The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อัยการนิเทศ เล่มที่ 84 ปี 2562

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aram.du, 2021-11-13 05:25:44

อัยการนิเทศ เล่มที่ 84 ปี 2562

อัยการนิเทศ เล่มที่ 84 ปี 2562

บอกเลิกตามสัญญาหรือกฎหมาย ดังนั้น เมื่อผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญาแล้วก็ไม่มีสิทธ

ขยายระยะเวลาทำงานให้แก่ผู้รับจ้างต่อไป แต่หากเป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัยหรือความผิดหรือ
ความบกพรอ่ งของผู้ว่าจ้าง ผู้วา่ จา้ งก็ชอบท่ีจะงดหรอื ลดค่าปรบั ตามสญั ญาเท่าน้นั



ขอ้ เทจ็ จริงและขอ้ หารือ

เทศบาล ก. (ผ้วู า่ จ้าง) ไดท้ ำสัญญาจ้างเหมากบั ห้างหุน้ ส่วนจำกัด ข. (ผู้รับจ้าง) เพอื่ ทำการ
รับเหมาก่อสร้างอาคารสำนักงาน ตามสัญญาเลขท่ี ๔๖/๒๕๕๘ ต่อมาผู้รับจ้างได้ดำเนินการ
ก่อสร้างล่าช้าไม่เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงาน เทศบาล ก. จึงได้บอกเลิกสัญญาเม่ือวันที่ ๒๐
เมษายน ๒๕๖๑ โดยอาศัยสิทธิตามสญั ญาขอ้ ๖ ท่ีวา่ มีเหตอุ นั ควรเช่อื วา่ ผ้รู บั จ้างไม่สามารถทำงาน
ให้แล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลาอันสมควร โดยขอริบหลักประกันสัญญาไว้และสงวนสิทธิต่าง ๆ
ไดแ้ ก่ คา่ ปรบั คา่ ใชจ้ า่ ยทเ่ี พมิ่ ขนึ้ คา่ ใชจ้ า่ ยในการคมุ งาน คา่ เสยี หายอนื่ ๆ และผรู้ บั จา้ งยงั ตอ้ งรบั ผดิ
ในความชำรุดบกพร่องของงานท่ีทำตามระยะเวลาในสัญญา และขอสงวนสิทธิตามเงื่อนไข

แห่งสัญญาทกุ ประการ เทศบาล ก. จงึ ขอหารือ ดงั นี

๑. เม่ือเลิกสัญญาจ้าง หากมีการดำเนินการหาผู้รับจ้างรายใหม่ต้องดำเนินการตามระเบียบ
กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถ่ิน พ.ศ. ๒๕๓๕ แก้ไข
เพม่ิ เติม (ฉบบั ท่ี ๙) หรอื พระราชบญั ญัติการจดั ซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดภุ าครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐

๒. เม่ือผู้ว่าจ้างได้ว่าจ้างผู้รับจ้างรายใหม่มาดำเนินการแล้ว ผู้รับจ้างรายเดิมยังต้องรับผิด
ในความชำรดุ บกพรอ่ งของงานทจี่ า้ งหรอื ไม่ หากผรู้ บั จา้ งรายเดมิ ยงั คงตอ้ งรบั ผดิ ในความชำรดุ บกพรอ่ ง
ของงานทจ่ี า้ ง ผวู้ า่ จา้ งจะยดึ หลกั ประกนั ไวจ้ นกวา่ จะสน้ิ สดุ ระยะเวลาในการรบั ผดิ ในความชำรดุ บกพรอ่ ง
ไดห้ รอื ไม่

๓. ผู้ว่าจ้างจะริบหลักประกันตามสัญญาได้หรือไม่ หากผู้ว่าจ้างต้องคืนหลักประกันให้แก่
ผู้รับจ้างและต้องคืนภายในระยะเวลาใด และหากมีค่าเสียหายท่ีต้องเรียกเอาจากผู้รับจ้าง และ

ค่าเสียหายน้ันไม่เกินกว่าจำนวนเงินของหลักประกัน ถือว่าเงินประกันตามสัญญาเป็นค่าเสียหาย
หรือไม่ หรือตอ้ งเรยี กคา่ เสียหายเปน็ อีกส่วนหนึ่งต่างหาก

๔. สญั ญากอ่ สรา้ งแบง่ เปน็ ๑๒ งวด แลว้ เสรจ็ ในงวดท่ี ๑ - ๘ สว่ นงวดที่ ๙ - ๑๒ ไดด้ ำเนนิ การ
ไปบางสว่ นแลว้ แตย่ งั กอ่ สรา้ งไมค่ รบปรมิ าณงานตามงวดงาน ผวู้ า่ จา้ งตอ้ งใชค้ นื คา่ การงานอนั ผรู้ บั จา้ ง
ได้กระทำไปแล้วในงวดท่ี ๙ - ๑๒ ที่ยังไม่แล้วเสร็จหรือไม่ หากต้องใช้คืนจะใช้วิธีการคำนวณ
ตามหลักเกณฑ์ใดและตอ้ งใช้คนื ภายในระยะเวลาใด

๕. นอกจากค่าปรับ ค่าใช้จ่ายที่เพ่ิมข้ึนในการทำงานน้ันต่อให้แล้วเสร็จและค่าใช้จ่ายในการ
ควบคมุ งาน ผู้วา่ จ้างตอ้ งคดิ ค่าเสียหายอืน่ ใดจากผ้รู ับจา้ งอกี หรอื ไม่

๖. กรณที ่ีผ้รู ับจ้างได้ชำระค่าปรบั ค่าเสยี หายท้ังหมด ใหแ้ ก่ผวู้ ่าจ้างแล้ว จะตอ้ งดำเนินการ
กบั ผรู้ ับจ้างในฐานะผู้ท้ิงงานอีกหรอื ไม่

๗. ผรู้ บั จา้ งไดข้ อขยายเวลาการทำงานออกไปตามสญั ญา ในกรณที มี่ เี หตสุ ดุ วสิ ยั หรอื เหตใุ ด ๆ
อันเนื่องมาจากความผิดหรือความบกพร่องของฝ่ายผู้ว่าจ้าง หรือพฤติการณ์อันหนึ่งอันใดท่ีผู้รับจ้าง
ไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย ซ่ึงคณะกรรมการตรวจรับงานของผู้ว่าจ้างได้มีความเห็นว่าไม่เข้ากรณี


อัยการนเิ ทศ เลม่ ที่ ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒
141

ทจ่ี ะขอขยายระยะเวลาได้ เมอื่ สญั ญาสนิ้ สดุ ลงโดยการเลกิ สญั ญาแลว้ และมกี ารคดิ คา่ ปรบั กรณลี า่ ชา้

