84 ความสำคัญจากบทประพันธ์เดิมตอนหนึ่งคือการแสดงความคิดของนางละเวงวัณฬาและนางสุวรรณมาลี เรื่องความคิดที่จะได้ครอบครองพระอภัยมณี ถึงแม้ว่าจะต้องแย่งชิงหรือสูญเสียสิ่งใดก็ตาม ซึ่งได้ ประพันธ์บทขึ้นมาใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะคงความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวของนางสุวรรณมาลีและ นางละเวงวัณฬา เรื่องความต้องการเอาชนะอีกฝ่าย เพื่อให้ได้พระอภัยมณีกลับมาเป็นของตนเอง ดังนี้ สุวรรณมาลี “ข้ายกทัพนำข้ามมหาสมุทรมา หวังจะให้เขาฟื้นคืนสติปัญญาจำข้าได้ ข้าจะไม่ยอมเสียเขาไป จะไม่ยอมให้ละเวงได้พระอภัยไปครอบครอง ศึกครั้งนี้ข้าจะปราชัยไม่ได้ ผลึกต้องไม่พ่ายแก่ลังกา เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่างสองนครา ที่มีผู้หญิงเป็นกษัตริยาครองเมือง” ละเวงวัณฬา “สุวรรณมาลียกทัพใหญ่มายังลังกา เมืองผลึกหวังว่าจะชนะศึกได้ อย่าคิดว่าข้าจะยอมให้มีชัย ข้าจะต่อสู้จนได้ครอบครองพระอภัยมณี ในนามแห่งกษัตริย์กรุงลังกา ละเวงวัณฬาจะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี ข้าต้องชนะให้ได้ในศึกนี้ ในฐานะกษัตริย์ข้ามีหน้าที่ต้องนำชัย”
85 บทละครนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวของนางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬา เป็นความตั้งใจของผู้วิจัยที่จะให้เห็นถึงความกล้าหาญ ความสามารถของกษัตริย์ผู้ปกครองเมืองอย่าง นางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬาที่มีความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งใดก็จะมีความตั้งใจ เป็นการคงกรอบ ของบทประพันธ์เดิมของวรรณกรรมไว้ เพื่อให้เห็นว่าผู้หญิงก็มีความสามารถ ความตั้งใจเด็ดเดี่ยว ไม่แพ้ผู้ชาย ความคิดของนางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬาตรงกันว่า “ศึกเมืองผลึกกับกรุงลังกา ต่างเกณฑ์ไพร่พลมาเต็มที่ ไม่มีใครยอมแพ้ใครในศึกนี้ ศึกแห่งศักดิ์ศรีของสตรีสองคน ไม่ใช่แค่ช่วงชิงให้ได้อภัยมณี ชายผู้เป็นสามีของทั้งสอง ใครชนะก็จะได้ครอบครอง ทั้งผู้ชายที่หมายปอง ทั้ง..ครองเมือง!!” บทละครที่กล่าวมาข้างต้น เป็นสิ่งที่เปลี่ยนมุมมองจากการตีความบทประพันธ์เดิม ที่พยายาม สื่อความหมายว่าการเกิดศึกสงครามในครั้งนี้นั้น เป็นเพราะความหึงหวงของผู้หญิงที่มีความรักต่อ ผู้ชายคนเดียวกันคือพระอภัยมณีจึงยอมทำทุกอย่างแม้จะต้องสูญเสียไพร่พลกำลังทหารก็ยอม เพราะว่าต้องการแย่งชิงพระอภัยมณีมาครอบครอง ซึ่งการมองเช่นนี้เป็นการไม่ให้คุณค่าในตัวผู้หญิง เนื่องจากเป็นการมองว่า ผู้หญิงนั้นไม่ว่าจะสูงศักดิ์เพียงใด แต่ด้วยว่าเรื่องของความหึงหวงก็สามารถ ยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งคนที่รัก ผู้วิจัยได้เห็นต่างจากการตีความด้านนี้ เนื่องจากในปัจจุบัน เรื่องของความเท่าเทียม คุณค่าและศักดิ์ศรีของสตรีเป็นเรื่องที่ถูกให้ความสำคัญมากขึ้น ดังนั้น ผู้วิจัย จึงได้ประพันธ์บทออกมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีและคุณค่าของผู้หญิงมากขึ้น ดังเห็นได้จาก บทละครว่า “ใครชนะก็จะได้ครอบครอง ทั้งผู้ชายที่หมายปอง ทั้ง..ครองเมือง” เพื่อที่จะได้เห็นว่า การที่ผู้หญิง 2 คนต้องมาทำศึกสงครามกันจนเกิดความสูญเสียนั้น ไม่ใช้เพียงเพราะความหึงหวง เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการรักษาและปกป้องศักดิ์แห่งการเป็นผู้ครองเมือง พระอภัยมณีเป็นเหตุแห่ง
86 การหึงหวงจนนำไปสู่การทำศึกสงคราม แต่นัยยะที่ซ่อนอยู่คือ พระอภัยมณีเปรียบเสมือนศักดิ์ศรีที่นาง สุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬาต้องการครอบครองเพราะการครอบครองพระอภัยมณีได้นั้น หมายถึงชัยชนะและได้อีกฝ่ายมาครอบครองไม่ใช่เพียงเรื่องของความหึงหวงอีกต่อไป จากการประพันธ์บทละครการแสดงสร้างสรรค์ เรื่อง “เงาสะท้อน” ผู้วิจัยได้นำบทละคร เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบทละคร ได้แก่ 1) ศาสตราจารย์พรรัตน์ ดำรุง ภาคีสมาชิกราชบัณฑิต และอดีตอาจารย์ประจำภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2) นางสาวสุวรรณดี จักราวรวุธ ศิลปินศิลปาธร สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี 2560 ผู้วิจัยสรุปผลข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญด้านบทละคร ได้ดังนี้ 1) บทละคร ตามกรอบแนวคิดที่ผู้วิจัยได้นำเสนอนั้น เป็นการวางโครงบท ละครที่มี ความน่าสนใจ โดยเฉพาะประเด็นในเรื่องการตีความที่ไม่ใช่เรื่องของการหึงหวง แต่เป็นการรักศักดิ์ศรี และมองว่าการได้ครอบครองพระอภัยมณี เป็นเครื่องมือที่แสดงถึงศักดิ์ศรีของผู้นำทัพและผู้ครองเมือง กลับมาไว้กับตน ซึ่งเป็นการตีความหมายใหม่ที่ดี แต่ข้อควรระวังคือการรักษากรอบเดิมของโครงเรื่อง เพราะการสร้างการแสดงสร้างสรรค์ในปัจจุบันมีทั้งการสร้างใหม่จากของเดิม และการสร้างใหม่ ทั้งหมด ผู้วิจัยจึงได้นำโครงเรื่องเดิมของวรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณีมาใช้ในการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” แต่มีการรื้อสร้างใหม่ในบางส่วน ดังนั้น เมื่อผู้ชมได้รับชมจึงสามารถเชื่อมโยง ระหว่างละครสร้างสรรค์กับวรรณกรรมเดิมที่เคยอ่านมาได้ 2) การสร้างการแสดงสร้างสรรค์ของผู้วิจัยคือการสร้างใหม่จากของเดิมก็จะเสนอแนะ ให้คงกรอบเดิมของเรื่องเอาไว้ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงเมื่อผู้อ่านหรือผู้ชมได้ชม จะทำให้ผู้ชมสามารถ เข้าใจเรื่องราวได้ดีขึ้นและจะได้สามารถในการเข้าใจการตีความของผู้วิจัย ผู้วิจัยจึงกำหนดให้โครงเรื่อง เป็นรูปแบบเดิมของวรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณี เช่น โครงเรื่องหลัก ตัวละคร เพื่อเป็นการเชื่อมโยง ความคิดของผู้ชมได้
87 1.2.2 การสร้างสรรค์ดนตรีประกอบการแสดง การสร้างสรรค์ดนตรีประกอบการแสดง มีขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 หาแนวทางการสร้างสรรค์เพลง ผู้วิจัยได้นำบทละครไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรี รองศาสตราจารย์ดร.ณรงค์ชัย ปิฎกรัชต์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาดนตรีวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล อาจารย์พิเศษและผู้ทรงคุณวุฒิสถาบัน บัณฑิตพัฒนศิลป์ และกรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์และนายอภิสิทธิ์ วงโชติ ผู้ประพันธ์เพลงและผู้อำนวยการเพลง (Music Director) เพื่อขอคำแนะนำและหาแนวทางการประพันธ์ เพลงและดนตรีที่มีความสอดคล้องเหมาะสมกับบทละครสร้างสรรค์เรื่อง “เงาสะท้อน” ตลอดจนหา ระดับเสียงในการสร้างเพลงรวมถึงการแบ่งฉากในการแสดง เพื่อให้บันไดเสียงต่าง ๆ มีความกลมกลืน และสอดคล้องกันตลอดทั้งเรื่อง ขั้นตอนที่ 2 กำหนดร่างทำนองเพลง เมื่อผู้วิจัยได้สร้างสรรค์บทละครเรื่อง “เงาสะท้อน” จากนั้นได้กำหนดร่างทำนองเพลงโดย คำนึงถึงอารมณ์ของตัวละครในแต่ละเพลง ร่วมกับผู้ประพันธ์เพลง (อาจารย์สราวุธ เลิศปัญญานุช) เพื่อให้เข้าใจเนื้อเรื่องและสถานการณ์ในแต่ละช่วง เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการประพันธ์ เพลงร่วมกัน ภาพที่ 13 กำหนดร่างทำนองเพลงร่วมกับอาจารย์สราวุธ เลิศปัญญานุช ที่มา: ผู้วิจัย
88 ขั้นตอนที่ 3 ประพันธ์เพลงด้วยโปรแกรมคิวเบสโปร์11 (Cubase Pro 11) การสร้างสรรค์ในครั้งนี้ผู้วิจัยได้สร้างสรรค์เพลงประกอบการแสดงละครสร้างสรรค์เรื่อง “เงาสะท้อน” รวม 9 เพลง กำหนดใช้เครื่องดนตรีสากลจำลองเสียงในรูปแบบทางดนตรีเข้ามาช่วย และปรับแต่งแนวเสียงให้กลมกลืนสอดคล้องกับทำนองหลักโดยใช้โปรแกรมคิวเบสโปร์11และบันทึกโน้ต โดยใช้โปรแกรม ซิบีเรียส ซอฟต์แวร์ 7.5 (Sibelius Software 7.5) คือ 1) เพลงเค้าไม่ใช่คนดี อย่างที่ทุกคนคิด 2) เพลงสำเภาฝ่าธารา 3) เพลงอุศเรนเจ้าชายแห่งลังกา 4) เพลงรูปภาพอาบมนตรา 5) เพลงพระน้องหรือชื่อละเวงวัณฬาราช 6) เพลงอ้อนรัก 7) เพลง ถึงม้วยดิน 8) เพลงศึกเมือง ผลึก - ลังกา 9) เพลงเขาไม่ใช่คนดีอย่างที่ทุกคนคิด (ส่งท้าย) ซึ่งแต่ละเพลงสื่ออารมณ์และเชื่อมโยง เนื้อหาสอดคล้องร้อยเรียงจนได้เพลงที่มีความสมบูรณ์ ดังมีรายละเอียดในการใช้โปรแกรมบันทึกโน้ต และเรียบเรียงเสียงประสาน ดังนี้ การประพันธ์เพลงด้วยโปรแกรมคิวเบสโปร์11 เป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมในการใช้ บันทึกเสียงและการแก้ไขเสียง (Edit) สามารถใช้บันทึกเสียงและแก้ไขเสียงด้วยการรวมเพลง การตัด ต่อเพลง รวมถึงเสียงร้องเพลงแบบมิวสิคเคิล (Musical) และเสียงดนตรีต่าง ๆ สามารถใช้งานควบคู่ กับโปรแกรมคิวเบสโปร์11 ได้ ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ผลิตภาพยนตร์ (Film Composer) หรือ ผู้ทำดนตรีประกอบภาพยนตร์
