238 2. อภิปรายผล งานวิจัยเรื่อง กระบวนการรบของพาลีและทรพีในการแสดงโขนเรื่องรามเกยรติ์ ตอนพาลีรบ ทรพี ทำให้ทราบประวัติความของตัวละคร ภูมิหลังรวมไปถึงองค์ประกอบต่างในการแสดง และที่ สำคัญ คือกระบวนการรบของพาลีและทรพีในการแสดงว่ามีโครงสร้าง และกระบวนการคิดประดิษฐ์ ท่ารำโดยนำมาจากพื้นฐานในการแสดงโขนที่สืบทอดต่อกันมาช้านาน ว่ามีมาอย่างไร ในการนี้ผู้วิจัย สามารถนำมาอภิปรายผลการวิจัยได้ดังนี้ จากข้อมูลผู้วิจัยได้ศึกษา กระบวนการรบของพาลีและทรพีมีกระบวนการรบดังนี้ 1) การท้ารบ 2) การเข้ากระบวนท่ารบ หรือ ท่าจับ ก่อนที่จะทำการรบมีการท้ารบและการเงื้อดูเชิง ซึ่งจะสอดคล้องกับงานวิจัยของนเรศ นิ่มพัฒนสกุล (2559, น. 98) ที่ได้ศึกษาบทบาทและกระบวน ท่ารำของนิลพัทในเรื่องรามเกียรติ์ เมื่อศึกษากระบวนท่ารบระหว่างนิลพัทกับหนุมาน จึงพออนุมาน คำว่า “กระบวนท่ารบ” ได้ว่า เป็นการแสดงท่าทางในการรบที่มีแบบแผน สามารถแบ่งขั้นตอน กระบวนการเข้ารบ ได้ดังนี้ 1. การท้ารบ 2. การนุ่งผ้า 3. การเข้ากระบวนท่ารบ คือ 1) การท้ารบ ก่อนที่จะทำการรบนั้น ทั้งสองฝ่ายจะมีการทำท่าขยับจดจ้องกันและกันเพื่อดูเชิง 2) การนุ่งผ้า หลังจากนั้นผู้แสดงทั้งสองฝ่ายก็จะจัดแจงแต่งกายให้กระชับรัดกุม ซึ่งนาฏยศัพท์ทาง นาฏศิลป์โขน เรียกว่า การนุ่งผ้า 3.) การเข้ากระบวนท่ารบ ซึ่งประกอบด้วย 6 ท่ารบ และอีกงานวิจัยที่กล่าวได้ สอดคล้องอีกหนึ่งงานคือ อลัมพล สังฆเศรษฐี (2553, น. 81) ได้ศึกษาการแสดงบทบาทตัวละคร นิลพัทในการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ เมื่อศึกษาพบกระบวนท่ารบระหว่างนิลพัทกับยักษ์ ไว้ดังนี้ กระบวนท่ารบนิลพัทรบยักษ์เป็นการแสดงที่มีรูปแบบขั้นตอนในการแสดงตามประเพณีในการแสดง โขน คือ การท้ารบ กระบวนการนุ่งผ้า กระบวนท่าก่อนเข้ารบและท่าจับ จากข้อมูลงานวิจัยข้างต้นเป็นเครื่องยืนยันถึงโครงสร้างและแบบแผนกระบวนการรบในการ แสดงโขนนั้น มีการยึดโครงสร้างกระบวนการรบ และมีแนวทางในการคิดประดิษฐ์ท่ารบไปในทิศทาง เดียวกันใช้กระบวนการเหมือนกัน ต่างที่ตัวละครและท่าจับให้เหมาะสมกับตัวละครนั้น ๆ อีกหนึ่ง งานวิจัยที่จะกล่าวต่อจากนี้จะกล่าวถึงการใช้อาวุธในการต่อสู้ของตัวละครในการแสดงโขน ดังนี้ อนุชา บุญยัง (2543, น. 226) ได้ศึกษาการแสดงโขนของอากาศตไล เมื่อศึกษากระบวน ท่ารบระหว่างหนุมานกับอากาศตไล พบว่า กระบวนท่ารบของอากาศตไล ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 5 ส่วน คือ 1) การจับอาวุธ 2) การใช้อาวุธในการรบ (แทงหอก ขว้างจักร ตีกระบอง ตีศร) 3) กระบวนท่าท้ารบ 4) กระบวนท่ารบ (ปะทะ) 5) การขึ้นลอย จากงานวิจัยข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า
239 รูปแบบในการรบนั้น นอกเหนือจากการประดิษฐ์ท่ารำและท่ารบแล้วนั้น ยังต้องคำนึกถึงอาวุธที่ใช้ใน การรบ ซึ่งจะมีผลต่อการคิดท่ารำ ท่ารบ และท่าจับ เช่น ตัวพาลีและทรพีที่เป็นการรบระหว่างอาวุธ พระขรรค์ลิง กับ อาวุธของทรพีคือชิ้นสวนในร่างกาย คือเขา และ ขาทั้ง 2 คู่ ดังนั้นกระบวนท่ารบที่ แสดงออก ของสองตัวละคร ผู้คิดท่ารบจึงต้องคำนึงถึงตัวละคร และได้รังสรรค์กระบวนท่ารบมาให้ สอดประสานและสมจริงของตัวละคร จึงมีการ แทง การถีบ การขวิด เป็นต้น ซึ่งแสดงออกถึงท่าทาง ของตัวละครที่รบกันได้สมเหตุสมผล และแสดงให้ผู้ชมได้เห็นภาพการรบได้อย่างเข้าใจ จากงานวิจัย ดังกล่าวถือเป็นเครื่องยืนยัน ว่าอาวุธของตัวละครย่อมมีผลต่อการคิดประดิษฐ์ท่ารบขึ้น นอกเหนือจากนั้น ยังมีผลต่อการคิดประดิษฐ์ท่าจับขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับตัวแสดง โดยใช้พื้นฐาน การรบของตัวละครอื่น ๆ ที่มีความคล้ายกันของตัวละคร นำมาร้อยเรียงใหม่โดยใช้โครงสร้างท่า จับเดิม นำมาเป็นแนวทางในการคิดประดิษฐ์ท่ารบขึ้นตามลำดับต่อไป 3. ข้อเสนอแนะการวิจัย จากการศึกษากระบวนการรบของพาลีและทรพีในการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ตอนพาลีรบ ทรพี ได้พบข้อเสนอแนะที่ควรแก่การแนะนำ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อไป ดังนี้ 3.1 ข้อเสนอแนะจากการวิจัย ผลที่ได้จากการวิจัยสามารถเผยแพร่ อันก่อให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษา ส่งเสริม ความรู้ ความเข้าใจแก่นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และผู้ที่สนใจ เพื่อให้เข้าใจถึงกระบวนการรบ ของพาลี และ ทรพี ในการแสดงโขน และเข้าใจองค์ประกอบต่าง ๆ รวมถึงสามารถเข้าถึงพื้นฐานการ ประดิษฐ์ท่ารบ แนวทางในการแสดง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้อันก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสืบไป 3.2 ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป 3.2.1) ควรมีการศึกษากระบวนรบของทรพีและทรพาที่ใช้ในการแสดงโขน เพื่อให้ทราบ ถึงกระบวนการรบของสองตัวละคร ว่ามีโครงสร้างกระบวนท่ารบ และการประดิษฐ์ท่ารบมีมาอย่างไร เนื่องด้วยตัวละครใช้ร่างกายเป็นอาวุธย่อมมีผลต่อท่าทางในการรบ จึงมีความน่าสนใจและสามารถ นำมาต่อยอดและเป็นพื้นฐานการคิดท่าประดิษฐ์ท่ารบขึ้นใหม่ได้อย่างมีแบบแผนสืบไป 3.2.2) ควรมีการศึกษากระบวนรบของตัวละครประเภทสัตว์เพิ่มเติมเช่น รบช้าง รบยุง หรือตัวละครจำพวกสัตว์อื่น ๆ ที่ใช้ในการแสดงโขน เพราะสามารถนำมาเป็นบุคลิกและพื้นฐานของ การคิดสร้างงานต่อยอดเกี่ยวกับโขนได้ และเกิดแนวคิดแนวทางในการสร้างสรรค์งานสืบไป
บรรณานุกรม กิตติ กุบแก้ว. (2553). ภูมิปัญญาการคัดเลือกควายไทย. โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่ง ประเทศไทย. กี อยู่โพธิ์. (2506). บทละครรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีและเล่าเรื่อง หนังสือรามเกียรติ์. กรุงเทพมหานคร: คุรุสภา. กรมศิลปากร. (2517). สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง. กรุงเทพฯ: ม.ป.ท. กรมศิลปากร. (2553). โขน อัจฉริยลักษณ์แห่งนาฏศิลป์ไทย. กรุงเทพ: โรงพิมพ์บริษัทรุ่งศิลป์ การพิมพ์จำกัด. คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม. (2551). ศิลปินแห่งชาติพุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. คณาจารย์ภาควิชาสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา. (2543). สังคมวิทยาและมนุษยวิทยาเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง. คณิต พีชวณิชย์. (2537). วงดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงโขน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์. จินตนา อินทรมงคล และสุพรชัย ฟ้ารี. (2552). ภูมิปัญญาไทย การจัดการเลี้ยงกระบือปลัก. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. ช่างภาพดีดี. (2562). “หนุมานรบนิลพัท” วิทยาลัยนาฏศิลป. [ออนไลน์]. สืบค้นวันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 จาก https://www.youtube.com/watch?v=2dvO8hKRjg0&t=179s ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จฯ กรมพระยา. (2508). พระประวัติและผลงานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เล่ม 1 – 3. กรุงเทพฯ: องค์การค้าคุรุสภา. ธนิต อยู่โพธิ์. (2511). โขน. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. ธีรภัทร ทองนิ่ม. (2555). โขน. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. นเรศ นิ่มพัฒนสกุล. (2559). บทบาทและกระบวนท่ารำของนิลพัทในเรื่องรามเกียรติ์. (วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต). สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์, กรุงเทพมหานคร. นิดดา หงส์วิวัฒน์. (2547). รามเกียรติ์กับจิตรกรรมฝาผนังรอบพระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม. กรุงเทพฯ: เพื่อนเด็ก.
