เจาของ สถาบันการอาชวี ศกึ ษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 1 สาํ นกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา
ทีป่ รกึ ษา เลขาธกิ ารคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
ดร.สุเทพ แกงสนั เทยี ะ รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
นายมณฑล ภาคสวุ รรณ นายกสภาสถาบนั การอาชวี ศกึ ษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 1
รศ.ดร.ศกั ด์ิ กองสวุ รรณ
ดร.เฉลมิ ศกั ด์ิ นามเชียงใต นายกสภาสถาบนั การอาชวี ศึกษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 3
ดร.ชาญทนงค บุญรักษา ผอู ํานวยการสถาบันการอาชีวศกึ ษาภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ 2
นายสมใจ เชาวพ านชิ ผอู าํ นวยการสถาบนั การอาชีวศกึ ษาภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ 3
นายลิขติ พลเหลา ผอู ํานวยการสถาบันการอาชวี ศกึ ษาภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ 4
ดร.กาญจนา เงอ่ื นกลาง ผูอํานวยการสถาบนั การอาชีวศกึ ษาภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื 5
ศ.ดร.สัมพนั ธ ฤทธิเดช เลขาธกิ ารคณะกรรมการการอดุ มศึกษา
บรรณาธิการอาวุโส ศ.ดร.มนตชยั เทยี นทอง คณบดีบณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลาพระนครเหนือ
รองบรรณาธิการอาวุโส
ศ.พล.ต.ต.ดร.เกียรติพงษ มีเพยี ร มหาวทิ ยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
บรรณาธิการ ดร.วรวทิ ย ศรีตระกลู ผอู ํานวยการสถาบันการอาชวี ศกึ ษาภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ 1
รองบรรณาธิการ นายพงศววิ ัฒน ฮงทอง รองผอู าํ นวยการสถาบันการอาชวี ศกึ ษาภาคตะวันออกเฉียงเหนอื 1
นายอุดมภเู บศวร สมบูรณเ รศ รองผอู ํานวยการสถาบันการอาชวี ศกึ ษาภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื 1
ดร.สนุ ทรผไท จนั ทระ ผูอำนวยการวทิ ยาลยั บริหารธรุ กจิ และการทอ งเทยี่ วอดุ รธานี
ทำหนา ท่ี ผูช วยผอู ํานวยการสถาบนั การอาชีวศกึ ษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 1
ผูช วยบรรณาธิการ ดร.อนริ ทุ ธ จันทมูล สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 3
นายโชค ออ นพรม ผเู ชย่ี วชาญดา นการจดั การอาชวี ศกึ ษาบณั ฑติ
นายถาวร ราชรองเมือง ผอู ำนวยการอาชวี ศกึ ษาบณั ฑติ
นายชัชวาล ปุณขนั ธุ ผูอำนวยการสำนกั ยุทธศาสตรและความรว มมืออาชวี ศกึ ษา
กองบรรณาธกิ าร รศ.ดร.ธเนศ ธนิตยธ รี พนั ธ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา ธนบุรี
รศ.ดร.ไพโรจน สถริ ยากร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา พระนครเหนอื
ผศ.ดร.ชูชยั สจุ วิ รกลุ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลาธนบรุ ี
รศ.ดร.ศริ ิ ถีอาสนา มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม
รศ.ดร.กฤตติกา แสนโภชน มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี
ผศ.ดร.กนกอร บญุ มี มหาวิทยาลยั ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
ผศ.ดร.สมชาย อนิ ทะตา มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั มหาสารคาม
ผศ.ดร.นริ นั ดร วทิ ติ อนันต มหาวทิ ยาลัยบรู พา
ผศ.ลือพงษ ลอื นาม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลา เจา คุณทหารลาดกระบงั
รศ.ดร.บงั อร เหมงั มหาวทิ ยาลัยขอนแกน วิทยาเขตหนองคาย
ผศ.ดร.นิภาพร เสง็ คำปาน มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน วทิ ยาเขตหนองคาย
รศ.ดร.ชญาดา สรุ ะวนชิ กุล มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน วทิ ยาเขตหนองคาย
ผศ.ดร.สาธติ กระเวนกิจ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน วทิ ยาเขตหนองคาย
ดร.พทุ ธ ธรรมสุนา สถาบันการอาชวี ศกึ ษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 1
ดร.จกั รี ตนเชอ้ื สถาบันการอาชีวศกึ ษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 2
ดร.วบิ ลู ย พนั ธสุ ะอาด สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 3
ดร.รุง สวา ง บญุ หนา สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 4
ดร.รวิกร แสงชาํ นิ สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 5
ดร.สนทิ หฤหรรษวาสนิ วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาสนั ตริ าษฎร ในพระอปุ ถมั ภ
ดร.ยวุ ดี ธรรมสนุ า วทิ ยาลยั บริหารธรุ กจิ และการทอ งเทย่ี วอดุ รธานี
เลขานุการกองบรรณาธกิ าร นางกรรณกิ า สายสญิ จน วิทยาลยั เทคนคิ หนองคาย
ผูชวยเลขานกุ ารกองบรรณาธิการ นางปวณี า สมบูรณเ รศ วทิ ยาลยั เทคนิคหนองคาย
นางปภาภทั ร แสงแกว วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาหนองคาย
ดร.พชั ร ออนพรม วทิ ยาลยั เทคนิคหนองคาย
ทีอ่ ยูกองบรรณาธิการ 306 หมู 5 ต.โพธ์ิชยั อ.เมอื งหนองคาย จ.หนองคาย 43000
ผูประสานงาน นางอนสุ รณ พฤกษะศรี สถาบนั การอาชวี ศกึ ษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 1 โทร. 042-411447 มอื ถือ 084-6029320
นายขจรศกั ดิ์ วเิ ศษสุนทร
สถาบันการอาชวี ศกึ ษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 1 โทร. 042-411445 มอื ถือ 081-7393264
นางสาวชไมพร โมรา
สถาบันการอาชวี ศึกษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 1 โทร. 042-411445 มือถือ 094-5058558
นางสาวภัคชาดา แยม สาขา
สถาบนั การอาชีวศึกษาภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 1 โทร. 042-411445 มอื ถอื 097-3265539
Website : https://www.tci-thaijo.org/index.php/ve-irj/index E-mail : [email protected]
กําหนดออก ปละ 2 ฉบบั (มกราคม – มถิ ุนายน และ กรกฎาคม - ธนั วาคม)
เร่มิ ตีพิมพ มกราคม - มถิ นุ ายน 2560
- ผปู ระกอบการนวัตกรรมในโลกยคุ ปกติใหม หนา
1
สมพร ปานดำ
- การออกแบบตวั ควบคุมพไี อดที ีเ่ หมาะสมดว ยวิธีฝูงผงึ้ สำหรับการควบคุมการผลิตไฟฟา อัตโนมตั ิ
ของระบบไฟฟา กำลังท่ีเชื่อมตอกันแบบสามพน้ื ที่ กับตัวเก็บสะสมพลงั งานเชงิ ตัวเกบ็ ประจุ 11
พิพฒั น ดรุ งคด ำรงชัย
- Using Engagement Activity to Enhance the Intention to Persist of Vocational Students 22
Thanapat Sripan and Chuchai Sujivorakul
- อิทธิพลของเศษแกว ที่ใชเปน มวลรวมละเอยี ดบางสวนตอ คณุ สมบตั ิของคอนกรีตบลอ็ ก 32
พชั ร ออนพรม
- เครอ่ื งลา งแผงโซลาเซลลผ า น Application 40
ขจรเดช ปะทะพนั ธ, วริ ัช หม่นั บรรจง, ประสานพนั ธ สายสญิ จน, กฤตเมธ สายสญิ จน และ กรรณกิ า สายสิญจน
- ผลของการเสรมิ เสนใยอาหารจากผงเปลือกมังคุดตอ คุณภาพทางประสาทสัมผสั ของชิฟฟอนเคก น้ำมังคุด 53
นิภาพร กุลณา, กรวฒุ ิ มงคล, ปานสนิ แกว บุญเรือง, ณฐั พร สุยะวาณชิ ย และ ปรานปรยี า สิทธ์ิขนั แกว
- การเพิ่มผลิตภาพการจัดการขนถายสนิ คา กรณศี กึ ษา บริษัท เอ.บ.ี ซี จำกัด 62
สุชาดี ธำรงสุข, พนติ นาฏ ทองฉมิ และ อยั ลดา ศรบี ุญ
- การออกแบบปรับปรงุ เครื่องอุนนำ้ ปอนแบบแผน สำหรบั เคร่ืองลางขวด 76
ถาวร ราชรองเมือง, เพชร แสนบรสิ ุทธิ์, มนสั ดิลกลาภ, วาท่ีเรือตรีอนสุ รณ ตวงกระสนิ ธุ
- การพฒั นานวัตกรรมถังขยะสะสมคะแนนดว ย Excel VBA 89
ไพรนิ ทร วงคศ รีเทพ, ธีรยทุ ธ คุณะโคตร, กิตตพิ งษ ตงั้ ใจ, อำนาจ ศรีตระกลู และ กฤษณะ มลู มี
- การศึกษาระดับความเปนดิจทิ ลั ของสำนกั งานบัญชีในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื 97
ทศั นยี ธนอนันตต ระกลู , สวุ รรณา พรมทอง, จีรวฒั น ชอระชาญ, พฒั กะพงศ พรหมบตุ ร และ พัชราภรณ เพ็ญธิสาร
- การศึกษาความคดิ เหน็ ของผูมีสว นไดสว นเสียตอ ภาพลกั ษณอาชีวศกึ ษาของวทิ ยาลัยในสงั กดั
สถาบันการอาชวี ศึกษาภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 1 108
มงคล แกว รอด
- การออกแบบและสรา งเครอื่ งจา ยเจลแอลกอฮอลแบบอัตโนมตั ิ 120
อนุชา ดีผาง และ นติ ิคม อริยพมิ พ
- อปุ กรณควบคมุ การทำงานมเิ ตอรไ ฟฟาผานแอพพลิเคชนั่ 128
นติ คิ ม อรยิ พิมพ และ อนุชา ดีผาง 138
- การพัฒนารปู แบบการจดั การอาชวี ศกึ ษาระบบทวศิ ึกษาของวิทยาลยั สารพัดชา งอุดรธานี 148
ธรี ภัทร ไชยสัตย 159
168
- การพฒั นากจิ กรรมการเรยี นรูตามแนวคดิ หอ งเรยี นกลบั ดา น โดยใช Google Classroom
เพื่อสง เสรมิ การรดู ิจทิ ลั และผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นของนกั เรยี น ระดบั ประกาศนยี บตั รวิชาชีพชน้ั ปที่ 1
ศริ ัญญา จันทรซ า, ไพศาล วรคำ, สมสงวน ปสสาโก และ พงษสวสั ดิ์ พมิ พิไสย
- อิทธิพลของเม็ดดนิ เหนียวขยายตวั เบาตอ คุณสมบตั ิของคอนกรีตทีม่ ีความสามารถเทไดส ูง
ปานปรยี า ขาวเถนิ , นิบัสซัม เดะแอ และ มงคล นามลกั ษณ
- ปจ จัยแหง ความสำเร็จในการบรหิ ารความเสย่ี งของโรงพยาบาลอุดรธานี จงั หวดั อุดรธานี
สภุ า นาแซง, ทศั นยี ธนอนันตตระกลู , บุษบา จันทะราช, ภัทรกิ า ศริ สิ ถติ ย และ อรธนา บญุ ทองดี
วารสารวจิ ัยและนวัตกรรมการอาชวี ศกึ ษา 1
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ่ี 5 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564
บทความพิเศษ
เรอื่ ง : ผปู้ ระกอบการนวตั กรรมในโลกยุคปกติใหม่
เรอื อากาศโทสมพร ปานดา1*
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ
ผู้ประกอบการใหม่และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีบทบาทสาคัญต่อการพัฒนาประเทศไทยทั้งทางด้าน
เศรษฐกิจและสงั คม ในปัจจุบนั ความสามารถเชิงนวตั กรรมเป็นสว่ นประกอบสาคัญในการสร้างความสาเร็จด้านการลงทนุ
ใหม่ ๆ ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นเครื่องมือทางการแข่งขันท่ีมีความสาคัญอย่างยิ่งต่อความสาเร็จ
ในขณะท่ีโควิด-19 ยังคงระบาดอยู่ในแทบทุกพื้นท่ีของโลก แต่การระบาดของไวรัสคร้ังนีก้ ็ทาให้เกิดการเติบโตของธุรกิจ
อี-คอมเมิร์ซ อย่างก้าวกระโดด มีการนาเทคโนโลยีเข้ามาใช้กับงานแทบจะทุกแขนง ท้ังการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอน
เฟอเรนซ์ การเรียนออนไลน์ การสั่งสินค้าผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ แทนการเดินเข้าห้าง เพื่อลดการติดต่อโดยตรงระหวา่ ง
บคุ คล
บทความน้นี าเสนอเนือ้ หาท่ีสาคัญเกยี่ วกับ การเป็นผู้ประกอบการนวตั กรรมในโลกยุคปกติใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งท่ีน่าสนใจ
หรือเทรนด์ใหม่ให้ผู้ท่ีจบการศึกษาจากสถาบันการอาชีวศึกษา หรือวิทยาลัยในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการ
อาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ จะประกอบอาชีพเป็นผู้ประกอบการ ด้วยทักษะนวัตกรรมท่ีเกิดจากการเรียนรู้ตลอด
หลักสูตรท่ีผ่านมา และนาเสนอแนวทางการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (New Entrepreneurs) จากผู้เรียนอาชีวศึกษาที่
จะเข้ามาช่วยขบั เคลือ่ นเศรษฐกิจของประเทศผา่ นการศนู ยบ์ ่มเพาะผ้ปู ระกอบการอาชวี ศึกษา ส่งเสริมการประกอบอาชีพ
อิสระในกลุ่มผู้เรียนอาชีวศึกษาท่ีมุ่งให้องค์ความรู้ด้านธุรกิจและส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการแก่นักเรียนนักศึกษาผ่าน
กระบวนการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรม ซึ่งการเป็นผู้ประกอบการนวตั กรรมในโลกยุคปกติใหม่ ที่เกิดขึ้นจะทาให้
เกิดการสรา้ งสรรค์นวัตกรรมใหมๆ่ มองหาความยัง่ ยืน และสร้างความม่ันคงและชว่ ยทาใหภ้ าคเศรษฐกิจเขม้ แขง็ อีกดว้ ย
คาสาคัญ : อาชีวศึกษา, พฒั นาทกั ษะ, เพิม่ ทักษะ, ทักษะใหม่, อาชีวะสรา้ งชาติ
∗สมพร ปานดา สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ
E-mail : [email protected]
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
2 วารสารวจิ ยั และนวัตกรรมการอาชีวศึกษา
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ี่ 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564
ผู้ประกอบการใหม่ (New Entrepreneur)
การประกอบธุรกิจ ถือเป็นองค์ประกอบหน่ึงในการสร้างความเจริญเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ท่ามกลาง
การเปล่ียนแปลงของกระแสโลกาภิวัตน์ที่เกิดขึ้น [1] ผู้ประกอบการใหม่และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีบทบาท
สาคัญต่อการพัฒนาประเทศไทยทงั้ ทางดา้ นเศรษฐกิจและสังคม [2] ซ่ึงถือเป็นจดุ เร่ิมต้นของธุรกิจขนาดใหญ่ และยงั เปน็
ห่วงโซ่คุณค่า ที่มีจานวนมหาศาลก่อให้เกิดการจ้างงาน กระจายการพัฒนาไปสู่ชุมชนได้รวดเร็ว ก่อให้เกิดมูลค่าทาง
เศรษฐกจิ ทง้ั ในประเทศและการสง่ ออก ผปู้ ระกอบการใหม่ กล่มุ นวตั กรรม และความคดิ สรา้ งสรรค์ จงึ ถกู จับตาเปน็ พิเศษ
ท่จี ะได้สทิ ธิพิเศษเดนิ หนา้ สกู่ ารเป็นผูป้ ระกอบการธุรกิจยคุ ใหมไ่ ดง้ า่ ยมากขึ้นในยคุ น้ี [3]
ผปู้ ระกอบการกบั การใช้เครอ่ื งมอื ดจิ ทิ ลั
ประเทศไทยกาลังกา้ วเขา้ สู่ยุคดจิ ทิ ัลอยา่ งเตม็ รปู แบบในแตล่ ะปี โดยกจิ กรรมและธรุ กรรมออนไลน์เพิม่ ขึ้นอย่างก้าว
กระโดด อีกทั้งการระบาดของโควิด-19 เร่งผลักดันการใช้เคร่ืองมือดจิ ิทลั และอินเตอร์เน็ตในไทยท้ังการสื่อสาร การเรียน
และทางานผ่านระบบออนไลน์ และการซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชันแทนการเดินเข้าห้างสรรพสินค้า ข้อมูลการสารวจ
พฤติกรรมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตของไทยในปี 2563 จากสานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเอ็ตด้าสะท้อน
พฤติกรรม และแนวโน้มในอนาคตที่ชี้ว่า คนไทยใช้อินเตอร์เน็ตเพ่ิมข้ึนอย่างต่อเน่ือง ในปี 2563 เฉลี่ยวันละกว่า 11.5
ชั่วโมง เพ่ิมขึ้น ราว 1 ช่ัวโมง จากปี 62 และเพิ่มข้ึนเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 60 ท่ีใช้งานเฉลี่ยเพียงวันละ 6.5 ช่ัวโมง
โดยกลุ่มคนอายนุ อ้ ยกว่า 40 ปี (Gen Y และ Gen Z) เป็นกลุม่ ทีใ่ ช้อินเตอรเ์ นต็ เฉล่ยี ตอ่ วนั มากทสี่ ดุ นอกจากนี้ พฤตกิ รรม
ผู้บริโภคเปล่ียนแปลงไป ส่งผลให้ Media Landscape ต่างไปจากเดิมเช่นกัน โดยผู้บริโภคสนใจสื่อโซเชียลมากกว่า
ส่ือหลักเพราะสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงผู้คนจานวนมาก รวมถึงแนวโน้มการใช้แอปพลิเคชันเพ่ือซ้ือสินค้าออนไลน์
ทาธุรกรรมทางการเงิน ด้านสุขภาพและบันเทิงสูงข้ึนต่อเนื่อง ในเชิงเศรษฐกิจ ดิจิทัลได้กลายเป็นส่วนสาคัญของ
ความสาเร็จในการดาเนนิ ธรุ กิจที่จะขาดไม่ได้ ภาคธุรกิจไทยจะต้องเรง่ ปรับตวั ให้รบั กบั กระแสดิจิทลั [4] ดงั นี้
(1) ปรับช่องทางขายให้มีหลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ เพราะการส่ังซื้อสินค้าออนไลน์ได้
กลายเป็นพฤติกรรมติดตัวผู้บริโภคและมีแนวโน้มเพ่ิมขึ้นต่อเน่ือง โดยข้อมูลมูลค่าตลาดค้าปลีกออนไลน์ในไทยปี 2563
เตบิ โตข้ึนกวา่ 35% และคาดวา่ จะเตบิ โตถึง 50% ในปี 2564 (คาดการณโ์ ดยบริษทั Priceza) รวมถึงการส่ังฟู้ดเดลิเวอร่ีที่
จานวนครงั้ ของการจดั ส่งอาหารไปยังที่พกั โตสูงถงึ 150% ในช่วงครง่ึ แรกของปี 2563 เมอ่ื เทยี บกบั ช่วงเวลาเดยี วกันของปี
ก่อน และโต 17% ในชว่ งครึ่งหลงั ของปี
(2) ขยายการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ ภาคธุรกิจต้องใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีการพัฒนาอย่าง
ต่อเน่อื งเพ่อื ใหเ้ ขา้ ถงึ ผูบ้ ริโภคไดม้ ากที่สดุ อยา่ งไรกด็ ี สง่ิ สาคญั คือ ธรุ กิจตอ้ งเขา้ ใจวา่ แพลตฟอร์มดจิ ทิ ลั แตล่ ะชนดิ มีจุดเดน่
ไม่เหมือนกัน รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละแพลตฟอร์มเองก็แตกต่างกัน เช่น ส่ือยูทูบเหมาะกับการทาตลาดท่ี
เน้นเน้ือหาท่ีมีความยาวกว่าเฟซบุ๊ก หรือ e-Marketplace ขณะท่ี e-Marketplace อาจเหมาะกับสินค้าที่ธุรกิจต้องการ
ส่งเสริมการขายระยะส้นั เช่น โปรโมช่ันวนั ที่ 4 เดือน 4 เดอื น 4, โปรโมชั่นวนั ท่ี 5 เดือน 5, โปรโมชั่นวนั ที่ 6 เดือน 6 เปน็
ตน้
(3) พัฒนาด้านโลจิสติกส์ในรูปแบบดิจิทลั (อีโลจิสตกิ ส)์ ตั้งแต่การจดั การคลงั สนิ ค้าไปจนถึงการขนส่งไมใ่ ห้ลา่ ช้า
จนเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจ ระบบอีโลจิสติกส์จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบซัพพลายเชนท่ีช่วยจัดการ
ตน้ ทุนใหม้ ีประสทิ ธิภาพ เชน่ การเช่ือมโยงระบบต่าง ๆ ให้สง่ ผ่านขอ้ มูลระหว่างกันไดส้ ะดวกและรวดเรว็ ทง้ั สว่ นการผลิต
คลังสนิ คา้ การซ้อื -ขาย การเงนิ และการขนสง่ เพ่อื จัดสง่ สินคา้ ถึงมอื ลูกคา้ อย่างรวดเร็ว ถูกตอ้ ง และตรวจสอบได้
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวิจยั และนวัตกรรมการอาชวี ศกึ ษา 3
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีท่ี 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2564
นวตั กรรมของผ้ปู ระกอบการ (Innovation for Entrepreneur)
นวัตกรรมมักเป็นส่วนประกอบสาคัญในการสร้างความสาเร็จด้านการลงทุนใหม่ ๆ นวัตกรรม เป็นการสร้าง
ผลิตภณั ฑห์ รือบรกิ ารที่ดขี น้ึ จากมุมมองของสิ่งท่ีมีตวั ตนหรือเปน็ การสรา้ งมูลค่าในจิตใจให้เกดิ ขึ้นกบั ผ้ใู ช้สนิ ค้าหรอื บริการ
น้ัน ในส่วนของการวิจัยใจและพัฒนา และนวัตกรรมนั้นเป็นกิจกรรมทท่ี าให้เกิดผลต่อต้นทุน มีความเสี่ยงสูง และท้าทาย
สาหรบั บรษิ ัทที่เพ่งิ จะเรมิ่ กจิ การทต่ี อ้ งควบคุมทรัพยากรใหใ้ ชอ้ ยา่ งจากัดซง่ึ นบั เปน็ ส่ิงทยี่ ากตอ่ การบรหิ ารจัดการนวัตกรรม
มีบทบาทสาคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม นักเศรษฐศาสตร์ได้กล่าวว่า 50%-80% ของการเติบโตทาง
