The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือวิวัฒนาการอาหารการกิน สะท้อนวัฒนธรรมถิ่น 6 แดนดินโลก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by marisa_kaewjan, 2021-10-14 13:40:28

หนังสือวิวัฒนาการอาหารการกิน สะท้อนวัฒนธรรมการกิน 6 แดนดินโลก

หนังสือวิวัฒนาการอาหารการกิน สะท้อนวัฒนธรรมถิ่น 6 แดนดินโลก

Waakye

Waakye มาจากภาคเหนือของประเทศกานาโดยมีข้าวและถั่วเป็นพืชอาหารหลัก ซึ่งwaakyeเป็น
อาหารเชา้ ที่ได้รับความนยิ มเปน็ อยา่ งมากในกานา สามารถรับประทานได้ตลอดทง้ั วนั

Waakye คือ การรวมกันของถั่วแดงหรือตาดำและข้าว โดยส่วนใหญ่มักจะรับประทานร่วมกับสลดั ส
ปาเกต็ ตี้ พชื พรรณ Garri เนอ้ื สัตว์และปลา การรบั ประทานขา้ วและถว่ั ด้วยกันถือเปน็ เร่อื งท่ีปกตขิ องหลายๆ
วัฒนธรรมในอเมริกาอินเดียและประเทศแอฟริกาตะวันตกอื่น ๆ ในประเทศบราซิลเป็นอาหารจานหลักที่
เรียกว่า "o arroz com feijão" ซึ่งมีการรับประทานอาหารด้วยเนื้อสัตว์และผักต่างๆ แต่ถึงอย่างนั้นชาว
แคเมอรูนต้องการจัดเตรียมข้าวและถั่วแยกไว้ต่างหากก่อนที่จะผ สมและตกแต่งด้วยผักและสเต็ก
แต่Waakye มีลักษณะเฉพาะเป็นของตัวเอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมชาวกานาทั้งหมดท่ี
ได้ใชอ้ าหารแบบดั้งเดิมนี้และทำให้เป็นเอกลกั ษณ์ของตวั เอง

นอกจากนี้ Waakye ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติที่ต้องการลองรับประทานอาหาร
กานาดั้งเดิมเนื่องจากสามารถรับประทานร่วมกันกับสลัดและสปาเก็ตตี้ได้ เมื่อซื้อจากร้านอาหารริมถนน
หรือในร้านอาหารก็จะมีใบสีเขียวกว้าง ๆ เรียกว่า "waakye leaf" กล่าวกันว่าใบไม้เหล่านี้ถูกนำมาใช้เพื่อ
ป้องกันอันตรายจากบรรจุภัณฑ์อาหารในถุงพลาสติกโพลีทีน แต่ก็มีหลักฐานน้อยมากที่จะพิสจู น์สิง่ ที่กล่าว
ข้างต้นมาได้

เอกสารอ้างองิ Frankie Gomez.(2021). ประวัติโดยยอ่ ของ Waakye,อาหารเช้าทช่ี น่ื ชอบของกานา.
สบื คน้ 11 สงิ หาคม 2564,จากhttps://th.yourtripagent.com/brief-history-of-waakye-ghana-s-
favourite-breakfast-2209

134 นางสาวณฐั วดี เดน่ ศรี

141

Jallof
ท่ีมา: https://www.shutterstock.com/th/image-photo/nigerian-food-party-jollof-rice-
fried-1053746708

ววิ ฒั นาการอาหารการกนิ สะทอ้ นวฒั นธรรมถิน่ 6 แดนดินโลก

Jallof

ต้นกำเนิดของข้าวจอลลอฟเกิดจากอาหารดั้งเดิมที่ชื่อว่า Thieboudienne เป็นอาหารของประเทศ
เซเนกัลซึ่งประกอบด้วยปลา หอยและผัก นักประวัติศาสตร์ด้านอาหารและการเกษตรอ้างว่าคำกล่าวน้ี
เป็นไปได้ และเสนอว่าขา้ วจอลลอฟแพรข่ ยายไปในอาณาจักรมาลี โดยเฉพาะพ่อคา้ Djula ที่กระจัดกระจาย
ไปยังศูนย์กลางการค้าและในเมือง ผ่านช่องทางศาสนาและวัฒนธรรมโดยเน้นการยึดเกาะจนเกิดเป็น
สงครามจอลลอฟ พบมากที่สุดในเเอฟริกาตะวันตก ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมาความสนใจในอาหารแอฟริกา
ตะวนั ตกเพมิ่ มากข้นึ ในโลกตะวันตกเทศกาล Jollof จัดขึน้ ท่ีกรงุ วอชิงตนั ดซี ี สหรฐั อเมรกิ าและโตรอนโต
ประเทศแคนนาดา

ขา้ วจอลลอฟในปัจจุบนั มักทำดว้ ยเมล็ดขา้ ว,มะเขือเทศ,ผัก,เครื่องเทศและเนื้อสตั ว์ในหม้อ แต่วิธีการ
ทำและส่วนผสมแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ในประเทศกานาเสิร์ฟพร้อมกับ Shito พริกไทยยอดนิยมและ
เครื่องเคียงที่มีเนื้อวัว ไก่ ปลาทอดปรุงรสหรือผักรวม ส่วนจอลลอฟไนจีเรียมักเสิร์ฟคู่กับสลัดและอาหาร
ทะเลเพอื่ ใชเ้ เทนเนือ้ ไกเ่ น่ืองจากมพี ้นื ที่ตดิ แม่นำ้ หรอื โปรตีนอนื่ ๆท่ีหาได้

เอกสารอ้างอิง Sekibo Kojo.(2557).Jollof rice สบื ค้น 13 สงิ หาคม 2564,จาก
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Jollof_rice

104 นางสาวสริ ิรัตน์ เรม็ ศรีงาม

143

Thieboudienne
ที่มา: https://www.royacshop.com/2306-how-to-make-senegalese-thieboudienne-
ceebu-jen.html

ววิ ฒั นาการอาหารการกนิ สะท้อนวัฒนธรรมถิ่น 6 แดนดินโลก

Thieboudienne

TIEPหรือthieb มีพื้นเพมาจากเซเนกัล มีการบริโภคกันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศในแอฟริกา
ตะวันตก ประกอบด้วยปลารสอร่อยที่หมักด้วยผักชีฝรั่ง มะนาว กระเทียม หัวหอม และสมุนไพรอื่น ๆ
จากนั้นปรุงด้วยซอสมะเขือเทศและผักต่างๆ ชื่อของอาหารมาจากคำWolof(โวลอฟ)แปลว่า ข้าว และปลา
ใน Pulaar เป็นที่รู้จักกันในช่ือmaaro e liddi เสิร์ฟบนถาดขนาดใหญ่โดยมีข้าวอยู่ด้านล่างและปลา มัก
เปน็ ปลาเกา๋ ขาวและผกั

ชาวเซเนกัลมักกินอาหารสามมื้อต่อวัน อาหารหลักเวลาประมาณ 13.00 น. ชาวเซเนกัลกินจากจาน
รวมหรอื ชามขนาดใหญด่ ว้ ยมือขวา ตามธรรมเนียมของชาวมุสลิม นอกจากน้ยี ังใช้ต้อนรับ ครอบครัว เพ่ือน
และแขกที่มาเย่ยี มเยยี น การตอ้ นรบั เปน็ ส่วนสำคญั ในเซเนกลั เพราะถือว่าเป็นประเพณสี ำคัญอย่างหน่ึง ถ้า
แขกปฏิเสธที่จะรับประทานอาหารที่ชาวเซเนกัลทำหรือแบ่งปันให้จะถือเป็นเรื่องที่หยาบคายมาก ซึ่ง
รับประทานร่วมกันในจานหนึ่งใบ ทุกคนกินโดยใช้ช้อนหรือขนมปังหนึ่งชิ้น ทุกคนสามารถรับประทานได้
แม้จะเป็นครอบครัวที่ยากจนก็ตามซึ่งได้รับอิทธิพลจากความใกล้ชิดกับมหาสมุทรหรือประเพณีของชนเผ่า
เร่รอ่ นและการเลีย้ งโค

เอกสารอา้ งอิง Thiéboudienne. 2550. สบื คน้ 11สิงหาคม2564, จาก
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Thieboudienne

141 นางสาววิมลศริ ิ ศรีนอ

145

Bunny Chow
ท่ีมา: https://www.shutterstock.com/th/image-photo/bunny-chow-south-african-style-
spicy-1908404320

ววิ ัฒนาการอาหารการกนิ สะทอ้ นวัฒนธรรมถ่ิน 6 แดนดนิ โลก

Bunny Chow

Bunny Chow เป็นอาหารยอดนิยมในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ชาวอินเดียและกลุ่มชาติพันธ์ุ
อื่นๆในพื้นที่เมืองเดอร์บันซึ่งอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ เป็นที่ตั้งของชุมชนอินเดียจำนวนมาก เป็นอาหารท่ี
คลาสสกิ ของเมืองต้ังแต่ยุค 40 ซง่ึ เปรียบเสมือนหัวใจของเมืองเดอร์บัน