89 ขั้นตอนที่ 4 บันทึกโน้ตเพลงด้วยโปรแกรมซิบีเรียส ซอฟแวร์7.5 (Sibelius Software 7.5) ภาพที่ 14 โปรแกรมคิวเบสโปร์11 (Cubase Pro 11) ที่มา: ผู้วิจัย ภาพที่ 15 ตัวอย่างหน้าต่างโปรแกรมคิวเบสโปร์11 (Cubase Pro 11) ที่มา: ผู้วิจัย
90 โปรแกรมซิบีเรียส เป็นโปรแกรมที่ผู้วิจัยเลือกใช้ในการประพันธ์บทเพลง เพื่อใช้ในการบันทึก สกอร์เพลง โดย นำเสียงต่าง ๆ มาบันทึกใช้โปรแกรมดังกล่าว ตลอดจนเรียบเรียงทำนองเพลง จนเกิด เป็นเพลงประกอบการแสดงละครสร้างสรรค์เรื่อง เงาสะท้อน ดังนี้ 1) เพลงเค้าไม่ใช่คนดีอย่างที่ทุกคนคิด ใช้บันไดเสียง C เมเจอร์ในการขับร้อง 2) เพลงสำเภาฝ่าธารา ใช้บันไดเสียง G เมเจอร์ ในการขับร้อง 3) เพลงอุศเรนเจ้าชายแห่งลังกา ใช้บันไดเสียง C เมเจอร์ในการขับร้อง 4) เพลงรูปภาพอาบมนตรา ใช้บันไดเสียง F เมเจอร์ในการขับร้อง 5) เพลงพระน้องหรือชื่อละเวงวัณฬาราช ใช้บันไดเสียง E b เมเจอร์ในการขับร้อง 6) เพลงอ้อนรัก ใช้บันไดเสียง F เมเจอร์ในการขับร้อง 7) เพลงถึงม้วยดิน ใช้บันไดเสียง C เมเจอร์ ในการขับร้อง 8) เพลงศึกเมืองผลึก - ลังกา ใช้บันไดเสียง F เมเจอร์ในการขับร้อง 9) เพลงเค้าไม่ใช่คนดีอย่างที่ทุกคนคิด (ส่งท้าย) ใช้บันไดเสียง C เมเจอร์ในการขับร้อง ขั้นตอนที่ 5 การฝึกซ้อมร้องเพลง ผู้วิจัยให้ผู้แสดงฝึกซ้อมร้องเพลงโดยใช้วอยซ์เทนนิ่ง (Voice Training) เข้ามาช่วยในการหา กลวิธีในการขับร้อง รวมถึงการฝึกออกเสียงในแบบมิวสิคเคิล (Musical) กล่าวคือ ต้องออกเสียงให้ ชัดเจน การเปล่งเสียงให้ดังกังวาน อักษรควบกล้ำชัดเจน จากนั้นบันทึกไกด์ (Guide) เสียงร้องเพื่อให้ นักแสดงนำไปฝึกซ้อมด้วยตนเอง ผู้แสดงต้องมีความจำบทร้องอย่างแม่นยำ ในช่วงการฝึกซ้อมมีการ ปรับแก้ไขคำร้องที่ไม่ตรงช่วงจังหวะของดนตรี คำว่าองค์กษัตริย์ เปลี่ยนเป็นกษัตริยา เพื่อให้ สอดคล้องกับดนตรี ผู้วิจัยได้เพิ่มกลวิธีในการขับร้องโดยใช้แนวประสานแบบ 4 Parts คือเสียงสูง เสียงกลาง เสียงทุ้มต่ำ เสียงต่ำ เพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ในเพลงถึงม้วยดิน ซึ่งยังไม่เคยปรากฏใน การสร้างสรรค์ครั้งใด ๆ
91 จากขั้นตอนการสร้างสรรค์ดนตรีประกอบการแสดง สามารถสรุปได้ดังนี้ ตารางที่ 9 รูปแบบการสร้างเพลงประกอบการแสดง ลำดับ เพลง คำอธิบาย 1 เพลง เขาไม่ใช่คนดีอย่างที่ทุกคนคิด (บทนำ) เพลงที่กล่าวถึงพระอภัยมณี เป็นการเปิดตัวโดยใช้ เครื่องดนตรีไทยคือ ปี่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของ พระอภัยมณี เป็นอาวุธคู่กายของพระอภัยมณี เป็นบท ร้องของนางสุวรรณมาลี นางละเวงวัณฬา และนักร้อง คอรัส ซึ่งเนื้อเพลงจะเป็นการกล่าวถึงพระอภัยมณีว่า แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่ใครคิด และเป็นการ เล่าเรื่องในอดีต ซึ่งเป็นเรื่องของพระอภัยมณีกับนาง ผีเสื้อสมุทร และพระอภัยมณีกับนางเงือก ที่เป็นผู้หญิง ที่รักพระอภัยมณี แต่กลับถูกพระอภัยมณีฆ่าและ ทอดทิ้ง เป็นการถ่ายทอดการแสดงสร้างสรรค์ใน มุมมองที่ต่างจากเดิม 2 เพลง สำเภาฝ่าธารา เพลงที่เล่าเรื่องราวความโศกเศร้าของนางเงือกที่ถูก พระอภัยมณีทอดทิ้งทั้งที่ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน มีการนำ ดนตรีไทยมาใช้ ได้แก่ ปี่ ที่พระอภัยมณีใช้เป่าเพื่อฆ่า นางผีเสื้อสมุทรซึ่งหัวใจแตกสลายและกลายเป็นก้อน หิน และเป็นเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวการพบกัน ระหว่างนางสุวรรณมาลีและพระอภัยมณี จนนาง สุวรรณมาลีลืมว่ามีคู่หมั้นอยู่แล้วคืออุศเรน 3 เพลง อุศเรน เจ้าชายแห่งลังกา ขับร้องประสานเสียง เพลงร้องเล่าเรื่องราวของอุศเรน เจ้าชายแห่งลังกา นำเสนอเรื่องราวผ่านการถ่ายทอดจากการแสดง ท่าทางของอุศเรน โดยนำเสนอเรื่องราวแห่งความเศร้า ของอุศเรนที่ถูกนางสุวรรณมาลีทิ้งไปอยู่กับพระอภัยมณี ด้วยความโกรธจึงยกทัพไปเมืองผลึกแต่กลับพ่ายแพ้จน ตัวตาย
92 ตารางที่ 9 รูปแบบการสร้างเพลงประกอบการแสดง (ต่อ) ลำดับ เพลง คำอธิบาย 4 เพลง รูปภาพอาบมนตรา ร้องเดี่ยว และร้องประสานเสียง บทร้องให้เห็นถึงการใช้เวทมนตร์คาถาของนางละเวงวัณฬา โดยการวาดภาพที่ใช้พู่กันและสีที่ลงเวทมนตร์คาถาไว้ เพื่อให้ผู้ชายที่พบเห็นนั้นเกิดความหลงใหลในภาพวาด ของนางละเวงวัณฬา โดยเฉพาะพระอภัยมณี 5 เพลง พระน้องหรือชื่อละเวงวัณฬาราช การเอาบทวรรณกรรมของสุนทรภู่มาแต่งทำนองใหม่ให้ ไพเราะโดดเด่น เป็นเพลงเอก ยกมาเป็นการดำเนินหลัก ของเรื่องก่อนที่จะนำมารื้อสร้าง เป็นบทเพลงที่ใช้ในการ เกี้ยวพาราสีระหว่างพระอภัยมณี และนางละเวงวัณฬา เป็นการใช้นาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก โดยพระ อภัยมณีเป็นผู้ขับร้องเดี่ยว 6 เพลง อ้อนรัก เพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่ แสดงให้เห็นถึงบทอัศจรรย์ที่จะ สร้างกระบวนเกี้ยวพาราสีระหว่างพระอภัยมณีและนาง สุวรรณมาลี โดยใช้นาฏศิลป์ไทยในการถ่ายทอด 7 เพลง ถึงม้วยดิน เพลงที่นำบทประพันธ์เดิมของสุนทรภู่มาแต่งทำนอง ใหม่ ใช้เป็นเพลงในการเต้นระบำของราชสำนักตะวันตก ทำจังหวะใหม่เพื่อให้เป็นที่สนุกสนาน เพลิดเพลิน และ ติดหูผู้ฟัง 8 เพลง ศึกเมืองผลึก - ลังกา เพลงใช้ในการปะทะทัพระหว่างเมืองผลึกและเมือง ลังกา ประกอบการแสดงผสมผสานลีลาท่ารำ ท่ารบของ โขนในนาฏศิลป์ไทย และลีลาท่าเต้นโดยใช้นาฏศิลป์ ตะวันตก 9 เพลง เขาไม่ใช่คนดีอย่างที่ทุกคนคิด (บทส่งท้าย) เพลงบทส่งท้าย นำบทละครบทแรกกลับมาใช้เพื่อ ชี้ให้เห็นถึงความรู้สึกของนางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬา ที่มีต่อพระอภัยมณี ที่มา: ผู้วิจัย
93 จากตารางที่ 9 เป็นตารางที่สรุปข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างสรรค์เพลงประกอบการแสดงที่มี ความสอดคล้องกับรูปแบบการแสดงที่ผู้วิจัยกำหนด มีทั้งเพลงประกอบการแสดงที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ และเพลงประกอบการแสดงที่นำบทวรรณกรรมเดิมมาประพันธ์ทำนองใหม่ให้มีความน่าสนใจ เหมาะสมกับรูปแบบของการสร้างสรรค์ละคร ท่าเต้น ท่ารำ ทำให้การส้รางสรรค์ละครมีความสมบูรณ์ มากขึ้น การสร้างสรรค์ดนตรีประกอบการแสดง ผู้วิจัยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์ดนตรี เพื่อที่จะนำแนวคิดในการจัดรูปแบบการแสดงสร้างสรรค์ เพื่อให้สอดคล้องกับบท ผู้วิจัยวางแผน การใช้ดนตรีสังเคราะห์ในการจัดการแสดงตลอดทั้งเรื่อง เนื่องจากการใช้ดนตรีสังเคราะห์จะเป็นการใช้ เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะมีการผสมผสานระหว่างดนตรีทั้งไทยและตะวันตกให้มีการผสมผสานได้อย่าง ลงตัว แต่เมื่อถ่ายทำจริง ผู้วิจัยพบว่า การใช้ดนตรีสังเคราะห์เพียงอย่างเดียวยังไม่สมบูรณ์แบบ ยังขาดเสน่ห์ในการใช้ดนตรีที่มีการใช้เครื่องดนตรีของจริง ผู้วิจัยจึงได้กำหนดให้มีการใช้ปี่ ในฉากเปิดตัว พระอภัยมณี เพื่อให้เสน่ห์ของเสียงปี่ เพิ่มเสน่ห์ให้กับการแสดง 1.2.3 การคัดเลือกผู้แสดง การคัดเลือกนักแสดง ผู้วิจัยได้วางกรอบแนวคิดในการคัดเลือกนักแสดงไว้ โดยจะต้องมีความ เหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับ ทั้งในเรื่องของบุคลิกลักษณะ และความสามารถ เนื่องจากการแสดง ละครสร้างสรรค์เรื่อง “เงาสะท้อน” นั้น เป็นการแสดงสร้างสรรค์ที่นักแสดงจะต้องมีความสามารถ ทั้งการร้อง การรำ หรือการเต้น เพื่อให้สามารถสื่อสารสีหน้า ท่าทาง รวมถึงลีลาการเต้น ไปยังผู้ชมได้ ผู้วิจัยได้ศึกษาถึงลักษณะของตัวละครหลัก ซึ่งการแสดงสร้างสรรค์เรื่องนี้ ตัวละครหลักที่มีความสำคัญ ในการดำเนินเรื่องจะได้แก่ พระอภัยมณี นางสุวรรณมาลี และนางละเวงวัณฬา ผู้วิจัยได้ศึกษาลักษณะ ของตัวละครในรูปแบบฉบับของวรรณกรรมไทยในอดีตจนมีความเข้าใจอย่างแท้จริง และได้ดำเนินการ สร้างตัวละครหลักในยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงไป แต่ยังคงเค้าโครงเดิมของตัวละครในวรรณกรรมไทย ที่มีอยู่ ผู้วิจัยมีเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้แสดงในการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน เวงวัณฬา - สุวรรณมาลี” ดังนี้ 1) กำหนดผู้แสดงเป็นเพศชาย 2) เป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมีบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับบทบาท 3) เป็นผู้ที่มีทักษะการร้องเพลงในระดับดีเยี่ยม
