134 ภาพที่ 36 ฉากเต้นรำในพระราชสำนัก ที่มา: ผู้วิจัย เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนข้างต้น ผู้วิจัยได้นำรูปแบบการออกแบบพื้นที่เวทีและฉาก ในการแสดงปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบและยืนยันความเหมาะสมของการออกแบบพื้นที่เวที และฉากในการแสดงประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้ 1) อาจารย์สุพัตรา เครือครองสุข อาจารย์พิเศษด้านการออกแบบแสง ภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้วิจัยสรุปผลข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบพื้นที่เวทีและฉากในการแสดง ได้ดังนี้ การออกแบบพื้นที่เวทีและฉากในการแสดง เป็นสิ่งที่มีความสำคัญโดยเฉพาะการแสดงบน เวทีที่มีหน้าเดียว ผู้วิจัยจะต้องศึกษาว่า ต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้เห็นมิติการแสดง เนื่องจากผู้วิจัยจะ จัดทำการแสดงรูปแบบวีดิทัศน์ ดังนั้น การสร้างมิติของเวทีเพื่อให้ผู้ชมได้รับชมและสามารถเข้าถึงสิ่งที่ ผู้วิจัยต้องการถ่ายทอดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการปรับแก้ไขตามรายละเอียดข้างต้น เพื่อให้การออกแบบพื้นที่เวทีและ ฉากในการแสดงมีความสมบูรณ์ และสามารถสื่ออารมณ์ได้สอดคล้องกับแนวคิดในด้านการตีความ และการผสมผสานรูปแบบการแสดงสร้างสรรค์
135 1.2.8 การออกแบบแสง เสียง และเทคนิคพิเศษ การออกแบบแสงเป็นจุดเด่นของการสร้างสรรค์ละครเรื่องนี้ เนื่องจากการถ่ายทำการแสดง ที่มีฉากเดียวนั้น การจัดแสงเป็นเรื่องสำคัญมาก สามารถที่จะทำให้ตัวละครทุกตัวนั้นมีความโดดเด่น ตามบทบาท โดยผู้วิจัยการกำหนดขั้นตอนการออกแบบแสง เสียง และเทคนิคพิเศษ ดังนี้ วิเคราะห์เนื้อเรื่อง และพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดแสง เสียง และเทคนิคพิเศษ 1) พิจารณากำหนด รูปแบบ (Form) ของแสง เสียง และเทคนิคพิเศษ 2) กำหนดแบบร่างของตำแหน่งของการจัดแสง เสียง และเทคนิคพิเศษ 3) ปรับปรุงแก้ไข พัฒนาตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิและปัญหา อุปสรรคที่พบ จากการกำหนดขั้นตอนดังกล่าว ผู้วิจัยใช้การจัดแสงไฟที่อยู่ด้านบนของนักแสดง เป็นการจัดแสง ให้ส่องมาจากคนดูและมากระทบที่ตัวนักแสดง ซึ่งการจัดแสงเช่นนี้เป็นการทำให้เกิดเงาของผู้ชม มากระทบนักแสดงและส่วนอื่น ๆ ได้ การจัดแสงเรื่องนี้จึงเน้นการจัดแสงแบบการแสดงแบบละครเวที ไม่บังสายตาผู้ชม นอกจากนี้ยังมีการใช้แสงเพื่อให้การแสดงมีความทันสมัยสมจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การใช้แสงสีต่างๆ เพื่อให้ความรู้สึกและอารมณ์ที่แตกต่างกัน เช่น ใช้แสงประกอบกับตัวสี ในการวาดรูป นางละเวงวัณฬา ใช้เวทมนตร์การแบลคไลท์สีสะท้อนแสง ลีลาการเต้น สะท้อนกับไฟนีออนที่สะท้อน กับแสงสีม่วงที่ติดไว้ที่สกริม เทคนิคนี้ถ้าทำไม่ดี ไฟสะท้อนแสงไม่สัมผัสกับแสงไฟนีออนสีม่วง ภาพนี้ จะไม่เกิดผู้แสดงต้องใส่สีดำมืด เห็นเพียงและผู้กันลอยในอากาศเป็นการสร้างสรรค์เทคนิคพิเศษ ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ขึ้นมา รวมถึงการใช้แสง สี ในการสร้างให้เห็นภาพผู้คนจำนวนมาก เช่น ในฉากรบของเมืองผลึกและเมืองลังกา เป็นต้น ภาพที่ 37 การใช้แสงเพื่อให้ความรู้สึกมีทหารจำนวนมากกำลังต่อสู้ ที่มา: ผู้วิจัย
136 ภาพที่ 38 การใช้แสงเพื่อให้ความรู้สึกมีทหารจำนวนมากกำลังต่อสู้ ที่มา: ผู้วิจัย ภาพที่ 39 การใช้แสงเพื่อให้ความรู้สึกการสูญเสีย ที่มา: ผู้วิจัย
137 ตำแหน่งการจัดไฟมีดังนี้ 1) ไฟหน้าเวที (Front Lights) เป็นไฟหลักที่ใช้ในการแสดง เพื่อให้แสงที่สว่าง ชัดเจน 2) ไฟฉากหรือแสงส่องฉาก (Background Light) เป็นไฟที่ส่องบนสกรีมจะเปลี่ยนไปตาม อารมณ์ของการแสดง 3) ไฟสปอตไลท์พิเศษ (Fresnel) เป็นแสงเฉพาะจุดส่องที่ตัวละครเพียงตัวเดียว เพื่อให้เกิด ความโดดเด่นและเห็นสีหน้าชัดเจน 4) ไฟข้างเวที (Side Light) เป็นไฟที่ส่องจากด้านข้องของเวที ซึ่งจะช่วยให้เห็นสัดส่วนของ ร่างกายที่ชัดเจน ทำให้การเต้นดูมีมิติชัดเจน 5) ไฟระดับพื้น (Foot Light) จะวางเรียงเป็นแถวที่หน้าเวที มีบานบังคับแสงให้สาดแสง ไปยังผู้แสดง 6) ไฟจากด้านบน (Top Light) ใช้องศาแสงแคบ (Narrow Beam) กำหนดการเคลื่อนไหว เพื่อสื่ออารมณ์และความหมายของฉากนั้น ๆ ตารางที่ 17 การใช้แสงในการแสดง ลำดับ ฉาก ตัวอย่างแสง รายละเอียดการใช้แสง 1 บทนำเรื่อง (Prologue) แสงองศาแคบ ส่องลงมาจากด้านบน ข้างหลังนักแสดง เพื่อทำให้พระอภัยมณี ดูโดดเด่น มีความสง่างาม แสงฉากเคลียร์ และมีแสงไฟสปอร์ตไลท์ ส่องจากด้านบนลงมา โดยที่แสงของ นางสุวรรณมาลีจะเป็นสีทองสื่อถึง ความเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยวและนางละเวง จะเป็นแสงสีชมพูเข้ม สื่อถึงอารมณ์ ที่แตกต่างกัน
138 ตารางที่ 17 การใช้แสงในการแสดง (ต่อ) ลำดับ ฉาก ตัวอย่างแสง รายละเอียดการใช้แสง แสงส่องจากด้านข้างเพื่อให้เห็นการเต้น ที่ชัดเจน เป็นประกาย ประกอบกับ แสงองศาแคบที่ส่องจากด้านบนลงมา ที่ฉากเป็นลำแสงที่แสดงให้เห็นถึง ความสง่างาม 2 ฉากที่ 1 เกาะแก้ว พิสดาร / กลางทะเล แสงฉากสีแดง ส่องผ่านสกรีม ให้ ความรู้สึกรุนแรง อันตราย ดุดัน ของ ผีเสื้อสมุทร แสงส่องจากด้านหลังของฉากทำให้ เห็นเรื่องสำเภาเป็นเงาดำ (Silhouette) และใช้แสงสีน้ำเงิน ที่ฉากเพื่อสื่อถึงท้องทะเล 3 ฉากที่ 2 เมืองลังกา แสงลงที่อุศเรน เป็นแสงสีฟ้าหมด ไม่มีขาวปน สื่อถึงอยู่ในมิติของ กาลเวลา เป็นวิญญาณที่โศกเศร้า
139 ตารางที่ 17 การใช้แสงในการแสดง (ต่อ) ลำดับ ฉาก ตัวอย่างแสง รายละเอียดการใช้แสง แสงเคลียร์สว่างที่คอรัส เห็นหน้า ชัดเจน 4 ฉากที่ 3 ในวัง เมืองลังกา แสงเคลียร์สีขาวผสมกับสีฟ้า สื่อถึง ความเศร้าเสียใจ คับแค้นใจของ นางละเวงวัณฬา อุปกรณ์แสงพิเศษที่ส่องไปที่วัสดุที่มาสี สะท้อนแสงไว้ ทำให้เฉพาะบริเวณที่ ทาสีนั้นเรืองขึ้นมาในความมืดในขณะที่ ส่วนอื่นที่ไม่ได้มาสีสะท้อนแสงจะมอง ไม่เห็นเลย 5 ฉากที่ 4 ในสวน แสงเคลียร์เห็นการแสดงชัดเจน และ แสงฉากเป็นสีชมพูปนกับสีฟ้า สื่อถึง ความรัก ความอบอุ่น
140 ตารางที่ 17 การใช้แสงในการแสดง (ต่อ) ลำดับ ฉาก ตัวอย่างแสง รายละเอียดการใช้แสง 6 ฉากที่ 5 ในวัง เมืองผลึก แสงเคลียร์เห็นการแสดงชัดเจน และ แสงฉากเป็นสีฟ้า ความรักที่อบอุ่น 7 ฉากที่ 6 ในท้องพระโรง เมืองลังกา แสงเคลียร์เห็นการแสดงชัดเจน 8 ฉากที่ 7 ศึกผลึก-ลังกา แสงส่องจากด้านหลังมุมต่ำ เพื่อให้เกิด เงาดำ (Silhouette) ที่สกริม เงามี หลายมุม 1 คน มี 2 เงา ทำให้ดูศพ ทหารเยอะขึ้น และแสงไฟสปอร์ตไลท์ ส่องจากด้านบนลงมาที่นางสุวรรณมาลี และนางละเวง แสงไฟสปอร์ตไลท์ส่องลงมาที่ พระอภัยมณี แสงเคลียร์ส่องจากหน้า เวทีมาที่คอรัส
141 ตารางที่ 17 การใช้แสงในการแสดง (ต่อ) ลำดับ ฉาก ตัวอย่างแสง รายละเอียดการใช้แสง 9 บทส่งท้าย (Epilogue) แสงเคลียร์ของสปอร์ตไลท์ ส่องลงมาที่นางสุวรรณมาลี และ นางละเวงวัณฬา และแสงสีแดงหม่นที่ พระอภัยมณี สื่อถึงความตายไปจากใจ จากความรู้สึกของทั้ง 2 นาง ที่มา: ผู้วิจัย เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนข้างต้น ผู้วิจัยได้นำรูปแบบการออกแบบแสง เสียง และเทคนิคพิเศษ ในการแสดงปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อค้นหาและตรวจสอบยืนยันความเหมาะสมของการออกแบบพื้นที่ เวทีและฉากในการแสดงประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้ 1) อาจารย์สุพัตรา เครือครองสุข อาจารย์พิเศษด้านการออกแบบแสง ภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2) นายปรากรม์ กาญจนศรีสุขกุล ผู้จัดการฝ่ายออกแบบ บริษัทไลท์ซอร์ส จำกัด ผู้วิจัยสรุปผลข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญการออกแบบแสง เสียง และเทคนิคพิเศษได้ดังนี้ การออกแบบแสง เสียง และเทคนิคพิเศษ เป็นสิ่งที่ผู้วิจัยต้องศึกษารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของความเหมาะสมกับบท ความเหมาะสมกับรูปแบบการแสดง และที่สำคัญคือ รูปแบบของเวที ที่ผู้วิจัยทำการแสดง แต่ผู้เชี่ยวชาญมีความเข้าใจว่าการถ่ายทำและนำเสนอในรูปแบบของวีดิทัศน์นั้น จะง่ายต่อการออกแบบแสง เสียง และเทคนิคพิเศษ เนื่องจากสามารถถ่ายทำและเพิ่มเทคนิคต่าง ๆ ได้ระหว่างการตัดต่อ สิ่งที่จะเสนอคืออยากให้มองเรื่องของความสมจริงและไม่มากจนเกินไปที่จะให้ รู้สึกอึดอัด และดึงความสนใจไปจากตัวละครหรือบทบาท
142 ทั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการปรับแก้ไขตามรายละเอียดข้างต้น เพื่อให้การออกแบบแสง เสียง และเทคนิคพิเศษในการแสดงมีความสมบูรณ์ และสามารถสื่ออารมณ์ได้สอดคล้องกับแนวคิดในด้าน การตีความและการผสมผสานรูปแบบการแสดงสร้างสรรค์ 2. การประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง เงาสะท้อน ละเวงวัณฬา – สุวรรณมาลี: การตีความและการผสมผสานรูปแบบ การแสดงสร้างสรรค์จากเรื่องพระอภัยมณี 2.1 การเผยแพร่การแสดง หลังจากการประกอบสร้าง พัฒนาแก้ไข และนำเสนอผู้ทรงคุณวุฒิในการประชุมสนทนากลุ่ม (Focus Group) แล้ว ผู้วิจัยได้เผยแพร่ผลงานการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ในรูปแบบวีดิทัศน์ ผ่านระบบออนไลน์ดังนี้ ชื่อผลงาน : “เงาสะท้อน” ผู้เผยแพร่ : สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา วันที่เผยแพร่ : 24 มีนาคม 2566 Website : https://www.youtube.com/watch?v=Z3ZXGODCub8 จำนวนผู้ชม : 64,000 ครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2566) ภาพที่40 การเผยแพร่การแสดงสร้างสรรค์ เรื่อง “เงาสะท้อน” ผ่านยูทูบ (Youtube) ที่มา: ผู้วิจัย
143 ภาพที่ 41 รหัส QR code การแสดงสร้างสรรค์ ที่มา: ผู้วิจัย จากการเผยแพร่การการสร้างสรรค์ละครเรื่อง เงาสะท้อน ละเวงวัณฬา –สุวรรณมาลี: การตีความ และการผสมผสานรูปแบบการแสดงสร้างสรรค์จากเรื่องพระอภัยมณีผู้วิจัยพบว่า การแสดงได้รับ ความสนใจจากผู้ชมอย่างมาก มีการเข้าชมการแสดงสูงถึง 64,000 ครั้งในช่วงระยะเวลาประมาณ 45 วัน (ข้อมูล ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2566) 2.2 การประเมินผลการแสดงเรื่อง “เงาสะท้อน” ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยเชิงปริมาณ โดยผู้วิจัยขอความร่วมมือในการเผยแพร่การแสดง สร้างสรรค์ละครเรื่อง “เงาสะท้อน” ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เพื่อให้นักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป นักศึกษาคณะศิลปนาฏดุริยางค์ และนักศึกษาคณะศิลปศึกษา ได้รับชมเผยแพร่ผลงานการสร้างสรรค์ ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ในรูปแบบวีดิทัศน์และผู้วิจัยจะคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน เพื่อเป็นตัวแทนในการเข้าสู่กระบวนการศึกษาข้อมูล เพื่อศึกษาถึงความรู้ความเข้าใจในการแสดง สร้างสรรค์ตามกระบวนการตีความของผู้วิจัย ได้ผลการวิจัย ดังนี้
