The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บูรไนดารุสซาลาม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Assareena Suebpong, 2022-10-01 02:12:21

บูรไนดารุสซาลาม

บูรไนดารุสซาลาม

1

รายงาน
เรื่อง ประเทศบรู ไนดารสุ ซาลาม

เสนอ
อาจารย์ ดร.ฐากร สิทธโิ ชค

จัดทำโดย
นางสาวบญุ ญรตั น์ บุญลือเลศิ รหสั นสิ ติ 631031420
นางสาวฟารนี า เตะปูยู รหสั นิสติ 631031429
นายวีระศักดิ์ โตะดิน รหสั นิสติ 631031439
นายสรวิชญ์ แซซ่ ่นิ รหัสนิสติ 631031442
นายสรวชิ ญ์ บุญถาวร รหัสนสิ ิต631031443
นางสาวอัสรีนา สืบพงษ์ รหัสนิสติ 631031451

รายงานฉบบั นเ้ี ปน็ ส่วนหน่ึงของรายวิชาอาเซยี นศึกษา (0125451)
สาขาวชิ าสังคมศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์รว่ มกบั คณะมนุษยศ์ าสตร์และสังคมศาสตร์

ภาคเรยี นท่ี1 ปกี ารศกึ ษา2565
มหาวิทยาลัยทักษิณ วทิ ยาเขตสงขลา

2

รายงาน
เรื่อง ประเทศบรู ไนดารสุ ซาลาม

เสนอ
อาจารย์ ดร.ฐากร สิทธโิ ชค

จัดทำโดย
นางสาวบญุ ญรตั น์ บุญลือเลศิ รหสั นสิ ติ 631031420
นางสาวฟารนี า เตะปูยู รหสั นิสติ 631031429
นายวีระศักดิ์ โตะดิน รหสั นิสติ 631031439
นายสรวิชญ์ แซซ่ ่นิ รหัสนิสติ 631031442
นายสรวชิ ญ์ บุญถาวร รหัสนสิ ิต631031443
นางสาวอัสรีนา สืบพงษ์ รหัสนิสติ 631031451

รายงานฉบบั นเ้ี ปน็ ส่วนหน่ึงของรายวิชาอาเซยี นศึกษา (0125451)
สาขาวชิ าสังคมศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์รว่ มกบั คณะมนุษยศ์ าสตร์และสังคมศาสตร์

ภาคเรยี นท่ี1 ปกี ารศกึ ษา2565
มหาวิทยาลัยทักษิณ วทิ ยาเขตสงขลา



คำนำ

รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาอาเซียนศึกษา (0125451) จัดทำขึ้นเพื่อศึกษา
เกี่ยวกับประเทศบูรไนดารุสซาลาม เนื่องจากประเทศบูรไนมีพื้นที่ทั้งหมดอยู่บนเกาะบอร์เนียว ซ่ึง
สมาชิกภายในกลุ่มได้มีการเหน็ ถงึ ภาพรวมของประเทศบูรไนดารุสซาลามที่มีความเฟื่องฟู ในเร่ืองของ
เศรษฐกิจ ทรัพยากร ระบอบการปกครองที่มีความโดดเด่น โดยมีเนื้อหาที่จะศึกษาดังต่อไปนี้ ข้อมูล
ทั่วไปของประเทศบูรไน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบบเศรษฐกจิ ระบบการเมืองการปกครอง/
ระบบกฎหมาย ประวัติของกษัตริย์ที่ปกครองประเทศ วัฒนธรรมของประเทศบูรไนดารุสซาลาม
สถานทท่ี ่องเทย่ี วสำคญั และปัญหาของประเทศบูรไนดารสุ ซาลาม

ในการจดั ทำรายงานในคร้ังนีผ้ ู้จดั ทําหวงั เป็นอย่างยิง่ ผ้จู ดั ทําหวงั เปน็ อย่างยิ่งวา่ รายงานเล่มนี้
จะเปน็ ประโยชน์แกต่ วั เอง นกั เรียน นิสิต/นกั ศึกษา ท่ีตอ้ งการจะศกึ ษาเก่ียวกับประเทศบูรไนดารุสซา
ลาม

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ ข

เรือ่ ง หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
สารบญั รปู ภาพ ค
สารบญั ตาราง ง
ขอ้ มลู ท่ัวไป 1
1
ชอื่ ทางราชการ 1
ทตี่ งั้ 1
เมอื งหลวง 1
เขตแดน 1
ประชากร 1
วันชาติ 1
ภาษาราชการ 1
ศาสนาประจำชาติ 1
ธงชาติ 1
ตราแผ่นดิน 2
ดอกไม้ประจำชาติ 2
การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน 2
สกลุ เงิน 3
เพลงชาติ 3
ขนาดพน้ื ท่ีและอาณาเขตตดิ ต่อ 4
ลักษณะภูมปิ ระเทศ 4
สภาพภมู อิ ากาศ 4
ประวัติศาสตร์ 5
ลักษณะของประชากร 6
โครงสรา้ งพนื้ ฐานและระบบสาธารณูปโภค 9
ระบบสาธารณสขุ 9
ระบบการศึกษา 13
ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งประเทศ 13
ความสมั พนั ธก์ ับไทย 20
ความสัมพนั ธก์ ับกลมุ่ อาเซียน

สารบญั (ตอ่ ) คข

เร่อื ง หน้า
ความสมั พนั ธก์ ับรฐั อิสลาม 21
ความสมั พันธก์ ับมหาอำนาจและประเทศอื่น ๆ บางประเทศ 22
23
ระบบเศรษฐกิจ 23
ยุทธศาสตร์ดา้ นเศรษฐกิจ 24
อตุ สาหกรรม 24
ธรุ กิจดา้ นอาหาร 24
ธุรกิจดา้ นยาและเภสชั กรรม 24
ธรุ กิจปิโตรเคมี 24
ธุรกจิ เทคโนโลยีสารสนเทศ 25
สินคา้ ส่งออก 25
สินคา้ นำเขา้ 28
28
การเมืองการปกครองและระบบกฎหมาย 32
การเมืองการปกครอง 35
ระบบกฎหมาย
35
รายนามพระมหากษตั รยิ ์และประวตั ิของพระมหากษัตรยิ ์ 36
ท่ปี กครองประเทศในปัจจบุ ัน 38
39
รายนามพระมหากษัตรยิ ์ 39
ประวัตขิ องประมหากษัตริยท์ ่ีปกครองประเทศในปัจจบุ ัน 40
ลักษณะทางสงั คมและวฒั นธรรม 41
สถานท่ีท่องเทย่ี วสำคัญ 42
มสั ยดิ สุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน 43
มัสยิดจาเมร์ อซั ซานิล โบลเกียห์ 44
พระราชวังอิสตานา นรู ลู อมี าน 44
รอยัลเรกาเลยี 45
กมั ปงไอเยอร์ 46
อนุสาวรยี ์น้ำมนั หน่งึ ล้านบาร์เรล 47
มสั ยิดปกี ัน ซเี รียน 47
มัสยดิ กมั ปุง ตามอย
มสั ยดิ อัช ชาลิฮีน
อทุ ยานแห่งชาติอูลู เทมบรู ง
บูรไนมิวเซยี ม

สารบญั (ตอ่ ) งข

เรือ่ ง หน้า
ปัญหาของประเทศบรู ไนดารุสซาลาม 48
48
ปญั หาทางดา้ นการคา้ และการลงทุน 48
ปัญหาด้านเศรษฐกจิ 50
ปญั หาแรงงานชาวบรู ไนภาคเอกชนไม่เพียงพอกับความต้องการ 50
ปญั หาบูรไนไม่มีความมน่ั คงทางอาหาร 51
บรรณานุกรม 53
ภาคผนวก

สารบญั รูปภาพ ค

เร่อื ง หน้า
ภาพท1่ี กรงุ บันดาหเ์ สรเี บกาวัน 1
ภาพท2่ี ธงชาติบไู นดารสุ ซาลาม 1
ภาพท3่ี ตราแผน่ ดินบรู ไนดารุสซาลาม 2
ภาพที่4 ดอกไมป้ ระจำชาติ 2
ภาพท5ี่ เงนิ ตราต่างประเทศบรู ไนดารสุ ซาลาม 2
ภาพที่6 แผนท่ีแสดงเขตทต่ี ง้ั ประเทศในอาเซียน 3
ภาพท7่ี ทต่ี ัง้ ประเทศบรู ไน 3
ภาพท8่ี การคมนาคมทางบก 6
ภาพท9่ี การคมนาคมทางอากาศ 7
ภาพท1่ี 0 อตุ สาหกรรมน้ำมันและกา๊ ซธรรมชาติ 25
ภาพท1่ี 1 บ่อนำ้ มันและก๊าซธรรมชาติ 25
ภาพที่12 อุตสาหกรรมท่ีนำเข้าชน้ิ สว่ นรถยนต์ 26
ภาพท1ี่ 3 รัฐสภาแหง่ บูรไน 28
ภาพที่14 แผนที่เขตปกครองบรู ไน 29
ภาพที่15 แผนผงั โครงสร้างการปกครอง 30
ภาพท1่ี 6 สลุ ตา่ นฮัสซานัล โบลเกยี ห์ 36
ภาพท1่ี 7 ชดุ ประจำชาติ 38
ภาพท1่ี 8 มสั ยดิ สลุ ตา่ นโอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน 39
ภาพท1่ี 9 มัสยิดสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟุดดนี 39
ภาพท2่ี 0 มสั ยิดจาเมร์ อซั ซานิล โบลเกยี ห์ 40
ภาพท2่ี 1 พระราชวงั อิสตานา นูรลู อีมาน 41
ภาพที่22 พพิ ิธภัณฑ์รอยลั เรกาเลีย 42
ภาพท2ี่ 3 หมูบ่ ้านกลางน้ำกมั ปงไอเยอร์ 43
ภาพที่24 อนสุ าวรียน์ ำ้ มนั หน่ึงล้านบาร์เรล 44
ภาพท2่ี 5 มสั ยิดปีกนั ซีเรียน 44
ภาพท2ี่ 6 มัสยดิ กัมปงุ ตามอย 45
ภาพท่ี27 มัสยดิ อชั ชาลฮิ นี 46
ภาพท2ี่ 8 อทุ ยานแห่งชาติอลู ู เทมบรู ง 47
ภาพที่29 บูรไนมวิ เซียม 47

สารบญั ตาราง ง

เรอื่ ง หน้า
ตารางท่ี1 การค้ารวม 26
ตารางท่2ี การส่งออก 27
ตารางท3่ี การนำเขา้ 28

1

1.ขอ้ มูลทว่ั ไป

1.1 ช่ือทางการ: เนการา บรไู น ดารสุ ซาลาม (Negara Brunei Darussalam)
1.2 ท่ตี ้งั : ทางตะวนั ตกเฉียงเหนือของเกาะบอรเ์ นยี ว ในทะเลจีนใต้ แบ่งออกเป็น 4 เขต คือ
เขต Brunei-Muara เขต Belait เขต Temburong และเขต Tutong
1.3 เมืองหลวง: กรงุ บนั ดาร์เสรีเบกาวนั (Bandar Seri Begawan)

ภาพท1ี่ กรุงบนั ดาห์เสรีเบกาวัน
ที่มา: http://www.dooasia.com
1.4 เขตแดน: ทศิ เหนือตดิ ทะเลจีนใตส้ ่วนทิศอ่นื ๆ ตดิ กบั รัฐซาราวคั ประเทศมาเลเซีย
1.5 ประชากร: 437,483 (พ.ศ. 2563)
1.6 วันชาติ: 23 กมุ ภาพันธข์ องทกุ ปี
1.7 ภาษาราชการ: ภาษามาเลย์และภาษาอังกฤษ
1.8 ศาสนาประจำชาติ: ศาสนาอิสลาม
1.9 ธงชาติ: ประกอบด้วย พื้นสีเหลือง หมายถึงสุลต่าน มีแถบสีขาวดำพาดทแยงจากขอบ
บนด้านซา้ ยผ่านกลางผนื ธงมายังขอบล่างด้านขวา หมายถึง รฐั มนตรีทถี่ วายงานรับใช้องคส์ ุลต่านและ
มีตราแผน่ ดนิ อยกู่ ลางผนื ธง

ภาพท2่ี ธงชาตบิ ูรไนดารุสซาลาม
ทีม่ า: https://aseannarco.oncb.go.th
1.10 ตราแผ่นดิน: ประกอบด้วย สัญลักษณ์5 อย่าง คือราชธวัช (ธง) พระกลด (ร่ม) ปีกนก
4ขน มือสองข้าง และซีกวงเดือนหรือพระจันทรเ์ สี้ยว ภายในวงเดือนซึ่งหงายขึ้นนั้น มีข้อความภาษา
อาหรับจารึกไว้ซึ่งแปลความได้ว่า “น้อมรับใช้ตามแนวทางของพระอัลเลาะห์เสมอ” (“Always in
service with God’s guidance”) เบื้องล่างสุดมีแพรแถบจารึกชื่อประเทศไว้ว่า บรูไนดารุสซาลาม
(มาเลย์: ‫) السالم دار بروناي‬แปลวา่ นครแหง่ สันติสัญลกั ษณ์ตา่ งๆ มคี วามหมายดังน้ี

2

• ราชธวัช (Bendera) และพระกลด (Payang Ubor- Ubor) หมายถึงสมเด็จ
พระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม (ของทั้งสองสิ่งนี้นับเป็นเครื่องราช กกุธภัณฑ์
ตามคตบิ รไู น)

• ปีกนก 4 ขน (Sayap) หมายถึง การพิทักษ์ความยุติธรรม ความสงบ ความเจริญ
และสันตสิ ขุ ของชาติ

• มือสองข้างที่ชูขึ้น (Tangan หรือ Kimhap) หมายถึง หน้าที่ของรัฐบาลที่ จะ
ยกระดับความม่ังค่งั สนั ติสุข และ ความวัฒนาถาวรใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื งสืบไป

• ซีกวงเดือนหงาย (Bulan) หมายถงึ ศาสนาอิสลาม อนั เป็นศาสนาประจำ ชาติ

ภาพท3่ี ตราแผ่นดินบูรไนดารุสซาลาม
ทมี่ า: https://www.asean-info.com
1.11 ดอกไม้ประจำชาติ: ดอกซิมปอร์(River Simpor ) หรือที่คนไทยเรียกว่า ดอกส้านชะ
วา (Dillenia) เป็นดอกไม้ประจำท้องถ่ินบรูไนท่ีมีกลบี ขนาดใหญ่สเี หลือง หากบานเตม็ ทแี่ ล้วกลีบดอก
จะมีลักษณะคล้ายร่มพบเห็นได้ทั่วไปตามแม่น้ำของบรูไน และสีเขียวของใบมีความหมายถึงการ
พฒั นา

ภาพท4ี่ ดอกไม้ประจำชาติ
ทม่ี า: https://www.panmai.com
1.12 เข้าเป็นสมาชกิ อาเซยี น: 8 มกราคม 2527
1.13 สกลุ เงนิ ตรา: ดอลลาร์บรไู น

ภาพท5ี่ เงนิ ตราประเทศบรู ไนดารุสซาลาม
ทม่ี า: https://bkkentweek.com

3

1.14 เพลงชาติบูรไนดารสุ ซาลาม
ชื่อเพลง : อัลเลาะห์ เปอลิฮารากัน สลุ ตา่ น
(Allah Peliharakan Sultan)
แปลวา่ “ขอพระเจ้าทรงพิทักษ์องคส์ ุลต่าน”

Ya Allah lanjutkanlah Usia Kebawah Duli
Yang Maha Mulia Adil berdaulat
menaungi nusa Memimpin rakyat
kekal bahagia Hidup sentosa
Negara dan Sultan Ilahi selamatkan
Brunei Darussalam

1.15 ขนาดพ้ืนทแี่ ละอาณาเขตตดิ ตอ่
ประเทศบรูไนต้ังอยูท่ างตะวันตกเฉยี งเหนือของเกาะบอร์เนียวในทะเลจีนใตซ้ ึ่งอยู่

ทางตะวนั ออกเฉยี งใต้ของประเทศไทย มีพ้นื ที่ 5,765ตารางกิโลเมตร ขนาดใหญ่กว่าจังหวดั
นครพนมและจังหวดั สุพรรณบุรีเลก็ น้อย

ภาพท6ี่ แผนที่แสดงเขตที่ตงั้ ประเทศในอาเซยี น
ทม่ี า: https://secretary.mots.go.th

อาณาเขตของเนการา บรูไน ดารุสซาลาม ทางทิศเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือติด
ทะเลจีนใต้ มีความยาวชายฝั่ง 161 กิโลเมตร พรมแดนพื้นดินโดยรอบทางทิศตะวันออก ทิศใต้และ
ทิศตะวันตกตดิ กับรฐั ซาราวักสหพนั ธรัฐมาเลเซยี มคี วามยาว 381 กิโลเมตร

ภาพท7ี่ ที่ตง้ั ประเทศบูรไน
ท่มี า: http://www.nan.mcu.ac.th

4

1.16 สภาพภูมิประเทศ
ลักษณะภมู ิประเทศเป็นท่ีราบชายฝงั่ ทะเลและท่ีราบหบุ เขา ซึง่ เป็น

ดินตะกอนที่แม่น้ำพัดมาทับถม บริเวณที่อยู่ห่างจากชายฝั่งเข้าไปภายในเกาะ ส่วนใหญ่เป็นเนินเขา
ดินแดนทางภาคตะวันออกมีลักษณะขรุขระและสูงกว่าตะวันตก มีพื้นที่ราบอยูท่ างเหนือของประเทศ
ลึกเข้าไปในแผ่นดินเป็นเขตภูเขา ภูเขาที่สูงที่สุดคือ ภูเขาปากอน (Pagon)สูง1,821เมตรจาก
ระดับนำ้ ทะเล พ้นื ที่ประมาณร้อยละ75ยังคงเป็นปา่ ที่มีสภาพอุดมสมบรู ณ์บริเวณชายฝั่งมีป่าชายเลน
และป่าพรุชายหาดบริเวณภูเขาและที่ราบภูเขามีป่าเต็งรัง และบริเวณภูเขาสูงเป็นป่าดิบ บรูไนจึง
ยังคงมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำสำคัญ 4 สาย คือ แม่น้ำเต็มบูรง แม่น้ำเบอไลท์
แมน่ ำ้ ตูตง และแมน่ ำ้ บรไู น

1.17 สภาพภูมิอากาศ
ประเทศบรูไนมีสภาพภูมิอากาศเขตร้อน มีอุณหภูมิและความชืน้ สูงและฝนตกเกอื บ

ตลอดท้ังปีอณุ หภมู ิเฉลย่ี อย่ทู ี่ 23-32 องศาเซลเซยี ส พื้นท่ีสว่ นใหญเ่ ปน็ ปา่ ไม้เขตรอ้ น สภาพภูมิอากาศ
โดยทั่วไปค่อนข้างร้อนชื้น ฝนตกชุกตลอดทั้งปีระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมเป็นชว่ งที่ฝนตก
ชุกที่สุด

1.18 ประวตั ศิ าสตร์
บรูไนมีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 มีหลัก ฐานที่เช่ือกนั ว่า