94 4) เป็นผู้มีทักษะการแสดงนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตกระดับดี 5) เป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการร้อง และสามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม 6) เป็นผู้มีความจำและมีปฏิภาณที่ดี เนื่องด้วยผู้แสดงต้องร้องเพลงและแสดงท่าทางประกอบ การมีไหวพริบจะสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าระหว่างการแสดงได้ทันการณ์ 7) เป็นผู้ที่พร้อมพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงแก้ไขการแสดงให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น จากคุณสมบัติการคัดเลือกผู้แสดงข้างต้น ผู้วิจัยกำหนดบุคลิกลักษณะตัวละคร รายละเอียด ดังนี้ ตารางที่ 10 รายละเอียดของบุคลิก ลักษณะตัวละคร ลำดับ ตัวละคร บุคลิก ลักษณะตัวละคร 1 พระอภัยมณี - ตัวละครพระอภัยมณี จะต้องมีความสามารถในการร้อง รำ และเต้น ได้ในระดับดี - ต้องเป็นผู้ที่มีรูปงาม สมส่วน - ต้องเป็นผู้ที่มีลักษณะเป็นผู้ที่มีเสน่ห์ มีความเจ้าชู้อยู่ในแววตา ท่าทาง และน้ำเสียง 2 นางสุวรรณมาลี - ตัวละครนางสุวรรณมาลี จะต้องเป็นผู้ที่มีรูปร่างกะทัดรัด สวยงาม - ต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถในการรำในระดับดีเยี่ยม - ต้องเป็นผู้ที่มีใบหน้ารูปไข่เหมาะกับการสวมรัดเกล้ายอด - ต้องเป็นผู้ที่สามารถแสดงสีหน้าและแววตาที่บ่งบอกถึงความรัก ความ เสียใจ ความโกรธได้อย่างดี 3. นางละเวงวัณฬา - ตัวละครนางละเวงวัณฬา จะต้องเป็นผู้ที่มีรูปร่างสูงโปร่ง เนื่องจาก เป็นหญิงชาวตะวันตกต่างจากนางสุวรรณมาลี - ต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถในการเต้นรำแบบนาฏศิลป์ตะวันตกอย่าง ดีเยี่ยม - ต้องเป็นผู้ที่มีบุคลิกที่แสดงถึงความเข้มแข็ง กล้าหาญ รวมถึงมี ความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ทุกรูปแบบทั้งรัก โกรธ เสียใจ
95 ตารางที่ 10 รายละเอียดของบุคลิก ลักษณะตัวละคร (ต่อ) ลำดับ ตัวละคร บุคลิก ลักษณะตัวละคร 4 นางผีเสื้อสมุทร - ตัวละครนางผีเสื้อสมุทร จะต้องมีรูปร่างใหญ่ เพื่อความสมจริงตาม บทบาท - ต้องมีทักษะในการเต้น - ต้องมีความสามารถในเรื่องของการแสดงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน ทั้งอารมณ์โกรธ อารมณ์รัก อารมณ์อกหัก - ต้องมีพลังในการหัวเราะ การกรีดร้อง เพื่อให้สามารถเข้าถึงและ ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกได้ดี 5 นางเงือก - ตัวละครนางเงือก จะต้องมีรูปร่างเล็กกะทัดรัด - มีความสามารถในการเต้นระดับสูง สามารถเตะขา ฉีกขา มีความพลิ้วไหว ทางการแสดง - ต้องสามารถแสดงออกอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างดี โดยเฉพาะอารมณ์ เศร้า เนื่องจากเป็นตัวละครที่น่าสงสารและไม่มีบทพูด ต้องสามารถ แสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าและแววตาได้ดี 6 อุศเรน - ตัวละครอุศเรน จะต้องมีรูปร่างที่สง่างดงามสมเป็นกษัตริย์ - มีความสามารถในการแสดงสีหน้า อารมณ์ที่บ่งบอกถึงความเศร้า และความเสียใจได้เป็นอย่างดี ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 10 พบว่า บุคลิกลักษณะของตัวละครนั้น เป็นบุคลิกลักษณะที่แสดงถึงตัวละคร แต่ละตัวได้อย่างดี เพื่อให้การแสดงนั้นมีความสมบทบาท สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
96 จากการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลตัวละคร และการกำหนดคุณสมบัติของตัวละคร ผู้วิจัยได้ คัดเลือกผู้แสดงละคร เรื่อง“เงาสะท้อน” ได้ดังตารางต่อไปนี้ ตารางที่ 11 ผู้แสดงในการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ลำดับ ตัวละคร ภาพผู้แสดง ข้อมูลพื้นฐานผู้แสดง 1 พระอภัยมณี นายอนุชา สุมามาลย์ นาฏศิลปินชำนาญงาน สำนักการสังคีต กรมศิลปากร 2 นางสุวรรณมาลี นายญาณวุฒิ ไตรสุวรรณ อาจารย์ภาควิชานาฏศิลป์ สาขานาฏศิลป์ไทย (โขนยักษ์) คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 3 นางละเวงวัณฬา นายวิรุณพันธ์ บุญมี อาจารย์พิเศษ ภาควิชานาฏยศิลป์ตะวันตก คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 นางผีเสื้อสมุทร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พหลยุทธ กนิษฐบุตร รองอธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
97 ตารางที่ 11 ผู้แสดงในการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” (ต่อ) ลำดับ ตัวละคร ภาพผู้แสดง ข้อมูลพื้นฐานผู้แสดง 5 นางเงือก นายอนุรักษ์ งามตา อาจารย์สอนเต้นที่ point studio และ Bangkok City Ballet 6 อุศเรน นายชนกานต์ พันธ์พิจิตร นักเต้นอิสระ 7 คอรัส นายวินัย ทาอาสา กรรมการ และเหรัญญิก สภาคริสตจักรลูเธอร์แรน ในประเทศไทย 8 คอรัส นายเทพธนะ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา นักแสดงอิสระ 9 คอรัส นายวรภัทร วิทโยภาส สถาปนิก สมาชิกวง Hot Pepper
98 ตารางที่ 11 ผู้แสดงในการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” (ต่อ) ลำดับ ตัวละคร ภาพผู้แสดง ข้อมูลพื้นฐานผู้แสดง 10 คอรัส นายทัฬห์ธเนศ ปลื้มมีชัย ครูสอนร้องเพลงอิสระ 11 คอรัส นายธัญวาพิสิษฐ์สังข์ศร นักแสดงอิสระ / ธุรกิจส่วนตัว 12 คอรัส นายภัทรวิทย์ อิศรานนท์ นักแสดงอิสระ 13 คอรัส นายศุภพงศ์ พิมลยรรยง ครูสอนร้องเพลงอิสระ 14 คอรัส นายปภังกร จึงตระกูล นักพากย์/ นักแสดงอิสระ
99 ตารางที่ 11 ผู้แสดงในการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” (ต่อ) ลำดับ ตัวละคร ภาพผู้แสดง ข้อมูลพื้นฐานผู้แสดง 15 คอรัส นายธานี พูนสุวรรณ นักร้อง นักแสดง นักแปลเพลง ผู้กำกับการร้องอิสระ 16 Court Dance และกองทัพเมืองผลึก นายดนุพล มีขวัญ คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม 17 Court Dance นายพลากุล ด่านระหาร คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม 18 Court Dance นายธนกร สมคะเน คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม 19 Court Dance และกองทัพเมืองผลึก นายพงศกร หนูมณี คณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม
100 ตารางที่ 11 ผู้แสดงในการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” (ต่อ) ลำดับ ตัวละคร ภาพผู้แสดง ข้อมูลพื้นฐานผู้แสดง 20 Court Dance นายคุณานนต์ บุญธรรม คณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม 21 Court Dance นายสหรัฐ ศรีวิเศษ คณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม 22 Court Dance และกองทัพเมืองผลึก นายธนพัฒน์ ขาวใบไม้ คณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม 23 Court Dance และกองทัพเมืองผลึก นายอำนาจ ขาวพัน คณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม 24 Court Dance นายปัณณทัต ธนินพิมล คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม
101 ตารางที่ 11 ผู้แสดงในการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” (ต่อ) ลำดับ ตัวละคร ภาพผู้แสดง ข้อมูลพื้นฐานผู้แสดง 25 Court Dance และกองทัพเมืองผลึก นายธัญญะ ผลสุทธิชัย คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม 26 Court Dance และกองทัพเมืองผลึก นายพิภพ เลิศวิลัย คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม 27 Court Dance นายปิยกรณ์ เปี่ยมสุข คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม 28 กองทัพเมืองลังกา นายสีหราช จุนจันทร์ นักเต้นอิสระ 29 กองทัพเมืองลังกา นายณัฐวุฒิ หลวงขวา นักเต้นอิสระ