144 ตารางที่ 18 แสดงจำนวนและร้อยละของเพศผู้ตอบแบบสอบถาม เพศ จำนวน ร้อยละ ชาย 74 18.5 หญิง 326 81.5 รวม 400 100.0 ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 18 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนทั้งสิ้น 400 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงสูง ถึง 326 คน (ร้อยละ 81.5) และเป็นเพศชาย 74 คน (ร้อยละ18.5) ตารางที่ 19 แสดงค่าเฉลี่ยอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม อายุเฉลี่ย อายุต่ำสุด อายุสูงสุด ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 18.79 16 22 1.564 ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 19 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนทั้งสิ้น 400 คน มีอายุเฉลี่ย 18.79 ปี โดย มีอายุน้อยที่สุด 16 ปี อายุมากที่สุด 22 ปี ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.564 ตารางที่ 20 แสดงค่าเฉลี่ยจำนวนปีของประสบการณ์เกี่ยวกับศิลปะการแสดงของผู้ตอบแบบสอบถาม ประสบการณ์เฉลี่ย ประสบการณ์ต่ำสุด ประสบการณ์สูงสุด ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 7.55 3 14 2.751 ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 20 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนทั้งสิ้น 400 คน มีประสบการณ์เกี่ยวกับ ศิลปะการแสดง เฉลี่ย 7.55 ปี โดยมีประสบการณ์น้อยที่สุด 3 ปี มีประสบการณ์มากที่สุด 14 ปี ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.751
145 ตารางที่ 21 แสดงระดับความคิดเห็นด้านองค์ประกอบการแสดงสร้างสรรค์ องค์ประกอบการแสดงสร้างสรรค์ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน การแปลผล องค์ประกอบการแสดงด้านบทละคร 4.57 .588 มากที่สุด องค์ประกอบการแสดงด้านฉาก 4.42 .745 มากที่สุด องค์ประกอบการแสดงด้านดนตรี 4.69 .553 มากที่สุด องค์ประกอบการแสดงด้านการแต่งกาย 4.63 .628 มากที่สุด องค์ประกอบการแสดงด้านนักแสดง 4.73 .526 มากที่สุด รวม 4.60 .474 มากที่สุด ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 21 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนทั้งสิ้น 400 คน มีระดับความคิดเห็นด้าน องค์ประกอบการแสดงสร้างสรรค์ในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก โดยมีคะแนนเฉลี่ย 4.60 ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน .474 และเมื่อพิจารณารายองค์ประกอบแต่ละด้าน พบว่าทุกด้านมีระดับความคิดเห็นอยู่ใน ระดับดีมาก โดยองค์ประกอบการแสดงด้านบทละคร ค่าเฉลี่ย 4.57 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .588 องค์ประกอบการแสดงด้านฉาก ค่าเฉลี่ย 4.42 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .745 องค์ประกอบการแสดง ด้านดนตรี ค่าเฉลี่ย 4.69 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .553 องค์ประกอบการแสดงด้านการแต่งกาย ค่าเฉลี่ย 4.63 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .628 และองค์ประกอบการแสดงด้านนักแสดง ค่าเฉลี่ย 4.73 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .526
146 ตารางที่ 22 แสดงระดับความคิดเห็นด้านการแสดงสร้างสรรค์ การแสดงสร้างสรรค์ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน การแปลผล การตีความหมายใหม่ตามแบบของผู้วิจัย 4.56 .581 มากที่สุด ความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกของตัวละคร : นางละเวงวัณฬา 4.76 .460 มากที่สุด ความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกของตัวละคร : นางสุวรรณมาลี 4.79 .460 มากที่สุด ความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกของตัวละคร : พระอภัยมณี 4.59 .615 มากที่สุด การแสดงรูปแบบผสมผสานระหว่างนาฏศิลป์ไทยและ นาฏศิลป์ตะวันตก 4.72 .532 มากที่สุด กระบวนลีลาท่ารำ และท่าเต้นแบบใหม่ที่ผสมผสาน นาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตกร่วมกัน สามารถสื่อ ความหมายตามที่ผู้วิจัยต้องการตีความและถ่ายทอดได้ 4.67 .541 มากที่สุด การตีความใหม่ เพื่อสื่อให้เห็นถึงความเท่าเทียมและ ศักดิ์ศรีของมนุษย์ให้สอดคล้องตามบริบทของสังคม 4.68 .548 มากที่สุด รวม 4.68 .428 มากที่สุด ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 22 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนทั้งสิ้น 400 คน มีระดับความคิดเห็นด้าน การแสดงสร้างสรรค์ในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก โดยมีคะแนนเฉลี่ย 4.68 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .428 และเมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่าทุกด้านมีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับดีมาก โดยการ ตีความหมายใหม่ตามแบบของผู้วิจัย ค่าเฉลี่ย 4.56 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .581 ความสามารถในการ ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกของตัวละคร: นางละเวงวัณฬาค่าเฉลี่ย 4.76 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .460 ความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกของตัวละคร: นางสุวรรณมาลีค่าเฉลี่ย 4.79 ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน .460 ความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกของตัวละคร: พระอภัยมณีค่าเฉลี่ย 4.59
147 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .615 การแสดงรูปแบบผสมผสานระหว่างนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก ค่าเฉลี่ย 4.72 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .532 กระบวนลีลาท่ารำ และท่าเต้นแบบใหม่ที่ผสมผสาน นาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตกร่วมกัน สามารถสื่อความหมายตามที่ผู้วิจัยต้องการตีความและ ถ่ายทอดได้ค่าเฉลี่ย 4.67 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .541 และการตีความใหม่ เพื่อสื่อให้เห็นถึงความ เท่าเทียมและศักดิ์ศรีของมนุษย์ให้สอดคล้องตามบริบทของสังคม ค่าเฉลี่ย 4.68 ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน .548 ตารางที่ 23 แสดงระดับความพึงพอใจของผู้ชมหลังรับชมการแสดงสร้างสรรค์ การแสดงสร้างสรรค์ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน การแปลผล ความพึงพอใจด้านองค์ประกอบการแสดงด้านบทละคร 4.62 .567 มากที่สุด ความพึงพอใจด้านองค์ประกอบการแสดงด้านฉาก 4.52 .686 มากที่สุด ความพึงพอใจด้านองค์ประกอบการแสดงด้านดนตรี 4.70 .550 มากที่สุด ความพึงพอใจด้านองค์ประกอบการแสดงด้านการแต่งกาย 4.66 .570 มากที่สุด ความพึงพอใจด้านองค์ประกอบการแสดงด้านนักแสดง 4.72 .546 มากที่สุด ความพึงพอใจด้านการตีความหมายใหม่ 4.67 .554 มากที่สุด ความพึงพอใจด้านการแสดงรูปแบบผสมผสานระหว่าง นาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก 4.73 .529 มากที่สุด ความพึงพอใจด้านกระบวนลีลาท่ารำ และท่าเต้นแบบ ใหม่ที่ผสมผสานนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก ร่วมกัน สามารถสื่อความหมายตามที่ผู้วิจัยต้องการ ตีความและถ่ายทอดได้ 4.73 .513 มากที่สุด ความพึงพอใจด้านการตีความใหม่ เพื่อสื่อให้เห็นถึงความ เท่าเทียมและศักดิ์ศรีของมนุษย์ให้สอดคล้องตามบริบท ของสังคม 4.75 .498 มากที่สุด รวม 4.67 .456 มากที่สุด ที่มา: ผู้วิจัย
148 จากตารางที่ 23 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนทั้งสิ้น 400 คน มีระดับความความพึงพอใจ หลังรับชมการแสดงสร้างสรรค์ในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก โดยมีคะแนนเฉลี่ย 4.67 ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน .456 และเมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่าทุกด้านมีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับดีมาก โดยความพึงพอใจด้านองค์ประกอบการแสดงด้านบทละครค่าเฉลี่ย 4.62 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .567 ความพึงพอใจด้านองค์ประกอบการแสดงด้านฉาก ค่าเฉลี่ย 4.52ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .686ความพึงพอใจ ด้านองค์ประกอบการแสดงด้านดนตรีค่าเฉลี่ย 4.70 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .550 ความพึงพอใจด้าน องค์ประกอบการแสดงด้านการแต่งกาย ค่าเฉลี่ย 4.66 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .570 ความพึงพอใจด้าน องค์ประกอบการแสดงด้านนักแสดง ค่าเฉลี่ย 4.72 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .546 ความพึงพอใจด้านการ ตีความหมายใหม่ ค่าเฉลี่ย 4.67 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .554 ความพึงพอใจด้านการแสดงรูปแบบ ผสมผสานระหว่างนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก ค่าเฉลี่ย 4.73 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .529 ความพึงพอใจด้านกระบวนลีลาท่ารำ และท่าเต้นแบบใหม่ที่ผสมผสานนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ ตะวันตกร่วมกัน สามารถสื่อความหมายตามที่ผู้วิจัยต้องการตีความและถ่ายทอดได้ค่าเฉลี่ย 4.73 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .513 และความพึงพอใจด้านการตีความใหม่ เพื่อสื่อให้เห็นถึงความเท่าเทียม และศักดิ์ศรีของมนุษย์ให้สอดคล้องตามบริบทของสังคม ค่าเฉลี่ย 4.75 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน .498 3. การสะท้อนความคิดด้วยการตีความหมายใหม่ ให้เห็นถึงความเท่าเทียมและศักดิ์ศรี ของมนุษย์ จากกระบวนการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ผู้วิจัยพบว่า กระบวนการตีความหมาย รื้อสร้าง และการสะท้อนความคิดนั้น นำไปสู่การสะท้อนความคิดด้วยการตีความหมายใหม่ โดยผู้วิจัย นำเสนอการสะท้อนความคิดให้เห็นถึงความเท่าเทียมและศักดิ์ศรีของมนุษย์ที่สะท้อนผ่าน องค์ประกอบการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” รายละเอียด ดังนี้ 3.1 บทละคร ผู้วิจัยตีความจากวรรณกรรมเดิม เรื่องพระอภัยมณี ฉบับหอสมุดแห่งชาติ จากเดิมที่เป็นตอน หึงหน้าป้อม ซึ่งเนื้อหาในวรรณกรรมเดิมเป็นการยกทัพของนางสุวรรณมาลีรับพระอภัยมณีกลับจาก เมืองลังกาของนางละเวงวัณฬา โดยวรรณกรรมเดิมกล่าวถึงเรื่องราวของการหึงหวง การด่าทอ รวมทั้ง ความขัดแย้งแย่งชิงพระอภัยมณีชายผู้เป็นที่รัก เนื่องจากทั้งนางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬาต่างก็มี ใจรักพระอภัยมณี และมีความต้องการที่จะได้ครอบครองพระอภัยมณี จนนำไปสู่การยกทัพเพื่อทำศึก
