1
2
ว่าท่ี ร.ต.หญงิ สุภาวดี แสนขยนั
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๗ จงั หวดั เพชรบุรี
สงั กดั สานักบริหารงานการศกึ ษาพิเศษ
กระทรวงศกึ ษาธิการ
3
คำนำ
แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับน้ีได้จัดทำขึ้นในการจัดการเรียนการสอน
นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โดยใช้ตัวช้ีวัดและสาระ การเรียนรู้
แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕61
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นกรอบและทิศทางในเขียนแผนการ
จัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์เปน็ แนวทางในการจัดทำ
ดังน้ันผจู้ ัดทำหวังเป็นอย่างย่ิงว่าแผนการจัดการเรียนรู้รายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของข้าพเจ้า
ฉบับนี้ จะเกดิ ประโยชนต์ ่อบุคคลท่ตี ้องการนำไปสูก่ ารปฏบิ ตั ิการสอนได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
ผจู้ ดั ทำ
นายนิธิศ จิตรจกั ร์
สารบัญ 4
เร่อื ง หนา้
คำอธิบายรายวิชาชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 1
สาระ/มาตรฐาน/ตัวชีว้ ัดชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 เทอม 1 2-3
ผังมโนทศั น์หน่วยการเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 เทอม 1 4
โครงสรา้ งรายวชิ าชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เทอม 1 5-15
การวิเคราะห์มาตรฐานและตัวชว้ี ดั 16-20
ผงั มโนทัศน์หน่วยการเรียนที่ 1 21
ผงั มโนทศั นห์ น่วยการเรียนท่ี 2 22
ผังมโนทศั นห์ น่วยการเรียนที่ 3 23
หน่วยการเรียนท่ี 1 24-74
หนว่ ยการเรยี นที่ 2 75-95
หน่วยการเรียนท่ี 3 96-140
ปัญหา/สง่ิ ทีพ่ ฒั นา/แนวทางการแก้ปัญหา/แนวทางการพฒั นา 141
ความคดิ เห็น (ผบู้ รหิ ารหรือผทู้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย) 142
1
คำอธิบายรายวชิ า
ช่อื วิชา วิทยาศาสตร์ รหัส ว 21101
กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1
เวลาเรียน 3 ชว่ั โมง / สัปดาห์ จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต
**************************************************
คำอธิบายรายวิชา
ศกึ ษาเกยี่ วกับสารรอบตัว สมบัติของสาร การจำแนกสารด้วยสถานะ เนื้อสาร และขนาดอนุภาคของ
สาร การเปลี่ยนแปลงของสาร สารบริสุทธ์ิและสารผสม สมบัติของสารบริสุทธ์ิและสารผสม การใช้ความรู้
ทางเคมีให้เป็นประโยชน์ต่อการเลือกใช้สารเคมีในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย การศึกษา
ชีววิทยาโดยอาศัยวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ ศกึ ษาประเภทโครงสร้างและหน้าที่ของส่วนประกอบภายในเซลล์
ส่ิงมีชีวิตด้วยกล้องจุลทรรศน์ ศึกษากระบวนการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ด้วยวิธีการแพร่และการ
ออสโมซิส ศึกษาการดำรงชีวิตของพืช กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง การลำเลียงสารในพืชการเจริญเติบโต
ของพืช การสืบพันธุ์ของพืชและเทคโนโลยีชวี ภาพของพืช ศึกษาเก่ียวกบั อุณหภูมิและการวัด ผลของความรอ้ น
ท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสาร การถ่ายโอนความร้อน การดูดกลืนและคายความร้อน สมดุลความร้อน
องค์ประกอบของบรรยากาศ การแบ่งช้ันบรรยากาศ ผลของรังสีจากดวงอาทิตย์ต่อบรรยากาศ องค์ประกอบ
ของบรรยากาศ ได้แก่ อุณหภูมิอากาศ ความดันอากาศ ความชื้นอากาศ ลม เมฆและฝน พายุฟ้าคะนอง
พายหุ มุนเขตรอ้ น มรสมุ การพยากรณ์อากาศและการเปลีย่ นแปลงภมู ิอากาศของโลก
โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต
การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจมี
ความสามารถในการตัดสินใจ สอื่ สารส่ิงทีเ่ รียนรแู้ ละนำความรไู้ ปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจำวันมจี ิตวทิ ยาศาสตร์
มีคุณธรรมและจริยธรรม
2
สาระ / มาตรฐาน / ตวั ชี้วัด
สาระที่ 1 : วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐานที่ ว 1.2 : เขา้ ใจสมบัติของสง่ิ มชี ีวิต หนว่ ยพ้นื ฐานของสงิ่ มีชวี ติ การลำเลียงสารเขา้ และออกจาก
เซลล์ความสมั พันธ์ของโครงสรา้ งและหนา้ ที่ของระบบต่าง ๆของสัตวแ์ ละมนุษย์ท่ีทำงาน
สมั พนั ธก์ ันความสมั พนั ธ์ของโครงสรา้ งและหนา้ ที่ของอวยั วะต่าง ๆ ของพชื ที่ทำงาน
สมั พนั ธก์ นั รวมทง้ั นำ ความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชว้ี ดั ท่ี ม.1/1 : เปรียบเทียบรูปร่างและโครงสรา้ งของเซลล์พชื และสตั ว์ รวมท้งั บรรยายหน้าทีข่ องผนัง
เซลล์ เยือ่ หุ้มเซลล์ ไซโทพลาซมึ นิวเคลยี ส แวคิวโอล ไมโทคอนเดรยี และคลอโรพลาสต์
ม.1/2 : ใชก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ใช้แสงศกึ ษาเซลล์และโครงสร้างต่าง ๆ ภายในเซลล์
ม.1/3 : อธบิ ายความสมั พันธ์ระหว่างรปู รา่ งกับการทำหน้าทขี่ องเซลล์
ม.1/4 : อธบิ ายการจัดระบบของส่งิ มีชวี ิต โดยเริม่ จากเซลล์ เน้อื เยอ่ื อวยั วะ ระบบอวัยวะจนเปน็
ส่งิ มีชวี ิต
ม.1/5 : อธบิ ายกระบวนการแพร่และออสโมซิสจากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ และยกตวั อยา่ งการ
แพรแ่ ละออสโมซิสในชีวติ ประจำวนั
ม.1/6 : ระบปุ จั จัยทจ่ี ำเป็นในการสังเคราะหด์ ้วยแสงและผลผลติ ทเี่ กดิ ข้ึนจากการสังเคราะห์ด้วย
แสง โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์
ม.1/7 : อธิบายความสำคัญของการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืชต่อส่ิงมีชวี ิตและสิ่งแวดล้อม
ม.1/8 : ตระหนักในคุณคา่ ของพชื ทมี่ ีต่อส่งิ มชี ีวิตและส่ิงแวดลอ้ ม โดยการรว่ มกนั ปลกู และดูแล
รักษาตน้ ไม้ในโรงเรียน