102 ตารางที่ 11 ผู้แสดงในการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” (ต่อ) ลำดับ ตัวละคร ภาพผู้แสดง ข้อมูลพื้นฐานผู้แสดง 30 กองทัพเมืองลังกา นายสหรัฐ พลโสดา นักเต้นอิสระ 31 กองทัพเมืองลังกา นายกฤษณ์ กาแก้ว นักเต้นอิสระ 32 กองทัพเมืองลังกา นายชินวัฒน์ ศรีลานุช นักเต้นอิสระ 33 กองทัพเมืองลังกา นายสุรชัย นิลขลัง นักเต้นอิสระ ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 11 พบว่า ตัวละครทุกตัวจะมีบุคลิกลักษณะของตัวละครที่มีความเฉพาะ การคัดเลือกจากการกำหนดตามคุณสมบัติทำให้ได้นักแสดงที่มีความสามารถตรงตามที่ผู้วิจัย กำหนดไว้
103 เมื่อได้ผู้แสดงตามคุณสมบัติพื้นฐานที่ผู้วิจัยกำหนดทั้งหมด ผู้วิจัยดำเนินการซ้อมตาม กระบวนการซ้อมที่กล่าวไปในบทที่ 3 ซึ่งกระบวนการซ้อมในแต่ละครั้ง ผู้วิจัยดำเนินการบันทึกผล การซ้อมและการปรับปรุงในครั้งต่อไป ตลอดระยะเวลาการฝึกซ้อม ผู้วิจัยพบปัญหาและอุปสรรค ด้านผู้แสดง สรุปการพัฒนา ปรับปรุงแก้ไข แบ่งรายละเอียดตามตัวละคร ดังนี้ ตารางที่ 12 การพัฒนา ปรับปรุง แก้ไข ผู้แสดงการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ลำดับ ตัวละคร ปัญหา อุปสรรคที่พบ ข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิ แนวทางการปรับปรุงแก้ไข 1 พระอภัยมณี ผู้แสดงเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน นาฏศิลป์ไทย เมื่อต้องแสดงนาฏศิลป์ ตะวันตก เช่น ฉากเต้นรำในพระราชสำนัก ทำให้การแสดงออกท่าทางการเต้นรำจะ มีลักษณะเหมือนการใช้ท่านาฏศิลป์ไทย มากกว่าการเต้นรำ ผู้วิจัยให้นักแสดงฝึกซ้อมการใช้ มือแสดงออกท่าทางการเต้น เพื่อให้การแสดงโดยใช้นาฏศิลป์ ตะวันตกมีความสมบูรณ์มากที่สุด 2 นางสุวรรณมาลี ผู้แสดงมีลักษณะทางกายภาพที่ส่งผลต่อ การยืนและเดิน ทำให้ภาพที่นำเสนอ ออกมาขาดความสวยงามตามรูปแบบ ของนางสุวรรณมาลี ผู้วิจัยให้นักแสดงฝึกเดินหน้า กระจกให้ขาชิดเป็นเส้นตรง เพื่อให้การแสดงบนเวทีมีความ สวยงาม 3 นางละเวงวัณฬา ผู้แสดงลักษณะทางกายภาพที่ไม่ สอดคล้องกับบุคลิกของนางละเวงวัณฬา ที่จะต้องเป็นคนมีมีรูปร่างหน้าตาที่ งดงาม คือกล้ามที่แขนและลูกกระเดือก ที่ชัดเจน ผู้วิจัยออกแบบเครื่องแต่งกายให้ มีแขนยาวเพื่อพรางกล้ามแขน ของผู้แสดงและใช้เครื่องประดับ ที่คอ ผู้แสดงเพื่อพรางลูกกระเดือก ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 12 พบว่า อุปสรรคที่พบจากผู้แสดงนั้นสามารถแก้ไขได้ เนื่องจากเป็นลักษณะ ทางกายภาพ และการแสดงออกท่าทางการรำ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาจึงทำได้ไม่ยาก โดยเน้นเรื่อง ของการฝึกฝน เพื่อให้การแสดงของผู้แสดงนั้นสมบูรณ์แบบและเป็นการขจัดข้อบกพร่องให้มากที่สุด
104 รวมถึงการออกแบบเครื่องแต่งกายเพื่อให้สามารถพรางข้อบกพร่องทางกายภาพที่มีได้ ซึ่งผู้วิจัย สามารถแก้ไขได้จนการแสดงออกมาสมบูรณ์มากขึ้น 1.2.4 การออกแบบลีลานาฏศิลป์ ผู้วิจัยคิดค้นกระบวนลีลาท่ารำและท่าเต้นแบบใหม่ที่ผสมผสานนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ ตะวันตก ผ่านการแสดงละครสร้างสรรค์ เนื่องด้วยจากตัวละครหลัก ได้แก่ นางละเวงวัณฬาและ นางสุวรรณมาลี 2 สตรีที่มีความแตกต่างทางเชื้อชาติ วัฒนธรรมกันอย่างสิ้นเชิง ผู้วิจัยจึงมีแนวคิด ในการนำศิลปะการแสดงที่สะท้อนให้เห็นความเด่นชัดในเรื่องของศิลปะการแสดงที่มีความแตกต่างกัน แต่สามารถนำมาผสมผสานให้เกิดความงดงามทางการแสดงได้อย่างลงตัว ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงต้อง ออกแบบกระบวนลีลาท่ารำใหม่ เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่าง ดึงเสน่ห์ของตะวันตกและไทยออกมา เพื่อให้เห็นอย่างชัดเจนในความงดงามของศิลปะการแสดงแต่ละประเภท และนำมาผสมผสาน ให้เกิดความกลมกลืนแต่ยังคงเด่นชัดในเรื่องของกลิ่นอายของฝั่งตะวันตกและไทย เพื่อความ งดงามในศิลปะการแสดงที่ผู้วิจัยมีความต้องการให้สะท้อนความเป็นตัวตนของนักแสดงและยังคง แนวความคิดตามที่นักวิจัยตีความ การแสดงของฝั่งนางสุวรรณมาลีก็จะยังคงการแสดงนาฏศิลป์ไทย การแสดงฝั่งนางละเวงวัณฬาก็จะเป็นการแสดงในรูปแบของตะวันตก และเมื่อถึงฉากที่ต้องมี การผสมผสานกัน ก็จะมีการจัดการแสดงที่นำทั้งความแตกต่างของศิลปะการแสดง และความเหมือนกัน มาจัดการแสดงให้เป็นรูปแบบการแสดงที่มีลักษณะผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ไม่ทำเกิดความรู้สึก ขัดแย้ง เป็นการสร้างสรรค์งานละครที่มีความสมดุลกันระหว่าง 2 ฝ่าย จนนำไปสู่การแสดงละคร สร้างสรรค์ที่มีการผสมผสานได้อย่างลงตัวและงดงาม การออกแบบลีลาท่าทางในการแสดงชุด เงาสะท้อน มีขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 กำหนดแนวคิดในการออกแบบลีลาประกอบการแสดง ผู้วิจัยกำหนดแนวคิดในการออกแบบลีลาประกอบการแสดงโดยใช้ท่าทางทางด้านนาฏศิลป์ ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตกผสมผสานกัน ใช้ระดับความสูง – ต่ำ และองศาต่าง ๆ ของท่าทางเป็น ตัวกำหนดความหมายของท่าแต่ละท่า ในส่วนที่เป็นบทร้องกำหนดใช้ท่าทางตีบทตามความหมายของ เนื้อร้อง ส่วนที่เป็นทำนองกำหนดใช้การใช้บทเพื่อสื่อความหมายตามอารมณ์ของตัวละคร โดยใน ขั้นต้นมีการทำความเข้าใจร่วมกัน ระหว่างผู้วิจัย นักแสดง และผู้มีส่วนร่วมในการออกแบบลีลา ที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านนาฏศิลป์ไทย และนาฏศิลป์ตะวันตก
105 ขั้นตอนที่ 2 กำหนดรูปแบบลีลาประกอบการแสดง ผู้วิจัยกำหนดรูปแบบลีลาประกอบการแสดง ใช้ท่ารำนาฏศิลป์ไทยแบบแผน โดยนำกระบวน ท่ารำมาจากรำแม่บท เพลงช้า และเพลงเร็ว มาประกอบใช้ในการออกแบบลีลาท่ารำ ทั้งนี้สามารถ จำแนกการออกแบบท่ารำนาฏศิลป์ไทยแบบแผนออกตามรูปแบบได้ดังนี้ 1) ลีลานาฏศิลป์ไทย หมายถึง ลีลา ท่ารำที่ใช้นาฏยศัพท์ในการจีบ ตั้งวง ตลอดจนการเคลื่อนไหว ร่างกายตามจังหวะเพลงหรือดนตรี ด้วยการซอยเท้า การยืด -ยุบเข่า การกระดกเท้า เป็นต้น โดยมีรูปแบบดังนี้ 1.1) ออกแบบท่ารำดั้งเดิมจากรำแม่บท คือ การนำท่ารำดั้งเดิมจากรำแม่บทมาใช้โดยไม่ เปลี่ยนแปลงกระบวนท่ารำ การกำหนดลีลารูปแบบนี้เป็นการศึกษากระบวนท่ารำที่ปรากฏในการแสดงรำ แม่บทที่เป็นกระบวนท่ารำพื้นฐานด้านนาฏศิลป์ไทยที่มีการบรรจุชื่อท่ารำ ร้อยเรียงให้เกิดเป็นต้นแบบของ กระบวนท่ารำ ผู้วิจัยได้ดำเนินการศึกษาท่ารำที่สามารถนำมาร้อยเรียงในการลีลาประกอบการแสดง โดย คำนึงถึงท่ารำที่มีความเหมาะสมกับบท ทำนองเพลง ตลอดจนบุคลิกตัวละคร ที่สำคัญคือ ความหมาย ของท่ารำ ที่แสดงออกให้ผู้ชมให้เกิดความเข้าใจกับสิ่งที่นักแสดงต้องการนำเสนอผ่านลีลาท่ารำ 1.2) ออกแบบท่ารำดั้งเดิมจากรำแม่บทผสมผสานท่ารำใหม่ คือ การผสมผสานระหว่างท่ารำ ดั้งเดิมของรำแม่บทและท่ารำจากการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ กล่าวคือ การนำท่ารำแม่บทมาร้อยเรียง เชื่อมโยง ตลอดจนวิถีของการปฏิบัติให้มีความแปลกใหม่น่าสนใจต่างไปจากเดิม ท่ารำรูปแบบนี้ผู้วิจัยได้กำหนดให้ คำนึงถึงความถูกต้อง ความหมาย และความงดงามของท่ารำ นอกจากนี้การออกแบบจะต้องคำนึงถึง พื้นฐานของความเป็นเอกภาพของท่ารำด้วย 1.3) ออกแบบท่ารำใหม่ คือ การสร้างสรรค์ท่ารำขึ้นใหม่โดยไม่เคยปรากฏท่ารำดังกล่าว มาก่อน การสร้างสรรค์การแสดงในครั้งนี้นอกจากจะมีการออกแบบลีลา 2 รูปแบบข้างต้นแล้วนั้น ผู้วิจัยกำหนดให้การแสดงลีลามีรูปแบบที่เกิดกระบวนท่ารำใหม่ให้เกิดขึ้นในการแสดง โดยใช้ องค์ความรู้ด้านนาฏศิลป์ไทยเป็นฐานในการออกแบบสร้างสรรค์ลีลาท่ารำให้มีความงดงาม แปลกใหม่ ไม่ซ้ำเดิม เพื่อให้การแสดงมีความน่าสนใจ ซึ่งเมื่อนักแสดงปฏิบัติท่ารำดังกล่าว จะก่อให้เกิดสุนทรียะ ทางการแสดงนาฏศิลป์และความมีเอกภาพสอดคล้องและสัมพันธ์กัน 2) ลีลานาฏศิลป์ตะวันตก หมายถึง ลีลา ท่าทางในการแสดงนาฏศิลป์ตะวันตก หรือ นาฏศิลป์สากล ประกอบด้วย ท่าเต้นหลักขาและมือ 5 ท่า ท่าเทคนิค หมุน (Turn) กระโดด (Jump) และเตะ (Kick) และการเต้นคู่ (Pas de deux) กระบวนท่าของบัลเล่ต์ Ballet Pantomime
