The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บูรไนดารุสซาลาม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Assareena Suebpong, 2022-10-01 02:12:21

บูรไนดารุสซาลาม

บูรไนดารุสซาลาม

43

ครองราชย์ โดยที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้ชมกันฟรี ๆ ด้านในห้องที่จดั แสดงห้ามถ่ายรูป นักท่องเที่ยว
จะต้องถอดรองเท้าพร้อมเก็บของทุกชิ้นไว้ที่ล็อคเกอร์เก็บของ นอกจากนั้นที่นี่ยังมีร้านขายของท่ี
ระลกึ รับเงินบาทไทย

5. กมั ปงไอเยอร์ (Kampong Ayer)

ภาพท2ี่ 3 หมูบ่ ้านกลางน้ำกมั ปงไอเยอร์
ทมี่ า: https://groottravel.com

หมู่บ้านกลางน้ำกัมปงไอเยอร์ (Kampong Ayer) หมู่บ้านกลางน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็น
หมู่บา้ นท่องเทีย่ วเก่าแก่อันน่าหลงใหล มีอายุราวมี 1,500 ปี ต้ังอยใู่ นเขตเมืองหลวงบันดาร์ เสรีเบกา
วัน บนแม่น้ำบรูไน มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ 39,000 คน หรือ 10% ของประชากรบรูไนทั้งหมด
กัมปงไอเยอร์เคยเป็นนครหลวงของจักรวรรดิบรูไน เป็นท่าเรือที่สำคัญของภูมิภาค และเป็นจุดรวม
ของพอ่ ค้าแมค่ ้าจากตะวนั ตก จีน และประเทศเพื่อนบา้ น ชาวยุโรปยุคแรก ๆ ทเ่ี ข้ามาได้เรียกหมู่บ้าน
กลางน้ำแห่งนีว้ ่า “เวนสิ แห่งตะวันออก” เมื่อกอ่ นบา้ นทั้งหมดทำจากไม้ มเี สาสงู คล้าย ๆ บ้านริมน้ำ
ในบ้านเรา แต่ที่นี่จะไม่มพี ื้นดินและถนนเลยสักเส้นเดียว แต่ละหลังเช่ือมตอ่ กันด้วยทางเดินที่ทำจาก
แผ่นไม้กระดาน มองไกล ๆ หมู่บ้านนี้อาจจะดูไม่ค่อยเตะตา แต่ถ้าได้ลองเข้ามาใกล้ๆ จะเห็นได้ถึง
ความงามทางสถาปัตยกรรมโบราณ ทุกหลังมีระเบียงที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงาม อีกทั้งยังสามารถ
นั่งหรือหรือเดินสำรวจหมู่บ้าน เยี่ยมชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของชาวบ้าน ท่ีส่วนใหญ่ทำ
อาชีพชาวประมงและเล้ยี งสัตว์ และทุกบ้านนนั้ จะมีเรือเป็นของตัวเองอีกดว้ ย

44

6. อนุสาวรียน์ ำ้ มันหนงึ่ ล้านบาร์เรล (Billionth Barrel Monument)

ภาพท2่ี 4 อนุสาวรยี น์ ้ำมันหนึ่งลา้ นบารเ์ รล
ที่มา: https://groottravel.com

อนุสาวรีย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1991 เนื่องจากบรูไนแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของกิจการ
น้ำมันใหญ่ ๆ เป็นต้น ๆ ของโลกที่สามารถผลิตน้ำมันได้สูงถึง 1 พันล้านบาร์เรล บรูไนจึงได้สร้าง
อนุสาวรีย์น้ำมันหนึ่งล้านบาร์เรลเพื่อเฉลิมฉลองและยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งของประเทศ
บรูไนที่เป็นผู้ส่งน้ำมันออกลำดับต้น ๆ ของโลก และสถานที่ตั้งใจอนุสาวรีย์แห่งนี้อยู่ที่เมืองเซอเรีย
และเมือใครที่ได้ไปเยือนที่ประเทศบรูไนก็จะลืมไม่ที่จะไปถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์แห่งนี้เพื่อเป็นที่ระลึก
และยงั เปน็ สถานท่ีภาคภูมิใจของชาวบรไู นอีกดว้ ย

7. มัสยดิ ปีกนั ซีเรีย (Pekan Seria Mosque)

ภาพท2ี่ 5 มสั ยดิ ปีกนั ซีเรีย
ท่มี า: http://www.resource.lib.su.ac.th
มัสยิดปีกัน ซีเรีย เป็นมัสยิดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ที่หลงเหลืออยู่
จนถึงปัจจุบัน สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.1953 แล้วเสร็จใน ค.ศ.1954 สร้างบนพื้นที่ประมาณ 2 เอเคอร์ กรุง
บันดาร์เสรีเบกาวัน อดีตองค์สุลต่าน เซอร์ มูดา โอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน (พระราชาธิบดีพระองค์ที่ 28
แห่งบรูไน) ได้เสด็จมาเป็นประธานในวันเปิดให้มัสยิดเป็นศาสนสถานประกอบพิธีละหมาดแก่
สาธารณชน เมื่อจำนวนชุมชนในละแวกใกล้เคียงเพิ่มจำนวนขึ้น ต่อมาจึงได้มีการบูรณะและขยาย
มัสยิดให้มีขนาดใหญ่ โดยสร้างขยายเพิ่มเติมในปี ค.ศ.1970 และ 1982 จนกระทั่งปัจจุบัน มัสยิดปี

45

กนั ซีเรียเปล่ยี นรูปลักษณะใหม่ให้มีขนาดกว้างใหญ่เพยี งพอ สามารถรองรบั ผู้มาประกอบพิธีละหมาด
ไดถ้ ึง 2,000 คน ทำใหเ้ ค้าโครงเดมิ ในสมัยกอ่ นเปล่ียนไปตามกาลเวลา

ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของมสั ยิดปีกัน ซเี รีย ภายหลังการปรบั เปล่ียนและบรู ณะ สรา้ งใน
รปู ทรงประยุกต์แบบสถาปัตยกรรมมลายู พ้นื ทสี่ ว่ นดา้ นหนา้ เป็นอาคารชั้นเดยี ว สร้างตามแบบอย่าง
สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ผนังหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ ทั้งหมดเป็นอาคารผนังสีขาวขอบเขียว
จุดสำคัญของมัสยิดในส่วนของอาคารโดม ออกแบบสร้างเป็นโดมทรงโค้งมนสีเหลืองบนหลังคา
สเ่ี หล่ียมจตั รุ สั สีเหลืองเช่นเดียวกับตวั โดม ขอบช้ันต่างๆใชส้ ีเขยี วและขาวเป็นหลัก ภายนอกโดมใหญ่
สร้างรายล้อมด้วยโดมขนาดย่อมจำนวนสี่แห่ง หออะซานตั้งแยกสร้างอยู่ด้านหน้า รูปทรงแบบเสา
เหลี่ยมสองชั้น กั้นแบ่งชั้นด้วยระเบียงโลหะ ปลายยอดด้านบนของหออะซานออกแบบด้วยโดม
ทองคำ ประดบั สญั ลักษณจ์ ันทรเ์ สี้ยวดา้ นบน

8. มสั ยิดกมั ปงุ ตามอย (Kampong Tamoi Mosque)

ภาพท2ี่ 6 มสั ยิดกมั ปงุ ตามอย
ทม่ี า: http://www.resource.lib.su.ac.th
มัสยิดกัมปุง ตามอย สร้างเมื่อ ค.ศ.1995 แล้วเสร็จในปี ค.ศ.1999 ตั้งอยู่ในเขตกัมปุง ตา
มอย กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ซึ่งเป็นพื้นที่หมู่บ้านโบราณของบรูไนที่ก่อสร้างบ้านไม้บนเสาที่ตั้งอยู่
ริมน้ำ ชุมชนในพื้นที่ดังกล่าวมักเรียกกันว่า ชุมชนชาวน้ำ หรือ หมู่บ้านน้ำ (Water Village) การ
ออกแบบสรา้ งมสั ยิดกมั ปุง ตามอยเน้นในความเปน็ ศนู ย์กลางใหญ่ของชมุ ชน มสี ะพานยาวท่ีเช่ือมปาก
ทางเข้าสู่มัสยิดไปถึงที่ตั้งบ้านเรือนในชุมชนริมน้ำ พื้นที่ในโถงละหมาดมีขนาดกว้างใหญ่เพียงพอใน
การรองรับผู้มาประกอบพิธีละหมาดได้ถึง 1,500 คน สถาปัตยกรรมมัสยิดถูกออกแบบสร้างบน
แผนผังพื้นที่วงกลม แบ่งทางเดินล้อมรอบเป็นแปดช่องทาง ล้อมรอบด้วยป่าไม้ตามธรรมชาติ ตั้งอยู่
ใกล้ ๆ กับเขตพื้นที่ของหมู่บ้านริมน้ำในกัมปุง ตามอย ปัจจุบัน ได้มีการปรับเพิม่ เติมในส่วนพื้นที่ของ
สวนไม้ประดับให้อยู่ล้อมรอบมัสยิดทั้งหมด ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของมัสยิดกัมปุง ตามอย ใช้
การออกแบบประยุกต์ตามแบบอย่างสถาปัตยกรรมอิสลามในคาบสมุทรมลายู โดยนำรูปทรงดั้งเดิม
ของมัสยิดโบราณที่เรียกกันว่า แบบมลายู-นูซันตารา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์มัสยิดทางเอเชียอาคเนย์ที่มี
ลกั ษณะหลงั คาซ้อนทรงสามเหล่ียม แต่ด้วยแนวความคิดใหม่ของการสร้างมัสยิดภายใต้การออกแบบ
ประยุกตต์ ามรปู ทรงของสถาปตั ยกรรมมัสยิดใหม่ในบรูไน ทำใหม้ ีการดัดแปลงสว่ นหลังคาสามเหล่ียม
ให้แผก่ วา้ งซ้อนกนั เป็นสองชั้น แลดูคลา้ ยกับรปู ทรงปิรามิดในอียปิ ต์ สว่ นยอดปลายของหลังคา สร้าง
เป็นลักษณะโดมสีเขียวทรงหัวหอมแต่มีปลายเรียวแหลมกว่าทั่วไป ประดับยอดโดมด้วยสัญลักษณ์
พระจันทร์เสี้ยวและดวงดาว 5 แฉก แต่การออกแบบของมัสยิดแห่งนี้ ใช้ลักษณะของพระจันทร์และ

46

ดวงดาวแยกออกจากกัน โดยให้ส่วนพระจันทร์เสี้ยวอยู่ล่างและแยกดวงดาว 5 แฉกอยู่ชั้นบนสุด (ซ่ึง
แตกตา่ งจากสัญลักษณจ์ นั ทร์เสี้ยวและดวงดาวท่ีอย่ใู นองค์ประกอบเดยี วกันทั่ว ๆ ไป) บริเวณทั้งส่ีมุม
ของมัสยิด สร้างแยกเป็นหออะซานทั้ง 4 ทิศ แต่ละหลังมีรูปทรงประยุกต์ด้วยการลงลวดลาย
เรขาคณิตสีเขียวและเหลือง ส่วนปลายยอดบนของหออะซาน ยังคงออกแบบเป็นโดมสีเขียวและ
สัญลกั ษณจ์ นั ทรเ์ สยี้ วกบั ดาว 5 แฉกเช่นเดียวกนั

9. มสั ยิดอัช ชาลฮิ นี (Ash Shaliheen Mosque)

ภาพท2ี่ 7 มสั ยดิ อัช ชาลฮิ นี
ทมี่ า: http://www.resource.lib.su.ac.th
มัสยดิ อัช ชาลฮิ ีน ต้ังอยทู่ ่ีเขตกัมปงุ เมลาบู กรุงบนั ดาร์ เสรเี บกาวนั เมอื งหลวงแหง่ บรูไน อยู่
ใกล้กับที่ทำการแห่งใหม่ของสำนักนายกรัฐมนตรีของบรูไน เปิดใช้เป็นศาสนสถานให้แกสาธารณชน
อย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ.2012 ครอบคลุมเนื้อที่ 2,100 ตารางเมตร เอกลักษณ์อันสำคัญยิ่ง
ของมัสยิดอัช ชาลิฮีน เป็นการสร้างมัสยิดอิสลามในบรูไนด้วยความคิดใหม่ เพราะสร้างด้วยรูปแบบ
ของสถาปัตยกรรมอิสลามโมร็อกโก (Moroccan Islamic architecture) ผสมผสานเข้ากับอิทธิพล
จากสถาปัตยกรรมไบแซนทีนและโรมัน บริเวณโดยรอบใช้องค์ประกอบทางการออกแบบและศิลปะ
แบบมัวร์ในโมร็อกโกผสมกับศิลปะอันดาลูซีอา (Andalusian) ในสเปน มีการประดับกระเบื้องโมเสก
เป็นลวดลายเรขาคณิตอนั ประณีตงดงาม มกี ารใช้ลายอักขระอาหรับประกอบการตกแต่งส่วนของผนัง
และหลังคาอย่างงดงาม รวมทง้ั ชอ่ งประตฉู ลุลายท่ีเปดิ ชอ่ งรบั แสงจากดวงอาทิตย์ เปน็ วิธีการประยุกต์
จากแบบโบราณรวมเข้ากบั แนวคดิ สมยั ใหม่ได้อย่างกลมกลนื
อาคารมัสยิดภายนอกมัน่ คงแข็งแรงด้วยโครงสร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยกลา เสาอะซานคู่
ทางซา้ ยและขวา ออกแบบสรา้ งในลักษณะสมมาตร หลงั คาสีเขยี วของหออะซานจะแตกต่างจากแบบ
ทั่วไปในมลายู เพราะมีรูปทรงคล้ายปราสาทปลายมนประดบั ยอดพระจันทรเ์ สี้ยว ผนังมัสยิดใชโ้ ทนสี
เหลืองทอง หลังคาโค้ง มีหลังโดมสีเขียวด้วยการประดับกระเบื้องเคลือบสีเป็นช่องตารางสี่เหลี่ยม
ประดับเสายอดพระจันทร์เสี้ยวสีทองด้านบน รอบฐานโดมเจาะเป็นหน้าต่างฉลุลายในทุก ๆ ส่วน
อย่างงดงาม ภายในโถงกลางของมสั ยิดมีความกว้างท่ีสามารถรองรับผู้มาประกอบพิธลี ะหมาดไดม้ าก
ถึง 1,000 คน ตำแหน่งใต้โดมใหญ่เป็นที่ตั้งของน้ำพุบนฐานรูปดาวแปดแฉก ช่องประตูด้านในสร้าง
เปน็ เสาโคง้ เกอื กม้า ก่อดว้ ยหนิ ทรายสลบั สีตามรูปแบบโมรอ็ กโกคือการใชห้ ินสแี ดงและขาวสลับกันใน
ขอบประตูโค้ง ฐานสรา้ งดว้ ยไมแ้ ละหนิ ประดับกระเบื้องเคลือบสี

47

10. อุทยานแห่งชาตอิ ูลู เทมบรู ง (Ulu Temburong)

ภาพท2่ี 8 อทุ ยานแหง่ ชาติอลู ู เทมบรู ง
ที่มา: https://groottravel.com

เปน็ แหลง่ ทอ่ งเท่ยี วเชงิ นิเวศป่าฝนเขตร้อน ท่ีรวมพืชและสตั ว์ป่าหายากนับพนั ชนิด บนพื้นท่ี
กว่า 50,000 เฮกเตอร์ มีขนาดใหญ่ 1 ใน 4 ของพื้นที่ประเทศบรูไน จะได้เห็นลิงจมูกยาวและผีเส้ือ
ราชาบรูกที่พบได้เฉพาะในประเทศบนเกาะบอร์เนียวเท่านั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ธรรมชาติที่อุดม
สมบูรณ์มากที่สุด จนได้ฉายาว่า “มงกุฎสีเขียวแห่งบรูไน” อยู่ท่ามกลางภูเขา น้ำตก ทะเลสาบ และ
ลำธารทใ่ี สสะอาด

11. บรไู นมวิ เซยี ม

ภาพที่29 บรูไนมิวเซยี ม
ท่ีมา: https://sites.google.com/site

บรูไนมิวเซียม ภายในแยกส่วนจดั แสดงเป็น 5 ส่วนที่โดดเด่นที่สุดคือ Islamic Arts Gallery
ที่รวบรวมของสะสมโบราณล้ำค่าขององค์สุลต่านจากประเทศมุสลิมทั่วโลกมาแสดงไว้มากมาย ,
คัมภีร์อัลกุระอ่านขนาดเล็กที่สุดในโลก, หุ่นจำลองวัฒนธรรมประเพณีของชาวบรูไนตั้งแต่แรกเกิด
การแต่งงานฯ และห้องที่พลาดไม่ได้คือห้องที่รวบรวมประวัติการค้นพบน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ
จำนวนมหาศาลที่พลิกโฉมบรูไนให้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ชมแบบ จำลอง
ขบวนการผลิต แท่นขุดเจาะน้ำมันในยุคแรก ๆ

48

8.ปญั หาของประเทศบูรไนดารสุ ซาลาม

8.1ปัญหาทางดา้ นการค้าและการลงทนุ
1. บรูไนมีข้อจำกัดด้านตลาดผู้บริโภคมีขนาดเล็ก เนื่องจากมีประชากรเพียง 350,000 คน

ทำให้ผู้ประกอบการไทยใหค้ วามสนใจในการขยายตลาดบรไู นคอ่ นขา้ งน้อย
2. มาตรการควบคุมต่างๆ ของบรูไน ส่วนใหญ่ไม่มีการออกเป็นกฎระเบียบที่ชัดเจน แต่ใช้

การประสานและขอความร่วมมือจากภาคเอกชน ทำใหผ้ ู้ประกอบการไทยไม่ได้รับทราบ
หรือไมม่ เี อกสารยนื ยันเมือ่ มีการเปลย่ี นมาตรการใดๆ ทางการค้าและการลงทุน
3. ภาคเอกชนบรูไนมีความคุ้นเคยกับเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายสิงคโปร์ และมีความใกล้ชิด
และสะดวกตอ่ การขนส่งมากกว่าไทย
4. การขาดความเช่ือมัน่ ในเครื่องหมายรบั รองฮาลาลของไทย เนื่องจากบรูไนค่อนข้างกังวล
วิตกเกี่ยวกับความเคร่งครัดในการปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลาม จากประเทศที่มี
ประชากรสว่ นใหญไ่ มใ่ ชช่ าวมุสลิม
แนวทางการแกป้ ัญหา
1. นอกเหนือจากการส่งเสริมรูปแบบการค้าปกติ ภาคราชการควรสนับสนุนการให้
ผู้ประกอบการไทยให้ความสนใจแก่ตลาดบรูไน ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ๆ เช่น
อินเตอร์เนท โดยเฉพาะสินค้าที่มีความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์สปา ของ
ตกแตง่ บา้ น ผลติ ภัณฑพ์ ลาสตกิ และเซรามิค ทั้งนี้ ต้องสรา้ งความเชือ่ มั่นและมีมาตรฐาน
สินค้าที่เป็นทยี่ อมรบั ของสากลดว้ ย
2. การจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าและส่งเสริมการค้นคว้าเพื่อใช้ประโยชน์จากเรือบรรทุกที่
นำส่งน้ำมันจากบรูไนมาส่งประเทศไทย ขณะเดียวกับทีเ่ รือขนส่งขา้ วไทยไปบรูไน ที่ต่าง
ต้องแยกเรือขนส่ง ทำให้มีต้นทุนการกระจายสินค้าที่สูงกว่ารูปแบบการขนส่งแบบปกติ
เน่ืองจากทัง้ สองฝ่ายขาดแคลนปรมิ าณสนิ คา้ ท่ีจะมกี ารแลกเปลยี่ นขนถ่ายระหว่างกนั
3. ร่วมมือกับสิงคโปร์หรือมาเลเซียในการจัดตั้งศูนย์ขนส่งกระจายสินค้า เพื่อลดต้นทุน
บริหารจดั การสินค้าลง
8.2 ปญั หาด้านเศรษฐกิจ

ปจั จุบนั บรูไนกำลังพยายามเปลยี่ นแปลง จากเศรษฐกจิ ที่พง่ึ พาน้ำมันเปน็ หลัก ไปสู่
โครงสร้างเศรษฐกิจ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมนั
สำรองทีย่ ืนยันแลว้ (proven reserve) ของบรูไนจะหมดลงในราวปี พ.ศ. 2558 ประกอบกับ
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเอเชีย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ทำให้บรูไนเร่งปฏิรูปโครงสร้างทาง
เศรษฐกจิ และใชม้ าตรการตา่ ง ๆ เพอื่ สร้างความหลากหลายทางเศรษฐกจิ ได้แก่

1. จัดตั้งสภาที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ นำโดยเจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์
(รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของบรูไน) ซึ่งมีแนวทางส่งเสริม
ภาคเอกชน ใหม้ บี ทบาทมากข้นึ ในการสง่ เสรมิ การพฒั นาทางเศรษฐกจิ

49

2. ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ จากเดิมที่เน้นนโยบายให้สวัสดิการ มาเป็นการ
สง่ เสริมการลงทุนจากต่างประเทศ และแปรรปู รฐั วสิ าหกิจต่าง ๆ โดยให้เอกชน
เขา้ มามีสว่ นร่วมมากข้นึ ขยายฐานการจดั เกบ็ ภาษี

3. ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนในต่างประเทศของ BIA โดยหันมาลงทุนในธุรกิจ
ด้านใหม่ ๆ ซ่ึงมีความเสี่ยงต่ำ เชน่ การซอ้ื หนุ้ ในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและ
โทคมนาคม หรอื ธรุ กิจสายการบินตา่ ง ๆ

4. แผนพัฒนาแห่งชาติฉบับท่ี 8 (The Eighth National Development Plan:
8th NDP) ท่ดี ำเนนิ การระหวา่ งปี พ.ศ. 2544-2548 มีสาระสำคญั ไดแ้ ก่ ตั้งเปา้
อัตราการเติบโตของผลิตภณั ฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี - GDP) ที่ร้อยละ
5–6 โดยตั้งวงเงินงบประมาณ สำหรับการดำเนินตามแผนฯ ไว้ 7.3 พันล้าน
ดอลลาร์บรูไน ซึ่งคาดว่ากลยุทธ์ทางการพัฒนาใหม่น้ี จะช่วยให้รัฐบาลสร้าง
สมดุลของงบประมาณไดด้ ขี น้ึ สามารถกำหนดมาตรการในการพัฒนา และฟนื้ ฟู
เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน สร้างความแข็งแกร่งและการขยายตัวให้กับอุตสาหกรรม
น้ำมันและแก๊ส รวมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมตอ่ เนื่องตา่ ง ๆ พัฒนาเศรษฐกจิ
และสังคมและทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งอุตสาหกรรมขนาดเล็กและย่อม การ
ขยายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน แปรรูปรัฐวิสาหกิจบางกิจการ
และสร้างความแข็งแกร่งในระบบการเงินและการคลัง นอกจากนี้ รัฐบาลบรูไน
ยังยึดแนวคิดของวิธีการปกครองที่ดี (Good Governance) รวมทั้งเน้นการ
เสริมสร้างความแขง็ แกร่งใหก้ ับภาคเอกชน

5. สง่ เสรมิ การลงทุนกับตา่ งประเทศ และมีมาตรการเปิดเสรีดา้ นการคา้ และสร้าง
บรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ไม่เฉพาะแต่บริษัทในประเทศ แต่รวมถึง
ประเทศตา่ ง ๆ จากกลมุ่ อาเซียน และนานาประเทศ

6. พัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์บริการการค้าและการท่องเท่ียว (Service Hub for
Trade and Tourism -SHuTT 2003 Vision) และเป็นตลาดการขนถ่ายสินค้า
ที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นเป้าหมายประการหนึ่งของ
โครงการความร่วมมือของกลุ่ม Brunei Indonesia Malaysia Philippines-
East ASEAN Growth Area (BIMP-EAGA)

7. สรา้ งความแข็งแกร่งทางการเงิน เพอื่ ฟนื้ ฟเู ศรษฐกจิ และเอ้ืออำนวยต่อโครงการ
พัฒนาเศรษฐกิจและสาธารณูปโภคพื้นฐาน นอกจากนี้ จากการที่บรูไนได้
กำหนดแผนพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางการเงินนานาชาติ (Brunei
International Financial Center : BIFC) โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะยกระดับ
ประเทศ ในด้านการบริการการเงินในระดับนานาชาติ กระจายความ
หลากหลายทางเศรษฐกจิ และสรา้ งงานใหก้ บั ประชาชน

50

8.3 ปญั หาแรงงานชาวบรไู นในภาคเอกชน ไม่เพยี งพอกบั ความต้องการ
เปน็ เหตใุ ห้ตอ้ งพ่ึงพาแรงงานต่างชาติ ท้ังแรงงานฝีมอื และไรฝ้ ีมอื เป็นจำนวนมาก ใน