ม.1/9 : บรรยายลักษณะและหนา้ ที่ของไซเลม็ และโฟลเอม็
ม.1/10 : เขยี นแผนภาพท่บี รรยายทิศทางการลำเลียง สารในไซเล็มและโฟลเอ็มของพชื
ม.1/11 : อธิบายการสบื พนั ธ์แุ บบอาศยั เพศ และไม่อาศัยเพศของพืชดอก
ม.1/12 : อธบิ ายลักษณะโครงสร้างของดอกท่มี สี ว่ นทำใหเ้ กดิ การถา่ ยเรณู รวมทัง้ บรรยาย
การปฏิสนธิของพืชดอกการเกิดผลและเมล็ด การกระจายเมลด็ และการงอกของเมล็ด
ม.1/13 : ตระหนักถงึ ความสำคญั ของสัตว์ ทช่ี ่วยในการถ่ายเรณูของพชื ดอก โดยการไมท่ ำลาย
ชีวิตของสตั ว์ทชี่ ว่ ยในการถ่ายเรณู
ม.1/14 : อธบิ ายความสำคญั ของธาตอุ าหารบางชนดิ ทมี่ ีผลต่อการเจรญิ เติบโต และการดำรงชีวิต
ของพชื
ม.1/15 : เลอื กใช้ปุ๋ยทีม่ ีธาตุอาหารเหมาะสมกบั พชื ในสถานการณท์ ีก่ ำหนด
ม.1/16 : เลือกวธิ ีการขยายพนั ธ์ุพืชใหเ้ หมาะสมกบั ความตอ้ งการของมนุษย์ โดยใช้ความรูเ้ ก่ยี วกับ
การสบื พนั ธุข์ องพืช
ม.1/17 : อธิบายความสำคญั ของเทคโนโลยีการเพาะเล้ียงเนือ้ เย่อื พืชในการใช้ประโยชนด์ ้านตา่ งๆ
ม.1/18 : ตระหนักถงึ ประโยชนข์ องการขยายพันธพ์ุ ชื โดยการนำความรู้ไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั
3
สาระท่ี 2 : วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐานที่ ว 2.1 : เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหว่างสมบตั ขิ องสสารกับ
โครงสร้างและแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาตขิ องการเปล่ียนแปลง
สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี
ตัวชี้วัดท่ี ม.1/1 : อธบิ ายสมบตั ทิ างกายภาพบางประการของธาตโุ ลหะ อโลหะ และกึง่ โลหะ โดยใช้
หลักฐานเชงิ ประจกั ษท์ ่ีไดจ้ ากการสงั เกต และการทดสอบ และใช้สารสนเทศท่ีได้จาก
แหล่งขอ้ มูลต่าง ๆ รวมทงั้ จัดกล่มุ ธาตุเป็นโลหะ อโลหะ และกง่ึ โลหะ
ม.1/2 : วเิ คราะหผ์ ลจากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ และธาตกุ มั มันตรังสีที่มีต่อสิ่งมชี ีวติ
สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสงั คม จากข้อมูลที่รวบรวมได้
ม.1/3 : ตระหนักถึงคณุ ค่าของการใช้ธาตโุ ลหะ อโลหะ ก่งึ โลหะ ธาตกุ มั มันตรังสี โดยเสนอแนว
ทางการใช้ธาตอุ ยา่ งปลอดภยั คุ้มค่า
ม.1/4 : เปรียบเทียบจดุ เดือด จดุ หลอมเหลวของสารบริสุทธแิ์ ละสารผสม โดยการวดั อณุ หภูมิ
เขียนกราฟ แปลความหมายข้อมูลจากกราฟ หรือสารสนเทศ
ม.1/5 : อธบิ ายและเปรยี บเทียบความหนาแน่นของสารบริสุทธ์ิและสารผสม
ม.1/6 : ใชเ้ คร่อื งมือเพื่อวัดมวลและปรมิ าตรของสารบรสิ ทุ ธ์ิและสารผสม
ม.1/7 : อธิบายเกี่ยวกบั ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตุและสารประกอบ โดยใช้แบบจำลอง
และสารสนเทศ
ม.1/8 : อธบิ ายโครงสร้างอะตอมทปี่ ระกอบด้วยโปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ลก็ ตรอน โดยใช้
แบบจำลอง
ม.1/9 : อธบิ ายและเปรยี บเทียบการจัดเรียงอนภุ าค แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนุภาค และการ
เคล่อื นท่ี ของอนุภาคของสสารชนดิ เดยี วกนั ในสถานะของแข็ง ของเหลว และแกส๊
โดยใช้แบบจำลอง
ม.1/10 : อธิบายความสมั พันธร์ ะหวา่ งพลงั งานความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะของสสาร โดยใช้
หลักฐานเชิงประจักษ์และแบบจำลองผงั มโนทศั น์รายวิชา วิทยาศาสตร์
ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียน 1 ปีการศกึ ษ
หนว่ ยการเรียน
เรื่อง หนว่ ยของส
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1
เร่ือง สารอบตัว
วชิ าวทิ ยาศาส
มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภา
ปีการศกึ ษา 25
4
ษา 2565 เวลา 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ
นร้ทู ่ี 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3
สิ่งมชี ีวิต เร่อื ง การดำรงชีวติ ของพืช
สตร์
าคเรียน 1
565
โครงสร้างรายวิชา วทิ ยาศาสตร
รหัสวชิ า ว 21101 รายวิชา วทิ ยาศาส
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
เวลาเรยี น 3 ชวั่ โมง / สปั ดาห์ จำนวน 60
หน่วย ชือ่ หน่วยการ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ สาระ / มาตร
ท่ี เรยี นรู้ แผนท่ี 1 สารและการจำแนกสาร ตวั ช้ีวัด /
1 สารรอบตัว สาระที่ 2 ม
ตัวชวี้ ัด
5
ร์ ชือ่ วชิ า วทิ ยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน
สตร์ ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
และเทคโนโลยี มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1
0 ชวั่ โมง / ภาคเรียน จำนวน 1.5 หน่วยกิต
รฐานการเรยี นรู้ / สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนักคะแนน
ผลการเรยี นรู้ (ชม.) K P A รวม
มาตรฐานที่ 2.1 สารทอ่ี ยู่รอบตัวเราล้วนมลี ักษณะ 4 3 5 2 10
ดที่ ม.1/9 เฉพาะตวั ที่แตกตา่ งกัน สารบาง
ชนดิ สามารถสงั เกตไดจ้ าก
ลกั ษณะภายนอกของสารได้ เช่น
สี สถานะ เป็นตน้ ซ่ึงเปน็ สมบตั ิ
ทางกายภาพของสาร แตส่ มบัติ
บางชนิดของสารเกิดจากการทำ
ปฏิกริ ิยาเคมี ทำใหเ้ กิดสารใหม่ท่ี
มีองคป์ ระกอบแตกต่างไปจาก
เดมิ เช่น การเผาไหม้ การเกดิ
สนิม เปน็ ต้น ซึ่งเป็นสมบตั ทิ าง
เคมีของสาร การระบุว่าสารแต่ละ
ชนดิ เป็นสารประเภทใด
จำเปน็ ต้องใชส้ มบัติของสารมา
วิเคราะห์ เชน่ การใชส้ ถานะ การ
ใช้เนือ้ สาร และการใชข้ นาดของ
อนภุ าคมาเป็นเกณฑ์ในการ
จำแนกสาร
หนว่ ย ชอื่ หน่วยการ แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี สาระ / มาตร
ที่ เรียนรู้ แผนท่ี 2 การเปลีย่ นแปลงของสาร ตวั ชว้ี ดั /
สาระที่ 2 ม
ตัวช้วี ดั
แผนท่ี 3 สารบรสิ ทุ ธ์ิ สาระที่ 2 ม
ตวั ชีว้ ดั ที่ ม.
1/3, ม.