บริเวณบรูไนในปัจจุบันเป็นอาณาจักรโปนิ(Po-ni) หรือ โบนิ(Boni)แต่มาเป็นที่รู้จักกันมากในช่วง
คริสตศ์ ตวรรษที่14ถึงคริสต์ ศตวรรษท่ี16โดยบรไู นเป็นศนู ยก์ ลางการค้าที่สำคัญบนเกาะบอรเ์ นยี ว อยู่
บนเส้นทางการค้าจากประเทศจีนผ่านโมลุกกะหรือหมู่เกาะเครื่องเทศ ไปสู่ประเทศตะวันตก และมี
อาณาเขตครอบครองส่วนใหญข่ องเกาะ บอร์เนียวและส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซูลู มีชื่อเสียงทางการคา้
สินคา้ สง่ ออกทส่ี ำคญั ในสมยั น้ัน ไดแ้ ก่การบูร พริกไทย และทองคำ

หลงั จากนน้ั บรูไนเสียดนิ แดนและเส่อื มอำนาจลง เนือ่ งจากสเปนและ ฮอลนั ดาได้แผ่
อำนาจเข้ามา จนถึงสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในปีพ.ศ. 2431 ด้วยความวิตกว่าจะต้องเสียดินแดน
ต่อไปอีก บรูไนจึงได้ยินยอม เป็นรัฐในอารักขาของประเทศอังกฤษ (British Protectorate) ตามข้อ
ตกลง พ.ศ.2443(Agreement1888)และต่อมาในปีพ.ศ.2449 บรไู นไดท้ ำข้อตกลงกับประเทศอังกฤษ
อีกครั้ง คือ ข้อตกลงเสริม พ.ศ. 2448 และ พ.ศ. 2449 (Supplementary Agreement 1905 and
1906) และลงนามในสนธิสัญญายินยอมเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษอย่างเต็ม รูปแบบในปีพ.ศ.
2472

ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของบรูไนเริ่มจากการสำรวจแหล่งนำม้ ันและ ก๊าซธรรมชาติ
ในปีพ.ศ.2472 ทรัพยากรธรรมชาตินี้ได้เปลี่ยนเศรษฐกิจ ของประเทศจากการค้าพรกิ ไทยและการบูร
มาเป็นประเทศผู้ค้าน้ำมัน ปิโตรเลียม แม้จะประสบปัญหาการคา้ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ เม่ือ
สงครามยุตเิ ศรษฐกิจก็กลับฟนื้ คืนมาได้

ในปีพ.ศ.2501 ประเทศอังกฤษต้องการให้เกิด“สหพันธรัฐบอร์เนียว เหนือ” ซึ่งจะ
ประกอบด้วย รัฐซาราวัก รัฐบอร์เนียวเหนอื และรัฐบรูไนแต่สุลต่านฮัจญีเซอร์มูดา โอมาร์อะลีชัยฟุด

5

ดีน (Sultan HajiSir Muda Omar Ali Saifuddin) สุลต่านของบรูไนในขณะนั้นทรงไม่เห็นด้วย
เนื่องจากบรูไนมีทรัพยากรน้ำมันปิโตรเลียมขนาดใหญ่ หากเข้าร่วมเป็น สหพันธรัฐบอร์เนียวเหนือ
รายได้จากน้ำมันปิโตรเลียมจะต้องแบ่งให้ ประชาชนส่วนอื่นนอกจากชาวบรูไน จึงทำให้ไม่เกิด
สหพนั ธรัฐบอรเ์ นียว ขึ้น ขณะเดียวกนั กลับมีข้อเสนอให้รวมบรูไนเข้ากับรัฐต่างๆในคาบสมุทร มาลายู
เป็นสหพันธรัฐมาเลเซียแทน สุลต่านโอมาร์ทรงเห็นด้วย เพราะ ชาวบรูไนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน
กับชาวมาลายู

ระหวา่ งการเจรจาดำเนนิ การจดั ต้ังสหพันธรัฐมาเลเซียอยู่น้นั ในปีพ.ศ. 2505 บรูไน
จดั ใหม้ กี ารเลอื กตง้ั ท่วั ไปว พรรคPartiRakyatBrunei/BorneoPeople’sParty ชนะการเลือกตงั้ และ
ได้เสนอให้บรไู นรวมกบั รัฐซาบาห์และรัฐซาราวัก แต่สลุ ตา่ นโอมารท์ รงคัดคา้ น พรรครักยัตบรูไนจึงก่อ
กบฏข้นึ โดยมี กองทพั แห่งชาติกาลมิ ันตันภาคเหนอื ซึ่งเปน็ กองทพั คอมมวิ นสิ ต์เข้ารว่ ม สุลตา่ นโอมาร์
ทรงขอกองทัพองั กฤษและกองทหารกูรขา่ จากสิงคโปร์เข้า ปราบปรามจนสำเรจ็ นบั จากนัน้ เป็นต้นมา
บรูไนได้ปกครองภายใต้กฎ อัยการศึกส่วนการรวมรัฐเป็นสหพันธรัฐมาเลเซียนั้น ในช่วงท้ายของการ
เจรจาสุลต่านโอมาร์กลับทรงไม่เห็นด้วย และทรงต้องการให้บรูไนเป็น รัฐอิสระ แม้ต้องเป็นรัฐใน
อารกั ขาของประเทศอังกฤษตอ่ ไปกต็ าม

ในปีพ.ศ.2511สลุ ตา่ นโอมาร์ทรงสละราชสมบตั ใิ หแ้ กพ่ ระราชโอรส คือ สุลต่าน
ฮัจญีฮัสซานลั โบลเกยี ะห์มูอิซซัดดนิ วดั เดาละห(์ SultanHaji Hassanal Bolkiah Mu’issaddin
Waddalah) ซ่งึ ทรงปกครองประเทศมาจนถงึ ปัจจุบัน

บรูไนทำข้อตกลงกับประเทศอังกฤษอีกครั้งในปีพ.ศ.2514ซึ่งบรูไน ได้เป็นประเทศ
อิสระแตส่ ุลตา่ นโบลเกยี ะหท์ รงขอใหป้ ระเทศอังกฤษยงั คงรบั ผดิ ชอบดแู ลกิจการตา่ งประเทศและการ
ปอ้ งกันประเทศอยกู่ ่อน จนกระท่ังถงึ วันท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2527 บรไู นจงึ ได้รับเอกราชจาก ประเทศ
อังกฤษ และไดอ้ สิ รภาพจากการอารกั ขาอังกฤษเมื่อวันที่ 27 กมุ ภาพันธพ์ .ศ. 2527

1.19 ลักษณะของประชากร
ประเทศบรไู นมปี ระชากร415,717คน อัตราการเพมิ่ ของประชากร ร้อยละ 3.5 ตอ่ ปี

ชนพื้นเมืองในประเทศบรูไน 7 ชนเผ่า ประกอบด้วย เผ่ามลายูบรูไน ดูซุน เบอไลต์ตูตง บีซายา มูรุต
และเกอดายัน แต่เพื่อ ความเป็นเอกภาพในด้านการเมืองการปกครองโดยภาพรวมทั้ง7ชนเผ่าใช้ชื่อ
เรียกว่า มลายูหรือ มาเลย์สำหรับประชากรภายในประเทศบรูไน หลากหลายเชื้อชาติแบ่งออกเป็น
เช้ือชาติมาเลย์ รอ้ ยละ 67 จีน ร้อยละ 15 และอ่ืน ๆ ร้อยละ 18

ศาสนาประจำชาติของบรูไน คอื ศาสนาอิสลาม ส่วนใหญน่ ับถอื ศาสนาอิสลานกิ าย
ซุนนีย(์ รอ้ ยละ 67) แต่ใหเ้ สรีภาพประชาชนใน การเลือกนับถอื ศาสนาอ่ืนได้ปัจจบุ นั ได้แก่ศาสนาพทุ ธ
นกิ ายมหายาน (ร้อยละ 13) ศาสนาคริสต์(ร้อยละ 10) และศาสนาอ่ืนๆ (ร้อยละ 10)

6

1.20 ลกั ษณะทางสงั คมและวัฒนธรรม
สภาพสังคมของบรูไน ยังมีลักษณะพื้นฐานที่ยึดหลักครอบครัว ประชาชนมีความ

เป็นอยู่อย่างสงบเรยี บง่ายศาสนาอิสลามมีบทบาทมาก ในการกําหนดพฤตกิ รรมทางสังคม สภาพการ
ปกครองเป็นระบอบ สมบรู ณาญาสิทธิราชย์ ท่มี กี ารจัดระเบยี บสงั คมตามข้อบัญญตั ขิ อง ศาสนามุสลมิ
และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดและภาษาที่ใช้กันในบรูไนมี ภาษามาเลย์อังกฤษ และจีน สำหรับชน
พื้นเมืองมีภาษาเป็นของตนเอง ในโลกวัฒนธรรมบรูไนก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตน เรียกว่า โลกมลายูท่ี
ปฎิบัติ กันมาจนกลายเป็นอุดมคติของชาวบรูไนมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งคุณค่าของ วัฒนธรรม และ
ขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของชาว บรูไนว่าเป็นสิ่งประเสริฐ กฎหมายสามารถ
ลงโทษบคุ คลที่ปฏิเสธขนบ ธรรมเนยี มประเพณหี รือปฏิบัตติ นฝ่าฝนื วัฒนธรรมและประเพณีทำหน้าท่ี
จัดระเบียบสังคมและจัดระเบียบกฎหมาย ในสังคมมลายูบรูไนผู้ใดไม่ ปฏิบัติตามวัฒนธรรมและ
ขนบธรรมเนียมประเพณจี ะถูกประนามและ ลงโทษจากสงั คม เช่น การเกดิ การแต่งงาน เป็นต้น

วัฒนธรรมบรูไนมีความสัมพันธ์ใกลช้ ดิ กับมาเลเซยี และอนิ โดนเี ซีย มากจงึ มีประเพณี
ภาษา และการแต่งกายที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งสุภาพบุรุษ จะแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาว ตัวเสื้อยาวถึงเข่า
นงุ่ กางเกงขายาวแล้วนุ่ง โสรง่ เรียกว่า บาจมู ลายู(Baju Melayu) ส่วนชดุ ของสุภาพสตรีเรยี กว่า บาจู
กุรุง (Baju Kurung) จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส โดย มากมักจะเป็นเสื้อผ้าที่คลุมร่างกาย
ต้ังแต่ศรี ษะจรดเทา้ เป็นการสะท้อน วัฒนธรรมและสังคมแบบอนุรกั ษ์นยิ ม

1.21 โครงสร้างพ้นื ฐานและระบบสาธารณปู โภค
1.การคมนาคมทางบก
ประเทศบรูไนมีทางหลวงสายหลักสายเดียวคือ Muara–Jerudong–
Tutong มีความยาวประมาณ 1,712 กิโลเมตร การให้บริการรถเช่าใน ประเทศ
บรูไนมีราคาที่เหมาะสม รถเช่าเป็นบริการการขนส่งที่ดีที่สุดใน ประเทศบรูไน
เนื่องจากมีราคาที่ไม่สูงสะดวกและสามารถใช้บริการได้ตลอดเวลา นอกจากนี้รถ
ประจำทางก็มีราคาถูกและเปน็ ตัวเลือกท่ีง่าย ทส่ี ดุ ของการขนสง่ โดยเฉพาะอย่างย่ิง
ในบันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan) ซึ่งเป็นเมืองหลวง มีการบริการรถ
โดยสารประจำทาง 12 ชว่ั โมง/วนั ตง้ั แต่เวลา 06.00-18.00 น. สามารถใชบ้ รกิ ารได้
อย่าง ง่ายดาย ส่วนรถแท็กซี่จะมีราคาแพงมาก และยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก การ
ขนส่งผู้โดยสารสามารถเรียกใช้ได้ตามความต้องการ ส่วนการขนส่ง ผู้โดยสารทาง
รถไฟจะไมเ่ ป็นทนี่ ยิ มในการเดนิ ทางประเภทน้ี

ภาพท8ี่ การคมนาคมทางบก
ทีม่ า: https://th.tripadvisor.com

7

2.การคมนาคมทางอากาศ
การขนส่งทางอากาศเชิงพาณิชย์ในบรูไนเร่ิมขึ้นในปีพ.ศ. 2496 (ค.ศ1953)

และสร้างสนามบินใหม่ในเมือง Mukim Berakas และเปิด ใช้งานในปีพ.ศ.
2517(ค.ศ.1974) ปัจจุบันประเทศบรไู นมีสายการบิน พาณิชย์คือ สายการบินรอยัล
บรูไน ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติบรูไน ก่อตั้งเมื่อวันที่18 พฤศจิกายน พ.ศ.
2517(ค.ศ.1974) โดยบริษัทเอกชน จะเป็นผู้ถือหุ้นเองทั้งหมด สายการบินรอยัล
บรูไน มเี ทีย่ วบนิ ตรงจากบนั ดาร์เสรีเบกาวนั (BandarSeriBegawan) ไปยังจดุ หมาย
ปลายทาง หลายแห่งทั่วโลกและยังเชื่อมต่อไปยังจุดที่สำคัญในเกาะบอร์เนียวเช่น
Kuching, Gunung Mulu National Park เนื่องจากรอยัลบรูไนเป็น สายการบิน
มุสลมิ จึงไมส่ ามารถรับรองดว้ ยเครอื่ งด่ืมแอลกอฮอลใ์ น เท่ียวบนิ ได้

ภาพท9ี่ การคมนาคมทางอากาศ
ทมี่ า: http://www.freightmaxad.com
3.การคมนาคมทางนำ้
ประเทศบรูไนมีทา่ เรอื ท่ีขนถา่ ยสินค้าอยู่ท้ังหมด6แห่ง โดยแบง่ เปน็ ของ
ภาครัฐ 3 แหง่ และภาคเอกชน 3 แหง่ ท่าเรือท้งั 3 ท่าท่ีเป็นของ รฐั บาลบรูไน
ได้แก่
1) ทา่ เรอื มัวรา ตงั้ อยทู่ างทศิ ตะวนั ออกเฉยี งเหนือห่างจากเมืองหลวง 27
กโิ ลเมตร เป็นท่าเรอื ท่ีใหญท่ สี่ ุดในประเทศ มีความลกึ 10 เมตร กว้าง
611 เมตร สามารถนำเรอื ขนาดใหญเ่ ขา้ เทียบท่าได้
2) ทา่ เรือบนั ดาร์เสรีเบกาวัน เป็นท่าเรือเก่าแก่ ต้ังแต่ก่อนสงครามโลก
ครง้ั ท่ี 2 รบั เฉพาะเรอื ที่มี ความยาวไมเ่ กิน 30 เมตร และมีความลึกไม่
เกนิ 5 เมตร
3) ท่าเรือกัวลาบือเลต ต้งั อยู่ทแ่ี ม่น้ำบอื เลต รับเฉพาะเรือท่ีมีความยาว
60 เมตร เพราะ ท่าเรือยาว61เมตรโดยมากเรือท่ีเขา้ เทียบท่ามักจะ
เป็นเรอื จากประเทศ เพ่ือนบ้าน
สว่ นทา่ เรอื เอกชนของบรูไนอีก3แหง่ ไดแ้ ก่ ท่าเรอื ซีเรีย ทา่ เรือลมู ตู และ
ทา่ เรือตนั หยงลรี งั โดยท่าเรือเอกชนสองแห่งแรกมบี รษิ ัทเชลล์บรูไน เปน็ ผ้ดู ูแล ใช้
ในการขนสง่ สนิ ค้าประเภทแก๊สธรรมชาติและน้ำมัน สว่ น ทา่ เรอื ตันหยงลรี ังเป็น
ทา่ เรอื เพือ่ ใช้ในการสง่ ออกไม้ซงุ

8

4.ระบบไฟฟา้
หน่วยงานที่ดูแลกิจการไฟฟ้าของประเทศบรูไนชื่อว่าแผนกบริการ ไฟฟ้า

(Department of Electrical Services-DES) เป็นหน่วยงานที่ อยู่ภายใต้กระทรวง
พลังงาน ดูแลตั้งแต่ระบบผลิต ระบบส่ง ระบบ จำหน่ายจนถึงลูกค้า ในลักษณะ
คล้ายกับการไฟฟ้าโดยทั่วไปในอาเซียน ก่อตั้งมาแล้ว 92 ปีเริ่มต้นด้วยการติดต้ัง
เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลขนาด 22กิโลวัตต์สำหรับการจ่ายไฟคร้ังแรกและ
กระแสไฟฟ้าบรูไนในปัจจุบัน คือ 240 โวลต์ โดยที่ปลั๊กมาตรฐานมีสามขา หรือ
เป็นหมดุ สเ่ี หลีย่ ม

เพ่อื สร้างความม่ันคงด้านพลงั งาน ลดการพึ่งพาแหลง่ ทรัพยากร น้ำมันและ
ก๊าซธรรมชาติที่ไม่ส่งผลกระทบต่อแหล่งผลิตอาหารและสิ่ง แวดล้อม บรูไนจึงมี
โครงการสำคญั ๆ ทีเ่ กยี่ วกบั พลงั งานทดแทน ได้แก่

1. การไฟฟ้าบรูไนมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เมื่อปี พ.ศ.
2554 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของบรูไน และ ใหญ่ที่สุดใน
ประเทศกลุ่มอาเซียน ขนาด1.2 MW จากแผนงาน 50 MW โดยการสนับสนุนจาก
ประเทศญี่ปุ่น (บริษัท เจแปน มิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น จำกัด) และในด้านการส่งเสริม
การใช้พลังงานทดแทน การไฟฟ้าบรูไน มีแผนงานที่จะให้มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้า
จากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5 ในอีก 3 ปีข้างหน้า และเป็นสัดส่วนนี้ตลอด
ในอีก 20 ปี

2. จากการรายงานของBruneiTimes ประเทศบรูไนเป็นประเทศ ที่มีค่าไฟ
ถูกที่สุดในบรรดาสมาชิกประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน (AC) ค่าไฟเฉลี่ยต่อ
หน่วยอยู่ท่ี0.09ดอลล่าร์สหรัฐ(ประมาณ 2 บาทกว่าๆ) นั่นเป็นเพราะมีการอุดหนุน
ค่าไฟจากภาครัฐ

3. มีการนำมิเตอร์แบบจ่ายเงินล่วงหน้า (Prepaid) มาใช้งาน โดย เริ่มใช้
งานในปีพ.ศ. 2555 ทผ่ี า่ นมา
5.ระบบโทรคมนาคม

ประเทศบรูไนมีฝ่ายดูแลงานด้านโทรคมนาคม (Telecoms) ที่รับ ผิดชอบ
ทั้งระบบการทำงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในประเทศและระหว่าง ประเทศ ระบบ
โทรคมนาคมในท่ีน้ีรวมถงึ โทรศัพทบ์ ้าน โทรศัพทร์ ะหวา่ ง ประเทศ โทรสาร เทเล็กซ์
ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่เซลลูลาร์ เพจเจอร์ โทรเลข และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
โทรศัพท์บ้านทัง้ หมดในประเทศ บรไู นใช้ระบบโทรศัพท์แบบดิจิตอล

9

1.22 ระบบสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้กำหนดนโยบายด้านการสาธารณสุขของ ประเทศบรูไน

