คณะของเราชม ความงดงามดวยความต่นื ตาตื่นใจ 49
วนั นน้ั เราบังเอญิ ได้พบคณะถา่ ยท�ำภาพยนตท์ พี่ ระราชวงั โบราณ
นักแสดงตวั เอกเป็นจกั รพรรดิปูยี จากภาพยนตเ์ รื่อง
จกั รพรรดอ์ิ งค์สดุ ทา้ ย (The Last Emperor)
50
คุณหญิงมณฑนิ สี วมเสอ้ื คลุมและเคร่ืองประดบั
ศรี ษะ แปลงเป็นขา้ ราชส�ำนกั ฝ่ายใน
ถ่ายรปู กับหุ่นจำ� ลอง ข้าราชสำ� นกั ชาย-หญิง
ณ พระราชวงั โบราณ
ภาพโพลารอยดจ์ ากช่างภาพอาชพี
ท่ตี ้งั กล้องรบั ถ่ายภาพให้คนทวั่ ไป
อยู่ในบรเิ วณนน้ั
51
วัดลามะ หรอื หยง เหอกง
ปา ยช่อื วัดแกะสลักเปนตวั อกั ษร ๔ ภาษา คือ จีน แมนจู มองโกเลีย ทิเบต
วดั ลามะ หรอื หยง เหอกง เปน วดั ทใี่ หญท สี่ ดุ ของ พทุ ธศาสนาในทเิ บต
ทไ่ี ดช อื่ วา เปน ศาสนสถานทง่ี ดงามทส่ี ดุ ในกรงุ ปก กง่ิ ซง่ึ กอ ตง้ั โดยพระซองขะปะ
พระภิกษุนอกจากนง ุ จีวรเหลอื ง หรือแดงเขม เหมอื นพระในนกิ ายอ่ืนๆ แลว
ยงั สวมหมวกเหลือง จึงตงั้ ชอื่ วานิกายหมวกเหลอื งไปตามน้ัน
52
กอ นจะมาเปน วดั ลามะ ทน่ี เี่ คยเปน วงั
ประทับขององคชายสี่ (หยงเจิ้ง) มากอน
ตัง้ แต พ.ศ. ๒๒๓๗ เมอ่ื พระองคค รองราชย
เปน จกั รพรรดิ จงึ ยกตาํ หนกั นี้ เปน สมบตั ขิ อง
สงฆในพ.ศ. ๒๒๘๗ เมื่อสวรรคตแล้วสมัย
กษตั รยิ เ์ ฉนิ หลงซง่ึ เปน็ ลกู ชายจงึ ไดเ ปลยี่ น เปน ศนู ยก ลางสาํ คญั ของพระพทุ ธ
ศาสนานิกายเกลุก หรือนิกายหมวกเหลือง จึงเรียกวัดนี้ว่าเป็นวัดลามะ
(Lamastery)ในกรุงปกก่ิง เพื่อเป็นการเช่ือมความสามัคคีของทิเบตและ
มองโกล
วัดลามะ เปน วดั ในกรุงปักกิ่งที่มชี ่ือเสยี งด้านความสวยงาม เดนิ ทาง
สะดวก ทางเดนิ เขา ภายในวดั สองขา งทางปลกู ตน แปะกว ยรม รน่ื เหนอื ประตู
ทางเขา มีปา ยชื่อวัดแกะสลกั เปนตัวอักษร ๔
ภาษา คอื จนี แมนจู มองโกเลีย ทเิ บต ซ่ึงเปน
๔ ชนเผา หลักท่รี วมตัวอาศยั อยูใ นประเทศจนี
และภายในวัดน้ัน มีวิหารท่ีสําคัญในวัดจะมี
พระทเ่ี ป็นชนชาติมองโกลมากทส่ี ุด
ส่ิงที่ประทับใจ คือพระพุทธรูปพระศรี-
อรยิ เมตไตรยทอี่ ยใู่ นวหิ ารวา่ นฝเู กอ๋ เปน็ วหิ าร
ทสี่ งู ใหญท่ ส่ี ดุ ภายในวดั ลามะสงู กวา่ ๓๐เมตร
กอ่ ดว้ ยไมท้ ัง้ หมด พระพทุ ธรปู พระศรีอริยเมต
ไตรยเป็นพระปางยืนที่แกะสลักด้วยไม้จันทน์
หอมสขี าว สงู ๒๖ เมตร สว่ นลา่ ง ๘ เมตรฝงั อยู่
ใตด้ นิ อกี ๑๘ เมตรอยเู่ หนอื พน้ื ดนิ พระพทุ ธรปู
ทั้งองค์มีน้�ำหนักประมาณ ๑๐๐ ตัน เป็น
พระพุทธรูปท่ีแกะสลักจากต้นไม้ต้นเดียวท่ี
ใหญ่ทสี่ ดุ ในโลก
53
รา้ นเป็ดปกั กงิ่ “ฉวนจเู ต๋อ”
(ตน้ ตำ� รบั เป็ดปักกิ่งขนานแทด้ งั้ เดมิ )
