โครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ วทิ ยาก
หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ หน่วยยอ่ ยที่
1 การคน้ พบป
1 การแกป้ ัญหาอยา่ งง่าย 2 ขน้ั ตอนการ
3 การใชข้ ั้นตอ
4 เกมการแก้ป
รวม
1 การเขยี นโป
2 การเขียนโป
2 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
3 สนุกกบั การ
4 การตรวจสอ
โปรแกรม
การคำนวณ ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ช่อื หน่วยย่อย จำนวน สมรรถนะดา้ น ICT
ชั่วโมง
ปัญหา 1
รแก้ปญั หา 1 - ICA4 สมรรถนะการแกไ้ ขปัญหาใน
อนในการแกป้ ญั หา บริบทโลกดิจิทัล และการคดิ เชิง
1 คำนวณ
ปัญหา 1
4
ปรแกรมอยา่ งงา่ ย 1
ปรแกรมโดยใช้บตั รคำส่ัง 1 - ICA3 สมรรถนะดัดแปลง และผลิต
1 สารสนเทศและดจิ ิทลั คอนเทนต์
รเขียนโปรแกรม
อบความผดิ พลาดของ 1
หนว่ ยท่ี ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ หนว่ ยย่อยที่
3 การใชซ้ อฟต์แวรใ์ นการทำงาน 5 การเขียนโป
6 การเขยี นโป
รวม เดนิ ลากเสน้
1
2 การสร้างเอ
3 ประมวลคำ
4 การสร้างแผ
5 ไมโครซอฟต
โปรแกรมกร
การวาดภาพ
(Paint)
โปรแกรมนำ
6 การนำเสนอ
ช่ือหน่วยย่อย จำนวน สมรรถนะดา้ น ICT
ช่วั โมง
ปรแกรมด้วย Scratch
ปรแกรม Scratch ใหแ้ มว 1
นเป็นรปู แปดเหล่ียม
1
อกสารด้วยโปรแกรม
ำ 6
ผ่นพับโดยใช้โปรแกรม
ต์ออฟฟิศ 1
ราฟิก
พด้วยโปรแกรมระบายสี 1
1 - ICA3 สมรรถนะการดัดแปลง และ
1 ผลิตสารสนเทศและดิจิทลั คอน เทนต์
ำเสนอ 1
อขอ้ มูลแบบมัลติมีเดยี 1
หนว่ ยท่ี ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ หนว่ ยย่อยที่
7 การจดั การไ
ไฟล์
รวม
1 การใช้อุปกร
4 การใชแ้ ละบำรุงรักษาอุปกรณ์เทคโนโลยี 2 วิธกี ารดูแลร
3 การใช้เทคโน
รวม
รวมท้ังหมด
ช่อื หน่วยย่อย จำนวน สมรรถนะด้าน ICT
ไฟลข์ ้อมูลและการแก้ไข ชั่วโมง
1
7
รณเ์ ทคโนโลยี 1 - ICA3 สมรรถนะดัดแปลง และผลติ
รกั ษาอปุ กรณค์ อมพิวเตอร์ 1 สารสนเทศและดิจิทัลคอน เทนต์
- ICA2 สมรรถนะการใช้ ICT อยา่ ง
นโลยอี ย่างปลอดภัย 1 เหมาะสม
3
20
โครงสรา้ งรายวิชาวิทยาศาสตร์ วทิ ยาก
หน่วยการเรยี นร้/ู ตัวชี้วัด
เวลาทีใ่ ช้ (ชั่วโมง)
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1 การ ว 4.2 ป. 2/1 แสดงลำดับขั้นตอนการทำ งานหรือกา
แก้ปญั หาอยา่ งงา่ ย แก้ปญั หาอยา่ งง่าย โดยใช้ภาพ สญั ลกั ษณห์ รือขอ้ ความ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การ ว 4.2 ป. 2/2 เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช
เขียนโปรแกรมเบื้องตน้ ซอฟต์แวร์หรือสอ่ื และตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของ
โปรแกรม
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การ ว 4.2 ป. 2/3 ใช้เทคโนโลยีในการสร้างจัดหมวดหม
ใชซ้ อฟต์แวร์ในการทำงาน คน้ หา จัดเก็บ เรยี กใช้ขอ้ มูลตามวตั ถปุ ระสงค์
การคำนวณ ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 2
ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 2
สาระการเรียนรู้
าร - การแสดงขั้นตอนการแกป้ ัญหา ทำ ได้โดยการเขียนบอกเล่า วาดภาพ หรือใช้
ม สัญลกั ษณป์ ัญหาอย่างงา่ ยเชน่ เกมตัวต่อ ๖-๑๒ ชิน้ การแตง่ ตัวมาโรงเรียน
ช้ - ตัวอย่างโปรแกรม เช่น เขียนโปรแกรมสั่งให้ตัวละครทำงานตามที่ต้องการ
และตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดปรบั แก้ไขให้ได้ผลลพั ธ์ตามทีก่ ำ หนด
- การตรวจหาข้อผิดพลาด ทำ ได้โดยตรวจสอบคำสั่งที่แจ้งข้อผิดพลาด หรือ
หากผลลัพธ์ไมเ่ ป็นไปตามทต่ี อ้ งการใหต้ รวจสอบการทำงานทลี ะคำส่งั
- ซอฟต์แวร์หรือสื่อที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น ใช้บัตรคำสั่งแสดงการเขียน
โปรแกรม, Code.org
มู่ - การใช้งานซอฟต์แวร์เบื้องต้น เช่น การเข้าและออกจากโปรแกรม การสร้าง
ไฟล์การจัดเก็บ การเรียกใช้ไฟล์การแก้ไขตกแต่งเอกสาร ทำ ได้ในโปรแกรม
เช่น โปรแกรมประมวลคำ โปรแกรมกราฟกิ โปรแกรมนำเสนอ
หนว่ ยการเรียนรู้/ ตัวชวี้ ัด
เวลาท่ใี ช้ (ชัว่ โมง)
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การ ว 4.2 ป. 2/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย
ใช้และบำรุงรักษาอุปกรณ์ ปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกัน ดูแ
เทคโนโลยี รกั ษาอุปกรณเ์ บื้องตน้ ใช้งานอย่างเหมาะสม
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2
สาระการเรียนรู้
- การสร้าง คัดลอก ย้าย ลบ เปลี่ยนชื่อ จัดหมวดหมู่ไฟล์ และโฟลเดอร์อย่าง
เป็นระบบจะทำ ให้เรยี กใชค้ น้ หาไดง้ า่ ยและรวดเร็ว
ย - การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เช่น รู้จักข้อมูลส่วนตัว อันตราย
ล จากการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวและไม่บอกข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลอื่นยกเว้น
ผู้ปกครองหรอื ครแู จ้งผเู้ กยี่ วขอ้ งเม่อื ต้องการความช่วยเหลอื เก่ยี วกบั การใชง้ าน
- ข้อปฏบิ ัติในการใช้งานและการดูแลรักษาอุปกรณ์ เช่น ไมข่ ีดเขียนบนอุปกรณ์
ทำความสะอาดใช้อุปกรณอ์ ย่างถกู วิธี
- การใช้งานอย่างเหมาะสม เช่น จัดท่านั่งให้ถูกต้อง การพักสายตาเมื่อใช้
อปุ กรณเ์ ป็นเวลานาน ระมัดระวงั อุบตั เิ หตุจากการใชง้ าน
แผนการจัดการเรียนรู้ สาระ 4 เทคโนโลยี
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาการคำนวณพื้นฐาน
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 2 รหัสวิชา ว14101
หน่วยการเรียนร้ทู ี่1 การแก้ปัญหาอยา่ งง่าย เรื่อง การค้นพบปญั หา
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรื่อง เวลา 1 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานและตัวช้ีวัด
มาตรฐาน
ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตประจำวันอย่างเป็นขั้นตอนและ
เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม
ตวั ชี้วดั
ว 4.2 ป.2/1 แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์
หรือข้อความ
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
นักเรียนเข้าใจว่า ในชีวิตประจำวันของแต่ละคนจะต้องเจอปัญหามากมาย ซึ่งแตกต่างกันไปตาม
สถานการณ์ เมอื่ เจอปญั หาทุกคนย่อมต้องหาทางแกป้ ัญหานั้นใหส้ ำเร็จ ซึง่ การใชข้ น้ั ตอนการแก้ปัญหาจะช่วย
ให้แก้ปัญหาได้อยา่ งตรงจดุ รวดเรว็ และประหยดั เวลา
3. สมรรถนะทาง ICT
- ICA4 สมรรถนะการแก้ไขปัญหาในบรบิ ทโลกดจิ ิทลั และการคดิ เชิงคำนวณ
4. รปู แบบการสอน
การสอนโดยใช้โสตทศั นปู กรณ์ (Audio – visual Media) หมายถงึ การสอนโดยใช้อปุ กรณก์ ารสอน