Bunny Chow มีเรื่องราวที่ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อมีแรงงานชาวอินเดียได้อพยพมาถึงแอฟริกาใต้
ซ่ึงได้เกิดขึ้นกบั คนงานอนิ เดียท่ีถูกผูกมัดให้ทำงานในไร่อ้อยของควาซลู ูนาทาล ในชว่ งระหว่างวันในเวลาพัก
กินอาหารจะไม่สามารถออกไปได้ในเวลานานที่พอจะกินอาหารกลางวันได้ และจากกฎหมายในช่วงการ
แบ่งแยกสผี ิว จะหา้ มไมใ่ หผ้ ูค้ นทม่ี สี ีผวิ เข้ามาในรา้ นอาหารหรือรา้ นกาแฟ ผคู้ นทีม่ ีสผี วิ จะใชว้ ธิ สี งั่ อาหารจาก
ทางด้านข้างและด้านหลังของร้านอาหาร ผู้คนในยุคนั้นใช้ความคิดสรา้ งสรรค์ในการเลือกภาชนะเพื่อบรรจุ
อาหารซื้อกลับบ้าน แต่แล้วก็เป็นที่ถกเถียงกันว่า Bunny Chow เป็นอาหารที่ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อครัว ที่
โรงเตี๊ยมของพระราชินีหรือบางคนก็บอกว่าอาหารนี้ถูกสร้างขึ้นที่ร้านอาหาร Kapitan ที่มุมถนนวิกตอเรีย
และอัลเบิร์ตในเมืองเดอร์บัน ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถรู้ต้นกำเนิดที่แน่นอนจริงของอาหารแต่ Bunny
Chow กลับเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญด้านอาหารของเมืองเดอร์บัน ในแต่ละปีจะมีงานที่เรียกว่า "Bunny
Chow Barometer" ซึ่งได้จะจัดขึ้นในเดือนกันยายนที่ฝั่งใต้ของแม่น้ำ Umgeni และเหนือ Blue Lagoon
ซงึ่ เป็นจดุ ดึงดูดคนเข้ามาร่วมงานจำนวนมากจากทั่วภูมิภาคของเดอรบ์ ัน

จากเหตุผลปัญหาข้างต้น Bunny Chow นี้จึงเป็นอาหารที่ให้พลังงานแก่คนงานได้ทั้งวัน ซึ่งทำและ
ออกแบบใหป้ ระหยดั เข้าถึงง่าย ราคาถูก สามารถกนิ ดว้ ยมอื ได้ และสะดวกในการขนส่งอาหาร

เอกสารอา้ งอิง Siyabonga Mkhasibe. (2561). ความลึกลับของจานลายเซน็ เดอรบ์ นั BUNNY CHOW.
สบื คน้ เม่ือวันท่ี 12 สิงหาคม พ.ศ 2564, จาก https://tha.lvltravels.com/mystery-durbans-
signature-dish-bunny-chow-page-839069

145 นางสาวสรุ ารกั ษ์ เจริญ

147

ภาพรวมอาหาร
ท่มี า: https://www.pinterest.fr/search/my_content/?rs=typed&q=africa%20food

ววิ ัฒนาการอาหารการกนิ สะท้อนวฒั นธรรมถ่ิน 6 แดนดินโลก

สรุป

เมื่อชาวแอฟริกันถูกนำตัวมาถึงภาคใต้ของสหรัฐฯ พวกเขาพบชนอินเดียนพื้นเมืองและชนผิวขาวที่
อพยพมาจากอังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส อาหารแอฟริกันอเมริกันจึงได้รับอิทธิพลจากชาติต่างๆ เหล่านี้ ผสม
กลมกลืนจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของอาหารแอฟริกันอเมริกัน วัตถุดิบในครัวแอฟริกันหลายอย่าง เช่น ถั่วตา
ดำ ถั่วลิสง แยม มันหวาน เป็นของที่ชาวแอฟริกันกินอยู่แล้ว แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่นำมาปรุงตามแบบของ
ตนเอง วัตถุดิบในตอนใต้ของชาวแอฟริกัน เช่น ถ่วั ตาดำ สควอช ขา้ วโพด ข้อเท้าหมู ผักใบเขยี วตา่ งๆ ซอสเผ็ด
กระเจี๊ยบเขียว ถั่วลิสง และมันหวาน ตามวิถีเดิมเคยใช้ไขมันหมู ( lard ) ทำกับข้าวแต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้
นำ้ มนั พชื นำ้ มนั ขา้ วโพดแทน เน้ือสัตวย์ อดนยิ มคอื เนือ้ หมู

ส่ิงทก่ี ลายเปน็ วถิ ีของชาวแอฟริกนั คือ มวี ัตถุดบิ อะไรก็จะเอามาทำให้กินได้นานที่สุด เรอ่ื งมีอาหารน้อย
นี้สัมพันธ์กับวิธีปรุงด้วย การทำอาหารหม้อเดียวให้กินได้หลายคนและไม่ต้องใช้เครื่องปรุงมาก คือสัญลักษณ์
ของช่วงเวลาที่ชาวแอฟริกันต้องทำให้ดีที่สดุจากสิ่งที่มี ทางภาคใต้เป็นพื้นที่การเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ อาหาร
แถบนี้คืออารหารทรี่ ูจ้ ักกันในชื่อ Soul food จดุ เดน่ คือมีเคร่ืองปรุงน้อย ทางภาคเหนือนิยมทาน ถ่ัวอบและไก่
หมกั ยา่ งแบบบารบ์ ีควิ ทางชายฝง่ั ครโี อล มีหลากหลายวัฒนธรรมอาหารของภูมภิ าคนีส้ ว่ นใหญ่คือถั่วแดงและ
ข้าว ส่วนในภูมิภาคอื่นๆจะเป็น Small pot food คือสตูส่วนผสมมีเนื้อสัตว์ ผัก ปรุงรสด้วยเบียร์ หรือไวน์
หวาน กินคู่กับข้าว หรือพาสตา อาหารส่วนใหญ่หอมด้วยกลิ่นเครื่องเทศ มีสีสันสะดุดตา และสีที่ได้มาจาก
วัตถุดิบธรรมชาติ พืชพรรณต่างๆรวมถึงเครื่องเทศและสมุนไพรที่ให้สีโดดเด่น อาหารประเภทแป้งมักเสิ ร์ฟ
พรอ้ มกบั เน้ือย่าง และซอส มีผกั ใบเขียวเปน็ เครื่องเคียง สว่ นใหญ่ในปัจจุบันมีอาหารท่ีคล้ายคลึงกันหลายจาน
มกี ารเปลีย่ นแปลงเลก็ น้อยในสว่ นผสมและรูปแบบการทำอาหาร เพื่อเพ่ิมความสับสนในรสชาติอาหาร

149

ววิ ฒั นาการอาหารการกนิ สะท้อนวฒั นธรรมถิ่น 6 แดนดินโลก

บทท่ี 5
วิวฒั นาการอาหารอเมรกิ า

ววิ ฒั นาการอาหารการกนิ สะท้อนวฒั นธรรมถิ่น 6 แดนดินโลก

ส่วนนำ

ทวีปอเมริกาเป็นทวีปทีม่ ีขนาดใหญ่ซึ่งรวมทั้งทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้รวมกนั และยังสามารถแบ่ง
ออกเป็น 3 สว่ นคือ อเมริกาเหนอื อเมริกากลางและอเมรกิ าใต้ ซ่งึ มปี ระชากรทัง้ คนพ้ืนเมอื งและคนท่ีอพยพมา
จากหลายๆพื้นที่เข้ามาอยู่อาศัย ซึ่งประกอบไปด้วยผู้คนหลายเชือ้ ชาติ เช่นพวกผิวเหลอื งที่อพยพมาจากทวปี
เอเชีย พวกผิวขาวที่อพยพมาจากทวีปยุโรปและพวกผิวดำที่ถูกนำเข้ามาเพื่อใช้เป็นแรงงานของประเทศ
สหรฐั อเมริกา และเนื่องจากมีผคู้ นหลากหลายเชือ้ ชาตเิ ข้ามาอาศัยอยู่ทำให้ทวีปอเมรกิ าได้รบั อิทธพิ ลอย่างมาก
ในเรื่องของอาหารจากวัฒนธรรมต่างๆ เพราะผู้คนจากต่างทวีปมาพร้อมกับอาหารประจำชาติของตนเอง แต่
เนื่องจากเป็นผู้อพยพเข้ามาทำให้มีการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมเพื่อให้เข้ากับจำนวนและชนิดของวัตถุดิบที่มีใน
ท้องถิ่น แต่ก็ยังคงรูปแบบลักษณะของอาหารวัฒนธรรมตัวเองไว้ จึงทำให้เมนูอาหารในทวีปอเมริกามีความ
หลากหลาย แตกต่างกนั ไปในแตล่ ะรัฐ แตล่ ะเมอื งและในแตล่ ะประเทศ