149 สงครามระหว่างเมืองลังกาและเมืองผลึก จนเกิดสงคราม ความเสียหาย การล้มตายของทหารและ พลเมือง ซึ่งจากสิ่งที่เกิดขึ้นตามบทวรรณกรรมดังกล่าว ผู้อ่านมักจะตีความหมายว่า สตรีไม่ว่าจะมี สถานะเป็นผู้สูงศักดิ์ หรือมีความสามารถในการปกครองบ้านเมือง การรบมากเพียงใด ก็ไม่สามารถ เอาชนะอารมณ์ความรู้สึกหึงหวงได้ เป็นถึงกษัตรีแต่ยอมทำสงคราม จนสูญเสียทหารไพร่พล เพื่อให้ได้ชัยชนะในการแย่งชิงพระอภัยมณี ซึ่งจากการตีความหมายตามบทวรรณกรรมเดิมนั้น เป็น การลดคุณค่าของสตรีที่ไม่สามารถแยกแยะความถูกต้องกับเรื่องอารมณ์ ความรัก ความหึงหวงได้ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของสตรีในอดีตที่ช้างเท้าหลัง คอยสนับสนุนผู้ชาย และให้ผู้ชาย เป็นใหญ่ สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ผู้ชายมาครอบครอง ผู้วิจัยจึงมุ่งเน้นการนำเสนอแนวคิดของเรื่องผ่านบทละคร โดยบทละครจะเป็นสัญญะหนึ่ง ในการแสดงออกให้เห็นถึงคุณค่าของสตรี และประพันธ์บทละครจากการตีความหมายใหม่ของผู้วิจัย โดยนำเสนอเรื่องของความเท่าเทียม คุณค่าและศักดิ์ศรีของสตรี จากการแช่งชิงอันเนื่องมาจากความหึงหวง เปลี่ยนเป็นการแย่งชิงเพียงเพราะพระอภัยมณีนั้นเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ ที่หากผู้ใด สามารถแย่งชิงมาครอบครองได้ ก็เสมือนได้ครอบครองเมืองของอีกฝ่ายเช่นกัน การตีความหมายใหม่ ของผู้วิจัย เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของสตรี ที่นอกจากจะมีความรับผิดชอบต่อ บ้านเมืองในฐานะกษัตรีที่มีหน้าที่ในการกอบกู้บ้านเมืองและศักดิ์ศรีของตนเองไว้ การที่ได้พระอภัยมณีไว้ ก็เปรียบเสมือนชัยชนะของบ้านเมืองและเกียรติของตนเอง โดยมุ่งเน้นเรื่องของการนำเสนอแนวคิดที่ สะท้อนผ่านบทละครว่า การต่อสู้ของผู้หญิงเป็นเรื่องของการต้องการปกป้องศักดิ์ศรีของตนและ บ้านเมือง มิใช่เรื่องของความรักหรือความหึงหวงอีกต่อไป ซึ่งเป็นการสะท้อนแนวความคิดที่มีการ เปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ผู้หญิงนั้นไม่ใช่ผู้ที่ถูกด้อยค่าหรือเป็นเพียงผู้ที่สนับสนุนผู้ชายอีกต่อไป แต่เป็น การสะท้อนให้เห็นความสามารถ ความเข้มแข็งของผู้หญิงที่มีไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายแสดงให้เห็นถึง บทบาทของผู้หญิงที่มีความเท่าเทียมกับผู้ชายมากขึ้น (ธัญญา สังขพันธานนท์, 2559, น. 268 - 269) โดยมองว่าไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็มีความสามารถเท่าเทียมกันและสามารถพัฒนาได้แต่ทั้งชาย และหญิงก็ถูกปลูกฝังในเรื่องของบทบาทของเพศชายหญิงที่มีความแตกต่างกัน ตามแนวคิดสตรีนิยม สายเสรีนิยม (สันต์ สุวัจฉราภินันท์, 2550, น. 1428) ดังตัวอย่างบทละครที่สะท้อนความคิด ของนางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬาตรงกันว่า
150 “ศึกเมืองผลึกกับกรุงลังกา ต่างเกณฑ์ไพร่พลมาเต็มที่ ไม่มีใครยอมแพ้ใครในศึกนี้ ศึกแห่งศักดิ์ศรีของสตรีสองคน ไม่ใช่แค่ช่วงชิงให้ได้อภัยมณี ชายผู้เป็นสามีของทั้งสอง ใครชนะก็จะได้ครอบครอง ทั้งผู้ชายที่หมายปอง ทั้ง..ครองเมือง!!” จากตัวอย่างบทละครที่กล่าวมาข้างต้น เป็นสิ่งที่เปลี่ยนมุมมองจากการตีความบทประพันธ์เดิม ที่พยายามสื่อความหมายว่าการเกิดศึกสงครามในครั้งนี้นั้น เป็นเพราะความหึงหวงของผู้หญิงที่มีความรัก ต่อพระอภัยมณีต้องการแย่งชิงพระอภัยมณีมาครอบครอง เป็นการลดคุณค่าในตัวผู้หญิง แต่ใน ปัจจุบันเรื่องของความเท่าเทียม คุณค่าและศักดิ์ศรีของสตรีเป็นเรื่องที่ถูกให้ความสำคัญมากขึ้น ดังนั้น ผู้วิจัยจึงได้กำหนดให้เห็นถึงศักดิ์ศรีและคุณค่าของผู้หญิงมากขึ้น ดังเห็นได้จากบทละครว่า “ใครชนะ ก็จะได้ครอบครอง ทั้งผู้ชายที่หมายปอง ทั้ง..ครองเมือง” เพื่อที่จะได้เห็นว่า การที่ผู้หญิง 2 คนต้องมา ทำศึกสงครามกันจนเกิดความสูญเสียนั้น ไม่ใช่เพียงเพราะความหึงหวงเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการรักษา และปกป้องศักดิ์แห่งการเป็นผู้ครองเมือง พระอภัยมณีเป็นเหตุแห่งการหึงหวงจนนำไปสู่การทำศึก สงคราม แต่นัยยะที่ซ่อนอยู่คือ พระอภัยมณีเปรียบเสมือนศักดิ์ศรีที่นางสุวรรณมาลีและนาง ละเวงวัณฬาต้องการครอบครองเพราะการครอบครองพระอภัยมณีได้นั้น หมายถึงชัยชนะและได้อีก ฝ่ายมาครอบครองไม่ใช่เพียงเรื่องของความหึงหวงอีกต่อไป 3.2 ผู้แสดง การสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ผู้วิจัยเลือกผู้แสดงเป็นผู้ชายทั้งหมด เพื่อให้การ นำเสนอเนื้อเรื่องที่ผู้วิจัยตีความใหม่ เกิดปรากฏการณ์การแสดงที่ไม่เคยทำการแสดงลักษณะนี้มาก่อน ในอดีต การแสดงเรื่องพระอภัยมณี ตอนที่มีความเกี่ยวข้องกับนางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬา จะใช้นักแสดงชายจริง - หญิงแท้ในการแสดง ซึ่งการสร้างสรรค์ละครในการศึกษาของผู้วิจัยนี้ เป็นการสะท้อน ให้เห็นคุณค่าและศักดิ์ศรีของสตรี ผู้วิจัยจึงได้เลือกผู้แสดงชายทั้งหมด ซึ่งนอกจะเป็นการสร้าง
151 องค์ความรู้ใหม่ด้านการแสดงแล้ว ผู้วิจัยต้องการให้นักแสดงชายมีความเข้าใจ รับรู้กระบวนการทาง ความคิดของสตรี และสามารถถ่ายทอดออกมาจากความเข้าใจดังกล่าวได้อย่างสมบทบาท และเป็น การสะท้อนสิ่งที่นักแสดงเข้าใจออกมาให้ผู้ชมรับรู้ผ่านความคิดตัวละคร อีกทั้งเป็นการท้าทาย ความสามารถของผู้แสดงที่จะสามารถถ่ายทอดกระบวนการทางความคิดของเพศหญิง นอกจากนี้ การสร้างสรรค์ละครเรื่อง “เงาสะท้อน” เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของสองกษัตรีที่มีความเก่งกล้า ทางด้านการนำทัพและการปกครองบ้านเมือง การเลือกนักแสดงชายมารับบทบาทเป็นการทำให้ภาพ ชัดเจนในเรื่องของอำนาจ การต่อสู้ ความรัก ความสูญเสีย ความโกรธแค้นได้อย่างชัดเจนในด้าน พละกำลัง ความเข้มแข็ง ซึ่งนักแสดงชายจะสามารถแสดงออกถึงความเข้มแข็งได้มากกว่านักแสดงหญิง เป็นการสร้างสรรค์ที่ต้องการให้นักแสดงชายได้สะท้อนความคิด อารมณ์ ความรู้สึกผ่านการสร้างสรรค์ ละคร 3.3 เครื่องแต่งกาย ผู้วิจัยออกแบบเครื่องแต่งกายตัวละครหลัก ได้แก่ นางสุวรรณมาลี นางละเวงวัณฬา และ พระอภัยมณี โดยใช้สีทองเป็นสีของเครื่องแต่งกายของตัวละคร จากการศึกษารูปแบบการแสดงเรื่อง พระอภัยมณีที่ผ่านมานั้น เครื่องแต่งกายจะมีความแตกต่างในการเลือกใช้สีของผู้สร้างสรรค์การแสดง โดยพระอภัยมณี และนางสุวรรณมาลีจะกำหนดให้มีเครื่องประดับสีทองตามแบบของไทย เนื่องจาก สีทอง คือสีที่สื่อถึงคุณค่า ความสำคัญ ฐานันดรศักดิ์ความสูงศักดิ์ ความศรัทธา และเป็นสีแห่งคุณค่า ความสง่างาม แต่เครื่องแต่งกายของนางละเวงวัณฬาจะนิยมใช้สีแดง - ดำ สำหรับการสร้างสรรค์ องค์ประกอบด้านเครื่องแต่งกายนั้น ผู้วิจัยตีความหมายเครื่องแต่งกายของตัวละครหลักทั้ง 3 ตัวละคร ที่อยู่ในวรรณะกษัตริย์ จึงเลือกสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายด้วยสีทอง เป็นสีที่ทรงคุณค่าและสง่างาม ผู้วิจัยสร้างสรรค์ให้นางสุวรรณมาลี นางละเวงวัณฬา และพระอภัยมณีสวมเครื่องแต่งกายที่มีสีทอง ทั้งหมด เพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็มีความเท่าเทียม มีคุณค่า และ ศักดิ์ศรีที่เสมอกันตามแนวคิดการตีความของผู้วิจัย โดยมีรายละเอียดดังนี้ 3.3.1 นางสุวรรณมาลี กษัตรีแห่งเมืองผลึกเป็นผู้มีความสามารถในการปกครอง บ้านเมือง การนำทัพทำศึกสงคราม ความเก่งกล้า เด็ดเดี่ยว ผู้วิจัยเครื่องแต่งกายสร้างสรรค์สีทอง ที่เปรียบเสมือนทองคำโบราณ มีคุณค่าตามกาลเวลา โดยเครื่องแต่งกายของนางสุวรรณมาลีจะเป็น สีทองทั้งชุด มีความประณีตงดงามในการสร้างสรรค์ เพื่อสื่อให้เห็นเอกลักษณ์ความสง่า และสูงค่าตาม แบบของไทย
152 3.3.2 นางละเวงวัณฬา กษัตรีแห่งเมืองลังกา ผู้มีความสามารถรอบด้านทั้งการปกครอง เมือง การนำทัพ และเวทมนตร์ผู้วิจัยสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายสีทองที่เปรียบเสมือนทองคำบริสุทธิ์ ที่มีคุณค่า และควรค่าต่อการเก็บรักษา โดยเครื่องแต่งกายของนางละเวงวัณฬาจะสร้างสรรค์ให้มี เอกลักษณ์ตามรูปแบบของตะวันตก มีความสง่างาม แสดงถึงพลังอำนาจของนางกษัตริย์ 3.3.3 พระอภัยมณี กษัตริย์ผู้มีความสามารถ ผู้วิจัยสร้างสรรค์เครื่องแต่งกาย โดยใช้ สีเงินและสีทอง ซึ่งสีทองนั้นแสดงถึงความสง่างามของวรรณะกษัตริย์ แต่ผู้วิจัยตั้งใจในการใช้สีเงิน เข้ามาเสริม เพื่อเป็นการสร้างสัญญะของการเป็นตัวกลางในการเกิดเรื่องราวทั้งหมด โดยจะเป็น การผสมผสานกันระหว่างความสง่างามของพระอภัยมณีและสะท้อนถึงการเป็นต้นเหตุของเรื่องราว ที่เกิดขึ้น 3.4 ลีลานาฏศิลป์ ผู้วิจัยสร้างสรรค์ลีลาท่ารำ โดยการผสมผสานนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตกนำเสนอ และถ่ายทอดเรื่องราวจากการตีความหมายและประพันธ์บทละครจากการตีความใหม่ ใช้การออกแบบ ท่านาฏศิลป์ไทย และการใช้ Ballet Pantomime ผสมผสานเข้าด้วยกัน ในฉากเกี้ยวของพระอภัยมณี กับนางละเวงวัณฬา รวมทั้งการใช้ท่านาฏศิลป์ร่วมสมัย (Contemporary) ในฉากผีเสื้อสมุทร ลักพระอภัยมณีใช้การแสดง Court Dance ฉากระบำราชสำนัก นอกจากนี้ผู้วิจัยได้ดำเนินการ สร้างสรรค์ท่ารำบทอัศจรรย์ขึ้นใหม่ในฉากเกี้ยวพาราสีของพระอภัยมณีและนางสุวรรณมาลี จากการ สร้างสรรค์ท่ารำของผู้วิจัย เพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความคิดจากการตีความหมายใหม่ นำเสนอ ผ่านลีล่าท่ารำ เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเรื่องความเท่าเทียม คุณค่าและศักดิ์ศรีจากการตีความ ไปยังผู้ชม โดยมีตัวอย่างของท่ารำที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของสตรี ดังนี้
153 ภาพที่ 42 นางละเวงวัณฬา เต้นเดี่ยว ในท่าบัลเล่ต์ ที่มา:ผู้วิจัย ตัวละคร: นางละเวงวัณฬา เต้นเดี่ยว ในท่าบัลเล่ต์ คือ ท่าแขน second แล้วยกสูงขึ้นใน ระดับตัววี (V) เป็นการแสดงท่าทางที่สื่อความหมายการแสดงอากัปกิริยาในการสร้างสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น ให้มีความอุดมสมบูรณ์ งดงามตามครรลองครองธรรม โดยตัวละครสื่อสารถึงการสร้างบ้านเมืองผลึก ของนางละเวงวัณฬา ภาพที่ 41 นางสุวรรณมาลี รำเดี่ยว ที่มา: ผู้วิจัย ตัวละคร: นางสุวรรณมาลีรำเดี่ยว นาฏศิลป์ไทยที่มาจากท่าแม่บท คือ ท่าผาลา และกระดกเสี้ยว เป็นการแสดงท่าทางที่สื่อความหมาย: นางกษัตริย์ที่มีความงดงาม ตามแบบสตรีสูงศักดิ์
154 3.5 อุปกรณ์ประกอบการแสดง ผู้วิจัยสร้างสรรค์อุปกรณ์ประกอบการแสดง โดยมีจุดมุ่งหมายให้อุปกรณ์การแสดงนั้นเป็น หนึ่งในสัญลักษณ์ที่จะสะท้อนการตีความจากผู้วิจัย ถ่ายทอดผ่านสัญลักษณ์ไปยังผู้ชม โดยอุปกรณ์ ประกอบการแสดงที่มีความสำคัญของการสร้างสรรค์ละคร มีรายละเอียด ดังนี้ 3.5.1 กระจก เป็นอุปกรณ์การแสดงที่มีความสำคัญมาก นอกจากจะเป็นอุปกรณ์ที่ทำ หน้าที่สะท้อนภาพความเป็นจริงแล้ว ผู้วิจัยยังได้สร้างสรรค์ให้กระจกเป็นสัญลักษณ์ในการสะท้อน ความคิดจากการตีความของผู้วิจัย ผ่านตัวละครนางละเวงวัณฬาและนางสุวรรณมาลี เพื่อให้เห็นถึง คุณค่า ศักดิ์ศรีของสตรีอีกด้วย 3.5.2 ปี่ เป็นอุปกรณ์การแสดงที่มีความสำคัญชิ้นหนึ่ง เนื่องจากเป็นสัญญะที่ทำให้เกิด ภาพจำว่าคือพระอภัยมณี เนื่องจากเป็นอาวุธคู่กายที่เป็นต้นเหตุแห่งเรื่องราวทั้งหมด นำไปสู่การเกิด โศกนาฏกรรมทางความรัก และนำไปสู่การเกิดศึกสงครามเกิดขึ้น 3.5.3 บัลลังก์เมืองลังกา เป็นสัญญะที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ สง่างามของนาง ละเวงวัณฬา ตามรูปแบบการขึ้นครองเมืองของตะวันตก ซึ่งการนำบัลลังก์มาเป็นอุปกรณ์ประกอบ ฉากเพื่อให้แสดงถึงการอยู่เหนือผู้อื่น เช่น แสดงถึงความเป็นกษัตริย์ผู้มีอำนาจเหนือผู้อื่น 3.5.4 เครื่องราชูปโภค เป็นอุปกรณ์การแสดงที่เป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นกษัตริย์ เนื่องจากเครื่องราชูปโภคเป็นเครื่องใช้ส่วนตัวของกษัตริย์ เพื่อเป็นสัญญะที่แสดงให้เห็นถึงเกียรติยศ ของนางสุวรรณมาลีผู้เป็นกษัตรีแห่งเมืองผลึก อุปกรณ์การแสดงที่ผู้วิจัยกำหนดไว้ในการสร้างสรรค์ละครนั้น เป็นสิ่งที่ผู้วิจัยต้องการใช้ อุปกรณ์ประกอบการแสดงเป็นสัญญะในการสื่อความหมายให้เห็นถึงความเชื่อเรื่องของการกำหนด ความหมายมากกว่าสิ่งที่ปรากฏตามสิ่งที่เห็น และสะท้อนให้เห็นถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้ อุปกรณ์ประกอบการแสดงที่สะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ ความมีคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้หญิงที่ ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชาย 3.6 พื้นที่เวที และฉากในการแสดง การออกแบบพื้นที่และฉากในการแสดง ผู้วิจัยสร้างสรรค์โดยการนำเทคโนโลยีด้านการจัด ฉาก แสง และเทคนิคพิเศษ มาใช้ในการจัดการสร้างสรรค์ละคร เพื่อให้มีความน่าสนใจตามบทละคร ซึ่งฉากที่ใช้ในการแสดงนั้นมีฉากเดียว แต่จะนำเทคโนโลยีสื่อผสมมาใช้ในการถ่ายทอดและนำเสนอ เรื่องราว เพื่อให้สามารถสะท้อนแนวความคิดจากการตีความหมายใหม่ที่ผู้วิจัยต้องการนำเสนอไปยัง
