The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อุดม งามเมืองสกุล, 2021-03-08 23:49:01

เอกสารประกอบการสอน-ตราสารเปลี่ยนมือ

ตราสารเปลี่ยนมือ-ตั๋วเงิน

เอกสารประกอบการสอน

วชิ ากฎหมายตราสารเปลย่ี นมอื

ผู้ช่วยศาสตราจารย์อุดม งามเมอื งสกุล
ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๓





รายละเอียดของรายวชิ า (มคอ.3)

ชอ่ื สถาบนั อุดมศกึ ษา มหาวิทยาลยั พะเยา
คณะ/วทิ ยาลัย คณะนติ ศิ าสตร์

หมวดท่ี 1 ข้อมลู ทว่ั ไป

1. รหสั และรายชื่อวชิ า

100311 ตราสารเปลยี่ นมอื
Negotiable Instruments

2. จานวนหนว่ ยกติ 2 (1-3-4)

3. หลักสูตรและประเภทของรายวิชา

หลักสตู รนติ ิศาสตรบัณฑิต ช้ันปีที่ 3 ประเภทของรายวชิ า เอกบงั คับ

หลักสูตรสาธารณสขุ ศาสตรบณั ฑิต สาขาวิชาอนามัยชุมชน และหลกั สตู รนติ ิศาสตรบัณฑติ ชั้นปีท่ี 3

ประเภทของรายวชิ า เอกบังคับ

หลกั สตู รวทิ ยาศาสตรบณั ฑติ สาขาวิชาอนามัยส่ิงแวดลอ้ ม และหลกั สตู รนติ ิศาสตรบัณฑิต ชั้นปที ่ี 3

ประเภทของรายวชิ า เอกบงั คบั

หลักสตู รนติ ิศาสตรบัณฑิต ช้ันปีท่ี 2 ประเภทของรายวชิ า เอกบังคับ

4. อาจารย์ผู้รับผดิ ชอบรายวชิ าและอาจารย์ผู้สอน
ผศ.อุดม งามเมอื งสกลุ

5. ภาคการศึกษา / ชัน้ ปที ี่เรยี น
ภาคการศกึ ษาที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 ชั้นปีที่ 3 ,2

6. รายวิชาที่ตอ้ งเรยี นมาก่อน (Pre-requisite) (ถ้าม)ี
ไม่มี

7. รายวิชาท่ีตอ้ งเรยี นพรอ้ มกนั (Co-requisite) (ถ้ามี)
ไมม่ ี

8. สถานที่เรยี น
8.1 หอ้ ง C 302, CE12304 มหาวิทยาลยั พะเยา
8.2 นอกสถานทตี่ งั้ (ถา้ ม)ี ไม่มี



หมวดท่ี 2 จุดมุ่งหมายและวตั ถปุ ระสงค์

1. จดุ ม่งุ หมายรายวชิ า
เพ่อื ให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักกฎหมายตัว๋ เงินตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ บรรพ 3
ผเู้ รยี นสามารถวเิ คราะหห์ ลักกฎหมาย ประกอบกบั การศกึ ษาตัวอยา่ งการใชก้ ฎหมายจากคาพพิ ากษาฎกี าที่
เกย่ี วกบั กฎหมายตว๋ั เงนิ ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ
ผเู้ รียนสามารถนาความรทู้ ีไ่ ดร้ ับไปใชแ้ กป้ ญั หาขอ้ เทจ็ จริงและกรณศี ึกษา (Case Study) ทีเ่ ก่ยี วกับต๋ัวเงินตาม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ บรรพ 3 ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง

2. วนั ที่จัดทาหรือปรับปรงุ รายละเอียดของรายวิชาครงั้ ล่าสุด
วันท่ี 26 สงิ หาคม พ.ศ. 2563

3. วัตถปุ ระสงคใ์ นการพฒั นา / ปรบั ปรุงรายวชิ า
เพ่อื ใหส้ อดคลอ้ งกับการจดั ทารายละเอยี ดของรายวิชาตามกรอบหลกั สตู รมาตรฐานระดบั อดุ มศึกษา

ของสานักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษาสอดคลอ้ งกับกฎหมายที่เปลย่ี นแปลงในปจั จุบนั และเช่อื มโยงกับ
กฎหมายอน่ื ๆ ทีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั กฎหมายตัว๋ เงนิ หรอื หลักกฎหมายที่เกย่ี วกบั ตราสารเปล่ยี นมือ

หมวดท่ี 3 ลกั ษณะและการดาเนนิ การ
1. คาอธิบายรายวชิ า

กฎหมายเกี่ยวกับตั๋วเงนิ บญั ชเี ดนิ สะพัด หลกั ท่วั ไปเกี่ยวกับตัว๋ เงนิ ต๋ัวแลกเงิน ตว๋ั สญั ญาใชเ้ งิน เช็ค
การออกและการสลักหลังตัว๋ แลกเงิน การรบั รองและอาวัล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ บรรพ 3
และตราสารเปลี่ยนมือประเภทตา่ ง ๆ และความรบั ผดิ ตามพระราชบัญญตั ิความรับผดิ อันเกิดจากการใช้เชค็

Law pertaining to bills and current account, the general provisions of bill, bill of
exchange, promissory notes, chegue drawing and endorsement of bill of exchange,
acceptance and Aval under theCivil and Commercial Code, Book III, and a negotiable
instruments in various typesand Offenses Relate to Cheque Act

2. จานวนชว่ั โมงทใ่ี ชต้ ่อภาคการศึกษา

บรรยาย ปฏิบตั ิ สอนเสริม การฝึกปฏิบัตงิ านภาคสนาม/ การศกึ ษาดว้ ยตนเอง
การฝกึ งาน 60
15 45 ไม่มี
ไม่มี

3. จานวนชั่วโมงต่อสปั ดาหท์ ่ีอาจารย์ใหค้ าปรกึ ษา และแนะนาทางวิชาการแกน่ สิ ิตเป็นรายบคุ คล
จานวน 5 ชัว่ โมงต่อสปั ดาห์

3

หมวดที่ 4 การพฒั นาผลการเรียนรูข้ องนิสิต

1. คณุ ธรรม จริยธรรม
1.1 คุณธรรม จริยธรรมท่ีตอ้ งพฒั นา
1.1.1 (1) มคี วามกตัญญู และนาคณุ ธรรม จริยธรรม มาใช้ในการดาเนนิ ชวี ิต รู้ เข้าใจ และยึด

มั่นในหลักคุณธรรม และจริยธรรมของนักกฎหมาย
1.1.2 (2) ตระหนักและสานกึ ในความเป็นไทย
1.1.3 (3) เคารพสทิ ธศิ ักดศิ์ รี คณุ ค่าของตนเองและผอู้ ื่น ประพฤติ ปฏบิ ัติตนอยา่ งสอดคล้องกบั

หลกั คุณธรรมและจรยิ ธรรมของนักกฎหมาย
1.2 วิธกี ารสอน
ยกตวั อย่าง เชดิ ชู ยกยอ่ งบคุ คลทีม่ คี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม มคี วามซื่อสัตย์ สุจรติ มจี รรยาบรรณทาง

วิชาชีพเพือ่ ใหเ้ ห็นถงึ ตัวอย่างท่ีดีและนาไปเปน็ แบบอยา่ งในการปฏิบตั ติ าม

2. ความรู้
2.1 ความรู้ทต่ี อ้ งไดร้ ับ
(1) มีความรู้และความเขา้ ใจเก่ียวกบั หลกั การ แนวคิด ทฤษฎีท่สี าคัญในเนื้อหาท่ีตนศกึ ษา และ

บทบัญญัตใิ นกฎหมายพืน้ ฐานและกฎหมายเฉพาะทาง เพือ่ นาไปศกึ ษาค้นคว้าในระดับสงู ข้นึ ไป หรือศึกษาวจิ ัย
หรือค้นคว้าเพ่อื ใช้ประโยชนใ์ นการประกอบวิชาชพี

2.2 วธิ ีการสอน
2.2.1 บรรยายพร้อมยกตวั อยา่ งประกอบ และ ถาม-ตอบ
2.2.2 ให้วิเคราะหก์ รณศี กึ ษา (Case Study) ทเี่ กิดข้นึ จรงิ และวธิ กี ารแก้ไขปญั หาท่ีถกู ตอ้ ง
2.2.3 การทดสอบแบบฝึกหัดทีม่ ีการประยุกตก์ ฎหมายเข้ากบั การปฏิบัติ