เศรษฐกิจเกิดจากนวัตกรรมและความรู้ใหม่ ความเป็นผู้ประกอบการเชื่อมโยงกับการสร้างคุณค่า มีความสาคัญกับการ
เตบิ โตทางเศรษฐกิจ และการจ้างงาน [5]
นวัตกรรมจึงเป็นส่ิงสาคัญย่ิงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปัจจุบัน จากข้อมูลของ “Global Competitiveness
Report” ซึ่งทาการสารวจและประเมินศักยภาพรวมทั้งความได้เปรียบทางการแข่งขันของ 144 ประเทศทั่วโลก พบว่า
ประเทศท่ีมีขีดความสามารถด้านนวัตกรรมสูงกว่ามีแนวโน้มท่ีจะมีค่าจ้างแรงงานขั้นต่าและคุณภาพชีวิตของประชาชนท่ี
ดีกว่าประเทศที่มีความสามารถทางนวัตกรรมท่ีต่า นอกจากนี้ นวัตกรรมยังส่งผลทางบวกต่อการสร้างความได้เปรียบ
ทางการแข่งขันของบริษทั ดังเช่น Steve Jobs ได้สร้างนวัตกรรม สมาร์ทโฟน ท่ีเรียกว่า Apple จนกระท่ังกลายเปน็ ผู้นา
ในปัจจุบนั นวัตกรรมสามารถแบง่ ออกตามระดบั ความใหม่และผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมได้ง่ายๆ เป็น 2 ประเภท
คือ นวัตกรรมแบบค่อยเป็นค่อยไป (การพัฒนาหรือต่อยอดจากเทคโนโลยี/สินค้าปัจจุบัน) และ นวัตกรรมแบบก้าว
กระโดด (นวัตกรรมท่ีส่งผลให้เกิดการเปล่ียนแปลงอย่างมาก เช่น สมาร์ทโฟนที่เข้ามามาแทนที่โทรศัพท์มือถือแบบเก่า)
ผู้ประกอบการสามารถสร้างธุรกิจใหม่จากทั้งสองประเภทของนวัตกรรมดังกล่าว ในประเทศไทยมีผู้ประกอบการอยู่ 2
ประเภท คือ ผู้ประกอบการเป็นนักนวัตกรอย่างแนวคิดของ Christensen และ ผู้ประกอบการท่ีเป็นผู้ตามซ่ึงลอกเลียน
หรือดัดแปลงสินค้าและบริการจากธุรกิจปัจจุบัน มากกว่าการแสวงหานวัตกรรมใหม่ๆ จากข้อมูลล่าสุด โครงการวิจัย
Global Entrepreneurship Monitor (GEM) ของคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัย
กรุงเทพ (BUSEM) พบว่า มีเพียง 7.3% ของผู้ประกอบการใหม่และ 5.6% ของผู้ประกอบการปจั จุบัน ท่ีสามารถนาเสนอ
สินค้าหรือบริการท่ีมคี วามเปน็ นวัตกรรมใหม่ระดับท่มี ีศักยภาพเป็นนวัตกรรมแบบกา้ วกระโดด ในขณะท่ีจากข้อมูล GEM
พบว่า 58.8% ของผู้ประกอบการไทยมีแนวโน้มท่ีจะเป็นนักนวัตกร เมื่อพิจารณาจากกราฟการเปรียบเทียบกับประเทศ
อื่นๆ ในเอเชีย พบว่าประเทศไทยมีศักยภาพการเป็นผู้ประกอบการนวัตกรรมได้ในอนาคต ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณไปยัง
ประชากรไทยและผู้ประกอบการหน้าใหม่ของไทยในริเร่ิมไล่ตามความฝันการเป็นผู้ประกอบการเชิงสร้างสรรค์ ริเร่ิม
ทดลองอะไรใหมๆ่ ใช้เทคโนโลยใี หม่ๆ ในการประกอบธุรกิจ มคี วามปราดเปรียวว่องไวต่อการทาธุรกิจในยคุ ใหม่และพร้อม
เสมอตอ่ การขับเคีย่ วกบั ค่แู ขง่ ท่วั ทุกมมุ โลก [6]
การประกอบการท่ีขับเคล่ือนโดยนวัตกรรม (Innovation-Driven Entrepreneurship) ต้องมีการสร้างระบบนเิ วศ
(Ecosystem) ท่ีเอ้ือประโยชน์ในการใช้นวัตกรรมให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ประกอบด้วยด้วยหลายแนวทาง เช่น การ
สร้างข้อมูลและพัฒนาองคค์ วามรู้ โดยมุ่งพัฒนาผู้ประกอบการให้เป็นผปู้ ระกอบการอี-คอมเมริ ์ซเตม็ ตัว, การนานวตั กรรม
มาช่วยสร้างมูลค่าเพ่ิมให้กับผลิตภัณฑ์ สินค้าและบริการ, การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน ผลักดันให้เอสเอ็มอีเป็น
IDE, การอานวยความสะดวกทางด้านธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจท่ีกาลังวิจัยและพัฒนานวัตกรรม และการสร้างระบบ
เทคโนโลยี-ดิจิทัลสาหรับธุรกิจยุคใหม่ พัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานให้สอดรับกับเทคโนโลยี และครอบคลุมทุกพื้นท่ีรวมถึง
พัฒนาระบบป้องกันความเสย่ี งและความปลอดภยั ทางดา้ นเทคโนโลยี เพือ่ รองรบั การเข้าสู่ประเทศไทย 4.0
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
4 วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชวี ศึกษา
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ี่ 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564
เทรนดห์ ลกั ของการเป็นผปู้ ระกอบการในอนาคต [7]
การระบาดของโควดิ -19 เร่งใหผ้ ู้บรโิ ภคตอ้ งยอมรับเศรษฐกิจดิจิทลั ส่งผลใหค้ นรุ่นใหมจ่ ะเลอื กทาธรุ กิจเองมากกว่า
ท่ีจะทางานรับเงินเดือน โดยโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกสูงถึง 90 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จากความไม่มนั่ คง
ในอาชีพต่างๆ และอัตราการว่างงานท่ีสูงข้ึนขณะเดียวกัน โควิด-19 ก็ทาให้เกิดการพัฒนาในธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซอย่าง
ชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่หันมาใช้เทคโนโลยี และมีการทางานที่ยืดหยุ่นมากข้ึน แนวโน้มท่ีเกิดข้ึนจะทา
ให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ มองหาความยั่งยืน และสร้างความมั่นคงและเสมอภาค ซ่ึงจะทาให้ภาคเศรษฐกิจ
เข้มแขง็ ขึน้ และยงั ประโยชน์ให้แก่ทุกคน โดย 3 เทรนด์หลกั ของการเป็นผู้ประกอบการในอนาคตมดี งั นี้
ประการแรก รูปแบบของผูป้ ระกอบการในโลกจะมกี ารพัฒนาอย่างรวดเร็ว อนาคตจะถกู กาหนดโดยดจิ ิทัล และทา
ธุรกิจด้วยความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากข้ึน ซึ่งทักษะเหล่าน้ีจะเป็นส่ิงจาเป็นที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่จะต้องมี
นอกเหนือจากการคิดวิเคราะห์หรือการแก้ปัญหา โดยจากผลการสารวจเรื่องงานในอนาคตของเวิลด์ อีโคโนมิกส์ฟอรั่ม
พบว่า ความต้องการทักษะเกี่ยวกับความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ การอดทนต่อแรงกดดัน และความยืดหยุ่นมีความ
ต้องการในทักษะเหลา่ นสี้ ูงข้นึ มาก เชน่ เดียวกบั ทบี่ รษิ ัทต่างๆ มกี ารปรับตัวอย่างรวดเรว็ ในภาวะวกิ ฤตเิ ช่นน้ีเพอ่ื ฉวยจังหวะ
ไดเ้ ปรียบต่อคู่แขง่ ในปัจจบุ ันนี้ทุกคนสามารถทางาน และซ้อื สินคา้ ได้จากทกุ ที่ และจากการทคี่ นนบั ลา้ นตอ้ งทางานจากท่ี
บ้าน บริษัทขนส่งที่สามารถส่งสินค้าได้รวดเร็วและมีบริการพิเศษจะได้ใจลูกค้าได้ไม่ยาก ในขณะเดียวกันความคาดหวัง
ของลกู ค้ากเ็ ริม่ เปลี่ยนไป เพราะผคู้ นจะเปิดรับเทคโนโลยไี ดง้ า่ ยกวา่ เดิม ขณะเดียวกนั โควิด-19 กเ็ ป็นตวั เร่ง ผปู้ ระกอบการ
ในยุคดิจิทัล ช่วยลดการปิดก้ันของผู้ประกอบการ ทาให้พวกเขาขยายกลายมาเป็นผู้ประกอบการระดับโลกได้ไม่ยากท้ัง
จากเว็บไซต์ และแพลตฟอร์มตา่ งๆ ท่ีทาให้สินค้าหรือร้านค้าเข้าถึงผบู้ ริโภคได้มากข้ึน มีการติดต่อระหว่างผู้ซ้ือและผู้ขาย
และพันธมิตรได้ง่าย แผนธุรกิจทางดิจิทัลท่ีเคยวางไว้ว่าจะเป็นรูปเป็นร่างในเวลาหลายปี ก็อาจจะสามารถทาได้ในเวลา
เพยี งไมก่ วี่ นั หรอื ไม่กี่สปั ดาห์
ประการที่สอง เม่ือโลกได้ก้าวเข้าส่กู ารเป็นผปู้ ระกอบการยคุ ใหม่ ก็จะเห็นผู้ประกอบการผหู้ ญิง วัยรุ่น และเจ้าของ
ธุรกิจส่วนตัวจากหลากหลายที่มามากขึ้น เพราะทุกคนล้วนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ไม่ต่างกัน ผู้ประกอบการจาก
ประเทศยากจนกอ็ าจจะสามารถเขา้ สู่ตลาดเดียวกบั ประเทศพฒั นาแล้วได้ เม่ือกาแพงกนั้ ได้ทลายลง เราจะมโี อกาสได้เห็น
โอกาสใหม่ๆ สาหรับคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะมีความสามารถที่แตกต่างไปรวมทั้งมุมมองใหม่ๆ ต่อเร่ืองต่างๆ การให้ทุนและ
สนบั สนนุ คนรนุ่ ใหมใ่ หเ้ รมิ่ ธุรกิจสตาร์ทอัพ จะชว่ ยให้เกดิ การฟน้ื ตวั ทางเศรษฐกจิ ในระยะยาวดว้ ย สาหรบั ทวีปเอเชยี นับว่า
โชคดที ี่มีการสนบั สนนุ ธรุ กจิ สตารท์ อัพมากท่สี ดุ ของโลก โดยมกี ารสนับสนุนผปู้ ระกอบการหน้าใหม่ และสนับสนุนการรว่ ม
ลงทุน ดว้ ยระบบอี-คอมเมิร์ซ และการค้าขายข้ามพรมแดน อยา่ งไรกต็ าม กลุ่มธรุ กิจสตารท์ อัพก็ยงั คงไมส่ ามารถเติบโตไป
ถึงระดับโลกได้ เนื่องจากยังขาดการช่วยเหลือจากผู้นาของภาคสว่ นต่างๆรวมทั้งกฎระเบียบของภาครัฐที่ซับซ้อน และยัง
ไม่เออ้ื ต่อการเติบโตของธรุ กิจขนาดเล็กเทา่ ท่ีควร
ประการที่สาม โรคระบาดในคร้ังน้ีเปล่ียนวิธีการทางานของเราไปอย่างส้ินเชิง โดยผู้ประกอบการรุ่นใหม่จะต้อง
สามารถทางานจากทไี่ หนก็ได้ เพราะเทคโนโลยีจะสรา้ งสภาพแวดลอ้ มใหเ้ ปน็ อสิ ระ โทรศัพท์มอื ถอื มาก่อน และการค้าผา่ น
โลกโซเชียล ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ทปี่ ระสบความสาเร็จจะเป็นบคุ คลทีห่ าเล้ียงชีพด้วยธุรกจิ ออนไลน์ ความย่ังยนื ก็จะเปน็
สิ่งสาคัญของผู้ประกอบการในอนาคต เทคโนโลยีสีเขียวจะผลักดันให้เกิดคลื่นลกู ใหม่ของนวัตกรรมโลกจากรถยนตไ์ ฟฟา้
และแบตเตอร่ี รวมท้ังมีการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่ให้ความสาคัญกับสภาพอากาศ ผู้ประกอบการที่จะประสบ
ความสาเรจ็ คอื คนทีส่ ามารถขบั เคล่ือนไปตามคลื่นแห่งนวตั กรรมใหมไ่ ด้
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวจิ ยั และนวตั กรรมการอาชวี ศกึ ษา 5
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ่ี 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2564
จาก 4Ps สู่ 4Es ปรบั ตัวรบั โควิด-19 [8]
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัย “เร่ง” ให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงทาให้โลก
ดิจิทัลกลายเป็น New Normal ในชีวิตประจาวัน ข้อมูลจากบริษัทนีลเส็น (Nielsen) ระบุว่า ช่วงสถานการณไ์ วรัสโควดิ -
19 ส่งผลให้ผู้บริโภคคุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีมากข้ึน ผู้บริโภคใช้โซเชียลมีเดียเเละแอปพลิเคช่ันเเชทเป็นช่องทางหลัก
เพื่อรับข่าวสารมากข้ึน ดังนั้น แนวคิด 4Ps แบบเดิม ประกอบด้วย (1) Product หรือตัวสินค้าและบริการท่ีตอบสนอง
ความต้องการของผู้บริโภค (2) Place หรือช่องทางท่ีลูกค้าจะสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้ (3) Price หรือราคา
ที่เหมาะสมกับคุณภาพของสินค้าและ (4) Promotion หรือการส่ือสารเพ่ือโน้มน้าวให้ลูกค้าซ้ือสินค้าและบริการ ซ่ึงไม่ได้
เจาะจงเฉพาะกิจกรรมส่งเสริมการขาย อาจไม่เพยี งพอ หลายธุรกิจเริ่มตอ่ ยอดกลยทุ ธต์ ่าง ๆ เพ่อื ใหส้ ามารถแขง่ ขันไดม้ าก
ขน้ึ จึงต้องนาแนวคิด 4Es มาปรับใช้ซึ่งประกอบด้วย
(1) Product to Experience หรอื ประสบการณ์ของผ้ซู ้อื เนื่องจากการผลิตสนิ คา้ หรอื บรกิ ารตา่ ง ๆ สามารถทา
ได้งา่ ยเมอ่ื เทยี บกับในอดตี โดยในปจั จบุ ันมโี รงงานทรี่ ับจา้ งผลติ สินคา้ ทาให้เจ้าของธุรกิจไม่จาเปน็ ตอ้ งมีเงนิ ทุนจานวน
มากเพื่อสร้างโรงงานถึงจะผลิตสนิ ค้าได้ ส่งผลใหเ้ กิดการแข่งขันเพมิ่ มากข้ึน ผปู้ ระกอบการต้องสร้างความแตกต่างและ
มากกว่าการเน้นทต่ี ัว Product ซงึ่ E ตัวแรกในแนวคิด 4Es นี้เนน้ การมอบประสบการณ์ท่ีดีให้กบั ผ้บู รโิ ภค ทาให้ผบู้ ริโภค
ประทับใจในสนิ คา้ และบริการ
(2) Place to Everyplace ที่ผ่านมาช่องทางที่ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้มีเพียงหน้าร้าน (offline) แต่ใน
ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีบทบาทมากข้ึน และกลายเป็น New normal ในชีวิตประจาวัน ธุรกิจจาเป็นต้องเข้าถึงผู้บริโภค
กลุ่มเป้าหมายท้ัง online และ offline ไม่ว่าจะเป็นการสร้างหน้าเว็บไซต์ จัดจาหน่ายผ่าน online marketplace เช่น
Lazada หรอื Shopee นอกจากน้ีสง่ิ ท่สี าคัญไมแ่ พก้ ันคือ ทางเลอื กในการชาระเงนิ ท่ีจะตอ้ งสรา้ งความสะดวกให้กบั ลูกค้า
เช่น ชาระเงินด้วยเงนิ สด ชาระผา่ นบตั รเครดติ ระบบพรอ้ มเพยห์ รือเก็บเงนิ ปลายทาง เป็นต้น
(3) Price to Exchange จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทาให้ราคาของสินค้าและบริการไม่ได้เป็น
ตัวกาหนดว่าผู้ประกอบการจะสามารถขายสินค้าและบริการได้เสมอไป แต่การทาให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความ “คุ้มค่า” ที่จะ
ซ้ือสนิ ค้าและบริการ รู้สึกวา่ สินคา้ มคี ุณภาพเหมาะสมกบั ราคาท่ีจา่ ยไปเป็นส่ิงจาเป็นสาหรับการทาธรุ กจิ ในยุคน้ี
(4) Promotion to Evangelism การส่ือสารการตลาดทเ่ี น้นตัวสินค้ามากเกินไปอาจไม่เหมาะกับบริบทปัจจบุ ัน
แต่การสื่อสารที่เน้นให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมีประสบการณ์ร่วม รู้สึกช่ืนชอบและอยากเข้ามาทดลองหรือใช้บริการ และ
กลายเป็นการบอกปากต่อปาก ชักชวนเพ่ือนมาใช้ด้วยกันจะมีประสิทธิภาพในโลกยุคใหม่ เช่น ธุรกิจท่องเท่ียวและท่ีพัก
สามารถสรา้ งความรสู้ กึ รว่ มจากการตกแต่งหอ้ งพัก เสน้ ทางท่องเท่ยี วที่ไมค่ วรพลาด สร้างแรงบันดาลใจใหอ้ ยากไปพกั โดย
การต้งั ราคาห้องพักทจี่ ูงใจเปน็ เพียงปัจจัยรว่ มเท่านัน้
ทกั ษะการคดิ พ้ืนฐานสาหรับผู้ประกอบการยคุ ใหม่ [9]
(1) Think Big, Act Small หลักแนวคิด Think Big, Act Small น้ัน ดร. เอ็ดเวิร์ด รูเบช ผู้อานวยการหลักสูตร
ศูนย์ผู้ประกอบการท่ีขับเคล่ือนด้วยนวัตกรรม หรือ IDE Center โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย หรือ IDE Center
(Innovation-Driven Entrepreneurship Center) กล่าวว่า สิ่งที่ถูกเรียกว่า Think Big คือ การมองภาพที่เราต้องการใน
อนาคต แล้วไปให้ถึงสิ่งน้ันด้วยหลัก 3i ได้แก่ Innovation / Impact / International และสาหรับ Act Small
ประกอบดว้ ย 3E ไดแ้ ก่ การเสาะหา (Explore) และทดสอบ (Experiment) ก่อนที่จะปลอ่ ยของ (Execute)
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
6 วารสารวิจยั และนวัตกรรมการอาชีวศึกษา
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีที่ 5 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2564
(2) มองหานวัตกรรมใหม่อยู่เสมอ Innovation หรือ นวัตกรรม คือ กระบวนการสร้างมูลค่าด้วยการตอบโจทย์
ความต้องการของตลาดจากวิธีการใหมๆ่ เพื่อสร้างความเปล่ียนแปลง ความสร้างสรรรค์ และมูลค่าที่สามารถผลักดันการ
เติบโต ผู้ประกอบการท่อี ยากชนะในการทาธรุ กจิ ตอ้ งหานวตั กรรมและไอเดียใหมๆ่ อยเู่ สมอ และควรคอยมองหาวิธใี หม่ๆ
ทีจ่ ะช่วยพัฒนาธรุ กิจและสนิ คา้ ทสี่ ามารถนาไปปฏิบัติไดจ้ รงิ ดว้ ย
(3) เปิดใจรับการเปลยี่ นแปลงและพัฒนาอยา่ งต่อเนื่อง ผู้ประกอบการต้องรู้ทันต่อการเปล่ียนแปลงและพฒั นา
อยา่ งมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ ดปู ญั หาในมมุ มองทก่ี วา้ งขนึ้ ด้วยความคดิ สรา้ งสรรคท์ มี่ ากขึ้น
(4) กระตือรือร้น ไม่กลัวการแข่งขัน ผู้ประกอบการควรจะมีความกระตอื รือร้นสูงและมีพลังงาน พร้อมท่ีจะลกุ
ไปแกป้ ญั หาอยเู่ สมอ ตอ้ งมีสมาธิ มีความกระตอื รือรน้ และละเอียดรอบคอบ
(5) ยอมรับคาวิจารณ์และคาแนะนา การยอมรับคาวิจารณ์และคาแนะนา คือ จุดเริ่มต้นที่ทาให้ผู้ประกอบการ
ประสบความสาเร็จ เพราะน่ันคือโอกาสท่ีผู้ประกอบการสามารถนามาพัฒนาธุรกิจได้ และสามารถรับคาวิจารณ์ได้ ย่อม
ช่วยให้พฒั นาตัวเองได้เร็วขึน้
(6) ลงมือทา เป้าหมายชัดเจน ไม่ละความพยายาม ต้ังเป้าหมายชัดเจน ไม่หว่ันแม้อุปสรรคหรือปัญหาใดๆ
และทีข่ าดไมไ่ ด้เลย คอื “ผ้ปู ระกอบการตอ้ งมเี ลือดนกั สู้” หากขาดจุดนส้ี ง่ิ ทร่ี อคณุ อยู่คือความล้มเหลว
(7) ผูป้ ระกอบการ คือ ผ้บู ริหารความเสย่ี ง ธุรกจิ และความเส่ยี งเปน็ ส่ิงทแ่ี ยกจากกันไม่ได้ การบรหิ ารความเส่ียง
คือ การท่ีผู้ประกอบการรับรู้ถึง ข้อดี-ข้อเสียของทุกการตัดสินใจ และสามารถหาตัวเลือกท่ีส่งผลดีมากกว่าผลเสียให้กับ
ธรุ กจิ ได้ ผู้ประกอบการทปี่ ระสบความสาเร็จ คอื คนทีส่ ามารถบรหิ ารความเสีย่ งไดด้ ที ี่สดุ
(8) เป็นผู้นาท่ดี ี มีจรรยาบรรณ เพราะผู้ประกอบการทีเ่ ป็นผู้นาท่ีดี มีจริยธรรมทางธุรกจิ คือ จริยธรรมท่ีเกยี่ วกบั
นโยบายการบริหารและวธิ ีปฏิบตั ิงาน โดยเฉพาะเรอื่ งละเอียดอ่อน เชน่ แรงงานข้ันตา่ การติดสนิ บน การกีดกนั ทางโอกาส
และความรับผดิ ชอบต่อสังคม นอกจากกาไรและยอดขายแล้ว ธุรกิจยังต้องอยู่ในบรรทดั ฐานของกฎหมายและจริยธรรมท่ี
ดดี ว้ ย
(9) การดูแลสุขภาพของตวั เอง การดแู ลสุขภาพของตัวเอง เพราะคุณคอื เสาหลกั ของธรุ กิจ สง่ิ ท่ตี อ้ งใส่ใจ คือ การ
ควบคุมคณุ ภาพอาหารทีร่ ับประทาน ออกกาลงั กายอย่างสมา่ เสมอและรักษาสขุ ภาพจิต
(10) สนุกกับทุกงานอย่างมีแรงผลักดัน ผู้ประกอบการต้องเป็นผู้ท่ีมีแรงผลักดันท่ีจะก้าวผ่านปัญหาอยู่เสมอ
ผู้ประกอบการควรตั้งเป้าหมายและความมุ่งม่ันทจี่ ะทาให้เป้าหมายนนั้ เป็นจริง ไม่มีอะไรมาเป็นอุปสรรคหากมีความสนกุ
กับงานที่ทา “ทางานเหมือนไมไ่ ด้ทา ทาใหเ้ ป็นสว่ นหนึง่ ของชวี ิต”
การจดั การศึกษาเพ่ือสรา้ งผู้ประกอบการ [10]
การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการ(Entrepreneurship Education) เป็นหน่ึงในทักษะสาคัญ
แห่งศตวรรษที่ 21 ที่ได้รับความสนใจและมีการดาเนินการเพิ่มมากขึ้น ในการกาหนดเป็นกรอบแนวคิดและยุทธศาสตร์
สาคัญต่อการจัดการเรียนรู้ในเน้ือหาเชิงสหวิทยาการ (Interdisciplinary) สาหรับศตวรรษท่ี 21 โดยการส่งเสริมความ
เขา้ ใจในเน้อื หาวชิ าแกนหลัก และสอดแทรกทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ในเร่ืองความรู้เก่ียวกบั การเงนิ เศรษฐศาสตร์ ธรุ กิจ
และการเป็นผู้ประกอบการ(Financial, Economics, Business and Entrepreneurial Literacy) ซ่ึงหมายรวมถึง (1) รู้
วิธีการที่เหมาะสมสาหรับการสร้างตัวเลือกเชงิ เศรษฐศาสตร์/เศรษฐกิจ (2) เข้าใจบทบาทในเชงิ เศรษฐศาสตร์ท่ีมีตอ่ สังคม
และ (3) ใชท้ ักษะการเป็นผ้ปู ระกอบการในการยกระดับและเพ่มิ ประสิทธิผลด้านอาชีพ เขา้ ไปในการจัดการเรียนการสอน
ในทุกระดบั โดยเฉพาะอย่างย่ิงในสถาบันการศึกษา
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชวี ศกึ ษา 7
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีท่ี 5 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2564