จำนวนนี้มีแรงงานจากอินโดนีเซียจำนวนมากที่สุด ราว 50,000 คน จากบังคลาเทศ 40,000 คน
อินเดีย 35,000 คน และฟิลิปปินส์ 22,000 คน ตามลำดับ ส่วนแรงงานไทยมีประมาณ 2,400 คน
เท่านั้น ทางการบรูไนพยายามสง่ เสริมการจ้างแรงงานชาวบรไู น โดยมีมาตรการจำกดั จำนวนแรงงาน
ต่างชาติอย่างเข้มงวด เช่น จำกัดโควตาแรงงานต่างชาติ แบ่งโซนการทำงาน การสงวนตำแหน่งงาน
ให้กับชาวบรไู น เปน็ ต้น

8.4 ปัญหาบรไู นไม่มคี วามมนั่ คงทางอาหาร
ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลตระหนัก และพยายามผลักดันนโยบาย รวมถึงความ

ร่วมมือกับประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร ปัจจุบันบรูไน
สามารถผลติ ไกแ่ ละไข่ ไดเ้ พยี งพอกบั ความต้องการในประเทศ ขณะทีอ่ าหารประเภทอ่นื ๆ ต้องนำเข้า
ซึ่งมีสิงคโปร์ทำหน้าที่คล้ายพ่อค้าคนกลางให้ จากการเดินสำรวจซูเปอร์มาเก็ต เราพบว่าส่วนใหญ่
บรูไนนำเข้าข้าวจากไทย ขนมจากมาเลเซีย อาหารกระป๋องจากไทยและจีน กาแฟจากอินโดนีเซีย
เปน็ ตน้

51

บรรณานกุ รม

กรมการทอ่ งเทย่ี ว. สบื คน้ เมอ่ื 3 สงิ หาคม 2565, เขา้ ถึงไดจ้ าก
www.tourism.go.th/home/details/11/221/24331

กรมเจรจาการคา้ ระหวา่ งประเทศ. (2562). ประเทศบรไู นกับแผนพฒั นาเพ่ือความย่ังยนื . สืบค้นเม่ือ
30 กรกฎาคม 2565, เข้าถงึ ไดจ้ าก
https://www.dtn.go.th/th/news/5cff75531ac9ee073b7bd9de?cate=5cff753c1
ac9ee073b7bd1c4

กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ . (2563). เนการาบรูไนดารุสซาลาม (Brunei
Darussalam). สืบค้นเม่ือ 3 สงิ หาคม 2565, เข้าถึงไดจ้ าก
https://asean.mfa.go.th/th/country/BN?page=5d68abb015e39c1b9c05d2e1&
menu=5d68abb015e39c1b9c05d2e2

กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ. สืบค้นเมื่อ 3 สิงหาคม 2565, เข้าถึงได้จาก
www.eastasiawatch.in.th/

ชุดประจำชาติอาเซียน. สืบค้นเม่อื 5 สงิ หาคม 2565, เขา้ ถึงไดจ้ าก
https://aseandress.weebly.com/36103619364136523609.html?fbclid=IwAR1m
OUeVmAjIXkCV48_gDSRp2m2Ja-P-gYLpqbdAlXNcmk9dkvws6XM9vaM

ซาฟียะห์ ลาเต๊ะ. 11 สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์บรูไน ที่หรูหราแบบฉบับเมืองมุสลิม. สืบค้นเมื่อ 5
สงิ หาคม 2565, เข้าถงึ ได้จาก

https://sites.google.com/site/bruneidarussalam5820310254/11-sthan-thi-thxng-theiyw-
thawr-bruni-thi-hruhra-baeb-chbab-meuxng-muslim

ดลมนรรจน์ บากา. (2547). ค่มู อื ประเทศบรไู น. สงขลา: สำนกั พิมพ์มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์
ตาลิบ, เอส นาอีมะห์. บรูไน ดารุสซาลาม : ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และรัฐสมยั ใหม่. สืบคน้

เมื่อ 5 สิงหาคม 2565, เขา้ ถึงได้จาก https://kyotoreview.org/issue
ประยูร อัครบวร. (ม.ป.ป.). ระบบบริหารราชการของ เนการา บรูไน ดารุสซาลาม. นนทบุรี:

สำนักงานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น
รายพระนามสลุ ตา่ นบรไู น. สืบคน้ เมอื่ 5 สิงหาคม 2565, เข้าถงึ ไดจ้ าก

https://th.wikipedia.org/wiki/รายพระนามสลุ ตา่ นบรไู น?fbclid=
ศิลปะอาเซียน. (2565). สถาปัตยกรรมบรูไน (Brunei Architecture). สืบค้นเมื่อ 5 สิงหาคม

2565, เข้าถึงไดจ้ าก http://www.resource.lib.su.ac.th/art_asean/contents
สุดยอดสถานท่ที อ่ งเทีย่ วในบรไู น Brunei. สืบคน้ เมอ่ื 5 สิงหาคม 2565, เขา้ ถงึ ได้จาก

https://www.yingpook.com/blogs/world/10-best-of-brunei
สถานที่เที่ยวอันน่าหลงใหลในประเทศบรูไน. (2563). สืบค้นเมื่อ 5 สิงหาคม 2565, เข้าถึงได้จาก

https://www.premiumworldtour.com/content/14067/10

52

สถานเอกอัครราชทูต ณ บันดารเ์ สรีเบกาวัน. ขอ้ มูลประเทศบรไู นฯ. สืบค้นเมือ่ 28 กรกฎาคม 2565,
เข้าถึงได้จาก www.thaiembassy.org/bsb/th/thai-people/50987-ข้อมูลประเทศ
บรูไนฯ.html

สถานเอกอัครราชทูต ณ บันดารเ์ สรีเบกาวัน. ข้อมูลประเทศบรไู นฯ. สบื คน้ เม่ือ 28 กรกฎาคม 2565,
เข้าถึงได้จาก www.thaiembassy.org/bsb/th/organize/50941-ทำเนียบข้าราชการ.
html

สมาคมอสังหาริมทรัพย์. (2560). อุตสาหกรรมและธุรกิจที่น่าสนใจลงทุนในบรูไนฯ. สืบค้นเมื่อ 25
กรกฎาคม 2565, เข้าถงึ ไดจ้ าก http://thairealestate.org/content/detail

สรพงษ์ ลัดสวน. (2558). 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับประเทศบรูไน. สืบค้นเมื่อ 4 สิงหาคม 2565, เข้าถึง
ไดจ้ าก https://www.bangkokbiznews.com/blogs/columnist/110868

อมรรัตน์ พลคราม. (2557). ประชาคมอาเซียน:ผลกระทบต่อระบบการศึกษาไทย. สืบค้นเมื่อ 4
สิงหาคม 2565, เข้าถึงไดจ้ าก https://sites.google.com/site/xaseiynsuksa

53

ภาคผนวก

54

การสำรวจและศึกษาขอ้ มลู พื้นฐานของประเทศบรูไนดารุสซาลาม:
ด้านมิตทิ างการตา่ งประเทศ

ปยิ ธดิ า โคกโพธิ์

บทคดั ย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและสำรวจข้อมูลพื้นฐานของประเทศบรูไนในมิติ
ทางการต่างประเทศจากอดีตจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2014)ของบรูไน และเพื่อศึกษาวิจัย วิเคราะห์ถึง
ปัจจัยที่เป็นจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคต่อไปในอนาคตของบรูไนหลงัการเปิดประชาคม
เศรษฐกิจอาเซียน โดยใชก้ รอบการวเิ คราะห์ปัจจยั ทีเ่ ป็นจดุ แข็ง จดุ อ่อน โอกาส และอุปสรรค( SWOT
analysis) ในการวิเคราะห์ปัจจัยซึ่งมีผลต่อการดา เนินนโยบายต่างประเทศของบรูไน ผลการศึกษา
พบวา่ ในมิติด้านการต่างประเทศของบรูไน มีจุดแข็ง (Strengths) ได้แก่ บรูไนมีความเข้มแข็งจาก
การนโยบายด้านการต่างประเทศที่เน้นการสร้างความร่วมมือการส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติ การ
สร้างความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและสังคม รวมท้ังส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคงความ มีเสถียรภาพ
และความรุ่งเรืองในระดับภูมิภาคและระดับโลกโดยจุดอ่อน (Weaknesses) ได้แก่ในแนวนโยบาย
ต่างประเทศท่ีส่งเสริมธุรกิจระหว่างประเทศนั้นบรูไนเป็นประเทศท่ีมขี นาดเล็กมปี ระชากรน้อย ทำให้
ตลาดการค้าของบรูไนเมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียนยังไม่ดึงดูดนักลงทุนมากนัก และบรูไนมี
กฎหมายเฉพาะการสร้างความร่วมมือทางด้านธุรกิจผู้ที่จะเข้าไปลงทุนในบรูไนผู้ที่สนใจเข้าไปลงทุน
ต้องศึกษาข้อปฏิบัติให้เคร่งครัดก่อนเข้าไปลงทุน โอกาส (Opportunities) ได้แก่ มีการเสริมสร้าง
ความมั่นคงภายในและการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ การรวมกลุ่มทั้งด้านเศรษฐกิจและ
ความม่ันคงของประเทศตลอดจนมีบทบาทในระดับนานาชาติโดยสุลต่านเป็นผู้ดำเนินงานเองทำให้
เกิดความเช่ือมั่นของประเทศต่อนานาชาตซิ ่ึงเป็นการสรา้ งโอกาสจากการวางนโยบายการตา่ งประเทศ
ในเวทีระดับโลก ทั้งนม้ี ีอุปสรรค (Threats) ได้แก่การมีกฎหมายที่ยังไม่สอดคล้องกับการวาง
ยุทธศาสตร์ประเทศในระหว่างการจัดท ำกฎหมายบางประเภทให้สอดคลอ้งกบักฎหมายระหว่ าง
ประเทศ เช่น กฎหมายแรงงาน ที่ปัจจุบัน บรูไนกำลังปรับปรุงตามกฎของการรวมกลุ่มระหว่าง
ประเทศเพื่อให้มีมาตรฐานในการทำงานและการยอมรับจากต่างชาติต่อมาตรฐานการทำงานในบรไู น
ซ่ึงจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดดู นักลงทุนจากต่างประเทศและเป็นสิง่ ที่องค์การระหว่างประเทศให้
ความสำคญั ในเรอ่ื งแรงงานระหว่างประเทศซ่ึงนโยบายตา่ งประเทศของบรูไนยังไมไ่ ด้กล่าวถงึ มากนัก
__________________________________

55

จากแนวนโยบายตา่ งประเทศทเ่ี ปน็ กลางตลอดจนนโยบายต่างประเทศของบรูไนเนน้ นโยบาย
กระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศต่าง ๆ ทำให้บรูไนมีความเป็นสากลและสร้างพันธมิตร
จากหลักการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ก่อให้เกิดผลดีต่อบรูไนโดยตรงและส่งเสริมให้ เกิดความ
เข้มแข็งมั่นคงในประเทศต่อไปในอนาคต รวมถึงแนวนโยบายระหว่างประเทศ ด้านการเมืองและ
ความมั่น คงและการส่งเสริมความร่วมมือกันของกลุ่มประเทศที่ประเทศบรูไนเข้าร่วมเป็นสมาชิก
รวมถึงการเน้นสร้างความสงบและการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศโดยมีมิติด้าน การต่างประเทศ
เป็นแรงขับเคลอื่ นทีส่ ำคญั ให้ประเทศมคี วามเจรญิ รุ่งเรืองและการกา้ วไปสู่เวทีโลกได้อยา่ งย่ังยนื
คำสำคัญ: ประเทศบูรไนดารสุ ซาลาม/มิตทิ างการเมือง

A survey and study of Brunei Darussalam : Foreign Affairs of Brunei
Piyathida Kogpho

Abstract
This study aimed to explore to examine the basics of foreign affairs of Brunei.
From the past to the year of 2014. Using the framework to analyze the strengths,
weaknesses, opportunities and threats (SWOT analysis) to analyze the factors which
influence the foreign policy of Brunei. The study indicated that the dimensions of
strengths foreign Policy of Brunei (Strengths) also strengthened by a foreign policy
focused on building partnerships, promoting national interest, building economic
prosperity and social. As well as promoting peace, security, stability and prosperity in
the region and global. Foreign policy weaknesses (Weaknesses) to promote
international business that Brunei is a small country because less populated compare
with the market's trade in ASEAN countries. Brunei has specific laws establishing
partnerships for business to invest in Brunei which the investors may require to
understand it’s strictly regulations. Foreign policy opportunities (Opportunities) is
investing opportunities includes the strengthening of internal security and coping with
emergency situations, economic integration and stability of the country, as well as a
role on the international level by the Sultan as the operator, causing the country
growth towards international, which is to create the opportunity of foreign policy on
the world stage. Foreign policy threats (Threats), there are obstacles included
legislation that is also not consistent with country strategies during the preparation of
some types of laws in accordance with international law such as labor law. At present,
Brunei is updated according to the rules of international integration to provide

56

standardized work and recognized by international standard work in Brunei, which is
the important factor to attract foreign investors, and is featured in the international
but Brunei's foreign policy has not been discussed much.

From the foreign policy of Brunei of neutrality therefore influence to policy on
strengthening economic relations with countries, making Brunei a global alliance and
become the principles of foreign policy. Including international policies, politics and
security, and the promotion of cooperation among countries. Including emphasis on
peace and economic development of Brunei to sustain in global stage.
Keywords: Brunei Darussalam/ Foreign Affairs

บทนำ
บรไู น มชี อ่ื ทางการว่า เนกาบรูไนดารุสสลาม (NEGARA BRUNEI DARUSSALAM อันแปลวา่

ดินแดนแห่งความสงบสุข นอกจากจะเป็นดินแดนแห่งความสงบสุขแล้ว บรูไนยังเป็นประเทศที่มั่งคงั่
ประชาชนมีรายได้เฉลยี่ สงู เป็นอันดับ3ของเอเชีย รองจากญี่ปนุ่ และสงิ คโปร์ เป็นอันดบั ท่ี 26ของโลก
(รายได้เฉลี่ยต่อคนเป็นอันดับสองของอาเซียนรองจากสิงคโปร์จากสมาชิก 10 ประเทศ)และเป็นที่
ทราบกันดีว่ารายได้หลักของบรูไนมาจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติซึ่งมีปริมาณน้ำมันสำรองมากเป็น
อันดับสามในภูมิภาคอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย (จิตติมา คิ้มสุขศรี, 2012, น.85)
ภายใต้วิสัยทัศน์ VISION BRUNEI 2035 ที่มีจุดมุ่งหมายสำคัญในการที่จะพัฒนาประเทศไปสู่
ความสำเรจ็ ของคนในประเทศที่มีการศึกษาดีและเป็นผู้ทม่ี ีทกั ษะสงู ตามมาตรฐานสูงสุดในระดับสากล
ความสำเร็จในการมีคุณภาพของชีวิตในลำดับหนึ่งใน 10 ประเทศของโลก การมีความหลากหลาย
ทางด้านเศรษฐกิจและมีความย่ังยืนของรายได้ประชากรต่อหัวภายในประเทศอยู่ในระดับชั้นนำของ
โลก(กรมเจรจาการคา้ ตา่ งประเทศกระทรวงพาณิชย,์ 2557)

จากวสิ ัยทัศนด์ ังกลา่ วจึงนำมาซ่ึงความสำคัญของมิติทางการต่างประเทศของบรูไนอันจะเป็น
ปจั จัยหน่งึ ท่ีจะขบั เคล่ือนนโยบายของรฐั บาลให้ประสบผลสำเร็จจากการสรา้ งความร่วมมือและดึงดูด
การลงทุนจากต่างปะเทศให้เกิดการพัฒนาประเทศมากยิ่งข้ึน ดังนั้นการสำรวจและศึกษาข้อมูล
พนื้ ฐานของประเทศบรูไนดารสุ ซาลามในด้านมติ ิทางการตา่ งประเทศจึงจะเป็นพ้ืนฐานในการทำความ
เข้าใจถึงแนวทางในการส่งเสริมความพันธ์ระหว่างประเทศของบรูไนและเป็นพื้นฐานในการทำความ
เขา้ ใจถึงประเทศบรูไนในบทบาทของประเทศสมาชกิ อาเซียนซึ่งจะเป็นพ้ืนฐานในการสร้างความเขา้ใจ
อนั ดีระหว่างกนั ของประเทศสมาชิกอาเซยี น

57

แนวนโยบายการตา่ งประเทศของบรูไน
วัตถุประสงค์หลักของนโยบายต่างประเทศบรูไน เน้นที่การส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติทั้ง

การรักษาอธิปไตย อิสรภาพ และบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนการสรา้ งความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ
สงั คม การรกั ษาเอกลกัษณ์ทางการเมือง วฒั นธรรม และศาสนา รวมทงั้ ส่งเสริมสนั ติภาพความมั่น คง
ความมเี สถียรภาพ และความรงุ่ เรืองในระดับ ภูมภิ าคและระดับโลก

ทัง้ นี้บรูไนเองนอกจากจะมีวัตถุประสงค์หลักในการดำเนินการด้านการต่างประเทศตามที่ได้
กล่าวไปแล้วน้ัน บรูไนยังมีการใช้ใช้กลไกพหุภาคีทั้งในระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศเป็น
เครือ่ งมอื หลกั ในการดำเนนิ นโยบายตา่ งประเทศเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง เสริมสร้างความม่ันคงและ
ผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาเซียน ซึ่งถือเป็นเสาหลักของ
นโยบายต่างประเทศบรูไนความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก การประชุมเอเชยี -ยุโรป กลุ่ม
ประเทศเครือจักรภพองค์การการประชุมอิสลามและสหประชาชาติ ในระดับทวิภาคีบรูไนพยายาม
เปน็ มติ รกบั นานาประเทศทั้งในดา้ นการค้าและการลงทุนเพื่อผลประโยชนท์ างเศรษฐกจิ และยังได้ร่วม
เป็นพันธมิตรทางการทหารกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการป้องกันประเทศ(กรม
เจรจาการคา้ระหว่างประเทศ, 2557, น.12)

แนวนโยบายระหว่างประเทศด้านการเมืองและความมั่นคง
บรูไนดำเนินนโยบายด้านการเมืองและความม่ันคงระหวา่ งประเทศตามแนวทางของอาเซียน

ปัจจุบันบรูไนได้สนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศแบบพหุภาคีนิยม (multilateralism) ที่เน้น
ความร่วมมือจากหลายประเทศ โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาที่กำลังเกิดข้ึนในปัจจุบันของ
ประเทศต่าง ๆ นั้นมีความหลากหลายของปัญหามากขึ้นและส่งผลกระทบต่อกัน โดยปัญหาที่เกิดใน
ประเทศหนึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ ตามมา ดังนั้นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างกันของทุก
ประเทศในการแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคง ความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองของ
สังคมระหว่างประเทศให้เกิดข้ึนได้ (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน อ้างใน กรม
ประชาสัมพันธ์, 2557)

นอกจากความมันคงของประเทศด้านการปอ้ งกันประเทศแล้วบรไู นยงั ต้องการสร้างความ มน่ั
คงทางอาหาร จึงให้ความสำคัญกับการยกระดับและพัฒนาเกษตรกรรมของประเทศ โดยจะ
พัฒนาการเกษตรแบบดั้งเดิมเป็นการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง ซ่ึงจะนำไปสู่การเกษตรเชิง
พาณิชย์ท้ังน้ีรัฐบาลได้เน้นให้มีการส่งเสริมการปลูกข้าวท่ัวประเทศ โดยขอความร่วมมือจากประเทศ
ต่าง ๆ ได้แก่จีน ไทย ฟิลิปปินส์และสิงคโปร์ซึ่งเป็นความหวังด้านความม่ันคงทางอาหารที่บรูไน
วางรากฐานใหก้ ับประเทศอย่างต่อเนอื่ ง(กรมการขา้ วกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 2559) ซ่ึงแสดงให้
เห็นถึงวสิ ัยทัศน์ในการบริหารประเทศที่ สร้างพันธมิตรและนำผลประโยชน์กลับมาสู่ประเทศจากการ
สรา้ งความรว่ มมอื ทางด้านการตา่ งประเทศทจ่ี ะเปน็ ประโยชนอ์ ย่างย่ังยืนตอ่ ไปในอนาคต

58

การสง่ เสริมความรว่ มมอื กันของกลุ่มประเทศท่ีประเทศบรูไนเข้ารว่ มเป็นสมาชกิ
แนวทางด้านการส่งเสริมความร่วมมือของการรวมกลุ่มระหว่างประเทศน้ัน บรูไนพยายาม

เป็นมิตรกับหลายประเทศท้ังในด้านการค้าและการลงทุนเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและยั งได้
ร่วมเป็นพันธมติ รทางทหารกับประเทศต่าง ๆ เพอื่ สรา้ งความเข้มแขง็ ในการป้องกันประเทศดังจะเห็น
ได้จากการที่ประมุขของประเทศซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลเสด็จเยือนประเทศต่างๆ เพื่อเป็นการสร้าง
บทบาทของบรูไนในเวทีระหว่างประเทศ รวมถึงการร่วมประชุมในเวทีระดับโลกน้ีเองส่งผลให้ บรูไน
ไดร้ บั การยอมรบั จากนานาประเทศทง้ั ในและนอกภมู ภิ าคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บรูไนให้ความสำคัญกับความร่วมมือของกลุ่มประเทศที่บรูไนเข้าร่วมเป็นสมาชิกโดยจะเห็น
ได้จาก การเข้าร่วมเป็นหน่ึงในสมาชิกของกลุ่มเอเปคโดยบรไู นเข้ามามีส่วนรว่ มในการร่วมกลุม่ เอเปค
ในการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค คร้ังท3ี่ ณ กรุงบนั ดาร์ เสรี เบกาวัน

ตลอดจนการเข้าเป็นสมาชิกองค์กรระดับโลกที่บรูไนเข้ าร่วมเป็นสมาชิกองค์การความ
ร่วมมืออิสลาม (The Organization of Islamic Cooperation) หรือ OICจัดตั้งใน ค.ศ.1969 เป็น
องค์การระหว่างประเทศองค์การเดียวที่ประกอบไปด้วยรัฐมุสลิม ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของศาสนา
อสิ ลามในเวทีระหว่างประเทศมีสมาชกิ จำนวน 57 ประเทศ ต้ังอยู่ใน 4 ทวปี คอื เอเชีย ยุโรป อเมริกา
และแอฟริกา OIC เป็นองค์กรระหว่างประเทศขนาดใหญ่เป็นอันดับสองเนื่องจากมีจำนวน สมาชิก
เป็นรองเพียงสหประชาชาติเท่านั้น จึงทำให้ปัจจุบัน OIC เป็นองค์การระหว่างประเทศที่มีความสำ
คัญในเวทกี ารเมอื งระหว่างประเทศ (จรญั มะลูลมี , 2555, น.20)

ในด้านแนวนโยบายการเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนของบรูไน เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน เม่ือ
วันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2527 และเป็นสมาชิกในลำดับที่ 6 บรูไนเคยเป็นเจ้าภาพในการจดั การประชมุ
สุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่7 เมื่อวันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2544 ที่เมืองบันดาร์ เสรี เบกาวันซึ่ง ถือเป็น
การมีบทบาทสำคัญของบรูไนต่ออาเซียนโดยการประชุมในครั้งน้ันผู้นำบรูไนได้ประณามการก่อ
วินาศกรรมในสหรัฐฯ พร้อมได้ร่วมลงนามในปฏิญญาการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนว่า ด้วยการ
ปอ้ งกนั การก่อการร้ายรว่ มกัน โดยเป็นความร่วมมือท้ังในกรอบทวิภาคี ภูมภิ าค และระหว่างประเทศ
เพื่อต่อต้านการก่อการร้ายอย่างรอบด้าน และเพื่อที่จะทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็น
ภูมิภาคที่ปลอดจากภัยคุกคาม ความร่วมมือน้ีได้จะนำมาซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพและความม่ันคงถือ
เป็นปัจจัยต่อการพัฒนาและความม่ังค่ังยิ่งข้ึนในอาเซียน (กระทรวงการต่างประเทศอ้างในส่วน
บริหารงานทวภิ าคสี ำนกั อาเซยี น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์, 2557)

รวมถึงการเป็นสมาชิกการวมกลุ่มความร่วมมือในระดับอนุภมู ิภาคระหว่างประเทศ อาเซียน
ท่ีเรยี กว่ากลุ่มประเทศ BIMP-EAGA ประกอบด้วยบรไู น อนิ โดนเี ซยี มาเลเซยี ฟิลิปปนิ ส์ The Brunei
Darussalam, Indonesia, Malaysia, and the Philippines-East ASEAN Growth Area (BIMP-
EAGA) ที่เน้นกรอบความร่วมมือภายในอนุภูมิภาครวมถึงประเทศที่อยู่ในทะเลจีนใต้เป็นหลัก โดย
จัดต้ังขึ้นในปี1994 ประกอบด้วย 4 ประเทศคือ บรู ไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ความ
ร่วมมือ ทางดา้ นกายภาพโดยการสรา้ งเสน้ ทางคมนาคมต่างๆ รวมทั้งเครือข่ายเทคโนโลยแี ละพลังงาน
ความร่วมมือด้านกฎระเบียบต่างๆในการที่เอื้อประโยชน์ด้านการค้าและด้านพรมแดนระหว่างกันใน