3. ทักษะทางปญั ญา
3.1 ทักษะทางปญั ญาที่ต้องพฒั นา
3.1.1 (1) มที ักษะการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ คดิ แบบองคร์ วมคิดสร้างสรรคแ์ ละคิดอยา่ งเป็น

ระบบ สามารถวพิ ากษ์ วจิ ารณ์ สนับสนนุ โต้แยง้ และรบั ฟงั ความเห็นจากบคุ คลอนื่ อย่างรอบด้านและเป็น
กัลยาณมติ ร

3.1.2 (2) สามารถวิเคราะห์ปญั หา ใชแ้ ละตีความกฎหมาย เทยี บเคยี งและคน้ หาหลักเกณฑ์
หรือทางเลือกทเ่ี หมาะสมรวมทัง้ ประยกุ ตค์ วามรู้ทักษะและการใชเ้ คร่ืองมอื ท่ีเหมาะสม นามาปรับใช้กับ
ขอ้ เท็จจริงหรือปัญหาตา่ ง ๆ ท่เี กิดกบั การแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ถกู ต้องและเป็นธรรมแก่กรณี

3.2 วธิ กี ารสอน
บรรยายโดยวางหลกั กฎหมายและการปรับใช้ ควบคูไ่ ปกบั การมอบหมายให้นสิ ิตฝึกทาตัวอยา่ ง

ข้อสอบ ฝึกฝนให้วนิ จิ ฉยั โดยนาหลักกฎหมายมาประกอบ และสรุปสิ่งทถ่ี ามได้อย่างถกู ต้อง พร้อมทง้ั ใหส้ ืบคน้
ขอ้ มูลจากแหล่งขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เพอื่ มาประกอบการวิเคราะห์และปรับใชไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสม

4

4. ทักษะความสัมพนั ธ์ระหวา่ งบุคคลและความรบั ผิดชอบ
4.1 ทักษะความสมั พันธร์ ะหว่างบุคคลและความรบั ผดิ ชอบทตี่ อ้ งพัฒนา
4.1.1 (2) สามารถวางตวั รับฟงั ความเห็นของผูอ้ ่นื อย่างใสใ่ จและให้เกียรตแิ ก่กนั แสดงความ

คดิ เหน็ พรอ้ มท้งั แสดงจดุ ยนื อยา่ งเหมาะสมตามบทบาทหนา้ ทแ่ี ละความรับผดิ ชอบ ยอมรับในความแตกต่างใน
ความเห็น

4.1.2 (3) มภี าวะความเป็นผ้นู าและผตู้ าม สามารถปรับตัวในสงั คมท่ีมีความหลากหลายเข้ากบั
ผ้อู ืน่ ได้เหมาะสม มีวฒุ ิภาวะทางอารมณ์ การควบคมุ อารมณ์และความอดทน ทางานเปน็ ทีมไดอ้ ย่างมี
ประสทิ ธิภาพ

4.2 วิธีการสอน
มอบหมายงานกลมุ่ ใหน้ ิสติ มอบหมายให้มกี ารทางานเป็นทีม และการมีส่วนร่วมในการทางานกลมุ่

5. ทกั ษะการวิเคราะหเ์ ชงิ ตัวเลข การสอ่ื สาร และการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
5.1 ทกั ษะการวเิ คราะห์เชงิ ตัวเลข การส่ือสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทตี่ อ้ งพัฒนา
(1) มที ักษะในการใช้เครอ่ื งมอื ที่จาเป็นท่ีมีอยูใ่ นปจั จุบันตอ่ การทางานที่เกย่ี วข้องกบั การใช้

สารสนเทศและเทคโนโลยีส่ือสารทงั้ ในด้านการศึกษา การค้นควา้ การส่อื สารระหวา่ งบุคคล อย่างมี
ประสิทธิภาพและรูเ้ ทา่ ทัน

5.2 วิธกี ารสอน
5.2.1 มอบหมายใหท้ างานเปน็ กลมุ่ ศึกษาคน้ คว้าในหวั ข้อทไ่ี ด้รับมอบหมายโดยใชเ้ ทคโนโลยี

สารสนเทศที่เกีย่ วขอ้ งใหเ้ หมาะสม
5.2.2 ใหม้ กี ารนาเสนองานทไ่ี ด้รบั มอบหมายในรูปแบบการสื่อสารหรอื เทคโนโลยีที่เหมาะสม

6. ทกั ษะการปฏิบตั ิการทางวชิ าชพี (ถ้ามี)
6.1 ทักษะการปฏิบัตกิ ารทางวิชาชีพ (ถา้ มี)ที่ต้องพัฒนา
(2) มีทักษะในดา้ นการให้บรกิ ารวชิ าการดา้ นกฎหมาย



หมวดท่ี 5 แผนการสอนและการประเมนิ ผล

1. แผนการสอน

1.1 แผนการสอนชั่วโมงทฤษฎี

สัปดาหท์ ่ี หัวข้อ/รายละเอียด จานวน กจิ กรรมการเรียน สอ่ื การสอน ผสู้ อน
ชวั่ โมง

1 ชีแ้ จงเก่ียวกบั เคา้ โครงการศกึ ษา 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อุดม งามเมอื งสกลุ

และหนงั สือประกอบการเรยี น กรณีศกึ ษา และการ กรณศี ึกษา/ตัวอยา่ ง

หมวด 1 บทเบ็ดเสรจ็ ทวั่ ไป วัดผลรายประเดน็ ข้อสอบ/แบบฝกึ หัด

- วิวัฒนาการของกฎหมายตัว๋ เงิน ศึกษา เอกสารประกอบการสอน

- ลกั ษณะทวั่ ไปและ

ลักษณะเฉพาะของสญั ญาตว๋ั เงนิ

- การแบง่ ประเภทของต๋วั เงิน กจิ กรรมถอดบทเรยี น

- ความสาคญั ของข้อความตาม ผ่านการสนทนากลมุ่

ตวั๋ เงนิ

- การลงลายมอื ชื่อและการรับผิด

ตามต๋วั เงนิ

- ค่สู ัญญาในต๋ัวเงนิ

2 การออกและสลกั หลังต๋ัวแลกเงิน 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อดุ ม งามเมืองสกลุ
การออกตั๋วแลกเงนิ
- รายการตามต๋ัวแลกเงนิ กรณีศกึ ษา และการ กรณีศกึ ษา/ตวั อยา่ ง
- ขอ้ กาหนดซึ่งเขียนลงในตว๋ั
วดั ผลรายประเดน็ ข้อสอบ/แบบฝึกหดั

ศกึ ษา เอกสารประกอบการสอน

กจิ กรรมทดสอบการเขยี น
ตัว๋ เงิน และการสลักหลงั

3 การโอนตัว๋ เงนิ 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อุดม งามเมืองสกลุ
- ข้อกาหนดห้ามโอนตว๋ั
- วธิ ีการโอนต๋วั กรณศี ึกษา และการ กรณีศึกษา/ตวั อย่าง

วดั ผลรายประเดน็ ข้อสอบ/แบบฝึกหัด

ศึกษา เอกสารประกอบการสอน

สถานการณจ์ ริง ด้วยการ
ให้นิสิตรวมกลุม่ เพ่อื
ติดต่อธนาคารในการออก
ต๋ัวเงนิ แลกเงนิ ธนาคาร

4 การรบั รอง 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อุดม งามเมอื งสกุล
- ลักษณะทั่วไปของการรบั รอง
กรณีศกึ ษา และการ กรณศี ึกษา/ตัวอย่าง



สัปดาหท์ ่ี หวั ข้อ/รายละเอียด จานวน กจิ กรรมการเรียน สื่อการสอน ผู้สอน
ชว่ั โมง

ตั๋ว วัดผลรายประเด็น ขอ้ สอบ/แบบฝกึ หัด
- สทิ ธิในการยนื่ ต๋วั ใหร้ บั รอง ศกึ ษา เอกสารประกอบการสอน
- วธิ กี ารในการรบั รองตัว๋
- ลักษณะของการรับรองตั๋ว
- ผลของการรบั รองต๋วั

5 การอาวลั 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อุดม งามเมืองสกลุ
- ลักษณะทั่วไปของการอาวัล
- ผู้รับอาวัลและผถู้ กู อาวัล กรณศี ึกษา และการ กรณศี ึกษา/ตวั อย่าง
- วิธีการในการรบั อาวลั
- ผลของการรับอาวัล วัดผลรายประเด็น ขอ้ สอบ/แบบฝกึ หัด
- สทิ ธไิ ลเ่ บ้ยี ของผู้รับอาวัล
ศกึ ษา เอกสารประกอบการสอน