155 ผู้ชมได้ซึ่งนอกจากการสะท้อนความคิดจากการตีความแล้ว รูปแบบของการจัดฉากภายใต้ฉากเดียวนั้น ผู้วิจัยได้กำหนดรูปแบบการแบ่งพื้นที่บนฉากสำหรับการแสดง เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเท่าเทียม โดยการกำหนดพื้นที่ฉากและเวทีให้เห็นถึงความสมดุลของตัวละครที่มีศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมกัน ภาพที่ 44 การใช้พื้นที่แสดงถึงความเท่าเทียมของนางสุวรรณมาลี – นางละเวงวัณฬา ที่มา: ผู้วิจัย จากภาพดังกล่าว ผู้วิจัยได้กำหนดพื้นที่บนฉากและเวทีให้เห็นถึงความเท่าเทียมกันระหว่าง นางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬา สองกษัตรีที่มีความเป็นผู้นำ เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว มีความสามารถ ในการนำทัพออกทำศึกสงครามและปกครองบ้านเมืองได้ 4. องค์ความรู้ใหม่ที่ได้จากการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง เงาสะท้อน ละเวงวัณฬา – สุวรรณมาลี: การตีความและการผสมผสานรูปแบบการแสดงสร้างสรรค์จากเรื่อง พระอภัยมณี ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดทฤษฎีที่หลากหลาย เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์การแสดง เรื่อง เงาสะท้อน ละเวงวัณฬา – สุวรรณมาลี: การตีความและการผสมผสานรูปแบบการแสดง สร้างสรรค์จากเรื่องพระอภัยมณีซึ่งการสร้างสรรค์การแสดง โดยการนำบทวรรณกรรมอันทรงคุณค่า เรื่อง พระอภัยมณี ตอนหึงหน้าป้อม มาตีความหมายใหม่ผ่านแนวคิดทฤษฎีการรื้อสร้าง แนวคิด สตรีนิยม แนวคิดการสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้หญิงที่มีความสามารถ เท่าเทียมผู้ชาย นำไปสู่การสร้างองค์ประกอบการแสดงทุกองค์ประกอบ เพื่อให้การแสดงนั้นมีความสมบูรณ์
156 และสามารถถ่ายทอดความหมายการตีความผ่านการแสดงที่มีการผสมผสานนาฏศิลป์ไทยและ นาฏศิลป์ตะวันตกได้อย่างลงตัว การแสดงที่เสร็จสมบูรณ์และได้รับความชื่นชอบจากผู้ชมที่ให้ความสนใจ ผลงานแสดงสร้างสรรค์ของผู้วิจัยนั้น ผู้วิจัยพบองค์ความรู้จากการส้รางสรรค์การแสดง ดังนี้ 4.1 องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นต่อผู้วิจัย 1) องค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการ เนื่องด้วยการสร้างการแสดงสร้างสรรค์นั้น เป็น การดำเนินงานที่มีหลายขั้นตอน มีความซับซ้อน และต้องทำงานร่วมกับบุคคลหลายฝ่าย ดังนั้น ผู้วิจัย จะต้องมีการบริหารจัดการที่ดี ตั้งแต่กระบวนการคิด การกำหนดแนวทาง การสร้างสรรค์องค์ประกอบ ของการแสดง ซึ่งนอกจากจะจัดการบริหารความคิดในการลำดับขั้นตอนการทำงานแล้ว ผู้วิจัยยังต้อง บริหารคนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของผู้วิจัย เพื่อให้การดำเนินการสามารถสำเร็จลุล่วงได้ ด้วยดี ผู้วิจัยต้องใช้ความอดทนในการบริหารงาน รวมถึงการบริหารเวลาให้สำเร็จทันต่อกำหนดการ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น 2) องค์ความรู้ด้านการกำกับการแสดง เนื่องด้วยการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ผู้วิจัยเป็นผู้กำหนดแนวทางการสร้างการแสดงด้วยตนเองทุกขั้นตอน ซึ่งในบางขั้นตอนผู้วิจัยยังไม่เคย ได้ลงมือทำอย่างจริงจังมาก่อน ทำให้เกิดการเรียนรู้ เช่น การจัดแสง การจัดฉาก เพราะส่วนใหญ่ ผู้วิจัยจะมีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบท่าเต้น การต้องออกแบบองค์ประกอบการสร้างสรรค์ การแสดงทุกองค์ประกอบ เป็นความท้าทายและเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่ผู้วิจัยได้รับ โดยผู้วิจัยต้องศึกษา ด้วยตนเอง และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มีความรู้เชิงลึกของแต่ละองค์ประกอบ เพื่อที่จะสามารถ อธิบายให้ผู้ที่ทำงานในแต่ละด้านมีความเข้าใจตรงกันกับผู้วิจัย และให้การสร้างสรรค์ทุกองค์ประกอบ สำเร็จได้ตามความประสงค์ของผู้วิจัย 4.2 องค์ความรู้ใหม่ต่อวงวิชาชีพนาฏศิลป์ 4.2.1 องค์ความรู้ด้านการตีความหมายใหม่ การตีความหมายใหม่ของวรรณกรรม เรื่อง พระอภัยมณี ตอนหึงหน้าป้อมผ่านทฤษฎีสตรีนิยมสายเสรีนิยมที่เชื่อว่ามนุษย์มีความสามารถในการใช้ เหตุผล ดังนั้นสังคมที่ดีจึงต้องเปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนได้พัฒนาความสามารถในการใช้เหตุผล แนวคิดกลุ่มนี้เชื่อว่าเพศชาย และเพศหญิงไม่แตกต่างกันในเรื่องความสามารถ เพราะมนุษย์ถูก ปลูกฝังสั่งสอนความเป็นชายความเป็นหญิง และบทบาททางเพศที่แตกต่างกัน ซึ่งการนำวรรณกรรม ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ พระอภัยมณี มาตีความหมายใหม่ผ่านแนวคิดสตรีนิยม และสะท้อนผ่านตัวละครหลัก
157 จากวรรณกรรม เพื่อให้เป็นการเผยแพร่แนวความคิด เรื่องความเท่าเทียมระหว่างเพศ คุณค่าและ ศักดิ์ศรีของสตรีผ่านวรรณกรรมที่ทรงคุณค่าและการแสดงสร้างสรรค์ที่เกิดจากการรื้อสร้างตามการ ตีความหมายใหม่ของผู้วิจัย โดยสร้างมุมมองใหม่ให้แก่ผู้ชมจากความคิดเรื่องชายเป็นใหญ่ หญิงเป็น ผู้คอยสนับสนุนผู้ชายเท่านั้น ให้มองในมุมที่หญิงมีคุณค่าและศักดิ์ศรีไม่ต่างจากชาย ซึ่งการ ตีความหมายและนำเสนอผ่านการแสดงสร้างสรรค์ เป็นการนำเสนอในรูปแบบของการต่อสู้เพื่อ แย่งชิงพระอภัยมณีซึ่งมิใช่ด้วยเหตุแห่งความหึงหวง แต่เป็นเรื่องความต้องการชัยชนะ เพื่อให้ ได้ครอบครองเมืองและพระอภัยมณี เป็นการรักษาและปกป้องสตรีในฐานะกษัตริย์ผู้ครองเมืองที่มี ความสามารถในการทำศึกสงครามของผู้หญิง ซึ่งการตีความหมายใหม่ของผู้วิจัยสามารถวางกรอบ แนวคิดและถ่ายทอดเรื่องของคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้หญิงได้อย่างดีจากบทละครและการแสดง สร้างสรรค์ที่ผู้วิจัยได้ตีความหมายใหม่และรื้อสร้างการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ดังตัวอย่างบทละคร ศึกเมืองผลึกกับกรุงลังกา ต่างเกณฑ์ไพร่พลมาเต็มที่ ไม่มีใครยอมแพ้ใครในศึกนี้ ศึกแห่งศักดิ์ศรีของสตรีสองคน ไม่ใช่แค่ช่วงชิงให้ได้อภัยมณี ชายผู้เป็นสามีของทั้งสอง ใครชนะก็จะได้ครอบครอง ทั้งผู้ชายที่หมายปอง ทั้ง..ครองเมือง!! บทละครที่กล่าวมาข้างต้น เป็นสิ่งที่ผู้วิจัยได้เปลี่ยนมุมมองจากการตีความบทประพันธ์เดิม ที่พยายามสื่อความหมายว่าการเกิดศึกสงครามในครั้งนี้นั้น เป็นเพราะความหึงหวงของผู้หญิงที่มี ความรักต่อผู้ชายคนเดียวกันคือพระอภัยมณีจึงยอมทำทุกอย่างแม้จะต้องสูญเสียไพร่พลกำลังทหาร ก็ยอม เพราะว่าต้องการแย่งชิงพระอภัยมณีมาครอบครอง ซึ่งการมองเช่นนี้เป็นการไม่ให้คุณค่า ในตัวผู้หญิง เนื่องจากเป็นการมองว่า ผู้หญิงนั้น ไม่ว่าจะสูงศักดิ์เพียงใด แต่ว่าด้วยเรื่องของความหึงหวง ก็สามารถยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งคนที่รัก ผู้วิจัยได้เห็นต่างจากการตีความด้านนี้ เนื่องจาก
158 ในปัจจุบันเรื่องของความเท่าเทียม คุณค่าและศักดิ์ศรีของสตรีเป็นเรื่องที่ถูกให้ความสำคัญมากขึ้น ดังนั้น ผู้วิจัยจึงได้ประพันธ์บทออกมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีและคุณค่าของผู้หญิงมากขึ้น ดังเห็นได้ จากบทประพันธ์ในประโยคที่กล่าวว่า “ใครชนะก็จะได้ครอบครอง ทั้งผู้ชายที่หมายปอง ทั้ง..ครองเมือง” เพื่อที่จะได้เห็นว่า การที่ผู้หญิง 2 คนต้องมาทำศึกสงครามกันจนเกิดความสูญเสียนั้น ไม่ใช่เพียง เพราะความหึงหวงเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการรักษาและปกป้องศักดิ์แห่งการเป็นผู้ครองเมือง พระอภัยมณีอาจจะเป็นเหตุแห่งการหึงหวงจนนำไปสู่การทำศึกสงคราม แต่นัยยะที่ซ่อนอยู่คือ พระอภัยมณีเปรียบเสมือนศักดิ์ศรีที่นางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬาต้องการครอบครอง เพราะ การครอบครองพระอภัยมณีได้นั้น หมายถึงชัยชนะไม่ใช่เพียงเรื่องของความหึงหวงอีกต่อไป 4.2.2 องค์ความรู้ด้านการผสมผสานกันระหว่างนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก การแสดงเรื่องพระภัยมณีที่ผ่านมาในอดีต จะเป็นการแสดงที่เน้นการนำเสนอเรื่องราว โดยใช้ศิลปะการแสดงนาฏศิลป์ไทยเป็นหลัก โดยการแสดงฝั่งตะวันตก ได้แก่ การแสดงของ นางละเวงวัณฬานั้น จะเป็นการใช้ท่าทาง ใช้มือในการนำเสนอเรื่องราว ในการนำเสนอละครสร้างสรรค์ ครั้งนี้ ผู้วิจัยนำศิลปะการแสดงนาฏศิลป์ตะวันตกมาร่วมในการนำเสนอการแสดงสร้างสรรค์ เป็นการ นำรูปแบบการแสดงตะวันตก เช่น Ballet, Modern Dance, Court Dance, Ballet Pantomime, Contemporary Dance มาประดิษฐ์เป็นท่าเต้นใหม่เพื่อนำมาใช้ประกอบการแสดงสร้างสรรค์ ซึ่ง นอกจากจะมีการนำนาฏศิลป์ไทยมานำเสนอในรูปแบบของไทย และนำนาฏศิลป์ตะวันตกมา นำเสนอในรูปแบบตะวันตก เพื่อให้เห็นถึงความงดงามของศิลปะการแสดงแต่ละรูปแบบแล้ว ผู้วิจัยยังได้ประดิษฐ์ท่ารำใหม่ที่มีการผสมผสานกันระหว่านาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก เพื่อให้ได้องค์ความรู้ใหม่ด้านความสามารถในการผสมผสานกันระหว่างศิลปะการแสดงของไทยและ ตะวันตก ซึ่งจากการออกแบบท่ารำ ระบำ ในรูปแบบการผสมผสานที่นำเสนอนั้น ได้รับการตอบรับ จากผู้ชมเป็นอย่างดีจึงเป็นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้แก่วงการวิชาการด้านนาฏศิลป์
159 ภาพที่45 การออกแบบท่ารำที่มีการผสมผสานระหว่างนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก ที่มา: ผู้วิจัย ภาพที่ 46 การออกแบบท่ารำที่มีการผสมผสานระหว่างนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก ที่มา: ผู้วิจัย 4.2.3 องค์ความรู้ด้านการประดิษฐ์ท่ารำใหม่ในบทอัศจรรย์ ผู้วิจัยได้ศึกษาตัวบท ประพันธ์เดิมและรูปแบบการแสดงที่มีในอดีต ซึ่งผู้วิจัยต้องการให้การแสดงสร้างสรรค์เป็นแบบ สมัยใหม่ที่มีการเปิดกว้างด้านการแสดงและแนวความคิดในการสร้างการแสดงสร้างสรรค์ แต่ใน ขณะเดียวกันก็จะต้องไม่ทำลายศิลปะการแสดงที่อนุรักษ์ไว้ เพียงแต่ต้องการสร้างรูปแบบการแสดง