ต่างๆ เชน่ รูปภาพ สไลด์ ภาพยนตร์ วิดีทัศน์ หนุ่ จำลอง เทปบนั ทกึ เสยี ง เครอ่ื งฉายภาพข้ามศีรษะ เปน็ ตน้
เนื่องจากโสตทัศนปู กรณ์แตล่ ะชนดิ ตา่ งก็มีจดุ เด่น ข้อจำกัดเฉพาะตัว จงึ ไม่ขอกลา่ วถึงจุดเดน่ และข้อจำกัด
โดยรวมๆ ในการพฒั นาการใชส้ ่อื ตา่ งๆ
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1) นกั เรยี นอธบิ ายเกย่ี วกับการค้นพบปัญหาได้ (Knowledge : K)
2) นักเรยี นสามารถวิเคราะห์ปญั หา (Process : P)
3) นกั เรยี นสนใจใฝ่เรียนรู้ในการศกึ ษาเหน็ ความสำคัญของการค้นพบปญั หา และสามารถนำความรทู้ ไ่ี ด้
ไปปรับใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้ (Attitude : A)
7. สาระการเรียนรู้
ความรู้ (K)
ในชีวิตประจำวันของนักเรียนแต่ละคนจะพบปัญหามากมาย ซึ่งในแต่ละปัญหาที่พบนั้นอาจแตกต่าง
กันไปตามสถานการณ์ และสภาพแวดลอ้ ม เช่น การลืมสิ่งของทีจ่ ะนำไปโรงเรียน การค้นพบปัญหานั้นจะช่วย
ใหเ้ ราสามารถหาวิธีการแก้ปญั หาได้สำเร็จ
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
1) การสอื่ สาร
• ทักษะการส่ือสาร
• ทกั ษะการแลกเปลย่ี นข้อมูล
2) การคิด การตดั สินใจและการแกป้ ญั หา
• ทักษะการคิดวเิ คราะห์
• ทักษะการคิดเชงิ คาํ นวณ
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา
• ทกั ษะการแกป้ ญั หา
• ทกั ษะการสงั เกต
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
1) มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ
2) ใฝเ่ รียนรู้
3) มุ่งมนั่ ในการทำงาน
8. กระบวนการเรียนรู้
- ข้นั นำ
1) ครผู ู้สอนถามคำถามกระตนุ้ ความสนใจของนักเรยี นวา่ “กนิ ขา้ วกนั หรือยงั ”
2) นักเรียนร่วมกนั สนทนาเกีย่ วกับปญั หาที่พบในชวี ติ ประจำวัน แลว้ ตอบคำถาม ดงั นี้
นอนตนื่ สาย การทงิ้ ขยะไม่เป็นที่
เส้ือหลดุ ออกนอกกางเกง
รบั ประทานอาหารเลอะเทอะ ปัญหาทพี่ บใน ลมื นาร่มมาโรงเรียน
ชีวิตประจาวัน
น้าดม่ื ทโี่ รงเรียน เส้ือผา้ เป้ือน อากาศในชว่ งบา่ ย
ไม่คอ่ ยสะอาด คราบสกปรก คอ่ นขา้ งรอ้ น
• ปัญหาใดทน่ี ักเรียนพบบ่อยที่สดุ (ตวั อยา่ งคำตอบ อากาศในช่วงบา่ ย
คอ่ นข้างร้อน)
• นกั เรยี นคดิ ว่าปญั หานเี้ กดิ จากอะไร (ตวั อย่างคำตอบ ในช่วงพัก
กลางวันวิ่งเล่นทำใหเ้ หง่ือออกตามร่างกาย)
3) นกั เรยี นรว่ มกนั สังเกตภาพเก่ียวกบั การแก้ปัญหาลมื ปดิ อุปกรณ์ไฟฟ้าในบา้ น แล้วตอบคำถาม
ดังนี้
- ขั้นสอน
1) เปิดสอื่ การเรยี นการสอนผ่าน Power Point เรอื่ ง การแก้ปัญหาอย่างง่าย
2) ผเู้ รยี นศึกษาเพ่มิ เติมจากหนงั สือรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ( วิทยาการคำนวณ)
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 2
3) สงั เกตและวเิ คราะห์ภาพเกยี่ วกบั การทิ้งขยะไม่เปน็ ท่ี จากนั้นเลือกภาพมาเรยี งลำดับเป็น
แผนภาพ ดงั ตัวอย่าง
4) นักเรยี นทำกจิ กรรมที่ 1.1 รู้จักปญั หา โดยบนั ทกึ คำตอบลงในแบบบันทึก
- ขน้ั สรปุ
1) ผ้เู รียนและผสู้ อนรว่ มกนั เฉลย กจิ กรรมท่ี 1.1 รจู้ กั ปัญหา
2) ผเู้ รียนและผสู้ อนรว่ มกนั สรปุ เก่ียวกบั การเรยี นการสอน เร่ือง การคน้ พบปัญหา
3) ครูประเมินผลนกั เรยี นจากการสังเกตพฤตกิ รรมจาการตอบคำถาม การแสดงความคิดเห็น
ความสนใจและการทำกจิ กรรมท่ี 1.1 รู้จักปญั หา
4) ครสู รุปบทเรยี น เร่อื ง การคน้ พบปญั หา
9. สอ่ื การเรียนรู้
1) หนังสอื เรียน รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ชัน้ ประถมศกึ ษาปี
ที่ 2 ของสถาบันพัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.)
2) สื่อประกอบการจัดการเรียนการสอน (Power point) เรอ่ื ง การคน้ พบปัญหา
3) แหล่งการเรียนรูท้ ัง้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น
10. ชิ้นงาน/หลกั ฐานการเรยี นรขู้ องผ้เู รยี น (ชน้ิ งาน/ภาระงาน)
กิจกรรมท่ี 1.1 ร้จู ักปญั หา
11. การวดั และการประเมินผล
แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics)
ส่งิ ทตี่ ้องการวดั วธิ ีวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั ผล เกณฑ์การประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ : นกั เรยี น ตรวจกจิ กรรมที่ 1.1 กิจกรรมท่ี 1.1 กจิ กรรมทำถกู ตอ้ ง 6
อธบิ ายเกย่ี วกบั การ รจู้ ักปัญหา รูจ้ ักปัญหา คะแนนจาก 10 คะแนน
ค้นพบปญั หาได้ (ทำถูกตอ้ งร้อยละ 60)
(Knowledge : K) กิจกรรมที่ 1.1
ร้จู ักปญั หา กจิ กรรมทำถูกตอ้ ง 6
ดา้ นทักษะ/ ตรวจกิจกรรมท่ี 1.1 คะแนนจาก 10 คะแนน
กระบวนการ : นักเรียน รู้จกั ปญั หา (ทำถูกตอ้ งรอ้ ยละ 60)
สามารถวเิ คราะหป์ ญั หา
(Process : P) 1. ถูกตอ้ ง ตรงประเด็น
2.สรุปผลการประเมินได้
ดา้ นเจตคติ : นักเรยี น สังเกตพฤติกรรมความมี 1. ขอ้ คำถาม คะแนนอยูใ่ นระดับ
สนใจใฝ่เรียนรใู้ น วนิ ยั ความรับผิดชอบ ใฝ่ 2. แบบประเมิน คุณภาพ พอใช้ข้ึนไป
การศึกษาเห็น เรยี นรู้ และมุ่งมัน่ ในการ พฤติกรรม
ความสำคญั ของการ ทำงาน
คน้ พบปัญหา และ
สามารถนำความรู้ทีไ่ ด้ไป
ปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน
ได้ (Attitude : A)
12. เอกสารประกอบการสอน
แบบบนั ทึกกจิ กรรม รู้จกั ปัญหา
1. ในการดาเน1ิน)ชีวิตประจาวนั นกั เรียนพบปัญหาอะไรบา้ ง เขยี นขอ้ ความลงในแผนภาพความคิด
แลว้ ร่วมกนั แลกเปล่ียนประสบการณ์ (ตวั อยา่ งคาตอบ)
___________________ ___________________ ___________________
___(_ม_ล_พ__ษิ _ท__าง_อ__าก__า_ศ_)_ _____(_ป_ัญ__ห_า_ข_ย__ะ_) ____ ______(น__้า_เน_่_าเ_ส_ีย_)_____
ปัญหาที่พบใน
ชีวติ ประจาวนั
___________________ ___________________
___(_ล_ืม__ก_ญุ _แ_จ__บ_า้ _น_)____ ______(_ต_ื่น_ส__าย_)_______
2. นกั เรียนเลอื กปญั หาในชีวิตประจำวนั 1 ปัญหา แลว้ บอกสาเหตุของปญั หาน้ัน
(ตวั อยา่ งคาตอบ ต่ืนสาย เพราะนอนดึกทาใหร้ ่างกายพกั ผอ่ นไมเ่ พยี งพอ)
_____________________________________________________________________
แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
คำช้แี จง ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น โดยทำเคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องทต่ี รงกบั ความเป็นจริง
ที่ ชอ่ื - ความสนใจ การแสดงความ การตอบคำถาม การทำงานตามที่ รวม
สกลุ 321 คดิ เหน็ 321 ไดร้ บั มอบหมาย
321
1 321
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอ่ื .........................................ผปู้ ระเมนิ
..................../........................../................