241 พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, พระบาทสมเด็จพระ. (2540). บทละครเรื่องรามเกียรติ์. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: ศิลปาบรรณาคาร. พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, พระบาทสมเด็จพระ. (2549). บทละครเรื่องรามเกียรติ์. กรุงเทพฯ: ศิลปาบรรณาคาร. พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, พระบาทสมเด็จพระ. (2554). บทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราช นิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เล่ม 4. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: เพชรกะรัต. ราชบัณฑิตยสถาน. (2540). สารานุกรมศัพท์ดนตรีไทย ภาคคีตะ - ดุริยางค์. กรุงเทพฯ: มหา จุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย. ราชบัณฑิตยสถาน. (2554). พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์. ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระ ชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน. เรณู โกศินานนท์. (2528). นาฏศิลป์ไทย. กรุงเทพฯ: วัฒนาพานิช. วิโรจน์ อยู่สวัสดิ์. (ม.ป.ป.). บทบาทตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ กรณีเฉพาะตัว “หนุมาน”. ม.ป.ท.: ม.ป.พ. เสฐียร โกเศศ. (2551). สมญาภิธานรามเกียรติ์. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ศยาม. สุธิวงศ์พงศ์ไพบูลย์สุภาค อินทองคง และอุบลศรี อรรถพันธ์. (2542). ชนควาย. ใน สารานุกรม วัฒนธรรมไทยภาคใต้. (เล่ม 4, อักษร ค, น. 67)กรุงเทพ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรม ไทยธนาคารไทยพาณิชย์. สุมิตร เทพวงษ์. (2548). นาฏศิลป์สำหรับครูประถมศึกษา – อุดมศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ. (2555). ครูกรี วรศะริน ศิลปินแห่งชาติ. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. เสาวคนธ์ วงศ์ศุภชัยนิมิต. (2559). การศึกษาสถานภาพและบทบาทผู้หญิงในนวนิยายของณารา. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยบูรพา, ชลบุรี.
242 อนุชา บุญยัง. (2543). กระบวนท่ารบของอากาศตไล. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. อลัมพล สังฆเศรษฐี. (2553). แสดงบทบาทตัวละครนิลพัทในการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายเสรี หวังในธรรม. (2550). กรุงเทพฯ: ม.ป.พ.
243 บุคลานุกรม ณรงค์ฤทธิ์ คงปิ่น. รองผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี. (ผู้ให้สัมภาษณ์) ชินกฤต ขัดจำปา. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 10 ธันวาคม 2564. ธีรภัทร ทองนิ่ม. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. (ผู้ให้สัมภาษณ์) ชินกฤต ขัดจำปา. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 19 ธันวาคม 2564. ประสาท ทองอร่าม. ผู้ชำนาญการนาฏศิลป์ไทย สำนักการสังคีต กรมศิลปากร. (ผู้ให้สัมภาษณ์) ชินกฤต ขัดจำปา. (สัมภาษณ์) เมื่อ 19 เมษายน 2565. ประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว. ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ – โขน) พุทธศักราช 2551 (ผู้ให้สัมภาษณ์) ชินกฤต ขัดจำปา. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2563. พงษ์พิศ จารุจินดา. ผู้ชำนาญการนาฏศิลป์ไทย สำนักการสังคีต กรมศิลปากร. (ผู้ให้สัมภาษณ์) ชินกฤต ขัดจำปา. (สัมภาษณ์) เมื่อ 4 เมษายน 2565 สุระชัย สีบุปผา. รองผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี. (ผู้ให้สัมภาษณ์) ชินกฤต ขัดจำปา. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 9 ธันวาคม 2564. สมชาย ฟ้อนรำดี. ครู วิทยฐานะ ครู เชี่ยวชาญ. (ผู้ให้สัมภาษณ์) ชินกฤต ขัดจำปา. (ผู้สัมภาษณ์) เมื่อ 1 ธันวาคม 2564. .
244 ภาคผนวก
245 ภาคผนวก ก ประวัติผู้ถ่ายทอดท่ารบ พาลีรบทรพี ประวัติผู้แต่งบทโขน ตอนพาลีสอนน้อง
246 ประวัติผู้ถ่ายทอดท่ารำ ชีวประวัติและผลงานของคุณครูประสิทธิ์ปิ่นแก้ว ภาพที่ 28 คุณครูประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (2551, น. 100) ชีวประวัติส่วนตัว คุณครูประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ปัจจุบันอายุ 67 ปี เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2584 ที่ตำบลบางมด อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี บิดาชื่อ นายเฉย ปิ่นแก้ว มารดาชื่อนางล้วน ปิ่นแก้ว ภรรยาชื่อนางสุปราณีปิ่นแก้ว มีบุตรหญิง 1 คน ปัจจุบันคุณครูประสิทธิ์ปิ่นแก้ว อยู่บ้านเลขที่ 59 ซอยวัฒนสุขนิเวศน์ ถนนบางกอกน้อยตลิ่งชัน แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ประวัติการศึกษา พ.ศ. 2475 สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา จากโรงเรียนศิลปะเดชศึกษาคาร (วัดบางขุนเทียนกลาง) พ.ศ. 2506 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ได้รับใบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงจาก โรงเรียนนาฏศิลป์ พ.ศ. 2524 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีศึกษาศาสตรบัณฑิต (ศษ.บ.) คณะนาฏศิลป์
247 และดุริยางค์ จากวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา (ปัจจุบัน มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคล) พ.ศ. 2531 สำเร็จการศึกษาหลักสูตรเตรียมผู้บริหารสถานศึกษาระดับสูง กรมศิลปากร และ กรมพลศึกษา วิชาเอกบริหารของสถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษา สำนักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ การศึกษาศิลปะการแสดงโขน คุณครูประสิทธิ์ปิ่นแก้ว เริ่มชอบการเล่นโขน โดยในวัยเด็กได้ตามคุณลุงไปงานวัดและ ที่งานวัดได้มีการแสดงโขน คุณลุงได้พาไปดูโขน ได้เห็นโขนตัวลิงออกมาเต้นโขนก็เกิดความประทับใจ และชอบมาก จึงมีความต้องการเล่นโขนเป็นตัวลิง จึงขอคุณลุงไปสอบเข้าที่โรงเรียนนาฏศิลป ต่อมา เมื่อคุณครูประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาแล้วจึงได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียน นาฏศิลป์ โดยเรียนสาขาโขนลิง ได้รับการถ่ายทอดวิชาด้านโขนลิง จากครูกรี วรศะริน จนกระทั่ง เรียนจบวิชาชีพชั้นสูง 2 แล้วได้สอบบรรจุเข้าสอนที่กองการสังคีตเป็นระยะเวลาพอสมควรจึงเข้า ศึกษาต่อที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาในระหว่างเรียนก็ทำงานที่วิทยาลัยนาฏศิลป กองการ สังคีตไปด้วย คุณครูประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว หลังจากได้รับการถ่ายทอดความรู้ด้านโขนลิงแล้วก็แสดงโขนลิงมา โดยตลอดแทบทุกตัว เนื่องจากมีความสนใจในการเรียนโขนลิงมาก จึงได้รับความเอ็นดูและมักจะ ได้มีโอกาสร่วมแสดงโขนกับครูและได้รับการถ่ายทอด ได้แก่ ครูกรี วรศะริน ครูอเนก คราประยูร ครูสงัด โอชะกะ ครูบุญชัย เฉลยทอง ครูฤกษ์ชัย เชวงรัตน์ ครูช่วย สุดแสวง ครูฉลาด พกุลานนท์ ครูแสวง อัฏฏะวัชระ การศึกษาศิลปะการแสดงอาวุธและการใช้อาวุธ การแสดงโขนหรือละครบางชนิดจะต้องใช้อาวุธในการรบหรืการทำสงคราม คุณครูประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ได้ศึกษากระบี่กระบองกับครูจำนง บำเพ็ญทรัพย์ ณ ค่ายหมู่บ้านช่างหล่อ ได้ศึกษาจนมีความ ชำนาญ ได้นำมาใช้ประกอบการเรียนและการแสดง เช่น พลองไม้สั้น กระบี่กระบอง ดาบ