ในขณะเดียวกัน นโยบายของรัฐบาล พ.ศ. 2559 ได้กาหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศเพ่ือให้ประเทศไทย
ก้าวพ้นกับดักประเทศท่ีมีรายได้ปานกลาง ที่เรียกว่า “โมเดลประเทศไทย 4.0” ข้ึนเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของ
ประเทศให้ก้าวไปสยู่ คุ ใหม่และให้ความสาคญั ในการสร้างผ้ปู ระกอบการ ขบั เคลอ่ื นความมง่ั คัง่ ของประเทศไทย เพ่อื พัฒนา
ประเทศให้ปรับเปลี่ยนจากประเทศรายได้ปานกลาง เป็นประเทศรายได้สูงปรับเปล่ียนจากเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย
ประสิทธิภาพ เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคล่ือนด้วยนวัตกรรม การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศภายใต้“โมเดลประเทศ
ไทย 4.0” จะต้องเปล่ียนจากความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบเป็นความได้เปรียบในเชิงแข่งขันเพ่ือเปลี่ยนจากโครงสร้าง
เศรษฐกิจอุตสาหกรรมเพ่ิมมูลค่า ไปสู่โครงสร้างเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสร้างมูลค่า ท้ังน้ี หัวใจสาคัญของ “โมเดลประเทศ
ไทย 4.0” คอื การสร้าง “คนไทย 4.0”
คนไทย 4.0 ที่จะต้องมีการเรียนรู้ใน 4 เรื่องสาคัญ คือ 1) การเรียนรู้เพื่อสร้างเสริมแรงบันดาลใจให้มีชีวิตอยู่
อย่างมีความหมาย (Purposeful Learning) 2) การเรียนรู้เพื่อบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการ
รังสรรคส์ ิ่งใหมๆ่ (Generative Learning) 3) การเรียนรู้เพื่อปลกู ฝงั จติ สาธารณะ ยดึ ประโยชนส์ ่วนรวมเป็นท่ตี ง้ั (Mindful
Learning) และ 4) การเรียนเพื่อมุ่งการทางานให้เกิดผลสัมฤทธ์ิ (Result –Based Learning)ดังน้ัน การสร้างความเป็น
ผู้ประกอบการ จึงเป็นหนึ่งในแนวทางการพัฒนาคนไทย 4.0 ท่ีสอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตาม
ยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 เพื่อสร้างความมั่นคง ม่ังค่ัง และยั่งยืนในศตวรรษท่ี 21 และหลุดพ้นจากกับดักประเทศที่มี
รายได้ปานกลางไปสู่ประเทศท่ีมีรายได้สูง โดยเน้นการพัฒนาที่สมดุลบนฐานความคิดของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ผ่านการปฏริ ูปประเทศดา้ นโครงสรา้ งเศรษฐกจิ การวจิ ัยและพฒั นา และระบบการศึกษาควบค่กู นั ไป ตามนโยบายรฐั บาล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายในส่วนของการสนับสนุนวิสาหกิจเร่ิมต้น (Startup) หรือสตาร์ทอัพ ที่สร้างการเปล่ียนแปลง
ด้วยแนวคิดที่แตกต่างและใช้กระบวนการและนวัตกรรมท่ีไม่เหมือนใคร ท่ีมีจุดเด่นคือการสามารถทาซ้า ขยายตลาดได้
อยา่ งไม่มขี ีดจากดั เพ่ือสร้างมลู คา่ เพิ่มและเตบิ โตอย่างก้าวกระโดด ดว้ ยการส่งผา่ นคณุ ค่าและสร้างผลติ ภัณฑ์หรอื บริการท่ี
ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ ผ่านกระบวนการบ่มเพาะและพัฒนาอย่างเป็นระบบการบ่มเพาะและการพัฒนาความ
เป็นผู้ประกอบการจาเป็นอย่างย่ิงที่ต้องผ่านกระบวนการท่ีมีกลไกที่ชัดเจน และระบบนิเวศ (Ecosystem) ท่ีเอ้ือต่อการ
พัฒนา อาทิ กฎ ระเบยี บและกฎหมายที่เอือ้ ตอ่ การเรมิ่ ต้นธุรกิจและสนองตอบความต้องการของนักลงทนุ การจดั หาแหลง่
ทุนสาหรับผูป้ ระกอบการรายใหม่ และการศึกษาทีบ่ ม่ เพาะทักษะของความเป็นผู้ประกอบการใหเ้ กิดข้ึน
แนวทางการพฒั นาผปู้ ระกอบการใหม่จากผูเ้ รยี นอาชวี ศึกษา [11]
สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้กาหนดให้สถานศึกษามีการจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการ
อาชีวศึกษาขึ้นในปี พ.ศ. 2556 โดยอยู่ภายใต้ การดาเนินโครงการส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระในกลุ่มผู้เรียน
อาชีวศึกษา ซึ่งอยู่ในแผนงานบูรณาการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมท่ีมุ่งให้องค์ความรู้ด้านธุรกิ จแก่
นกั ศึกษาอาชวี ศึกษาและส่งเสริมการเป็นผปู้ ระกอบการแก่นกั เรยี นนักศกึ ษาผา่ นกระบวนการจดั การเรยี นการสอน
จากการศึกษาสภาพการดาเนินงานศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษาสู่การเป็นผู้ประกอบการใหม่
สถานศึกษาการจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะอาชีวศกึ ษาในสถานศกึ ษา มีการบรหิ ารจดั การอย่างเปน็ ระบบ พัฒนาศักยภาพผบู้ ริหาร
ครใู นการเป็นทป่ี รกึ ษาธุรกจิ มกี ารสรา้ งทักษะการเป็นผูป้ ระกอบการแก่นักศกึ ษาอาชีวศึกษาและพัฒนาคุณภาพชวี ิตให้แก่
ประชาชนที่สนใจ ส่งผลให้ผู้เรียนและประชาชนสามารถเป็นผู้ประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนปัญหาและ
อุปสรรค พบว่า สถานศกึ ษาบางแห่งไม่ไดด้ าเนินการตามนโยบายการพัฒนาศกั ยภาพการเปน็ ผ้ปู ระกอบการของผเู้ รยี น ไม่
มีกระบวนการในการกากับ ส่งเสริม สนับสนุน ติดตาม การดาเนินงานของศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา ใช้
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
8 วารสารวิจัยและนวตั กรรมการอาชวี ศกึ ษา
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ี่ 5 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564
งบประมาณผิดวัตถุประสงค์ ขาดความรู้ความเข้าใจในการดาเนินงานศูนย์บ่มเพาะอาชีวศึกษา ไม่มีแนวปฏิบัติ หรือการ
บรหิ ารศนู ย์บม่ เพาะทเี่ ป็นระบบชดั เจน จากการศึกษาดังกลา่ ว
ทั้งน้ีผลการวิจัยแนวทางการพัฒนาศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา สู่การสร้างผู้ประกอบการใหม่ ซึ่งมี
ข้อเสนอแนะในการเคลื่อนการดาเนินงานของศูนย์บ่มเพาะผปู้ ระกอบการอาชวี ศึกษาใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สุดสู่การสร้าง
ผ้ปู ระกอบการใหม่ ดงั น้ี
1) กาหนดและขับเคลื่อนการดาเนินงานของศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา ให้สอดคล้องกับนโยบาย
อยา่ งเปน็ รูปธรรม
2) จดั ให้มกี ารประชุมชี้แจงการขบั เคลอ่ื นนโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั ิของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาและหวั หนา้ ศนู ยบ์ ม่ เพาะ
ผ้ปู ระกอบการอาชีวศกึ ษาทกุ ภาคโดยชี้แจงเป็นรายภาค
3) กาหนดใหศ้ ูนยบ์ ่มเพาะผูป้ ระกอบการอาชีวศกึ ษาเปน็ สว่ นหน่งึ ของโครงสรา้ งการบรหิ ารงานของสถานศึกษา
ในสังกดั สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
4) บุคลากรหลักที่มีหน้าที่ในการขับเคลื่อนให้ศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษาดาเนินงานได้อย่างมี
ประสิทธิผล ควรประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา และ ครูท่ีปรึกษา
ธุรกิจ
5) มีการขับเคล่ือนให้สถานศึกษาได้สนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้เรียนทม่ี ีความสนใจ และมีศักยภาพได้เข้ารับการ
บ่มเพาะเพ่ือเป็นผู้ประกอบการอาชีวศึกษาโดยการจัดกิจกรรมเพ่ือสร้างจิตสานึ กในการเป็นผู้ประกอบการและการสร้าง
แรงจงู ใจในการเป็นผู้ประกอบการให้กบั ผเู้ รยี นอาชวี ศึกษาทุกระดบั ช้ัน
6) ด้านครุภัณฑ์และกฎระเบียบมีการขับเคล่ือนให้สถานศึกษาได้จัดหาสื่อหรือนวัตกรรมในการพัฒนาศักยภาพ
ผู้เรียนอาชีวศึกษา หรือพัฒนาบุคลากรที่เก่ียวข้องกับศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษาเพ่ือให้มีความรู้เก่ียวกับ
กฎระเบียบ และมีทักษะการสร้างผู้ประกอบการ และมีแนวทางในการบริหารศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษาท่ี
ชัดเจน
7) ด้านงบประมาณสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษามีการจัดสรรงบประมาณให้กับสถานศึกษา สังกัด
สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทุกแห่ง สาหรับการบริหารจัดการศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา และ
พัฒนาศักยภาพผ้เู รียนท่ีมีความสนใจไดเ้ ขา้ รับการบม่ เพาะการเปน็ ผู้ประกอบการอยา่ งเหมาะสม
8) ดา้ นการบริหารศนู ย์บม่ เพาะผูป้ ระกอบการอาชีวศกึ ษาสู่การสร้างผูป้ ระกอบการใหม่ควรมีการบริหารดงั นี้
8.1) มีคู่มือในการบริหารศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษาเพ่ือเป็นแนวทางให้กับสถานศึกษานาไปสู่
การปฏิบัตทิ ่เี ปน็ รปู ธรรม
8.2) มหี ลักสตู รในการพฒั นาบุคลากรทีเ่ กย่ี วข้องในการขบั เคลอื่ นศนู ย์บม่ เพาะผปู้ ระกอบการอาชีวศกึ ษา
8.3) มหี ลักสตู รในการพัฒนาศกั ยภาพผ้เู รยี นอาชีวศึกษาให้มีทักษะการเป็นผปู้ ระกอบการ
สรุป
จากวิสัยทัศน์เชิงนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่เป็น โมเดลพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล เพ่ือการพัฒนาเศรษฐกิจของ
ประเทศไทย หรือ เป็นโดยทมี่ ีภารกิจสาคญั ในการขับเคล่ือนปฏิรูปประเทศด้านตา่ ง ๆ เพ่ือปรับแก้ จัดระบบ ปรับทิศทาง
และสร้างหนทางพัฒนาประเทศให้เจริญ สามารถรับมือกับโอกาสและภัยคุกคามแบบใหม่ ๆ ท่ีเปลียนแปลงอย่างเร็ว
รุนแรงในศตวรรษที่ 21 ได้ อีกทั้งการระบาดของโควิด-19 เร่งให้ผู้บริโภคต้องยอมรับเศรษฐกิจดิจิทัล ส่งผลให้คนรุ่นใหม่
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวจิ ยั และนวัตกรรมการอาชีวศกึ ษา 9
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564
จะเลือกทาธุรกิจเองมากกว่าท่ีจะทางานรับเงินเดือน ในขณะเดียวกัน โควิด-19 ก็ทาให้เกิดการพัฒนาในธุรกิจ อี-
คอมเมิร์ซอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กท่ีหันมาใช้เทคโนโลยีมากข้ึน ประเทศไทยจาเป็นต้องเร่งพัฒนา
ผู้ประกอบการยคุ ใหม่เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน เน้นการสร้างสรรค์ นวัตกรรม สร้างผลติ ภัณฑท์ มี่ ีคุณภาพ
มีความแตกต่าง โดนใจลูกค้า สร้างคุณค่าและเพิ่มมูลค่าด้วยการออกแบบและนานวัตกรรมมาใช้ เพ่ือก้าวให้ทันการ
เปล่ียนแปลงทเ่ี กดิ ขึ้นอยา่ งรวดเรว็ ดังน้ันการผลกั ดนั ส่งเสริมให้ผปู้ ระกอบการใหม่ด้านนวัตกรรม ในเชิงเศรษฐกิจ ดิจิทัล
ได้กลายเปน็ ส่วนสาคัญของความสาเร็จในการดาเนินธุรกิจท่ีจะขาดไม่ได้ ภาคธุรกิจไทยจะต้องเร่งปรับตัวให้รับกับกระแส
ดจิ ทิ ลั
การประกอบการทขี่ บั เคลื่อนโดยนวตั กรรม (Innovation-Driven Entrepreneurship) หรอื ใชน้ วตั กรรมสร้างสรรค์
ธุรกิจรูปแบบใหม่ หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยเร่ิมจากการมีความคิดหรือไอเดียในการผลิตสินค้า หรือบริการที่ผู้บริโภค
ต้องการอย่างแท้จริง จากน้นั กต็ อ้ งหาแหล่งเงินทุนเพื่อสนบั สนุนเงนิ ทนุ ให้ผลิตสินคา้ หรือบริการน้ัน ๆ รวมถงึ มีผเู้ ช่ยี วชาญ
คอยช่วยเหลอื ในดา้ นต่าง ๆ เพอื่ ช่วยพฒั นาสินคา้ กอ่ นนาเข้าสตู่ ลาดผบู้ ริโภค ผูป้ ระกอบการกบั การใชเ้ ครื่องมือดจิ ิทัล
การพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (New Entrepreneurs) จากผู้เรียนอาชีวศึกษาท่ีจะเข้ามาช่วยขับเคล่ือนเศรษฐกิจ
ของประเทศผ่านการศูนย์บ่มเพาะผปู้ ระกอบการอาชวี ศกึ ษา สง่ เสรมิ การประกอบอาชพี อิสระในกลมุ่ ผู้เรยี นอาชวี ศึกษาท่ี
มุ่งให้องค์ความรู้ด้านธุรกิจและส่งเสริมการเป็นผปู้ ระกอบการแก่นักเรียนนกั ศึกษาผ่านกระบวนการจัดการเรียนการสอน
และกิจกรรม เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้มีประสบการณ์การทาธุรกิจทั้งในและนอกสถานศึกษานาความรู้และ
ประสบการณ์ตอ่ ยอดไปเปน็ ผปู้ ระกอบการ ซงึ่ จะเปน็ แนวทางในการสร้างอาชพี และสร้างรายไดต้ อ่ ไปในอนาคต
การเป็นผู้ประกอบการนวัตกรรมในโลกยุคปกติใหม่ ท่ีสร้างธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดเป็นสินค้าและ
บริการบนพ้ืนฐานของการสร้างสรรค์นวัตกรรมผสมผสานเข้ากับการทาธุรกิจ ท้ังยังเป็นการส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กและ
ขนาดกลางเป็นกลไกสาคญั ในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ เปน็ ปัจจัยที่สาคญั ในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจของ
ประเทศ และเป็นผู้ทาให้ปัจจยั การผลติ อ่ืนๆ ไมว่ ่าจะเป็นทีด่ นิ แรงงาน และทุนมารวมกัน เพ่อื สรา้ งสนิ คา้ และบริการเข้าสู่
ระบบเศรษฐกจิ ดว้ ยกนั
เอกสารอา้ งอิง
[1] สมใจ ศรีเนตร, “แนวโน้มการเปน็ ผปู้ ระกอบการใหม่ในธุรกจิ อาเซียน”, วารสารวชิ าการบัณฑิตวทิ ยาลยั สวนดุสิต,
ปีท่ี 13 (ฉบับท่ี 1), พ.ศ.2560, หนา้ 113-122.
[2] สชุ าติ ไตรภพสกลุ และสหัทยา ชูชาติพงษ์, “แบบจาลองการพัฒนาสังคมความเปน็ ผปู้ ระกอบการและนวัตกรรม
ในประเทศไทย”, วารสารนกั บรหิ าร, ปีท่ี 34 (ฉบับท่ี 2), พ.ศ.2557, หน้า 26-36.
[3] ไทยรัฐออนไลน์, “SME ไทยแลนด์ 4.0 ติดอาวธุ ไรเ้ ทียมทาน” [Online]. Available : http://www.thairath.co.th
content/644179 [Accessed: 1 เมษายน 2564].
[4] ธนันธร มหาพรประจักษ,์ “โควดิ เรง่ ธุรกจิ ปรบั เข้าสู่ดจิ ิทัล” [Online]. Available: https://www.bot.or.th/Thai/
ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_24Apr2021.aspx [Accessed: 19 เมษายน 2564].
[5] อาคีรา ราชเวียง. “อนาคตผปู้ ระกอบการในยุค 4.0” วารสารวจิ ัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถมั ภ์,
ปีท่ี 12 (ฉบับที่ 2), 79-88, 2560.
[6] David Achtzehn,“นวตั กรรม…อาวุธเดด็ ของผูป้ ระกอบการ” [Online]. Available: https://forbesthailand.com/
news/ [Accessed: 19 มกราคม 2564].
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
10 วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชวี ศึกษา
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ่ี 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564
[7] อาจุมม่าโอปอล ไทยรัฐออนไลน์, “โควดิ เรง่ ผู้ประกอบการสูด่ จิ ิทัล ยคุ สเี ขยี ว และความหลากหลาย” [Online].
Available: https://www.thairath.co.th/news/foreign/2064273 [Accessed: 19 เมษายน 2564].
[8] ธนนั ธร มหาพรประจักษ์, “ปรบั ธุรกิจให้อย่รู อดในยุค New Normal”[Online]. Available:
https://www.bot.or.th/ Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_19Oct2020.aspx
[Accessed : 19 เมษายน 2564].
[9] มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, “10 ความคิดพื้นฐานที่ผ้ปู ระกอบการต้องมี” [Online]. Available:
https://www.utcc.ac.th/ [Accessed : 10 มีนาคม 2564].
[10] สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา.การจดั การศกึ ษาเพือ่ พัฒนาความเป็นผ้ปู ระกอบการ (Entrepreneurship
Education). พิมพ์คร้ังท่ี 1. กรงุ เทพมหานคร: บรษิ ัท พรกิ หวานกราฟฟคิ จากดั , 2561.
[11] สมพร ปานดา. เอกสารวจิ ยั สว่ นบุคคล แนวทางการพฒั นาศนู ย์บม่ เพาะผปู้ ระกอบการอาชีวศึกษาสูก่ ารสรา้ ง
ผปู้ ระกอบการใหม่. กรุงเทพฯ :วิทยาลัยปอ้ งกนั ราชอาณาจกั ร หลกั สตู ร วปอ. รนุ่ ที่ 62, 2562.
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวิจยั และนวตั กรรมการอาชวี ศึกษา 11
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ่ี 5 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564
การออกแบบตวั ควบคุมพีไอดที ี่เหมาะสมดว้ ยวิธฝี งู ผงึ้ สําหรบั การควบคมุ การผลิตไฟฟ้าอัตโนมตั ิ
ของระบบไฟฟา้ กําลังท่ีเชอ่ื มตอ่ กนั แบบสามพ้ืนท่ี กบั ตัวเก็บสะสมพลงั งานเชิงตัวเก็บประจุ
Designing of the Optimal PID Controllers by Using Bee Algorithm for AGC
of Three Area Interconnected Power System with CES Unit
พพิ ัฒน์ ดุรงค์ดํารงชัย1*
Pipat Durongdumrongchai1*
*1สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวดั ขอนแก่น 40000
*1Electrical Engineering, Faculty of Engineering, North Eastern University, Khonkhean 40000
Received : 2020-09-09 Revised : 2020-06-26 Accepted : 2020-06-30
บทคัดย่อ พ้ืนท่ีมีการดําเนินงานท่ีมีประสิทธิภาพสูงกว่าท้ังกรณี
ท่ีใช้ตัวควบคุมพีไอและกรณีที่ไม่มีตัวเก็บสะสม
บทความวิจัยฉบับน้ีนําเสนอการควบคุมการ พลังงานเชิงตัวเก็บประจุในการตอบสนองพลวัต และ
ผลิตไฟฟ้าอัตโนมัติของระบบไฟฟ้ากําลัง (AGC) ที่มี ช่วยลดค่าผิดพลาดสมบรู ณ์อนิ ทิกรัล (IAE)
การเช่ือมต่อกันแบบสามพ้ืนท่ี ประกอบด้วยโรงไฟฟ้า
พลังความร้อน (Area 1) โรงไฟฟ้าพลังความร้อน ดังน้ัน ตัวควบคุมพีไอดีที่เหมาะสมกับตัวเก็บ
(Area 2) และโรงไฟฟ้าพลังน้ํา (Area 3) ระบบไฟฟ้า สะสมพลังงานเชิงตัวเก็บประจุจะส่งผลให้ระบบไฟฟ้า
กําลังมีตัวเก็บสะสมพลังงานเชิงตัวเก็บประจุ (CES) มี กําลังมีการส่งจ่ายและจําหน่ายกําลังไฟฟ้าได้อย่างมี
วัตถุประสงค์เพื่อ 1) ต้องการจําลองแบบการควบคุม เสถียรภาพ
การผลิตไฟฟ้าอัตโนมัติของระบบไฟฟ้ากําลังแบบสาม คาํ สําคญั : การควบคุมการผลิตไฟฟ้าอัตโนมัติ, วธิ ีฝงู ผง้ึ ,
พื้นท่ี 2) ต้องการออกแบบตัวควบคุมพีไอดีให้มีความ
เหมาะสม และมีความคงทน โดยการประยุกต์ใช้วิธีฝูง การหาค่าทเี่ หมาะสม, ระบบไฟฟา้ กําลัง,
ผึ้ง (BA) 3) ใช้ตัวเก็บสะสมพลังงานเชิงตัวเก็บประจุ ตวั เกบ็ สะสมพลังงานเชิงตัวเก็บประจุ
เพื่อการชดเชยพลังงานไฟฟ้า 4) ต้องการเปรียบเทียบ
ผลการดําเนินงานของตัวควบคุม 3 ชนิด ดังนี้ ตัว Abstract
ควบคุมพีไอ ตัวควบคุมพีไอดี และตัวควบคุมพีไอดีที่ This article presents Automatic
เหมาะสม กับ CES โดยวิธีฝูงผ้ึงจะช่วยหาค่ า
อัตราขยายต่าง ๆ ของตัวควบคุมพีไอดี เพื่อควบคุม Generation Control (AGC) of three area
ความถี่ของระบบไฟฟ้ากาํ ลังให้มีการเปลี่ยนแปลงน้อย interconnected thermal (Area 1) -thermal (Area
ท่ีสุดภายใต้สภาวะท่ีโหลดมีการเปลี่ยนแปลง และเพ่ือ 2) - hydro (Area 3) system combining CES units.