6 การใช้เงิน 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อดุ ม งามเมอื งสกลุ
- ลกั ษณะทั่วไปของการใช้เงนิ
- การยนื่ ตวั๋ ใหใ้ ช้เงนิ กรณีศึกษา และการ กรณศี กึ ษา/ตัวอย่าง
- วนั ถึงกาหนดใชเ้ งนิ ตามต๋วั
- การผ่อนเวลาใชเ้ งนิ วดั ผลรายประเดน็ ข้อสอบ/แบบฝึกหดั
- ผลของการไม่ยื่นต๋ัวใหใ้ ชเ้ งนิ
- วิธีการใชเ้ งนิ ศึกษา เอกสารประกอบการสอน
- การใช้เงินบางส่วน
- ผลของการใช้เงนิ โดยชอบ จาลองสถานกาณ์การนา
ตัว๋ เงนิ ไปเรียกเก็บเงิน
และการปฏิเสธการใช้เงิน

7 การสอดเข้าแก้หนา้ 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อุดม งามเมอื งสกุล
สทิ ธไิ ล่เบย้ี
กรณศี กึ ษา และการ กรณศี กึ ษา/ตวั อยา่ ง
- ลักษณะของสิทธไิ ล่เบีย้
- การเกิดสทิ ธิไล่เบยี้ วดั ผลรายประเดน็ ข้อสอบ/แบบฝกึ หัด
- หลกั เกณฑ์การใช้สิทธิไล่เบย้ี
- ความรับผิดและการใชส้ ทิ ธิไล่ ศึกษา เอกสารประกอบการสอน
เบย้ี ลูกหนตี้ ามต๋ัว
- จานวนเงนิ ท่ีไลเ่ บี้ยได้
- สิทธขิ องผูใ้ ช้เงนิ และเข้าถือต๋วั
- การไลเ่ บ้ยี กรณมี กี ารใช้เงิน
บางสว่ น
- การส้ินสทิ ธไิ ลเ่ บ้ีย

8 สิทธิไล่เบยี้ ต่อ 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อุดม งามเมืองสกุล
กรณศี ึกษา และการ กรณศี กึ ษา/ตัวอยา่ ง
วดั ผลรายประเด็น ขอ้ สอบ/แบบฝกึ หัด



สัปดาห์ที่ หัวขอ้ /รายละเอียด จานวน กิจกรรมการเรียน สอื่ การสอน ผสู้ อน
ชวั่ โมง

ศึกษา เอกสารประกอบการสอน

กิจกรรมระดมความเห็น
กล่มุ ปัญหาการใช้สิทธิ
ไลเ่ ปบ้ีย และผู้รับผิดตาม
ตั๋วเงนิ

9 ตัว๋ แลกเงินเปน็ สารบั 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อดุ ม งามเมืองสกลุ

- ลกั ษณะทว่ั ไปของการออกต๋วั กรณีศกึ ษา และการ กรณีศึกษา/ตวั อย่าง

แลกเงินเปน็ สารบั วัดผลรายประเด็น ข้อสอบ/แบบฝกึ หัด

- การเรยี กให้ออกตว๋ั แลกเงินเป็น ศึกษา เอกสารประกอบการสอน

สารบั

- การสลกั หลังต๋ัวแลกเงนิ เปน็

สารบั สรุปเนือ้ หาเกมส์ Quizizz

- การรับรองตว๋ั แลกเงนิ เป็นสารับ

- การใชเ้ งนิ ตามต๋ัวแลกเงนิ เปน็

สารบั

10 ตว๋ั สัญญาใชเ้ งิน 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อุดม งามเมอื งสกุล

- การออกต๋วั สัญญาใช้เงนิ กรณีศึกษา และการ กรณีศึกษา/ตวั อย่าง

- การนาบทบัญญัตวิ ่าด้วยตั๋วแลก วดั ผลรายประเด็น ขอ้ สอบ/แบบฝกึ หดั

เงินมาปรับใชก้ บั ต๋วั สัญญาใชเ้ งนิ ศึกษา เอกสารประกอบการสอน

- ลกั ษณะและการรับผิดของผู้ สรปุ เนอ้ื หาเกมส์ Quizizz
ออกต๋ัวใชเ้ งิน

11 เชค็ 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อดุ ม งามเมอื งสกุล

- การออกเชค็ กรณศี ึกษา และการ กรณีศกึ ษา/ตัวอยา่ ง

- การนาบทบัญญตั ิว่าด้วยตว๋ั แลก วัดผลรายประเดน็ ข้อสอบ/แบบฝกึ หดั

เงินมาปรบั ใช้กบั เช็ค ศกึ ษา เอกสารประกอบการสอน

- การใช้เงินตามเชค็

- ธนาคารจดรบั รู้ในเชค็

- เชค็ ขีดคร่อม จาลองสถานการณก์ ารใช้

- เช็คขดี คร่อมทม่ี กี ารห้ามเปลีย่ น เช็คในการชาระหนี้

มอื การทดลองขดี คร่อมเช็ค

(ตวั อยา่ ง)

12 อายคุ วามต๋วั เงนิ 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อดุ ม งามเมอื งสกุล
- อายุความมลู หน้ตี ัว๋ เงนิ และอายุ กรณีศกึ ษา และการ กรณศี กึ ษา/ตวั อยา่ ง
ความตามมูลหน้เี ดมิ วดั ผลรายประเด็น ข้อสอบ/แบบฝึกหัด



สัปดาห์ท่ี หวั ข้อ/รายละเอยี ด จานวน กิจกรรมการเรยี น สอื่ การสอน ผสู้ อน
- อายคุ วามตามมูลหนตี้ ๋วั เงิน ชั่วโมง
- อายุความสะดุดหยุดลง
ศกึ ษา เอกสารประกอบการสอน
13 ตั๋วเงนิ ปลอม ตั๋วเงินถูกลัก
ตัว๋ เงนิ หาย สรุปเน้อื หาเกมส์ Quizizz

2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อุดม งามเมืองสกลุ

กรณศี ึกษา และการ กรณีศกึ ษา/ตัวอยา่ ง

วัดผลรายประเด็น ข้อสอบ/แบบฝึกหัด

ศกึ ษา เอกสารประกอบการสอน

กิจกรรม ถกปัญหาตัว๋ เงนิ
ถูกปลอม และนาไปโอน
ต่อใหผ้ ู้รบั โอนโดยสุจรติ

14 การคุ้มครองผ้ใู ชเ้ งนิ ตามต๋ัว 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อุดม งามเมืองสกุล

กรณีศกึ ษา และการ กรณีศกึ ษา/ตัวอย่าง

วดั ผลรายประเดน็ ขอ้ สอบ/แบบฝกึ หัด

ศกึ ษา เอกสารประกอบการสอน

กจิ กรรมจาลองการปลอม
ตว๋ั เงินและการใช้เงนิ
โดยสจรติ

15 พระราชบัญญตั วิ ่าด้วยความรับผดิ 2 บรรยายประกอบ PowerPoint / ผศ.อดุ ม งามเมอื งสกุล

อนั เกดิ จากการใช้เชค็ พ.ศ. 2534 กรณีศกึ ษา และการ กรณีศกึ ษา/ตวั อยา่ ง

วดั ผลรายประเดน็ ขอ้ สอบ/แบบฝกึ หัด

ศกึ ษา เอกสารประกอบการสอน

กจิ กรรมสถานคี วามรู้
แบง่ กลุม่ และสรุป
ประเด็นความรับผดิ อัน
เกิดจากการใชเ้ ชค็

สรุปเนอื้ หาเกมส์ Quizizz



2. แผนการประเมนิ ผลการเรยี นรู้
แผนการประเมินผลการเรยี นรู้ (อธบิ ายวิธปี ระเมินผลการเรียนรแู้ ต่ละหัวขอ้ ตามท่ปี รากฏใน

Curriculum Mapping) ตามทีก่ าหนดใน มคอ.2

ท่ี ผลการเรียนรู้ วธิ ีการประเมิน สัปดาหท์ ปี่ ระเมิน สัดสว่ นของการ
ประเมินผล

1 1.1, 1.2, สอบกลางภาค 8 30%
2.1, 2.3, 3.2 สอบปลายภาค 16 40%
2 1.1, 1.2,
2.1, 2.3, วิเคราะหก์ รณีศึกษา ตลอด 20%
3.2, การนาเสนอรายงาน ภาคการศึกษา
4.1-4.4, การทางานกลุ่มและผลงาน
5.3 การสง่ งานตามท่ีมอบหมาย

3 1.1-1.4, การเขา้ ชน้ั เรียน ตลอดภาค
3.1 การมีส่วนรว่ ม อภปิ ราย การศึกษา
เสนอความคดิ เห็นในชั้นเรียน 10%

เกณฑก์ ารตัดเกรด แบบอิงเกณฑต์ ามระเบยี บมหาวิทยาลัย

๑๐

หมวดที่ 6 ทรัพยากรประกอบการเรียนการสอน

1. ตาราและเอกสารหลกั
สหธน รตั นไพจิตร, คาอธิบายกฎหมายลกั ษณะตวั๋ เงนิ , พิมพค์ รงั้ ท่ี 3, กรุงเทพ ฯ :สานักพิมพ์วิญญู

ชน, 25ุ60

2. เอกสารและขอ้ มลู แนะนา
ประภาศน์ อวยชยั . คาอธบิ ายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยต๋ัวเงนิ และบญั ชีเดนิ สะพัด.