6
รฐานการเรียนรู้ / สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั คะแนน
ผลการเรยี นรู้ (ชม.) K P A รวม
มาตรฐานที่ 2.1 สารทอ่ี ยรู่ อบตวั เราลว้ นมสี มบตั ิ 4 2 5 2 9
ดท่ี ม.1/10 ทางกายภาพ และสมบัติทางเคมี
ทแ่ี ตกต่างกนั ซ่ึงอุณหภมู ิ
ภายนอกมีผลต่อสถานะของสาร
ซ่ึงเป็นสมบัติทางกายภาพของ
สารอยา่ งหนงึ่ เช่น น้ำแขง็
(ของแข็ง) เม่ือไดร้ บั ความรอ้ นจะ
ละลายกลายเปน็ นำ้ (ของเหลว)
เมือ่ น้ำได้รับความร้อนต่อเนื่องจะ
เดือด และระเหยกลายเปน็ ไอ
(แก๊ส) เปน็ ตน้ ซึ่งความร้อนท่ีทำ
ใหข้ องแขง็ เปลย่ี นสถานะเป็น
ของเหลว เรียกว่า ความร้อนแฝง
ของการหลอมเหลว และเรยี ก
ความร้อนท่ีทำให้ของเหลว
เปลยี่ นสถานะเปน็ แก๊สวา่ ความ
รอ้ นแฝงของการกลายเป็นไอ
มาตรฐานที่ 2.1 สารทอ่ี ยู่รอบตัวล้วน 5 52 1 8
.1/1, ม.1/2, ม. ประกอบดว้ ยธาตแุ ละ
.1/7, ม.1/8 สารประกอบ ธาตุ เป็นสารที่
ประกอบด้วยอะตอมเพยี งชนิด
เดียว เม่อื ธาตุมากกว่า 1 ชนดิ มา
รวมกนั ทางเคมีในอัตราสว่ นโดย
หนว่ ย ชอ่ื หน่วยการ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ สาระ / มาตร
ที่ เรยี นรู้ ตัวช้ีวดั /
แผนท่ี 4 ธาตุกมั มันตรังสี สาระที่ 2 ม
ตวั ชวี้ ดั ท่ี ม
แผนท่ี 5 สารประกอบ สาระที่ 2 ม
ตัวชีว้ ดั
7
รฐานการเรยี นรู้ / สาระสำคัญ เวลา น้ำหนักคะแนน
ผลการเรียนรู้ (ชม.) K P A รวม
มวลคงท่ี จะไดส้ ารประกอบท่ีมี
สมบตั ิแตกตา่ งจากธาตุท่เี ปน็
องคป์ ระกอบเดมิ ธาตุและ
สารประกอบจงึ จัดเป็นสาร
บรสิ ุทธิ์
มาตรฐานที่ 2.1 ธาตบุ างชนิดทีม่ เี ลขอะตอมสูง 2 3 3 2 8
ม.1/2, ม.1/3 กวา่ 83 สามารถแผ่รงั สไี ด้อย่าง
ต่อเนื่อง เรียกวา่ ธาตุกมั มนั ตรังสี
เกิดจากนิวเคลียสในอะตอมของ
ธาตุไมเ่ สถยี ร จงึ สลายตวั แลว้
เปล่ียนไปเปน็ ธาตุทีม่ ีความเสถยี ร
มากข้ึน และปล่อยอนุภาคภายใน
นวิ เคลียสออกมาในรปู ของสี ซงึ่
รังสที แี่ ผ่ออกมา เรยี กว่า
กัมมันตภาพรังสี ซ่งึ มี 3 ประเภท
ไดแ้ ก่ อนุภาคแอลฟา อนุภาค
บีตา และรงั สีแกมมา ซึ่ง
กอ่ ใหเ้ กิดประโยชนแ์ ละโทษต่อ
สิง่ มีชีวติ
มาตรฐานท่ี 2.1 สารประกอบ คอื สารบริสุทธ์ิที่ 2 3 3 2 8
ดที่ ม.1/7 เกิดจากอะตอมของธาตุตัง้ แต่ 2
ชนิดขึ้นไปมารวมกนั ทางเคมี โดย
อัตราส่วนโดยมวลคงที่ และมี
หนว่ ย ชอ่ื หน่วยการ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี สาระ / มาตร
ที่ เรียนรู้ ตวั ชี้วัด /
แผนท่ี 6 สารผสม สาระท่ี 2 ม
ตัวชี้วัดที่ ม.1/
แผนท่ี 7 สมบตั ิของสารบริสุทธแิ์ ละ สาระท่ี 2 ม
สารผสม ตวั ชว้ี ัดท่ี ม.1/
8
รฐานการเรียนรู้ / สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั คะแนน
ผลการเรียนรู้ (ชม.) K P A รวม
สมบตั ขิ องสารแตกต่างไปจาก
สมบตั ิของธาตทุ ี่เปน็ องค์ประกอบ
ซึง่ สามารถแยกออกเป็นธาตุได้
ด้วยวิธีการทางเคมี
มาตรฐานท่ี 2.1 สารผสมเกดิ จากสารต้ังแต่ 2 4 21 1 4
/4, ม.1/5, ม.1/6 ชนดิ ขน้ึ ไปมาผสมกนั โดยสาร
ผสมบางชนิดผสมเป็นเนอ้ื
เดยี วกัน เรียกวา่ สารละลาย ซง่ึ
ประกอบดว้ ยตัวละลายและตัวทำ
ละลาย ซึง่ ตวั ทำละลายจะมี
ปริมาณมากกว่า และมีสถานะ
เดียวกับสารละลาย นอกจากน้ี
สารผสมบางชนิดผสมไมเ่ ปน็ เนอ้ื
เดยี วกัน เรียกวา่ สารเน้ือผสม ซึง่
มี 2 ประเภท ไดแ้ ก่ สาร
แขวนลอย และคอลลอยด์
มาตรฐานที่ 2.1 สารผสมเกิดจากสารตัง้ แต่ 2ชนิf 5 1 1 1 3
/4, ม.1/5, ม.1/6 ขึ้นไปมาผสมกนั โดยสารผสมบาง
ชนดิ ผสมเปน็ เน้อื เดียวกัน
เรยี กว่า สารละลาย ซ่ึง
ประกอบด้วยตัวละลายและตัวทำ
ละลาย ซ่งึ ตวั ทำละลายจะมี
ปริมาณมากกวา่ และมสี ถานะ
หน่วย ชือ่ หน่วยการ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี สาระ / มาตร
ท่ี เรยี นรู้ ตัวชว้ี ดั /
2 หน่วยของส่งิ มีชวี ิต แผนที่ 1 เซลล์ของสิ่งมีชวี ิต สาระท่ี 1 ม
ตวั ชี้วดั ท่ี ม.1/
9
รฐานการเรียนรู้ / สาระสำคัญ เวลา น้ำหนักคะแนน
ผลการเรยี นรู้ (ชม.) K P A รวม
เดยี วกบั สารละลาย นอกจากน้ี 4 2- - 2
สารผสมบางชนดิ ผสมไม่เป็นเนื้อ
เดียวกัน เรยี กวา่ สารเนื้อผสม ซงึ่
มี 2 ประเภท คือ สารแขวนลอย
และคอลลอยด์
เป็นกระบวนการเคล่อื นทขี่ อง
อนุภาคสารจากบริเวณทีม่ คี วาม
เข้มข้นสูงไปสู่บรเิ วณท่ีมีความ
เขม้ ขน้ ตำ่ หรือการออสโมซิสเปน็
กระบวนการเคล่ือนท่ขี องโมเลกลุ
นำ้ จากบรเิ วณที่มคี วามเขม้ ข้น
ของสารละลายต่ำไปส่บู ริเวณท่มี ี
ความเขม้ ขน้ ความเขม้ ข้นของ
สารละลายสงู เป็นตน้
มาตรฐานที่ 1.2 เซลล์ (cell) เปน็ หนว่ ยพ้นื ฐานที่
/2, ม.1/3, ม.1/4 เลก็ ท่สี ดุ ของสิ่งมชี ีวิต ท้ังส่ิงมีชีวติ
เซลลเ์ ดยี วและสิง่ มีชีวิตหลาย
เซลล์ ซึ่งเซลลแ์ ตล่ ะชนดิ จะมี
รูปรา่ งและลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ งกัน
โดยท่วั ไปเซลล์ของสงิ่ มชี วี ติ จะมี
ขนาดเลก็ ไมส่ ามารถมองเหน็ ได้
ดว้ ยตาเปลา่ จงึ ต้องใชก้ ล้อง
จุลทรรศน์ในการศกึ ษารูปรา่ ง
หน่วย ชือ่ หน่วยการ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ สาระ / มาตร
ท่ี เรยี นรู้ ตัวช้ีวดั /
แผนที่ 2 เซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์ สาระที่ 1 ม
ตัวชวี้ ดั
แผนท่ี 3 การแพร่และออสโมซสิ สาระท่ี 1 ม
ตัวชี้วัด
3 การดำรงชวี ิตของ แผนท่ี 1 การสังเคราะห์ดว้ ยแสง สาระท่ี 1 ม
พชื ตวั ชี้วัดที่ ม.1
10
รฐานการเรยี นรู้ / สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั คะแนน
ผลการเรยี นรู้ (ชม.) K P A รวม
และลักษณะของเซลล์
มาตรฐานท่ี 1.2 เซลล์สงิ่ มชี ีวติ มีส่วนประกอบ 3 2 - - 2
ดที่ ม.1/1 พื้นฐานสำคัญ 3 ส่วน ไดแ้ ก่ เย่อื
หุม้ เซลล์ ไซโทพลาซึม และ
นิวเคลยี ส แต่เซลล์พชื และเซลล์
สัตว์จะมีบางส่วนประกอบท่ี
แตกตา่ งกัน เช่น เซลล์พืชจะมี
ผนงั เซลล์หอ่ หุ้มเยอื่ หุ้มเซลลอ์ ีก
ชนั้ หนงึ่ และมีคลอโรพลาสต์ ทำ
หนา้ ที่สรา้ งอาหารใหแ้ ก่เซลล์ ซงึ่
ท้ังผนังเซลลแ์ ละคลอโรพลาสต์
จะไม่พบในเซลล์สัตว์
มาตรฐานที่ 1.2 เซลล์ของสง่ิ มชี วี ิตตอ้ งมี 4 1- - 1
ดท่ี ม.1/5 กระบวนการนำสารเข้าและออก 4
จากเซลล์ เพ่ือใชใ้ นกระบวนการ
ดำรงชวี ติ ของเซลล์ เชน่ การแพร่
มาตรฐานท่ี 1.2 กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง 4 3 1 1
1/6,ม.1/7,ม.1/8 (photosynthesis) เป็น
กระบวนการผลติ อาหารของพืช
โดยพชื จะใช้สารคลอโรฟลิ ลท์ อี่ ยู่
ในใบดูดกลนื พลังงานแสงจากดวง
อาทติ ย์มาเปลี่ยนใหเ้ ปน็
หนว่ ย ชอื่ หน่วยการ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ สาระ / มาตร
ที่ เรียนรู้ ตวั ชว้ี ดั /
แผนที่ 2 การลำเลยี งสารในพืช สาระที่ 1 ม
ตัวชว้ี ัดที่ ม
แผนท่ี 3 การเจรญิ เตบิ โตของพชื สาระที่ 1 ม
ตวั ชวี้ ัดท่ี ม.