เกณฑ์การให้คะแนน
เข้าห้องเรยี น สนใจฟงั สง่ งานตรงเวลา ให้ 3 คะแนน
เข้าหอ้ งเรยี น สนใจฟัง สง่ งานไม่ตรงเวลา ให้ 2 คะแนน
เขา้ ห้องเรียน ไมส่ นใจฟงั ส่งงานไมต่ รงเวลา ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การวดั ผลประเมนิ ผล (ผา่ นเกณฑ์ในระดับ ดี)
ระดับ 3 ชว่ งคะแนน 15-11 ดี
ระดับ 2 ชว่ งคะแนน 10-6 พอใช้
ระดบั 1 ช่วงคะแนน 5-1 ปรบั ปรงุ
13. บันทึกหลังสอน
สรปุ ผลการเรยี นรู้ (บรรลุตามจดุ ประสงคห์ รอื ไม่อยา่ งไร)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื ..........................................ผสู้ อน
(……................................)
แผนการจัดการเรยี นรู้
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาระ 4 เทคโนโลยี
รายวชิ าวทิ ยาการคำนวณพืน้ ฐาน
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 2 รหัสวิชา ว14101
เรื่อง ข้นั ตอนการแก้ปัญหา
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การแก้ปัญหาอย่างง่าย เรือ่ ง เวลา 1 ชั่วโมง
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 2
1. มาตรฐานและตัวช้ีวดั
มาตรฐาน
ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชีวติ ประจำวันอย่างเปน็ ข้นั ตอนและเป็น
ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหาได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ รู้เทา่ ทัน และมีจริยธรรม
ตัวชีว้ ดั
ว 4.2 ป.2/1 แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์
หรือข้อความ
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ในการแก้ปัญหาของแตล่ ะคนอาจมีวิธีการแกป้ ัญหาท่ีแตกต่างกนั ออกไปตามลกั ษณะของปญั หา และ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน แต่การแก้ปัญหาจำเป็นต้องใช้ขั้นตอนกา ร
แกป้ ญั หา โดยเรมิ่ จากการวางแผนแก้ปัญหา แลว้ เลอื กวธิ กี ารแก้ปัญหา จากนน้ั ก็ลงมอื แกป้ ัญหา
3. สมรรถนะทาง ICT
- ICA4 สมรรถนะการแก้ไขปัญหาในบริบทโลกดิจทิ ลั และการคิดเชงิ คำนวณ
4. รูปแบบการสอน
การสอนโดยใชโ้ สตทัศนูปกรณ์ (Audio – visual Media) หมายถงึ การสอนโดยใช้อปุ กรณ์การสอน
ต่างๆ เช่น รปู ภาพ สไลด์ ภาพยนตร์ วิดีทศั น์ ห่นุ จำลอง เทปบนั ทกึ เสียง เครอ่ื งฉายภาพขา้ มศรี ษะ เปน็ ต้น
เนื่องจากโสตทัศนูปกรณ์แต่ละชนิดตา่ งก็มีจุดเดน่ ข้อจำกัดเฉพาะตวั จึงไม่ขอกลา่ วถึงจดุ เดน่ และข้อจำกัด
โดยรวมๆ ในการพฒั นาการใช้สื่อต่างๆ
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1) นกั เรยี นอธิบายเก่ียวกับขัน้ ตอนการแก้ปัญหาได้ (Knowledge : K)
2) นักเรยี นสามารถวิเคราะห์ข้ันตอนการแกป้ ัญหา (Process : P)
3) นักเรยี นสนใจใฝ่เรยี นรใู้ นการศึกษาเห็นความสำคัญของการใช้ขั้นตอนในการแก้ปัญหา และ
สามารถนำความรู้ทีไ่ ด้ไปปรับใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ (Attitude : A)
7. สาระการเรียนรู้
ความรู้ (K)
ในชวี ิตประจำวนั ของนักเรยี นแต่ละคนจะพบปญั หามากมาย ซงึ่ ในแตล่ ะปัญหาท่ีพบนั้นอาจแตกตา่ ง
กนั ไปตามสถานการณ์ และสภาพแวดล้อม เช่น การลืมสิ่งของท่จี ะนำไปโรงเรยี น การค้นพบปญั หานนั้ จะชว่ ย
ให้เราสามารถหาวธิ ีการแก้ปัญหาไดส้ ำเรจ็ ทักษะ/กระบวนการ (P)
1) การสอ่ื สาร
• ทกั ษะการส่ือสาร
• ทักษะการแลกเปลีย่ นข้อมลู
2) การคดิ การตดั สนิ ใจและการแก้ปัญหา
• ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์
• ทกั ษะการคิดเชงิ คํานวณ
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา
• ทกั ษะการแก้ปัญหา
• ทักษะการสังเกต
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
4) มีวนิ ยั รับผดิ ชอบ
5) ใฝ่เรียนรู้
6) มุ่งมน่ั ในการทำงาน
8. กระบวนการเรยี นรู้
- ขน้ั นำ
1) ครผู ้สู อนถามคำถามกระตนุ้ ความสนใจของนักเรียนว่า“กินข้าวกันหรือยัง
2) นักเรยี นร่วมกันสังเกตภาพขน้ั ตอนการแตง่ ตวั ไปโรงเรยี นของนกั เรียน แล้ว
ตอบคำถาม ดังน้ี
• จากภาพการแตง่ ตัวไปโรงเรยี นของนกั เรยี นชาย นกั เรยี นคิดว่ามีข้นั ตอน
การแต่งตัวอะไรบ้าง (ตัวอย่างคำตอบ 1. ใส่เสื้อและกางเกงนักเรียน 2. ใส่เข็มขัด 3. ใส่ถุงเท้า 4. ใส่
รองเทา้ 5. จดั เครอื่ งแตง่ กายให้เรียบรอ้ ย)
• นักเรียนคดิ วา่ การแตง่ ตัวไปโรงเรียนของนกั เรียนชายในภาพเปน็ ข้ันตอนหรือไม่
(ตวั อยา่ งคำตอบ เปน็ ข้นั ตอน/ไม่เป็นขน้ั ตอน)
• นักเรยี นคิดวา่ นกั เรยี นชายในภาพมกี ารวางแผนกอ่ นการแก้ปัญหาหรือไม่
(ตวั อย่างคำตอบ มีการวางแผน/ไมม่ ีการวางแผน)
• ทำไมจึงต้องวางแผนแลว้ คอ่ ยแก้ปญั หา
(ตัวอย่างคำตอบ ถ้าไม่วางแผนก่อนการแก้ปัญหาจะทำให้เกิดปัญหาในระหว่างขั้นตอนการ
แกป้ ัญหา และทำให้เสียเวลา)
นักเรียนร่วมกันสังเกตและวิเคราะห์ภาพเก่ียวกับขยะในห้องเรยี น ถ้าหากนักเรยี นพบว่า