ประเทศในทวีปอเมริกาหลายๆประเทศส่วนใหญเ่ ปน็ แกนหลักในการส่งออกวัฒนธรรมดา้ นอาหารและด้วย
ความหลากหลายดา้ นภูมศิ าสตร์และภมู ิอากาศของแตล่ ะประเทศ ทเี่ ปน็ ท่ีต้งั ของผลผลิตทางการเกษตรผักและ
ผลไม้นานาชนิดทำให้อาหารแต่ละประเทศนั้นมีความโดดเด่นในเรื่องรสชาติที่แตกต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่คนใน
ทวปี อเมริกาจะมีการเพาะปลูกพืชได้แก่ ข้าวโพด ถ่วั ลิมา มันฝร่งั มนั เทศ พริก อะโวคาโด ถั่วลิสงและต้นโกโก้
แต่เม่อื มชี าวยุโรปอพยพเข้ามาจงึ ได้มีการเริ่มทำปศุสัตว์ ข้าวสาลแี ละอัลมอนดเ์ ขา้ มาในทวปี อเมรกิ า

อาหารของทวีปอเมริกาเหนอื เป็นอาหารทีไ่ ด้รบั อิทธิพลจากทั่วโลกแต่จะได้รับอิทธิพลสูงสุดจากชาวยโุ รป
มีส่วนประกอบด้วยเนื้อสัตว์หรือพืชผักที่หาได้เฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือและยังได้รับอิทธิพลจากอาหาร
แอฟรกิ าเขา้ มาอีกด้วย อาหารของทวีปอเมริกาเหนือยังส่งอิทธิพลไปถงึ ทวปี อเมริกากลาง และอาหารของทวีป
อเมรกิ าใต้สว่ นใหญ่ผ้คู นมคี วามเชย่ี วชาญในการปรุงอาหารทอดและซอสท่ีมรี สเขม้ ข้น อาหารทางอเมริกาใต้จะ
ใช้หมูและไก่เป็นวัตถุดิบหลักนิยมใช้การย่างบนเตาถ่านหรือเตาปิ้งบาร์บีคิว พืชที่มีผลผลิตมากที่สุดในทวีป
อเมริกาใต้คือมันฝรั่ง บนชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้มีมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นแหล่งอาหารทะเล

153

จำนวนมากและภูมภิ าคทางตอนใต้ของอาร์เจนตินายงั มผี ลผลติ เน้ือแกะและเน้ือกวางรวมถงึ ปลาทูน่าและปลา
เขตร้อนที่จับได้ทั่วทั้งทวีป อาหารทางตอนใต้จะเป็นลูกครึ่งแอฟริกัน-อเมริกัน ภูมิภาคแถบนี้จึงโด่งดังเรื่อง
อาหารแบบแอฟรกิ ัน ทีผ่ สมผสานกับอาหารอเมริกนั ไดอ้ ย่างลงตวั

วิวฒั นาการอาหารการกินสะทอ้ นวัฒนธรรมถนิ่ 6 แดนดนิ โลก

อาหารทวีปอเมริกา
1. Taco อาหารจากประเทศเมก็ ซิโก
2. Nachos อาหารจากประเทศเม็กซิโก
3. Fry Bread อาหารจากประเทศสหรฐั อเมริกา
4. Jambalaya อาหารจากประเทศสหรัฐอเมรกิ า
5. Hamburger อาหารจากประเทศสหรฐั อเมรกิ า
6. Curanto อาหารจากประเทศชิลี
7. Hooters อาหารจากประเทศสหรัฐอเมรกิ า
8. Roasted Turkey อาหารจากประเทศสหรัฐอเมริกา
9. Ceviche อาหารจากประเทศเปรู
10. Poutine อาหารจากประเทศแคนาดา
11. Mole Poblano อาหารจากประเทศเม็กซิโก
12. Brigadeiro อาหารจากประเทศบราซิล
13. Swensen’s อาหารจากประเทศสหรฐั อเมริกา
14. Nanaimo Bar อาหารจากประเทศแคนาดา

155

ทาโกเ้ น้ือ
ทม่ี า: https://www.google.com/search?q=taco&sxsrf

ววิ ัฒนาการอาหารการกินสะท้อนวฒั นธรรมถิ่น 6 แดนดินโลก

Taco

“ทาโก้” เป็นอาหารอย่างหนึ่งที่แสดงถึงการเติบโตของวัฒนธรรม มีต้นกำเนิดไม่แน่ชัด แต่จะรู้กันดีใน
กลุ่มชนพื้นเมืองที่เรียกกันว่า ชาวแอซเท็ค ชาวมายันและชนพื้นเมืองชาวลาตินอเมริกา ชาวเม็กซิกันที่ไป
ทำงานในเหมืองประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มเรียกห่อข้าวตัวเองว่า ทาโก้ สันนิษฐานว่าเรียกตาม วิธีห่อ
ดินปนื ที่เตรียมไวส้ ำหรบั การระเบิดเหมอื ง และพบว่าทาโก้ประเภทเเรกมชี อ่ื วา่ “ทาโกข้ องชาวเหมอื ง”

ช่วงทศวรรษท่ี1800s ยุคอุตสาหกรรม มีโรงงานเกิดขึ้นมากมาย ผู้หญิงจึงเปลี่ยนมาทำงานในโรงงาน
แตไ่ ดค้ ่าแรงน้อย ผหู้ ญิงส่วนใหญจ่ ึงใชท้ ักษะที่มตี ิดตัวมาคือ การทำอาหาร โดยขายตามริมทาง ซงึ่ ทาโก้เป็น
อาหารที่ทานได้เร็ว จึงกลายเป็นอาหารสตรีทฟู้ดของคนใช้แรงงาน โดยทาโก้จะใช้แผ่นตอร์ติยาที่ทำจาก
ขา้ วโพดหรือแป้งสาลีมาหอ่ หรือม้วน โดยสามารถใช้แผน่ ตอร์ตยิ าไดท้ ัง้ แบบแขง็ และแบบอ่อน ส่วนของไส้
จะนำไปผัดส่วนมากจะเป็นเนื้อวัวหรืออาจจะเป็นเนื้อไก่ เนื้อหมู ชีสหรือปิโกเดกาโย ปรุงแต่งด้วยซัลซา
พริกไทยดำ อาโวคาโด กัวกาโมเล มะเขือเทศ หอมใหญ่ ผักชีและผักกาดหอม เสริฟพร้อมกับมะนาวห่ัน
เส้ียวและซอสทาบัสโก้

อาหารรสเผ็ดจัดจา้ นอย่างทาโก้ ไดก้ ลายเปน็ อาหารประจำชาติเม็กซโิ กและไดต้ ง้ั แผงขายในงาน
เฟสติวัลที่เมือง San Antonio จากกลุ่ม The Chili Queens ทำให้ทาโก้เริ่มเป็นที่รู้จัก จนมีการกำหนดให้
วนั ท่ี 4 ตลุ าคมของทุกปีเปน็ วนั ทาโก้ประจำชาติของอเมริกา

เอกสารอ้างองิ
Vanat Putnark. (2019). กำเนดิ ทาโก้ : ห่ออาหารจากการด้นิ รนของวัฒนธรรมเมก็ ซกิ นั . สืบคน้ 13

สิงหาคม 2564, จาก https://thematter.co/social/

ผเู้ รยี บเรยี ง เลขท่1ี 19 นางสาวเสาวภาคย์ ชาตรีวุฒิชัย

157

Nachos
ท่มี า: https://sistacafe.com/summaries/1323

วิวัฒนาการอาหารการกนิ สะทอ้ นวัฒนธรรมถ่นิ 6 แดนดนิ โลก

Nachos

หากพูดถึง "Nachos" เป็นอาหารหรือของทานเล่นที่นิยมในประเทศเม็กซิโก โดยเป็นอาหารประจำ
ภูมิภาคเม็กซิโกตอนเหนือในช่วงทศวรรษที่ 1940 อิกนาซิโอ "นาโช" อนายาทำงานที่คลับวิกตอเรยี ในเมือง
ชายแดนปิเอดราสเนกราสในเม็กซิโกเมื่อกลุ่มคนจากเมืองเท็กซันที่อยู่ใกล้เคียงของ Eagle Pass กำลังมอง
หาของกิน Anaya จึงเตรียมอาหารจานด่วนที่ได้จาก Tortilla กับชีสขูดและ Jalapenos หั่นบางๆ จนเป็น
อาหารยอดนยิ ม

ส่วนประกอบของ"Nachos" ประกอบด้วย แป้ง Tortilla เกลือทะเล น้ำมันมะกอก โดยนำแป้ง Tortilla
ออกมาตดั เป็นสามเหล่ียมแลว้ นำมาวางบนภาชนะสำหรับนึ่งที่มีรรู ะบายความร้อน(หรือในเตาอบก็ได้) ก่อน
นำไปอบให้ทาน้ำมันมะกอกลงบนแผ่นแป้งแต่ละแผ่นบางๆ ทั้ง 2 ด้าน จากนั้นนำไปอบโดยตั้งอุณหภูมิ
ประมาณ 180 องศาเซลเซียสใช้เวลาอบประมาณ 10 นาทีตามดว้ ยโรยเกลือเพ่อื เพิ่มรสชาติในสว่ น Cheese
Sause ส่วนผสมประกอบไปด้วยเนย แป้งข้าวโพด นมสด เกลือ พริกชี้ฟ้าป่น Cheddar Cheese โดยตั้ง
กระทะเปิดไฟอ่อนๆ แล้วร่อนเนยให้ทั่วกระทะตามด้วยแป้งข้าวโพดแล้วตีให้ส่วนผสมเข้ากันจากนั้นเทนม
จืดตามด้วยเกลือและ Cayenne Pepper(พริกชี้ฟ้าป่น)เพื่อเพิ่มรสชาติและความหอมของกลิ่นเครื่องเทศ
ให้กับซอสจากนน้ั เติมเชดด้าชสี ลงไปใชต้ ะกร้อมือคนส่วนผสมท้ังหมดอยา่ งเบามือค่อยๆ คนไปเร่ือยๆจนกว่า
ชีสทั้งหมดจะเริ่มละลายกลายเป็นเนื้อครีมสีเหลืองนวลจากนั้นนำมาราดบนแผ่น Tortilla Chip พร้อมจัด
เสริ ฟ์