ทานเลียวฮุย สมาชิกสภาคนสําคัญคนหน่ึงมาเปนเจาภาพ รวมกับ
นายพลตว นเลยี้ งอาหารกลางวนั ทภี่ ตั ตาคาร“ฉวนจเู ตอ ”ซงึ่ ตง้ั มา๑๕๐กวา ป
แลว อาหารที่มชี ื่อเสยี งของรานคอื “เปดปก กิ่ง”
เม่ือเปลี่ยนการปกครอง เม่ือป ๒๔๙๒ รานคาสวนมากมีการเปล่ียน
ช่ือ แตร านนท้ี างรัฐบาลอนญุ าตวา ไมตองเปล่ยี นชอื่ เพราะช่อื เสียงดอี ยแู ลว
วธิ กี ารยางเปด ตอ งใชไ มพ ิเศษยา งเพ่ือใหมกี ลิ่นหอม
อาหารจานพิเศษคือ หนังเปดห่ันติดมันและติดเนื้อ โดยห่ันช้ินหนาๆ
ตางกับเปดปกกิ่งบานเราซ่ึงเลาะหนังมาเสิรฟ โดยนําเนื้อไปทําอาหารจาน
อืน่ เชน ทาํ เมีย่ งหรือทอดกระเทยี มพรกิ ไท
54
อาหารจานอ่ืนๆ ประกอบดวยทุกสวนของเปด เชน ล้ินเปด ตับเปด
กระดกู เอาไปตมเปนซุป
น�้ำจม้ิ เค็ม โรยน้�ำตาลปนเลก็ นอ ย
พวกเราคนไทยลงความเหน็ วา่ เปดปกกิง่ ทบ่ี ้านเราอรอ่ ยกวา
55
กําแพงเมืองจีน (The Great Wall of China)
คณะของเราไดม้ โี อกาสดไี ดไ้ ปเยยี่ มชม
ก�ำแพงเมืองจีนท่ีได้ยินชื่อเสียงกันมานาน
ว่านับเป็นส่ิงมหัศจรรย์ของโลก คนไทย
ทุกคนที่ไปเมืองจีนตองไปขึ้นชมกําแพง
เมืองจีน กําแพงมหัศจรรยมีความยาว
๒๑,๑๙๖.๑๘ กิโลเมตร คณะของเราได้ชม
ก�ำแพงเมืองจีนท่ีด่านมู่เถียนยว่ี ไมกี่คน
ที่ขน้ึ ไปถงึ ปอมสูงสุด ๗๐๐ เมตร
ผูท่ีพิชิตปอม ๗๐๐ เมตร และได้รับ
ใบประกาศเปน็ ทร่ี ะลกึ ทง้ั ๗ คน ไดแ ก ผมเอง
คุณหญิงมณฑินี, หมอมหลวงตรี ทศยุทธ,
ดร.อภชิ ยั ,รอ ยตาํ รวจเอกพณา,รอ ยตาํ รวจโท
ฐิติราช, คุณสุชาติ นอกนั้นหยุดพักตาม
อัธยาศัย ขาลงไดพ บกับนายพลตวน ซึ่งข้ึน
ไมถึง ๗๐๐ เมตร กําลังยืนคดิ ถึงบรรยากาศ
เกา ๆ ที่เคยนาํ ทพั สูกับญีป่ น ุ
56
การเดินข้ึนไปไมลําบากเทาไหร ชวงสุดทายทางชันมาก (ให้สังเกตุ
ราวจบั ซง่ึ โค้งไปตามทางลาดทีส่ ูงชนั ) ผา นปอ มทั้งสิ้น ๔ ปอม ตอนขาลงชัน
มาก ตอ งคอยระวังและรูดรางเหล็กลงมา
ทน่ี า ชมและนา่ ขอบใจคอื “เตยี้ วหยวู ไ์ ถ”สง พนกั งานไปบรกิ ารเครอื่ งดม่ื
ถึงกาํ แพง เพราะทุกคนตอ งการน้ำ� พอดี
57
พิพิธภัณฑป์ ระวตั ิศาสตรป์ ระเทศจีน
Museum of the Chinese History
พพิ ธิ ภณั ฑแ หงนี้ ต้งั อยท ู างดาน รปู ไห ทองสำ� ริดสมยั ราชวงศ์ซง่
ทิศตะวันออกของจัตุรัสเทียนอันเหมิน
เปนพิพิธภัณฑที่ใหญท่ีสุดแหงหน่ึงของ
โลก มผี ูเขา เยย่ี มชมเกอื บ ๑๐ ลา นคน
ตอ ป รองจากพิพธิ ภณั ฑ “Louvre” ของ
ฝรงั่ เศส
58
59
พระราชวงั ฤดรู อน (Summer Palace)
พระราชวังฤดรู อ น อเ้ี หอหยวน ตงั้ อยูในเขตไหเ ต้ยี น หางจากตวั เมอื ง
ปกกง่ิ ไปทางตะวนั ตกเฉียงเหนือ ๑๕ กิโลเมตร
เดิมเปนวังหลวงและสวนดอกไมของพระเจากุบไลขาน ในป ค.ศ.