59

การนำมาสู่ความเชื่อมโยงด้านประชาชนสู่ประชาชนในการเคลื่อนย้าย คนไปมาหาสู่กันการลงทุน
ตลอดจนทางดา้ นวัฒนธรรม (สภานติ ิบัญญัตแิ หง่ ชาติ, 2559)

ซึง่ การเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศต่าง ๆ นี้ทำให้บรูไนมีความสัมพันธ์อันดีกับ
ประเทศเพื่อนบ้านและชาติสมาชิกในกลุ่มประเทศที่เข้าร่วมเป็นอย่างดีแนวนโยบายต่างประเทศ
ระดับทวิภาคีในระดับทวิภาคีบรูไนมีการดำเนินนโยบายต่างประเทศเชิงรุกมากขึ้นจากอดีตโดยจะ
เหน็ ไดจ้ ากการทีส่ มเด็จพระราชาธบิ ดเี สดจ็ เยือนตา่ งประเทศหลายครั้ง เพ่ือกระชับความสัมพนั ธ์อัน ดี
กับต่างประเทศ และเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง จากการที่บรูไน มี
นโยบายต่างประเทศที่ต้องการเป็นมิตรกับทุกประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศมหาอำนาจทาง
เศรษฐกิจ ท้ังสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่นและประเทศในตะวันออกกลาง ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้าน
ใกล้ชิดในอาเซียน ในด้านการเสริมบทบาทของบรูไนในภูมิภาครัฐบาลบรูไนได้ส่งกองกำลังเข้า
สังเกตการณก์ ารหยุดยิงระหว่างรฐั บาลฟิลิปปินส์และแนวรว่ มปลดปล่อยอสิ ลามโมโร (Moro Islamic
Liberation Front-MILF) ในมินดาเนาและบรูไนยังได้ร่วมใน peace-monitoring mission ใน
จงั หวัดอาเจะหด์ ้วย (สำนกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น อ้างใน กรมประชาสมั พันธ์, 2557)

ความสัมพันธ์ระหวา่ งประเทศของบรูไนในระดบั ทวิภาคี
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของบรูไนในระดับทวิภาคีบรูไนมีการสร้างความสัมพันธ์กับ

หลายประเทศท้ังประเทศขนาดใหญ่และประเทศขนาดเล็กโดยให้ความสำคัญในการแลกเปลี่ยน
ทางดา้ นเศรษฐกิจการค้าการลงทนุ ตลอดจนความรว่ มมอื ด้านความมน่ั คงในหลายประเทศ ดังน้ี

ความสัมพันธ์ระหว่างบรูไนกับจีน บรูไนสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับจีน โดยในปี
พ.ศ. 2548 บรูไน มุ่งเน้นการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศที่นำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จาก
การที่จีนเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่และมีประชากรจำนวนมาก ซึ่งในอนาคตความต้องการด้าน
พลังงานของจีนจะยังคงไม่ต่อเนื่องบรูไนและจีนจึงมีความร่วมมือในการสำรวจและพัฒนาแหล่ง
ทรพั ยากรธรรมชาติร่วมกันซ่ึงเดิมบรไู นมเี พยี งความรว่ มมือกับมาเลเซียเทา่ น้ัน

และในปี 2556 ได้มีการเดินทางมาเยือนบรูไนของ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน
(นายหวัง อี้) ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ในการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับบรูไน
โดยเฉพาะดา้ นพลงั งาน การท่องเที่ยว สาธารณสขุ โครงสร้างพื้นฐาน การเกษตรและประมง ตลอดจน
การลดภาพลักษณ์เชิงลบ อันเนื่องมาจากประเด็นทะเลจีนใต้ ด้วยการสนับสนุนการหารือ เรื่องการ
จดั ทำ CoC ซึ่งเปน็ กลไกลดความขัดแย้งดว้ ยสันตวิ ิธรี ะหว่างประเทศผู้อา้ งสิทธิ์ทับซอ้ นในทะเลจนี

ความสัมพันธ์ระหว่างบรูไนกับสิงคโปร์บรูไนและสิงคโปร์มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมา
ยาวนานโดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจบรูไนและสิงคโปร์มีการผูกค่าเงินให้เท่าเทียมกัน เพื่อความ
สะดวกในการค้าระหว่างกัน โดยขอตกลงมีต้ังแต่ปีพ.ศ.2510 เป็นต้นมาเป็นระยะเวลา 50 ปี
ตลอดจนรัฐบาลบรูไนและสิงคโปร์ยังมีความร่วมมือในการหาแหล่งพลังงานสำรองเพิ่มเติมจากการ
นำเข้าก๊าซธรรมชาติจากมาเลเซียและอินโดนีเซียที่มีอยู่ในปัจจุบัน และในปีพ.ศ. 2556 รอง
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ (นาย Teo Chee Hean) และประธานาธบิ ดสี งิ คโปร์ (นาย Tony Tan Keng)

60

ได้เดินทางมาเยือน ในการสนับสนุนความร่วมมือที่หลากหลายของทั้งสองประเทศระหว่างกัน เช่น
ด้านเศรษฐกิจการเงิน ด้านการค้าการลงทุน ด้านการท่องเที่ยว ด้านการศึกษาและด้านสาธารณสุข
ด้านกลาโหม ด้านความม่ันคงใต้ ( กระทรวงการต่างประเทศอ้างในส่วนบริหารงานทวิภาคีสำนัก
อาเซียน กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกระทรวงพาณชิ ย์ ,2557 )

ความสัมพันธ์ระหว่างบรไู นกับเวียดนาม ความสัมพันธ์ระหว่างบรูไนกับเวียดนามน้ันมีต่อกัน
มาตั้งแต่ ปีค.ศ.1992 และมีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนไปมาเยี่ยมเยือนและพบปะกันอยู่เสมอ โดย
ท่านเหงวียนเติ้นหยุงนายกฯได้เดินทางไปเยือนบรูไนดารุสซาลามเมื่อปีค.ศ.2007 และการเดินทาง
เยือนเวียดนามสมเด็จพระราชาธิบดีฮจัญีฮัส ซานัล โบลเกียห์มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์แห่ง บรูไนได้
เดินทางมากรุงฮานอยเพื่อเข้ารว่ มการประชุมผู้นำอาเซยี นคร้ังท1่ี 6 ในเดอื นเดอื นเมษายน ค.ศ. 2010
และการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่17 เมื่อเดือนตุลาคมในปีเดียวกัน ส่วนท่านฝ่ามบิ่งมิงห์ รมว.
ต่างประเทศเวียดนามได้เดินทางไปเยือนบรูไน ดารุสซาลามเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีค.ศ.2012
ความสัมพันธ์ระหว่างบรูไน-เวียดนาม ซึ่งครบรอบ 20ปี ความสัมพันธ์ ในปี 2012 เวียดนามและ
บรูไน มีความสัมพันธ์ระหว่างกันท้ังความร่วมมือด้านวิชาการ อุตสาหกรรม มีการลงทุนการค้า
การเกษตรและการประมง ทั้งนี้การค้าระหว่างบรูไนและเวียดนามยังไม่มีมูลค่าไม่มากโดยมูลค่า
การค้าระหว่างสองประเทศคิดเป็นเพียงไม่กี่ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในด้านการลงทุนพบว่าเดือนกัน
ยายน 2012 บรูไนอยู่ในลำดับท่ี12 จากประเทศท้ังหมดที่เข้ามาลงทุนในเวียดนาม โดยมีโครงการที่
เข้ามาลงทุน 129 โครงการ เป็นเงินจดทะเบียน 4 พัน 900 ล้านเหรียญสหรฐั แต่เวียดนามมีโครงการ
ลงทุนในบรูไน 1โครงการ(ส่วนกระจายเสียงต่างประเทศวิโอวี5-สถานีวิทยุกระจายเสียง เวียดนาม,
2559) ทง้ั นี้เมอ่ื พจิ ารณารว่ มกับปจั จัยที่เกย่ี วข้องในการเข้าไปลงทนุ ในบรูไนแล้วมีปัจจัย ที่เก่ียวเน่ือง
ในการตัดสินใจเข้าไปลงทุนในบรูไนหลายประการ ทั้งจากการที่บรูไนมีกฎหมายในการทำธุรกิจใน
ประเทศที่ต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุน บรูไนเป็นประเทศมุสลิมที่มีความเคร่งครัดทำให้มีข้อจำ
กัด ทางการค้าที่เคร่งครัดเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าประเภทอาหาร ซึ่งกำหนดให้เป็นอาหารฮาลาล
เท่าน้ัน โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ เป็นต้น หรือการที่บรูไนอนุญาตให้ผู้ประกอบการต่างชาติเข้ามาลงทุนได้
เกือบทุกสาขา รวมถึงอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ถึงร้อยละ 100 ในทุกสาขา ยกเว้นอุตสาหกรรม ท่ี
ใช้ทรพั ยากรภายในประเทศและอุตสาหกรรมเกยี่ วข้องกับความมน่ั คงทางอาหารแห่งชาติซ่ึงยังต้องมีผู้
ถือหุ้นภายในประเทศอย่างนอ้ ยร้อยละ 30 ในสาขา การเกษตร ประมง และการแปรรูปอาหารแตย่ ัง
ไม่มีคำนิยามที่ชัดเจนว่าสาขาใดที่ต้องมีผู้ถือหุ้นภายในประเทศ ในด้านการส่งเสริมการลงทุนจาก
ต่างชาติเน้นการให้สิทธิพิเศษทางภาษี (กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณชิ ย,์ 2557)
จึงยังเป็นข้อสังเกตด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในการเกิดข้ึนได้จริงมากน้อยเพียงใด ในแง่ของ
การจ้างแรงงานในบรไู น ผู้ประกอบการจากต่างประเทศอาจมีข้อพจิ ารณาเพ่ิมเติมเน่ืองจากบรไู นไม่ได้
ก ำ ห น ด อั ต ร า ค่ า จ้ า ง ข้ั น ต่ ำ ค่ า จ ้ า ง ใ น แ ต ่ ล ะส า ขา อา ช ี พแ ล ะต ้ อง กา ร ล ด กา ร พ่ึ ง พา แ ร ง ง า น จ า ก
ต่างประเทศรวมถึงการสนับสนุนให้ชาวบรูไนได้ทำงานในอุตสาหกรรมพลังงานเพ่ิมมากข้ึน ในปี พ.ศ.
2556 สัดส่วนแรงงานในอุตสาหกรรมพลงั งานเป็นชาวบรูไนประมาณร้อยละ 40และเป็นชาวตา่ งชาติ
ร้อยละ 60 และภายในปี 2578 รัฐบาลบรูไนตั้งเป้าหมายให้มีสัดส่วนจะต้องมีแรงงานชาวบรูไน

61

จำนวน 40,000 คนจากจำนวนแรงงานท้ังหมด 50,000 คน ในภาคอุตสาหกรรมพลังงาน (ส่วน
บริหารงานทวิภาคีสำนักอาเซยี น กรมเจรจาการค้าระหวา่ งประเทศ, 2557) ซ่งึ จะเห็นได้ว่าในอนาคต
การทำงานของชาวต่างชาติจะน้อยลงและการจ้างงานท่ียังไม่เป็นมาตรฐานยังเป็นข้อสังเกตของนัก
ลงทุนต่างชาติในการตัดสินใจเข้าไปลงทุนในบรูไนแม้นโยบายและการดำเนินนโยบายระหว่าง
ประเทศจะเปิดโอกาสและสร้างความร่วมมือระหว่างกันของภาครฐั เปน็ อย่างดีแต่ในแง่ของเอกชน ยัง
ต้องมีการพิจารณาเพิม่ เติม

นอกจากน้ีแล้ว ปี พ.ศ.2556 บรูไนได้มีการส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศท้ังในและนอก
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ
และตอบสนองนโยบายของรัฐบาล โดยบรูไนได้ต้อนรับบุคลกรสำคัญจากหลายประเทศ ดังน้ีผู้
บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพ้ืนแปซิฟิก (พลเรือเอก Samuel Locklear) ในการสนับสนุน
บรูไนในฐานะบทบาทประธานอาเซยี น และแสดงการสนับสนนุ การจดั ทำ Code of Conduct in the
South China Sea (CoC) สำหรับแก้ไขปัญหาในทะเลจีนใต้และการเดินทางมาเยือนของ
นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (นายทองสิง ทามะวง) เพื่อการหารือระหว่าง
กัน ในเร่อื งความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน และความร่วมมือด้านพลังงานซ่ึงบรูไนมีความสนใจที่จะ
ร่วมมือเพื่อก่อตั้งบริษัทพลังงานใน สปป.ลาว ในอนาคต ขณะที่ สปป.ลาว ต้องการให้บรูไนท้าความ
ตกลงแลกเปลี่ยนสินค้า (barter trade agreement) และเสนอให้บรูไนพิจารณาร่วมทุนในการปลูก
ข้าวสายพันธุ์เมล็ดยาวในลาว การเดินทางมาเยือนบรูไนของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย (นายนาจิบ รา
ซัค) เมื่อวันที่ 7-8 ธันวาคม 2556 ที่ได้ร่วมพิธีเปิดสะพานมิตรภาพบรูไน-มาเลเซียอย่างเป็นทางการ
ซึง่ เป็นจุดเชื่อมโยงการคมนาคม ทางบกระหว่างเขตเต็มบูรงของบรูไน กับรัฐซาราวัคของมาเลเซีย
และจะชว่ ยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกจิ และการท่องเท่ียวของท้ังสองประเทศ

นอกจากการต้อนรับบุคลากรจากต่างประเทศแล้วในช่วงคร่ึงแรกของปีพ.ศ. 2556 สมเด็จ
พระราชาธิบดีแห่งบรูไนยังได้เสด็จเยือนประเทศต่างๆ และมีเข้าไปมีส่วนร่วมมากข้ึนในเวทีระหว่าง
ประเทศ ดังนี้1.การเสด็จเยือนจีน เพื่อเข้าร่วมการประชุม Boao Forum for Asia (BFA) และการ
กล่าวถึงบทบาทของอาเซียนในการเสริมสร้างสันติภาพและความร่วมมือในภูมิภาค และร่วมกัน
แก้ปัญหาระดับโลกต่าง ๆ อาทิการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และการขจัดความยากจนเป็นต้น 2.
การเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาเพื่อเน้นการส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี ความร่วมมือในกรอบ Trans-
Pacific Partnerships และแผนการดำเนินงานของบรูไน ในฐานะประฐานอาเซียน โดยได้เชิญ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าร่วมการประชุม East Asia Summit (EAS) และการประชุมอาเซียน-
สหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม 2556 3.การเสด็จเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุม Asia-Pacific Water
Summit ครง้ั ท2่ี ณ จังหวัดเชยี งใหม่และให้ข้อมูลวา่ บรไู นมแี ผนงานและโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำ
อย่างเป็นรูปธรรมเช่นเดียวกับไทย (กระทรวงการ ต่างประเทศ อ้างใน ส่วนบริหารงานทวิภาคีสำนกั
อาเซียน กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณชิ ย์, 2557)

จากการวางวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศและการประเทศและบรูไนใช้กลไกพหุภาคีท้ังใน
ระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือหลักในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ เพื่อ

62

เพิ่มอำนาจการต่อรองเสริมสร้างความมั่นคงและผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งกับอาเซียน ซ่ึงถือเป็นเสาหลักของนโยบายต่างประเทศบรูไน ตลอดจนความร่วมมือในระดับ
ทวีภาคีบรูไนพยามยามเป็นมิตรกับนานาประเทศทั้งในด้านการค้าและการลงทุน เพื่อผลประโยชน์
ทางเศรษฐกิจ และยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางการทหารกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งใน
การป้องกันประเทศด้วยการศึกษามิติการต่างประเทศนี้จะเป็นพ้ืนฐานในการเข้าใจประเทศบรูไนมาก
ยิ่งขน้ึ ในด้านความสมั พันธร์ ะหว่างประเทศตลอดจนแนวทางในการที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง
ป ร ะ เ ท ศ ใ ห ้ เ พ ิ ่ ม ม า ก ยิ่ ง ขึ้ น ซึ่ ง ข้ อ ม ู ล มิ ติ ก า ร ต ่ า ง ป ร ะ เ ท ศ จ ะ เ ป ็ น แ น ว วิ เ ค ร า ะ ห์ ถึ ง จ ุ ด แ ข็ ง
(Strengths)จุดอ่อน (Weaknesses) ที่จะทำให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศ ได้อีกทั้งเป็น
แนวทางในการวิเคราะห์ถึงโอกาส (Opportunities) และอุปสรรค(Threats) ที่จะเกิดข้ึนในอนาคต
หลงั การเปิดประชาคมอาเซยี น
การวิเคราะห์มิติการต่างประเทศของบรไู น

จากวิสัยทัศน์และการดำเนินนโยบายต่างประเทศของบรูไนสามารถวิเคราะห์โดยใช้กรอบ
SWOT analysis มาใช้วิเคราะห์ปัจจัยที่เป็นจุดแข็ง (Strengths) จุดอ่อน (Weaknesses) โอกาส
(Opportunities)และอุปสรรค (Threats) ในการวิเคราะห์ สภาพการณ์ (Situation Analysis) ซึ่งมี
ผลตอ่ การดำเนนิ นโยบายตา่ งประเทศของบรูไนได้ดังน้ี

จุดแข็งของมิติการต่างประเทศของบรูไน (Strengths)ได้แก่ บรูไนมีการสร้างความร่วมมือ
การส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติการสร้างความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น กลุ่มการค้ า
โอเปคการแสวงหาความร่วมมือด้านความม่ันคงทางอาหารกับไทย เวียดนามและจีน ความร่วมมือ
การทหารและการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน เป็นต้น แนวนโยบายต่างประเทศที่เป็นตลอดจนนโยบาย
ต่างประเทศของบรูไนเน้นนโยบายกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศต่าง ๆ ที่ล้วน
กอ่ ให้เกดิ ผลดตี ่อบรูไนโดยตรงและส่งเสริมให้เกิดความเข้มแขง็ มนั่ คงในประเทศได้เปน็ อย่างดี

จุดอ่อนของมิติการต่างประเทศของบรูไน (Weaknesses) แม้บรูไนจะสร้างความมือกับ
ต่างประเทศในมิติการตา่ งประเทศนับเป็นแนวทางทีด่ ึงดูดความสนใจของต่างประเทศที่จะมีต่อบรูไน
แต่จุดอ่อนของมิติการต่างประเทศของบรูไนแม้จะไม่ได้มาจากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยตรง
แต่ความร่วมมือในบางเรื่องยังติดขัดข้อกฎหมายระหว่างประเทศ การที่บรูไนมีกฎหมาย เฉพาะการ
สรา้ งความร่วมมือทางด้านธุรกิจผู้ทจ่ี ะเข้าไปลงทนุ ในบรูไนต้องศกึ ษาข้อปฏิบัติให้เครง่ ครัดก่อนเข้าไป
ลงทุน ซึ่งเป็นจุดอ่อนจากกฎหมายภายในที่อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของต่างชาติสร้างความ
ร่วมมือทางเศรษฐกิจหรือการลงทุนในกิจการที่จะประกอบในประเทศบรูไน ได้รวมถึงการที่บรูไนมี
ประชากรไม่มากทำให้การสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจในแง่ของการ เป็นตลาดการขายสินค้าไมม่ ี
ความนา่ สนใจเม่ือเทยี บกับจำนวนประชากรของประเทศอน่ื ในกล่มุ อาเซียน

โอกาสของมิติการต่างประเทศของบรูไน (Opportunities) บรไู นมกี ารเสริมสร้างความม่ันคง
ภายในและการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ภัยธรรมชาติ นอกจากน้ียังมีการส่งเสริมบทบาท
ทางทหารและความมั่นคงในภูมิภาค ตลอดจนการที่สุลต่านเป็นผู้ดำเนินงานเองทำให้เกิด ความ
เชือ่ ม่ันของประเทศตอ่ นานาชาตเิ ปน็ การเปิดโอกาสใหแ้ กบ่ รูไนเป็นอย่างมากในการเข้าไปมีบทบาทใน

63

กลุ่มองค์กรระหว่างประเทศ เช่น การเป็นประธานอาเซียน การเป็นสมาชิกกลุ่ม OIC เป็นต้น ซ่ึงให้
บรไู นแมจ้ ะเป็นประเทศขนาดเล็กแตก่ ม็ ีโอกาสสำคัญหลายคร้ังในการเจรจาในเวที โลก

อุปสรรคของมิติการต่างประเทศของบรูไน (Threats)ขณะนี้บรูไนกำลังอยู่ในระหว่างการ
จดั ทำ กฎหมายบางประเภทใหส้ อดคลอ้งกับกฎหมายระหว่างประเทศเช่นกฎหมายกำหนดคา่ แรง ขนั้
ต่ำ และยังได้คาดหวังที่จะออกกฎหมายที่ให้เสรีภาพในการจัดตั้งสมาคมและการยอมรับสิทธิใน การ
เจรจาต่อรอง ตลอดจนแรงงานบังคับทุกประเภทและบรูไนเองก็ต้องดำเนินการตามกฎของการ
รวมกลุ่มระหว่างประเทศเพื่อให้มีมาตรฐานในการทำงานและการยอมรับจากต่างชาติต่อมาตรฐาน
การทำงานในบรูไนซึ่งยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือจากต่างประเทศโดยเฉพาะ
อย่างยง่ิ การส่งเสรมิ ความรว่ มมือทางด้านเศรษฐกจิ ท่บี รูไนต้องการใหเ้ กดิ ขน้ึ อยา่ งเป็นรปู ธรรม

บรรณนกุ รม

กรมการขา้ วกระทรวงเกษตรและสหกรณ์. (2559). เอกสารโครงการ Memorandum of
Understanding on Agricultural Cooperation between Brunei Darussalam
and Kingdom of Thailand 13-17 กนั ยายน 2559. เอกสารอัดสำเนา.

กรมเจรจาการคา้ ตา่ งประเทศกระทรวงพาณชิ ย.(์ 2557). เนการาบรไู นดารสุ ซาลาม(Negara
Brunei Darussalam). คน้ เมอ่ื 2 มิถนุ ายน 2558 จาก
http://www.dtn.go.th/images/103/Minky/3%20Vision%20Brunei

กรมส่งเสริมการคาร้ ะหว่างประเทศกระทรวงพาณิชย.(์ 2557).รอบรูเ้ รือ่ งการลงทุนในอาเซยี น บรไู น
ดารสุ ซาลาม. พิมพคร์ ั้งท1ี่ .