106 และการเต้นแบบราชสำนัก (Court Dance) รวมทั้งการเต้นร่วมสมัย (Contemporary) ผู้วิจัยบูรณาการ ใช้ลีลานาฏศิลป์ตะวันตกเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงเชื้อชาติของตัวละครที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม ภาพที่ 16 การกำหนดรูปแบบลีลาประกอบการแสดงละคร เรื่อง เงาสะท้อน ที่มา: ผู้วิจัย ขั้นตอนที่ 3 การออกแบบลีลาประกอบการแสดง สำหรับกระบวนการออกแบบลีลาในการแสดงชุด เงาสะท้อน มีรูปแบบและวิธีการสร้างสรรค์ จากพื้นฐานท่ารำทางนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก ผสมผสานกันให้เกิดความสมดุลของลีลา ท่าทางประกอบการแสดง จากขั้นตอนการกำหนดรูปแบบลีลาประกอบการแสดง ผู้วิจัยดำเนินการ การออกแบบลีลาประกอบการแสดง มีรายละเอียดดังนี้ 1) รำและเต้นเดี่ยว ในการรำและเต้นเดี่ยว ผู้วิจัยกำหนดให้ตัวละครสำคัญ ได้แก่ พระอภัยมณีนางละเวงวัณฬา นางสุวรรณมาลี ผีเสื้อสมุทร นางเงือก และอุศเรน เป็นผู้แสดงลีลาท่าทาง ซึ่งตัวละครแต่ละตัวจะใช้ ลีลาท่าทางที่มีความแตกต่างกันตามเชื้อชาติ และวัฒนธรรม ทั้งนี้เพื่อสื่อสารให้ผู้ชมได้เรียนรู้ภูมิหลัง ของตัวละครผ่านการออกแบบลีลาท่าทางประกอบการแสดง 2) รำและเต้นคู่ ในการรำและเต้นคู่ ผู้วิจัยกำหนดให้ตัวละครพระอภัยมณี เป็นผู้แสดงการรำและเต้นคู่ เพื่อสื่อความหมายในการเกี้ยวพาราสีตัวละครฝ่ายนางต่าง ๆ โดยท่ารำจะสะท้อนและสื่อสารอารมณ์
107 ให้กับผู้ชมได้คล้อยตามลักษณะของบทละครโดยอาศัยการเคลื่อนไหวของร่างกายตามหลักนาฏศิลป์ไทย เป็นหลัก จะทำให้ผู้ชมเข้าถึงการแสดงได้อย่างลึกซึ้ง ในการออกแบบการรำและเต้นคู่ในการแสดง เรื่อง เงาสะท้อน ปรากฏการรำและเต้นคู่ 4 ครั้ง ได้แก่ 2.1) รำและเต้นคู่ระหว่างพระอภัยมณีและนางผีเสื้อสมุทร 2.2) รำและเต้นคู่ระหว่างพระอภัยมณีและนางเงือก 2.3) รำและเต้นคู่ระหว่างพระอภัยมณีและนางละเวงวัณฬา 2.4) รำและเต้นคู่ระหว่างพระอภัยมณีและนางสุวรรณมาลี 3) ระบำและเต้นหมู่ ในระบำและการเต้นหมู่ ผู้วิจัยกำหนดให้ผู้แสดงที่เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมไทย และ วัฒนธรรมตะวันตกที่มีความแตกต่าง มาเป็นผู้สื่อสารเรื่องราวตามบทละคร โดยในการออกแบบลีลา ท่าทางประกอบการแสดงในส่วนนี้ ผู้วิจัยใช้ลีลาตามแนวคิดหลักที่บูรณาการลีลาทางนาฏศิลป์ไทย และนาฏศิลป์ตะวันตก เกิดเป็นความพร้อมเพรียงร้อยเรียงกันอย่างมีเอกภาพ ในการแสดงละครเรื่อง เงาสะท้อน ปรากฏระบำและการเต้นหมู่ ทั้งหมด 2 ครั้ง ได้แก่ 3.1) ระบำและเต้นหมู่ในช่วงการเฉลิมฉลองต้อนรับพระอภัยมณี 3.2) ระบำและเต้นหมู่ในช่วงการรบระหว่างทหารกรุงลังกาและเมืองผลึก จากการออกแบบลีลาที่อธิบายข้างต้น ผู้วิจัยขอแสดงรายละเอียด ดังตารางต่อไปนี้
108 ตารางที่ 13 รายละเอียดการออกแบบลีลาท่ารำ ลักษณะลีลา รูปภาพ คำอธิบาย รำและ เต้นเดี่ยว ตัวละครพระอภัยมณีรำเดี่ยว ในท่านาฏศิลป์ไทย ที่มาจากท่าแม่บท คือ ท่าเรียงหมอน สื่อความหมาย: การแสดงอากัปกิริยาในการมอง และ ชื่นชมความงามของทัศนียภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า ตัวละครนางละเวงวัณฬา เต้นเดี่ยว ในท่าบัลเล่ต์ คือ ท่าแขน second แล้วยกสูงขึ้นในระดับตัววี (V) สื่อความหมาย: การแสดงอากัปกิริยาในการสร้าง สิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น ให้มีความอุดมสมบูรณ์ งดงามตาม ครรลองครองธรรม โดยตัวละครสื่อสารถึงการสร้าง บ้านเมืองผลึกของนางละเวงวัณฬา ตัวละครนางสุวรรณมาลีรำเดี่ยว นาฏศิลป์ไทยที่มา จากท่าแม่บท คือ ท่าผาลา และกระดกเสี้ยว สื่อความหมาย: นางกษัตริย์ที่มีความงดงาม ตาม แบบสตรีสูงศักดิ์ หมายเหตุ: ท่านี้เป็นท่าต่อเนื่องในคำร้อง “ในฐานะ กษัตริยา ตัวข้านี้” ตัวละครนางผีเมื้อสมุทร รำเดี่ยวในท่าทางนาฏศิลป์ไทย และท่าทางกิริยาธรรมชาติ สื่อความหมาย: การมองเพื่อค้นหา ติดตามพระอภัยมณี
109 ตารางที่ 13 รายละเอียดการออกแบบลีลาท่ารำ (ต่อ) ลักษณะลีลา รูปภาพ คำอธิบาย ตัวละครนางเงือก เต้นเดี่ยว ในท่าบัลเล่ต์ คือ ท่าอาราเบส (Arabesque) สื่อความหมาย: การพลัดพรากจากลาขอตัวละคร นางเงือกและพระอภัยมณี หมายเหตุ: ท่านี้เป็นท่าต่อเนื่องในคำร้อง “เขาก็ยังไม่ใยดี ทิ้งนางมา” ตัวละครอุศเรน เต้นเดี่ยว ในท่าบัลเล่ต์แพนโทมายด์ สื่อความหมาย: ความเศร้าโศกของวิญญาณอุศเรน ที่สูญเสียนางสุวรรณมาลีอันเป็นที่รัก รำและเต้นคู่ ตัวละครพระอภัยมณีและนางผีเสื้อสมุทร เต้นคู่ ในท่าทางนาฏศิลป์ร่วมสมัย สื่อความหมาย: การลักพาตัวพระอภัยมณีไปยังถ้ำ ของนางผีเสื้อสมุทร ตัวละครพระอภัยมณีและนางเงือก เต้นคู่ในท่าทาง นาฏศิลป์ตะวันตก โพเซ่ อาราเบส(Pose’ Arabesque) สื่อความหมาย: การเกี้ยวพาราสีระหว่างพระภัยมณี และนางเงือก
110 ตารางที่ 13 รายละเอียดการออกแบบลีลาท่ารำ (ต่อ) ลักษณะลีลา รูปภาพ คำอธิบาย ตัวละครพระอภัยมณีและนางละเวงวัณฬา เต้นคู่ใน ท่าทางนาฏศิลป์ตะวันตก ครัวเซ่ เดอวอง แอนด์ โพเซ่ แอดติจูด ฮาร์พเทิร์น อีโพเร่ อาร์มโพสิชั่น (Croise’ devant and Pose’ Attitude haft turn, E’paule’ Arm position) สื่อความหมาย: การเกี้ยวพาราสีระหว่างพระภัยมณี และนางละเวงวัณฬา ตัวละครพระอภัยมณีและนางสุวรรณมาลีรำคู่ใน ท่าทางนาฏศิลป์ไทย คือ ท่าผาลา โดยตัวละครทั้งสอง ตัวปฏิบัติท่ารำในท่าเดียวกัน เสมือนเป็นคนคนเดียวกัน สื่อความหมาย: การเกี้ยวพาราสีระหว่างพระภัยมณี และนางสุวรรณมาลี ระบำและ เต้นหมู่ ตัวละครทหารกรุงลังกา และเมืองผลึก เต้นหมู่ใน ท่าทางนาฏศิลป์ไทยโดยใช้แนวคิดจากท่าลงเหลี่ยม ของการแสดงโขน เพื่อแสดงถึงความแข็งแรงในการสู้รบ ผสมผสานท่านาฏศิลป์ตะวันตก โดยใช้การตีลังกาแยก ขาในท่าแอดติจูด (Attitude) หน้าและหลัง สื่อความหมาย: การรบ การทำสงครามระหว่างตัว ละครทหารของทั้งสองเมือง ตัวละครพลเมืองของเมืองลังกา เต้นหมู่ในท่าทาง นาฏศิลป์ตะวันตก แบบราชสำนัก (Court Dance) สื่อความหมาย: การเฉลิมฉลองต้อนรับพระอภัยมณี ที่มา: ผู้วิจัย
111 ขั้นตอนที่ 4 ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและปรับแก้ไข เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนข้างต้น ผู้วิจัยได้นำลีลาท่าทางประกอบการแสดงละครเรื่อง เงาสะท้อน ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางด้านนาฏศิลป์ไทย และนาฏศิลป์ตะวันตก เพื่อตรวจสอบและยืนยัน ความเหมาะสมของลีลาท่าทาง ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนาฏศิลป์ไทย ใส่ตำแหน่งแต่ละคน 1) รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง พุทธศักราช 2548 2) ผู้ช่วยศาสตราจารย์พหลยุทธ กนิษฐบุตร รองอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 3) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฤดีชนก คชเสนีอาจารย์ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 4) ท่านผู้หญิงวราพร ปราโมช ณ อยุธยา ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ สากล) พุทธศักราช 2560 5) อาจารย์เต็มเดือน เกษะโกมล ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ตะวันตก สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ผู้วิจัยสรุปผลข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบลีลาท่าทางประกอบการแสดง ละครเรื่อง เงาสะท้อน ได้ดังนี้ 1) ควรคำนึงถึงความพร้อมเพรียง ความสมดุล และความเหมาะสมของท่าทางประกอบ การแสดง ทั้งแบบราชสำนักและร่วมสมัย 2) ในการออกท่าทางแต่ละท่า ควรสื่อความหมายและอารมณ์ให้มีความชัดเจน เหมาะสม และสอดคล้องกับการตีความตามบทละคร ทั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการปรับแก้ไขตามรายละเอียดข้างต้น เพื่อให้ลีลาท่าทางประกอบ การแสดงละครเรื่องเงาสะท้อนมีความสมบูรณ์ และสามารถสื่ออารมณ์ได้สอดคล้องกับแนวคิดในด้าน การตีความและการผสมผสานรูปแบบการแสดงสร้างสรรค์จากเรื่องพระอภัยมณี 1.2.5 การออกแบบเครื่องแต่งกาย ผู้วิจัยออกแบบเครื่องแต่งกายให้มีความสอดคล้องกับบทละคร ซึ่งการแสดงสร้างสรรค์ ในมุมมองของผู้วิจัยจะมีการปรับให้เข้ายุคสมัยในปัจจุบัน และมุมมองในการตีความของผู้วิจัย แต่ยังคง ความงดงามและความเด่นชัดในเรื่องของวัฒนธรรมการแต่งกายของนักแสดงที่ยังคงมีความเป็นไทย และตะวันตก ซึ่งสีของเครื่องแต่งกายของตัวละครหลัก ผู้วิจัยกำหนดใช้สีทองในการออกแบบเครื่องแต่งกาย