๑๑๕๓
มีการตอเติมในสมัยราชวงศหมิงและชิง โดยเฉพาะสมัยพระเจาคังซี
ถงึ สมัยพระเจาเฉียนหลง ใชเ วลาถงึ ๖๐ ปแลวเสร็จในป ค.ศ. ๑๗๕๐
กษัตริยราชวงศชิง ทรงใชเปนที่เสด็จแปรพระราชฐาน หนีความรอน
จากพระราชวังหลวงที่ปกก่ิงในฤดูรอน มาประทับที่พระราชวังฤดูรอนแหงนี้
เปน ท่ียอมรบั กนั วา อทุ ยานแหงน้ีเปนอุทยานหลวงที่งดงามทสี่ ดุ ของจนี
60
พระราชวังน้ีถูกทําลายลง ๒ คร้ัง ครั้งแรกเม่ือป ค.ศ. ๑๘๖๐ ยุค
สงครามฝน คร้ังท่ี ๒ โดยกองทหารอังกฤษและฝร่ังเศสบุกเขาปลนสะดม
กรุงปกกง่ิ เผา ทาํ ลายสง่ิ ปลูกสรา งเปน จาํ นวนมาก ตอมาในป ค.ศ. ๑๘๘๖
พระนางซสู ไี ทเฮา ไดน าํ เอาเงนิ งบประมาณของกองทพั เรอื มาบรู ณะพระราช
วังฤดูรอนขน้ึ ใหม
ครั้งท่ี ๒ ถูกกองทัพชาติตะวันตกหลายชาติทําลายเพ่ือตอบโตพวก
กบฏ นกั มวย ในป ค.ศ. ๑๙๐๐ แตพระนางซสู ไี ทเฮาก็ทรงบูรณะพระราชวงั
น้ีขนึ้ อีกครัง้ ในป ค.ศ. ๑๙๐๓ เพราะทรงโปรดมาประทับทนี่ มี่ ากกวาในกรุง
ปก ก่งิ เสยี อีก
พระราชวังน้ีมีพ้ืนท่ี ๑,๘๑๓ ไร เปนทะเลสาบ ซึ่งพระนางซูสีไทเฮา
ส่ังใหขุดขึ้น จากน้ันนําดินไปถมเปนภูเขาแลวสราง วังบนภูเขา ใหชื่อวา
61
“วา นโซวซา น” (ภูเขาหมนื่ ป) พรอมตําหนักนอ ยใหญหลายหลัง สวนดอกไม
กวา ๓๐๐ แหง ลานกวางหลายแหงเช่ือมตอถึงกันดวยระเบียงทางเดิน
ริมทะเลสาบ ท่ีมีช่ือเรียก ฉางหลางซึ่งถือเปนระเบียงที่มีความยาวท่ีสุด
ในโลก โดยเปน ระเบยี ง ทม่ี หี ลงั คาคลมุ โดยตลอดทอดยาว จากหมพู ระตาํ หนกั
ตะวันออกไปยังเรือหินออน ของพระนางซูสีไทเฮาทางตะวันตกความยาว
รวม๗๗๗เมตรสรา งในปค.ศ.๑๗๕๐แบง เปน คานขวาง๒๗๓ชว งสลบั กบั ศาลา
๔ หลงั บนผนงั ใตห ลงั คามภี าพกจิ กรรม เกยี่ วกบั เทพนยิ ายของจนี หลายเรอ่ื ง
มีคุณคาทางประวตั ศิ าสตร วรรณคดี รวมทัง้ ภาพทิวทศั นที่สวยงามมาก
เรือหินออน หรือ เรือ Shi Fang นี้ พระนางซูสีไทเฮาใหสรางขึ้นเพื่อ
ใชนั่งจิบน�้ำชา ชมทิวทัศนของทะเลสาบ คณะของเราทางจีนไดจัดใหลงเรือ
ลอ งทะเลสาบ ซงึ่ เฉลีย่ ลกึ ๑.๕๐ เมตรลึกสุด ๓.๕๐ เมตร
62
63
วนั ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๒๘ ทา่ นเยเ่ ฟยและภรยิ าเลยี้ งสง่ อยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ
ท่ศี าลาในสวนของเตีย้ วหยูวไ์ ถ
รองประธานสภา เยเ่ ฟย และภรรยา “หวงั ยเี่ ก็ง” เล้ียงสง่ และบอกข่าวส�ำคญั
64
เปนคร้ังแรกที่ มาดามหวังยี่เก็ง มารวมรับแขก และไดพูดคุยกับ
คุณหญงิ มณฑินี อยางสนุกสนาน
ทานหวังยี่เก็ง ใหชื่อคุณหญิงมณฑินี เปนภาษาจีนวา “หม่ินลี่”
แปลวา “ฉลาด” และ “สวย”
การจัดเล้ียงมีโตะใหญนั่งได ๑๘ คน จุดเทียน ประดับดวยดอกไม
สวยงาม
ขางหลังมีฉากประดับลวดลายดอกไม้ทําดวยงาสวยงาม ตลอดเวลา
มีการเปิดเทปเพลงสากล การจัดเลี้ยงที่ศาลาเปนกันเองตามสบายเปน
การเลี้ยงสง เพราะวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๒๘ จะออกเดินทางจากปกก่ิง
ไปตางจงั หวดั ตามกาํ หนดการ
65
วันท่ี ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๒๘ คณะรัฐสภาไทย จัดงานเลี้ยงตอบแทนคณะ
รฐั สภาจนี ทสี่ ถานเอกอคั รราชฑตู ไทย ณ กรงุ ปกั กง่ิ ถอื เปน็ การอำ� ลากรงุ ปกั กง่ิ
ทา่ นเย่เฟยและภรรยา (มาดามหวงั ยีเ่ ก็ง) เปน็ แขกเกยี รตยิ ศ
66
ผมกลา่ วต้อนรบั บนโต๊ะอาหาร ทจี่ ัดประดับธงชาติไทยและจีน
ณ สถานเอกอคั รราชฑตู ไทย ณ กรุงปกั ก่ิง
67
การเขา้ พบผนู้ ำ� สงู สดุ
ณ เรอื นรบั รองทพี่ กั ตากอากาศ