248 การศึกษาวิชาคีตศิลป์ไทย การศึกษาโขน ละคร จำเป็นจะต้องเรียนวิชาคีตศิลป์หรือขับร้องเพลงไทยควบคู่กับการเรียน โขน ละคร เพื่อผู้เรียนจะได้ฝึกจำบทเพื่อความแม่นยำในเนื้อเพลงหรือบทประพันธ์และจังหวะ สามารถแสดงได้ผสมกลมกลืนเข้ากับบทบาทและอารมณ์ของเพลงเหล่านั้น คุณครูประสิทธิ์ปิ่นแก้ว ได้ศึกษาวิชาคีตศิลป์ไทยกับครูหลายท่าน คือ ครูฉะอ้อน ครูลิ้นจี่ จารุวรรณ ฯลฯ ประวัติการทำงาน คุณครูประสิทธิ์ปิ่นแก้ว เริ่มรับราชการในตำแหน่งศิลปินจัตวา กองการสังคีต กรมศิลปากร เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2506 และได้รับการเลื่อนตำแหน่งตามลำดับ ดังนี้ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2508 ศิลปินตรีแผนกนาฏศิลป์กองการสังคีต กรมศิลปากร 1 กันยายน พ.ศ. 2515 ศิลปินโท แผนกนาฏศิลป์กองการสังคีต กรมศิลปากร 1 กันยายน พ.ศ. 2518 นาฏศิลปิน 4 แผนกนาฏศิลป์กองการสังคีต กรศิลปากร 1 ตุลาคม พ.ศ. 2520 อาจารย์ 1 ระดับ 4 วิทยาลัยนาฏศิลป กองศิลปศึกษา กรมศิลปากร 1 ตุลาคม พ.ศ. 2522 อาจารย์ 2 ระดับ 6 วิทยาลัยนาฏศิลป กองศิลปศึกษา กรมศิลปากร 1 ตุลาคม พ.ศ. 2526 อาจารย์ 2 ระดับ 6 วิทยาลัยนาฏศิลป กองศิลปศึกษา กรมศิลปากร 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 ผู้ช่วยผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลป ระดับ 6 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533 ผู้ช่วยผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลป ระดับ 7 27 ธันวาคม พ.ศ. 2537 ผู้ช่วยผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลป ระดับ 8 11 ธันวาคม พ.ศ. 2539 ผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลป ระดับ 8 พ.ศ. 2544 ผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลป ระดับ 9 พ.ศ. 2545 เกษียณอายุราชการ พ.ศ. 2546 ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทย (โขนลิง) สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ.2564 ถึงแก่กรรม
249 ภาพที่ 29 คุณครูประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ณ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (2551, น. 101) ประวัติผลงานทางด้านนาฏศิลป์ไทย ผลงานด้านการแสดงโขน คุณครูประสิทธิ์ปิ่นแก้ว มีผลงานด้านการแสดงครั้งแรก ในขณะศึกษาอยู่ ชั้นต้นปีที่ 1 ที่โรงเรียนนาฏศิลป์โดยได้รับให้แสดงชุด สีดาลุยไฟ และปราบบรรลัยกัลป์ที่โรงละครศิลปากร ต่อมา ได้เลื่อนขึ้นเรียนในชั้นต้นปีที่ 2 ได้รับการคัดเลือกให้แสดง เป็นทหารในละครอิงประวัติศาสตร์ เรื่อง อานุภาพพ่อขุนรามคำแหง บทประพันธ์ของ พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ โดยแสดงโขนเป็นตัวลิง เขนบ้าง เสนาลิงบ้าง และได้แสดงเป็นหนุมาน ในการแสดงโขนชุดเบ็ดเตล็ด เช่น หนุมานจับนาง สุพรรณมัจฉา หนุมานรบกับวิรุณจำบัง เรียกในภาษานาฏศิลป์โขนว่า “ค้นฟอง” เป็นต้น
250 ภาพที่ 30 การแสดงหนุมานจับนาง โดยคุณครูประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (2551, น. 106) คุณครูประสิทธิ์ปิ่นแก้ว ตลอดระยะเวลาที่แสดงโขนได้แสดงตั้งแต่เป็นเขนลิง สิบแปดมงกุฎ และพญาวานร เช่น พาลีสุครีพ หนุมาน แสดงเป็นหนุมานทั้งตัว เรียกตามภาษาโขนว่า “ลิงโล้น” แสดงเป็นหนุมานทรงเครื่อง (แต่งเครื่องยักษ์สวมมงกุฎ) เช่น ตอนหนุมานอาสา นอกจากนี้ยังแสดง เป็นองคตและนิลนนท์ ภาพที่31 คุณครูประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว รับบทบาทหนุมาน ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (2551, น. 103)
251 ผลงานด้านการแสดงละครและระบำเบ็ดเตล็ด รำกราวอาสาในละครเรื่องมโนราห์รำซัดชาตรีรำโคม รำสี่ภาค รำวงมาตรฐาน รำเหย่อย ละครเรื่องอานุภาพแห่งความเสียสละ ละครเรื่องอานุภาพแห่งความรัก ละครเรื่องอานุภาพพ่อขุน รามคำแหง ละครพันทาง เรื่องราชาธิราช ตอนกามณีรบสมิงพระราม ภาพที่ 32 ผลงานด้านการแสดงระบำเบ็ดเตล็ด “รำกลองยาว” ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (2551, น. 107) ผลงานการแสดงในต่างประเทศ ในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการเป็นศิลปิน ครูและผู้บริหาร คุณครูประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ได้มี โอกาสเดินทางไปเผยแพร่นาฏศิลป์ไทยในต่างประเทศมากมาย เช่น ประเทศอินโดนีเซีย ฝรั่งเศส มาเลเซีย ฮังการีออสเตรเลีย เดนมาร์ก นิวซีแลนด์สาธารณรัฐประชาชนจีนแคนาดา สหรัฐอเมริกา ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์นอร์เว ฯลฯ
252 ผลงานด้านการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ไทย คุณครูประสิทธิ์ปิ่นแก้ว นอกจากผลงานการแสดงแล้วยังได้สร้างสรรค์ผลงาน การแสดงอื่น ได้แก่ - ประดิษฐ์ท่ารำฉุยฉายพาลี(หลักสูตรการเรียนของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์) รำกราว ทหารนเรศวร รำเพลงปลุกใจ เป็นต้น - ประดิษฐ์ท่าเต้นโขนลิงประกอบการแสดงเรื่องรามเกียรติ์ชุดโขนวานรพงศ์ของกรม ศิลปากร ในงานพระราชพิธีพระเมรุพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราช นครินทร์ - กำกับการแสดงโขนอีกมากมาย เช่น การแสดงโขน ชุดพิเภกสวามิภักดิ์ณ โรงละคร แห่งชาติการแสดงโขนเรื่องกำแหงหนุมานข้าราชบริพารผู้ภักดีณ ศาลาเฉลิมกรุง วันที่ 2 - 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 เป็นต้น - ควบคุมการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ตอนยกรบ ณ โรงละครแห่งชาติ - ควบคุมและฝึกซ้อมการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ตอนจองถนน ณ สังคีตศาลา กรุงเทพมหานคร - ควบคุมและฝึกซ้อมการแสดงโขนในงาน Pacific Polymer conference - เขียนหนังสือคู่มือประกอบการสอนวิชานาฏศิลป์ไทย (โขน) ระดับปริญญา สถาบัน บัณฑิตพัฒนศิลป์เรื่องฉุยฉายพาลีและลงสรงหนุมานทรงเครื่อง - ครูผู้สอนโขนตัวลิง ที่วิทยาลัยนาฏศิลป - ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าสายนาฏศิลป์โขน พ.ศ. 2521 - ที่ปรึกษาของวิทยาลัยนาฏศิลป กรรมการสอบและดูแลการเรียนการสอน - ส่งเสริมกิจกรรมการสอบแข่งขันด้านนาฏศิลป์และดนตรีรางวัลสมเด็จพระเจ้าบรม วงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ - กรรมการสอบนาฏศิลป์โขนภาคปฏิบัติและสัมภาษณ์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล - เป็นอาจารย์สอนพิเศษด้านโขนตัวลิงให้กับมหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคล
253 ภาพที่ 33 รับบท หนุมาน ในการแสดงโขนรามเกียรติ์ ตอน ยกรบ ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (2551, น. 107) ภาพที่ 34 ฝึกซ้อมการแสดงโขน ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (2551, น. 109)
254 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุด พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย(ป.ม.) รางวัลและเกียรติคุณที่ได้รับ 1. ได้รับรางวัลราชมงคลสรรเสริญ ผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม พ.ศ. 2548 จาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 2. ได้รับปริญญาศิลปกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์(นาฏกรรมไทย) จากมหาวิทยาลัย รามคำแหง วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2550 3. ได้รับโล่เกียรติคุณที่ได้สนับสนุนการจัดงานราตรีละอองดาว 39 ของนักศึกษาวิชาทหาร กรมการรักษาดินแดน 4. ได้รับพระราชทานรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น คณะนาฏศิลป์และดุริยางค์ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคล 5. ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์-โขน) เข้ารับพระราชทานโล่ จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พ.ศ. 2551 ภาพที่ 35 รับพระราชทานปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (2551, น. 110)