กระทรวงการต่างประเทศอ้างใน ส่วนบริหารงานทวิภาคีสำนักอาเซียน กรมเจรจาการค้าระหว่าง
ประเทศ กระทรวงพาณิชย์. (2557). เนการาบรไู นดารสุ ซาลาม(Negara Brunei
Darussalam).ค้นเม่อื 15 มิถนุ ายน 2558 จาก http://www.thaifta.com/
ThaiFTA/Portals/0/ctrprof_bndec57full.pdf

จรัญ มะลลู ีม.( 2555). OIC องค์การมุสลิมโลกในโลกมุสลมิ . กรุงเทพฯ: ศยาม.
จติ ติมาคม้ิ สุขศรี. (2556). เนการาบรูไนดารสุ ซาลาม2012. ใน กระแสเอเชยี 2013. กรุงเทพฯ:

สถาบนั เอเชยี ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
สภานติ ิบัญญัตแิ ห่งชาต.ิ (2559). ข้อมูลบรไู นดารุสซาลาม( Negara Brunei Darussala). คน้ เม่อื

25 สงิ หาคม 2559, จาก mhttp://www.senate.go.th/w3c/senate/pictures/
content/file_1434343573.pdf
ส่วนกระจายเสียงตา่ งประเทศวีโอวี5-สถานีวทิ ยุกระจายเสียงเวยี ดนาม. (2555). เวียดนาม
เสริมสรา้ งและขยายความสัมพันธก์ ับประเทศในภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้.
ค้นเม่อื 25 สงิ หาคม 2559,จาก http://vovworld.vn/th

64

ส่วนบริหารงานทวิภาคสี ำนักอาเซยี น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ. (2557). เนการาบรไู นดา
รุสซาลาม(Negara Brunei Darussalam).ค้นเม่ือ 15 มิถนุ ายน 2558, จาก
http://www.thaifta.com/ThaiFTA/Portals/0/ctrprof_bndec57full.pdf

สำนักงานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน อ้างใน กรมประชาสมั พนั ธ์. (2557). นโยบาย
ต่างประเทศของบรูไน. คน้ เมื่อ 4 มีนาคม 2559,จาก http://www.aseanthai. net/
ewt_news.php?nid=2813&filename=index

วิเคราะหบ์ ทความ

ในการศึกษาถึงมิติด้านการต่างประเทศของบรูไนดารุสซาลามทำให้เหน็ ถึงความสมั พันธ์ของ
บรูไนกับต่างประเทศที่เป็นการแสดงออกต่อนานาชาติในลักษณะต่าง ๆ จากแนวนโยบายการ
ต่างประเทศและนำไปสูก่ ารปฏิบัติ มติ กิ ารต่างประเทศนี้จะเปน็ พื้นฐานในการเข้าใจประเทศบรูไนมาก
ย่ิงข้ึนท้ังลักษณะการส่งเสริมภายในจากนโยบายต่างประเทศที่ได้วางไว้เพื่อการดำเนินการให้เกิดผล
อย่างเป็นรูปธรรมในการสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศในเชิงบวกท้ังทางความม่ันคงและทาง
เศรษฐกิจ จากแนวนโยบายต่างประเทศที่เป็นหลักการดำเนินนโยบายต่างประเทศของบรูไนที่ยึดถือ
ในการเคารพในอธิปไตย อิสรภาพ และบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศต่าง ๆ การไม่แทรกแซงใน
กิจการภายในซึ่งกันและกันการยอมรับในสถานภาพที่เท่าเทียมกันของประเทศต่าง ๆ การแสวงหา
แนวทางในการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสนั ตวิ ิธีสร้างความรว่ มมือ ระหว่างประเทศเพ่ือผลประโยชน์ร่วมกัน
โดยจะเห็นได้จากความร่วมมือกับกลุ่มประเทศต่างๆ โดย มิติการต่างประเทศน้ีสามารถวิเคราะห์ให้
เห็นถึง จุดอ่อน (Weaknesses) โอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threats) ในการวิเคราะห์
สภาพการณ์ (Situation Analysis) โดยปัจจัยที่เป็นจุดแข็ง (Strengths) การสร้างความร่วมมือ
ระหว่าง ประเทศการส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติการสร้าง ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและสังคม
รวมทั้งส่งเสริมสันติภาพ ความม่ันคงความมีเสถียรภาพและความรุ่งเรืองในระดับภูมิภาคและระดับ
โลกโดยจุดอ่อน (Weaknesses) ได้แก่ บรูไนเป็นประเทศท่ี มีขนาดเล็ก มีประชากรน้อย ทำให้ตลาด
การค้าของบรูไนเมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียนยังไม่ดึงดูดนักลงทุนมากนัก และบรูไนมีกฎหมาย
เฉพาะการสร้างความร่วมมือทางด้านธุรกิจผู้ที่จะเข้าไปลงทุนในบรูไนผู้ท่ีสนใจเข้าไปลงทุนต้องศึกษา
ข้อปฏิบัติให้เคร่งครัดก่อนเข้าไปลงทุน โอกาส (Opportunities) ได้แก่การเข้าร่วมการรวมกลุ่มทั้ง
ด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ตลอดจนมีบทบาทในระดับนานาชาติโดยสุลต่านเป็นผู้
ดำเนินงานเองทำให้เกิดความเชื่อม่ันของประเทศต่อนานาชาติซ่ีงเป็นการสร้างโอกาสจากการวาง
นโยบายการต่างประเทศในเวทีระดับโลก ทง้ั นี้มอี ปุ สรรค(Threats) ไดแ้ กก่ ารเร่งสรา้ งความเชื่อมั่นใน
เวทีโลกการที่บรูไนมีกฎหมายบางประเภทไม่ส่อดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น กฎหมาย
คา่ แรงขนั้ ต่ำที่ปัจจุบันบรูไนกำลังปรับปรุงตามกฎของการรวมกลุ่มระหว่างประเทศเพื่อให้มีมาตรฐาน
ในการทำงานและการยอมรับ จากต่างชาติต่อมาตรฐานการทำงานในบรูไนซึ่งเป็นสิ่งที่บรูไนต่าง
เพิ่มเติมในมิติการต่างประเทศ ซึ่งจากการสำรวจและศึกษาข้อมูลพ้ืนฐานของประเทศบรูไนดารุสซา

65

ลามในด้านมิติทางการ ต่างประเทศน้ีช่วยให้เกิดความเข้าใจต่อประเทศเพื่อนได้ดียิ่งข้ึนซึ่งจะเป็น
พนื้ ฐานสำคัญในการอยรู่ ว่ มกันภายใตก้ ารเปน็ สมาชิกประชาคมอาเซียน

ผวู้ เิ คราะห์บทความ
นางสาวบญุ รัตน์ บญุ ลอื เลศิ รหสั นิสิต631031420

66

“Wawasan Brunei 2035” และโอกาสด้านการค้าและการลงทุนของประเทศไทย
“Wawasan Brunei 2035” and Thailand's Trade and Investment
Opportunities

รมดิ า ชน้ั พรภักดี ทรงชัย ทองปาน
Ramida Chanpornpakdee, Songchai Thongpan

บทคัดย่อ
เนื่องจากน้ำมันซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศบรูไนกำลังจะหมดไป ประเทศบรูไทยจึง
ตระหนักถึง ความสำคัญในการเร่งปฏิรูปประเทศและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบเศรษฐกิจเพื่อ
รับมือกับสถานการณ์ ดังกล่าว งานวิจัยครั้งน้ีจึงมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ ได้แก่ (1) เพื่อศึกษา
นโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจภายใต้ แผนพัฒนาวิสัยทัศน์บรูไน และ (2) เพื่อศึกษาศักยภาพและ
โอกาสด้านการค้าและการลงทุนของประเทศไทย ในบรูไน โดยใช้วิธีการวิจัยเอกสารและการ
สมั ภาษณ์ตัวแทนหน่วยงานทเี่ กยี่ วข้อง
ผลการศึกษาพบว่า แผนพัฒนาวิสัยทัศน์บรูไนมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ประชาชนมี
การศึกษาที่ดี มีทักษะความรู้สูง และคุณภาพชีวิตที่ดีมีมาตรฐานการครองชีพที่ดี มีความมั่นคงด้าน
การเมอื ง สรา้ งเศรษฐกจิ ทม่ี ีความเจรญิ เตบิ โตอย่างมีพลวัตและยั่งยนื และธำรงไวซ้ ึง่ สงั คมที่มีค่านิยม
ที่ย่ังยืนผ่านยุทธศาสตร์หลัก 8 ด้านและดำเนินนโยบายภายใต้แผนพัฒนาแห่งชาติ โดยแผนพัฒนา
วิสัยทัศน์บรูไน ท้าให้ประเทศไทย มีโอกาสในการเข้าไปลงทุนในประเทศบรูไนใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้าน
อุตสาหกรรมการเกษตร ด้านอุตสาหกรรม การประมง ด้านอุตสาหกรรมฮาลาล ด้านอุตสาหกรรม
ทอ่ งเท่ียว และดา้ นการลงทนุ ทา้ ธุรกิจขนาดกลางและ ขนาดยอ่ ม (SMEs)
คำสำคญั : แผนวิสยั ทศั นบ์ รูไน บรูไน โอกาสด้านการคา้ โอกาสด้านการลงทุน

Abstract
Because oil, which was the main income of Brunei, was about to run out Brunei
was aware of the importance of accelerating national reform and structural change in
order to cope with the situation. This research therefore had two objectives which
were (1) to study the economic reform policy under the Wawasan Brunei and (2) to
study the potential and opportunities for trade and investment of Thailand in Brunei.
This research used research methods, documents and interviews with representatives
of relevant agencies.
The study found that the Wawasan Brunei was committed to pushing people
to have a better education, have skills, high knowledge and good quality of life, have

67

a good standard of living political stability create an economy that is dynamic and
sustainable and maintain a society with sustainable values. The development will go
through eight main topics and will be implemented under the national development
plan. The Wawasan Brunei gives Thailand the opportunity to invest in Brunei in 5 areas,
namely agro-industry, fishery industry, halal industry, tourism industry and investment
for Small and Medium Enterprises.
Keywords: Wawasan Brunei 2035, the Brunei, Trade opportunities, Investment
opportunity

บทนำ
ประเทศบรูไน หรือ เนการาบรูไนดารุสซาลาม (Negara Brunei Darussalam) เป็นประเทศ

หนึ่งใน สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ที่แม้จะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่
เป็นประเทศที่มี ความมั่นคงทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก สะท้อนได้จากค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของ
ประเทศ (Gross Domestic Product ) หรือค่า GDP ที่มีตัวเลขถึง 12.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
(กรมสง่ เสริมการคา้ ระหว่างประเทศ, 2561) ประชากรมีรายไดต้ อ่ หัวถงึ 29,152 ดอลลารส์ หรฐั ฯ

ท้ังน้ีปัจจัยหลักที่ท้าให้ประเทศบรูไนมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเกิดจาก
อุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติที่หล่อเลียงประเทศบรูไน แม้ว่าประเทศบรูไนจะเร่ิมค้นพบบอ่
น้ำมันและก๊าซธรรมชาติมา ต้ังแต่ปี 1899 แต่ในปัจจุบันประเทศบรูไนก็ยังคงค้นพบบ่อน้ำมันอีก
หลายบ่อ โดยในปี 1979 บรูไนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันได้ถึง 250,000 บาเรลต่อวนั
และในปี 1991 บรูไนสามารถผลิตน้ำมันได้สูง ถึง 1 พันล้านบาเรล ส่งผลให้ประเทศบรูไนมีกำลังใน
การผลิตน้ำมนั สำหรับการส่งออกน้ำมนั ไดเ้ ปน็ จำนวนมาก

อย่างไรก็ตามทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป (Non
Renewable Resources) ประเทศบรูไนก็เช่นเดียวกัน จากข้อมูลของ U.S. Energy Information
Administration (EIA) (2017) รายงานว่า ในปี 2012 ประเทศบรูไนมีปริมาณน้ำมันสำรองลดลงกวา่
ร้อยละ 19 และ 39 ในช่วง 20 และ 30 ปีที่ผ่านมา จากข้อมูลดังกล่าวท้าให้มีการคาดการณ์ว่า
ปริมาณน้ำมันดิบสำรองของบรูไนจะหมดลงใน อีก 15 ปีข้างหน้า ตามด้วยก๊าซธรรมชาติสำรองที่จะ
หมดลงใน 25 ปขี ้างหน้า ดงั นั้นทรัพยากรทลี่ ้ำค่าของ บรูไนน้ีกำลังจะหมดลงในราวปี 2028-2032

เมื่อน้ำมันที่เป็นรายได้หลักของประเทศกำลังจะหมดไป รัฐบาลบรูไนจึงตระหนักถึง
ความสำคัญในการเร่ง ปฏิรูปประเทศและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับการที่
ทรัพยากรน้ำมันจะหมดในอีกไม่ก่ี ปีข้างหน้า ดังน้ันในปี 2007 รัฐบาลบรูไนจึงได้ประกาศ
“Wawasan Brunei 2035” หรือ “Vision Brunei 2035” ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์และเป็นแผนพัฒนา
ประเทศระยะยาวของประเทศบรูไน โดยบรูไนได้วางแผนที่จะ ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและให้
ความสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม เกษตรกรรมและการค้าบริการ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
อตุ สาหกรรมฮาลาล เทคโนโลยีสารสนเทศ การเงินการธนาคาร และการท่องเท่ยี ว ซ่งึ เปน็ มาตรการท่ี

68

ใช้เพื่อสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจทดแทนอุตสาหกรรมน้ำมันที่กำลังจะหายไป และ ด้วย
รัฐบาลบรไู นได้ตระหนักดวี า่ สภาพภูมิศาสตร์โดยเฉพาะในด้านพื้นที่ของประเทศน้ัน ไม่สามารถที่จะ
ส่งเสริมด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรได้มากนัก ท้าให้รัฐบาลมุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจที่เน้น
เทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจโลก นอกจากนี
ยังมุ่งผลักดันด้าน การศึกษาเนื่องจากรัฐบาลบรูไนเห็นว่า การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ
รวมไปถึงการตั้งเป้าหมาย ที่จะส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศด้วยการเปิดเสรีการค้ากับ
ต่างประเทศ โดยได้มีการออกนโยบายและ กฎหมายต่าง ๆ ที่ส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนจาก
ต่างประเทศ ซ่งึ ถอื วา่ เป็นยุทธศาสตร์ทสี่ ำคัญของบรูไน ในการท่จี ะจูงใจใหน้ ักลงทุนต่างชาติได้เข้ามา
ลงทุนจากนโยบาย เช่น การลดหยอ่ นภาษี เป็นต้น

จากวิสัยทัศน์บรูไนดังกล่าว ท้าให้ประเทศไทยอันเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกสมาคม
ประชาชาติแห่ง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) เช่นเดียวกับประเทศบรูไน มีโอกาสในการค้าและ
การลงทนุ กับประเทศ บรูไนเน่อื งจากประเทศบรูไนและประเทศไทยน้ันมีความสัมพันธ์ท่ีดำเนินด้วยดี
มาโดยตลอด มกี ารแลกเปลีย่ น การเยอื นระดบั ราชวงศ์และผู้นา้ ระดับสูงอยเู่ สมอและมักเปน็ พันธมิตร
ในเรือ่ งตา่ ง ๆ ทง้ั ในกรอบอาเซียนและ กรอบสหประชาชาติ รวมไปถึงความสัมพนั ธ์ด้านการคา้ (ส่วน
บริหารงานทวิภาคี สำนกั อาเซยี น กรมเจรจา การคา้ ระหว่างประเทศ, 2562) ซ่ึงบรไู นเป็นคู่ค้าอันดับ
ท่ี 50 ของไทยในโลกและอันดบั 9 ของไทยในอาเซยี น โดยไทยมีมลู คา่ การสง่ ออกกบั ประเทศบรูไนคิด
เป็น 81.15 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสินค้าส่งออกหลักคือ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว
เครื่องจกั รกลและส่วนประกอบ ปูนซเี มนต์ อาหารสตั ว์เล้ียง ผลิตภัณฑ์ยาง นำ้ ตาลทราย อัญมณีและ
เครือ่ งประดับ เครอื่ งปรับอากาศและสว่ นประกอบหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เปน็ ต้น

จากแผนพัฒนาดังกล่าว จะเห็นได้ว่านโยบายที่ประเทศบรูไนได้ออกมาเพื่อส่งเสริมด้าน
การค้า การลงทุนน้ัน เป็นนโยบายที่สามารถสร้างโอกาสให้กับประเทศไทยในด้านการค้าและการ
ลงทุนใหม้ อี ัตราท่ี สูงขน้ึ ได้ เนื่องจากไมไ่ ด้มีคแู่ ข่งทางการค้าจ้านวนมาก รวมไปถงึ การเป็นพนั ธมิตรทั้ง
ด้านการคา้ อนั ยาวนาน และการเป็นสมาชิกประชาคมอาเซียนดว้ ยกนั น้ัน มสี ่วนในการสร้างโอกาสใน
การลงทุนมากขึ้นยิ่งไปอีก โดยเฉพาะนโยบายในการส่งเสริมด้านการค้าและการลงทุนนั้นถือเป็น
โอกาสที่ดีในการลงทนุ ของ ผปู้ ระกอบการไทยท่ีควรอาศัยนโยบายส่งเสรมิ การลงทุนจากต่างชาติของ
รฐั บาลบรูไนทใี่ หส้ ทิ ธพิ ิเศษหลาย ประการแก่นักลงทุนตา่ งชาติ

จากความสำคัญดังกล่าว บทความคร้ังน้ีจึงต้องการนำเสนอ (1) พัฒนาการเชิงนโยบายการ
ปฏิรูป เศรษฐกิจภายใต้แผนพัฒนาวิสัยทัศน์บรูไน และ (2) ศักยภาพและโอกาสด้านการค้าและการ
ลงทุนของ ประเทศไทยในบรูไน ซึ่งได้จากการศึกษาเป็นการศึกษาจากเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงการสัมภาษณ์ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินการตามแผนพัฒนาวิสัยทัศน์บรูไน ได้แก่
ผู้อำนวยการ สำนักเศรษฐกิจ อาเซียน กรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยบทความ
คร้ังนี้ นอกจากจะท้าให้ทราบถึง พัฒนาการเชิงนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจภายใต้แผนพัฒนา
วิสัยทัศน์บรูไนและศักยภาพและโอกาสด้าน การค้าและการลงทุนของประเทศไทยในบรูไนแล้ว ยัง

69

เป็นแนวทางในการทา้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับแนวคิด ทเี่ ก่ียวข้องกับนโยบายสาธารณะไดอ้ ีกประเด็นหนึ่ง
ด้วย
แผนพัฒนาวสิ ัยทศั น์บรไู น

แผนพัฒนาวิสัยทศั นบ์ รูไนหรือ Wawasan Brunei 2035 เกิดขึ นมาจากการทีป่ ระเทศบรูไน
ได้ ตระหนักดีว่าทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอันเป็นรายได้หลักที่สำคัญอันเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยง
ประเทศบรูไน ให้เติบโตขึ้นได้นั้นกำลังจะหมดไป ซึ่งถือเป็นปัญหาหลักของประเทศ ท้าให้ประเทศ
บรูไนต้องปฏิรูปและสร้าง ความหลากหลายทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลบรูไนต้องการที่จะปฏิรูปและ
สรา้ งแผนพัฒนาประเทศระยะยาว เพอ่ื ท่จี ะเป็นวิสัยทัศน์ในการพฒั นาอนาคตของประเทศบรูไน โดย
มุ่งเน้นการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ชาติ รวมไปถึงเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
ให้กับประชาชนบรูไนในการที่จะพัฒนาประเทศ ไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการลดการพึ่งพาจาก
อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เพื่อสร้างความยั่งยืน และการพัฒนาของประเทศให้สำเร็จ
ภายในในปี2035 ซึ่งแผนพัฒนาวิสัยทัศน์บรูไนมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดัน ให้ประชาชนมีการศึกษาท่ดี ี
มที ักษะความรู้สงู และมีคุณภาพชวี ิตตามมาตรฐานการครองชีพท่ีดี มคี วามม่นั คง ด้านการเมือง สร้าง
เศรษฐกิจที่มีความเจริญเติบโตอย่างมีพลวัตและยั่งยืน และธำรงไว้ซึ่งสังคมที่มีค่านิยม ที่ยั่งยืน
(Government of Brunei Darussalam, 2015)

ยุทธศาสตรห์ ลัก 8 ดา้ น
การทป่ี ระเทศบรูไนจะสามารถบรรลวุ ิสยั ทัศน์ Wawasan Brunei 2035 ไดน้ ้ัน รฐั บาลบรูไน
จึง กำหนดยุทธศาสตร์หลัก ๆ ท้ังหมด 8 ด้าน (Brunei Economic Development Board, 2019)
ได้แก่ (1) ยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา รัฐบาลบรูไนได้ตระหนักว่าหากประชาชนได้รับการศึกษาที่ดี
และมีคณุ ภาพ ก็จะถอื เป็นการได้พฒั นาทรัพยากรมนุษยใ์ หม้ ีประสิทธิภาพและยั่งยืน (2) ยทุ ธศาสตร์
ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาล บรูไนมีความต้องการที่จะสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้แก่ประชากรและขยายโอกาส
ทางธุรกิจภายในประเทศบรูไน โดยการส่งเสริมการลงทุนทั งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งด้าน
อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและ กลุ่มเศรษฐกิจนอกเหนือจากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ
รวมถงึ มคี วามพยายามที่จะส่งเสรมิ ให้ประเทศบรูไน เป็นจดุ หมายปลายทางการลงทุน โดยมุ่งเน้นไปท่ี
การลงทุนเกี่ยวกับห้าสาขาธุรกิจที่สำคัญ ได้แก่ ธุรกิจฮาลาล ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและ
อตุ สาหกรรมสรา้ งสรรค์ ธุรกจิ บรกิ ารการท่องเทย่ี ว และธุรกิจน้ำมันและก๊าซ ขน้ั ปลาย นอกจากนี ยัง
มีจุดมุ่งหมายในการเร่งการเติบโตและกระจายเศรษฐกิจของบรูไน ด้วยการดึงดูดการ ลงทุนโดยตรง
จากต่างประเทศ (3) ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง รัฐบาลบรูไนมีความต้องการที่จะปกป้อง ความ
มัน่ คงทางการเมืองและอา้ นาจอธปิ ไตยของประเทศ รวมถึงธำรงไว้ซึง่ ความสามัคคี ปกปอ้ งวัฒนธรรม
และสังคม และความเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ (4) ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาระบบองค์การ
รัฐบาลบรูไน มีความต้องการที่จะเสริมหลักธรรมาภิบาลท้ังในภาคสาธารณะและภาคเอกชน พัฒนา
ระบบการบริการ สาธารณะให้มีคุณภาพสูง มีโครงสร้างการควบคุมตามกฎหมายที่สามารถปฏิบัติได้
และทันสมัย รวมไปถึง พัฒนาระบบราชการให้มีประสิทธิภาพ (5) ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนา
เศรษฐกิจท้องถิ่น รัฐบาลบรูไน ต้องการที่จะเสริมสร้างโอกาสให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาด

70

ย่อม รวมถึงช่วยให้ชาวบรูไนสามารถบรรลุ ความเป็นผู้น้ำทางธุรกิจและอุตสาหกรรมได้ด้วยการ
พัฒนาความแข็งแกร่งด้านการแข่งขันให้เพิ่มมากยิ่งข้ึน (6) ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาโครงสร้าง
พ้นื ฐาน รัฐบาลบรูไนมีความต้องการที่จะพัฒนาโครงสรา้ งพื้นฐาน ใหไ้ ด้ระดับมาตรฐานสากล โดยให้
ความสำคัญเป็นพิเศษในด้านการศึกษา สุขภาพและอุตสาหกรรม (7) ยุทธศาสตร์ด้านการ
ประกันสังคม รัฐบาลบรูไนมีความต้องการที่จะสร้างความมั่นใจว่าประเทศชาติจะมี ความ
เจริญรุ่งเรือง ประชากรทั้งหมดจะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและเหมาะสมและ (8) ยุทธศาสตร์ด้าน
สิ่งแวดลอ้ ม รฐั บาลบรไู นมคี วามตอ้ งการที่จะสร้างความม่นั ใจว่า ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม รวมไปถึง
แหล่งท่ี อยู่ทางวัฒนธรรมจะได้รับการอนุรักษ์อย่างถูกต้องเหมาะสม อยู่ในสภาพที่ดีและปลอดภัย
สอดคล้องกับ หลักการปฏบิ ัตขิ องนานาประเทศ

จากยุทธศาสตร์หลักท้ัง 8 ด้าน สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลบรูไนได้เปลี่ยนทิศทางการดำเนิน
นโยบาย ที่แต่เดิมใหค้ วามสำคัญกับมิติเศรษฐกิจทีเ่ กี่ยวโยงกับอุตสาหกรรมน้ำมันเป็นหลัก มาเป็นให้
ความสำคัญกับมิติ เศรษฐกิจด้านอื่น ๆ อาทิ ธุรกิจฮาลาล ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม
สรา้ งสรรค์ ธรุ กจิ บรกิ าร การท่องเท่ยี ว เปน็ ตน้ รวมถึงสนบั สนุนการลงทนุ จากต่างประเทศและพัฒนา
เศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น นอกจากนี ยังให้ความสำคัญกับมิติทางด้านการศึกษา ด้านสังคม ด้าน
ส่ิงแวดลอ้ ม ด้านการบริหารราชการและ ด้านความม่ันคงมากขนึ้

เป้าหมายของแผนพฒั นาวสิ ัยทศั น์บรูไน
รัฐบาลบรูไนมีเป้าหมายที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ สามารถ
ทำให้ ประชาชนในประเทศเป็นผู้มีการศึกษาและทักษะสูง ประสบความสำเร็จในการสร้างระบบ
การศึกษาที่ให้ โอกาสแก่ทุกคนและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงจัดสรรที่อยู่อาศัยเพื่อ
ตอบสนองความต้องการของ ประชาชน โดยความสำเรจ็ นั้นจะเปน็ ไปตามมาตรฐานสากล ยิง่ ไปกว่านี้
ยังมีเป้าหมายที่จะให้ประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดี ประชากรบรูไนจะได้รับการดูแลที่เหมาะสมและดี
ที่สุด มมี าตรฐานการใช้ชวี ิตและมคี วาม มนั่ คงทางการเมือง ประเทศบรไู นมุ่งมน่ั ท่ีจะเปน็ ประเทศหนึ่ง
ในสิบอันดบั แรกของโลก
ในด้านเศรษฐกิจ ประเทศบรูไนมีเป้าหมายที่จะเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่
ยั่งยืน สรา้ ง เศรษฐกจิ และการจ้างงานท่ีมีคุณภาพ ทั้งในภาครฐั และเอกชน มีโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดี
โดยมีเป้าหมาย เพื่อให้ประเทศบรูไนเป็นประเทศที่มีรายได้ตอ่ หวั ของประชากรสูงติดอนั ดับ 1 ใน 10
ของโลก รวมถึงมุ่งเน้นให้ ประชาชนมีความจงรักภักดีต่อสุลต่านและประเทศบรูไน เชื่อมั่นในคุณค่า
ของศาสนาอิสลาม มีความอดทน และความสามัคคีในสังคม เพ่ือตอบสนองต่อความท้าทายและ
ประสบความสำเรจ็ ในปี 2035
จากท้ังหมดที่กล่าวมา ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลบรูไน ที่ต้องการจะพัฒนาประเทศ
ต้ังแต่ ระดับจุลภาคไปจนถึงระดับมหาภาค เพื่อนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืน
ใหก้ บั ประเทศบรูไน จากการพัฒนาประเทศชาติอยา่ งบูรณาการผ่านยุทธศาสตรด์ า้ นต่าง ๆ ซึง่ รัฐบาล
ไดน้ า้ มาปรับใชผ้ ่าน แผนพฒั นาแห่งชาติดงั ตอ่ ไปน้ี