ผู้ว่าจ้างสามารถทบทวนและพิจารณาการขอขยายเวลาการทำงานของผู้รับจ้างที่ขอก่อนครบ

ระยะเวลาตามสญั ญาไดห้ รือไม



คำวินจิ ฉัย

๑. ตามข้อหารือ ๑ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าปัจจุบันเทศบาล ก. (ผู้ว่าจ้าง) ได้บอกเลิก
สัญญาจ้างเหมากับผู้รับจ้างแล้ว ดังนั้น หากเทศบาล ก. ประสงค์จะจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่

ก็ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐

และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐

ซึ่งมีผลบงั คบั ใช้กบั ทกุ หนว่ ยงานของรฐั นับแตว่ ันท่ี ๒๔ สงิ หาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป

๒. ตามขอ้ หารอื ๒ ตามสัญญาข้อ ๗ กำหนดความรับผิดในความชำรุดบกพร่องของงานจา้ ง
เมื่องานแล้วเสร็จสมบูรณ์ และผู้ว่าจ้างได้รับมอบงานจ้างท่ีแล้วเสร็จสมบูรณ์ท้ัง ๑๒ งวดแล้ว

เม่ือมีการบอกเลิกสัญญาจ้าง ก่อนที่ผู้รับจ้างรายเดิมจะส่งมอบงานแล้วเสร็จสมบูรณ์ การบอกเลิก
สัญญาของผู้ว่าจ้างมีผลให้สัญญาสิ้นสุดลง ทำให้คู่สัญญากลับคืนสู่ฐานะเดิมตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ วรรคแรก ผู้รับจ้างรายเดิมจึงไม่ต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่อง
ของงานทจี่ า้ งแลว้ เสรจ็ สมบรู ณต์ ามสญั ญาขอ้ ๗ อยา่ งไรกต็ าม หากมคี วามเสยี หายอนั เกดิ จากการงาน
ที่ผู้รับจ้างเดิมได้ทำไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดจากความชำรุดบกพร่องหรือเกิดจากความเสียหายอื่น ๆ
เทศบาล ก. ชอบที่จะเรียกค่าเสียหายอื่นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑
วรรคทา้ ย

๓. ตามขอ้ หารอื ๓ ตามสญั ญาจา้ งเหมาขอ้ ๑๗ วรรคสอง เมอื่ มกี ารบอกเลกิ สญั ญา ผวู้ า่ จา้ ง
ย่อมมีสิทธิริบหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาท้ังหมดหรือบางส่วนตามแต่จะเห็นสมควร

นอกจากน้ันผู้รับจ้างจะต้องรับผิดในค่าเสียหาย ซึ่งเป็นจำนวนเกินกว่าหลักประกันการปฏิบัติงาน
และคา่ เสยี หายตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ รวมทง้ั คา่ ใชจ้ า่ ยทเ่ี พมิ่ ขนึ้ ในการทำงานนน้ั ตอ่ ใหแ้ ลว้ เสรจ็ ตามสญั ญา
และค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานเพิ่ม (ถ้ามี) ซ่ึงผู้ว่าจ้างจะหักเอาจากเงินประกันผลงานหรือ

จำนวนเงินใด ๆ ที่จะจ่ายให้แก่ผู้รับจ้างก็ได้ ดังน้ัน เม่ือข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้รับจ้างไม่สามารถ
ทำงานใหแ้ ลว้ เสรจ็ ไดภ้ ายในระยะเวลา เทศบาล ก. จงึ มสี ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญาและมสี ทิ ธริ บิ หลกั ประกนั
การปฏิบตั ิตามสญั ญาและเรียกคา่ เสียหายตามสัญญาข้อ ๑๗ วรรคสอง ดังกล่าว

สำหรับการคืนหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาน้ัน เป็นไปตามสัญญาจ้างเหมาข้อ ๓
วรรคท้าย ท่ีกำหนดว่าผู้ว่าจ้างจะต้องคืนให้แก่ผู้รับจ้าง เมื่อผู้รับจ้างพ้นจากข้อผูกพันตามสัญญา
แตห่ ากเทศบาล ก. ไดใ้ ชส้ ทิ ธริ บิ หรอื บงั คบั เอาคา่ เสยี หายจากหลกั ประกนั การปฏบิ ตั ติ ามสญั ญานน้ั แลว้
ยอ่ มไม่มกี รณตี อ้ งคนื หลักประกนั การปฏบิ ัตติ ามสญั ญา

๔. ตามข้อหารือ ๔ ถ้าเทศบาล ก. ประสงค์จะใช้คืนค่าการงานท่ีผู้รับจ้างได้ดำเนินการ
ไปบางส่วนในงวดท่ี ๙ - ๑๒ เทศบาลเมือง ก. ก็ต้องใช้เงินตามควรแห่งค่าการงานนั้นตาม

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ วรรคสาม สำหรับหลักเกณฑ์ที่จะใช้ในการ
คำนวณสามารถพิจารณาได้ตามใบแจ้งปริมาณงานและราคา โดยเทศบาล ก. จะใช้ค่าการงานได ้


142 ตอบขอ้ หารอื สำนกั งานอัยการสงู สดุ

ต่อเม่ือพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้รับจ้างชำระหนี้ถูกต้องเหมาะสมและรับเอาผลงานน้ันไว้ ทั้งน้ี

เปน็ ไปตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยม์ าตรา ๓๙๒ ประกอบมาตรา ๓๖๙ แตห่ ากเทศบาล ก.
พจิ ารณาแลว้ เห็นว่าไมถ่ ูกต้องเหมาะสม ยอ่ มไมอ่ าจรบั ผลงานน้นั

๕. ตามข้อหารือ ๕ การเรียกค่าเสียหายน้ัน ก็เพ่ือทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการท่ี
ผ้รู บั จ้างไมท่ ำงานให้แล้วเสรจ็ รวมทั้งความเสียหายอนั เกดิ แก่พฤติการณพ์ เิ ศษทผี่ ู้รับจ้างได้คาดเห็น
และควรจะคาดเห็นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ วรรคท้าย

ประกอบมาตรา ๒๒๒ ซ่งึ ตามสญั ญาข้อ ๑๗ วรรคสอง คา่ ปรับ ค่าใชจ้ า่ ยท่ีเพ่ิมขน้ึ ในการทำงานต่อ
ให้แล้วเสร็จและค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานก็อยู่ในค่าเสียหายตามมาตรา ๒๒๒ แล้ว เทศบาล ก.
จงึ ไม่จำเป็นต้องเรยี กคา่ เสยี หายใด ๆ เพ่มิ เตมิ อีก

๖. ตามข้อหารือ ๖ แม้ผู้รับจ้างน้ันจะได้ชำระค่าปรับและค่าเสียหายท้ังหมดให้แก่เทศบาล
ก.แล้วก็ตาม แต่เม่ือผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญา ย่อมถือว่าผู้รับจ้างน้ันกระทำการอันมีลักษณะ

เปน็ ผทู้ ง้ิ งานตามพระราชบญั ญตั กิ ารจดั ซอื้ จดั จา้ งและการบรหิ ารพสั ดภุ าครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๐๙ (๒)