255 การทำคุณประโยชน์เพื่อสังคม - เป็นวิทยากรบรรยายเรื่อง “สืบสานศิลปะไทย” ของคณะคุรุศาสตร์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และวิทยาลัยนาฏศิลป - กรรมการที่ปรึกษาในการเรียบเรียงวิทยานิพนธ์ของคณะศิลปกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย - ประธานและรองประธานกรรมการการจัดงาน และการแสดงศิลปวัฒนธรรมสี่ภาคของ วิทยาลัยนาฏศิลป ในสังกัดกองศิลปศึกษา กรมศิลปากร - กรรมการร่างพระราชกฤษฎีกาข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศประกอบร่างพระราชบัญญัติ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ - กรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเฟสปิกเกมส์พ.ศ. 2542 - กรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์พ.ศ. 2542 - กรรมการจัดทำหลักสูตรเพลงพื้นบ้านภาคกลาง - กรรมการโครงการพัฒนาศูนย์สารสนเทศด้านนาฏดุริยางคศิลป์ - กรรมการประชุมวิชาการนานาชาติ - กรรมการโครงการดนตรี โขน ละครจรกรุงเก่า - กรรมการมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย - กรรมการวิเคราะห์และจัดทำเกณฑ์ผู้สอนในสถาบันศึกษา - เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่นักศึกษากับสถานศึกษาที่มีความสนใจ
256 ประวัติผู้แต่งบทโขน พาลีสอนน้อง ประวัติ คุณครูเสรี หวังในธรรม (พ.ศ.2480)
257 ประวัติผู้แต่งบทโขน ชีวประวัติและผลงานของคุณครูเสรี หวังในธรรม ภาพที่ 36 คุณครูเสรี หวังในธรรม ที่มา: อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพนายเสรี หวังในธรรม (2550, น. ปก) ชีวประวัติส่วนตัว เสรี หวังในธรรม เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ.2480 ณ บ้านเลขที่ 8 ตรอกสว่าง บริเวณศูนย์พระเครื่องในปัจจุบัน ตำบลท่าพระจันทร์ พระนคร บิดาคือนายเหลือ หวังในธรรม อยู่ใน ตระกูลรัตนครอง มีเชื้อสายจีน พื้นเพอยู่ผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้ามาพระนครเรียน หนังสือ ที่วัดอนงคาราม รับราชการเป็นเสมียนกรมบัญชีกลาง อยู่บ้านหลวงที่แพร่งสรรพศาสตร์ ได้รับพระราชทานนามสกุลว่า “หวังในธรรม” และต่อมาก็ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็นขุน สาธก-ธนสาร เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่อยู่ฝ่ายการเงินตามทวงหนี้สิน ซึ่งต้องใช้วาทะศิลป์ในการทวงหนี้ มารดาคือนางสง่า หวังในธรรม (อาซะ อาลิบาย นานา) ยายชื่อเขียนหรือขัติเยาะ เป็นมอญอยู่ปากลัด ตาชื่ออาฮะหมัด นานากุล หรือ เอเอ อาลิบาย นานา เป็นแขกขาวอยู่แถวตึกแขกย่านคลองสาน ฝั่งธนบุรีนายเหลือและนางสง่า หวังในธรรม แต่งงานเมื่อปี พ.ศ.2465 ทั้งสองจึงย้ายมาอยู่ด้วยกันแถว ท่าพระจันทร์อย่างมีความสุข จนมีบุตร ธิดา รวมทั้งสิ้น 12 คน ดังนี้
258 1. เกษม 7. ธรรมนูญ 2. สำราญ 8. เสรี 3. บุญส่ง 9. เนาวรัตน์ 4. จ้อย 10. ดิลก 5. นภา 11. เฉลาศรี 6. วาณี 12. จำชื่อไม่ได้ ประวัติการศึกษา เมื่อถึงวัยเข้าเรียน บิดา มารดาก็ส่งเข้ารับการศึกษาในระดับอนุบาลที่โรงเรียนศรีจรุง ใกล้บ้าน แต่แล้วใน พ.ศ.2483 ก็เกิดไฟไหม้บ้าน จึงจำเป็นต้องย้ายไปอยู่แถวพรานนก ฝั่งธนบุรี จากนั้นจึงเข้าศึกษาต่อในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนปิยวิทยาจนจบและเข้าศึกษาต่อในระดับ มัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดชิโนรส จนจบหลักสูตรมัธยมศึกษาปีที่ 3 และในปี พ.ศ.2490 ก็เข้าเรียนที่ โรงเรียนนาฏศิลป สังกัดกรมศิลปากร เด็กชายเสรี หวังในธรรมเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในขณะนั้น โรงเรียนนาฏศิลปเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน ในเวลาต่อมา พ.ศ.2495 โรงเรียนได้โอนย้ายไปสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม เกิดการเปลี่ยนแปลงคือ เกิดหลักสูตร วิชาชีพครูขึ้นเป็นครั้งแรกในหลักสูตรนาฏศิลปชั้นกลางและชั้นสูงการปรับปรุงหลักสูตรครั้งนี้แบ่ง การศึกษาออกเป็นสองแผนก ได้แก่ แผนกสามัญศึกษา และแผนกศิลปศึกษา หลักสูตรสามัญศึกษา ยังคงดำเนินการศึกษาตามหลักสูตรประมวลการสอนฝ่ายสามัญศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ แต่ให้ เว้นไม่ต้องเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ พลศึกษา อนุกาชาด ลูกเสือ และไม่ต้องเรียนคณิตศาสตร์ในระดับ มัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 จำนวนปีการศึกษาของแต่ละชั้น ใช้เกณฑ์จำนวนปีการศึกษาของโรงเรียน สามัญ การปรับหลักสูตรครั้งนี้ ปรับหลักสูตรและจัดการศึกษาจนถึงระดับอนุปริญญาแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ 1. นาฏศิลป์ชั้นต้น กำหนดเวลาเรียน 6 ปี นาฏศิลป์ชั้นต้นปีที่ 1 - 3 กำหนดเวลาเรียน 3 ปี เทียบเท่าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 นาฏศิลป์ชั้นต้นปีที่ 4 - 6 กำหนดเวลาเรียน 3 ปี เทียบเท่าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 2. นาฏศิลป์ชั้นกลาง กำหนดเวลาเรียน 3 ปี เทียบเท่าเตรียมอุดมศึกษา 3. นาฏศิลป์ชั้นสูง กำหนดเวลาเรียน 2 ปี เทียบเท่าอุดมศึกษา
259 (หลักสูตรนาฏศิลป์ชั้นต้นได้กำหนดให้เลือกเรียนวิชาศิลปะที่ถนัด 1 วิชา เป็นวิชาเอก ตลอด 6 ปี ตั้งแต่ระดับนาฏศิลป์ชั้นกลางขึ้นไป ให้เลือกเรียนวิชาศิลปะได้อีก 1 สาขา เป็นวิชาโท) หลักสูตรศิลปศึกษา ซึ่งเปิดสอน 5 สาขา คือ - นาฏศิลป์ไทย - ดุริยางค์ไทย - คีตศิลป์ไทย - ดุริยางค์สากล - คีตศิลป์สากล หลักสูตรศิลปศึกษาทั้ง 5 สาขานี้ เปิดสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ได้มีการแบ่งชั้นและ กำหนดจำนวนปีการศึกษา อนุโลมหลักสูตรสามัญศึกษา และได้มีการแบ่งเวลา ในการศึกษา คือ ภาค เช้าศึกษาวิชาสามัญ และภาคบ่ายจะศึกษาวิชาศิลปะการรับนักเรียนชาย-หญิงเข้าเรียนนั้น โรงเรียน ได้กำหนดคุณสมบัติ ดังนี้ นาฏศิลป์ชั้นต้น รับนักเรียนชาย หญิง จากโรงเรียนทั่วไป มีอายุไม่เกิน 13 ปี เพื่อเข้าศึกษา ในระดับนาฏศิลป์ชั้นต้นปีที่ 1 (มัธยมศึกษาปีที่ 1 ) และศึกษาต่อไปตามหลักสูตรสามัญศึกษา จนถึง ระดับนาฏศิลป์ชั้นต้นปีที่ 6 รวม 6 ปีเมื่อได้มีการปรับปรุงการศึกษาใหม่ คือ เพิ่มการศึกษาระดับ นาฏศิลป์ชั้นกลาง รับนักเรียนชาย หญิง ผู้เรียนจบตามหลักสูตรนาฏศิลป์ชั้นต้นของโรงเรียนนี้เข้า ศึกษาหลักสูตรสามัญ 2 ปี การเปิดรับนักเรียนระดับนาฏศิลป์ชั้นสูง ทั้งชาย และหญิงนั้นได้เปิดเมื่อ พ.ศ.2493 เปิดรับ จากผู้ที่จบการศึกษานาฏศิลป์ชั้นกลาง สอบได้รายวิชาละไม่ต่ำกว่า 60 % ทั้งสายวิชาสามัญและวิชา ศิลปะ มีกำหนดเวลาเรียน 3 ปี เด็กชายเสรี หวังในธรรม เข้าศึกษาในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 สาขาวิชาดุริยางค์สากลเป็นครั้งแรก เนื่องจากผู้เป็นพี่สาวคือนางนภา หวังในธรรม ก็เรียนวิชาดุริยางค์ สากลอยู่ก่อนแล้วการเรียนในโรงเรียนนาฏศิลป เป็นไปอย่างราบรื่น จนเมื่อปี พ.ศ.2495 ก็เกิด เหตุการณ์เดินขบวนของนักเรียนเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ 2 ประการ คือ - ขอนุ่งกางเกงสั้นตามแบบสมัยนิยมยุคนั้น - ขอไว้ผมยาว ซึ่งดูสวยงามเมื่อแสดงบนเวที (ตามแบบผู้ชาย)