71

แผนพฒั นาแหง่ ชาติ 5 ปี (Five Years National Development Plan)
นับตั้งแต่ปี2007 จนถึงปี2035 ยุทธศาสตร์และนโยบายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์บรูไน
Wawasan Brunei 2035 ไดน้ า้ มาดำเนินการภายใตแ้ ผนพัฒนาแห่งชาติ 5 ปี (Five Years National
Development Plans) ต้งั แต่ฉบับท่ี 9 (RKN 9) (ปี 2007 – 2012) และมีพฒั นาการของแผนตอ่ เนื่อง
เรื่อยมาจนถึงปจั จุบัน ดังตอ่ ไปนี้

1) แผนพัฒนาแห่งชาติบรูไนฉบับที่ 9 (RKN 9) แผนพัฒนาฉบับน้ี เป็นแผนฉบับ
แรกในการ ดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาวิสัยทัศน์บรูไน (Wawasan Brunei 2035) โดยเริ่มมุ่งเน้น
การพัฒนาและการ สรา้ งความหลากหลายทางเศรษฐกิจของประเทศบรูไน ด้วยการใหค้ วามสำคัญกับ
ธุรกิจวิสาหกจิ ขนาดกลาง และขนาดยอ่ ม เพ่อื การกระจายความเสย่ี งทางเศรษฐกจิ ของชาตโิ ดยเฉพาะ
ในภาคธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน โดยสามารถจำแนกได้เป็นสองด้านหลัก ๆ ได้แก่ด้านเศรษฐกิจ และด้าน
สังคม

โดยในด้านเศรษฐกิจน้ัน ประเทศบรูไนมียุทธศาสตร์การพัฒนา 5 ประการ ได้แก่
(1) การพัฒนาภาคอุตสาหกรรม และการพาณิชย์ อาทิ การสร้างนิคมอุตสาหกรรม การพัฒนา
ทา่ เรอื เพ่อื สรา้ งความหลากหลายทางเศรษฐกิจและเป็นศูนย์กลางของการถ่ายเทสินค้า (2) ดา้ นการ
พัฒนาภาค เกษตรกรรม รัฐบาลบรูไนได้พัฒนาระบบการปลูกข้าวและพัฒนาการประมงให้มี
ประสิทธิภาพมากข้ึน (3) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร รัฐบาลได้ท้าการแปรรูป
หน่วยงานทางด้านการคมนาคม สื่อสารและจัดต้ังหน่วยงานใหม่ข้ึนมาเพื่อควบคุมคุณภาพด้านการ
สื่อสาร โดยได้แยกการบริการและการออก กฎระเบียบควบคุมออกจากกัน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ
ผใู้ ชบ้ รกิ ารมากขนึ้ (4) การพัฒนาภาคการลงทนุ รฐั บาลได้สนบั สนุนการลงทนุ ของต่างชาติสนับสนุน
และให้ความสนใจกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงมุ่งเน้นพัฒนาและพยายามให้
ประเทศบรูไนเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาค นอกจากนี ยังมีการ ดูแลนโยบายด้านการเงินให้
สอดคล้องกับกฎชารีอะห์อีกด้วย และ (5) การพัฒนาภาคการท่องเที่ยว ถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน
ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของการสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจบรูไน โดยรัฐบาลบรูไนต้ังเป้าหมาย
ที่จะเพิ่มจ้านวนนักท่องเที่ยวให้เป็นสองเท่าต้ังแต่ปี 2007 ไปจนถึงปี 2012 ขณะเดียวกันก็ส่งเสริม
และสรา้ ง ความยง่ั ยนื ใหก้ บั สถานทที่ ่องเท่ียวในปัจจุบัน นอกจากนี้ ประเทศบรไู นยังส่งเสรมิ การดึงดูด
การลงทุนจาก ต่างประเทศ ในการกระจายสินค้า และบริการการท่องเที่ยว เพื่อช่วยลดภาระ
ค่าใช้จ่ายของรัฐบาล รวมไปถึง เน้นพัฒนาเพื่อการเจริญเตบิ โตของภาคอุตสาหกรรมและบริการดา้ น
การทอ่ งเท่ยี วที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนของการพัฒนาด้านสงั คม รัฐบาลไดม้ ียทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนา 4 ประการ ได้แก่
(1) การพัฒนาด้านการศึกษา โดยรัฐบาลมุ่งเน้นในการพัฒนาเพื่อให้ประเทศบรูไนเป็นสังคมที่มี
การศึกษาและ มีทักษะสูงด้วยระบบการศึกษาระดับโลกที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เน้นการให้
ความสำคัญกับการพัฒนา ความรแู้ ละทักษะตา่ ง ๆ ของเยาวชน โดยได้วางแนวระบบการศึกษาใหม่ท่ี
เรียกว่า “ระบบการศึกษาของ ศตวรรษที่ 21” (2) การพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม การให้ความสำคัญ
และใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม (3) การพัฒนาด้านสาธารณูปโภค รัฐบาลบรูไนได้มุ่งเน้นการพัฒนาด้าน

72

สาธารณูปโภคเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับ ประชาชนชาวบรูไน เพื่อเสริมสร้างให้ประชาชนมี
สุขภาพที่ดีและอายุยืน สามารถเข้าถึงระบบสาธารณะได้ อย่างครอบคลุมทั่วถึงและ (4) การพัฒนา
และสร้างที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยรัฐบาลได้มุ่งเน้นในการจัดหา และสร้างที่อยู่อาศัยให้
ประชาชนทกุ คนอย่างทว่ั ถงึ

ดังน้ันแผนพัฒนาฉบับนี้ จงึ ต้องการทีจ่ ะวางรากฐานการพัฒนาประเทศสู่ความย่ังยืน
โดยเน้น การพัฒนาที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาวิสัยทัศน์บรูไน ท้ังในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และ
สังคมอย่างครอบคลุม

2) แผนพัฒนาแห่งชาตบิ รูไนฉบับท่ี 10 (RKN10) เป็นแผนพัฒนาฉบับท่ีสองในชุด
แผนพัฒนาแห่งชาติที่ดำเนินงานภายใต้แผนพัฒนาระยะยาวของบรูไนดารุสซาลาม Wawasan
Brunei 2035 โดยแผนพัฒนาแหง่ ชาติฉบับน้ี มีจุดประสงคเ์ พื่อการพัฒนาประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งได้มี
การวางแผนและเตรียม ความพร้อมในรูปแบบของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพือ่ พัฒนาสงั คม การ
ดำเนินการของรัฐบาลสำหรับ แผนพัฒนาฉบับนี้ ได้มุ่งเน้นผลักดันและให้ความสำคัญต่อความเจริญ
ทางเศรษฐกจิ การปรับปรุงคุณภาพชีวติ และเสถียรภาพทางการเมือง เพ่อื สรา้ งคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับ
ประชาชนและผู้ท่ีอยู่อาศยั ในประเทศบรูไน ซึ่งแผนน้ี ได้ดำเนินการครอบคลุมต้ังแต่ปี 2012 ไปจนถึง
ปี 2017

โดยแผนพัฒนาฉบับที่ 10 น้ีกำหนดเน้ือหาที่ประเทศบรูไนต้องการจะพัฒนาเพื่อ
ขับเคลื่อน ประเทศทั้ง 6 ประการ ได้แก่ (1) การส่งเสริมให้ประชากรมีการศึกษาและมีทักษะสูง
โดยรัฐบาลบรูไน เล็งเห็นว่า การศึกษาน้ันมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างประชากรที่มีทักษะสูง เป็น
รากฐานที่แข็งแกร่งในการลด ปัญหาความยากจนและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ นอกจากนี้
การศึกษายังเปน็ องค์ประกอบสำคัญในการ พฒั นาศกั ยภาพให้กับประชากรบรูไน ในการทจ่ี ะสามารถ
พัฒนาตนเองไปสู่การเป็นแรงงานที่มีคุณภาพและ มีฝีมือ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล (2) การสร้าง
คณุ ภาพชวี ิตท่ดี ีให้กับประชาชน รัฐบาลบรูไนมคี วาม ตอ้ งการท่จี ะใหผ้ ู้คนในบรูไนมีคุณภาพชีวิตท่ีดี
ภายในปี 2035 รวมไปถึงต้องการให้ได้รับการจัดอันดับอยู่ในสิบ อันดับแรกของโลกตามดัชนีการ
พัฒนามนุษย์แห่งสหประชาชาติ (UNDP) ซึ่งคุณภาพชีวิตนี้ ต้องครอบคลุมท้ังความสามารถในการ
พัฒนาตนเองและมีวิถีชีวิตที่ดี สามารถเข้าถึงสิ่งอ้านวยความสะดวก ความรู้และการ สนับสนุนที่
สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของประชาชน (3) การสรา้ งสภาพแวดล้อมทีเ่ อื้ออำนวยตอ่ การทำธุรกิจ
โดยรัฐบาลบรูไนเล็งเห็นว่า ปัจจัยสำคัญในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจคือ การพัฒนาและการ
สร้าง สภาพแวดลอ้ มทางธุรกิจทีเ่ อ้ืออำนวยต่อนักลงทุน สามารถดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจได้ง่ายและ
รวดเร็ว ซึ่งไม่เพียงแค่การอำนวยความสะดวกในการลงทุนในประเทศเท่านั้น แต่ยังช่วยดึงดูดการ
ลงทุนจากต่างประเทศด้วย (4) การสร้างความมีประสิทธิภาพและความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจบน
พื้นฐานของความรู้และนวัตกรรม ซึ่งรัฐบาลบรูไนเล็งเห็นว่าความรู้และนวัตกรรมจะเป็นรากฐาน
สำหรับการปรับปรุงและพัฒนาประเทศในด้าน การผลิตเพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ (5) การ
สร้างธรรมาภิบาลและความทันสมัยของรัฐบาล รัฐบาลได้ มุ่งหน้าปรับปรุงกระบวนการและ
กฎระเบียบของรัฐบาลให้มีการตัดสินใจที่รวดเร็ว การพัฒนาคุณภาพการ ให้บริการสาธารณะลด

73

กฎระเบียบทย่ี งุ่ ยากและความล่าชา้ ของระบบราชการให้นอ้ ยท่ีสุด ซง่ึ ส่งิ เหลา่ น้ีชว่ ยในการเพิ่มผลผลิต
ให้ภาครัฐและเอกชน ชว่ ยเรง่ การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศได้และ (6) การพฒั นา โครงสร้าง
พื้นฐานให้มีคุณภาพสูงและยั่งยืน โดยรัฐบาลบรูไนได้เล็งเห็นว่าการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐาน
คุณภาพสูงและยั่งยืนน้ัน เป็นตัวแปรสำคัญสำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
(Department of Economic Planning and Development, 2012)

กล่าวโดยสรุปได้ว่าแผนพัฒนาแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ได้ตั้งเป้าหมายในการให้
ความสำคัญกับ ความพยายามในการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพทางการ
ผลติ อยา่ งยัง่ ยืน ซ่ึงตง้ั อยู่บนพื้นฐานของความรู้และนวตั กรรมรวมไปถงึ การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ
ซง่ึ จำเปน็ ท่ีจะตอ้ งอาศัยการสนับสนุนจากความสามารถในการผลิตและความรดู้ า้ นนวตั กรรม

3) แผนพัฒนาแห่งชาติบรูไนฉบับที่ 11 (RKN11) แผนพัฒนาแห่งชาติบรูไนฉบับ
ที่ 11 นั้น เป็นแผนพัฒนาที่เริ่มใช้ต้ังแต่ปี 2018 ไปจนถึงปี 2022 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้าง
ความมั่นใจในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนของประเทศบรูไนและสานต่อจากแผนพัฒนา
แห่งชาติฉบับที่ 10 ซึ่งรัฐบาลบรูไน ได้กำหนดเน้ือหาที่ประเทศบรูไนต้องการจะสานต่อและพัฒนา
เพื่อขับเคลื่อนประเทศ 5 ประการ ได้แก่ (1) การส่งเสริมด้านการศึกษา โดยรัฐบาลบรูไนยังคงให้
ความสำคัญกับการศึกษาของประชาชนเพื่อพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นแรงงานที่มีคุณภาพและมี
ฝีมือ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล (2) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยรัฐบาลเล็งเหน็ ว่าโครงสรา้ ง
พ้ืนฐานนั้นมีบทบาทสำคัญในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะในด้านคุณภาพชวี ิตของประชาชน ซึ่งในการที่
จะพัฒนาประเทศน้ันจำเป็นที่จะต้องมีโครงสร้างพ้ืนฐานที่ดี ครอบคลุมและ ทั่วถึง อันจะนำไปสู่
คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน รวมถึงสามารถมีส่วนทำให้มีการพัฒนาทางด้านของกิจกรรมทาง
เศรษฐกิจ และการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศเช่นกัน (3) การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลบรูไน
ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจซึ่งถือเป็นหัวใจหลักสำคัญในการ
พัฒนา โดยได้มีการกระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจไปยังภาคธุรกิจอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ
นอกจากน้ีรัฐบาลยังมีแผนดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เพื่อช่วยสร้างความเจริญเติบโต
ทางเศรษฐกิจของประเทศ และสามารถสร้างงานให้กับประชาชนชาวบรูไนให้มีอัตราที่เพิ่มขึ้นได้อีก
ด้วย (4) การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลบรูไนยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาการ
ท่องเที่ยว เนื่องจากเล็งเห็นว่าจะสามารถท้าให้ประเทศ เติบโตอย่างยั่งยืนได้และมีส่วนสำคัญต่อการ
เตบิ โตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกด้วย ทั้งน้ีรฐั บาลมงุ่ เนน้ การ เสรมิ สร้างความนา่ ดงึ ดูดใจและความ
หลากหลายของสถานท่ีการท่องเท่ยี วและปรับปรุงคุณภาพการบริการ การท่องเท่ียวเป็นหลกั และ (5)
การพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม โดยรัฐบาลได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องใน การปกป้องและอนุรักษ์
สิ่งแวดล้อมของประเทศอันเกิดจากมลภาวะและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มาก เกินไป โดยการ
พัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมนั้นดำเนินการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยรัฐบาลได้มี
ยทุ ธศาสตรใ์ นการพัฒนาสงิ่ แวดลอ้ ม ดว้ ยการใหค้ วามสำคญั กบั การอนุรกั ษแ์ ละคุ้มครองสงิ่ แวดล้อม

กลา่ วโดยสรปุ แผนพัฒนาแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 11 ได้ตระหนักถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ของประชาชนชาวบรไู น โดยมงุ่ เนน้ เสรมิ สรา้ งความม่นั ใจให้กบั ชาวบรูไนในการพฒั นาคุณภาพชีวิตให้

74

ดีขึ้นรวมไปถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยการใช้ทรัพยากรของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุ ดและไม่
กระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยงั เปดิ โอกาสให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครฐั และภาคเอกชน ใน
การเสริมสร้างและพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานประเทศเพื่อตอบสนองต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อให้
บรรลเุ ป้าหมายในการสร้างความ เจริญร่งุ เรืองของประเทศชาติ จากเน้ือหาของแผนพฒั นาแห่งชาติ 5
ปที งั้ หมดท่ีกล่าวมาน้ัน ไดแ้ สดงให้เห็นถงึ พัฒนาการของยุทธศาสตร์ชาติ ทไ่ี ด้ดำเนนิ การสอดคล้องไป
กับแผนพัฒนาวิสยั ทัศน์บรูไน (Wawasan Brunei 2035) ซึ่งได้มีท้ังการปรับปรงุ สานต่อ เพื่อให้การ
พัฒนาประเทศน้ันเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ ในการปฏิรูปทางเศรษฐกิจให้มีความ
หลากหลายมากข้ึน ลดการพึ่งพารายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซ ธรรมชาติเพียงอย่างเดียว
รวมถึงในการที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้ประเทศน้ันมีความยั่งยืน และการพัฒนาเพื่อความ
เจริญรงุ่ เรอื งของประเทศ และสามารถสรา้ งความประสบความสำเรจ็ ภายในปี 2035

แผนพัฒนาวิสยั ทศั นบ์ รไู น: ความสำเร็จปญั หาและอปุ สรรค
การดำเนินการตามแผนพัฒนาวิสัยทัศน์บรูไนทำให้ประเทศบรูไนบรรลุเป้าหมายของการ
พฒั นาคุณภาพชีวิตข้ันพ้ืนฐานได้เกือบทั้งหมดไม่วา่ จะเป็นมาตรฐานการศึกษาและสาธารณสุขที่อยู่ใน
ระดับที่สูงที่สุดของประเทศกำลังพัฒนาในโลก ประเทศที่คุณภาพชีวิตและมีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดใน
เอเชยี
น อ ก จ า ก น้ี จ า ก ก า ร ด ำ เ น ิ น ง า น ข อ ง ร ั ฐ บ า ล บ ร ู ไ น ท่ี ไ ด ้ มี น โ ย บ า ย ส ่ ง เ ส ร ิ ม แ ล ะ ร อ ง รั บ
ผ้ปู ระกอบการมากมาย การสง่ เสรมิ ใหเ้ กิดการลงทนุ มากย่งิ ข้ึนในภาคอุตสาหกรรมอืน่ ๆ ตามนโยบาย
การพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจทีห่ ลากหลาย ได้แก่ อุตสาหกรรมฮาลาล อุตสาหกรรมด้านการเกษตร
อุตสากรรมโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เป็นตน้
(สถานเอกอัครราชทูต ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน, 2562) ทำให้ประเทศบรูไนเป็นประเทศที่มีบรรยากาศ
การลงทุนและการประกอบธุรกิจที่ง่ายและเอื้ออำนวยต่อนักลงทุนต่างชาติ ปัจจุบันจึงมีประเทศต่าง
ๆ อาทิ จีน รัสเซีย และมาเลเซีย เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม Palau Muara Besar อย่าง
ตอ่ เนื่อง ทำให้ในปจั จบุ นั ประเทศบรูไนไดร้ ับการจดั อันดบั ด้านความสะดวกในการดำเนนิ ธุรกิจ (Ease
of Doing Business – EoDB) จาก World Bank Doing Business Report ประจ้าปี 2018 ในฐานะ
ประเทศทม่ี พี ัฒนาการด้านความสะดวกในการดำเนินธรุ กิจมาก ทส่ี ุดในโลกสามปีติดต่อกัน ซงึ่ เป็นผล
มาจากการที่บรูไนได้รับการจัดอันดับด้านความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ จากอันดับที่ 105 ในปี
2014 มาเป็นอันดับที่ 56 ในปีปัจจุบัน (จัดอันดับจาก 190 ประเทศที่เข้าร่วม) และมีคะแนน
ประสิทธิภาพโดยรวม (Distance to Frontier, DTF) ที่ 70.60 คะแนน รวมไปถึงรายงานของ Asian
Development Outlook 2019:
Strengthening Disaster Resilience ข อ ง Asian Development Bank (ADB) ยั ง ไ ด้
คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจบรูไนในปี 2562 และปี 2563 จะมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.0 และ
1.5 ตามลำดบั ซ่งึ ยังคงการเติบโตแมจ้ ะไมส่ ูงมากนักกต็ าม
อย่างไรก็ตามแม้ว่ามาตรฐานการครองชีพของประชาชนบรูไนจะสูงขึ้ นจากการดำเนินการ
ตามแผนพัฒนาวิสัยทัศน์แล้วก็ตาม แต่รัฐบาลบรูไนยังจำเป็นที่จะต้องวางแผนให้สอดคล้องไปกับ

75

สังคมและเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา โดยปัจจุบันการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ
ประเทศบรูไนยังไม่มีความมั่นคงมากนักแม้แหล่งนำมันและก๊าซธรรมชาติจะมีส่วนช่วยต่อความ
เจริญรุ่งเรืองของประเทศ แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจก็ไม่ได้เติบโตตามการเติบโตของประชากร
เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีลักษณะผันผวนมาโดยตลอดนับตั้งแต่ในช่วงปี2014 เป็นต้นมา
ประกอบกับปัญหาในการเพิ่มผลผลิตของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของบรูไน ทำให้เกิดผลกระทบ
ในทางลบอย่างมากต่องบประมาณของภาครัฐและมีผลต่อการจ้างงานของชาวบรูไนอีกด้วย สะท้อน
ให้เห็นจากอัตราการว่างงานของประเทศที่มีอัตราสูงถึงร้อยละ 9.3 (Department of Economic
Planning and Development, 2561) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐไม่สามารถผลิตแรงงานที่มีทักษะ
ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ชุมชนธุรกิจในท้องถิ่นยังคงอ่อนแอและ ไม่สามารถสร้าง
โอกาสการจ้างงานได้มาก ทำให้รัฐบาลบรไู นตอ้ งให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสในการจ้างงานและ
มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพของประชาชนชาวบรูไน รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพให้แก่วิสาหกิจขนาดกลาง
และขนาดย่อม ยิ่งไปกว่าน้ันโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลต้องการที่จะพัฒนาต้องใช้งบประมาณมหาศาล
อาทิโครงสร้างพ้ืนฐาน ยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนักอันเน่ืองมาจากราคา
น้ำมันที่ผันผวน ส่งผลท้าให้งบประมาณภาครัฐอยู่ในสภาวะขาดดุลและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
ของนกั ลงทนุ ต่างประเทศ จนนำไปสู่การขาดเสถยี รภาพทางเศรษฐกิจได้

นอกจากน้ี แมว้ า่ ประเทศบรูไนจะเปิดโอกาสให้ประเทศต่าง ๆ เข้ามาลงทุนในประเทศ แต่ใน
ดา้ นการ ขนสง่ สินคา้ ยงั ถือวา่ มีอุปสรรคอยู่ โดยเรือบรรทกุ สินค้าไปบรูไนมสี ินคา้ เฉพาะเท่ียวไป แต่ไม่
มีสินค้าในเที่ยวกลับข้อมูลจาก Trading Economics (Trading Economics, 2018) ประจำปี 2018
ระบุว่าประเทศบรูไนมีสินค้าส่งออกหลัก ๆ คือ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ไม่ได้มีสินค้าที่
นอกเหนือจากอุตสาหกรรม เหล่าน้ีส่งออกไปมากนักจึงทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากน้ี ข้ันตอนและกระบวนการสั่งซื้อ และการขนส่งสินค้าของบรูไนยังขาดความคล่องตัว
ขอ้ จำกดั ด้านการค้าทยี่ ังเคร่งครัดมากโดยเฉพาะการนำเขา้ สินค้าประเภทอาหาร อาทิเน้ือวัว เนื้อแพะ
เนื้อแกะ เน้ือไก่ เปน็ ต้น ที่จะต้องเปน็ อาหารฮาลาลเท่านั้น ซ่งึ ต้องอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบและการ
กำกับควบคมุ ดแู ลภายใต้กระทรวงศาสนาบรไู น

รวมถึงในดา้ นอุตสาหกรรมการท่องเท่ียว ที่แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญ
แต่ประเทศบรูไนมีเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่โดดเด่น เช่น การท่องเที่ยวแบบสมั ผัสกับธรรมชาติ
อยา่ งใกล้ชดิ ดว้ ยการสง่ เสรมิ กิจกรรมการเดนิ ปา่ และชมสตั ว์ปา่ และการท่องเท่ียวเชิงศาสนาอิสลามท่ี
รัฐบาลต้ังใจยกระดับให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งศาสนา ส่วนการท่องเที่ยวประเภทอื่น ๆ มีน้อย
อีกทั้งเนื่องจากประเทศบรูไนเป็นประเทศท่ีใช้กฎหมายทางศาสนาอิสลามอยา่ งกฎหมายชารอี ะห์ ทำ
ให้มีข้อจำกัดและข้อห้ามมากมาย สำหรับนักท่องเที่ยว อาทิ สถานที่ทางศาสนาไม่อนุญาตให้
นักท่องเที่ยวที่นับถือศาสนาอื่นเข้าไปเที่ยวชมและหลายสถานที่ท่องเที่ยวไม่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมา
เทยี่ วมากนัก