เปไตเ้ หอ
บรเิ วณจดุ เร่ิมต้นกำ� แพงเมืองดา้ น ทิศตะวนั ออกสรา้ งยื่นลงไปในทะเล
เรียกจุดกำ� แพงที่ย่ืนลงไปน้ี วา่ เศียรมังกรเฒา่ (เหลาหลงโถว)
ระหว่างวนั ท่ี ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๒๘ ถึง ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๒๘ นน้ั
ได้มีการจัดก�ำหนดการให้คณะรัฐสภาไทยเข้าพบและประชุมเป็นทางการ
กับรองประธานสภาท่ีมหาศาลาประชาชนตลอดจน พาชมสถานท่ีส�ำคัญ
ของกรงุ ปักก่งิ นครหลวงของจีน
และในวันท่ี ๒๘ กรกฎาคม ตอนคำ่� ท่านเย่เฟยและภริยาเปน็ เจา้ ภาพ
เล้ียงอาหารท่ีศาลารับรองในเตี้ยวหยูว์ไถอย่างเป็นกันเอง เสมือนเป็น
การเลี้ยงส่งเพราะหลังจากนี้ไปในวันท่ี ๓๐ กรกฎาคมคณะของเราจะออก
เดินทางจากปักกิ่งไปตามเมืองอ่ืนนอกกรุงปักก่ิงจนถึงวันเดินทางกลับ
ประเทศไทย
ในคืนนั้นเอง ทา่ นเยเ่ ฟย ก็ไดแ้ จ้งข่าวดีแกผ่ มว่า
ทา่ นผู้น�ำของจนี สามท่านคอื
ทา่ นเตงิ้ เส่ยี วผิง ผนู้ ำ� สูงสดุ
ท่านเผงิ เจิน ประธานสภา
ท่านจา้ วจ่ือหยาง นายกรฐั มนตรี
มีความยินดีที่จะตอนรับคณะผแ ู ทนรัฐสภาไทย ถึงแมจะเปนชวงฤดู
พักผอนท่ีทา นผนู ำ� ทั้งหลายไมรบั แขก
ทานเยเฟย ไดน ำ� ถอยคำ� ของทา นเต้ิงเสี่ยวผงิ มาถายทอดใหพวกเรา
ฟง วา
“เมื่อทราบวา มหามิตรของประเทศจีนมาเยอื นถึงบ้าน เรายินดี
ขอตอ นรับเปน พิเศษ”
และน่ีคือท่ีมาที่คณะเราออกเดินทางจากปกก่ิงมาที่เปไต้เหอสถานที่
พักตากอากาศส�ำหรับผู้น�ำของจีนริมทะเลป๋อไห่ ในวันท่ี ๓๐ กรกฎาคม
๒๕๒๘ รายการนเ้ี ปน็ การแทรกเขา้ มาเปน็ กรณพี เิ ศษ โดยจะไปเซยี่ งไฮภ ายหลงั
ขาวส�ำคัญน้ีท�ำใหคณะของเรา และคณะของประเทศจีน
มคี วามปต ิ ยนิ ดีอยางยิ่ง เพราะเปน เร่อื งไมค าดฝน จรงิ ๆ
70
ออกเดินทางจากปักกิ่งต้ังแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. เช้าตรู่ของวันที่ ๓๐
กรกฎาคม ทางการจนี จดั เครอื่ งบินพิเศษบนิ จากปักกิ่ง ตรงไปทเ่ี ปไตเ้ หอ
คณะเราออกจากเตย้ี วหยูว์ไถ่ ต้งั แตเ่ ชา้ มืด
เจ้าหนา้ ทีป่ ระจำ� บ้านทง้ั หมดออกมายืนสง่ ปรบมือเปน็ การรำ�่ ลา
71
วันอังคาร ท่ี ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๒๘
เวลา ๐๗.๐๐ น. ออกจากปกกง่ิ ไป เปไตเ้ หอ
จากปก ก่ิง ประมาณกรุงเทพฯ-เชียงใหม ใชเ วลาประมาณ ๔๕ นาที
โดยเครอ่ื งบนิ พเิ ศษทจ่ี ดั เปน็ พาหนะเฉพาะสำ� หรบั คณะรฐั สภาไทย เปน็ เครอื่ ง
บิน Trident จผุ ู้โดยสารได้ ๑๒๐ ท่นี ัง่
คณะเรานง่ั ชน้ั พเิ ศษแปดทน่ี ง่ั และชน้ั บสิ สเิ นสอกี ๑๘ ทน่ี งั่ สว่ นทเี่ หลอื
ชน้ั ธรรมดา เป็นส่วนของเจ้าหน้าทีต่ ้อนรบั ฝา่ ยจนี
ทางเขา ประตูเคร่ืองบินมปี า ย Welcome และธงชาติไทย
ซ่ึงคณะรฐั สภาไทยของเรามคี วามภมู ใิ จมากที่มโี อกาสโชว์ “ธงชาติไทย”
ถึงสนามบนิ ทหารที่เมือง ซานไหกวน
เมืองน้ีเป็นที่รู้จักกันดี เพราะจุดเริ่มตนของก�ำแพงเมืองจีน ทางดาน
ตะวนั ตกเรมิ่ ทเ่ี มอื งซานไหก่ วนน้ี
ระหว่างทางจากสนามบินไปเปไต้เหอ สองฟากถนนมีผูคนเดินไปมา
ขวักไขว่ ทหารแตงชุดสีเขียวตามรายทางถือวิทยุสื่อสาร เป็นระยะตลอด
เส้นทางจากสนามบินถึงเปไต้เหอ ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร ทางการจีน
น�ำเขาบานพักวลิ ลา หลงั ที่ ๑๒
72
นายพลตว้ นและท่านเย่เฟยขน้ึ เครื่องบินพเิ ศษไปเปไตเ้ หอกบั เราด้วย
เปไต้เหอ เปนเมืองพักผอนตากอากาศของผนู �ำระดับสูงของจีน
ซงึ่ ในชว งเวลาฤดรู อ้ นระหวา่ งเดอื นกรกฎาคมถงึ สงิ หาคมโดยหลกั การจะไมม ี
การตอ นรบั แขกเมือง เพราะเป็นเวลาพกั ผอ นประจ�ำปี
สภาพทิวทัศนอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ เหมือนทางขึ้นเขาสามมุขของเรา
ซ่ึงรัฐบาลไทยเคยใช้เปนที่พักผอนของผู้นำ� และรับรองแขกตางประเทศเช่น
กนั เปไตเ้ หอ อยตู ดิ ทะเลเชน่ เดยี วกบั บา้ นพกั ผอ่ นเขาสามมขุ (อยใู่ นมณฑล
เหอเปย่ Hebei ซง่ึ มีอาณาเขตโอบล้อมกรงุ ปกั กง่ิ ไว)้
เมอื งเปไตเ้ หอ เปน็ เมอื งชายทะเลปอ๋ ไห่ (ฺBohai Sea) ชายหาดมที ราย
สีน้ำ� ตาลเขม มที น ุ กั้นไวเปน เขตส�ำหรบั ผน ู ำ� วา ยน�้ำโดยเฉพาะ
สำ� หรับทานเต้งิ เส่ยี วผงิ ผนู ำ� สูงสดุ ของจีนในขณะนั้น (พ.ศ. ๒๕๒๘)
อายุ ๘๐ ปแลว นอกจากวา ยนำ�้ แลว ยังชอบเลน ไพบริดส
ทา นบอกวา ถา ไมไ ดม า เปไตเ้ หอ ไมไ ดว า ยนำ้� และไมไ ดเ ลน ไพบ รดิ ส
แสดงวา สุขภาพไมด ี แยแลว
ทานมคี วามมง ุ ม่ันวา จะขออยูอกี ๕ ป เพอ่ื ดูและตดิ ตามการพัฒนา
ประเทศตามนโยบายท่ีวางไว
73
74
บรรยากาศการตอ นรับเม่อื ถงึ สนามบนิ ที่เมอื งซานไหก่ วน วนั ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๒๘
75
รถท่มี ารับจากสนามบินมาเปไต้เหอ มีการติดธงชาตไิ ทยและธงชาติจนี
ววิ มองจากรถบสั ที่คณะติดตามบนั ทกึ ไว้ เปน็ บรรยากาศรมิ ทะเล
76
บรรยากาศท่ีรม่ รื่นของวิลลา่ และบริเวณโดยรอบ
ท่ที างการจีนจัดใหเ้ ราเขา้ พักระหวา่ งรอเขา้ พบผนู้ �ำทั้ง ๓ ทา่ น
77
หน้าอาคารรบั รองของผนู้ ำ� ฝา่ ยจนี ท่ีเปไตเ้ หอ
78
เขา้ พบท่านเติ้งเส่ียวผงิ ผนู้ �ำสูงสุด
ทา่ นเติ้งเส่ยี วผงิ มายนื รอรับทห่ี นา้ ประตแู ละเดนิ นำ� ไปส่หู อ้ งรบั รอง 79
ท่านเตง้ิ เสย่ี วผงิ ในวัยใกล้ ๘๐ ปี ดูสดชนื่ สขุ ภาพอนามัยดี
สงั เกตุวา่ ใบหนา้ มสี แี ทนจากการพักผ่อน และออกก�ำลังกายกลางแจง้
80
เวลา ๐๙.๓๐ น. เขา เยยี่ มคารวะทา นเตงิ้ เสยี่ วผงิ ใชเ วลานานประมาณ
หนง่ึ ชั่วโมง
อาจกล่าวได้ว่าท่านเปนผูเปลี่ยนแปลงพรรคคอมมิวนิสตแหง
ประเทศจีน จากลัทธเิ หมาเจอ๋ ตงุ มาเป็นสาธารณรัฐประชาชนจนี ยุคใหม่
แมวาทานเติ้งเสี่ยวผิง จะไมเคยดำ�รงตำ�แหนงประธานาธิบดี หรือ
นายกรัฐมนตรีเลย ตลอดชั่วชีวิตทางการเมืองของทาน แตภารกิจท่ีทาน
รับผดิ ชอบ ตอ การบริหารประเทศนน้ั ยิ่งใหญกวาตำ�แหนงทางการเมืองใดๆ
รวมทั้งคุณูปการ ทั้งหลายที่ทานไดกระทำ�ไวแกประเทศชาติและประชาชน
ตลอดจนแนวคิดในการพัฒนาประเทศที่ตกทอดมาสูผูนำ�รุนหลังแหง
สาธารณรฐั ประชาชนจีน
81
ส�ำหรบั การเขา้ พบทา่ นเต้ิงเสยี่ วผิง ทีเ่ ปไตเ้ หอ ครั้งน้ีท่านใหเ้ กียรติแก่
คณะรัฐสภาไทยเป็นอย่างมากแม้ตามต�ำแหน่ง ท่านเป็นถึงผู้น�ำสูงสุดของ
ประเทศ และมีอายถุ ึง ๘๐ ปใี นขณะนั้น แต่ทา่ นมายืนรบั คณะของเราทห่ี น้า
ประตหู อ้ งทักทายอยา่ งเป็นกันเองและนำ� เข้าไปน่งั ในท่นี ั่งทจ่ี ัดเตรียมไวด้ า้ น
ใน
ทา่ นเตง้ิ เส่ียวผงิ แต่งชุดสากลแบบจีนสฟี า้ ใสร่ องเทา้ ตัดเย็บหยาบๆ
สีด�ำ ตามปกติแขกผมู าเย่ียมพบ จะนั่งทาง “ขวามือ” ของเจาภาพ ซ่ึงเปน
ประเพณปี ฏบิ ตั ทิ เ่ี ปน สากล แตใ่ นการเขา้ พบครง้ั นี้ ทา่ นนำ� เราไปนง่ั ตรงกลาง
ห้อง ท่านนง่ั ด้านขวามือของผม
ทา นอธบิ ายวา ทา นหดู า้ นขวาไมด ี มปี ญ หาในการฟง หขู า งซา ยยงั พอ
ท�ำงานได โดยใชเคร่ืองชวยฟง ทานจึงกลาวขอโทษท่ีการจัดล�ำดับท่ีนั่ง
เปล่ียนไป โดยผมนัง่ ขา งซา ยมอื ของทาน
82