เพื่อที่จะบริการให้ทั่วถึงแกป่ ระชาชนทุกหมู่เหลา่ ไม่แบ่ง ชาติภาษา ศาสนา จึงมีนโยบาย “สุขภาพดี
เพื่อทุกคน” (Health for All) โดยเน้นระบบการพัฒนาการตรวจรักษาสุขภาพให้เป็นไปตามความ
ต้องการของประชาชน กระทรวงสาธารณสุขมีรฐั มนตรวี า่ การเปน็ ผ้บู ริหารสงู สุดซ่งึ มคี วามรับผิดชอบ
ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุข นอกจากรัฐมนตรีว่าการแล้ว ยังมีปลัดกระทรวงทำหน้าที่ชว่ ย
วางแผน ปฏิบัติการ และผู้อำนวยการกรมการแพทย์และสุขภาพเป็นผู้นำแผน ปฏิบัติการไป
ดำเนนิ การในด้านการบรกิ ารต่างๆ ในหลายโครงการ

ประเทศบรูไนนับว่าเป็นประเทศหนึ่งในเอเชียที่ให้ความสำคัญกับ สวัสดิการด้านสุขภาพแก่
ประชาชน ชาวบรูไนสามารถเขา้ รบั การรักษาพยาบาลของรัฐได้โดยไม่เสียค่าใช้จา่ ย นอกจากนั้นยังมี
การจัดการการ แพทย์เคลื่อนที่ เพื่อรักษาพยาบาลประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลความ เจริญ
ทุรกนั ดาร ท่ีสำคญั อกี อย่างคือในกองทัพบรูไนมีศูนย์พยาบาลเป็น หนว่ ยงานหนึง่ ในกองทัพ และหาก
ผู้ป่วยอยู่ในถิ่นทุรกันดารก็มีหน่วย แพทย์อากาศ กล่าวคือ นายแพทย์ที่ไปรักษาต้องเดินทางโดย
เฮลิคอปเตอร์ไปรักษาพยาบาลถึงที่ การที่รัฐบาลบรูไนเอาใจใส่ดูแล สุขภาพของประชาชนอย่างดีย่ิง
นับว่ามีผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจเป็น อย่างมาก เพราะเมื่อมีสุขภาพดีก็ย่อมทำงานได้ผลดีมี
ประสิทธภิ าพ มีรายไดด้ แี ละทำให้เศรษฐกิจของชาวบรูไนดีขนึ้ จึงสง่ ผลให้เศรษฐกจิ ของประเทศดีขึ้น
ตามไปดว้ ย

1.23 ระบบการศึกษา
ระบบการศึกษาของประเทศบรูไน ดารุสซาลามไม่มีการศึกษา ภาคบังคับ แต่

การศึกษาเป็นสากลและจัดให้ฟรีสำหรับประชาชนทั่วไป การศึกษาแบ่งออกเป็นระดับก่อน
ประถมศึกษา 1 ปีระดับประถมศึกษา 6 ปีระดับมัธยมศึกษา 7-8 ปีซึ่งแบ่งเป็นระดับมัธยมศึกษา
ตอนต้น 3 ปี ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 2-3 ปีหรือในสายอาชีวะ อีก 2 ป และ ระดับเตรียม
อุดมศึกษา 2 ปีและระดับมหาวทิ ยาลยั 3-4 ปีดังน้ี

ระดบั ก่อนประถมศึกษา
เด็กทุกคนต้องเข้าศึกษาในระดับก่อนประถมศึกษา 1 ปีเมื่ออายุ5 ปี

หลังจากนัน้ จึงเขา้ ศึกษาในระดับประถมศึกษา
ระดับประถมศึกษา

การศึกษาระดับประถมศึกษาแบ่งออกเปน็ สองระดับ คือ ระดับ ประถมตน้
3 ปีและประถมปลาย 2-3 ปหี ลงั จากจบการศึกษาระดบั ประถมศกึ ษา 6 ปี นักเรยี น
จะตอ้ งเข้ารับการทดสอบขอ้ สอบกลาง

(PCE:  Primary CertificateofExamination) ซึ่งการศึกษาในระดับนี้มี
จุดประสงค์เพื่อปูพื้นฐานด้านการเขียน การอ่าน และการคำนวณให้แก่ นักเรียน
เพอื่ จะได้นำความรู้เหลา่ นไ้ี ปใช้ในการพัฒนาตนเอง

10

ระดับมธั ยมศกึ ษา
การศกึ ษาระดบั มัธยมศึกษารวมใช้เวลา 7-8 ป(ี มัธยมศกึ ษา 1-5และ เตรียม

อุดมศกึ ษา 2 ปี)
ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้

ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นมีระยะเวลา 3 ปีหลังมัธยมศึกษาตอนต้น แล้ว
นักเรียนต้องทดสอบ BJCE (Brunei Junior Certificate of Education) จึงจะ
สามารถเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเลือก เรียนวิชาด้านช่างและ
เทคนคิ พน้ื ฐานทสี่ ถาบนั การศึกษาทางเทคนคิ และ อาชีวศกึ ษา
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

ระยะเวลา 2-3 ปีนักเรียนจะเลือกเรียนสายศิลป์สายวิทย์หรือสาย อาชีพ
ตามแตผ่ ลการสอบ BJCE หลักจากเรยี นจบระดับมธั ยมศึกษาตอน ปลายแลว้

(ระดับ 5) นักเรียนต้องสอบข้อสอบ Brunei-Cambridge General
Certificateof Education:BCGCE“O” Level หรอื สำเรจ็

การศึกษาระดบั 6 นกั เรียนตอ้ งสอบข้อสอบ Brunei-Cambridge General
CertificateofEducation:BCGCE“A”Levelแล้วจึงจะมีสิทธิ์ เรียนต่อระดับเตรียม
อุดมศึกษา มรี ะยะเวลา 2 ปี
ระดบั อาชวี ะ

รับเด็กนักเรียนมัธยมต้นที่สนใจด้านการศึกษาและการฝึกหัดด้าน อาชีวะ
และเทคนิค โดยมีกรมการศึกษาด้านเทคนิค เป็นผู้รับผิดชอบดูแลการจดั การศึกษา
ด้าน เทคนิคและอาชีวศึกษาและการฝึกอบรม (Technicaland Vocational
Education and Training) และโปรแกรมเกี่ยวกับการศึกษาต่อ (Continuing
Education-CE)
ระดบั ปรญิ ญาตรี

การศึกษาในระดับปริญญาตรีจะจัดให้แก่นักเรียนที่มีผลการศึกษา ดีมี
ศักยภาพในการศึกษาต่อได้หรือศกึ ษาในสาขาท่เี ปน็ ความต้องการ ของประเทศ ซง่ึ มี
ทัง้ มหาวทิ ยาลยั สถาบันอาชีวะ เทคนิคตา่ งๆ และ วทิ ยาลัยต่างๆ
โรงเรยี นเอกชน (Non-Government Schools)

โรงเรียนเอกชนมีบทบาทในการช่วยแบ่งเบาภาระการจัดการศึกษา ของ
รัฐบาล โดยโรงเรียนเอกชนที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงศึกษาธิการ มี5 ประเภท
ได้แก่ โรงเรียนภาคบังคับตามปกติ(ตั้งแต่ระดับอนุบาล จนถึงระดับมัธยมศึกษา)
โรงเรียนกวดวชิ า โรงเรยี นสอนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนสอนดนตรีโรงเรียนสอนตดั เสอ้ื

ระบบการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2528กำหนดให้ใช้ภาษาอังกฤษ และ ภาษา
มาเลย์ในการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ 3 ครูจะสอนทุกวิชา
ด้วยภาษามาเลย์ยกเว้นวิชาภาษาอังกฤษซึ่งใช้ภาษา อังกฤษในการสอน สำหรับ

11

ระดับประถมศึกษาปีท่ี 4 ขึ้นไป โรงเรียนจะ ใช้ทั้งภาษามาเลย์และภาษาอังกฤษใน
การสอน โดยภาษามาเลย์ใช้ สำหรับสอนวิชาเกี่ยวกับมาเลย์ความรู้เกี่ยวกับศาสนา
อสิ ลาม พลศกึ ษา ศลิ ปะและการชา่ ง และวชิ าหนา้ ที่พลเมอื ง ส่วนภาษาอังกฤษใชใ้ น
การ สอนวิชาวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์และภาษา อังกฤษ
เปน็ ต้น
นโยบายและจดุ เนน้ ด้านการศกึ ษา

กระทรวงศึกษาธิการบรูไน ดารุสซาลาม ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ พ.ศ.
2550-2555 และการจัดทำวิสัยทัศน์ด้านการศึกษาของบรูไน ดารุสซาลาม พ.ศ.
2578 โดยไดใ้ ห้ความสำคัญต่อการสร้างสังคมบนพ้ืน ฐานแหง่ ทักษะ และความรอบ
ร้ภู ายใต้ระบบการศึกษา “World Class EducationSystem” ที่สง่ เสรมิ การเรียนรู้
ตลอดชีวิตโดยให้การศึกษา เป็นหนึ่งใน 8ยทุ ธศาสตร์ทสี่ ำคญั ของประเทศ พร้อมทั้ง
ได้ใช้เงินกองทุน พัฒนาในการลงทุนการศึกษาในอัตราร้อยละ 8.7 รวมทั้งการ
พัฒนา โครงสร้างด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ระบบการศึกษา
ของบรูไน ดารุสซาลาม มุ่งตอบสนองความต้องการ ของศตวรรษที่ 21 โดยเปิด
โอกาสให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเลือกเรียนสาขา วิชาการต่างๆ ในระดับอุดมศึกษา ที่มี
เป้าหมายในการสรา้ งสรรค์ สนั ตภิ าพและความรงุ่ เรอื งของชาติ

ยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาแห่งชาติของบรูไน ดารุสซาลาม เน้นใน เรื่อง
ตา่ งๆ ดังน้ี

• การลงทนุ ทางการศกึ ษาสำหรบั เด็กปฐมวัย
• การนำแนวปฏิบัติที่ดีจากนานาชาตมิ าใช้ในการจัดการเรียน การสอนของ

ประเทศ
• การพัฒนาผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษา อุดมศึกษา และอาชีวศึกษา เพื่อ

ตอบสนองความตอ้ งการของตลาดธรุ กจิ และอุตสาหกรรม
• การส่งเสริมสมรรถนะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการ สื่อสาร

(ICT)สำหรับผู้เรียน ครูบุคลากรการศึกษา รวมทั้งการบูรณาการ ด้าน
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ICT) ในหลักสตู รของโรงเรยี น
• การดำเนินโครงการเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และเปิด โอกาสให้
สามารถศกึ ษาต่อได้ในระดบั อดุ มศกึ ษา
• การส่งเสริมการวิจัยการพัฒนาและนวัตกรรม ทั้งจากงบประมาณ ภาครัฐ
เอกชน และความรว่ มมอื กบั ต่างประเทศ
• การสง่ เสริมการเรยี นรขู้ องผู้เรยี นโดยการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
• การพฒั นาการจัดการของสถาบนั การศึกษา

12

นอกจากนี้บรูไน ดารุสซาลาม ยังให้ความสำคัญต่อการดำเนินงาน ในเรื่อง
ต่างๆ ดังน้ี

• การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการจัดการศึกษาในโรงเรียน วิทยาลัย และ
สถาบนั อดุ มศึกษา

• การพัฒนาหลักสูตรการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของ ผู้เรียนและ
สงั คมในปัจจุบันและอนาคต

• การพัฒนาโรงเรียน เช่น การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการจัดการเรียน
การสอน เช่น การใชค้ อมพวิ เตอร์ หรอื เทคโนโลยีสมัยใหม่ ในช้นั เรียน

• การพัฒนาผู้นำนักเรียน การพัฒนาหุ้นส่วนความร่วมมือในชุมชน และ
ภาคอุตสาหกรรม ดว้ ยการพฒั นาองค์การวชิ าชีพทม่ี ีความโปรง่ ใส สามารถ
ตรวจสอบได้ และมีประสิทธิภาพ อันจะก่อให้เกิดการพัฒนา การเรียนการ
สอน

ความร่วมมอื ดา้ นการศึกษาในภูมภิ าค
บรูไน ดารุสซาลาม ให้ความสนใจในการพัฒนาความรว่ มมือทางการศึกษา

ระดบั ตา่ งๆ ดังนี้

• ระดับการอดุ มศึกษา
- ความรว่ มมอื ดา้ นการวจิ ัยและพฒั นา
- การพฒั นาสถาบนั นานาชาติ
- การส่งเสริมโครงการ Twining Schools
- การแลกเปลย่ี นนักเรียนและบุคลากร

• ระดับการอาชวี ศกึ ษา
- การพัฒนาหลกั สูตรอาชวี ศึกษา
- การฝึกปฏบิ ตั งิ านของนักเรยี นและบุคลากรในภาค
อุตสาหกรรม
- การสร้างนวัตกรรม

• ระดับการศึกษาพ้ืนฐาน
- การพฒั นาเยาวชนให้มีพืน้ ความร้ทู ีแ่ ข็งแกร่งในดา้ นภาษา
อังกฤษ คณติ ศาสตร์วิทยาศาสตร์การคดิ คำนวณ การรังสรรค์
นวัตกรรม และการเรยี นการสอนดา้ น วิทยาศาสตร์
- การบรู ณาการการสอนดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ใน
หลักสูตรตา่ งๆ
- การพัฒนาการคดิ วเิ คราะหแ์ ละความคดิ สร้างสรรค์

13

- การศกึ ษาสำหรับเด็กปฐมวยั
- การศกึ ษาตลอดชีวิต และการศกึ ษาตอ่ เน่ือง

2.ความสมั พันธร์ ะหว่างประเทศ

หลังจากทไ่ี ดร้ บั เอกราชเมื่อวนั ที่ 1 มกราคม ค.ศ.1984 แลว้ สุลตานฮจั ญฮี สั ซานัล โบลเกียห์
แห่งบูรไนกน็ ำประเทศสู่เวทีระดับภูมภิ าคและระดับโลกโดยการสมัครเป็นสมาชกิ ในเครือจักรภพของ
อังกฤษ (British Commonwealth) เมื่อวันท่ี 7 มกราคม ค.ศ.1987 สมัครเป็นสมาชิกในกลุ่ม
ประเทศอาเซียน (ASEAN) สมัครเป็นสมาชิกองค์กรมุสลิมโลก (Organization of Islamic
Conference) ลำดับท่ี45 วันท่ี 21 กันยายน ค.ศ.1987 ได้สมัครเป็นสมาชิกสหประชาชาติเป็น
ประเทศท1ี่ 59

นอกจากได้รับเป็นสมาชิกองค์กรหลายองค์กรทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกแล้วบูรไนยัง
เป็นสมาชิกคณะรัฐมนตรีศึกษาธิการอาเซียน (SEMEO) และกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (NAM) อีก
ดว้ ย

2.1 ความสมั พนั ธ์กบั ไทย
บูรไนและไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตในระดับสถานกงสลุ ตั้งแต่วันท่ี 1

มกราคม พ.ศ. 2526 และเมื่อบูรไนไดร้ ับเอกราชในปี พ.ศ. 2527 ได้ยกระดับความสมั พันธ์เป็นสถาน
เอกอัครราชทูตบูรไน-ไทย มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันและเป็นไปอย่างราบรื่น มีการแลกเปลี่ยน การ
เยอื นผนู้ ำระดับสูงทง้ั ราชวงศ์ รัฐบาล และทหารอยา่ งเสมอ

1.ความสมั พันธ์ด้านการเมืองและความมั่นคง
ความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกันราบรื่นในทุกด้าน บรูไนเป็นพันธมิตรที่ดีของไทยใน

เวทรี ะหว่างประเทศ และเปน็ หนุ้ สว่ นท่อี ยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์รว่ มกัน ไทยและบรูไน
ได้จัดตั้งกลไกความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกันคือ คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ
ทวิภาคีไทย-บรูไน ซึ่งมีการประชุมครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 30-31มีนาคม พ.ศ.2546 ที่กรุงเทพฯ
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานร่วม ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือ
เกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศในด้านต่าง ๆ
ได้แก่ การทหาร การค้า การลงทุน (รวมทั้งการประมง อุตสาหกรรม และธนาคารอิสลาม)
แรงงาน ความร่วมมือด้านวิชาการ การท่องเที่ยว และการสื่อสารและวัฒนธรรม ทั้งนี้บรูไน
จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JCBC ครั้งท่ี 2 นอกจากนั้น ไทยและบรูไนมีทัศนะทางด้าน
การทหารและความมั่นคงที่สอดคล้องกัน ความร่วมมือทางการทหารดำเนินอย่างต่อเนื่อง
และมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำระดับสูงของกองทัพทั้งสองประเทศอย่าง
สมำ่ เสมอ

14

2.ความสมั พนั ธด์ ้านเศรษฐกจิ
2.1 การคา้
เศรษฐกิจบรูไนในปี 2562 ชะลอตัวจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลดลงซ่ึง
สง่ ผลต่อปรมิ าณการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของบรูไน อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจ
บรูไนฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2563 เนื่องจากการเปิดดำเนินการของโรงกลั่นน้ำมันและ
โรงงานปิโตรเคมีของจีน รวมทั้งการลงทุนของต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้าน
รัฐบาลบรูไนพยายามปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและส่งเสริมบรรยากาศการลงทุน
โดยเฉพาะภาคการผลิตและการบริการ ทั้งนี้ บรูไนได้รับการจัดอันดับให้เป็น
ประเทศที่มีศักยภาพในการแข่งขันอันดับที่ 56 จากทั้งหมด 141 ประเทศ และ
อันดับที่ 5 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย สินค้าท่ี
ส่งออกไปบรูไนฯ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว ปูนซีเมนต์ เหล็ก
เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ สินค้านำเข้าจาก
บรไู นฯ ได้แก่ น้ำมันดิบ เคมีภณั ฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลติ ภัณฑ์ สนิ แร่ โลหะอ่นื ๆ
เศษโลหะและผลติ ภณั ฑ์ และ สัตวน์ ้ำสด แช่เย็น แช่แขง็ แปรรูปและกึง่ สำเร็จรปู
2.2 การลงทนุ
สำหรับการลงทุนของนักธุรกิจไทยในบรูไนส่วนใหญ่จะอยู่ในสาขารับเหมา
ก่อสร้าง/สถาปนิกโดยบริษัทไทยที่ลงทุนในบรูไนคือบริษัท Brunei Construction
ซงึ่ เปน็ บริษทั รบั เหมากอ่ สร้าง และบรษิ ัทBooty Edwards & Rakan-Rakan บริษัท
สถาปนกิ (การประกอบธุรกจิ ของชาวตา่ งชาติในบรูไนจะตอ้ งมชี าวบรูไนเปน็ หุ้นส่วน
ซึ่งรัฐบาลไม่ได้กำหนดอัตราการถือหุ้นส่วนอย่างตายตัว) นอกจากนี้ธุรกิจของคน
ไทยในบรูไนจะเป็นรา้ นขายของ รา้ นอาหาร และอซู่ อ่ มรถ เปน็ ต้น
2.3 การท่องเทย่ี ว
ปี 2562 มีนกั ท่องเทีย่ วบรูไน 2.05 ลา้ นคน ถอื ได้วา่ เป็นกลมุ่ นกั ทอ่ งเท่ียวที่
มีคุณภาพในการจับจ่ายสูง ขณะเดียวกันรัฐบาลบรูไนมีนโยบายพัฒนาประเทศให้
เป็นศูนย์กลางทางการค้าและการท่องเที่ยวไทยและบรูไนได้เคยหารือกันถึงความ
ร่วมมือระหวา่ งกนั ในด้านการท่องเทย่ี วเชิงนเิ วศน์ (Eco-Tourism) และส่งเสริมการ
ท่องเท่ียวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) เพราะจะเปน็ ประโยชนใ์ นการส่งเสริม
การท่องเท่ยี วระหว่างกนั และภายในภมู ิภาค
2.4 แรงงาน
ปัจจุบันบรูไนต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติจ ำนว นมากเน ื่องจากบร ู ไ น มี
ประชากรน้อยและส่วนใหญ่นิยมทำงานในภาคราชการจึงมีแรงงานไม่เพียงพอต่อ
ความต้องการของตลาดภาคเอกชน แรงงานต่างชาติในบรูไนเป็นแรงงานจาก
อินโดนีเซียมากที่สุด ตามด้วย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินเดีย บังคลาเทศ และไทย
แรงงานไทยในบรูไนเป็นลำดับท่ี4 มีจำนวน 8,466คน ปี 2561 โดยส่วนใหญ่เป็น
แรงงานไร้ฝีมือ ทำงานในกิจการก่อสร้างอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพ่ือ
การส่งออก นอกนั้น ทำงานในภาคธุรกิจบริการ เช่น ห้าง สรรพสินค้า ร้านอาหาร