76

สถานการณ์การค้าการลงทุนศักยภาพและโอกาสด้านการค้าและการลงทุนของประเทศไทยใน
บรไู น

ประเทศบรูไนกับประเทศไทยน้ันต่างก็เป็นหนึ่งในสมาชิกประชาคมอาเซียน (ASEAN
Community) แม้จะมีความร่วมมือกันมาเป็นระยะเวลานานไมว่ ่าจะด้านการเมืองและด้านเศรษฐกจิ
มีการทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน แต่ประเทศบรูไนกับประเทศไทยยงั ไม่มีความร่วมมือในเชิงหุ้นส่วน
ทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) หรือการลงนามสัญญาที่เป็นรูปธรรมอย่างจริงจังเกิดขึ้น
ส่วนความสัมพันธ์ในเชิงคู่ค้าน้ันมีบ้าง แต่ยังถือว่ามีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในประชาคม
อาเซียน ซึ่งบรูไนเป็นเพยี งคู่คา้ ลดับที่ 9 ของ ไทยและเป็นการนำเข้ามากกว่าส่งออกโดยประเทศไทย
มีสินค้าที่ส่งออกไปประเทศบรูไนมากที่สุดสามอันดับ แรก ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
รองลงมาได้แก่ ข้าวและน้ำมันสำเร็จรูป ส่วนในด้านการนำเข้านั้นบรูไนเป็นตลาดนำเข้าล้าดับที่ 8
ของไทยในอาเซียน ซึ่งสินค้าที่นำเข้าจากบรูไนมากที่สุดสามอันดับแรก ได้แก่ น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์
เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล (กรมส่งเสริมการค้าระหว่าง ประเทศ กระทรวง
พาณชิ ย์, 2562) ทำใหก้ ารคา้ ระหวา่ งไทยกับบรูไนเปน็ การคา้ ทีข่ าดดลุ อีกทั้งในด้านการลงทุนมีบริษัท
ของไทยไปลงทุนในประเทศบรูไนจำนวนน้อย โดยบริษัทที่ไปลงทุนหลัก ๆ มีเพียงด้านการรับเหมา
ก่อสร้างสถาปนิก และการเปิดธุรกิจอย่างร้านขายของร้านอาหารเท่านั้น แต่ยังถือว่ามีสัดส่วน
คอ่ นข้างนอ้ ยมาก

นอกจากนี้ แม้การค้าและการลงทุนบางกิจการในประเทศบรูไนยังมีข้อจำกัด แต่การท่ี
ประเทศบรูไนเปิดกว้างในด้านการลงทุนที่มากข้ึน รวมทั้งเปิดรับสินค้าจากต่างประเทศก็ได้ทำให้
ภาคเอกชนไทยท่ีมีศักยภาพในการลงทนุ ในประเทศบรูไน โดยควรมองว่าประชากรบรูไนถือว่าเป็นผู้ที่
มีกำลังซ้ือสูงเพียงแต่ที่ผ่านมาอาจจะไม่เป็นที่น่าสนใจและน่าจับตามอง อย่างไรก็ตามแผนพัฒนา
วิสัยทัศน์บรูไนก็ได้เปิดโอกาสให้ประเทศไทยมีโอกาสเข้าไปลงทุนในประเทศบรูไนหลายประการ
ไดแ้ ก่

1) ด้านอุตสาหกรรมการเกษตร ประเทศบรูไนได้ให้ความสำคัญในดา้ นการเกษตรเป็นอยา่ ง
มาก โดยแผนพัฒนาวิสัยทัศน์บรูไนมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ประเทศและ
เพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้เพียงพอกับการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะการเพาะปลกู ข้าวให้ได้
ปริมาณมากพอ ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพในการส่งออกสินค้าด้านเกษตร เนื่องจากประเทศไทยมี
ความร่วมมือทางด้านการเกษตรกับบรูไนอยู่แล้วทั้งในด้านการให้ความช่วยเหลือด้านการปลูกข้าว
การหารือเกี่ยวกับการให้ความร่วมมือด้านการเพิ่มผลผลิ ตข้าวแก่บรูไนและการทำปศุสัตว์ภายใต้
บนั ทกึ ความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมอื ด้านการเกษตรระหวา่ งสองประเทศ

2) ดา้ นอตุ สาหกรรมการประมง อตุ สาหกรรมประมง การเพาะเลี้ยงสตั ว์น้ำและอาหารทะเล
แปรรูปในประเทศบรูไนยังคงอยู่ในระยะเริ่มต้น เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในประเทศท่ีไม่ใช่
อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โดยการทำประมงในบรูไนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 70 ยังเป็นการ
ท้าประมงพื้นบ้าน มีการทำประมงในเชิงพาณิชย์จำนวนน้อยทำให้บรูไนต้องพึ่งพาการน้าเข้าอาหาร
ทะเลจากต่างประเทศ อีกทั้งประเทศไทยยังมีศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันสูงใน

77

อุตสาหกรรมการประมง การเพาะเลี้ยงสตั วน์ ้ำและอาหารทะเลแปรรูปในตลาดโลก ทำให้ประเทศไทย
มีศักยภาพในการส่งสินค้าอาหารทะเลไปยังประเทศบรูไน ได้อีกท้ังยังสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์จาก
ทรพั ยากรทางทะเลของบรูไนซึ่งปจั จุบันยงั ไม่มีคแู่ ข่งท่เี ข้าไปจบั จองใชป้ ระโยชน์มากนัก

3) ด้านอุตสาหกรรมฮาลาล ประเทศบรูไนมีประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวน
มาก ส่งผลให้ประเทศบรูไนต้องการสินค้าฮาลาลสำหรับการบริโภค ทำให้ประเทศบรูไนเป็นตลาด
อาหารฮาลาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของอาเซียน โดยแผนพัฒนาวิสัยทัศน์บรูไนมีความต้องการที่จะ
พัฒนาให้ประเทศบรูไนเป็นศูนย์กลางของอาหารฮาลาลในภูมิภาค ขณะที่ประเทศไทยถือได้ว่าเป็น
ประเทศหนึ่งที่มีศักยภาพในการผลิตอาหารฮาลาลเป็นแหล่งวัตถุดิบที่ได้รับการยอมรับอย่าง
กว้างขวางในตลาดโลก ดังที่ผู้อำนวยการผู้อำนวยการสำนักประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กรมเจรจา
การค้าระหวา่ งประเทศ (สมั ภาษณ์, 18 พฤศจกิ ายน 2562)

4) ด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประเทศบรูไนได้มีการพัฒนาและส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว
ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในแผนของการสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญอย่างมาก โดย
รัฐบาลบรไู นมีความต้องการทจี่ ะพัฒนาความเติบโตอยา่ งยั่งยืนของการท่องเท่ียวในประเทศบรูไน ทำ
ให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการลงทุนด้านดังกล่าว โดยเฉพาะสาขาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
นอกจากนี้ สภาพภูมิประเทศของไทยและบรูไนยังมีความคล้ายคลึงกันเพราะเป็นพื้นทีป่ ่าฝนเขตร้อน
เช่นเดยี วกนั จึงทำใหส้ ามารถนำองค์ความรู้บางส่วนไปประยกุ ต์ใช้กับพ้ืนทใี่ หมไ่ ด้ไม่ยาก

5) ด้านการลงทุนทำธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ประเทศบรูไนมุ่งมั่นที่จะ
เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจจากที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรน้ำมันเป็นหลักไปสู่โครงสร้างเศรษฐกิจที่
หลากหลายมากขึ้นจึงมีนโยบายที่เน้นส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง และเน้นการ
เติบโตของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมถือเป็น
รูปแบบการลงทุนที่ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการ
สนับสนุนที่ดีจากรัฐบาลบรูไน จึงถือเป็นโอกาสอันดีของนักลงทุน และผู้ประกอบการไทยที่จะเข้าไป
ประกอบธุรกิจหรอื ลงทุนในประเทศบรไู น

อยา่ งไรกต็ ามนักลงทนุ ควรศึกษาสิทธิประโยชน์การคา้ และการลงทุนระหวา่ งประเทศไทยกับ
ประเทศบรูไนรวมไปถึงการศึกษาใบอนุญาตในการท้าการค้าและการลงทุนต่าง ๆ รวมถึงการศึกษา
และทำความเขา้ ใจวฒั นธรรมของประเทศบรูไนซ่ึงเป็นรฐั อสิ ลาม นอกจากนี้หนว่ ยงานภาครัฐของไทย
ควรมีการเจรจาหรือหารือร่วมกันกับรัฐบาลประเทศบรูไนเพื่อสร้างข้อตกลงหรือความร่วมมือในการ
เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) เพื่อพัฒนานโยบายทางการค้าและการลงทุน
ร่วมกันอย่างจริงจังมากข้ึน รวมไปถึงมีการสนับสนุนและให้ข้อมูลในการลงทุนสำหรับนักลงทุนอย่าง
ละเอียด เนือ่ งจากข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกบั ประเทศบรูไนในปัจจบุ ันมีจ้ากัด อาทิ กฎระเบยี บในการเข้ามา
ทำการคา้ หรอื การลงทนุ เป็นตน้

78

บรรณนกุ รม
กรมเจรจาการคา้ ระหว่างประเทศ, สำนักประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น, กรมเจรจาการค้าระหวา่ ง

ประเทศสว่ น บริหารงานทวภิ าคี. (2562). ข้อมูลการคา้ ไทย - บรูไน. สบื คน้ เมอื่ วันท่ี 18
พฤศจกิ ายน 2562 จาก http://www.dtn.go.th/files/60/ASIA/Brunei_2s_0862.pdf
กรมประชาสมั พันธ.์ วิสยั ทศั น์บรไู น พ.ศ. 2578. (2559). สบื ค้นเมอื่ วันที่ 20 เมษายน 2562 จาก
http://www.aseanthai.net/ewt_news.php?nid=5867&filename=index
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการตา่ งประเทศ. ยานยนต์และชิ นส่วน. (2559). สืบคน้ เมื่อ
วันท่ี 18 พฤศจิกายน 2562 จาก http://www.thaibiz.net/th/business/70/
กรมสง่ เสรมิ การคา้ ระหวา่ งประเทศ กระทรวงพาณชิ ย.์ (2561). Factsheet บรไู น มกราคม 2561.
สืบคน้ เมอ่ื วนั ท่ี 20 เมษายน 2562 จาก
https://www.ditp.go.th/ditp_web61/article_subview.php?filename=contents_a
ttach/2 21328/221328.pdf&title=221328&cate=937&d=0
กระทรวงการต่างประเทศ, กรมเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ, ศนู ย์ธุรกจิ สัมพนั ธ์ , สถานเอกอัครราชทูต
ณ บนั ดารเ์ สรีเบกาวนั . (2562). รู้จัก Kandol โครงการเพาะปลูกขา้ วบรูไน โอกาสใหม่ของ
คนไทยใน การเข้าไปเชา่ พ้ืนท่ีเพาะปลูก. สืบค้นเม่ือวนั ที่ 24 พฤศจิกายน 2562 จาก
https://globthailand.com/brunei_0007/
กระทรวงพลังงาน. (2562). นโยบายด้านพลงั งานของรฐั บาล. สบื ค้นเมอ่ื วนั ท่ี 17 มีนาคม 2562 จาก
https://energy.go.th/2015/government-energy-policy/
กระทรวงพาณิชย์. (2557). รอบรู้เรือ่ งการลงทุนในอาเซยี น : บรูไน ดารุสซาลาม.กรุงเทพฯ : กรม
เจรจาการค้า ระหว่างประเทศ กระทรวงพาณชิ ย์.
กองสง่ เสรมิ การลงทุนไทยในตา่ งประเทศ สำนกั งานคณะกรรมการส่งเสรมิ การลงทุน. (2559).
ประเทศบรูไนดารุ สซาลาม. สบื ค้นเมื่อวนั ท่ี 18 พฤศจกิ ายน 2562 จาก
https://toi.boi.go.th/information/asian/9
กองเอเชยี ตะวนั ออก. (2550). ความสัมพนั ธ์ไทยกบั บรูไน. สบื คน้ เมอ่ื วนั ที่ 18 พฤศจิกายน 2562 จาก
http://www.dooasia.com/info-brunei/.ความสัมพนั ธไ์ ทย บรูไน/
จุฬาภรณ์ ขอบใจกลาง. (2561). การศกึ ษาความสามารถในการแขง่ ขนั ปัจจยั สา้ คัญท่ีก่อปัญหาใน
การดำเนินธุรกจิ และอุตสาหกรรมท่ีมโี อกาสขยายตลาดในตลาดอาเซยี น. วารสารการวิจยั
เพอ่ื พัฒนา ชุมชน (มนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 11(3),น. 139-151.
ชนิดา จิตตรุทธะ. (2562). นโยบายสาธารณะ แนวคิด การวิเคราะหแ์ ละกรณีศึกษา. กรุงเทพฯ:
สำนกั พิมพ์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
ฐาณญิ า โอฆะพนม และ ฐิตวิ รรณ ศรีเจริญ. (2559). ปัจจัยที่มีอิทธพิ ลตอ่ การลงทนุ โดยตรงจาก
ตา่ งชาติใน ประเทศไทย. วารสารบริหารธรุ กิจ เศรษฐศาสตร์ และการส่อื สาร, 11(2),
น.75-87.

79

เดอะริช วาริช. (2560). สอ่ งบรูไน ดวู ิสัยทศั นใ์ นวนั ท่ีน้ำมันใกลห้ มด. สบื ค้นเมื่อวนั ที่ 20 เมษายน
2562 จาก https://deepsouthwatch.org/th/node/11253

ธนฎั ฐต์ ฤณ บนุ นาค. (2558). เศรษฐศาสตรเ์ พื่อการจดั การทรัพยากรพลังงาน: กรณกี ๊าซธรรมชาติ
และนำ้ มนั . วารสารวชิ าการมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์, 23(43), 107-125.

วเิ คราะหบ์ ทความ

ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซ
ธรรมชาติกำลังดำเนินนโยบายนำเอาทรัพยากรเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง อาทิ เมียนมาท่ี
กำลังดำเนินนโยบาย ปฏิรูปภาคพลังงานควบคู่ไปกับการปฏิรูปเศรษฐกิจด้านการลงทุน หรือแม้แต่
ประเทศไทยที่อัตราการใช้ทรัพยากรดังกล่าวมีมากกว่าอัตราการผลิต นโยบายด้านพลังงานจึง
เกี่ยวข้องกับการ สร้างความมั่นคงด้านพลังงานด้วยการใช้พลังงานทดแทน ประเทศบรูไนกลับมี
ลักษณะที่แตกต่าง การก่อรูป (policy formation) ของแผนพัฒนาวิสัยทัศน์บรูไน หรือ Wawasan
Brunei 2035 ข้ึนมาเป็นนโยบายหลักหรือนโยบายระดับชาติ เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่าง
จากประเทศอื่น ๆ กล่าวคือ สถานการณ์ที่ทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอันเป็นรายได้หลักท่ี
สำคัญของประเทศกำลังจะหมดไป ทำให้ประเทศบรูไนต้องสร้างแผนพัฒนาประเทศระยะยาวเพื่อ
สร้างความยั่งยืน ดังนั้นการก่อตัวนโยบายสาธารณะของประเทศบรูไนจึงไม่ได้เกิดจากปัญหาที่กำลัง
จะเกิดข้ึนในปัจจุบันหรือที่กำลังจะเกิดข้ึนในระยะเวลาอันใกล้ไม่ได้เริ่มต้นจากปัญหาของปัจเจกชน
ก่อน (individual problem) แต่เป็นปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตจากการหมดไปของ
ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นเสาหลักในการพัฒนาประเทศซึ่งกลายมาเป็นปัญหาสาธารณะ (public
problem) และเป็นปัญหาที่จะส่งผลกระทบอยา่ งใหญห่ ลวงต่อการพัฒนาประเทศซงึ่ รัฐบาลบรไู นจน
ต้องหยิบยกขึ้นมาเป็นปัญหาระดับชาติ (policy issue) และเป็นปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อปัญหา
สาธารณะอื่น ๆ ตามมา ดังน้ันวิสัยทัศน์บรูไนจึงเกิดจากปัญหา สาธารณะที่มีลักษณะเฉพาะ
นอกเหนอื จากปญั หาสาธารณะ ได้แก่ ปญั หาทีเ่ กดิ ขึ้นตามธรรมชาติปญั หาที่เกดิ จากความรุนแรงทาง
การเมือง ปัญหาที่มีการแตกตัวและขยายวงกว้างออกไปปัญหาที่มีความกระเทือนต่อความรู้สึกและ
เป็นท่สี นใจของมวลชน ปญั หาท่มี ผี ลกระทบต่อ สภาพแวดล้อม ปัญหาท่ีมีลกั ษณะท้าทายอำนาจและ
ความชอบธรรมของรัฐและปญั หารว่ มสมยั ของสงั คมหรอื สงั คมโลก

เนื่องจากวิสัยทัศน์บรูไนเป็นนโยบายสาธารณะที่รัฐบาลบรูไนใช้ในเป็นเครื่องมือในการ
บริหารและพัฒนาประเทศ นโยบายดังกล่าวจะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้รับการนำไปปฏิบัตใิ ห้ปรากฏเปน็
จริง ดังนั้นรัฐบาลบรูไนจึงจัดท้าแผนระยะยาว (long-term planning) เพื่อรองรับนโยบายดังกล่าว
ผ่านแผนพัฒนาแห่งชาติโดยยุทธศาสตร์ในแต่ละด้านภายใต้วิสัยทัศน์บรูไน ประเทศบรูไนได้นำมา
บรรจุไว้ภายใต้แผนพัฒนาแห่งชาติ 5 ปีนับต้ังแต่ปี2007 ไปจนถึงปี2035 ได้แก่ แผนพัฒนาแห่งชาติ
บรูไนฉบับที่ 9 (RKN แผนพัฒนาแห่งชาติบรูไนฉบับที่ 10 (RKN10) แผนพัฒนาแห่งชาติบรูไนฉบับท่ี
11 (RKN11)

80

อย่างไรก็ตามแม้การดำเนินงานตามเป้าหมายของแผนวิสัยทัศน์บรูไนจะยังคงมีอุปสรรคอยู่
พอสมควร อาทิประเทศบรูไนยังคงต้องอาศัยผลผลิตจากน้ำมันเป็นฐานในการพัฒนา แต่ด้วยราคา
น้ำมันในตลาดโลกที่มีลักษณะผันผวน ทำให้เกิดปัญหากับการเงินการคลังของประเทศ อัตราการ
ว่างงานที่สูงข้ึน อุปสรรคในการขนส่งสินค้า ข้อจ้ากัดด้านการค้าที่ยังเคร่งครัดท้าให้เกิดข้อจ้ากัดใน
การค้าระหว่างประเทศ การท่องเที่ยวยังขาดความโดดเด่นและข้อห้ามทางศาสนาทำให้เกิดข้อจ้ากัด
ในการพฒั นาการทอ่ งเที่ยว แตจ่ ากแผนวสิ ยั ทัศน์ดงั กล่าวทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพและโอกาสด้าน
การค้าและการลงทุนของประเทศไทยในบรูไนใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านอุตสาหกรรมการเกษตร ด้าน
อตุ สาหกรรมการประมง ดา้ นอุตสาหกรรมฮาลาล ด้านอุตสาหกรรม ท่องเท่ียว และด้านการลงทุนท้า
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จากที่เดิมประเทศบรูไนกับประเทศไทยมีความร่วมมือกัน
น้อยหรือแม้แต่ประเทศอื่นๆ ที่เดิมมีความสัมพันธ์กันในแงข่ องผลประโยชน์ท่ีเกี่ยวข้อง อุตสาหกรรม
น้ำมนั เป็นหลักก็ได้ปรับเปลีย่ นมาเป็นความรว่ มมือด้านอ่ืน ๆ อาทิ ประเทศญีป่ นุ่ ที่ปรับนโยบายจากที่
สนใจบรไู นในฐานะแหล่งพลังงานท่ีสำคญั แหลง่ หนึ่งของญปี่ ุ่นมาเป็นการดำเนนิ ความสัมพันธ์โดยเน้น
ความรว่ มมือในกรอบความรว่ มมือทางเศรษฐกจิ และความม่ันคงมากย่ิงขึ้น

ผวู้ เิ คราะห์บทความ
นางสาวฟารีนา เตะปูยู รหสั นิสติ 631031429

81

พหุวัฒนธรรมทางศาสนากบั แนวทางการอยู่ร่วมกนั ของคนจนี และมลายู: กรณศี ึกษาประเทศ
บรูไน Religious Multiculturalism for Coexistence Of Chinese and Malay People:

A Case Study of Brunei

พระราชวรเมธี,รศ.ดร. Phra Rajvaramethi, Assoc. Prof. Ph.D.
ดร.ลำพอง กลมกลู Lampong Klomkul, Ph.D.

ศูนยอ์ าเซียนศกึ ษา ASEAN Studies Centre, MCU
E-mail: [email protected]

บทคดั ยอ่
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นพหุวัฒนธรรมทางศาสนากับแนวทางการอยู่

ร่วมกันของคนจีนและคนมลายูในประเทศบรูไน โดยการใช้วิธีการวิจยั เชิงคุณภาพด้วยการศึกษาจาก
เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องการสัมภาษณ์และการสังเกตอย่างมีส่วนร่วม ผลการวิจัยพบว่าความ
แตกต่างทางศาสนาชาติพันธุ์และความเชื่อในบรูไนส่งผลให้เกิดขันตธิ รรมในการอยู่ร่วมกัน เนื่องจาก
การจัดการศึกษาอันเป็นฐานของการเรียนรู้ที่จะนำไปสู่การแสดงออกของการจัดการและการบริหาร
อย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดกลไกในการดำเนินชีวิตร่วมกันภายใต้ความเป็นพหุวัฒนธรรมทางศาสนาที่
ต้องประกอบด้วยการเรียนรู้การทำความเข้าใจและปรับตัวโดยมีหลักคิดทางศาสนาที่ยึดมั่นในขันติ
ธรรม มีความอดทนอดกลั้นต่อความแตกต่างเคารพและให้เกียรติต่อความแตกต่างของเพื่อนร่วม
สังคม คำนึงถงึ ความเป็นมนุษย์ร่วมสงั คมชาติอันเป็นแนวทางหรือระบบคิดในการอยู่ร่วมกันของสังคม
พหุลักษณท์ างศาสนาระหวา่ งชาวจีนและมลายูบรูไนทม่ี ีการปฏิบตั ิและนำไปปรับใชเ้ พ่ือการอยู่ร่วมกัน
ในวิถีความแตกตา่ งดงั ที่ปรากฏในปจั จุบนั
คำสำคญั : พหุวฒั นธรรมทางศาสนา, แนวทางการอยรู่ ว่ มกนั , บรูไน , จนี -มลายู

Abstract
The purpose of this article was to study the religious multiculturalism of the

Chinese and Malaysian people living in Brunei. Qualitative research with documentary
study, interview and participatory observation was used for research design. Results
indicated that the differences within religion, ethnic and belief effected to tolerate of
living together. Educational management as a basic of learning can express into
appropriate management for the mechanism of coexistence under religious
multiculturalism which consisted of learning, understanding, and adjusting on religious
principles, adhere to tolerate, to be strong for the difference, pay respect to the
differences of social companions, and to consider the human social cohesion. These
are the way of thinking system for living together of religious multiculturalism between
Chinese and Malay people who applied into practice for living with the differences
that appears in the current situation.
Keywords: Religious Multiculturalism, Way of living together, Brunei, Chinese and Malay

82

บทนำ
ในฐานะนักวิจัยที่ได้เดินทางเพ่ือเกบ็ รวบรวมข้อมลู วิจัยในเรื่อง “Trends of Educational