ผใู กลช ดิ เลา วา ทา นสบู บหุ รมี่ าก เพอ่ื สขุ ภาพ
ผใู กลช ดิ จะตดั บหุ รส่ี ว นทเี่ ปน ตวั ยาสบู ออกสว นหนง่ึ
ใหเหลือเพียงเล็กนอยท่ีติดอยูเหนือกนกรอง สูบครู่
เดยี วกห็ มด
เมื่อเขาที่นั่งเรียบรอย ทานหยิบบุหรี่ขึ้นมาเตรียมสูบ โดยทานหันมา
ถามผมวา “ยงั สูบบุหรีอ่ ยหู รอื ไม”
เรือ่ งนผ้ี มแปลกใจมาก เพราะเปนความจรงิ ที่ผมเคยสูบบหุ ร่ี เริ่มเมอ่ื
ไปเรยี นกฎหมายทป่ี ระเทศฝรงั่ เศส จนสบู บหุ รเ่ี ปน นสิ ยั โดยเฉพาะหลงั อาหาร
ทกุ ม้ือ
นอกจากนั้น คานิยมในสมัยเม่ือหลายสิบปมาแลว นิยมการผูกมิตร
ดวยการสงบหุ ร่ใี หกัน และในเวลาน้ันไมมีการหา มสบู บุหร่ี แมในเคร่อื งบนิ
83
ผมตอบทา นวา ปจ จบุ นั เลกิ สูบบหุ รแ่ี ลว แตย นิ ดจี ะสบู บุหรเี่ ปน เพอ่ื น
สนทนากบั ทา น เปนการสบู บุหร่เี พอ่ื มิตรภาพ
ทานพอใจมาก และไดท�ำในสิ่งท่ีไมไดท�ำบอยคร้ัง คือการย่ืนบุหร่ี
ใหผ ม พรอ มกบั จดุ บหุ รใ่ี หด ว ยตวั ทา นเอง ทำ� ความแปลกใจใหค ณะผเู ขา รว ม
การเขาเยีย่ มคารวะทง้ั ฝายจนี และฝายไทย
เมื่อเร่ิมการเจรจา ทานไดถามวาการมาพบปะครั้งน้ีมีความประสงค
จะขอใหทางการจีนชว ยเหลอื อยางไรบาง
ผมไดต อบวา การมาคารวะทา นในคราวนี้ ไมม คี วามประสงคจ ะขอให
ความชวยเหลือจากทางจีนแตประการใด ท่ีตองการมากท่ีสุดคือ การมา
ย�้ำ ความสมั พนั ธอนั ดียงิ่ ระหวา งจีน-ไทย ตามที่ไดยอมรบั กันทัง้ สองฝา ยวา
“จีน-ไทย ไมใชอ ่ืนไกลพนี่ องกัน”
การสนทนาเป็นไปอย่างเป็นกันเอง มีการแลกเปลี่ยนขอมูลกันเร่ือง
ผลิตผลลนตลาด ขายไมไดโดยเฉพาะ “สินคาขาว” ทางไทยตองพยายาม
หาทางระบายขา้ วไปสตู า งประเทศ
ทานเต้ิงเสี่ยวผิง พูดวาเรามีปญหาเชนเดียวกัน แตปนี้จีนยินดีให
ความชว ยเหลอื ในเรอื่ งซอ้ื ขา ว แตต อ ๆ ไป ขอเสนอแนะใหไ ทยพยายามแปรรปู
วัตถุดิบตางๆ ใหเปนสินค้าส�ำเร็จรูป เพื่อคลี่คลายปญหาการไมมีตลาดรับ
ซื้อ และขายวตั ถุดิบไดราคาตำ�่
ประเด็นตอไป ทานไดกลาววาประเทศของเราท้ังสอง แมวาจะมี
การปกครองทแ่ี ตกตางกนั แตเรากส็ ามารถเปนมิตรท่ดี ตี อกันได
“แมวไมว า จะสขี าวหรือสดี ำ� ขอใหจบั หนูเปน ก็แลวกนั ”
ค�ำพูดประโยคน้ีเลาขานกัน ตอๆ มา แตผมไดยินจากตัวทานเอง
ไมใชคำ� บอกเลา
84
ทานหมายความถาการปกครองใดเหมาะสม ท�ำใหประชาชนรมเย็น
เปนสุข ก็ถือวาเปนระบอบการปกครองท่ีดีและเหมาะสมแลว โดยเรา
จะไมไปกาวกา ย แทรกแซง ซ่งึ กันและกัน
“ไมวา จะเปน แมวขาวหรอื แมวดาํ ขอเพียงจับหนูไดก็พอ”
(It doesn’t mater if a cat is black or white,
as long as it catches mice)*
ทัศนะของทานเต้ิงเสี่ยวผิงขณะน้ันคือ ในการจะฟนคืนอุตสาหกรรม
เกษตร ทานเห็นวา ในชวงระยะกาวผานของแตล ะยุคสมัย หากวธิ กี ารใดเปน
ผลดแี กอ ตุ สาหกรรมการเกษตร กใ็ หใ ชวิธกี ารน้ัน กลาวคือ
“ควรยดึ แนวทางการปฏบิ ตั ติ ามสถานการณท เ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ ไมใ ชค ดิ
หรือปฏิบตั ิกนั อยา งสูตรตายตวั ”
ในสว นของการเปด เสรภี าพใหป ระชาชนมากขนึ้ ทา นกลา ววา ประเทศไทย
กา วหนา กวา จนี ในเรอื่ งนี้ แตท า นกจ็ ะพยายามทำ� ใหจ นี ไดก า วหนา มเี สรภี าพ
มากกวานี้
ทา นถามวาเมือ่ เปดเสรใี หป ระชาชนแลวจะมผี ลดีผลเสยี ประการใด
ผมไดตอบวาการใหเสรีภาพแกประชาชนเปนผลดีแนนอน แตจะมี
อนั ตราย ถา มีการใชเสรีภาพเกนิ ขอบเขต
* ประโยคนท้ี า นเต้งิ เส่ยี วผิงไดก ลาวอยา งเปนทางการครงั้ แรกเมื่อป ๒๕๐๕ ซงึ่ ขณะ