260 ผู้นำการเดินขบวนของนักเรียนโรงเรียนนาฏศิลปคือ เด็กชายเสรี หวังในธรรม นักเรียนชั้น กลางปีที่ 3 ผลแห่งการเจรจาข้อตกลงระหว่างครูกับลูกศิษย์คือ ครูยอมผ่อนผันตามข้อเรียกร้อง แต่ ขอให้ไล่เด็กชายเสรี หวังในธรรม ผู้เป็นผู้นำออกจากโรงเรียน ในสมัยนั้นโรงเรียนนาฏศิลป สังกัดอยู่กับกองการสังคีต กรมศิลปากร และหัวหน้ากองการ สังคีตคือ นายธนิต อยู่โพธิ์ (อดีตอธิบดีกรมศิลปากร) หลังจากครูส่วนใหญ่เรียกร้องให้ไล่เด็กชายเสรี ออกจากโรงเรียน ก็ได้มีการประชุม และนายธนิต อยู่โพธิ์ คัดค้านการไล่เด็กชายเสรีออก โดยกล่าว่า “ไอ้เด็กคนนี้ ถ้าจะเปรียบเป็นเรือ ก็คือเรือโคลง แต่ถ้าคนพายเป็นผมว่าถ้าแข่งก็ไม่มีใครสู้ ขอผมเถอะ ผมจะพายมันเอง” ทำให้เด็กชายเสรี พ้นจากการถูกไล่ออกจากโรงเรียนแต่ต้องโอนย้ายไปเรียน หนังสือกับนายธนิต อยู่โพธิ์ตัวต่อตัว นับได้ว่านายธนิต ให้ชีวิตใหม่ และเป็นครูผู้ประเสริฐยิ่ง ขณะที่เด็กชายเสรี หวังในธรรม เรียนวิชาดุริยางค์สากลอยู่นั้น ท่านศาสตราจารย์พระเจน ดุริยางค์ เป็นครูผู้ใหญ่คอยกำกับควบคุมดูแล เด็กชายเสรีเริ่มเรียนตีกลองฝรั่งเป็นครั้งแรกกับครูเชื้อ อัมพผลิน การเรียนในยุคนั้นไม่มีกลองที่จะใช้ในการฝึกหัดเรียน ต้องหัดตีกับม้านั่งที่เป็นหินหรือเป็น ไม้บ้างไปก่อน โดยฝึกหัดทุกวัน เมื่อปฏิบัติได้ดีพอสมควร สามารถร่วมวงกับผู้อื่นได้จริงจะใช้กลอง จริงๆมาให้ตี ถึงกระนั้นกลองที่นำมาให้ตี ก็เป็นกลองที่เก่ามาก เมื่อนำมาฝึกหัดตีจึงทำให้กลองแตก ท่าศาสตราจารย์พระเจนดุริยางค์จึงตำหนิและให้เปลี่ยนไปเรียนอย่างอื่น เด็กชายเสรีจึงได้ย้ายมา เรียนระนาดฝรั่งกับขุนสำเนียง ชั้นเชิง(มล โกมลรัตนะ) ในขณะที่เรียนดุริยางค์สากลอยู่นั้น นายเสรี เป็นคนชอบสนุกสนาน จึงรวมกลุ่มเพื่อน ๆ จัดตั้งแตรวงเล็ก ๆ รับงานแห่บวชนาคซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานคนรู้จักกัน ก็จะไม่ค่อยได้เงินหรือถ้าได้ก็ นิดหน่อย เมื่อใกล้ฤดูบวชนาคทุกคนจะมาร่วมกันฝึกซ้อมที่โรงเรียน และบังเอิญศาสตราจารย์พระเจน ดุริยางค์ ได้ยินเข้าท่านก็โกรธและให้นายเสรีเปลี่ยนไปเรียนเครื่องเป่าแทน โดยนายเสรีได้ไปเรียนเป่า ปี่คารีแนท นับว่านายเสรีได้มีโอกาสเรียนทั้ง เครื่องตี และเครื่องเป่า โรงเรียนนาฏศิลป ในสมัยที่นายเสรี เรียนอยู่นั้น เป็นสมัยที่มีการจัดการแสดงโขนหน้าจอ ณ ท้องสนามหลวงในงานต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ นักเรียนและครูมีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอที่จะแสดงได้ โรงเรียนจึงประกาศรับสมัครผู้แสดงโขนเป็นเขนยักษ์ และเขนลิงจากนักเรียนในสาขาวิชาอื่น ๆ เช่น ดุริยางค์สากล และดุริยางค์ไทย นายเสรีคือผู้หนึ่งที่ไปสมัครเพื่อร่วมงานแสดง และได้รับคัดเลือกเป็น ตัวเขนยักษ์ พอฝึกหัดโขนยักษ์ก็เต้นผิด ๆ ถูก ๆ เนื่องจากไม่เคยสนใจมาก่อนเลย แต่ด้วยความอยาก รู้อยากเห็นจึงสมัคร เมื่อครูเจริญ เวชเกษม ซึ่งเป็นครูผู้ฝึกหัดเห็นดังนั้นจึงต่อว่า “ไอ้เด็กคนนี้ใครเลือก
261 มาวะ ชาตินี้ทั้งชาติอย่าเอาดีทางนี้เลย” คำสบประมาทของครูเจริญ ทำให้นายเสรี เกิดความมานะ พยายามคิดจะเอาชนะคำดูถูกของครูตลอดมา นอกจากนี้นายเสรียังเคยฝึกหัดโขนลิงกับครูแสวง อัฏฏะวัชระ อีกด้วย ด้วยอุปนิสัยช่างคิด ช่างจดจำของนายเสรี หวังในธรรม เป็นเหตุให้ได้มีโอกาสฝึกขับร้องและ ขับเสภาเพิ่มอีกวิชาหนึ่ง เนื่องจากนายเสรีทำหน้าที่ขายสูจิบัตร และได้มีโอกาสดูละครเรื่องสุวรรณ หงส์ ที่จัดแสดง ณ โรงละครแห่งชาติ นายเสรี ได้ยินเสียงครูเหนี่ยวดุริยพันธุ์ ขับเสภาเกิดความ ประทับใจ จึงจดจำบทประพันธ์ดังกล่าวและนำมาฝึกขับเล่น จนครูเหนี่ยวได้ยินโดยมิได้ตั้งใจ ครูเหนี่ยวสนใจซุ่มเสียงและลีลาการขับเสภาของนายเสรี ตั้งแต่นั้นมานายเสรีก็ได้ฝึกขับเสภาและขับ ร้องกับครูเหนี่ยว นอกจากนี้ยังได้ฝึกขับร้องกับครูท่านอื่น ๆ อีก เช่น ครูโชติ ดุริยประณีต ครูแช่มช้อย ดุริยพันธุ์ และครูประเวช กุมุท จนมีความรู้แตกฉาน สามารถร้องประกอบการแสดงโขน และการ แสดงละครของกรมศิลปากรหลายเรื่องหลายตอน นายเสรี มีโอกาสขับร้องร่วมกับครูประเวช กุมุท และครูท่านอื่น ๆ และในขณะที่ขับร้องเพลงไทยอยู่นั้นก็มีความคิดว่าเพลงไทยต้องอาศัยเครื่องดนตรี ถ้านักร้องรู้จักจังหวะหน้าทับ และท่วงทำนองเพลง จนถึงสามารถบรรเลงได้การขับร้องเพลงไทยก็จะ ดีมากขึ้น ด้วยเหตุนี้นายเสรี จึงเรียนดุริยางค์ไทยเพิ่มเติมอีก คือเรียนเป่าปี่กับครูเทียบ คงลายทอง เรียนฆ้องวงกับครูสอน วงฆ้องและเรียนตีกลองทัด กับครูพริ้ง กาญจนผลิน นายเสรี หวังในธรรมมีความสนใจในเรื่องของการแสดงในทุกแขนงจริง ๆ และเป็นคนชอบ การเล่นตลกมาก โดยได้รับการถ่ายทอดมาจากครูยอแสง ภักดีเทวา เมื่อมีการแสดงโขน ละครมักจะ ได้รับบทบาทให้เป็นตัวสำรองต่าง ๆ รวมทั้งตัวตลก เช่น ฤาษีอำมาตย์ และเทวดา เป็นต้น ในด้าน การแสดงโขน ท่านยังมีความสามารถในการพากย์ - เจราจาโขน โดยได้รับการถ่ายทอดจาก ครูมหาถนอม โหมดเทศน์ และได้มีโอกาสร่วมพากย์กับครูและเพื่อนคือนายประพันธ์ สุคนธชาติ การศึกษาหาความรู้ของนายเสรี มิได้หยุดเพียงเท่านี้ แต่ยังสนใจที่จะศึกษาหาความรู้วิชาการเกี่ยวกับ ศิลปอีกหลายอย่าง นั้นก็คือ วิชาการแต่งบทโขนละคร และบทประกอบการแสดงต่าง ๆ และสิ่งนี้ นับเป็นพรสวรรค์ของท่านนายเสรีได้รับการถ่ายทอดความรู้ในด้านการประพันธ์จากครูมนตรี ตราโมท และยังได้มีโอกาสร่วมงานละครวิทยุกับคณะตรีศิลปของครูมนตรี ตราโมท ด้วย ในเวลาต่อมานายเสรี หวังในธรรมก็ได้แต่งบทโขน-ละครเรื่องต่าง ๆ ให้กับกรมศิลปากรไว้สำหรับการแสดงอีกมากมาย
262 ประวัติการทำงาน นายเสรี หวังในธรรม สำเร็จการศึกษาในระดับนาฏศิลป์ชั้นสูงปีที่ 2 เมื่อ พ.ศ.2498 ในสาขา ดุริยางค์ไทย นับเป็นสาขาสุดท้ายที่ได้เข้าไปเรียน จากนั้นก็สมัครเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างกรม ศิลปากร เนื่องจากอายุยังน้อยคือมีอายุยังไม่ถึง 18 ปีเต็ม ซึ่งระเบียบราชการรับข้าราชการอายุต้อง ครบ 18 ปีบริบูรณ์ และตำแหน่งแรกที่เข้ารับราชการคือ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่สยาม ต่อมาก็ได้รับการ บรรจุแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการ ชั้นจัตวา ระดับ 1 แผนกดุริยางค์ไทย กองการสังคีต กรมศิลปากร ในขณะนั้นกรมศิลปากรจัดรายการดนตรีมหกรรมที่สังคีตศาลา นายเสรีรับอาสาท่านธนิต อยู่โพธิ์ จัดชุดตลกแทรกในรายการแสดงต่าง ๆ โดยใช้ศิลปินรุ่นเยาว์ที่อยู่ในความดูแลเป็นผู้แสดง นายธนิต อยู่โพธิ์ เห็นดังนั้นก็หวังที่จะช่วยชุบเลี้ยงศิลปินรุ่นเด็กเหล่านี้ให้ได้รับการศึกษาอยู่ในโรงเรียนนาฏ ศิลป โดยไม่กระจัดกระจายลาออกก่อนกำหนด และให้อาศัยอยู่ในกองการสังคีต ความทราบถึง พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร ซึ่งทรงโปรดปรานนายเสรี เป็นการส่วนพระองค์ จึงทรง รับอุปการะศิลปินเด็ก ๆ เหล่านั้น โดยประทานทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายส่วนตัว กับทรงมอบให้นาย เสรีเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเด็กเหล่านั้น ซึ่งเมื่อตอนเริ่มแรกมี 16 คน ต่อมาก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆมีมาก ถึง 36 คน นายเสรี รับภาระดูแลเด็กทั้งหมด ให้ความรัก เอ็นดู อยู่กินกันที่เรือนเขียวภายในโรงเรียน นาฏศิลป เด็กเหล่านี้จึงเรียกนายเสรีว่า “พ่อ” การให้โอกาสเด็ก ๆ ได้ศึกษาหาความรู้นับเป็นผลดีต่อ กรมศิลปากรเพราะเด็กเหล่านั้นเมื่อเติบโตขึ้น บางท่านก็ได้เป็นกำลังสำคัญของกรมศิลปากรในเวลา ต่อมาจนถึงปัจจุบัน อาทิตย์ -นายประสาท ทองอร่าม -นายไพฑูรย์ เข้มแข็ง -นายปรีชา ศิลปะสมบัติ -ผศ.ปกรณ์ รอดช้างเผือก -นายเถลิง ปี่เพราะ -พอ.สารวิทย์ อภัยพลชาญ -นายนิตย์ หลวงสนุทร -นายสวิทย์ เริ่มรุจ -นายบัณฑิต ดาระดาษ -นายสุพล ปูรณานุนาค