Management for Unity and Peace of Countries in ASEAN Community” ทำให้ได้รับ
ประสบการณ์จากการเดินทางไปยังบรูไน ในบทบาทของนักวิจัย เพื่อเก็บข้อมูลในพื้นที่วิจัยประเทศ
บรูไน ระหว่าง 10-15 มิถุนายน พ.ศ.2559 โดยได้พบกับนักวิชาการในมหาวิทยาลัยแห่งชาติบรูไน
รวมทั้งศึกษาในเชิงอาณาบริเวณ โดยสังเกตและลงพื้นที่ศึกษาวิถีชีวิตและการดำเนินชีวิตของชาว
บรูไนพื้นเมืองและกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ อาทิ กลุ่มชาวจีนที่สะท้อนให้เห็นถึงพหุลักษณ์ทางวัฒนธรรม
ศาสนาที่ได้พบและสังเกต ทำให้เห็นว่าในความแตกต่างหลากหลายต่างมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง
แต่ในเวลาเดียวกันก็หลอมรวมอยู่กันได้ภายใต้ความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์และสะท้อนถึงความ
เครง่ ขรมึ ในแบบมุสลิมบรูไนท่ีได้ชื่อว่าเปน็ ประชากรส่วนใหญข่ องประเทศ แตใ่ นเวลาเดียวกันก็มีท่าที
ผ่อน คลายในแบบ “พหุลักษณ์” ซึ่งเป็นความแตกต่างที่ลงตัวภายใต้วิถีที่ต่างกันแต่สะท้อนความ
เป็นเอกลักษณ์ของบรูไนรวมทั้งวิถีของบรูไนก็สามารถสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของวิถีทางศาสนาได้แต่
ในเวลาเดียวกันยังปรากฏให้เห็นความแตกต่างหลากหลายภายใต้ความทันสมัย เช่น ห้างสรรพสินคา้
ในแบรนด์ต่างชาติ และวิถีทางศาสนา ซึ่งในการเดินทางของคณะผู้วิจัยในช่วงนั้นเป็นช่วงเดือน
รอมฎอน มีโอกาสไปสังเกตวถิ ชี ีวติ และการดำเนนิ ชวี ิตของชาวพ้ืนเมืองและกลุ่มชาติพันธุ์ในบรูไน ทำ
ให้เห็นว่าในบรูไนมีกลุ่มชาติพันธุ์จีนอยู่ด้วย แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้บนวิถีวัฒนธรรมที่แตกต่างใน
ลักษณะของพหุวัฒนธรรมทางทางชาติ พันธุ์ภาษา ศาสนาและวิถีชีวิต โดยชาวจีนจัดเป็นกลุ่ม
ประชากรที่ใหญ่เป็นอันดับสองรอง จากชาวมลายูบรูไ โดยชาวจีนมีหลักฐานว่ามีความสัมพันธก์ ันกบั
บรูไนนับตั้งแต่สมัยราชวงศ์ ซ่ง (Song Dynasty 960 AD ถึง 1296 AD) ตามเส้นทางการค้าจีนและ
บรูไน หรือในชื่อ Poni จนกระทั่งจีนได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในศตวรรษที่ 17 ดินแดนบรูไนเริ่มมี
ชุมชนชาว จีนเขา้ ตั้งถิ่นฐานเพือ่ เป็นสถานีทางการค้า อย่างไรกต็ ามการค้าลดลงในศตวรรษที่ 18 และ
ศตวรรษที่ 19 บรูไนก็กลายเป็นอารักขาของอังกฤษที่การอพยพเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในปี 2447 มีชาวจีน
500 คนในบรูไนซึ่งส่วนใหญ่เปน็ คนในบังคับของอังกฤษ การค้นพบน้ำมันในปี 1929 ทำให้ประชากร
เพิ่มมากขึ้นจำนวนประชากรจีนเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปี พ.ศ. 2474 - 2490 เมื่อมีการขยายตัวเป็น
4 เท่า ผอู้ พยพสว่ นใหญ่มาจากดินแดนหลักท่ีมีชาวจนี จำนวนมาก อาทิสิงคโปร์ และฮอ่ งกง เม่ือไปยัง
ชุมชนชาวจีนทำให้เห็นวิถีทางศาสนาการตั้งถิ่นฐาน และความแตกต่างอย่างชัดเจน พบว่า ในความ
แตกต่างก็มีความเหมือนและในความเหมือนก็มีการเรียนรู้และการเชื่อมสัมพันธ์ที่เป็นความเหมือน
และความแตกต่างกันในคราวเดียวไป ด้วย ซึ่งจะได้ทำการศึกษาและนำเสนอในภาพรวมรวมเพื่อ
สะท้อนให้เห็นถึงวิถีแห่งชาติพันธ์ุ และความแตกต่างของชาวจีนและชาวมลายูบรูไนตามขอบข่าย
การศกึ ษาพหุวฒั นธรรมและการเรียนร้ขู ้ามวฒั นธรรมระหว่างกัน

83

1. พหวุ ฒั นธรรมความหลากหลายในการอยรู่ ่วมกัน
แนวคิดในเรื่องการอยู่ร่วมกันภายใต้ความหลากหลายกลายเป็นประเด็นร่วมทางสังคม

ประชาชาติทั่วโลกด้วยเหตุผลทีว่ ่าดว้ ยโลกทัศน์รฐั ชาติ ชาติพันธุ์ กลายเป็นประเด็นของความขัดแย้ง
กันในเชิงรัฐชาติและความเป็นเอกภาพภายใต้ความแตกต่างหลากหลายและการอยูร่ ่วมกันภายใต้วิถี
ของความแตกต่าง เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมเพราะประกอบด้วยคนหลายเชื้อชาติ ศาสนา และ
วัฒนธรรมการเรียนรู้ความแตกต่างเพือ่ ป้องกันความแตกแยก จึงเป็นส่ิงสำคัญที่คนไทยพงึ ปฏิบัติเพ่ือ
พัฒนาชาติไทยให้เจริญก้าวหน้าและสงบสุข เมื่อพิกัดไปที่ความเป็นพหุวัฒนธรรมจะพบว่าอัตลักษณ์
ของสังคมพหวุ ฒั นธรรม อตั ลกั ษณ์ คือสงิ่ สะท้อนความเปน็ ตัวตนของบุคคลหรือสงั คมนน้ั ๆ สังคมพหุ
วฒั นธรรมมีอตั ลกั ษณ์สำคญั คือ การอยู่รว่ มกันของผคู้ นทา่ มกลางความหลากหลายอยา่ งกลมกลนื ซึ่ง
ความหลากหลายทีป่ รากฏในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม ไดแ้ ก่ เช้ือชาตชิ าตพิ นั ธุ์ ศาสนา ความเชอื่ ภาษา วิถี
การดำเนินชีวิต ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี และวัฒนธรรม ปรากฏในงานของ T.H. Marshall
(1950) เรื่อง Citizenship and Social Class ได้พยายามชี้ให้เห็นถึงวิวัฒนาการ ของความเป็น
พลเมืองตามความสัมพันธ์กับความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางชนชั้น ที่เกิดขึ้น ในช่วงประวัติศาสตร์
ต่าง ๆ ของสังคม โดยที่ Marshall ถือว่าส่วนประกอบของการเป็นพลเมืองของรัฐชาติใดรัฐชาติหนึ่ง
ก็คือ สิทธิความเป็นพลเมือง สิทธิการเมือง และสิทธิทาง สังคม และแต่ละสิทธิต่างก็ครอบคลุมถึงใน
ดา้ นเฉพาะของสทิ ธิน้นั ๆ กล่าวคือ

สิทธดิ ้านความเปน็ พลเมือง ก็คือ การมีเสรีภาพในชีวิต ทรพั ย์สนิ การพูด การคิด และนับถือ
ศาสนา สิทธิในด้านกระบวนการยุติธรรม การได้สัญชาติ เป็นต้น โดยมีสถาบันสมัยใหม่เป็นผู้ดูแล
สิทธปิ ระเภทน้กี อ่ เกิดข้ึนในยุโรปและอเมริกามาต้ังแต่ศตวรรษที่ 18

สิทธิทางการเมือง คือ การมีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมืองซึ่งมีมาก่อน (ในบาง
ประเทศได้ขยายสิทธิทางการเมอื งน้สี กู่ ล่มุ ผูบ้ รรลนุ ติ ภิ าวะทุกคน)

สิทธิทางสังคม คือ การได้รับการศึกษาอบรมการมีสุขภาวะที่ดีหรือได้รับสวัสดิการที่ดีและ
เทา่ เทียม สิทธทิ ้งั สองประการหลังนี้ มีเป็นประเดน็ เกี่ยวกับสิทธิท่เี กดิ ขึ้นในช่วง ทศวรรษท่ี 20 เพราะ
เป็นไปตามสถานการณ์ นักปราชญ์ชาวแคนาดา Will Kymlicka (1998) ที่ได้มีงานเขียนที่ทั้ง
สนับสนนุ และโตแ้ ยง้ เปน็ จำนวนมาก

โดยที่ Kymlicka แบ่งปัญหาคนกลุ่มน้อยหรือพหุวัฒนธรรม (Multiculturalism-อัน เป็น
แนวคดิ ท่ีมองถึงความหลากหลายดา้ นวฒั นธรรมของกลุ่มชาตพิ ันธุ์) ออกเป็น 2 ลักษณะ ดงั นี้

1. Multinational คือ ประเทศที่ประกอบด้วยหลายเชื้อชาติมาตั้งแต่ต้นได้แก่ รัฐชาติ
สมัยใหม่เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะที่เรียกว่า new world คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรีเลีย
และนวิ ซแี ลนด์

2. Polyethnic คือ รัฐที่มีคนต่างเชื้อชาติอพยพเข้ามาใหม่เป็นจำนวนมาก จนมี ฐานะเป็น
คนกล่มุ น้อยขนึ้ มา เชน่ จนี อินเดีย ในมาเลเซีย อินโดนเี ซีย และสงิ คโปร์ เปน็ ตน้

จากความหลากหลายข้างต้น ทำให้สังคมพหุวัฒนธรรมมีความยืดหยุ่นสูง และเกิดการ
ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมอย่างกลมกลืน แนวทางที่เป็นหลักการสากลคือการเข้าไปส่งเสริมหรือ

84

กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้เพื่อการอยู่ร่วมกัน โดยมีหลักอาทิ การเคารพและการ ยอมรับความ
หลากหลายในสังคมพหุวัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่าง สมาชิกในสังคมควรเปิดใจ
ให้กว้าง เพื่อยอมรับความแตกต่างที่เกิดขึ้น และพยายามปรับตัว ให้เข้ากับคนทุกเชื้อชาติ ศาสนา
และวัฒนธรรม มีความระมัดระวังในการกระทำและคำพูด ที่อาจนำมาซึ่งความแตกแยกขัดแย้ง
ตลอดจนเคารพในหน้าที่ สิทธิเสรีภาพของกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคม ทั้งควรยึด
แนวทางปฏิบตั ดิ ังนี้

(ก) เรียนรคู้ วามแตกต่าง เปดิ ใจให้กวา้ ง พรอ้ มรับส่ิงใหม่ ศกึ ษาวถิ ชี วี ิต วฒั นธรรม ความเชื่อ
ศาสนา ภาษา ของชนกลุ่มอื่น ผ่านแหล่งความรู้ที่หลากหลาย และควรศึกษา ด้วย ใจที่เป็นกลาง
ปราศจากอคติ เข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม หรือกิจกรรมที่มีคน จากหลายวัฒนธรรมมาท
กิจกรรมรว่ มกนั

(ข) ยดึ ม่ันในขนั ตธิ รรม มีความอดทนอดกลนั้ ต่อความแตกต่าง ปรับวธิ ีคดิ และทา่ ที ให้เป็น
กลาง สอดคล้องกับสภาพสงั คมแหง่ ความหลากหลาย

(ค) เคารพและให้เกียรตติ อ่ ความแตกต่างของเพื่อนร่วมสงั คม โดยไมเ่ ยาะเยน้ ถาก ถาง หรือ
ลบหลู่ดูหม่ิน ความเป็นอตั ลักษณข์ องกนั และกนั

(ง) คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน มีความยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติหรือให้สิทธิพิเศษ เฉพาะคน
กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่กระทำการที่ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือความเจ็บปวดทั้งทาง ร่างกายและทาง
จิตใจ แก่เพื่อนร่วมสังคม ปฏิบัติตามหน้าที่ สิทธิ เสรีภาพของตน โดยไม่ไป ละเมิดหน้าที่ สิทธิ
เสรีภาพของผ้อู ่ืน

หลกั การดงั กลา่ วเปน็ กตกิ าเพ่อื การปฏิบตั แิ ละถูกนำมาใช้ในบรูไนภายใต้แนวคิด สมัยใหม่ ซ่ึง
สง่ ผลเป็นหลากความเชือ่ ตา่ งวิถีแต่อยูก่ ันไดภ้ ายใตค้ วามแตกต่างในวถิ ีเหลา่ นนั้
2. มลายู จีน มติ ิข้อเทจ็ จริงของเง่ือนไขส่พู หุวัฒนธรรมในบรไู น

ในประเทศบรูไน ซึ่งเป็นประเทศที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2529 ภายหลังการได้รับเอกราชจาก
การตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ในระหว่างที่อังกฤษปกครองได้วางรากฐานและ แนวทางในการ
พฒั นาแบบเมอื งชายแดน ทำใหบ้ รูไนเป็นเมืองทไี่ มค่ ่อยได้รับการพัฒนามาก ในมติ ิของสังคมการเมือง
เศรษฐกิจ แต่อาจมีความเข้มเข้มทางวิถีศาสนาประหนึ่งเมือง ชายแดน โดยมีกลุ่มชาติพันธุ์ที่ชัดเจน
และสะทอ้ นเปน็ ความแตกตา่ งเพอื่ เชื่อมไปส่คู วามเปน็ พหลุ ักษณ์ได้ชดั เจน

จากการศึกษาได้ปรากฏหลักฐานว่าจีนกับบรูไนมีความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกั นมาแต่
อดีต นับแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (Western Han Periods) ในช่วงศตวรรษท่ี 13-14 (Ministry
of Foreign Affairs and Trade (Brunei), 2014) และมีหลักฐานว่า ในช่วงศตวรรษที่ 15 สุลต่าน
แห่งบรูไน อับดุล มาจิด ฮัชซัน (Abdul Majid Hassan) เสียชีวิตระหว่างเดินทางไปยังจีน
(Prashanth Parameswaran, 2012) จากหลักฐานเหล่าน้ี จึงเห็นปฏิสัมพันธ์ การเรียนรู้ด้านพหุ
วฒั นธรรม และการเรียนร้ขู า้ มวัฒนธรรมผา่ นเสน้ ทาง การคา้ ระหวา่ งจนี กบั บรไู น จนกระท่ังมีการเข้า
มาตง้ั ถ่ินฐานของชาวจีนในบรูไน ที่สืบค้น พบว่าเขา้ มาตามเส้นทางการคา้ ของจีนในระหว่างยุคอาณา
นิคมอังกฤษอพยพตั้งถิ่นฐานจนกระทั่งปัจจุบัน ดังนั้น กลุ่มชาติพันธุ์จีนโดยชาวจีนเป็นกลุ่มที่มี

85

ประชากรร่วมอยู่ประมาณ 10 ของประชากรทั้งหมด (2015) เข้ามาตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนทางการค้า
กลุ่มใหญ่สุดคือจีน ฮกเกี้ยนที่มีพ้ืนถิ่นมาจากมณฑลฝูเจี้ยน (Fujain) ทางตอนใต้ของจีน Kinmen
and Xiamenin China นอกจากนี้ยังมีจีนแคะ และจีนกวางตุ้งแต่ทั้งหมดก็ผสมรวมกันยืนยันอัต
ลักษณ์ในแบบชาวจีนที่อยู่กันเป็นชุมชนทางการเมือง พูดภาษาจีนนับถือพุทธ ศาสนา หรือขงจื้อ ยัง
ปฏบิ ตั ิในเร่ืองการบูชาบรรพบุรุษ โดยชาวจนี สว่ นใหญ่มปี ฏิสมั พนั ธ์กับ ชาวจนี ในมาเลเซียและสิงคโปร์
ด้วยสำนกึ ของความเปน็ ชาวจีนทแี่ ตกต่างเพยี งแตท่ ี่ต้ังแต่ สำนึกยงั คงอยู่

ในประเด็นความแตกต่างหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ ในอดีตมีความขัดแย้งที่เป็น ความ
รุนแรงในหลายพื้นท่ีดังกรณีชาวพื้นเมืองกับอังกฤษในแอฟริกาใต้ จีนในมาเลเซียภายใตแ้ นวคิด “ภูมิ
ปุตรา” ที่ทำให้ชาวจีนที่ไม่ใช่ชนพื้นเมืองต้องออกมาต่อสู้จนกระทั่งกลายเป็นสงครามโจรจีน
คอมมิวนิสต์ หรือโจรจีนมลายา หรือกรณีล่าสุดโรฮิงญาในเมียนมาร์ ซึ่งภาพลักษณ์เหล่านี้ส่งผลเป็น
ความขัดกนั ในเชงิ ชาตพิ นั ธศุ์ าสนา วิถีความเชื่อและความ แตกต่างในลักษณะต่าง ๆ
3. พหุวัฒนธรรมในบรูไนมิติของการอยู่ร่วมกนั บนความแตกตา่ ง

จากสภาพขอ้ เท็จจรงิ ที่พบ ในวถิ ีความแตกตา่ งแม้ชาวจีนจะเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศบรูไน
แต่ก็มีสิทธิทางความเชื่อและการแสดงออกในวิถีทางศาสนาและความเชื่อใน แบบจีนอันสะท้อนให้
เห็นถึงอาชพี การตั้งถิน่ ฐานรวมไปถงึ การประกอบประเพณีวิถคี วามเชอ่ื ไดซ้ ่ึงสามารถจำแนกไดด้ งั น้ี

3.1 พหวุ ัฒนธรรมทางเชอื้ ชาติคือ จากการท่เี ขา้ ไปสำรวจเกี่ยวกับการศึกษาใน ประเทศบรูไน
สิ่งที่เห็นชัดเจนคือภาพลักษณ์ของความเป็นชาติพันธุ์โดยในบรูไน ประกอบด้วยกลุ่มชาติอื่น ๆ อาทิ
ชาวจีน ซึ่งอยู่ผสมร่วมกับชาวบรูไนด้วย แต่เมื่อไปลงรายละเอียดเกี่ยวกับความเป็นชาวจีนจะพบว่า
ชาวจีนในบรูไนเป็นกลุ่มที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานพร้อมกับความเป็น “อาณานิคม” ที่เป็นระบบแต่
เดิม หากจำแนกถึงสถิติการนับถือศาสนานัยหนึ่งสามารถจำแนกความแตกต่างของชาติพันธุ์ได้ด้วย
เชน่ กนั อาทิชาวมลายู พน้ื เมืองนบั ถอื ศาสนาอิสลาม ชาวจนี นบั ถอื พระพทุ ธศาสนา รวมทงั้ ชาวอินเดยี
อาจนับถือ ศาสนาฮินดู สิกข์ บาไฮท์ และชาวต่างชาติอื่นอาจนับถือคริสเตียน คาทอลิก และชาวยิว
นับ ถือศาสนายิวเป็นต้น ดังนั้นในข้อเท็จจริงบรูไนเองมีประชากรที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานหรือพ ำนัก
ชั่วคราว แต่ก็ได้นำวิถีทางศาสนาบนความแตกต่างมาแสดงออกและปฏิบัติในบรูไนด้วย เช่นกันซ่ึง
สะท้อนถึงวถิ ีทางวฒั นธรรมและศาสนาทีแ่ ตกตา่ งกันด้วยเง่ือนไขและความเป็นไปได้ ในเชิงระบบด้วย
เชน่ กัน

3.2 พหุวัฒนธรรมทางศาสนาคือ ความหลากหลายของเชื้อชาติทำให้เกิดการนับถือหรือถือ
ปฏบิ ัติในวถิ ที ีแ่ ตกต่างหมายถึงศาสนาจะเปน็ เงอื่ นไขของความแตกตา่ งดังกรณชี าวจีนยังนบั ถือศาสนา
แบบบูชาบรรพบรุ ุษซึ่งสังเกตเห็นไดว้ ่าชาวจนี ในร้านลูกหลานจีนก็ยงั มีรูปแบบดังกล่าวเป็นเอกลักษณ์
ในรา้ นคา้ ทไี่ ปพบเหน็ และเข้าใช้บริการรับประทานอาหาร หรอื กจิ กรรมอ่ืน ๆ ท่เี กี่ยวเน่ืองในส่วนของ
วิถีมุสลิมกเ็ ห็นว่าทำให้เกดิ ความแตกต่างในการอยรู่ ่วมกันสะท้อนคิดเหน็ การอยู่ร่วมกันภายใต้วิถีต่าง
ศาสนาทำให้เกิดการเรียนรู้กลายเป็นพหุลักษณ์ที่แตกต่างแต่ก็อยู่ด้วยกันภายใต้ความแตกต่างหลาก
วถิ ีเหลา่ น้นั

86

จากข้อมูล Brunei 2017 International Religious Freedom Report (2017) ซึ่งให้ข้อมูล
ว่าบรูไนมีพ้ืนที่ 2,200 square miles มีประชากรราว 444,000 คน (กรกฎาคม 2017) มีประชากรที่
เป็นมุสลิมราว 349,872 คน หรือประมาณ 78.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นชาวมลายู
พื้นเมือง มีจำนวนประมาณ 34,632 นับ ถือพุทธศาสนา หรือราว 7.8 เปอร์เซ็นต์ เป็นคริสต์ 38,628
คน ราว 8.7 เปอร์เซ็นต์ และมี อีก 4.7 เปอร์เซ็น รวมประมาณ 20,868 คน อาทิ นับถือบาไฮ
(Baha'i) นบั ถอื ฮนิ ดู (Hindus) นบั ถอื ผวี ญิ ญาณ (Atheists) เตา๋ (Taoists) สิกข์ (Sikhs) นับถือศาสนา
ยิว (Jews) และนับถือในแบบอื่น รวมถึงไม่มีศาสนา มีสถิติมัสยิดกว่า 109 แห่งทั่วประเทศมีโบสถ์
ครสิ ต์ 3 แห่ง และวัดจนี หรอื ศาลเจา้ จำนวน 3 แหง่ วัดฮินดูของชาวอินเดยี 2 แหง่ เป็นต้น จากข้อมูล
สะท้อนให้เห็นว่าความหลากหลายแตกต่างในบรูไนถือว่าเป็นอีกประเทศที่มีวิถีทาง ศาสนาที่แตกต่าง
หลากหลายดังนั้นเอกลักษณ์อันเป็นพหุวัฒนธรรมทางศาสนาย่อมมีความจำเป็น และเกิดขึ้นในบรูไน
ซึง่ ภาคตอ่ ของการเดนิ ทางของคณะนักวจิ ัยได้ไปบรูไน มาเลเซยี สิงคโปร์ และอนิ โดนีเซยี ในช่วงเวลาที่
คาบเกี่ยวกัน ความแตกต่างหลากหลายในวิถีทาง ศาสนาย่อมเป็นเครื่องยืนยันต่อความเป็นเงื่อนไข
และประเด็นทางศาสนาที่แตกต่างกัน จากการสมั ภาษณ์นักวชิ าการด้านการศึกษาชาวบรูไน และการ
สัมภาษณ์ชาวจีนก็ให้ข้อมูลในเรื่อง การเป็นอยู่ร่วมกันบนฐานของศาสนาที่แม้จะมีความแตกต่างกัน
แต่ก็ปฏิบัติตามหลกั ของ ศาสนาที่ตัวเองนับถือนัยหนึ่งไม่ไดย้ ุง่ เกีย่ วกันและกันและรัฐก็ไม่ได้พยายาม
เขา้ มาควบคุม หรอื ห้ามปราม หากแตส่ ่งเสริมให้เกดิ การเรียนร้เู พอื่ ความเขา้ ใจ

3.3 พหุวัฒนธรรมทางการศึกษา คือ การออกแบบหลักสูตร ไปสู่การจัด การศึกษาเพื่อ
ส่งเสริม กระตุ้นการเรียนรู้พหุวัฒนธรรม และเพื่อรองรับการศึกษาในแบบพหุ วัฒนธรรมที่สะท้อน
ความเป็นพหวุ ัฒนธรรมทางศาสนา ทง้ั ในเรอื่ งการดำเนินชีวิต และวิถีธรรมเนียมปฏบิ ัติต่างวิถีย่อมจะ
เป็นเงื่อนไข และเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความเป็น พลเมืองในประชาชาติบรูไน จากการ
สัมภาษณ์ผู้บริหารและอาจารย์ในมหาวิทยาลัย University of Brunei Darussalam หลายท่านใน
การเก็บข้อมูลเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ การศึกษาชาติบรูไน สู่ความเป็นอาเซยี น ในการสัมภาษณ์ทุกท่าน
จะนำเสนอแนวทางการจัด พหุวัฒนธรรมในการศึกษา (Interview Lecturer A,B,C,D,UBD, 13
June 2016)

บรรณานกุ รม
ดลมนรรจ์ บากา และชัยวัฒน์ มสี นั ฐาน. (2557). ประวตั ิศาสตรบ์ รไู น. กรงุ เทพมหานคร: มูลนิธิ

โครงการตำราสงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร.์
ดลยา เทยี นทอง. (2557). บรไู น. กรงุ เทพมหานคร: นานมีบุ๊คสพ์ บั ลิเคช่นั ส.์
สถาบันเอเชียศึกษา จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั . (2558). การศึกษาขอ้ มูลพนื้ ฐานเพ่อื จัดทำแนว

ทางการดำเนนิ งานความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม (CSR) ในประเทศอาเซยี นท่กี ลมุ่ ปตท.ดำเนิน
ธุรกิจ (กมั พูชา สปป.ลาว บรูไน มาเลเซยี ฟลิ ิปปินส์ และสิงคโปร์). รายงานฉบับสมบูรณ์
(Final Report). กรงุ เทพมหานคร: สถาบนั เอเชียศึกษา จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย.