112 ของตัวละครหลัก ดังที่ ก่อเกียรติ ขวัญสกุล (2557) ได้กล่าวว่า สีทอง คือสีที่สื่อถึงคุณค่า ความสำคัญ ความสูงส่ง สูงศักดิ์ ความศรัทธา เนื่องจากสีทองเป็นสีแห่งคุณค่า ความสง่างาม ตัวละครหลัก ได้แก่ นางสุวรรณมาลี นางละเวงวัณฬา และพระอภัยมณีนั้นอยู่ในวรรณะกษัตริย์ผู้วิจัยจึงต้องให้มองเห็นถึง ความสง่างามสมฐานะผู้ครองเมือง และทำการกำหนดแบบร่างเครื่องแต่งกายเพื่อนำไปปรึกษา คุณพิสิฐ จงนรังสิน เจ้าของห้องเสื้อ Tube Gallery ให้เกิดความสมบูรณ์สวยงาม โดยมีขั้นตอนในการสร้างสรรค์เครื่องแต่งกาย ดังนี้ 1) ศึกษาวิเคราะห์ตัวบทละคร เพื่อวางแนวทางและแนวคิดในการสร้างสรรค์เครื่องแต่งกาย 2) กำหนดแบบร่างและสีของเครื่องแต่งกาย 3) ดำเนินการสร้างสรรค์ จัดหา เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ 4) ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านเครื่องแต่งกาย 5) ปรับแก้ไข พัฒนาเครื่องแต่งกาย จากขั้นตอนข้างต้น ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ตัวละคร จากบทละคร และได้ออกแบบร่าง เครื่องแต่งกายให้กับตัวละคร และได้นำเสนอต่อผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการแต่งกาย และอาจารย์ที่ปรึกษา มีรายละเอียดการออกเครื่องแต่งกาย ดังนี้ นางสุวรรณมาลี กำหนดให้เครื่องแต่งกายมีความงดงามตามแบบฉบับของหญิงไทย ที่มีรูปร่าง หน้าตาที่งดงาม ร่างกายกะทัดรัด เครื่องแต่งกายของนางสุวรรณมาลีนั้น มี 2 ชุด ได้แก่ 1) ชุดไทย จะทรงเครื่องสีทองทั้งชุด ห่มด้วยสไบปักลายทองแล้วปักดิ้นทอง โดยที่ในดิ้นทอง จะมีดอกไม้เล็ก ๆ เพื่อที่จะเป็นการแสดงออกถึงลักษณะเฉพาะของนางสุวรรณมาลีที่เป็นตัวแทน ของดอกไม้สีทองที่อยู่ในวังที่มีคุณค่า นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังให้ความสำคัญกับเครื่องประดับ เช่น รัดเกล้าที่ผู้วิจัยให้มีดอกไม้เล็ก ๆ ที่ไหวได้ เพื่อที่เวลานางสุวรรณมาลีเคลื่อนไหว ดอกไม้จะเคลื่อนไหว ตามไปด้วย ให้ความรู้สึกถึงอารมณ์อ่อนไหวของผู้หญิง นอกจากนี้ ผู้วิจัยให้ความสำคัญกับการเป็น นางกษัตริย์ของนางสุวรรณมาลีโดยกำหนดให้ใส่ช้องที่มีผมยาวเลยเอวลงมาให้ความรู้สึกสง่าสมกับ หญิงสูงศักดิ์ และเครื่องประดับต่าง ๆ ที่นางสุวรรณมาลีสวมใส่ก็จะเป็นสีทองเพื่อแสดงออกถึงความสง่า ความมีคุณค่าของนางสุวรรณมาลี 2) ชุดนำทัพ ชุดนี้จะมีเสื้อเกราะสวมทัพชุดไทยสีทองที่มีลักษณเดียวกันของเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับ โดยเสื้อเกราะผู้วิจัยเลือกใช้สีทองเพื่อแสดงถึงความสูงค่าของกษัตริย์ ในสมกับ
113 วรรณะของนางสุวรรณมาลี โดยชุดเสื้อเกราะจะเป็นชุดที่นางสุวรรณมาลีใส่เพื่อนำทัพออกไปทำศึก สงครามกับเมืองลังกา ภาพที่ 17 ชุดไทยนางสุวรรณมาลี ที่มา: ผู้วิจัย ภาพที่ 18 ชุดนำทัพนางสุวรรณมาลี ที่มา: ผู้วิจัย
114 ภาพที่ 19 รัดเกล้า (ด้านหน้า - ด้านหลัง) ที่มา: ผู้วิจัย นางละเวงวัณฬา นางละเวงวัณฬาแต่งกายที่เป็นฝั่งตะวันตก เครื่องแต่งกายออกแบบใหม่ทั้งหมดเป็นลักษณะ การแต่งกายของสตรียุควิกตอเรียน กระโปรงบานสุ่ม ทรงผมทรงสูงตามแบบสตรีสูงศักดิ์ในยุคนั้น ซึ่ง จะต้องแสดงให้เห็นถึงความสง่างามของนางกษัตริย์ ชุดของนางละเวงวัณฬามี 3 ชุด ได้แก่ 1) ชุดกระโปรงสุ่มแบบวิกตอเรียน เป็นชุดที่แสดงให้เห็นถึงความสง่างามของกษัตริย์ โดย กำหนดให้เป็นชุดสีทองบริสุทธิ์ เป็นสีของวรรณะกษัตริย์ ชุดกระโปรงสุ่มจะมีการปักลายในเนื้อผ้า เพื่อเป็นการเพิ่มรายละเอียดของสุให้มีความสง่างาม หรูหรา และทำเป็นสุ่มใหญ่ตามรูปแบบของ ตะวันตก อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสง่างามให้แก่นักแสดงที่ต้องแสดงถึงพลังอำนาจของกษัตริย์ โดยนางละเวงวัณฬาจะสวมแถบคอของเสื้อ (Collar) ตามรูปแบบของหญิงตะวันตกชั้นสูง และสวม เครื่องประดับเพชรเพื่อเป็นการสร้างความสวย สง่างามตามรูปแบบของตะวันตก 2) ชุดขี่ม้า เป็นชุดกางเกง เนื่องจากตามบทแล้วนางละเวงจะต้องขี่ม้า ดังนั้น ผู้วิจัยจึง ต้องการออกแบบให้มีความคล่องตัว เหมาะสมกับการขี่ม้าและการเดินป่า และนอกจากจะเป็นการ ออกแบบเครื่องแต่งกายสมบทบาทแล้ว ยังเป็นการออกแบบเพื่อให้เหมาะสมกับลีลาท่าทางการเต้นรำ อีกด้วย ซึ่งรูปแบบของเครื่องแต่งกายที่มีความคล่องตัวนั้นจะเป็นเสื้อและกางเกง แต่ยังคงมีความคล้ายสุ่ม เพื่อยังคงลักษณะเฉพาะของตะวันตก และคงความสง่าของวรรณะกษัตริย์ด้วยสีทองมีการปักลายผ้า
115 รูปแบบเดียวกับชุดกระโปรงสุ่ม โดยปรับแถบคอของเสื้อเป็นติดที่บ่าแทน เพื่อให้ดูความสง่างามและมี ความคล่องตัว 3) ชุดนำทัพ เป็นชุดสำหรับการออกรบ ยังคงเป็นชุดรูปแบบเดียวกับชุดกระโปรงสุ่ม แต่ผู้วิจัยได้ สร้างเสื้อเกราะให้นางละเวงวัณฬาสวมทัพชุดกระโปรงสุ่ม เพื่อที่จะเป็นการสร้างความสมจริง ที่เมื่อเวลา ออกรบจะต้องมีเครื่องมือป้องกันอันตรายจากอาวุธ และนำแถบคอของเสื้อออก เพื่อให้มีความคล่องตัว ในการออกรบ แต่เครื่องประดับยังคงเดิม ภาพที่ 20 ชุดกระโปรงสุ่มแบบวิกตอเรียนนางละเวงวัณฬา ที่มา: ผู้วิจัย ภาพที่ 21 ชุดขี่ม้านางละเวงวัณฬา ที่มา: ผู้วิจัย
116 ภาพที่ 22 ชุดนำทัพนางละเวงวัณฬา ที่มา: ผู้วิจัย พระอภัยมณี การแต่งกายของพระอภัยมณีสำหรับการสร้างสรรค์ละครนั้น มีชุดสำหรับการแสดง 3 ชุด เนื่องด้วยพระอภัยมณีจะต้องแสดงทั้งแบบตะวันตก และแบบไทย รายละเอียดดังนี้ 1) ชุดทรงเครื่องไทย เป็นชุดเครื่องไทยเต็มรูปแบบของตัวละครกษัตริย์ โดยใช้สีทองและสีเงิน เพื่อเป็นสัญญะแห่งความสูงค่าตามวรรณะของกษัตริย์ แต่สีเงินจะเป็นสีที่แสดงถึงความเป็นตัวกลางของ การเกิดเรื่องราวทั้งหมด เป็นต้นเหตุแห่งการแย่งชิงและการเกิดศึกสงคราม ผู้วิจัยให้ความสำคัญกับ การปักผ้าบนเครื่องแต่งกายพระอภัยมณี เพื่อเป็นการแสดงถึงวรรณะสูงของกษัตริย์ รวมถึงเครื่องประดับ ที่เป็นสีทองทั้งหมดตามฐานะ 2) ชุดทรงเครื่องแบบตะวันตก ชุดของพระอภัยมณีทรงเครื่องแบบตะวันตกนั้นจะเป็นสีทอง บริสุทธิ์ โดยรูปแบบจะเป็นลักษณะเดียวกันกับชุดขี่ม้าของนางละเวงวัณฬา มีความคล่องตัวแต่ก็จะ เป็นลักษณะของกางเกงแบบสุ่ม เพื่อให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของเครื่องแต่งกายตะวันตก และมีผ้าคลุม เพื่อให้เกิดความสวยงามในการออกลีลาท่าเต้นรำ 3) ชุดเต้นบัลเล่ต์ เป็นชุดที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อให้เกิดสุนทรียภาพทางการรับชม เพื่อให้การแสดง ในท่าเต้นบัลเล่ต์นั้นมีความเด่นชัด สวยงาม และสามารถแสดงออกท่าทางได้อย่างคล่องแคล่วสวยงาม โดยครึ่งบนจะยังคงลักษณะของเครื่องแต่งกายแบบชุดทรงเครื่องไทย แต่ช่วงล่างจะเป็นการปรับเป็น กางเกงเต้นบัลเล่ต์เพื่อให้สามารถแสดงถึงความสวยงามของท่าเต้นได้
117 ภาพที่ 23 ชุดทรงเครื่องไทยพระอภัยมณี ที่มา: ผู้วิจัย ภาพที่ 24 ชุดทรงเครื่องแบบตะวันตกพระอภัยมณี (ฝรั่ง) ที่มา: ผู้วิจัย
118 ภาพที่ 25 ชุดเต้นบัลเล่ต์พระอภัยมณี ที่มา: ผู้วิจัย นอกจากตัวละครหลักแล้ว การออกแบบเครื่องแต่งกายของตัวละครรอง ผู้วิจัยให้ความสำคัญ เช่นเดียวกัน ดังเช่น นางผีเสื้อสมุทร ผู้วิจัยออกแบบเครื่องแต่งกายของนางผีเสื้อสมุทรให้ใส่โจงกระเบน เพื่อความสวยงามในการเต้น การเคลื่อนไหว การทำผมให้เกิดมิติ เพื่อที่จะได้เกิดประโยชน์ตอนกลายร่างเป็นหินจะได้ดูสมจริง โดย การเลือกใช้สีม่วงเข้มเพื่อให้สื่ออารมณ์ถึงความโศกเศร้าและมีความอาลัยอาวรณ์ ตามเนื้อหาของ ละครที่ได้รับ ภาพที่ 26 เครื่องแต่งกายนางผีเสื้อสมุทร ที่มา: ผู้วิจัย
119 นางเงือก เครื่องแต่งกายของนางเงือก ส่วนใหญ่จะมีการออกแบบชุดเป็นหางปลา แต่ผู้วิจัยต้องการให้ เห็นลายขาที่สวยงามในการเต้นเลยเอาครีบไปไว้ที่หู เหมือนสัตว์ทะเล และตรงหางมาไว้ข้างหลัง ให้เกิดการพลิ้วไหว และออกแบบเป็นกระโปรงสั้นเพื่อให้เห็นความสวยงามในการเต้น โดยเลือกใช้สีเขียว ที่มีความเงา เพื่อให้แสดงออกถึงความรู้สึกของตัวละครที่ใช้ชีวิตในน้ำ มีความพลิ้วไหว ระยิบระยับ ภาพที่ 25 เครื่องแต่งกายนางเงือก ที่มา: ผู้วิจัย อุศเรน การออกแบบเครื่องแต่งกายของอุศเรน ผู้วิจัยออกแบบโดยใช้สีทองเช่นเดียวกับสีเครื่องแต่งกาย ของตัวละครหลัก เนื่องจากอุศเรนนั้นเป็นกษัตริย์ทางตะวันตก ดังนั้น เครื่องแต่งกายของอุศเรน จึงออกแบบตามผู้ชายในสมัยยุควิกตอเรียนและใช้สีทองเพื่อแสดงถึงความสง่างามของวรรณะกษัตริย์
120 ภาพที่ 28 เครื่องแต่งกายอุศเรน ที่มา: ผู้วิจัย นักร้องคอรัส เครื่องแต่งกายจะเป็นแบบผู้ชายในราชสำนัก ใช้ความเป็นไทย ให้รู้ว่ากลุ่มนี้ออกมาเป็นคน เล่าเรื่อง เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินเรื่อง ภาพที่ 29 นักร้องคอรัส ที่มา: ผู้วิจัย