11
รฐานการเรียนรู้ / สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนักคะแนน
ผลการเรยี นรู้ (ชม.) K P A รวม
พลังงานเคมีในรปู ของสารอินทรีย์
จำพวกน้ำตาล โดยมีนำ้ และแกส๊
คารบ์ อนไดออกไซด์เปน็ สารต้ัง
และไดผ้ ลิตภัณฑ์เปน็ น้ำตาล
กลูโคส นำ้ และแก๊สออกซิเจน
ซ่ึงสิ่งมชี ีวติ นำแก๊สออกซเิ จนมาใช้
ในกระบวนหายใจ
มาตรฐานท่ี 1.2 พืชมรี ะบบลำเลยี งสาร โดยพชื จะ 4 3 - - 3
ม.1/9,ม.1/10 อาศัยเนือ้ เยื่อที่ทำหน้าทีเ่ ฉพาะใน
การลำเลียงสาร เรียกว่า เนื้อเยอื่
ลำเลยี ง เชน่ ท่อไซเล็ม (xylem)
ทำหนา้ ท่ลี ำเลยี งนำ้ และแรธ่ าตจุ าก
รากไปสู่ใบ ส่วนท่อโฟลเอม็
(pholem) ทำหนา้ ท่ีลำเลยี งอาหาร
จากใบไปยงั สว่ นตา่ งๆของพชื
มาตรฐานที่ 1.2 พชื สามารถผลิตอาหารได้จาก
.1/14,ม.1/15 กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง
เพอ่ื เป็นแหล่งพลงั งานให้กบั พชื
เพอื่ ใชใ้ นการเจรญิ เติบโต เช่น การ
เพม่ิ จำนวนเซลล์ การขยายขนาด
ของเซลล์
หนว่ ย ชอ่ื หน่วยการ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ สาระ / มาตร
ที่ เรียนรู้ ตัวชว้ี ดั /
แผนท่ี 4 การสบื พันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ สาระท่ี 1 ม
ของพชื ตัวช้วี ดั ที่ ม.1
1
12
รฐานการเรียนรู้ / สาระสำคญั เวลา น้ำหนักคะแนน
ผลการเรยี นรู้ (ชม.) K P A รวม
และการเปลย่ี นแปลงรปู ร่างของ 3 1 1 - 2
เซลล์ไปทำหน้าท่ีเฉพาะต่าง ๆ
พืชใบเลยี้ งเด่ียว และพืชใบเล้ียงคู่
มีลักษณะที่แตกต่างกัน เน่ืองจาก
ขั้นตอนการเจริญเตบิ โตของราก
และลำตน้ ในพืชท้งั สองชนดิ
แตกตา่ งกัน นอกจากนี้พืช
ต้องการธาตุอาหารที่จำเปน็ หลาย
ชนดิ สำหรบั การเจรญิ เตบิ โตและ
การดำรงชีวิตของพชื
มาตรฐานท่ี 1.2 การสบื พันธ์แุ บบไม่อาศยั เพศ 2 2- - 2
1/11,ม.1/16,ม. เป็นการขยายพนั ธขุ์ องพชื ที่ไม่
1/18 ไดม้ าจากการปฏสิ นธริ ะหว่าง
สเปริ ม์ กบั เซลลไ์ ข่ ทำให้พืชต้น
ใหม่มีลักษณะคลา้ ยกบั ตน้ เดิมทุก
ประการ โดยมนุษย์อาศยั
หลกั การนม้ี าขยายพนั ธ์ุพืช
เพ่อื ให้พชื มลี กั ษณะตามที่
ตอ้ งการโดยการนำสว่ นต่าง ๆ
ของพืช เชน่ ราก ลำตน้ และใบ
เป็นตน้ มาทำให้เกดิ เปน็ ต้นใหม่
ได้แก่ การปักชำ การตดิ ตา การ
ตอนก่งิ การทาบกงิ่ เปน็ ตน้ เพือ่
หนว่ ย ชอื่ หน่วยการ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี สาระ / มาตร
ที่ เรียนรู้ ตัวชว้ี ดั /
แผนท่ี 5 การสบื พนั ธ์ุแบบอาศยั เพศ สาระท่ี 1 ม
ของพืช ตวั ชว้ี ดั ท่ี ม.1
1
13
รฐานการเรยี นรู้ / สาระสำคญั เวลา นำ้ หนกั คะแนน
ผลการเรยี นรู้ (ชม.) K P A รวม
เพม่ิ มูลค่าใหก้ บั ตน้ พืช หรอื
ปรบั ปรุงพนั ธใ์ุ หด้ ีขนึ้ นอกจากน้ี
พืชสามารถใช้โครงสร้างพเิ ศษ
จากราก ลำต้น และใบ
ขยายพันธ์ไุ ด้
มาตรฐานท่ี 1.2 พชื ดอกมดี อกเป็นอวัยวะสบื พันธ์ุ 5 2 - - 2
1/11,ม.1/12,ม. ภายในมสี ่วนประกอบท่ที ำหน้าที่
1/13 สรา้ งเซลลส์ ืบพนั ธเุ์ พศผู้ (สเปิรม์ )
และเซลลส์ บื พันธ์เุ พศเมีย (เซลล์
ไข)่ ซึง่ การปฏสิ นธิระหว่างสเปริ ม์
กับเซลล์ไข่จะเกิดขึน้ ภายในรังไข่
แล้วเจรญิ เป็นเมลด็ อย่ภู ายในผล
เมื่อถึงเวลาขยายพันธ์เุ มลด็ ที่อยู่
ภายในผลจะแตกออกและ
กระจายไปยงั ที่ต่าง ๆ เมื่ออยู่
ในสภาวะแวดลอ้ มและมปี จั จัยท่ี
เหมาะสม เมล็ดจะงอกตน้ อ่อนท่ี
มลี ักษณะท่หี ลากหลาย หรอื
แตกตา่ งไปจาก ต้นพ่อและตน้
แม่
หนว่ ย ชอื่ หน่วยการ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี สาระ / มาตร
ที่ เรียนรู้ แผนที่ 6 เทคโนโลยชี วี ภาพของพชื ตัวชีว้ ดั /
สาระท่ี 1 ม
ตัวชว้ี ดั ที่ ม
รวม เวลา / คะแนน หน่วยการเรยี น
สอบวดั ผลกลางภาคเรียน
สอบวดั ผลปลายภาคเรียน
รวมเวลาเรียน / คะแนน ตลอดปกี ารศึกษา
หมายเหตุ....เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง / สัปดาห์ = 0.5 หนว่ ยกิต
เวลาเรยี น 3 ชั่วโมง / สัปดาห์ = 1.5 หนว่ ยกติ
14
รฐานการเรียนรู้ / สาระสำคญั เวลา นำ้ หนักคะแนน
/ ผลการเรยี นรู้ (ชม.) K P A รวม
มาตรฐานที่ 1.2 เทคโนโลยชี ีวภาพของพชื เป็น 3 2 - - 2
ม.1/16,ม.1/17 การนำเอาความรูท้ างด้าน
วทิ ยาศาสตรม์ าประยกุ ต์ใช้กบั พืช
เพือ่ ให้เปน็ ประโยชน์ และ
เพยี งพอต่อความตอ้ งการของ
มนษุ ย์ เช่น การขยายพนั ธพ์ุ ืช
ด้วยการเพาะเล้ียงเน้ือเยอื่ ซึง่
เป็นการนำชิน้ ส่วนเน้ือเยอ่ื ของ
พืชมาเลย้ี งในอาหารสงั เคราะห์
การปรับปรุงพนั ธุ์พชื และการดดั
แปรพนั ธุกรรมของพชื โดยใช้ยนี
จากส่งิ มีชวี ิตอนื่ มาแทรกลงใน
สารพนั ธุกรรมของพืช เพ่อื ให้ได้
ผลผลิตท่มี ีปริมาณและคณุ ภาพ
มากข้นึ
58 36 22 12 70
1 10 3 2 15
1 10 3 2 15
60 56 28 16 100
เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง / สปั ดาห์ = 1.0 หนว่ ยกติ
เวลาเรียน 4 ชว่ั โมง / สัปดาห์ = 2.0 หนว่ ยกิต
15
เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผล
1. อตั ราสว่ นคะแนน หน่วยการเรียน : ปลายภาคเรียน ( 70 : 30 )
1.1.รายละเอียดของการให้คะแนน 70 คะแนน
- งานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