263 -นายมนูญ ปานทอง เป็นต้น ต่อมาในปี พ.ศ.2503 เกิดไฟไหม้โรงละครศิลปากร ทำให้กรมศิลปากรได้รับงบประมาณ ในการก่อสร้างโรงละครแห่งชาติ ในปีเดียวกันนี้เอง นายเสรี หวังในธรรม ได้บรรพชาอุปสมบท ณ วัด บวรนิเวศ ในขณะที่บรรพชาอยู่นั้นก็ได้ประพันธ์บทกลอนให้ชื่อว่า“บวรนิวาส ความว่า อุปมาอาตมะเหมือนหนุมาน ได้ประทานพรปัญญามาเกื้อหนุน แต่เหิมหาญกำแพงแรงวิบุลย์ จึงสิ้นทุนต้องสาปอุมาแมน ต้องสิ้นฤทธิ์สิ้นคิดสิ้นคนคบ เที่ยวสยบหลบกายละอายแสน สู้ซุกซอนซ่อนหน้าวนาแดน ไม่ไกลแคลนคนเย้ยเอ่ยนินทา กุศลส่งพบองค์พระรามราช โปรดประศาสน์สู่ที่ทหารหน้า ลูบแต่หัวหางจนครบสามครา ขุนสวาก็ฟื้นคืนกำลัง คนที่เหยียดเคยเหยียดก็คลายเหยียด ต่อหน้าเกลียดก็กลับเป็นลับหลัง ที่รักน้อยค่อยท้นล้นประดัง ที่เคยชังก็ค่อยชาด้วยบารมี เมื่อนายเสรี หวังในธรรม ลาสิกขาบทกลับมาทำงานได้ระยะหนึ่ง ในขณะนั้นกำลังอยู่ในช่วง การก่อสร้างโรงละครแห่งชาติ นายธนิต อยู่โพธิ์ อธิบดีกรมศิลปากรในสมัยนั้น ท่านเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ ที่กว้างไกล เมื่อสร้างโรงละครแห่งชาติขึ้นมาแล้ว ก็ควรจะมีผู้ทรงความรู้ประจำโรงละครแห่งชาติ ทั้งด้านแสง เสียง ฉาก และกำกับการแสดง ท่านจึงดำเนินการขอทุนจากต่างประเทศมาเพื่อการนี้ ได้สำเร็จ ในปีแรกส่งนายนคร วรรคาวิสันต์ ไปศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง แสงและเสียง ที่รัฐฮาวาย ในประเทศสหรัฐอเมริกา ครั้นปีต่อมาได้เพิ่มเป้าหมายสูงขึ้น โดยส่งนายเสรี หวังในธรรม ไปศึกษา เกี่ยวกับศิลปะการแสดง ที่ อีสต์เวสต์ เซนเตอร์ ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ ฮาวาย สหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2505 การศึกษาในต่างประเทศทำให้นายเสรี มีความรู้ความสามารถเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ท่านยังก่อตั้งคณะละครไทยขึ้นที่ฮาวาย เนื่องจากคณะนักเรียนไทยในฮาวายจะจัดงานเฉลิม พระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2505 นายเสรี จึงออก ความคิดให้คนไทยในฮาวาย จัดแสดงละครละครเรื่องมโนห์รา ณ โรงละครเคนนาดี้ โดยจัดทำบทเป็น ภาษาอังกฤษ และเก็บเงินโดยเสด็จพระราชกุศล ในการแสดงครั้งนั้น นายเสรี เป็นผู้จัดทำบทภาค ภาษาไทย แล้วมีผู้แปลเป็นภาษาอังกฤษ และนายเสรี ดำเนินการฝึกซ้อมการแสดงทั้งหมด ส่วนเครื่อง แต่งกาย เครื่องประดับศีรษะ ตลอดจนอุปกรณ์ประกอบการแสดง เช่น ราชรถ ก็ร่วมกันจัดสร้างขึ้นที่ นั้นไม่ได้สั่งไปจากเมืองไทย ฝีมือการประดิษฐ์เครื่องแต่งกายและราชรถในครั้งนั้นวิจิตรตระการตามาก
264 การแสดงในครั้งนั้นประสบความสำเร็จสมเจตนารมณ์ที่ตั้งใจไว้ทุกประการ และหลังจากสำเร็จ การศึกษา นายเสรีก็เดินทางกลับประเทศไทย ในปี พ.ศ.2507 เมื่อกลับมาทำงานในกรมศิลปากร ก็ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ประกอบกับ ความรู้ความสามารถ และพรสวรรค์ในเรื่องการพัฒนาสร้างสรรค์งานด้านศิลปะการแสดงนายเสรี หวังในธรรม จึงได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งหน้าที่โดยลำดับ คือเป็นหัวหน้าวงบรรเลง เป็นหัวหน้าแผนกดุริยางค์ไทย เป็นหัวหน้าฝ่ายวิชาการ เป็นหัวหน้าฝ่ายศิลปะการแสดง มีผลงาน ปรากฏอยู่ให้เห็นมากมาย อาทิ ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2517 จัดการแสดงโขนชุดพาลีสอนน้อง โดยนายเสรีจัดทำบทใหม่ จนได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก รายได้ในการ จำหน่ายบัตร เข้าชมสูงถึงหลักล้าน นอกจากนี้ในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2518 นายเสรี หวังในธรรม ออกแบบรายการแสดงใหม่เป็นรายการที่รวมการแสดงหลายประเภทไว้ด้วยกันทั้งการแสดงโขน ละคร รำ ระบำ เบ็ดเตล็ด และพื้นเมือง ใช้ชื่อรายการว่า “รายการศรีสุขนาฏกรรม” โดยจัดการแสดง ณ โรงละครแห่งชาติ ในวันศุกร์สุดท้ายของเดือน นับว่าประสบผลสำเร็จ มีประชาชนให้ความสนใจ เป็นจำนวนมาก เป็นต้น ด้วยผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัดเจน นายเสรี จึงได้รับ การพิจารณาเลื่อนตำแหน่งหน้าที่ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองการสังคีต กรมศิลปากร เมื่อ พ.ศ.2523 และดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการจนถึงปี พ.ศ.2533 รวมเป็นเวลา 10 ปี ในระหว่างที่นายเสรี หวังในธรรม ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองการสังคีต กรมศิลปากร ได้ปฏิบัติหน้าที่ พัฒนางานด้านนาฏศิลป์และดนตรีไทยมาโดยตลอดมีผลงานมากมาย นอกจากผลงานดังกล่าว นายเสรี หวังในธรรม ยังเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับข้าราชการ กรมศิลปากรหลายท่าน อาทิ ประสาท ทองอร่าม, ไพฑูรย์ เข้มแข็ง, วันทนีย์ ม่วงบุญ, ศุภชัย จันทร์ สุวรรณ์, ปกรณ์ พรพิสุทธิ์, สมชาย ทับพร, เกษม ทองอร่าม, ทรงพล ตาดเงิน, จรัล พูนลาภ เป็นต้น ศิลปินเหล่านี้นับเป็นกำลังสำคัญของกรมศิลปากรในการสืบทอด อนุรักษ์ เผยแพร่และพัฒนางานด้าน นาฏศิลป์ไทยและดนตรีไทย ให้คงอยู่และเจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต นายเสรี หวังในธรรม เป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้นาฏศิลป์ไทยในด้านต่าง ๆ มากมาย อาทิ 1. หลักและวิธีการแสดง โขน-ละคร 2. การแสดงตลกใน โขน-ละคร 3. การแสดงฤาษีใน โขน-ละคร 4. การแสดงชูชก ในละครเรื่องพระเวสสันดร
265 5. การพากย์-เจรจา 6. การกำกับการแสดง โขน-ละคร 7. การเขียนบท โขน-ละคร การทำงานของนายเสรี หวังในธรรมในฐานะผู้ดูแล และบังคับบัญชา ควบคุมการแสดงโขน ละครของกรมศิลปากรนั้น ท่านมีบทบาทสำคัญยิ่ง ด้วยอุปนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ให้ความ เคารพรักครูผู้ใหญ่ ท่านจึงมักได้รับความช่วยเหลือจากครูผู้เชี่ยวชาญมาโดยตลอด ดังปรากฏใน ผลงานของนายเสรี หวังในธรรมในลักษณะต่าง ๆ มากมาย อาทิ - เบิกโรงมหาราชสดุดีประดิษฐ์ท่ารำโดยท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี - ระบำท่ารำไทยประดิษฐ์ท่ารำโดยท่าผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี - ระบำมิตรไมตรีเกาหลี –ไทยประดิษฐ์ท่ารำโดยท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี - ระบำปัญจะสมังคีประดิษฐ์ท่ารำโดยท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี - ระบำนางสงกรานต์ประดิษฐ์ท่ารำโดยครูลมุล ยมะคุปต์และครูเฉลย ศุขะวณิช - ระบำอยุธยาประดิษฐ์ท่ารำโดยครูเฉลย ศุขะวณิช - ระบำวานรพงศ์ประดิษฐ์ท่ารำโดยครูกรี วรศะริน - ระบำตับมณีเมขลาประดิษฐ์ท่ารำโดยครูจำเรียง พุทธประดับ - ระบำโลหะปราสาทประดิษฐ์ท่ารำโดยครูศิริวัฒน์ ดิษยนันทน์ นายเสรี หวังในธรรม เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2540 แต่ด้วย คุณงามความดี และความรู้ความสามรถที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน โดยเฉพาะการประพันธ์ และการออกแบบรายการ กรมศิลปากรจึงแต่งตั้งให้ท่านดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านสังคีตศิลป์ กรมศิลปากร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2540 เป็นต้นมา นายเสรี หวังในธรรม ปฎิบัติหน้าที่ต่าง ๆ มากมาย ดังนี้ - งานด้านการประพันธ์ - งานด้านการออกแบบรายการ - งานด้านบรรยาย - งานด้านการแสดง - งานด้านการฝึกซ้อมและควบคุมกำกับการแสดง - งานด้านเป็นที่ปรึกษาและอำนวยการแสดง