พมิ พค์ รงั้ ท่ี 6. กรุงเทพฯ : โรงพิมพม์ หาวิทยาลัยรามคาแหง, 2520.
ประทปี เฉลิมภัทรกลุ . คาอธบิ ายต๋ัวเงิน บญั ชเี ดินสะพัด. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 9. กรุงเทพฯ : สานักอบรม

ศกึ ษากฎหมายแห่งเนตบิ ัณฑติ ยสภา, 2558.
ไพฑรู ย์ คงสมบูรณ.์ คาอธิบายกฎหมายลักษณะตัว๋ เงิน. พมิ พค์ ร้ังที่ 4. กรงุ เทพฯ : สานักพมิ พ์

จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2557.
เสาวนยี ์ อศั วโรจน.์ คาอธบิ ายกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์วา่ ดว้ ยตั๋วเงิน. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 7. กรงุ เทพฯ :

สานักพมิ พ์มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, 2559.

3. เอกสารและข้อมลู สาคัญ (ถ้ามี)
อดุ ม งามเมืองสกุล, หนงั สอื ถาม-ตอบ ต๋วั เงนิ . พมิ พ์ครัง้ ที่ 4 กรุงเทพ ฯ :สานักพิมพว์ ิญญชู น, 2563

๑๑

หมวดท่ี 7 การประเมินและปรับปรงุ การดาเนนิ การของรายวิชา

1. กลยทุ ธก์ ารประเมินประสิทธิผลของรายวชิ าโดยนสิ ติ
1.1 มกี ารประเมนิ อาจารยผ์ ู้สอนรายวิชาโดยนสิ ติ ระบบการประเมินอาจารย์ผู้สอนผ่าน

เวบ็ ไซต์ของมหาวิทยาลยั
1.2 มีการจัดการสัมมนาเพ่อื เปดิ โอกาสให้นิสติ ได้แลกเปล่ยี นและสะท้อนความคดิ เห็น

เกี่ยวกบั การจดั การเรียนการสอน

2. กลยุทธ์การประเมินการสอน
1. พจิ ารณาจากผลการสอบ
2. การทวนสอบผลการประเมนิ การเรียนรู้

3. การปรับปรุงการสอน
1. นาเอาผลการประเมินอาจารยผ์ สู้ อน และขอ้ เสนอแนะของนิสิตมาปรบั ปรุงวิธีการสอน
2. ปรบั ปรุงเนอื้ หาในสื่อการสอน และกรณีศกึ ษาทใ่ี ช้ประกอบการสอนใหม้ ีความทันสมยั
3. การวิจัยในชน้ั เรยี น

4. การทวนสอบมาตรฐานผลสมั ฤทธขิ์ องนิสติ ในรายวชิ า
ในระหว่างกระบวนการสอนรายวชิ า มกี ารทวนสอบผลสมั ฤทธใ์ิ นรายหวั ขอ้ ตามทค่ี าดหวงั

จากการเรยี นรู้ในวิชาไดจ้ ากการสอบถามนิสติ หรอื การสุ่มตรวจผลงานของนสิ ิต รวมถงึ พจิ ารณาจาก
ผลการทดสอบย่อย การถามตอบ และหลักการออกผลการเรียนรายวชิ า มีการทวนสอบผลสมั ฤทธิ์
โดยรวมในวชิ า

5. การดาเนินการทบทวนและการวางแผนปรบั ปรงุ ประสิทธผิ ลของรายวิชา
จากผลการประเมนิ และทวนสอบผลสัมฤทธิป์ ระสิทธผิ ลรายวิชา ไดม้ ีการวางแผนปรบั ปรุง

การสอน และรายละเอียดรายวิชา เพือ่ ใหเ้ กิดคุณภาพมากข้นึ ดังน้ี
5.1 ปรบั ปรงุ รายวชิ าทุก 3 ปี หรอื ตามขอ้ เสนอแนะและผลการทวนสอบมาตรฐานผลสมั ฤทธ์ิ

ตามข้อ 4
5.2 แลกเปล่ยี นเรียนรู้ระหวา่ งอาจารย์ผสู้ อน หรอื สลับอาจารย์ผูส้ อนท่มี ีความเช่ยี วชาญใน

กฎหมายเฉพาะเรื่อง เพือ่ ให้นสิ ิตมคี วามเขา้ ใจ และสามารถประยกุ ตใ์ ชค้ วามรไู้ ด้กวา้ งขวางข้นึ

-------------------------------------------------------

๑๒

สญั ญาตว๋ั เงิน

๑๓

๑. สญั ญาตว๋ั เงิน

วตั ถุประสงคเ์ ฉพาะบท

๑. เพ่ือให้เข้าใจถงึ วิวัฒนาการของกฎหมายตวั๋ เงิน
๒. เพ่ือให้เข้าใจถึงลักษณะท่วั ไปและลักษณะเฉพาะของสญั ญาตัว๋ เงนิ ประเภทของตวั๋ เงนิ
๓. เพ่ือให้เข้าใจถึงความสาคญั ของข้อความตามตวั๋ เงนิ
๔. เพ่ือให้เข้าใจถงึ ลักษณะของการลงลายมอื ช่ือและความรับผดิ ตามตวั๋ เงิน
๕. เพ่ือให้เข้าใจถึงลักษณธและความผูกพันของคู่สญั ญาในตวั๋ เงิน

๑๔

๑. สญั ญาตวั๋ เงนิ

๑.๑ บทนา : ความเขา้ ใจเบ้ อื งตน้ เกีย่ วกบั ตวั๋ เงนิ
วิวฒั นาการของตว๋ั เงิน

ตั๋วเงินเกิดข้ึนและพัฒนามาจากธรรมเนียมทางการค้า เพ่ือความสะดวกในการชาระหน้ี
โดยเฉพาะเป็นการสร้างระบบการชาระหน้ีอันเกิดจาการค้าขายระหว่างพ่อค้าท่ีอยู่ต่างถ่ิน เพราะ
ปกติการชาระค่าสินค้าท่ซี ้ือขายกนั น้ันกต็ ้องชาระด้วยเงิน แต่การชาระด้วยเงินบางคร้ังกไ็ ม่สะดวก
และพ่อค้าท่ีค้าขายด้วยกนั กม็ ีการทาเอกสารข้ึนเพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือในการชาระหน้ีแทนเงินโดย
การออกเอกสารท่มี ีความน่าเช่ือถือเพ่ือให้พ่อค้าท่ีขายของให้ยึดถือไว้เพ่ือนาไปแสดงต่อบุคคลท่ี
ถูกระบุในเอกสารให้ทาการจ่ายเงินให้ แนวปฏิบัติของพ่อค้าในลักษณะดังกล่าวได้พัฒนาและ
กลายเป็นธรรมเนียมทางการค้าของพ่อค้า และพัฒนามาเป็นกฎหมายของพ่อค้า(Merchant Law)
ซ่ึงนอกจากกลักกฎหมายตั๋วเงินแล้วยังปรากฏหลักกฎหมายในเร่ืองอ่ืนๆ ท่ีพัฒนามาจากธรรม
เนียมทางการค้าอีก เช่น กฎหมายหุ้นส่วน-บริษัท กฎหมายล้มละลาย กฎหมายประกันภัย
กฎหมายพาณิชยนาวี เป็นต้น๑

วิวัฒนาการของตั๋วเงินแยกตามลักษณะการใช้และประโยชน์ของตั๋วเงิน สามารถแยกได้
เป็น ๓ ประเภท คอื