- ชน้ิ งาน / ใบงาน /การนำเสนอผลงาน
- พัฒนานาการเรียนรู้
1.2.คะแนนสอบปลายภาค 30 คะแนน
รวมคะแนน 100 คะแนน
2. การคิดคะแนน ระดับคะแนน
ระดบั ผลการเรียน8 ระดับ
คะแนน 80 ขน้ึ ไป คะแนน
ระดบั คะแนน 4 คะแนน 75 - 79 คะแนน
ระดบั คะแนน 3.5 คะแนน 70 - 74 คะแนน
ระดับคะแนน 3 คะแนน 65 - 69 คะแนน
ระดบั คะแนน 2.5 คะแนน 60 - 64 คะแนน
ระดบั คะแนน 2 คะแนน 55 - 59 คะแนน
ระดบั คะแนน 1.5 คะแนน 50 - 54 คะแนน
ระดบั คะแนน 1 คะแนน ตำ่ กวา่ 49 คะแนน
ระดบั คะแนน 0
หนว่ ยการ ตวั ชวี้ ัดที่ การวิเคราะหม์ าตรฐานแล
เรียนรูท้ ี่ / รายวิชา วิทยาศาสตร์ ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีท
เร่อื ง รอู้ ะไร / ทำอะไร ภาระงาน / ช้นิ งาน
หนว่ ยการ
เรยี นร้ทู ี่ 1 ว 2.1 1. อธบิ ายการจดั เรยี ง 1.แบบฝกึ หดั สารรอบ
เร่อื ง สาร ม.1/1 อนภุ าค แรงยดึ เหนีย่ ว 2.การปฏบิ ตั ิ สารแต่ล
รอบตัวเรา ม.1/2 ระหว่างอนุภาค และ เคมที ่เี ห
ม.1/3 การเคลือ่ นท่ขี อง หนงึ่ ทท่ี ำ
ม.1/4 อนุภาคของสารชนิด กายภาพ
ม.1/5 เดยี วกนั ในสถานะ สารบริส
ม.1/6 ต่างๆ ได้ ประกอบ
ม.1/7 2. เปรยี บเทียบการ ออกเป็น
ม.1/8 จัดเรยี งอนุภาค แรงยดึ ธาตบุ าง
ม.1/9 เหนี่ยวระหว่างอนุภาค กมั มันตร
ม.1/10 และการเคลื่อนที่ของ เคมีกลา
อนุภาคของสารชนดิ ธาตเุ ดมิ ท
เดียวกันในสถานะต่าง ผสมกันเ
ๆ ได้ เดยี วกนั
3. อธิบาย เนือ้ เดยี ว
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง
พลังงานความร้อนกบั
การเปลีย่ นสถานะ
ละตัวชี้วดั / ผลการเรยี นรู้ 16
ที่ 1 จำนวน 1.5 หน่วยกติ ปีการศึกษา 2565 คณุ ลกั ษณะอนั
พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญ คณุ ลักษณะของวิชา
บตัวประกอบไปดว้ ยธาตแุ ละสารประกอบ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1.มีวินัย
ละชนดิ มสี มบตั ิทางกายภาพและสมบตั ิทาง 2.ใฝเ่ รียนรู้
หมือนและแตกต่างกัน ความรอ้ นเปน็ ปจั จัย 2. ความสามารถในการคดิ 3.มุ่งม่ันในการ
ำใหส้ ถานะของสาร ซึ่งเปน็ สมบตั ทิ าง 1) ทักษะการสงั เกต ทำงาน
พเปลี่ยนแปลงไป 2) ทกั ษะการจัดกลมุ่
สทุ ธ์ิ คือ สารที่มอี งค์ประกอบเพียงชนิดเดียว
3) ทักษะการเปรียบเทยี บ
บไปด้วยธาตแุ ละสารประกอบ โดยธาตุแบ่ง 4) ทักษะการจำแนก
นธาตโุ ลหะ ธาตุกึง่ โลหะ และธาตุอโลหะ ซ่งึ ประเภท
งชนิดสามารถแผร่ ังสไี ด้ เรียกวา่ ธาตุ 5) ทกั ษะการสำรวจ
รังสี เมื่อธาตุมากกวา่ หนึ่งชนิดมารวมกันทาง 6) ทักษะการเชื่อมโยง
ายเป็นสารประกอบที่มีสมบตั แิ ตกตา่ งไปจาก 7) ทกั ษะการระบุ
ทีเ่ ปน็ องค์ประกอบสารมากกวา่ หนึง่ ชนิดมา 8) ทกั ษะการสำรวจค้นหา
เรยี กว่า สารผสม บางชนดิ ผสมเปน็ เนือ้ 9) ทกั ษะการสรุปยอ่
น เรยี กวา่ สารละลาย บางชนิดผสมไม่เปน็
วกัน เช่น สารแขวนลอย คอลลอยด์ เปน็ ต้น 10) ทกั ษะการนำความรู้ไป
ใช้
11) ทกั ษะการรวบรวม
ข้อมลู
3. ความสามารถในการใช้
ทักษะชวี ติ
หนว่ ยการ ตวั ชว้ี ัดที่ ร้อู ะไร / ทำอะไร ภาระงาน / ชิ้นงาน
เรยี นรูท้ ่ี /
ว 1.2 4. สามารถระบุการ
เรือ่ ง ม.1/1
ม.1/2 เปลย่ี นแปลงสถานะ
หนว่ ยการ ม.1/3
เรียนรทู้ ี่ 2 ม.1/4 ของสสารที่อยูร่ อบตัว
เรอ่ื ง หน่วย ม.1/5
ของ ได้
สิ่งมชี วี ิต
5. อธบิ าย
ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง
อะตอม ธาตุ และ
สารประกอบ โดยใช้
แบบจำลองได้
6.อธบิ ายลกั ษณะของ
ธาตกุ ัมมนั ตรงั สีได้
7.อธิบายความ
หนาแน่นของสาร
บรสิ ุทธิแ์ ละสารผสมได้
8.เปรยี บเทียบจุดเดือด
จุดหลอมเหลวของสาร
บริสทุ ธิ์และสารผสมได้
1. อธิบาย 1.แผ่นพบั เร่ือง เซลล์ สง่ิ มีชีว
องคป์ ระ
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง พืชและเซลลส์ ัตว์ อยู่ไดเ้ พยี
เซลลม์ า
รปู ร่างของเซลลต์ อ่ การ 2.รายงาน เรอ่ื ง การ แตกตา่ ง
ได้แก่ นวิ
ทำหนา้ ท่ขี องเซลล์ได้ แพร่ และการออสโม
ซสิ
สมรรถนะสำคญั คณุ ลกั ษณะของวิชา 17
คณุ ลกั ษณะอนั
พึงประสงค์
วิตทกุ ชนิดมีเซลลเ์ ป็นหน่วยทีเ่ ลก็ ท่สี ุดเป็น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1.มีวินัย
ะกอบ ซงึ่ สิง่ มีชวี ติ บางชนิดสามารถดำรงชีวติ
ยงเซลลเ์ ดยี ว บางชนิดจำเป็นต้องมีหลาย 2. ความสามารถในการคิด 2.ใฝเ่ รียนรู้
ารวมกนั เปน็ เน้ือเยื่อ ซึ่งมีรูปรา่ งและหน้าที่ 1) ทักษะการสังเกต 3.มุ่งม่ันในการ
งกัน ซ่ึงองคป์ ระกอบพื้นฐานของเซลล์ 2) ทักษะการระบุ ทำงาน
วเคลียสไซโตพ-ลาซึม และเย่อื หุ้มเซลล์
3) ทกั ษะการเปรียบเทยี บ
หนว่ ยการ ตวั ชี้วดั ท่ี ร้อู ะไร / ทำอะไร ภาระงาน / ช้ินงาน
เรียนรู้ที่ /
เรื่อง
2. อธิบายการ กระบวน
จดั ระบบของส่ิงมชี ีวิต สิ่งมชี ีวติ
ได้
3. ใชง้ านกล้อง
จุลทรรศน์แบบใช้แสง
ตามขั้นตอนทถ่ี ูกต้อง
ได้
3.บรรยายหน้าที่
องค์ประกอบของเซลล์
ได้
4.เปรยี บเทียบรปู ร่าง
และโครงสร้างของ
เซลล์พชื และเซลลส์ ัตว์
ได้
5.อธิบายกระบวนการ
แพร่และออสโมซิสได้
6.อธบิ ายความ
แตกต่างของการแพร่
และออสโมซิสได้
3.ใชง้ านอปุ กรณ์ทาง
วิทยาศาสตรไ์ ด้อย่าง
ถูกต้อง
สมรรถนะสำคัญ คุณลักษณะของวิชา 18
คณุ ลักษณะอนั
พงึ ประสงค์