เอกสารอ้างองิ
KeroQueen. (2558). Nachos Cheese. สบื คน้ 18 สิงหาคม 2564, จาก

https://bestglitz.com/thailand/

ผเู้ รยี บเรยี ง เลขท่ี133 นางสาวจุฑามาศ ศรีรฐั า

159

Lil' Luna Easy Indian Fry Bread Recipe (+VIDEO) | Lil' Luna
ทม่ี า: https://lilluna.com/homemade-indian-fry-bread/

วิวัฒนาการอาหารการกินสะท้อนวัฒนธรรมถ่นิ 6 แดนดินโลก

Fry Bread

ขนมปังทอดอินเดียนแดง(Fry Bread) มีถิ่นกำเนิดที่ทวีปอเมริกาเหนือในประเทศสหรัฐอเมริกาจาก
ชาวนาวาโฮ เดิมทีชนเผ่านาวาโฮอาศัยการล่าสัตว์ การทำการเกษตรเป็นหลัก แต่เมื่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
บงั คับให้ชาวนาวาโฮที่อาศัยอยใู่ นรัฐแอริโซนาเดินทางไปยังรฐั นวิ เม็กซิโก ซง่ึ เป็นพน้ื ท่ีที่ไม่เหมาะสมสำหรับ
การปลูกพืชผัก เช่น ข้าวโพด ถั่ว เพื่อป้องกันไม่ให้ประชากรพื้นเมืองอดยากรัฐบาลได้มอบสินค้าโภคภัณฑ์
เชน่ แปง้ น้ำตาล เกลือ น้ำมันหมู ใหแ้ กช่ าวนาวาโฮ จงึ ทำให้เกดิ ขนมปังทอดอินเดยี นแดงข้ึนมาเพ่ือการอยู่
รอดของชาวนาวาโฮ

ขนมปังทอดอินเดียนแดงเป็นอาหารอเมริกันพื้นเมืองที่พบได้ทั่วไปในอเมริกาโดยเฉพาะในหมู่ชน
พื้นเมืองชาวอเมริกันของสหรัฐอเมริกาตะวันตกเฉียงใต้และปัจจุบันได้รับความนิยมในหมู่ ชนเผ่าอเมริกา
เหนือรวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งในแต่ละภูมิภาคและชนเผ่าต่าง ๆ มีสูตรอาหาร วิธีการเสิร์ฟที่แตกต่าง
กัน สามารถพบได้ที่งานแสดงสินค้าของรัฐและงานรื่นเริง โดยทั่วไปขนมปังทอดอินเดียนแดงทำจากแป้ง
สาลีผสมกับนำ้ ผงฟูหรือยีสต์ และโรยเกลือ แล้วนำไปทอดในนำ้ มนั หมหู รือน้ำมันพืช ให้มีลักษณะเป็นก้อน
รปู แบน สามารถรับประทานได้เปน็ อาหารคาวและอาหารหวาน ซ่ึงอาหารคาวนิยมทำเป็นอาหารแบบทาโก้
โดยเพิ่มถั่ว เนื้อ ผักกาดสับ มะเขือเทศ มะกอก ชีสขูดฝอย และครีมเปรี้ยวลงบนหน้าขนมปัง และการ
รับประทานเปน็ อาหารหวานนยิ มทาแยม เนย ราดน้ำผ้ึง และโรยน้ำตาลผง

เอกสารอา้ งอิง
Frybread. (2021). สืบค้น 18 สิงหาคม 2564, จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Frybread

ผูเ้ รยี บเรยี ง เลขที่118 นางสาวสุวิดา รัตนะศรี

161

Jambalaya
ท่มี า: https://yamfit.com/th/recipes/5db7c57387c9962bb0ccc2bb

ววิ ัฒนาการอาหารการกนิ สะท้อนวัฒนธรรมถิ่น 6 แดนดินโลก

Jambalaya

Jambalaya เป็นอาหารที่นิยมรับประทานในแถบเมืองนิวออร์ลีนส์ ของรัฐลุยเซียนา ประเทศ
สหรัฐอเมริกา อาหารชนิดนี้ได้รับวัฒนธรรมมาจากหลากหลายพื้นท่ี เนื่องจากเดิมรัฐลุยเซียนาเคยตกเป็น
อาณานิคมของประเทศฝร่ังเศสและสเปน ส่งผลใหไ้ ด้รับวัฒนธรรมเขา้ มาจากหลายแหล่งด้วยกัน หนึ่งในนั้น
คือ ด้านอาหาร เช่น เครื่องเทศอย่างหญ้าฝรั่น ผงเครื่องเทศคาจัน ที่ถูกนำเข้ามาจากชาวแคริบเบียนที่ได้
เดินทางอพยพเข้ามาอยู่ทางตอนใต้ของรัฐลุยเซียนา ท่ีได้รับความนิยมในการนำมาใช้ประกอบอาหาร
โดยเฉพาะ Jambalaya กเ็ ปน็ อาหารดงั้ เดิมของชาวแคริบเบียนเชน่ กนั จงึ มีการใชว้ ัตถดุ บิ จำพวกเคร่ืองเทศ
หลายชนิดในการปรุง และรวมกับวตั ถุดิบหลักอยา่ งข้าวชนดิ เมลด็ ยาวทนี่ ิยมปลูกมากในบรเิ วณรฐั ลยุ เซยี นา

เดมิ อาหารชนดิ นี้ มีวตั ถุดิบหลกั ประกอบด้วย ขา้ วขาวชนิดเมล็ดยาว น้ำสตอ๊ ก หญา้ ฝร่นั
ผงเครื่องเทศคาจัน ผัก ปลา หอยและกุ้ง แต่ในปัจจุบันรัฐลุยเซียนาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ
สหรฐั อเมรกิ า ทำให้ Jambalaya ถกู ปรับเปล่ยี นวตั ถุดิบบางอย่าง คอื เปลย่ี นจากหญ้าฝร่นั มาใช้มะเขือเทศ
แทน เนื่องจากหาง่ายและมีราคาถูกกวา่ หญ้าฝร่ัน รวมถึงสร้างความเปน็ เอกลักษณ์ที่เฉพาะตวั ของประเทศ
สหรัฐอเมริกา

เอกสารอ้างอิง
Greg Stegeman. (2563). The History of Jambalaya. สืบค้น 17 สิงหาคม 2564, จาก

https://www.chowhound.com/food-news/220200/what-is-jambalaya

ผเู้ รียบเรยี ง เลขท1่ี 38 นางสาวฟารีดา หมดั นชุ

163

Hamburger
ท่มี า: https://gogoamerica.com/สุดยอด-แฮมเบอร์เกอร์-hamburger

ววิ ัฒนาการอาหารการกินสะทอ้ นวฒั นธรรมถิ่น 6 แดนดนิ โลก

Hamburger

ต้นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดมาจากเนื้อวัวในฮัมบูร์กของเยอรมัน ถูกสับและผสมกับกระเทียม
หัวหอม เกลือและพริกไทย จากนั้นนำมาทำเป็นชิ้นเล็กๆ (ไม่มีขนมปัง) เพื่อทำสเต็กฮัมบูร์ก เมื่อชาว
เยอรมันเริ่มอพยพเข้ามาในนิวยอร์กและชิคาโก หลายคนหาเลี้ยงชีพด้วยการเปิดร้านอาหาร เมนูจะมีสเต็ก
ฮัมบูร์กซึ่งเป็นอาหารเยอรมันแบบอเมริกัน ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมคนงานในโรงงานมาซื้อสเต็ก
ฮัมบูร์กจากรถเข็นอาหาร พวกเขารู้สึกว่าการยืนกินไม่สะดวก พ่อครัวจึงประกบชิ้นเนือ้ ระหว่างขนมปังสอง
แผน่