266 - งานพิเศษอื่น ๆ ประวัติผลงานทางด้านงานด้านการประพันธ์ 1. บทถวายพระพรพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เนื่องในวโรกาสต่าง ๆ อาทิ - บทรำถวายพระพร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ รายการศรี สุขนาฏกรรม ครั้งที่ 87 ณ โรงละครแห่งชาติ วันศุกร์ที่ 26 เสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2526 - บทรำถวายพระพร “มหาวชิราลงกรณ์สดุดี”เนื่องในอภิลักขิตมงคลวโรกาสวัน พระราชสมภพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฏราชกุมาร รายการศรีสุขนาฏกรรม ปีที่ 12 ครั้ง ที่ 3 ณ โรงละครแห่งชาติ วันศุกร์ที่ 31 กรกฏาคม และวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2530 - บทรำถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ สังคีตศาลา วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ.2546 2. บทอวยพรหน่วยงาน หรือองค์กรต่าง ๆ - บทประกอบการแสดงระบำปัญจะสมังคี 3. บทเบิกโรงประเภทต่าง - รำเบิกโรงมหาราชสดุดี 4. บทระบำต่าง ๆ - ระบำนางสงกรานต์ - ระบำรัตนมาลี - ระบำวานรพงศ์ฯลฯ ผลงานด้านการออกแบบรายการ และออกแบบการแสดง - รายการดนตรีไทยพรรณนา - รายการนาฏยาภิธาน - รายการขับขานวรรณคดี - รายการศรีสุขนาฏกรรม - รายการธรรมะบันเทิง - บทประกอบการแสดง “ระบำสายใจไทย” รายการศรีสุขนาฏกรรม ปีที่ 11 ครั้งที่ 6 ณ โรงละครแห่งชาติ วันศุกร์ที่ 29 และวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2528
267 - บทประกอบการแสดง “ศรีสุขนาฏกรรมอำนวยพร” รายการศรีสุขนาฏกรรม ปีที่ 100 ณ โรงละครแห่งชาติ วันศุกร์ที่ 28และวันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ.2527 - บทประกอบการแสดง “ปรมินทร์ศิลปาอาศิรวาท “เนื่องในมหามิ่งมงคลวโรกาส เฉลิมพระชนมพรรษา ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รายการศรีสุขนาฏกรรม ปีที่ 11 ครั้งที่ 2 ณ โรงละครแห่งชาติ วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน และวันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2527 - บทประกอบการแสดง “ถวายพระพรสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนี” รายการศรีสุขนาฏกรรมปีที่ 11 ครั้งที่ 1 ณ โรงละครแห่งชาติ วันศุกร์ที่ 26และวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2527 ฯลฯ ผลงานด้านการบรรยาย - บรรยายในรายการสุนทรภู่ครูของฉัน ณ สถาบันการศึกษาโดยทั่วไป อาทิ โรงเรียนสตรีวิทยา โรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์ โรงเรียนราชินี โรงเรียนเบญจมราชานุสรณ์ โรงเรียนวัดบวรนิเวศ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต - บรรยายราการสิ่งควรรู้ก่อนดูโขน-ละคร ณ สถาบันการศึกษาโดยทั่วไป - บรรยายในรายการคู่ขวัญวรรณคดี ณ สถาบันการศึกษาโดยทั่วไป - บรรยายวิชา นาฏศิลป์ และดนตรีไทย ณ หอประชุม โรงเรียนนายร้อยพระ จุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก (เขาชะโงก) ฯลฯ
268 ผลงานด้านการแสดง - แสดงเป็นฤาษีโคบุตร ในการแสดงโขน - แสดงเป็นฤาษีสุเมธ ในการแสดงละครนอกเรื่องโกมินทร์ - แสดงเป็นชูชก ในการแสดงชาดกเรื่องมหาเวสสันดร - แสดงเป็นขุนแผน ในการแสดงละครเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน - แสดงเป็นนางเฒ่าทัศประสาท ในการแสดงละครนอกเรื่องคาวี - แสดงเป็นนางมณฑา ในการแสดงละครนอกเรื่องสังข์ทอง - แสดงเป็นอาจารย์คง ในการแสดงละครนอกเรื่องไกรทอง - แสดงเป็นกุโสดอ ในการแสดงละครพันทางเรื่องผู้ชนะทิศฯลฯ ผลงานด้านการฝึกซ้อม และควบคุมกำกับการแสดง - การแสดงโขนถวายหน้าพระที่นั่งต้อนรับราชอาคันตุกะ ณ สนามหน้าพระที่นั่ง ดุสิตมหาปราสาท - การแสดงโขนถวายหน้าพระที่นั่ง ในงานสันนิบาต ทำเนียบรัฐบาล - การแสดงโขนถวายหน้าพระที่นั่ง ณ อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย จังหวัดสมุทรสงคราม - การแสดงโขนต้อนรับแขกของรัฐบาล ณ ทำเนียบรัฐบาล - การแสดงในรายการศรีสุขนาฏกรรม ณ โรงละครแห่งชาติ - การแสดงในรายการศรีสุขนาฏกรรม ณ เวทีสังคีตศาลา - การแสดงในพิธีเปิด และพิธีปิด เนื่องในงานสัปดาห์อนุรักษ์มรดกไทย ณ เวทีสังคีต ศาลา ผลงานด้านที่ปรึกษา และอำนวยการแสดง - การแสดงโขน ละคร ณ โรงละครแห่งชาติ และเวทีสังคีตศาลา - การแสดงโขน ละคร ณ โรงละครแห่งชาติ ภาคตะวันตก จังหวัดสุพรรณบุรี -การแสดงโขน ละคร ณ โรงละครแห่งชาติ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา - การแสดงเนื่องในโครงการวิจัยองค์ความรู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทย ของกรมศิลปากร - การแสดงเนื่องในงานคุรุปูชนีย์ครูด้านนาฏศิลป์ และดนตรีไทยของกรมศิลปากร - การแสดงโครงการเสภาวังหน้า ของกรมศิลปากร
269 ผลงานพิเศษอื่น ๆ - ที่ปรึกษาการแสดงโขนถวายหน้าพระที่นั่ง ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ - ที่ปรึกษาสมาคมศิษย์เก่านาฏศิลป์ กรมศิลปากร ฯลฯ รางวัลและเกียรติคุณที่ได้รับ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องอิสริยาภรณ์ - มหาวชิรมงกุฎ และสายสะพาย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2538 - เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา พ.ศ.2542 ปริญญากิตติมศักดิ์ - ปีการศึกษา 2533 ได้รับพระราชทานปริญญาอักษรศาสตรดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (วรรณคดีไทย) จากมหาวิทยาลัยกรมศิลปากร เครื่องหมายเชิดชูเกียรติ์ - “ศิลปินแห่งชาติ” คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ประกาศให้เป็นศิลปิน แห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี พ.ศ.2551 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ บ. ม. ปี พ.ศ.2508 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย จ. ม. ปี พ.ศ.2511 จัตุถาภรณ์มงกุฎไทย จ. ช. ปี พ.ศ.2514 จัตุถาภรณ์ช้างเผือก ต. ม. ปี พ.ศ.2517 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย ต. ช. ปี พ.ศ.2520 ตริตาภรณ์ช้างเผือก ท. ม. ปี พ.ศ.2522 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ท. ช. ปี พ.ศ.2526 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ป. ม. ปี พ.ศ.2533 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ป. ช. ปี พ.ศ.2536 ประถมาภรณ์ช้างเผือก ม. ว. ม. ปี พ.ศ.2539 มหาวชิรมงกุฎ จ. ภ. ปี พ.ศ.2540 จตุตดิเรกคุณาภรณ์
270 ร. ด. ม. ปี พ.ศ.2543 เหรียญดุษฎีมาลา การทำคุณประโยชน์เพื่อสังคม - ใบประกาศเกียรติคุณ เนื่องจากได้ร่วมจัดงานวันกองทัพไทย ประจำปี 2524 จาก กองบัญชาการทหารสูงสุด - ใบประกาศเกียรติคุณ เนื่องจากได้เป็นผู้มีความเสียสละช่วยเหลือในการจัดงานร่วมใจ ลูกเสือชาวบ้าน กรุงเทพมหานคร - ปริญญาบัตร เนื่องจากเป็นผู้ทรงคุณวุฒิสมควรแก่ ปริญญาอักษรศาสตร์ดุษฎีบันฑิต กิตติมศักดิ์ (วรรณคดีไทย) จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ปี 2533 - ใบประกาศนียบัตร เนื่องจากได้เป็นตัวอย่างบุคคลผู้พูดภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง และ เหมาะสมในโครงการอนุรักษ์ภาษาไทย เพื่อเทิดพระเกียรติพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเจริญพระชนมายุครบ 36 พรรษา จากมหาวิทยาลัยมหิดล ราชบัณฑิตยสถาน ปี 2534 - ใบประกาศเกียรติคุณ รางวัลประกายเพชร Best Honor Award ประเภทผู้อนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมไทยดีเด่นแห่งปี 2534 จากชมรบผู้บำเพ็ญประโยชน์สร้างสรรค์สังคม - ใบประกาศเกียรติคุณ เนื่องจากได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติคุณ ที่มีผลงานดีเด่น ด้านวิชา ภาษาไทย สร้างคุณประโยชน์แก่โรงเรียนของกรมสามัญศึกษา ปี 2536 จากกรมสามัญศึกษา - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากให้ความร่วมมือในการจัดงาน “สัปดาห์กลอนสด” เนื่องในวันสุนทร ภู่ ปี 2523 จากสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากให้ความร่วมมือในการจัดแสดงละคร เรื่องโกมินทร์ ณ โรงละคร แห่งชาติ ปี 2536 ขากสภาสตรีหญิงแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากให้ความอนุเคราะห์กิจกรรมในงานบรรเลง “มหาดุริยางค์ไทย” ณ โรงละครแห่งชาติ ปี 2528 จากชมรมนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราช อาณาจักร - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากมีผลงานดีเด่นในการเผยแพร่เกียรติคุณ “สุนทรภู่” ปี 2530 จาก คณะกรรมการอำนวยการโครงการฉลอง 200 ปี กวีเอกสุนทรภู่ - โล่เกียรติคุณ เนื่องในงานการแสดงมหกรรมเฉลิมพระเกียรติ5 ธันวามหาราช ปี 2530 จากกองทัพบก