นการแพรแ่ ละออสโมซสิ เปน็ กระบวนการที่ 4) ทักษะการจำแนก
ตใชล้ ำเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ ประเภท
3. ความสามารถในการใช้
ทกั ษะชวี ติ
หน่วยการ ตัวชว้ี ัดท่ี ร้อู ะไร / ทำอะไร ภาระงาน / ชน้ิ งาน
เรียนรทู้ ่ี /
ว 1.2 1.ระบปุ จั จยั ทจ่ี ำเปน็ 1.รายงาน เรื่อง ปจั จัย พืชดำ
เร่อื ง ม.1/6
หน่วยการ ม.1/7 ในการสังเคราะหด์ ้วย ทจี่ ำเป็นตอ่ ใบไม
เรียนรู้ที่ 3 ม.1/8
เรือ่ ง การ ม.1/9 แสงและผลลิตท่เี กิดขึน้ กระบวนการสงั เคราะห์ เก่ียวข้อ
ดำรงชีวิต ม.1/10 แก๊สคาร
ของพชื ม.1/11 จากการสงั เคราะหด์ ้วย ด้วยแสง ได้น้ำตา
ม.1/12 แสง 2.รายงาน เร่ือง ซึ่งจำเป
ม.1/13
ม.1/14 2.อธิบายความสำคัญ ผลผลิตทเี่ กดิ จาก ต้น ประ
ม.1/15 ของการสังเคราะหด์ ้วย กระบวนการสงั เคราะห์ ดูดน้ำแล
ม.1/16
ม.1/17 แสงของพชื ตอ่ ส่ิงมชี วี ิต ด้วยแสง ออสโมซ
ม.1/18
และสิง่ แวดล้อมได้ 3.ป้ายนิเทศ เร่ือง ลำเลียง
3บรรยายลกั ษณะและ สถานที่ท่เี หมาะสมต่อ เคชั่น
หนา้ ท่ีของไซเล็ม การปลูกพริก
และโฟลเอ็มได้ 4.รายงาน เรอื่ ง การ ดอกไ
4.อธิบายความสำคญั ขยายพนั ธพุ์ ืชแบบไม่ เกสร ดอ
หน้าท่ีกร
ของธาตุอาหารบาง อาศยั เพศ แตกตา่ ง
พืชสา
ชนิดทมี่ ผี ลต่อการ 5.ผงั สรปุ เรอ่ื ง ต่าง ๆ
เจริญเตบิ โตและการ โครงสร้างเมล็ดของพืช สามารถ
การปักช
ดำรงชวี ติ ของพชื ได้ 6.ผงั สรุป เร่ือง การ ใหมจ่ ะม
5.เลอื กใช้ป๋ยุ ท่ีมธี าตุ งอกเมล็ดของพืช
อาหารเหมาะสมกับพืช 7.ป้ายนเิ ทศ เร่ือง มนษุ ย
เช่น การ
ได้ ฟาร์มในฝนั ของฉนั เปน็ ตน้ เ
สมรรถนะสำคญั คณุ ลักษณะของวิชา 19
คุณลกั ษณะอนั
พึงประสงค์
ำรงชวี ิตอยไู่ ด้ด้วยส่วนประกอบตา่ ง ๆ ดงั นี้ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1.มีวินัย
ม้ มีคลอโรพลาสต์ที่มีสารคลอโรฟิลล์ซึ่ง 2.ใฝเ่ รียนรู้
องกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงโดยมี 2. ความสามารถในการคิด 3.มุ่งม่ันในการ
ร์บอนไดออกไซด์และน้ำเป็นสารต้ังต้น และ 1) ทักษะการสังเกต ทำงาน
าลกลูโคส และแก๊สออกซิเจนเป็นผลิตภัณฑ์ 2) ทกั ษะการระบุ
ป็นต่อการดำรงชีวิตของส่ิงมีชีวิต รากและลำ 3) ทกั ษะการเปรียบเทียบ
ะกอบไปด้วยเน้ือเย่ือลำเลียงไซเล็ม ทำหน้าที่ 4) ทักษะการจำแนก
ละแร่ธาตุ โดยอาศัยกระบวนการแพร่และ ประเภท
ซิส เนื้อเยื่อลำเลียงโฟลเอ็ม ทำหน้าท่ี 5) ทกั ษะการสำรวจ
งอาหาร โดยอาศัยกระบวนการทรานสโล 6) ทักษะการรวบรวม
ไม้ เป็นอวัยวะสืบพันธ์ุของพืช เม่ือถูกผสม ข้อมูล
อกจะเจริญกลายเป็นผลซึ่งภายในมีเมล็ด ทำ 7) ทกั ษะการเชื่อมโยง
ระจายพันธ์ุพืช โดยพืชต้นใหม่จะมีลักษณะที่ 8) ทกั ษะการสรุปย่อ
งไปจากต้นพอ่ แม่ 9) ทักษะการให้เหตผุ ล
ามารถขยายพันธุ์ โดยใช้ส่วนโครงสร้างพิเศษ 10) ทกั ษะการเรยี งลำดับ
ของพืช เช่น ราก ลำต้น ใบ และมนุษย์ 11) ทักษะการนำไปใช้
ถนำส่วนต่าง ๆ ของพืชมาขยายพันธ์ุได้ เช่น
ชำ การติดตา การตอนก่ิง เป็นต้น ซ่ึงพืชต้น 12) ทักษะการสำรวจ
มีลกั ษณะไม่แตกต่างไปจากต้นพ่อแม่ ค้นหา
ย์นำความรู้ทางวทิ ยาศาสตรม์ าประยุกตใ์ ช้กับพืช
รเพาะเลย้ี งเน้อื เยื่อพืช การดัดแปรพันธกุ รรมพืช 3. ความสามารถในการใช้
ทักษะชวี ิต
เพือ่ ให้เพยี งพอต่อความตอ้ งการของมนุษย์
หนว่ ยการ ตวั ชี้วดั ท่ี รู้อะไร / ทำอะไร ภาระงาน / ชิ้นงาน
เรียนรู้ที่ /
6.อธบิ ายการสบื พันธ์ุ
เรื่อง แบบไม่อาศยั เพศของ
พืชดอกได้
7.เลอื กวิธกี าร
ขยายพันธุ์พชื ให้
เหมาะสมกบั ความ
ต้องการของมนุษย์ได้
8.อธิบายลักษณะ
โครงสร้างของดอกทีม่ ี
ส่วนทำใหเ้ กดิ การถ่าย
เรณูได้
9.บรรยายการปฏิสนธิ
การเกิดผลและเมล็ด
การกระจายเมล็ด และ
การงอกเมล็ดของพืช
ดอกได้
10.เปรยี บเทยี บ
ลกั ษณะโครงสร้างและ
การงอกของพชื ใบเล้ียง
เด่ยี วและพืชใบเล้ยี งคู่
สมรรถนะสำคญั คณุ ลกั ษณะของวิชา 20
คุณลักษณะอัน
พงึ ประสงค์
ผังมโนทัศน์หนว่
เร่อื งสารรอบตัว รา
ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ปีการศึกษา 256
แผนท่ี 3 เรอ่ื ง สาร แผนที่ 4
บริสุทธิ์ กมั ม
เวลา
เวลา 5 ชว่ั โมง
แผนที่ 2 เรอ่ื ง การ หน่วยก
เปล่ียนแปลงของสาร เรือ่ ง
เวลา 4 ช่ัวโมง
แผนท่ี 1 เรือ่ ง สารและ
การจำแนกสาร
เวลา 4 ชั่วโมง
21
วยการเรยี นรู้ที่ 1
ายวชิ า วิทยาศาสตร์
65 เวลา 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ
4 เรอื่ ง ธาตุ แผนท่ี 5 เร่ือง
มนั ตรงั สี สารประกอบ
2 ช่วั โมง เวลา 2 ช่วั โมง
การเรียนรู้ท่ี 1 แผนท่ี 6 เรอื่ ง สารผสม
สารรอบตัว เวลา 4 ช่วั โมง
แผนท่ี 7 เรอ่ื ง สมบตั ขิ อง
สารบริสทุ ธิแ์ ละสารผสม
เวลา 5 ช่วั โมง
ผังมโนทศั นห์ นว่
เรอ่ื งหนว่ ยของสิ่งมีชวี ิต
ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ปีการศกึ ษา 256
แผนท่ี 2 เร
เซ
เวลา
แผนท่ี 1 เร่ือง เซลล์ของ หนว่ ย
สิ่งมีชวี ติ เรอื่ ง หน
เวลา 4 ช่วั โมง
22
วยการเรียนรทู้ ี่ 2
ต รายวิชา วิทยาศาสตร์
65 เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต
รอื่ ง เซลล์พชื และ
ซลล์สตั ว์
า 3 ช่ัวโมง
ยการเรียนรู้ท่ี 2 แผนท่ี 3 เรื่อง การแพร่
น่วยของส่งิ มชี ีวติ และออสโมซสิ