นน้ั จนี กาํ ลงั ประสบกบั ปญ หาผลผลติ ทางการเกษตรตกตำ�่ และบรรดา ผบู รหิ ารประ
เทศตา งระดมความคิดเพ่ือแกวิกฤตทิ เ่ี กิดขน้ึ
85
ปญหาใหญที่ตามมาคือปญหาการคอรรัปชั่น โดยเจาหนาท่ีของรัฐ
เพราะเคยถกู กดบงั คับไว เมอื่ ถูกปลดปลอ ยกจ็ ะใชเสรภี าพเกนิ ขอบเขต โดย
เฉพาะ จะเกดิ การคอรร ัปช่นั อยางกวางขวาง ซ่งึ เปน ปญ หาเรอื่ ง “กิเลสและ
ความโลภ” เปนปญ หาแกยาก ซึ่งทานเตงิ้ เสีย่ วผิงกย็ อมรบั ถงึ ปญ หาน้ี
ทานเต้ิงเสี่ยวผิง ยังกล่าวถึงนโยบายส�ำคัญของจีนในขณะนั้น
“ขา วจานเดยี ว-ขาวหมอ ใหญ”
ทานไมเห็นดวยกับแนวทาง “ขาวจานเดียว” คือคนท่ีทํางานมาก
หรือนอยก็จะไดรับผลตอบแทนเทากัน ซ่ึงเหมือนกับของเราที่วา “ทําก็ชาม
ไมท าํ กช็ าม”
ทานยกตวั อยางเรื่อง “เซินเจนิ้ ” ซ่ึงเดมิ เปนเพียงหมบู านเลก็ ๆ ตอมา
มีการพัฒนากําหนดเปนเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีการกอสรางอาคารสูงข้ึน
มากมาย เพอื่ รองรบั เศรษฐกจิ สมยั ใหม ในขณะนน้ั (พ.ศ. ๒๕๒๘) การกอ สรา ง
เพ่งิ เร่มิ ขน้ึ ไมม าก
ทานตอ งการเรง รดั ใหการกอสรางเสร็จรวดเร็วข้นึ
ทานใชว ธิ ี “ขา วหม้อใหญ” กลา วคือ ทาํ งานมาก ทํางานเรว็ จะไดรับ
ผลตอบแทนสูง เชน การสรางตกึ สูง ๑๒ ชนั้ กําหนดเสร็จภายใน ๑๒ เดอื น
ถาทําไดภ ายใน ๑๒ เดือน ถอื วา “เสมอตัว” แตถ าทําเสร็จกอ นกําหนด เชน
แทนทจี่ ะเสรจ็ ภายใน ๑๒ เดอื น สามารถทาํ เสรจ็ ภายใน ๑๐ เดอื น ถอื วา ระยะ
เวลา ๒ เดอื นเปนกําไร ควรไดร ับรางวลั พิเศษ
แตถ า ทาํ เสรจ็ ลา ชา กวา กาํ หนด เชน ทาํ เสรจ็ ภายใน ๑๔ เดอื น เกนิ กวา
เปา หมาย๒เดอื นถอื วา การสรา งเสรจ็ ชา เปน ความเสยี หายควรไดร บั โทษวธิ นี ี้
ทาํ ใหเกดิ แรงจงู ใจในการกอสรางเปนอนั มาก เพียง ๓ ป (๒๕๒๘ – ๒๕๓๑)
86
เซินเจิ้น มีการกอสรางตึกรามบานชองมากมาย และใชเวลานอยกวา
ทกี่ าํ หนด จงึ มคี วามแปลกตามาก ยิ่งในปจจบุ ัน (พ.ศ. ๒๕๖๓) มสี ิ่งกอ สราง
ท่ีนําความเจริญมาสูเซินเจ้ินอยางผิดตา เห็นไดวาความเจริญไมแพ
เกาะฮองกง ซึ่งพัฒนามานาน ทั้งนี้เพราะมีระบบการให “แรงจูงใจ”
“ขา วหมอ ใหญ” เห็นผลเปน รูปธรรมชัดเจน
ท่านเต้ิง เสีย่ ว ผิง ใหค้ วามเป็นกันเอง สนทิ สนมเปนทป่ี ระทับใจมาก
มกี ารแลกเปล่ียนของท่รี ะลกึ และถ่ายภาพรว่ มกนั
87
88
89
เขา้ พบนายเผิงเจนิ ประธานรฐั สภา
หลงั จากเขา้ พบทา่ นเตงิ้ เสยี่ วผงิ คณะรฐั สภาไทย ไดเ้ ขา้ พบทา่ นเผงิ เจนิ
ประธานสภา ซงึ่ เปน็ เจ้าภาพเลยี้ งอาหารกลางวันอยา่ งเปน็ ทางการดว้ ย
ทา นเผงิ เจนิ อายุ ๘๓ ป ยงั แขง็ แรงมาก คยุ กนั นานประมาณ ๑ ชวั่ โมง
จึงเชิญรับประทานอาหาร โดยมีภริยาทานออกมาตอนรับ ภริยาเปนคน
รูปรางเล็ก อายุ ๗๐ กวาป แตงกายชุดก่ีเพาสีเทา มีเสื้อคลุมตัวเล็ก
หนา้ ตาสวยมาก มีลกู ๕ คน หลาน ๔ คน คยุ กับคณุ หญิงตลอดเวลาอยา่ ง
สนกุ สนาน
90
91
การแลกเปลย่ี นของขวัญและถา่ ยภาพหมรู่ ว่ มกันกบั ท่านเผงิ เจนิ
92
หลังจากนั้นท่านประธานสภา เผิงเจินได้น�ำเข้าสู่ห้องรับประทาน
อาหาร ในการปราศรัยท่ีโตะอาหาร ทานพูดถึงการรุกรานของเวียดนาม
ที่กมั พชู า และเปนอันตรายตอ ประเทศไทย ทานประกาศวา จนี จะใหบ ทเรียน
แกเวียดนาม ไทยไมตอ งกลัว
หลังรับประทานอาหารแลว กลับไปบานพักหลงั ๑๒ ตามเคย รอเวลา
เขา พบทา นจา วจ่อื หยาง นายกรัฐมนตรี
93
เข้าพบจ้าวจื่อหยาง นายกรฐั มนตรี
เข้าพบเยยี่ มคารวะท่านจา้ วจือ่ หยาง นายกรัฐมนตรี
94
สนทนากบั ท่านจา้ วจ่อื หยาง และมอบของท่รี ะลกึ