15

การตกแต่งดูแลสวน ช่างซ่อม และงานในภาคเกษตรกรรม แรงงานไทยส่วนใหญ่
ได้รับการยอมรับอย่างดีจากนักธุรกิจในบรูไนเพราะมีความซื่อสัตย์ อดทน
ขยนั หม่ันเพยี ร และมคี วามรับผิดชอบแม้จะด้อยในเร่อื งภาษา อยา่ งไรก็ดยี งั มีปัญหา
อยู่บ้างโดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง อาทิอัตรา
ค่าจ้างที่ไม่สอดคล้องกับความสามารถในการทำงาน และการขาดความรู้และความ
เข้าใจต่อกฎระเบียบ ขอ้ บังคบั ของสัญญาจา้ ง
2.5 ดา้ นการเกษตร

ดร. วิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และคณะ เดินทางเยือนบรูไนตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร
พ้ืนฐานและการทอ่ งเที่ยวบรูไน ระหว่างวันท่ี 16-19ธนั วาคม 2561 ในการเยอื นคร้ัง
นี้ ได้เดินทางไปพื้นที่ปลูกข้าวเพื่อศึกษาสภาพดินและระบบชลประทาน 3 แห่ง
ศึกษาพื้นทีเ่ ขื่อน Imang Dam และเยี่ยมชมเขตพฒั นาเกษตรกรรมในบรูไน รวมท้งั
บรรยายเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ให้แก่
นักศึกษา สถาบนั Brunei Technology Education เกษตรกรบรไู น และขา้ ราชการ
กระทรวงทรัพยากรพื้นฐานฯ บรูไน

นอกจากน้ี ฝา่ ยไทยได้รว่ มประชุมหารือกับฝ่ายบรูไนเพื่อให้ความช่วยเหลือ
ด้านการเกษตรในกรอบ MOU ความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทย-บรูไน ให้มี
ผลเป็นรูปธรรมเป็นครั้งแรก อาทิ การเพิ่มผลผลิตข้าว การคัดเลือกพันธุ์ข้าวที่
เหมาะสมในการเพาะปลูกในเขตแปลงนาข้าวในบรูไน การพัฒนาดินการจัดการน้ำ
การบริหารจัดการที่ดินเพือ่ การเกษตร และการพัฒนาคนเพื่อให้มที ักษะความรู้ด้าน
การเกษตรแบบองค์รวม
2.6 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บรูไนมุ่งการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล การแปรรูปอาหาร
และอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ ตามแผนพัฒนาแห่งชาติฉบับท่ี 11 (ปี2561 - 2566)
ขณะเดียวกัน บรูไนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการ
พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ความคืบหน้าที่สำคัญ ได้แก่ การจัดตั้งสภาเศรษฐกิจดิจิทัล
เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2562 เพื่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด
นโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล และเตรียมใช้ระบบการชำระเงิน
อิเลก็ ทรอนิกสภ์ ายในปี 2568

16

3.ความสมั พันธท์ างสงั คมและวัฒนธรรม
3.1 ด้านวัฒนธรรม
ที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าดว้ ยความรว่ มมือทวิภาคีระหวา่ งประเทศ
ไทยกับบรูไน ครั้งที่ 1ที่กรุงเทพ ฯ เมื่อวันท่ี 30-31 มีนาคม 2546 เห็นพ้องในการ
ขยายความรว่ มมือทางดา้ นวฒั นธรรม ในปพี .ศ.2546 ซ่ึงเป็นวาระฉลองครบรอบ 20
ปขี องการสถาปนาความสัมพันธท์ างการทูตระหว่างไทย-บรูไนสถานเอกอัครราชทูต
ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน ได้ร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม
และการกีฬาบรูไนจัดกิจกรรม Thailand Festival 2003 โดยมีการแลกเปลี่ยน
ศิลปวัฒนธรรม นำคณะนาฏศิลป์และนักดนตรีมาเปิดการแสดงทางวัฒนธรรมที่
บรไู น
3.2 ด้านการศกึ ษา
เม่อื วันที่ 28 เมษายน 2562 นางสาววนั ทนยี ์ วพิ ธุ วงศส์ กุล เอกอัครราชทูต
และข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตให้การต้อนรับ พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนบรูไน
ระหว่างวันที่ 28-29 เมษายน 2562 และ วันที่ 29 เมษายน 2562 พลเอก สุรเชษฐ์
ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะ พร้อมด้วย นางสาว
วันทนีย์ วิพุธวงศ์สกุล เอกอัครราชทูตได้เข้าเยี่ยมคารวะ Datin Seri Paduka Dr.
Hajah Romaizah binti Haji Mohd Sallehรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
บรไู นเพื่อหารอื เกี่ยวกบั การส่งเสรมิ ความร่วมมอื ด้านการศึกษาระหว่างไทย-บรูไน
ปจั จบุ นั ไม่มีนักศึกษาไทยศกึ ษาอยู่ในบรูไนแลว้ ตา่ งจากในอดีตท่มี ีนักศึกษา
มุสลิมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับทุนจากรัฐบาลบรูไน ให้มาศึกษาทางด้าน
รัฐศาสตร์และการศาสนา เนื่องจากบรูไน พิจารณาเรื่องการให้ทุน การศึกษาเป็น
เครื่องมือในการดำเนินนโยบาย อย่างไรก็ดี ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาไทยประกาศตัว
เป็นประเทศผู้ให้โดยไม่ประสงค์เป็นผู้รับอีกต่อไป เพื่อแสดงความมั่งคั่งทาง
เศรษฐกจิ ตามนโยบายของอดีตนายกรัฐมนตรที ักษิณ ชนิ วัตร บรไู นจงึ งดทุนทั้งหมด
ที่เคยให้รัฐบาลไทย อนึ่ง ในปีพ.ศ. ๒๕๔๙ ไทยได้ให้ทุนการศึกษาแก่บรูไน จำนวน
1 ทนุ ไดแ้ ก่ Thai Language Learning among ASEAN Diplomats

4.ความสัมพนั ธ์ดา้ นต่างประเทศ
4.1 การเยือนที่สำคัญของไทย
1.พระราชวงศ์

29 มกราคม 2551 สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร (พระ-อสิ ริยยศ
ในขณะนั้น)เสด็จฯ ทรงทำการบินโดยเครื่องบินพาณิชย์ของสาย
การบินไทยมายังบรไู น

17

2.รัฐบาล
3-4 กรกฎาคม 2551 นายสมคั ร สนุ ทรเวช นายกรัฐมนตรีเยือนบรไู นอย่างเปน็ ทางการ
29 กรกฎาคม– พลเรอื เอก สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เยือนบรูไน
1 สงิ หาคม 2551 เพือ่ อำลาในโอกาสพ้นหนา้ ท่ี
17-19 มนี าคม 2552 พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเยือนบรูไน

อย่างเป็นทางการ
28-30 เมษายน นายสุวิทย์ คุณกิตติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
2552 และส่ิงแวดล้อม เยอื นบรูไนเพือ่ เข้ารว่ มการประชุมย่อยในภูมิภาค

ระดบั รัฐมนตรีวา่ ด้วยปญั หามลพิษ
3-4 มถิ ุนายน 2552 พล.อ.อ อิทธิพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศเยือนบรูไน

อย่างเป็นทางการ
27-28 กรกฎาคม นายชัย ชิดชอบ ประธานรฐั สภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร
2552 เยือนบรูไนอย่างเป็นทางการ
19-20 ตลุ าคม 2552 นายจรุ นิ ทร์ ลักษณวศิ ิษฐ์ รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการ

เยอื นบรูไน อย่างเป็นทางการ เพอื่ เข้ารว่ มการประชุม SEMEO
VOCTECH และร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจด้านการศึกษา
ไทย-บรไู น
29 มีนาคม 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เยือนบรูไนอย่างเป็น
ทางการ
1-3 ตุลาคม 2553 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เยอื นบรูไนอย่างเปน็ ทางการ
12-16 ตุลาคม 2553 นายภิมุข สิมะโรจน์ รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม (ผู้ช่วย)เยือนบรูไนเพื่อเข้าร่วมการประชุม
รัฐมนตรีสิง่ แวดล้อม
7-13 พฤศจกิ ายน นายเก้อื กลู ด่านชัยวจิ ิตร รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงคมนาคม และ
2553 นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เยือนบรูไนเพ่ือ
เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน (ASEAN
Transport Ministers Meeting - ATM)
ครั้งท่ี16 และการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการขนส่งอาเซยี น
(ASEAN Senior Transport Officials Meeting- STOM) ครั้งท่ี
30
26-29 มกราคม นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
2554 เยือนบรไู นฯเพื่อเขา้ ร่วมการประชุมสภารฐั มนตรีศึกษาแห่งเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งท่ี 46 (46th SEAMEC) และการประชุม
รัฐมนตรีศกึ ษาของอาเซยี น ครัง้ ท่ี 6 (6th ASED)

18

20-22 กมุ ภาพันธ์ พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมภริยา
2554 เดินทางเยือนบรูไนฯ อย่างเป็นทางการ ในโอกาสนี้ ได้เข้าเฝ้าฯ

สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน และรับมอบเครื่องราชอิสริยา
ภรณ
25-28 เมษายน พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เยือนบรูไนฯ อย่าง
2554 เปน็ ทางการตามคำเชญิ ของกองทัพเรอื บรูไน
10 กนั ยายน 2554 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยือนบรูไนฯ อย่างเป็น
ทางการ
23 กันยายน 2555 นางสาวยง่ิ ลักษณ์ ชินวตั ร นายกรัฐมนตรเี ยือนบรูไนฯเพ่ือเข้าร่วม
ในพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงพระราชธิดาในสมเด็จ
พระราชาธิบดแี หง่ บรูไนฯ
24-25 เมษายน นางสาวยง่ิ ลกั ษณ์ ชนิ วัตร นายกรัฐมนตรีเยอื นบรไู นฯเพอ่ื เข้ารว่ ม
2556 การประชุมสุดยอดอาเซียน ครง้ั ท่ี 22
25-28 มีนาคม 2558 พลเอก ประยทุ ธ์ จันทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรีไดเ้ ดินทางเยอื นบรูไน
อย่างเปน็ ทางการ
8-10 กุมภาพนั ธ์ นายแพทย์ ธรี ะเกยี รติ เจรญิ เศรษฐศลิ ป์ รัฐมนตรวี า่ การ
2560 กระทรวงศึกษาธิการและประธานสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชีย
ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (สภาซเี มค) เดนิ ทางเยอื นบรไู น
16-19 ธนั วาคม ดร. วิวัฒน์ ศัลยก าธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและ
2561 สหกรณ์และคณะ เดินทางเยือน บรูไนตามคำเชิญของ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรพื้นฐานและการท่องเที่ยว
บรูไน
28-29 เมษายน พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงศึกษาธิการ
2562 และคณะในโอกาสเดนิ ทางเยอื นบรไู น

4.1 การเยอื นทีส่ ำคญั ของบูรไนดารสั ซาลาม
1.พระราชวงศ์

11-14 มิถุนายน สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งบรูไน ได้เสด็จ
2549 มาร่วมพิธีเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของ

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว
2.รัฐบาล
27 กุมภาพันธ์– สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนได้เสด็จมาร่วมการประชุมสุดยอด
1 มนี าคม 2552 อาเซยี นครงั้ ที่ 14 ท่อี ำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
10-12 เมษายน สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนเสด็จเข้าร่วมการประชุมสุดยอด
2552 อาเซียน+3 ครั้งที่ 12 และการประชุดสุดยอดเอเชียตะวันออก

ครง้ั ที่ 4 ทพ่ี ทั ยา

19

21-23 กรกฎาคม เจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
2552 ต่างประเทศและการค้า คนที่ 1 เสด็จเยือนไทยเพื่อทรงเข้าร่วม

การประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ทจี่ .ภูเก็ต
22-25 สงิ หาคม เจ้าหญิงมัสนา รักษาการตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
2552 ต่างประเทศเสด็จเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุม Asean Socio-

Cultural Community (ASCC) Council ครัง้ ท่ี 1
23-25 ตลุ าคม 2552 สมเด็จพระราชาธิบดีเสด็จเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุด

ยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 15 การประชุมสุดยอดอาเซียน+3 (จีน
ญีป่ ุ่น สาธารณรฐั เกาหลี) ครง้ั ที่ 12 และการประชุมสดุ ยอดเอเชีย
ตะวันออก (จีน ญี่ปุ่นสาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย
นิวซแี ลนด์) คร้งั ที่ 4 ทีอ่ ำเภอชะอำ จงั หวดั เพชรบุรี

21-26 มีนาคม 2553 รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงอตุ สาหกรรมและทรัพยากรพื้นฐานบรูไน
เยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

14-16 ธนั วาคม เจ้าชายโมฮาเม็ด โบลเกียห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
2553 ต่างประเทศและการค้า คนที่ 1 เสด็จเยือนไทยเพื่อทรงเข้าร่วม

การประชุมเอเชียตะวนั ออกกลาง ครั้งที่ 3 (AMED III) ท่กี รงุ เทพฯ
29 มิถนุ ายน –2 สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็น
กรกฎาคม 2555 ทางการในฐานะแขกของรัฐบาล
12-15 มนี าคม 2562 พล.จ.ดาโต๊ะ ซรี ปาลาวัน อาวัง ไครุล ฮาเหม็ด บิน อาวัง ฮาจิ

ลัมโปห์ ผบ.ทบ.ของบรไู นเยอื นไทย ในโอกาสรับตำแหนง่ ใหม่
22-23 มถิ นุ ายน สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนเสด็จเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการ
2562 ประชุมสดุ ยอดอาเซยี น ครงั้ ท่ี 34

4.2 การประชมุ ทีส่ ำคญั
การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-บรูไน

(Joint Commissionfor Bilateral Cooperation : JCBC) ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพการ
ประชมุ ครั้งแรกเมอ่ื ปี 2546
ความตกลงท่ีสำคญั ระหวา่ งไทย-บรไู น

1) ความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหวา่ งและพ้นจากอาณาเขตของไทย
และบรไู น ลงนามเมอ่ื วันที่ 13 มกราคม 2530

2) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือ
ทวิภาคไี ทย-บรูไนลงนามเมอ่ื วันที่ 27 กนั ยายน 2542

20

3) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีด้านสารสนเทศและการ
กระจายเสียงและภาพระหว่างไทย-บรูไน ลงนามเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม
2544

4) พิธีสารว่าด้วยการเปิดเสรีด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศ ลงนามเมื่อวันท่ี
20 พฤษภาคม 2547

5) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการศึกษาระหว่างไทยกับบรูไน ลงนามเมื่อวันท่ี
19 ตุลาคม 2552

6) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการลงทุนระหว่างกองทุนบำเหน็จบำนาญ
ข้าราชการกับ Brunei Investment Agency ลงนามเมื่อวนั ที่ 27 สิงหาคม
2545

7) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลบรูไน และ บริษัท
เจยี เม้ง จำกัด ลงนามเม่ือวนั ที่ 27 สิงหาคม 2545

8) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการลงทุนระหว่าง Brunei Investment Agency
และ the Biz Dimension Co. Ltd.ลงนามเม่ือวันที่ 27สงิ หาคม 2545

9) พิธีสารว่าด้วยการเปิดเสรีด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศ ลงนามเมื่อวันท่ี
20 พฤษภาคม 2547

10) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการศกึ ษาระหวา่ งไทยกับบรูไนฯ ลงนามเมื่อวันท่ี
19 ตุลาคม 2552

11) บนั ทึกความเข้าใจว่าดว้ ยความร่วมมือด้านสาธารณสขุ ระหว่างไทยกับบรูไน
ลงนามเมอ่ื วนั ท่ี 29 มีนาคม 2553

12) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรไทย-บรูไนฯ ลงนาม
เมอื่ วันที่ 25 มนี าคม 2558

13) หนังสือแลกเปล่ียนระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลบรูไนฯ ว่าด้วยการยกเวน้
การตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ มีผลบังคับใช้
ตัง้ แตว่ ันที่ 16 เมษายน 2558

2.2 ความสัมพนั ธก์ บั กลุม่ อาเซยี น
สำหรับความสัมพันธ์กับประเทศในอาเซียนบรูไนฯมีความสัมพันธ์อันดีกับสิงคโปร์

อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับสิงคโปร์ บูรไนมีความสัมพันธ์เป็นกรณ
พิเศษ ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นายลี กวนยู กับสุลต่านฮัส
ซานัล โบเกียห์ มคี วามสมั พันธ์แน่นมาก บูรไนเปน็ ตลาดสำคัญของสิงคโปร์ในขณะที่ราชวงศ์
ของสุลต่านแห่งบูรไนก็ไปลงทนุ ธุรกิจท่ีดินในสิงคโปร์ ระบบการเงนิ ของบูรไนและสิงคโปรผูก
พันกัน และสามารถใช้เงินสกุลใดสกุลหนึ่งในการติดต่อธุรกิจได้เพราะมีราคาเท่ากัน
นอกจากนน้ั บรู ไนกับสิงคโปรยังมีข้อตกลงในการอบรมทหาร

ส่วนอินโดนีเซีย สุลต่านฮัสซานัล โบเกียห์ มีความสนิทสนมกบั อดีตประธานาธิบดซี ู
ฮาร์โต และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินโดนีเซียหลายคน และทั้งสองประเทศประชากรส่วน
ใหญ่นับถือศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติเหมือนกัน มีภาษาวัฒนธรรมคล้ายคลึงกัน

21

จึงมีความไว้ใจกันและกัน รัฐบาลบูรไนยังให้ทุนการศึกษาแก่ชาวอินโดนีเซียเพื่อไปศึกษาใน
ประเทศบูรไน นอกจากนั้น ความช่วยเหลือของบูรไนที่มีต่ออินโดนีเซียจะออกมาในรูปแบบ
ของการให้กู้ยืมเงิน เพื่อให้อินโดนีเซียไปใช้ในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม และการก่อสร้าง
โดยไม่คิดดอกเบี้ย ในขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินโดนีเซียหลายคนเข้าไปช่วยทำงานใน
รัฐบาลบูรไนโดยเฉพาะในกระทรวงศาสนา บูรไนและอินโดนีเซียมีข้อตกลงร่วมกันในการ
ทำนบุ ำรุงศาสนาอิสลาม และเผยแพร่ความรู้ทางด้านศาสนาอสิ ลามร่วมกนั