ควบคุมการส่งจ่ายและจําหน่ายกําลังไฟฟ้าให้เพียงพอ The purposes of this study included : 1)
ต่อความต้องการ ผลจากการจําลองแบบช้ีให้เห็นว่า simulating Automatic Generation Control (AGC)
ตัวควบคุมพีไอดีที่เหมาะสมกับตัวเก็บสะสมพลังงาน of three areas 2) designing optimized and
เชงิ ตัวเก็บประจจุ ะสง่ ผลใหร้ ะบบไฟฟ้ากําลงั ท้งั สาม robust PID controllers by applying BA 3)
applying CES units for electricity storage 4)
*พิพฒั น์ ดุรงคด์ ํารงชยั comparing 3 controllers’ performance
including PI, PID and the optimal PID
E-mail : [email protected] controllers with CES units. Using Proportional-
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
12 วารสารวจิ ยั และนวัตกรรมการอาชวี ศกึ ษา ค ว บ คุ ม ก า ร ผ ลิ ต ไ ฟ ฟ้ า อั ต โ น มั ติ ( Automatic
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ Generation Control: AGC) [1] เพ่ือให้ระบบไฟฟ้า
ปีที่ 5 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2564 กําลังมีเสถียรภาพมากข้ึน เป็นการทํางานที่มีการ
ควบคุมความถี่และโหลด ซึ่งจะเป็นการควบคุมท่ี
Integral-Derivative (PID) controllers which is an สําคัญมากในการดําเนินงานของระบบไฟฟ้ากําลัง
application of Bee Algorithm (BA) in order to และสําคัญมากสําหรับการควบคุมการจ่ายกําลังไฟฟ้า
adjust optimal and robust. BA is nominated to ให้เพียงพอต่อความต้องการของโหลด พร้อมทั้งยัง
simultaneously tune PID controllers to ต้องดําเนินการให้ระบบไฟฟ้ากําลังมีความน่าเชื่อถือ
minimize frequency deviations of the power และมีคุณภาพท่ีดี วัตถุประสงค์หลักของการควบคุม
system against load disturbances and to การผลิตไฟฟ้าอัตโนมัติเพื่อต้องการให้บรรลุผลตามท่ี
control sufficient power transmission and ต้องการ ดังน้ี 1) ค่าคลาดเคล่ือนที่สถานะอยู่ตัว
distribution for demand. Simulation results (Steady State Error) ของระบบมีค่าต่ํามาก ๆ หรือ
indicated that the optimal PID controllers with เกือบเท่ากับศูนย์ในสายส่งเช่ือมต่อขณะท่ีความถ่ีมีค่า
CES units in three areas perform tremendously เบ่ียงเบน 2) มีการควบคุมพฤติกรรมของระบบใน
were better than other that no CES units and สภาวะชั่วครู่ (Transient) ให้เหมาะสม 3) ในสถานะ
PI controllers in dynamic response and integral อยู่ตัวระดับการดําเนินงานของเครื่องกําเนิดไฟฟ้าจะ
absolute error (IAE). Accordingly, the optimal ถูกกําหนดให้เหมาะสมตามเง่ือนไขของการส่งจ่าย
PID controllers and CES units will result in กาํ ลังไฟฟ้า
having stability in power transmission and
distribution in the power system. ระบบไฟฟ้ากําลังที่ดีนั้น จะต้องมีเสถียรภาพ
Keywords : Automatic Generation Control, คอื ความสามารถของระบบไฟฟ้ากําลังในการกลับคืนสู่
จุดทํางานท่ีสมดุลหลังเกิดการรบกวนในระบบไฟฟ้า
Bee Algorithm, Optimization กําลัง เพราะฉะนั้น การควบคุมการผลิตไฟฟ้า
Technique, Power System, อั ต โ น มั ติ จึ ง มี ค ว า ม สํ า คั ญ เ ป็ น อ ย่ า ง ม า ก ใ น ก า ร
Superconducting Magnetic ดําเนินงานของระบบไฟฟ้ากําลัง และเป็นการควบคุม
Energy Storage. ให้การจ่ายกําลังไฟฟ้ามีความเพียงพอต่อความ
ต้องการของโหลด คุณลักษณะของระบบไฟฟ้ากําลัง
1. บทนาํ นั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ เช่น กรณีเกิดผล
ปัจจุบันระบบไฟฟ้ากําลังเป็นสิ่งที่สําคัญมาก ท้ัง กระทบจากการเปล่ียนแปลงของโหลด หรือมีสภาวะที่
ผิดปกติอันเกิดจากความล้มเหลวของเครื่องกําเนิด
ในการดํารงชีพและทางด้านเศรษฐกิจของมนุษย์ ไ ฟ ฟ้ า แ ล ะ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ค่ า พ า ร า มิ เ ต อ ร์
ดังนั้น ระบบไฟฟ้ากําลังจึงจะต้องมีเสถียรภาพ (Parameter) ของระบบไฟฟ้ากําลัง ส่ิงเหล่านี้ส่งผล
(Stability) มีความน่าเชื่อถือ (Reliability) และต้อง กระทบต่อความถ่ีของระบบไฟฟ้ากําลังที่ยากจะคาด
สามารถจ่ายกําลังไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการ เดา และการกําหนดค่ากําลังไฟฟ้าที่ไหลระหว่างหลาย
ของโหลด ดังน้ัน ระบบไฟฟ้ากําลังจึงจะต้องมีการ พื้นท่ีผ่านสายส่งเช่ือมต่อ ปัญหาเหล่านี้จะถูก
เช่ือมต่อถึงกันหลายพ้ืนท่ีด้วยสายส่งเช่ือมโยง (Tie- ดําเนินการแก้ไขโดยการควบคุมความถี่ด้วยการ
Line) เพราะถ้าในกรณีที่พื้นท่ีใดพ้ืนที่หน่ึงมีความ ควบคุมกําลังไฟฟ้าด้านเอาต์พุตของเคร่ืองกําเนิด
ต้องการของโหลดสูงกว่าปกติ และพื้นท่ีนั้นไม่สามารถ ไฟฟ้าในพน้ื ที่ทีถ่ ูกกําหนด [2]
จ่ายกําลังไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการของโหลด
ในพื้นที่น้ันได้ พื้นที่นั้นก็จะได้รับการช่วยจ่าย
กาํ ลังไฟฟ้าให้เพียงพอจากพืน้ ทีท่ ่เี ชื่อมต่อถงึ กนั นัน้ เอง
จากที่กล่าวมาข้างต้น การท่ีจะทําให้โรงไฟฟ้ามี
เสถียรภาพและมีความน่าเชื่อถือนั้น จะต้องมีการ
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชวี ศกึ ษา 13
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ่ี 5 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2564
ผลงานวิจัยส่วนใหญ่ท่ีเก่ียวข้องกับการควบคุม ตัวเก็บสะสมพลังงานเชิงตัวเ ก็บ ป ร ะ จุ
การผลิตไฟฟ้าอัตโนมัติมีเน้ือหาเก่ียวกับเรื่องการ ( Capacitive Energy Storage : CES) [9 ] มี ค ว า ม
เชื่อมต่อของระบบท่ีเป็นแบบโรงไฟฟ้าพลังความร้อน สามารถในการชดเชยพลังงานเพ่ือลดหรือกําจัดความถี่
กับระบบโรงไฟฟ้าพลังความร้อนด้วยกัน มีงานวิจัย ของการแกว่งท่ีเกิดจากการเปล่ียนแปลงโหลด ตัวเก็บ
ส่วนน้อยท่ีกล่าวถึงการควบคุมการผลิตไฟฟ้าอัตโนมัติ สะสมพลงั งานเชิงตัวเก็บประจุจะมีการจัดเกบ็ พลังงาน
กับระบบไฟฟ้ากําลังแบบโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ไฟฟ้าท่ีสามารถทํางานได้อย่างรวดเร็วแบบอัตโนมัติ
เชื่อมต่อกับโรงไฟฟ้าพลังน้ํากับระบบย่อยที่ใช้พลังนํ้า การเก็บพลังงานแบบตัวเก็บสะสมพลังงานเชิงตัวเก็บ
และพลังความร้อนในหลายคุณลักษณะที่แตกต่างกัน ประจุนี้เป็นอุปกรณ์ควบคุมท่ีสามารถเก็บและปล่อย
เป็นอย่างมาก [3] รูปแบบการดําเนินงานที่ใช้เป็น พลังงานไฟฟ้าออกมาได้ ตัวเก็บสะสมพลังงานเชิงตัว
วิธีการท่ีอยู่ในโหมดของการทํางานแบบต่อเนื่อง เมื่อ เก็บประจุสามารถใช้เป็นตัวช่วยในการควบคุมความถี่
ท้ังตัวควบคุมและระบบถูกสมมติให้มีการทํางาน ของระบบไฟฟ้ากําลังได้เป็นอย่างดี ดังนั้นตัวเก็บสะสม
แบบต่อเนื่องในสถานการณ์เสมือนจริง ระบบจะ พลังงานเชิงตัวเก็บประจุจึงถูกนํามาประยุกต์ใช้งาน
ทํางานในโหมดต่อเนื่องซึ่งจะเป็นแบบตรงกันข้ามกับ กับการควบคุมการผลิตไฟฟ้าอัตโนมัติได้เป็นอย่างดี
การทํางานของตัวควบคุมที่จะอยู่ในโหมดการทํางาน เพราะฉะนั้น ในงานวิจัยนี้จึงมีการประยุกต์ใช้งานตัว
แบบไมต่ อ่ เนือ่ ง เก็บสะสมพลังงานเชิงตัวเก็บประจุกับระบบไฟฟ้า
กาํ ลงั ทมี่ กี ารเชื่อมต่อถึงกนั 3 พนื้ ท่ี
การนําเสนอจะเป็นการวิเคราะห์เก่ียวกับการ
ควบคุมการผลิตไฟฟ้าอัตโนมัติกบั ระบบไฟฟ้ากาํ ลังที่มี วิธีฝูงผึ้ง (Bee Algorithm : BA) เป็นวิธีการหา
การเชื่อมต่อถึงกัน 3 พื้นที่ คือโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ค่าที่เหมาะสมท่ีดีวิธีการหนึ่ง มีข้อดี คือ มีขบวนการที่
2 โรง โรงไฟฟ้าพลังน้ํา 1 โรง ในโหมดการทํางาน ดีสําหรับการปรับหาค่าพามิเตอร์ท่ีเหมาะสมได้อย่าง
แบบต่อเน่ืองและไม่ต่อเน่ือง [4] การเช่ือมต่อถึงกัน รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ดังที่ได้มีการนําเสนอใน
ของโรงไฟฟ้าพลังน้ํากับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนเป็น [10] ดังน้ันวิธีฝูงผึ้งจึงถูกนํามาประยุกต์ใช้สําหรับการ
ระบบไฟฟ้ากําลังท่ีมีการทํางานของกังหันไอนํ้าแบบ ค้นหาค่าที่เหมาะสมของค่าอัตราขยายต่าง ๆ ในตัว
ให้ความร้อนซํ้า (Reheat Steam Turbine) กับเคร่ือง ควบคมุ พีไอดี
ควบคุมความเร็วไฟฟ้า (Electric Governor) มผี ลลัพธ์
จากการจําลองแบบบางส่วน ถูกเผยแพรโ่ ดย [5] การนําเสนอจะดําเนินการเปรียบเทียบผลการ
จํ า ล อ ง แ บ บ ข อ ง ร ะ บ บ ไ ฟ ฟ้ า กํ า ลั ง ท า ง ด้ า น ก า ร
ตัวควบคุมพีไอดี [6] เป็นตัวควบคุมท่ีมีข้อดีคือ ตอบสนองพลวัต (Dynamic Response) 3 กรณี ดังนี้
มีโครงสร้างที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน และสามารถลดค่า
ความผิดพลาดได้หลายชนิดในตัวควบคุมเดียว ดังนั้น ก. ระบบไฟฟา้ กําลังท่ใี ช้ตัวควบคุมพีไอ
ตัวควบคุมพีไอดีจึงได้ถูกนํามาประยุกต์ใช้กับการ ข. ระบบไฟฟา้ กําลงั ทใ่ี ช้ตัวควบคมุ พีไอดี
ควบคุมการผลิตไฟฟ้าอัตโนมัติ [7] แต่ข้อเสียของตัว ค. ระบบไฟฟ้ากําลังที่ใช้ตัวควบคุมพีไอดีท่ี
ควบคุมพีไอดี คือ การหาค่าอัตราขยายของตัวควบคุม เหมาะสม กบั CES
ว่ าควรจะ มี ค่ าเ ป็ น เ ท่ าใ ดจึ ง จ ะ เ ห ม า ะ ส ม กั บ
กระบวนการน้ัน ๆ เม่ือก่อนการปรับค่าอัตราขยาย 2. ทฤษฎี
ของตัวควบคุมพีไอดีนี้ จะใช้วิธีการของซีเกลอร์-
นิโคลส์ (Ziegler-Nichols) [8] แต่ค่าอัตราขยายที่ได้ 2.1 ระบบไฟฟ้ากําลัง
น้ัน ก็เป็นแค่เพียงค่าคร่าวๆ และยังไม่ใช่ค่าท่ี การควบคุมการผลิตไฟฟ้าอัตโนมัติของ
เหมาะสมทส่ี ุด
ระบบไฟฟ้ากําลัง ท่ีมีการเช่ือมต่อกันแบบสามพ้ืนท่ี
ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อน (Area 1)
โรงไฟฟ้าพลังความร้อน (Area 2) และโรงไฟฟ้าพลัง
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
14 วารสารวจิ ัยและนวัตกรรมการอาชีวศกึ ษา PGi = การเปล่ียนแปลงของการผลิตท่ีเพ่ิมขน้ึ
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ (Incremental generation change)
ปีท่ี 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2564
PRi = การเปล่ียนแปลงของเคร่อื งควบคุม
น้ํา (Area 3) มีตัวเก็บสะสมพลังงานเชิงตัวเก็บประจุ ความเร็วท่เี พิ่มขน้ึ (Incremental
และใช้ตัวควบคุมพีไอดี ได้แสดงในรูปท่ี 1 เพื่อใช้ใน governor change)
การศึกษา ถ้าโหลดในพื้นที่ใดเกิดการเปลี่ยนแปลงก็
จ ะ ส่ ง ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ พ้ื น ที่ อื่ น ที่ ค่ า ค ว า ม ถี่ แ ล ะ ค่ า Ptie = กําลังไฟฟ้าในสายสง่ เชื่อมโยง (Tie-line
กําลังไฟฟ้า เนื่องจากทั้งสามพื้นท่ีถูกเช่ือมต่อถึงกัน power)
ด้วยสายส่งเช่ือมโยง ด้วยเหตุน้ี การควบคุมการผลิต
ไฟฟ้าอัตโนมัติจึงมีความสําคัญเป็นอย่างมากต่อระบบ X Ei = ตําแหน่งวาล์วของเคร่ืองควบคุมความเร็ว
ไฟฟา้ กาํ ลัง ที่เปลยี่ นแปลง (Incremental change
in governor value position)
รปู ที่ 1 แผนภาพของสามพืน้ ที่ ทม่ี กี ารเชอ่ื มต่อกนั
ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อน (Area 1) ui = สญั ญาณควบคุม (Control signal)
โรงไฟฟ้าพลังความรอ้ น (Area 2) และ Tij = ค่าสัมประสทิ ธ์ิการซิงโครไนซ์
โรงไฟฟา้ พลงั น้ํา (Area 3) ทม่ี ี CES
(Synchronizing coefficient)
ระบบไฟฟ้ากําลังที่มีการเช่ือมต่อถึงกันของ
โรงไฟฟ้าพลังความร้อนกับโรงไฟฟ้าพลังน้ําในโหมด Kr = ค่าคงตวั ของการทําใหร้ อ้ นอีกครั้ง
การทํางานแบบใช้ความร้อนซ้ํา และเคร่ืองควบคุม (Reheat constant)
ความเรว็ ไฟฟ้า ไดแ้ สดงไว้ในรปู ท่ี 2
Tg = ค่าคงตัวทางเวลาของเคร่ืองควบคุม
พารามิเตอรข์ องระบบไฟฟ้ากําลงั มีดังนี้ : ความเร็วไอนํ้า (Steam governor
f = ความถี่ของระบบไฟฟ้ากําลังท่ีระบุ time constant)
(Nominal system frequency) Tt = ค่าคงตัวทางเวลาของกังหันไอน้ํา
i = ตวั ห้อยที่อ้างถึงพน้ื ที่ (Subscript (Steam turbine time constant)
referred to area) Tr = ค่าคงตัวทางเวลาของการทําใหร้ ้อนอีก
Pri = กําลังพกิ ัดของพืน้ ที่ (Area rated power) ครงั้ (Reheat time constant)
Hi = ค่าคงท่ีความเฉือ่ ย (Inertia constant)
Pdi = การเปลี่ยนแปลงของโหลดทเี่ พ่ิมขน้ึ Bi = ค่าคงตวั ของความเอนเอียงความถี่
(Frequency bias constant)
(Incremental load change)
Tw = เวลาของการเร่ิมปล่อยน้ํา (Water
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre starting time)
Ri = พารามิเตอร์ความเร็วคงตัวของเครื่อง
ควบคุมความเร็ว (Governor speed
regulation parameter)
ACEi = ค่าผิดพลาดการควบคุมพื้นท่ี (Area
Control Error)
K p = อัตราขยายสัดส่วนของเคร่ืองควบคุม
ความเร็วแบบไฟฟ้า (Electric
governor proportional gain)
Ki = อัตราขยายปริพนั ธ์ของเครื่องควบคุม
ความเร็วแบบไฟฟ้า (Electric
governor integral gain)
วารสารวจิ ัยและนวัตกรรมการอาชีวศกึ ษา 15
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีท่ี 5 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564
Kd = อตั ราขยายอนพุ ันธ์ของเครื่องควบคุม น้ี สามารถเขียนในรูปแบบของโดเมนเวลา
ความเร็วแบบไฟฟ้า (Electric
governor derivative gain) แบบต่อเน่ือง (Continuous Time Domain) ได้ดังน้ี
J = ดชั นีตน้ ทุน (Cost Index), x Ax(t) Bu(t) Ld (t) (1)
Di Pdi / fi เมอื่ กําหนดให้ A คือ เมทริกซ์ระบบท้ังหมด
Tpi 2Hi /( f Di ), K pi 1/ Di , a12 Pr1 / Pr2 B คอื เมทริกซ์
กาํ หนดคา่ พารามิเตอร์ดังน้ี ของสญั ญาณทางด้านอินพุตและ L คอื เมทรกิ ซข์ อง
f 60 Hz , Tr 10 sec, Tt 0.3 sec
TW 1.0 sec, Tg 0.08 sec, Kr 0.5 โหลดที่มีค่าการเปลี่ยนแปลง ส่วน x(t) u(t) และ d(t)
K p 1.0 , Kd 4.0 , Ki 5.0 , เปน็ พารามิเตอรท์ ต่ี ้องการทราบค่าในการควบคุม และ
H1 H2 0.5 R1 R2 2.4 Hz/p.u.MW,
Ptie,max 200 MW , เวกเตอร์ของโหลดที่มกี ารเปลี่ยนค่าไดแ้ สดงไว้ดังนี้
x(t) [f1 PG1 PR1 X E1 Ptie12 f2 PG2 PR2
X E2 Ptie23 f3 PG3 PR3 X E3 Ptie31]T
(2)
u(t) u1 u2 u3 T (3)
d (t) Pd1 Pd 2 Pd 3 T (4)
รปู ท่ี 2 แบบจําลองของสามพนื้ ที่ ท่ีมกี ารเชื่อมต่อถงึ กันของโรงไฟฟ้าพลังความร้อน (Area 1) โรงไฟฟ้าพลงั
ความร้อน (Area 2) และโรงไฟฟ้าพลังนํ้า (Area 3) ทีม่ ี CES
Pr1 Pr2 2000 MW, เมื่อ คือ ค่าที่เปลี่ยนแปลงจากค่าปกติ ซ่ึงตัว
ห้อย 1 ใช้สําหรับพ้ืนท่ีของระบบโรงไฟฟ้าพลังความ
D1 D2 8.33 103 p.u.MW/Hz ร้อน ตัวห้อย 2 ใช้สําหรับพ้ืนท่ีของระบบโรงไฟฟ้า
การวิเคราะห์สมการปริภูมิสเตต (State Space พลังงานความร้อน และตัวห้อย 3 ใช้สําหรับพื้นที่ของ
Equation) ของระบบไฟฟ้ากําลงั ท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์
ระบบโรงไฟฟ้าพลังนํ้า
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
16 วารสารวจิ ยั และนวตั กรรมการอาชีวศกึ ษา
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีท่ี 5 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564
สัญญาณเอาต์พุตของระบบท่ีได้จะข้ึนอยู่กับค่า ดิจิทัลให้เป็นสัญญาณอนาล็อก (Digital to Analog
ผิดพลาดการควบคุมพ้ืนท่ี (Area Control Error :
ACE) มีสมการดงั น้ี Converter : D/A) ก็จะได้เป็นสัญญาณควบคุม (u)
ดังแสดงในรูปที่ 3 โดยสัญญาณทางด้านเอาต์พุตของ
y(t) y1(t) ACE1 Cx(t) (5) ตวั ควบคุมพีไอดีอยู่ในรูปแบบของสมการดังสมการที่ (8)
y2(t) ACE2 (6)
ACE3 u(z) z z 1 y (8)
y3(t) 1 z
k p y ki z y kd
ACEi Ptie, j Bifi , i 1,2,3
เมื่อ C คอื เมทรกิ ซเ์ อาตพ์ ุต สําหรบั CES มีการ 2.3 วิธฝี ูงผง้ึ (Bee Algorithm: BA)
กาํ หนดค่าพารามิเตอรท์ ส่ี ําคัญดังนี้ C0 1, R0 100
ตัวควบคุมแบบพีไอดี ในการควบคุมสัญญาณจะ
อยู่ในโหมดไมต่ ่อเนื่อง สามารถเขียนสมการได้ดังนี้
ui (z) (k p ACEi ki z ACE i kd z 1 ACE )
z
z 1 i
k p (Ptie Bifi ) ki z (Ptie Bifi )
(7) z 1
kd z 1 (Ptie Bifi )
z
เมื่อ kp คือ อัตราขยายสัดส่วนของตัวควบคุมพีไอดี
ki คือ อตั ราขยายปรพิ ันธ์ของตัวควบคุมพีไอดี
kd คือ อตั ราขยายอนพุ ันธ์ของตัวควบคุมพีไอดี
2.2 ตัวควบคุมพีไอดี (Proportional Integral
Derivative Controller:PID Controller)
kp ki z z kd z 1 y รูปท่ี 4 แผนผังการประยกุ ต์ใช้ BA เพ่ือหาค่า kp
1 z Ki และ kd ทเี่ หมาะสม
รปู ท่ี 3 โครงสร้างของตัวควบคุมพีไอดีในโหมด วิธีฝูงผ้ึงเป็นวิธีการหาค่าที่เหมาะสมที่ดีวิธีการ
ทํางานแบบไมต่ ่อเนอื่ ง หน่ึง โดยที่วิธีฝูงผึ้งมีข้อดี คือ ขั้นตอนไม่ซับซ้อน จึง
ง่ายต่อการนํามาประยุกต์ใช้งาน การค้นหาคําตอบ
ตัวควบคุมพีไอดีได้ถูกนํามาประยุกต์ใช้กับระบบ สามารถดําเนินการได้อย่างรวดเร็ว และคําตอบที่ได้มี
ไฟฟ้ากําลัง เพื่อการปรับปรุงการตอบสนองพลวัต ความน่าเช่ือถือค่อนข้างมาก หลักการของวิธีฝูงผึ้งนั้น
รวมถึงการลดและขจัดค่าผิดพลาดในสถานะคงตัว จ ะ ใ ช้ ก า ร เ ลี ย น แ บ บ ก า ร ค้ น ห า น้ํ า ห ว า น ข อ ง ผ้ึ ง
(Steady-State Error) มีหลักการทํางานดังนี้ เม่ือมี ดําเนินการผ่านตัวดําเนินการ คือ ผ้ึง เพ่ือค้นหา
สัญญาณอินพุต (y) ท่ีเป็นสัญญาณอนาล็อกเข้ามาท่ี คําตอบท่ีเหมาะสม การประยุกต์ใช้วิธีฝูงผึ้งเพื่อค้นหา
ตัวแปลงสัญญาณอนาล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิทัล ค่าท่ีเหมาะสมของตัวควบคุมพีไอดี มีแผนฝังการ
(Analog to Digital Converter : A/D) แ ล้ ว ส่ ง ดําเนินงานดังรูปที่ 4 ซ่ึงจะเป็นการดําเนินการในการ
สัญญาณต่อไปที่ตัวควบคุมพีไอดี เพื่อประมวลผลการ ปรบั หาคา่ พารามิเตอร์ต่าง ๆ ใหเ้ หมาะสมด้วยวิธีฝูงผึ้ง
ควบคุมแล้วส่งสัญญาณต่อไปท่ีตัวแปลงสัญญาณ โดยเริ่มจากกําหนดพารามิเตอร์ที่ต้องการปรับค่า
กําหนดวัตถุประสงค์และเงื่อนไขบังคับตามสมการท่ีใช้
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวิจัยและนวตั กรรมการอาชีวศกึ ษา 17
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ี่ 5 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2564
แล้วเข้าข้ันตอนการหาค่าท่ีเหมาะสมด้วยวิธีฝูงผึ้ง เม่ือ 3.2 การจําลองแบบสําหรบั ตัวควบคุมพไี อดี
ไดผ้ ลลัพธ์แล้วจะต้องวิเคราะห์ว่า ผลลพั ธ์ท่ีได้ตรงตาม
วัตถุประสงค์ที่ได้ต้ังไว้หรือไม่ ถ้ายังไม่ตรง ก็ให้ไปเริ่ม ตารางท่ี 1 ผลลัพธ์จากการจําลองแบบ ในค่า
ที่ขั้นตอนการค้นหาค่าท่ีเหมาะสมใหม่ จนกว่าจะได้ อัตราขยายต่าง ๆ ของตัวควบคุมพีไอดี
ผลลัพธ์ท่ีตรงตามวัตถุประสงค์ ในที่น้ีต้องการค่า
ผิดพลาดสมบูรณอ์ นิ ทิกรัล (Integral Absolute Error Area kp ki kd
: IAE) ท่คี า่ ตา่ํ ที่สดุ
Thermal area 1 -0.3309 -1.1853 0.4194
3. การจําลองแบบและผลลัพธ์ Thermal area 2 -0.6239 -1.0522 0.0400
Hydro area 3 -0.6763 -0.8283 1.0885
3.1 เงื่อนไขการจําลองแบบ
ในการจําลองแบบ ใช้โปรแกรม MATLAB อัตราขยายที่แสดงดังตารางท่ี 1 เป็นค่าที่
เหมาะสมที่สุดทีได้จากจําลองแบบด้วยการประยุกต์ใช้
และ Simulink เป็นเครื่องมือในการวิจัย โดยกําหนด วิธีฝูงผึ้ง ซ่ึงอัตราขยายน้ัน สามารถเป็นได้ท้ังค่าบวก
โหลดให้มีค่าท่ี 0.01 p.u.MW ในทั้งสามพื้นท่ี เพ่ือ และค่าลบ โดยความหมายของอัตราขยายตัวควบคุม
ตอ้ งการวเิ คราะห์ค่าการเปลี่ยนแปลงความถ่ีในท้ังสาม พีไอดีที่เป็นบวก คือจะได้สัญญาณควบคุมที่เป็นบวก
พื้นท่ี ต้องการวิเคราะห์ค่ากําลังไฟฟ้าท่ีเปลี่ยนแปลง เรียกว่า การกระทําโดยตรง (Direct Acting) ส่วน
ในสายส่ง เพื่อใหไ้ ด้ค่า IAE ทีต่ ํา่ ทส่ี ดุ ดังนนั้ จงึ กําหนด ความหมายของอัตราขยายตัวควบคุมพีไอดีที่เป็นลบ
ฟังก์ชันวัตถุประสงค์ (Objective Function) ดัง คือจะได้สัญญาณความคุมที่เป็นลบ เรียกว่า การ
สมการ (9) กระทาํ ผกผนั (Reverse Acting)
Minimize J
3.3 การจาํ ลองแบบการเปล่ียนแปลงความถ่ี
50
ผลลัพธ์จากการจําลองแบบการเปลี่ยนแปลง
f1 f2 f3 Ptie12 Ptie23 Ptie31 dt ความถี่ของโรงไฟฟ้าในทั้ง 3 พ้ืนท่ี ได้แสดงในรูปที่ 5
0 6 และ 7 เมื่อจ่ายโหลดให้กับระบบไฟฟ้ากําลังที่เวลา
(9) 0 วินาที ก็จะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงความถี่
ของแต่ละพื้นท่ี ทําให้เกิดการแกว่งตัวในสภาวะชั่วครู่
เมอื่ f1 คือ ค่าการเปลีย่ นแปลงความถี่ของพนื้ ท่ีที่ 1 ตั ว ค ว บ คุ ม ที่ ดี จ ะ ต้ อ ง ป รั บ ค่ า ก า ร พุ่ ง เ กิ น แ ล ะ ค่ า
f2 คือ ค่าการเปลยี่ นแปลงความถี่ของพนื้ ที่ที่ 2 ช่วงเวลาเข้าที่ให้มีค่าตํ่าท่ีสุด จะเห็นได้ชัดเจนว่าตัว
f3 คือ ค่าการเปล่ียนแปลงความถี่ของพ้ืนท่ีท่ี 3 ควบคุมพีไอดีท่ีเหมาะสมกับ CES มีประสิทธ์ิภาพสูง
กวา่ กรณีที่ใช้ตัวควบคุมชนดิ อ่นื
Ptie12 คือ ค่าการเปล่ียนแปลงกําลังไฟฟ้าในสายส่ง
เช่ือมต่อระหว่างพื้นทีท่ ่ี 1 กับ 2 0.02
Ptie23 คือ ค่าการเปล่ยี นแปลงกําลงั ไฟฟ้าในสาย 0.01
ส่งเชื่อมต่อระหว่างพ้นื ที่ที่ 2 กบั 3
0
Ptie31 คือ ค่าการเปลยี่ นแปลงกําลังไฟฟ้าในสาย
ส่งเช่ือมต่อระหว่างพ้ืนที่ที่ 3 กับ 1 -0.01
df1 (Hz) -0.02
-0.03
-0.04 PI Controller
-0.05 PID Controller
PID Controller with CES
0
5 10 15 20 25 30 35 40 45 50
Time (s)
รปู ท่ี 5 การเปลี่ยนแปลงความถี่ของโรงไฟฟ้าพลัง
ความร้อน(f1)ท่ีมี CESและไม่มี ในท้ังหมด3กรณี
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
18 วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชีวศกึ ษา
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีท่ี 5 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564
df2 (Hz) 0.02 จากรูปที่ 8 9 และ 10 ปรากฏว่า กรณีที่ระบบ
0.01 ไฟฟา้ กําลังใช้ตัวควบคุมพไี อดีที่เหมาะสม กบั CES จะ
PI Controller มีการเปล่ียนแปลงค่าพุ่งเกินที่ตํ่าที่สุด จึงส่งผลให้
0 PID Controller ระบบไฟฟ้ากําลังมีการดําเนินงานท่ีมีประสิทธิ์ภาพสูง
-0.01 PID Controller with CES กว่ากรณอี ่ืน
-0.02
-0.03 5 10 15 20 25 30 35 40 45 50 0.06
-0.04 Time (s)
-0.05 0.05
-0.06
-0.07 0.04
0 PI Controller
0.03 PID Controller
รปู ท่ี 6 การเปลย่ี นแปลงความถ่ีของโรงไฟฟ้าพลัง Overshoot of df1 (Hz)
ความร้อน ( f2 ) ทม่ี ี CES และไม่มี ใน PID Controller with CES
ทัง้ หมด 3 กรณี
0.02
0.02
0.01
0.01
0
0 -30 -20 -10 0 10 20 30
Percent of parameter variation (%)
-0.01
รูปท่ี 8 การเปล่ยี นแปลงค่าการพุง่ เกินของ
df3 (Hz) -0.02 โรงไฟฟ้าพลังความรอ้ น ( f1) ทีม่ ี CES
และไม่มี ในทัง้ หมด 3 กรณี
-0.03
-0.04
-0.05 PI Controller 0.08
-0.06 PID Controller
PID Controller with CES
0
5 10 15 20 25 30 35 40 45 50
Time (s)
รูปท่ี 7 การเปลี่ยนแปลงความถ่ีของโรงไฟฟ้าพลงั น้ํา 0.07
0.06
( f3 ) ท่ีมี CES และไม่มี ในทั้งหมด 3 กรณี Overshoot of df2 (Hz) 0.05 PI Controller
0.04 PID Controller
0.03 PID Controller with CES
3.4 การจําลองแบบความคงทน กรณีเปล่ียน 0.02
ค่าพารามเิ ตอร์
0.01
การทดสอบความคงทนของตัวควบคุมพีไอดี
ภายใต้สภาวะท่ีระบบไฟฟ้ากําลังมีการเปล่ียนแปลง 0
ค่าพารามิเตอร์น้ัน มีความจําเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็น -30 -20 -10 0 10 20 30
คุณสมบัติท่ีดีของระบบไฟฟ้ากาํ ลัง ดงั นน้ั การทดสอบ Percent of parameter variation (%)
น้ีจึงมีความสําคัญมากกับระบบไฟฟ้ากําลัง ซึ่งโหลด
นั้นสามารถเปล่ียน ค่าได้ อยู่ ตลอดเ วล า โดย รูปท่ี 9 การเปลีย่ นแปลงค่าการพงุ่ เกนิ ของ
ค่าพารามิเตอร์ที่กําหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงได้คือ โรงไฟฟ้าพลังความรอ้ น ( f2 ) ทม่ี ี CES
Tg1 Tt1 Kr1 Tr1 Kp1 Tp1 R1 B1 Tg2 Tt2 Kr2 Tr2 และไม่มี ในท้ังหมด 3 กรณี
Tw Kp3 Tp3 R3 และ B3 โดยการเปลยี่ นค่าพารามิเตอร์ 0.07
เหล่าน้ี เป็นผลมาจากกรณีที่โหลดมีการเปลี่ยนแปลง
ในการจําลองการดําเนินงานได้กําหนดให้โหลดมีการ 0.06
เปลี่ยนแปลงท่ีค่า -30% -20% -10% 0 10% 20%
และ 30% 0.05
Overshoot of df3 (Hz) 0.04 PI Controller
0.03 PID Controller
PID Controller with CES
0.02
0.01
0
-30 -20 -10 0 10 20 30
Percent of parameter variation (%)
รูปท่ี 10 การเปล่ียนแปลงค่าการพุง่ เกนิ ของ
โรงไฟฟ้าพลังน้ํา ( f3 ) ท่ีมี CES และไม่
มี ในทงั้ หมด 3 กรณี
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวจิ ัยและนวตั กรรมการอาชีวศึกษา 19
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ่ี 5 ฉบับที่ 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564
3.5 การจําลองแบบการทดสอบความคงทน กรณี 0.1 PI Controller
ท่โี หลดมกี ารเปลี่ยนแปลง 0.08 PID Controller
0.06 PID Controller with CES
ก า ร จํ า ล อ ง แ บ บ ไ ด้ มี ก า ร ดํ า เ นิ น ก า ร ดั ง นี้
กําหนดให้การเปลี่ยนแปลงของโหลดน้ัน มีการ 0.04
เปลี่ยนแปลงแบบอิสระ และกําหนดให้โหลดมีการ
เปล่ียนแปลงมากสุดได้ไม่เกิน 1% (0.01 p.u.MW) df2 (Hz) 0.02
และมีการเปลี่ยนแปลงตํ่าสุดได้ไม่เกิน -1% (-0.01
p.u.MW) ของค่ากําลังไฟฟ้าสูงสุดที่ 2,000 MW โดย 0
การเปล่ียนแปลงโหลดของสามพื้นที่เป็นไปอย่างอิสระ
ใช้การเปล่ียนแปลงโหลดดังแสดงในภาพที่ 11 -0.02
จากภาพที่ 12 13 และ 14 ปรากฏว่า กรณีท่ีระบบ
ไฟฟ้ากําลังใช้ตัวควบคุมพีไอดีท่เี หมาะสม กบั CES จะ -0.04
มีการเปลี่ยนแปลง f1 f2 และ f3 ท่ีต่ําท่ีสุด จึง
ส่ ง ผ ล ใ ห้ ร ะ บ บ ไ ฟ ฟ้ า กํ า ลั ง มี ก า ร ดํ า เ นิ น ง า น ท่ี มี -0.06 20 40 60 80 100 120 140 160 180
0 Time (s)
ประสิทธภิ าพสงู กว่ากรณีอนื่
รปู ท่ี 13 การเปล่ียนแปลงความถี่ของโรงไฟฟ้าพลัง
ความร้อน ( f2 ) ทมี่ ี CES และไม่มี ใน
ท้งั หมด 3 กรณี
0.08 PI Controller
0.06 PID Controller
PID Controller with CES
0.04
df3 (Hz) 0.02
0
-0.02
-0.04
-0.06 20 40 60 80 100 120 140 160 180
0 Time (s)
รูปที่ 14 การเปล่ียนแปลงความถี่ของโรงไฟฟ้าพลงั
น้าํ ( f3) ที่มี CES และไม่มี ในท้ังหมด
3 กรณี
รูปท่ี 11 การเปล่ยี นแปลงโหลดแบบอสิ ระของสาม 4. สรุปผลการวจิ ัย
พ้ืนที่
จากผลการวิ จั ยสามารถสรุปผลวิจั ย ต า ม
0.08 PI Controller วัตถุประสงค์ได้ดังนี้ 1) การจําลองแบบการควบคุม
0.06 PID Controller การผลิตไฟฟ้าอัตโนมัติของระบบไฟฟ้ากําลังแบบสาม
PID Controller with CES พื้นท่ีน้ัน สามารถดําเนินการเช่ือมต่อได้อย่างถูกต้อง
และมีความเหมาะสม 2) การออกแบบตัวควบคุมพีไอ
0.04 ดีให้มีความเหมาะสม และมีความคงทน โดยการ
ประยุกต์ใช้วิธีฝูงผ้ึง (BA) น้ัน สามารถออกแบบแล้วมี
df1 (Hz) 0.02 การดําเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ 3) การใช้ตัวเก็บ
สะสมพลังงานเชิงตัวเกบ็ ประจุเพื่อการชดเชยพลังงาน
0 ไฟฟ้าน้ัน พบว่าตัวเก็บสะสมพลังงานเชิงตัวเก็บประจุ
สามารถดําเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4) การ
-0.02 เปรียบเทียบผลการดําเนินงานของตัวควบคุม 3 ชนิด
-0.04
-0.06 20 40 60 80 100 120 140 160 180
0 Time (s)
รูปที่ 12 การเปล่ียนแปลงความถ่ีของโรงไฟฟ้าพลัง
ความรอ้ น ( f1) ทีม่ ีCES และไม่มี
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
