The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by fanta.pl87, 2021-06-26 23:23:00

การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน

การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน

89

3.1 ผู้บริหารโรงเรียนท่ีมีวิทยฐานะเช่ียวชาญหรอื จบการศกึ ษาระดับปริญญาเอก
ในโรงเรียนที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก สมศ. หรือโรงเรียนรางวัลพระราชทาน และมี
ประสบการณ์ในการบรหิ ารโรงเรยี นมาไมน่ อ้ ยกว่า 10 ปี

3.2 ศึกษานิเทศก์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหาการศึกษาที่มีวิทยฐานะ
หรือจบการศกึ ษาระดับปรญิ ญาเอกและมปี ระสบการณใ์ นการบรหิ ารงานวชิ าการไม่น้อยกวา่ 10 ปี

3.3 ครูผู้สอนที่มีวิทยฐานะเชี่ยวชาญหรือจบการศึกษาระดับปริญญาเอกใน
โรงเรียนทีผ่ า่ นการรบั รองมาตรฐานจาก สมศ หรอื โรงเรยี นรางวัลพระราชทาน และมปี ระสบการณใ์ น
การสอนไม่นอ้ ยกวา่ 10 ปี

ตวั แปรที่ศกึ ษำ
ตัวแปรท่ีศึกษา ได้แก่ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบการบริหารงาน
วิชาการของโรงเรยี นการกุศลของวดั ในพระพทุ ธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้

เคร่อื งมอื ทีใ่ ชใ้ นกำรวจิ ยั
เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัย ในขั้นตอนนี้ เป็นแบบประเมินความเหมาะสมและความ
เปน็ ไปได้ของรปู แบบการบริหารงานวชิ าการ โรงเรียนการกศุ ลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจงั หวัด
ภาคใต้ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) แบ่งเป็น 5 ระดับ (บุญชม ศรีสะอาด และ
สุรทิ อง ศรีสะอาด 2545, น. 102) ดงั นี้

5 หมายถงึ รายการนน้ั มีความเหมาะสมและมคี วามเปน็ ไปไดม้ ากที่สุด
4 หมายถึง รายการนัน้ มีความเหมาะสมและมคี วามเป็นไปไดม้ าก
3 หมายถึง รายการนั้นมีความเหมาะสมและมีความเปน็ ไปไดป้ านกลาง
2 หมายถึง รายการนนั้ มีความเหมาะสมและมคี วามเป็นไปไดน้ อ้ ย
1 หมายถึง รายการนนั้ มีความเหมาะสมและมีความเปน็ ไปได้นอ้ ยท่ีสดุ

วธิ กี ำรสรำ้ งเครอ่ื งมือ
1. ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับองค์ประกอบของการสร้างรปู แบบการบริหารวิชาการ
เพอื่ ยกระดับคณุ ภาพผู้เรียนโรงเรยี นการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจงั หวัดภาคใต้ ขน้ั ตอนที่
1 เกยี่ วกบั องค์ประกอบที่สาคญั 5 องค์ประกอบ
2. สร้างแบบประเมินเพ่อื ประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรปู แบบการ
บริหารวิชาการเพ่ือยกระดับคุณภาพผู้เรียนโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัด
ภาคใต้ โดยสรา้ งแบบประเมนิ ประมาณคา่ 5 ระดับ
3. นารูปแบบท่ีสร้างขึ้นเสนอต่ออาจารย์ท่ีปรึกษาเพ่ือตรวจแก้ไขสานวนภาษา
เพิ่มเตมิ และหาคณุ ภาพของเครื่องมือ

90

กำรหำคุณภำพเครอ่ื งมือ
การหาคุณภาพแบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบการ
บริหารวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียนโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัด
ภาคใต้ โดยการหาค่าความตรงเชิงเน้ือหา (Content Validity) ของแบบประเมิน โดยผู้วิจัยนิยาม
ตัวแปรท่ีวัดด้วยแบบประเมินให้เป็นนิยามปฏิบัติการ จากน้ันให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือจานวน 5
คน ซ่ึงประกอบด้วยผู้ท่ีจบการศึกษาระดับปริญญาเอกท่ีทาการสอนในมหาวิทยาลัย ซ่ึงเป็นผู้รอบรู้
เน้ือหาสาระ ปัญหาวิจัยด้านการบริหารการศึกษา การวิจัยและประเมินผล ด้านภาวะผู้นาทางการ
บริหารการศึกษา ช่วยในการพิจารณาโดยใช้ค่าความสอดคล้อง IOC เป็นรายข้อ แล้วพิจารณาเลือก
รายการประเมนิ ท่มี ีค่า IOC ระหว่าง 0.50 -1.00

ประชำกรกลุ่มตัวอย่ำง
ประชากรที่เปน็ กลุ่มโรงเรยี นในเขตจงั หวดั ภาคใต้มีจานวนท้ังสิน้ 14 โรงเรียน และ
ประชากรเป็นผบู้ ริหารโรงเรียนประกอบด้วย ผู้อานวยการ รองผู้อานวยการ หัวหนา้ งานวิชาการ และ
หัวหน้ากลุ่มสาระ รวมทง้ั สน้ิ 56 คน จากกลุ่มตัวอย่าง สมุ่ แบบงา่ ย ได้ 14 โรงเรียน จานวน 52 คน
เปน็ ตวั แทน (สุจติ รา บญุ ยรตั พนั ธ์, 2535 น.182)

กำรรวบรวมข้อมลู
การรวบรวมข้อมลู ของกลมุ่ เป้าหมายทเ่ี ปน็ ผู้ทรงคุณวฒุ ิ โดยสง่ แบบประเมนิ ไปให้
ทางไปรษณีย์และขอรับกลับทางไปรษณีย์

กำรวิเครำะหข์ อ้ มลู
ในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้วจิ ัยไดด้ าเนนิ การ ดงั น้ี
นาแบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบมาตรวจสอบความสมบูรณ์และนาผล
การประเมินของผู้ทรงคุณวุฒิมาวิเคราะห์หาค่ามัธยฐาน (Median) และค่าพิสัยระหว่างควอไทล์
(Inter-Quartile Range) จากนั้นนาตัวเลขท่ีได้มาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ในการแปลความหมาย 5
ระดบั (บุญชม ศรสี ะอาด และสุรทิ อง ศรสี ะอาด 2545, น. 103) ดงั นี้
ค่ามัธยฐาน 4.51-5.00 หมายถงึ รายการนนั้ มีความเหมาะสมและมีความ

เปน็ ไปได้มากที่สดุ
คา่ มัธยฐาน 3.51-4.50 หมายถงึ รายการน้นั มีความเหมาะสมและมีความ

เปน็ ไปได้มาก
ค่ามธั ยฐาน 2.51-3.50 หมายถงึ รายการน้ันมีความเหมาะสมและมีความ

เป็นไปได้ปานกลาง
ค่ามัธยฐาน 1.51-2.50 หมายถงึ รายการนั้นมีความเหมาะสมและมีความ

เปน็ ไปไดน้ ้อย
คา่ มัธยฐาน 1.00-1.50 หมายถงึ รายการนน้ั มีความเหมาะสมและมีความ

เป็นไปได้น้อยทส่ี ดุ

91

สถิติทใี่ ช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมลู
สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลมาจากแบบประเมินค่ามัธยฐาน (Median) และค่า
พิสัยระหว่างควอไทล์ (Inter-Quartile Range) โดยหาความแตกต่างระหว่างควอไทล์ที่ 1 กับ
ควอไทล์ที่ 3

เกณฑ์ในกำรตดั สนิ
1. การหาฉันทามติจากค่ามัธยฐาน (Median) ค่ามัธยฐานตั้งแต่ 3.51 ข้ึนไป
หมายถึง กลุ่มผูเ้ ชยี่ วชาญมีความคดิ เหน็ ว่าประเด็นนั้นมีความเหมาะสมและมีความเป็นไปได้มาก
2. การหาฉันทามติพิสยั ระหวา่ งควอไทล์ (Inter-Quartile Range) ค่าความแตกต่าง
ระหว่างควอไทล์ท่ี 1 กับ ควอไทล์ท่ี 3 ถ้าค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ท่ีคานวณได้มีค่าน้อยกว่าหรือ
เท่ากับ 1.50 แสดงว่าความคิดเห็นของกลุ่มผู้เชียวชาญที่มีต่อการดาเนินงานของโรงเรียนสอดคล้อง
กัน (Consensus) ถ้าค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ มากกว่า 1.50 แสดงว่า ความคิดเห็นของกลุ่ม
ผู้เช่ียวชาญ ท่ีมีตอ่ การดาเนนิ งานของโรงเรียนไม่สอดคลอ้ ง
3. ปรับปรุงรูปแบบการบริหารวิชาการทีมีคุณภาพ ปรับปรุงรูปแบบการบริหาร
วิชาการที่มคี ุณภาพตามคาแนะนาของผู้ทรงคุณวุฒเิ พ่ือใช้เป็นรูปแบบในการจัดทาคู่มอื การดาเนินงาน
ตามรปู แบบการบรหิ ารวิชาการทมี่ ีคณุ ภาพ
4. จดั ทาคู่มือการดาเนินงานตามรปู แบบการบรหิ ารวชิ าการ

คมู่ ือการดาเนนิ งานตามรูปแบบการบริหารวิชาการเพอื่ ยกระดบั คุณภาพผ้เู รียน
โรงเรยี นการกศุ ลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ มีองคป์ ระกอบด้วยสว่ นตา่ งๆ ดังนี้

1. บทนา ประกอบดว้ ย
1.1 หลักการเหตผุ ล
1.2 วัตถปุ ระสงค์

2. วธิ ีดาเนินการตามรปู แบบการบรหิ ารวชิ าการเพื่อยกระดับคณุ ภาพผเู้ รยี น
โรงเรียนการกศุ ลของวดั ในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้

3. รปู แบบการบริหารวิชาการเพื่อยกระดบั คุณภาพผเู้ รยี นโรงเรียนการกุศลของ
วัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวดั ภาคใต้

4. การดาเนนิ การตามรูปแบบการบรหิ ารวชิ าการเพื่อยกระดบั คุณภาพผเู้ รยี น
โรงเรยี นการกศุ ลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวดั ภาคใต้ เกยี่ วกบั องค์ประกอบที่สาคญั 5
องค์ประกอบหลัก ประกอบด้วย

4.1 ภาวะผ้นู าทางวชิ าการ
4.2 การมสี ่วนร่วมในการบริหารวชิ าการ
4.3 การพัฒนาทีมงานวิชาการในโรงเรยี น
4.4 กระบวนการบริหารงานวชิ าการตามแนวคิดดลุ ยภาพ
4.5 ภารกจิ และขอบขา่ ยการบริหารวชิ าการในโรงเรยี น
5. บทบาทหนา้ ที่ของบุคลากรในการดาเนนิ งาน ตามรปู แบบการบริหารวิชาการ
เพ่อื ยกระดับคณุ ภาพผเู้ รียนโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้

92

6. เกณฑ์การประเมนิ ผลการใชร้ ูปแบบการบรหิ ารวชิ าการเพ่ือยกระดบั คณุ ภาพ
ผู้เรยี นโรงเรียนการกศุ ลของวัดในพระพทุ ธศาสนาในเขตภาคใต้

7. แบบประเมินการใชร้ ปู แบบการบรหิ ารวิชาการเพื่อยกระดบั คุณภาพผเู้ รยี น
โรงเรียนการกศุ ลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจงั หวัดภาคใต้

5. การประเมินความเหมาะสมของคูม่ ือ
การประเมินความเหมาะสมของการใชค้ ู่มอื การดาเนนิ งานตามรูปแบบบริหาร

วชิ าการเพอ่ื ยกระดับคณุ ภาพผู้เรยี นโรงเรยี นการกศุ ลของวัดในพระพทุ ธศาสนาในเขตจงั หวัดภาคใต้
โดยผู้ทรงคุณวฒุ ิทาการประเมนิ ความเหมาะสมของคู่มือเก่ียวกับความเหมาะสม เนือ้ หาสาระ รปู แบบ
การพมิ พ์ ความสะดวกในการนาไปใช้ และลักษณะทางกายภาพพร้อมทง้ั ให้ข้อเสนอแนะ

กลมุ่ เปำ้ หมำย
กลุ่มเป้าหมายใช้ในการประเมินความเหมาะสมของคู่มือการดาเนินงานตามรูปแบบ
การบริหารวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขต
จังหวัดภาคใต้ ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในระดับท่ีมีการปฏิบัติหน้าที่และ
ความเช่ยี วชาญด้านการบริหารวิชาการโดยตรง และมีประสบการณ์ในการบรหิ ารสถานศึกษาหรือการ
สอนไมน่ ้อยกวา่ 10 ปี คือผู้บริหารโรงเรยี นวทิ ยฐานะเชี่ยวชาญ และรองผู้บริหารโรงเรียนฝ่ายวิชาการ
วิทยฐานะไม่ต่ากว่าชานาญการพิเศษท่ีมีความเชี่ยวชาญด้านคู่มือ จานวน 2 คน รวมผู้ทรงคุณวุฒิ
จานวน 10 คน

ตวั แปรที่ตอ้ งศกึ ษำ
ตัวแปรที่ต้องศึกษาได้แก่ ความเหมาะสมของคูม่ ือการดาเนินงานตามรูปแบบเก่ียวกับ
ความเหมาะสม เนอ้ื หาสาระ รูปแบบการพมิ พ์ ความสะดวก ในการนาไปใช้และลกั ษณะทางกายภาพ

เครื่องมือท่ีใช้
เคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในขั้นตอนน้ี เป็นแบบประเมินคู่มือการ
ดาเนินงานตามรูปแบบการบริหารวิชาการ เพ่ือยกระดับคุณภาพผู้เรียนโรงเรียนการกุศลของวัดใน
พระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ โดยประเมินเกี่ยวกับความเหมาะสมและความชัดเจนด้าน
เนื้อหา สาระของคู่มือ การจัดแบบการพิมพ์ ความสะดวกในการนาไปใช้ และลักษณะทางกายภาพ
ของคู่มือการดาเนินการบริหารวิชาการ พร้อมทั้งข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะเป็นแบบมาตราส่วน
ประมาณค่า (Rating Scale) แบ่งเป็น 5 ระดับ (บุญชม ศรีสะอาด และ สุริทอง ศรีสะอาด 2545,
น. 102) ได้แก่

5 หมายถึง รายการนนั้ มีความเหมาะสมและมีความเปน็ ไปไดม้ ากที่สุด
4 หมายถงึ รายการน้ันมีความเหมาะสมและมคี วามเป็นไปไดม้ าก
3 หมายถงึ รายการน้ันมคี วามเหมาะสมและมีความเปน็ ไปไดป้ านกลาง
2 หมายถึง รายการน้นั มคี วามเหมาะสมและมีความเป็นไปไดน้ ้อย
1 หมายถึง รายการนน้ั มคี วามเหมาะสมและมีความเปน็ ไปไดน้ ้อยทีส่ ดุ

93

กำรหำคุณภำพเคร่ืองมอื
หาคุณภาพแบบประเมินเคร่ืองมือการดาเนินงามตามรูปแบบการบริหารวิชาการท่ีมี
ประสิทธิภาพของโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ โดยการหาความ
ตรงเชิงเน้ือหา (Content Validity) ของแบบประเมิน โดยผู้วิจัยนิยามตัวแปรที่วัดด้วยแบบสอบถาม
ให้เป็นนิยามเชิงปฏิบัติการดูรายการประเมินให้มีความสอดคล้องกับนิยามปฏิบัติการ แล้วจึงนาเสนอ
อาจารย์ท่ีปรึกษาตรวจสอบและให้ข้อเสนอแนะปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ จากน้ันให้ผู้เช่ียวชาญ
เคร่ืองมือ จานวน 5 คน ซึ่งประกอบด้วย ผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอกท่ีทาการสอนในระดับ
มหาวิทยาลัยซ่ึงเป็นผู้รอบรู้ในเนื้อหาสาระและการวิจัย ด้านการบริหารการศึกษา การวิจัยและ
ประเมินผล และดา้ นภาวะผู้นาทางบริหารการศึกษา ชว่ ยพจิ ารณาโดยใช้ค่าความสอดคล้อง IOC เป็น
รายข้อแลว้ พจิ ารณาเลอื กรายการประเมินที่มีค่า IOC ระหวา่ ง 0.50-1.00

กำรรวบรวมข้อมูล
การเกบ็ รวบรวมข้อมลู จากกล่มุ เปา้ หมายท่ีเปน็ ผ้ทู รงคุณวฒุ ิ โดยสง่ แบบประเมนิ ไปให้
ทางไปรษณยี แ์ ละขอรบั กลบั ทางไปรษณีย์

กำรวิเครำะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการประเมิน โดยการคานวณค่ามัธยฐาน (Median) และ
ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ (Inter-Quartile Range) จากน้ันนาตัวเลขท่ีได้มาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ใน
การแปรความหมาย 5 ระดับ (บญุ ชม ศรีสะอาด และสรุ ิทอง ศรีสะอาด 2545, น. 102) ไดแ้ ก่

5 หมายถงึ รายการน้ันมคี วามเหมาะสมและมีความเป็นไปได้มากท่สี ุด
4 หมายถงึ รายการนน้ั มคี วามเหมาะสมและมีความเป็นไปไดม้ าก
3 หมายถึง รายการนั้นมีความเหมาะสมและมีความเป็นไปไดป้ านกลาง
2 หมายถึง รายการนน้ั มีความเหมาะสมและมีความเป็นไปไดน้ ้อย
1 หมายถึง รายการนน้ั มีความเหมาะสมและมีความเปน็ ไปได้น้อยท่ีสดุ

สถติ ทิ ใ่ี ช้ในกำรวิเครำะหข์ ้อมลู
สถิติทใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมูลจากแบบประเมิน คือ ค่ามัธยฐาน (Median) และ
ค่าพิสยั ระหวา่ งควอไทล์ (Inter-Quartile Range)

เกณฑใ์ นกำรตดั สิน
มีค่ามัธยฐานตั้งแต่ 3.51 ข้ึนไป และมีค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ (Inter-Quartile
Range) ไม่เกิน 1.50 แสดงว่าคู่มอื ทีใ่ ช้มคี วามเหมาะสม
ปรับปรุงคู่มือการดาเนินงานตามรูปแบบการบริหารวิชาการเพ่ือยกระดับคุณภาพ
ผู้เรียน ปรังปรุงคู่มือตามคาแนะนาของผู้ทรงคุณวุฒิ เพ่ือนาไปทดลองใช้รูปแบบการบริหารงาน
วชิ าการเพอ่ื ยกระดบั คณุ ภาพผเู้ รยี นโรงเรียนการกศุ ลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้

94

ข้ันตอนที่ 3 กำรประเมินผลกำรใชร้ ปู แบบกำรบริหำรงำนวชิ ำกำรเพ่อื ยกระดับ
คุณภำพผเู้ รียนโรงเรียนกำรกศุ ลของวดั ในพระพุทธศำสนำในเขตจังหวัดภำคใต้

โดยการดาเนนิ การ 5 ข้นั ตอน ดังต่อไปนี้
1. การดาเนินการวิจัย ขนั้ ตอนน้ีเป็นการนารูปแบบการบริหารวิชาการเพื่อยกระดับ
คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ ท่ีปรากฏตามคู่มือ
ไปทดลองใชจ้ รงิ ในโรงเรยี น 1 โรงเรยี น โดยมกี ารดาเนนิ การดังน้ี

1.1 กาหนดกลมุ่ เป้าหมายทดลองใช้รปู แบบการบรหิ ารวชิ าการเพ่ือยกระดบั
คณุ ภาพผ้เู รียน

1.2 สร้างความเข้าใจและชแ้ี จงให้ผบู้ รหิ ารและบุคลากร
1.3 ทดลองใชร้ ปู แบบการบรหิ ารวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผเู้ รียน 1 ภาคเรียน
1.4 ประเมนิ ผลหลงั การใชร้ ูปแบบการบริหารวิชาการเพ่อื ยกระดบั คุณภาพ
ผูเ้ รยี น
1.5 ปรังปรงุ รูปแบบ โดยมีรายละเอียดดังนี้

กำหนดกลุ่มเป้ำหมำยทดลองใชร้ ปู แบบกำรบริหำรงำนวิชำกำร
กล่มุ เป้ำหมำย
กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยเพื่อการทดลองใช้รูปแบบน้ี ได้แก่ ผู้บริหารและครูใน
โรงเรียนเอกชนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาที่ดาเนินการทดลองใช้รูแบบ 1 โรงเรียน โดย
พจิ ารณาคุณสมบัติเป็นโรงเรียนที่มีความพร้อมในการจัดการศึกษา และเป็นโรงเรียนท่ีมีบุคลากรครูที่
มีความเหมาะสมไม่นอ้ ยกว่า 15 คน
โรงเรียนท่เี ลือกใช้ในการทดลองใช้รูปแบบในคร้งั น้ี ได้แก่ โรงเรยี นแจ้งวิทยา อาเภอ
เมอื งสงขลา จังหวดั สงขลา ได้มาโดยการเลอื กแบบเจาะจง (Purposive) ท้ังน้ีเนื่องจากเป็นโรงเรียนท่ี
มคี ณุ สมบัตติ รงตามทีก่ าหนด เป็นโรงเรียนที่ผู้บริหาร ครูยนิ ดีเข้ารว่ มดาเนินการทดลองใชร้ ปู แบบดว้ ย
ความสมัครใจ เป็นโรงเรียนท่ีผู้วิจัยมีความสะดวกในดาเนินการทดลองใช้รูปแบบ และเป็นโรงเรียนท่ี
สามารถทาให้การดาเนินการทดลองใช้มีประสิทฺธิภาพ กลุ่มเป้าหมายแบ่งเป็น 3 กลุ่ม โดยคัดเลือกมา
จากกลุ่มบริหารวิชาการ ประกอบด้วยผู้บริหารโรงเรียน รองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวิชาการ
หวั หน้างานทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั ภารกิจและขอบข่ายการบรหิ ารวชิ าการ รวม 19 คน
2. สรา้ งความเข้าใจและช้แี จงให้ผบู้ รหิ ารและบุคลากร
โดยการประชมุ ชแ้ี จงทาความเขา้ ใจและชแี้ จงเก่ียวกบั คมู่ ือและการใช้คมู่ อื การ
ดาเนินงานตามรปู แบบ วิธีการดาเนนิ งาน เกณฑก์ ารประเมิน และการประเมนิ ผลการทดลองใช้
รปู แบบการบริหารงานวิชาการเพอ่ื ยกระดับคุณภาพผู้เรียน
3. ดาเนินการทดลองใชร้ ูปแบบการบริหารงานวชิ าการ

3.1 แบบแผนการวิจัยใช้แบบแผนการวิจัยก่ึงทดลอง (Quasi-Experimental
Design) แบ บ กลุ่ม เดียว (Single Subject Research Design) ซึ่งเป็ น การวิจัยท่ี มุ่ งอธิบ าย
ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างตัวแปร โดยมีการจัดกระทากับตัวแปรอิสระภายใต้เงื่อนไขท่ีผู้วิจัย
จัดข้ึน แล้วติดตามผลการเปล่ียนแปลงของตัวแปรตาม โดยไม่มีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างและหรือการ

95

ควบคุมตัวแปรแทรกซ้อน อาจจะไม่สามารถบอกความเป็นเหตุเป็นผลได้ชัดเจนเหมือนกับวิจัย
เชิงทดลองจริง แต่มีความยืดหยุ่นและเป็นธรรมชาติมากกว่า วิจัยประเภทน้ีจึงมีความตรงภายนอก
คือการนาผลวิจัยไปอ้างอิงสู่ประชากรได้มากกว่าการวิจัยเชิงทดลองจริง ดังนั้นผู้วิจัยจึงดาเนินการ
ทดลองใช้รปู แบบท่ีสอดคล้องกับสภาพจรงิ ของการบรหิ ารวิชาการของโรงเรยี นท่ดี าเนินการทดลองใช้

3.2 การดาเนินการทดลองใช้ โดยดาเนินการทดลองใช้รูปแบบการบริหาร
วิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรยี น โรงเรียนการกศุ ลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้
1 โรงเรียนระยะเวลาในการทดลองใช้ตามวงรอบของการบริหารวิชาการในโรงเรียนเป็นเวลา 1
ภาคเรยี น ในภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2561 โดยมวี ิธีการดาเนินการตามตารางท่ี 2

ตารางท่ี 2 วิธกี ารดาเนินงานตามรูปแบบการบรหิ ารงานวชิ าการเพื่อยกระดบั คุณภาพผ้เู รียน
โรงเรยี นการกุศลของวดั ในพระพุทธศาสนาในเขตจงั หวดั ภาคใต้

กิจกรรม/ วิธกี ำรดำเนนิ กำร/ พฤตกิ รรม เกณฑ์กำรตัดสนิ
กระบวนกำร วธิ ีกำรพัฒนำ ท่ตี อ้ งกำรวัด
บุคลากรมีความเขา้ ใจ
1. สรา้ งความ ประชุมทาความเข้าใจ ความเข้าใจเก่ียวกับ เกย่ี วกบั
1. การใช้คมู่ ือการ
เขา้ ใจและ และช้ีแจงเก่ยี วกับค่มู ือ 1. การใชค้ ูม่ ือดาเนินงาน ดาเนินงานตามรูปแบบ
การบริหารงานวชิ าการ
ชแ้ี จงให้ การใช้ค่มู ือการดาเนินงาน ตามรูปแบบ 2. วธิ ีการดาเนินงานตาม
รูปแบบการบริหารงาน
ผบู้ รหิ ารและ ตามรปู แบบ วิธีการ 2. วธิ ีการดาเนินงานตาม วชิ าการ
3. การประเมินผลการ
บุคลากรและ ดาเนนิ การ เกณฑ์การ รปู แบบ ทดลองใช้รูปแบบการ
บริหารงานวิชาการ
ประเมินสภาพ ประเมินและการ 3. การประเมนิ ผลการใช้ ผลการพัฒนาพฤติกรรม

สถานศึกษา ประเมนิ ผลการทดลองใช้ รปู แบบของผวู้ ิจยั

ก่อนการ รูปแบบการบรหิ ารงาน

ทดลองใช้ใน วิชาการที่มปี ระสทิ ธผิ ล

สถานศกึ ษา

2. การพัฒนา ผู้บรหิ ารและครศู ึกษา
ผบู้ ริหารให้มี เอกสารท่ผี ู้วจิ ัยเตรยี มไว้
ภาวะผ้นู าทาง ตามองค์ประกอบ โดย
วิชาการ การประชุมเชงิ ปฏิบัติการ

1. การกาหนดวสิ ยั ทัศน์
ทีช่ ดั เจน
2. การมคี วามรู้ของผู้นา
ทางวิชาการ
3. ภาระหนา้ ทขี่ องผู้นา
ทางวิชาการ
4. ทกั ษะการเปน็ ผู้นาทาง
วิชาการ

96

ตารางท่ี 2 (ต่อ)

กิจกรรม/ วธิ กี ำรดำเนนิ กำร/ พฤตกิ รรม เกณฑ์กำรตัดสิน
กระบวนกำร วิธีกำรพัฒนำ ที่ต้องกำรวดั
3. ดาเนินงาน ผลการพัฒนาพฤติกรรม ตามเกณฑค์ ุณภาพไมต่ ่า
เกี่ยวกับการมี 1. การบรรยายและศึกษา ภาวะผนู้ าทางวชิ าการ กว่าระดับดี
ส่วนรว่ มใน จากค่มู ือ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา เกณฑ์คุณภาพ
การ 2. การประชุมเชิง ตามองค์ประกอบย่อย <60 = ปรับปรงุ
บริหารงาน ปฏบิ ัติการ แต่ละตัวบง่ ชี้ 60-74 = พอใช้
วิชาการ 3. การอภปิ ราย/ 75-89 = ดี
ดาเนนิ งานในดา้ น ผลการปฏบิ ัตติ ามข้นั ตอน >90 = ดีมาก
4. การดาเนิน 3.1 การมสี ว่ นร่วมในการ ในการพัฒนาทีมงาน
งานเกี่ยวกับ เตรียมการ วิชาการในโรงเรยี นตาม มกี ารปฏบิ ตั ิตามเกณฑ์
ขน้ั ตอนการ 3.2 การมสี ่วนร่วมกาหนด องคป์ ระกอบย่อยของ คุณภาพไมต่ ่ากว่าระดับ
พัฒนาทีมงาน นโยบาย ยทุ ธศาสตรแ์ ละ แต่ละตวั บ่งช้ี ดี เกณฑ์คณุ ภาพ
ในโรงเรยี น แผนงานการศึกษา <60 = ปรับปรงุ
3.3 การมีส่วนร่วมในการ 60-74 = พอใช้
ดาเนนิ งาน 75-89 = ดี
3.4 การมสี ่วนรว่ มในการ >90 = ดีมาก
ประเมนิ

1. การบรรยายและศึกษา
จากคู่มือ
2. การประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั ิ
การ
3. การอภปิ ราย/ดาเนนิ
งานในด้าน
3.1 วธิ ีการรบั รูแ้ ละคน้ หา
ปญั หา
3.2 วธิ กี ารรวบรวมและ
วิเคราะหข์ ้อมลู
3.3 วธิ กี ารวางแผนใน
การปฏิบตั ิ
3.4 วธิ ีการนาแผนไป
ปฎบิ ตั ิ
3.5 วิธกี ารประเมิน
ผลลพั ธ์จากการ
ดาเนินการ

97

ตารางที่ 2 (ต่อ)

กจิ กรรม/ วิธกี ำรดำเนนิ กำร/ พฤตกิ รรมทีต่ ้องกำรวดั เกณฑก์ ำรตัดสนิ
กระบวนกำร วิธีกำรพฒั นำ

5. การดาเนนิ ศึกษาเอกสารขั้นตอน ผลการดาเนนิ งานตาม มกี ารปฏบิ ัตติ ามเกณฑ์
งานตาม คุณภาพไมต่ า่ กว่าระดับ
กระบวนการ ของกระบวนการบริหาร กระบวนการการ ดี เกณฑค์ ุณภาพ
บรหิ าร <60 = ปรับปรุง
วชิ าการ 5 มมุ มอง ได้แก่ บรหิ ารงานวิชาการตาม 60-74 = พอใช้
ตามแนวคดิ 75-89 = ดี
ดุลยภาพ 1. มมุ มองดา้ นงบ แนวคิดดุลยภาพภายใน >90 = ดมี าก

6. การดาเนนิ ประมาณและทรพั ยากร สถานศกึ ษาตาม มกี ารปฏิบตั ติ ามเกณฑ์
งานตาม คุณภาพไมต่ า่ กว่าระดับ
รปู แบบ 2. มุมมองด้านผู้เรยี น องคป์ ระกอบย่อยและ ดี เกณฑค์ ุณภาพ
การปฏิบัติ <60 = ปรบั ปรุง
งานตาม 3. มุมมองดา้ นครูและ ตัวบง่ ชี้ 60-74 = พอใช้
ภารกิจและ 75-89 = ดี
ขอบข่ายงาน บคุ ลากร >90 = ดีมาก
วิชาการใน
โรงเรียน 4. มมุ มองด้านการเรียน

และการพฒั นา

5. มุมมองดา้ นการบรหิ าร

สถานศกึ ษาใหค้ ณะครูท่ี

ทางานเกย่ี วกับงาน

วชิ าการ

การศกึ ษาเอกสารมีการ ผลการปฏิบัติภารกจิ และ

อภิปรายร่วมกันดาเนนิ งาน ขอบข่ายงานวิชาการใน

ในด้าน สถานศกึ ษาตามแบบ

1. การพฒั นาหลกั สตู ร องคป์ ระกอบย่อยและ

และการสอน ตัวบ่งช้ี

2. การบรหิ ารจัดการเรียน

รู้

3. การพัฒนาส่ือนวัตกรรม

4. การวัดประเมนิ ผล

5. การนิเทศการสอนและ

การพฒั นาครู

6. การวจิ ยั เพอ่ื พัฒนา

คุณภาพการศึกษา

7. การส่งเสริมความรู้ทาง

วชิ าการแกช่ มุ ชน

8. การพัฒนาระบบประกัน

คุณภาพการศึกษา

98

ตารางที่ 2 (ต่อ)

กิจกรรม/ วิธกี ำรดำเนินกำร/ พฤตกิ รรม เกณฑก์ ำรตดั สิน
กระบวนกำร วธิ ีกำรพฒั นำ ทต่ี ้องกำรวดั

7. ประเมิน 1. ประเมินผลการ 1. ผลการทดลองใช้ 1. มีผลการดาเนนิ งาม
หลงั การนา ดาเนินงานตามรปู แบบ รูปแบบตามเกณฑ์ ตามรปู แบบตามเกณฑ์
รปู แบบการ การบรหิ ารวชิ าการที่มี คณุ ภาพใน 5 คณุ ภาพไม่ตา่ กวา่ ระดับ
บรหิ าร ประสทิ ธิผลไปใชต้ าม องคป์ ระกอบ ดี
วิชาการไปใช้ เกณฑ์คุณภาพประเมิน 2. ความเหมาะสม ความ 2. ผลการประเมนิ มี
ในโรงเรยี น โดยผวู้ ิจยั เปน็ ไปได้และความเป็น ค่ามัธยฐานตัง้ แต่ 3.51
จรงิ และ 2. ให้คณะครูตอบ ประโยชน์ของรูปแบบ ขึน้ ไป และคา่ พิสยั
ปรับปรุง แบบสอบถามความ ระหว่างควอไทล์ไม่เกนิ
พัฒนารูปแบบ เหมาะสม ความเปน็ ไปได้ 1.50 แสดงวา่ มีความ
ก่อนนาไป และความเปน็ ประโยชน์ เหมาะสมความเปน็ ไปได้
เผยแพร่ ของรูปแบบ และเปน็ ประโยชน์ดี

ตัวแปรทศี่ ึกษำ

ตัวแปรที่ศึกษา ได้แก่ ผลที่ได้จากการนารูปแบบการบริหารวิชาการ ไปทดลองใช้
ประกอบด้วย การดาเนินงานตามรูปแบบตามองค์ประกอบการบริหารวิชาการท่ีมีประสิทธิผลและผล
การประเมินความเหมาะสม ความเปน็ ไปได้ และความเปน็ ประโยชน์ ดงั น้ี

1. ผลการดาเนนิ งานตามรปู แบบตามองคป์ ระกอบการบริหารวิชาการท่ีมคี ุณภาพ
ดงั นี้

1.1 ผลการพฒั นาพฤติกรรมภาวะผนู้ าทางวชิ าการของผบู้ ริหารโรงเรยี น
1.2 ผลการปฏบิ ตั ิตามกระบวนการมสี ่วนรว่ มในการบรหิ ารงานวชิ าการ
1.3 ผลการปฏิบัติตามข้ันตอนในการพฒั นาทมี งานวชิ าการในโรงเรยี น
1.4 ผลการปฏบิ ัตงิ านตามภารกิจและขอบข่ายงานวิชาการในโรงเรยี น
1.5 ผลการดาเนนิ งานตามกระบวนการการบริหารงานวิชาการตามแนวคิด
ดุลยภาพในโรงเรียน
2. ความเหมาะสม ความเปน็ ไปได้ และความเป็นประโยชน์ของรูปแบบการบริหาร
วชิ าการเพอ่ื ยกระดับคุณภาพของโรงเรียนการกศุ ลของวดั ในพระพุทธศาสนาเขตจงั หวัดภาคใต้

เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในกำรวิจยั
เครอ่ื งมอื ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล มีดังนี้
1. คู่มือการดาเนินงานตามรูปแบบการบรหิ ารวชิ าการท่ีมีคุณภาพ

99

2. แบบประเมนิ ผลการใชร้ ปู แบบตามองค์ประกอบการบรหิ ารวิชาการที่มีคุณภาพ
ระบวุ ธิ ีการประเมิน และเกณฑ์การให้คะแนนในแตล่ ะองค์ประกอบหลกั องค์ประกอบย่อย และ
ตวั ชี้วัดในตอนท่ี 7 ของคู่มือการดาเนนิ งานตามรูปแบบการบริหารวิชาการที่มคี ุณภาพ

3. แบบประเมินความเหมาะสมความเป็นไปได้และความเป็นประโยชนข์ องรปู แบบ
การบรหิ ารวิชาการท่ีมีคุณภาพ เปน็ แบบมาตราสว่ นประมาณค่า 5 ระดับ (บุญชม ศรสี ะอาด 2545,
น. 102) ซึ่งมรี ายละเอยี ด ดังน้ี

ระดับ 5 หมายความวา่ รายการนนั้ มีความเหมาะสม/มีความเปน็ ไปได/้
มีประโยชนม์ ากท่ีสุด

ระดับ 4 หมายความวา่ รายการนน้ั มคี วามเหมาะสม/มคี วามเปน็ ไปได/้
มปี ระโยชนม์ าก

ระดบั 3 หมายความวา่ รายการนน้ั มีความเหมาะสม/มคี วามเปน็ ไปได้/
มีประโยชนป์ านกลาง

ระดับ 2 หมายความวา่ รายการนัน้ มีความเหมาะสม/มคี วามเป็นไปได้/
มปี ระโยชนน์ อ้ ย

ระดบั 1 หมายความวา่ รายการน้นั มคี วามเหมาะสม/มีความเปน็ ไปได้/
มปี ระโยชน์นอ้ ยทส่ี ดุ

กำรหำคุณภำพของเครอ่ื งมือ
การหาคุณภาพแบบประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้และประโยชน์รูปแบบ
การบริหารวิชาการเพ่ือยกระดับคุณภาพผู้เรียนโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขต
จังหวัดภาคใต้ โดยการหาความตรงเชิงเนือ้ หา (Content Validity) ของแบบประเมิน โดยผู้วจิ ัยนยิ าม
ตวั แปรที่วดั ดว้ ยแบบประเมินให้เปน็ นิยามเชิงปฏิบัตกิ าร แล้วดูรายการประเมินใหส้ อดคล้องกบั นิยาม
เชิงปฏิบัติการ แล้วจึงนาเสนอให้อาจารย์ท่ีปรึกษาตรวจสอบและให้ข้อเสนอแนะ ปรับปรุงตาม
ข้อเสนอแนะ จากนั้นให้ผู้เช่ียวชาญเคร่ืองมือ จานวน 5 คน ซึ่งประกอบด้วย ผู้ท่ีจบการศึกษาระดับ
ปริญญาเอกที่ทาการสอนในมหาวิทยาลัย ซ่ึงเป็นผู้รอบรู้ในเนื้อหาสาระปัญหาการวิจัย ด้านการ
บริหารการศกึ ษา การวจิ ัยและประเมินผล และเป็นภาวะผนู้ าทางการบรหิ ารการศึกษา ซง่ึ ช่วยในการ
พิจารณาใช้ค่าความสอดคล้อง IOC เป็นรายข้อและใช้พิจารณาเลือกรายการประเมินที่มีค่า IOC
มากกว่า 0.50 แล้วจึงนาไปใช้การประเมินผลการทดลองใช้รูปแบบ ผลการวิเคราะห์ พบว่า
ทกุ รายการประเมินมีคา่ IOC มากกวา่ 0.50 โดยมคี า่ ต้งั แต่ 0.80 – 1.00

กำรรวบรวมข้อมูล
การรวบรวมขอ้ มลู ในข้นั ตอนการใชร้ ปู แบบการบริหารวชิ าการเพื่อยกระดับคุณภาพ
ผู้เรียนโรงเรยี นการกศุ ลของวัดในพระพทุ ธศาสนาเขตจงั หวัดภาคใต้ มรี ายละเอียดดังน้ี
1. ผ้วู ิจัยทาหนังสือขอความร่วมมอื ถึงผู้บริหารโรงเรียนที่เป็นกลุม่ เปา้ หมาย เพอ่ื ขอ
อนญุ าตทดลองใชร้ ปู แบบการบรหิ ารวิชาการทมี่ คี ุณภาพและเกบ็ รวบรวมข้อมูลกับกลมุ่ เป้าหมายโดย
การทดลองใช้รปู แบบ

100

2. ผูว้ จิ ยั ดาเนินการชี้แจงกบั ผบู้ ริหารและครเู กยี่ วกบั การปฏิทนิ ปฏิบตั ิงานวิธีการ
ดาเนินการตามคมู่ ือ เกณฑ์การประเมนิ และวธิ ีการประเมนิ ผลหลงั เสรจ็ ส้นิ การทดลอง

3. โรงเรียนท่เี ปน็ กลุ่มเปา้ หมาย ดาเนินงานตามรูปแบบการบริหารวชิ าการท่มี ี
คณุ ภาพ โดยผบู้ ริหารโรงเรียนเป็นผู้นาการทดลอง และดาเนนิ การในภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561
โดยมีวิธีการดาเนินการ (ตามตารางท่ี 3)

4. การประเมนิ ผลดาเนนิ งานตามรูปแบบหลังการทดลองใช้ โดยการประเมินผลงาน
ตามรูปแบบ โดยมีคณะผู้ประเมินจานวน 5 คน ประกอบด้วย ผู้วิจัย และผู้ช่วยวิจัย จานวน 4 คน
ซึง่ มีคุณสมบัติเป็นผู้ที่ปฏิบัติวิชาการในโรงเรยี นไม่น้อยกว่า 5 ปี มีความรู้และประสบการณ์ในการทา
วิจัย 1 คน เพ่ือตรวจสอบรปู แบบท่ไี ด้

5. ประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้และความเป็นประโยชน์ของรูปแบบการ
บริหารวชิ าการทมี่ คี ุณภาพ จากกลุ่มเปา้ หมายท่ีร่วมทดลองใชร้ ูปแบบ จานวน 19 คน ในโรงเรยี นแจ้ง
วทิ ยา เปน็ เวลา 1 ภาคเรียน

สรปุ ผลกำรประเมินผลหลังกำรใช้

โดยดาเนนิ การประเมินผลการดาเนนิ งานตามรปู แบบและประเมินความเหมาะสม

ความเปน็ ไปได้ และความเปน็ ประโยชน์ของรปู แบบ ดงั นี้

กำรวิเครำะหข์ ้อมลู

1. การวิเคราะห์ผลการดาเนินงานตามรูปแบบจากแบบประเมิน คานวณหา

ค่าร้อยละ จากน้ันผลท่ีได้มาเปรียบเทียบกับเกณฑ์คุณภาพในการแปลความหมาย 4 ระดับ (บุญชม

ศรสี ะอาด และ สรุ ทิ อง ศรสี ะอาด 2545, น. 105)

ค่ารอ้ ยละมากกว่าหรอื เทา่ กบั 90 หมายถึง ระดับคุณภาพดมี าก

คา่ รอ้ ยละ 75-89 หมายถงึ ระดับคณุ ภาพดี

ค่ารอ้ ยละ 60-74 หมายถึง ระดับคุณภาพพอใช้

คา่ รอ้ ยละน้อยกวา่ 60 หมายถึง ระดับคุณภาพปรับปรุง

2. วิเคราะห์ข้อมูลความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ที่ได้จาก

แบบประเมินคานวณค่ามัธยฐาน (Median) และค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ (Inter-Quartile

Range) ของรูปแบบการบริหารวิชาการที่มีคุณภาพ ในด้านความเหมาะสม ความเป็นไปได้และความ

เป็นประโยชน์ จากน้ันนาผลที่ได้มาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ในการแปลความหมาย 5 ระดับ (บุญชม

ศรสี ะอาด และ สุรทิ อง ศรสี ะอาด 2545, น. 103) ดงั นี้

คา่ มัธยฐาน 4.51-5.00 หมายถงึ รายการนน้ั มีความเหมาะสมหรอื มีความ

เป็นไปได้หรอื มคี วามเป็นประโยชน์มาก

ทสี่ ดุ

ค่ามธั ยฐาน 3.51-4.50 หมายถงึ รายการนั้นมีความเหมาะสมหรือมีความ

เป็นไปได้หรอื มีความเป็นประโยชน์มาก

คา่ มัธยฐาน 2.51-3.00 หมายถงึ รายการนนั้ มีความเหมาะสมหรือมคี วาม

เป็นไปได้หรอื มีความเป็นประโยชนป์ าน

กลาง

101

คา่ มธั ยฐาน 1.51-2.50 หมายถึง รายการนั้นมีความเหมาะสมหรือมีความ
เปน็ ไปได้หรอื มคี วามเป็นประโยชน์นอ้ ย

ค่ามธั ยฐาน 1.00-1.50 หมายถึง รายการนนั้ มีความเหมาะสมหรือมีความ
เป็นไปไดห้ รือมคี วามเป็นประโยชนน์ อ้ ย
ทส่ี ุด

ส่วนข้อมูลเก่ียวกบั ปัญหาและอปุ สรรคข้อเสนอแนะผ้วู จิ ยั ได้นามาวิเคราะหเ์ นื้อหา
และสงั เคราะหส์ รปุ รวบรวมเปน็ ความคิดเห็นเก่ยี วกบั ปญั หา อปุ สรรค และขอ้ เสนอแนะ

สถติ ิท่ีใชใ้ นกำรวเิ ครำะห์ข้อมลู
สถติ ทิ ีใ่ ช้ในการวเิ คราะห์ขอ้ มูลจากแบบประเมินและแบบสอบถามคือ ค่ารอ้ ยละ
ค่ามธั ยฐาน (Median) และค่าพสิ ยั ระหวา่ งควอไทล์ (Inter-Quartile Range)

เกณฑใ์ นกำรตัดสิน
เกณฑ์ในการตัดสินการทดลอง ดงั ตาราง 2

ปรับปรุงพัฒนำรปู แบบก่อนนำไปเผยแพร่
โดยนาผลจากการทดลองใช้ มาทาการปรบั ปรุงและพัฒนาใหเ้ ป็นรปู แบบการบริหาร
วิชาการท่ีมีคุณภาพ ที่สมบูรณ์ก่อนนาไปเผยแพร่ใช้ในการบริหารวิชาการในโรงเรียนการกุศลของวัด
ในพระพทุ ธศาสนาในเขตจงั หวดั ภาคใต้ต่อไป

บทที่ 4

ผลการวิจยั

การวจิ ัยเรื่อง การพฒั นารปู แบบการบรหิ ารงานวชิ าการเพื่อยกระดบั คุณภาพผเู้ รยี น
โรงเรียนการกุศลของวดั ในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวดั ภาคใต้ โดยผู้วิจัยนาเสนอผลการวจิ ยั ดังนี้

ตอนท่ี 1 ผลการศึกษาสภาพปัจจุบันของการบริหารงานวิชาการเพ่ือยกระดับ
คุณภาพผเู้ รียนโรงเรยี นการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้

ตอนที่ 2 ผลการยกร่างรูปแบบการบริหารงานวิชาการเพ่ือยกระดับคุณภาพผู้เรียน
โรงเรียนการกศุ ลของวัดในพระพทุ ธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้

ตอนท่ี 3 ผลการนารูปแบบไปใช้การบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน
โรงเรยี นการกศุ ลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจงั หวัดภาคใต้

1. ผลการศึกษาสภาพปัจจุบันของการบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพ
ผู้เรยี นโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวดั ภาคใต้

1.1 สภาพปัจจุบันของการบริหารงานวิชาการ ประกอบด้วย 4 ประการ คือ
การวางแผน การมอบหมายความรับผิดชอบ การสร้างแรงจูงใจ และการกากับติดตาม มีรูปแบบการบริหาร
โรงเรียนที่ประสบความสาเร็จ ประกอบด้วย 1) การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 2) การมีส่วนร่วม
ทุกคนในองค์กรช่วยให้เกิดการยอมรับในเป้าหมาย 3) การมีส่วนร่วมในการสร้างให้เกิดความสานึกในหน้าที่
ความรับผดิ ชอบ และผลการศกึ ษา พบวา่ องคป์ ระกอบของรปู แบบการบริหารงานวชิ าการ มีดังนี้ 1) หลกั การ
2) วัตถุประสงค์ 3) ระบบงานและกลไก 4) เง่ือนไขการนารูปแบบไปใช้ในการพัฒนารูปแบบมีการดาเนินการ
เป็น 3 ขั้นตอน 1) การสร้างรูปแบบ 2) การตรวจสอบหาคุณภาพของรูปแบบที่สร้าง 3) ประเมินความ
เหมาะสม ความเป็นไปไดข้ องรูปแบบ

1.2 การนาเสนอรูปแบบ โดยการตรวจสอบรูปแบบ มีดังนี้ การประชุมกลุ่ม
ผูท้ รงคุณวุฒิท่ีมีความรู้เฉพาะทาง ผลการศึกษาวิเคราะห์เอกสาร แนวคิดทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง ท่ี
สามารถนาไปใช้เป็นกรอบแนวคิดในการวิจัยได้ประกอบด้วย การบริหารหลักสูตร กระบวนการพัฒนาการ
เรียนรู้ การวัดประเมินผล การวิจัยเพ่ือการพัฒนา การพัฒนาสื่อนวัตถกรรม การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ การ
นิเทศการศึกษา การแนะแนวการศึกษา กาพัฒนาระบบประกัน การส่งเสริมความรู้ทางด้านวิชาการ การ
ประสานความร่วมมือและการส่งเสริมสนับสนุนวิชาการกับโรงเรียนอื่น รูปแบบการบริหารงานวิชาการ
ประกอบด้วย ด้านหลักการ ด้านวัตถุประสงค์ ด้านระบบงานและกลไก และด้านเงื่อนไขการนารูปแบบไปใช้
การพัฒนารูปแบบ มีการดาเนินการร่างรูปแบบ และตรวจสอบรูปแบบเบื้องต้นโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ตรวจสอบ
รปู แบบ และประเมินความสอดคล้องของรปู แบบ

ผลการวิเคราะห์สภาพปัจจุบันของการบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน
โรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ ตามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง จานวน
13 โรงเรียน ดงั น้ี

102

103

1 ภาวะผู้นาทางวิชาการ

รูปแบบการบริหาร 2 การมสี ว่ นร่วมในการบริหารงานวชิ าการ
งานวิชาการ 3 การพฒั นาทีมงานวิชาการ
4 กระบวนการบริหารงานวชิ าการแบบดุลยภาพ

5 ภารกิจขอบข่ายการบริหารงานการวิชาการ

การบรหิ ารงานวชิ าการ

กระบวนการพัฒนาการ

การวดั ประเมนิ ผล

การวจิ ยั เพือ่ การพัฒนา

การพัฒนาสื่อนวัตกรรม

การพฒั นาแหล่งเรียนรู้

การนิเทศการศึกษา

การแนะแนวการศึกษา

การพัฒนาระบบประกัน

การส่งเสรมิ ความรู้ด้านวิชาการ
วิชาการ

การประสานความร่วมมือ

การส่งเสริมสนบั สนุน
วชิ าการกับโรงเรียนอ่ืน

ภาพท่ี 4 รูปแบบการบริหารงานวชิ าการเพ่ือยกระดับคุณภาพผเู้ รียนโรงเรยี นการกุศลของ
วดั ในพระพุทธศาสนาในเขตจงั หวัดภาคใต้

104

ผลการวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นเก่ียวกับสภาพปัจจุบันของการบริหารงานวิชาการของ
โรงเรียนเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียนโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ ในการ
หาฉันทามติจากพิสัยระหว่างควอไทล์ (Interquatile Range) ค่า IR ที่มีค่าน้อยกว่า หรือเท่ากับ 1.50
แสดงว่า ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อการดาเนินงานของโรงเรียนสอดคล้องกัน (consensus) ในที่น้ี
ทุกหัวข้อทั้งประเด็นใหญ่และประเด็นย่อย ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญท่ีมีต่อการดาเนินงานของโรงเรียน
สอดคลอ้ งกัน (รายละเอียดในภาคผนวก ฉ )

ผลการวิเคราะห์ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของการดาเนินการกระจายอานาจใน
ตัวแปรต่างๆ พบว่า การดาเนินงานของโรงเรียนมีประเด็นรวมด้านภาวะผู้นาทางวิชาการและประเด็น
ยอ่ ย 1) การออกแบบกลยุทธซ์ ่ึงจะนาไปสู่การได้เปรยี บในเชิงการแข่งขันและสรา้ งโอกาสในด้านต่างๆ
ให้แก่องค์กร 2) การใช้เทคโนโลยี การติดต่อสื่อสารและการเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้ เพ่ือให้ความสะดวก
รวดเรว็ ในการปฏบิ ัติงาน 3) การนาภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นและเครือข่ายแหล่งเรียนรมู้ าจัดการเรยี นการสอน
4) การนิเทศติดตามกระบวนการการจัดการเรียนการสอน 5) การจัดระบบโครงสร้างองค์กรให้
สอดคล้องเหมาะสมกับการประกันคุณภาพภายในโรงเรียน เพ่ือรองรับการประเมินในรอบต่อไป
6) การสร้างเครือข่ายในการพัฒนาวิชาการกับโรงเรียนของรัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอ่ืนๆ มี
ค่าเฉลี่ยของการดาเนินงานของโรงเรียน ตัวแปรค่าจ้าง/เงินเดือน 20,000 บาทลงมา กับมากกว่า
20,000 บาท แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ประเด็นอื่นๆ นอกน้ันไม่แตกต่างกัน
ยกเว้น การกระจายอานาจให้บุคลากรระดับต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงาน
วชิ าการ อย่างมนี ยั สาคญั ท่ี 0.01 (รายละเอียดในภาคผนวก ฉ)

2. ผลการยกร่างรูปแบบการบริหารงานวิชาการเพ่ือยกระดับคุณภาพผู้เรียน
โรงเรียนการกุศลของวดั ในพระพทุ ธศาสนาในเขตจงั หวดั ภาคใต้

ผลการร่างรูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียนโรงเรียนการ
กศุ ลของวดั ในพระพุทธศาสนาในเขตจงั หวัดภาคใต้

จากข้อมูลท่ีได้จากตอนท่ี 1 ผู้วิจัยได้นาข้อมูลจากการการศึกษาสภาพปัจจุบันของ
การบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรยี นโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขต
จังหวัดภาคใต้ ได้แนวคิด สภาพปัจจุบันและปัญหาและรูปแบบข้างต้น ผู้วิจัยได้ร่างรูปแบบและให้
ผู้ทรงคุณวุฒิจานวน 5 คน ประเมินความสอดคล้ององค์ประกอบของรูปแบบปรับปรุงตาม
ขอ้ เสนอแนะผู้ทรงคุณวุฒิ และปรกึ ษาอาจารยท์ ป่ี รึกษาวิทยานิพนธ์ได้รปู แบบการบรหิ ารโรงเรียนเพ่ือ
บรรลผุ ลการบริหารงานวชิ าการ ดังภาพท่ี 5

105

หลักการ 1. ด้านภาวะผนู้ าทางวิชาการ
วัตถุประสงค์ 2. ด้านการมสี ว่ นร่วมในการบริหารงานวิชาการ
3. ดา้ นการพัฒนาทมี งานวิชาการ
4. ดา้ นกระบวนการบริหารงานวิชาการตามแนวคิดดลุ ยภาพ
5. ด้านขอบข่ายการบรหิ ารงานวิชาการ

1. เพอื่ การจัดการศกึ ษาทมี่ งุ่ ใหผ้ ูเ้ รยี นค้นพบความสามารถ
ความถนดั และความสนใจของตนเอง
2. เพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรเู้ พ่ือเป็นพ้ืนฐานและมีคณุ ธรรม
จรยิ ธรรมที่ดงี าม เพอ่ื การประกอบอาชพี หรือการศกึ ษาต่อใน
ระดบั ทสี่ ูงขน้ึ
3. เพือ่ สนองความต้องการของทอ้ งถ่นิ และประเทศชาติ

ระบบงานและกลไก 1. กาหนดเป้าหมายของโรงเรียนที่สอดรับกับมาตรฐาน
การศกึ ษา
เงอ่ื นไขการนารูปแบบไป 2. จดั ทาแผนพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาของโรงเรยี น
ใช้ 3. ดาเนินการตามแผนปฏิบตั ิการ
4. กลไกการตรวจสอบภายในสถานศึกษา
5. จดั ทารายงาน
6. พัฒนาปรังปรุง

1. กอ่ นดาเนินการ
2. ระหว่างดาเนินการ
3. หลังดาเนินการ

ผลการตรวจสอบ รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพ่ือยกระดับคุณ ภาพผู้เรีย น
โดยผู้ทรงคณุ วุฒิ โรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัด
ภาคใต้

ภาพที่ 5 กระบวนการสร้างรูปแบบการบรหิ ารงานวชิ าการเพ่อื ยกระดับคณุ ภาพผเู้ รียนโรงเรยี น
การกลุ ของวัดในพระพทุ ธศาสนาในเขตจงั หวัดภาคใต้

106

จากภาพที่ 5 กระบวนการสร้างรูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับ
คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ มีองค์ประกอบและ
รายละเอียดของรูปแบบ มี 5 ข้ันตอนประกอบด้วย 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) ระบบงานและ
กลไก 4) เงอื่ นไขการนารูปแบบไปใช้ และ 5) ผลการตรวจสอบรปู แบบโดยผู้ทรงคณุ วุฒิ

ผลการสร้างได้รูปแบบและผลสรุปจากการสนทนากลุ่มผู้วิจัยได้เสนอรูปแบบ
(Model) การพัฒนาวิชาการของโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา ในแนวทางการจัดการ
เชงิ กลยุทธ(์ Strategic Management) ดงั ภาพที่ 6

L

SP

PT

ภาพที่ 6 รปู แบบการพฒั นารปู แบบการบริหารงานวชิ าการเพอ่ื ยกระดบั คณุ ภาพผเู้ รยี น
โรงเรยี นการกุศลของวัดในพระพทุ ธศาสนาในเขตจังหวดั ภาคใต้

รูปแบบการพัฒนาโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา จะกาหนดรูปแบบ
การพัฒนา 5 ด้าน คือ 1) ด้านภาวะผู้นาทางวิชาการ (Leadership) 2) ด้านการมีส่วนร่วมในการ
บริหารงานวิชาการ (Participation) 3) ด้านการพัฒนาทีมงานวิชาการ (Teamwork) 4) ด้านกระบวนการ
บริหารงานวิชาการ (Process)และ 5) ด้านขอบข่ายการบริหารงานวิชาการ (Scope) หรือเรียกว่า
LPTPS model ในส่วนความเป็นผู้นาทางวิชาการท่ีจะให้งานบริหารมีความสาเร็จพึงต้องให้ทุกคนมี
ส่วนรว่ มในการบริหารงานวิชาการในหลายด้าน ย่อมส่งผลต่อการพัฒนาท่ีเป็นทีมงานวิชาการ ซงึ่ ต้อง
อาศัยกระบวนการบริหารเพ่ือความเช่ือมโยงในขอบข่ายการบริหารงานวิชาการ และในแต่ละ
องค์ประกอบมีส่วนท่ีจะเก้ือหนุนภายในระบบของงานทาให้งานสาเร็จ ย่อมมีความสัมพันธ์ของแต่ละ
ส่วนคอื ขอบข่ายของการบริหารงานวิชาการต้องอาศัยให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการบรหิ ารและเม่ือมี
ส่วนร่วมแล้วย่อมก่อให้เกิดกระบวนการบริหารต้องอาศัยผู้นาทางวิชาการเป็ นตัวขับเคล่ือน

107

ก็เช่นเดียวกันกับความเป็นผู้นาทางวิชาการต้องร่วมกันทางานเป็นทีมย่อมส่งผลไปถึงขอบข่ายการ
บรหิ ารวิชาการภายในและภายนอกโรงเรยี นด้วย

การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา
เพราะแต่ละโรงเรียนมบี ริบทท่ีแตกต่างกัน จาเป็นต้องหาขอ้ มูลมาสนับสนุนในการกาหนดยุทธศาสตร์
ของโรงเรยี น เพือ่ ให้เกดิ คุณภาพในการบริหารงานวิชาการ ให้ความสาคัญกับการกาหนดวสิ ัยทศั น์ของ
แตล่ ะโรงเรยี น

จากผลการนารปู แบบการบริหารงานวิชาการใชก้ ารสนทนากลมุ่ จากผูท้ รงคณุ วุฒิ

จานวน 9 คน มขี อ้ เสนอแนะในการบรหิ ารงานวิชาการคือ

1. ดา้ นภาวะผูน้ าทางวชิ าการ
1.1 ผู้นาต้องกาหนดยุทธศาสตร์ทางวิชาการของโรงเรียนแบบมีส่วนร่วมของผู้มีส่วน

ได้สว่ นเสยี
1.2 ผู้นาต้องเป็นนักวิชาการ มีความสุขุมรอบคอบในการตัดสินใจ มีมนุษย

สัมพันธก์ ับทมี งาน ผ้ปู กครอง และนกั เรียน
2. ดา้ นการมสี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารงานวชิ าการ
2.1 รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายในการบริหารหลักสูตร

กาหนดแหล่งเรียนรู้ ตลอดจนภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น
2.2 ผูบ้ ริหารงานวชิ าการเปน็ นักประสานงาน มอี ัธยาศยั ทด่ี ี

3. ดา้ นการพัฒนาทีมงานวิชาการ
3.1 กาหนดโครงสร้างของทีมงาน มอบหมายงานชัดเจน จดั กจิ กรรมทางวิชาการ

และมีการประชุมติดตามการทางานอย่างต่อเนื่อง
3.2 ส่งเสริมให้ครูได้รับการพัฒนา อบรม สัมมนา และนักเรียนได้จัดกิจกรรมไป

แข่งขนั กับหนว่ ยงานภายนอก
4. ดา้ นกระบวนการบรหิ ารงานวชิ าการตามแนวคดิ ดลุ ยภาพ
4.1 กาหนดมาตรฐานตัวชี้วัด สมรรถนะของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึง

ประสงคต์ ามหลกั สูตรใหเ้ กดิ ดุลยภาพ
4.2 ผู้มีส่วนได้สว่ นเสยี ไดร้ ับทราบขอ้ มลู เพอ่ื ความโปร่งใสในการทางานร่วมกัน

5. ด้านขอบขา่ ยการบรหิ ารงานวชิ าการ
5.1 การบรหิ ารงานวชิ าการ
5.1.1 กาหนดโครงสร้างการบริหารงานวิชาการท่ีเหมาะสมตามสภาพและ

บรบิ ทของโรงเรยี น
5.1.2 จัดทาระบบสารสนเทศให้เกิดประโยชน์ งา่ ยตอ่ การเรยี กใชข้ ้อมูล

5.2 กระบวนการพฒั นาการเรยี นรู้
5.2.1 ส่งเสรมิ ให้จัดหาแหล่งเรียนรู้มากขน้ึ และสร้างนวัตกรรมการสอนใหม่ๆ

อยเู่ สมอ
5.2.2 การจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญและใช้สื่อการสอนที่

เหมาะสม

108

5.3 การวัดประเมินผล
5.3.1 การใช้วิธีวัดหลายๆ วิธี วัดให้ครอบคลุมตัวชี้วัด สมรรถนะ และ

คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
5.3.2 มีการวัดผลตามสภาพจริงและหลากหลาย ขึ้นอยู่กับธรรมชาติและ

วชิ า
5.4 การวจิ ัยเพ่อื การพฒั นา
5.4.1 จัดให้มีการวิจัยในช้ันเรียน อาจจะเป็นวิจัยหน้าเดียว เพ่ือนา

ผลการวจิ ัยมาปรับปรุง พฒั นาการเรยี นการสอน และการทางานใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพมากขน้ึ
5.4.2 กาหนดให้ครูมีการวจิ ัยอยา่ งนอ้ ยคนละ 1 เร่ือง/ปี

5.5 การพัฒนาส่อื นวตั กรรม
5.5.1 ส่ือเทคโนโลยีมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลา จึงมีความจาเป็นต้อง

สง่ เสริมให้ครูใช้ส่อื เพื่อใหเ้ หมาะสมกบั นกั เรยี น และบริบททางสงั คม
5.5.2 สนับสนุนการจัดหาสื่อเทคโนโลยีและส่งเสริมให้ครูผลิตสื่อและ

นวัตกรรมที่สามารถนามาใช้แกป้ ัญหานักเรียนได้
5.6 การพฒั นาแหล่งเรียนรู้
5.6.1 สารวจแหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถ่ินท่ีใกล้เคียงกับสถานศึกษา

จัดให้เหมาะสมกบั การเรียนการสอน
5.6.2 เสาะแสวงหาแหล่งเรียนรู้ภายนอก หรือได้จากการสืบค้นหาทาง

อินเทอรเ์ นต็ และการจดั ทศั นศึกษา
5.7 การนเิ ทศการศกึ ษา
5.7.1 จัดให้มีทีมนิเทศงานที่มีผู้บริหารร่วมอยู่ด้วย เป็นการนิเทศแบบ

กัลยาณมติ รและนาผลมาปรับปรงุ พฒั นาต่อไป
5.7.2 ให้มกี ารนิเทศทัง้ ภายในและภายนอก โดยกาหนดเวลาทีช่ ัดเจนอย่าง

น้อยภาคเรยี นละ 1 คร้ัง/1 คน
5.8 การแนะแนวการศึกษา
5.8.1 สถานศึกษาจาเป็นต้องมีหน่วยงานแนะแนวการศึกษาให้บริการ

นกั เรียนดา้ นการศกึ ษาต่อ หรอื การประกอบอาชีพตามความถนัดและความสนใจของนกั เรียน
5.8.2 เปิดโอกาสให้หน่วยงานภายนอกเข้ามาแนะแนว เพื่อสร้างแรง

บันดาลใจให้นักเรียนมีความมนั่ ใจในตนเอง
5.9 การพฒั นาระบบประกนั
5.9.1 ควรเชิญบุคคลภายนอก ชุมชน ผู้ปกครอง เข้ามามีส่วนร่วมในการ

ประเมนิ ความเป็นจริง เพื่อปรับปรุงงาน
5.9.2 ปรับโครงสร้างของบุคลากรในการดาเนินการประกันคุณภาพภายใน

และภายนอกตามกรอบงานประกันคุณภาพ

109

5.10 การสง่ เสริมความรดู้ ้านวชิ าการแก่ชุมชน
5.10.1 ให้ชุมชนเขา้ มามีสว่ นร่วมในการออกแบบกจิ กรรม และจดั โครงการ

เผยแพรค่ วามรูส้ ชู่ ุมชน
5.10.2 จัดให้โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้อยา่ งหลากหลายที่เปน็ ประโยชน์แก่

ชุมชน
5.11 การประสานความร่วมมือ
5.11.1 ควรมสี มาคมผู้ปกครองช่วยประสานงานกับผู้นาชุมชน องค์กรอ่ืนๆ

เข้ามามสี ่วนร่วมในการจดั การศกึ ษา
5.11.2 ประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในการเข้ามามีส่วนร่วม

ดาเนนิ งานของโรงเรยี นทุกดา้ น
5.12 การสง่ เสริมสนบั สนนุ วิชาการกับสถานศึกษาอนื่
5.12.1 การเขา้ ร่วมเป็นภาคเี ครอื ขา่ ยตามการจัดสรรของเขตการศึกษา

และพยายามรว่ มมืออย่างดีกับทุกภาคีเครือข่าย
5.12.2 ส่งนกั เรยี น ครู เข้าร่วมกจิ กรรม อบรม พฒั นา เพ่ือเพิ่มศักยภาพ

ของนักเรียนกับสถานศกึ ษาอื่น และองคก์ รอนื่ ๆ
จากประเด็นดังกล่าวข้างต้น ผู้ทรงคุณวุฒิโดยนาเสนอข้อมูลในการจัดทาสนทนากลุ่ม

(Focus Group) มีผ้เู ขา้ ร่วม จานวน 9 คน มีความเหน็ และวพิ ากษใ์ นแต่ละประเด็นนามาเสนอ ดังน้ี
1. ผู้บริหารงานวิชาการต้องมีคุณลักษณะภาวะผู้นาและต้องอ่อนน้อมถ่อมตน

เพราะโรงเรียนทุกแห่ง ถ้าผู้บริหารไม่มีภาวะผู้นาทางวิชาการในการพัฒนาคุณภาพและการได้รับการ
ยอมรับนอ้ ยมาก

2. โรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา มีนโยบายพัฒนางานวิชาการควบคู่
กบั หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ที่สาคญั คือ ไตรสกิ ขา ศลี สมาธิ ปญั ญา และความเปน็ โรงเรยี นการ
กุศลของวัดในพระพุทธศาสนา ควรจะสร้างแบรนด์ของตัวเอง คือ ไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา และ
คุณธรรมควบคกู่ ับวชิ าการเป็นจุดขายของกลุ่มโรงเรยี นการกุศล

3. โรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา จาเป็นต้องรับนักเรียนด้อยโอกาส
ทางการศึกษา ไม่สามารถคัดเลือกเฉพาะนักเรียนเก่งๆ แบบโรงเรียนท่ัวไปได้ ซ่ึงเป็นการเปิดโอกาส
ทางการศึกษาทางครอบครวั หรอื ปนั้ ดินใหเ้ ป็นดาว

4. การพัฒนาทีมงานวิชาการ ควรทาในรูปเครือข่าย ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง
ภูมิปัญญาท้องถิ่น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดและพัฒนาให้ครบองค์ประกอบ 3 ด้าน คือ เจตคติท่ีดี
สร้างทักษะและเครือข่ายควรจะมีหลายองค์ประกอบในการพัฒนาทีมงาน มี 3 องค์ประกอบ เจตคติ
ที่ดีสร้างทักษะและเครอื ขา่ ย

5. การวิจัยพัฒนาการเรียนการสอนในปัจจุบันมีความซับซ้อนในปัญหาต่างๆ มาก
ขนึ้ จาเป็นท่ีครูจะต้องทาวิจัย เพ่ือค้นหาสาเหตุและเพ่ือพัฒนาการเรียนการสอนให้มีคุณภาพมากข้ึน
โดยการแกป้ ัญหาใชก้ ระบวนการวิจัย แกป้ ญั หาเฉพาะหน้าของแต่ละตอน

110

3. ผลการนารูปแบบการบริหารงานวิชาการไปทดลองใชเ้ พื่อยกระดบั คุณภาพ

ผเู้ รียนโรงเรียนการกุศลของวดั ในพระพทุ ธศานาในเขตจงั หวัดภาคใต้

หลังจากน้ันได้ใช้แบบสอบถามกับครูผู้ทดลองใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการ
จานวน 19 คน ได้ผลการประเมินคุณภาพการทดลองใช้รูปแบบการบริหารงานคู่มือการทดลองใช้
รปู แบบการบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขต
จงั หวดั ภาคใต้ มีรายละเอียดตามตารางท่ี 3

ตารางท่ี 3 ผลการประเมนิ คุณภาพการทดลองใชร้ ปู แบบการบริหารงานวชิ าการ

องคป์ ระกอบที่ 1 ภาวะผู้นาทางวชิ าการ

ตวั บ่งช้ี รอ้ ยละ ระดับ
คณุ ภาพ
รายการประเมินเกณฑ์การพิจารณา ของการประเมินตามเกณฑ์ ดมี าก

1.1 การกาหนดวิสยั ทัศน์ คา่ นิยม พันธกจิ ผลการดาเนิน 100 ดีมาก

งานท่ีคาดหวัง มีความสอดคลอ้ งกับบรบิ ทและนโยบาย ดีมาก
ดีมาก
ของโรงเรยี น ดมี าก
ดมี าก
1.2 การกาหนดแผนกลยุทธ์และแผนปฏบิ ตั ิการของ 100 ดีมาก

โรงเรียน มคี วามสอดคล้องกบั เปา้ หมาย โดยการมี ดมี าก

สว่ นร่วม ของทกุ ฝ่ายท่ีมสี ว่ นเกี่ยวขอ้ ง

1.3 การออกแบบกลยทุ ธ์ซง่ึ จะนาไปสู่การไดเ้ ปรียบใน 100

เชิงการแข่งขนั และสร้างโอกาสในดา้ นตา่ งๆ ให้แก่องค์กร

1.4 การกระจายอานาจให้บคุ ลากรระดับตา่ งๆ 94.74

เพื่อใหเ้ กิดความคลอ่ งตวั ในการบริหารงานวชิ าการ

1.5 การเปดิ โอกาสใหค้ รสู ร้างนวตั กรรมสอื่ การเรยี น 100

การสอน เพ่ือการพัฒนาการจัดการเรยี นการสอน

1.6 การกาหนดแนวทางในการปฏิบตั งิ านด้านวชิ าการ 100

โดยมงุ่ ประโยชน์ของผู้มสี ่วนไดส้ ว่ นเสีย

1.7 การทบทวนเทียบเคยี งผลการดาเนินงานตาม 94.4

แผนงาน โครงการและกิจกรรมในรอบปีทีผ่ ่านมา

เพ่อื การปรบั ปรงุ และพฒั นา

1.8 การนาขอ้ มลู สารสนเทศมาบรหิ ารและพฒั นาวชิ าการ 100

อยา่ งต่อเน่ือง

องคป์ ระกอบท่ี 2 ดา้ นการมสี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารงานวชิ าการ 100 ดมี าก
2.1 การกาหนดวตั ถุประสงค์และรับฟังขอ้ มลู จากผเู้ รียน
หรอื ผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสยี

111

ตารางที่ 3 (ต่อ)

ตวั บง่ ชี้ รอ้ ยละ ระดบั

รายการประเมนิ เกณฑ์การพิจารณา ของการประเมินตามเกณฑ์ คุณภาพ

2.2 การประเมินเจตคตแิ ละความพงึ พอใจของผู้เรียน 100 ดมี าก

หรอื ผู้มีสว่ นไดส้ ่วนเสีย สอนอย่างเป็นระบบและต่อเนอื่ ง

2.3 การให้ผู้ปกครองและชมุ ชนได้มีสว่ นร่วมแสดงความ 94.74 ดมี าก

คิดเหน็ ในการจดั ทาหลักสูตรสถานศึกษา เพื่อการพฒั นา

ผู้เรยี นอย่างตอ่ เนอื่ ง

2.4 การบริหารจดั การในการเรียนการสอนอย่างเป็น 100 ดีมาก

ระบบและต่อเนื่อง

2.5 ผบู้ รหิ ารโรงเรียนใหโ้ อกาสครูและผ้ทู ่ีเกย่ี วข้อง 94.40 ดมี าก

ร่วมมอื กนั ปฏิบตั ิงานของโรงเรียน

องค์ประกอบที่ 3 ด้านการพฒั นาทมี งานวชิ าการ 100 ดมี าก
3.1 ครมู กี ารจดั หาส่ือและอปุ กรณ์ดา้ นการศึกษา 94.74 ดมี าก
เพยี ง พอต่อการเรียนรู้ของผูเ้ รียน
3.2 ครูมีการนาแนวคดิ จากการเรียนรไู้ ปใช้ในการ 100 ดีมาก
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผ้เู รยี นทีเ่ กดิ จาก 100 ดีมาก
ประสบการณ์ในการฝึกฝน
3.3 ครมู ีการสนับสนุนสง่ เสรมิ ทางสังคม ดว้ ยการให้
ข้อมูลป้อนกลบั ทางบวกกบั ผ้เู รียน เชน่ คาชม คายกยอ่ ง
3.4 ครูมกี ารจัดกจิ กรรมทชี่ ่วยกระต้นุ ให้ผูเ้ รียนเกดิ การ
เรียนรูใ้ หมๆ่ ที่มีประสทิ ธิภาพได้อย่างเหมาะสม

องค์ประกอบท่ี 4 ดา้ นกระบวนการบรหิ ารงานวิชาการตามแนวคิดดลุ ยภาพ

4.1 การสง่ เสรมิ ใหม้ ีการพัฒนาครูเพ่ือพฒั นา 100 ดมี าก
ดี
กระบวนการเรียนรูต้ ามความเหมาะสม
ดีมาก
4.2 การสง่ เสรมิ ใหค้ รจู ดั กระบวนการเรียนรู้ ใชเ้ ทคนคิ วธิ ี 89.47 ดีมาก

สอนโดยจดั เน้ือหาสาระและกิจกรรมให้สอดคลอ้ งกับ

ความสนใจ ความถนดั ของผู้เรียน

4.3 การสง่ เสริมใหค้ รูมที ักษะจัดทาแผนการจัดการ 94.74

เรยี นรู้โดยเนน้ ผู้เรยี นเป็นสาคัญ

4.4 การปลกู ฝังคุณธรรม ค่านิยมทด่ี งี ามและคณุ ลกั ษณะ 100

อนั พงึ ประสงค์ เช่น ประหยัด ซือ่ สัตยแ์ ละความกตญั ญู

112

ตารางท่ี 3 (ต่อ) รอ้ ยละ ระดบั
ของการประเมินตามเกณฑ์ คุณภาพ
ตวั บ่งช้ี
รายการประเมนิ เกณฑก์ ารพิจารณา
4.5 การทน่ี ักเรยี นใชเ้ วลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ ใฝเ่ รยี นรู้
มีระเบยี บวินัย ปฏบิ ัตไิ ด้ตามท่กี าหนด โดยภาพรวมมี
ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นดีข้ึน

องค์ประกอบหลกั ท่ี 5 ขอบขา่ ยการบริหารงานวิชาการโรงเรียนการกศุ ลของวดั

ในพระพุทธศาสนา ในเขตจงั หวัดภาคใต้

องคป์ ระกอบย่อยที่ 5.1 การบริหารงานวิชาการ

1. มกี ารจัดทาโครงสรา้ งหลักสตู รสถานศกึ ษาและสาระ 100 ดมี าก
ดีมาก
ตา่ งๆ ซงึ่ สอดคลอ้ งกับวสิ ัยทศั น์ พันธกิจ เป้าหมาย ดีมาก
ดีมาก
2. นาหลกั สตู รสถานศกึ ษาไปใชใ้ นการจัดการเรียนการ 94.47 ดีมาก

สอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดี

3. ปรับปรงุ พัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษามีความเหมาะสม 100 ดมี าก
ดีมาก
กบั การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ดีมาก
ดมี าก
4. การใช้เทคโนโลยกี ารตดิ ต่อ ส่อื สารและการเก็บ 100

ขอ้ มลู ต่างๆ ไว้เพื่อให้ความสะดวกรวดเรว็ ในการ

ปฏบิ ัตงิ าน 94.4

5. การวเิ คราะห์การจดั เกบ็ และการเผยแผ่งาน

สารสนเทศอยา่ งมีกระบวนการเพอื่ ประสทิ ธิภาพ

ในการทางาน 89.47

6. การวางแผนกลยทุ ธด์ ้านเทคโนโลยีสารสนเทศใน

โรงเรียน เป็นเครื่องมือ ในการตดั สินใจบริหาร

องคป์ ระกอบย่อยท่ี 5.2 กระบวนการพฒั นาการเรยี นรู้

1. การประเมนิ ผลการใชห้ ลักสตู รสถานศกึ ษา 100

เพื่อการพัฒนาปรบั ปรุง

2. การนาภมู ิปัญญาท้องถ่ินและเครือขา่ ยแหลง่ เรียนรู้ 94.74

มาจดั การเรียนการสอน

3. การสง่ เสริมการใช้สื่อเทคโนโลยที เี่ หมาะสม 100

เพอ่ื การจดั การเรียนการสอน

4. การประเมินผลการพัฒนาการใชส้ ่ือนวัตกรรม 94.4

เทคโนโลยี เพ่ือพัฒนาการศกึ ษา

113

ตารางที่ 3 (ต่อ)

ตวั บ่งช้ี ร้อยละ ระดับ

รายการประเมนิ เกณฑ์การพิจารณา ของการ คณุ ภาพ

ประเมินตาม

เกณฑ์

องคป์ ระกอบย่อยท่ี 5.3 การวัดประเมนิ ผล 100 ดีมาก

1. การกาหนดระเบยี บแนวปฏิบัติ ทเี่ กี่ยวกับการวัดและประเมินผล

โรงเรียนโดยการอ้างอิงเกณฑ์ของกระทรวง

2. การส่งเสริมให้ครูจดั ทาแผนการวดั และประเมินผล แต่ละ 94.74 ดีมาก

รายวชิ า

3. การพฒั นาเครื่องมือวัดและประเมนิ ผลให้ได้มาตรฐานการศึกษาและ

สอดคล้องกบั หลักสตู รสถานศึกษา 89.47 ดี

4. การส่งเสริมใหค้ รูดาเนนิ การวดั และประเมนิ ผล การเรียนการสอน

โดยเน้นประเมินตามสภาพจริง 94.74 ดมี าก

5. การจัดให้มกี ารเทียบโอนความรูท้ ักษะประสบการณ์และผลการเรียน

จากสถานศึกษาอืน่ ๆ ตามทกี่ ระทรวงกาหนด 100 ดมี าก

องคป์ ระกอบย่อยที่ 5.4 การวิจยั เพื่อการพฒั นา 89.47 ดี

1. การวเิ คราะห์วจิ ยั เพ่ือพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นรู้ ในแต่ละกลมุ่

สาระอย่างทวั่ ถึง

2. การเผยแพร่ผลงานทางวิชาการงานวิจยั หรือพฒั นาคุณภาพการเรียน 63.16 พอใช้

การสอนกบั โรงเรียน หนว่ ยงาน และสถาบันอนื่

3. การศึกษาวเิ คราะห์วจิ ยั เพื่อพัฒนาคณุ ภาพการบรหิ ารงานวชิ าการ

เป็นภาพรวมของโรงเรียน 89.47 ดี

4. การสง่ เสริมใหค้ รูศึกษาวเิ คราะห์วิจยั เพ่อื พัฒนาคุณภาพการเรยี นรูใ้ น

แตล่ ะกลุ่มสาระการเรียนรู้ 100 ดีมาก

องค์ประกอบย่อยที่ 5.5 การพฒั นาสอ่ื นวตั กรรม

1. การจัดหาสือ่ และเทคโนโลยีในการจัดการเรยี นการสอน โดยการเกบ็ 100 ดมี าก

ข้อมลู ตา่ ง ๆ ไว้ เพ่ือให้ความสะดวกรวดเร็วในการปฏบิ ตั งิ าน

2. การวเิ คราะห์กระบวนการดาเนินงานสารสนเทศโดยการจัดเกบ็ ใน

รูปแบบทส่ี ามารถเผยแผแ่ ละใชไ้ ดต้ ลอดเวลา เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพใน 94.74 ดมี าก

การทางานทาให้โรงเรียนสามารถแขง่ ขนั กับองคก์ รอน่ื ๆ ได้

114

ตารางที่ 3 (ต่อ)

ตัวบง่ ช้ี ร้อยละ ระดบั
รายการประเมินเกณฑ์การพิจารณา ของการประเมินตามเกณฑ์ คุณภาพ
ดมี าก
3. การนาระบบเทคโนโลยแี ละการส่ือสารมาประยกุ ตใ์ ช้ 100
กับการบริหารทาใหโ้ รงเรยี นสามารถแข่งขันกับองค์กร ดีมาก
อ่นื ๆ ได้ 100 ดมี าก
100
องค์ประกอบย่อยที่ 5.6 การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ดมี าก
1. การสนับสนุนส่งเสริมใหค้ รูผลติ พฒั นาสอ่ื และ 94.74
นวตั กรรมเพื่อใช้ในการจดั การเรียนการสอน ดีมาก
2. การสง่ เสริมใหค้ รมู ีการจัดตง้ั และพัฒนาแหล่งเรยี นรู้ 100 ดีมาก
ท่ีใช้รว่ มกนั ครอบคลมุ ภมู ิปัญญาท้องถ่นิ อนั ก่อใหเ้ กดิ 100
องค์ความรใู้ หม่ 89.47 ดี
3. การสารวจแหล่งเรียนรทู้ ั้งภายในและภายนอก
โรงเรียน เพอ่ื จดั ทาเอกสารเผยแพรแ่ หลง่ เรียนรู้ใหแ้ ก่ครู 100 ดีมาก
หนว่ ยงาน สถานศกึ ษาอื่นๆ 100 ดีมาก
94.74 ดมี าก
องค์ประกอบย่อยท่ี 5.7 การนิเทศการศึกษา
1. การนิเทศติดตามกระบวนการเรยี นการสอน 94.74 ดีมาก
2. การจัดระบบการนิเทศงานวชิ าการและการเรยี นการ
สอนในรูปแบบท่ีหลากหลายเหมาะสมกับโรงเรียน 94.74 ดีมาก
3. การแลกเปลยี่ นเรียนรู้ ประสบการณ์ เพอื่ พัฒนาระบบ
และกระบวนการนิเทศของโรงเรยี นกบั หน่วยงานตน้
สงั กัด

องคป์ ระกอบยอ่ ยท่ี 5.8 การแนะแนวการศกึ ษา
1. การการจัดระบบประเมินผลแนะแนวทางวิชาการใน
โรงเรียน โดยความรว่ มมือของครูทุกคนในโรงเรียน
2. การใหค้ วามรว่ มมือและแลกเปล่ียนเรยี นร้ปู ระสบการณ์
ด้านการแนะแนวการศกึ ษากบั สถาบนั อ่นื ๆ
3. การติดตามและประเมนิ ผลการจดั ระบบการแนะแนว
การศกึ ษาในโรงเรียน

องคป์ ระกอบย่อยท่ี 5.9 การพัฒนาระบบประกัน
1. การจัดระบบโครงสรา้ งองค์กรได้สอดคล้องเหมาะสม
กบั การประกันคุณภาพภายในโรงเรยี นเพ่อื รองรบั การ
ประเมินในรอบต่อไป
2. การวางแผนพัฒนาระบบประกนั คุณภาพภายในให้
บรรลุตามเปา้ หมายความสาเร็จของโรงเรียน

115

ตารางที่ 3 (ต่อ)

ตวั บ่งช้ี ร้อยละ ระดับ
รายการประเมนิ เกณฑก์ ารพิจารณา ของการประเมินตามเกณฑ์ คณุ ภาพ
ดมี าก
3. การพฒั นาแผนงาน การติดตาม ตรวจสอบและ 100
ประเมนิ คุณภาพภายในเพื่อปรับปรุงพัฒนาอย่าง ดี
ต่อเนอ่ื ง 89.47
4. การประสานความรว่ มมอื กับเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาใน ดมี าก
การปรบั ปรุงและพัฒนาระบบประกนั คุณภาพภายใน 100
ดมี าก
องค์ประกอบย่อยที่ 5.10 การการส่งเสริมความรู้ด้าน 100 ดีมาก
วิชาการแกช่ ุมชน 100
1. การศกึ ษาสารวจความต้องการในเครือขา่ ย เพอ่ื การ ดมี าก
สนบั สนนุ สง่ เสรมิ ทักษะทางงานวชิ าการกบั องคก์ รอ่นื 100
ในชุมชน ดมี าก
2. สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนในชุมชนท้องถ่นิ เข้ามามสี ว่ นร่วม 100
ในการจดั กิจกรรมทางวชิ าการของโรงเรียน ดีมาก
3. การส่งเสรมิ และสนบั สนนุ งานวิชาการแก่บุคคล 100
ครอบครัว องค์กรและหน่วยงานอืน่ ๆ ท่ีจดั การศึกษา ดมี าก
100
องค์ประกอบย่อยท่ี 5.11 การประสานความร่วมมือ
1. การสรา้ งความสมั พันธ์ทด่ี ีระหวา่ งบ้านกับโรงเรียน
โดยใหผ้ ูป้ กครองและชุมชนเข้ามามสี ว่ นร่วมในกิจกรรม
วันสาคญั
2. การสรา้ งให้ผูป้ กครองไดแ้ สดงความคดิ เห็นในการ
พัฒนานกั เรียนใหเ้ ปน็ ผ้มู คี วามรู้ ความสามารถและมี
พฤติกรรมตามคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
3. การให้ผู้ปกครองและชมุ ชนมสี ่วนร่วมในการปรกึ ษา
วางแผนดูแลนักเรยี นระหว่างครแู ละผู้ปกครองโดยการ
จัดประชุมผู้ปกครอง
4. การท่ีผ้ปู กครองและชมุ ชนมสี ว่ นร่วมในการสนบั สนนุ
กิจกรรมของผู้เรยี นเปน็ การสรา้ งความสมั พันธ์กบั ชุมชน
อย่างต่อเนือ่ ง

116

ตารางที่ 3 (ตอ่ )

ตัวบ่งช้ี ร้อยละของ ระดบั
รายการประเมนิ เกณฑ์การพจิ ารณา การประเมนิ ตามเกณฑ์ คณุ ภาพ

องคป์ ระกอบย่อยที่ 5.12 การสง่ เสรมิ สนบั สนนุ วิชาการ 94.74 ดีมาก
กับสถานศึกษาอ่นื
1. การสง่ เสรมิ ความคิดและเทคนคิ ทักษะทางวชิ าการ 100 ดีมาก
โดยให้ประชาชนเข้ามามีสว่ นร่วมในการจดั กิจกรรมทาง 100 ดีมาก
วชิ าการของโรงเรยี น
2. การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ประสบการณ์ ระหวา่ งบคุ คล 100 ดมี าก
ครอบครัว ชมุ ชน ท้องถิน่ อย่างเสมอ
3. การสร้างเครือข่ายในการพัฒนาวิชาการกับโรงเรียน 94.74 ดมี าก
ของรฐั และองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ อืน่ ๆ 84.21 ดี
94.74
องค์ประกอบย่อยที่ 5.13 การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม 94.74 ดีมาก
ในโรงเรียน ดีมาก
1. มีการสนับสนุนสง่ เสริมการรักษาความสะอาด 100
ทางด้านจติ ใจโดยการพัฒนาให้ผอ่ งใสอยู่เสมอ 94.74 ดีมาก
ทง้ั รา่ งกาย กายภาพและสิ่งแวดล้อม 89.47 ดมี าก
2. สนบั สนุนส่งเสรมิ ให้นักเรยี นมีความสนใจใฝ่เรียนรทู้ ี่ 100
จะเรียนรูส้ ิ่งใหม่ๆ ดี
3. นักเรยี นมีความเชื่อมัน่ ในตนเอง เชน่ เข้าใน ดมี าก
กระบวนการทางานใหเ้ กิดความสาเรจ็
4. นักเรียนมที ักษะในการดาเนนิ ชีวิตอยา่ งเป็นระบบ
มากขน้ึ
5. นักเรียนประพฤตปิ ฏบิ ัตติ นในทานองครองธรรม
มคี ุณธรรมจริยธรรม (รกั ษาศีล) วิถีชวี ิตในศาสนาที่ตน
นับถือ
6. มีความกตญั ญู เสยี สละ มีความสามัคคี เป็นนา้ หน่งึ
ใจเดยี วและมีกิจกรรมที่ดงี ามในสังคมอยู่เสมอ
7. มคี วามสมั พนั ธท์ ่ดี ีกับกับสงั คมรอบขา้ งและผูอ้ ืน่
8. มคี วามเป็นประชาธปิ ไตยปฏิบัติตามสิทธฺ แิ ละหน้าท่ี
ใชห้ ลกั การและเหตุผลในการแก้ปญั หาที่มคี วาม
สอดคลอ้ งกบั หลักธรรมาภิบาล
9. มีจติ ใจโอบอ้อมอารมี งุ่ กศุ ลทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ ่อ
สว่ นรวม

117

ตารางท่ี 3 (ต่อ)

ตวั บง่ ชี้ รอ้ ยละของ ระดบั
รายการประเมิน เกณฑ์การพิจารณา การประเมนิ ตามเกณฑ์ คุณภาพ

10. มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ประหยัด อดทน 100 ดีมาก
อดออม อุตสาหะ รับผิดชอบและมีน้าใจ เพ่ือให้เกิด
ความคมุ้ คา่ มปี ระโยชนม์ ากท่สี ดุ

องค์ประกอบที่ 6 การพัฒนาการบริหารงานวิชาการ 94.74 ดมี าก
องคป์ ระกอบย่อยที่ 6.1 การระบุเปา้ หมาย
1. การวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อม 100 ดีมาก
และปญั หาทสี่ ่งผลตอ่ การดาเนนิ งานวชิ าการ 100 ดีมาก
2. การกาหนดวสิ ัยทศั น์ 94.74 ดีมาก
3. การกาหนดพันธกจิ
4. การกาหนดเป้าประสงค์ 100 ดมี าก

องค์ประกอบย่อยท่ี 6.2 การจัดทาแผนกลยุทธ์ 100 ดมี าก
1. การกาหนดกลยุทธ์ใหส้ อดคลอ้ ง 100 ดีมาก
กับวสิ ยั ทศั น์ พันธกจิ เป้าประสงค์ 100 ดมี าก
2. การจัดลาดับความสาคัญของกลยทุ ธ์ 100 ดีมาก
3. การกาหนดแนวทางการดาเนนิ งานตามกลยุทธ์ 100 ดีมาก
4. การกาหนดระยะเวลาการดาเนนิ งานตามกลยทุ ธ์
5. การกาหนดงบประมาณทใี่ ช้ในการดาเนนิ งานตาม 100 ดีมาก
กลยทุ ธ์ 100 ดีมาก
6. การกาหนดผูร้ บั ผิดชอบในการดาเนนิ การตามกลยทุ ธ์
100 ดมี าก
องค์ประกอบย่อยที่ 6.3 การปฏบิ ัติงานตามแผนกลยุทธ์ 100 ดีมาก
1. การประสานงานการดาเนินงานตามแผนกลยทุ ธ์
2. การทบทวนเพ่ือปรับปรุงหรอื เปลีย่ นแปลงหรอื ความ
ตอ่ เน่ืองการดาเนินงานตามกลยุทธ์

องค์ประกอบย่อยท่ี 6.4 การส่งเสริม ควบคมุ กากบั ติดตาม นเิ ทศ
1. การควบคมุ สง่ เสริมการดาเนนิ งานตามกลยทุ ธ์
2. การกากับ ติดตาม นิเทศการดาเนนิ งานตามกลยุทธ์

118

ตารางที่ 3 (ต่อ)

ตัวบง่ ชี้ รอ้ ยละของ ระดบั
รายการประเมิน เกณฑก์ ารพิจารณา
การประเมินตามเกณฑ์ คุณภาพ
องคป์ ระกอบย่อยที่ 6.5 การตรวจสอบและประเมนิ ผล
1. การวางกรอบการตรวจสอบและประเมนิ ผล 100 ดีมาก
2. การจดั หา จดั ทาเคร่ืองมือ 100 ดมี าก
3. การจัดเก็บ การรวบรวมข้อมลู 100 ดมี าก
4. การวิเคราะหข์ ้อมูลและการแปลความหมาย 100 ดีมาก
5. การตรวจสอบและปรบั ปรุงคุณภาพเครอ่ื งมือ 100 ดมี าก

องค์ประกอบย่อยที่ 6.6 การสะท้อนผลรายงานผลการดาเนินงานและนาผลประเมินไปใช้

1. การนาเสนอผลการประเมินตอ่ ผทู้ ีเ่ ก่ียวข้อง 100 ดีมาก

2. การจดั ทารายงานผลการประเมนิ เผยแพร่ 94.74 ดีมาก

3. การจัดทาข้อมูลสารสนเทศท่ีสามารถใช้สะดวก 100 ดมี าก

รวดเร็วเป็นปัจจบุ ัน

4. การนาผลการประเมินไปใช้ 100 ดมี าก

จากตารางที่ 3 ผลการประเมินการทดลองใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อ
ยกระดับคุณภาพผู้เรียนทุกองค์ประกอบทั้งองค์ประกอบหลักและองค์ประกอบย่อยมีระดับคุณภาพ
ทางการบรหิ ารงานวชิ าการอยูใ่ นระดับดีและดีมาก ยกเว้นองค์ประกอบเดียวคือ การเผยแพร่ผลงาน
ทางวิชาการ งานวิจัยหรอื พัฒนาคณุ ภาพการเรียน ในองคป์ ระกอบท่ี 5 อยใู นระดับพอใช้

บทที่ 5

การสรปุ การปภิปราย และขอ้ เสนอแนะ

การวิจัย การพฒั นารปู แบบบรหิ ารงานวิชาการเพอื่ ยกระดับคุณภาพผู้เรียน โรงเรียน
การกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันของ
รูปแบบการบริหารงานวิชาการ เพ่ือสร้างรูปแบบการบริหารงานวิชาการ เพื่อตรวจสอบรูปแบบการ
บริหารงานวชิ าการ และเพือ่ ศกึ ษาแนวทางการนาเสนอรปู แบบการบรหิ ารงานวชิ าการ

การวิจัยการพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการ เพ่ือยกระดับคุณภาพผู้เรียนโรงเรียน
การกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ มีขั้นตอนดาเนินการประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1
การศึกษาองค์ประกอบเก่ียวกับการบริหารงานวิชาการท่ีมีคุณภาพของโรงเรียน โดยศึกษาจาก
เอกสารทางวิชาการ งานวิจัยท่ีเกี่ยวกับองค์ประกอบการบริหารวิชาการที่มีคุณภาพ ได้กรอบแนวคิด
ไปจัดทาแบบสัมภาษณ์และแบบสังเกตการศึกษาตัวแบบสถานศึกษา นาแบบสัมภาษณ์ไปสัมภาษณ์
เชิงลึกกับโรงเรียนในสังกัดสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน โดยเจาะจงเฉพาะ
โรงเรียนท่ีได้รับรองมาตรฐานจากสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.)
มีผลการประเมินในระดบั ดมี าก จานวน 5 โรงเรียนๆ ละ 4 คน คือ ผู้อานวยการ รองผู้อานวยการฝา่ ย
วิชาการ หัวหน้างานที่เกี่ยวข้องกับงานวิชาการ และครูผู้สอน จากน้ันสร้างแบบสอบถามไปเก็บข้อมูล
เชิงปริมาณกับกลุ่มตัวอย่าง ที่สุ่มอย่างง่ายได้ 13 โรงเรียน จากประชากร 14 โรงเรียนๆ ละ 4 คน
ประกอบด้วย ผู้อานวยการ รองผู้อานวยการ หัวหน้างานวิชาการ หัวหน้ากลุ่มสาระ รวมทั้งสิ้น 52 คน
ขั้นตอนที่ 2 หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามแล้ว นาผลการวิเคราะห์ไปจัดสนทนากลุ่ม
(Group Discussion) จากผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อจัดทารูปแบบการบริหารงานวิชาการท่ีมีคุณภาพของ
โรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา สังกัดสานักงานการศึกษาเอกชน และขั้นตอนที่ 3 สร้าง
คู่มือการดาเนินงานตามรูปแบบและทดลองใช้จริง สุดท้ายพัฒนารูปแบบที่ปรับปรุงแล้วไปเผยแพร่
ตอ่ ไป

สรุปผลการวจิ ยั

จากผลการวจิ ัย สามารถสรุปผลการศึกษาไดด้ งั นี้
1. ผลการศึกษา สภาพปัจจุบันของรูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับ
คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ สรุปผลการศึกษา
ดังนี้ สภาพการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัด
ภาคใต้ จากการวิเคราะห์แบบสอบถามได้ความสอดคล้องของความคิดเห็น โดยใช้ค่าพิสัยระหว่าง
ควอไทส์ (Interquatile Range) พบว่า ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญท่ีมีต่อการดาเนินงานของ
โรงเรียนสอดคล้องกันในทุกประเด็นของการพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการ เพื่อยกระดับ
คุณภาพผู้เรียน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านภาวะผู้นาทางวิชาการ 2) ด้านการมีส่วนร่วมในการ

119

120

บริหารงานวิชาการ 3) ด้านการพัฒนาทีมงานวิชาการ 4) ด้านกระบวนการบริหารงานวิชาการตาม

แนวคิดดุลยภาพ และ 5) ด้านขอบข่ายการบริหารงานวิชาการ ผู้บริหารต้องพัฒนาโรงเรียนด้วยการ

กาหนดยุทธศาสตร์ของโรงเรียน ด้วยข้อมูลจากสภาพแวดล้อมของโรงเรียน และการดาเนินการ

จะต้องจดั ให้เกดิ การมีส่วนร่วมของผู้มสี ว่ นได้สว่ นเสยี ท้ังจากภายในและภายนอกโรงเรียน และตัวแปร

ด้านตาแหน่งผู้อานวยการกับตาแหน่งปฏิบัติการมีความแตกต่างกัน ด้านการกระจายอานาจให้

บุคลากรระดับต่างๆ เพ่ือให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานวิชาการ มีความแตกต่างกันอย่างมี

นัยสาคัญ 2. ผลการสร้างรูปแบบการบริหารงาน

วชิ าการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนการกศุ ลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้

และตรวจสอบยืนยัน ได้ผลสรุปดังนี้ การนารูปแบบไปทดลองใช้กับโรงเรียนแจง้ วทิ ยา ในขอบข่ายการ

บริหารงานวิชาการเพ่ือยกระดับคุณภาพผู้เรียนโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขต

จังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย 1) การบริหารงานวิชาการ 2) กระบวนการ

พัฒนาการเรียนรู้ 3) การวัดประเมินผล 4) การวิจัย เพ่ือการพัฒนา 5) การพัฒนาสื่อ

นวตั กรรม 6) การพัฒนาแหลง่ เรยี นรู้ 7) การนิเทศการศึกษา 8) การแนะแนวการศกึ ษา 9)

การพัฒนาระบบประกัน 10) การส่งเสรมิ ความรู้ด้านวชิ าการแก่ชมุ ชน 11) การประสาน

ความร่วมมือ 12) การส่งเสริมสนับสนุนวิชาการกับสถานศึกษาอ่ืน และ 13) การพัฒนา

คุณธรรมจริยธรรมในสถานศึกษาซ่ึงได้จากข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิ และได้ร่างรูปแบบการ

บริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียนโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขต

จังหวัดภาคใต้ มีองคป์ ระกอบและรายละเอียดของรปู แบบ มี 5 ข้ันตอนประกอบด้วย 1) หลักการ 2)

วัตถุประสงค์ 3) ระบบงานและกลไก 4) เง่ือนไขการนารูปแบบไปใช้ และ 5) ผลการตรวจสอบ

รปู แบบโดยผูท้ รงคุณวฒุ ิ

3. ผลการนารูปแบบการบริหารงานวิชาการเพ่ือยกระดับคุณภาพผู้เรียน โรงเรียน
การกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ ในการตรวจสอบรูปแบบการบริหารงาน

วชิ าการ และการตรวจสอบรปู แบบกระทาโดยการนาคู่มือรูปแบบการบริหารงานวิชาการไปทดลอง
ใช้กับโรงเรียนแจ้งวิทยา ได้ผลการประเมินคุณภาพการทดลองใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อ
ยกระดับคุณภาพผู้เรียน มีตัวบ่งช้ีรายการประเมินทุกองค์ประกอบ อยู่ในระดับคุณภาพดีและดีมาก

มีเพียงประเด็นเดียวท่ีอยู่ในระดับพอใช้คือ การเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ งานวิจัย หรือพัฒนา
คุณภาพการเรียนการสอนกับโรงเรียนหน่วยงานและสถาบันอ่ืน ผลการศึกษาแนวทางการนาเสนอ
รูปแบบการบริหารงานวิชาการ เพ่ือยกระดับคุณภาพผู้เรียนโรงเรียนการกุศลของวัดนพระพุทธ

ศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ ผู้วิจัยได้เสนอรูปแบบการบริหารในรูปการบริหารเชิงกลยุทธ์ (Strategic
Managemet) และใช้การประเมินผลด้วยวงจรเดมมิ่ง PDCA จากการศึกษาเอกสาร การสัมภาษณ์
การวิเคราะห์จากแบบสัมภาษณ์ การจัดประชุมกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ ทาให้ได้แนวทางการนาเสนอ

รูปแบบการบริหารงานวิชาการ โดยการนากลยุทธ์ไปปฏิบัติในการเรียนการสอน การบูรณาการ
การสอนความรู้คู่คุณธรรมโดยนาเสนอรูปแบบการบริหารงานวิชาการเพอ่ื ยกระดับกับคุณภาพผู้เรียน

121

ประกอบด้วย คือ 1) ด้านภาวะผู้นาทางวิชาการ (Leadership) 2) ด้านการมีส่วนร่วมในการ
บ ริห ารงาน วิช าก าร (Participation) 3) ด้ าน ก ารพั ฒ น าที ม งาน วิช าก าร (Teamwork)
4) ด้านกระบวนการบริหารงานวิชาการ (Process)และ 5) ด้านขอบข่ายการบริหารงานวิชาการ
(Scope) หรือเรียกว่า LPTPS model ประการสาคัญผู้บริหารจะต้องให้ความสาคัญกับการพัฒนา
งานวจิ ยั สร้างผลงานทางวิชาการของครูให้มากข้นึ จึงจะช่วยให้มีการพฒั นาการเรียนการสอนได้ดีขนึ้

อภปิ รายผลการวจิ ัย

การวิจัยครงั้ นี้ ผวู้ จิ ยั ไดอ้ ภิปรายผลตามวัตถปุ ระสงค์ทั้ง 3 ขอ้ ดังนี้
1. สภาพปัจจุบันของรูปแบบการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนการกุศลของวัดใน
พระพุทธศาสนา มีสถานการณ์ปัจจุบันผู้บริหารได้พัฒนาโรงเรียนด้วยการกาหนดยุทธศาสตรข์ องโรงเรียน
ด้วยข้อมูลจากสภาพแวดล้อมของโรงเรียน และการดาเนินการจะต้องจัดให้เกิดการมีส่วนร่วมของผู้มี
ส่วนได้ส่วนเสีย ท้ังจากภายในและภายนอกโรงเรียน สอดคล้องกับสานักนโยบายและยุทธศาสตร์
(2553, น. 102) เสนอว่า บุคลากรในสถานศึกษา ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมในการกาหนดและ
พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา สถานศึกษาใช้ยุทธศาสตร์ที่หลากหลายเพื่อสนองตอบความแตกต่างทาง
วัฒนธรรม ทักษะ ความสนใจและความต้องการของผู้เรียน และสอดคล้องกับผลการวิจัยของ สุนทร
เกิดแก้ว (2541, น. 111) พบว่า กระบวนการประชุมเชิงปฏิบัติการของผู้แทนกลุ่มหลายประเภท
หลายระดับ ซ่ึงต่างก็มีส่วนเก่ียวข้องกับเร่ืองนั้น มาร่วมกันทางานโดยนาประสบการณ์ของแต่ละคน
มาสรา้ งวสิ ัยทัศน์ร่วมกันในเรอ่ื งน้ัน และได้วางแผนหรือแนวทางปฏิบัติให้ไปถึงวิสัยทัศน์รว่ มของกลุ่ม
โดยมีจิตสานึกพันธสัญญาร่วมกันเป็นกระบวนการท่ีใช้อนาคตเป็นจุดประสงค์ท่ีเต็มไปด้วยความ
ระมัดระวังในการทางาน ในการดาเนินการตามยุทธศาสตรข์ องโรงเรียนจะต้องกาหนดโครงสร้างของ
องค์กรให้ชัดเจน จัดต้ังทีมงาน มอบหมายงานในการดาเนินงานอย่างชัดเจน การดาเนินงานจะ
มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะต้องมีการจัดระบบสารสนเทศให้ง่ายต่อการใช้งาน สร้างการรับรู้ทั่วกัน
เพ่ือความโปร่งใสในการทางานร่วมกัน ส่งเสริมให้มีการจัดหาแหล่งเรียนรู้มากขึ้น มีการสร้างนวัตกรรม
การสอนใหม่ๆ อยู่เสมอ สอดคล้องกับสานักนโยบายและยุทธศาสตร์ (2553, น. 105) ผู้เรียนควรสามารถ
เรียนรู้ได้จากแหล่งวิทยาการประเภทต่างๆ อย่างหลากหลายและกว้างขวางท่ีมีอยู่ในบ้าน โรงเรียน
ชุมชน และโลก ดังน้ัน ส่ือการเรียนรู้จาเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่าง
แท้จริง และกาหนดให้ครูผู้สอนมีการทาวิจัยในช้ันเรียน เพ่ือพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนอย่าง
ต่อเนือ่ ง
2. การสร้างรูปแบบการบริหารวิชาการท่ีมีคุณภาพ การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบ
สัมภาษณ์และผลจากการสนทนากลุ่ม ผู้วิจยั ได้นาเสนอคู่มือการทดลองใช้เป็นรูปแบบการบริหารวชิ าการ
ที่มีคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา ในเขตจังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย
คาช้ีแจงการใช้คู่มือ ลักษณะของคู่มือ วัตถุประสงค์ของคู่มือ การวัดและประเมินผล ส่วนการ
ดาเนินงานตามขอบข่ายการบริหารงานวิชาการ มี 5 ด้าน คือ 1) ด้านภาวะผู้นาทางวิชาการ
2) ด้าน การมีส่วน ร่วมใน การบ ริห ารงาน วิช าการ 3) ด้าน การพั ฒ น าที มงาน วิช าการ
4) ด้านกระบวนการบริหารงานวิชาการตามแนวคิดดุลยภาพ และ 5) ด้านขอบข่ายการบริหารงาน

122

วิชาการ ซ่ึงประกอบด้วยองค์ประกอบย่อย 1 2 ด้าน คือ 5.1) การบริหารงานวิชาการ
5.2) กระบวนการพัฒนาการเรียนรู้ 5.3) การวัดผลประเมินผล 5.4) การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพ
การศึกษา 5.5) การพัฒนาส่ือนวัตกรรม 5.6) การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ 5.7) การนิเทศการศึกษา
5.8) การแนะแนวการศึกษา 5.9) การพัฒนาระบบประกัน 5.10) การส่งเสริมความรู้ด้านวิชาการแก่
ชุมชน 5.11) การประสานความร่วมมือ 5.12) การส่งเสริมสนับสนุนวิชากับสถานศึกษาอื่นๆ และ
5.13) การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมในโรงเรียน สาหรับองค์ประกอบย่อยที่ 5.13 ได้เพ่ิมเติมจาก
ข้อเสนอของผู้ทรงคุณวุฒิและข้อเสนอแนะจากแบบสัมภาษณ์ เพ่ือให้กระบวนการเรียนการสอนต้อง
สอดแทรกคุณธรรมและจรยิ ธรรมไปด้วย

นอกจากนี้คู่มือได้กาหนดบทบาทของผู้บริหารโรงเรียน ครูผนู้ าไปใช้ การดาเนินการ
ใช้คู่มือ ประกอบด้วย กระบวนการ วิธีดาเนินการ วิธีการพัฒนาพฤติกรรมท่ีต้องการวัดเกณฑ์การตัดสิน
ซึ่งได้กาหนดตัวบ่งชี้ เกณฑ์การประเมิน และจัดทาแบบประเมินการใช้คู่มือแต่ละด้านไว้ด้วย
(รายละเอียดดูภาคผนวก ข) สอดคล้องกับ คีฟส์ (Keeves, 1988, p. 559) ท่ีได้ให้ความหมายของคาว่า
รปู แบบ หมายถึง ส่ิงที่แสดงโครงสร้างของความเกี่ยวข้องระหว่างชุดของปัจจัยหรือตัวแปรต่างๆ หรือ
องค์ประกอบท่ีสาคัญในเชิงความสัมพันธ์หรือเหตุผลซึ่งกันและกัน เพื่อช่วยให้เข้าใจข้อเท็จจริง หรือ
ปรากฏการณ์ในเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงโดยเฉพาะ และสอดคล้องกับผลการวิจัยของปริชาติ ชมชื่น (2555, น.
12) พบว่า ได้สรุปองค์ประกอบของรูปแบบไว้ว่า ควรมีองค์ประกอบหลัก คือ 1) วัตถุประสงค์ของ
รูปแบบ 2) ทฤษฎพี ื้นฐานและหลักการของรูปแบบ 3) ระบบงานและกลไกของรูปแบบ 4) วิธีดาเนนิ งาน
ของรูปแบบ และ 5) แนวการประเมินรูปแบบโดยมีคาอธิบายศัพท์เฉพาะประกอบรูปแบบ พร้อมมี
เงอื่ นไขการนารปู แบบไปใช้

3. การนารูปแบบการบริหารงานวิชาการ กระทาโดยการนาคู่มือรูปแบบการ
บริหารงานวิชาการไปทดลองใช้กับโรงเรียนแจ้งวิทยา ได้ผลการประเมินคุณภาพการทดลองใช้
รูปแบบการบริหารงานวชิ าการ เพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา
ในเขตจังหวัดภาคใต้ มีตัวบ่งช้ีรายการประเมินทุกองค์ประกอบ อยู่ในระดับคุณภาพดีและดีมาก มี
เพียงประเด็นเดียวที่อยู่ในระดับพอใช้ คือ การเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ งานวิจัย ห รือพัฒนา
คุณภาพการเรียนการสอนกับโรงเรียน หน่วยงานและสถาบันอื่น (รายละเอียดในภาคผนวก ง)
สอดคล้องกบั ผลการวจิ ัยของ วัชรศักดิ์ สงค์ปาน (2558, น.145) พบว่า ผลการตรวจสอบรูปแบบการ
บริหารโรงเรียนเพื่อบรรลุผลการประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนมัธยมศึกษาภาคใต้ฝ่ังอันดามัน
พบว่า รูปแบบการบริหารโรงเรียนเพื่อบรรลุผลการประกันคุณภาพภายในของโรงเรียนมัธยมศึกษา
ภาคใต้ ฝ่ังอันดามนั ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ มีความคิดเหน็ ต่อรายละเอียดขององค์ประกอบ
รูปแบบการบริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาภาคใต้ฝ่ังอันดามันอยู่ในระดับมากและมากที่สุดอย่างเป็นเอก
ฉันท์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ สมาน อัศวภูมิ (2550, น. 9) ได้เสนอแนวทางในการตรวจสอบ
รูปแบบท่ีเป็นขนั้ ตอนสุดท้ายของการวจิ ัยและพัฒนารูปแบบไว้ อาจใช้วิธีใดวิธีหน่ึงจาก 3 วิธดี ังน้ี คือ
1) การตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ โดยผู้วิจัยจะนาเสนอรูปแบบที่พัฒนาข้ึนต่อผู้ทรงคุณวุฒิ 15-20
คน พร้อมกับแบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบ ตลอดจนข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
ต่างๆ 2) การตรวจสอบโดยการประชุมสัมมนา โดยผู้วิจัยจัดประชุมสัมมนาบุคคลที่เก่ียวข้อง
ผู้ทรงคุณวุฒิ แล้วนาเสนอรูปแบบที่พัฒนาขึ้น เสร็จแล้วให้ผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนา วิพากษ์ ประเมิน

123

รูปแบบท้ังในด้านความเหมาะสมและความเป็นไปได้ และให้ข้อเสนอแนะต่อไป 3) การตรวจสอบ
โดยการทดลอง โดยผู้วิจัยดาเนนิ การทดลองใช้รปู แบบท่ีพัฒนาข้นึ ในสภาพจริง หรอื เหตุการณ์จาลอง
ตามแบบแผนที่ออกแบบไว้ เพื่อสังเกต รวบรวมข้อมูล และความเห็นต่อผู้เกี่ยวข้อง เพื่อนาไปใช้ในการ
ปรับปรุงรูปแบบตอ่ ไป นั่นแสดงว่า ผู้บริหารจะต้องให้ความสาคัญกับการพัฒนางานวิจัย สร้างผลงาน
ทางวิชาการของครูให้มากขึ้น จึงจะช่วยให้มีการพัฒนาการเรียนการสอนได้ดีขึ้น โดยการระดมความ
คดิ เห็นของผู้สอนแต่ละกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ด้วยการนากลยุทธ์ไปปฏิบัติในการเรียนการสอน การบูร
ณาการการสอนความรู้คู่คุณธรรม ซึ่งสอดคล้องกับ จันจิรา ทวีพลายนต์ (2 559, น. 164)
ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 10 และฉบับที่ 11 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพคน
ในสงั คมทกุ กลุ่มทุกวัยอย่างเปน็ องคร์ วมดา้ นคุณธรรมจรยิ ธรรม การนาแนวทางรูปแบบการบรหิ ารงาน
วิชาการไปใช้ในแต่ละสถานศึกษา ก็จะมีความแตกต่างกันตามบริบทของแต่ละสถานศึกษาน้ันๆ อย่างไรก็
ตาม เม่ือมีการปฏิบัติการสอนเสร็จแล้ว มีการวัดและประเมินผล เพ่ือนาผลมาปรับปรุง
ในกระบวนการต่างๆ อยู่ตลอดทุกครั้งอย่างต่อเน่ือง และสอดคล้องกับงานวิจัยของ อดุลย์ สุชิรัมย์
(2555, น. 134-135) ท่ีได้ศกึ ษาการพัฒนาโมเดลประสทิ ธิผลการประกันคุณภาพภายในการศึกษาข้ัน
พ้ืนฐาน พบว่า ปัจจัยด้านการจัดระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
ประกอบด้วย ตัวบ่งช้ี 5 ตัวแปร ได้แก่ การจัดระบบข้อมูลสารสนเทศ การจัดทาแผนพัฒนาการ
ดาเนินงานตามแผนพฒั นาการตรวจสอบและทบทวน และการประเมินคุณภาพการศึกษา

ข้อเสนอแนะ

ข้อเสนอแนะในการนาผลการวจิ ยั ไปใช้
จากการศึกษาการพัฒนารูปแบบการบรหิ ารงานวิชาการเพ่ือยกระดับคุณภาพผูเ้ รียน
โรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ ซ่ึงทาให้ทราบถึงแนวทางในการ
บริหารงานวชิ าการของโรงเรียนการกุศลในเขตภาคใต้ สามารถนาคู่มือไปพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี นและใช้
ประโยชนก์ บั โรงเรยี นการกศุ ลและหน่วยงานอ่นื ๆ ทีม่ ีความเกย่ี วขอ้ งกับการจดั การศึกษาดงั นี้
1. โรงเรียนสามารถนาผลของการวิจัยไปใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการศึกษา
เพ่ือยกระดับคุณภาพผู้เรียน โดยการมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร จัดบรรยากาศภายในโรงเรียน
เพื่อส่งเสริมให้เกิดเรียนรู้โดยผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ โดยตรง และมีการทดสอบผลการพัฒนา
คุณภาพผู้เรียนอย่างตอ่ เน่ือง
2. โรงเรียนในกลุ่มการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา สามารถนาผลของการวิจัย
ไปพัฒนาด้านผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน อันมีวิชาการควบคู่กับคุณธรรมจริยธรรม ในการพัฒนาผู้เรยี น
โดยมแี ผนปฏบิ ตั ิการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี นประจาปกี ารศกึ ษา
3. ผู้บริหารโรงเรียนนาแนวทางการบริหาร เพ่ือยกระดับคุณภาพผเู้ รียน โดยการนา
ผลจากการวิจัยไปกาหนดแนวทางในการเผยแพร่ผลงานการวิจัย เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการ
สอน เป็นการช่วยพัฒนาคณุ ภาพการเรียนการสอนได้ดี
4. ผู้บริหารโรงเรียนนาแนวทางการบริหารโดยการนาผลจากการวิจัยไปกาหนด
ยทุ ธศาสตร์ แผนงานและวิธกี ารบริหาร เพอ่ื ให้ทศิ ทางในการบรหิ ารจดั การมีความชัดเจนย่งิ ข้ึน

124

ขอ้ เสนอแนะในการวจิ ยั ครั้งต่อไป
1. ควรมีการวิจัยรูปแบบการบริหารงาน ในด้านกิจการนักเรียน ด้านบริหารงาน
บุคคล และด้านบริหารงานทั่วไป ของโรงเรียนกลุ่มการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา
2. ควรมีการวิจัยเชิงเปรียบเทียบการบริหารงานวิชาการระหว่างโรงเรียนการกุศล
ของวัดในพระพุทธศาสนากับโรงเรียนในสังกัดหน่วยงานอื่นๆ ที่จัดการศึกษาระดับการศึ กษา
ขนั้ พ้ืนฐาน

125

บรรณานกุ รม

กฤษฎา กัลปดี. (2559). การพัฒนาระบบการบรหิ ารผลการปฏิบัตงิ านทางวิชาการของโรงเรียน
ประถมศึกษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน. วทิ ยานิพนธป์ รัชญา
ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารและพฒั นาการศึกษา บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏ
มหาสารคาม, มหาสารคาม.

กาญจนา เรอื งมนตรี และ ธรนิ ธร นามวรรณ. (2554). การบรหิ ารวิชาการและนวัตกรรมการ
จัดการเรียนรู้. มหาสารคาม : อภิชาตการพิมพ.์

กดิ านันท์ มะลิทอง. (2545). เทคโนโลยีการศึกษาและนวัตกรรม. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย.

กิตติภพ ถาวร. (2559). การพฒั นารปู แบบการบริหารงานวิชาการแบบทมี งานในการพัฒนา
มาตรฐานการศึกษาของโรงเรยี นชมุ ชนเทศบาล 3 (พนิ จิ พิทยานสุ รณ์) สังกัดเทศบาล
นครพนม. วิทยานพิ นธ์การศึกษามหาบณั ฑติ สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัย
มหาสารคาม, มหาสารคาม.

กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2542). คาชี้แจงประกอบพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542.
กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์กรมศาสนา.

กลุ ชญา เท่ียงตรง. (2550). การบรหิ ารงานวชิ าการตามแนวปฏริ ูปการศกึ ษาของสถานศึกษา
ขนั้ พ้ืนฐาน สังกัดการปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน โรงเรียนเทศบาล เขตภาคการศกึ ษา 5.
วทิ ยานิพนธก์ ารศึกษามหาบัณฑติ สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา บัณฑติ วทิ ยาลัย
มหาวทิ ยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี, กาญจนบุรี.

คณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ, สานกั งาน. (2553). ปฏริ ปู การเรียนรผู้ ูเ้ รยี นเป็นสาคัญทีส่ ุด.
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์พิมพด์ .ี

_______. (2544). บรหิ ารสถานศึกษาต้นแบบ. กรุงเทพฯ: ว.ี ท.ี ชี คอมมวิ นเิ คชนั .
_______. (2545ก). แผนการศึกษาแหง่ ชาติ (พ.ศ.2545-2559) ฉบับสรุป. กรุงเทพฯ :

พรกิ หวานกราฟฟิค.
_______. (2545ข). พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบับท่ี 2)

พุทธศักราช 2545. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พค์ รุ ุสภาลาดพรา้ ว.
_______. (2550). แนวทางการกระจายอานาจการบรหิ ารและการจัดการศึกษาให้คณะกรรมการ

สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาและวธิ ีการกระจายอานาจการบริหารและการจัดการศกึ ษา
พ.ศ.2550. กรงุ เทพฯ : ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
_______. (2545ข). การบรหิ าร:การบรหิ ารโดยวตั ถุประสงค์ การตดั สินใจของผบู้ รหิ ารการ
บรหิ ารแบบมีส่วนร่วม: QC. กรุงเทพฯ : ประชาอุทิศการพิมพ.์
คมั ภรี ์ สดุ แท้. (2553). การพัฒนารูปแบบการบรหิ ารงานวิชาการสาหรับโรงเรยี นขนาดเลก็ .
วิทยานิพนธ์ครศุ าสตรดุษฎบี ัณฑติ สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษา บัณฑิตวทิ ยาลยั
มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม, มหาสารคาม.

126

บรรณานุกรม (ต่อ)

คีรีบนู จงวฒุ เิ วศย์ และมาเรียม นลิ พันธุ. (2542). รายงานการวจิ ัยการศึกษาและการจัดทาคมู่ ือ
ปฏิบัตงิ านอาสาสมัครท้องถน่ิ ในการดูแลรกั ษามรดกทางศิลปวัฒนธรรมนครปฐม.
คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, นครปฐม.

จันจริ า ทวีพลายนต์. (2559). การจดั การศกึ ษาแบบคณุ ธรรมนาความรู้ : กรณีศึกษาโรงเรยี น
สตั ยาใส. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสุนนั ทา, 2(2), 162-171.

จนั ทรานี สงวนนาม. (2545). ทฤษฎแี ละแนวปฏิบตั ใิ นการบริหารสถานศกึ ษา. กรุงเทพ: บุ๊คพอยท์.
จิราพร เปี้ยสนิ ธุ. (2554). การตลาดธรุ กจิ อัจย์ในสามจงั หวัดชายแดนภาคใต้. วิทยานพิ นธ์

บรหิ ารธรุ กิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาบรหิ ารธุรกิจ มหาวิทยาลยั หาดใหญ่, สงขลา.
ชนายทุ ธ์ คาเกลยี้ ง. (2551). การศกึ ษาการบริหารงานแบบคุณภาพของโรงเรยี นในฝัน

สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาสุรินทร.์ วิทยานพิ นธ์ครุศาสตรมหาบณั ฑิต
สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสุรินทร์, สรุ นิ ทร.์
ชัยพฤกษ์ เสรรี ักษ์. (2543). การปฏิรูปการเรียนร้มู ุง่ ส่ผู เู้ รียนเป็นสาคญั . กรุงเทพฯ: พริกหวาน
กราฟฟิก.
ชุมศักด์ิ อิททร์รกั ษ์. (2551). การบริหารงานวิชาการและการนเิ ทศภายในสถานศึกษา.
(พิมพ์ครงั้ ท่ี 5). ปตั ตานี : ฝ่ายเทคโนโลยีทางการศึกษา สานักงานวทิ ยบริการ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี.
________. (2545). การบริหารงานวชิ าการ ปัตตานี : ภาควิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตปตั ตานี.
ไชยยศ เรืองสวุ รรณ. (2543). การบริหารส่ือและเทคโนโลยกี ารศกึ ษา. กรงุ เทพฯ: วฒั นาพานชิ .
ดุสิต ทิวถนอม. (2540). การนเิ ทศการศกึ ษา : หลักการและแนวปฏบิ ตั ิ. นครปฐม : ภาควิชา
การบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศิลปากร.
เตอื นใจ รักษาพงศ.์ (2551). การพฒั นารูปแบบการจัดการความร้เู พ่ือการบริหารงานวชิ าการ
ของสถานศึกษาข้นั พ้นื ฐานด้วยกระบวนการวิจัยเชงิ ปฏิบตั ิการแบบมีสว่ นรว่ ม.
วิทยานพิ นธ์การศึกษาดุษฎบี ัณฑติ สาขาการบริหารการศกึ ษา บัณฑิตวทิ ยาลยั
มหาวิทยาลัยบรู พา, ชลบุร.ี
ทาคาโอะ มิยากาวะ. (1986). เศรษฐม์ ติ เิ บื้องต้น. แปลโดย คงศักด์ิ สันติพฤกวงษ์. กรงุ เทพฯ : แจ้ง.
ทวศี ักด์ิ อาลา. (2551). การรหิ ารโรงเรียนเอกชนนติ ิบคุ คล. ปริญญาปรัชญาดษุ ฎีบณั ฑิต สาขาวชิ า
การบริหารการศึกษา มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. นครปฐม.
ทิศนา แขมมณี. (2548). รูปแบบการเรยี นการสอน : ทางเลือกทห่ี ลากหลาย. กรงุ เทพฯ : ด่านสุธา.
ธรี ะ รุญเจริญ. (2550). การบรหิ ารโรงเรียนยุคปฏริ ปู การศกึ ษา. กรุงเทพฯ : ธนาเพรส.
ธีระพร อายุวฒั น.์ (2552). แนวปฏิบตั ทิ ีเ่ ปน็ เลิศในการบริหารงานวชิ าการของสถานศึกษาข้ันพ้นื ฐาน
ขนาดเล็ก. วทิ ยานิพนธป์ รชั ญาดุษฎบี ัณฑติ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยศิลปากร, นครปฐม.

127

บรรณานุกรม (ต่อ)

นงลักษณ์ เรือนทอง. (2550). การพฒั นารูปแบบการบริหารท่ีมีประสิทธิผลของสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน.
วทิ ยานิพนธ์ศึกษาศาสตรดุษฎบี ณั ฑติ สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา บณั ฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยศิลปากร, นครปฐม.

นริศ แก้วศรีนวล. (2556). รปู แบบการบรหิ ารงานวชิ าการท่ีมปี ระสิทธฺ ิผลของสถานศกึ ษา
สงั กดั สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา. วทิ ยานิพนธ์ครุศาสตรดษุ ฎีบัณฑิต
สาขาวชิ าภาวะผู้นาการจัดการศกึ ษา บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานี,
สุราษฎรธ์ าน.ี

นิคม ทาแดง. (2536). หนว่ ยที่ 5 การสรา้ งแบบจาลองระบบการศึกษา. ในประมวลสาระชดุ วิชาการ
จดั ระบบทางการศึกษา. หนว่ ยท่ี 3-6.กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช.

นิคม ลนขุนทด. (2551). การพฒั นาการบริหารงานวชิ าการของคณะเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม
มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสรุ นิ ทร์. วทิ ยานิพนธ์ปรชั ญาดษุ ฎบี ัณฑติ สาขาวิชาการบริหาร
อาชีวศกึ ษา บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์, กรงุ เทพฯ.

นิรชั กร ทองนอ้ ย. (2556). การพฒั นาระบบการบริหารงานวิชาการท่ีมีประสทิ ธิผลในโรงเรียน
ประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารและพัฒนาการศึกษา
บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, มหาสารคาม.

นิรนั ดร์ จุลทรพั ย.์ (2553). รปู แบบภาวะผู้นาของผบู้ ริหารสถานศึกษาข้นั พื้นฐานของสานัก
พฒั นาการศึกษา เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย.
วิทยานิพนธ์ศกึ ษาศาสตรดุษฎบี ัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษาและผู้นาการ
เปลยี่ นแปลง มหาวิทยาลยั อิสเทิรน์ เอเซีย, ปทุมธานี.

บญุ ชม ศรีสะอาด และ สุรทิ อง ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเกยี่ วกบั การบรกิ ารการศึกษา
ในสถานศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค.

เบญจพร แกว้ มศี ร.ี (2545). การนาเสนอรูปแบบการพัฒนาคุณลกั ษณะภาวะผู้นาของผูบ้ รหิ าร
วิทยาลยั พยาบาล สังกดั กระทรวงสาธารณสขุ . วทิ ยานิพนธ์ครุศาสตรดษุ ฎบี ัณฑิต
สาขาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลั ย, กรุงเทพฯ.

ประทุมพร โม่ทมิ . (2553). การนาเสนอแนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียน
ในศูนย์ประสานงานทางการศึกษาหนองมะโมง สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาชัยนาท.
วทิ ยานิพนธค์ รุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษา บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครสวรรค์, นครสวรรค.์

ประชุม รอดประเสริฐ. (2526). ผูน้ าและพฤติกรรมการบริหาร. กรงุ เทพฯ: แผนกการพิมพ์.
มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒประสานมิตร.

ปรีชา ชา้ งขวญั ยนื และคณะ. (2542). เทคนิคการเรยี นและผลติ ตารา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพแ์ ห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .

ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์, กาญจนา เรืองมนตรี. และธรนิ ธร นามวรรณ. (2554).
การบริหารงานวิชาการ. กรุงเทพฯ : ศนู ยส์ ือ่ เสริม.

128

บรรณานกุ รม (ต่อ)

ปรชิ าติ ชมชนื่ . (2555). รูปแบบการบรหิ ารงานวิชาการแบบมีส่วนรว่ มของชุมชนทม่ี ีประสิทธฺ ผิ ล
ในสถานศึกษา สังกดั สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา. วทิ ยานิพนธ์ครุศาสตร
ดุษฎบี ณั ฑติ สาขาวิชาผู้นาการบรหิ ารการศกึ ษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ
อบุ ลราชธานี, อบุ ลราชธานี.

พสุ เตชะรินทร์. (2545). เส้นทางกลยุทธส์ กู่ ารปฏิบัติด้วย Balanced Scorecard และ Key
Performance Indicators. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย.

เพชรนิ สงค์ประเสริฐ. (2550). การพฒั นารปู แบบการบริหารวิชาการทเี่ นน้ การทางานเป็นทีมของ
สถานศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน. วทิ ยานิพนธก์ ารศึกษาดุษฎีบณั ฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั นเรศวร, พิษณุโลก.

ภารดี อนนั ต์นาว.ี (2553). หลกั การ แนวคิด ทฤษฎีทางการบรหิ ารการศกึ ษา. (พิมพ์ครงั้ ที่ 3) ชลบรุ :ี
มนตร.ี

ภมู ิพัทธ เรืองแหล่. (2558). การพัฒนาระบบบริหารงานวิชาการศูนยเ์ ครือข่ายพฒั นาคุณภาพ
การศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน. ปริญญาปรัชญาดุษฎบี ัณฑิต.
สาขาวิชาการบริหารและพฒั นาการศึกษา บัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม,
มหาสารคาม.

รักสชุ ญา วราหะ. (2552). การนาเสนอแนวทางการบรหิ ารงานวชิ าการ เพื่อรองรบั การประเมิน
คณุ ภาพภายนอกสถานศกึ ษา ในสงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาอุทยั ธานี เขต 2.
วทิ ยานิพนธม์ หาบัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษา บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั
ราชภัฏนครสวรรค,์ นครสวรรค.์

วรรณรัตน์ วัฒนานิมติ กลุ . (2548). การใช้ Balance Scorecard ในการบริหารงานเพื่อการพฒั นางาน
ในมหาวิทยาลัย. บทความในการประชุมทางวิชาการ สสอ ในประเทศไทยครั้งท่ี 11

วัชรศกั ด์ิ สงค์ปาน. (2558). การพัฒนารูปแบบการบรหิ ารโรงเรยี นเพ่อื บรรลุผลการประกันคณุ ภาพ
ภายในของโรงเรยี นมัธยมศึกษาภาคใต้ฝัง่ อนั ดามนั . วทิ ยานพิ นธ์ศึกษาศาสตรดุษฎบี ณั ฑิต
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่, สงขลา

วบิ ลู ยล์ ักษณ์ ปรยี าวงศากลุ . (2551). การพฒั นารูปแบบการบรหิ ารวชิ าการวิทยาลัยพยาบาล
ในสงั กัดสถาบนั พระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข. วารสารการพยาบาลและ
การศึกษา 1(2). 82-98.

วิภาวดี ชวี ะผลาบรู ณ์. (2553). รปู แบบการบริหารวิชาการท่มี ีประสิทฺธผิ ลในโรงเรียนเอกชนระดบั
ประถมศึกษาเขตกรงุ เทพมหานคร. วิทยานิพนธป์ รชั ญาดุษฎบี ัณฑิต สาขาวชิ าการจัดการ
บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั ครสิ เตียน, กรงุ เทพฯ.

วีระเดช เชอ้ื นาม. (2547). เขยา่ Balanced Scorecard. กรงุ เทพฯ: เฟ่ืองฟ้า พริ้นติง้ .
วฒุ ชิ ัย (พระมหา) วชริ เมธ.ี (2552). ภาวะผนู้ าจากเนลสัน มนั เดลา ถึงโอบามาแหง่ ทาเนียบขาว.

กรุงเทพฯ : สถาบันวมิ ุตตยาลัย.

129

บรรณานกุ รม (ตอ่ )

ศิรกิ ลุ นามศิริ. (2550). การพัฒนางานวิชาการในโรงเรยี นขนาดเล็กด้วยหลกั การบูรณาการ:
การวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ตั ิการแบบมีสว่ นรว่ ม. วิทยานิพนธ์ศกึ ษาศาสตรดุษฎีบัณฑติ
สาขาการบริหารการศกึ ษา บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั ขอนแก่น, ขอนแก่น.

ศริ ิพร ทาทราย. (2552). ปัญหาและแนวทางการบรหิ ารงานวิชาการของโรงเรียนประถมศกึ ษาขนาดเล็ก
สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาชลบรุ ี เขต 2. วทิ ยานิพนธ์การศกึ ษามหาบณั ฑติ
การบริหารการศึกษา บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยบรู พา, ชลบรุ .ี

รงุ่ ชัชดาพร เวหะชาติ. (2553). การบรหิ ารงานวิชาการสถานศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน. (พิมพ์ครั้งท่ี 4).
สงขลา : นาศลิ ป์โฆษณา.

สงวน สุทธิเลิศอรณุ . (2543). พฤติกรรมมนษุ ย์กับการพฒั นาตน. กรงุ เทพฯ: อักษรพิพัฒน์.
สถาบนั ทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (2559). แหล่งที่มา: http://www.niets.or.th/th/

(วันท่คี ้นข้อมลู : 9 ตุลาคม 2559).
สมกิต บุญยะโพธ์.ิ (2555). รูปแบบการบริหารสถานศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน สังกดั สานักงานเขตพนื้ ที่

การศกึ ษาประถมศกึ ษาสคู่ วามเปน็ เลิศ. ปริญญาปรัชญาดุษฎบี ัณฑติ สาขาวิชาการ
บริหารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยศิลปากร, นครปฐม.
สมยศ นาวกี าร. (2545ก). การบริหาร (Management). กรงุ เทพฯ: บรรณกิจ
สราวธุ สุตะวงศ.์ (2553). การพัฒนาตวั บ่งชี้สมรรถนะการบรหิ ารวชิ าการของผู้บรหิ ารสถานศึกษา
ระดับมัธยมศึกษาสังกดั องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น.วทิ ยานิพนธ์ครศุ าสตรดุษฎีบัณฑิต
สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย, เชยี งราย.
สมาน อัศวภมู ิ.(2550). การใชว้ ิจยั พฒั นารูปแบบในวิทยานพิ นธ์ระดับปรญิ ญาเอก. อบุ ลราชธานี:
มหาวิทยาลัยราชภัฏอบุ ลราชธาน.ี
สมั มา ธรนิธย์. (2556). หลักทฤษฏีและปฏิบตั ิการบรหิ ารการศึกษา. (พิมพ์ครั้งท่ี 3). กรุงเทพฯ :
ข้าวฟ่าง.
สัมฤทธิ์ กางเพง็ . (2545). รูปแบบการมสี ่วนร่วมในสถานศึกษา. วารสารวิชาการ. 5(4): 8-12.
สิทธศิ ักดิ พฤกษ์ปิตกิ ลุ . (2546). การบริหารกลยุทธ์และผมสมั ฤทธขิ์ ององค์กร ด้วยวิธี Balanced
Scorecard. กรุงเทพฯ : สมาคมสง่ เสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น).
สานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 16. (2556). รายงานผลการพัฒนาคุณภาพการศึกษา.
สงขลา : นาศิลป์.
สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. (2552). การพัฒนาการศึกษาในเขตพฒั นาพิเศษเฉพาะกิจจงั หวดั
ชายแดนภาคใต้. กรงุ เทพฯ : สานกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา.
สานักนโยบายและยทุ ธศาสตร์ สานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร(2554). การศกึ ษานารอ่ งการ
รปู แบบการบรหิ ารจัดการศกึ ษา เพ่ือพฒั นาคุณภาพของผเู้ รียนในสถานศกึ ษา. กรงุ เทพฯ :
สานักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดภิ าพครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา (สกสค).