สำหรับตวามสัมพันธ์กับประเทศมาเลเซียนั้น นับว่ามีที่แนบแน่นมาตั้งแต่สมัย
ประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ในช่วงหนึ่งมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ความสัมพันธ์อันแนบ
แน่นถกู มองไปในทางทห่ี วาดระแวงมากขึ้น สาเหตมุ าจากการเมืองของมาเลเซยี เอง โดยท่ีบูร
ไนเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของรัฐบาลมาเลเซียที่เข้าไป เกี่ยวกับการเมืองของรัฐซาบาห์
หลังจากการเลือกต้ังในปี1996 อย่างไมค่ ่อยสบายใจมากยิง่ นกั และมีเหตุการณ์ที่ส่อเค้าว่าบูร
ไนเข้าไปแทรกแซงการเมืองภายในระฐซาบาห์ แต่สุลต่านฮัสซานัล โบเกียห์ ได้ปฏิเสธเป็น
ทางการแล้วว่ามไิ ดพ้ ระราชทานทรพั ยเ์ พ่ือสนับสนุนฝา่ ยค้านในซาบาห์แต่อย่างใด

ในยามวิกฤตทางเศรษฐกิจ ประเทศบูรไนซึ่งเป็นประเทศที่ร่ำรวยประเทศหนึ่งใน
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความมั่งคั่งและมั่นคง จึงได้แสดงความเป็นมิตรด้วยการช่วยเหลือ
ด้านการเงนิ แก่ประเทศทีป่ ระสบปญั หา เช่น อินโดนเี ซียและมาเลเซยี แม้แตป่ ระเทศบอสเนีย
เฮอรเ์ ซโกวีนา สลุ ตา่ นกย็ งั มอบเงนิ ชว่ ยเหลือเชน่ เดียวกนั
2.3 ความสมั พันธก์ บั รฐั อสิ ลาม

1. ซาอดุ อิ าระเบยี
นอกจากความสัมพันธ์กับประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้ว บรูในยังให้

ความสำคัญแก่ประเทศมสุ ลิมในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะประเทศท่ีมีการปกครอง
อย่างเดยี วกัน เช่น ซาอุดีอาระเบีย จอรแ์ ดน ดเู วต มอรอคโค เปน็ ต้น

ในเดอื นมกราคม ค.ศ.1999 องคส์ ุลตา่ นซานลั โบลเกียห์และพระบรมวงศา
นุวงศห์ ลายพระองค์ได้เสดจ็ เยือนซาอุดีอาระเบียอยา่ งเป็นทางการ พระองค์ได้เสด็จ
เยือนกษัตริย์ฟฮัด แห่งซาอุดีอาระเบียที่กรุงริยาคห์ ต่อมาก็เยือนเมืองมะดีนะฮ์เจ็ด
ดาห์และมักกะฮ์ พระองค์เคยเสด็จไปทำฮัจญ์ ณ นครมักกะฮ์นี้หลายครั้ง ซึ่งแสดง
ใหเ้ ห็นถงึ ความเคร่งครัดในศาสนา การเยอื นกษัตรยิ ์ฟาฮัดเป็นการสร้างสัมพันธ์ภาพ
ของพน่ี ้องมุสลมิ ให้สนทิ แน่นแฟ้นยิ่งข้นึ
2. จอร์แดน

ความสัมพันธ์กับรัฐอิสลาม จอร์แคน บรูในกับจอร์แคนมีความสัมพันธ์ที่ดี
ต่อกันในฐานะที่เป็นรัฐอิสลามเหมือนกัน ในช่วงวิกฤติการณ์อ่าวเปอร์เซีย บรูในได้
ให้การ สนับสนุนแก่ประเทศจอร์แคนเป็นจำนวนหนึ่ง 250,000 เหรียญสหรัฐ
เพือ่ ใหจ้ อรแ์ ดนนำไปใชใ้ นการแก้ปัญหาผู้ลภ้ี ยั ในสงครามอา่ วเปอรเ์ ชยี

นอกจากนี้ทั้งสองประเทศยังมีแผนการที่จะแลกเปลี่ยนโครงการและ
วัฒนธรรมที่เกี่ยวพันกับเรื่องของศาสนาอิสลามอีกประการหน่ึงด้วย อาทิเช่น การ
จัดประชุมสัมมนาร่วมกัน การแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์

22

ศาสนา ตลอดจนการแลกเปลี่ยนผูเ้ ชี่ยวชาญ ต่อมากษัตริยอ์ ับคลุ ลาะห์ กษัตริย์องค์
ใหม่กไ็ ดเ้ สด็จเยือนบรูไนเพ่ือสร้างสมั พันธภาพอนั ดกี บั บรูใน
3.องคก์ รอสิ ลาม OIC (Orgunizution of Islamic Conference)

องค์กรนีก้ อ่ ตั้งขึน้ เมอื่ ปี1970 โดยมีจดุ มงุ่ หมายเพ่อื การรวมเปน็ อันหนึ่งของ
รัฐอิสลาม และมีการประสานงานร่วมกันภายใต้กรอบงานด้านเศรษฐกิจ สังคม
วัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ นอกจากจะส่งเสริมกิจกรรมภายในประเทศสมาชิกแล้ว
องค์กร OIC ยังสนับสนุนงานสันติภาพ ความยุติธรรมและความปลอดภัยของ
มนษุ ยชาตใิ นโลกนีด้ ้วย

บรู ไนเป็นประเทศสมาชกิ ประเทศหนึ่งขององคก์ รน้ี โดยเขา้ รว่ มเป็นสมาชิก
ในปี 1984 และเปน็ สมาชิกทม่ี ีประสิทธภิ าพ ร่วมงานกับองค์กรอย่างใกล้ชิด ผลงาน
ของ OIC คือ การจัดตั้งมหาวิทยาลัย 4 แห่ง โครงการต่าง ๆ ทางด้านการศึกษา
ศาสนาอสิ ลาม การกำหนดปฏทิ ินHijri ซง่ึ เป็นปฏิทนิ สากลของชาวอสิ ลาม

บูรไนได้รับเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสัมมนาในหัวข้อชื่อ “Islamic
Civiliztion in the Malay World” ที่เมืองบันดาร์เสรีเบกาวัน เมื่อเดือนมิถุนายน
1989

นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศโอมาน คูเวตและอียิปต์ เปิด
ความสัมพันธ์กับอีหร่าน โดยการเสด็จเยือนอิหร่านและพระองค์สุลต่านฮัจญีฮัส
ซานัล โบลเกียห์ ทรงแถลงถึงจุดประสงค์ในการเสด็จเยือนอิหร่านว่าเพื่อขยาย
ความสัมพันธ์ระหว่างบูรไนกับอิหร่านให้กว้างขวางในทุก ๆ ด้าน และเสร็จสิ้น
ภารกจิ ในการเยี่ยมเยียนโดยการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างสองประเทศใน
ความร่วมมือทางด้านศาสนา การรว่ มลงทนุ การแลกเปล่ยี นทางด้านวัฒนธรรมและ
การศกึ ษา
2.4 ความสมั พันธก์ ับมหาอำนาจและประเทศอื่น ๆ บางประเทศ
1.อังกฤษ

บรู ไนมีความสมั พนั ธท์ ่ีแนบแน่นกับสหราชอาณาจักรมาต้ังแต่สมยั อังฤษเข้า
ครอบครองบูรไน และแม้ปัจจุบันประเทศบูรไนจะประกาศตนเป็นเอกราชแล้ว แต่
ในด้านการทหารและการป้องกนั ประเทศ บรู ไนยงั คงใหค้ วามเชื่อถอื ประเทศอังกฤษ
ในด้านอาวุธและการฝึกอบรมทหาร และอังกฤษยังให้ทหารกรุ ข่าประจำอยู่ในบูรไน
เพ่ือพทิ ักษ์สลุ ตา่ นและดแู ลน้ำมันท่ซี เี รีย
2. สหรฐั อเมริกา

ความสัมพันธ์ระหว่างบูรไนกับประเทศสหรัฐอเมริกาไม่ค่อยจะแนบแน่น
เหมือนกบั ประเทศองั กฤษ ท้งั ๆ ทส่ี หรฐั อเมริกาเองก็พยายามชักชวนบูรไนอนุญาต
ให้สหรฐั อเมรกิ าขยายฐานทพั ของตนในเอเชีย-แปซิฟิก ซงึ่ นกั การฑตู ตะวันตกเตยให้
ข้อสังเกตว่าบูรไนไม่เคยแสดงตัวอย่างเด่นชัดว่าสนับสนุนให้อเมริกายังคงมีอิทธิพล
ด้านการทหารในภูมิภาคแห่งนี้หรือไม่ และเท่าที่ผ่านมาบูรไนไม่ค่อยจะเห็นด้วยใน
การคงไวซ้ งึ่ ฐานทัพของเหล่ามหาอำนาจในภูมิภาค

23

3.ญป่ี ุน่
เป็นประเทศคู่ค้าทีส่ ำคญั ของบูรไน โดยเฉพาะในเรือ่ งสินคา้ ดา้ นนำ้ มนั และ

แก๊สธรรมชาติ บูรไนส่งออกสินค้าน้ำมันและแก๊สธรรมชาติประมาณปีละ 65% ใน
จำนวนนี้ญี่ปุ่นรับซื้อไปประมาณ 2 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมด โดยบริษัทเดียวคือ
Tokyo Electric Power Company ซึ่งทำสัญญาซื้อขายกับรัฐบาลบูรไนมาตั้งแต่
ปี1972 โดยทำสัญญาระยะยาวเป็นเวลา 20 ปี และสญั ญาฉบับแรกนี้หมดอายุในปี
1992 ซึ่งทางบริษัท Tokyo Electric Power Company ก็ได้แสดงเจตจำนงที่จะ
ซื้อขายตอ่ ไปอกี 20 ปี ซึง่ กไ็ ดร้ บั การตอบแทนจากรัฐบาลบรู ไนแลว้

3.ระบบเศรษฐกจิ

ประเทศบรูไนเป็นประเทศที่ร่ำรวยไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำ
รายได้มาสู่ประเทศเป็นอันดับหนึ่ง แต่รัฐบาลบรูไนก็เริ่มตระหนักว่าประเทศชาติจะพึ่งพิงรายได้จาก
ทรัพยากรทั้งสองอย่างเทา่ น้ีไม่ได้เสียแลว้ แต่ควรหันมาให้ความสนใจกับทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ท่ี
ยงั คงมมี ากมายเช่น ป่าไม้ แร่ธาตุ สัตว์นำ้ และพ้ืนท่อี นั อดุ มสมบรูณ์เหมาะแก่การเกษตร เพ่อื เป็นการ
เร่งรัดการพัฒนารูปแบบของการลงทุน สุลต่านบรูไนได้ทรงตั้งกระทรวงขึ้นมาใหม่คือกระทรวง
อุตสาหกรรมและทรพั ยากรธรรมชาติ เพ่ือทำหนา้ ท่ีดแู ลวางแผนและดำเนนิ งานดา้ นอุตสาหกรรมและ
การลงทุนโดยเฉพาะ โครงการอุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนและเร่งรัดส่งเสริมเป็นพิเศษ ได้แก่
อตุ สาหกรรมขนาดเล็ก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่สัมพนั ธก์ ับภาคเกษตร ป่าไม้ และการประมง

การดำเนินการช่วงแรกนั้น รัฐบาลมุ่งสนับสนุนโรงงานและอุตสาหกรรมขนาดเล็กในภูมิภาค
ที่สามารถป้อนผลผลิตให้กับผู้บริโภคในท้องถิ่นก่อนเป็นอันดับแรกแล้วจึงขยายไปสู่การผลิตเพื่อการ
ส่งออกในระยะยาว รัฐบาลได้ตั้งความหวังว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้จะเป็นแหล่งที่เข้ามาแทนที่
อุตสาหกรรมน้ำมันทีอ่ าจหมดไปในอนาคต โดยที่ประชาชนยังมหี ลกั ประกันว่าจะมีงานทำ บรูไนเป็น
ประเทศทีม่ ่ังคั่งด้วยทรัพยากร ขณะนี้ยงั มปี ระชากรน้อยมาก แต่บรูไนกไ็ ม่ได้หวงั พ่ึงพารายได้จากการ
ขายน้ำมันเพียงอย่างเดียว ได้พยายามที่จะพัฒนาประเทศให้พึ่งพาตัวเองได้ อย่างไรก็ตามบรูไนเป็น
ประเทศที่มีค่าครองชีพสูงมากแห่งหนึ่งของโลก แต่รัฐบาลได้ให้สวัสดิการอย่างดีเลิศแก่ประชาชน
อาทิ ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ค่ารักษาพยาบาลฟรี การศึกษา รัฐให้เล่าเรียนจนถึงระดับชั้น
มัธยมศึกษา นอกจากนย้ี ังมสี วัสดิการแกข่ า้ ราชการของรัฐ อุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ คอื น้ำมัน
ส่วนพืชเกษตรทีส่ ำคญั ได้แก่ ข้าว กลว้ ย

3.1ยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลบรูไนมีความต้องการที่จะสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้แก่
ประชากรและขยายโอกาสทางธุรกิจภายในประเทศบรูไนโดยการส่งเสริมการลงทุนทั งในประเทศ
และต่างประเทศ ท้ังด้านอุตสาหกรรมน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติและ กลุ่มเศรษฐกิจนอกเหนือจาก
อุตสาหกรรมน น้ำมันและก๊าซ รวมถึงมีความพยายามที่จะส่งเสริมให้ประเทศบรูไน เป็นจุดหมาย
ปลายทางการลงทุน โดยมุ่งเน้นไปที่การลงทุนเกี่ยวกับห้าสาขาธุรกิจที่สำคัญ ได้แก่ ธุรกิจฮาลาล
ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ธุรกิจบริการการท่องเที่ยว และธุรกิจน น้ำมัน
และก๊าซ ข้ันปลาย นอกจากน้ี ยังมีจุดมุ่งหมายในการเร่งการเติบโตและกระจายเศรษฐกิจของบรูไน
ดว้ ยการดงึ ดดู การ ลงทนุ โดยตรงจากต่างประเทศ

24

3.2อตุ สาหกรรม
บรูไนมีอุตสาหกรรมอื่น นอกเหนือจากอุตสาหกรรมน้ำมันอยู่บ้าง อาทิ การผลิต

อาหาร และเครื่องมือเครื่องใช้ การผลิตเสื้อผ้า เพื่อส่งออกไปยังกลุ่มประเทศในยุโรป และ
อเมริกา ทั้งนี้ รัฐบาลบรูไน มุ่งที่จะพัฒนาอุตสาหกรรม ด้านการแปรรูปอาหารและผลิต
เครอ่ื งด่มื เสือ้ ผ้า และสงิ่ ทอ เครอื่ งเรือนจากไม้ วสั ดกุ ่อสร้างทไี่ มใ่ ชโ่ ลหะ การผลติ แก้วเพ่ือใช้
ทำกระจกรถยนต์ อย่างไรก็ดี บรูไนยังคงประสบกับอุปสรรคต่าง ๆ ในการพัฒนา
อุตสาหกรรม อาทิ การขาดแคลนช่างฝีมือ และตลาดภายในประเทศที่มีขนาดเล็ก ประกอบ
กบั บรูไนไมม่ ีแรงงานในประเทศเพียงพอ และต้องอาศยั แรงงานจากต่างประเทศเปน็ หลัก
อาชีพของคนบรไู น

ประชากรสว่ นใหญไ่ ด้รับการจ้างงานจากรัฐบาล ส่วนท่เี หลือจะประกอบอาชีพอิสระ
เช่น การเพาะปลกู ประมง การผลิตอาหาร เครื่องอุปโภคและบรโิ ภคในโรงงานขนาดเล็ก
3.3 ธรุ กจิ ด้านอาหาร

- บรูไนฯ ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารฮาลาลรายใหญ่ของโลก
รวมทง้ั สรา้ งแบรนด์อาหารฮาลาลของประเทศ นอกจากนี้ ประชากรบรไู นฯ ร้อยละ
66 นบั ถือศาสนาอสิ ลามสง่ ผลให้มตี ลาดอาหารฮาลาลในประเทศขนาดใหญ่

- รัฐบาลบรูไนฯ ส่งเสริมการลงทุนในภาคเกษตรกรรม เนื่องจากปริมาณผลผลิตใน
ประเทศไม่เพียงพอกับการบริโภค โดยเฉพาะการปลูกข้าว บรูไนฯ ตั้งเป้าเพ่ิม
ผลผลติ ขา้ วใหไ้ ด้ร้อยละ 60 ของการบริโภคในประเทศภายในปี 2558

3.4 ธรุ กิจยาและเภสชั กรรม
- บรูไนฯ ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมยาและ
เภสชั กรรมของภูมิภาค
- บรูไนฯ เร่มิ กำหนดแนวทางและมาตรฐานด้านฮาลาลในอุตสาหกรรมยา ท้งั น้ี เม่ือปี
2553 บรูไนฯ ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งโรงงานผลิตยามาตรฐานฮาลาลแห่ง
แรกของประเทศในเขตอุตสาหกรรม Lambak Kanan East Industrial Site

3.5 ธุรกิจปิโตรเคมี
บรูไนฯ ได้ร่วมทุนกับนักลงทุนชาวญี่ปุ่นจัดตั้งโรงงานผลิตเมทานอลซึ่งมีกำลังการ

ผลติ 850,000 ตนั ตอ่ ปี และเร่ิมดำเนินการผลิตเชงิ พาณิชยค์ ร้งั แรกในเดอื นพฤษภาคม 2553
การจัดตั้งโรงงานดังกล่าวนับเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ
ธรรมชาตซิ ่ึงเป็นอุตสาหกรรมท่มี ศี กั ยภาพสูงในบรูไนฯ
3.6 ธรุ กจิ เทคโนโลยีสารสนเทศ

บรูไนฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นลำดับต้นๆ และตั้ง
เป้าเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศในภูมิภาค

25

ภาพที่ 10 อุตสาหกรรมนำ้ มนั และกา๊ ซธรรมชาติ
ทม่ี า: http://thairealestate.org

3.7สนิ คา้ ส่งออก
บรูไนจัดอยู่ในประเทศที่ร่ำรวยเป็นผู้ส่งออกนำ้มันติด อันดับ 3 ของโลก สินค้า

ส่งออกหลักที่สำคัญของบรูไน คือ น้ำมันดิบ ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติเมทิลแอลกอฮอล์โดย
ส่งออกไปยัง ญ่ปี นุ่ องั กฤษ ไทย สิงคโปร์ ไตห้ วัน สหรฐั ฯ ฟิลปิ ปินส์ และเกาหลใี ต้ ประชากร
ของ บรูไนส่วนใหญ่เป็น คนมาเลเซียและคนจีน ส่วนหนึ่ง 75% ของประชากรมีอาชีพรับ
ราชการ 25% ทำงานเอกชนและการค้า บรไู นมีอุตสาหกรรมอื่น นอกเหนือจากอตุ สาหกรรม
น้ำมันอยู่บ้าง อาทิ การผลิตอาหาร และเครื่องมือเคร่ืองใช้ การผลิตเสื้อผ้า เพื่อส่งออกไปยัง
กลมุ่ ประเทศในยุโรป และอเมริกา