หลงั จากนั้น “แฮมเบอร์เกอรส์ เต๊ก” ได้รับความนยิ มแพรห่ ลาย ไปอย่างรวดเรว็ และจุดเร่ิมกำเนิดของ
แฮมเบอร์เกอร์กเ็ รมิ่ ขึน้ ที่อเมริกา วัตถุดิบหลักๆของแฮมเบอร์เกอรจ์ ะเป็นพวกเนื้อววั และเน้ือสัตว์ต่างๆและ
ขนมปัง ส่วนประกอบทั่วไปก็จะมีผักกาดหอม มะเขือเทศ หอม มายองเนส และซอสมะเขือเทศ และด้วย
สว่ นประกอบงา่ ย ๆ ทำใหป้ จั จบุ นั น้แี ฮมเบอรเ์ กอร์เป็นอกี หน่ึงอาหารในชีวติ ประจำวนั ดว้ ยชวี ติ อันเร่งรีบใน
ปัจจุบัน จึงมีความต้องการอาหารที่สามารถทำทานเองได้ง่าย สะดวกรวดเร็วและราคาไม่แพง ซ่ึง
แฮมเบอร์เกอร์เป็นอีกอาหารที่ง่ายต่อการรับประทานในขณะที่ต้องเดินทาง แฮมเบอร์เกอร์จึงได้กลายเป็น
สัญลกั ษณข์ องอาหารอเมริกัน

เอกสารอา้ งองิ
Parada. (2021). Do You Actually Know Where Hamburgers Originated?. สืบคน้ 20

สิงหาคม 2564, จาก https://parade.com/61481/toriavey/where-did-hamburgers

ผูเ้ รียบเรียง เลขท1่ี 23 นางสาวอมรรัตน์ ขุนณรงค์

165

กรู ันโต้ (Curanto)
ที่มา: https://www.internationalcuisine.com/chile-curanto/

วิวัฒนาการอาหารการกนิ สะท้อนวัฒนธรรมถิน่ 6 แดนดินโลก

Curanto

Curanto เป็นอาหารดั้งเดิมมีต้นกำเนิดมาจากหมู่เกาะ chiloé แพร่กระจายไปทั่วพื้นที่ทางตอนใต้
ของชลิ ีและอารเ์ จนตนิ า เดมิ ทีในการเตรียมอาหารรปู แบบน้ี มีถ่นิ กำเนิดในชนบท ของชาวพน้ื เมือง chono
และเมอื่ มีชาวสเปนอพยพเขา้ มา ทำใหม้ ีสว่ นผสมใหมเ่ พ่ิมเข้ามาด้วย จนกลายเป็น curanto อาหารประจำ
ชาตชิ ิลีทเี่ รารจู้ ักในปจั จุบัน

การทำ curanto จะเริ่มทำด้วยหลุมลึกครึ่งเมตรที่ขุดลงไปในพื้นดินซึ่งเต็มไปด้วยหินและมีกองไฟใน
นัน้ เมอ่ื หินเร่มิ ร้อน จะนำวัตถุดิบที่เตรียมไว้ เชน่ หอย เพรยี งยักษ์ และส่ิงอนื่ ๆท่สี ามารถรวบรวมได้จากริม
ฝั่งทะเลจะถูกเทลงบนหลุมหิน จากนั้นจะใส่อกไก่ ไส้กรอก หมูรมควัน และมันฝรั่ง ด้านบนจะวางใบนลั คา
ซึ่งเป็นใบยักษ์ของต้นรูบาร์บของชิลี จากนั้นจะใส่ chapaleles (เกี๊ยวมันฝรั่ง) ที่ทำด้วยแป้ง มันฝรั่งและ
milcaos (แพนเค้กมันฝรั่ง) ที่ทำด้วยมันฝรั่งขูดและมันฝรั่งบด วางใบนัลคาอีกครั้งและปิดผนึกด้วยถุงผ้า
กระสอบที่ซ้อนทับกัน จะอบเป็นเวลาหนึ่งหรือสองชั่วโมงก่อนจะเปิดและรับประทาน ส่วนใหญ่จะทำ
รบั ประทานในงานเฉลมิ ฉลองของชุมชน เพ่อื พบปะครอบครวั และโอกาสพเิ ศษ

ส่วนผสมในการทำ curanto จะเห็นไดว้ า่ ส่วนใหญจ่ ะมาจากวตั ถุดบิ ในท้องถ่ิน เชน่ มนั ฝรง่ั เนอื่ งจาก
ทวีปอเมรกิ าเป็นดนิ แดนแห่งมันฝร่ังอยู่แล้ว และประเทศชิลียังเป็นเจ้าแหง่ มันฝรั่งอีกดว้ ย และเน่ืองด้วยหมู่
เกาะ chiloé มีสภาพแวดล้อมรอบขา้ งเป็นทะเล จงึ หาพวกหอยหรือของทะเลได้ตามชายฝ่ังทะเล ซ่งึ เป็นวิถี
ชีวติ ชาวประมงของคนทอ้ งถ่ิน

เอกสารอา้ งอิง
H.D. Miller. (2558). A Curanto in Ancud. สบื ค้น 17 สิงหาคม 2564, จาก

https://eccentricculinary.com/a-curanto-in-ancud/

ผ้เู รยี บเรียง เลขท1่ี 13 นางสาวสุพัชศริ ิ จำปาสัก

167

Hooters
ที่มา: https://pattayasanook.com/hooters-pattaya-review/

ววิ ัฒนาการอาหารการกนิ สะท้อนวฒั นธรรมถน่ิ 6 แดนดินโลก

Hooters

Hooters, Inc. ถูกจดั ตง้ั ข้นึ ในเมืองเคลยี รว์ อเทอร์ รัฐฟลอรดิ าเมือ่ วนั ท่ี 1 เมษายน พ.ศ. 2526 โดย
นักธุรกิจจากเคลียร์วอเทอร์ 6 คน ได้แก่ Lynn D. Stewart , Gil DiGiannantonio, Ed Droste , Billy
Ranieri, Ken Wimmer และ Dennis Johnson Hooters เปน็ ร้านอาหารในตำนานของชาวอเมรกิ นั สไตล์
Sport Bar หลายสาขาท่วั โลกถงึ 430 กว่าสาขา ใน 28 ประเทศ สว่ นประเทศไทยเป็นประเทศในทวีปเอเชีย
ลำดับท่ี 7

Hooters ก็จะมีหลากหลายเมนู อาหารที่เป็นจุดเด่นจะเป็นเมนูไก่ทอด มีซอสให้เลือก 12 แบบ และมี
Dressing (ซอสท่ีเอาไก่ทอดไปปรบั แต่งรส) ไดอ้ ีก 3 แบบ ลักษณะการขายของ Hooters คอื พนกั งานเสริ ์ฟ
อาหาร จะใสเ่ สื้อกลา้ มสีขาวตัวเล็กๆที่มีโลโกน้ กฮกู และกางเกงขาส้ันสสี ้มทเี่ ป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Hooters ได้สนับสนุนองกรณ์การกุศล Hooters Community Endowment Fund หรือที่หลายๆคน
รจู้ ักในชือ่ HOO.C.E.F , UNICEF , องค์การที่อยู่อาศยั เพอ่ื มนษุ ยชาติสากล (Habitat for Humanity) ,
มูลนิธิเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง ฯลฯ ในเวลาต่อมาผู้จัดการ Hooters ได้ตระหนักถึงถึงปัญหามะเร็งเต้านมจงึ
ใหก้ ารสนับสนุนผ่านกองทุน Kelly Jo Dowd

เอกสารอา้ งองิ
Hooters. (2021). สบื คน้ เม่ือ 20 สงิ หาคม 2564, จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Hooters

ผเู้ รยี บรอ้ ง เลขที่120 นางสาวหทัยภัทร พจนารถ

169

Roasted Turkey
ทมี่ า: https://mgronline.com/celebonline/detail/9610000118685

ววิ ัฒนาการอาหารการกนิ สะทอ้ นวัฒนธรรมถิ่น 6 แดนดนิ โลก

Roasted Turkey

ไก่งวงอบ มีต้นกำเนิดมาจากรัฐเวอร์จิเนียของทวีปอเมริกาเหนือ มีการบอกเล่าว่าถูกนำขึ้นโต๊ะอาหาร
ครัง้ เเรกในงานเฉลิมฉลองระหวา่ งชาวพิลกริมท่ีอพยพมาจากอังกฤษเข้ามาในอเมริกาเหนือและชนพื้นเมือง
ชาวอเมริกัน โดยมื้อนั้นนอกจากไก่งวงที่นำมาเสิร์ฟขึ้นโต๊ะอาหารเเลว้ ยังมีอาหารอื่นๆอย่างข้าวโพด แครน
เบอร์รแี่ ละพายฟกั ทองดว้ ย

ไกง่ วง เป็นสตั ว์จำพวกนก แต่บินไม่ได้ ทำใหต้ ้องอยู่รวมกันเป็นฝงู ตวั ทม่ี ขี นาดใหญแ่ ละมอี ย่เู ปน็ จำนวน
มากหาได้ทั่วไปในอเมริกา ทำใหถ้ ูกลา่ ได้ง่ายและถูกกินตลอดท้ังปีแลว้ ยังมวี ธิ ีทำที่ไม่ยากโดยเร่ิมจากการนำ
ขนมปงั มาคลกุ เคล้ากบั เครอื่ งปรงุ ต่างๆเชน่ ขนมปงั หน่ั เปน็ ลกู เต๋าช้นิ เล็กๆ เหด็ เลม่อน ขึ้นฉ่ายสับ และหอม
ใหญ่สบั ใส่เขา้ ไปในตวั ไกง่ วงแล้วนำไปอบ ในบางครั้งจะเสริ ์ฟพร้อมอาหารเสริมตา่ งๆอย่างซอสแครนเบอร์ร่ี
มันฝรั่งบด มันฝรั่งหวาน ถั่วเขียว ข้าวโพดมาตกแต่งด้านข้างด้วย และตัวไก่งวงที่มีขนาดใหญ่ ใน 1 ตัว
สามารถทานได้กันหลายคน ไก่งวงอบจึงกลายเป็นอาหารที่นิยมทำทานกันในครอบครัวและยังเป็นอาหาร
จานหลกั ตามประเพณเี ฉลมิ ฉลองต่างๆอย่าง วนั ขอบคุณพระเจา้ และวันครสิ ต์มาส