ในหอ้ งของนักเรียนมีกลน่ิ ขยะ นักเรียนคดิ ว่าขยะชนิดใดบา้ งที่ควรนำไปทงิ้ ถงั ขยะนอกหอ้ ง จากนัน้
นำ
ภาพไปใส่ในช่องตารางตามประเภท
- ข้นั สอน
1) เปิดส่ือการเรียนการสอนผา่ น Power Point เรื่อง ข้นั ตอนการแก้ปัญหา
2) ผู้เรยี นศึกษาเพ่มิ เติมจากหนังสอื รายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ( วิทยาการ
คำนวณ) ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 2
3) สังเกตและวิเคราะหภ์ าพเก่ียวกับการท้ิงขยะไม่เปน็ ท่ี จากน้ันเลอื กภาพมาเรยี งลำดบั
เป็นแผนภาพ
4) นักเรยี นรว่ มกนั วเิ คราะหข์ ้นั ตอนการนำขยะไปทิง้ ในถงั ขยะนอกห้องเรียน
เริ่มตน้
สวมถงุ มือ
นาเศษอาหารบรรจุในภาชนะ
ปิ ดฝาใหม้ ิดชิด
นาขยะไปทิง้ นอกหอ้ งเรียน
จบ
5) นกั เรยี นทำกจิ กรรม สรา้ งเสริมทกั ษะศตวรรษที่ 21 ดา้ นการคดิ แกป้ ัญหา
- ขน้ั สรปุ
1) ผู้เรียนและผ้สู อนร่วมกนั เฉลย กิจกรรม สร้างเสรมิ ทักษะศตวรรษที่ 21 ดา้ นการคิดแก้ปัญหา
2) ผ้เู รียนและผู้สอนรว่ มกันสรุปเกยี่ วกบั การเรียนการสอน เรื่อง ข้ันตอนการแก้ปญั หา
3) ครูประเมนิ ผลนกั เรยี นจากการสังเกตพฤตกิ รรมจาการตอบคำถาม การแสดงความคิดเห็น ความสนใจ
และการทำกจิ กรรม สร้างเสรมิ ทกั ษะศตวรรษที่ 21 ดา้ นการคิดแกป้ ัญหา
4) ครสู รปุ บทเรยี น เรอ่ื ง ขน้ั ตอนการแก้ปัญหา
9. สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียน รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 ของ
สถาบนั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.)
2) สือ่ ประกอบการจัดการเรียนการสอน (Power point) เรอ่ื ง ขัน้ ตอนการแกป้ ัญหา
3) แหลง่ การเรยี นร้ทู ้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน
10. ช้ินงาน/หลักฐานการเรยี นรู้ของผูเ้ รียน (ชน้ิ งาน/ภาระงาน)
กิจกรรม สร้างเสรมิ ทักษะศตวรรษที่ 21 ดา้ นการคิดแก้ปัญหา
11. การวัดและการประเมินผล
แบบประเมนิ ตามสภาพจรงิ (Rubrics)
สิ่งทต่ี ้องการวดั วิธีวัดผล เคร่อื งมอื วดั ผล เกณฑก์ ารประเมินผล
ดา้ นความรู้ : นักเรียน ตรวจกจิ กรรม สร้าง กิจกรรม สร้างเสริม กจิ กรรมทำถกู ต้อง 6
อธบิ ายเกย่ี วกบั ข้ันตอน เสรมิ ทักษะศตวรรษที่ ทักษะศตวรรษที่ 21 คะแนนจาก 10 คะแนน
การแก้ปัญหาได้ 21 ด้านการคิดแก้ปญั หา ด้านการคดิ แก้ปัญหา (ทำถูกตอ้ งรอ้ ยละ 60)
(Knowledge : K)
กิจกรรมทำถูกตอ้ ง 6
ดา้ นทกั ษะ/ ตรวจกิจกรรม สร้าง กจิ กรรม สร้างเสรมิ คะแนนจาก 10 คะแนน
กระบวนการ : นักเรียน เสริมทกั ษะศตวรรษท่ี ทักษะศตวรรษท่ี 21 (ทำถูกต้องรอ้ ยละ 60)
สามารถวเิ คราะห์ 21 ดา้ นการคิดแก้ปญั หา ดา้ นการคดิ แกป้ ญั หา
ขน้ั ตอนการแก้ปัญหา 1. ถูกต้อง ตรงประเดน็
(Process : P) 2.สรุปผลการประเมินได้
คะแนนอยูใ่ นระดบั
ด้านเจตคติ : นกั เรียน สงั เกตพฤติกรรมความมี 1. ข้อคำถาม คุณภาพ พอใช้ขนึ้ ไป
สนใจใฝเ่ รียนรู้ใน วนิ ยั ความรับผดิ ชอบ ใฝ่ 2. แบบประเมนิ
การศกึ ษาเหน็ เรยี นรู้ และม่งุ มนั่ ในการ พฤติกรรม
ความสำคญั ของการใช้ ทำงาน
ขัน้ ตอนในการแก้ปัญหา
และสามารถนำความรูท้ ี่
ได้ไปปรบั ใชใ้ น
ชีวติ ประจำวันได้
(Attitude : A)
12. เอกสารประกอบการสอน
กจิ กรรม สร้างเสริมทักษะศตวรรษที่ 21 ดา้ นการคดิ แกป้ ัญหา
คำช้แี จง กจิ กรรมใดควรทำเป็นขนั้ ตอน และกิจกรรมใดไม่ควรทำเปน็ ข้นั ตอน แลว้ เลอื กภาพไปใสล่ งในชอ่ ง
ของตารางตามประเภท
1 23
45 6
78 9
กจิ กรรมท่คี วรทาเป็ นข้นั ตอน กจิ กรรมที่ไม่ควรทาเป็ นข้ันตอน
แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
คำช้แี จง ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น โดยทำเคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องทต่ี รงกบั ความเป็นจริง
ที่ ชอ่ื - ความสนใจ การแสดงความ การตอบคำถาม การทำงานตามที่ รวม
สกลุ 321 คดิ เหน็ 321 ไดร้ บั มอบหมาย
321
1 321
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอ่ื .........................................ผปู้ ระเมนิ
..................../........................../................
เกณฑ์การให้คะแนน
เข้าห้องเรยี น สนใจฟงั สง่ งานตรงเวลา ให้ 3 คะแนน
เข้าหอ้ งเรยี น สนใจฟัง สง่ งานไม่ตรงเวลา ให้ 2 คะแนน
เขา้ ห้องเรียน ไมส่ นใจฟงั ส่งงานไมต่ รงเวลา ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การวดั ผลประเมนิ ผล (ผา่ นเกณฑ์ในระดับ ดี)
ระดับ 3 ชว่ งคะแนน 15-11 ดี
ระดับ 2 ชว่ งคะแนน 10-6 พอใช้
ระดบั 1 ช่วงคะแนน 5-1 ปรบั ปรงุ
13. บันทึกหลังสอน
สรปุ ผลการเรยี นรู้ (บรรลุตามจดุ ประสงคห์ รอื ไม่อยา่ งไร)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื ..........................................ผสู้ อน
(……................................)