เวลา 4 ช่วั โมง
ผงั มโนทศั น์หนว่
เรอ่ื งการดำรงชีวิตของพืช
ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ปกี ารศึกษา 256
แผนท่ี 3 เรอื่ ง การ หน
เจริญเติบโตของพืช เร่อื ง ก
เวลา 3 ชั่วโมง
แผนท่ี 2 เร่อื ง การ
ลำเลยี งสารในพชื
เวลา 4 ชวั่ โมง
แผนท่ี 1 เร่ือง การ
สังเคราะห์ด้วยแสง
เวลา 4 ชว่ั โมง
23
วยการเรียนรู้ที่ 3
ช รายวิชา วิทยาศาสตร์
65 เวลา 60 ชัว่ โมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต
นว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 แผนท่ี 4 เร่ือง การสบื พนั ธุ์
การดำรงชีวิตของพืช แบบไมอ่ าศัยเพศของพืช
เวลา 2 ชั่วโมง
แผนท่ี 5 เรือ่ ง การ
สบื พนั ธุ์แบบอาศัยเพศ
ของพืช
เวลา 5 ชวั่ โมง
แผนที่ 6 เรอ่ื ง
เทคโนโลยีชวี ภาพของพืช
เวลา 3 ชว่ั โมง
24
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง สารรอบตัว จำนวน 26 ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 21101
ครผู สู้ อน นายนิธิศ จติ รจกั ร์
_________________________________________________________
สาระสำคญั / ความคดิ รวบยอด (Learning Concepts)
สารรอบตัวประกอบไปด้วยธาตุและสารประกอบ ซ่ึงสารแต่ละชนิดมีสมบัติทางกายภาพและสมบัติ
ทางเคมี ทีเ่ หมือนและแตกต่างกัน โดยความร้อนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สถานะ ซึ่งเป็นสมบัติทางกายภาพของ
สารเปล่ียนแปลงไป สารท่ีมีองค์ประกอบเพียงชนิดเดียว เรียกว่า สารบริสุทธิ์ ประกอบไปด้วยธาตุและ
สารประกอบธาตุแบ่งออกเป็นธาตุโลหะ ธาตุกึ่งโลหะ และธาตุอโลหะ นอกจากน้ีธาตุบางชนิดสามารถแผ่รังสี
ได้ เรียกว่า ธาตุกัมมันตรังสี เม่ือธาตุมากกว่าหน่ึงชนิดมารวมกันทางเคมีท่ีมีสมบัติแตกต่างไปธาตุเดิมที่เป็น
องคป์ ระกอบเรยี กวา่ สารประกอบ เม่ือสารมากกว่าหนึ่งชนดิ มาผสมกัน เรียกว่า สารผสม บางชนิดผสมกนั แล้ว
มองเห็นเป็นเน้ือเดียวกัน เรียกว่า สารละลาย บางชนิดผสมแล้วมองไม่เห็นเป็นเน้ือเดียวกัน ได้แก่ สาร
แขวนลอย และคอลลอยด์
สาระที่ : 1 เรื่องวิทยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐานท่ี : ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ
โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนุภาค หลกั และธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของ
สาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี
ตัวชี้วดั ที่ ม.1/1 อธิบายสมบัตทิ างกายภาพบางประการของธาตโุ ลหะ อโลหะ และกง่ึ โลหะ โดยใช้หลักฐาน
เชิงประจกั ษ์ท่ไี ดจ้ ากการสังเกตและการทดสอบ และใช้สารสนเทศที่ได้จากแหลง่ ขอ้ มูล
ตา่ ง ๆ รวมทงั้ จัดกลุ่มธาตโุ ลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ
ม.1/2 วิเคราะห์ผลจากการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ และธาตุกัมมนั ตรงั สที มี่ ตี อ่ สง่ิ มีชวี ิต
ส่งิ แวดล้อม เศรษฐกิจ และสงั คม จากขอ้ มลู ที่รวบรวมได้
ม.1/3 ตระหนักถงึ คุณค่าของการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ ธาตกุ ัมมันตรังสี โดยเสนอ
แนวทางการใช้ธาตุอยา่ งปลอดภยั และคมุ้ ค่า
ม.1/4 เปรยี บเทียบจดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบริสทุ ธแิ์ ละสารผสม โดยการวดั อณุ หภูมิ
เขยี นกราฟ แปลความหมายขอ้ มลู จากกราฟหรอื สารสนเทศ
ม.1/5 อธิบายและเปรยี บเทยี บความหนาแน่นของสารบรสิ ทุ ธแิ์ ละสารผสม
ม.1/6 ใช้เคร่ืองมือวดั มวลและปรมิ าตรของสารบริสทุ ธิ์และสารผสม
ม.1/7 อธบิ ายเกย่ี วกับความสมั พันธร์ ะหว่างอะตอม ธาตุ และสารประกอบ โดยใช้แบบจำลอง
และ สารสนเทศ
ม.1/8 อธิบายโครงสร้างอะตอมทป่ี ระกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน
โดยใช้แบบจำลอง
ม.1/9 อธบิ ายและเปรียบเทียบการจัดเรยี งอนุภาค แรงยดึ เหน่ยี วระหวา่ งอนุภาค และ
การเคล่อื นทข่ี องอนุภาคของสสารชนดิ เดียวกันในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส
โดยใช้แบบจำลอง
25
ม.1/10 อธบิ ายความสมั พันธ์ระหว่างพลงั งานความร้อนกบั การเปลี่ยนสถานะของสสาร
โดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษแ์ ละแบบจำลอง
เชงิ ประจักษ์และแบบจำลอง
สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ( Competency ) คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ( Desired Characteristics )
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1) มีวินยั
2. ความสามารถในการคดิ 2) ใฝเ่ รยี นรู้
3) มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
1) ทักษะการสังเกต
2) ทักษะการระบุ
3) ทกั ษะการเปรยี บเทียบ
4) ทักษะการจำแนกประเภท
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
ทกั ษะ / กระบวนการ ( Skill during the process )
ทักษะเฉพาะวิชา ทกั ษะการคิด
1.การกำหนดและควบคมุ ตวั แปร 1.การค้นคว้าข้อมูล
2.การกำหนดนยิ ามเชิงปฏิบตั ิการ 2.การนำเสนอข้อมลู
3.การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมลู
4.การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ
ความเข้าใจทย่ี ่ังยืน
สารรอบตัวประกอบไปด้วยธาตุและสารประกอบ ซ่ึงสารแต่ละชนิดมีสมบัติทางกายภาพและสมบัติ
ทางเคมี ที่เหมือนและแตกต่างกัน โดยความร้อนเป็นปัจจัยหนึ่งท่ีทำให้สถานะ ซ่ึงเป็นสมบัติทางกายภาพ
ของสารเปล่ียนแปลงไป สารที่มีองค์ประกอบเพียงชนิดเดียว เรียกว่า สารบริสุทธ์ิ ประกอบไปด้วยธาตุ
และสารประกอบธาตุแบ่งออกเป็นธาตุโลหะ ธาตุก่ึงโลหะ และธาตุอโลหะ นอกจากนี้ธาตุบางชนิดสามารถ
แผ่รังสีได้ เรียกว่า ธาตุกัมมันตรังสี เมื่อธาตุมากกว่าหน่ึงชนิดมารวมกันทางเคมีที่มีสมบัติแตกต่างไปธาตุ
เดิมที่เป็นองค์ประกอบเรียกว่าสารประกอบ เมื่อสารมากกว่าหนึ่งชนิดมาผสมกัน เรียกว่า สารผสม
บางชนิดผสมกันแล้วมองเห็นเป็นเน้ือเดียวกัน เรียกว่า สารละลาย บางชนิดผสมแล้วมองไม่เห็นเป็นเนื้อ
เดียวกัน ไดแ้ ก่ สารแขวนลอย และคอลลอยด์
ความสัมพนั ธก์ ับกลุ่มสาระการเรยี นร้อู ่ืน
ภาษาไทย โดยการใช้เขยี นคำทีถ่ ูกต้อง
คณิตศาสตร์ โดยหารหารค่าของสารตา่ งๆ
เทคโนโลยี โดยการใชส้ ำหรับคน้ คว้าหาข้อมูล
26
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1
เรื่อง สารและการจำแนกสาร เวลา 4 ชั่วโมง ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1
__________________________________________________________________________
1. เป้าหมายการเรียนรู้ / หลกั ฐานการเรยี นรู้ / การวดั และการประเมินผล
มาตรฐานการเรยี นรู้ สิง่ ทต่ี อ้ งรูแ้ ละปฏบิ ตั ิได้ ผลงาน / ช้ินงาน การวัดผลและการ
และตัวช้ีวัด ประเมนิ ผล
ว 2.1 ม.1/9 อธบิ าย 1. อธิบายการจัดเรยี ง 1.เร่ือง สารรอบตวั 1. ตรวจใบงาน เร่อื ง
และเปรยี บเทยี บการ อนภุ าค แรงยดึ เหนยี่ ว 2. ประเมินระหวา่ งการ สารรอบตัว
จดั เรียงอนภุ าค แรงยึด ระหว่างอนภุ าค และการ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 2.ตรวจแบบฝึกหดั
เหนีย่ วระหวา่ งอนุภาค เคลอ่ื นท่ีของอนภุ าคของ 3. สารและการจำแนก 3.ประเมินการเสนอ
และการเคล่อื นท่ีของ สารชนดิ เดยี วกันในสถานะ สาร ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง
อนภุ าคของสสารชนิด ตา่ งๆ ได้ 4. การนำเสนอผลงาน การจำแนกสาร
เดยี วกันในสถานะ 2. เปรียบเทยี บการ 5. พฤตกิ รรมการทำงาน 4. การนำเสนอผลงาน
ของแข็ง ของเหลว และ จดั เรยี งอนภุ าค แรงยดึ รายกลุ่ม 5. สังเกตพฤติกรรม
แกส๊ โดยใช้แบบจำลอง เหนยี่ วระหว่างอนุภาค 6. การปฏบิ ัติการ การทำงานรายกลุ่ม
และการเคล่ือนท่ีของ 6.ประเมิน
อนุภาคของสารชนิด การปฏบิ ัตกิ าร
เดียวกันในสถานะต่าง ๆ
ได้
2. สาระการเรียนรู้ (Learning Contnts)
1. ความรู้ (Knowledge)
สารที่อยู่รอบตัวเราล้วนมลี ักษณะเฉพาะตัวทีแ่ ตกตา่ งกนั สารบางชนิดสามารถสังเกตไดจ้ าก
ลักษณะภายนอกของสารได้ เชน่ สี สถานะ เปน็ ต้น ซึง่ เป็นสมบตั ิทางกายภาพของสาร แตส่ มบัตบิ างชนดิ ของ
สารเกดิ จากการทำปฏกิ ิริยาเคมี ทำให้เกดิ สารใหม่ทม่ี ีองค์ประกอบแตกตา่ งไปจากเดิม เช่น การเผาไหม้ การ
เกิดสนิม เปน็ ต้น ซึ่งเป็นสมบัติทางเคมีของสาร การระบวุ า่ สารแตล่ ะชนิดเป็นสารประเภทใดจำเปน็ ต้องใช้
สมบตั ิของสารมาวเิ คราะห์ เช่น การใชส้ ถานะ การใชเ้ น้อื สาร และการใช้ขนาดของอนภุ าคมาเปน็ เกณฑ์ในการ
จำแนกสาร
2. ทักษะ/กระบวนการ (Skill during the process)
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
3. หลักฐานการเรียนรู้ช้ินงานหรือภาระงาน (Work)
1. ใบงาน
2. สมดุ
4. สมรรถนะ (Competency)
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
27
1. ทักษะระบุ
2. ทกั ษะการสังเกต
3. ทักษะการสำรวจค้นหา
4. ทักษาการจำแนกประเภท
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4. การวดั และการประเมินผล (Evaluation)
สงิ่ ที่วดั ผล วิธวี ดั ผล เครื่องมือวัดผล เกณฑ์การประเมนิ
ประเมินตามสภาพจรงิ
ด้านความรู้ (K) - แบบทดสอบก่อน แบบทดสอบ
ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์
เรยี น และหลัง 1.แบบฝกึ หดั
2.ใบงาน ระดับคุณภาพ 2
เรียน แบบสรุปคุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
ระดับคุณภาพ 2
ด้านทักษะ/กระบวนการ -การสงั เกต แบบสรุปสมรถนะของผ้เู รยี น ผ่านเกณฑ์
(P)
เจตคต/ิ คุณลักษณะ (A) -การสังเกต
สมรถนะของผู้เรยี น (C) -การสงั เกต
5. กระบวนการการจดั กจิ กรรม / รูปแบบการจดั กจิ กรรม (Learning Process)
การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้/แนวทางการเสรมิ แรงหรือชว่ ยเหลอื นกั เรยี น
1. รปู แบบการจักการเรียนทีเ่ ป็นเกมส์
2. การให้คำชมนกั เรียนท่ีต้งั ใจทำงาน
6. กิจกรรมการเรียนการสอน
1. ขั้นนำเขา้ ส่บู ทเรยี น ( ระบุเวลาท่ีใช้ )
ขัน้ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
ชัว่ โมงที่ 1
ข้นั นำ
กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครูแจง้ ผลการเรยี นรู้ให้นกั เรียนทราบ
2. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน
3. ครถู ามคำถาม Big Question วา่ สารท่อี ยรู่ อบตวั เรามคี วามแตกตา่ งกนั อย่างไร