เอกสารอา้ งอิง
Mgronline. (2561). หอมกรุ่นเมนสู ดุ ยอดสุดยอดพร้อมเครอ่ื งเคยี งเลิศรสที่เดลี่บาร.์ สืบคน้ 17

สิงหาคม 2564, จาก https://mgronline.com/celebonline/detail/

ผเู้ รียบเรยี ง เลขท่1ี 14 นางสาวสุพัฒชา ผาสุข

171

Ceviche
ทมี่ า: https://www.misspimienta.com/2018/05/ceviche-peruano-cocinas-del-
mundo.html?m=1

วิวฒั นาการอาหารการกนิ สะท้อนวฒั นธรรมถิ่น 6 แดนดนิ โลก

Ceviche

Ceviche เปน็ อาหารประเภทยำของอเมริกาใต้ท่มี ีตน้ กำเนิดในประเทศเปรู สมัยอาณานิคม เช่ือว่าหญิง
ชาวมวั รจ์ ากกรานาดาท่ตี ิดตามนกั ลา่ อาณานิคมชาวสเปนเป็นผูน้ ำอาหารตน้ กำเนิดของ Ceviche เข้าไปยัง
ประเทศเปรู และในเวลาต่อมาอาหารดังกลา่ วไดม้ ีววิ ฒั นาการมาเป็น Ceviche ในปัจจบุ ัน

ปัจจุบนั Ceviche เปน็ อาหารยอดนิยมในระดับนานาชาติมีความโดดเด่นอย่างมาก ประกอบไปดว้ ย
เนอื้ ปลาดบิ หรืออาหารทะเลดิบหมักในน้ำผลไมส้ กุลส้ม คลุกเคล้ากบั ซอสน้ำยำสไตล์เปรูรสชาติจดั จา้ น เตมิ
สว่ นผสมผกั ต่างๆ เชน่ พรกิ หอมใหญ่ หอมแดง กระเทยี มบด ผักชี มกั เสริ ฟ์ Ceviche คู่กับเครื่องเคียงตา่ งๆ
เช่น มันเทศต้ม ขา้ วโพดต้ม ผักกาดหอม เพอ่ื ช่วยชรู สของเนอ้ื ปลาให้ดียงิ่ ขน้ึ และมักรับประทานสดเพื่อลด
ความเส่ยี งจากภาวะอาหารเป็นพษิ

เอกสารอา้ งองิ
Wigipedia. (2563). Ceviche. สบื ค้น 18 สงิ หาคม 2564, จาก

https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%

ผเู้ รยี บเรยี ง เลขที่116 นางสาวสภุ ารตั น์ ใจโต

173

KVIQ s poutine
ทมี่ า: https://kviq-blansko.cz/product/kviq-s-poutine/

ววิ ัฒนาการอาหารการกนิ สะทอ้ นวฒั นธรรมถ่นิ 6 แดนดินโลก

Poutine

ปูตินเป็นอาหารยอดนิยมของประเทศแคนาดา มตี ้นกำเนดิ มาจากรฐั ควเิ บกในชว่ งปลายทศวรรษท่ี1950
ในชว่ งแรกร้านอาหารหลายแหง่ ในรฐั ควิเบกอ้างวา่ เป็นผู้รเิ รม่ิ อาหารจานนี้ขน้ึ มาแต่ไม่มีความเห็นทเ่ี ปน็
เอกฉันท์ปูตินจึงกลายเป็นเมนูในร้านอาหารต่างๆและแพร่หลายไปยังทั่วประเทศขอ งแคนาดาปูตินจึงเป็น
อาหารท่ีผู้คนในแคนาดานยิ มรบั ประทาน

สว่ นประกอบหลกั ในปตู ินจะประกอบไปด้วยมนั ฝร่งั ทอด ชสี เคริ ด์ ที่ไดม้ าจากนมสดและจุลินทรีย์
ในกระบวนการทำชีสหลังจากจับตัวเป็นก้อนแล้วก็จะนำไปต้มเพื่อไล่เวย์ออกจากเต้าหู้จึงได้เป็นชีสเคิร์ด
ออกมาและน้ำเกรว่ีสีน้ำตาลที่ได้มาจากส่วนผสมของน้ำซุปไก่และเนื้อวัว แต่ในปัจจุบันมีการเพ่ิม
สว่ นประกอบต่างๆเช่น ไสก้ รอก เบคอน ฟัวกราส์ คาเวยี ร์และทรัฟเฟลิ นอกจากน้ยี ังมซี อสรสเผ็ดเชน่
โมรอคโคฮาริสซา ซอสกุ้งล็อบสเตอร์และซอสเนื้อลูกวัวไวน์แดงถูกนำมาใช้เพื่อทำให้ชีสและส่วนประก อบ
อนื่ ๆเขม้ ข้นข้นึ เพ่อื เพ่ิมรสชาติหลากหลายในการรบั ประทาน

เอกสารอา้ งองิ
Wikipedia. (2564). Poutine. สบื คน้ 17 สงิ หาคม 2564, จาก

https://en.wikipedia.org/wiki/Poutine

ผู้เรียบเรียง เลขท1ี่ 21 นางสาวอนสุ รา ชเู กตุ

175

Mexican Chicken Mole
ที่มา: https://www.wandercooks.com/mexican-chicken-mole-recipe/

ววิ ฒั นาการอาหารการกนิ สะท้อนวัฒนธรรมถิน่ 6 แดนดินโลก

Mole Poblano

โมเล่ หมายถึง ซอสท่ีมคี วามเขม้ ข้น เปน็ อาหารโบราณมีถ่ินกำเนิดในรฐั ปวยบลา ในช่วงต้นยุค
อาณานิคม เกดิ ขึ้นคร้ังแรกในห้องครวั ของ Santa Rosa คอนแวนต์ โดย Sor Andrea de la Asuncion ท่ี
เตรียมไวส้ ำหรับบาทหลวงมาเขา้ ชม ซ่ึงแม่ชีได้นำส่วนผสมที่ไมเ่ ข้ากันมารวมกันได้ มที ้ังถว่ั พริก เคร่ืองเทศ
ขนมปงั ชน้ิ เล็กๆ ช็อกโกแลต และฆา่ ไกง่ วงแลว้ นำมาปรงุ สุกราดด้วยซอสดว้ ยบน แม่ชีได้ให้ชอ่ื อาหารนวี้ ่า
“ไฝ " ซง่ึ เปน็ คำโบราณสำหรับการผสม ตอนนี้คำว่าไฝส่วนใหญ่หมายถงึ จาน และไมค่ ่อยใชก้ นั แล้ว

Mole Poblano เป็นซอสสีแดง มสี ่วนผสมประมาณ 20 ชนดิ เชน่ ช็อคโกแลต พรกิ หัวหอม กระเทยี ม
และอ่นื ๆ สว่ นประกอบท่โี ดดเด่นของ Mole Poblano คือ ใบโฮจาซานตา้ มีคณุ สมบัตเิ ป็นสมุนไพรกลนิ่
หอมและมีรสชาติทซี่ บั ซ้อน ซอสนี้มักจะเสริ ฟ์ บนไก่งวงทเ่ี ป็นเนื้อพ้นื เมืองของประเทศเม็กซโิ กและจะ
รบั ประทานกนั ในงานแตง่ งาน วันเกดิ และพิธลี า้ งบาป Mole Poblano ยงั เปน็ อาหารท่โี ดเดน่ ในวนั หยดุ
Cinco de Mayo ทเ่ี ปน็ วันระลกึ ถงึ การสู้รบของกองกำลงั เม็กซกิ นั กบั ฝร่งั เศส โดยเปน็ การเฉลิมฉลองท่ี
สำคญั ของรัฐปวยบลา