แผนการจดั การเรยี นรู้
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สาระ 4 เทคโนโลยี
รายวิชาวทิ ยาการคำนวณพื้นฐาน
ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 2 รหัสวิชา ว14101 เร่ือง การใชข้ ัน้ ตอนในการแกป้ ญั หา
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การแก้ปัญหาอยา่ งง่าย เรือ่ ง เวลา 1 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3
1. มาตรฐานและตัวชี้วดั
มาตรฐาน
ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชวี ติ ประจำวันอยา่ งเป็นขน้ั ตอนและเป็น
ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รเู้ ทา่ ทัน และมีจรยิ ธรรม
ตัวชวี้ ัด
ว 4.2 ป.2/1 แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์
หรอื ขอ้ ความ
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหาสามารถทำได้หลายวิธี โดยการเขียน บอกเล่า การวาดภาพหรือใช้
สัญลักษณ์ โดยก่อนแก้ปัญหาต้องมีการวางแผนการแก้ปัญหาก่อนแล้วค่อยลงมือแก้ปัญหา ซึ่งจะช่วยให้การ
แกป้ ัญหาประสบผลสำเรจ็ มปี ระสทิ ธิภาพ และประหยัดเวลา
3. สมรรถนะทาง ICT
- ICA4 สมรรถนะการแก้ไขปัญหาในบริบทโลกดิจทิ ลั และการคดิ เชิงคำนวณ
4. รูปแบบการสอน
การสอนโดยใช้โสตทศั นูปกรณ์ (Audio – visual Media) หมายถึง การสอนโดยใช้อุปกรณก์ ารสอน
ตา่ งๆ เชน่ รปู ภาพ สไลด์ ภาพยนตร์ วิดีทศั น์ หุ่นจำลอง เทปบนั ทกึ เสียง เครื่องฉายภาพขา้ มศรี ษะ เป็นต้น
เนอ่ื งจากโสตทัศนปู กรณแ์ ต่ละชนิดตา่ งก็มีจดุ เดน่ ข้อจำกัดเฉพาะตวั จงึ ไม่ขอกล่าวถงึ จดุ เด่นและข้อจำกัด
โดยรวมๆ ในการพฒั นาการใชส้ อ่ื ต่างๆ
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1) นักเรยี นอธิบายเกยี่ วกบั การใช้ขั้นตอนในการแก้ปัญหาได้ (Knowledge : K)
2) นักเรียนสามารถแก้ปัญหาพาหุ่นยนตเ์ ดินทางกลับบ้านได้ (Process : P)
3) นักเรียนสนใจใฝ่เรยี นรู้ในการศกึ ษา มีความกระตือรอื ร้นในการปฏิบตั ิกจิ กรรมการเรยี นรู้ และ
สามารถนำความรู้ท่ไี ด้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ (Attitude : A)
7. สาระการเรยี นรู้
ความรู้ (K)
1) การใชข้ ้ันตอนในการแก้ปัญหา
2) การแกป้ ัญหาพาหนุ่ ยนต์เดนิ ทางกลับบา้ น
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
1) การส่อื สาร
• ทกั ษะการส่ือสาร
• ทกั ษะการแลกเปลย่ี นข้อมูล
2) การคดิ การตดั สินใจและการแก้ปญั หา
• ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์
• ทกั ษะการคิดเชงิ คาํ นวณ
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา
• ทักษะการแกป้ ัญหา
• ทักษะการสังเกต
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1) มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ
2) ใฝเ่ รยี นรู้
3) มุ่งมน่ั ในการทำงาน
8. กระบวนการเรยี นรู้
- ขั้นนำ
1) ครผู สู้ อนถามคำถามกระต้นุ ความสนใจของนักเรียนวา่ “กนิ ขา้ วกนั หรือยัง”
2) ในแต่ละวนั นักเรียนแตล่ ะคนจะมขี ยะ ถ้านักเรียนพบว่าในหอ้ งของนกั เรยี นมกี ล่นิ จากขยะ นกั เรยี น
คดิ ว่าขยะชนดิ ใดบ้างควรนำไปท้ิงในถงั ขยะนอกหอ้ ง และนักเรยี นจะใชว้ ิธีการใด
- ขั้นสอน
1) เปิดสือ่ การเรยี นการสอนผ่าน Power Point เร่อื ง การใชข้ ั้นตอนในการแก้ปัญหา
2) ผู้เรียนศึกษาเพ่มิ เติมจากหนังสอื รายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ( วิทยาการคำนวณ) ชน้ั
ประถมศึกษาปที ี่ 2
3) นักเรยี นทำปฏิบตั ิกจิ กรรมท่ี 1.3 พาหุ่นยนตก์ ลับบ้าน แล้วศึกษาบล็อกคำส่ังใหห้ ุ่นยนตเ์ ดินได้ โดย
ปฏิบตั กิ จิ กรรม ดงั นี้
• ศกึ ษาบล็อกคำสั่งให้หุ่นยนตเ์ ดนิ
เดินขน้ึ เดินลง ไปทางขวา ไปทางซา้ ย
• จากนัน้ คิดหาเส้นทาง 3 เส้นทางใหห้ ุ่นยนต์เดนิ กลบั บ้านและต้องเดนิ ผ่าน ☺ ทั้งหมดเพ่อื เติม
พลังงาน โดยใช้คำสั่งแรกเปน็ สำหรบั เดินเขา้ ไปในตาราง และคำสัง่ สุดท้ายเป็น สำหรับ
เดนิ เขา้ บา้ น บล็อกคำสงั่ แตล่ ะครัง้ สามารถพาหนุ่ ยนตเ์ ดินไดท้ ีละชอ่ ง โดยเขียนลงในชิ้นงานที่ 1
เรื่อง พาหุน่ ยนต์กลับบา้ น
- ขั้นสรปุ
1) ผเู้ รียนและผู้สอนรว่ มกันเฉลย กจิ กรรมท่ี 1.3 พาหนุ่ ยนตก์ ลบั บา้ น
2) ผ้เู รยี นและผู้สอนร่วมกันสรุปเกยี่ วกบั การเรยี นการสอน เร่ือง การใช้ขนั้ ตอนในการ
แกป้ ญั หา
3) ครูประเมนิ ผลนักเรียนจากการสงั เกตพฤตกิ รรมจาการตอบคำถาม การแสดงความ
คิดเหน็ ความสนใจและการทำกจิ กรรมที่ 1.3 พาหุน่ ยนต์กลับบ้าน
4) ครสู รปุ บทเรียน เร่อื ง การใชข้ นั้ ตอนในการแกป้ ัญหา
9. สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี น รายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 ของ
สถาบันพฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.)
2) สอื่ ประกอบการจดั การเรียนการสอน (Power point) เร่ือง การใชข้ ัน้ ตอนในการแก้ปญั หา
3) แหล่งการเรยี นรูท้ งั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น
10. ชนิ้ งาน/หลักฐานการเรยี นรู้ของผูเ้ รียน (ชิ้นงาน/ภาระงาน)
กจิ กรรมที่ 1.3 พาห่นุ ยนต์กลับบ้าน
11. การวัดและการประเมนิ ผล
แบบประเมินตามสภาพจริง (Rubrics)
สงิ่ ทต่ี ้องการวดั วิธวี ัดผล เครื่องมือวัดผล เกณฑ์การประเมนิ ผล
ด้านความรู้ : นักเรยี น ตรวจกจิ กรรมท่ี 1.3 พา กจิ กรรมที่ 1.3 พา กจิ กรรมทำถกู ต้อง 6
อธิบายเกย่ี วกับการใช้ หุ่นยนตก์ ลับบา้ น หนุ่ ยนต์กลับบา้ น คะแนนจาก 10 คะแนน
ขนั้ ตอนในการแก้ปญั หา (ทำถูกตอ้ งรอ้ ยละ 60)
(Knowledge : K)
กิจกรรมทำถูกตอ้ ง 6
ด้านทักษะ/ ตรวจกิจกรรมท่ี 1.3 พา กิจกรรมที่ 1.3 พา คะแนนจาก 10 คะแนน
กระบวนการ : นกั เรยี น ห่นุ ยนตก์ ลบั บา้ น ห่นุ ยนต์กลับบา้ น (ทำถูกต้องรอ้ ยละ 60)
สามารถแก้ปัญหาพา
หุน่ ยนต์เดินทางกลบั 1. ถูกต้อง ตรงประเดน็
บ้าน (Process : P) 2.สรุปผลการประเมินได้
คะแนนอยใู่ นระดบั
ด้านเจตคติ : นกั เรยี น สงั เกตพฤติกรรมความมี 1. ข้อคำถาม คณุ ภาพ พอใช้ขึน้ ไป
สนใจใฝเ่ รยี นรใู้ น วนิ ัยความรับผดิ ชอบ ใฝ่ 2. แบบประเมิน
การศกึ ษา มีความ เรียนรู้ และมุง่ มัน่ ในการ พฤติกรรม
กระตือรือร้นในการ ทำงาน
ปฏิบตั ิกิจกรรมการ
เรยี นรู้ และสามารถนำ
ความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ใน
ชวี ิตประจำวนั ได้
(Attitude : A)
12. เอกสารประกอบการสอน
ได_้ _________คะแนน
ชน้ิ งานที่ 1 เรื่อง พาหนุ่ ยนตก์ ลบั บ้าน คะแนนเตม็ 10 คะแนน
วันที่________เดอื น_______________พ.ศ.___________
ชือ่ _____________________________เลขท่ี______ชน้ั __________
นกั เรียนศกึ ษาบล็อกคำสง่ั ให้หุ่นยนตเ์ ดนิ ทางกลบั บ้าน จากนน้ั คิดหาเสน้ ทาง 3 เส้นทาง
ให้หุ่นยนตเ์ ดินกลบั บา้ น โดยต้องเดินผ่านการเติมพลังงานทง้ั หมดทุกเสน้ ทาง
เส้นทางท่ี 1
เสน้ ทางท่ี 2
เส้นทางท่ี 3
• นักเรียนคดิ ว่าควรเลือกเส้นทางใดใหห้ ุ่นยนต์เดนิ พร้อมอธิบายเหตผุ ล
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
• ถ้าตอ้ งการส่ังห่นุ ยนต์ในชีวติ จรงิ นักเรยี นคดิ ว่าทำอย่างไรหุ่นยนต์จงึ จะเขา้ ใจคำส่งั น้นั
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
คำช้แี จง ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น โดยทำเคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องทต่ี รงกบั ความเป็นจริง
ที่ ชอ่ื - ความสนใจ การแสดงความ การตอบคำถาม การทำงานตามที่ รวม
สกลุ 321 คดิ เหน็ 321 ไดร้ บั มอบหมาย
321
1 321
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอ่ื .........................................ผปู้ ระเมนิ
..................../........................../................