๗. ตามข้อหารอื ๗ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา ๓๘๖ การแสดงเจตนา
บอกเลิกสัญญาแล้ว ไม่สามารถถอนหรือทบทวนได้ เว้นแต่การบอกเลิกนั้นไม่ชอบ เนื่องจาก

ไม่มสี ิทธบิ อกเลกิ ตามสญั ญาหรอื กฎหมาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทศบาล ก. บอกเลิกสัญญาแล้วก็ไม่มีสิทธิขยายระยะเวลาทำงานให้แก่
ผู้รับจ้างต่อไป แต่หากรับฟังได้ว่ามีเหตุสุดวิสัยหรือความผิดหรือความบกพร่องของผู้ว่าจ้าง
เทศบาล ก. ก็ชอบทจี่ ะงดหรือลดคา่ ปรับตามสัญญาเทา่ นั้น






อัยการนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒
143

คำวินิจฉยั ที่ ห. ๑๑๙/๒๕๖๑

เรื่อง การบอกเลิกสัญญา

กฎหมาย ระเบียบ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ (มาตรา ๓๕๖, ๓๙๑)

พระราชกฤษฎกี าจดั ตัง้ องคก์ ารส่งเสรมิ กจิ การโคนมแห่งประเทศไทย


พ.ศ. ๒๕๑๔ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เติม (มาตรา ๗, ๑๗ (๑))

ขอ้ บงั คบั องค์การสง่ เสรมิ กิจการโคนมแหง่ ประเทศไทยวา่ ด้วยการพัสด

พ.ศ. ๒๕๔๑ และทีแ่ ก้ไขเพิม่ เตมิ

ขอ้ บงั คบั องคก์ ารสง่ เสรมิ กจิ การโคนมแหง่ ประเทศไทยวา่ ดว้ ยการจดั ซอื้ จดั จา้ ง

และการบริหารพสั ดุเกี่ยวกับอุตสาหกรรมโคนม พ.ศ. ๒๕๖๑



การที่เครื่องจักรมีความชำรุดบกพร่องและผู้ให้เช่าไม่สามารถซ่อมแซมและไม่สามารถ
จัดหาเครื่องจักรใหม่มาแทนเครื่องจักรเดิมได้ ถือว่าทรัพย์สินท่ีเช่าใช้งานไม่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์
ตามสัญญา ผเู้ ชา่ มีสทิ ธิบอกเลกิ สญั ญาได้ นอกจากนห้ี ากปรากฏวา่ คา่ ปรับสูงเกนิ กวา่ รอ้ ยละสบิ
ของวงเงนิ คา่ เชา่ ตามสญั ญา ผู้เช่ากม็ สี ทิ ธบิ อกเลิกสญั ญาไดต้ ามขอ้ บงั คับของผ้เู ช่าเชน่ กัน

เม่ือบอกเลิกสัญญาแล้ว ผู้เช่าจึงมีสิทธิริบหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาและมีสิทธิ
เรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาได้ และกรณีท่ีผู้เช่าต้องเช่าเคร่ืองจักร
อุปกรณ์จากผู้ให้เช่ารายอื่นมาทดแทนเครื่องจักรอุปกรณ์เดิม ผู้ให้เช่าต้องรับผิดชดใช้ราคา

ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นด้วยและหากความเสียหายเกินกว่าจำนวนหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญา

ผู้เช่ามีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ให้เช่าชดใช้ค่าเสียหายส่วนท่ีเกินกว่าหลักประกัน รวมท้ังสิทธิเรียก

ค่าเสียหายอื่นจากผู้ใหเ้ ชา่ ไดต้ ามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา ๓๙๑ วรรคส
่ี
เมื่อคณะกรรมการของผู้เช่าเป็นผู้อนุมัติให้เช่าเครื่องจักรตามสัญญาเช่าเคร่ืองจักรกับ

ผู้ให้เช่าโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย การบอกเลิกสัญญาเช่าเคร่ืองจักรกับผู้ให้เช่า

จงึ ชอบทีจ่ ะเสนอใหค้ ณะกรรมการของผ้เู ชา่ ให้ความเหน็ ชอบเสียกอ่ น



ข้อเทจ็ จริงและข้อหารอื

องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ผู้เช่า ได้ทำสัญญาเช่าเคร่ืองจักรอุปกรณ์
โรงงานบรรจุผลิตภัณฑ์นมกับ บริษัท ข. ผู้ให้เช่า ต่อมาระหว่างสัญญาเช่า ผู้เช่าพบปัญหาเร่ือง
ประสทิ ธภิ าพของเครอ่ื งจกั ร เชน่ พบการตดิ เชอ้ื ในระบบเครอื่ งบรรจุ กลอ่ งบรรจรุ ว่ั เนอ้ื นมเปน็ กอ้ น
กล่องบรรจุบวม หรือบิดเบ้ียว ส่งผลให้เกิดการสูญเสียในกระบวนการผลิต ผู้เช่าจึงชะลอการใช้
เคร่ืองจักรท่ีเช่าและแจ้งให้บริษัท ข. ทราบถึงความชำรุดบกพร่องของเครื่องจักรและให้ดำเนินการ

144 ตอบข้อหารอื สำนกั งานอัยการสงู สดุ

แก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน ๒ วัน แต่บริษัท ข. ไม่สามารถแก้ไขความชำรุดบกพร่องภายในเวลา

ที่กำหนดได้และไม่ได้นำเคร่ืองจักรอุปกรณ์ที่มีคุณภาพและความสามารถใช้งานไม่ต่ำกว่า

หรือสูงกว่าเครื่องจักรท่ีให้เช่าเดิมมาติดต้ังให้แก่ผู้เช่าแต่อย่างใด องค์การส่งเสริมกิจการโคนม

แห่งประเทศไทยจึงขอหารอื ดงั นี

๑. ผู้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าเคร่ืองจักรอุปกรณ์โรงงานบรรจุผลิตภัณฑ์นมได้หรือไม่
อยา่ งไร

๒. การบอกเลิกสัญญาเช่าเคร่ืองจักรอุปกรณ์โรงงานบรรจุผลิตภัณฑ์นม ผู้เช่าต้องได้รับ
ความเห็นชอบจากคณะกรรมการองค์การส่งเสรมิ กิจการโคนมแห่งประเทศไทยหรือไม่ อย่างไร



คำวนิ ิจฉยั

๑. จากข้อหารือที่ ๑ เม่ือข้อเท็จจริงปรากฏว่า เคร่ืองจักรอุปกรณ์ตามสัญญาเช่าเคร่ืองจักร
อปุ กรณโ์ รงงานบรรจผุ ลติ ภณั ฑน์ มประสบปญั หาความชำรดุ บกพรอ่ งในระหวา่ งการผลติ และผใู้ หเ้ ชา่
ไม่สามารถซ่อมแซมแก้ไขให้เคร่ืองจักรอุปกรณ์ใช้งานได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตามสัญญา

และไม่สามารถจัดหาเครื่องจักรอุปกรณ์ใหม่มาให้ผู้เช่าใช้แทนเครื่องจักรอุปกรณ์เดิมได้ตามสัญญา
ผู้เช่าจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ทั้งตามสัญญาเช่า ข้อ ๑๗ กำหนดว่า หากทรัพย์สินที่เช่าใช้งาน

ไม่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามสัญญา หรือผู้ให้เช่าไม่ปฏิบัติตามสัญญาข้อหน่ึงข้อใด ผู้เช่ามีสิทธ

บอกเลกิ สญั ญาได้ นอกจากนี้ หากปรากฏวา่ คา่ ปรบั สงู เกนิ กวา่ รอ้ ยละสบิ ของวงเงนิ คา่ เชา่ ตามสญั ญา
ผู้เช่าก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามข้อบังคับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยว่าด้วย
การพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๑ และที่แก้ไขเพ่ิมเติมประกอบข้อบังคับองค์การส่งเสริมกิจการโคนม

แหง่ ประเทศไทย วา่ ดว้ ยการจดั ซอ้ื จดั จา้ งและการบรหิ ารพสั ดเุ กย่ี วกบั อตุ สาหกรรมโคนม พ.ศ. ๒๕๖๑

อน่ึง ก่อนที่ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาดังกล่าว ผู้เช่าต้องแจ้งไปยังผู้ให้เช่า เพื่อใช้สิทธิหักค่าเช่า
ตามจำนวนวันที่ไม่สามารถใช้เครื่องจักรอุปกรณ์ท่ีเช่าได้ และสิทธิในการคิดค่าปรับ รวมทั้ง

แจ้งเรียกเงินค่าปรับจากผู้ให้เช่าเป็นรายวันจากการที่ผู้เช่าไม่สามารถใช้งานเคร่ืองจักรอุปกรณ์ได้
ตามสัญญาเกินกว่า ๗ วัน รวมท้ังการที่ผู้ให้เช่าไม่ดำเนินการจัดหาเคร่ืองจักรอุปกรณ์มาให้ผู้เช่า

ใช้แทนเครื่องจักรอุปกรณ์ท่ีชำรุดบกพร่อง ตามสัญญาข้อ ๑๑ และข้อ ๑๔ วรรคสอง และผู้เช่า

มีสิทธิท่ีจะไม่จ่ายค่าเช่าตามสัญญาได้ตามจำนวนวันท่ีผู้เช่าไม่สามารถใช้เครื่องจักรอุปกรณ์ที่เช่า

ตามสญั ญาข้อ ๑ วรรคสอง

นอกจากนี้ เม่ือผู้เช่าบอกเลิกสัญญาแล้ว ผู้เช่ามีสิทธิริบหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญา
และมสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งจากธนาคารผอู้ อกหนงั สอื คำ้ ประกนั ตามสญั ญาขอ้ ๑๗ วรรคสอง ประกอบขอ้ ๑๖
และในกรณีที่ผู้เช่าต้องเช่าเครื่องจักรอุปกรณ์จากผู้ให้เช่ารายอื่นมาทดแทนเคร่ืองจักรอุปกรณ

ตามสัญญาเช่า ผู้ให้เช่าต้องรับผิดชดใช้ราคาค่าเช่าท่ีเพิ่มข้ึนจากท่ีกำหนดไว้ในสัญญาน้ีด้วย


อัยการนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒
145

ตามสญั ญาขอ้ ๑๗ วรรคสอง และหากมคี วามเสยี หายเกนิ กวา่ จำนวนหลกั ประกนั การปฏบิ ตั ติ ามสญั ญา
ผู้เช่ามีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ให้เช่าจ่ายค่าเสียหายส่วนที่เกินกว่าหลักประกันได้ตามสัญญาข้อ ๒๑.๒
รวมท้ังมีสิทธิเรียกค่าเสียหายอื่น ๆ จากผู้ให้เช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา ๓๙๑ วรรคสี

๒. จากข้อหารือที่ ๒ เม่ือข้อเท็จจริงปรากฏว่าคณะกรรมการองค์การส่งเสริมกิจการโคนม
แห่งประเทศไทยเป็นผู้อนุมัติให้ดำเนินการเช่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ตามสัญญาเช่าเครื่องจักร

และอุปกรณ์โรงงานบรรจุผลิตภัณฑ์นมดังกล่าวกับผู้ให้เช่าโดยอาศัยอำนาจตามพระราชกฤษฎีกา

จดั ตง้ั องคก์ ารสง่ เสรมิ กจิ การโคนมแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๑๔ และทแี่ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ มาตรา ๑๗ (๑)
การบอกเลกิ สญั ญาเชา่ เครอื่ งจกั รและอปุ กรณโ์ รงงานบรรจผุ ลติ ภณั ฑน์ มกบั ผใู้ หเ้ ชา่ จงึ ชอบทจี่ ะเสนอ
ให้คณะกรรมการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยให้ความเห็นชอบเสียก่อน

ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยฯ มาตรา ๑๗ (๑)
ประกอบมาตรา ๗




146 ตอบขอ้ หารอื สำนักงานอัยการสงู สดุ

บทความ

อยั การนเิ ทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 161

158 หนังสอื เวยี น

ระเบยี บสำนกั งานอัยการสูงสุด


วา่ ด้วยการสง่ั คดีอาญาท่จี ะไม่เป็นประโยชนแ์ ก่สาธารณชน หรอื จะมีผลกระทบ

ตอ่ ความปลอดภยั หรอื ความมนั่ คงของชาติ หรอื ตอ่ ผลประโยชนอ์ นั สำคญั ของประเทศ (ฉบบั ที่ ๒)


พ.ศ. ๒๕๖๑

อนุชาติ คงมาลัย*


เดิมสำนักงานอัยการสูงสุดได้กำหนดระเบียบปฏิบัติการสั่งคดีอาญาท่ีจะไม่เป็นประโยชน์

แก่สาธารณชนไว้ในระเบียบว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๗๘
ตอ่ มาในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ เมอ่ื ประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั อิ งคก์ รอยั การและพนกั งานอยั การ พ.ศ. ๒๕๕๓
ซ่ึงได้กำหนดบทบัญญัติว่าด้วยการส่ังคดีอาญาท่ีจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะม

ผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความม่ันคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ

ไว้ในมาตรา ๒๑ วรรคสอง โดยให้เป็นไปตามระเบียบที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด

โดยความเห็นชอบของ ก.อ.