เอกสารอา้ งองิ
SuZanne Barbezat. (2564). สิ่งท่ีต้องกนิ ในPuebla. สืบค้น 17 สิงหาคม 2564, จาก

https://th.traasgpu.com/

ผเู้ รยี บเรียง เลขที่117 นางสาวสุรีลักษ์ ทองแดง

177

Brigadeiro
ท่มี า: https://tasty.co/recipe/brigadeiros

ววิ ัฒนาการอาหารการกนิ สะทอ้ นวฒั นธรรมถ่นิ 6 แดนดนิ โลก

Brigedeiro

Brigadeiro ถกู คิดค้นข้ึนทีเ่ มืองรีโอเดจาเนโร (Rio de Janeiro) ประเทศบราซลิ ในชว่ งหลงั สงครามโลก
ครั้งที่สอง ประเทศบราซิลมีการจัดการเลือกตั้ง พรรค UND จึงได้จัดงานเลี้ยงระดมทุนขึ้นและได้มีการ
คิดค้นสูตรขนมหวานชนิดใหม่เพื่อนำมาขายให้กับสาธารณชน เกิดเป็นขนม Brigadeiro ซึ่งคำว่า
Brigadeiro เป็นคำภาษาโปรตุเกสที่มาจากคำว่า Brigadier ในภาษาอังกฤษ หมายถึง พันเอกพิเศษและ
นำมาใช้เป็นชื่อขนมเพื่อเป็นเกยี รติแก่พนั เอกพเิ ศษ Eduardo Gomes ผลู้ งสมัครประธานาธิบดีของ
พรรค UDN

Brigadeiro มีลักษณะคล้ายช็อกบอล ใช้ช็อกโกแลตที่ทำมาจากผงโกโก้ชั้นดีของประเทศบราซิลเป็น
สว่ นประกอบหลัก โดยนำมาละลายแลว้ ผสมเข้าดว้ ยกันกับเนยและนมขน้ โดยปกติแลว้ การทำขนมหวานใช้
วัตถุดิบเป็นนมและน้ำตาล แต่ในช่วงปี ค.ศ.1945 ซึ่งเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ส่งผลให้เกิดการ
ขาดแคลนนมและน้ำตาลอย่างหนัก ร้านขนมหวาน Heloisa Nabuco de Oliveira ในเมืองรีโอเดจาเนโร
จึงได้นำนมขน้ หวานมาใช้เปน็ วัตถดุ ิบแทนนมและนำ้ ตาล

Brigadeiro กลายเป็นส่วนหน่ึงของวัฒนธรรมในประเทศบราซิล เนื่องจากในงานเลี้ยงหรืองานเลี้ยงวนั
เกิดจะมีการเสิร์ฟ Brigadeiro เสมอ อีกทั้งขนมหวานชนิดนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลาแห่งความสขุ กับ
ครอบครัวและเพอ่ื น

เอกสารอ้างองิ
Jason Vishnefske. (2019). The Brigadeiro. สืบคน้ 15 สิงหาคม 2564, จาก

https://www.santabarbarachocolate.com/blog/the-brigadeirohistory

ผ้เู รียบเรียง เลขที่122 นางสาวอภิญญา อยเู่ ลก็

179

Swensen’s
ที่มา: https://pin.it/5jHenPv

ววิ ัฒนาการอาหารการกนิ สะท้อนวัฒนธรรมถ่นิ 6 แดนดนิ โลก

Swensen’s

ความเป็นมาของ Swensen's เริ่มต้นจากการชอบในไอศครีมของกะลาสีเรือชาวอเมริกัน Mr.Earle
Swensen's ค้นพบเคร่ืองทำไอศกรมี ขนาดใหญ่ในเรือท่เี ขาประจำการ ในปี ค.ศ.1942 จงึ ใชเ้ วลาว่างคิดค้น
ไอศครีมรสต่างๆ จนกระทั่งปลดประจำการแล้วเขาได้เปิดร้าน "Swensen's Ice Cream" ณ มุมถนน
ยูเนียนและไฮด์ในเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียในปี ค.ศ.1948 ด้วยพิถีพิถันในการเลือกส่วนผสม
และการบริการทำให้ลูกค้าพึงพอใจเป็นดีจึงทำให้ร้านไอศรีมเล็กๆกลายเป็นกิจการที่ประสบความสำเร็จ
อย่างสูง ต่อมาในปี ค.ศ.1963 บริษัทได้ขยายกิจการออกไปในรูปแบบเฟรนไชส์ โดยในปี ค.ศ.1983 สตีฟส์
ไอศครีม ได้รับช่วงดำเนินการต่อโดยสืบทอดคุณภาพ กรรมวิธีการผลิตและรสชาติจนขยายร้านออกไป
มากมาย

สว่ นผสมหลกั ของไอศครีม มี ไขมันเนย 14% นมผงขาดมันเนย น้ำตาล และสารเสริมคุณภาพ ส่วนการ
ออกแบบร้าน Swensen’s มีลักษณะเป็นบูธและบรรยากาศงานเล้ียง ประดับด้วยโคมไฟทิฟฟานี่ แวดล้อม
โดยรอบถกู ออกแบบใหอ้ บอวลไปดว้ ยความอบอุน่ เปน็ กนั เอง เปน็ สถานทที่ ี่ลูกคา้ มากกมายสามารถเข้ามาได้
และแตง่ ตวั ได้ตามสบาย หรือจะมาในโอกาสพิเศษตา่ งๆก็ได้เช่นกัน ปัจจุบนั มีเครือขา่ ยร้าน Swensen's อยู่
ท่ัวโลกและเป็นท่ีรจู้ กั กันอยา่ งแพรห่ ลาย

เอกสารอา้ งอิง

swensen's. สืบค้น 21 สิงหาคม 2564, จาก http://yourswensens.blogspot.com/

ผเู้ รียบเรียง เลขที1่ 15 นางสาวสภุ าพร ช่างคดิ

181

Nanaimo Bars
ที่มา: https://kindnesskitchen.ca/nanaimo-bars/

วิวฒั นาการอาหารการกนิ สะทอ้ นวฒั นธรรมถิ่น 6 แดนดินโลก

Nanaimo Bar

ขนมไนนาโมบาร์เป็นขนมหวานสัญชาติแคนาดา มีต้นกำเนิดจากเมืองชายฝั่งตะวันตกของนาไนโม
รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ขนมชิ้นนี้ถูกส่งเข้าประกวดในนิตยสารฉบับหนึ่งแล้วได้รับรางวัล
ชนะเลิศ และมีการอา้ งอิงทยี่ งั ไม่ไดร้ ับการยืนยันว่าช่วงทศวรรษท่ี 1930 วา่ ขนมช้นิ นี้เป็นท่ีรูจ้ ักในท้องถิ่นว่า
เค้กช็อกโกแลตตู้เยน็

ขนมนาไนโมบาร์มีลักษณะรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยม ไม่จำเป็นต้องอบ มีสามชั้น โดยชั้นที่เป็นฐานจะเป็น
แครกเกอร์ผสมถั่ว มีรสชาติเค็มและมัน ชั้นกลางจะเป็นบัตเตอร์ครีม และชั้นบนสุดจะเป็นช็อกโกแลต
กานาช เมื่อรบั ประทานจะไดร้ สชาติท่ลี งตวั ในปคี รสิ ตศ์ กั ราช 2006 ขนมนาไนโมบาร์ได้รบั การโหวตให้เป็น
ขนมยอดนยิ มของแคนาดา โดย National Post ชาวแคนาดาและผู้คนในแถบอเมริกาเหนือชนื่ ชอบขนมช้ิน
นี้ เพราะว่ามีวธิ กี ารทำท่ีง่ายและมรี สชาติทล่ี งตัว

ในงานเลี้ยงของสหรัฐอเมริกาปี 2016 เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของประเทศ
แคนาดา โดยมีประธานาธิบดบี ารคั โอบามาเปน็ เจา้ ภาพได้ให้ความสำคัญกับขนมนาไนโมบารเ์ ปน็ ของหวาน
หลกั ในงานเลี้ยง

เอกสารอา้ งองิ
wikipedia. (2564). Nanaimo bar. สืบค้น 18 สิงหาคม 2564, จาก

https://en.wikipedia.org/wiki/Nanaimo_bar

ผ้เู รยี บเรยี ง เลขที่135 นางสาวณฐั สุดา เปรมเจรญิ

183

อาหารทวีปอเมรกิ า
ท่มี า: https://hmong.in.th/wiki/List_of_cuisines_of_the_Americas
https://www.wegointer.com/2014/06/5-latin-foods/
https://th.womanexpertus.com/amerikanskaya-kuhnya

วิวัฒนาการอาหารการกนิ สะทอ้ นวฒั นธรรมถิ่น 6 แดนดนิ โลก

สรปุ

อาหารของทวีปอเมริกาได้รับอิทธิพลและวัฒนธรรมมาจากหลากหลายเชื้อชาติไม่ว่าจะเป็นจากชาวยุโรป
จากชนพน้ื เมืองดง้ั เดิมหรอื แมแ้ ต่ผู้ที่อพยพลีภ้ ัย ซง่ึ อาหารส่วนใหญไ่ ด้เข้ามาผสมผสานกับวฒั นธรรมด้ังเดิมของ
ชนพื้นเมืองหรือมีการผสมผสานจากวัตถดุ ิบตามภูมปิ ระเทศ อย่างอเมริกาเหนือจะพบเห็นได้ว่ามีการใช้เน้ือไก่
และเนื้อหมูในการทำอาหารอีกทั้งอาหารอเมริกามักจะมากับวัฒนธรรมและงานเฉลิมฉลองต่างๆอย่างเช่น
ไก่งวงที่นิยมทำในวันขอบคุณพระเจ้าและวันคริสต์มาส ในส่วนงานเลี้ยงฉลองต่างๆ มักจะพบ brigadeiro,
mole poblano ,nanaimo bar

