ่มิ เติมในการปรับปรงุ การสอน ดังน้ี
- สัมมนาการจดั การเรียนการสอน
- การวิจัยในและนอกช้นั เรียน

เอกสารประกอบการสอน วิชา กฎหมายอาญา 277

๔. การทวนสอบมาตรฐานผลสมั ฤทธิข์ องนสิ ติ ในรายวชิ า
ในระหวา่ งกระบวนการสอนรายวชิ า มกี ารทวนสอบผลสัมฤทธ์ิในรายหวั ข้อ ตามที่คาดหวังจากการเรียนรู้

ในวิชา ได้จากการสอบถามนิสิตหรือการสุ่มตรวจผลงานของนิสิต รวมถึงพิจารณาจากผลการทดสอบย่อย
และหลังการออกผลการเรยี นรายวชิ า มกี ารทวนสอบผลสมั ฤทธโ์ิ ดยรวมในวชิ าไดด้ งั นี้

- การทวนสอบการให้คะแนนจากการสุ่มตรวจผลงานของนิสิตโดยอาจารย์อ่ืนหรือผู้ทรงคุณวุฒิ ท่ี
ไม่ใชอ่ าจารยป์ ระจาหลักสูตร

- มีการต้งั คณะกรรมการในสาขาวิชา ตรวจสอบผลการประเมินการเรยี นรูข้ องนสิ ติ โดยตรวจสอบ
ขอ้ สอบ รายงาน วิธกี ารใหค้ ะแนนสอบและการให้คะแนนพฤติกรรม
๕.การดาเนนิ การทบทวนและการวางแผนปรบั ปรงุ ประสทิ ธผิ ลของรายวิชา

จากผลการประเมิน และทวนสอบผลสัมฤทธ์ิประสิทธิผลรายวิชา ได้มีการวางแผนการปรับปรุงการสอน
และรายละเอียดวชิ า เพ่ือใหเ้ กดิ คณุ ภาพมากขนึ้ ดงั นี้

- ปรบั ปรุงรายวชิ าทกุ ๓ ปี หรือตามขอ้ เสนอแนะและผลการทวนสอบมาตรฐานผลสมั ฤทธ์ิตามขอ้ ๔
- เปลี่ยนหรอื สลบั อาจารยผ์ ู้สอน เพือ่ ใหน้ สิ ติ มมี มุ มองในเรอ่ื งการประยุกตค์ วามร้นู ก้ี ับปัญหาที่มาจาก
งานวิจยั ของอาจารยห์ รือแนวคิดใหม่ๆ


Click to View FlipBook Version