20 วารสารวจิ ัยและนวตั กรรมการอาชวี ศึกษา ละการเปล่ียนค่าพารามิเตอร์ ในทางกลับกัน กรณีตัว
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ ควบคุมท่ีมีประสิทธ์ิภาพการดําเนินงานสูง ค่าการพุ่ง
ปที ่ี 5 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2564 เกินก็จะมีค่าตํ่าและมีค่าแตกต่างกันน้อยมากในแต่ละ
การเปล่ยี นคา่ พารามเิ ตอร์
คือ ตัวควบคุมพีไอ ตัวควบคุมพีไอดี และตัวควบคุม
พีไอดีท่ีเหมาะสม กับ CES โดยจากผลลัพธ์ในการ การจําลองแบบทางด้านความคงทน กรณีท่ี
จําลองแบบช้ีให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าตัวควบคุมพีไอดีท่ี โหลดมีการเปล่ียนแปลง จากผลการจําลองแบบการ
เหมาะสม กับ CES จะช่วยให้ระบบไฟฟ้ากําลังทั้ง 3 ทํางานดังรูปท่ี 12 13 และ 14 จะเห็นได้อย่างชัดเจน
พื้นที่ ทปี่ ระกอบดว้ ยโรงไฟฟ้าพลังความร้อน (Area 1) ว่า กรณีตัวควบคุมท่ีมีประสิทธิ์ภาพการดําเนินงานตํ่า
โรงไฟฟ้าพลังความร้อน (Area 2) และโรงไฟฟ้าพลัง เมื่อจ่ายโหลดแบบอิสระให้กับระบบไฟฟ้ากําลังแล้ว
น้ํา (Area 3) มีประสิทธิภาพการดําเนินงานที่ดี ท้ัง นั้น การเปล่ียนแปลงทางด้านความถี่จะมีความผัน
ทางด้านการตอบสนองพลวัตในค่าช่วงเวลาเข้าท่ี ค่า ผวนอย่างมาก ในทางกลับกัน กรณีตัวควบคุมท่ีมี
การพุ่งเกิน และค่าผิดพลาดสมบูรณ์อินทิกรัล ย่ิงไป ประสิทธ์ิภาพการดําเนินงานสูง เมื่อจ่ายโหลดแบบ
กว่าน้ัน ยังช่วยให้ระบบไฟฟ้ากําลังมีความคงทนที่ดี อิสระให้กับระบบไฟฟ้ากําลังแล้วน้ัน การเปลี่ยนแปลง
ภายใต้สภาวะท่ีค่าโหลดและค่าพารามิเตอร์มีการ ทางด้านความถี่จะมีความผนั ผวนน้อยกว่ามาก
เปล่ยี นแปลง
งานวิจัยฉบับน้ี เป็นการจําลองแบบและเสนอ
5. อภิปรายผล แนวทางการเช่ือมต่อของโรงไฟฟ้าในสามพื้นที่ โดย
โรงไฟฟ้าที่นํามาเชื่อมต่อเป็นแบบต่างประเภทกัน
จากจําลองแบบของสามพ้ืนท่ีท่ีมีการเชื่อมต่อถึง อย่างไรก็ตาม ในการท่ีจะประยุกต์เพ่ือจะนําไปใช้จริง
กันของโรงไฟฟ้าพลังความร้อน (Area 1) โรงไฟฟ้า นั้น จะต้องคํานึงถึงองค์ประกอบอีกหลายประการ
พลังความร้อน (Area 2) และโรงไฟฟ้าพลังนํ้า (Area อาทิเช่น ความมีเสถียรภาพของระบบไฟฟ้ากําลัง
3) ที่มี CES ได้แบ่งการจําลองแบบออกเป็น 3 แบบ ขนาดของโหลด และขนาดของโรงไฟฟ้า เป็นต้น ใน
ดังนี้ ส่วนของงานวิจัยที่สามารถนําไปประยุกต์ใช้ได้กับงาน
ทางด้านอื่น คือ การนําวิธีการหาค่าที่เหมาะสมของตัว
การจําลองแบบทางด้านการตอบสนองพลวัต ควบคุมพีไอดีโดยวิธีฝูงผ้ึงไปประยุกต์ใช้ได้เลย อาทิ
(Dynamic Response) จากผลการจําลองแบบการ เช่น การควบคุมความเร็วของมอเตอร์ไฟฟ้า การ
ทํางานดังรูปท่ี 5 6 และ 7 นั้น จะเห็นได้อย่างชัดเจน ควบคมุ หนุ่ ยนต์ เปน็ ต้น
ว่า กรณีตัวควบคุมท่ีมีประสิทธ์ิภาพการดําเนินงานต่ํา
เมื่อจ่ายโหลดให้กับระบบไฟฟ้ากําลังแล้วน้ัน การ เอกสารอ้างองิ
เปล่ียนแปลงทางด้านความถ่ีจะมีความผันผวนอย่าง
มาก และจะใช้เวลานานถึงจะลู่เข้าหาค่าคงท่ี ในทาง [1] J. Nanda, A. Mangla and S. Sanjay,
กลับกัน กรณีตัวควบคุมที่มีประสิทธ์ิภาพการ
ดําเนินงานสูง เม่ือจ่ายโหลดให้กับระบบไฟฟ้ากําลัง “Some New Findings on Automatic
แล้วน้นั การเปลี่ยนแปลงทางด้านความถ่ีจะมีความผัน
ผวนน้อยกว่ามาก และจะใช้เวลาไม่นานก็จะลู่เข้าหา Generation Control ofanInterconnected
คา่ คงที่
Hydrothermal System WithConventional
การจําลองแบบทางด้านความคงทน กรณี
เปล่ียนค่าพารามิเตอร์ จากผลการจําลองแบบการ Controllers” IEEE Trans Energy
ทํางานดังรูปที่ 8 9 และ 10 น้ัน โดยได้แสดงค่าแบบ
กราฟแท่งแนวต้ัง เพ่ือให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน กรณี Conversions, 21, pp.187-194, 2006.
ตัวควบคุมที่มีประสิทธ์ิภาพการดําเนินงานต่ํา ค่าการ
พุ่งเกินก็จะมีค่าสูงและมีค่าแตกต่างกันอย่างมากในแต่
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวิจยั และนวตั กรรมการอาชีวศึกษา 21
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีที่ 5 ฉบับที่ 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564
[2] D.K. Chaturvedi, P.S. Satsangi and P.K. [7] S. Pothiya and I. Ngamroo, “Optimal
Kalra, “Load frequency control: A fuzzy logic- based PID controller for
Generalized neural network load-frequency control including
approach” Electrical Power and superconducting magnetic energy
Energy Systems, 1999, pp.405-415. storage units” Energy Convers.
Manage, 49, pp. 2833-2838, 2008.
[3] P. Durongdumrongchai, W. Sa-
Ngiamvibool, A. Aurasopon, and S. [8] J. G. Ziegler, and N.B. Nichols,
Pothiya, “Robust and optimal fuzzy “Optimum settings for
logic-PID controllers design by bee Automatic controllers, Trans.ASME, 64,
algorithm for hydro-thermal system” pp.759-768, 1942.
Rev. Roum. Sci. Techn, 59, pp.193-
203, 2014. [9] M. R. Djalal, M. Y. Yusuf, A. Imran and
H. Setiadi, “Capacitive Energy Storage
[4] L. Amlan, P. Abhijith and A. Peer (CES) Optimization For Load
Fathima, “Three area AGC of an Frequency Control in Micro Hydro
interconnected power system with Power Plant Using Imperialist
superconducting magnetic energy Competitive Algorithm (ICA)” EMITTER
storage” International Journal of International Journal of Engineering
Industrial Electronics and Electrical Technology, 5, pp. 279-297, 2017.
Engineering, 2, pp.54-57, 2014.
[10] T. Chaiyatham and I. Ngamroo, “A
[5] P. Durongdumrongchai, W. bee colony optimization based-fuzzy
Khamtawee, K. Deeya, T. Kuntothom logic-PID control design ofelectrolyzer
and N. Ariyapim, “Robust andOptimal for microgrid stabilization”International
FLPID Controllers Design by Bee Journal of Innovative Computing,
Algorithm for AGC of Hydro- Thermal Information and Control, 8,
System with SMES” College of Asian pp. 6049-6066, 2012.
Scholar Journal, 1, pp.1-9, 2019.
[6] D. Maiti, A. Acharya, M. Chakraborty
and A. Konar, “Tuning PID And PIλDδ
Controllers using the Integral Time
Absolute Error Criterion” International
Conference on Information and
Automation for Sustainability, pp.457-
462, 2008.
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
22 วารสารวจิ ยั และนวัตกรรมการอาชวี ศึกษา
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีท่ี 5 ฉบับที่ 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2564
Using Engagement Activity to Enhance the Intention to Persist
of Vocational Students
Thanapat Sripan1 and Chuchai Sujivorakul2*
1Learning Innovation in Technology Program, Faculty of Industrial Education and Technology,
King Mongkut’s University of Technology Thonburi, Bangkok, 10140
*2Department of Civil Technology Education, Faculty of Industrial Education and Technology
King Mongkut’s University of Technology Thonburi, Bangkok, 10140
Received : 2020-05-13 Revised : 2020-07-07 Accepted : 2020-07-16
Abstract The research results were summarized as
The drop-out rate represents a significant follows :
problem for vocational education in Thailand. 1. post-test score of the test was higher
In 2017, the dropout rate of vocational significantly than pre-test score (p < .01).
students after 1st year was about 20%, which
was very high number. A successful use of 2. the results showed that students'
engagement activity in classroom would satisfaction with using Socrative application
encourage the intention to persist of students was the highest level ( X = 4.53, S.D.= 0.903).
in the school and lead to a decrease in the The results of this study have implied that
drop-out rate of students. The purposes of this using engagement activity are important for
study were: (a) to compare the students’ educational planning to develop the competency
achievement gained before and after using of vocational students, because it would
engagement activity ; and (b) to study the enhance the intention to persist of students,
students’ satisfaction after using engagement which is associated with decreasing drop-out
activity. The theories of Project-Based Learning rates of students in the Thai vocational
(PjBL) and Socrative application were adapted education system.
in engagement activity. The research was Keywords : Student’s achievement,
quasi-experimental research by using one
group pretest-posttest design. The samples students’ satisfaction,
were 30 people of 1st year vocational students Engagement activity, Intention
from Ratchasittharam Technical College, to persist of students,
Bangkok. They were in the 1st semester of the Vocational education.
academic year 2019. The data analysis was
based on statistic, mean, standard deviation 1. Introduction
( S.D.), relative gain score. Reducing the high levels of early school
*Chuchai Sujivorakul leaving is one of the main challenges facing in
E-mail : [email protected] most of European education systems [1 ] [ 2 ] .
United Nations Educational, Scientific and
Cultural Organization (UNESCO) have
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวจิ ยั และนวตั กรรมการอาชีวศกึ ษา 23
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีที่ 5 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564
recommended the provision of the Technical accompany with the engagement activity and
and Vocational Education and Training (TVET) the project-based learning. To be accomplished,
program as a crucial measure for economic the assessment in the class has to be observed
prosperity in developing countries [3 ] . from authentic learning of students [9 ] . This
However, recruiting students into the TVET learning management will eventuallyenhance the
and having them persist in vocational schools standard of the educational quality in every
has remained a critical educational challenge level of vocational education.
across several countries in the world. For
examples, less than one third of students in In order to fully understand dropping
TVET programs finished their courses in out of school, one must take into account to
Australia [4]. theoretical notations of what is called
“intention to persist”. Intention to persist
In Thailand, high drop-out rates among refers to intentions to continue one’s
vocational learners hamper the efforts to schooling or dropping out of school [1 0 ] .
produce skilled labor for the needs of According to Hang, Kaur, and Nur (2 0 1 7 )
business and the economy in general [5]. This “ Intentions to drop out referred to student
situation is in spite of the fact that the Thai aspiration or aim to finish or not to finish a
government has made significant efforts to programme of study” (p. 9) [11]. Intention to
improve the quality of Thailand’s education. persist can be affected by various variables
which may be internal or external to the
In 2001, the world education hadstepped student. From previous study, Sripan and
forward to 21st Century. The results from the Sujivorakul [1 2 ] found the factors related to
reform of education, with having western decreasing the drop-out rate among
country and U.S.A. as the leader, had led to vocational students in Thailand. Self-
the word of “The skill of 21st Century”, “21st determination and school participation were
Century Learning”, “21st Century Education”, the effective for decreasing the drop-out rate.
or “2 1 st Century Learner” [6 ] . In 2 0 1 4 , the Self-determination was the strongest predictor
development of the new curriculum in the for intention to persist in school (r = -.5 3 7 , p
vocational education level of Thailand had < .0 0 1 ) . It was also found that school
contained completely the skills of 2 1 st participation supports the intention to persist
Century [7 ] . This reform was the one important in school (r = .155, p < .01). Moreover, Sripan
strategies to increase the proportion of and Sujivorakul [1 3 ] explored variables that
vocational students. As the results of conforming influence students’ intention to persist in
to the direction of the world education, the vocational education such as self-regulation
learning of vocational students will focus on strategies, school participation, self-
the less teaching and will let the students to determination, school identification and
learn more from doing activities (Teach Less, teacher autonomy. Data collection involved
Learn More) [8 ] . The vocational education self-report surveys with 2 7 7 vocational
focused on the learning management in
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
24 วารสารวจิ ัยและนวตั กรรมการอาชีวศกึ ษา working process, which are suitable competency
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ for developing the skills of the good craftsman in
ปีที่ 5 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564 21st century of the industrial sector.
students from three vocational schools in 2. Literature review
Bangkok, Thailand. Pearson’s correlation was There is certain engagement activity that
used to test possible relationship among
variables. The results showed that school have been associated with decreasing the
participation, self-determination and school drop-out rate. In this paper, we would focus
identification were the three variables on engagement activities using project-based
identified that influenced intention to persist. learning and Socrative application as given in
In this study, engagement activity was used in following details.
the experiments with vocational students of
Thailand, and it would influence the self- Engagement activity is the process of
determination of students as well as school working with groups to address issues that
participation.From related previous studies, impact the well-being in groups [16]. Activities
Jaeheng et al. [1 4 ] used ClassDojo and that help firms engage the class include
Socrative applications to develop in learning credible and transparent reporting, meetings
and the achievement of 3 1 2 nd high and collaborative decision making [1 7 ] [ 1 8 ] .
vocational certificate students in the Firms that most proactively engage the class
computer business department, Pattani often find efficiencies in pushing forward with
Vocational College. The research used the new projects because they have secured the
one Group pretest-posttest design. The results group to operate [19]. They often develop the
showed that the engagement activity with most innovative products and processes
using ClassDojo and Socrative applications because of the need to balance sometimes
influenced intention to persist of students and conflicting points of view, forcing them to
students’ achievement was higher than before think outside the box for new solutions [2 0 ] .
using the application at the 0 . 0 5 level of However, such engagement activities often
significant. Moreover, Kwankaew et al. [1 5 ] take considerable firms' resources and time,
found that using project-based learning (PjBL) but there is widespread agreement for most
for high vocational students would influence firms involved in community engagement that
the development of students associated with such efforts are highly rewarded [21].
self-determination of students.
For Project-based learning (PjBL), Bender
Hence, the authors would focus on the [22] explained the learning with this method
research of using engagement activity including that the student will be the person who will
project-based learning (PiBL) together with select the problem that would like to find the
Socrative application with the 1 st year answer. Later, this will develop the project to
vocational students, which would encourage find the answer in solving those problems and
students to persist their study in the school.
Moreover, the students in this study will
better understand the thinking skills and
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวจิ ัยและนวตั กรรมการอาชวี ศึกษา 25
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ่ี 5 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2564
communicating to let others to acknowledge academic year 2 0 1 9 from Ratchasittharam
[23][24]. Technical College, Bangkok, Thailand.
Socrative application is a free web 4.2 Instruments and procedures
application that offers an easy and friendly This study took place in the first
experience to teachers to engage and assess
their students [2 5 ] . It is an easy to use tool semester, 2018 – 2019. Research instruments
that is used for creating formative assessments consisted of : a) lesson plan ; b) Socrative
and getting result in the actual-time [2 6 ] . application which consisted of learning
Guarascio et al. [2 7 ] found that students felt materials, activities, a mobile phone and
Socrative application helped them to more internet ; and c) engagement activity before
actively participate in class and facilitated a experiment was divided in four lesson plan.
better environment for asking and receiving Project-based learning were used in the
answers to classroom questions. process, and the results of this study were
evaluated from pre-test, post-test, and
3. Purposes of the study students’ satisfaction survey. The process
The purpose of this paper reports the from using engagement activity in a classroom
was divided in 9 weeks that included the
results of the study from using engagement following steps (see on Table 1):
activity that have been associated with the
intention to persist of vocational students. 4 . 2 . 1 Pre-experiment : researcher
The study was set in Thailand. However, the performed to measure students' knowledge
results may be relevant in other contexts with pre-test in Socrative application (as
where drop-out rates are high for vocational shown in Figures 1 and 2 ) . In addition, for
education. The main results of this study were each lesson the researcher conducted about
as follows: (a) to compare the students’ preparation, plan, objective, topics and
achievement gained before and after using contents of engagement activity.
Socrative application; (b) to study the
students’ satisfaction after using engagement 4.2.2 During experimental process :
activity. researcher implemented the engagement
activity for the group of experimental
4. Research Methodology students. The researcher divided the students
4.1 Participants into small groups (4-5 persons/group).
This study was quasi-experimental
4.2.3 Post-experiment : researcher
research by using one group pretest-posttest conducted the survey about students’
design. The sample was purposive sampling. satisfaction from using engagement activities
Participants were 3 0 first-year students. They with project-based learning (PjBL) and
were studied in the 1 st semester of the Socrative application. Finally, the students
were evaluated students’ achievement gained
before and after using engagement activity by
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
26 วารสารวิจยั และนวตั กรรมการอาชีวศกึ ษา Table 1: The process of using engagement activity Period Socrative
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ Week Methods Engagement Activity (PjBL) of time application
ปีท่ี 5 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564 1 week Pre-test
using post-test examination measured the 1 Preparation Teacher prepares the scope of the project, data
same aspects given in pre-experiment. 1 week Post-test
4.3 Analysis sources and leading questions. Data sources can
The researcher gathered quantitative 2 weeks
data and checked the completeness of be video clip or online news. Evaluation from pre-
answers from students’ satisfaction obtained 2 weeks
by the survey and students’ scores from pre- test. 2 weeks
test and post-test. Basic statistics including 1 week
mean, percentage and standard deviation 2 Feasibility Students study project scopes and data sources,
were used to evaluate pre-test and post-test
scores. study and students exchange their data and have
Figure 1 : The display result of Socrative discussion within group members to answer the
application – teacher aspect
questions that teacher had been set.
3-4 Defining Students discuss within the group and define their
topics project. When teacher has agreed students’ topic,
students do the work according to the plan, and
present the progress to teacher.
5-6 Creation Each member shares his/her tasks during the work
process process, exchange his/her knowledge within the
groups.
7-8 Presentation Students prepare reports and present the results
of the project's activities by using online tools,
video clip, or Facebook etc.
9 Test Evaluation from post-test
5. Results
Data analysis was used to conduct the
results from using engagement activity of
vocational students. The final sample was
experimented with a group of students (N=30).
They were studying in 1st semester in
academic year’ s 2019 from Ratchasittharam
Technical College. The findings were
summarized as follows in Tables 2 and 3
respectively.
The results of the analysis were shown
in Table 2 and presented the results of the
students’ achievement gained before and
after using Socrative application. The result
revealed a significant difference between the
mean score of pre-test and post-test score at
p < 0.01, and the comparison of mean scores
(as shown in Figure 3). The sample group had
higher post-test scores ( X = 24.21, 81.5
percent) than the pre-test scores ( X = 12.82,
43.6 percent).
Figure 2 : The display result of Socrative
application -- students aspect
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวิจยั และนวตั กรรมการอาชวี ศกึ ษา 27
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2564
Figure 3 : The score from pre-post tests 6. Conclusion
In this study, the successful results after
The results of the analysis were shown
in Table 3 and presented the results of the using engagement activities in a classroom of
students’ satisfaction from using Socrative vocational students were obtained and will
application. The most of student’s satisfaction indicate the enhancement of the intention to
was “this application is easy to use” ( X = persist in vocational education (as shown in
4.67). The remaining of students’ satisfaction Figure 4). The results of using engagement
were “this application is explained clear activity were summarized in details as follows:
procedure” ( X = 4.57), “this application is
modern” ( X = 4.53), “this application is 6.1 The students had improved the post-
accuracy in examining the answers” ( X = test scores significantly at p < 0.01. It was
4.50), and “this application can reduce the found that the sample group had higher post-
time to review lessons” ( X = 4.40) test scores (81.5 percent) than the pre-test
respectively. scores (43.6 percent).
Figure 4 : The results from using 6.2 The students satisfy this application
engagement activities of because “it is easy to use” ( X = 4.67), “this
vocational students. application is explained clear procedure” ( X
= 4.57), and “this application is modern” ( X
= 4.53).