เกณฑ์การให้คะแนน
เข้าห้องเรยี น สนใจฟงั สง่ งานตรงเวลา ให้ 3 คะแนน
เข้าหอ้ งเรยี น สนใจฟัง สง่ งานไม่ตรงเวลา ให้ 2 คะแนน
เขา้ ห้องเรียน ไมส่ นใจฟงั ส่งงานไมต่ รงเวลา ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การวดั ผลประเมนิ ผล (ผา่ นเกณฑ์ในระดับ ดี)
ระดับ 3 ชว่ งคะแนน 15-11 ดี
ระดับ 2 ชว่ งคะแนน 10-6 พอใช้
ระดบั 1 ช่วงคะแนน 5-1 ปรบั ปรงุ
13. บันทึกหลังสอน
สรปุ ผลการเรยี นรู้ (บรรลุตามจดุ ประสงคห์ รอื ไม่อยา่ งไร)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื ..........................................ผสู้ อน
(……................................)
แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาระ 4 เทคโนโลยี
รายวิชาวิทยาการคำนวณพน้ื ฐาน
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 2 รหสั วิชา ว14101
เร่ือง เกมการแกป้ ญั หา
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การแก้ปัญหาอยา่ งง่าย เรอื่ ง เวลา 1 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4
1. มาตรฐานและตัวชี้วดั
มาตรฐาน
ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแกป้ ัญหาท่พี บในชวี ติ ประจำวนั อย่างเปน็ ขั้นตอนและเป็น
ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อยา่ งมี
ประสทิ ธภิ าพ ร้เู ท่าทัน และมีจรยิ ธรรม
ตัวชวี้ ัด
ว 4.2 ป.2/1 แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์
หรือขอ้ ความ
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
เกมการแก้ปัญหา เป็นการฝึกแกป้ ัญหาอย่างเป็นระบบ โดยใช้ขั้นตอนการแกป้ ัญหาเข้ามาช่วยในการ
แกป้ ญั หา และเกมการแกป้ ญั หายังชว่ ยเสริมสร้างพัฒนาการดา้ นสติปญั ญา และใหค้ วามสนกุ สนานเพลิดเพลิน
อกี ด้วย
3. สมรรถนะทาง ICT
- ICA4 สมรรถนะการแก้ไขปัญหาในบรบิ ทโลกดจิ ทิ ลั และการคดิ เชิงคำนวณ
4. รปู แบบการสอน
การสอนโดยใชโ้ สตทัศนปู กรณ์ (Audio – visual Media) หมายถงึ การสอนโดยใช้อปุ กรณก์ ารสอน
ตา่ งๆ เช่น รูปภาพ สไลด์ ภาพยนตร์ วิดีทัศน์ ห่นุ จำลอง เทปบันทึกเสยี ง เครื่องฉายภาพขา้ มศีรษะ เปน็ ตน้
เนือ่ งจากโสตทัศนปู กรณแ์ ต่ละชนิดตา่ งก็มีจดุ เดน่ ข้อจำกดั เฉพาะตัว จงึ ไม่ขอกล่าวถึงจุดเด่นและข้อจำกัด
โดยรวมๆ ในการพฒั นาการใช้สอื่ ต่างๆ
5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. จุดประสงค์การเรียนรู้
1) นกั เรียนอธิบายเก่ียวกับเกมการแกป้ ญั หาได้ (Knowledge : K)
2) นักเรียนสามารถแก้ปญั หาจากเกมเททริส และเกมตวั ต่อ 7 ช้ินได้ (Process : P)
3) นกั เรียนสนใจใฝเ่ รียนร้ใู นการศึกษา มคี วามกระตือรอื ร้นในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมการเรียนรู้ และ
สามารถนำความรู้ท่ีได้ไปปรบั ใช้ในชีวิตประจำวันได้ (Attitude : A)
7. สาระการเรยี นรู้
ความรู้ (K)
1) เกมการแก้ปัญหา
2) การแกป้ ัญหาจากเกมเททริส และเกมตวั ตอ่ 7 ชนิ้
ทักษะ/กระบวนการ (P)
1) การสอ่ื สาร
• ทกั ษะการสื่อสาร
• ทกั ษะการแลกเปลย่ี นข้อมูล
2) การคดิ การตัดสนิ ใจและการแกป้ ญั หา
• ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์
• ทักษะการคดิ เชิงคาํ นวณ
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา
• ทักษะการแก้ปญั หา
• ทักษะการสังเกต
คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1) มีวนิ ัย รับผดิ ชอบ
2) ใฝเ่ รยี นรู้
3) มุง่ มน่ั ในการทำงาน
8. กระบวนการเรยี นรู้
- ข้ันนำ
1) ครูผ้สู อนถามคำถามกระต้นุ ความสนใจของนักเรยี นวา่ “กนิ ขา้ วกันหรือยงั ”
2) นกั เรียนรว่ มกนั สนทนาเกยี่ วกับเกมการแก้ปัญหาที่นกั เรยี นรูจ้ กั โดยเขียนบันทกึ
คำตอบของนกั เรียนเป็นแผนภาพความคิดบนกระดาษ A4
- ข้ันสอน
1) เปดิ ส่อื การเรียนการสอนผ่าน Power Point เร่อื ง เกมการแกป้ ัญหา
2) ผเู้ รยี นศึกษาเพิม่ เติมจากหนังสอื รายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (
วทิ ยาการคำนวณ) ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 2
3) นักเรียนทำปฏิบตั ิ ชนิ้ งานที่ 2 เรือ่ ง การทำใหช้ ้ินส่วนทตี่ กลงมาปิดพน้ื ท่ใี น
แนวนอนได้พอดี
- ขน้ั สรปุ
1) ผเู้ รยี นและผสู้ อนรว่ มกันเฉลย ชิ้นงานที่ 2 เรอื่ ง การทำให้ช้ินสว่ นทต่ี กลงมาปิด
พนื้ ทีใ่ นแนวนอนได้พอดี
2) ผู้เรยี นและผสู้ อนร่วมกนั สรปุ เก่ียวกบั การเรียนการสอน เรื่อง การใชข้ ัน้ ตอนในการ
แก้ปญั หา
3) ครปู ระเมินผลนกั เรียนจากการสังเกตพฤตกิ รรมจาการตอบคำถาม การแสดงความ
คิดเหน็ ความสนใจและการทำชนิ้ งานที่ 2 เรอื่ ง การทำให้ชิ้นสว่ นท่ีตกลงมาปดิ
พืน้ ท่ีในแนวนอนได้พอดี
4) ครสู รปุ บทเรียน เร่อื ง เกมการแก้ปัญหา
9. สื่อการเรียนรู้
4) หนงั สือเรยี น รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 2 ของสถาบันพฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)
5) ส่อื ประกอบการจดั การเรยี นการสอน (Power point) เร่อื ง การใช้ขั้นตอน
ในการแก้ปัญหา
6) แหล่งการเรียนรทู้ ั้งภายในและภายนอกโรงเรยี น
10. ช้นิ งาน/หลักฐานการเรยี นรู้ของผู้เรียน (ชิน้ งาน/ภาระงาน)
ชิ้นงานท่ี 2 เร่ือง การทำใหช้ ้ินสว่ นทต่ี กลงมาปิดพื้นท่ใี นแนวนอนได้พอดี
11. การวดั และการประเมนิ ผล
แบบประเมินตามสภาพจรงิ (Rubrics)
สงิ่ ทต่ี ้องการวดั วธิ วี ัดผล เครอื่ งมอื วัดผล เกณฑ์การประเมินผล
ดา้ นความรู้ : นกั เรียน ตรวจชิ้นงานที่ 2 เรอ่ื ง ช้นิ งานที่ 2 เร่ือง การ กจิ กรรมทำถกู ต้อง 6
อธบิ ายเก่ยี วกับเกมการ การทำใหช้ นิ้ ส่วนทต่ี กลง ทำใหช้ ิน้ ส่วนทตี่ กลงมา คะแนนจาก 10 คะแนน