สำนักงานอัยการสูงสุดโดยความเห็นชอบของ ก.อ. ได้ออกระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด

ว่าด้วยการส่ังคดีอาญาท่ีจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัย
หรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งระเบียบนี้

ใหย้ กเลกิ หลกั เกณฑเ์ ดมิ ตามทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นระเบยี บสำนกั งานอยั การสงู สดุ วา่ ดว้ ยการดำเนนิ คดอี าญา
ของพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๗๘ และให้ใช้หลักเกณฑ์ตามระเบียบน้ีซ่ึงมีทั้งสิ้น ๑๔ ข้อ
โดยกำหนดปัจจัยประกอบการสั่งคดีที่จะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความม่ันคงของชาติ
หรือต่อผลประโยชนอ์ ันสำคัญของประเทศไวใ้ นขอ้ ๗ และกำหนดให้อยั การสูงสดุ มีอำนาจส่งั ไมฟ่ ้อง
หรอื ถอนฟ้องไว้ในขอ้ ๙(๑)

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนกั งานอัยการสงู สดุ โดยความเห็นชอบของ ก.อ. ได้ออกระเบยี บ
สำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสั่งคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะม

ผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความม่ันคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อแก้ไขเพ่ิมเติมระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสั่งคดีอาญา

ท่ีจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ
หรอื ต่อผลประโยชน์อนั สำคัญของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๔ ขอ้ ๗ และข้อ ๙ ดังน
ี้


บทบญั ญตั ิของกฎหมาย

พระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓ บัญญัติหลักการส่ังคดี

ท่ีจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความม่ันคงของชาติ
หรอื ต่อผลประโยชน์อันสำคญั ของประเทศเอาไว้ในมาตรา ๒๑ วรรคสอง และวรรคสาม ดังน
ี้

* อดตี รองอัยการสูงสุด

๑ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากบทความเรื่อง “การสั่งคดีอาญาท่ีจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชนหรือจะมีผลกระทบต่อ


ความปลอดภัยหรือความม่ันคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ” :อนุชาติ คงมาลัย ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔

: เผยแพร่ใน Website ของสำนกั งานอัยการสูงสุด www.ago.go.th


อัยการนเิ ทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒
149

“มาตรา ๒๑ พนักงานอัยการมีอิสระในการพิจารณาสั่งคดีและการปฏิบัติหน้าท่ี ให้เป็น

ไปตามรัฐธรรมนญู และตามกฎหมายโดยสจุ ริตและเทย่ี งธรรม

ถ้าพนักงานอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมี

ผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความม่ันคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ

ให้เสนอต่ออัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดมีอำนาจส่ังไม่ฟ้องได้ ทั้งน้ี ตามระเบียบที่

สำนกั งานอยั การสูงสดุ กำหนด โดยความเห็นชอบของ ก.อ.

ให้นำความในวรรคสองมาใช้บังคับกับกรณีที่พนักงานอัยการไม่ยื่นคำร้อง ไม่อุทธรณ์

ไมฎ่ ีกา ถอนฟอ้ ง ถอนคำรอ้ ง ถอนอทุ ธรณ์ และถอนฎีกาโดยอนุโลม”

ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการส่ังคดีอาญาท่ีจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชนฯ
พ.ศ. ๒๕๕๔

สำนกั งานอัยการสูงสุดโดยความเห็นชอบของ ก.อ. จงึ ไดอ้ อกระเบยี บสำนักงานอัยการสงู สดุ
ว่าด้วยการส่ังคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัย
หรือความม่ันคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีบทบัญญัต

ทง้ั ส้ิน ๑๔ ข้อ ดงั น ี้

๑. ชือ่ ของระเบียบ (ขอ้ ๑)

“ข้อ ๑ ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสั่งคดีอาญา

ที่จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ
หรือตอ่ ผลประโยชนอ์ ันสำคัญของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๔””

๒. วนั ท่รี ะเบยี บใชบ้ ังคบั (ข้อ ๒)

“ข้อ ๒ ระเบยี บนใี้ หใ้ ชบ้ งั คบั ตง้ั แตว่ นั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป”

ระเบียบฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เม่ือวันท่ี ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ จึงมีผลใช้
บังคบั ต้ังแต่วันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ เปน็ ตน้ ไป

๓. ความหมาย “หัวหน้าพนักงานอัยการ” (ข้อ ๓)

“ขอ้ ๓ ในระเบียบนี้

“หวั หนา้ พนักงานอยั การ” หมายความวา่ อัยการพเิ ศษฝ่ายหรอื อยั การจงั หวดั ทม่ี ีอำนาจ
หน้าทใ่ี นการดำเนนิ คดอี าญา”

๔. ยกเลกิ ระเบียบเดมิ (ขอ้ ๔)

“ข้อ ๔ ให้ยกเลิกระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของ

พนกั งานอัยการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๗๘

สำหรับวิธีปฏิบัติอื่นใดที่ไม่ได้กำหนดไว้ในระเบียบน้ี ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบ

สำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ เว้นแต่อัยการสูงสุดจะมี

คำส่งั เปน็ อย่างอ่นื ”

๕. การพิจารณาสงั่ คดีของพนักงานอัยการและหวั หนา้ พนักงานอัยการ (ข้อ ๕)

“ข้อ ๕ ในการพจิ ารณาสงั่ คดอี าญาของพนกั งานอยั การ ถา้ พนกั งานอยั การคนหนง่ึ คนใด
เห็นว่า การฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน ตามข้อ ๖ หรือจะมีผลกระทบต่อ


150 บทความ

ความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ ตามข้อ ๗

ให้เสนอความเห็นต่อหัวหน้าพนักงานอัยการ หากพนักงานอัยการเห็นพ้องด้วย หรือในกรณีที่
หัวหน้าพนักงานอยั การเห็นเอง ใหท้ ำความเห็นตามลำดบั ชน้ั เสนอตอ่ อยั การสูงสุดเพ่ือพจิ ารณาส่งั

ในกรณีท่ีหัวหน้าพนักงานอัยการไม่เห็นพ้องด้วยกับความเห็นของพนักงานอัยการตาม
วรรคหน่ึงหรือคดีจะขาดอายุความ หรือมีเหตุอย่างอื่นจำเป็นจะต้องรีบฟ้อง ให้หัวหน้าพนักงาน
อัยการส่ังฟ้องและยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล แล้วเสนอเร่ืองตามลำดับช้ันต่ออัยการสูงสุดเพื่อ
พจิ ารณาสัง่ ”

๖. ปัจจยั ประกอบการสง่ั คดจี ะไม่เป็นประโยชนแ์ กส่ าธารณชน (ขอ้ ๖)

“ข้อ ๖ ในกรณีท่ีพนักงานอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน
ตามข้อ ๕ ให้พนักงานอัยการพิจารณาโดยแสดงเหตุผลอันสมควรประกอบ โดยให้คำนึงถึงปัจจัย
ตา่ ง ๆ ทเี่ กี่ยวข้อง ดังตอ่ ไปนี้

(๑) สาเหตหุ รอื มูลเหตุจูงใจในการกระทำความผดิ

(๒) อายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สภาพร่างกาย สภาพจิต
อาชพี ฐานะ ความสัมพันธท์ างครอบครวั และประวัติการกระทำความผดิ ของผู้ต้องหา