๑. ตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) มีวิวิวัฒนาการมาจากการใช้เพ่ือประโยชน์การใช้
ชาระหน้ีต่างเมือง

๒. ตวั๋ สญั ญาใช้เงิน (Promissory Note) มวี ิวัฒนาการมาจากการใช้เพ่ือประโยชน์การให้
เครดติ

๓. เชค็ (Cheque) มีวิวัฒนาการมาจากการระบบการรับฝากเงนิ ของธนาคาร

การยกร่างกฎหมายตว๋ั เงินของไทย

ป ระเท ศ ไท ยเร่ิ ม มี ก ารใช้ ตั๋วเงิน เม่ื อ มี ก ารค้ าขายกับ ชาวต่ างชา ติ ใน ช่ วงของรั ชสมั ย
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ในระยะแรกน้ันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายตวั๋ เงนิ ท่ี
จะนามาบังคับกับตั๋วเงนิ แต่เม่ือมีคดีความข้นึ สกู่ ารพิจารณาศาลกจ็ ะนาหลักกฎหมายของประเทศ
องั กฤษมาปรับใช้ซ่ึงศึกษาได้จากตวั อย่างคาพิพากษาฎกี าท่ี ๓๔๕/ร.ศ.๑๒๘(พ.ศ.๒๔๕๒)๒

๑ สหธน รัตนไพจติ ร, คาอธบิ ายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ตวั๋ เงิน, พิมพ์คร้งั ท่ี ๒, (กรงุ เทพฯ
: สานักพิมพ์วญิ ญูชน, ๒๕๔๓), น. ๒๙ – ๓๑.

๒ เสาวนีย์ อศั วโรจน์, คาอธบิ ายกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตวั๋ เงิน, พิมพ์คร้ังท่ี ๕, (กรงุ เทพฯ :
สานกั พิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๘), น. ๖

๑๕

กฎหมายตั๋วเงินของประเทศไทยฉบับแรก คือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ
๓ ลักษณะ ๒๑ พ.ศ. ๒๔๖๗ และได้มีการแก้ไขจนมาถึงปัจจุบัน คือ ประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณชิ ย์ บรรพ ๓ ลักษณะ ๒๑ พ.ศ. ๒๔๗๑ (มาตรา ๘๙๘ – ๑๑๐๑)

ในต่างประเทศมีการบัญญัติกฎหมายตั๋วเงินท่ีแตกต่างกัน รวมถึงการยกร่างหรือการจัด
ระเบียบกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยตัว๋ เงินซ่ึงปรากฏในลักษณะของอนุสญั ญาระหว่างประเทศ
เช่น

อนุสญั ญากรุงเฮก - Hague Convention, 1912
อนุสญั ญากรุงเจนีวา - Convention Providing a Uniform Law for Bills of
Exchange and Promissory Notes (Geneva, 1930)
อนุสญั ญากรุงเวียนนา - UNCITRAL Convention on International Bills of
Exchange and International Promissory Notes, 1988
การยกร่างกฎหมายตั๋วเงินของประเทศไทยได้บัญญัติข้ึน โดยนาเอากฎหมายของ
ต่างประเทศและอนุสญั ญาต่าง ๆ มาเป็นแบบอย่าง ซ่ึงประกอบด้วย กฎหมายตัว๋ เงินของประเทศ
อังกฤษ ประเทศฝร่ังเศส ประเทศเยอรมัน ประเทศสวิส ประเทศญ่ีป่ ุน ประเทศสหรัฐอเมริกา
(กฎหมายตวั๋ เงินของรัฐนิวยอร์ก) และอนุสญั ญากรุงเฮก๓

ความหมายและลกั ษณะพ้ นื ฐานของตวั๋ เงนิ

ตวั๋ เงินเป็นสัญญาชนิดหน่ึงท่ผี ู้ออกตวั๋ เงินผูกพันตนต่อผู้ทรงสทิ ธใิ นตัว๋ เงนิ ว่า ตนจะใช้เงิน
ตามตวั๋ เงนิ น้ัน หรือตามคาส่ังของตนท่รี ะบุให้บุคคลอ่ืนเป็นผู้ใช้เงนิ แทนตน และจะรับผดิ หากไม่มี
การชาระเงินตามท่ตี นเองได้ผูกพันไว้

ตว๋ั เงินมีลกั ษณะเป็ นตราสาร (Instrument) เพราะต้องประกอบด้วยรายการต่าง ๆ
ตามท่ีกาหนดไว้ หากไม่ครบถ้วนกไ็ ม่สมบูรณ์เป็ นตั๋วเงิน๔ และตั๋วเงินยังมีลักษณะเป็ นตราสาร
เปล่ียนมือ (Negotiable Instrument) ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ได้ให้ความหมายของ “ตรา
สารเปล่ียนมือ(Negotiable Instrument)” ไว้ว่า “เป็นเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหน้ี ซ่ึงเพียงแต่
ส่งมอบเอกสารให้แก่กนั กอ็ าจโอนกรรมสทิ ธ์แิ ห่งเอกสารน้ันรวมท้งั หน้ีท่ปี รากฏในเอกสารน้ันไปยัง
ผู้อ่นื ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซ่ึงกระทาให้ผู้รับโอนมีสทิ ธิยึดถือเอกสารและบังคับตามหน้ีน้ันโดย
ไม่คานึงถึงเหตบุ กพร่องในสทิ ธขิ องผู้โอน” ๕

๓ เรือ่ งเดียวกนั , น. ๖
๔ โปรดดู ป.พ.พ.มาตรา ๙๐๙ ประกอบ มาตรา ๙๑๐
๕ จิตติ ติงศภัทิย์, คาอธบิ ายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยบัญชีเดินสะพัดและตัว๋ เงิน ,
พิมพ์คร้งั ท่ี ๑๗, (กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพ์ประกายพรึก, ๒๕๓๓), น. ๓๕.

๑๖

ประโยชนข์ องการใชต้ ว๋ั เงิน

เป็นการอานวยความสะดวกในการชาระหน้ีของฝ่ ายเจ้าหน้ีและลูกหน้ี
เป็นการสร้างความปลอดภยั ในการชาระหน้ีของฝ่ ายเจ้าหน้ีและลูกหน้ี
เป็นการอานวยความสะดวกต่อเจ้าหน้ีและลูกหน้ีท่มี คี วามเก่ยี วพันกนั หลายราย
เป็ นการให้ความเช่ือม่ัน (Credit) ทางการเงินแก่ฝ่ ายลูกหน้ีอันเป็ นการขยายเวลาใน
การชาระหน้ีออกไปอย่างหน่ึง
เป็นหลักประกนั ในการชาชะหน้ีในอกี ลักษณะหน่ึง
เป็ นเคร่ืองมือในการระดมเงิน

๑.๒ ตวั อย่างของตวั๋ เงนิ
(๑)ตวั อย่างตว๋ั แลกเงนิ

ตวั๋ แลกเงิน
BILL OF EXCHANGE

ออกตวั๋ วนั ท่_ี ______________ วนั ถงึ กาหนดชาระ_________

Date of Issue Date of Maturity

ผ้จู ่าย____________________________________________ สถานท่อี อกตวั๋ ___________________

To Drawee Place of Issue

จ่าย_____________________________________________ สถานท่ใี ช้เงนิ ____________________

Pay to Place of Payment

จานวนเงนิ _______________________________________

The Amount of

ลงช่อื ผ้สู ่งั จ่าย_____________________

Drawer

๑๗

(๒) ตวั อย่างตว๋ั สญั ญาใชเ้ งนิ

ตว๋ั สญั ญาใชเ้ งิน
PROMISSORY NOTE

ออกตวั ๋ วนั ท_่ี _______________ วนั ถงึ กำหนดชำระ_______________
Date of Issue Date of Maturity
สญั ญำวำ่ จะจำ่ ยใหแ้ ก่_____________________________ สถำนทอ่ี อกตวั ๋ _______________________
Promissory pay to Place of Issue
จำนวนเงนิ ______________________________________ สถำนทใ่ี ชเ้ งนิ ________________________
The Amount of Place of Payment

๑๘

๑๙

(๓) ตวั อย่างเช็ค

เช็คทวั่ ไป วนั ที่ หรอื ผถู้ ือ
เชค็ . ผสู้ ่งั จา่ ย

จ่าย
บาท
ธนาคาร จ. จากดั (มหาชน) สาขา พายพั

เชค็ เลท่ี สาขา ลงชื่อ
๐๑๒๓๔๕๖๗ ๐๐-๑๒๓
บญั ชีเลขท่ี
๙๘๗๖๕๔๓๒๑๐

๒๐

ภาพจาก http ://www.junghoo.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=๒๘๕๓๙&Ntype=๓