95
จากการพบกับท่านจ้าวจื่อหยางซ่ึงในขณะน้ันอายุ ๖๗ ปี หน้าตา
ดูหนุ่มกว่าอายุ ผมและตาสีน�้ำตาล นอกจากสังเกตเรื่องการแต่งกาย
และการสูบบุหรี่จากชาติตะวันตกแล้ว ได้พูดคุยกันเป็นเวลานานเพราะ
มหี วั ขอ้ สนทนาทสี่ นใจรว่ มกนั โดยเฉพาะเรอ่ื งการปฏริ ปู ทางการเมอื งเรม่ิ พฒั นา
แนวคิดท่ีจะเปล่ียนแปลงระบอบสังคมนิยมให้เอื้อต่อการปฏิรูปเศรษฐกิจ
ของจีน
ในการตอ้ นรบั ในห้องรับรอง จะเริม่ ตน้ ด้วยการแจกผ้าร้อน ผ้าเยน็ น้�ำ
ชาร้อน และเสิร์ฟเคร่ืองดื่ม ส่วนท่ีพิเศษข้ึนคือท่านจ้าวจ่ือหยางมีการเสิร์ฟ
เบียร์และบุหร่ีด้วย
จ้าวจื่อหยางยังเช่ืออีกว่าถ้าต้องการความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจก็
หนีไม่พ้นการท�ำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย (Democratization) เขาเล่า
ใหฟ้ งั ถึงแนวความคิดให้มีการเลอื กตงั้ ระบอบผู้แทน โดยใหใ้ ช้ระบบนีต้ ัง้ แต่
ในระดบั หมู่บ้านมาจนถึงระดบั สมาชิกในคณะกรรมการกลาง
ในช่วงท่ีจ้าวจื่อหยางเป็นเลขาธิการพรรคน้ัน เป็นช่วงที่จีนสมัยใหม่
มบี รรยากาศเปดิ กวา้ งมากทส่ี ดุ ขอ้ จำ� กดั ตา่ งๆ ในเรอ่ื งเสรภี าพสอ่ื และเสรภี าพ
ใหน้ ักวชิ าการมีโอกาสชว่ ยออกความเหน็ ในเรอื่ งการพัฒนาประเทศ
เราทั้งสองมีความเห็นตรงกันว่าก่อนการพัฒนาเศรษฐกิจต้องท�ำให้
ประเทศเป็นประชาธิปไตยก่อนซึ่งแนวคิดของจ้าวจื่อหยางได้รับการต่อต้าน
จากกล่มุ อนรุ ักษน์ ิยมในพรรคอยา่ งรุนแรง
ผมเลา่ ประสบการณท์ เ่ี กดิ ในประเทศไทยวา่ มคี วามพยายามใหป้ ระเทศ
เปน็ ประชาธปิ ไตยแบบตะวนั ตกโดยมกี ารเรยี กรอ้ งใหป้ ระเทศเปน็ ประชาธปิ ไตย
โดยกลุ่มนิสิต-นักศึกษาจนในที่สุดเกิดเหตุการณ์รุนแรงท่ีสุดเมื่อมีการ
ลอ้ มปราบนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙
96
นอกจากนั้นระบอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้งถูกขัดขวางและ
ล้มลา้ งเปน็ ระยะๆ โดยการรัฐประหาร
ท่านจ้าวจ่ือหยางรับฟังด้วยความสนใจและว่าประเทศไทยก้าวหน้า
กวา่ จนี ในเรือ่ ง “ประชาธปิ ไตย” ในระดบั หน่งึ
แต่ท่านยังยืนยันว่าการปฏิรูปประเทศให้เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย
ที่แท้จริงจะเป็นการพัฒนาประเทศท่ีถาวรเม่ือได้เวลาอันควร ผมและคณะ
ได้ลากลับและหวังว่าคงได้มีโอกาสพบกันอีก (ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้
แต่เร่ืองน้ีได้เกิดขึ้นจริง เพราะผมและคณะผู้แทนรัฐสภาไทยได้มีโอกาส
เข้าเยี่ยมพบท่านจ้าวจ่ือหยางอีกครั้งหน่ึง ในการเยือนประเทศจีนคร้ังที่ ๒
เมอื่ พ.ศ. ๒๕๓๑ โดยทใี่ นขณะนัน้ ท่านพ้นจากตำ� แหนง่ นายกรัฐมนตรแี ล้ว
คงเหลือเพียงตำ� แหน่งเลขาธกิ ารพรรคจนกระทั่ง พ.ศ. ๒๕๓๒ เกดิ เหตุการณ์
ปราบปรามนักศึกษาและประชาชนอย่างรุนแรงที่ “เทียนอันเหมิน” ท�ำให้
เกิดรอยบาปมาจนถงึ ทกุ วนั น้)ี
หมายเหตุ หลงั จากการพบปะเมือ่ พ.ศ. ๒๕๓๑ ได้มีเหตุการณก์ าร
ปราบปรามคนชุมนุมด้วยความรุนแรงที่จตุรัสเทียนอันเหมินในปี ๒๕๓๒
ท่ีมีกลุ่มนักศึกษาชาวจีนได้ไปชุมนุมที่จัตุรัส ก่อนถูกปราบปรามด้วยรถถัง
และอาวุธปืนจากกองก�ำลังของรัฐบาลจีนในสมัยนั้นที่เรียกตัวเองว่ากองทัพ
ปลดปล่อยประชาชนจนี
ต่อมาท่านจ้าวจื่อหยางได้ถูกปลดจากต�ำแหน่งทุกต�ำแหน่งและถูก
สัง่ กกั บรเิ วณอยู่ภายในบ้านจนกระทั่งเสียชวี ิต
97
หนงั สือพมิ พ์ “ซนิ หวั ” ลงขา่ วการพบปะกบั ๓ ผู้นำ