(๓) ลกั ษณะความรา้ ยแรงของการกระทำความผดิ ผลรา้ ยทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการกระทำความผดิ
การได้รบั ผลรา้ ยของผู้ตอ้ งหาอนั เน่ืองมาจากการกระทำความผิดของผูต้ ้องหาเอง

(๔) ความสำนึกผิดของผู้ต้องหา การได้รับการบรรเทาผลร้ายของผู้เสียหาย ความเห็น
ของผูเ้ สียหายต่อการฟ้องผตู้ อ้ งหา ความคาดหมายถึงผลทีผ่ ู้ตอ้ งหาจะได้รบั จากการถูกฟอ้ ง

(๕) ความสงบเรียบร้อยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน

(๖) ประโยชนข์ องรฐั ทจี่ ะไดจ้ ากการฟ้องผู้ตอ้ งหา”

๗. ปัจจัยประกอบการสั่งคดีจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ
หรอื ต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ (ขอ้ ๗)

“ข้อ ๗ ในกรณีท่ีพนักงานอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัย
หรือความม่ันคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศตามข้อ ๕ ให้พนักงานอัยการ
พิจารณาโดยแสดงเหตผุ ลอนั สมควรประกอบ โดยให้คำนึงถงึ ปจั จัยต่าง ๆ ท่เี ก่ียวขอ้ ง ดงั ต่อไปน ้ี

(๑) สาเหตุหรือมูลเหตุจูงใจในการกระทำความผดิ ลกั ษณะความร้ายแรงของการกระทำ
ความผิด ผลร้ายท่เี กิดจากการกระทำความผดิ

(๒) เหตผุ ลตามความเห็นของกระทรวงการตา่ งประเทศถึงผลกระทบต่อนโยบายส่งเสรมิ
ความสมั พนั ธไมตรกี ับนานาประเทศ

(๓) เหตุผลตามความเห็นของสภาความมั่นคงแห่งชาติถึงผลกระทบต่อความปลอดภัย
หรือความม่ันคงของชาติ หรือตอ่ ผลประโยชนอ์ ันสำคัญของประเทศ

(๔) เหตผุ ลตามความเหน็ ของรฐั บาลโดยมตคิ ณะรฐั มนตรถี งึ ผลกระทบตอ่ ความปลอดภยั

หรือความม่ันคงของชาติ หรอื ต่อผลประโยชน์อนั สำคญั ของประเทศ

(๕) ความสงบเรยี บรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชนหรอื ความสามคั คขี องคนในชาต”ิ

หมายเหตุ ระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ ๗ น้ี ได้ถูกยกเลิกและใช้ความใหม่แทน

โดยระเบยี บฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ แลว้


อัยการนเิ ทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒
151

๘. ใช้ดุลพินิจพิจารณาปัจจัยประกอบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แวดล้อม : โดยไม่ต้อง
นำมาทกุ ปจั จยั (ขอ้ ๘)

“ข้อ ๘ ในการใชด้ ลุ พนิ จิ พจิ ารณาปจั จยั ตา่ ง ๆ ตามขอ้ ๖ และตามขอ้ ๗ นน้ั ใหพ้ นกั งานอยั การ
พิจารณาความสำคัญของปัจจัยแต่ละเรื่องประกอบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แวดล้อมตามรูปคดี
โดยไม่จำเป็นต้องนำทกุ ปจั จยั มาประกอบการพจิ ารณาก็ได้”

๙. อยั การสูงสุดมีอำนาจสง่ั ไมฟ่ อ้ งหรอื ถอนฟ้อง (ขอ้ ๙)

“ข้อ ๙ เมื่อสำนวนคดีดังกล่าวเสนอมาถึงอัยการสูงสุด ถ้าอัยการสูงสุดเห็นว่า การฟ้อง
คดีอาญาน้ันจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือ

ความม่ันคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ อัยการสูงสุดมีอำนาจส่ังไม่ฟ้อง
หรือถอนฟ้อง แลว้ แตก่ รณี

หมายเหตุ ระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ ๙ น้ี ได้ถูกยกเลิกและใช้ความใหม่แทน

โดยระเบียบฯ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ แลว้

๑๐. แจ้งคำสั่งไม่ฟอ้ งพร้อมเหตผุ ลใหพ้ นกั งานสอบสวน (ขอ้ ๑๐)

“ข้อ ๑๐ เมื่ออัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาแล้ว ให้หัวหน้าพนักงานอัยการ

แจง้ คำสั่งไมฟ่ ้องพรอ้ มเหตุผลในการวินจิ ฉยั สงั่ คดีให้พนกั งานสอบสวนทราบ”

๑๑. นำมาใชบ้ งั คบั ในชน้ั อุทธรณ์และฎกี าโดยอนโุ ลม (ข้อ ๑๑)

“ข้อ ๑๑ ให้นำความในข้อ ๕ ข้อ ๖ ข้อ ๗ ข้อ ๘ ข้อ ๙ และข้อ ๑๐ มาใช้บังคับ

กับกรณีท่ีพนักงานอัยการจะไม่ยื่นคำร้อง ไม่อุทธรณ์ ไม่ฎีกา ถอนฟ้อง ถอนคำร้อง ถอนอุทธรณ์
และถอนฎกี าดว้ ยโดยอนโุ ลม”

๑๒. รายงานผลการดำเนนิ การใหส้ ำนักงานวชิ าการ (ขอ้ ๑๒)

“ข้อ ๑๒ เม่ืออัยการสูงสุดมีคำส่ังตามระเบียบนี้แล้ว ให้หัวหน้าพนักงานอัยการ

รายงานผลการดำเนนิ การให้สำนกั งานวิชาการทราบเพือ่ จดั เก็บรวบรวมเป็นขอ้ มูลตอ่ ไป”

๑๓. อยั การสงู สดุ มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหา (ข้อ ๑๓)

“ข้อ ๑๓ ให้อัยการสูงสุดมีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเก่ียวกับการปฏิบัติ

ตามระเบียบน”ี้

๑๔. อัยการสูงสุดรักษาการตามระเบียบและมีอำนาจออกประกาศ คำสั่ง หลักเกณฑ์
และวธิ ีการ (ข้อ ๑๔)

“ขอ้ ๑๔ ให้อยั การสูงสุดรกั ษาการตามระเบียบนี้ และใหม้ ีอำนาจออกประกาศ คำสงั่
หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการเพ่ือประโยชนใ์ นการปฏิบัตติ ามระเบยี บนี้”

ใช้ระเบยี บน้บี ังคบั กรณีมบี ทบัญญตั ขิ ัดหรอื แย้งกับระเบยี บนี้

ความตอนทา้ ยของระเบยี บฯ พ.ศ. ๒๕๕๔ น้ี บัญญตั ิว่า “บรรดาระเบยี บ ข้อบังคับ ประกาศ
และคำสัง่ ซึง่ ขัดหรือแยง้ กับระเบียบน้ใี หใ้ ช้ระเบียบนีแ้ ทน”