ภาพท1ี่ 1 บ่อนำ้ มันและก๊าซธรรมชาติ
ที่มา: https://www.energynewscenter.com
3.8 สนิ คา้ นำเขา้ สำคญั
เครื่องจักรกลและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ยานยนต์สินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ ส่วนท่ี
เหลือเป็นอาหารสัตว์มีชีวิต เครื่องใช้เบ็ดเตล็ดและผลิตภัณฑ์เคมีโดยในปีพ.ศ. 2553 (ค.ศ.
2010) มมี ูลคา่ การนำเข้าสนิ คา้ อยูท่ ี่ 3,349.3 ลา้ นดอลลารบ์ รูไน
ด้านการค้ากับไทยในปีพ.ศ.2555การค้ารวมมีมูลค่า 632.89ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ
(19,658.37ลา้ นบาท) ไทยสง่ ออกไปบรูไนมูลคา่ 190.75 ลา้ นดอลลารส์ หรฐั (5,894.85 ล้าน
บาท) และนำเข้าจากบรูไน 442.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(13,763.52ล้านบาท) โดยไทยเป็น
ฝ่ายขาดดุลการค้า 251.4ล้านดอลลาร์สหรัฐ(7,868.66ล้านบาท)สินค้าที่ส่งออกไปบรูไน
ได้แก่ ข้าว น้ำตาล หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์เซรามิก

26

ผลิตภัณฑ์ยางกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ เป็นต้น สินค้านำเข้าจากบรูไน ได้แก่
น้ำมันดิบ สินคา้ เหลก็ เหลก็ กลา้ และ ผลติ ภณั ฑ์

ภาพท1่ี 2 อุตสาหกรรมทน่ี ำเข้า ชิ้นส่วนรถยนต์
ที่มา: https://www.thaifranchisecenter.com

ด้านการลงทุนมีหน่วยงานการลงทุนบรูไน (Brunei Investment Agency-BIA)
ร่วมกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จัดตั้ง กองทุนร่วมลงทุน (Matching
Fund) ในชื่อกองทุนไทยทวีทุน 1 มลู ค่า ประมาณ 90 ลา้ นดอลลาร์สหรัฐ ในปีพ.ศ. 2546 มี
อายุกองทุน 8 ปี ทั้งนี้กองทุนไทยทวีทุน 1 ได้หมดอายุลงเมื่อปีพ.ศ. 2551 และเมื่อวัน ที่11
สิงหาคม พ.ศ.2551กบข.และBIA จึงได้จัดตั้งกองทุนไทยทวีทุน 2 มูลค่าประมาณ 76 ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ มีอายุกองทุน 10 ปีนอกจาก นี้ยังมีการลงทุนภายใต้BOI จำนวน 1 โครงการ
คือ โครงการเอเพ็กซ์ เซอร์คิต(ไทยแลนด์)จำกัดซึ่งเปน็ ธุรกิจจัดจำหน่ายแผงวงจรไฟฟ้า ส่วน
ไทยไปรว่ มทุนทำดา้ นก่อสร้าง ออกแบบ และรา้ นอาหาร ฯลฯ

ด้านการค้ารวม บรูไนเป็นคู่ค้าอันดับท่ี 9 ของไทยในอาเซียน และ เป็นคู่ค้าอันดับ
ที่52 ของไทยในโลก ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2552 -2556) มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 413.68
ล้านดอลลา่ ร์สหรัฐ โดยในปีพ.ศ. 2556 การค้ารวมไทย-บรูไน มีมูลค่า 712.75 ล้านดอลลา่ ร์
สหรัฐ เพิ่ม ขึ้นร้อยละ 12.62 โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ามูลค่า 380.34 ล้าน ดอลล่าร์
สหรฐั

ตารางท1ี่ การค้ารวม

27

ด้านการส่งออก บรูไนเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 9 ของไทยใน อาเซียน และเป็น
ตลาดสง่ ออกอันดับที่75ของไทยในโลกในระยะ 5 ปี ท่ผี ่านมา (พ.ศ.2552–2556)การส่งออก
ของไทยไปบรูไนมีมูลค่าเฉล่ีย ปีละ 148.01ลา้ นดอลล่าร์สหรัฐ โดยในปีพ.ศ. 2556 ไทยมีการ
ส่งออก ไปยังบรูไนมูลค่า 166.20 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ สินค้าส่งออกของไทยที่ สำคัญ 10
อันดับแรกได้แก่รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าวเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์
เครื่องจกั รกลและสว่ นประกอบ ปนู ซเี มนต์ หมอ้ แปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง
เครอ่ื งนุ่งห่ม เครอ่ื ง ปรับอากาศและสว่ นประกอบ อาหารสัตวเ์ ล้ยี ง

ตารางท2ี่ การสง่ ออก

ด้านการนำเข้า บรูไนเป็นตลาดนำเข้าอันดับท่ี8ของไทยในอาเซียน และเป็นตลาด
นำเข้าอันดับที่ 41 ของไทยในโลก ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2552-2556) การนำเข้าของ
ไทยจากบรูไนมีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 265.68 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยในปีพ.ศ. 2556 ไทยมีการ
นำเข้าจาก บรูไนมูลค่า 546.55ล้านดอลล่าร์สหรัฐเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ23.61 สินค้า
นำเข้าที่สำคัญของไทย 10 อันดับแรก ได้แก่ น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและ
ผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์โลหะ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป สัตว์และ
ผลติ ภณั ฑจ์ ากสตั วส์ นิ แร่โลหะ อ่ืนๆ เศษโลหะและผลิตภณั ฑ์ เคร่อื งจกั รกลและส่วนประกอบ
เย่อื กระดาษและเศษกระดาษ และสว่ นประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์

28

ตารางท3่ี การนำเขา้

4.การเมืองการปกครองและระบบกฎหมาย

4.1การเมืองการปกครอง
ประเทศบรูไนในอดีตเป็นเพียงแค่รัฐเล็กๆ ที่มีอิสระในการปกครองตนเอง แต่เพ่ือ

ความอยู่รอด บรูไนต้องยอมอยูใ่ ตก้ ารอารักขาของอังกฤษจนสามารถสรา้ งความเข้มแข็งทาง
เศรษฐกิจ และบรูไนก็ยังคงรักษาสถานภาพทางการเมืองไว้ได้เป็นอย่างดี เพราะผู้ปกครอง
หรือสุลต่านของบรไู นพยายามหลกี เลีย่ งไมย่ ุ่งเก่ยี วกับความขดั แย้งของรฐั ต่าง ๆ

ภาพท1่ี 3 รัฐสภาแหง่ บรูไน
ทีม่ า: https://www.parliament.go.th

29

ปัจจุบันประเทศบรูไนยังคงเป็นประเทศที่มีการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ซึ่งเป็นประเทศเดียวในประชาคมอาเซียนที่ปกครองด้วยระบบสุลต่าน โดยองค์สุลต่าน
(Sultan) จะมีอำนาจเด็ดขาดเพียงผู้เดียว มีฐานะเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี (Yang Di-
Pertuan Negara) และเป็นประมุขสูงสุดของประเทศ (Head of State) สุลต่าน จะทรง
ดำรงตำแหนง่ นายกรัฐมนตรี เปน็ หัวหนา้ คณะในการบริหารประเทศ นอกจากนัน้ พระองค์ยัง
ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและการคลัง โดยองค์สุลต่านจะมีอัครเสนาบดีเป็น
ผู้ช่วย ซึ่งพระองค์จะเป็นผู้แต่งตั้ง ลักษณะเด่นของความเป็นอธิปไตยของสุลต่านบรูไน คือ
ความเป็นเอกภาพและภราดรภาพของประชาราษฎร์ ประชาชนจะเคารพต่อสุลต่านผู้ทรงมี
ความยุติธรรม ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของอิสลามที่เคารพเชื่อฟังผู้นำ (Ululamri) การ
ปกครองของประเทศบรูไนเป็นการปกครองในรูปแบบรัฐเดี่ยวแต่เป็นรัฐเดี่ยวแบบรวมศูนย์
อำนาจ (Centralization) ในด้านการบริหารราชการแผ่นดิน บรูไนไม่มีการกระจายอำนาจ
ทางการเมืองไปยังหน่วยการปกครองในระดับล่าง การบริหารราชการแผ่นดินจึงเป็นการส่ัง
การตามสายบังคับบัญชา หรือเป็นลำดับชั้นจากสุลต่านและสมเด็จพระราชาธิบดีลงมาที่
กระทรวง (Ministry) หรือหน่วยงานของรัฐ (Depart-ment) ต่อไปยังเขตการปกครอง
( Daerah/District) แ ล ะ ต ่ อ ไ ป ย ั ง ต ำ บ ล ( Mukim/Ward/Sub-district) แ ล ะ ห ม ู ่ บ ้ าน
(Kampung/Village) ซึ่งเป็นหน่วยการปกครองระดับล่างสุด และเมื่อหมู่บ้านต้องการ
ดำเนินการใดก็จะเสนอเรื่องไปยังตำบล ซึ่งจะส่งต่อไปยังเขตการปกครอง การที่บรูไนเป็น
ประเทศขนาดเล็ก ประชากรมีประมาณ 400,000 คนทำให้รัฐบาลสามารถดำเนินการ
ใหบ้ รกิ ารสาธารณะต่างๆ แก่ประชาชนได้โดยตรง มีเพียงไม่กี่รายการทร่ี ัฐบาลต้องส่งต่อการ
ดำเนินการไปยังตำบล(Mukim) และหมู่บ้าน (Kampung) เช่น การจ่ายเงินสวัสดิการแก่
ประชาชน การศาสนา การกีฬา หรือการรวมชาวบ้านพัฒนาหมู่บ้าน แต่การศึกษา การ
สาธารณสุข การคมนาคมขนส่ง การพฒั นาเศรษฐกิจ ฯลฯ

ภาพท1่ี 4 แผนท่ีเขตปกครองของบรูไน
ทีม่ า: http://www.thaifranchisecenter.com
ดำเนินการโดยกระทรวงหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้โดยตรง บุคลากรของรัฐมี
ประมาณ 50,000 คน เกือบทง้ั หมดนี้อยู่ทสี่ ว่ นกลางหรือรัฐบาลสว่ นงบประมาณก็ดำเนินการ

30

โดยส่วนกลางหรือรัฐบาล งบประมาณรายจ่ายของประเทศในปี พ.ศ. 2554-2555 (ค.ศ.
2011-2012) รัฐบาลตั้งไว้5,130 ล้านดอลล่าร์บรูไน เป็นงบประมาณรายจ่ายของ
กระทรวงมหาดไทยเพียง 1 75 ล้านดอลล่าร์บรูไน ซึ่งเทศบาลตำบล (Mukim) และหมู่บ้าน
(Kampung) จะได้รับจากงบประมาณรายจา่ ยนี้ และท้องถิ่นเอง ก็ไม่มีรายได้เป็นของตนเอง
ด้วย แม้ว่าเทศบาลจะสามารถจัดเก็บรายได้จากภาษีท้องที่และจากบริการสาธารณะ แต่
กฎหมายก็กำหนดให้จัดเก็บได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของงบประมาณรายจ่ายที่เทศบาลได้ตั้งไว้
แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดสายงานการปกครองในประเทศ บรูไนจึงแยกโครงสร้างการ
ปกครองไดด้ ังน้ี
1. เขตการปกครอง (District) หรือ Daerah

ในภาษามาเลย์ เป็นหน่วยงานการปกครองระดับล่างจากกระทรวงแบ่งเป็น 4 เขต
การปกครอง ประกอบด้วย เขตการปกครองบรูไน-มูอารา(Brunei-Muara) เบอไลต์ (Belait)
เต็มบรู ง (Temburong) และตูตง (Tutong)
2. เทศบาล (Municipality)

อยู่ในระดับชั้นเดียวกับเขตการปกครอง (Daerah/District) เป็นหน่วยการปกครอง
ทอ้ งถิ่นท่ีเป็นเมืองหรอื ชมุ ชนเมอื ง การบรหิ ารงานข้ึนต่อกระทรวงมหาดไทย
3. ตำบล (Mukim/Ward)

เป็นหน่วยการปกครองระดับล่างต่อจากเขตการปกครอง มีกำนันในภาษามาเลย์
เรียกว่า Penghulu Mukim เปน็ ผู้นำ
4. หมบู่ า้ น (Kampung/Nillage)

เป็นหน่วยการปกครองระดับล่างสุด ในภาษามาเลย์เรียกว่า Kampung หรือ
Village ในภาษาองั กฤษ และผู้ใหญบ่ า้ นในภาษามาเลย์ เรยี กว่า Ketua Kampung

โดยสรุปโครงสรา้ งการปกครอง ดงั ภาพดา้ นล่างนี้

ภาพท1ี่ 5 แผนผงั โครงสรา้ งการปกครอง
ที่มา: http://www.kpi.ac.th

31

ปรัชญาในการปกครองประเทศ
ปรัชญาการปกครองประเทศที่เรียกว่า MIB: Melayu Islam Berajaหรือ มลายู

อิสลามพระมหากษัตริย์10 เป็นแนวความคิดพื้นฐานของบรูไนนับ ตั้งแต่การเกิดขึ้นของ
ระบบสุลต่านในนครรัฐประมาณศตวรรษท่ี 14 และได้นำมาเกี่ยวพันกับหลักกฎหมายของ
ประเทศภายใต้กฎหมายรฐั ธรรมนูญคร้งั แรกท่ีได้มีการร่างขึ้นในปี 1959 โดยการเช่ือมโยงไป
ถึงภาษามาเลย์ที่ประกาศให้เป็นภาษาประจำชาติ ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ และ
การปกครองในระบบสุลต่านนับเป็นแนวทางการปกครองที่สำคัญที่สุดใช้ในการบริหารการ
จัดการของรัฐ แนวความคิดพื้นฐานเหล่านี้ได้มีการดำเนินการเรื่อยมาจนกระทั่ง ประเทศ
ได้รับอิสรภาพจากอาณานิคม ในปี 1984 และสุลต่านได้ประกาศว่าประเทศบรูไนั้นคือ
Negara Melayu Islam Beraja (a Malay Islamic Monarchi-cal State) (เ ม ื อ ง แ ห่ ง
วัฒนธรรมมลายูภายใต้ศาสนาอิสลามโดยมีองค์สุลต่านเป็นผู้ปกครองสูงสุดแห่งรัฐ ) ซ่ึง
องค์ประกอบต่าง ๆ ภายใต้แนวความคิดที่ให้ความสำคัญ กับคุณค่าทางด้านวิถีวัฒนธรรม
มลายู ที่มีศาสนาอิสลามเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของพลเมืองและมีระบอบการ
ปกครองของประเทศนนั้ ภายใตร้ ะบบราชาธปิ ไตยโดยมสี ุลตา่ นเปน็ ประมขุ สงู สุด

ปรัชญาการปกครอง MIB ถูกนำมาเป็นวิถีท่ีต้องมีการกลา่ วถึง ในหลาย ๆ วาระ ดัง
พระราชดำรัสขององค์สุลตาน"ข้าพเจ้าขอขอบคุณอัลลอฮ์ ที่ได้กำหนดให้ประเทศบรูไนดา
รุสสลามเป็นประเทศอิสลามตั้งแต่ศตวรรษท่ี 14 ด้วยเหตุผลดังกล่าว บทบาทของศาสนา
อิสลามนั้นได้เข้ามามีความสำคัญกับวิถีชีวิตของพวกเราจนถึงปัจจุบันผ่านการพยายามของ
สุลต่านคนแรกของเราในประเทศน้ี และนี่คือความตั้งใจของข้าพเจ้าในการที่จะสนับสนุนให้
รัฐบาลของข้าพเจ้าเพื่อใช้แนวทางอิสลามในการดำเนินการด้วยแนวทางของอะลิ สุน
นะวัลญามาอะฮ์ (Ahli Sun-nah Wal Jamaah) กลุ่มผู้ศรัทธาที่เจริญรอยตามแนวทางของ
ท่านศาสดานบีมุฮัมหมัด) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และเป็นพ้ืนฐานในการ
บรหิ ารกิจการงานของรฐั บาลภายใต้กิจการของรัฐ หรือพระบรมราโชวาททว่ี า่ "...เมลด็ พันธ์ุที่
ทรงคุณคา่ ที่ยิ่งใหญ่และสูงส่งคือ รูปแบบของ MIB ซง่ึ ไมเ่ ป็นทส่ี งสัยเก่ียวกับลักษณะใดๆของ
เมลด็ พันธ์ทุ ่ีได้งอกข้นึ ดว้ ยความสมบรู ณ์บนผืนแผ่นดนิ บรูไน เพราะจากคุณลักษณะต่าง ๆ ที่
ปรากฎออกมา แสดงให้เห็นวา่ มันคือเมล็ดพันธ์ุท่ีมีความดั้งเดิมจริงแท้ ซึ่งมีอยู่เรียบรอ้ ยแล้ว
และอัลลอฮฺทรงกำหนดมาเพ่อื ชาวบรไู น..."