อเมรกิ าเป็นเมืองอาหารฟาสต์ฟดู้ อาหารท่ีไดร้ บั ความนยิ มอย่างเช่น แฮมเบอรเ์ กอร์ มันฝรั่งทอด ไอศกรีม
ไกท่ อด hooters เน่ืองจากชาวอเมริกนั มีวิถชี ีวิตท่ตี ้องการความสะดวกรวดเร็ว ซง่ึ อาหารมรี าคาที่ไม่แพงและ
ประหยดั เวลา ทำให้อาหารฟาสตฟ์ ู้ดเปน็ อาหารทคี่ นท่วั โลกนยิ มทานกนั

อาหารที่นิยมในทวีปอเมริกายังมีอีกหลายอย่างเช่น อาหารของชนพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นอาหารของ
ชนพื้นเมืองในประเทศเม็กซิโก อย่างเช่น ทาโก้ กัวคาโมเล่ หรือของประเทศชิลีอย่าง กูรันโต้ที่ได้ปรับเปลี่ยน
หลงั จากทีม่ ชี าวสเปนเข้ามาในพืน้ ที่ รวมถึงชาวพ้ืนเมืองประเทศอน่ื ๆท่ียงั คงรักษาวัฒนธรรมด้ังเดิมของอาหาร
ที่หลากหลายเป็นธรรมเนียมและสัญลักษณ์ของการพบเจอทางสังคมของชนพื้นเมืองอเมริกันในปัจจุบันเช่น
ขนมปังทอด ไก่งวง และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับทวีปอเมริกาคือ ของหวานไม่ว่าจะเป็น Brigadeiro ,
Nanaimo Bar หรือจะเป็นไอศกรีมอย่าง Swensen’s ท่มี ีการผลิตและคดิ ค้นรสชาติตา่ งๆมาเป็นเวลานาน ทำ
ให้ธรุ กิจมกี ารเจรญิ เติบโตจนประสบความสำเร็จในทส่ี ุดและยังทำให้ Swensen’s ได้รับความนยิ มไปทว่ั โลก

ในส่วนวิธีการปรุงอาหารของทวีปอเมริกาแตกต่างกันตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบท่ีมี อย่างเช่นพืชจะเป็น
จำพวกมันฝรั่ง ผักกาดหอม มะเขือเทศ ในส่วนของเนื้อสัตว์จะนิยมเป็นเนื้อวัวและเนื้อไก่ โดยมีวิธีการทำท่ี
หลากหลายทงั้ การผัด การอบ การทอด หรือกระทง่ั การรมควนั ใตพ้ นื้ ดนิ ท่เี ปน็ เทคนิคเก่าแก่หลายทศวรรษ ซ่งึ
จะทำให้เนื้อชุ่มฉ่ำและมีกลื่นหอมอบอวล อาหารในทวีปอเมริกายังมีรสชาติที่พิเศษและเป็นเอกลักษณ์ ในแต่

185

ละพื้นที่จะใช้เครื่องปรุงที่ต่างกันไม่ว่าจะเป็นซอสต่างๆหรือพวกเครื่องเทศ ในส่วนการเสิร์ฟที่เป็นจุดเด่นใน
ทวีปอเมริกา ต้องยกให้กับร้านอาหารสไตล์อเมริกันอย่างร้าน Hooters ที่มีจุดเด่นเป็นเมนูไก่ทอดและมีการ
เสิร์ฟอาหารโดยสาวๆ Hooters girl ทม่ี เี สน่หแ์ ละความเซก็ ซ่ีในการให้บรกิ ารเพอ่ื เปน็ การดงึ ดดู ลกู คา้

การผสมผสานกันระหว่างหลายเชื้อชาติ ทำให้อาหารในทวีปอเมริกามีเสน่ห์เป็นของตัวเองและได้รับ
ความนิยมอยา่ งแพร่หลายไปทว่ั ทุกมมุ โลก

วิวฒั นาการอาหารการกินสะท้อนวัฒนธรรมถิน่ 6 แดนดนิ โลก

บทท่ี 6
วิวัฒนาการอาหารออสเตรเลยี

ววิ ฒั นาการอาหารการกนิ สะท้อนวฒั นธรรมถิ่น 6 แดนดินโลก

สว่ นนำ

คำว่า “อาหาร” หมายถงึ ส่งิ ทรี่ บั ประทานเขา้ ไปแล้วใหป้ ระโยชน์แกร่ า่ งกาย นอกจากน้ีอาหารยังให้
คณุ ค่าทางโภชนาแกร่ า่ งกายทำใหเ้ ราสามารดำรงชีวิตอยู่ได้ อาหารแตล่ ะอยา่ งก็จะมีคุณค่าทางโภชนาการ
ตา่ งกนั หากเราอยากสขุ ภาพดี เรากค็ วรเลอื กทานอาหารใหค้ รบ 5 หมู่ นอกจากอาหารจะเปน็ สิง่ ใหค้ ุณค่าทาง
โภชนาการแกร่ า่ งกายแลว้ อาหารก็ยังเปน็ ส่วนหนง่ึ ของปัจจัย 4 อกี ด้วย เนอ่ื งจากทุกคนบนโลกต้อง
รับประทานอาหารเพื่อความอยู่รอด อาหารจึงมคี วามสำคัญอยา่ งยง่ิ ในการดำเนนิ ชีวติ ของมนษุ ย์

ในแต่ละพ้ืนทท่ี ว่ั โลกกจ็ ะมีปจั จัยทางสงั คม สภาพแวดล้อมท่แี ตกตา่ งกันไป ซงึ่ ปจั จัยทางสังคมและ
สภาพแวดล้อมท่ีแตกต่างกนั ส่งผลให้อาหารในแตล่ ะพื้นทีน่ ั้นแตกต่างกันไปดว้ ย นอกจากนี้ยงั มีปจั จยั ทางด้าน
ศาสนา วฒั นธรรม ความเชอ่ื ทีส่ ่งผลใหก้ ารรับประทานอาหารในแตล่ ะพื้นที่ท่ัวโลกแตกต่างกันไปเชน่ เดยี วกบั
ปจั จัยทางสังคมและสภาพแวดลอ้ ม ในแตล่ ะประเทศทั่วโลกก็เลยมีอาหารประจำชาติ ประจำเผา่ เกดิ ข้นึ

ทวปี ออสเตรเลยี เปน็ ทงั้ ประเทศและเป็นท้ังทวปี มสี ภาพแวดลอ้ มทนี่ า่ ท่ึงธรรมชาตทิ นี่ า่ สนใจและมี
ความสวยงามเป็นอย่างยิง่ มีสัตวเ์ ปน็ จำนวนมากบางชนิดพบได้แค่ทน่ี เ่ี ท่านั้น นอกจากจะมีสภาพแวดล้อมทีด่ ี
แล้วยังมสี ถาปตั ยกรรมท่ลี ้ำสมัยและมีความสวยงามเปน็ อย่างมากเช่น Sydney Opera House

ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศทีม่ ีวฒั นธรรมการกินที่หลากหลายเพราะมีคนจากหลายเชื้อชาติเข้า
มาอาศยั อยูจ่ งึ นำอาหารเหล่านน้ั เข้ามาด้วย แต่จรงิ ๆแลว้ วัฒนธรรมและการกินของคนออสเตรเลยี กม็ ีความ
เปน็ เอกลักษณ์ทน่ี า่ สนใจ ในอดีตการกินอาหารจะเป็นการกินอาหารของชนพนื้ เมืองเรียกกันวา่ อาหารปา่ ส่วน
ใหญ่จะเปน็ ลกู เบอรี่ ผลไม้นานาชนดิ จงิ โจแ้ ละนกอีมู แต่เมอ่ื ชาวยุโรปเข้ามาต้งั ถ่ินฐานในปี ค.ศ.1788 ก็ได้นำ
อาหารของชาวยุโรปมาด้วยโดยเฉพาะประเทศองั กฤษ แต่ท่ีไดร้ ับความนยิ มจากชาวออสเตรเลียเปน็ อย่างมาก
ก็คือป้งิ ย่าง(Barbecure)สำหรบั ดินเนอร์และฟชิ แอนดช์ พิ รัฐบาลเองกส็ นบั สนนุ ใหป้ ระชาชนรับประทาน
อาหารทปี่ รุงจากวัตถดุ ิบสดใหมแ่ ละอาหารเพ่ือสุขภาพ เนอื่ งจากประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีอากาศดี

189

และมที รัพยากรมากมายจึงเป็นเร่อื งงา่ ยทจ่ี ะหาวตั ถุดิบท่ีดแี ละสดใหม่ นอกจากน้ปี ระเทศออสเตรเลยี ยงั มี
ทะเลล้อมรอบจึงเป็นเรอ่ื งง่ายที่จะหาอาหารทะเลที่มีคณุ ภาพดีและสดใหม่ไดใ้ นราคาที่ดี

วิวัฒนาการอาหารการกนิ สะท้อนวัฒนธรรมถ่ิน 6 แดนดนิ โลก


Click to View FlipBook Version