พ.ศ. ๒๕๖๑ ออกระเบยี บฯ (ฉบบั ท่ี ๒) แก้ไขระเบยี บ พ.ศ. ๒๕๕๔ ขอ้ ๗ และข้อ ๙

ตอ่ มาในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานอัยการสูงสุดโดยความเห็นชอบของ ก.อ. พจิ ารณาเห็นวา่
เพอื่ ใหก้ ารพจิ ารณาคดอี าญาทจี่ ะไมเ่ ปน็ ประโยชนแ์ กส่ าธารณชน หรอื จะมผี ลกระทบตอ่ ความปลอดภยั

152 บทความ

หรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศท่ีมีเหตุอันสำคัญและ

มีความจำเป็นเร่งด่วนได้รับการพิจารณาด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสั่งคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์
แกส่ าธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรอื ความมน่ั คงของชาติ หรือตอ่ ผลประโยชน์
อนั สำคัญของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๔ ในขอ้ ๗ และข้อ ๙ ดังน้ี

ระเบียบ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๓ แก้ไขเพิม่ เติมระเบยี บ พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ ๗

ข้อ ๓ ใหย้ กเลกิ ความในขอ้ ๗ ของระเบยี บสำนกั งานอยั การสงู สดุ วา่ ดว้ ยการสง่ั คดอี าญา

ท่ีจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ
หรอื ตอ่ ผลประโยชนอ์ ันสำคัญของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๔ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน

“ข้อ ๗ ในกรณีท่ีพนักงานอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัย
หรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศตามข้อ ๕ ให้พนักงานอัยการ
พจิ ารณาโดยแสดงเหตผุ ลอนั สมควรประกอบ โดยใหค้ ำนงึ ถงึ ปจั จยั ตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง ดงั ตอ่ ไปนดี้ ว้ ย

(๑) สาเหตุหรือมลู เหตจุ ูงใจในการกระทำความผิด ลกั ษณะความร้ายแรงของการกระทำ
ความผดิ ผลร้ายทเี่ กดิ ขึ้นจากการกระทำความผิด

(๒) เหตผุ ลตามความเหน็ ของกระทรวงการต่างประเทศถงึ ผลกระทบต่อนโยบายสง่ เสริม
ความสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ

(๓) เหตุผลตามความเห็นของสภาความมั่นคงแห่งชาติถึงผลกระทบต่อความปลอดภัย
หรือความมัน่ คงของชาติ หรอื ตอ่ ผลประโยชนอ์ ันสำคญั ของประเทศ

(๔) เหตผุ ลตามความเหน็ ของรฐั บาลโดยมตคิ ณะรฐั มนตรถี งึ ผลกระทบตอ่ ความปลอดภยั
หรอื ความม่ันคงของชาติ หรอื ตอ่ ผลประโยชน์อนั สำคัญของประเทศ

(๕) เหตผุ ลตามความเหน็ ของนายกรฐั มนตรหี รอื หนว่ ยงานอน่ื ถงึ ผลกระทบตอ่ ความมนั่ คง
ปลอดภยั ของพระมหากษตั ริย์ พระราชินี รัชทายาท หรอื ผสู้ ำเร็จราชการแทนพระองค์

(๖) ความสงบเรยี บรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชนหรอื ความสามคั คขี องคนในชาต”ิ

ระเบยี บ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ขอ้ ๔ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ ระเบียบ พ.ศ. ๒๕๕๔ ขอ้ ๙

ข้อ ๔ ใหย้ กเลกิ ความในขอ้ ๙ ตามระเบยี บสำนกั งานอยั การสงู สดุ วา่ ดว้ ยการสงั่ คดอี าญา
ทจ่ี ะไมเ่ ปน็ ประโยชนแ์ กส่ าธารณชน หรอื จะมผี ลกระทบตอ่ ความปลอดภยั หรอื ความมน่ั คงของชาติ
หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๔ และใหใ้ ชค้ วามดังตอ่ ไปนีแ้ ทน

“ขอ้ ๙ ถ้าอัยการสูงสุดเห็นเองหรือมีความเห็นจากการเสนอเร่ืองจากหัวหน้า

พนักงานอัยการตามข้อ ๕ ว่า การฟ้องคดีอาญาใดจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะม

ผลกระทบความปลอดภัย หรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ
อัยการสงู สดุ มีอำนาจสง่ั ไมฟ่ อ้ งหรือถอนฟอ้ ง แล้วแต่กรณี”


อัยการนเิ ทศ เล่มที่ ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒
153

ตารางเปรียบเทียบบทบัญญัติตามระเบียบข้อ ๗ และข้อ ๙ ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๕๔ และ
พ.ศ. ๒๕๖๑

เพ่ือให้เห็นความแตกต่างระหว่างบทบัญญัติข้อ ๗ และข้อ ๙ ตามระเบียบ พ.ศ. ๒๕๕๔

กบั บทบญั ญตั ใิ นขอ้ ๗ และขอ้ ๙ ทไ่ี ดแ้ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ โดยระเบยี บฉบบั ท่ี ๒ พ.ศ. ๒๕๖๑ จงึ ไดจ้ ดั ทำ

ตารางเปรียบเทียบบทบญั ญัตใิ นขอ้ ๗ และข้อ ๙ ไว้ดงั นี ้



บทบญั ญัติตามระเบยี บ พ.ศ. ๒๕๕๔
บทบญั ญัตทิ ีแ่ ก้ไขแล้ว โดยระเบียบ

(ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑


ขอ้ ๗ ในกรณที พี่ นกั งานอยั การเหน็ วา่ การฟอ้ งคดี ขอ้ ๗ ในกรณที พี่ นกั งานอยั การเหน็ วา่ การฟอ้ งคดี
จะมผี ลกระทบตอ่ ความปลอดภยั หรอื ความมนั่ คง จะมผี ลกระทบตอ่ ความปลอดภยั หรอื ความมนั่ คง
ของชาติ หรอื ตอ่ ผลประโยชนอ์ นั สำคญั ของประเทศ ของชาติ หรอื ตอ่ ผลประโยชนอ์ นั สำคญั ของประเทศ
ตามข้อ ๕ ใหพ้ นักงานอยั การพจิ ารณาโดยแสดง ตามข้อ ๕ ให้พนักงานอัยการพิจารณาโดย
เหตุผล อันสมควรประกอบ โดยให้คำนึงถึง แสดงเหตุผล อันสมควรประกอบ โดยให้คำนึง
ปัจจัยต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ดงั ต่อไปน้ีด้วย
ถงึ ปัจจยั ตา่ ง ๆ ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง ดงั ตอ่ ไปนด้ี ้วย

(๑) สาเหตหุ รอื มลู เหตจุ งู ใจในการกระทำความผดิ (๑) สาเหตหุ รอื มลู เหตจุ งู ใจในการกระทำความผดิ
ลักษณะความร้ายแรงของการกระทำความผิด ลักษณะความร้ายแรงของการกระทำความผิด
ผลร้ายทเ่ี กดิ จากการกระทำความผิด
ผลรา้ ยท่ีเกิดขึ้นจากการกระทำความผิด