เช็คขีดคร่อม วนั ท่ี หรอื ผถู้ ือ
เช็ค . ผสู้ ่งั จา่ ย

จ่าย
บาท
ธนาคาร จ. จากดั (มหาชน) สาขา พายพั

เช็คเลท่ี สาขา ลงช่ือ
๐๑๒๓๔๕๖๗ ๐๐-๑๒๓
บญั ชีเลขท่ี
๙๘๗๖๕๔๓๒๑๐

๒๑

๑.๓ ประเภทของตว๋ั เงิน๖ ผู้จ่าย

ต๋วั แลกเงนิ (ม.๙๐๘) ผู้ส่ังจ่าย ผู้รับเงนิ /ผู้ถอื
(BILL OF EXCHANGE)

กรณีมผี ู้รับโอนต๋ัว

ต๋ัวสัญญาใช้เงนิ (ม.๙๘๒) ผู้ออกต๋วั ผู้รับเงนิ
(PROMISSORY NOTE) กรณีมีผู้รับโอนต๋วั

เช็ค (ม.๙๘๗) ผู้ส่ังจ่าย ธนาคารผู้จ่าย
(CHEQUE) ผู้รับเงนิ /ผู้ถอื

กรณีมผี ู้รับโอนต๋ัว

๖ มาตรา ๘๙๘ “อนั ตวั๋ เงินตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายน้ีมสี ามประเภท ๆ หน่งึ คอื ตวั๋ แลก
เงนิ ประเภทหน่งึ คอื ตวั๋ สญั ญาใช้เงนิ ประเภทหน่งึ คอื เชค็ ”

- ๒๒ -

๑.๔ ลักษณะท่วั ไปของสัญญาต๋วั เงนิ

๑. ต๋วั เงินเป็นสญั ญาชนดิ หนง่ึ
๒. มีวตั ถแุ หง่ หนีเ้ ป็นเงินตรา
๓. มีลกั ษณะเป็นตราสาร
๔. มีลกั ษณะเป็นตราสารเปล่ียนมือ
๕. การออกหรือการโอนต๋วั เงินมิใชก่ ารแปลงหนีใ้ หม่ แตเ่ ป็นการชาระหนีโ้ ดยมี

เง่ือนไข
๖. ไมจ่ ากดั คสู่ ญั ญาตามต๋วั
๗. ขอ้ ความในต๋วั เงินมีผลก็เฉพาะแตข่ อ้ ความท่ีกฎหมายบญั ญตั ริ บั รองไว้

ขอ้ พจิ ารณา

ตว๋ั เงินเป็ นสญั ญา
ดังน้ัน จึงต้องนาหลักท่ัวไปท่ีเก่ียวข้องกับกับความสามารถ การแสดงเจตนา และหลัก
ทว่ั ไปท่เี ก่ยี วข้องกบั นิตกิ รรมสญั ญามาปรับใช้ด้วยเทา่ ท่ไี ม่มบี ทบัญญัติในเร่ืองตัว๋ เงินบัญญัตไิ ว้เป็น
การเฉพาะ เช่น การส่งั จ่ายตวั๋ แลกเงินชาระหน้ีค่ายาเสพติด ซ่ึงเป็นนิตกิ รรมท่ขี ัดต่อกฎหมาย และ
ตกเป็นโมฆะตามมาตรา ๑๕๐ ผู้ส่ังจ่ายยกเหตุดังกล่าวข้ึนต่อส้ผู ู้รับเงินได้ แต่อย่างไรกต็ ามหากมี
การโอนตัว๋ ดังกล่าวให้แก่ผู้รับโอนท่สี จุ ริตและรับโอนมาอย่างถูกต้อง ผู้ส่งั จ่ายกไ็ ม่อาจปฏเิ สธความ
รับผิดโดยยกเหตุดังกล่าวข้นึ ต่อส้ไู ด้ซ่ึงเป็นการยกเว้นหลักท่วั ไปในเร่ืองนิตกิ รรมสญั ญาตามมาตรา
๙๑๖

มีวตั ถุแห่งหน้ เี ป็ นเงนิ ตรา๗

หมายถึง ในตวั๋ เงินจะระบุไว้อย่างชัดเจนว่าการชาระหน้ีตามตั๋วเงนิ น้ันจะชาระเป็นเงินตรา
ท่ีมีจานวนท่ีแน่นอน จะชาระเป็ นอย่างอ่ืน เช่น กระทาการ งดเว้นกระทาการ หรือชาระเป็ น
ทรัพยส์ นิ อ่นื ไม่ได้

๗ มาตรา ๑๙๖ “ถ้าหน้เี งนิ ได้แสดงไว้เป็นเงนิ ต่างประเทศ ทา่ นว่าจะสง่ ใช้เป็นเงนิ ไทยกไ็ ด้
การเปล่ยี นเงนิ น้ี ให้คดิ ตามอตั ราแลกเปล่ยี นเงนิ ณ สถานท่แี ละในเวลาท่ใี ช้เงนิ ”

๒๓

ลกั ษณะของตราสาร๘ สามามารถแบ่งได้หลายประเภทข้ึนอยู่กับวิธกี ารในการจาแนก
ประเภทของตราสารเหล่าน้ัน เช่น จาแนกตามลักษณะแห่งการชาระหน้ีตามตราสารอาจแบ่งได้ ๓
ประเภท คือ

(๑) ตราสารชนิดจะต้องชาระหน้ีแกเ่ จ้าหน้ีโดยเฉพาะเจาะจง
(๒) ตราสารชนิดจะต้องชาระหน้ีตามเขาส่งั
(๓) ตราสารชนิดจะต้องชาระหน้ีแก่ผู้ถอื ๙
แต่หากจาแนกตามลักษณะของความสามารถในการเปล่ียนมือ สามารถแบ่งได้เป็ น ๒
ประเภท กล่าวคือ
(๑) ตราสารเปล่ียนมือ เช่น ตั๋วเงินแลกเงิน (Bill of Exchange) ตั๋วสัญ ญ าใช้ เงิน

(Promissory note) เชค็ (Cheque) เป็นต้น
(๒) ตราสารไม่เปล่ียนมอื เช่น ใบตราส่ง (Bill of landing) เป็นต้น

๘ พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถานสถาน ให้ความหมายไว้ว่า “ตราสาร” หมายถงึ หนงั สอื สาคญั ซ่ึง
แสดงสทิ ธติ ่าง ๆ เช่น โฉนดท่ดี นิ , ตวั๋ เงิน

โปรดดูรายละเอยี ดใน ราชบัณฑติ ยสถาน, พจนานุกรมฉบับ พ.ศ. ๒๕๔๒, (กรงุ เทพฯ : สานักพิมพ์
วฒั นาพาณชิ ย์), น.๔๒๘ และ http ://rirs๓.royin.go.th/ridictionary/lookup.html

Black’s Law Dictionary ให้ความหมายคาว่า “Instrument” ไว้ว่า เป็ นเอกสารท่ีเป็ นหนังสือท่ที าข้ึน
อย่างเป็ นพิธีการหรือเป็ นเอกสารทางกฎหมาย(A formal or legal document in writing) เช่น สัญญาต่าง ๆ
(Contract) โฉนด(Deed) พันธบัตรหรือหุ้นกู้(Bond) สัญญาเช่า(Lease)ตราสารเปล่ียนมือ(Negotiable
instrument) หรือหลกั ทรพั ย์(Security) เป็นต้น

๙ มาตรา ๓๐๙ “การโอนหน้ีอนั พึงต้องชาระตามเขาส่งั น้ัน ท่านว่าจะยกข้ึนเป็ นข้อต่อส้ลู ูกหน้ี หรือ
บุคคลภายนอกคนอ่นื ได้แต่เฉพาะเม่อื การโอนน้ันได้สลักหลังไว้ในตราสาร และตัวตราสารน้ันได้ส่งมอบให้แก่
ผ้รู ับโอนไปด้วย”