160 ขึ้นมาเพื่อให้การศึกษารูปแบบการแสดงในครั้งต่อไปนั้นมีการพัฒนาและต่อยอดการแสดงให้มี การพัฒนาต่อไปในอนาคตได้ ฉากหนึ่งที่ผู้วิจัยมีความตั้งใจคือการสร้างฉากอัศจรรย์ที่เป็นการแสดง การพลอดรักกันระหว่างนางสุวรรณมาลีและพระอภัยมณี เพื่อให้เห็นถึงท่ารำที่มีความงดงามและ สื่อความหมายประกอบกับบทเพลงอ้อนรักที่ประพันธ์ขึ้น ดังนี้ ค่ำคืนนี้ หมู่ดวงดาว พราวพร่างฟ้า ดวงจันทรา งามระยับ จับใจฝัน เสียงจิ้งหรีด หวีดวอน อ้อนรักกัน ดังเธอฉัน แบ่งปันรัก สลักทรวง คลอเคล้าคู่ สู่สอง ประคองรัก ด้วยใจจัก รักจริง กว่าสิ่งไหน โอ้ดวงจันทร์ ทาบแผ่นฟ้า เมฆคลาไคล สองดวงใจ ยามค่ำคืน แสนชื่นบาน ภาพที่ 47 ฉากอัศจรรย์ พระอภัยมณี– นางสุวรรณมาลี ที่มา: ผู้วิจัย
161 ภาพที่ 48 ฉากอัศจรรย์ พระอภัยมณี– นางสุวรรณมาลี ที่มา: ผู้วิจัย 4.2.4 องค์ความรู้ด้านการใช้สัญญะในการแสดง เพื่อสะท้อนความคิดผ่านการตีความ ของผู้วิจัย รูปแบบการนำเสนอการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” นั้น ผู้วิจัยใช้กระจกเป็นสัญลักษณ์ ในการสะท้อนความคิดของนางสุวรรณมาลี นางละเวงวัณฬาผ่านกระจก และนอกจากจะเป็น การสะท้อนความคิดภายในจิตใจของตัวละครหลักทั้ง 2 แล้ว กระจกยังเป็นสัญลักษณ์ในการสะท้อน ความรู้สึกและความคิดด้านความเท่าเทียม คุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้หญิงมายังผู้ชม กระจกเป็น สัญลักษณ์สะท้อนสิ่งที่ผู้วิจัยต้องการนำเสนอ ภาพที่ 49 การสะท้อนความคิดผ่านกระจกนางสุวรรณมาลี ที่มา: ผู้วิจัย
162 ภาพที่50 การสะท้อนผ่านกระจกนางละเวงวัณฬา ที่มา: ผู้วิจัย นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังได้นำสัญลักษณ์อื่น ๆ มาใช้ในการแสดงสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดการสื่อ ความหมายโดยใช้องค์ประกอบของการแสดงสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือในการสื่อความหมายให้แก่ผู้ชม ได้แก่ การใช้สีทองในเครื่องแต่งกายของนักแสดง เพื่อเป็นการสื่อความหมายของความสูงศักดิ์ ซึ่งจะสังเกตได้ว่า นักแสดงหลัก ได้แก่ พระอภัยมณี นางสุวรรณมาลี และนางละเวงวัณฬา จะมี เครื่องแต่งกายสีทอง เพื่อเป็นการแสดงถึงการมีคุณค่า เนื่องจากตัวละครทั้ง 3 นั้นเป็นกษัตริย์ ดังนั้น การใส่เครื่องแต่งกายสีทองจึงเป็นการบ่งบอกถึงความสง่างามตามวรรณะของตัวละคร และนอกจาก การบอกวรรณะแล้วยังเป็นการแสดงถึงความเท่าเทียมระหว่างนางสุวรรณมาลี นางละเวงวัณฬา และ พระอภัยมณีด้วย การแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสุ่มของนางละเวงวัณฬา เป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึงเครื่องแต่งกาย ของสตรีสูงศักดิ์ในสมัยวิกตอเรียน รวมไปถึงการทำผมทรงสูง ที่เป็นเครื่องแต่งกายและการทำผมที่ให้ เห็นถึงความแตกต่างจากการแต่งกายของนางฝรั่งคนอื่น เพื่อให้ผู้ชมสามารถเข้าใจได้จากการชมว่า เป็นผู้ที่มีพลังอำนาจเหนือผู้อื่น การใส่ช้องผมของนางสุวรรณมาลีที่มีความยาวเลยเอวลงมา เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็น ถึงการเป็นสตรีสูงศักดิ์ในวัง ซึ่งโดยปกติแล้ว การใส่ช้องจะมีความยาวอยู่ที่ประมาณบ่า
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ จากกระบวนการสร้างสรรค์การแสดงเรื่อง เงาสะท้อน ละเวงวัณฬา –สุวรรณมาลี: การตีความ และการผสมผสานรูปแบบการแสดงสร้างสรรค์จากเรื่องพระอภัยมณีสู่การเผยแพร่สู่สาธารณชน ในรูปแบบออนไลน์ ผู้วิจัยสรุป รายละเอียดการสร้างสรรค์ตามวัตถุประสงค์ของวิทยานิพนธ์ ดังนี้ 1. สรุปผลการวิจัย 1.1 การสร้างสรรค์การแสดง เรื่อง “เงาสะท้อน” 1.2 ผลการประเมินเชิงคุณภาพของละครสร้างสรรค์ เรื่อง “เงาสะท้อน” 1.3 การสะท้อนความคิดด้วยการตีความหมายใหม่ ให้เห็นถึงความเท่าเทียมและ ศักดิ์ศรีของมนุษย์ 2. อภิปรายผล 3. ข้อเสนอแนะ 1. สรุปการวิจัย 1.1 การสร้างสรรค์การแสดง เรื่อง “เงาสะท้อน” 1.1.1 การกำหนดแนวคิดและรูปแบบการแสดง การกำหนดแนวคิดในการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง เงาสะท้อน ละเวงวัณฬา – สุวรรณมาลี: การตีความและการผสมผสานรูปแบบการแสดงสร้างสรรค์จากเรื่องพระอภัยมณีผู้วิจัยมีแนวคิด ที่ต้องการนำเสนอการแสดงที่มีความแตกต่างจากอดีต โดยเฉพาะเรื่องการแสดงที่มีความแตกต่าง ทางด้านวัฒนธรรมการแสดงระหว่างนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก เพื่อที่จะนำความแตกต่าง ของศิลปะการแสดงมาผสานกันอย่างลงตัว โดยผู้วิจัยเลือกวรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณี ตอนหึงหน้าป้อม เป็นวรรณกรรมต้นแบบที่จะนำมาตีความใหม่ผ่านแนวคิดทฤษฎีการตีความ การรื้อสร้าง สตรีนิยม และการสะท้อน เป็นตอนที่มีการโต้ตอบระหว่างนางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬา สตรีสูงศักดิ์ ที่ต้องทำศึกสงครามด้วยเหตุที่ต้องการแย่งชิงพระอภัยมณี แต่การตีความและรื้อสร้างในมุมมองของ
164 ผู้วิจัยที่ต้องการให้เห็นรูปแบบการตีความที่มีความแตกต่าง การต่อสู่และแย่งชิงมิใช่เพื่อความหึงหวง แต่เป็นการรักษาศักดิ์ศรีและคุณค่าของสตรีไว้ นอกจากนี้ผู้วิจัยยังมีการกำหนดให้นักแสดงทั้งหมด เป็นผู้ชาย เนื่องจากบทบาทของตัวละครหลักนั้นเป็นกษัตริย์ผู้ครองเมืองและผู้นำทัพที่เก่งกล้าไม่แพ้ ผู้ชาย จะมีความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวสมเป็นผู้นำ ดังนั้น การที่นักแสดงผู้ชายมารับบทบาทนี้จะสามารถ ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก และการแสดงให้เข้มแข็งสมกับการเป็นผู้นำได้อย่างดี รูปแบบการแสดง เรื่อง “เงาสะท้อน วัณฬา - สุวรรณมาลี” เป็นรูปแบบและองค์ประกอบ ของละครเพลง (Musical Theatre) โดยนำการร้อง ไม่ว่าจะเป็นการร้องเดี่ยว การร้องคู่ และการร้อง ประสานเสียงมาใช้ในการสร้างสรรค์ละคร เพื่อเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกผ่านการร้อง และ บทเพลงของนักแสดง นอกจากการร้องแล้ว ผู้วิจัยได้นำ การรำ - การเต้นเป็นรูปแบบการแสดงที่มี ความสำคัญ โดยการผสมผสานระหว่างนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตกให้มีความสอดคล้องและลงตัว โดยใช้ทั้งการรำและเต้นเดี่ยว การรำ และเต้นคู่ และการะบำและเต้นหมู่ในการแสดงเพื่อถ่ายทอด บทบาท อารมณ์และความรู้สึกของนักแสดงจากการตีความหมายใหม่ของผู้วิจัย 1.1.2 บทละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” โดยตีความหมายใหม่ ผู้วิจัยได้สร้างสรรค์บทละครขึ้นมาใหม่ โดยการศึกษาบทประพันธ์เดิมให้เข้าใจ เพื่อที่จะ สร้างสรรค์และหาจุดเชื่อมโยงระหว่างบทประพันธ์เดิมและบทประพันธ์ใหม่ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เนื่องจากวรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณี เป็นวรรณกรรมที่อยู่คู่คนไทยมานาน ผู้ที่เคยได้อ่านหรือรับชม พระอภัยมณีในอดีตจะมีความรู้ความเข้าใจในแนวทางที่ใกล้เคียงกัน มีความเข้าใจเนื้อหา เรื่องราว ตัวละครที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ดังนั้น การที่ผู้วิจัยหยิบยกวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงมาตีความใหม่ จึงเป็นจุดท้าทายที่ผู้วิจัยจะต้องกำหนดโจทย์ในการตีความที่ชัดเจน ที่จะไม่เป็นการทำลายคุณค่า ของวรรณกรรมเดิม เพียงแต่จะเป็นการนำเสนอแนวทางการตีความหมายและการนำเสนอในรูปแบบ ที่มีการนำเสนอที่แตกต่างจากอดีต ซึ่งจากการตีความตัวละครพระอภัยมณีที่ผ่านมานั้น เป็นการตีความ ให้เห็นถึงความมีเสน่ห์ ความสามารถของอภัยมณีที่เป็นคนเก่งเป็นคนดี (วรรณวิไล ชุ่มใจ, 2559, น. 109) ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ใด คนมักจะมองข้ามความผิดของพระอภัยมณี ด้วยแนวคิดเดิมที่ถูกส่งต่อว่า พระอภัยมณีเป็นพระเอกของเรื่อง จึงเป็นคนดี และคนเก่งเสมอ แต่ผู้วิจัยสนใจในประเด็นเรื่อง ของความเท่าเทียม คุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ จึงได้นำวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ตอน หึงหน้าป้อมมาตีความให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปผ่านทฤษฎีการตีความ การรื้อสร้าง สตรีนิยม เพื่อเป็นการรักษาคุณค่า ศักดิ์ศรี ความเท่าเทียมของมนุษย์ จากการตีความว่านางสุวรรณมาลีและนาง
165 ละเวงวัณฬาแย่งชิงพระอภัยมณีด้วยเหตุแห่งความหึงหวงจนเกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง เป็นการตีความ และสร้างสรรค์บทละครใหม่ที่ผู้หญิงจะไม่ได้แย่งชิงผู้ชายเพราะความหึงหวงอีกต่อไป แต่การแย่งชิงนั้น เป็นการกระทำที่เกิดจากแนวคิดว่าพระอภัยมณีนั้นเป็นเพียงเครื่องมือที่ต้องรักษาไว้ เพื่อที่จะเป็น การปกป้องและรักษาศักดิ์ศรีของตนเองและบ้านเมือง ซึ่งการตีความ การรื้อสร้างในความหมายใหม่นี้ เป็นสิ่งที่ผู้วิจัยต้องการถ่ายทอดแนวคิดเรื่องของความเท่าเทียม ศักดิ์ศรีและคุณค่าของผู้หญิงถ่ายทอด ผ่านการแสดงสร้างสรรค์ที่ผู้วิจัยได้ศึกษาและถ่ายทอดออกมา 1.1.3 ดนตรีประกอบการแสดง เมื่อผู้วิจัยพัฒนาบทละครแล้วเสร็จ ผู้วิจัยสร้างสรรค์รูปแบบของดนตรี โดยผู้วิจัยเลือกใช้ ดนตรีสังเคราะห์ในการจัดการแสดงตลอดทั้งเรื่อง เนื่องจากการใช้ดนตรีสังเคราะห์จะเป็นการใช้ เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะมีการผสมผสานระหว่างดนตรีทั้งทางฝั่งไทยและฝั่งตะวันตกให้มีการผสมผสาน ได้อย่างลงตัว ในการแสดงสร้างสรรค์ที่ผู้วิจัยได้สร้างสรรค์ขึ้นมานั้น จะเน้นความสอดคล้องกับ ตัวบทละครมากที่สุด เพื่อเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวจากการตีความของผู้วิจัย ซึ่งการแสดงสร้างสรรค์ ที่ผู้วิจัยออกแบบส่วนใหญ่จะเป็นบทร้อง และเป็นการเต้นเป็นส่วนมาก การออกแบบดนตรี ประกอบการแสดงจึงมีความจำเป็นต้องมีการออกแบบอย่างดี เพื่อให้สามารถสื่ออารมณ์ตามการแสดง ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความสนุกสนาน ความเศร้า การทำศึกสงครามที่ต้องการเข้มแข็ง เพื่อให้ รูปแบบการแสดงนั้นเหมาะสมและงดความตามการออกแบบ เป็นการใช้ศาสตร์การทำดนตรี ที่รวบรวมการร้อง การเต้น การเชิดหุ่น การร่ายรำแบบไทย การต่อสู้ การเต้นแบบสากล ซึ่งเป็น การออกแบบที่มีความน่าสนใจและเหมาะสมกับบทละคร ซึ่งในการแสดงสร้างสรรค์นี้ จะมีทั้ง การประยุกต์บทประพันธ์เดิม โดยแต่งทำนองใหม่ให้ฟังง่ายเข้ากับบทละคร และลีลาท่ารำ ที่สร้างสรรค์ขึ้น และมีการประพันธ์เนื้อร้องใหม่ เพื่อให้เข้ากับการตีความหมายใหม่ของผู้วิจัย ซึ่งจาก การสำรวจข้อมูลเบื้องต้นพบว่า การใช้ดนตรีสังเคราะห์ในการดำเนินเรื่อง ทำให้เกิดความน่าสนใจ ผู้ฟังฟังตามแล้วติดหู สามารถร้องตามหรือจดจำเนื้อร้องได้ ซึ่งเป็นความประสบความสำเร็จใน การสร้างสรรค์ดนตรีในการประกอบการแสดงครั้งนี้ 1.1.4 การคัดเลือกผู้แสดง ผู้วิจัยได้วางกรอบแนวคิดในการคัดเลือกนักแสดงไว้ โดย จะต้องมีความเหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับ ทั้งในเรื่องของบุคลิกลักษณะ และความสามารถ เนื่องจาก การแสดงสร้างสรรค์เรื่องพระอภัยมณี ตอนหึงหน้าป้อมนั้น เป็นละครแนวสร้างสรรค์ที่นักแสดง จะต้องมีความสามารถทั้งการร้อง การรำ หรือการเต้น เพื่อให้สามารถสื่อสารสีหน้า ท่าทาง รวมถึง