6.3 The students had developed the
knowledge and skills by observing that
students’ 21st century learning skills was
improved with the high level ( X = 4.53, S.D.=
.903).
7. Discussion
This study explored the result from using
engagement activity that have been
associated with decreasing the drop-out rate.
The process of using engagement activity
included preparation, feasibility study, define
topics, creation process and presenting (as
shown in Figure 5). These processes would
enhance students to be active-learning
people (see Figure 6). The results in the
classroom demonstrated that the
engagement activity enable the students to
gain experience and the post-test of scores of
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
28 วารสารวจิ ัยและนวตั กรรมการอาชวี ศึกษา encouraged to use a qualitative approach or
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ focus on a group for in-depth insights into
ปที ี่ 5 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2564 students’ engagement in vocational
education.
the students was significantly higher than
those of pre-test scores, because this 8.1 Suggestions for Enhancing Vocational
engagement activity has highlighted some Education associated with decreasing the
important of both good environment and drop-out rate
encourage students to interact with friends in
class [13]. Many researches had shown that 8. 1. 1 The engagement activities, such
students did better both socially and as project-based learning (PjBL) and socrative
academically after using engagement activity, application, should be applied in the
because it was about the effects of learning vocational class.
activities to develop creative characteristics.
After using project-based learning (PjBL) for 8. 1. 2 Technical colleges should
high vocational students, it was indicated that prepare teachers and train students to have
mean of ost-test scores were statistically better understanding the concept of
significantly higher than the mean of pre-test engagement activities for effective learning.
scores after experiment and of 1-semester
experiment later [15]. Therefore, using this 8. 1. 3 Technical colleges should
learning activities would be the strategy to develop the school identification to influence
support diversity vocational students. The the intention of students to persist in
guidelines have stated that education should vocational schools.
give emphasis to knowledge, and be based on
the principle that allow all learners to (a)
develop themselves [28].
(b)
The results also indicated that learners
who practice with engagement activity tend to
have relatively strong good intention to persist
in vocational school [29][30]. This finding
suggests that, to improve intention to persist
in school, learners’ engagement activity
should be highlighted.
8. Recommendations
Further research is needed to explore the
possible influence of other factors, such as
teacher support, and engagement activity. It
would be valuable for future studies to
involve learners of different learning levels
and from different cultures. Future studies are
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชีวศึกษา 29
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2564
(c) Figure 6 : The participants in the experiment
using engagement activities
Figure 5 : The experimental process of using
engagement activities References
[1] A. Cerda-Navarro, J. Sureda-Negre and
8. 1. 4 Technical colleges should develop R. Comas-Forgas. “Recommendations
school participation activities both in classroom for Confronting Vocational Education
and outside classroom in the curriculum for Dropout : A Literature Review”. Empirical
vocational students. Research in Vocational Education and
Training, 9(1), pp. 17-39, 2017.
8.2 Suggestions for Future Research. [2] O. Melkevik, W. Nilsen, M. Evensen, A.
8. 2. 1 Future research should be focused Reneflot and A. Mykletun. “Internalizing
Disorders as Risk Factors forEarlySchool
on in-depth research about engagementactivity in Leaving : A SystematicReview”. Adolescent
class. Research Review,1(3),pp.245-255,2016.
[3] B. T. T. Hang, A. Kaur, and A. H. B. Nur.
8. 2. 2 Future research should be studied “A Self-Determination Theory Based
the in-depth factors that will help students to Motivational Model on Intentions to
the intention to persist invocationalschools such Dropout of Vocational Schools in
as student- related factors, family-related factors Vietnam”. Malaysian JournalofLearning
and community-related factors. and Instruction, 14(1), pp. 1-21, 2017.
[4] J. Rosenberg. “Drop-Out Rate High in
8.2.3 Future research should be Vocational Training”. The Sidney
studied on another Vocational Technical Morning Herald, 2011. Retrieved on
Colleges in different cultural and contexts. July 10, 2018, from http://www.smh.
com.au/national/education/dropout-
rate-high-invocational-training-
20111024-1mgeh.html.
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
30 วารสารวจิ ยั และนวัตกรรมการอาชีวศกึ ษา Vietnam”. Malaysian Journalof Learning
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ and Instruction, 14(1), pp.1-21, 2017.
ปีท่ี 5 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2564 [12] T. Sripan and C. Sujivorakul. “Factors
Related to Decreasing the Drop-Out
[5] M. S. Momo, S. J. Cabus, K. De Witte Rate among Vocational Students”. In
and W. Groot. “A Systematic Review Proceedings of the 37thIRES International
of the Literature on the Causes of Conference, 2016, pp.54-57.
Early School Leaving in Africa and [13] T. Sripan and C. Sujivorakul. “Variables
Asia”. Review of Education, 7(3), pp. that Influence the Intention to Persist
496-522, 2019. in Vocational Education”. International
Journal of Instruction, 3(2), pp. 17-32, 2020.
[6] P. Griffin and E. Care. “Assessment [14] S. Jaeheng, M. Saleang, F. Deemae,
and Teaching of 21st Century Skills: S. Uso, A. Jaeso, M. Wadramae.“Using
Methods and approach”.Springer,2014. ClassDojo and Socrative applications
[7] I. O. Pappas, M.N. Giannakos and L. to develop in learning and the
Jaccheri. “Investigating Factors
influencing Students' Intention to chievement of 2nd high vocational
Dropout Computer Science Studies”.
In Proceedings of ACM Conference on certificate students in the computer
Innovation and Technologyin Computer
Science Education, 2016, pp. 198-203. business department,Pattani Vocational
[8] N. Ongardwanich, S. Kanjanawasee College.” Active Learning National
and C. Tuipae. “Development of 21st
Century Skill Scales as Perceived by Conference, pp.458-466,
Students”. Procedia-Social and
Behavioral Sciences,191, pp.737-741,2015. 2018. DOI : 10.14457/ WU.res.2018.29.
[9] E.F. Zeer and A.V. Streltsov, A.V. [15] P. Kwankaew, P. Vanichvasin and S.
“Technological PlatformforRealization of Siripipattanakoon. “Development of
Students’ Individual Educational Creative Characteristics using Project-
Trajectories in a Vocational School”. Based Learning (PjBL) for High
International Electronic Journal of Vocational Students of Program in
Mathematics Education, 11(7), pp. Secretarial”. Journal of Southern
2639-2650, 2016. Technology, 9(1), pp. 1-6, 2016.
[10] P.L. Hardre and J. Reeve. “AMotivational [16] H.Heflin,J.ShewmakerandJ. Nguyen.“Impact
Model of Rural Students' Intentions ofMobile TechnologyonStudentAttitudes,
to Persist in, Versus Dropout of, High Engagement, and Learning”. Computers &
School”. Journal of Educational Education, 107, pp. 91-99, 2017.
Psychology, 95(2), pp.347-356, 2003.
[17] E.F. Fitzgerald, K. Bruns, S.T. Sonka, A.
[11] B. T. T. Hang, A. Kaur and A. H. B. Nur. Furco and L. Swanson. “TheCentrality of
“A Self-Determination Theory Based Engagement in Higher Education”.
Motivational Model on Intentions to Journal of Higher Education Outreach
Drop out of Vocational Schools in and Engagement, 20(1),pp.223-244,2016.
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวิจยั และนวตั กรรมการอาชีวศึกษา 31
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564
[18] R.M. Alvarez-Bell, D. Wirtz and H. [25] A.R. Sweat. “Quick In-Class Learning
Bian. “Identifying Keys to Success in Activities to Build Student Engagement”
Innovative Teaching : Student Engagement Retrieved on November 9, 2017,
and InstructionalPracticesasPredictors of fromhttps://teachingcommons.
Student Learning in a Course using a lakeheadu.ca/index.php/20- quick-
Team-Based LearningApproach”. Teaching class engagement activities.html.
and Learning Inquiry, 5(2), pp. 128-146, 2017.
[26] J.A. Martín García, J. Rodríguez
[19] J. Dillon, N. Bosch, M. Chetlur, N. Calcerrada, M.V. Fernández Fernández, E.
Wanigasekara, G.A. Ambrose, B. Román and P. Pita Andreu.“Improvement
Sengupta and S.K. D'Mello. “Student of the Learning Process Through the
Emotion, Co-Occurrence, and Dropout UseofSocrativeApplicationwith undergraduate
in a MOOC Context”. In Proceedingsof Students at the Technnical University of Madrid”,
the 9th International Conference on pp. 8833-8837, 2017.
Educational Data Mining, 2016, pp. 353-357.
[27] A.J. Guarascio, B.D. Nemecek and D.E.
[20] D. Green, C.N. Allan and J. Crough. Zimmerman. “Evaluation of Students'
“What Is the Purpose?UsingBlended Perceptions of theSocrative Application
Learning Designs to Purposefully versus a Traditional Student
Focus on Student Engagement,Support Response System and its Impact on
and Learning. In Blended Learning Classroom Engagement”. Currents in
Designs in STEM Higher Education”. Pharmacy Teaching and Learning,
Springer, pp. 35-58, 2019. 9(5), pp. 808-812, 2017.
[21] R.Crues,N.Bosch,M.Perry,L.Angrave,N.Shaik [28] P. Dechakubt, P. “Integrated Teaching
andS.Bhat. “RefocusingtheLenson and Learning on 21st Century Learning
Engagementin MOOCs”. In Proceedings of the kills”. Chulalongkorn University, 2017.
FifthAnnualACMConferenceon learningat
scale, 2018, pp. 1-10. [29] B.Cervantes,L.HemmerandK.Kouzekanani.
“The Impact ofProject-BasedLearning on
[22] W.N. Bender. “Project-Based Minority Student Achievement :
Learning: Differentiating Instruction Implications for School Redesign”.
for the 21st Century”. Corwin Press, 2012. Education Leadership Review of
Doctoral Research, 2(2),pp.50-66,2015.
[23] S. Bell. “Project-Based Learning for
the 21st Century: Skills forthe Future”. [30] J.M. van Uden, H. Ritzen and J.M.
The Clearing House, 83(2), pp. 39-43, 2010. Pieters. “Engaging students : The role
of teacher beliefs and interpersonal
[24] W. Sumarni. “The Strengths and teacher behavior in fostering student
Weaknesses of the Implementation engagement in vocationaleducation”.
of Project Based Learning: A Review”. Teaching and Teacher Education, 37,
International Journal of Science and pp. 21-32, 2014.6066, 2012.
Research, 4(3), pp. 478-484, 2015.
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
32 วารสารวจิ ัยและนวตั กรรมการอาชวี ศกึ ษา
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีท่ี 5 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564
อทิ ธิพลของเศษแก้วท่ีใชเ้ ปน็ มวลรวมละเอียดบางส่วนต่อคุณสมบตั ิของคอนกรตี บลอ็ ก
Influence of Glass Cullet as Partial Replacement of Fine Aggregate
on Concrete Block Properties
พชั ร อ่อนพรม1*
Patchara Onprom1*
*1สาขาวิชาเทคโนโลยรโยธา วทิ ยาลยั เทคนคิ หนองคาย สถาบันการอาชวี ศกึ ษาภาคตะวนั ออกเฉยี งงเหนอื 1 จังหวัดหนองคาย 43000
*1Field of Civil Technology, Nongkhai Technical College, Institute of Vocational Education : Northeastern Region 1 Nongkhai 43000
Received : 2020-08-13 Revised : 2020-09-09 Accepted : 2020-09-28
บทคัดย่อ Abstract
The research studies (product and test)
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษา (ผลิตและทดสอบ)
คุณสมบัติของคอนกรีตบล็อกที่ใช้อัตราส่วนผสม the concrete block properties using 1 : 3 by
ปูนซเี มนตต์ อ่ ทราย เทา่ กบั 1 : 3 โดยปรมิ าตร จากนั้น volumn of Portland cement to sand. After that,
นําเศษแก้วมาแทนที่ทรายหยาบในอัตราส่วนการ glass cullet was used to replace sand at levels
แทนที่ร้อยละ 0, 10, 20, 30 และ 40 โดยปริมาตร of 0, 10, 20, 30, and 40% by volume. The
ทําการหล่อตัวอย่างคอนกรีตบล็อกขนาด 8 x16 x5 rectangular concrete blocks size was 8 x 16 x 5cm. and
และถอดแบบท่ีอายุ 24 จากนั้นทําการทดสอบ removed from the mold after 24 cm . The
กําลังรับแรงอัด ความหนาแน่น และอัตราการดูดซึม compressive strength, density and water
นํ้า ที่อายุ 7 และ 28 วัน ถ่ายภาพขยายกําลังสูงด้วย absorption were determined for 7 and 28 days.
กล้องจุลทรรศน์แบบส่องกราดที่อายุ 28 วัน ผลการ The scanning electron microscope (SEM) was
ทดสอบพบว่า การใช้เศษแก้วแทนท่ีทรายร้อยละ 20 analyzed at the age of 28 days. The results
มีกําลังรับแรงอัด ความหนาแน่น และอัตราการดูดซึม revealed that the optimum replacement level
นํ้า ท่ีอายุ 7 และ 28 วัน เท่ากับ 152 และ 235 of glass cullet to sand was 20% by volume, the
⁄ , 1,821 และ 1,800 ⁄ และร้อยละ 9.64 compressive strength, density and water
และ 8.42 ตามลําดับ โดยผลการทดสอบดังกล่าว absorption at the age of 7 and 28 days 152 and
ดีกว่าคอนกรีตบล็อกควบคุม และอัตราส่วนผสม 235 kg⁄cm , 1,821 and 1,800 kg⁄m and 9.64
คอนกรีตบลอ็ กอ่นื ๆ ท่ผี สมเศษแก้ว and 8.42 %, respectively. These results were
คําสาํ คญั : คอนกรีตบลอ็ ก, เศษแกว้ , และกําลังรบั considerably better than the control concrete
block and other mixes with various glass cullet.
แรงอดั Keywords : concrete block, glass cullet, and
compressive strength.
*พชั ร ออ่ นพรม
E-mail : [email protected]
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวิจยั และนวตั กรรมการอาชวี ศกึ ษา 33
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ี่ 5 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564
1. บทนาํ ความหนาแน่น และอัตราการดูดซึมน้ําของคอนกรีต
บล็อกผสมเศษแก้ว
ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณเศษแก้วซ่ึงไม่ได้นํา
กลับไปใช้ในกระบวนการผลิตแก้วอยู่เป็นจํานวนมาก 2. วัตถปุ ระสงค์
จากการศึกษาของกรมควบคุมมลพิษระบุว่า เศษแก้ว
จัดเป็นขยะรีไซเคิลที่มีอยู่ประมาณร้อยละ 25 ของ ศึกษาคุณสมบัติด้านกําลังรับแรงอัด ความ
ปริมาณขยะทั้งหมด [1] โดยมีการประยุกต์ใช้เศษแก้ว หนาแน่น และอัตราการดูดซึมนํ้าของคอนกรีตบล็อก
ไปใช้ประโยชน์หลายด้านอาทิเช่น ใช้เป็นตัวกรอง ใช้ ผสมเศษแกว้
ผสมในคอนกรีต ใช้เป็นวัสดุขัดสี ใช้เป็นตัวช่วยลด
อุณหภูมิในเซรามิกส์ ใช้เป็นตัวเติมในสี ใช้เป็นวัสดุ 3. ขอบเขตงานวิจยั
ผสมในการผลิตวัสดุก่อสร้าง หรือการนํามาใช้แทนที่
มวลรวมธรรมชาติในอัตราส่วนมอร์ต้ารก์ ําลังสูง บลอ็ ก 3.1 ใช้ขวดแก้วซ่ึงเป็นวัสดุเหลือท้งิ นาํ มาบดและ
คอนกรีต บล็อกมวลเบา และงานคอนกรีตเป็นต้น [2-6] คัดแยกขนาดเศษแก้ว
โดยการประยุกต์ใช้เศษแก้วสําหรับทําผลิตภัณฑ์
ตา่ ง ๆ เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ทราย 3.2 ใช้เศษแก้วขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ≤ 1
หิน ดิน ฯลฯ ซึ่งนับวันมีแต่จะใช้หมดไปและยังเป็น มิลลิเมตร แทนท่ีทรายหยาบในการผลิตคอนกรีต
การช่วยรักษาส่ิงแวดล้อมมิให้มีปริมาณของท้ิงกองอยู่ บล็อก ในอัตราส่วนการแทนท่ีร้อยละ 0, 10, 20, 30
เป็นจํานวนมาก ซ่ึงอาจส่งผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมใน และ 40 โดยปรมิ าตร
ระยะยาวได้
3.3 ทําการทดสอบคุณสมบัติด้านกําลังรับ
คอนกรีตบล็อกเป็นวัสดุก่อสร้างท่ีได้จากการนํา แรงอัด ความหนาแน่น และอัตราการดูดซึมนํ้าท่ีอายุ
ปูนซีเมนต์และน้ําผสมเข้ากับวัสดุผสมละเอียด เช่น 7 วันและ 28 วัน และภาพขยายโครงสร้างจุลภาค
หนิ ฝุน่ เปน็ ตน้ ในอตั ราสว่ นผสมต่าง ๆ และถกู ผลิตให้ ทอ่ี ายุ 28 วัน
มีขนาดและรูปร่างตามต้องการโดยใช้เคร่ืองอัด
คอนกรีตบล็อก คอนกรีตบล็อกเป็นวัสดุก่อสร้างท่ี 4. วธิ ีการดําเนินการวิจัย
ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย
เน่ืองจากคอนกรีตบล็อกมีราคาถูก ก่อสร้างง่าย ค่า การวิจัยครั้งน้ีมีจุดมุ่งหมายเพ่ือศึกษาคุณสมบัติ
บํารงุ รกั ษาต่ํา และหาซ้อื ได้ง่าย อกี ทั้งโครงสร้าง ทีท่ ํา ด้านกําลังรับแรงอัด ความหนาแน่น และอัตราดูดซึม
ด้วยคอนกรีตบล็อกเป็นโครงสร้างท่ีแข็งแรง คงทน น้ําของคอนกรีตบล็อกผสมเศษแก้ว โดยมีขั้นตอนการ
ทึบเสียง รักษาอุณหภูมิภายในโครงสร้างได้ดี และมี ดาํ เนินการดงั ต่อไปนี้
ความสวยงาม
4.1 วัสดุและอุปกรณ์
จากข้อมูลที่ได้กล่าวมาข้างต้นงานวิจัยน้ีจึงได้มี 4.1.1 กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่อง
แนวความคิดท่ีจะนําเอาเศษแก้วท่ีได้จากกระบวนการ
บดขวดแก้วซึ่งเป็นวัสดุเหลือท้ิงกลับมาใช้ประโยชน์ กราด
โดยศึกษาความเป็นไปได้ในการนําเศษแก้วมาใช้เป็น 4.1.2 เครือ่ งมือร่อนและตะแกรง
วัสดุผสมในการผลิตบล็อกปูพ้ืน เพ่ือเป็นการลดต้นทุน 4.1.3 เครอ่ื งทดสอบกําลังรับแรงอัด
การผลิต และช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้อีกทาง 4.1.4 เคร่ืองย่อยขวดแก้วและคัดแยก
หน่ึง อีกท้ังยังศึกษาคุณสมบัติด้านกําลังรับแรงอัด
ขนาดเศษแกว้
4.1.5 เคร่อื งชงั่ นํ้าหนักแบบ 3 คาน
4.1.6 เครอื่ งชง่ั ดิจิตอล
4.1.7 ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนดป์ ระเภทที่ 1
4.1.8 แบบหล่อคอนกรีตบล็อกขนาด 8 x
16 x 5 cm
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
34 วารสารวจิ ยั และนวตั กรรมการอาชีวศกึ ษา 4.5 การทดสอบ
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ 4.5.1 ทดสอบคุณสมบัติพืน้ ฐานของวสั ดุ
ปีท่ี 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2564
ทดสอบความถ่วงจําเพาะ เปอร์เซ็นต์การดูดซึม และ
4.2 วิธเี ตรยี มเศษแก้ว โมดูลัสความละเอียดของทรายและเศษแก้ว [7]
4.2.1 นําขวดแก้ว (วัสดุเหลือทิ้ง) ไปล้าง
4.5.2 ทดสอบกาํ ลงั รบั แรงอัด
และผงึ่ ให้แห้ง 4.5.3 ทดสอบความหนาแน่น
4.2.2 นําขวดแก้วมาบดในเคร่ืองบดขวด 4.5.4 ทดสอบการดูดซึมนํ้า
4.5.5 การถา่ ยภาพขยายกําลังสูง
แกว้ และคดั แยกขนาดเศษแก้ว
4.2.3 นําเศษแก้วขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ทํ า ก า ร ถ่ า ย ภ า พ ข ย า ย กํ า ลั ง สู ง
คอน กรีตบล็อกโ ด ยใช้ กล้ อง JEOL รุ่น 6010
≤ 1 มิลลิเมตร มาใช้แทนที่ทรายในการผลิตคอนกรีต แรงดันไฟฟ้า 15 kV กําลังขยาย 50,200 และ2000 เท่า จาก
บล็อก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
4.3 อัตราส่วนผสม 5. ผลการวิจยั
ผู้วิจัยใช้เศษแก้วขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
5.1 ผลการทดสอบความถ่วงจําเพาะและ
≤ 1 มิลลิเมตร มาใช้แทนท่ีทรายในการผลิตคอนกรีต เปอร์เซน็ ตก์ ารดูดซึมของเศษแก้วและทราย
บล็อกในอัตราส่วนการแทนท่ีร้อยละ 0, 10, 20, 30
และ 40 โดยปริมาตร ซึ่งสอดคล้องกับผลงานวิจัยของ ตารางท่ี 2 ผลการทดสอบความถว่ งจาํ เพาะและ
Turgut and Yahlizade [3 ] ท่ี ใ ช้ เ ศ ษ แ ก้ ว ข น า ด เปอรเ์ ซน็ ต์การดูดซึมของเศษแก้ว
‹ 1.18 mm แทนที่มวลรวมละเอียดในการผลิต
คอนกรีตบล็อก โดยอัตราส่วนผสมคอนกรีตบล็อก เศษแก้ว
สาํ หรบั งานวิจัยในคร้ังนี้ ดังแสดงในตารางท่ี 1
A นน.ทรายหลังอบแห้ง 499.80
ตารางท่ี 1 อัตราส่วนผสมคอนกรีตบล็อกผสม
เศษแก้ว B นน.ขวดแก้วใส่นํ้าถึงขดี ทกี่ ําหนด 648.29
อัตราส่วน ปูนซีเมนต์ ทราย เศษแกว้ น้ํา C นน.ขวด+ทราย 948.79
(%) (g) (g) (g) (g)
D นน.ทรายท่ีสภาวะ SSD 500.00
0 1,400 5,660 - 700
10 1,400 5,060 600 700 ความถ่วงจําเพาะรวม(Bulk specific
20 1,400 4,460 1,200 700
30 1,400 3,860 1,800 700 gravity)=A/(B+D-C) 2.51
40 1,400 3,260 2,400 700
ความถ่วงจําเพาะรวมอ่ิมตัวผิวแห้ง(Bulk
4.4 วธิ ีทาํ ตวั อย่างคอนกรีตบล็อก specific gravity,SSD)=S/(B+D-C) 2.51
4.4.1 ทําความสะอาดแบบหล่อคอนกรีต
ความถ่วงจําเพาะปรากฏ (Apparent 2.51
บลอ็ กและทานาํ้ ยาทาแบบให้ทั่ว specific gravity) =A/(B+A-C)
4.4.2 ตกั คอนกรีตบล็อกใสแ่ บบ 3 ชั้น ให้มี
ร้อยละการดูดซึมน้ํา (Absorption) =
ปริมาตรแต่ละชั้นเท่าๆ กัน
4.4.3 เตมิ คอนกรตี บล็อกใหเ้ ตม็ ตอกอัดให้ ((D-A)/A)*100 0.04
แนน่ แลว้ ปาดหน้าให้เรยี บด้วยเกรียงเหล็ก ผลการทดสอบความถว่ งจาํ เพาะและเปอร์เซ็นต์
4.4.4 คลุมด้วยแผ่นพลาสติกและถอดแบบ การดูดซึมของเศษแก้ว ดังแสดงในตารางที่ 2 พบว่า
มีค่าความถ่วงจําเพาะรวม ความถ่วงจําเพาะรวม
ทอ่ี ายุ 24 ชั่วโมง
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวจิ ัยและนวัตกรรมการอาชีวศกึ ษา 35
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ี่ 5 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2564
อ่ิมตัวผิวแห้ง ความถ่วงจําเพาะปรากฏ และ ร้อยละ 5.3 ผลการทดสอบกําลังรับแรงอัดของคอนกรีต
การดูดซึมนํ้า เท่ากับ 2.51, 2.51, 2.51 และร้อยละ บล็อก ท่อี ายุ 7 และ 28 วนั ดงั แสดงในรปู ท่ี 1
0.04 ตามลําดับ ซ่ึงคุณสมบัติต่าง ๆ ของเศษแก้วท่ี
นํามาใช้ในงานวิจัยคร้ังนี้มีความเหมาะสมสําหรับใช้
แทนที่ทราย เน่ืองจากมีค่าความถ่วงจําเพาะใกล้เคียง
และเปอรเ์ ซ็นต์การดูดซึมที่ตํ่ากว่า เมื่อเปรยี บเทียบกับ
คณุ สมบัตขิ องทราย ดงั แสดงในตารางที่ 3 ท่มี คี ่าความ
ถ่วงจําเพาะรวม ความถ่วงจําเพาะรวมอิ่มตัวผิวแห้ง
ความถ่วงจําเพาะปรากฏ และร้อยละการดูดซึมน้ํา
เทา่ กับ 2.63, 2.64, 2.65 และร้อยละ 0.16 ตามลําดับ
ตารางที่ 3 ผลการทดสอบความถ่วงจําเพาะและ รูปที่ 1 กําลังรบั แรงอัดคอนกรีตบล็อกผสมเศษแก้ว
เปอรเ์ ซ็นตก์ ารดูดซึมของทราย ทอี่ ายุ 7 และ 28 วัน
ทราย 499.20 กําลังรับแรงอัดคอนกรีตบล็อกผสมเศษแก้วท่ี
657.14 อายุ 7 และ 28 วัน ดังแสดงในรูปท่ี 1 พบว่า ปริมาณ
A นน.ทรายหลังอบแห้ง 967.63 การแทนที่ทรายด้วยเศษแก้วร้อยละ 10, 30, และ 40
B นน.ขวดแก้วใส่น้ําถึงขีดทีก่ ําหนด 500.00 ส่งผลให้กําลังรับแรงอัดมีแนวโน้มลดลง ในขณะท่ี
C นน.ขวด+ทราย ปริมาณการแทนท่ีทรายด้วยเศษแก้ว ร้อยละ 20
D นน.ทรายทส่ี ภาวะ SSD 2.63 ส่งผลให้กําลังรับแรงอัดเพิ่มขึ้น เม่ือเปรียบเทียบกับ
คอนกรีตบล็อกที่ไม่ผสมเศษแก้ว โดยกําลังรับแรงอัด
ความถ่วงจําเพาะรวม(Bulk specific 2.64 ของคอนกรีตบล็อกผสมเศษแก้วที่อายุ 7 วัน มี
gravity)=A/(B+D-C) ค่ าเฉล่ียเ ท่ ากับ 140, 118, 152, 125 แ ล ะ 141
2.65 kg⁄cm และที่อายุ 28 วัน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 219,
ความถ่วงจําเพาะรวมอิ่มตัวผิวแห้ง 197, 235, 227, และ 207 kg⁄cm สําหรับอัตรา
(Bulk specific 0.16 ส่วนผสม 0, 10, 20, 30, และ 40 ตามลาํ ดบั
gravity,SSD)=S/(B+D-C) 5.4 ผลการทดสอบความหนาแน่นของคอนกรีต
บล็อก ทีอ่ ายุ 7 และ 28 วนั ดังแสดงในรปู ที่ 2
ความถ่วงจําเพาะปรากฏ (Apparent
specific gravity) =A/(B+A-C)
ร้อยละการดูดซึมน้ํา (Absorption) =
((D-A)/A)*100
5.2 ผลการทดสอบโมดลู ัสความละเอยี ด
ผลการทดสอบค่าโมดูลัสความละเอียดของ
เศษแก้ว และทรายผสมเศษแก้วในอัตราส่วนร้อยละ
20 พบว่าค่าโมดูลัสความละเอียดของเศษแก้ว มีค่า
เท่ากับ 4.75 และค่าโมดูลัสความละเอียดทรายผสม
เศษแกว้ มคี ่าเท่ากับ 1.97 ซึง่ สรุปได้ว่า ทรายผสมเศษ
แก้วร้อยละ 20 มีความละเอียดมากกว่าเศษแก้วเพียง
อย่างเดยี ว
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
36 วารสารวิจัยและนวัตกรรมการอาชีวศึกษา อัตราการดูดซึมนํ้าคอนกรีตบล็อกผสมเศษแก้ว
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ ท่ีอายุ 7 และ 28 วัน ดังแสดงในรูปท่ี 3 พบว่า การ
ปีท่ี 5 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564 แทนท่ีทรายด้วยเศษแก้วในปริมาณร้อยละ 10 ส่งผล
ให้อัตราการดูดซึมนํ้าเพิ่มขึ้น ในขณะที่การแทนท่ี
รปู ท่ี 2 ความหนาแน่นคอนกรีตบล็อกผสมเศษแก้ว ทรายร้อยละ 20, 30, และ 40 ส่งผลให้อัตราการดูด
ท่อี ายุ 7 และ 28 วนั ซึมนํ้ามีแนวโน้มลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับคอนกรีต
บล็อกที่ไม่มีเศษแก้วในอัตราส่วนผสม โดยอัตราการ
ความหนาแน่นคอนกรีตบล็อกผสมเศษแก้วท่ี ดูดซึมน้ําของคอนกรีตบล็อกผสมเศษแก้วที่อายุ 7 วัน
อายุ 7 และ 28 วัน ดังแสดงในรูปท่ี 2 พบว่า ปริมาณ มีค่าเฉล่ียเท่ากับร้อยละ 9.28, 11.36, 9.64, 9.64
การแทนท่ีทรายด้วยเศษแก้วร้อยละ 10 ส่งผลให้ และ 7.44 และที่อายุ 28 วัน มีค่าเฉลี่ยร้อยละเท่ากับ
ความหนาแน่นลดลง ในขณะที่ปริมาณการแทนท่ี 9.02, 9.48, 8.42, 7.27, และ 7.18 สําหรับอัตรา
ทรายด้วยเศษแก้วร้อยละ 20, 30, และ 40 ส่งผลให้ ส่วนผสม 0, 10, 20, 30, และ 40 ตามลาํ ดบั
ความหนาแน่นเพิ่มขึ้น เม่ือเปรียบเทียบกับคอนกรีต
บล็อกท่ีไม่ผสมเศษแก้ว โดยค่าความหนาแน่นของ 5.6 ผลการทดสอบภาพขยายกําลังสูงทราย เศษแก้ว
คอนกรีตบล็อกผสมเศษแก้วท่ีอายุ 7 วัน มีค่าเฉล่ีย และคอนกรตี บลอ็ กผสมเศษแกว้
เท่ากับ 1776.56, 1724.48, 1821.87, 1829.69,
และ 1832.81 kg⁄m และที่อายุ 28 วัน มีค่าเฉล่ีย 5.6.1 ภาพถ่ายขยายกําลังสูงของทราย
เท่ากับ 1837.19, 1682.19, 1800.78, 1795.78, ดังแสดงในรูปที่ 4 พบว่า รูปร่างเม็ดทรายมีลักษณะ
และ 1807.81 kg⁄m สําหรับอัตราส่วนผสม 0, 10, เปน็ เหล่ียมมมุ และผิวหยาบเลก็ น้อย
20, 30, และ 40 ตามลาํ ดบั
รูปท่ี 4 ภาพถ่ายขยายกําลงั สงู ของทราย
5.5 ผลการทดสอบการดูดซึมนํ้าของคอนกรีต กําลงั ขยาย 50 เท่า
บลอ็ ก ทอ่ี ายุ 7 และ 28 วัน ดงั แสดงในรปู ท่ี 3
5.6.2 ภาพถ่ายขยายกําลังสูงของเศษแก้ว
ดังแสดงในรูปที่ 5 พบว่า รูปร่างเม็ดทรายมีลักษณะ
เปน็ เหลีย่ มมมุ คล้ายทราย และผิวเรียบ
รูปท่ี 3 อัตราการดูดซึมน้ําคอนกรีตบล็อกผสมเศษ
แกว้ ทอี่ ายุ 7 และ 28 วัน
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวจิ ัยและนวตั กรรมการอาชวี ศึกษา 37
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีที่ 5 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564
รปู ที่ 5 ภาพถ่ายขยายกําลังสูงของเศษแกว้ (D) Mix 30
กาํ ลังขยาย 50 เทา่
(E) Mix 40
5.6.3 ภาพถ่ายขยายกําลังสูง ท่ีกําลังขยาย รปู ที่ 6 ภาพถ่ายขยายกําลังสูง กาํ ลังขยาย 50 เท่า
50 เท่า ของคอนกรีตบล็อกผสมเศษแก้ว ร้อยละ 0,
10, 20,30, และ 40 ดงั แสดงในรูปที่ 6 (A)-(E) 5.6.4 ภาพถ่ายขยายกําลังสูง ที่กําลังขยาย
200 เท่า ของคอนกรีตบล็อกผสมเศษแก้ว ดังแสดงใน
(A) Mix 0 รูปที่ 7 (A)-(E)
(B) Mix 10 (A) Mix 0
(C) Mix 20 (B) Mix 10
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
38 วารสารวจิ ยั และนวตั กรรมการอาชีวศึกษา
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564
(C) Mix 20 (B) Mix 10
(D) Mix 30 (C) Mix 20
(E) Mix 40 (D) Mix 30
รูปท่ี 7 ภาพถ่ายขยายกําลังสูง กําลังขยาย
(E) Mix 40
200 เท่า รปู ที่ 8 ภาพถ่ายขยายกําลังสูง กําลังขยาย
5.6.5 ภาพถ่ายขยายกําลังสูง ที่กําลังขยาย
2,000 เท่า ของคอนกรีตบล็อกผสมเศษแก้ว ดังแสดง 2000 เท่า
ในรูปท่ี 8 (A)-(E) รูปท่ี 6-8 พบว่า ปริมาณการแทนท่ีทรายด้วย
เศษแกว้ ร้อยละ 10 ทาํ ให้เนื้อคอนกรีตบลอ็ กมีชอ่ งว่าง
(A) Mix 0 มากและมีรูพรุนขนาดใหญ่ ในทางกลับกัน ปริมาณ
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวจิ ัยและนวตั กรรมการอาชีวศกึ ษา 39
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีที่ 5 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2564
การแทนที่ทรายด้วยเศษแก้วร้อยละ 30 และ 40 บล็อกควบคุม และอัตราส่วนผสมคอนกรีตบล็อก
พบว่า เมื่อปริมาณของเศษแก้วมากข้ึน ทําให้เกิดการ อื่น ๆ ท่ผี สมเศษแก้ว
กระทบกันของเศษแก้วส่งผลให้เกิดรอยร้าว ในขณะที่
การแทนที่ทรายด้วยเศษแก้วร้อยละ 20 ส่งผลให้เน้ือ เอกสารอ้างอิง
คอนกรีตบล็อกแนน่ ขึ้น เมือ่ เปรียบเทียบกบั การแทนท่ี
ทรายด้วยเศษแก้ว ร้อยละ 0, 10, 30, และ 40 ซึ่งผล [1] ศนู ย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ,
ของภาพขยาบกําลังสูงของคอนกรีตบล็อกดังกล่าว เศษแก้ว, 2557, [สืบค้นเม่อื วันที่ 30
สอดคล้องกับผลการทดสอบกําลังรับแรงอัด ความ เมษายน 2561], จาก:https://www.mtee.or.th.
หนาแนน่ และอัตราการดูดซึมน้ําทผ่ี ่านมา
[2] Maschio S., Tonello G., and Furlani E.,
6. สรุปผลการวิจัย
Recycling Class Cullet from Waste
จากการศึกษาอิทธิพลของเศษแก้วที่ใช้เป็นมวล
รวมละเอียดบางส่วนต่อคุณสมบัติของคอนกรีตบล็อก CRTs for the Production of HighStrength
สามารถสรปุ ผลการทดลองดงั ต่อไปน้ี
Mortors. Waste Management, 2013.
6.1 ปริมาณการแทนท่ีทรายด้วยเศษแก้วร้อยละ
20 ซ่ึงเป็นอัตราส่วนผสมที่เหมาะสมท่ีสุดสําหรับ pp.1-8.
งานวิจัยในครั้งนี้ เน่ืองจากการคละท่ีเหมาะสมของ
เศษแก้วในเน้ือคอนกรีตบล็อก ส่งผลให้คอนกรีตแน่น [3] Turgut P. and Yahlizade E.S., Research
ข้ึน ทําให้กําลังรับแรงอัดและความหนาแน่นสูงข้ึน
ในขณะทกี่ ารดูดซึมนํ้าลดลง โดยคอนกรีตบล็อกที่ผสม into Concrete Blocks with WasteGlass,
เศษแก้วร้อยละ 20 มีค่ากําลังรับแรงอัด ความหนาแน่น
และอัตราการดูดซึมนํ้า ท่ีอายุ 7 และ 28 วัน เท่ากับ Environmental Engineering, 2009, 1(4),
152 และ 235 kg⁄cm 1,800.78 และ 1,795.78
kg⁄m ร้อยละ 9.64 และ 8.42 ตามลาํ ดบั pp. 203-209.
6.2 จากผลการทดสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ของ [4] รุ่งโรจน์ ภกั ภริ ะ และ สนธยา ทองอรุณศรี,
คอนกรีตบล็อกผสมเศษแก้วร่วมกับผลการถ่ายภาพ ผลกระทบของเศาแกว้ ต่อกําลงั อัดและการ
ขยายกําลังสูงสามารถกล่าวสรุปได้ว่า ปริมาณการ ต้านทานการขัดสีของพื้นหนิ ขัด, การประชุม
แทนทที่ รายด้วยเศษแก้วในปริมาณทน่ี ้อยเกินไป (ร้อย วิชาการมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
ละ 10) มีส่งผลให้กําลังรับแรงอัด ความหนาแน่น ครั้งท่ี 5, พ.ศ.2556, หน้า 554-561.
ลดลง และอัตราการดูดซึมนํ้าเพิ่มข้ึน ในขณะที่
ปริมาณการแทนท่ีทรายด้วยเศษแก้วในปริมาณที่มาก [5] Mekinnor G., Specification for Crushed
เกินไป (ร้อยละ 30 และ 40) ส่งผลให้กําลังรับแรงอัด
และอัตราการดูดซึมนํ้าลดลง ความหนาแน่นเพิ่มขึ้น Glass as Fine Aggregate or Filler
สําหรับปริมาณการแทนที่ทรายด้วยเศษแก้วร้อยละ
20 ซึ่งเป็นอัตราส่วนผสมท่ีเหมาะสมสําหรับงานวิจัย Aggregate for use in Concrete, Stone
ในคร้ังนี้ เน่ืองจากผลการทดสอบกําลังรับแรงอัด
ความหนาแน่น และอัตราการดูดซึมนํ้าดีกว่าคอนกรีต way Concrete, 2002.
[6] วารสารกรมวทิ ยาศาสตรบ์ ริการ, การพัฒนา
อฐิ มวลเบาจากเศษแกว้ , 2552, [สืบคน้ เมื่อ
วันที่ 14 มีนาคม 2561], จาก :
http://lib3.dss.go.th.
[7] การวิเคราะหส์ ่วนคละของมวลรวมละเอียด
ความถ่วงจําเพาะและการดูดซึมน้ําของมวล
ละเอียด, 2557, [สบื ค้นเม่ือวนั ท่ี 16 มีนาคม
2561]. จาก : http://tunjai.com/
sumfile/index.php.
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
40 วารสารวจิ ัยและนวตั กรรมการอาชวี ศกึ ษา
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ่ี 5 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2564
เครอ่ื งล้างแผงโซลา่ เซลล์ผา่ น Application
Solar Panel Cleaning Machine Via Application
ขจรเดช ปะทะพนั ธ์1, วิรัช หมั่นบรรจง2, ประสานพนั ธ์ สายสิญจน์3*, กฤตเมธ สายสญิ จน์4,
และ กรรณิกา สายสญิ จน์5
Khajondat Patapan1, Wirat Manbanchong2 Prasarnphan Saisin3* Kittamate Saisin4
and Kannigar Saisin5
*12345สาขาวชิ าเทคโนโลยไี ฟฟ้า วิทยาลยั เทคนิคหนองคาย สถาบันการอาชีวศกึ ษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัดหนองคาย 43000
*12345Field of Electrical Technology, Nongkhai Technical College, Institute of Vocational Education : Northeastern Region 1 Nongkhai 43000
Received : 2021-05-18 Revised : 2021-06-02 Accepted : 2021-05-10
บทคัดย่อ The result of the design and construction of a
เครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application solar panel washing machine through the
Application can be ordered through the
สร้างขึ้นมามีจุดประสงค์เพื่อออกแบบสร้าง และเพ่ือ application. The machine is divided into 3
หาประสิทธิภาพของเครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน parts : Part1isthepartforinstallingequipment, part 2
Application ผลการดาเนินการออกแบบและสร้าง is for installing the control unit and motor to
เครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application เพื่อให้ drive the solar panel scrubbing unit, part 3 is
สามารถสั่งการทางานผ่าน Application ตัวเครื่อง the part that is used to scrub the solar cell.
แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 เป็นส่วนตัวเครื่อง Equipped with a brush for scrubbing and a
สาหรับติดตั้งอุปกรณ์ ส่วนท่ี 2 เป็นส่วนท่ีใช้ในการ hose for spraying water for cleaning. Theresults
ติดตั้งชุดควบคุมและมอเตอร์ในการขับชุดขัดล้างแผง showed that the solar panel washing machine
โซล่าเซลล์ ส่วนท่ี 3 เป็นส่วนที่ใช้ขัดล้างแผงโซล่า through the application took40 seconds/sheet of
เซลล์ซึ่งงติดต้ังขนแปรงสาหรับขัดล้างและสายยาง washing time, and the cleanliness was close
สาหรับฉีดพ่นน้าเพื่อทาความสะอาด ซ่ึงผลการหา to which of the human labor measured by the
ประสิทธิภาพ พบว่า เครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน voltage. Besides, the work is equivalent to 2
Application ใช้เวลาในการล้าง 40 วินาที/แผ่น มี times that of human labor which resulted in
ความสะอาดใกล้เคียงกับการล้างจากแรงงานคนโดย cost savings of 50%.
วัดจากแรงดันไฟฟ้า และทางานเทียบได้ 2 เท่าจาก Keywords : Solar Cells, Application, SolarPanel
แรงงานคน ซ่งึ ทาใหป้ ระหยัดค่าใชจ้ ่ายไดเ้ ทา่ กบั 50%
คาสาคญั : โซล่าเซลล์, แอพพลเิ คช่นั , แผงโซล่าเซลล์ 1. บทนา
1.1 ความเปน็ มาและความสาคญั ของปญั หา
Abstract แผงโซล่าเซลลจ์ ะผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้
The purposes of this project were to
เต็มท่ีประมาณ 4-5 ชั่วโมงจากเวลาทั้งหมดท่ีมี
design, make and find an efficiency of the ประมาณ 12-13 ชั่วโมง ใน 1วันเมือ่ ติดตัง้ แผงโซลา่ เซลล์
solar panel cleaningmachineviatheapplication. ท่ีมีขนาด 100 W⁄m2 จะให้ประสิทธิภาพการผลิต
*ประสานพนั ธ์ สายสิญจน์
E-mail : [email protected]
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวจิ ยั และนวตั กรรมการอาชีวศกึ ษา 41
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปีที่ 5 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564
พลังงานไฟฟ้าได้วันละประมาณร้อยละ 10 [1] 1.3.3 ใช้ Application ในการส่ังการทางาน
สิ่งสาคัญสาหรับแผงเซลล์แสงอาทิตย์คือทาอย่างไร ของเคร่ืองล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application
ประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานไฟฟ้าได้สูงที่สุดเมื่อ
พิจารณาจากการกาหนดเวลาล้างทาความสะอาดแผง 1.3.4 ใช้แบตเตอรี่ 12V 5Ah ในการใช้
เซลล์แสงอาทิตย์เป็นเวลาทุก ๆ เดือนใน 1 ปี ใน ขับเคล่ือนระบบของ เค รื่องล้างแผงโ ซล่า เซลล์ ผ่ า น
โรงผลติ ไฟฟ้าโซล่าฟาร์มขนาด 38 MW ในพ้ืนที่ 500ไร่ Application
เสียค่าใช้จ่ายค่าแรงครั้งละ 416,600 บาท ต่อ 1 โรง
ผลิตไฟฟ้าโซล่าฟาร์มขนาด 10 MW ในพ้ืนท่ี 180 ไร่ 1.3.5 ใช้ชุดควบคุมรอบมอเตอร์เพื่อควบคุม
เสียค่าใช้จ่ายค่าแรงคร้ังละ 67,600 บาท ต่อ 1 เดือน ความเร็วในการทางานของเครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์
คิดเป็นเงินลงทุนในการแผงเซลล์แสงอาทิตย์ 562 ผา่ น Application
วัตต์ต่อบาท และในโรงผลิตไฟฟ้าโซล่ารูฟขนาด 100
kW ในพื้นท่ี 700 m2 ค่าใช้จ่ายครั้งละ 30,000 บาท 1.3.6 หาประสิทธิภาพในการทางาน
ต่อเดือน คิดเป็นเงินลงทุนในการล้างแผงเซลล์ 1.4 ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะไดร้ บั
แสงอาทิตย์ 148 วัตต์ ต่อบาท ซึ่งการล้างแผงเซลล์
แสงอาทิตย์อาจเป็นการล้างแผงโซล่าเซลล์ที่เสีย 1.4.1 ได้เคร่ืองล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน
ค่าใช้จ่ายในการล้างถูกมากเน่ืองจากหลายปัจจัย เช่น Application
ค่าแรงคนงาน ค่าอุปกรณ์ในการทาความสะอาด
คา่ น้ายาในการทาความสะอาด [2] 1.4.2 นาไปใชป้ ระโยชน์ในการประกอบอาชีพ
1.4.3 ช่วยลดปัญหาค่าใช้จ่ายสูงในการล้าง
ด้วยเหตุดังกล่าวจึงได้นาเสนอการออกแบบ แผงโซลา่ เซลล์
และสร้างเคร่ืองล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application 1.4.4 ใชง้ านง่ายปลอดภัยและสะดวกตอ่ การ
เพื่อใหแ้ ผงโซล่าเซลล์ มปี ระสทิ ธิภาพในการผลิตไฟฟ้า ใช้งาน
ได้สูงสุด และเพ่ือลดต้นทุนค่าใช้จ่ายท่ีใช้ในการล้าง 1.4.5 เป็นพื้นฐานนาไปสู่การพัฒนาถึงวัต
แผงโซล่าเซลล์ที่สูงมาก ทั้งนี้เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ กรรมอ่นื ๆ ตอ่ ไป
ตอ่ ผ้ใู ช้แผงโซล่าเซลล์เปน็ พลังงานทดแทนต่อไป 1.5 นิยามศัพท์เฉพาะ
1.5.1 เครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application
1.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ หมายถึง เครื่องมือ อุปกรณ์ที่ออกแบบสร้างขึ้นมา
1.2.1 เพื่อออกแบบและสร้าเครื่องล้างแผง เพ่ือใช้ในการล้างแผงโซล่าเซลล์ ควบคุมการทางาน
ผ่าน Application
โซล่าเซลลผ์ า่ น Application เพ่ือการทาความสะอาด 1.5.2 ประสิทธิภาพ หมายถึง คุณลักษณะ
แ ผ ง โ ซ ล่ า เซ ล ล์ ใ ห้ ส า ม าร ถ ผ ลิ ตไ ฟ ฟ้ าได้ เต็ม ของเคร่ืองล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application
ประสิทธิภาพมากท่ีสดุ มีความเหมาะสมกับการใช้งาน คงทน มีความ
ปลอดภัย มีความสะดวกในการใชง้ าน เก็บบารงุ รักษา
1.2.2 เพื่อหาประสิทธิภาพของเครื่องล้าง ได้ง่าย และใช้เครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน
แผงโซล่าเซลลผ์ า่ น Application Application ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์
1.5.3 Application หมายถึง โปรแกรมท่ี
1.3 ขอบเขตการศกึ ษา ออกแบบมาสาหรับ สมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์เคล่ือนที่
1.3.1 เคร่อื งล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่านApplication ที่นามาใช้ควบคุมเครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน
1.3.2 ใช้ Tuya 4ch USB DC 5V ในการ Application โดยการส่ังการผา่ น Application [3]
รับส่งสัญญาณเพื่อควบคุมการทางานของเครื่องล้าง
แผงโซลา่ เซลลผ์ า่ น Application
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
42 วารสารวิจัยและนวตั กรรมการอาชีวศกึ ษา 2.2.2 การทาความสะอาดแผงโซล่าเซลล์
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ แผงโซลา่ เซลล์ทใ่ี ชง้ านอยกู่ ลางแจ้ง แผงที่เอียงไม่มาก
ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564 จะถกู ฝุ่นละออง เขมา่ ควัน ละอองเกสรดอกไม้ รวมถึง
มูลนกเกาะแน่นได้ ส่งผลให้กาลังการผลิตของระบบ
2. เอกสารและทฤษฎที ีเ่ กีย่ วข้อง ผลิตไฟฟา้ ดว้ ยพลงั งานแสงลดลงไดถ้ ึง 20% จะเหน็ ได้
ก า ร พั ฒ น า เ ค ร่ื อ ง ล้ า ง แ ผ ง โ ซ ล่ า เ ซ ล ล์ ผ่ า น ว่าพลังธรรมชาติจากฝน น้าค้าง และลมไม่มี
ประสิทธิภาพมากพอท่ีจะทาความสะอาดแผงโซลา
Application มีข้ันตอนการออกแบบอุปกรณ์เคร่ือง เซลล์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิผล ด้วยเหตุนี้ จึงต้อง
ล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application การพัฒนา มีการล้างทาความสะอาดแผงโซล่าเซลล์ อย่าง
เพ่ือให้สามารถแก้ปัญหาที่เกิดจากสภาพปัญหา อป สมา่ เสมอ [5]
สรรค์ที่เป็นปัญหาเชิงงบประมาณ ในเวลาท่ีล้างทา
ความสะอาดแผงโซล่าเซลล์ให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 2.3 งานวิจยั ที่เก่ยี วขอ้ ง
ประสิทธิภาพสูงสุด การพัฒนาเคร่ืองล้างแผงโซล่า เทิดศักดิ์ อินทโชติ และคณะ [6] ได้ทาการ
เซลล์ผ่าน Application ให้มีประสิทธิภาพได้วาง
แผนการอุปกรณ์เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ [4] ศึกษาหุ่นยนต์ทาความสะอาดแผงโซล่าเซลล์ โดยทา
ทฤษฎแี ละเอกสารที่เกีย่ วข้องดังนี้ การศึกษาการเคล่ือนที่ของหุ่นยนต์ วัสดุท่ีนามาใช้ใน
การทาความสะอาดผิวหนา้ กระจกแผงโซล่าเซลล์ และ
2.1 หลักการสรา้ งเครื่องมอื การควบคุมหุ่นยนต์แบบไร้สาย หุ่นยนต์สามารถเคล่ือนท่ีได้
ในการสร้างเครื่องอานวยความสะดวก ไม่ว่า ด้วยระบบสุญญากาศ และมอเตอร์เกียร์ บนแผงโซลา่
เซลล์ที่มีความลาดเอียง ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์
จะเป็นด้านใดก็ตาม จะต้องคานึงถึงสภาพความเป็น ตระกูล AVR (Arduino) ในการควบคมุ การทางานของ
จริงมีเหตุผลในเชิงวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ หุ่นยนต์ ผู้ใช้สามารถควบคุมและสั่งการทางาน
หรือแสดงให้จริงและใช้งานได้รวมทงั้ สามารถเปน็ ฐาน หุ่นยนต์แบบไร้สายผ่านชุดก้านควบคุม และดูสภาพ
ความคดิ ในการพฒั นา หรอื ประยกุ ตใ์ ช้กับเครื่องอื่น ๆ พ้ืนที่การปฏิบัติงานผ่านจอแสดงผลจากกล้องท่ีมีการ
ต่อไป ติดต้ังไว้ท่ีตัวหุ่นยนต์ การทางานของหุ่นยนตใ์ นการทา
ความสะอาดจะใช้แปรงปัดแบบลูกกล้ิง หมุนผักทา
2.1.1 เหตุผลทีเ่ ลอื กสร้างเครื่องดารงชวี ติ ความสะอาดบนผิวหน้ากระจกแผงโซล่าเซลล์ร่วมกับ
2.1.2 ลักษณะทางเทคนคิ และการใช้เครอ่ื ง การฉีดพ่นน้าเพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการทาควา
2.1.3 การสรา้ งเครอื่ งมือ สะอาดใหด้ ยี ิง่ ข้ึน ซงึ่ ผลการศึกษา พบวา่ การเคลื่อนท่ี
ของหุ่นยนต์ทาควาสะอาดด้วยระบบสุญญากาศบน
การออกแบบและสร้างเคร่ืองมือเป็น ผิวหน้ากระจกแผงโซลาร์เซลล์ หุ่นยนต์สามารถ
ส่ิงท่ียุ่งยากและค่อนข้างละเอียดผู้สร้างจะต้อง เคลอื่ นทไ่ี ด้ดีทพ่ี น้ื เอยี ง 0 ถึง 20 องศา และการศกึ ษา
พิจารณาองค์ประกอบทุก ๆ ด้านที่เกี่ยวข้องประการ วัสดุท่ีนามาใช้ทาแปรงทาความสะอาดผิวหน้ากระจก
แรกท่ีสาคัญได้แก่การวเิ คราะห์วตั ถุประสงค์ของเคร่ือง แผงโซล่าเซลล์ พบว่า ใช้แปรงอุตสาหกรรมทาความ
ว่าต้องการใช้ทาอะไรทางานอย่างไรจึงจะแสดงว่า สะอาดได้ดีท่ีสุด คิดเป็น 90% การควบคุมหุ่นยนต์ได้
บรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งในการออกแบบการสร้าง ระยะไกลที่สดุ 12 m
เครื่องมือ ควรพจิ ารณาองคป์ ระกอบต่าง ๆ ดังน้ี
เจนวิทย์ สุวรรณโชติ [7] ได้ทาการพัฒนา
2.2 ทฤษฎีทเ่ี กี่ยวขอ้ ง หุ่นยนต์ต้นแบบสาหรับทาความสะอาดแผงเซลล์
2 . 2 . 1 โ ซ ล่ า เซ ล ล์ ( Solar Cell) เ ป็ น แสงอาทิตย์ แบบบนหลงั คา เพื่อใช้ทดแทนแรงงานคน
สิ่งประดิษฐก์ รรมทางอิเล็กทรอนิกส์ท่ีสรา้ งขนึ้ เพือ่ เป็น
อุปกรณ์สาหรับเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็น
พลังงานไฟฟ้า พบว่ากาลังไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ จะมี
ประสิทธิภาพการผลิตกาลังไฟฟ้าสูงที่สุดในช่วงเวลา
กลางวัน ซึ่งสอดคล้องและเหมาะสมในการนาโซล่า
เซลลม์ าใชผ้ ลติ กาลงั ไฟฟา้
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวจิ ัยและนวตั กรรมการอาชวี ศกึ ษา 43
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ่ี 5 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2564
เพ่ือลดความเส่ียงจากอุบัติเหตุในการทาความสะอาด ล้างแผงเซลล์แสงอาทิตย์ และประสิทธิภาพของแผง
แผงเซลลแ์ สงอาทติ ย์ทอ่ี ยู่บนหลังคาสูง รวมถงึ ป้องกัน เซลล์แสงอาทิตย์ที่ติดตั้งเครื่องทาความสะอาดแผง
ความเสียหายท้ังต่อแผงเซลล์และหลังคาจากการใช้ เซลลแ์ สงอาทิตยอ์ ัตโนมตั ิดว้ ยมคี า่ 0.67% กาลงั ไฟฟา้
แรงงานคน ซึ่งได้ออกแบบตามความต้องการของ ขาออกเฉลยี่ รวม คือ 4.603 kWh
ผู้ประกอบการ โดยหุ่นยนต์มีน้าหนัก 47 kg มีความ
กว้าง 1,300 mm ยาว 1,179 mm สูง 236 mm 3. ข้นั ตอนและวิธีดาเนนิ โครงงาน
วัสดุเป็นสแตนเลสสติล ท่ีสามารถทนแสงแดดและนา้ ก า ร ส ร้ า ง เค ร่ื อง ล้ า ง แ ผ ง โ ซ ล่ า เซ ล ล์ ผ่ า น
ได้ดี มีเซนเซอร์ป้องกันหุ่นยนต์ตกจากแผงทั้งหมด 8
ตาแหน่ง และสามารถถอดประกอบได้ 7 ช้ิน โดย Application เป็นโครงการเชิงทดลองการสร้าง
โครงสร้างทุกช้ินผ่านการทดสอบความแข็งแรงด้วย นวัตกรรมประเภทสิ่งประดิษฐ์ได้ การนาความรู้
ค า ส่ั ง Solidworks Simulation Static Test ใ น ความสามารถจากการศึกษาทางหลักวิชาการ และ
โปรแกรม Solidworks และมีระบบล้อที่สามารถ ทักษะปฏิบัติของการเรียนในสาขางานเทคโนโลยี
เคลื่อนท่ีข้ามช่องว่างระหว่างแผงเซลล์ท่ีกว้าง 100 ไฟฟ้า ระหว่างศึกษาในระดับเทคโนโลยีบัณฑิตไฟฟ้า
มิลลเิ มตร ไดม้ ีวัสดุห้มุ ลอ้ เป็นผ้าหนังววั เพ่ือใหส้ ามารถ เพ่ือใช้แก้ปัญหากระบวนการผสมเป็นประโยชน์ต่อ
เกาะแผงเซลล์ในสภาพการทางานที่เปียกน้าได้ การประกอบอาชีพและสังคมใช้ประสบการณ์ที่ได้รับ
สามารถเคล่ือนท่ีขึ้นลงบนแผงเซลล์แสงอาทิตย์ท่ีมี ไปพัฒนาเองในอนาคต ระหวา่ งการดาเนนิ โครงการ มี
ความลาดเอยี งไดถ้ ึง 15 องศา มี Arduino Mega เปน็ ครูที่ปรึกษา ให้คาแนะนาอย่างใกล้ชิด ตามระยะการ
ไมโครคอนโทรลเลอร์คุม DC มอเตอร์ ขนาด 120 W ทางานมกี ารนาเสนอความกา้ วหน้า 3 ครั้ง เพือ่ ให้การ
ใช้กาลังไฟ 24 V ทั้งหมด 4 ตัว สาหรับชุดขับเคลื่อน ส ร้ า ง เ ค รื่ อ ง ล้ า ง แ ผ ง โ ซ ล่ า เ ซ ล ล์ ผ่ า น Application
4 ชุด และเม่อื เปรยี บเทยี บกับการทาความสะอาดดว้ ย ผิดพลาดน้อยท่ีสุด สามารถลดค่าใช้จา่ ยได้ ผู้ศึกษาได้
คนแล้ว หุ่นยนต์ทาความสะอาดแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ก า ห น ด วิ ธี ก า ร ด า เ นิ น ก า ร ศึ ก ษ า ต า ม ล า ดั บ ดั ง
แบบบนหลงั คาสามารถคมุ้ ทุนในเวลา 1 ปี 11 เดือน รายละเอยี ดต่อไปนี้
พรหมพักตร์ บุญรกั ษา [8] ไดศ้ กึ ษาการเพิ่ม 3.1 วิธีการศึกษาค้นคว้า และข้ันตอนการ
ประสิทธิภาพของระบบเซลล์แสงอาทิตย์โดยใช้เคร่อื ง ดาเนินงานตามโครงงาน
ลา้ งแผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบอัตมัติ โดยการออกแบบ
ต้นแบบเคร่ืองทาความสะอาดแผงเซลล์แสงอาทิตย์ 3.1.1 ศึกษาค้นคว้ารายละเอียด เกี่ยวกับ
อัตโนมัติด้วย Arduino โครงสร้างของเครื่องทาจาก การทาความสะอาดแผงโซล่าเซลล์จากอินเทอร์เน็ต
อลูมิเนียมโปรไฟล์ ขนาด 70x30 m2 หลักการทา เพ่ือเป็นแนวทางในการสร้างเครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์
ความสะอาดแผงเซลล์แสงอาทิตย์นั้นถูกควบคุมโดย ผ่าน Application
บอร์ด Arduino ซ่ึงเป็นบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ท่ี
ออกแบบมาให้มีลักษณะเด่นทีใ่ ช้งานง่าย ใช้แผงเซลล์ 3.1.2 ปรึกษาอาจารย์หรือผู้ที่มีความรู้
เกีย่ วกบั การทาความสะอาดแผงโซลา่ เซลล์
แสงอาทิตย์ชนิดผลึกเดี่ยวขนาด 80 W ทาการ
ทดสอบเคร่ืองเป็นเวลา 6 เดือน ผลการวิจัย พบว่า 3.1.3 ออกแบบชุดโครงสร้าง ของเครื่อง
เม่ือเครื่องล้างแผงเซลล์แสงอาทิตย์ถูกต้ังค่าให้ทางาน ลา้ งแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application
ท่ีอุณหภูมิเร่ิมต้น 42 องศาเซลเซียส กาลังไฟฟ้า
ขาออกของแผงทต่ี ิดตัง้ เคร่อื งลา้ งแผงเซลล์แสงอาทติ ย์ 3.1.4 ออกแบบชุดระบบส่ังการ การทางาน
มีค่ากาลังไฟฟ้าขาออกสูงกว่าแผงท่ีไม่ได้ติดตั้งเคร่ือง ของเครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application
3.1.5 วางแผนและเรียงลาดบั ข้ันตอน การ
สร้างเครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application
เพื่อใหเ้ ปน็ ระบบระเบยี บและเข้าใจงา่ ย
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
44 วารสารวจิ ยั และนวตั กรรมการอาชวี ศึกษา สร้างเคร่ืองล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ ใ ช้ ด า เ นิ น ก า ร ส ร้ า ง ต า ม ข้ อ มู ล ท่ี ไ ด้ ม า ทุ ก ป ร ะ ก า ร
ปที ่ี 5 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2564 เพ่ื อให้ การสร้ าง เ ค รื่ อ ง ล้ า ง แ ผ ง โ ซ ล่ า เ ซ ล ล์ ผ่ า น
Application บรรลุตามวัตถุประสงค์ ทุกข้ันตอนยึด
3.1.6 จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่จาเป็นต้อง สภาพความต้องการขณะทาการล้างทาความสะอาด
ใช้ เพ่อื ให้เกดิ ความสะดวกรวดเร็วในการปฏบิ ตั ิงาน แผงโซล่าเซลล์ให้สามารถแก้ปัญหาและใช้ประโยชน์
ไดจ้ ริง
3.1.7 ดาเนินการสร้างชุด โครงสร้างเครื่อง
ลา้ งแผงโซล่าเซลล์ผา่ น Application 3.3 ออกแบบโครงสรา้ งเครอื่ งลา้ งแผงโซลา่ เซลล์
ผ่าน Application
3.1.8 ติดตั้งชุดอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการ
ขบั เคล่อื นและตัดวงจร 3.3.1 การออกแบบ
3.3.1.1 การออกแบบโครงสร้าง
3.1.9 ติดตั้งชุดคาส่ังและอุปกรณ์ในการ ในการออกแบบตัวโครงสร้าง
ควบคุมตา่ ง ๆ
ได้วางแผนออกแบบกลไกและการสร้างตัวเคร่ืองให้มี
3.1.10 ทดสอบระบบการทางานของเครือ่ ง ความสามารถดงั น้ี
ลา้ งแผงโซลา่ เซลล์ผา่ น Application
1) ให้ตัวเคร่ืองเดินไปทางขวา
3.1.11 สรุปผลการทางานของเครื่องล้าง โดยการส่ังการผ่าน Application และหยุดเม่ือตัวเครื่อง
แผงโซลา่ เซลลผ์ ่าน Application แสดงดงั รปู ที่ 1 เดินไปถึงสุดโต๊ะ การเดินนั้นพิจารณาเลอื กใชล้ อ้ ระหว่าง
ล้อพลาสติกและล้อยาง ผลการทดลองใช้พบว่า การใช้
รูปที่ 1 แผนผงั วงจรการทางานของเคร่ืองลา้ ง ล้อยางจะมีความเหมาะสมมากกวา่ การใชล้ อ้ พลาสติก
แผงโซลา่ เซลล์ผา่ น Application ควบคุมการเดินด้วยมอเตอร์เกียร์ 2 ตัว กาหนดการ
เดินโดยการส่ังการผ่านแอพพลิเคชั่น โดยใช้ 4 CH
3.2 ศึกษาข้อมลู และทฤษฎที ีเ่ กีย่ วข้อง Tuya Switch, Wifi Switch ในการับคาสัง่ และทาตาม
การคณะทางานได้ศึกษาข้อมูลหลักทาง และหยดุ เมอ่ื ไปสุดโต๊ะโดยใช้ Limit switch ในการตดั
วงจรหยดุ การทางาน
ทฤษฎี ค้นคว้าเพิ่มเติมจากเอกสาร งานวิจัยท่ี
เกี่ยวข้องและจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ท่ีมีหลากหลาย 2) ให้ตัวเครื่องเคลื่อนที่ไป
ช่องทางในปัจจุบัน มาเป็นแนวทางและสนับสนุนการ ทางซ้ายโดยการสั่งการผ่าน Application และหยุด
เม่ือไปถึงสุดโต๊ะ การเดินนั้นพิจารณาเลือกใช้ล้อ
ระหว่าง ล้อพลาสติกและล้อยาง ผลการทดลองใช้
พบว่า การใช้ล้อยางจะมีความเหมาะสมมากกว่าการ
ใช้ล้อพลาสติก ควบคุมการเดินด้วยมอเตอร์เกียร์
2 ตวั กาหนดการเดนิ โดยการสงั่ การผ่านแอพพลเิ คชั่น
โดยใช้ 4CH Tuya Switch, Wifi Switch ในการรับ
คาสั่งและทาตาม และหยุดเม่ือไปสุดโต๊ะโดยใช้ Limit
switch ในการตัดวงจรหยุดการทางาน
3) ให้มีชุดขัดเพ่ือใช้ในการ
ขัดทาความสะอาดแผงโซล่าเซลล์ ชุดขัดสามารถหมุน
ขัดและหยุดหมุนเม่ือไปถึงสุดโต๊ะ การขัดน้ันพิจารณา
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre
วารสารวิจัยและนวตั กรรมการอาชีวศกึ ษา 45
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ
ปที ี่ 5 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564
เลือกใช้ระหว่าง แปรงขัดแบบอ่อนและแบบแข็ง ผล เคร่ืองล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application ทางคณะ
การทดลองใช้พบว่าการใชแ้ ปรงขัดแบบแข็งจะมีความ ผจู้ ัดทาได้ออกแบบใหส้ ามารถ ควบคุมได้อยา่ งงา่ ยและ
เหมาะสมกว่าการใช้แปรงขัดแบบอ่อน ควบคุมการ มีประสทิ ธิภาพสามารถควบคมุ ผ่านApplication ได้สามารถ
ทางานโดยการเปิดสวิตช์ และหยุดทางานโดยการใช้ ควบได้ในระยะท่ไี ม่มกี าหนด
Limit switch ในการตัดต่อวงจร ด้วยการต่ออนุกรม
Limit switch ในการเคลอ่ื นทไ่ี ปทางซ้ายและทางขวา 3.3.1.3 ออกแบการวางอปุ กรณ์ต่าง ๆ
เพื่อให้สอดคล้องกับตัวเคร่ืองและ
ออกแบบโครงสร้างเคร่ืองล้างแผงโซล่าเซลล์
ผ่าน Application ท่ีสามารถนาไปใช้งานได้จริงและ สามารถทางานได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ จึงได้เลือกการ
สามารถแก้ปัญหาได้ ทางคณะผู้จัดทาได้ทาการ วางอปุ กรณต์ ่าง ๆ
ออกแบบให้มีน้าหนักที่เบา ทาให้ง่ายต่อการขนย้าย
ออกแบบให้รบั กบั แผงโซล่าเซลลไ์ ด้อยา่ งพอดี 3.4 วัสดุอปุ กรณ์
3.4.1 วัสดุอุปกรณ์สาหรับโครงสร้าง
3.3.1.2 การออกแบบวงจร
ใ น ก า ร อ อ ก แ บ บ ว ง จ ร ค ว บ คุ ม ไ ด้ ตวั เคร่อื งล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application
3.4.2 วัสดุอุปกรณ์สาหรับชุดขัดล้างของ
วางแผนออกแบบกลไก ใหม้ คี วามสามารถดังนี้
1 ) ใ ห้ ส า ม า ร ถ สั่ ง ก า ร ผ่ า น เครือ่ งล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application
3.4.3 วัสดุอุปกรณ์สาหรับชุดน้าฉีดล้างของ
Application ได้ การสงั่ การนน้ั พิจารณาเลือกระหวา่ ง
โมดลู Microcontrollerและ 4CH Tuya Switch ,Wifi เครื่องลา้ งแผงโซล่าเซลล์ผา่ น Application
Switch ผลการทดลองใช้พบว่า การใช้ 4CH Tuya 3.4.4 วสั ดุอุปกรณส์ าหรับชุดขบั เคล่ือนและ
Switch, Wifi Switch จะมีความเหมาะสมกว่าการใช้
โมดูล Microcontroller กาหนดให้การทางานสั่งการ ป ร ะ ค อง ข อง เค รื่ อง ล้ า ง แ ผ ง โ ซ ล่ า เซ ล ล์ ผ่ า น
ผา่ น Application Application
2) ใหห้ ยุดการทางานเองเม่ือตวั เครื่อง 3.4.5 วัสดุอุปกรณ์สาหรับชุดระบบควบคุม
ทางานเดินไปถึงสุดโต๊ะ การตัดวงจรหยุดการทางาน ก า ร ท า ง า น ข อ ง เ ค ร่ื อ ง ล้ า ง แ ผ ง โ ซ ล่ า เ ซ ล ล์ ผ่ า น
พิจารณาเลือกใช้ Limit switch การตัดวงจรหยุการ Application
ทางานเนอื่ งจาก Limit switch นนั้ เหมาะสมท่สี ุดแล้ว
3.5 ขั้นตอนการประกอบ ดาเนินการประกก
3) ให้สามารถทางานเดนิ ไป-กลบั ได้ กอบตัวเคร่ือง ตามรูปขั้นตอนการประกอบตัว
โดยการส่ังการผ่าน Application การไปกลับสามารถ โครงสร้าง
สั่งการผ่าน Application ได้เลยโดยไม่ต้องอยู่ใกล้
เครือ่ ง 3.6 การทดสอบ การทดสอบการใช้งานของ
เครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application เม่ือ
4) สามารถส่ังการให้แปรงขัดทางาน ประกอบตัวเครื่องเสร็จเรียบร้อยก่อนนาไปใชง้ านเพือ่
และหยุดเองได้เม่ือตัวเคร่ืองทางานเดินไปถึงสุดโต๊ะ หาประสิทธิภาพ ได้ดาเนินการตรวจสอบการทางาน
ในการสั่งการใช้สวิตซ์โยก 2 ทางในการเปิดระบบ ของเคร่ืองล้างแผงโซล่าเซลลผ์ า่ น Application ดังนี้
และจะเร่มิ ทางานเม่อื ตัวเครอื่ งเร่ิมทางาน และจะหยุด
ทางงานเองเมื่อตัวเคร่ืองทางานเดินไปถึงสุดโต๊ะ ตัด 3.6.1 ตรวจสอบการทางานในการเดนิ
วงจรโดยการต่ออนุกรม Limit switch ในฝ่ังซ้ายและ 3.6.2 ตรวจสอบความเร็วของตวั เครอื่ ง
ขวา และทางานเมื่อ Limit switch ท้ังสองอยู่ใน 3.6.3 ตรวจสอบสมรรถภาพในการลา้ งของ
สถานะ NC ออกแบบวงจรควบคุมการทางาน ของ เครื่อง
3.6.4 ตรวจวัดหาระยะเวลาท่ีเคร่ือง
สามารถทางานได้
3.6.5 ตรวจสอบการใช้จานวนคนและ
ค่าใช้จ่ายในการลา้ งแผงโซล่าเซลล์
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre Tier #2
46 วารสารวิจยั และนวัตกรรมการอาชีวศกึ ษา 3.7.3.1 วัดแรงดันไฟฟ้าแผงโซลา่ เซลล์
Vocational Education Innovation and Research Journal VE-IRJ กอ่ นทการลา้ งแผงโซลา่ เซลล์
ปีที่ 5 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564
3.7.3.2 ทาการล้างแผงโซล่าเซลล์
3.7 ขนั้ ตอนการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ด้วยเคร่ืองลา้ งแผงโซลา่ เซลลผ์ า่ น Application
ในการเก็บรวบรมข้อมูลเพื่อหาประสิทธภิ าพ
3.7.3.3 เกบ็ ขอ้ มูลบนั ทกึ ผล
ของเครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application 3.7.3.4 วัดแรงดันไฟฟ้าแผงโซลา่ เซลล์
พิจารณาจากความ สามารถในการรับส่งข้อมูลใน ก่อนทาการลา้ งแผงโซล่าเซลล์
ระบบ การตอบสนองการทางานของระบบ การเดิน 3.7.3.5 ทาการล้างแผงโซล่าเซลล์
ของตัวเครื่องและการตัดระบบของตัวตัดระบบ การ ดว้ ยการใช้กาลังคนลา้ ง
ขัดล้างของชุดขัดล้าง การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.7.3.6 เก็บข้อมูลบันทึกผลนา
ดาเนนิ การดังน้ี ขอ้ มลู มาทาการเปรยี บเทยี บกนั
3.7.3.7 ทาการทดลองซ้าต้ังแต่ข้อ
3.7.1 เคร่ืองเดินไปทางขวาเมื่อกดสั่งการ 3.7.3.1-3.7.3.6 อกี จานวน 2 ครัง้ แล้วบนั ทึกผล
และเดินกลับเมื่อสั่งการให้เดนิ กลบั มขี ัน้ ตอนดังน้ี 3.7.4 ระยะเวลาการเก็บประจุไฟฟ้าของ
แบตเตอร่ี
3.7.1.1 จัดวางเครื่องในตาแหน่งที่ 3.7.4.1 เปดิ เคร่อื งทางานปกติ
ต้องการทาการปรับลอ็ คให้ได้ในตาแหนง่ ท่ตี ้องการ 3.7.4.2 ส่งั การใหเ้ คร่ืองทางาน
3.7.4.3 จับเวลาตั้งแต่เครื่องเร่ิม
3.7.1.2 เปิดสวิตซ์การทางานตรวจสอบ เปดิ สวติ ซจ์ นเครื่องแบตเตอร่ีหมด บันทึกผล
ปริมาณแบตเตอรแี่ ละ Limit switch 3.7.4.4 ทาการทดลองซ้าต้ังแต่ข้อ
3.7.4.1-3.7.4.3 อกี จานวน 2 คร้ัง แลว้ บนั ทกึ ผล
3.7.1.3 เปิด Wifi ให้กับบอร์ด 3.7.5 ในการล้างแผงโซล่าเซลล์ระหว่าง
เพอื่ ให้บอร์ดเชื่อมตอ่ กบั เครอื ขา่ ย Application เครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application กับการ
ล้างแผงโซล่าเซลล์ด้วยการใช้กาลังคน มีการใช้
3.7.1.4 ทาการเชื่อมต่อบอร์ดกับ กาลังคนและคา่ แรงแตกตา่ งกันมากแค่ไหน
โทรศพั ทผ์ ่านแอพพลเิ คชนั่ 3.7.5.1 ทาการล้างแผงโซล่าเซลล์
ในจานวนวันที่กาหนดด้วยการล้างด้วยการใช้เครื่อง
3.7.1.5 ส่ังการผ่านโทรศัพท์สังเกต ล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application โดยการใช้
การเคลือ่ นทจี่ นหยุดนิง่ กาลังคน 2 คน คานวณค่าแรงทใ่ี ช้
3.7.5.2 เกบ็ ขอ้ มูลบนั ทกึ ผล
3.7.1.6 สั่งการให้เคร่ืองเดินกลับ 3.7.5.3 ทาการล้างแผงโซล่าเซลล์
สังเกตการเคลอ่ื นท่ีจนหยุดนง่ิ ในจานวนวนั ทกี่ าหนดด้วยการลา้ งด้วยการใช้กาลังคน
ในการล้างโดยการใชก้ าลงั คน 4 คน คานวณค่าแรงทีใ่ ช้
3.7.1.7 ทาการทดลองซ้าต้ังแต่ข้อ 3.7.5.4 เกบ็ ขอ้ มูลบนั ทกึ ผล
3.7.1.1-3.7.1.6 อีกจานวน 2 ครั้ง แล้วบันทึกผล 3.7.5.5 นาข้อมูลท้ังสองค่ามาทา
การคานวณเปรยี บเทยี บ บันทกึ ผล
3.7.2 เวลาท่ีใช้ในการล้างแผงโซลาเซลล์
เทียบการใชแ้ รงงานคน
3.7.2.1 เปดิ เคร่อื งทางานปกติ
3.7.2.2 ส่งั การใหเ้ คร่ืองทางาน
3.7.2.3 จับเวลาในการทางาน
จนกว่าเครอ่ื งจะหยดุ บนั ทกึ ผลในตาราง
3.7.2.4 ทาการทดลองซ้าตั้งแต่ข้อ
3.7.2.1-3.7.2.3 อกี จานวน 2 คร้ัง แลว้ บนั ทกึ ผล
3.7.3 ในการทางานล้างแผงโซลา่ เซลลข์ อง
เครื่องล้างแผงโซล่าเซลล์ผ่าน Application กับการ
ล้างโดยคนล้าง มีการเปลี่ยนแปลงของการผลิตไฟฟ้า
ต่างกันมากน้อยเพียงใด
VE-IRJ Thai-Journal Citation Index Centre