121 นางระบำในพระราชสำนัก เครื่องแต่งกายนางระบำในพระราชสำนัก จะเป็นการแต่งกายลักษณะของสตรียุควิกตอเรียน กระโปรงบานสุ่ม มีความพลิ้วไหวของกระโปรง เพื่อความสวยงามในการเต้นรำในพระราชสำนัก ภาพที่ 30 นางระบำในพระราชสำนัก ที่มา: ผู้วิจัย ทหารไทยและทหารตะวันตก เครื่องแต่งกายทหารไทยและทหารตะวันตกนั้น จะออกแบบโดยคงเอกลักษณ์ของไทย และตะวันตก รวมถึงการออกแบบทรงผมให้เข้ากับความเป็นวัฒนธรรมการแต่งกายของไทยและ ตะวันตก ภาพที่ 31 ทหารไทยและทหารตะวันตก ที่มา: ผู้วิจัย
122 เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนข้างต้น ผู้วิจัยได้นำรูปแบบเครื่องแต่งกาย ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านเครื่องแต่งกาย เพื่อค้นหาและตรวจสอบยืนยันความเหมาะสมของเครื่องแต่งกาย ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการออกแบบเครื่องแต่งกาย 1) นายพิสิฐ จงนรังสิน แห่งเจ้าของห้องเสื้อ Tube Gallery 2) นายเจษฎากรณ์ เอี่ยมอุไร เจ้าของห้องเสื้อ รามลักษณ์ การออกแบบเครื่องแต่งกาย เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการแสดงสร้างสรรค์ เนื่องจาก การออกแบบเครื่องแต่งกายนั้น นอกจากจะต้องมีความสมกับเนื้อเรื่องเป็นหลักแล้ว ยังต้องสอดคล้อง และเหมาะสมกับตัวนักแสดง บทบาท และการเคลื่อนไหว เนื่องจากงานของผู้วิจัยเป็นการแสดง สร้างสรรค์ที่มีการผสมผสานกันระหว่างนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ตะวันตก ซึ่งการจะผสมผสาน การแสดง 2 รูปแบบเข้าด้วยกันนั้น เป็นความท้าทายในการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยเช่นกัน สิ่งที่ ผู้วิจัยต้องดำเนินการคือการศึกษาตัวละคร ทั้งบุคลิกลักษณะของนักแสดง สรีระของนักแสดง การสื่อสาร หรือการถ่ายทอดผ่านตัวบทที่มีการประพันธ์ขึ้นมาใหม่ การออกแบบเครื่องแต่งกายต้องมีความสมจริง ทั้งเรื่องราวการแสดงและยุคสมัยของตัวละคร เพื่อให้คนดูเชื่อและคล้อยตามสิ่งที่ผู้วิจัยนำเสนอ เมื่อผู้วิจัยดำเนินตามขั้นตอนในการสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายแล้ว ผู้วิจัยได้พบปัญหาในการ ออกแบบและสร้างสรรค์เครื่องแต่งกาย ซึ่งได้ดำเนินการปรับปรุง พัฒนา แก้ไข ดังรายละเอียดต่อไปนี้
123 ตารางที่ 14 การปรับปรุงพัฒนาการออกแบบสร้างสรรค์เครื่องแต่งกาย ลำดับ ชุด ปัญหา อุปสรรคที่พบ ข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิ แนวทางการแก้ไข 1 สุวรรณมาลี สไบของนางสุวรรณมาลี ลายปัก ไม่ตรงตามแบบร่าง ทำให้ไม่เสริม บุคลิกภาพความเป็นกษัตริย์ รัดเกล้าที่ตรงกับการกำหนดของ ผู้วิจัยที่ต้องการให้เป็นดอกไม้ไหว เพื่อที่จะไหวตามความรู้สึกของนาง สุวรรณมาลี ปักลวดลายเพิ่มเข้าไปในผืนสไบ เพื่อให้ มีความงดงามสมความเป็นกษัตริย์ ผู้วิจัยจึงได้จัดหาอุปกรณ์ในการแต่ง รัดเกล้าโดยนำดอกไม้ประดิษฐ์สีทอง มาประกอบกันเป็นช่อดอกไม้ไหว ตกแต่งรัดเกล้าให้มีความพริ้วไหวเพื่อ ความงดงาม 2 ผีเสื้อสมุทร ผ้านุ่งของนางผีเสื้อสมุทร เมื่อใส่แล้ว ทำให้การลุกนั่งไม่สะดวก เป็น อุปสรรคต่อการออกแบบท่ารำ ปรับผ้านุ่งของนางผีเสื้อสมุทรให้เป็น โจงกระเบน เพื่อความสะดวกในการรำ ทำให้ออกแบบท่ารำได้หลากหลายขึ้น 3 ละเวงวัณฬา รองเท้าบูทของนางละเวง ไม่เอื้อต่อ ท่าเต้น ชุดกระโปรงสุ่มสั้นเกินไปทำให้ ไม่สง่างาม ปรับมาใส่ถุงน่องสีดำ สวมทับรองเท้า บัลเล่ต์ เพื่อสะดวกในการเต้น ผู้วิจัยสั่งตัดกระโปรงสุ่มใหม่เพื่อให้ สง่างามสมเป็นกษัตริย์เป็นชุดที่แสดงถึง ความสง่างามบนบัลลังก์ 4 พระอภัยมณี ผ้าคลุมมีความยาวมากเกินไป มีอุปสรรคต่อการเต้นรำ ผู้วิจัยและนักแสดงได้ร่วมกันฝึกซ้อม ให้เกิดความเคยชินกับชุดและท่าเต้น จนนักแสดงสามารถเต้นรำได้โดยไม่ เกิดปัญหา ที่มา: ผู้วิจัย
124 จากตารางการออกแบบเครื่องแต่งกายการสร้างสรรค์การแสดงเรื่อง เงาสะท้อน พบว่า เมื่อผู้แสดง สวมใส่ชุดจริงในการฝึกซ้อม ทำให้พบปัญหาและอุปสรรคในการแสดงด้านต่าง ๆ และไม่เอื้อต่อท่ารำ ที่ออกแบบไว้ จึงต้องปรับแก้ให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในการแสดง นอกจากนั้น ผู้วิจัยได้กำหนดรูปแบบการแต่งหน้าและทำผมให้เหมาะสมกับบุคลิกของตัวละคร โดยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งหน้าในงานนาฏกรรมของพหลยุทธ กนิษฐบุตร ที่กล่าวว่า “การเขียนหน้าและการแต่งหน้าในนาฏกรรมไทย เป็นส่วนสำคัญที่เชื่อมโยง สัมพันธ์กับงานนาฏกรรมและการแสดงหลายรูปแบบ เพราะมีบทบาทสำคัญที่ทำให้ นาฏกรรมมีความสมบูรณ์แบบ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมให้เกิดภาพจำในลักษณะเด่น ของตัวละครแต่ละตัว และทำให้ผู้ชมเข้าถึงบทบาทการแสดงได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งใบหน้าของตัวละครเป็นหัวใจสำคัญ ในการตีความลักษณะของตัวละครและ การแสดง” (พหลยุทธ กนิษฐบุตร, 2564, น. 102 – 103) จากข้อมูล ผู้วิจัยได้กำหนดรูปแบบการแต่งหน้า โดยใช้การแต่งหน้าเพื่อการแก้ไขจุดบกพร่อง ในใบหน้าของผู้แสดง และใช้การแต่งหน้าตามบุคลิกภาพของตัวละคร ซึ่งในการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ผู้วิจัยกำหนดรูปแบบการแต่งหน้า ให้สอดคล้องกับการแต่งกาย เพื่อบ่งบอกถึงลักษณะ ของตัวละคร ให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น และสามารถเป็นส่วนช่วยในการสื่อสารบุคลิกต่าง ๆ ให้ผู้ชมได้รับรู้มากยิ่งขึ้นด้วย ในการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ประกอบด้วยตัวละครหลักที่ต้องแต่งหน้า สื่อบุคลิกภาพทั้งหมด 6 คน สามารถอธิบายรายละเอียด ได้ดังต่อไปนี้
125 ตารางที่ 15 การแต่งหน้าตัวละครหลักในการสร้างสรรค์ละครเรื่อง เงาสะท้อน ลำดับ ตัวละคร ภาพการแต่งหน้า คำอธิบาย 1 พระอภัยมณี กำหนดแต่งหน้าตามบุคลิกภาพ การแต่งหน้าของพระอภัยมณีจะเน้น ตามบุคลิกภาพให้เป็นคนที่มีเสน่ห์ หน้าหวาน มองแล้วชวนหลงไหล 2 นางสุวรรณมาลี กำหนดแต่งหน้าตามบุคลิกภาพ การแต่งหน้านางสุวรรณมาลีจะต้องมี ความสวย อ่อนหวาน แต่มีความจริงจัง ดุดัน เข้มแข็งตามรูปแบบหญิง ผู้มีอำนาจ 3 นางละเวงวัณฬา กำหนดแต่งหน้าตามบุคลิกภาพ การแต่งหน้านางละเวงวัณฬา จะเน้น เรื่องของความสง่าตามรูปแบบหญิง สูงศักดิ์ของตะวันตก และจะต้องมี ความน่าเกรงขาม มีอำนาจ
126 ตารางที่ 15 การแต่งหน้าตัวละครหลักในการสร้างสรรค์ละครเรื่อง เงาสะท้อน (ต่อ) ลำดับ ตัวละคร ภาพการแต่งหน้า คำอธิบาย 4 นางผีเสื้อสมุทร กำหนดแต่งหน้าตามบุคลิกภาพ นางผีเสื้อสมุทรเป็นยักษ์ การแต่งหน้า จึงเป็นการแต่งเพื่อให้แสดงถึง เอกลักษณ์ของยักษ์ เช่น มีเขี้ยวใหญ่ เพื่อแสดงอารมณ์ให้เห็นถึงความดุร้าย น่ากลัว 5 นางเงือก กำหนดแต่งหน้าตามบุคลิกภาพ การแต่งหน้านางเงือกจะต้องมีความ สวยหวาน แต่ซ่อนเร้นให้ดูเศร้าสร้อย เพื่อให้แสดงออกถึงความน่าสงสาร 6 อุศเรน กำหนดแต่งหน้าตามบุคลิกภาพ การแต่งหน้าอุศเรน จะต้องมีความ เป็นธรรมชาติ สามารถสื่ออารมณ์ ความรู้สึกของผู้ชายที่ถูกทำร้ายและ โดนหักหลังได้ ที่มา: ผู้วิจัย
127 จากตารางที่15 พบว่าการแต่งหน้าของการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน”ใช้การแต่งหน้า แบบธรรมชาติ โดยมีเทคนิคการปรับแก้ไขใบหน้าให้ตัวละคร และเทคนิคการแต่งตามบุคลิกภาพของ ตัวละคร ซึ่งการแต่งหน้านี้จะเป็นส่วนเสริมให้เครื่องแต่งกาย และการแสดง สามารถสื่ออารมณ์และ เหตุการณ์ในละครได้อย่างสมจริง 1.2.6 การออกแบบอุปกรณ์ประกอบการแสดง อุปกรณ์ประกอบการแสดงทำให้การแสดงนั้นสมบูรณ์มากขึ้น โดยการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ผู้วิจัยจะออกแบบอุปกรณ์ประกอบการแสดงให้มีความสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ซึ่งมี ความสำคัญในการสร้างการแสดงสร้างสรรค์ให้มีความสมบูรณ์ ผู้วิจัยได้กำหนดกระบวนการการสร้าง และพัฒนา ดังนี้ 1) วิเคราะห์เนื้อเรื่อง และพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดอุปกรณ์ ประกอบฉาก 2) พิจารณากำหนด รูปแบบ (Form) ของอุปกรณ์ประกอบการแสดง 3) กำหนดแบบร่างของตำแหน่งของการวางอุปกรณ์ประกอบฉาก 4) ดำเนินการจัดหาอุปกรณ์ประกอบการแสดง 5) ปรับปรุงแก้ไข พัฒนาตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิและปัญหา อุปสรรคที่พบ จากขั้นตอนดังกล่าว ผู้วิจัยได้ดำเนินการเพื่อให้ได้อุปกรณ์ประกอบฉากที่มีความเหมือนจริง ตามยุคสมัยของละคร ที่มีความแตกต่างทางเชื้อชาติระหว่างไทยและตะวันตก โดยมีรายละเอียดของ อุปกรณ์ประกอบฉากดังนี้