แก้ปัญหาได้ มาปดิ พ้ืนท่ีในแนวนอน ปิดพืน้ ทใ่ี นแนวนอนได้ (ทำถูกตอ้ งร้อยละ 60)
(Knowledge : K) ได้พอดี พอดี
ด้านทักษะ/ ตรวจชนิ้ งานท่ี 2 เร่อื ง ชิน้ งานที่ 2 เร่ือง การ กิจกรรมทำถกู ตอ้ ง 6
คะแนนจาก 10 คะแนน
กระบวนการ : นักเรยี น การทำใหช้ ิน้ สว่ นที่ตกลง ทำใหช้ ้ินสว่ นทต่ี กลงมา (ทำถูกต้องรอ้ ยละ 60)
สามารถแก้ปญั หาจาก มาปดิ พน้ื ทใ่ี นแนวนอน ปิดพนื้ ทใ่ี นแนวนอนได้
เกมเททรสิ และเกมตัว ไดพ้ อดี พอดี
ต่อ 7 ชนิ้ ได้ (Process :
P)
ดา้ นเจตคติ : นกั เรียน สังเกตพฤติกรรมความมี 1. ข้อคำถาม 1. ถกู ต้อง ตรงประเดน็
สนใจใฝเ่ รยี นรู้ใน วนิ ยั ความรับผิดชอบ ใฝ่ 2. แบบประเมิน
การศกึ ษา มีความ เรียนรู้ และมุ่งม่ันในการ พฤติกรรม 2.สรุปผลการประเมินได้
กระตือรือรน้ ในการ ทำงาน คะแนนอยูใ่ นระดับ
ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการ คุณภาพ พอใช้ข้นึ ไป
เรยี นรู้ และสามารถนำ
ความรทู้ ่ีได้ไปปรับใช้ใน
ชวี ติ ประจำวนั ได้
(Attitude : A)
12. เอกสารประกอบการสอน
ชิ้นงานที่ 2 เรื่อง การทาให้ชิ้นส่วนทีต่ กลงมาปิ ดพืน้ ที่ในแนวนอนได้พอดี
วนั ที่________เดือน_______________พ.ศ.___________ ได_้ _________คะแนน
ชื่อ_____________________________เลขที่______ช้นั __________ คะแนนเตม็ 10 คะแนน
นกั เรียนสังเกตชิ้นส่วนตวั ต่อที่กาลงั จะตกลงมา จากน้นั วาดภาพชิ้นส่วนโดยสามารถหมุนชิ้นส่วน
น้นั ได้ เพ่ือใหต้ ่อกนั เป็นพ้ืนที่ปิ ดในแนวนอนไดพ้ อดี
แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
คำช้แี จง ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น โดยทำเคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องทต่ี รงกบั ความเป็นจริง
ที่ ชอ่ื - ความสนใจ การแสดงความ การตอบคำถาม การทำงานตามที่ รวม
สกลุ 321 คดิ เหน็ 321 ไดร้ บั มอบหมาย
321
1 321
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอ่ื .........................................ผปู้ ระเมนิ
..................../........................../................
เกณฑ์การให้คะแนน
เข้าห้องเรยี น สนใจฟงั สง่ งานตรงเวลา ให้ 3 คะแนน
เข้าหอ้ งเรยี น สนใจฟัง สง่ งานไม่ตรงเวลา ให้ 2 คะแนน
เขา้ ห้องเรียน ไมส่ นใจฟงั ส่งงานไมต่ รงเวลา ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การวดั ผลประเมนิ ผล (ผา่ นเกณฑ์ในระดับ ดี)
ระดับ 3 ชว่ งคะแนน 15-11 ดี
ระดับ 2 ชว่ งคะแนน 10-6 พอใช้
ระดบั 1 ช่วงคะแนน 5-1 ปรบั ปรงุ
13. บันทึกหลังสอน
สรปุ ผลการเรยี นรู้ (บรรลุตามจดุ ประสงค์หรอื ไมอ่ ยา่ งไร)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื ..........................................ผู้สอน
(……................................)
แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาระ 4 เทคโนโลยี
รายวชิ าวทิ ยาการคำนวณพนื้ ฐาน
ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 2 รหสั วิชา ว14101 เรอ่ื ง การเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การเขียนโปรแกรมเบอ้ื งตน้ เรือ่ ง เวลา 1 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1
1. มาตรฐานและตัวช้ีวัด
มาตรฐาน
ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแกป้ ัญหาที่พบในชีวิตประจำวันอยา่ งเปน็ ข้ันตอนและเป็น
ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รูเ้ ทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม
ตัวชีว้ ัด
ว 4.2 ป.2/2 เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหาข้อผิดพลาดของ
โปรแกรม
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ในการเริม่ เขียนโปรแกรมจะต้องออกแบบการทำงานของโปรแกรมขน้ึ มาก่อน หรือเรียกว่า ขั้นตอนวิธี
ซึ่งทำได้โดยการสร้างลำดับของคำสั่ง เช่น ถ้าให้หุ่นยนต์เดินไปทางขวา 3 บล็อก แล้วเดินขึ้นด้านบน เราอาจ
คดิ ขัน้ ตอนวิธีเปน็ คำพูดขึ้นมาก่อน แล้วเปลี่ยนเป็นโปรแกรมโดยใชบ้ ตั รคำสั่ง
3. สมรรถนะทาง ICT
- ICA3 สมรรถนะดดั แปลง และผลติ สารสนเทศและดจิ ิทลั คอนเทนต์
4. รูปแบบการสอน
การสอนโดยใช้โสตทัศนปู กรณ์ (Audio – visual Media) หมายถึง การสอนโดยใชอ้ ปุ กรณ์การสอน
ต่างๆ เชน่ รปู ภาพ สไลด์ ภาพยนตร์ วิดีทัศน์ หนุ่ จำลอง เทปบันทกึ เสียง เคร่อื งฉายภาพข้ามศรี ษะ เปน็ ต้น
เนื่องจากโสตทัศนูปกรณแ์ ต่ละชนดิ ต่างก็มจี ุดเด่น ข้อจำกดั เฉพาะตวั จงึ ไม่ขอกลา่ วถึงจดุ เด่นและข้อจำกัด
โดยรวมๆ ในการพัฒนาการใชส้ อ่ื ต่างๆ
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. จุดประสงค์การเรียนรู้
1) นกั เรียนอธบิ ายเก่ยี วกบั การเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ยได้ (Knowledge : K)
2) นกั เรียนสามารถวิเคราะหเ์ กี่ยวกบั การเขยี นโปรแกรมอย่างง่ายได้ (Process : P)
3) นกั เรียนสนใจใฝเ่ รียนรู้ในการศึกษา มีความกระตือรือร้นในการปฏิบัตกิ จิ กรรมการเรียนรู้ และ
สามารถนำความรู้ทีไ่ ด้ไปปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้ (Attitude : A)
7. สาระการเรียนรู้
ความรู้ (K)
1) การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย
2) วเิ คราะห์เกี่ยวกบั การเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
1) การสื่อสาร
• ทกั ษะการส่ือสาร
• ทกั ษะการแลกเปล่ียนข้อมูล
2) การคิด การตัดสนิ ใจและการแก้ปญั หา
• ทักษะการคดิ วิเคราะห์
• ทักษะการคดิ เชิงคาํ นวณ
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา
• ทักษะการแก้ปัญหา
• ทักษะการสังเกต
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1) มวี ินยั รบั ผิดชอบ
2) ใฝ่เรียนรู้
3) มุ่งมนั่ ในการทำงาน
8. กระบวนการเรยี นรู้
- ข้นั นำ
1) ครผู ้สู อนถามคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนวา่ “กนิ ข้าวกนั หรอื ยัง”
2) นักเรยี นรว่ มกันสนทนาเก่ียวกับการเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดยตอบคำถาม ดังนี้
• นักเรยี นคดิ ว่าการเขยี นโปรแกรมคืออะไร (ตัวอยา่ ง
คำตอบ การเขยี นโปรแกรมเป็นการกำหนดให้คอมพวิ เตอร์ทำงานตามทเ่ี ราต้องการ)
• นักเรยี นเคยเขยี นโปรแกรมหรอื ไม่ (ตัวอยา่ งคำตอบ เคย)
หากเคยนักเรียนใช้โปรแกรมใดในการเขียนโปรแกรม (ตัวอยา่ งคำตอบ โปรแกรม
Scratch และ https://code.org)
- ขัน้ สอน
1) เปิดสอ่ื การเรยี นการสอนผา่ น Power Point เร่ือง การเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
2) ผู้เรยี นศึกษาเพิม่ เติมจากหนงั สือรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
( วิทยาการคำนวณ) ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 2
3) นกั เรยี นทำปฏิบัติ กจิ กรรม พาแมวไปกินปลา
- ขน้ั สรปุ
1) ผเู้ รยี นและผูส้ อนรว่ มกนั เฉลย กิจกรรม พาแมวไปกนิ ปลา
2) ผเู้ รยี นและผสู้ อนรว่ มกันสรปุ เกย่ี วกบั การเรยี นการสอน เรื่อง การใชข้ ั้นตอนในการ
แกป้ ญั หา
3) ครปู ระเมนิ ผลนกั เรยี นจากการสังเกตพฤติกรรมจาการตอบคำถาม การแสดงความ
คดิ เหน็ ความสนใจและการทำกิจกรรม พาแมวไปกินปลา
4) ครูสรุปบทเรียน เร่ือง การเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย
9. สอื่ การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียน รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชัน้
ประถมศึกษาปที ่ี 2 ของสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
2) สื่อประกอบการจดั การเรยี นการสอน (Power point) เรื่อง การเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย
3) แหล่งการเรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรยี น
10. ชิ้นงาน/หลักฐานการเรยี นรูข้ องผูเ้ รยี น (ช้นิ งาน/ภาระงาน)
กิจกรรม พาแมวไปกินปลา
11. การวดั และการประเมนิ ผล
แบบประเมนิ ตามสภาพจรงิ (Rubrics)
ส่ิงทีต่ ้องการวัด วิธวี ัดผล เครอื่ งมือวัดผล เกณฑ์การประเมินผล
ดา้ นความรู้ : นักเรียน ตรวจกิจกรรม พาแมวไป กิจกรรม พาแมวไปกนิ กิจกรรมทำถูกตอ้ ง 6
คะแนนจาก 10 คะแนน
อธบิ ายเก่ยี วกบั การเขยี น กนิ ปลา ปลา (ทำถูกต้องร้อยละ 60)
โปรแกรมอยา่ งงา่ ยได้ กิจกรรมทำถูกต้อง 6
คะแนนจาก 10 คะแนน
(Knowledge : K) (ทำถูกตอ้ งร้อยละ 60)
ดา้ นทกั ษะ/ ตรวจกิจกรรม พาแมวไป กจิ กรรม พาแมวไปกนิ 1. ถูกต้อง ตรงประเด็น
2.สรปุ ผลการประเมินได้
กระบวนการ : นกั เรียน กนิ ปลา ปลา คะแนนอยู่ในระดบั
คุณภาพ พอใช้ขนึ้ ไป
วเิ คราะหเ์ กี่ยวกับการ
เขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย
ได้ (Process : P)
ดา้ นเจตคติ : นกั เรยี น สังเกตพฤติกรรมความมี 1. ขอ้ คำถาม
สนใจใฝ่เรียนรใู้ น วนิ ัยความรบั ผดิ ชอบ ใฝ่ 2. แบบประเมนิ
การศกึ ษา มคี วาม เรยี นรู้ และมุ่งม่ันในการ พฤติกรรม
กระตือรอื ร้นในการ ทำงาน
ปฏิบตั ิกิจกรรมการ
เรยี นรู้ และสามารถนำ
ความรทู้ ีไ่ ด้ไปปรับใชใ้ น
ชีวิตประจำวนั ได้
(Attitude : A)
12. เอกสารประกอบการสอน
กิจกรรม พาแมวไปกนิ ปลา
คำชี้แจง ให้นักเรยี นสงั เกตและวิเคราะห์เก่ยี วกบั การเขยี นโปรแกรมให้แมวเดินทางไปกินปลา แลว้ ตอบคำถาม
ดงั นี้
1) หากตอ้ งการใหแ้ มวไปกินปลาในชอ่ งท่ี 4 ตอ้ งใช้คำส่งั ก่คี ำสง่ั และใช้คำสง่ั อะไรบา้ ง
โดยวาดเป็นลกู ศร (ตัวอย่างคำตอบ ใชท้ ง้ั หมด 7 คำสงั่ ไดแ้ ก่ )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2) ระหว่างปลาอยู่ช่องที่ 1 กับช่องที่ 4 ช่องไหนใช้บัตรคำสั่งน้อยกว่า (ตัวอย่างคำตอบ ช่องที่ 1 ใช้
บตั รคำส่ังนอ้ ยกว่า)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3) หากมีปลาอยู่ช่องที่ 1 และช่องที่ 4 นักเรียนจะเขียนให้แมวเดินไปกินปลาช่องไหน เพราะเหตุใด
(ตัวอยา่ งคำตอบ เขียนใหแ้ มวเดนิ ไปกินปลาชอ่ งที่ 1 เพราะใช้บัตรคำส่งั น้อยกว่า ช่องท่ี 4)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
คำช้แี จง ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น โดยทำเคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องทต่ี รงกบั ความเป็นจริง
ที่ ชอ่ื - ความสนใจ การแสดงความ การตอบคำถาม การทำงานตามที่ รวม
สกลุ 321 คดิ เหน็ 321 ไดร้ บั มอบหมาย
321
1 321
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอ่ื .........................................ผปู้ ระเมนิ
..................../........................../................
เกณฑ์การให้คะแนน
เข้าห้องเรยี น สนใจฟงั สง่ งานตรงเวลา ให้ 3 คะแนน
เข้าหอ้ งเรยี น สนใจฟัง สง่ งานไม่ตรงเวลา ให้ 2 คะแนน
เขา้ ห้องเรียน ไมส่ นใจฟงั ส่งงานไมต่ รงเวลา ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การวดั ผลประเมนิ ผล (ผา่ นเกณฑ์ในระดับ ดี)
ระดับ 3 ชว่ งคะแนน 15-11 ดี
ระดับ 2 ชว่ งคะแนน 10-6 พอใช้
ระดบั 1 ช่วงคะแนน 5-1 ปรบั ปรงุ
13. บันทึกหลังสอน
สรปุ ผลการเรยี นรู้ (บรรลุตามจดุ ประสงคห์ รอื ไม่อยา่ งไร)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื ..........................................ผสู้ อน
(……................................)