จากพระราชดำรัสหรือพระบรมราโชวาทดังกล่าว ต่างสะท้อนถึงความสำคัญของ
MIB ซ่ึงส่อื ถึงความหมายดงั นี้

1. M: Malayu หรือ มลายู ซึ่งคำว่า "มลายู" ยังสามารถตีความถึงความเป็นเป็น
ชาวมลายูของชาวบรูไน ดังนั้นประเทศบรูไนจึงเป็นประเทศของชาวมาลายู มีสุลต่านชาว
มาลายูเป็นผู้ปกครองประเทศ มีวิถีชีวิตตามวัฒนธรรมมลายูที่สืบทอดกันมา จนกลายเป็น
อุดมคตขิ องคนบรไู นจนถึงปจั จบุ นั ซึง่ วถิ แี ห่งคุณค่าวัฒนธรรมทส่ี ำคญั พอสรปุ ได้ดังน้ี

1) วัฒนธรรมมลายูถอื เป็นวัฒนธรรมแหง่ ชาตแิ ละเปน็ วถิ ชี วี ิตท่ที รงคณุ คา่

32

2) ภาษามลายูเป็นความมั่นคงที่แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของความเป็นภาษา
แหง่ ชาติ

3) ศาสนาอิสลามเป็นวิถีที่การปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม
ของมลายต้องยดึ มัน่ ต้งั

4) ราชประเพณีเป็นระบบที่สอดคลอ้ งกับวัฒนธรรมมลายู
2. I:Islam หรือ อิสลาม คำว่า "อิสลาม" ในที่นี้หมายถึง ศาสนาที่อัลลอฮ์ได้
ประทานให้ชาวมลายบรูไนได้ยึดถือเป็นแบบแผนในการดำรงชีวิต ที่อยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์
ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการปกครองประเทศต้องเป็นไปตามหลักการอิสลาม ที่เป็น
แกนสำคัญในการบริหารการปกครองประเทศที่มีสุลต่านเป็นผู้นำ และมีรากฐานบนการ
กระทำความดีที่ก่อใเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ซึ่งคำว่า "อิสลาม" ในบริบทของบรูไนพอสรุป
ได้ดังนี้
1) อิสลามเปน็ ศาสนาท่ีอัลลอฮป์ ระทานให้
2) การกระทำแตค่ วามดีเปน็ วถิ ีการดำเนนิ ชีวิตทีม่ ั่นคง อนั เป็นรากฐานของอิสลาม
3) อิสลามเปน็ ระบบปกครองทีร่ วมพระราชาและประชาชนให้เปน็ หนึ่งเดียว
3. B: Beraja คือ พระราชา หรือพระมหากษัตริย์ และในที่นี้หมายถึงระบบการ
ปกครองที่มีองค์สมเด็จพระราชาธิบดีทรงเป็นประมุข ซึ่งถูกวางรากฐานบนการตีความตาม
แนวของศาสนาอิสลามแบบบรูไนว่าอำนาจการปกครองนั้น เป็นรางวัลแห่งความไว้วางใจ
จากพระเจ้า ให้พระองค์ปกครองประเทศด้วยความยุติธรรมมลายู อิสลาม พระมหากษัตริย์
หรือ MIB เมื่อถูกวางรากฐานทางความคิดแล้ว รวมทั้งเกิดผลในทางปฏิบัติ ซึ่งทำให้เกิ้ด
ประโยชน์ในการปกครองดังน้ี
1. การปกครองที่มีความมั่นคง เสถียรภาพ
2. ทำใหเ้ กิดความเปน็ อันหน่ึงอนั เดียวกันของคนในชาติทเี่ ป็นชาตินิยมมาลายู-บรูไน
เกดิ ความรว่ มมอื ในการทำงานร่วมกัน
3. สามารถป้องกันประเทศจากอริราชศัตรูภายนอกได้ ซึ่งทำให้สามารถรักษาเอก
ราชของชาตไิ ว้ได้
4. การนำกฎหมายอิสลามมาใช้ ทำให้เกดิ ความเปน็ ธรรมในทศั นข์ องชาวมสุ ลมิ
5. การเปิดโอกาสให้ใช้หลักการอิสลามอย่างเปิดกว้าง ในส่วนที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหา
ความม่นั คงของชาติทำใหก้ ารปกครองภายในหรอื การรักษาความสงบภายในทำได้สะดวกง่าย
ขึ้น
4.2ระบบกฎหมาย
ระบบกฎหมายของประเทศบรไู นมรี ากฐานมาจากระบบกฎหมายจารตี ประเพณีของ
ประเทศอังกฤษ (English Common Laws) ระบบการศาลของอังกฤษเป็นระบบอิสระ มี
อำนาจในการตัดสินคดีอย่างเต็มที่แม้ว่าประเทศบรูไนได้รับเอกราชจากอังกฤษแล้วก็ตาม
บรูไนยังคงใช้ระบบกฎหมายของอังกฤษอยู่ แต่สำหรับชาวมุสลิมมีหลายกรณีที่ใช้กฎหมาย

33

อิสลาม (Islamic Shari'a Law หรือ Islsmic Shri'ah Law)แทน และไม่ยอมรับเขตอำนาจ
โดยบังคับของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีอำนาจ
หนา้ ท่ีรบั ผิดชอบดแู ลเกี่ยวกับระบบกฎหมาย ในขณะทีป่ ระธานทป่ี รึกษากฎหมายรัฐธรมนูญ
และกฎหมายอื่นๆ ดำรงตำแหน่งประธานศาลสูงสุด อำนาจในการตัดสินคดีอยู่ที่ศาลสูงสุด
คือ ศาลฎีกา ศาลชน้ั กลางหรือศาลอทุ ธรณ์ และศาลชั้นต้น ดังน้ี

1) ศาลชั้นต้น (Subordinate Court) ซึ่งประกอบด้วย ศาลแขวง(Magistrate
Courts) และศาลเยาวชน (Juvenile Courts) โดยศาลแขวงถูกควบคุมโดยพระราชบัญญัติ
ศาลชนั้ ตน้ (Subordinate CourtsActs) คดีสว่ นใหญถ่ กู พิจารณาในศาลแขวง ซึ่งมีท่ีอย่ใู น 4
เขต คือ บรไู นดารุสซาลาม บันดาร์ เสรี เบกาวัน ควั ลาเบอไลต์ ตตู ง และ เต็มบูรงเขตอำนาจ
ศาลแขวงพิจารณาทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ซึ่งไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นกลางและศาล
ฎีกา ศาลเยาวชนตั้งอยู่ใน 4 เขต ได้แก่ บันดาร์เสรี เบกาวัน ตูตง คัวลาเบอไลต์ และ เต็ม
บูรง โดยศาลเยาวชนจะพิจารณาคดีใน 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ การกระทำความผิดอาญา
โดยเยาวชนอายุไมถ่ ึง 18 ปี เยาวชนซึ่งไม่อยูใ่ นการดแู ลของผ้ปู กครอง และเยาวชนท่ตี ้องการ
การดแู ลและคมุ้ ครองเป็นพเิ ศษ

2) ศาลชั้นกลาง (Intermediate Court) ตั้งโดยพระราชบัญญัติศาลชั้นกลาง
(Intermediate Court Act) ซึ่งรับพิจารณาทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา โดยในคดีอาญาจะรับ
พิจารณาคดีอาญาที่ระวางโทษไม่เกิน 20ปี ศาลชั้นกลางไม่มีอำนาจพิจารณาคดีที่มีโทษ
ประหารชีวิต สำหรับคดีแพ่ง ศาลชั้นกลางสามารถรับพิจารณาคดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน
300,000ดอลล่าร์บูรไน และคดีที่มีการร้องเรียกเงินในจำนวนเงินมากกว่า 15,000ดอลลาร์
บรูไนแต่ไม่เกิน 60,000 ดอลลาร์บรูไน นอกจากนี้ผู้พิพากษาชั้นกลางยังทำหน้าที่เปน็ ผ้ดู ูแล
จัดการ การเข้าสมัครเป็นทนายความ (Advocate)และทนายให้คำปรึกษา (Solicitor)คำ
ตดั สินทีอ่ อกโดยศาลกลางสามารถอุทธรณ์ไปยงั ศาลอทุ ธรณ์ได้

3) ศาลฎีกา (Supreme Court) ซึ่งประกอบด้วย ศาลสูง (HighCourt) และศาล
อุทธรณ์ (Court of Appeal) ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลและผู้พิพากษาของศาลสูงรับพิจารณา
คดีทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา โดยไม่จำกัดเขตอำนาจศาล รวมทั้งรับอุทธรณ์คดีแพ่งและ
คดอี าญาจากศาลแขวงในการพจิ ารณาคดี ศาลอุทธรณ์ไมม่ อี ำนาจในการพิจารณาตัดสินคดีท่ี
มีบทลงโทษประหารชีวิต หรือจำคุกเกินกว่า 20 ปี ทั้งมีหน้าที่รับพิจารณาคดีแพ่งหรือ
คดีอาญาจากศาลชั้นกลาง ซึ่งในกรณีที่ศาลอุทธรณ์เป็นศาลสูงสุดหรือศาลสุดท้ายของการ
ตัดสินคดีทางอาญา องค์คณะศาลต้องประกอบด้วย ประธานหัวหน้าคณะและผู้พิพากษาอกี
สองคน ส่วนคดีทางแพ่งในกรณีที่ทุกฝ่ายยินยอมพร้อมใจสามารถอุทธรณ์ต่อ
คณะกรรมาธิการกฎหมายแห่งคณะองคม์ นตรีในลอนดอน (Privy Council)

นอกจากนี้ ประเทศบรูไนมีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามจึงมีการใช้
กฎหมายอิสลาม ซึ่งขึ้นอยู่กับกรมกฎหมายอิสลาม กรมนี้มีหน่วยงานย่อยอีก 4 หน่วยงาน
คอื

34

1. แผนกมฟุ ตี มมี ุตีเป็นหัวหนา้ สูงสดุ ดา้ นกิจกรรมศาสนาอิสลามเป็นผู้ประกาศตัวชี้
ขาดหรือวินิจฉัยปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมมุสลิมซึ่งปกติแล้วจะมีประเด็นสำคัญๆ ที่ถูก
ถามโดยหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาล มุฟตีเป็นประธานคณะกรรมการศาลและประธาน
คณะกรรมการด้านกฎหมาย (Legal Committee) นอกจากนั้นมุฟตียังดำรงตำแหน่งเป็น
สมาชกิ ของสภาศาสนาอสิ ลามอกี ดว้ ย

2. แผนกหัวหน้าผู้พิพากษา (กอฎี) แผนกนี้มีผู้พิพากษาเป็นประธาน มีอำนาจ
หน้าทดี่ ูแลศาลศาสนา 2 แหง่ คือ

1) ศาลผู้พิพากษา มีอำนาจหน้าที่ในการตดั สินคดีความท่ัวราชอาณาจกั ร
2) ศาลผู้พิพากษาประจำเขต มีอำนาจเฉพาะในเขตใดเขตหนึ่งเท่านั้น ฝ่ายนี้ยังมี
หนา้ ทีร่ ับผิดชอบเกีย่ วกับการสมรสและการหย่ารา้ งอกี ดว้ ย
3. แผนกศาลศาสนา (ศาลชะรีอะฮ์.) มีอำนาจหนา้ ท่ีในการให้คำปรึกษาแก่สมเดจ็
พระราชาธบิ ดีในเรือ่ งท่ีเก่ียวกับกจิ การมุสลมิ สภานี้มีคณะกรรมการท่ีเป็นหลกั อยู่ 2 ฝ่าย คอื
1) คณะกรรมการกฎหมายที่มีหน้าที่ฟัตวา (วินิจฉัย) ปัญหาต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับ
ศาสนาอิสลาม คำวินิจฉัยที่ได้ประกาศออกมาจะกลายเป็นกฎหมายทันที ซึ่งมสุ ลิมทุกคนต้อง
เคารพและปฏบิ ัตติ าม
2) คณะกรรมการศาล เปน็ ศาลทร่ี บั คำร้องหรือข้อร้องเรยี นต่างๆ และยังเป็นแหล่ง
อ้างอิงทางกฎหมายสำหรับคดีต่างๆ ที่ปรากฎขึ้นในราชอาณาจักรนอกจากนั้น แผนกศาล
ศาสนายังมีหน้าที่รับผิดชอบให้ความช่วยเหลือแก่คนจน คนทำงานเพื่อศาสนา รายได้หลัก
ของแผนกศาลศาสนานี้ไดจ้ ากค่าธรรมเนยี มต่างๆ จากคา่ ปรับในศาลศาสนาหรอื ศาลชารีอะฮ์
กำไรจากธนาคาร และซะกาต ประเภทตา่ งๆ
4. แผนกสืบสวน มีอำนาจหน้าที่ด้านการตรวจสอบ สืบสวนข้อเรียกร้อง และ
ดำเนนิ การจบั กุมผูก้ ระทำผิด มีเจ้าหนา้ ที่อยทู่ ่ัวประเทศมากกว่า 70 ทา่ น

35

5.รายพระนามกษัตริย์ /ประวตั ขิ องพระมหากษัตรยิ ท์ ่ปี กครองประเทศในปัจจบุ นั

5.1รายนามพระมหากษตั ริย์

พระนาม รชั กาล หมายหตุ
จาก (พ.ศ.) จนกระทัง้ สวรรคตที่ นานกิง, ประเทศ
สลุ ต่านมฮู มั หมดั ชาห์ จีนสมัยราชวงศห์ มงิ
สลุ ต่านอบั ดุล มาจดิ ฮัสซนั (พ.ศ.)
(คารน์ ามหาราช) 1906 1945 สงครามระหวา่ งบรูไนกับสเปน
สลุ ต่านอาหมัด 1945 1951
สุลต่านชารฟี อาลี สงครามการเมืองบรูไน
สลุ ต่านสุไลยมาน 1951 1968 ครองราชย์ครงั้ ท่ี 1
สลุ ต่านโบลเกยี ห์ 1968 1975 ครองราชย์คร้ังท่ี 2
สุลตา่ นอัลดลุ คาฮาร์ 1975 2028
สุลต่านไซฟลุ ไรจลั 2028 2067
สุลตา่ นชาห์ เบรูไน 2067 2076
สุลตา่ นมูฮัมหมัด ฮัสซัน 2076 2124
สุลตา่ นอบั ดลุ จาลลิ ลุ อัคบาร์ 2124 2125
สุลต่านอบั ดลุ จาลลิ ุล จับบาร์ 2125 2141
สุลต่านมฮู มั หมัด อาลี 2141 2202
สลุ ตา่ นอัลดุล ฮักกลุ มบู ิน 2202 2203
สลุ ตา่ นมูไฮยดิน 2203 2204
สลุ ต่านนาซซารุดดิน 2204 2216
สลุ ต่านฮสั ซิน คามาลดุ ดิน 2216 2233
สลุ ต่านมฮู มั หมัด อลาอุดดนิ 2233 2253
สุลต่านฮัสซิน คามาลดุ ดิน 2253 2273
สลุ ต่านโอมาร์ อาลี ไซฟุดดินท่ี 2273 2280
1 2280 2283
สุลตา่ นมูฮัมหมัด ทาจดุ ดนิ 2283 2338

2338 2350

สุลตา่ นมฮู มั หมัด จามา 2347 2347
ลุลอลมั ท่ี 1
2350 2369
สลุ ต่านมฮู มั หมัด คานซลุ อลัม 2369 2371

สลุ ตา่ นมฮู ัมหมัด อลัม

36

พระนาม รชั กาล หมายหตุ

สลุ ตา่ นโอมาร์ อาลี ไซฟดุ ดินท่ี จาก (พ.ศ.) จนกระท้ัง บรูไนเสีย ซาราวักให้ เจมส์
2 (พ.ศ.) บรูก
สุลต่านอับดุล โมมนิ บรูไนเสีย บอร์เนียวเหนือ
2371 2395 (ปัจจบุ ันคือ รฐั ซาบะฮ์)
สุลตา่ นฮสั ซมิ จาลลิ ลุ อลมั สหราชอาณาจักร เข้ามา
อคามัดดนิ 2395 30 อารักขาบรูไนเมอื่ พ.ศ. 2431
พฤษภาคม
สุลต่านมูฮัมหมัด จามาลุล 30 สละราชสมบตั ิ; สวรรคตเมอ่ื 7
อลัมที่ 3 พฤษภาคม 2428 กนั ยายน พ.ศ. 2529
10 บรูไนได้รับเอกราชใน พ.ศ.
สลุ ต่านอาหมัด ทาจดุ ดิน 2428 พฤษภาคม 2527
10 2449
สลุ ตา่ นโอมาร์ อาลี ไซฟุดดีนท่ี พฤษภาคม 11 กันยายน
3 2449 2467
สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่าน 11 กันยายน
ฮสั ซานลั โบลเกยี ห์ 2467 4 มิถนุ ายน
4 มิถุนายน 2493
2493
4 ตลุ าคม 4 ตลุ าคม
2510 2510
ปัจจุบนั

5.2 ประวตั ิของพระมหากษตั รยิ ์ที่ปกครองประเทศในปจั จบุ นั
สมเด็จพระราชาธบิ ดีสุลตา่ นฮัสซานัล โบลเกยี ห์

ภาพท1ี่ 6 สลุ ต่านฮสั ซานลั โบลเกียห์
ท่มี า: http://www.tsdf.nida.ac.th

37

สมเดจ็ พระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกยี ห์ มอู ซิ ซดั ดีน วดั เดาละห์ ทรงเป็นสุลต่านองค์ท่ี
29 แห่งบรไู น และยงั ทรงเปน็ สลุ ตา่ นบรูไนพระองค์แรกที่ทรงพระอิสริยยศเปน็ ยังดีเปอร์ตวน (สมเด็จ
พระราชาธิบดี) พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ของสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟุดดีนท่ี 3 เสด็จ
พระราชสมภพ เมื่อวันท่ี 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2489 ทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อย
ทหารบกแซนด์เฮิสต์ ประเทศอังกฤษ และได้รับการสถาปนาเป็นมกุฎราชกุมารเมื่อปี พ.ศ. 2504
พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันท่ี 5 ตุลาคม พ.ศ. 2510 ทรงเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรวี ่าการกระทรวงการคลงั

พระราชกรณยี กจิ
1.ทรงได้รบั การสถาปนาพระอิสริยยศเป็นมกฎุ ราชกุมารแห่งบูรไนดารุสซาลาม เม่ือ

วนั ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2504
2.เปน็ พระประมขุ แห่งรฐั นายกรฐั มนตรี รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงกลาโหม ผูน้ ำทาง

ศาสนาอสิ ลามแห่งเนการาบรไู นดารุสซาลาม ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2527 – ปัจจุบนั
3.ทรงเป็นรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการคลังอกี ตำแหน่งหน่งึ เม่ือวนั ท่ี 23 กุมภาพันธ์

พ.ศ. 2540
พระมเหสี
ทรงอภเิ ษกสมรสกบั พระมเหสี 3 พระองค์ ได้แก่

1.สมเด็จพระราชินรี ายาอิสตรี เปง็ งรี ัน อานะก์ ฮัจญะห์ สเลฮา (Her Majesty Raja
Isteri Pengiran Anak Hajah Saleha of Brunei Darussalam) เสด็จพระราชสมภพเม่ือ
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2489 ณ บันดาร์เซอรีเบอกาวัน ทรงอภิเษกสมรสเมื่อวันท่ี 28
กรกฎาคม พ.ศ. 2508 กับสมเด็จพระราชาธิบดีฮัสซานัล โบลเกียห์ (ขณะที่ทรงดำรงพระ
อิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมาร) ทรงศึกษาด้านภาษามลายู ภาษาอังกฤษ และการศาสนา ณ
พระราชวังดารุลฮานา (Istana Darul Hana) จากนั้นทรงศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยมสตรีรา
ยาอิสตรี (Raja Isteri) ณ บันดาร์เซอรีเบอกาวัน มีพระราชโอรส 2 พระองค์ พระราชธิดา 4
พระองค์

2.พระมเหสีเป็งงรี ัน อิสตรี ฮจั ญะห์ มาเรียม อดีตพนักงานต้อนรบั สายการบินรอยัล
บรูไนแอร์ไลน์ มีเชื้อสาย อังกฤษและญี่ปุ่น มีพระราชโอรส 2 พระองค์ พระธิดา 2 พระองค์
(ทรงหย่าเม่อื ปี 2546)
3.อัซรีนาซ มาซาร์ ฮาคิม อดีตผู้ประกาศข่าวช่อง 3 ประเทศมาเลเซีย มีพระราชโอรส 1 พระองค์
พระราชธดิ า 1 พระองค์ (ทรงหยา่ เมือ่ ปี 2553)