มาตรา ๓๑๐ “ในมูลหน้ีอนั พึงต้องชาระตามเขาส่งั น้ัน ลูกหน้ีมีสทิ ธทิ ่จี ะสอบสวนถงึ ตวั ผู้ทรงตราสาร
หรอื สอบสวนความถูกต้องแท้จริงแห่งลายมอื ช่ือหรือดวงตราของผู้ทรงได้ แต่กห็ ามีความผูกพันท่จี ะต้องทาถึง
เพียงน้ันไม่ แต่ถ้าลูกหน้ีทาการโดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงไซร้ การชาระหน้ีน้ันกไ็ ม่เป็ นอัน
สมบูรณ”์

มาตรา ๓๑๑ “บทบญั ญัตแิ ห่งมาตราก่อนน้ี ทา่ นให้ใช้บงั คบั ตลอดถงึ กรณีท่มี กี าหนดตวั เจ้าหน้ีระบุไว้
ในตราสาร ซ่ึงมขี ้อความจดไว้ด้วยว่าให้ชาระหน้ีแก่ผ้ทู รงตราสาร”

๒๔

ตราสารเปลยี่ นมอื
ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ได้ให้ความหมายของ “ตราสารเปล่ียนมือ(Negotiable
Instrument)” ไว้ว่า “เป็ นเอกสารอันเป็ นหลักฐานแห่งหน้ี ซ่ึงเพียงแต่ส่งมอบเอกสารให้แก่กันก็
อาจโอนกรรมสิทธ์ิแห่ งเอกสารน้ันรวมท้ังหน้ ีท่ีปรากฏในเอกสารน้ันไปยังผ้ ูอ่ืนได้ โดยชอบด้ วย
กฎหมาย ซ่ึงกระทาให้ผู้รับโอนมีสิทธิยึดถือเอกสารและบังคับตามหน้ีน้ันโดยไม่คานึงถึงเหตุ
บกพร่องในสทิ ธขิ องผู้โอน”๑๐

การออกหรือการโอนตวั๋ เงินมิใช่การแปลงหน้ ใี หม่

เพราะหน้ีเดิมซ่ึงเป็ นมูลหน้ีในการออกตั๋วเงินยังไม่ระงับไป แต่การออกหรือการโอนตั๋ว
เงินเป็นการชาระหน้ีโดยมเี ง่อื นไขตามมาตรา ๓๒๑๑๑

คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๓๕๖๖/๒๕๒๖ จาเลยออกเชค็ ฉบับพิพาทชาระหน้ีค่าแชร์แก่โจทก์
แม้โจทก์จะใช้สทิ ธฟิ ้ องเรียกเงินตามเชค็ พิพาท โดยมิได้ฟ้ องตามมูลหน้ีแชร์ แต่การท่จี าเลยออก
เชค็ ฉบับใหม่ชาระแทนเชค็ พิพาท ถือว่าเป็นการชาระหน้ีอย่างอ่นื แทนการชาระหน้ีท่ไี ด้ตกลงกนั ไว้
โดยการ ชาระหน้ีด้วยตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๒๑ มิใช่เป็ นการ
แปลงหน้ีใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๔๙ หน้ีเดิมจะระงับต่อเม่ือได้ใช้
เงินตามตวั๋ เงินแล้ว เม่อื โจทกย์ ังมิได้รับเงนิ ตามเชค็ ฉบับใหม่ของจาเลยสทิ ธเิ รียกร้องให้จาเลยชาระ
หน้ีตามเชค็ พิพาทยงั ไม่ระงับ

ขอ้ ความในตวั๋ เงนิ มผี ลกเ็ ฉพาะแต่ขอ้ ความทีก่ ฎหมายบญั ญตั ิรบั รองไว้
มาตรา ๘๙๙ “ข้อความอนั ใดซ่ึงมิได้มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายลักษณะน้ี ถ้าเขียน
ลงในตวั๋ เงนิ ทา่ นว่าข้อความอันน้ันหาเป็นผลอย่างหน่ึงอย่างใดแกต่ วั๋ เงนิ น้ันไม่”
หมายถงึ การเขยี นข้อความใดๆ ลงไปในตั๋วและจะมผี ลผูกพันตาสญั ญาตวั๋ เงินจะต้องเป็น
ข้อความท่ีกฎหมายกาหนดไว้เท่าน้ันหากเขียนข้อความอ่ืนลงไปกไ็ ม่มีผลใดๆ ตามตั๋วเงิน เช่น

๑๐ จติ ติ ตงิ ศภทั ยิ ์, คาอธบิ ายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ว่าด้วยบญั ชีเดินสะพัดและตวั๋ เงิน, น.
๓๕.

๑๑ มาตรา ๓๒๑ “ถ้าเจ้าหน้ียอมรับการชาระหน้ีอย่างอ่นื แทนการชาระหน้ีท่ไี ด้ตกลงกนั ไว้ ท่านว่าหน้ี
น้นั กเ็ ป็นอนั ระงบั ส้นิ ไป

ถ้าเพ่ือท่ีจะทาให้พอแก่ใจเจ้าหน้ีน้ัน ลูกหน้ีรับภาระเป็ นหน้ีอย่างใดอย่างหน่ึงข้ึนใหม่ต่อเจ้าหน้ีไซร้
เม่อื กรณเี ป็นท่สี งสยั ทา่ นมใิ ห้สนั นิษฐานว่าลกู หน้ีได้ก่อหน้นี ้นั ข้นึ แทนการชาระหน้ี

ถ้าชาระหน้ีด้วยออก ด้วยโอน หรือด้วยสลักหลงั ตัว๋ เงินหรอื ประทวนสนิ ค้า ท่านว่าหน้นี ้นั จะระงับส้นิ ไป
ต่อเม่อื ตวั๋ เงินหรือประทวนสนิ ค้าน้นั ได้ใช้เงินแล้ว”

๒๕

เขียนข้อความว่า “ออกตัว๋ เงินเพ่ือชาระหน้ีตามสญั ญาซ้ือขาย” ข้อความเช่นน้ีจะมีหรือไม่กไ็ ม่เป็น
สาระสาคัญตามกฎหมายตั๋วเงิน อย่างไรกด็ ีข้อความเช่นน้ีอาจนาไปเป็ นประโยชน์ในเร่ืองของ
หลักฐานการชาระหน้ีได้

คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๔๗๑๔/๒๕๔๗ ป.พ.พ. มาตรา ๘๙๙ บัญญัติว่า “ข้อความอันใด
ซ่ึงมิได้มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายลักษณะน้ี ถ้าเขียนลงในตั๋วเงิน ท่านว่าข้อความอันน้ันหา
เป็นผลอย่างหน่ึงอย่างใดแก่ตั๋วเงินน้ันไม่” อนั เป็นบทบัญญัติเบด็ เสร็จท่วั ไปใช้บังคับกับตั๋วแลก
เงิน ตั๋วสัญญาใช้เงินและเชค็ ส่วนมาตรา ๙๑๕ บัญญัติว่า “ผู้ส่งั จ่ายตัว๋ แลกเงินและผู้สลักหลังคน
ใด ๆ กด็ ีจะจดข้อกาหนดซ่ึงจะกล่าวต่อไปน้ีลงไว้ชัดแจ้งในตั๋วน้ันกไ็ ด้คือ (๑) ข้อกาหนดลบล้าง
หรือจากัดความรับผิดของตนเองต่อผู้ทรงตั๋วเงิน” ซ่ึงเป็ นบทบัญญัติในเร่ืองตั๋วแลกเงินไม่ได้
บัญญัติไว้ในบทเบด็ เสรจ็ ท่วั ไปเช่นเดียวกับมาตรา ๘๙๙ และ มาตรา ๙๘๕ ซ่ึงบทบัญญัติในเร่ือง
ตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ได้บัญญัติให้นามาตรา ๙๑๕ มาใช้กับตั๋วสัญญาใช้เงิน ดังน้ันการท่ีจาเลยท่ี ๓
สลักหลังตั๋วสัญญาใช้เงินมขี ้อความว่า ห้ามใช้สทิ ธไิ ล่เบ้ียผู้สลักหลังน้ันเป็นข้อความท่ขี ดั ต่อมาตรา
๙๘๓ (๒) หาเป็นผลบังคับแก่ตั๋วสัญญาใช้เงินตามมาตรา ๘๙๙ ไม่ จาเลยท่ี ๓ จึงต้องรับผิดตาม
ตวั๋ สญั ญาใช้เงนิ