166 ลีลาการเต้นไปยังผู้ชมได้ การแสดงสร้างสรรค์เรื่องพระอภัยมณี ตอน หึงหน้าป้อม เป็นละครที่มีการร้อง การรำ และการเต้น ดังนั้น นักแสดงที่แสดงการแสดงสร้างสรรค์จะต้องมีบุคลิกลักษณะที่เหมาะสมกับ บทบาทที่ได้รับ นอกจากนั้นสิ่งที่สำคัญคือจะต้องมีความสามารถในการร้องเพลง การเต้นรำ หรือการรำ ตามแบบนาฏศิลป์ไทย เพื่อให้การแสดงสร้างสรรค์สามารถแสดงออกมาได้ถึงบทบาท และสามารถ ถ่ายทอดความหมายจากการตีความของผู้วิจัยได้ ซึ่งการแสดงสร้างสรรค์ในครั้งนี้ ผู้วิจัยเลือกนักแสดง ที่เป็นผู้ชายทั้งหมดในการแสดง เนื่องจากแนวคิดทฤษฎีหนึ่งที่ผู้วิจัยนำมาใช้ในการตีความคือเรื่องของ สตรีนิยม ผู้วิจัยจึงต้องการให้นักแสดงที่มารับบทบาทเป็นผู้หญิงนั้น มีความรู้สึกนึกคิดคล้อยตาม เข้าใจในความแข็งแกร่ง ความสามารถ และความเข้มแข็งของผู้หญิงและให้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกออกมาได้ และนอกจากนั้น การใช้นักแสดงชายทั้งหมดในการแสดงก็ยังมีผลต่อความเข้มแข็ง ความงดงามของลีลาท่ารำ เนื่องจากการแสดงสร้างสรรค์นั้น เป็นเรื่องการผสมผสานนาฏศิลป์ไทย และนาฏศิลป์ตะวันตก อีกทั้งยังมีเรื่องราวการสู้รบ ดังนั้น การใช้นักแสดงชาย จึงเป็นการสร้างเสริม ให้การรำ การเต้นนั้นมีความเข้มแข็งและแข็งแรงเป็นการสร้างสรรค์การแสดงให้มีความงดงามเพิ่มขึ้น 1.1.5 การออกแบบลีลานาฏศิลป์ ผู้วิจัยคิดค้นกระบวนลีลาท่ารำ และท่าเต้นแบบใหม่ที่ผสมผสานนาฏศิลป์ไทยและ นาฏศิลป์ตะวันตกร่วมกัน ผ่านการแสดงสร้างสรรค์ เนื่องด้วยจากตัวละครหลัก อันได้แก่ นางละเวงวัณฬาและนางสุวรรณมาลี 2 สตรีที่มีความแตกต่างทางเชื้อชาติ วัฒนธรรมกันอย่างสิ้นเชิง ผู้วิจัยจึงมีความต้องการนำศิลปะการแสดงที่สะท้อนให้เห็นความเด่นชัด ในเรื่องของศิลปะการแสดง ที่มีความแตกต่างกันแต่สามารถนำมาผสมผสานให้เกิดความงดงามทางการแสดงได้อย่างลงตัว ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงต้องออกแบบกระบวนลีลาท่ารำใหม่ เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่าง ดึงเสน่ห์ของ ตะวันตกและไทยออกมาเพื่อให้เห็นอย่างชัดเจนในความงดงามของศิลปะการแสดงแต่ละประเภท และนำมาผสมผสานให้เกิดความกลมกลืนแต่ยังคงเด่นชัดในเรื่องของกลิ่นอายของฝั่งตะวันตกและไทย เพื่อความงดงามในศิลปะการแสดงที่ผู้วิจัยมีความต้องการให้สะท้อนความเป็นตัวตนของนักแสดงและ ยังคงแนวความคิดตามที่นักวิจัยตีความ การแสดงของฝั่งนางสุวรรณมาลีก็จะยังคงการแสดง นาฏศิลป์ไทย การแสดงฝั่งนางละเวงวัณฬาก็จะเป็นการแสดงในรูปแบของตะวันตก และเมื่อถึงฉาก ที่ต้องมีการผสมผสานกัน ก็จะมีการจัดการแสดงที่นำทั้งความแตกต่างของศิลปะการแสดง และความ เหมือนกันมาจัดการแสดงให้เป็นรูปแบบการแสดงที่มีลักษณะผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ไม่ทำเกิด
167 ความรู้สึกขัดแย้ง เป็นการสร้างสรรค์งานละครที่มีความสมดุลกันระหว่าง 2 ฝ่าย จนนำไปสู่การแสดง สร้างสรรค์ที่มีการผสมผสานได้อย่างลงตัวและงดงาม 1.1.6 การออกแบบเครื่องแต่งกาย ผู้วิจัยออกแบบเครื่องแต่งกายให้มีความสอดคล้องกับบทประพันธ์วรรณกรรม ซึ่งการแสดง สร้างสรรค์ในมุมมองของผู้วิจัยจะมีการปรับให้เข้ายุคสมัยในปัจจุบัน และมุมมองในการตีความของ ผู้วิจัย แต่ยังคงความงดงามและความเด่นชัดในเรื่องของวัฒนธรรมการแต่งกายของนักแสดงที่ยังคงมี ความเป็นไทยและตะวันตก ซึ่งสีของเครื่องแต่งกายของตัวละครหลัก ผู้วิจัยตั้งใจในการใช้สีทอง เป็นชุดของตัวละครหลัก เนื่องจากสีทองเป็นสีแห่งคุณค่า ความสง่างาม ตัวละครหลักได้แก่ นางสุวรรณมาลี นางละเวงวัณฬา และพระอภัยมณีนั้นอยู่ในวรรณะกษัตริย์ผู้วิจัยจึงต้องให้มองเห็นถึงความสง่างาม สมฐานะผู้ครองเมือง ซึ่งการออกแบบเครื่องแต่งกาย นอกจากจะมีความสมจริงตามบทบาทที่ได้รับแล้ว การออกแบบเครื่องแต่งกาย ผู้วิจัยยังให้ความสำคัญกับเครื่องแต่งกายที่มีความเหมาะสมกับการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นนาฏศิลป์ไทย นาฏศิลป์ตะวันตกที่มีรูปแบบการเคลื่อนไหวที่มีความแตกต่างกัน ดังนั้น การออกแบบเครื่องแต่งกายนอกจากจะมีความเหมาะสม สวยงาม ยังต้องสอดคล้องกับรูปแบบ การเคลื่อนไหวตามการแสดง 1.1.7 การออกแบบอุปกรณ์ประกอบการแสดง อุปกรณ์ประกอบการแสดงนั้น เป็นองค์ประกอบที่ทำให้การแสดงนั้นสมบูรณ์มากขึ้น โดย การแสดงสร้างสรรค์ เรื่องพระอภัยมณี ตอน หึงหน้าป้อมผู้วิจัยจะออกแบบอุปกรณ์ประกอบการแสดง ให้มีความสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง เช่น กระจกที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการสะท้อนให้เห็นมุมมอง การตีความในรูปแบบใหม่ในมุมมองของนักวิจัย รวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีความสำคัญในการสร้าง การแสดงสร้างสรรค์ให้มีความสมบูรณ์ ซึ่งการออกแบบอุปกรณ์ในการแสดงนั้น ผู้วิจัยใช้ทฤษฎีสัญญะ เข้ามาเป็นแนวคิดในการออกแบบ โดยการออกแบบอุปกรณ์ผู้วิจัยจะคำนึงถึงความเหมาะสมตาม บทบาทที่ผู้วิจัยสร้างสรรค์ขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของพระอภัยมณี ตอนหึงหน้าป้อม ตัวละครหลักจะอยู่ใน วรรณะสูง เป็นผู้ครองเมือง ดังนั้น การใช้สีอุปกรณ์ นอกจากจะสอดคล้องกับวัฒนธรรม สัญชาติแล้ว ผู้วิจัยจะออกแบบให้เหมาะสมกับวรรณะตามที่นักแสดงได้รับบทบาท เพื่อความสมจริง ความสวยงาม ในการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการแสดงสร้างสรรค์
168 1.1.8 การออกแบบพื้นที่เวทีและฉากในการแสดง เวทีและฉากในการแสดง หมายถึงบริเวณที่เป็นส่วนของการแสดง การทำการแสดง สร้างสรรค์ในแบบที่มีการเต้นรำประกอบ ผู้วิจัยจะแบ่งเวทีออกเป็นส่วน ๆ เพื่อความสะดวก ในการดำเนินเรื่อง และเพื่อความสะดวกในการทำงานเบื้องหลังฉาก สำหรับการแบ่งสัดส่วนของฉาก สำหรับการแสดงสร้างสรรค์เรื่องพระอภัยมณี ตอนหึงหน้าป้อมผู้วิจัยจะแบ่งพื้นที่ที่นางละเวงวัณฬา และนางสุวรรณมาลี เพื่อเป็นบริเวณที่ตั้งกระจกที่ใช้ในการสะท้อนความคิดของตัวละครหลักทั้ง 2 และจะมีพื้นที่ส่วนกลางที่นำมาแสดงในฉากต่างๆ ที่จะมีการเคลื่อนไหว เต้นรำได้ การออกแบบพื้นที่เวที และฉากในการแสดงในการแสดงสร้างสรรค์ เรื่องพระอภัยมณี ตอนหึงหน้าป้อม ซึ่งผู้วิจัยจัดการแสดง ที่โรงละครขนาดกลาง ที่มีความทันสมัย ฉากสามารถเปลี่ยนสีตามการจัดไฟได้ ซึ่งสอดคล้องกับ ความต้องการของผู้วิจัยที่จะใช้สีของแสงเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของผู้ชม อุปกรณ์ในการจัดฉาก และเวทีนั้นมีไม่มากแต่สามารถให้อารมณ์ความรู้สึกตามบทการแสดงสร้างสรรค์ได้ เนื่องจากผู้วิจัย มีความตั้งใจที่จะให้ความสำคัญกับบทบาทการแสดงมากกว่าสิ่งใด 1.1.9 การออกแบบแสง เสียง และเทคนิคพิเศษ การออกแบบแสงเป็นจุดเด่นที่สำคัญของการแสดงสร้างสรรค์ในเรื่องนี้ เนื่องจากการถ่ายทำ การแสดงสร้างสรรค์ที่มีฉากเดียวนั้น การจัดแสงจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องสามารถที่จะทำให้ ตัวละครทุกตัวนั้น มีความโดดเด่นตามบทบาท และตามจังหวะ ซึ่งการจัดแสงของผู้วิจัยจะใช้การจัด แสงไฟที่อยู่ด้านบนของนักแสดง ซึ่งโดยการจัดแสงจะเป็นการจัดแสงใส่ส่องมาจากคนดูและมากระทบ ที่ตัวนักแสดง ซึ่งการจัดแสงเช่นนั้นจะเป็นการทำให้เกิดเงาของผู้ชมมากระทบนักแสงและส่วนอื่น ๆ ได้ การจัดแสงเรื่องนี้จึงเน้นการจัดแสงแบบการแสดงแบบละครเวทีไม่บังสายตาผู้ชม นอกจากนี้ยังมี การใช้แสงเพื่อให้การแสดงมีความทันสมัยสมจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้แสงสีต่าง ๆ เพื่อให้ ความรู้สึกและอารมณ์ที่แตกต่างกัน เช่น ใช้แสงประกอบกับตัวสี ในการวาดรูปนางละเวงวัณฬา ใช้เวทมนตร์การแบลคไลท์สีสะท้อนแสง ลีลาการเต้น สะท้อนกับไฟนีออนที่สะท้อนกับแสงสีม่วง ที่ติดไว้ที่สกริม เทคนิคนี้ถ้าทำไม่ดี ไฟสะท้อนแสงไม่เจอกับแสงไฟนีออนสีม่วง ภาพนี้จะไม่เกิด ผู้แสดงต้องใส่สีดำมืด เห็นแค่สีและผู้กันลอยในอากาศเป็นการสร้างสรรค์เทคนิคพิเศษที่เกิดจาก การสร้างสรรค์ขึ้นมา รวมถึงการใช้แสง สี ในการสร้างให้เห็นภาพผู้คนจำนวนมาก เช่น ในฉากรบของ เมืองผลึกและเมืองลังกา เป็นต้น
169 1.2 ผลการประเมินเชิงคุณภาพของละครสร้างสรรค์ เรื่อง“เงาสะท้อน” ผู้วิจัยสามารถกำหนดกรอบแนวคิดด้านการทำละครได้ดี เป็นการรื้อสร้างอย่างแท้จริง ไม่ใช่ เพียงการรื้อของเก่าออกทั้งหมด แต่มีกรอบความคิดของรูปแบบเดิมอยู่ทำให้ผู้ชมสามารถเชื่อมต่อ ข้อมูลที่ผู้ชมเคยมีมาในอดีต และเมื่อมารับชมการแสดงสร้างสรรค์ก็สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากสิ่งที่มี และสิ่งที่รื้อสร้างขึ้นมาใหม่ได้ การสร้างบทละครใหม่ก็ยังคงมีการนำบางส่วนที่เป็นบทประพันธ์เดิม มีการเปลี่ยนแปลง ลดเนื้อหา และที่สำคัญยังเป็นอนุรักษ์ของเดิมที่ดีอยู่แล้วให้ยังคงอยู่ การออกแบบ การแสดงให้ตัวละคร 2 ตัวหลัก ได้แก่ นางละเวงวัณฬา และนางสุวรรณมาลีให้มีการแสดงที่แตกต่างกัน อย่างชัดเจน การที่ผู้วิจัยนำผู้ชายมาแสดงทั้งหมดเป็นเรื่องของความแข็งแรงทางการแสดง ทำให้ การแสดงงดงาม การแสดงโดยใช้นาฏศิลป์ตะวันตกต้องมีความชัดเพื่อสื่อไปยังผู้ชมได้ รวมถึงเรื่องของ ฉาก แสง เสียง ที่ออกแบบเข้ากับการแสดงสร้างสรรค์ดี ผลการวิจัยเชิงปริมาณ เป็นการประเมินคุณภาพของการสร้างสรรค์ละคร พบว่า ผู้เข้าร่วม ชมการสร้างสรรค์ละคร จำนวน 400 คน มีระดับความความพึงพอใจหลังรับชมการสร้างสรรค์ละคร ในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก โดยมีคะแนนเฉลี่ย 4.67 และเมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่าทุกด้าน มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับดีมาก ได้แก่ ด้านองค์ประกอบการแสดงด้านบทละคร คะแนนเฉลี่ย 4.57 ด้านองค์ประกอบการแสดงด้านฉาก คะแนนเฉลี่ย 4.42 ด้านองค์ประกอบการแสดงด้านดนตรี คะแนนเฉลี่ย 4.69 ด้านองค์ประกอบการแสดงด้านการแต่งกาย คะแนนเฉลี่ย 4.63 ด้านองค์ประกอบ การแสดงด้านนักแสดง คะแนนเฉลี่ย 4.73 ด้านการตีความหมายใหม่ คะแนนเฉลี่ย 4.56 ด้านการแสดง รูปแบบผสมผสานระหว่างนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก คะแนนเฉลี่ย 4.72 ด้านกระบวนลีลา ท่ารำ และท่าเต้นแบบใหม่ที่ผสมผสานนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตกร่วมกัน สามารถสื่อความหมาย ตามที่ผู้วิจัยต้องการตีความและถ่ายทอดได้ คะแนนเฉลี่ย 4.67 ด้านการตีความใหม่ เพื่อสื่อให้ เห็นถึงความเท่าเทียมและศักดิ์ศรีของมนุษย์ให้สอดคล้องตามบริบทของสังคม คะแนนเฉลี่ย 4.68 1.3 การสะท้อนความคิดด้วยการตีความหมายใหม่ ให้เห็นถึงความเท่าเทียมและศักดิ์ศรี ของมนุษย์ การสะท้อนความคิดนั้น นำไปสู่การสะท้อนความคิดด้วยการตีความหมายใหม่ โดยผู้วิจัย นำเสนอการสะท้อนความคิดให้เห็นถึงความเท่าเทียมและศักดิ์ศรีของมนุษย์ที่สะท้อนผ่านองค์ประกอบ การสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” รายละเอียด ดังนี้