38

6.ลักษณะทางสังคมและวฒั นธรรม

สภาพสังคมของบรูไน ยังมลี กั ษณะพื้นฐานท่ียึดหลักครอบครวั ประชาชนมีความเป็นอยู่อย่าง
สงบเรยี บงา่ ย ศาสนาอสิ ลามมบี ทบาทมากในการกำหนดพฤติกรรมทางสังคม สภาพการปกครองเป็น
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่มีการจัดระเบียบสังคมตามข้อบัญญัติของศาสนามุสลิมและปฏิบัติ
ตามอย่างเคร่งครัด และภาษาที่ใช้กันในบรูไนมีภาษามาเลย์ อังกฤษ และจีน สำหรับชนพื้นเมืองมี
ภาษาเปน็ ของตนเองในโลกวัฒนธรรมบรูไนก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตน เรยี กว่า โลกมลายู ท่ีปฏิบัติกันมา
จนกลายเป็นอุดมคติของชาวบรูไนมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งคุณค่าของวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียม
ประเพณีเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของชาวบรูไนว่าเป็นสิ่งประเสริฐ กฎหมายสามารถลงโทษบุคคลที่
ปฏิเสธขนบธรรมเนียมประเพณีหรือปฏิบัติตนฝ่าฝืนวัฒนธรรมและประเพณีทำหน้าที่จัดระเบียบ
สังคมและจัดระเบียบกฎหมาย ในสังคมมลายบรูไนผู้ใดไม่ปฏิบัติตามวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียม
ประเพณีจะถูกประนามและลงโทษจากสังคม เช่น การเกิด การแต่งงาน เป็นต้นวัฒนธรรมบรูไนมี
ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมาเลเซียและอินโดนีเซียมาก จึงมีประเพณี ภาษา และการแต่งกายท่ี
คล้ายคลึงกัน ซึ่งสุภาพบุรุษจะแต่งกายด้วยเส้ือแขนยาว ตัวเสื้อยาวถึงเข่า นุ่งกางเกงขายาวแล้วนุ่ง
โสร่ง เรียกว่า บาจู มลายู (Baju Melayu) ส่วนชุดของสุภาพสตรีเรียกว่า บาจูกุรุง (Baju Kurung)
จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าทีม่ ีสสี ันสดใส โดยมากมักจะเป็นเสื้อผา้ ที่คลุมร่างกายตั้งแต่ศรี ษะจรดเท้า เป็น
การสะท้อนวฒั นธรรมและสังคมแบบอนุรักษ์นิยม

ภาพท1่ี 7 ชุดประจำชาติ
ทม่ี า: https://aseandress.weebly.com

39

7.สถานที่ท่องเทย่ี วสำคญั

ประเทศบรูไนเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่น่าเที่ยว และอีกทั้งยังเป็นประเทศท่ี
ร่ำรวยและตดิ อันดบั ของโลก เนือ่ งจากมีนำ้ มันและแกส๊ ธรรมชาตเิ ปน็ จำนวนมาก แต่สถานทท่ี อ่ งเท่ียว
ยังเป็นรายได้ที่นำเข้าสู่ประเทศอีกทาง ประเทศบรูไนยังเป็นอีกประเทศที่มีความงดงามทางด้าน
ธรรมชาตแิ ละสถาปตั ยกรรมท่ีสวยงาม ดังนี้

1. มสั ยดิ สลุ ต่านโอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน (Sultan Omar Ali Saifuddin Mosque)

ภาพท1ี่ 8 มัสยิดสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟุดดนี ภาพท1ี่ 9 มัสยดิ สุลตา่ นโอมาร์ อาลี ไซฟดุ ดีน

ท่มี า: https://lostontheroute.com ท่ีมา: https://www.yingpook.com

มัสยิดสุลต่าน โอมาร์ ไซฟุดดิน อยู่ใจกลางกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน เมืองหลวงแห่งบรูไน

ตั้งอยู่ติดกบั แม่น้ำบรูไน ได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งในมัสยดิ ที่สวยทีส่ ดุ ในเอเชียแปซฟิ ิก เป็นศาสน

สถานศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุดอันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบรูไนท้ังประเทศ และยังเป็นศูนยร์ วม

จิตใจสำหรบั ชาวมุสลิมในบรูไน ความงดงามของมสั ยดิ สลุ ตา่ น โอมาร์ ไซฟดุ ดินยงั ไดร้ บั การขนานนาม

วา่ เปน็ “มินิทัชมาฮาล” และเป็นเสมอื นสญั ลักษณ์ของบรูไนในปัจจุบัน

ชื่อของมัสยิดสุลต่าน โอมาร์ ไซฟุดดิน มาจากพระนามของ “สุลต่าน โอมาร์ ไซฟุดดินท่ี 3

(Omar Ali Saifuddien III)” สลุ ต่านบรไู นองค์ท่ี 28 ซ่งึ เปน็ ผู้สรา้ งมัสยิดแหง่ นี้ สรา้ งแล้วเสรจ็ สมบรู ณ์

เมื่อปี ค.ศ.1958 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน คาวาลิแอร์ รูดอล์ฟโฟ โนลลี (Cavaliere

Rudolfo Nolli) ลักษณะทาง สถาปัตยกรรรมของมัสยิดสุลต่าน โอมาร์ ไซฟุดดิน มีเอกลักษณ์ของ

ความเป็นสถาปัตยกรรมอสิ ลามสมัยใหม่เป็นแบบผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก คือ แบบ

อิสลามและอิตาเลียน (Islamic and Italian styles) โดยมีพื้นฐานมาจากสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์

โมกุลของอินเดีย รวมเข้ากับสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบอิตาลี โครงสร้างทั้งหมดของมัสยิดสร้างขึ้น

จากหินอ่อนและหินแกรนิต ทำให้มีความมั่นคงแข็งแรง รวมทั้งมีความสวยงามด้วยสีขาวบริสุทธิ์จาก

หินอ่อน ฐานยกพื้นสูง บริเวณทั้งสี่ด้านประดับด้วยเสาเกลียวรายล้อม นอกจากนี้ ลักษณะของมัสยิด

สลุ ตา่ น โอมาร์ ไซฟดุ ิน ยงั ได้รบั อิทธิพลจากต้นแบบคือ “ทัชมาฮาล” ซ่ึงเปน็ แบบอย่างท่สี วยที่สุดของ

สถาปัตยกรรมโมกุลในอินเดีย อาคารมัสยิดมีความสูง 52 เมตร ยอดกึ่งกลางคือส่วนโดมรูปหัวหอม

ตามแบบอย่างสถาปัตยกรรมอิสลาม ที่สำคัญนั้นคือโดมดังกล่าวเป็น “โดมทองคำ”สร้างขึ้นจาก

ทองคำแท้ทัง้ หมด ใชแ้ ผ่นทองคำจำนวน 3.3 ล้านแผน่ ในการสรา้ งบรเิ วณทศิ ทัง้ ส่ที ี่รายลอ้ มรอบมัสยิด

สร้างด้วยเสาสูงแบบอาหรับ ยอดโดมขนาดเล็กทง้ั หมดหล่อสร้างข้ึนจากทองคำแท้ สว่ นด้านนอกเป็น

“หออะซาน” ซงึ่ เปน็ หอสำหรับการเรยี กชาวมุสลิมให้มารวมตัวกันเพ่ือประกอบพธิ ีละหมาดน้ัน สร้าง

40

ขึ้นจากหินอ่อนทั้งหลัง ออกแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบเรอนาซองส์และอิตาเลียน
(Renaissance and Italian architectural style) มกี ารติดต้ังลฟิ ท์ภายในหออะซานและจากจุดน้ีใน
ชั้นบนสุด จะสามารถชมทิวทัศน์โดยรอบของกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน เมืองหลวงแห่งบรูไนได้ทั้งหมด
นอกจากน้ี บริเวณด้านหน้ายังมีการสร้างทะเลสาบจำลองขนาดใหญ่ และบนกลางสระนั้นมีการ
จำลองเรือพระราชพิธี (Royal barge) มาประดับไว้ นับเป็นจุดเด่นอีกประการหนึ่งที่ช่วยเสริมความ
งามให้กับทัศนียภาพของมัสยิดแห่งน้ี บริเวณโดยรอบยังแวดล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดซึ่งเป็น
สัญลักษณ์แสดงถึงดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ มีสะพานที่มีราวสีเขียวข้ามแม่น้ำจากมัสยิดเชื่อมไปถึง
หมู่บ้านดั้งเดิมของบรูไน เรียกว่า “กัมปง อะเยอร์(Kampong Ayer)” หรือ หมู่บ้านกลางน้ำ(village
in the water) อนั เป็นความหมายถงึ ความเช่อื มโยงระหว่างชมุ ชนและมัสยิด

2. มสั ยิดจาเมร์ ฮซั ซานลิ โบลเกียห์ (Jame Asr Hassanil Bolkiah Mosque)

ภาพท2ี่ 0 มสั ยิดจาเมร์ ฮัซซานลิ โบลเกียห์
ทม่ี า: https://lostontheroute.com

มัสยิดจาเมร์ ฮัซซานิล โบลเกยี ห์ ต้งั อยทู่ ี่กรงุ บันดาร์เสรเี บกาวัน เมืองหลวงแหง่ บรูไน มัสยิด
ยังมีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่า “มัสยิดเกียรง (Kiarong mosque)” ซึ่งเป็นชื่อของ
ชุมชนกัมปุงเกียรงในสมัยก่อน ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรูไน อีกทั้งยัง
เป็นหนึ่งในมัสยิดที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของบรูไน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เน่ืองในวโรกาสเฉลมิ
ฉลองสมเด็จพระราชาธิบดี ฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ สุลต่านแห่งบรูไนทรง
ครองสริ ิราชสมบตั คิ รบ 25 ปี ในปี ค.ศ.1994

มัสยิดจาเมร์ ฮัซซานิล โบลเกียห์ ดำเนินการก่อสร้างเมื่อ ค.ศ.1988 เปิดให้เข้าชมและ
ประกอบพิธีอย่างเป็นทางการในปีค.ศ.1994 ซึ่งเป็นปีที่ตรงกับงานฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ
25 ปีขององค์สุลต่านแห่งบรูไนลักษณะเด่นของมัสยิดจาเมร์ ฮัซซานิล โบลเกียห์ สร้างด้วยรูปแบบ
สถาปัตยกรรมมัสยิดสมัยใหม่ แผนผังแปดเหลี่ยม หลังคาสีเขียว ประดับด้วยโดมทองคำซึ่งสร้างขึ้ น
จากแผ่นทองคำแท้ จำนวนโดมทองคำมีท้ังหมดสองโดม โดยโดมใหญค่ อื สว่ นของโถงละหมาดผังแปด
เหลี่ยม ทั้งสี่มุมสร้างหออะซานที่มีความสูงลิ่ว เมื่อมองจากยอดหอจะสามารถมองเห็นได้ไกลถึงที่ตั้ง
ของสนามบินบรูไน ผนังรอบหออะซานประดับลวดลายเรขาคณิตตามชัน้ ต่างๆ ปลายยอดด้านบนสดุ
สร้างด้วยโดมทองคำขนาดเล็กทั้งสี่หลัง โครงสร้างด้านในและลานกว้างด้านนอกเป็นหินอ่อนประดับ
ลายโมเสกท้ังหมด นอกจากนี้ ลานระเบยี งดา้ นนอก ยงั มีการจัดสร้างพมุ่ ดอกไมแ้ ละน้ำพปุ ระดับตลอด
เส้นทางที่ทอดเข้าสู่โถงด้านในภายใต้หลังคาโดมขนาดใหญ่ เมื่อมองจากภายใน ใต้ผนังยอดโดม

41

ประดบั กระจกสีแบบยโุ รป แตใ่ ชล้ วดลายพฤกษาแบบอาหรบั ลายเรขาคณิต และตวั อกั ษรวิจติ ร ส่วน
กึ่งกลางของด้านในทั้งหมด ใช้การตกแต่งอย่างงดงามด้วยลวดลายสีทองบนผนังหินอ่อน โดยเฉพาะ
อยา่ งยงิ่ การจารึกอักษรอาหรับในคัมภีร์อัลกุรอานเปน็ อักขระสีทองบนพ้นื หินอ่อนสีขาว ช่วยเสริมให้
เกิดความงดงามและความศรัทธาอย่างแรงกลา้ จุดเดน่ ของการออกแบบภายในใตโ้ ดมอกี ประการหนึ่ง
ก็คือ เสาเกลียวที่คล้ายใบไม้ม้วนหมุนเกลียวขึ้นสู่เพดานด้านบนอย่างตระการตา แท่นบูชา หรือ มิห์
รอบ (Mihrab) สร้างด้วยหินอ่อนสีดำ จารึกลวดลายด้วยโมเสกสีทอง ผนังกำแพงในทุก ๆ ทิศ
ออกแบบด้วยลายพฤกษชาติ พื้นหินอ่อนรอบๆบริเวณทั้งในส่วนด้านนอกและส่วนโถงประกอบพิธี
ละหมาดนั้น มีการออกแบบด้วยลวดลายเรขาคณิตเป็นรูปดาวแปดแฉกตลอดเส้นทาง เมื่อปี ค.ศ.
2002 บริเวณรอบนอกของมัสยิดจาเมร์ ฮัซซานิล โบลเกียห์ ยังได้มีการสร้างสวนอุทยานเพิ่มเติมใน
พื้นที่ขนาด 6 เฮกเตอร์ โดยมีการออกแบบจัดสร้างสวนพฤกษชาตินานาพันธุ์และน้ำพุประดับอย่าง
งดงามรอบมัสยิด เรียกว่า “สวนรัชดาภิเษกฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ (The Sultan Haji Hassanal
Bolkiah Silver Jubilee Park)” ทำให้มัสยิดจาเมร์ ฮัซซานิล โบลเกียห์ เป็นเสมือนศูนย์รวมทาง
จิตใจท่สี ำคัญย่ิงอีกแหง่ หน่ึงของบรูไนวันนี้

3. พระราชวังอสิ ตานา นรู ูล อีมาน (Istana Nurul Iman)

ภาพท2่ี 1 พระราชวงั อิสตานา นูรลู อีมาน
ท่มี า: https://www.yingpook.com

พระราชวังอิสตานา นูรูล อีมาน เป็นที่ประทับของสมเด็จพระราชาธบิ ดี ฮัจญี ฮัสซานัล โบล
เกยี ห์ มูอิซซัดดนิ วดั เดาละห์ สุลต่านแห่งบรูไนและพระบรมวงศานวุ งศ์ และยงั เป็นท่ีตั้งของท่ีทำการ
ของทำเนียบรัฐบาลแห่งบรูไน ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน เมืองหลวงแห่งบรูไน ริม
แมน่ ้ำบรไู น

ชื่อของพระราชวังคำว่า “อิสตานา นูรูล อีมาน (Istana Nurul Iman)” นั้น มาจากการผสม
คำระหว่างภาษาเปอรเ์ ซยี กับภาษาอาหรับ มคี วามหมายว่า “พระราชวังแสงแห่งความศรัทธา” ได้รับ
การออกแบบจากสถาปนิกชาวฟิลิปปินส์คือ ลีอันโดร ล็อกซิน(Leandro V. Locsin) และเป็นศิลปิน
แหง่ ชาติของฟิลปิ ปนิ ส์ในปี 1990 โดยไดน้ ำประกายความคดิ ของการออกแบบโดมทองคำเพื่อต้องการ
สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของศาสนาอิสลามบรูไนกับอิทธิพลของวัฒนธรรมมลายู ลักษณะทาง
สถาปัตยกรรมของพระราชวังอิสตานา นูรูล อีมาน มีจุดเด่นที่มองเห็นได้ในระยะไกลคือ “โดม
ทองคำ” ซง่ึ สรา้ งขึ้นจากทองคำแท้ ดังนั้น เม่ือยอดโดมส่องต้องแสงพระอาทิตย์ จะส่งประกายวาววับ

42

อย่างงดงามตระการตา การสร้างพระราชวังอสิ ตานา นูรูล อีมาน จงึ เป็นการรวบรวมสถาปนิกและนัก
ออกแบบช้ันนำของโลก ในการเนรมติ สรา้ งสรรคใ์ ห้พระราชวังมคี วามหรหู ราและย่ิงใหญ่อลังการ ดว้ ย
การใช้วัสดุที่ดีที่สุดและราคาแพงที่สุด พระราชวังอิสตานา นูรูล อีมาน สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1984
ครอบคลมุ พื้นที่ 2,152,782 ตารางฟุต (200,000 ตารางเมตร) การออกแบบภายในตัวพระราชวังเป็น
ผลงานของมัณฑากรชาวจีน-มาเลย์คือ กวนชิว (Khuan Chew) ผู้ก่อตั้งบริษัท เค.แอล.ซี.อินเตอร์
เนชันแนล (KCA International) และเป็นผู้ออกแบบภายในให้กับโรงแรมรูปทรงเรือใบที่มีชื่อเสียง
ระดับโลกคือ “บุรจญ์อัลอาหรับ (Burj Al Arab)” ที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พระราชวัง
อสิ ตานา นรู ูล อมี าน ถกู บนั ทกึ วา่ เป็นพระราชวังท่ีใช้เป็นท่ปี ระทับสำหรับสลุ ต่านและเช้ือพระวงศ์ที่มี
ขนาดกว้างใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างมา ภายในพระราชวังมีห้องต่าง ๆ ถึง 1,788 ห้อง ห้องน้ำ
257 ห้อง สิ่งอำนวยความสะดวกในพระราชวงั แห่งนี้ยังประกอบด้วย สระว่ายนำ้ จำนวน 5 สระ คอก
ม้าติดเครื่องปรับอากาศสำหรับม้าเพื่อแข่งโปโลของพระองค์จำนวน 500 ตัว โรงจอดรถขนาดจุ 110
คัน ห้องจดั งานเลี้ยงรับรองทสี่ ามารถจุคนไดถ้ ึง 4,000 คน และมัสยิดภายในวังที่รองรับผู้มาประกอบ
พธิ ลี ะหมาดได้ถงึ 1,500 คน ตดิ ตงั้ โคมไฟระยา้ 564 อัน หลอดไฟ 51,000 หลอด ช่องบนั ได 44 ช่อง
มีลฟิ ต์ 18 ตวั โดยพระราชวงั แห่งนีย้ ังเป็นท่เี กบ็ รถพระท่นี ั่งส่วนพระองคท์ สี่ ลุ ตา่ นแห่งบรูไนทรงสะสม
ไว้อีกดว้ ย โดยปกตแิ ล้ว พระราชวังเปน็ เขตพระราชฐานจะไมเ่ ปิดใหบ้ ุคคลท่ัวไปเขา้ ไปได้ ยกเวน้ ในวัน
พิธีสำคัญทางศาสนาอสิ ลามประจำปี คอื วันเฉลมิ ฉลองเน่อื งในวนั สน้ิ สุดการถอื ศีลอดในเดือนรอมฎอน

4. รอยัลเรกกาเลยี (Royal Regalia Museum)

ภาพท2่ี 2 พิพธิ ภัณฑ์รอยัลเรกกาเลีย
ที่มา: https://www.premiumworldtour.com
พิพิธภัณฑ์รอยัลเรกกาเลีย ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์ เสรี เบกาวัน ได้รับการยกย่องว่าเป็น
พิพิธภัณฑ์ที่มีสมบัติล้าค่าและน่าชมที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปเอเชีย เป็นสถานที่รวบรวมข้าวของและ
เครื่องใช้ซึ่งล้วนแล้วแต่หาค่ามิได้ของสุลต่านองค์ปัจจุบัน มีทั้งราชรถทองคำ ฉลองพระองค์ทองคำ
เครื่องทรงทองคำ อาวุธทองคำล้วนเป็นทองคำไปทุกสิ่งอย่าง รวมทั้งมีการแสดงพระราชประวัติของ
องค์สุลต่านและเครื่องราชบรรณาการจากนานาประเทศ ที่มีความวิจิตรงดงามสูงค่าแบบหาดูได้ยาก
เช่น คริสตัล หยก งาช้าง และยังมีพระที่นั่งจำลองมาให้ได้ชม ไฮไลต์ของที่นี่ ได้แก่ ห้องเล็ก ๆ ท่ี
จำลองขบวนพาเหรดและการตกแต่งอันสวยงาม เนื่องในวโรกาสครบรอบ 25 ปีที่องค์สุลต่านขึ้น


Click to View FlipBook Version