271 - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากให้ความอนุเคราะห์ แด่ศูนย์ศิลปาชีพพิเศษ บางไทร ในสมเด็จพระ นางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ปี 2532 - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากสนับสนุนรายการดนตรีการกุศล เพื่อสายใจไทย ปี 2532 จาก กรมการกำลังสำรองทหารบก - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากให้ความร่วมมือในการแสดงละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน เพื่อเก็บเงิน สมทบทุนปี 2532 จากโครงการกองทุนวิภาวดีรังสิต สภาสตรีหญิงแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากเป็นผู้ให้การสนับสนุนกิจกรรมปี 2533 จากโรงเรียนสวนกุหลาบ - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากเป็นผู้ให้ความร่วมมือในการจัดการแสดงละครการกุศล ปี 2533 จากสมาคมศิษย์เก่าวิทยาลัยครูธนบุรี - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากได้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ปี 2531 จาก คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากร่วมแสดงในงานกาลาดินเนอร์ ครบรอบ 50 ปี ของสมาคมเพื่อหา รายได้สมทบทุนก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์หนังสือพิมพ์ไทย ปี 2534 จากสมาคมหนังสือแห่งประเทศ ไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากได้สนับสนุนกิจกรรม ส.อ.ร.ด. ปี 2534 จากสหพันธ์ สมสตรี อาสาสมัครรักษาดินแดน - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากให้ความร่วมมือในการจัดการแสดงละครการกุศลเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ ปี 2535 จากวชิรพยาบาล สำนักแพทย์ กรุงเทพมหานคร - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากให้การสนับสนุน ส.น.บ.น. ปี 2536 จากสมาคมนักเรียนเก่าบพิตร พิมุข ในพระบรมราชินูปถัมภ์ - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากให้ความช่วยเหลือ และทำคุณประโยชน์ให้กับโครงการพัฒนาตาม พระราชดำริ จากคณะทำงานโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ - โล่เกียรติคุณ เนื่องจากให้การสนับสนุนกองพลทหารม้าที่ 2 จากกองพลทหารม้าที่ 2 - ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตมศักดิ์ เนื่องจากเป็นผู้รู้ทางด้านภาษา มหาวิทยาลัยศิลปากรได้มอบ ปริญญาอักษรศาสตร์ ดุษฎีบัณฑิตกิตมศักดิ์ สาขาวรรณคดีไทย ปี2534 - ประกาศนียบัตรวิชาชีพบุคลผู้พูดภาษาไทย จากมหาวิทยาลัยมหิดล ราชบัณฑิตยสถาน ปี 2534
272 - รางวัลนักเขียนดีเด่น จากนิตยสาร เวิลด์บิสซิเนส ปี 2535 - รางวัลเสาอากาศทองคำและเมขลา จากสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 ปี 2535 ในรายการเราคือ คนไทย - รางวัลพ่อแห่งชาติ ปี 2535 - รางวัลศิลปินอาเซียน ปี 2536 ชีวิตบั้นปลาย นายเสรี หวังในธรรม ป่วยเป็นโรคหอบ และได้เข้าการรักษา จากโรงพยาบาลศิริราช 2 ครั้ง จนอาการเป็นปกติ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2550 อาการหอบกำเริบ ขณะเดินทางกลับ จากสวนนงนุช จังหวัดชลบุรี เพื่อไปดูช้างที่จะนำไปแสดงในงานอุทยาน ร. 2 ลูกศิษย์ที่เดินทางไปด้วย จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลมิชชั่น ซึ่งได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นตามลำดับสามารถพูดคุย และรับประทานอาหารได้ ครั้นในคืนที่ 31 มกราคม พ.ศ.2550 นายเสรีได้มีอาการหอบกำเริบหนัก และได้พ่นยา ในเวลา 01.00น. ของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550 แล้วนอนหลับไป จนเวลา 03.00น. ได้ตื่นขึ้นมา อีกครั้งเพื่อจะปัสสาวะ แต่ก็เกิดหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันนายเสรีได้จากไปอย่างสงบ สิริอายุรวม 70 ปี
273 ภาคผนวก ข ภาพกิจกรรมการดำเนินงานวิจัยและการถ่ายทอดท่ารำ
274 ภาพที่ 37 การถ่ายทอดท่ารำ จากคุณครูประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ที่มา: ผู้วิจัย ภาพที่ 38 การถ่ายทอดท่ารำ จากคุณครูประสิทธิ์ ปิ่นแก้ว ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ที่มา: ผู้วิจัย
275 ภาพที่39 ปกสูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. ปก) ภาพที่40 ปกรองสูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. ปกรอง)
276 ภาพที่41 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. ปกรอง) ภาพที่42 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. ปกรอง)
277 ภาพที่43 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. ปกรอง) ภาพที่44 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. 1)
278 ภาพที่45 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. 2) ภาพที่46 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. 3)
279 ภาพที่47 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. 4) ภาพที่48 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. 5)
280 ภาพที่49 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. 6) ภาพที่50 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. 7)
281 ภาพที่51 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. 8) ภาพที่52 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. 9)
282 ภาพที่53 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. 10) ภาพที่54 สูจิบัตรการแสดงโขนพาลีสอนน้อง ปี 2517 ที่มา: กรมศิลปากร (2517, น. 11)
283 ประวัติผู้วิจัย
284 ประวัติผู้วิจัย ชื่อ นาย ชินกฤต ขัดจำปา วันเกิดปีเกิด 25 มีนาคม พ.ศ. 2537 สถานที่เกิด โรงพยาบาลอานันทมหิดล อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ที่อยู่ปัจจุบัน 64/5 ถนนสรศักดิ์ ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี 15000 ประวัติการศึกษา พ.ศ. 2549 ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบัณฑิตศึกษา จังหวัดลพบุรี พ.ศ. 2552 มัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 - 3 วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี พ.ศ. 2555 ประกาศนียบัตรระดับนาฏศิลป์ชั้นกลาง วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี พ.ศ. 2560 ศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขานาฏศิลปไทยศึกษา คณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. 2566 ศิลปมหาบัณฑิต สาขานาฏศิลป์ไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรม