The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิทยานิพนธ์ หลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย เรื่อง กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ของพระราม ในการแสดงโขน กันตพัฒน์ จุติพรภูติวัฒน์ 2566

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ของพระราม ในการแสดงโขน กันตพัฒน์ จุติพรภูติวัฒน์ 2566

วิทยานิพนธ์ หลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย เรื่อง กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ของพระราม ในการแสดงโขน กันตพัฒน์ จุติพรภูติวัฒน์ 2566

132 ภาพที่ 147 ท่ารับตะโพน 2 ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 9 ชื่อท่ารับตะโพน 2 ทิศทาง ด้านขวา อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนโดยให้น้ำหนักอยู่ที่ขาซ้าย ขาขวายกหน้าเหลี่ยมพระ มือขวาถือ คันศรงอข้อศอกระดับวงบน มือซ้ายตั้งวงกระดับวงล่าง หน้ามองด้านซ้ายเปิดปลาย คางเอียงศีรษะขวา ภาพที่ 148 คำพากย์ที่ว่า “ดังสวนสวรรค์ในตรึงษา” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 10 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “ดังสวนสวรรค์ในตรึงษา” ยืนท่าไว้มือ ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนก้าวข้างขาซ้าย ขาขวายืนย่อเหลี่ยม มือซ้ายจับที่คันศรตั้งข้อมืองอ ข้อศอกระดับวงล่าง มือขวาไว้มือสามครั้ง หน้ามองตามมือชี้ซ้าย ศีรษะเอียงขวา เปิดปลายคาง


133 ภาพที่ 149 คำพากย์ที่ว่า “สระศรีโสภา” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 11 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “สระศรีโสภา” ยืนท่าวงบนแขนตึง ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนขาซ้ายน้ำหนัก ขาขวายกหน้าเหลี่ยมพระ มือขวาจับ ที่คันศรตั้งข้อมือแขนตึงกระดับไหล่ มือซ้ายวงบน หน้ามองตามมือชี้ซ้าย ศีรษะเอียงขวา เปิดปลายคาง ภาพที่ 150 คำพากย์ที่ว่า “ทั้งคู่ก็ดูยรรยง” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 12 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “ทั้งคู่ก็ดูยรรยง” ยืนท่ามองมือซ้าย ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนก้าวข้างให้น้ำหนักอยู่ที่ขาซ้าย ขาขวายืนย่อเหลี่ยม มือขวาจับ ที่คันศรตั้งข้อมืองอข้อศอกระดับวงล่าง มือซ้ายตั้งวงระดับวงบนท่ามอง หน้ามองทางซ้ายศีรษะเอียงขวา เปิดปลายคาง


134 ภาพที่ 151 ท่ารับตะโพน 3 ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 13 ชื่อท่ารับตะโพน 3 ทิศทาง ด้านขวา อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนโดยให้น้ำหนักอยู่ที่ขาซ้าย ขาขวายกหน้าเหลี่ยมพระ มือขวาถือ คันศรงอข้อศอกระดับวงบน มือซ้ายท่าผาลางอข้อศอกระดับกลาง หน้ามองด้านซ้ายเปิดปลายคางเอียงศีรษะขวา ภาพที่152 คำพากย์ที่ว่า “เปนที่บันเทิงเสวยสรง” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 14 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “เปนที่บันเทิงเสวยสรง” ยืนท่าวงแขนตึงคู่ ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนด้วยขาซ้าย ขาขวาวางเลื่อมขวาใช้จมูกเท้าจรด มือขวาจับ ที่คันศรแขนตึงกระดับไหล่ มือซ้ายววตึงระดีบไหล่ หน้ามองทางซ้าย ศีรษะเอียงขวา เปิดปลายคาง


135 ภาพที่ 153 คำพากย์ที่ว่า “ด้วยเทพบรรจง” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 15 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “ด้วยเทพบรรจง” ยืนท่าไว้มือซ้าย ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนขาซ้ายก้าวหน้ารับน้ำหนัก ขาขวายืนย่อเหลี่ยมพระ มือซ้ายจับ ที่คันศรตั้งข้อมือระดับวงล่าง มือขวาไว้มือตรงหน้า หน้ามองตรง ศีรษะเอียงขวา เปิดปลายคาง ภาพที่154 คำพากย์ที่ว่า “ใช่พื้นภูเขาสัญฐาน” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 16 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “ใช่พื้นภูเขาสัญฐาน” ยืนท่าตั้งมือทั้งสองข้าง ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนด้วยขาขวา ขาซ้ายวางเลื่อมใช้จมูกเท้าจรด มือขวาจับที่คันศรตั้ง ข้อมือระดับไหล่ มือซ้ายตั้งมือท่าภูเขาเดินมือทั้งสองลง หน้ามองด้านซ้าย ศีรษะเอียงขวา เปิดปลายคาง


136 ภาพที่ 155 ท่ารับตะโพน 4 ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 17 ชื่อท่ารับตะโพน 4 ทิศทาง ด้านขวา อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนโดยให้น้ำหนักอยู่ที่ขาซ้าย ขาขวายกหน้าเหลี่ยมพระ มือขวาถือ คันศรงอข้อศอกระดับวงบน มือซ้ายท่าจีบยาวแขนตึงกระดับไหล่ หน้ามองด้านซ้าย เปิดปลายคางเอียงศีรษะขวา ภาพที่ 156 คำพากย์ที่ว่า “จึงเหลือบไปเห็น” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 18 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “จึงเหลือบไปเห็น” ยืนท่ามองฉายศร ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนก้าวข้างให้น้ำหนักอยู่ที่ขาขวา ขาซ้ายยืนย่อเหลี่ยม มือขวาจับ ที่ปลายคันศรท่าฉายศรกระดับวงล่าง มือซ้ายจับที่หัวศรระดับอก หน้ามองทางซ้ายศีรษะเอียงขวา เปิดปลายคาง


137 ภาพที่ 157 คำพากย์ที่ว่า “ราชสาร” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 19 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “ราชสาร” ยืนท่าสะบัดจีบมือซ้ายเขียนสาร ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนก้าวข้างให้น้ำหนักอยู่ที่ขาซ้าย ขาขวายืนย่อเหลี่ยม มือขวาจับ ที่คันศรให้หัวศรตั้งขึ้นระดับอก มือซ้ายสะบัดเป็นท่าเขียน หน้ามองมือซ้ายศีรษะ เอียงขวา เปิดปลายคาง ภาพที่ 158 คำพากย์ที่ว่า “รู้ว่ามัฆวาน” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 20 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “รู้ว่ามัฆวาน” ยืนท่าไหว้ไว้มือด้านขวา ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนให้น้ำหนักอยู่ที่ขาขวา ขาซ้ายวางเลื่อมใช้จมูกเท้าจรด มือขวาจับ ที่คันศรแบมือพนมไหว้ไว้มือข้างขวาพร้อมมือซ้าย หน้ามองทางซ้ายศีรษะเอียงขวา กดปลายคาง


138 ภาพที่ 159 คำพากย์ที่ว่า “นิมิตประดิษฐ” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 21 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “นิมิตประดิษฐ” ยืนท่าพนมไหว้สองมือ ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนผสมทั้งขาซ้ายและขาขวาน้ำหนักตรงกลางย่อเหลี่ยมพระ หงายคันศร ให้อยู่ในมือทั้งสองที่พนมไหว้ระดับอก หน้ามองทางซ้ายศีรษะเอียงขวา เปิดปลายคาง ภาพที่ 160 คำพากย์ที่ว่า “สร้างถวาย” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 22 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “สร้างถวาย” ยืนท่าโกยสองมือ ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนให้น้ำหนักอยู่ที่ขาซ้าย ขาขวาวางเลื่อมใช้จมูกเท้าจรด มือขวาจับ ที่คันศรตั้งหงายข้อมือท่าโกย มือซ้ายท่าโกยเดินทั้งสองมือสูงขึ้น หน้ามองทางขวา ศีรษะเอียงซ้าย เปิดปลายคาง


139 ภาพที่ 161 ท่ารับตะโพน 5 ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 23 ชื่อท่ารับตะโพน 5 ทิศทาง ด้านขวา อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนโดยให้น้ำหนักอยู่ที่ขาซ้าย ขาขวายกหน้าเหลี่ยมพระ มือขวาถือ คันศรงอข้อศอกระดับวงล่าง มือซ้ายท่าบัวชูฝักหงายระดับไหล่ หน้ามองด้านซ้าย เอียงศีรษะขวา เปิดปลายคาง ภาพที่ 162 คำพากย์ที่ว่า “พระก็หยุดคันธมาทน์โดยหมาย” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 24 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “พระก็หยุดคันธมาทน์โดยหมาย” ยืนท่าวงบนจีบส่งหลัง ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนน้ำหนักอยู่ที่ขาซ้ายและคืนน้ำหนักขาขวาวางเลื่อมใช้จมูกเท้าจรด มือซ้ายจีบส่งหลัง มือขวาจับที่คันศรตั้งข้อมืองอข้อศอกระดับวงบน หน้ามองตรงศีรษะขวาและกลับเอียงซ้าย เปิดปลายคาง


140 ภาพที่ 163 คำพากย์ที่ว่า “เสด็จสรงชลสาย” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 25 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “เสด็จสรงชลสาย” ยืนท่าลงสรงสองมือ ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนน้ำหนักอยู่ที่ขาขวา ขาซ้ายก้าวข้างเหลี่ยมพระ มือซ้ายวงบนเดินมือ ลงท่าสรงน้ำ มือขวาจับที่คันศรระดับวงบนเท่ากันเดินมือลง หน้ามองตรง ศีรษะเอียงขวา กดปลายคาง ภาพที่ 164 คำพากย์ที่ว่า “ยังสระสะโร” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 26 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “ยังสระสะโร” ยืนท่าสะบัดจีบสรงน้ำ ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนขาขวาก้าวข้าง ขาซ้ายยืนเหลี่ยมพระ มือซ้ายจีบสะบัดจากด้านบนท่า สรงน้ำ มือขวาจับที่คันศรระดับเดียวกับมือซ้าย หน้ามองตรงศีรษะเอียงขวา กดปลายคาง


141 ภาพที่ 165 คำพากย์ที่ว่า “ชบัดใจ” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 27 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “ชบัดใจ” ยืนท่าเข้าอกมือซ้าย ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนน้ำหนักอยู่ที่ขาว้าย ขาขวายืนวางเลื่อมใช้จมูกเท้าจรด มือซ้ายจีบ เข้าอก มือขวาจับที่คันศรตั้งข้อมืองอข้อศอกระดับวงล่าง หน้ามองตรง ศีรษะเอียงขวา เปิดปลายคาง ภาพที่ 166 ท่ารับตะโพน 6 ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 28 ชื่อท่ารับตะโพน 6 ทิศทาง ด้านขวา อธิบายท่ารำ ลักษณะท่ายืนโดยให้น้ำหนักอยู่ที่ขาซ้าย ขาขวายกหน้าเหลี่ยมพระ มือขวาถือ คันศรแขนตึงกระดับไหล่ มือซ้ายท่าสอดสูง หน้ามองด้านซ้าย เอียงศีรษะขวา เปิดปลายคาง


142 2.6 กระบวนท่ารำการตีบทคำพากย์ บทพากย์เบ็ดเตล็ด พากย์เบ็ดเตล็ด สมเด็จพระนฤเบศ ยลยุพเรศก็พิสมัย สร้วมกอดเช็ดชลไนย ลูบโลมนุชอย่าโศกี วิมลเนตรมณีนิล อันเฉิดฉินจะหมองศรี ภักตร์ผ่องเพียงจันทรี จะชอกช้ำลอองนวน จะจับมฤคมาศ ให้สายสวาดิอย่ากำศรวญ กรรแสงสอื้นครวญ นิ่งเถิดน้องอย่าอาทร จึ่งสั่งพระอนุชา ให้รักษาพระสายสมร พี่จะพะเนจร ไปตามจับมฤคินทร์ (กรมศิลปากร, 2471 ข, น. 25) ภาพที่ 167 คำพากย์ที่ว่า “สมเด็จพระนฤเบศ” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 1 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “สมเด็จพระนฤเบศ” ท่าล่อแก้วกรล่างพระนารายณ์ ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือขวาและมือซ้ายที่จีบล่อแก้วกรล่าง พระนารายณ์ระดับเอว หน้ามองตรง


143 ภาพที่ 168 คำพากย์ที่ว่า “ยลยุพเรศก็พิสมัย” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 2 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “ยลยุพเรศก็พิสมัย” นั่งเท้าแขนซ้าย ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือขวาวางเรียบบนขาซ้าย มือซ้ายเท้าแขนตึง บนเตียงด้านซ้าย หน้ามองขวาศีรษะเอียงซ้าย ภาพที่ 169 คำพากย์ที่ว่า “สร้วมกอดเช็ดชลไนย” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 3 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “สร้วมกอดเช็ดชลไนย” ท่านั่งเช็ดน้ำตาตัวนางสีดา ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือขวาโอบด้านหลังตัวนางสีดา มือซ้ายเช็ดน้ำตา ทั้งสองข้างให้ตัวนางที่นั่งอยู่บนเตียงด้านขวา หน้ามองขวาศีรษะเอียงซ้าย


144 ภาพที่ 170 คำพากย์ที่ว่า “ลูบโลมนุช” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 4 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “ลูบโลมนุช” ท่านั่งโอบนางสีดาด้วยมือสองข้าง ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือขวาโอบด้านหลังของตัวนางสีดา มือซ้ายโอบ ไหล่ซ้ายของนางสีดาที่นั่งอยู่บนเตียงด้านขวา หน้ามองขวาศีรษะเอียงซ้าย ภาพที่ 171 คำพากย์ที่ว่า “อย่าโศกี” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 5 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “อย่าโศกี” ท่านั่งปฏิเสธและจีบปรกข้างซ้าย ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือขวาวางเรียบบนขาซ้าย มือซ้ายท่าปฏิเสธและ เดินมือหยิบจีบปรกข้างซ้าย ส่ายหน้าเล็กน้อยศีรษะเอียงซ้าย


145 ภาพที่ 172 ท่ารับตะโพน 1 ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 6 ชื่อท่ารับตะโพน 1 ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายจีบวงล่าง มือขวาตั้งวงบนท่าสอดสร้อย หน้ามองซ้ายศีรษะเอียงขวา ภาพที่ 173 คำพากย์ที่ว่า “วิมลเนตรมณีนิล” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 7 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “วิมลเนตรมณีนิล” ท่านั่งชี้ด้านขวา ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายวางเรียบบนขาซ้าย มือขวาท่าชี้ตะแคง ข้างขวา หน้ามองด้านขวาศีรษะเอียงซ้าย


146 ภาพที่ 174 คำพากย์ที่ว่า “อันเฉิดฉินจะหมองศรี” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 8 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “อันเฉิดฉินจะหมองศรี” นั่งผสมมือระดับอก ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายวางผสมมือทับมือขวาระดับหน้าอก หน้ามองขวาศีรษะเอียงซ้าย ภาพที่ 175 คำพากย์ที่ว่า “ภักตร์ผ่องเพียงจันทรี” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 9 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “ภักตร์ผ่องเพียงจันทรี” ท่านั่งชี้มือขวาวงหน้ามือซ้าย ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือขวาชี้ระดับปาก มือซ้ายตั้งวงบนค่อนมา ด้านหน้า หน้ามองซ้ายศีรษะเอียงขวาเปิดปลายคาง


147 ภาพที่ 176 คำพากย์ที่ว่า “จะชอกช้ำลอองนวน” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 10 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “จะชอกช้ำลอองนวน” ท่านั่งเชยคางและลูบหน้าตัวนาง ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายเชยคางนางสีดาที่นั่งอยู่ด้านขวา มือขวา ทำท่าลูบหน้าตัวนาง หน้ามองตามมือขวาศีรษะเอียงซ้ายเปิดปลายคาง ภาพที่ 177 ท่ารับตะโพน 2 ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 11 ชื่อท่ารับตะโพน 2 ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายวงบน มือขวาตั้งท่าผาลา หน้ามองซ้ายศีรษะเอียงขวา เปิดปลายคาง


148 ภาพที่ 178 คำพากย์ที่ว่า “จะจับมฤคมาศ” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 12 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “จะจับมฤคมาศ” ท่านั่งคว้าจับมือขวา ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายวางเรียบบนขาซ้าย มือขวา ทำท่าคว้าจับด้านขวา หน้ามองตามมือขวาศีรษะเอียงซ้ายกดปลายคาง ภาพที่ 179 คำพากย์ที่ว่า “ให้สายสวาดิอย่ากำศรวญ” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 13 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “ให้สายสวาดิอย่ากำศรวญ” นั่งท่าเศร้าโศก ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียงเอียงตัวด้านขวา ประสานลำแขนส่วนล่าง ฝ่ามือทั้งสองวางทาบระดับหน้าท้อง หน้ามองซ้ายศีรษะเอียงขวากดปลายคาง


149 ภาพที่ 180 คำพากย์ที่ว่า “กรรแสงสอื้นครวญ” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 14 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “กรรแสงสอื้นครวญ” ท่านั่งจีบปรกข้างซ้าย ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือขวาวางเรียบบนขาขวา มือซ้ายท่าหยิบจีบ ปรกข้างซ้าย หน้ามองขวาศีรษะเอียงซ้ายกดปลายคาง ภาพที่ 181 คำพากย์ที่ว่า “นิ่งเถิดน้อง” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 15 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “นิ่งเถิดน้อง” ท่านั่งเชยคางและลูบหน้าตัวนาง ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายวางผสมมือทับมือขวาระดับวงล่าง หน้ามองขวาศีรษะเอียงซ้ายกดปลายคาง


150 ภาพที่ 182 คำพากย์ที่ว่า “อย่าอาทร” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 16 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “อย่าอาทร” ท่านั่งปฏิเสธและท่าเศร้าโศก ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือขวาท่าปฏิเสธด้านขวา มือซ้ายวาบราบบน หน้าขาซ้าย และฝ่ามือทั้งสองวางทาบระดับหน้าท้องประสานลำแขนส่วนล่าง หน้ามองซ้ายศีรษะเอียงขวากดปลายคาง ภาพที่ 183 ท่ารับตะโพน 3 ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 17 ชื่อท่ารับตะโพน 3 ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายวงบน มือขวาจีบยาวแขนตึง หน้ามองซ้ายศีรษะเอียงขวา เปิดปลายคาง


151 ภาพที่ 184 คำพากย์ที่ว่า “จึ่งสั่งพระอนุชา” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 18 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “จึ่งสั่งพระอนุชา” ท่านั่งเรียกพระลักษณ์ด้านซ้าย ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายท่าเรียกพระลักษณ์ด้านซ้าย มือขวา วาบราบบนหน้าขาขวา หน้ามองตามมือซ้ายศีรษะเอียงขวากดปลายคาง ภาพที่ 185 คำพากย์ที่ว่า “ให้รักษา” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 19 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “ให้รักษา” นั่งผสมมือระดับวงล่าง ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายวางผสมมือทับมือขวาระดับวงล่าง หน้ามองขวาศีรษะเอียงซ้าย


152 ภาพที่ 186 คำพากย์ที่ว่า “พระสายสมร” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 20 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “พระสายสมร” ท่านั่งไว้มือทางนางสีดาด้านขวา ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายวาบราบบนหน้าขาซ้าย มือขวา ไว้มือทางตัวนางด้านขวา หน้ามองตามมือขวาศีรษะเอียงซ้ายเปิดปลายคาง ภาพที่ 187 คำพากย์ที่ว่า “พี่จะพะเนจร” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 21 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “พี่จะพะเนจร” ท่านั่งวาดจีบไปทางซ้าย ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายวาดจีบไปทางซ้าย มือขวา วาบราบบนหน้าขาขวา หน้ามองทางขวาศีรษะเอียงซ้ายเปิดปลายคาง


153 ภาพที่ 188 คำพากย์ที่ว่า “ไปตามจับ” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 22 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “ไปตามจับ” ท่านั่งคว้าจับมือขวา ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายวางเรียบบนขาซ้าย มือขวา ทำท่าคว้าจับด้านขวา หน้ามองตามมือขวาศีรษะเอียงซ้ายกดปลายคาง ภาพที่ 189 คำพากย์ที่ว่า “มฤคินทร์” ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 23 ชื่อท่าตามคำพากย์ที่ว่า “มฤคินทร์” ท่านั่งชี้ไกลด้านหน้า ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายชี้ไกลด้านหน้าแขนตึง มือขวา วางเรียบบนขาขวา หน้ามองตามมือซ้ายศีรษะเอียงขวาเปิดปลายคาง


154 ภาพที่ 190 ท่ารับตะโพน 4 ที่มา: ผู้วิจัย ลำดับที่ 24 ชื่อท่ารับตะโพน 4 ทิศทาง ด้านหน้า อธิบายท่ารำ ลักษณะท่านั่งพับเพียบอยู่บนเตียง มือซ้ายวงบนหงายท่าสอดสูง มือขวาตั้งวงแขน ตึงระดับไหล่หน้ามองซ้ายศีรษะเอียงขวา เปิดปลายคาง สรุป สรุปจากการที่ผู้วิจัยได้นำตัวอย่างของบทพากย์ทั้ง 6 ประเภท ส่งไปให้ครูผู้เชี่ยวชาญการ สอนนาฏศิลป์ไทย (โขนพระ) ทั้ง 2 ท่าน ก่อนการลงพื้นที่เก็บข้อมูล สัมภาษณ์ และถ่ายทำวีดีทัศน์ บันทึกกระบวนท่ารำการตีบทตามคำพากย์ ตามแนวทางการตีบทของคุณครูทั้ง 2 ท่าน การรำตีบทของครูทั้ง 2 ท่าน จะใช้พื้นฐานในการฝึกหัดโขนตัวพระมาตั้งแต่ระดับชั้นต้น การเรียนรู้นาฏยศัพท์ การใช้บท การใช้ทิศทางบนเวที ตลอดจนถึงประสบการณ์ด้านการแสดง ประเภทโขน ละคร หนังใหญ่ รวมถึงการแสดงประเภทอื่น ๆ ผสมจินตนาการจากการวิเคราะห์บท พากย์ที่ผู้วิจัยได้นำมาใช้เป็นตัวอย่าง ศึกษาเนื้อเรื่องตามบทประพันธ์ ตีความโดยอาศัยจินตนาการ เฉพาะตัวอารมณ์ต่าง ๆ ในบทพากย์ และประสาทสัมผัสของคุณครูผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ท่าน เป็นการตี บทตามคำพากย์ของพระราม ศิริมงคล นาฏยกุล (2551, น. 83) ได้สรุปเกี่ยวกับระบบประสาทสัมผัสกับการแสดง นาฏยศิลป์ ไว้ว่า...จากระบบประสาทและการรับรู้ความรู้สึกที่ผ่านอวัยวะภายในร่างกายของคนเรา ทำให้นาฏยศิลป์สามารถรับรู้ลักษณะปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามาส่งผลกระทบต่อตัวของตนเอง ไม่ว่าจะ เป็นการสัมผัสรู้ด้วยหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ และความสัมผัสรู้ในเชิงประสบการณ์ที่ทำให้นาฏยศิลปิน เกิดปฏิกิริยาตอบโต้กับปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบ และมีการตีความหมายตามประสบการณ์และ จินตนาการของผู้แสดงออกมาในรูปแบบของการแสดงนาฏยศิลป์ต่อไป


155 ศิลปะในแขนงต่าง ๆ ล้วนมีความเชื่อมโยงกัน ทั้งทัศนศิลป์และศิลปะการแสดงที่เป็นภาษา กาย ดนตรีที่เป็นภาษาเสียง และวรรณกรรมที่เป็นอักษรเมื่อเปล่งเสียงก็เป็นภาษาเสียงและทั้งหมด ล้วนกระตุ้นจินตนาการของเรา “การซาบซึ้งในศิลปะนั้น เมื่อได้เห็นภาพควรได้ยินเสียง เมื่อได้ยิน เสียงควรเห็นภาพ” หรือสำหรับงานทัศนศิลป์และศิลปะการแสดงนั้น ศิลปะย่อมส่องทางซึ่งกัน และกัน (วิรุณ ตั้งเจริญ, 2546, น. 102 – 103) ประสบการณ์คือหัวใจสำคัญของการพัฒนาสุนทรียภาพในบุคคล ความสามารถของ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองท่าน ทำการแสดงด้วยจินตนาการ โดยใช้ท่ารำที่สื่อสารผ่านบทพากย์ หรือคำ พากย์แสดงถึงบุคลิก เรื่องราว เหตุการณ์ มีการใช้จังหวะและเสียงดนตรีสอดผสานแสดงอารมณ์ ผ่านเสียงการพากย์ ตามทำนองต่าง ๆ ของนักพากย์ในท้องเรื่องสะท้อนความคิดที่หลากหลายส่งถึง ผู้ชม บุคลิกภาพของพระรามถูกถ่ายทอดเป็นการรำตีบทตามคำพากย์จากการตีความบทพากย์ หนังใหญ่ สู่การแสดงโขน โดยใช้จินตนาการผ่านประสาทสัมผัสของนาฏยศิลปิน ครูผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ท่าน ปรากฏเป็นศิลปะการใช้ร่างกายนำมาเป็นแบบแผนกลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ของพระราม ในการแสดงโขน ดังจะได้ทำการวิเคราะห์ในบทต่อไป


บทที่ 5 วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ ของพระราม ในการแสดงโขน การศึกษาเรื่อง กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ ของพระรามในการแสดงโขน ซึ่งมี วัตถุประสงค์ประการหนึ่งที่จะต้องศึกษากระบวนท่ารำการรำตีบทของพระราม ซึ่งมีขอบเขตของการ วิจัยข้อสำคัญคือ การตีความบทพากย์จากหนังใหญ่สู่การแสดงโขน ตามคำพากย์ประเภทต่าง ๆ ตาม แนวทางของครูผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทย (โขนพระ) ของวิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิต พัฒนศิลป์ จำนวน 2 ท่าน คือ 1. นายไพฑูรย์ เข้มแข็ง 2. นายวีระชัย มีบ่อทรัพย์ ผู้วิจัยได้ศึกษาใน ประเด้นดังกล่าว และวิเคราะห์ในรายละเอียดดังมีหัวข้อต่อไปนี้ 1. วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ของพระราม การตีความบทพากย์จาก หนังใหญ่สู่การแสดงโขน 1.1 กลวิธีการรำตีบท พากย์พลับพลา 1.2 กลวิธีการรำตีบท พากย์รถ 1.3 กลวิธีการรำตีบท พากย์โอ้ 1.4 กลวิธีการรำตีบท พากย์ชมดง 1.5 กลวิธีการรำตีบท พากย์บรรยาย 1.6 กลวิธีการรำตีบท พากย์เบ็ดเตล็ด 2. วิเคราะห์การรำท่ารับตะโพน ในกระบวนการรำการตีตามคำพากย์ของพระราม 3. วิเคราะห์ลักษณะการเคลื่อนไหวและการใช้พื้นที่ ในกระบวนการรำตีบทตาม คำพากย์บทของพระราม 4. วิเคราะห์การใช้อารมณ์ ในกระบวนการรำการตีตามคำพากย์ของพระราม 1. วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ของพระราม การตีความจากบทพากย์จาก หนังใหญ่สู่การแสดงโขน จากการศึกษาเรื่อง กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ ของพระรามในการแสดงโขน ทั้ง การศึกษาจากวีดีทัศน์โดยคัดเลือกบทพากย์หนังใหญ่จากฉบับรามเกียรติ์คำพากย์ ทั้ง 6 ประเภท นำมาให้ครูผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ (โขนพระ) จำนวน 2 ท่าน บันทึกท่ารำเป็นวีดีทัศน์รวมถึง การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญการพากย์เจรจา และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแสดงนาฏศิลป์โขน (พระ) พบว่ากลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ของพระราม ตามแนวทางของครูผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ (โขนพระ) ทั้ง 2 ท่าน มีลักษณะการรำตีบทตามคำพากย์โดยใช้หลักการที่สำคัญ 2 ประเภทดังนี้


167 1. การตีบทตามคำพากย์ที่เป็นรูปธรรม หมายถึง การตีบทที่กล่าวถึง ตัวละครอื่น อุปกรณ์ประกอบฉาก หรือตำแหน่งการจัดวางของตัวละครและสิ่งของที่ปรากฏอยู่ในฉากการแสดง โขนตอนนั้น และท่ารำการตีบทที่เลียนแบบมาจากท่าทางธรรมชาติ เช่น ท่าชี้ ท่าเดิน ท่านั่ง ท่ามอง 2. การตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม หมายถึง การตีบทที่ต้องตีความโดยใช้ จินตนาการของตัวผู้แสดงเอง ประกอบพื้นความรู้ทางนาฏยศัพท์และภาษาท่ารำ กล่าวถึง คุณลักษณะเฉพาะ ความพิเศษของบุคคลและสิ่งของนั้น ๆ เพื่อให้เกิดสุนทรียะในการแสดงโขน เช่น ท่าเรืองฤทธี ท่าแอกง่อนอ่อนลไม ท่าพยศทยานราณรณ ท่านรนาถสี่กร เป็นต้น ดังนั้นในงานวิจัยฉบับนี้ ผู้วิจัยจะใช้หลักการที่สำคัญทั้ง 2 ประเภทนี้เป็นหลักเกณฑ์ ในการวิเคราะห์กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ ของพระรามในการแสดงโขน โดยใช้บทพากย์หนัง ใหญ่ฉบับรามเกียรติ์คำพากย์ แบ่งการพากย์ออกเป็น 6 ประเภท ตามแนวทางกลวิธีการตีบทของครู ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ (โขนพระ) ทั้ง 2 ท่าน ดังตัวอย่างเป็นตารางต่อไปนี้ 1.1 กลวิธีการรำตีบท บทพากย์พลับพลา ตารางที่2 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นรูปธรรม บทพากย์พลับพลา คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท ออกแสนเสนี ผู้แสดงเป็นพระราม เมื่อเริ่มการแสดง จะปรากฏตัวผู้แสดงอยู่ในฉาก เมื่อจะ กล่าวถึงกิริยาการออกว่าราชการ ท่ามกลางเหล่าทหารพลวานร ก็จะใช้ การนั่งพักมือเท้าแขนนิ่งๆ เท่านั้น ในมุขพลับพลา สุรการญจน์ เมื่อกล่าวถึงสถานที่ของการออกว่า ราชการ ที่ปรากฏอยู่บทเวทีการแสดง ก็แค่เปลี่ยนข้างท่านั่งเท้าแขน พร้อมพิเภกสุครีพ บทกล่าวถึงตัวแสดงเป็นพิเภก ซึ่ง ปรากฏในฉากอยู่แล้ว ผู้แสดงจะใช้ หน้ามองประกอบกับท่าผสมมือ หมายถึงอยู่พร้อมหน้ากัน


168 ตารางที่2 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นรูปธรรม บทพากย์พลับพลา (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท หณุมาน บทกล่าวถึงตัวแสดงเป็นหนุมาน ที่ปรากฏในฉาก นั่งอยู่ด้าน ขวามือของพระราม ผู้แสดงชี้ไปที่ หนุมานและใช้หน้ามอง สีชมภูพาล บทกล่าวถึงตัวแสดงเป็นชมภูพาล ที่ปรากฏในฉาก นั่งอยู่ด้าน ซ้ายมือของพระราม ผู้แสดงชี้ตรง ไปที่ชมภูพาลและใช้หน้ามอง ถ้วนพลเตียวเพ็ชร์ บทกล่าวถึงพลวานรเตียวเพ็ชร์ หลายตัว ผู้แสดงพระรามชี้กวาด เท่านั้น เรียบเรียง การตีบทกล่าวถึงกิริยาของผู้ แสดงทั้งหมดในฉากที่นั่งอยู่ราย เรียงกันเป็นแถวอย่างพร้อมกัน ใช้การตั้งมือชี้สองข้างเท่ากัน


169 ตารางที่ 2 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นรูปธรรม บทพากย์พลับพลา (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท หมอบตาหน้าเคียง กิริยาของตัวแสดงทุกคนที่ หมอบเฝ้ากันอยู่พร้อมกัน ผู้ แสดงพระรามนั่งเท้าแขน มองกิริยาของพลทหารวานร ที่หมอบเฝ้าอยู่พร้อมกัน ทั้งสองบูรินทร์พร้อมกัน บทกล่าวถึงทหารพลวานร ทั้งเมืองชมภู และขีดขิน เฝ้า พร้อมกันด้วยท่าผสมมือ เบื้องขวาขีดขินเขตร์ขันธ์ ด้านขวามือของพระรามคือ พลทหารวานรของเมือง ขีดขิน ผู้แสดงเป็นพระรามใช้ การผายมือเดินมือด้านขวา แสดงตำแหน่งการนั่งของตัว ละครฝั่งเมืองขีดขิน ฝ่ายซ้ายสำคัญ ด้านซ้ายมือของพระรามคือ พลทหารวานรของเมืองชมภู ผู้แสดงเป็นพระรามใช้การ ผายมือเดินมือด้านซ้าย แสดง ตำแหน่งการนั่งของตัวละคร ฝั่งเมืองชมภู ที่มา: ผู้วิจัย


170 ตารางที่ 3 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์พลับพลา การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท ฝ่ายนรนารายณ์ พระรามเป็นอวตารของ พระนารายณ์เทพเจ้าผู้มี 4 กร ผู้แสดงเป็นพระรามจะ แสดงท่ากรล่าง เมื่อบท กล่าวถึงการอวตารของพระ นารายณ์แทนการจีบเข้าอกที่ หมายถึงตัวพระรามเอง เรืองศรี ท่ากรบนของพระนารายณ์ เป็นท่าต่อเนื่อง เพื่อให้ครบ ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง ค ว า ม เป็นเทพเจ้าที่มีถึง 4 กร องคตอันเรืองฤทธี เมื่อคำพากย์กล่าวถึงตัวละคร ได้โดยการชี้นิ้วไปที่ผู้แสดง แ ล ะ ต ้ อ ง ก า ร เ พ ิ ่ ม เ ติ ม คุณวิเศษของตัวแสดงอีก ว่าเป็นผู้มีฤทธิ์มาก ยิ่งใหญ่ พิไชยชมภูศรี แสดงตำแหน่งของตัวละคร ฝั่งเมืองชมภูโดยการใช้หน้า มองด้านซ้ายซึ่งเป็นที่นั่งของ เจ้าเมือง และพลทหารวานร จากเมืองชมภู แต่แสดงท่า ยิ่งใหญ่แทนการชึ้นิ้วธรรมดา ที่มา: ผู้วิจัย


171 1.2 กลวิธีการรำตีบท บทพากย์รถ ตารางที่ 4 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นรูปธรรม บทพากย์รถ คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท เสด็จทรง พระรามขึ้นประทับบนราชรถแล้ว ใช้ท่าฉายศรหมายถึง การเป็น นายทัพที่อยู่ท่ามกลางพลวานร ประทับบนราชรถพร้อมสั่งการให้ เคลื่อนทัพ พรั่งพร้อมนิกาย ราชรถทรงประทับอยู่ตำแหน่ง กลางของกองทัพ มีพลวานรราย ล้อมพร้อมออกทำสงคราม พานรินทร์ พานรินทร์หมายถึงพญาลิง พระรามทำท่ามองใช้หน้า มองไป ที่พญาลิงของทั้งเมืองขีดขินและ ชมภู ทัพหน้าวานร เมื่อจะกล่าวถึงตำแหน่งของทหาร ที่เป็นทัพหน้า พระรามจะทำท่า ฉายศรแต่ใช้หน้ามองไปทาง ด้านหน้าราชรถ ขีดขิน กล่าวถึงตำแหน่งของพญาลิงและ ทหารจากเมืองขีดขิน ทำหน้าที่ เป็นทัพหน้า พระรามจะใช้ท่าชี้ ตรงไปด้านหน้าราชรถ


172 ตารางที่ 4 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นรูปธรรม บทพากย์รถ (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท ทัพหลังกระบินทร์ เมื่อจะกล่าวถึงตำแหน่งของทหาร ที่เป็นทัพหลัง พระรามจะทำท่า มอง และใช้หน้ามองไปทาง ด้านหลังของราชรถ พิไชยชมภูนัครา กล่าวถึงตำแหน่งของพญาลิงและ ทหารจากเมืองชมภูทำหน้าที่เป็น ทัพหลัง พระรามจะใช้ท่าชี้ตะแคง ไปทางด้านหลังราชรถ ปีกป้องกองแซง กองแซง คือกองทหารที่ทำหน้าที่ แทรกแซงเพื่อป้องกันให้จอมทัพ พระรามจะใช้ท่าชี้วาดเป็นวงกลม ทั้งสองมือเพราะกองแซงคือทหาร ที่รายล้อมอยู่ทั้งกองทัพ ซ้ายขวา กองแซงมีหน้าที่รักษาป้องกัน จอมทัพ มีตำแหน่งอยู่ทั้งด้านซ้าย และด้านขวา


173 ตารางที่ 4 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นรูปธรรม บทพากย์รถ (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท ยกรบัตรตรวจตรา ตำแหน่งยกรบัตรหรือเจ้าหน้าที่ ยกกระบัตร หมายถึงทหารที่ทำ หน้าที่จัดหาเครื่องใช้ของทหาร ตรวจตราความพร้อมของกองทัพ พระรามใช้การชี้ม้วนมือออก ด้านหน้า เทียมเทพสินธพ สินธพ หมายถึงม้าพันธุ์ดี ใช้ใน การเทียมราชรถทรงของพระราม ใช้ท่าผสมมือหน้ามองไป ที่ ตำแหน่งของม้าเทียมราชรถอยู่ ด้านหน้า ทั้งสอง ใช้ม้า 2 ตัวสำหรับเทียมในการฉุด ลากราชรถทรง พระรามใช้ท่าชี้ 2 ครั้งไปที่ตำแหน่งของม้าทรงทั้งคู่ ในดง ขบวนทัพเดินทางผ่านป่าดง พระรามใช้ท่าชี้ทิ่มมือลงตรงหน้า หมายความถึงเดินทางมากลางป่า ที่มา: ผู้วิจัย


174 ตารางที่ 5 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์รถ คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท เครื่องสูงงามระหง เครื่องสูง หมายถึงเครื่องประดับ ยศสำหรับการแสดง เช่น ฉัตร บังสรูย์ จามร พัดโบก บังแทรก ใช้ท่าชี้บน 3 ครั้งหน้ามองด้านบน รถแก้วแพรวพราย กล่าวถึงราชรถที่ประดับประดา ด้วยแก้วแหวนและอัญมณีมีค่า พระรามใช่ท่าสอดสูงด้วยมือล่อ แก้ว หมายถึงความสวยงามของ เพชรพลอยที่ใช้ตบแต่งราชรถทรง ได้ฤกษ์ให้เลิก ทัพไชย เมื่อได้เวลาอันเป็นมงคลสำหรับ การยกทัพ พระรามจึงมีคำสั่งให้ ออกเดินทัพโดยทำท่าโกยไป ด้านหน้าราชรถทั้ง 2 มือ รถทรงองค์ ท้าวสหัสไนย ราชรถของพระรามคือราชรถที่ พระอินทร์สร้างถวาย การตีบทท่า รำที่หมายถึงท้าวสหัสไนย หรือ พระอินทร์พระรามทำท่าจีบปรก ข้างแทนความหมายถึงพระอินทร์ แอกงอนอ่อนลไม แบบที่ 1 “แอก” หมายถึงคานสำหรับ เทียบม้าทรง “งอน” หมายถึง ส่วนที่งอของราชรถส่วนปลาย ประดับธงสามชาย พระรามจะตี บทเฉพาะคำใหญ่ คือท่าของงอน ราชรถ ไม่ตีบทท่าคำว่าแอก


175 ตารางที่ 5 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์รถ (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท แอกงอนอ่อนลไม แบบที่ 2 1 แอก 2 งอนราชรถ ด้วยแก้ววิจิตร การบรรยายถึงความสวยงามของ ราชรถทรงที่ประดับด้วยเพชรนิล จินดาแก้วแหวนเงินทอง พระราม ตั้งจีบล่อแก้วขึ้นด้านหน้า มีความ หมายถึง อัญมณีมีค่า เรืองรอง แบบที่ 1 การเปรียบเทียบความงามของอัญ มณีประดับราชรถ ว่าเปล่งแสง งดงามเรืองรอง พระรามใช้ท่ารำ จีบคว่ำแล้วกรายมือออกด้านบน ทั้งสองข้าง เรืองรอง แบบที่ 2 การตีบทเรืองรอง แบบที่ 2 พระรามใช้ท่ารำจีบคว่ำแล้วกราย มือออกท่าสอดสูง ก็คือความ หมายถึงแสงที่สวยงามเรืองรอง เช่นเดียวกัน ร่าเริงลำพอง คำพากย์บรรยายถึงกิริยาอาการ ของม้าทรงที่ใช้เทียมราชรถ ว่ามี อาการร่าเริงแข็งขัน พระรามตีบท ใช้ท่ามองยืดตัวขึ้น ให้ความ หมายถึงความกล้าหาญแข็งแรง 1 2


176 ตารางที่ 5 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์รถ (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท พยศทยาน กิริยาอาการของม้าที่พยศ ดังคำ กล่าวที่ว่า “ม้าดีต้องมีพยศ” พร้อมจะออกทำศึกสงคราม พระรามใช้ท่ารำตั้งวงแขนตึงหน้า มองไปด้านหน้าราชรถ ราญรณ ม้าทรงที่พร้อมทำศึกสงคราม พระรามจะใช้ท่าจีบยาวแขนตึง หรือท่าจ่อเพลิงกาฬ หมายถึง การสู้รบทำสงคราม ดุมวงกงแก้วโกมล แบบที่ 1 ดุมวง หมายถึงส่วนกลางของล้อ เกวียนหรือล้อรถที่มีรูสำหรับสอด เพลา พระรามตีบทด้วยท่าจีบล่อ แก้วและมองไปยังวงล้อราชรถ หรือจะชี้ไปยังวงล้อ (แบบที่2) ดุมวงกงแก้วโกมล แบบที่ 2 ดุมวง หรือ ล้อราชรถ กึกก้องกลางหน คำพากย์กล่าวถึง เสียงดังจากการ เคลื่อนทัพของพระราม ดังสนั่น ในกลางป่า ใช้ท่ารำตีบทการผาย มือทั้งสองข้างใช้หน้ามองบน


177 ตารางที่ 5 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์รถ (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท ลั่นเลื่อนสเทือนธรณี การอธิบายถึงเสียงของการ เดินทัพทำให้แผ่นดินสะเทือน พระรามใช้ท่าตีบท หงายมือ ยกขึ้นหมายถึงพื้นแผ่นดินที่สั่น ไหวขึ้นอย่างดังสนั่นกึกก้อง ลั่นฆ้อง ฆ้องชัย ตีบทเรียนแบบรูปร่างของลูกฆ้อง หรือท่าตั้งมือด้านหน้า คาดไชยเภรี แบบที่ 1 คำพากย์บรรยายถึงการเคลื่อน ทัพที่มีเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งคือ กลองชนะ กลองชนิดนี้นำไปใช้ใน การจัดกระบวนทัพมาแต่โบราณ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำ สงคราม ใช้ท่าตั้งมือสองข้างบน คาดไชยเภรี แบบที่ 2 กลองชนะ ใช้ท่าเรียนแบบท่าทางการตีกลอง ประสานเสียงดนตรี เสียงของเครื่องดนตรีผสมผสาน กันในกองทัพ ใช้ท่าผสมมือ หมายถึงการรวมเสียงดนตรี


178 ตารางที่ 5 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์รถ (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท แตรสังข์เสนาะ มีเครื่องดนตรีอีก 2 ชนิด คือ แตร และสังข์ ซึ่งเป็นเครื่องเป่า พระรามตีบทด้วยท่าเดินมือจีบ ออกจากระดับปาก หมายถึง เครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่า มยุรฉัตรพัดโบก มยุรฉัตรพัดโบกคือ เครื่องสูง หมายถึงเครื่องประดับยศสำหรับ การแสดง เช่น ฉัตร บังสรูย์ จามร พัดโบก บังแทรก พระรามเลือกตี บทคำว่ามยุรฉัตรทำจากขนนกยูง ด้วยการใช้ท่าเรียนแบบนกยูง ทิวธง ในกระบวนทัพนอกจากเครื่องสูง ยังมีแนวธงสัญลักษณ์ประกอบอีก พระรามใช่ท่าโบกมือหมายถึง ลักษณะการเคลื่อนไหวของผืนธง เครื่องสูงงามระหง เครื่องสูงประกอบอิสริยยศ พระรามใช้ท่าเฉิดฉิน หมายถึงท่า แสดงความสวยงามของเครื่องสูง ระย้ากรรชิงชุมสาย อภิรุมชุมสาย หมายถึงเครื่องสูง ประเภทหนึ่งเหมือนฉัตรแต่มีสาย ห้อยระโยงระยาง พระรามเลือกตี บทคำว่าชุมสาย ด้วยท่าจีบปรก 2 มือ สะบัดมือสองสามครั้งลักษณะ คล้ายสายห้อยย้อยลงมา ที่มา: ผู้วิจัย


179 1.3 กลวิธีการรำตีบท บทพากย์โอ้ ตารางที่ 6 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นรูปธรรม บทพากย์โอ้ คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท เสด็จจากสุวรรณ ราชพลับพลา การเดินทางจากที่หนึ่งมายังที่ หนึ่ง พระรามนอกจากจะใช้ท่า เดินพระ เมื่อถึงสถานที่ก็จะใช้ท่า กราย มีความหมายว่าเดินทาง มาถึงแล้ว รีบเร่งลีลา กิริยาของการเดินทางมาด้วย ความรวดเร็วเร่งรีบ ใช้ท่าเดินลีลา ซอยขยั่นเท้าเคลื่อนที่ในการตีบท ลุแหล่งณรงค์ราวี ใช้ท่าเดินพระประมาณ 2-3 ก้าว หรือใช้ท่ารบตีบทคำว่าราวีก็ได้ (ตัวอย่างในตารางที่ 6) พระเสด็จ ลุยเลือดโยธี ตีบทท่าเดินพระต่อเนื่องจากท่า ก่อนหน้านี้ เที่ยวหาพระศรี กิริยาของการค้นหา พระรามจะ ใช้ท่ามองหรือใช้ท่าป้องหน้าแล้ว วิ่งหาได้ทั้งข้างซ้ายและข้างขวา


180 ตารางที่ 6 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นรูปธรรม บทพากย์โอ้ (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท อนุชาผู้ร่วมหฤไทย กล่าวถึงพระลักษณ์ผู้เป็นอนุชา พระรามตีบทคำว่าผู้ร่วมหฤทัย ใช้ ท่าเข้าอก หมายถึงน้องอันเป็นที่ รักอยู่ในใจเสมอมา บ่มิพบพระเพื่อน เข็ญใจ การตีบทว่าหาใครหรือสิ่งใดไม่พบ เจอ จะใช้ท่าปฏิเสธส่ายหน้า เล็กน้อย เสด็จพลาง ทางทรงโศกี การเดินทางด้วยความเศร้าโศก พระรามใช้ท่าเช็ดน้ำตา เสเท้า สะดุ้งตัวเหมือนกำลังสะอื้นร้องไห้ พระเสด็จประทับ แทบร่มรัง กิริยาเดินขึ้นเตียงจากการตีบทอยู่ ด้านหน้า ใช้ท่ากรายขึ้นเตียงสอด เดินมือแทนการประเท้าก้าวขึ้น ต่างจากเดินออกมาแล้วขึ้นเตียง เลย เมื่อนั่งเรียบร้อยก็จะวางคัน ศรให้เข้าที่ทางด้านซ้าย ที่มา: ผู้วิจัย


181 ตารางที่ 7 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์โอ้ คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท ลุแหล่งณรงค์ราวี การตีบทว่าเดินทางมาถึงสนามรบ นอกจากใช้ท่าเดินพระ ยังใช้ท่าสู้ รบจีบยาวมือถือศรแทนการตีบท คำใหญ่ว่า “ณรงค์ราวี” มืดมัวทั่วไป การตีบทบรรยายถึงลักษณะ สภาพอากาศมืดมัวไม่แจ่มใส ใช้ ท่ารำเดินมือผสมบังด้านหน้า หน้ามองสูงด้านบน ด้วยเปนเวลาราตรี การใช้ท่าตีบทสำหรับการบอก เวลา พระรามจะใช่ท่าชี้ด้านบน มองสูงตามมือชี้ แซ่เสียงปักษี การใช้ท่ามองหาสามารถใช้ ค้นหา คน สัตว์ สิ่งของ ที่ไม่ได้อยู่ ในฉากได้ด้วย ท่านี้มองหาตาม เสียงร้องของเหล่านกได้เช่นกัน วังเวงวิเวกในวนานต์ การตีบทด้วยท่าทางการตบ หน้าอกพร้อมเสสะดุ้งตัว 2- 3 ครั้ง มีความหมายถึง การเดินทาง มาคนเดียวด้วยความวังเวง เศร้า โศก


182 ตารางที่ 7 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์โอ้(ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท สกุณีเหมือน จะมีอาการ การตีบทแทนความหมายถึงสัตว์ ชนิดนั้นๆ โดยใช้ท่ารำเลียนแบบ ท่าทางของสัตว์ เช่น นก ทำท่า คล้ายปีกที่กำลังบินของนกบนฟ้า บอกแจ้งแสดงสาร กิริยาการตีบทแสดงท่าทางการ เขียน หมายถึงเรื่องราวในสาร ใช้ ท่าขยับจีบเขียนมือเดียว ใช้มืออีก ข้างหนึ่งแทนกระดาษ พระนุชให้เรียมฟัง “เรียม” ในคำพากย์นี้หมายถึง ตัวเอง ใช้ท่ารำเข้าอกคือตัวเรา หวั่นหวั่นหวาดหวัง การตีบทแสดงถึงความรู้สึกความ ไม่แน่ใจ หวั่นใจ หวาดกลัว ใช้ท่า รำการมองตั้งมือ ส่ายหน้าใช้หน้า ด้านซ้ายและขวาสลับกัน ระทวยระทดหฤไทย การแสดงอารมณ์เศร้าใจ อ่อนใจ ใช้ท่าเศร้าส่ายหน้ากดหน้าลงต่ำ ใช้หน้าแสดงอารมณ์ ที่มา: ผู้วิจัย


183 1.4 กลวิธีการรำตีบท บทพากย์ชมดง ตารางที่ 8 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นรูปธรรม บทพากย์ชมดง คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท ฝ่ายสองสุรราช กระษัตรีย์ คำพากย์ที่กล่าวถึง ผู้แสดงเป็น พระราม และพระลักษณ์ เดินทาง ออกมา อาจไม่ใช้การตีบทท่าอื่น นอกจากท่าเดินตัวพระ จรหว่างคิรี เป็นคำพากย์ต่อเนื่อง บรรยาย สถานที่และการเดินทาง ก็ใช้ท่า เดินพระ อรัญรุกข์ คำพากย์กล่าวถึงการเดินทางมา กลางป่าดงพงไพร พระรามจะใช้ ท่าชี้ทิ่มลงไล่มือชี้ไปข้างหน้า ราวไพร ใช้ท่าชี้กราดหมายถึง ในป่าที่เต็ม ไปด้วยต้นไม้นานาชนิดมากมาย ชมพรรณไม้หอม กิริยาของการเดินชมพรรณไม้ใน ป่า พระรามจะใช้ท่าป้องหน้าแล้ว เดินตามจังหวะได้ทั้งข้างซ้ายและ ข้างขวา


184 ตารางที่ 8 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นรูปธรรม บทพากย์ชมดง (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท พระส่องสองเนตร กริยาการเดินค้นหา พระรามใช้ ท่าเดินมองตั้งวงบนตามจังหวะ ชมดงใน แลหา เป็นกิริยาต่อเนื่องของการตามหา ใช้ก้าวข้างมองตั้งวงบนในการตี บท บเห็นสีดา ใช้ท่าปฏิเสธ ในการตีบทว่าค้นหา นางสีดาไม่พบ แล้วท้าวทะท่าว คำพากย์กล่าวถึงตัวพระรามเอง อาจใช้ท่ายืนยกเท้าข้างหน้า แทน การจีบเข้าอก ที่มา: ผู้วิจัย


185 ตารางที่ 9 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์ชมดง คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท งามไสว คำพากย์กล่าวถึงความงดงามของ พันธุ์พฤกษานา ๆ ชนิดในป่า พระรามจะใช้ท่าจีบผาดมือบน หมายถึงต้นไม้มากมายในป่า เผล็ดพวงดอกใบ คำพากย์กล่าวถึงผลไม้ ดอกไม้ ใบไม้ ชนิดต่าง ๆ พระรามใช้ท่า รำหยิบจีบด้านหน้า หมายความ ถึงผลไม้ ลูกไม้ แทนการตีในบท ทุกคำ ตรลบสุคน คำพากย์กล่าวถึงกลิ่นหอมของ ดอกไม้หลายชนิด ใช้การตีบทชี้ ด้านบน รวมหมายถึงดอกไม้ หลายๆ ดอกรวมอยู่ด้วยกัน ธกำจร เป็นการตีบทต่อเนื่อง หมายถึง กลิ่นของดอกไม้ที่ตลบอบอวล ปะปนอยู่ด้วยกัน เป็นความหอม ที่ฟุ้งกระจาย ใช้ท่าเปิดจีบสอง ข้าง รวยรวย คำพากย์บรรยายถึงกลิ่นดอกไม้ที่ โชยมาเบา ๆ ในป่า พระรามใช้ท่า รำจีบผายมือไปมา ใกล้จมูก ทำ ให้ได้ความหมายว่าได้กลิ่นดอกไม้ โชยมาเรื่อย ๆ


186 ตารางที่ 9 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์ชมดง (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท กลิ่นกล คำพากย์ต้องการบรรยายถึงกลิ่น หอมแปลกๆ เป็นกลิ่นของดอกไม้ ในป่า พระรามจะให้ท่ารำที่ ตีความถึงกลิ่นหอม โดยเดินจีบมา ที่ระดับจมูก กลิ่นสมร กล่าวถึงกลิ่นกายของนางอันเป็น ที่รัก และกำลังตามหา จะใช้ท่า มองตั้งวงหน้า นรนาถสี่กร คำพากย์กล่าวถึงพระรามอวตาร ของพระนารายณ์ผู้มีสี่กร ใช้ท่ากร ล่างแทนท่ารำจีบเข้าอก ฉงนว่ากลิ่นกัลยา พระรามใช้ท่ามองหาก่อนและ เดินมือจีบมาที่จมูก เป็นท่ารำที่ หมายถึงกลิ่นกายของนางสีดา ทรวงทลาย คำพากย์ที่กล่าวถึงกิริยาเศร้าโศก ของพระราม เมื่อกำลังตามหา นางสีดาด้วยอาการเศร้า


187 ตารางที่ 9 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์ชมดง (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท พระสุริยะรอน ท่ารำบอกเวลาตอนเย็น จะใช้ท่า ชี้ไปยังดวงพระอาทิตย์ แสงฉาย ท่ารำต่อเนื่อง กล่าวถึงแสงพระ อาทิตย์ที่กำลังหมดแสงลงในช่วง ยามเย็น จะใช่ท่าจีบคู่เดินลงจาก ระดับบนลงมาด้านล่างคล้าย แสงอาทิตย์ที่กำลังลดแสงลง มลเมฆพุ่งพราย คำพากย์บรรยายถึงอากาศในช่วง ยามเย็น มีก้อนเมฆปกคลุม พระรามใช้ท่ารำผสมมือข้างบน คล้ายท่ากลุ่มก้อนเมฆที่เคลื่อนมา รวมตัวกัน กระจ่างในพื้น ท่ารำต่อเนื่อง เปิดมือขึ้นทั้งสอง ข้าง หมายถึงท่าการมองเห็นกลุ่ม ก้อนเมฆรวมตัวกันอย่างชัดเจน เมฆิน การตีบทที่หมายถึงกลุ่มก้อนเมฆ มากมายบนท้องฟ้า ใช้มือที่ชี้สูง ตรงด้านหน้ามองบน ที่มา: ผู้วิจัย


188 1.5 กลวิธีการรำตีบท บทพากย์บรรยาย ตารางที่ 10 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นรูปธรรม บทพากย์บรรยาย คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท ผาดเห็นศาลา พรายพรรณ คำพากย์กล่าวถึง ผู้แสดงเป็น พระรามเดินทางมาถึงศาลา มองเห็นพลับพลาอยู่ในฉากแล้ว ใช้ท่ามองตั้งวงบน รุกขชาติดาษดก คำพากย์นี้ถ้าเป็นกล่าวถึงบริเวณ พลับพลา ซึ่งมีพันธุ์ไม้ต่างขึ้นอยู่ มากมาย ใช้ท่ารำชี้กราดด้านหน้า ด้วยรศอันเอม คำพากย์กล่าวถึงการได้เสวย ผลไม้ที่มีรสชาติหวานอร่อย กริยา การทำท่าเสวยจะใช้ท่าคล้ายยิ้ม คือเดินจีบมาที่ปาก จึงเหลือบไปเห็น การมองเห็นสิ่งของที่ปรากฏใน ฉาก คำพากย์หมายถึงราชสาร ของพระอินทร์ที่วางอยู่บนแท่นใน พลับพลา ใช้ท่าฉายศรมองไปที่ สิ่งของนั้น พระก็หยุดคันธ มาทน์โดยหมาย คำพากย์กล่าวถึงเมื่อเสด็จมาถึงที่ หมาย พระรามใช้ท่ารำยืนตั้งวง บนจีบส่งหลังถ่ ายน ้ ำ ห นั ก หมายถึงการหยุดเดินทางเมื่อถึง จุดหมายคือพลับพลาแล้ว ที่มา: ผู้วิจัย


189 ตารางที่ 11 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์บรรยาย คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท แลเลื่อมหลายอัน คำพากย์บรรยายถึง ควา ม สวยงามระยิบระยับของสุวรรณ พลับพลา ที่พระอินทร์สร้างถาย พระรามใช้ท่าตั้งวงคล้ายท่าแอบดู เพราะความสวยงามของศาลา สุวรรณช่องชัชวาล เป็นคำพากย์ต่อเนื่อง บรรยายถึง ช่องหน้าต่างที่เป็นสีทองงดงาม เลื่อนมือขึ้นจากระดับมองถ่าย น้ำหนักก้าวข้าง มือถือศรคล้าย ท่าชี้ตั้งมือ รุกขชาติดาษดก คำพากย์นี้อาจเป็นนามธรรมด้วย กล่าวถึงบริเวณพลับพลา ซึ่งมี พันธุ์ไม้ต่างขึ้นอยู่มากมายถ้าไม่มี การจัดต้นไม้ให้อยู่ในฉาก อาจใช้ ท่ารำชี้กราดด้านหน้าแทน บันดาล ใช้ท่าโกยมือเดียวหมายถึง การมี การเกิดขึ้นอย่างมากมาย เป็นท่า ต่อเนื่องจากท่าข้างบน ผลพฤกษาตระการ คำพากย์กล่าวถึงผลไม้หลายชนิด พระรามใช้ท่ารำหยิบจีบด้านหน้า หมายความถึงผลไม้ ลูกไม้ต่าง ๆ


190 ตารางที่ 11 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์บรรยาย (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท โอชา ท่ารำต่อเนื่องจากคำว่า รสชาติ อันเอมโอชา คำพากย์กล่าวถึง รสชาติหวานอร่อยของผลไม้ พระรามใช้ท่ารำต่อเนื่องจากเดิน จีบที่ปาก แล้วเคลื่อนมือลงที่อก ดังสวนสวรรค์ ในตรึงษา คำพากย์บรรยายเปลี่ยนเทียบถึง ความสวยงามเหมือนสวนบน สวรรค์ จะใช่ท่ารำไว้มือบนซึ่ง หมายความถึงสวรรค์เบื้องบน สระศรีโสภา คำพากย์กล่าวถึงความงามของ สระที่ใช้สรงน้ำที่อยู่ข้างพลับพลา พระรามจะใช้ท่าใหญ่ เป็นการสื่อ ความหมายถึงความงดงามโอ่อ่า กว้างใหญ่ของสระน้ำ ทั้งคู่ก็ดูยรรยง คำพากย์บรรยายถึงบริเวณ พลับพลาและสระน้ำซึ่งงดงาม เหมาะสมกัน พระรามใช้ท่ามอง ตั้งวงหน้าเป็นท่ามอง เปนที่บันเทิง เสวยสรง คำพากย์กล่าวถึงสระน้ำที่ใช้สรง เป็นสถานที่รื่นรมย์สำหรับการ อาบน้ำชำระร่างกาย พระรามใช้ ท่าวงตึงสองมือ หมายความถึง ความบันเทิงผ่อนคลายขณะสรง น้ำในสระนี้


191 ตารางที่ 11 กลวิธีการรำตีบทตามคำพากย์ที่เป็นนามธรรม บทพากย์บรรยาย (ต่อ) คำพากย์ การรำตีบท วิเคราะห์กลวิธีการรำตีบท ด้วยเทพบรรจง การตีบทที่หมายถึงเทพเจ้าเบื้อง บน พระรามจะใช้ท่าไว้มือบน ด้านหน้าแทนการชี้ คือการให้ ความเคารพเทวดาเบื้องบนสรวง สวรรค์ ใช่พื้นภูเขาสัญฐาน คำพากย์หมายถึงสถานที่ซึ่งเป็น การเนรมิตของพระอินทร์ไม่ใช่พื้น ภูเขาตามธรรมชาติ พระรามจะใช่ ท่าตั้งมือเหมือนรูปทรงของภูเขา จากบนลงล่าง ราชสาร คำพากย์กล่าวถึงพระราชสารที่ พระอินทร์เขียนทิ้งไว้ให้ ว่า พระองค์ทรงเนรมิตมอบให้ พระรามจะใช้ท่าจีบบนมืออีกข้าง แทนการเขียนพระราชสาร รู้ว่ามัฆวาน การตีบทที่หมายถึงเทพเจ้า พระรามจะใช้การตั้งไหว้ด้านข้าง แทนการตั้งมือก็ได้ เป็นการแสดง ฐานะของเทพเจ้าชั้นสูง นิมิตประดิษฐ คำพากย์กล่าวถึงกิริยาการแสดง ท่าร่ายพระเวทท่องคาถาสำหรับ การนิมิตรพลับพลาให้พระราม ใช้ท่ารำพนมมือผสมเท้า


Click to View FlipBook Version