170 1.3.1 บทละคร การประพันธ์บทละครจากการตีความหมายวรรณกรรม เรื่องพระอภัยมณี ตอนหึงหน้าป้อม ฉบับหอสมุดแห่งชาติ โดยการนำบทวรรณกรรมมาตีความหมายใหม่ผ่านแนวคิดการตีความ การรื้อสร้าง เงาสะท้อนและสตรีนิยม เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่า ศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมของชายหญิง จาก บทวรรณกรรมเดิมที่มีการโต้ตอบของนางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬา กษัตรีเมืองผลึกและเมือง ลังกาที่ต้องทำศึกสงครามอันเนื่องจากความหึงหวงและต้องการแย่งชิงพระอภัยมณี เป็นการตีความ ที่ลดคุณค่าของสตรี ผู้วิจัยจึงได้ตีความหมายใหม่เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเท่าเทียม คุณค่าและ ศักดิ์ศรีของสตรีที่การแย่งชิงไม่ใช่เหตุจากการหึงหวง แต่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีที่ต้องปกป้องบ้านเมือง การได้ครอบครองพระอภัยมณี เสมือนชัยชนะในการครอบครองเมือง นอกจากเป็นเรื่องของ การปกป้องศักดิ์ศรีแล้ว การสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ยังเป็นการถ่ายทอดการตีความ ในมุมมองเรื่องของการครอบครอบพระอภัยมณีไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดอีกต่อไป การดูแลพลเมืองของสองเมือง เป็นสิ่งที่สำคัญกว่า นางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬาจะพร้อมใจตัดพระอภัยมณีออกจากชีวิตและ อุทิศชีวิตให้แก่การปกครองเมือง 1.3.2 ผู้แสดง การสร้างสรรค์ละคร ผู้วิจัยคัดเลือกนักแสดงเป็นผู้ชายทั้งหมด ด้วยเหตุผลหลายประการ ได้แก่ การสร้างสรรค์รูปแบบการแสดงแนวใหม่ ที่ไม่มีใครทำมาก่อน นอกจากนี้ยังต้องการสร้าง องค์ความรู้ให้แก่วงวิชาการนาฏศิลป์ โดยต้องการสะท้อนให้เห็นคุณค่าและศักดิ์ศรีของสตรี โดยให้ นักแสดงชายนั้นมีความเข้าใจ รับรู้กระบวนการทางความคิดของสตรี และสามารถถ่ายทอดออกมา จากความเข้าใจดังกล่าวได้อย่างสมบทบาท และเป็นการสะท้อนสิ่งที่นักแสดงเข้าใจออกมาให้ผู้ชม รับรู้ และอีประการที่มีความสำคัญคือนักแสดงชายสามารถแสดงในบทบาทของผู้หญิงที่เป็นกษัตริย์ และแม่ทัพได้อย่างเข้มแข็ง สามารถสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกและอารมณ์ในการแสดงได้อย่างดี 1.3.3 เครื่องแต่งกาย เครื่องแต่งกายของนักแสดงหลัก เป็นการสร้างสรรค์ของผู้วิจัยในการสะท้อนให้เห็นถึง ความสง่างาม มีคุณค่า สูงศักดิ์และความเป็นผู้นำ ผู้วิจัยใช้สีทองเป็นสีของเครื่องแต่งกายของนักแสดงหลัก ได้แก่ พระอภัยมณี นางสุวรรณมาลี นางละเวงวัณฬา เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าทั้ง 3 ตัวละครหลักนั้น มีวรรณะกษัตริย์ด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย หรือชาติใดก็สามารถแต่งกายด้วยเครื่องแต่งกาย ที่มีสีทองเพื่อแสดงถึงความสูงศักดิ์ อำนาจและความสง่างามได้อย่างเท่าเทียมไม่ว่าเพศใด แต่การใช้สีทอง
171 สำหรับเครื่องแต่งกายของตัวละครหลัก ผู้วิจัยได้สร้างสรรค์รายละเอียดเพิ่มเติม โดยสีทองของเครื่องแต่งกาย ตัวละคร 3 ตัวก็จะมีความแตกต่าง ดังเช่น นางสุวรรณมาลีจะสวมเครื่องแต่งกายสีทองโบราณ เพื่อให้ เห็นถึงความเป็นกษัตริย์ของไทยที่มีความสวยงาม อ่อนหวาน และมีความสูงศักดิ์สง่างาม ในขณะที่ นางละเวงวัณฬา เครื่องแต่งกายจะเป็นทองคำบริสุทธิ์ที่มีค่า ควรค่าแก่การเก็บรักษา มีความสง่างาม และอำนาจตามแบบของนางกษัตริย์ตะวันตก และในส่วนของพระอภัยมณี ผู้วิจัยเลือกใช้สีเงินและสีทอง เพื่อให้เป็นสื่อของการเป็นตัวกลางในการเกิดเรื่องขึ้นของสองฝ่าย เป็นการบ่งบอกว่าเป็นต้นเหตุ แห่งการเกิดเรื่องราวขึ้นทั้งหมด 1.3.4 ลีลานาฏศิลป์ ลีลานาฏศิลป์ที่เกิดจากการผสมผสานนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก สะท้อนให้เห็น หลายประการ ทั้งรูปแบบของการแสดงสร้างสรรค์ที่มีการผสมผสานรูปแบบการแสดงของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ยังเป็นการนำลีลานาฏศิลป์ทั้งนางฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตกมาเป็นสัญลักษณ์ ในการถ่ายทอดเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึกผ่านตัวละครหลักของเรื่อง เป็นการสะท้อนแนวความคิด จากการตีความหมายใหม่ โดยใช้ลีลาท่ารำ ท่าเต้นแบบผสมผสานในการแสดงออกให้เห็นถึงความลงตัว ของการผสมผสาน เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเรื่องความเท่าเทียม คุณค่าและศักดิ์ศรีจาก การตีความไปยังผู้ชม 1.3.5 อุปกรณ์ประกอบการแสดง อุปกรณ์การแสดงเป็นสัญลักษณ์ที่ผู้วิจัยสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นสัญญะในการสะท้อนความคิด ของผู้วิจัยที่ส่งผ่านตัวละครนางสุวรรณมาลี นางละเวงวัณฬา โดยอุปกรณ์ประกอบการแสดงหนึ่งที่มี ความสำคัญคือกระจก เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่สะท้อนภาพความเป็นจริงแล้ว ผู้วิจัยยังได้สร้างสรรค์ให้ กระจกเป็นสัญลักษณ์ในการสะท้อนความคิดจากการตีความของผู้วิจัย ผ่านตัวละครนางละเวงวัณฬา และนางสุวรรณมาลี เพื่อให้เห็นถึงคุณค่า ศักดิ์ศรีของสตรีอีกด้วย 1.3.6 พื้นที่เวที และฉากในการแสดง พื้นที่เวที และฉากในการแสดง เป็นการสะท้อนให้เห็นรูปแบบการแสดงที่มีความทันสมัย โดยการนำแสง สี เทคนิคพิเศษต่าง ๆ มาใช้ในการสร้างสรรค์ละคร เพื่อให้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกของผู้แสดงไปยังผู้ชม ตามแนวความคิดจากการตีความหมายใหม่ของผู้วิจัย
172 2. อภิปรายผล การสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” เป็นการสร้างสรรค์ละครแนวใหม่ที่มีการผสมผสาน กันระหว่างนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก เพื่อสะท้อนความคิดของผู้หญิงผ่านตัวละคร นางสุวรรณมาลี และนางละเวงวัณฬาผ่านการตีความใหม่เพื่อสื่อให้เห็นถึงความเท่าเทียมและศักดิ์ศรีของมนุษย์ ให้สอดคล้องตามบริบทของสังคม ละครสร้างสรรค์เรื่องนี้สะท้อนความคิดเรื่องการตีความหมายใหม่ โดยใช้ปรากฏการณ์นิยม (Phenomenology) เป็นสัญญาณหรือปรากฏการณ์ให้เกิดการตีความไปตามที่เห็นหรือที่ปรากฏ และการรื้อสร้างวรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณีให้สะท้อนความคิดเรื่องของความเท่าเทียม คุณค่า และ ศักดิ์ศรีของสตรี จากแนวคิดของ โรลองด์ บาร์ต (Roland Barthes) (อ้างถึงใน สุรเดช โชติอุดมพันธ์, 2559, น. 108) ที่ว่าในโลกของวรรณกรรมนั้น ผู้แต่งไม่มีความสำคัญ ผู้วิจัยจึงศึกษาบทวรรณกรรมเดิม และค้นหาความหมายจากสิ่งที่ผู้เขียนต้องการถ่ายทอดที่มักซ่อนอยู่ในรูปของสัญลักษณ์ (Symbol) (ศิวกานต์ ปทุมสูติ, 2553, น. 151) ที่ถูกถ่ายทอดและส่งต่อแนวความคิดเรื่องของความไม่เท่าเทียมกัน ระหว่างชายหญิงโดยที่ผู้อ่านนั้นได้รับแนวความคิดนั้นโดยไม่รู้ตัว การศึกษาบทวรรณกรรมและสิ่ง ที่ซ่อนอยู่ภายใต้วรรณกรรมนั้น เพื่อนำไปสู่การแสดงสร้างสรรค์ ทั้งยังคงรักษากรอบเดิมของ บทประพันธ์วรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณีไว้ได้อย่างดีโดยมีการนำบทประพันธ์มาตีความหมายใหม่ โดยใช้แนวความคิดเชิงสัญลักษณ์และทฤษฎีทางทัศนศิลป์ผสมผสานกับนาฏยศิลป์ เพื่อสร้างสรรค์ การแสดงที่เหมาะสมกับผู้ชมโดยใช้ความคิดเชิงสัญลักษณ์ที่เข้าใจง่าย ผ่านบทละคร ลีลาท่ารำ รูปแบบการแสดงที่สามารถถ่ายทอดแนวคิดจากการตีความใหม่ส่งถึงผู้ชมได้ (รุ่งนภา ฉิมพุฒ, 2558, บทคัดย่อ) การกำหนดรูปแบบและองค์ประกอบการแสดงนั้น ผู้วิจัยได้ศึกษาองค์ประกอบในการแสดง สร้างสรรค์ทุกองค์ประกอบ ได้แก่ บทละคร เครื่องแต่งกาย ลีลาท่ารำ ดนตรี เวที แสงอุปกรณ์การแสดง และนักแสดง (จุลชาติ อรัณยะนาค และ นราพงษ์ จรัสศรี, 2557, บทคัดย่อ) และมีการนำสัญญะมาใช้ ในการแสดงเพื่อสะท้อนแนวความคิด เช่นเดียวกับนักเขียนบางคนใช้วรรณกรรมเป็นเครื่องมือ การสะท้อนให้เห็นความรับผิดชอบต่อสังคม (ตรีศิลป์ บุญขจร, 2547, น. 5 - 6) ส่งผลให้ผู้ชมการแสดง เกิดความเข้าใจในการสื่อสารการแสดง ซึ่งตรงกับการศึกษาของ ภัทริยา วิริยะศิริวัฒนะ (2558) ที่ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของบริบททางสังคมเป็นส่วนสำคัญในรูปแบบการนำเสนอ ทั้งยังได้แง่คิด จากการแสดงสร้างสรรค์ชุดนี้ตรงตามวัตถุประสงค์การวิจัยทุกประการ ซึ่งการสร้างสรรค์ละคร
173 เรื่อง “เงาสะท้อน” นำเสนอความคิดจากการตีความหมายใหม่ที่ผู้หญิงมีคุณค่า ศักดิ์ศรี และ ความเท่าเทียมกับผู้ชาย ความหึงหวงไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการนำเสนออีกต่อไป หากแต่เป็น การรักษาศักดิ์ศรี คุณค่าของผู้หญิง ถ่ายทอดให้เห็นถึงความเข้มแข็งของผู้หญิงที่มีความเก่ง ความสามารถไม่ด้อยกว่าผู้ชาย ตามแนวคิดสตรีนิยมสายเสรีนิยม (Liberal Feminism) ที่เชื่อว่าไม่ว่า จะเป็นชายหรือหญิงก็มีความสามารถเท่าเทียมกันและสามารถพัฒนาได้(สันต์ สุวัจฉราภินันท์, 2550, น. 1428) การตีความบทวรรณกรรมดังกล่าวนำมาสู่การสร้างสรรค์บทละครและการแสดงสร้างสรรค์ ที่ผู้วิจัยได้มีการศึกษาผ่านแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีความสามารถในการตีความหมายใหม่ ตามวัตถุประสงค์การวิจัย นอกจากนี้ การตีความหมายใหม่นำมาสู่การสร้างสรรค์การแสดงสร้างสรรค์ ในทุกองค์ประกอบ เช่น เรื่องบทละคร การคัดเลือกนักแสดง การออกแบบลีลาท่ารำ เครื่องแต่งกาย เป็นต้น ซึ่งการสร้างสรรค์การแสดงเหล่านี้มีรูปแบบจากการแสดงที่แตกต่างจากการแสดงในอดีต เช่น การแสดง งาน 100 ปี ชาตกาล คุณครูอาคม สายาคม วันที่ 23 ธันวาคม 2561 ณ โรงละครแห่งชาติ โดยสำนักการสังคีต กรมศิลปากร (กรมศิลปากร, 2561, ออนไลน์) ที่มีรูปแบบการแสดง เรื่อง พระอภัยมณี โดยการแสดงนั้นจะเน้นการใช้นาฏศิลป์ไทยเป็นหลัก และเมื่อมีการกล่าวถึงนางละเวงวัณฬาจะเป็น การแสดงท่าทางโดยใช้มือในการสื่อความหมาย ผู้วิจัยจึงได้สร้างสรรค์การแสดงให้มีความแตกต่าง โดยการนำการผสมผสานรูปแบบการแสดงระหว่างนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก ให้มีความ ผสมผสานกันอย่างลงตัว เพื่อให้เกิดการแสดงการถ่ายทอดที่งดงาม และเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้น ในวงการนาฏศิลป์ 3. ข้อเสนอแนะ จากการสร้างสรรค์การแสดง เรื่อง เงาสะท้อน ละเวงวัณฬา – สุวรรณมาลี: การตีความและ การผสมผสานรูปแบบการแสดงสร้างสรรค์จากเรื่องพระอภัยมณีผู้วิจัยได้สร้างสรรค์ผลงาน ที่ตอบวัตถุประสงค์ทั้ง 2 ข้อ ทั้งนี้ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะจากผลการวิจัยที่เป็นประโยชน์ด้าน การ สร้างสรรค์การแสดง ด้านวิชาการ ดังนี้ 3.1 การนำวรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณีเรื่องอื่น ๆ เช่น มัทนะพาธา พระรถเมรี กากี มาตีความหมายใหม่และนำเสนอในรูปแบบการแสดงสร้างสรรค์ที่มีความแตกต่างจากการแสดง รูปแบบเดิมจะทำให้เกิดการพัฒนาด้านการแสดงให้แก่วงวิชาชีพนาฏศิลป์
174 3.2 การนำรูปแบบการแสดงที่มีอยู่ในอดีตหรือปัจจุบัน มารื้อสร้างและนำเสนอรูปแบบ การแสดงที่มีความแตกต่าง โดยการสอดแทรกคุณธรรมผ่านการแสดงเพื่อเป็นการถ่ายทอด แนวความคิดจากการแสดงสู่ผู้ชม 3.3 การนำรูปแบบการแสดงที่ผู้วิจัยสร้างไปปรับใช้กับวรรณกรรม หรือละครเรื่องอื่น ๆ เพื่อเป็นการตีความหมายใหม่และเป็นการสร้างสรรค์การแสดงที่มีการผสมผสานได้อย่างลงตัว