87

สามารถ ทองเฝือ. (2557). อิสลามการเมืองในการบริหารรัฐสลุ ต่านบรูไนดารุสซาลาม. วารสาร
การเมืองการปกครอง,คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ วิทยา เขตปัตตานี. 4
(2): 174-185.

ประชาไท. (24 ตุลาคม 2553). สุลตา่ นบรไู นเตรียมใชก้ ฎหมายชารีอะห์เป็นกฎหมายอาญา. เรยี กใช้
เมื่อ 15 June 2016 จาก ประชาไท:http://prachatai.com/journal/2013/10/49388

มตชิ นออนไลน.์ (30 เมษายน 2557). สลุ ตา่ นบรไู นประกาศใช้ "กฎหมายชารอี ะห"์ 1 พ.ค.นี้. สืบค้น
เม่ือ 15 มิถนุ ายน 2559 จาก Matichon online:http://www.matichon.co.th/
news_detail.php?newsid=1398847170

ฉนั ทนา จนั ทรบรรจง และ สุกญั ญา แชมชอย. (2555). “สถาบันศึกษาศาสตรสลุ ตานฮสั ซานลั บอล
คลาหมหาวทิ ยาลัยบรูไนดารุสซาลามและคณะศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลัยปุตรามาเลเซยี ”.
วารสารศกึ ษาศาสตร์มหาวิทยาลยั นเรศวร.14 (3): กนั ยายน – ธันวาคม: 135-139.

ASTV ผจู้ ัดการออนไลน์. (05 พฤษภาคม 2557). เป็นเรอื่ ง! คนดังท่วั โลกแห่ “คว่ าบาตร” เครือ
โรงแรมของกษตั รยิ ์บรูไนตอบโต้ “กฎหมายชารอี ะห์”. สบื ค้นเม่อื 15 มิถนุ ายน 2559 จาก
ASTV ผู้จดั การออนไลน์: http://www.manager.co.th/Around/
ViewNews.aspx?NewsID=9570000049801

วิเคราะห์บทความ

ช่วงเดือนรอมฎอนของพี่น้องชาวมุสลิมในประเทศบรูไน ซึ่งสะท้อนถึงเอกลักษณ์ภายใต้
วถิ ีทางศาสนา แตใ่ นเวลาเดยี วกันกจ็ ะเห็นวถิ ีความเชอื่ อืน่ ท่ีตา่ งออกไปแต่กใ็ ชช้ ีวิต ดำเนินชวี ติ บนวิถีท่ี
แตกต่างแบบปกติ จะเห็นร้านค้าทเี่ ปิดขายแต่ไม่เปิดให้น่งั รับประทาน รา้ นอาหารที่ขายก่อนเวลาเย็น
เพื่อให้คนเตรียมทำอาหารรับประทานที่บ้านแล้วไปปฏิบัติศาสนกิจในยามเย็น รวมทั้ง เสียงสวดอา
ซาน กับการขยับก้าวของชีวิตอื่นที่ไม่ใช่มุสลิมในประเทศบรูไน ภาพลักษณ์ เหล่านี้ทำให้เห็นเป็นวิถี
พหุวัฒนธรรมที่มาพร้อมกับคนในงานบันทึกเรื่อง “สถาบันศึกษาศาสตรสุลตานฮัสซานัลบอล คลาห
มหาวิทยาลัยบรูไนดารุสซาลามและคณะศึกษาศาสตรมหาวิทยาลัยปุตรามาเลเซีย” ที่ ให้ข้อมูลว่า
สถาบันการศึกษาในบรูไน Institute of Leadership, Innovation and Advancement (ILIA),
Universiti Brunei Darussalam “จัดการศึกษาในแบบพหุวิทยาการและพหุภาคสว่ น” ภายใต้ความ
แตกตา่ งและในความแตกต่างนัน้ ไดส้ ง่ ผลเป็นกลไกรว่ มของการอยูร่ ว่ มกันบนวถิ ีทางศาสนา ความเชื่อ
และชาติพนั ธุ์ รวมท้ังภายใต้ความ แตกตา่ งหลากหลายเกิดข้ึนด้วยเงื่อนไขของชวี ิตที่เป็นอยู่อย่างเป็น
ระบบ ชาวมลายู ชาวจีน ชาวอินเดีย และชาวต่างชาติท่ีมาพำนักอาศัยอยู่ชัว่ คราวสะท้อนให้เหน็ เปน็
มิติของความ หลากหลายชัดเจน ทำให้เห็นว่าในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ความแตกต่างหลากหลายนัย
หนึ่งเป็นความแตกตา่ งดังที่บรูไนใช้กฏหมาย “ชารีอะห์” ในการบริหารประเทศดังปรากฏในงานของ
สามารถ ทองเฝือ (2557) ในเรื่อง “อิสลามการเมืองในการบริหารรัฐสุลต่านบรูไนดารสุ ส ลาม” ที่ให้
ข้อมูลว่า “บรูไนดารุสสลามได้ประกาศให้กฎหมายชารีอะห์หรือกฎหมายอาญา อิสลามที่มีผลบังคับ

88

ใช้ในการบรหิ ารจดั การปกครองบ้านเมืองภายในประเทศของตนเองได้ อยา่ งท้าทายโดยมิได้หว่ันเกรง
ต่อการกล่าวโจมตีจากประชาคมโลกแต่อย่างใด” ซึ่งงานวิจัยก็ ให้ข้อมูลว่านัยหนึ่งเป็นอัตลักษณ์ แต่
อีกนัยหนึ่งก็เป็นการสร้างการรับรู้ เพื่อการปรับตัวอยู่ ร่วมกันภายใต้ความเป็นไปได้ในความ
หลากหลายนัน้ ทัง้ ส่งผลใหเ้ กิดการเรียนรเู้ ป็น พัฒนาการรว่ มกันของสงั คมและกลไกทางสังคม

ผวู้ เิ คราะห์บทความ
นายวรี ะศักดิ์ โตะดนิ รหัสนิสิต631031439

89

มาตรการการจำกัดการเข้าถงึ เครือ่ งดื่มแอลกอฮอล์ของประเทศบรไู น

อัครวนิ ท์ ศาสนพิทกั ษ์ ,สกุ ัลยา คงประดษิ ฐ์ ,จินดา ธำรงอาจรยิ กลุ

บทคดั ย่อ
ประเทศบรูไนเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีมาตรการในการจำกัดการเข้าถึงการบริโภคเครื่องด่ืม
แอลกอฮอล์ที่มี มาตรการค่อนข้างเด็ดขาด โดยรัฐบาลกษัตรย์ได้นำหลักกฎหมายอิสลามที่เรียกว่า
กฎหมายชารีอะห์มาบังคับใช้ใน หลายลักษณะ อาทิเช่น การห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดย
เด็ดขาดที่บังคับกับชาวมุสลิม การห้ามจำหน่าย แอลกอฮอล์ในทุกรูปแบบ การห้ามบริโภคในที่
สาธารณะของผู้ที่ไม่ใช่ มุสลิม การจำกัดอายุขั้นต่ำของผู้บริโภค รวมทั้ง การจำกัดปริมาณการนำเข้า
มาในประเทศ อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสโลกาภวิ ฒั น์ประกอบกับประชาชนส่วนหน่ึงของ บรูไนที่ไม่ใช่
มุสลิม รวมทั้งกระแสการคัดค้านจากองค์กรระหว่างประเทศ จึงน่าจับตามองวา่ มาตรการเหล่านี้จะมี
ความ ยัง่ ยืนต่อไปในบรูไนมากนอ้ ยเพียงใด
คำสำคัญ: มาตรการ, การบริโภค, แอลกอฮอล์, บรูไน

Abstract
Brunei Darussalam is one of the country that has themore rigorous
measurement on limiting alcohol consumption access in the world. The government
of Sultanate adopts Islamic Crime Law which called Sharia Law to enforce in many
patterns such as, Banning absolutely to alcohol consumption for Muslims, Banning
to alcohol selling, Banning to alcohol consumption in public for Non-Muslims,
Limitation of the consumer’s minimum age and, Limitation of alcohol import.
Nevertheless, the globalizationstreams, being the non-Muslim citizens in Brunei, and
some international organizations, are pressuring on the royal government to ease the
severe law. Thus, monitoring on these measures is quiet interesting. It cannot wait to
see how Brunei’s alcohol control measures do go on.Keywords:Measurement,
Consumption, Alcohol, Brunei Research.
บทนำ

สังคมในยุคปัจจุบันให้ความสนใจในเรื่องสิทธิ เสรีภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมแบบ
ประชาธปิ ไตย ซึ่ง ให้ความสำคัญกบั สิทธิของประชาชนในการกระทำการท่ี ไมเ่ ป็นการกระทบต่อสิทธิ
เสรภี าพของบคุ คลอื่น รวมทัง้ ตอ้ งไมก่ ่อให้เกิดความเดอื ดรอ้ นต่อสว่ นรวม และไมข่ ัด ต่อศีลธรรมอันดี
ของประเทศชาติ โดยรัฐธรรมนญู แห่ง ราชอาณาจกั รไทย พ .ศ.2560 ได้กำหนดการคุม้ ครอง บคุ คลไว้
หลาย ๆ ดา้ น เช่น ใหบ้ คุ คลมสี ทิ ธิเสรีภาพใน ชวี ิตและรา่ งกาย เสรีภาพในการนับถือศาสนา เสรีภาพ
ในเคหะสถาน หรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความสงบสุข

90

และสังคม ส่วนรวม และส่งเสริมให้ประชาชนมีความประพฤติที่อยู่ ในครรลองที่ดี รวมทั้งเพื่อรักษา
ผลประโยชน์ของ ประชาชนและประเทศชาติภาครัฐ จึงมีมาตรการบาง ประการซึ่งอาจ เป็นการ
ลดทอนสิทธิ เสรีภาพของ ประชาชนได้ โดยหนึ่งในมาตรการควบคุมของภาครัฐคือ การควบคุมการ
บริโภคเคร่อื งด่ืมแอลกอฮอล์ โดย ปจั จบุ ันทุกประเทศมีมาตรการจำกัดการเขา้ ถงึ ในหลาย รปู แบบ ซ่ึง
ประเทศต่าง ๆ นั้นก็รับรู้อยา่ งดีว่าสุราหรือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลเสียตอ่ ประชาชน อาทิ ปัญหา
สุขภาพ ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว อุบัติเหตุจากการจราจร เป็นต้น อันทำให้รัฐบาลของแต่ละ
ประเทศต้องเข้ามาควบคุมผ่านมาตรการ ที่ หลากหลาย เช่น การจำกัดการลงทุนจากต่างชาติ การ
ควบคุมการนำเข้า มาตรการทางภาษี มาตรการสร้าง ความปลอดภยั ใหก้ ับผ้บู รโิ ภค มาตรการควบคุม
การค้า ปลกี การควบคมุ การดื่มในขณะขับขี่ยานพาหนะ มาตรการควบคุมการโฆษณา และมาตรการ
ควบคุมเชงิ พืน้ ที่ เปน็ ตน้

บทความชิ้นนี้ต้องการนำเสนอมาตรการการ ควบคุมการบริโภคการเข้าถึงเครื่องด่ืม
แอลกอฮอล์ของ ประเทศบรูไน ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ ประการแรก ประเทศบรูไนเป็นประเทศ
มุสลิม ซึ่งมีมาตรการการ จำกัดการถึงที่แตกต่างไปจากประเทศอื่นๆ ในกลุ่มอาเซียน ประการที่สอง
ปัจจบุ นั องคค์ วามรู้ที่อธบิ าย เกย่ี วกบั ประเทศบรไู นยังคงมีอยนู่ ้อย จงึ อาจเป็น ประโยชนใ์ นการพัฒนา
องคค์ วาม รู้ในด้านต่าง ๆ ตอ่ ไปในอนาคต

ประเทศบรูไน หรือ เรยี กอยา่ งเป็นทางการว่า บรูไนดารสุ ซาลาม (Brunei Darussalam) ช่ือ
แปลวา่ ดนิ แดนแหง่ ความสงบสุข (ศนู ยภ์ าษาและอาเซยี นศึกษา ม.เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์)
ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียทางด้านเหนือ มีรูปแบบการปกครองระบบสม บูรณาญาสิทธิราช ปัจจุบันมี
สมเด็จพระราชาธิบดี ฮัญญี ฮัสซานัลโบลเกียห์ มูอิซซัดดิน ฮัดเดาละห์ (His Majestry Sultan Haji
Hassanal Bolkiah Mu’izzaddin Waddaulah) เป็นองค์ประมุขของ ประเทศ บรูไน มีจำนวน
ประชากรประมาณ 407,000 คน โดยประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 67 นับถือ
ศาสนาพุทธ ร้อยละ 13 นับถือศาสนาคริสต์ ร้อยละ 10 และนับถือศาสนาอื่น ร้อยละ 10
(Association of South East Asian Nation) ด้วย เหตุผลที่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศและ
ผู้ปกครอง ประเทศนับถือศาสนาอิสลาม จึงทำให้นโยบายของ ประเทศและกฎหมายยึดโทษเอา
กฎหมายอิสลามตามหลักชารีอะห์ นำมากำหนดเป็นกฎหมายและนโยบาย ในการบริการประเทศ ซึ่ง
รวมถงึ มาตรการการควบคมุ การเข้าถงึ เครอื่ งดืม่ แอลกอฮอล์

อิสลามกับข้อหา้ มในการดืม่ แอลกอฮอล์

ศาสนาอิสลามได้กำหนดหลักปฏิบัติให้มุสลิม ต้องปฏิบัติ 5 ประการ อันประกอบด้วย (1)
การกล่าว ปฏิญาณตน (2) การละหมาด (3) การบริจาค (ชะกาต) (4) การถือศีลอด และ (5) การ
ประกอบพิธีฮัจห์ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าในหลักปฏิบัติ 5 ประการของศาสนาอิสลาม นั้น มิได้กำหนดข้อ
ห้ามในการบริโภคสุราหรือ แอลกอฮอล์ไว้ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับห ลักคำสอนของ พุทธศาสนา ที่
ระบุ ไว้ในข้อห้ามในศีล 5 ข้อ คือ “สุรา เมรยมัณปะมา ทัตถานา เวรมณี” ซึ่งหมายความว่า การละ

91

เวน้ จากการดมื่ สุราเมรัยและเคร่อื งด่ืมของมึนเมาทุก ชนดิ อย่างไรกต็ าม เปน็ ทีร่ บั รกู้ ันอย่างกวา้ งขวาง
วา่ ประเทศมุสลิมจะมีมาตรการที่ค่อนข้างรุนแรงในการควบคุม การบรโิ ภคเครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอล์ ทั้งน้ี
ข้อห้ามในการ บริโภคเคร่ืองดื่มแอลกอ ฮอล์ของ ศาสนาอิสลามได้ บัญญัติไว้ในคัมภีร์อัลกรุอานไว้ 4
วาระ ดังน้ี (อบั ดลุ ลอฮ สไุ ลหมดั ) 1.บญั ญตั เิ รื่องเหล้าในลกั ษณะชแี้ จงให้เห็น และรบั ทราบถึงวิถีชีวิต
ของประชาชน (อนั นะหล์ ู่, 67) ความวา่ “และสว่ นหนึ่งจากผลอินทผลมั และ องุ่น พวกเจ้านำมาชามัก
ทำสุราบ้างและใช้ปัจจัยบริโภค ที่ดีบ้าง” ซึ่งหมายถึงเมื่อบริโภคแล้วไม่เป็นอันตรายต่อ ร่างการหรือ
สตปิ ัญญา หรอื เหล้า 2.บัญญตั ิชีแ้ จงให้เห็นถึงผลดีผลเสียทเ่ี กดิ จาก สุรา (อลั บะกอเราะห์, 129) ความ
ว่า “และเมอื่ พวกเขาสอบถามเจา้ ถงึ เร่ือง เหลา้ และการพนัน เจ้าจงตอบชแี้ จงเถดิ วา่ ทั้งสอง ประการ
มโี ทษมาก แลมีคณุ ประโยชน์หลายประการแก่ มนษุ ย์ แตโ่ ทษของมนั ทง้ั สองนั้นมากกว่าคุณประโยชน์
มากมายนัก” 3.บัญญัติป้องปราบแต่ยังไม่ห้ามโดยเด็ดขาด (อันนิซาอ์, 43) ความว่า “โอ้บรรดาผู้ม่ัน
ในศรัทธาทั้งหลาย พวกเจา้ อย่าได้เขา้ ใกลพ้ ิธลี ะหมาด ขณะทพี่ วกเจ้าอยูใ่ น อาการมึนเมา จนกวา่ พวก
เจ้าจะรบั รถู้ ึงสิ่งท่ีพวกเจ้าเอย่ พูดออกมา” 4.บัญญตั ิหา้ มอยา่ งเป็นทางการโดยเด็ดขาด (อัลมาอิดะห์,
90-91) ความว่า “โอบ้ รรดาผู้ศรัทธาทัง้ หลาย ทจ่ี ริง แลว้ ทัง้ สุราและการพนัน และการเส้นสังเวยบูชา
และการเสีย่ งติ้ว เป็นส่ิงโส มม อนั เปน็ ผลงานจากซาตาน (ชยั ฎอน) ดังน้ันพวกเจ้าจงหลีกเล่ียงให้ไกล
เสีย เพอ่ื พวก เจ้าเองจักได้รบั ชัย ท่ีจรงิ แลว้ ซาตาน (ชยั ฎอน) ต้องการ เพียงแคย่ ุแหย่ให้เกิดความเป็น
อริศัตรูกันในระหว่างพวกเจ้า และมันยังคอยแต่จะทำให้พวกเจ้าห่างเหจากการระลึกถึงอัลเลาะห์
และการละหมาด เช่นน้ีแล้วพวกเจ้า จะยุติไหม?”

จากโองการในอัลกรุอานจะสังเกตได้ว่าการ บัญญัติข้อห้ามในการบริโภคเครื่องด่ืม
แอลกอฮอล์ของ ศาสนาอิสลามมิได้มีข้อห้ามอย่างทันที แต่ข้อห้ามในการ บริโภคเครื่องดื่ม
แอลกอฮอล์นั้นเริ่มตั้งแต่การชี้นำให้งด บริโภคจนถึงการสั่งห้ามโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ยังมี พระวัจ
นะของศาสดามูฮัมหมัด (ซ.ล) ที่กล่าวถึงโทษและ บทลงโทษ ของการบริโภคเครือ่ งดื่มแอลกอฮอล์ไว้
ดงั ต่อไปน้ี

1.ท่านรอซลู กลา่ ววา่ “ทกุ สิง่ ท่ีออกฤทธทิ์ ำให้มึน เมาถือเปน็ เหลา้ และทกุ สิง่ ทถ่ี อื ว่ามึนเมาย่อม บาป
เหมอื นกนั หมด ” จากบันทึกของ อะหมดั , มสุ ลิม, อาบีดาว๊ดู , อัดตรมี ซี ีย์ และอิบนมิ าญฮ

2.ท่านรอซูล กล่าวว่า “เมื่อปริมาณมากทำให้เมา ได้ การเสพเพียงน้อยนิด โดยไม่เมาถือเป็นบาป
เหมอื นกนั ” จากบันทกึ ของ อะหมัด, อาบีดาวู๊ด, อดั ตรีมซี ีย์ และอบิ นิมาญฮ

3.ทา่ นรอซูล กล่าววา่ “ผใู้ ดกินเหลา้ หรอื ดม่ื เหล้า เพยี งนดิ เดยี ว อัลเลาะห์จะไมร่ ับการละหมาด ของ
พวกเขา 3 วัน และผู้ใดดื่มเหล้าหนึ่งจอก ฮัล เลาะห์จะรับการละหมาดจากพวกเขา 40 วัน และผู้ใด
ติดเหล้าบนโลกนจี้ นงอมแงม เขาจะต้อง ด่มื กนิ น้ำเลือดนำ้ หนองของชาวนรก” จากบนั ทกึ ของ อัดติร
มิซีย,์ อดั ฏอ็ บรอนยี ์และอลั ฮาเกม็

92

4.ทา่ นรอซลู กลา่ ววา่ “ผ้ใู ดติดเหลา้ จนงอมแงม หากเสียชวี ติ ในสภาพน้นั แน่นอนเขาจะเกิดมาใน วนั กี
ยามะฮเ์ ย่ียงคนบูชาเจว็ด ” จากบันทกึ ของ อะหมัดและอิบนฮิ ิบบาน

5.ท่านรอซูล กล่าวว่า“คนดื่มเหล้า คนกินดอกเบี้ย คนยักยอกทรัพย์เด็กกำพร้า และคนเนรคุณ ต่อ
พอ่ แม่ จะไม่ไดเ้ ขา้ สวรรค์ ” จากบันทกึ ของ อะหมดั และอัลบัซซาร

ในอิสลามการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือได้ว่าเป็นความผิดประเภทคดีใหญ่ หรือ
กะบาอิร ผู้ดื่ม จะมีความผิดทั้งในโลกปัจจุบันนี้ (ดุนยา) และในโลกหลัง ความตาย (อาคิเราะห์)
สำหรับในโลกปัจจุบันนี้มีการ กำหนดบทโทษลงตามกฎหมายอิสลามโดยการเฆี่ยน จำนวน 40 คร้ัง
แต่หลากยังกระทำผิดอีกให้เพิ่มจำนวน ครั้งที่เฆี่ยนไปเรื่อยๆ จนถึง 80 ครั้ง หรืออาจจะใช้ วิธีการ
จำคุกประกอบด้วยก็ได้ โดย บันทึกของมุสลิม และอาบีดาวู๊ด ระบุว่ามีคำบอกเล่าจาก ท่านคอลีฟะฮ์
อาลชี ้แี จงไวว้ ่า สมัยท่านนาบนี น้ั ลงโทษด้วยการเฆี่ยน 40 คร้ัง สมยั ท่านคอ่ ลฟี ะฮ์อาบูบักร ก็เฆ่ียน 40
ครั้ง และสมัยของท่านค่อลีฟะฮ์อุมัรเฆี่ยน 80 ครั้ง ทั้งหมด ล้วนเป็นซุนนะฮ์ แต่ข้าพเจ้าประสงค์
(พอใจ) จะเฆย่ี น เพยี ง 40 ครั้ง

มาตรการในการควบคมุ การบรโิ ภคเครอื่ งดมื่ แอลกอฮอลข์ องประเทศบรูไน

ด้วยสภาพทางสังคมและวัฒนธรรมของบรูไนท่ี เป็นสังคมมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักคำสอน
ของศาสนา อิสลาม กล่าวคือ บรูไนนับเป็นประเทศแรกในประเทศ กลุ่มอาเซียนที่นำกฎหมาย
ชารีอะห์ (Islamic criminal law) มาเป็นหลักในการปกครองประเทศ ตั้งแต่ พ.ศ. 2557 โดยมี
กษัตริย์เป็นประมุขและเป็นผู้นำศาสนา สูงสุดของประเทศ กษัตริย์ของบรูไนทรงตรัสว่าการนำ
กฎหมายชารีอะห์ เข้ามาใช้ในการปกครองประเทศ นับว่าเป็นความสำเร็จ ครั้งยิ่งใหญ่ (The Great
achievement) (Stuart Grudging, 2018; ไทยรัฐ ออนไลน์, 2556) กฎหมายชารอี ะห์ครอบคลมุ การ
ดำเนนิ ชวี ติ ประจำวันของประชาชนในหลายๆ ดา้ น เช่น ครอบครวั ทรัพย์สิน มรดก รวมถึง การห้าม
บริโภคเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล์ดว้ ย ซึ่งมีบทลงโทษค่อนข้าง รุนแรง เช่น การประหารชวี ติ ผู้ผิดประเวณี
โดยการขว้าง ปาก้อนหินใส่ (Stoning) การตัดแขนตัดขาสำหรับผู้ลัก ขโมยของ หรือการเฆี่ยนตีผู้ทำ
แท้ง รวมทั้งการเฆี่ยนตีผู้ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรการที่เข้มงวดของบรูไน ดังกล่าวนี้สร้าง
กระแสความไม่พอใจให้กับประชาชนส่วนหนึ่งกล่าวคือ ประชากรอีกประมาณร้อยละ 30 ที่ เป็นชาว
บรูไนที่ไม่ใช่มุสลิม (Non-Muslim) ซึ่ง ประกอบด้วยชาวจีน ชาวฟิลิปปินส์ที่นับถือศาสนาคริสต์
นิกายโรมันคาทอลิก และอีกส่วนหนึ่งคือประชากรที่นับ ถือศาสนาพุทธ ก็ต้องปฏิบัติตามหลัก
กฎหมายซารีอะห์ ด้วยเช่นกัน ทำให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่ง องค์การสหประชาชาติ (The
United Nations Commission on Human Rights) ไดป้ ระกาศแสดง ความไม่เหน็ ด้วยกบั มาตรการ
ทางกฎหมายของบรูไน(Jay Michaelson, 2014) อย่างไรก็ตาม กฎหมาย ชารีอะห์ก็ยังมีผลบังคับใช้
อยจู่ นถงึ ปัจจุบนั


Click to View FlipBook Version