130

บรรณานุกรม (ต่อ)

สาเริง อ่อนสัมพนั ธ์. (2550). ระบบการควบคุมทางการบริหารโรงเรียนในฝันโดยใช้การบริหาร
แบบสมดลุ . วทิ ยานิพนธ์ครุศาสตรดษุ ฎีบัณฑิต สาขาการบริหารการศกึ ษา บณั ฑิตวิทยาลัย
มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, พษิ ณโุ ลก.

สทุ ธพิ รรณ วรดิลก. (2553). การพัฒนารูปแบบการบริหารกิจการนักศึกษาสาหรับสถาบันอุดมศึกษา
ตามแนวคิดดุลยภาพ. วทิ ยานิพนธ์การศึกษาดุษฎบี ัณฑิต สาขาการบรหิ ารการศึกษา
บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยบรู พา, ชลบุรี.

สนุ ทร เกิดแก้ว. (2541). การบริหารโครงการ. (พิมพค์ ร้ังที่ 3). กรงุ เทพฯ: เสมาธรรม.
สจุ ติ รา บญุ ยรัตพันธุ.์ (2535). ระเบียบวธิ วี จิ ัยสาหรับรฐั ประศาสนศาสตร์ คณะรฐั ประศาสนศาสตร์

สถาบนั บัณฑติ พัฒนบรหิ ารศาสตร์. (พิมพ์คร้งั ที่ 2). กรุงเทพฯ : เทพรัตนก์ ารพมิ พ.์
สุวิทย์ มลู คา และอรทัย มูลคา. (2543). เรียนรู้สู่ครูมืออาชีพ. กรุงเทพฯ : ที พี พรินท์.
เสรมิ ศกั ดิ์ วิศาลาภรณ์. (2542). การบรหิ ารวิชาการ. กรุงเทพฯ : ภาควชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา

คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรีนคริทรวโิ รฒ ประสานมิตร.
โสภา วงศ์นาคเพช็ ร.์ (2553). การบริหารงานวิชาการกับประสทิ ธผิ ลของสถานศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน

สงั กดั สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาสพุ รรณบุรี เขต 2. วทิ ยานพิ นธ์ครุศาสตรมหาบณั ฑติ
สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา บัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยศลิ ปากร, นครปฐม.
อดลุ ย์ สชุ ิรัมย.์ (2555). การพัฒนาโมเดลประสทิ ธิผลการประกันคุณภาพภายในของสถานศกึ ษา
ข้นั พ้นื ฐาน. วิทยานพิ นธ์ปรชั ญาดุษฎบี ณั ฑิต สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา
บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยราชภัฏบุรรี มั ย์, บุรีรมั ย์.
อนุศกั ด์ิ สมติ สันต์. (2540). การบริหารงานวิชาการ. กรงุ เทพฯ: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ บางเขน.
อาพร วริ ยโกศล และคณะ. (2543). กลยทุ ธ์ธรุ กจิ การค้าและการท่องเที่ยวชายแดนภาคใต้ของประเทศ.
วารสารวิทยาการจัดการ, 18 (1), 10
อุทยั บุญประเสริฐ. (2540). หลกั สตู รและการบริหารงานวชิ าการของโรงเรยี น. กรุงเทพฯ: เอส ดี เพลส.
อุทุมพร (ทองอุไทย) จามรมาน. (2541). โมเดลคืออะไร. วารสารวิชาการ, 1(3), 22.
อมุ า ศึกษา. (2550). แนวทางในการนา Balance Scorecard มาใช้ในการบรหิ ารงานวิชาการของ
วทิ ยาลยั บัณฑิตศึกษาการจดั การ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. วทิ ยานพิ นธศ์ กึ ษาศาสตร
มหาบณั ฑิต สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น,
ขอนแกน่ .
อมุ าพร ชิณแสน. (2559). การพฒั นาแนวทางการบรหิ ารงานวชิ าการดา้ นการวัดผล ประเมินผล
และดาเนนิ การเทียบโอนผลการเรยี น สาหรบั สถานศกึ ษาสานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษา
ประถมศกึ ษามหาสารคาม เขต 3. วทิ ยานพิ นธ์การศึกษามหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการบริหาร
การศกึ ษา บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, มหาสารคาม

131

บรรณานกุ รม (ต่อ)

Austin, G.R. (1990). Process Evaluation : a Comprehensive Study of Outliers.
Maryland: Centre for Educational Research and Development.
Journal of Applied Psychology, 72, 416-425.

Baron, R. A., D. (2000). Social Psychology. (5th ed). Boston: Ally and Bacon.
Blasé and Blasé, J. (2002). The dark side of Leadership : Teacher perspectives of

principal mistreatment Quaterty, 38 (5), 671-727.
Cheng. C. (2002). Leadership and Stratigy. In Bush,T. and Bell, L(Eds) The principle

and practice of education management (pp. 51-69). londnm:Paul
Chapman Publishing. rough Specificity, World Development.8 (Ma)
Chester.N.M. (1996). An Introduction to school – Base Management : A mechanism
for Department. Washington : Flamer Press.
Cohrn, M.J. and Uphoff, N. T. (1980). Participation srch Place in Rural Development
: Seeking Clarity Though Specificity, World Development. 8 (March 1980) :
213-235.
Eisner, E. (1976). Educatio Connoisseiship and Criticism: Their Form and Function in
Educatio Evaluatio. Journal of Aesthetic Education.
Gibson,J. L. (2000). Organizations: Behavior ,Structure,Process.6th ed.Texas Business
Publications.
Hallinger,P., and Murphy .J. (1987). Assessing the Instructional Management
Behaviors of Principals. Elementary School Joumal.
Hanson, M. E. (1996). Education Administration and Organization Behavior.4 ed
Boston: Allyn and Bacon.
Heinich. R. M. (1993). Modern Human Relation at Work. Fort Worth : the Dryden.
Hoy, A. W., and Hoy, W.K. (2003). Instructional Leadership A Learning-Centered
Guide. The United States of America: Allyn and Bacon.
Kaplan, R.S and Norton,D.P. (1996).2001. The Strategy – Focused Learning
Organiztion.Ph.D. Dissertation, Louisiana Staae University,U.S.A.
Routledge. London and New York.
Keeves,p. J. (1988). Educational research, methodology, and measurement:
An intemational Handbook. Oxford : Pergamon press,
Lunenburg ,F. C., and Ornstein. A. C. (2004). Educational administration: Concepts
Practices 4th ed .Belmont : Thomson Learning.

132

บรรณานกุ รม (ตอ่ )

Maxcy, S. J. (2002). Pragmatic Thread in Mixed Methods Research in Social Scieces :
The serch for muitiple Modes of Inquiry and the End of the Philosophy of
formalism. In Handbook of Mixed Methods in Social and Behavioral Research.
Abbas Tashakori and Chrales Teddle (Ed) Thousand Oaks, California : Sage
Publicatio,Inc.

Nahavedi,A., and Malekzadeh,A.(1999). Organization Behavior : The person
Orgaization Fit. Indiana, U.S.A: Prentice-Hall. Boston : Houghton Mitechell.

Robbins, S. P. (1997). Managing Today, New Jersey: Prentice-Hall.
Sheppard, B. (1996). Exploring the Transformational Nature of Instructional

Icadership. Alderta Journal of Educational Research. 42 (4), 325-344.
Smith,R.H.,and Others.(1980).Maagement : Making Organization Perform. New

York : Macmillan.
Weber, J. (1996). Leading the instructional program In S.Smith. P.Piele (Eds),

School leadership. (pp. 253-278). Clearinghouse of Eaucatoinal
Management. Eugene,Oregon.
Wildy,H., and Dimmock,C. (1993). International Leadership in primary and secondary
school. Journal of Educational Aaministration. 31 (21) : 43-61.
Yamada, A. T .(2000). Elementary school principals,perceptions of responsibilities
And competencies for International Leadership. Ed.D Dissertaion,
Eaculty of the Graduate school. University of the Pacific Stockton.
California.
Yukl, G. A. (1997). Leadership in Organizations. Engle Wood Cliffs,NJ : Prentice Hall.

ภาคผนวก ก
แบบสอบถามการพัฒนารูปแบบการบรหิ ารงานวิชาการเพ่อื ยกระดบั คณุ ภาพ

ผู้เรียนโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจงั หวัดภาคใต้

133

134

แบบสอบถามเพอ่ื การวจิ ยั

เรื่อง การพัฒนารปู แบบการบรหิ ารงานวิชาการเพ่อื ยกระดับคณุ ภาพผเู้ รยี น
โรงเรียนการกศุ ลของวัดในพระพทุ ธศาสนาในเขตจงั หวดั ภาคใต้
……………………………

คาชีแ้ จง
1. แบบสอบถามนี้เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัย ในการศึกษาหลกั สตู รศึกษาศาสตร์

ดษุ ฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ โดยมีวตั ถุประสงค์ เพือ่ ศึกษาการ
พัฒ นารูป แบบการบริห ารงานวิชาการเพ่ื อยกระดับคุณ ภ าพผู้ เรียน โรงเรียนการกุศล ของวัดใ น
พระพทุ ธศาสนาในเขตจงั หวดั ภาคใต้

2. ผู้ตอบแบบสอบถามคือ ผู้บริหารโรงเรียนอยู่ในตาแหน่งผู้อานวยการ
รองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ หัวหน้างานวิชาการ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ โรงเรยี นการกุศลของ
วดั ในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวดั ภาคใต้

3 แบบสอบถามฉบบั นี้ เป็นขอ้ คาถามเก่ียวกบั การพัฒนารูปแบบการบริหารงาน
วิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียนโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้
ซง่ึ ประกอบด้วย 2 ตอนคือ

ตอนท่ี 1 ข้อมลู สว่ นบุคคลของผ้ตู อบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 ความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถาม เก่ียวกับการพัฒนารูปแบบการ
บริหารงานวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขต
จงั หวัดภาคใต้
4. การตอบแบบสอบถามไม่ส่งผลกระทบใดๆ ในทางลบต่อตัวท่านและโรงเรียน
ของทา่ น ขอความกรุณาตอบแบบสอบถามทกุ ข้อตามความเห็นที่เปน็ จริง คาตอบของท่านจะเปน็ สิ่งที่
มีคุณค่าและประโยชน์อย่างย่ิงในการวางแผนและการพัฒนาโรงเรียนตามรูปแบบการบริหารงาน
วิชาการโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาท่ีเป็นแนวท างปฏิบัติที่ดีมากยิ่งขึ้น

ขอขอบพระคุณเปน็ อยา่ งสูงที่ใหค้ วามอนุเคราะห์ในการตอบแบบสอบถาม

นายธรศิ ร เทียบปาน
นักศึกษาปรญิ ญาเอก สาขาวิชาการบริหารการศึกษา

มหาวิทยาลัยหาดใหญ่

135

แบบสอบถามเพ่อื การวจิ ัย

เร่ือง การพฒั นารูปแบบการบริหารงานวชิ าการเพื่อยกระดบั คุณภาพผู้เรียน
โรงเรยี นการกศุ ลของวดั ในพระพุทธศาสนาในเขตจงั หวดั ภาคใต้
****************

ตอนที่ 1: ข้อมูลสว่ นบคุ คลของผตู้ อบแบบสอบถาม
คาชแ้ี จง โปรดเขียนเครื่องหมาย  ลงใน ( ) หนา้ ข้อความตามสภาพที่เป็นจริง

เกยี่ วกบั ผู้ตอบแบบสอบถาม
1. เพศ
( ) ชาย
( ) หญงิ
2. อายุ
( ) 20-30 ปี
( ) 31-40 ปี
( ) 41-50 ปี
( ) มากกว่า 50 ปี
3. วฒุ ิการศึกษา
( ) ปรญิ ญาตรี / ป.บณั ฑิต
( ) ปริญญาโท
( ) ปริญญาเอก
4 ประสบการณ์การทางานในตาแหนง่
( ) ตา่ กว่า 10 ปี
( ) 11-20 ปี
( ) 21 – 30 ปี
( ) มากกว่า 30 ปี
5 ตาแหนง่ หนา้ ทใ่ี นปจั จบุ ัน
( ) ผอู้ านวยการ
( ) รองผูอ้ านวยการฝา่ ยวชิ าการ
( ) หวั หนา้ งานวชิ าการ
( ) หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้
6. คา่ จ้าง / เงนิ เดอื นต่อเดือน
( ) 7,900-8,500 บาท
( ) 8,501-9,500 บาท
( ) 9,501-12,500 บาท
( ) 12,501-15,000 บาท

136

( ) 15,001 -20,000 บาท
( ) มากกว่า 20,000 บาท

ตอนที่ 2 แบบสอบถามเก่ยี วกับ การพฒั นารปู แบบการบริหารงานวชิ าการเพื่อยกระดบั คุณภาพ
ผเู้ รยี น โรงเรยี นการกศุ ลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวดั ภาคใต้

คาช้ีแจง โปรดทาเคร่ืองหมาย ( ) ลงในช่องระดบั การปฏบิ ตั งิ านเก่ียวกบั งานวชิ าการในโรงเรยี น
การกศุ ลของวัดในพระพุทธศาสนาในเขตจงั หวดั ภาคใต้ ว่าโรงเรยี นของทา่ นปฏบิ ตั ิในระดบั ใดท่ีตรง
กบั สภาพความเปน็ จริง โดยมีการกาหนดระดบั คะแนน ดังน้ี

5 หมายถึง มกี ารบริหารงานวชิ าการในโรงเรยี นการกุศลของวัด
ในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ในระดบั มากท่สี ดุ

4 หมายถึง มีการบรหิ ารงานวชิ าการในโรงเรียนการกุศลของวดั
ในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใตใ้ นระดับมาก

3 หมายถึง มีการบริหารงานวิชาการในโรงเรยี นการกุศลของวดั
ในพระพทุ ธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใต้ในระดบั ปานกลาง

2 หมายถงึ มกี ารบรหิ ารงานวิชาการในโรงเรียนการกุศลของวดั
ในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวัดภาคใตใ้ นระดบั น้อย

1 หมายถงึ มีการบรหิ ารงานวชิ าการในโรงเรยี นการกุศลของวดั
ในพระพุทธศาสนาในเขตจังหวดั ภาคใต้ในระดบั น้อยท่ีสุด

137

การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวชิ าการเพ่ือยกระดบั คุณภาพผู้เรียน
โรงเรยี นการกศุ ลของวัดในพระพทุ ธศาสนาในเขตจงั หวัดภาคใต้

--------------------------------------

ข้อ การดาเนินงานของโรงเรียน ระดับการปฏิบัติ
1. ดา้ นภาวะผูน้ าทางวิชาการ 54321

1. การกาหนดวสิ ัยทศั น์ คา่ นยิ ม พนั ธกิจ ผลการดาเนนิ งาน 54321

ทค่ี าดหวงั มคี วามสอดคล้องกับบรบิ ทและนโยบายของโรงเรยี น
2. การกาหนดแผนกลยุทธ์และแผนปฏิบตั กิ ารของโรงเรยี น

มคี วามสอดคลอ้ งกบั เปา้ หมาย โดยการมีสว่ นรว่ มของทุกฝ่าย
ท่ีมีส่วนเก่ยี วข้อง
3. การออกแบบกลยทุ ธซ์ ่งึ จะนาไปสู่การไดเ้ ปรียบในเชิง
การแข่งขัน และสรา้ งโอกาสในดา้ นต่างๆ ใหแ้ กอ่ งค์กร
4. การกระจายอานาจใหบ้ ุคลากระดับตา่ งๆ เพื่อให้เกิด
ความคล่องตัวในการบรหิ ารงานวชิ าการ
5. การเปิดโอกาสใหค้ รูสรา้ งนวตั กรรมส่อื การเรียนการสอน
เพ่ือการพฒั นาการจดั การเรียนการสอน
6. การกาหนดแนวทางในการปฏิบัติงานด้านวิชาการ
โดยมงุ่ ประโยชนข์ องผู้มีสว่ นได้สว่ นเสยี
7. การทบทวนเทยี บเคยี งผลการดาเนนิ งานตามแผนงาน โครงการ
และกิจกรรมในรอบปีท่ผี า่ นมา เพอื่ การปรับปรุงและพัฒนา
8. การนาข้อมลู สารสนเทศมาบริหารและพัฒนาวิชาการ
อย่างต่อเนื่อง
ขอ้ 2. ดา้ นการมีส่วนรว่ มในการบรหิ ารงานวชิ าการ

9. การกาหนดวัตถุประสงค์และรบั ฟงั ข้อมลู จากผเู้ รียน

หรอื ผมู้ สี ว่ นไดส้ ่วนเสยี

10. การประเมินเจตคติและความพึงพอใจของผู้เรียน

หรือผมู้ สี ว่ นได้สว่ นเสยี

11. การใหผ้ ปู้ กครองและชุมชนได้มสี ่วนรว่ มแสดงความคิดเหน็

ในการจดั ทาหลักสูตรสถานศึกษา เพ่ือการพฒั นาผ้เู รียน
อย่างต่อเนอื่ ง

12. การบริหารจดั การในการเรยี นการสอนอยา่ งเป็นระบบ

และตอ่ เน่ือง

138

13. ผูบ้ รหิ ารโรงเรียนใหโ้ อกาสครูและผทู้ ีเ่ กีย่ วข้องร่วมมอื กนั 54321
54321
ปฏบิ ตั งิ านของโรงเรียน
54321
ข้อ 3. ด้านการพัฒนาทมี งานวชิ ากร
14. ครูมีการจัดหาส่ือและอปุ กรณ์ด้านการศึกษาเพยี งพอ

ตอ่ การเรียนรู้ของผูเ้ รียน

15. ครมู กี ารนาแนวคดิ จากการเรียนร้ไู ปใช้ในการเปลี่ยนแปลง

พฤติกรรมของผู้เรียน ที่เกิดจากประสบการณ์ในการฝกึ ฝน

16. ครมู กี ารสนับสนนุ ส่งเสริมทางสงั คม ด้วยการให้ข้อมูลป้อนกลับ

ทางบวกกบั ผ้เู รียน เชน่ คาชม คายกยอ่ ง

17. ครูมีการจัดกจิ กรรมทีช่ ว่ ยกระตนุ้ ให้ผู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้ใหมๆ่

ที่มปี ระสิทธิภาพได้อยา่ งเหมาะสม

ขอ้ 4. ดา้ นกระบวนการบริหารงานวิชาการตามแนวคดิ ดุลยภาพ
18. การส่งเสริมให้มีการพัฒนาครูเพื่อพฒั นากระบวนการเรียนรู้

ตามความเหมาะสม

19. การสง่ เสริมใหค้ รจู ดั กระบวนการเรยี นรู้ ใชเ้ ทคนคิ วิธสี อน

โดยจัดเน้อื หาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจ
ความถนดั ของผเู้ รยี น

20. การสง่ เสริมใหค้ รูมที ักษะจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้

โดยเน้นผเู้ รียนเปน็ สาคญั

21. การปลูกฝังคุณธรรม ค่านยิ มท่ดี งี ามและคุณลกั ษณะ

อันพงึ ประสงค์ เช่น ประหยัด ซอื่ สัตยแ์ ละความกตัญญู

22. การท่ีนกั เรยี นใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ ใฝเ่ รียนรู้ มรี ะเบียบ

วนิ ยั ปฏบิ ัตไิ ด้ตามที่กาหนด โดยภาพรวมมผี ลสัมฤทธิท์ างการ
เรยี นดีขน้ึ

ข้อ 5. ดา้ นขอบข่ายการบรหิ ารงานวิชาการ

5.1 การบริหารงานวิชาการ

23. การจัดทาโครงสร้างหลักสูตรสถานศกึ ษาและสาระต่างๆ

ซงึ่ สอดคล้องกบั วิสัยทัศน์ ภารกจิ และเปา้ หมาย

24. การนาหลกั สูตรสถานศึกษาไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน

ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ

25. การปรบั ปรงุ พัฒนาหลักสตู รสถานศึกษามีความเหมาะสม

กับการพฒั นากระบวนการเรียนรู้


Click to View FlipBook Version