(๒) เหตุผลตามความเห็นของกระทรวงการ
(๒) เหตุผลตามความเห็นของกระทรวงการ

ต่างประเทศถึงผลกระทบต่อนโยบายส่งเสริม
ต่างประเทศถึงผลกระทบต่อนโยบายสง่ เสรมิ

ความสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ
ความสมั พันธไมตรีกบั นานาประเทศ

(๓) เหตุผลตามความเห็นของสภาความมั่นคง (๓) เหตุผลตามความเห็นของสภาความมั่นคง
แห่งชาติถึงผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือ แห่งชาติถึงผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือ
ความมนั่ คงของชาติ หรอื ตอ่ ผลประโยชนอ์ นั สำคญั ความมน่ั คงของชาติ หรอื ตอ่ ผลประโยชนอ์ นั สำคญั
ของประเทศ
ของประเทศ

(๔) เหตุผลตามความเห็นของรัฐบาลโดยมติ (๔) เหตุผลตามความเห็นของรัฐบาลโดยมติ
คณะรัฐมนตรีถึงผลกระทบต่อความปลอดภัย คณะรัฐมนตรีถึงผลกระทบต่อความปลอดภัย
หรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์ หรือความม่ันคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์
อนั สำคัญของประเทศ
อนั สำคญั ของประเทศ

(๕) ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี
(๕) เหตุผลตามความเห็นของนายกรัฐมนตรี
ของประชาชนหรือความสามัคคขี องคนในชาต ิ
หรือหน่วยงานอื่นถึงผลกระทบต่อความม่ันคง




154 บทความ

บทบัญญตั ิตามระเบียบ พ.ศ. ๒๕๕๔
บทบญั ญตั ิท่แี ก้ไขแล้ว โดยระเบยี บ

(ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑


ปลอดภยั ของพระมหากษตั รยิ ์ พระราชนิ ี รชั ทายาท
หรือผ้สู ำเรจ็ ราชการแทนพระองค ์

(๖) ค ว า ม ส ง บ เ รี ย บ ร้ อ ย ห รื อ ศี ล ธ ร ร ม อั น ดี

ของประชาชนหรอื ความสามัคคขี องคนในชาต


ข้อ ๙ ถา้ อยั การสงู สดุ เหน็ วา่ การฟอ้ งคดอี าญา ขอ้ ๙ ถ้าอัยการสูงสุดเห็นเองหรือมีความเห็น
จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผล จากการเสนอเรื่องจากหัวหน้าพนักงานอัยการ
กระทบตอ่ ความปลอดภยั หรอื ความมน่ั คงของชาติ ตามข้อ ๕ ว่า การฟ้องคดีอาญาใดจะไม่เป็น
หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ ประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบ
อัยการสูงสุดมีอำนาจส่ังไม่ฟ้องหรือถอนฟ้อง ความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือ

แล้วแตก่ รณี
ต่ อ ผ ล ป ร ะ โ ย ช น์ อั น ส ำ คั ญ ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ

อัยการสูงสุดมีอำนาจส่ังไม่ฟ้องหรือถอนฟ้อง
แลว้ แตก่ รณ


ระเบยี บ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บงั คบั ตงั้ แตว่ นั ท่ี ๒๘ มถิ ุนายน ๒๕๖๑ เป็นต้นไป

ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสั่งคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน
หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความม่ันคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญ

ของประเทศ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๒ บญั ญตั วิ า่ “ระเบยี บฉบบั นี้ให้ใชบ้ งั คับตั้งแต่วนั ถดั จาก
วนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป”

เมื่อระเบียบฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ ระเบียบน
้ี
จงึ มีผลใช้บงั คบั ตัง้ แต่วนั ท่ี ๒๘ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ เปน็ ต้นไป


อยั การสงู สดุ เทา่ น้ันทมี่ อี ำนาจส่งั ไม่ฟอ้ งหรือถอนฟ้อง

อำนาจของอัยการสูงสุดที่จะสั่งไม่ฟ้องหรือถอนฟ้องตามระเบียบน้ี เป็นกรณีท่ีอัยการสูงสุด

ใช้อำนาจตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓

ซงึ่ ตามมาตรา ๑๙ วรรคสองแหง่ พระราชบญั ญตั ฉิ บบั นบ้ี ญั ญตั ใิ หเ้ ปน็ อำนาจเฉพาะตำแหนง่ อยั การสงู สดุ
เท่าน้นั อยั การสูงสดุ จะมอบอำนาจนใ้ี หผ้ อู้ ืน่ มไิ ด้ ดังน ้ี

“มาตรา ๑๙...ฯลฯ...

ในกรณีท่ีกฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด ถ้ากฎหมายมิได้กำหนดวิธีการ

มอบอำนาจไวเ้ ปน็ การเฉพาะ อยั การสงู สดุ จะมอบอำนาจใหร้ องอยั การสงู สดุ หรอื อธบิ ดอี ยั การภาคกไ็ ด้

อัยการนิเทศ เล่มที่ ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒
155

ท้งั นี้ เว้นแตอ่ ำนาจตามมาตรา ๒๑ แหง่ พระราชบญั ญตั ิน้ี และมาตรา ๒๐ วรรคหก มาตรา ๑๔๓
และมาตรา ๑๔๕ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ...ฯลฯ...”

ดุลพนิ ิจในการส่งั คดแี ละปฏิบัตหิ นา้ ทีต่ ามมาตรา ๒๑ ได้รบั ความค้มุ ครอง

การปฏิบัติหน้าที่ของอัยการสูงสุดและของพนักงานอัยการตามระเบียบน้ี เป็นดุลพินิจ

ในการพิจารณาสั่งคดีและการปฏิบัติหน้าท่ีตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการ

และพนกั งานอยั การ พ.ศ. ๒๕๕๓ ซง่ึ ไดแ้ สดงเหตผุ ลอนั สมควรประกอบแลว้ ยอ่ มไดร้ บั ความคมุ้ ครอง
ตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัตนิ ี้ ดงั น้ ี

“มาตรา ๒๒ ดุลพินิจของพนักงานอัยการในการพิจารณาสั่งคดีและการปฏิบัติหน้าท่ีตาม
มาตรา ๒๑ ซึง่ ไดแ้ สดงเหตผุ ลอนั สมควรประกอบแล้ว ยอ่ มได้รับความค้มุ ครอง”
















156 บทความ

หนงั สอื เวยี น

อัยการนเิ ทศ เลม่ ที่ ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 157

158 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 159

160 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 161

162 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 163

164 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 165

166 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 167

168 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 169

170 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 171

172 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 173

174 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 175

176 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 177

178 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 179

180 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 181

182 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 183

184 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 185

186 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 187

188 หนังสอื เวยี น

อยั การนิเทศ เลม่ ท่ี ๘๔ พ.ศ. ๒๕๖๒ 189

190 หนังสอื เวยี น


Click to View FlipBook Version