175 บรรณานุกรม กรมศิลปากร. (2561). ภาพการแสดง งาน 100 ปี ชาตกาล คุณครูอาคม สายาคม วันที่ 23 ธันวาคม 2561 ณ โรงละครแห่งชาติ. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2566. จาก https://www.finearts.go.th/wcperformingarts/view/16273 กฤษรา วริศราภูริชา. (2551). งานฉากละคร 1. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ก่อเกียรติ ขวัญสกุล. (2557). ความรู้ แนวคิด การออกแบบกราฟิก. กรุงเทพ: 2P Printing. จุติกา โกศลเหมมณี. (2556). รูปแบบและแนวความคิดในการสร้างสรรค์งานนาฏยศิลป์ไทย สร้างสรรค์ของนราพงษ์ จรัสศรี. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. จุลชาติ อรัณยะนาค และ นราพงษ์ จรัสศรี. (2557) เอกลักษณ์ไทยในงานนาฏยศิลป์ไทยสร้างสรรค์ “นารายณ์อวตาร”. วารสารสถาบันวัฒนธรรมและศิลปะ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 15(2), มกราคม - มิถุนายน. 141-151. ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์. (2550). ประวัติศาสตร์ของเพศวิถี: ประวัติศาสตร์เรื่องเพศ/เรื่องเพศใน ประวัติศาสตร์ไทย. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง. ชุติมา เจริญวงศ์. (2555). คุณค่าและการสืบทอดจารีตนาฏศิลป์ไทย : การวิเคราะห์เชิงสุนทรียศาสตร์. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. ณัฐพร เพ็ชรเรือง. (2561). การสร้างสรรค์นาฎศิลป์ไทยสร้างสรรค์ : วัฏสงสาร. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี. ตรีศิลป์ บุญขจร. (2547). นวนิยายกับสังคมไทย (2475 - 2500). พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: โครงการเผยแพร่ผลงานวิชาการ คณะอักษรศาสตร์. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. เทพ สุนทรเภสัช. (2540). ทฤษฎีสังคมวิทยาสร้างสรรค์. เชียงใหม่: โกลบอลวิชชั่น. ธัญญา สังขพันธานนท์. (2559). “แว่นวรรณคดีทฤษฎีร่วมสมัย”. ปทุมธานี: นาคร. ธัญญา สังขพันธานนท์. (2560). แว่นวรรณคดีทฤษฎีร่วมสมัย. พิมพ์ครั้งที่ 2. ปทุมธานี: นาคร.
176 นพพร ประชากุล. (2552). “ยอกอักษร ย้อนความคิด” กรุงเทพฯ: อ่านและวิภาษา. นพมาส แววหงส์. (2550). ปริทัศน์ศิลปะการละคร. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. นราพงษ์ จรัสศรี. (2548). ประวัตินาฏยศิลป์ ตะวันตก. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. นิตยา ฉัตรสง่า. (2547). วิถีชีวิตของผู้หญิงในธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับ ธนบัตร. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, กรุงเทพมหานคร. ปิ่นเกศ วัชรปาณ. (2559). การสร้างสรรค์ผลงานนาฏศิลป์. อุดรธานี: สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย คณะ ครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. ปิยะวดี มากพา. (2552). การสังเคราะห์งานวิจัยทางนาฏศิลป์ไทย. วารสารสถาบันวัฒนธรรม และศิลปะ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 14(1), กรกฎาคม - ธันวาคม. 112 - 117. พระอภัยมณี ฉบับหอสมุดแห่งชาติ. (2506). กรุงเทพฯ: คลังวิทยา. พหลยุทธ กนิษฐบุตร. (2564). การเขียนหน้าและการแต่งหน้าโขน. วารสารมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 12(2), กรกฎาคม-ธันวาคม. 101-124. พีระ พันลูกท้าว. (ม.ป.ป.). Inside Western Dance. เอกสารประกอบการสอนวิชา 0605101 ภาควิชาศิลปะการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ไพโรจน์ บุญประกอบ. วิเคราะห์เรื่องสั้นแนวการเมืองและสังคมในช่วง 14 ตุลาคม 2516 – 6 ตุลาคม 2519. (ปริญญานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, กรุงเทพมหานคร. ภัทริยา วิริยะศิริวัฒนะ. (2558). การวิเคราะห์การเล่าเรื่องในภาพยนตร์เรื่อง Les miserables. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, กรุงเทพมหานคร. ราชบัณฑิตยสถาน. (2546). พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: นานมีบุค พับลิเคชั่นส์. ราชบัณฑิตยสถาน. (2554). พจนานกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. กรุงเทพฯ: นานมีบุคส์ พับลิเคชั่น. ร าลึก 100 ปี พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ : บทคัดสรรว่าด้วยชีวประวัติและผลงาน. (2541). กรุงเทพฯ: สร้างสรรค์บุ๊คส์.
177 รื่นฤทัย สัจจพันธุ์. (2565). เมื่อ “เสภาขุนช้างขุนแผน” ถูกรื้อสร้างใหม่เป็น “วันทอง”. วารสาร มนุษยศาสตร์ ฉบับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยรามค าแหง. 11 (1). 136-152. รุ่งนภา ฉิมพุฒ (2558). ศึกษาเรื่องแนวความคิดและรูปแบบในการแสดงนาฏยศิลป์ไทยสร้างสรรค์ เรื่องพระลอของนราพงษ์ จรัสศรี. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. วรรณวิไล ชุ่มใจ. (2559). ความฉลาดทางอารมณ์ของตัวละครในวรรณคดีมรดก. (วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่, เชียงใหม่. วารุณี ภูริสินสิทธิ์. (2545). สตรีนิยม : ขบวนการและแนวคิดทางสังคมแห่งศตวรรษที่ 20. กรุงเทพฯ: โครงการจัดพิมพ์คบไฟ. ศิวกานท์ ปทุมสูติ. (2553). คู่มือการอ่านคิดวิเคราะห์. สุพรรณบุรี: ศูนย์เรียนรู้ทุ่งสักอาศรม. สันต์ สุวัจฉราภินันท์. (2550). แปลและเรียบเรียง. “ความเข้าใจเชิงทฤษฎีและปฏิบัติเกี่ยวกับ แนวคิดสตรีนิยม ในความต่างของทฤษฎีสตรีนิยมทั้ง ๔. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 จาก http://midnightuniv.tumrai.com/midnight2544/0009999500.html สาวิตรี สีบุดศรี. (2563). ผลการใช้กิจกรรมการสะท้อนคิด ที่มีต่อความสามารถในการน าเสนอ ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนไทยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, กรุงเทพมหานคร. สุชีลา ตันชัยนันท์, (2540). หญิงในทัศนะจิตร ภูมิศักดิ์และแนวคิดสตรีศึกษา. นนทบุรี: หนังสือ สายน้ า. สุเทพ สุนทรเภสัช. (2540). ทฤษฎีสังคมวิทยาสร้างสรรค์ : พื้นฐานแนวความคิดทฤษฎีทางสังคม และวัฒนธรรม. เชียงใหม่: โกลบอลวิชั่น. สุมิตร เทพวงษ์. (2541). นาฎศิลป์ไทย นาฎศิลป์ส าหรับครูประถมและมัธยม. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. สุรเดช โชติอุดมพันธ์. (2559). ทฤษฎีวรรณคดีตะวันตกในคริสต์ศตวรรษที่ 20. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สุรพล วิรุฬห์รักษ์. (2543). นาฏยศิลป์รัชกาลที่9. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
178 อรรจมาภรณ์ ชัยวิสุทธิ์. (2550). ศึกษาพัฒนาการศิลปะการเต้นบัลเล่ต์ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรณีศึกษาโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่น. มหาสารคาม: คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิยาลัยมหาสารคาม. อัควิทย์ เรืองรอง. (2558). โดยส าคัญ ‘ปัญญา’ ของนารี: ภาพลักษณ์สตรีในวรรณกรรมไทยสมัย รัตนโกสินทร์ ตอนต้น กับปัจจัยเกื้อกูลด้านการศึกษา. วารสารสถาบันวัฒนธรรมและ ศิลปะ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 17 (1), กรกฎาคม - ธันวาคม. 9-18. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนยายน 2565 จาก https://so02.tcithaijo.org/index.php/jica/article/view/80430. อ าภาพร รินปัญโญ. (2561). วัจนภาษาค าสอนในวรรณกรรมไทย เรื่อง พระอภัยมณี. (วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่, เชียงใหม่. Barthes, R. (1979) . From work to text. In J. V. Harari (Ed.), Textual strategies: perspectives in post-structuralism criticism. Ithaca: Cornell University Press. Pedersen, J. S. (1991). Women who Taught: Perspectives on the History of Women and Teaching, University of Toronto Press, Canada.
179 บุคลานุกรม เจษฎากรณ์ เอี่ยมอุไร (ผู้ให้สัมภาษณ์), สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (ผู้สัมภาษณ์), ที่ 40/8 ซอยอิสรภาพ 29/1 ถนนอิสรภาพ แขวงวัดท่าพระ อ าเภอบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2566 ณรงค์ชัย ปิฎกรัชต์(ผู้ให้สัมภาษณ์), สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (ผู้สัมภาษณ์), ที่ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2566 เต็มเดือน เกษะโกมล (ผู้ให้สัมภาษณ์), สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (ผู้สัมภาษณ์), ที่ 40/8 ซอยอิสรภาพ 29/1 ถนนอิสระภาพ แขวงวัดท่าพระ อ าเภอบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2566 ปรากรม์ กาญจนศรีสุขกุล (ผู้ให้สัมภาษณ์), สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (ผู้สัมภาษณ์), ที่ 40/8 ซอยอิสรภาพ 29/1 ถนนอิสระภาพ แขวงวัดท่าพระ อ าเภอบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2566 พิสิฐ จงนรังสินแห่ง (ผู้ให้สัมภาษณ์), สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (ผู้สัมภาษณ์), ที่ 40/8 ซอยอิสรภาพ 29/1 ถนนอิสรภาพ แขวงวัดท่าพระ อ าเภอบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2566 พรรัตน์ ด ารุง (ผู้ให้สัมภาษณ์), สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (ผู้สัมภาษณ์), ที่ 40/8 ซอยอิสรภาพ 29/1 ถนนอิสรภาพ แขวงวัดท่าพระ อ าเภอบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600 เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2566 รัจนา พวงประยงค์ (ผู้ให้สัมภาษณ์), สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (ผู้สัมภาษณ์), ที่ 40/8 ซอยอิสรภาพ 29/1 ถนนอิสระภาพ แขวงวัดท่าพระ อ าเภอบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2566 วราพร ปราโมช ณ อยุธยา (ผู้ให้สัมภาษณ์), สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (ผู้สัมภาษณ์), ที่ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2566 ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์(ผู้ให้สัมภาษณ์), สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (ผู้สัมภาษณ์), ที่ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2566
180 สุพัตรา เครือครองสุข (ผู้ให้สัมภาษณ์), สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (ผู้สัมภาษณ์) ที่ 40/8 ซอยอิสรภาพ 29/1 ถนนอิสระภาพ แขวงวัดท่าพระ อ าเภอบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2566 สุวรรณดี จักราวรวุธ (ผู้ให้สัมภาษณ์), สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (ผู้สัมภาษณ์), ที่ 40/8 ซอยอิสรภาพ 29/1 ถนนอิสระภาพ แขวงวัดท่าพระ อ าเภอบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2566 อภิสิทธิ์ วงศ์โชติ(ผู้ให้สัมภาษณ์), สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (ผู้สัมภาษณ์), ที่ 40/8 ซอยอิสรภาพ 29/1 ถนนอิสระภาพ แขวงวัดท่าพระ อ าเภอบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2566
181 ภาคผนวก
182 ภาคผนวก ก บทละคร
183 บทละครเรื่อง “เงาสะท้อน” ออกแบบแนวคิดการประพันธ์ : สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา ประพันธ์บทละคร : ดารกา วงศ์ศิริ ชื่อเรื่อง : Reflection ตัวละคร : ละเวง สุวรรณมาลี อภัยมณี อุศเรน เงือก ผีเสื้อสมุทร คอรัส Prologue 1.เพลง ไม่ใช่คนดีอย่างทุกคนคิด แสงมืด แสงขึ้นที่ละเวง ละเวง เค้าไม่ใช่คนดีอย่างที่ทุกคนคิด แสงขึ้นทันทีที่สุวรรณมาลี สุวรรณมาลี เค้าไม่ใช่คนดีอย่างที่ทุกคนคิด พร้อมกัน เค้าไม่ใช่คนดีอย่างที่ทุกคนคิด!