128 ตารางที่ 16 อุปกรณ์ประกอบการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ลำดับ อุปกรณ์ประกอบการแสดง คำอธิบาย 1 กระจกแบบไทย เป็นสัญลักษณ์ในการสะท้อนความคิด ของนางสุวรรณมาลี 2 กระจกแบบตะวันตก เป็นสัญลักษณ์ในการสะท้อน ความคิดของนางละเวงวัณฬา 3 ปี่ อาวุธคู่กายพระอภัยมณี 4 เครื่องราชูปโภค เครื่องใช้ส่วนพระองค์ของกษัตริย์ ตั้งอยู่บนโต๊ะของนางสุวรรณมาลี
129 ตารางที่ 16 อุปกรณ์ประกอบการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” (ต่อ) ลำดับ อุปกรณ์ประกอบการแสดง คำอธิบาย 5 บัลลังก์ ที่แสดงถึงความมีอำนาจและสง่างามของ นางละเวงวัณฬา ที่มา: ผู้วิจัย เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนข้างต้น ผู้วิจัยได้นำรูปแบบการออกแบบอุปกรณ์การแสดงปรึกษา กับผู้เชี่ยวชาญทางด้านการออกแบบอุปกรณ์การแสดง เพื่อค้นหาและตรวจสอบยืนยันความเหมาะสม ของการออกแบบอุปกรณ์การแสดง ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้ 1) อาจารย์สุพัตรา เครือครองสุข อาจารย์พิเศษด้านการออกแบบแสง ภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้วิจัยสรุปผลข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบอุปกรณ์การแสดงได้ดังนี้ การออกแบบอุปกรณ์การแสดงของการแสดงสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” นั้น สิ่งที่มี ความสำคัญคือเรื่องของความสมจริง ที่ผู้วิจัยต้องศึกษาเนื่องจากการแสดงสร้างสรรค์ของผู้วิจัยเป็น การแสดงแนวการย้อนยุค ดังนั้น สิ่งที่ผู้วิจัยต้องให้ความสำคัญคือการศึกษาตามยุคสมัยที่ผู้วิจัย นำเสนอว่าเป็นยุคสมัยใด การแต่งกาย บ้านเรือน อุปกรณ์เครื่องใช้ในสมัยนั้นมีลักษณะหรือรูปแบบ อย่างไร เพื่อให้สามารถนำมาออกแบบได้ตรงตามยุคสมัย กรณีของผู้วิจัยที่มีการผสมผสานของฝั่งไทย และฝั่งตะวันตกต้องศึกษาว่าอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ มีลักษณะแบบใด เหมือนหรือแตกต่างตาม ลักษณะของไทยและตะวันตก เพื่อที่จะได้นำแนวคิดมาออกแบบอุปกรณ์ได้ตรงตามเนื้อเรื่องและ ยุคสมัยมากขึ้น
130 ทั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการปรับแก้ไขตามรายละเอียดข้างต้น เพื่อให้อุปกรณ์การแสดงมี ความสมบูรณ์และสามารถสื่ออารมณ์ได้สอดคล้องกับแนวคิดในด้านการตีความและการผสมผสาน รูปแบบการแสดงสร้างสรรค์ 1.2.7 การออกแบบพื้นที่เวทีและฉากในการแสดง ฉากทำให้การแสดงนั้นสมบูรณ์มากขึ้น โดยการสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ผู้วิจัย จะฉากให้มีความสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ซึ่งมีความสำคัญในการสร้างการแสดงสร้างสรรค์ให้มีความ สมบูรณ์ ผู้วิจัยได้กำหนดกระบวนการการสร้างและพัฒนา ดังนี้ 1) วิเคราะห์เนื้อเรื่อง และพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดฉาก 2) พิจารณากำหนด รูปแบบของฉาก 3) ปรับปรุงแก้ไข พัฒนาตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิและปัญหา อุปสรรคที่พบ จากขั้นตอนดังกล่าว ผู้วิจัยได้ดำเนินการเพื่อให้ได้ฉากที่แสดงให้เห็นความจริงตามยุคสมัย ของละคร ที่มีความแตกต่างทางเชื้อชาติระหว่างไทยและตะวันตก โดยเป็นฉากที่มีรูปแบบของฉาก ที่มีลักษณะเฉพาะสามารถปรับเปลี่ยนได้และแตกต่างจากสไตล์อื่นอย่างชัดเจน เป็นการเล่าเรื่องด้วย สื่อที่เป็นกราฟฟิกต่างๆเป็นความสวยงามน่าชื่นชมแบบ Non-Realistic มีจุดมุ่งหมายของการแสดงออก (Expression) ในทางบริสุทธ์มากกว่าการเลียนแบบรูปฟอร์มแห่งความเป็นจริงตามธรรมชาติ (กฤษรา วริศราภูริชา, 2551, น. 135) โดยมีรายละเอียดของฉากดังนี้ ภาพที่ 32 ฉากในการสร้างสรรค์ละครเรื่อง “เงาสะท้อน” ที่มา: ผู้วิจัย
131 จากการสร้างสรรค์ฉากในละครนั้น ผู้วิจัยได้มีแนวคิดในการกำหนดดังนี้ สี (Color) สีที่แปลก ที่เกินกว่า ที่จะคิดถึงถูกนำมาใช้แทนหรือเสริมสีธรรมชาติของวัตถุ เช่น สีของบรรยากาศจริงที่เป็นฉากป่า พุ่มไม้ด้านบน ด้านหน้า และส่วนล่างน่าจะเป็นสีเขียวธรรมชาติ ด้านหลังที่เป็นภูเขาทั้งหมดจะดูเป็นแบบ Silhouette เป็นต้น เส้น (Line) รูปทรงแบบสมจริงสามารถร่างได้อย่างง่ายด้วยการลากเส้นเป็นรูปทรงต่าง ๆ ตามอารมณ์และความรู้สึกที่อยากให้เป็น หรือตามการตีความของผู้ออกแบบโดยไม่มีความผิดพลาดใด ๆ เนื่องจากเป็นสิ่งที่เกิดจากการออกแบบตามจินตนาการและความต้องการเฉพาะตัวของผู้ออกแบบโดย ไม่ได้ใช้ธรรมชาติเป็นเกณฑ์ตัดสิน มวล (Mass) การขยายส่วนของมวล หรือหมายถึงฉากที่มีความเป็นสามมิติหรือมีความลึก ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่ผู้ออกแบบฉากจะทำให้เกิดความพิเศษในงานของตนได้ โดยการปรับเส้นในแนวตั้ง และแนวนอนให้เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นแนวอื่น ๆ เกิดมุมแปลกใหม่มากมาย (กฤษรา วริศราภูริชา, 2551, น. 138) ภาพที่33 ฉากในการสร้างสรรค์ละครเรื่อง “เงาสะท้อน” ที่มา: ผู้วิจัย จากการกำหนดรูปแบบของฉาก เพื่อให้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกตามที่ผู้วิจัย ต้องการถ่ายทอดให้สอดคล้องกับบท การแสดงอารมณ์ความรู้สึกของนักแสดง ฉากที่ผู้วิจัยใช้มีฉากเดียว คือการใช้ไฟ แสง และเทคนิคพิเศษทำให้ผู้ชมเกิดอารมณ์คล้อยตาม โดยผู้วิจัยได้นำเสนอตัวอย่างของ ฉากที่มีความโดดเด่นของการสร้างสรรค์ละคร ดังนี้
132 ฉากที่มีการเต้นรำประกอบ ผู้วิจัยจะแบ่งเวทีออกเป็น 2 ส่วน กำหนดจุดกลางของเวทีเป็นจุด กำหนด ซ้าย ขวา เพื่อความสะดวกในการดำเนินเรื่อง และเพื่อความสะดวกในการทำงานเบื้องหลังฉาก สำหรับการแบ่งสัดส่วนของฉากสำหรับการแสดงสร้างสรรค์ละคร เรื่อง “เงาสะท้อน” ผู้วิจัยจะแบ่งพื้นที่ ของนางละเวงวัณฬา และนางสุวรรณมาลี เพื่อเป็นบริเวณที่ตั้งกระจกที่ใช้ในการสะท้อนความคิดของ ตัวละครหลักทั้งสอง และจะมีพื้นที่ส่วนกลางที่นำมาแสดงในฉากต่าง ๆ ที่จะมีการเคลื่อนไหว เต้นรำได้ การออกแบบพื้นที่เวทีและฉาก ผู้วิจัยจัดการแสดงที่โรงละครขนาดกลาง ที่มีความทันสมัย ฉาก สามารถเปลี่ยนสีตามการจัดไฟได้ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้วิจัยที่จะใช้สีของแสงเป็น ตัวกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของผู้ชม อุปกรณ์ในการจัดฉากและเวทีนั้นมีไม่มากแต่สามารถให้อารมณ์ ความรู้สึกตามบทการแสดงสร้างสรรค์ได้ เนื่องจากผู้วิจัยมีความตั้งใจที่จะให้ความสำคัญกับบทบาท การแสดงมากกว่าสิ่งใด ฉากเด่นของการแสดงสร้างสรรค์เรื่องนี้ มีดังนี้ ฉากเล่าเรื่องของนางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬาหน้ากระจก ฉากการเล่าเรื่องของนางสุวรรณมาลี และนางละเวงวัณฬาหน้ากระจก เป็นฉากที่มีความสำคัญ ในการใช้กระจกเป็นสัญลักษณ์ของสะท้อนเรื่องราว ความคิดในใจสตรีทั้งสอง ผ่านกระจก ซึ่งทำให้รู้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา โดยนางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬาจะเป็นผู้เล่าเรื่องในด้าน ของตนเองผ่านกระจก เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความคิดตัวละครส่งผ่านมายังผู้ชม ภาพที่ 34 ฉากเล่าเรื่องผ่านกระจกนางสุวรรณมาลี– นางละเวงวัณฬา ที่มา: ผู้วิจัย
133 ฉากเปิดตัวนางละเวงวัณฬา เป็นฉากหนึ่งที่มีความสำคัญที่ผู้วิจัยต้องการให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ มีอำนาจของนางละเวงวัณฬา ที่กำลังมีความโกรธแค้นและเสียใจ ที่ต้องสูญเสียพี่ชายและบิดาไป โดยฉากนี้จะเห็นได้ว่า นางละเวงวัณฬา ยืนอยู่บนบัลลังก์ที่มีความยิ่งใหญ่ สง่างาม เนื่องด้วยต้องขึ้นเป็นกษัตริย์ด้วยวัยเพียง 16 ปี แต่ ความโกรธแค้นทำให้นางต้องสู้และแสดงให้ทุกคนรู้ว่านางเข้มแข็งพอที่จะสามารถปกครองบ้านเมืองได้ ภาพที่ 35 ฉากเปิดตัวนางละเวงวัณฬา ที่มา: ผู้วิจัย ฉากเต้นระบำในพระราชสำนัก ฉากนี้เป็นฉากใหญ่ฉากหนึ่งสำหรับการแสดงละครสร้างสรรค์เรื่องนี้ เป็นฉากการเต้นระบำ ของพระอภัยมณีและนางละเวงวัณฬา โดยมีนางระบำร่วมเต้นรำ ซึ่งผู้วิจัยต้องการให้ฉากนี้เป็นฉาก ที่ถ่ายทอดอารมณ์ของความสุขที่พระอภัยมณีและนางละเวงวัณฬามาอยู่ด้วยกัน จึงมีรูปแบบการแต่งกาย ที่มีความสดใส ดนตรีที่มีความสนุกสนานในการถ่ายทอด