๑.๕ ความสาคญั ของรายการต่าง ๆ ตามตวั๋ เงิน

เน่ืองจากคู่สัญญาผู้ลงลายมือช่ือในตั๋วเงินจะต้องผูกพันรับผิดตามข้อความท่ปี รากฏ
ในตั๋วเงินดังท่ีบัญญัติไว้ตามมาตรา ๙๐๐ วรรคหน่ึง ดังน้ัน ในการกาหนดลักษณะ เน้ือหา และ
ข้อความท่จี ะประกอบข้ึนเป็นตราสารน้ันจึงมีความสาคัญโดยจะต้องเป็นไปตามท่กี ฎหมายกาหนด
ไว้ ท้ังน้ีเพ่ือให้คู่สัญญาในตราสารได้รับรู้ถึงสิทธิและหน้าท่ีตามตั๋วเงิน จึงมีความแตกต่างจาก
ลักษณะสัญญาท่วั ไปท่ีคู่สัญญาอาจตกลงกันด้วยวาจาเพ่ือผูกพันกนั ได้ แต่ลักษณะตั๋วเงินน้ันเป็น
หนังสือตราสารท่ตี ้องทาตามวิธกี ารท่กี ฎหมายกาหนดไว้ โดยต้องทาเป็นหนังสอื ตราสารดังท่บี ัญญัติ
ไว้ในมาตรา ๙๐๘ มาตรา ๙๘๒ และมาตรา ๙๘๗ และเน่ืองจากลักษณะของตัว๋ เงนิ ท่เี ป็นตราสาร
เปล่ียนมือ(Negotiable Instrument) ซ่ึงสามารถโอนได้โดยง่ายและสะดวก การท่คี ู่สญั ญาสามารถท่ี
จะเขียนข้อความใด ๆ ลงไปในตัว๋ กไ็ ด้น้ันย่อมทาให้ตั๋วเงินขาดความชัดเจนในสทิ ธิและหน้าท่ตี าม
ตั๋วเงินนาไปสู่การไม่น่าเช่ือถือของตั๋วเงินและเป็นอุปสรรคต่อการใช้ประโยชน์ตามตั๋ว ดังน้ัน จึง
เกดิ หลักท่วี ่า “ข้อความท่จี ะเขยี นลงไปในตัว๋ จะมีผลกแ็ ต่เฉพาะข้อความท่กี ฎหมายอนุญาตให้เขยี น
ไว้เทา่ น้ัน” โดยหลักเกณฑด์ ังกล่าวน้ันมีความแตกต่างจากหลักของการแสดงเจตนาของคู่สญั ญาใน
การเข้าทานิติกรรมสญั ญาท่วั ไปท่เี ปิ ดโอกาสให้คู่สญั ญาตกลงกาหนดข้อสญั ญาใด ๆ ไว้ในสญั ญาก็
ได้ แม้ว่าจะผิดแผกแตกต่างจากท่ีกฎหมายกาหนดไว้กม็ ีผลบังคับได้ตามหลัก (Freedom of
contract) หากมิใช่นิติกรรมสัญญาท่ขี ัดต่อกฎหมายอันเก่ียวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม
อันดีของประชาชนกม็ ีผลใช้บังคับได้ตามมาตรา ๑๕๑ แต่ในเร่ืองตั๋วเงินไม่อาจตกลงเช่นน้ันได้

๒๖

จากการศึกษาพบว่า ลักษณะของข้อความในตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
สามารถแยกลักษณะของข้อความท่เี ขียนลงไปในตัว๋ ได้ ๓ ลักษณะ กล่าวคอื ๑๒

(๑) ขอ้ ความซึ่งกฎหมายกาหนดให้เขียนลงไปในตวั๋ ได้ และกาหนดผลของ
ขอ้ ความดงั กล่าวไว้ ตัวอย่างเช่น เร่ืองของรายการตามตั๋วตามมาตรา ๙๐๙ มาตรา ๙๘๓ และ
มาตรา ๙๘๘ ท่ีกาหนดให้ตั๋วเงินในแต่ละประเภทจะต้องประกอบด้วยรายการต่าง ๆ ตามท่ี
กาหนดไว้ หรือข้อกาหนดเร่ืองดอกเบ้ียตามมาตรา ๙๑๑ หรือข้อกาหนดในการจากดั ความรับผิด
หรือลดละความรับผิดของผู้ส่ังจ่ายหรือผู้สลักหลังตามมาตรา ๙๑๕(๑) หรือข้อกาหนดลดละ
หน้าท่ใี ห้กบั ผู้ทรงตามมาตรา ๙๑๕(๒) หรือ ข้อความในเร่ืองการสลักหลังตามมาตรา ๙๑๙ หรือ
ข้อความในเร่ืองการรับรองตามมาตรา ๙๓๑ หรือ ข้อความในเร่ืองการอาวัลตามมาตรา ๙๓๙
เป็ นต้ น

(๒) ขอ้ ความซึ่งกฎหมายกาหนดห้ามเขียนลงไปในต๋วั และกาหนดผลของ
ขอ้ ความดงั กล่าวไว้ ตัวอย่างเช่น ข้อความเร่ืองเง่ือนไขในการใช้เงินตามตั๋วตามมาตรา ๙๐๙(๒)
ไม่สามารถเขียนลงไปได้ หากออกตั๋วโดยมีเง่ือนไขในการใช้ เงินตราสารน้ันย่อมไม่สมบูรณ์เป็ นตั๋ว
เงิน หรือข้อความเร่ืองการสลักหลังโอนบางส่วนตามมาตรา ๙๒๒ วรรคสอง ซ่ึงห้ามสลักหลังโอน
แต่บางส่วน หากการสลักหลังโอนมีลักษณะของการโอนแต่เพียงบางส่วน การสลักหลังน้ันกจ็ ะตก
เป็นโมฆะ เป็นต้น

(๓) ขอ้ ความอื่นซึ่งกฎหมายไม่ไดก้ าหนดผลไว้ นอกเหนอื จากขอ้ ความตามขอ้
(๑) และขอ้ (๒)

ปรากฏตามมาตรา ๘๙๙ “ขอ้ ความอันใดซึ่งมิไดม้ ีบญั ญตั ิไวใ้ นประมวล
กฎหมายลกั ษณะน้ ี ถา้ เขียนลงในตวั๋ เงิน ท่านว่าขอ้ ความอนั น้นั หาเป็ นผลอย่างหนงึ่ อย่างใดแก่
ตวั๋ เงนิ น้นั ไม่”

ตามบทบัญญัติดังกล่าวหากในตั๋วเงินมีข้อความอ่นื ท่บี ทบัญญัติในเร่ืองตั๋วเงิน
ไม่ได้กาหนดไว้หากเขียนลงไป กไ็ ม่มีผลต่อตั๋วเงินแต่อย่างใดตั๋วเงินยังมีผลบังคับใช้ได้ตามปกติ
ส่วนข้อความท่ีเขียนลงไปน้ันไม่มีผลบังคับตามตั๋วเงินถือเสมือนว่าไม่ได้เขียนลงไว้น่ันเอง เช่น
เขียนลงไปในเชค็ ว่า “จ่ายเพ่ือประกันหน้ี” ไม่มีผลกระทบต่อตั๋วเงินตามมาตรา ๘๙๙ ดังน้ัน หาก
ผู้ทรงไม่มีสิทธิบกพร่องในเช็ค ผู้ทรงกอ็ าจฟ้ องบังคับตามเช็คได้ (คาพิพากษาฎีกาท่ี ๒๔๗๘/
๒๕๑๗) แต่ข้อความท่เี ขียนเกนิ เลยกว่าท่กี ฎหมายตวั๋ เงินกาหนดไว้ซ่ึงไม่มผี ลอย่างใดในตัว๋ เงนิ น้ัน
อาจใช้เป็นหลักฐานท่พี ิสจู น์หน้ีตามกฎหมายอ่นื ได้ และอาจผูกพันใช้บังคบั ได้ตามกฎหมายลักษณะ
อ่นื ๆ ถ้าเข้าหลักเกณฑ์หรือลักษณะท่จี ะใช้เป็นหลักฐานต่าง ๆ ตามกฎหมายอ่นื ๆ น้ัน เช่น อาจ

๑๒ สหธน รัตนไพจิตร, คาอธบิ ายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ตวั๋ เงิน, น. ๔๒-๔๓.

๒๗

ใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินได้ถ้าในตัว๋ สญั ญาใช้เงนิ ปรากฏว่าเป็นหน้ีจากการกู้ยืมเงินกัน (คา
พิพากษาฎีกาท่ี ๔๓๙/๒๔๙๓, ประชุมใหญ่) ๑๓

ขอ้ พจิ ารณาเกยี่ วกบั การกาหนดดอกเบ้ ยี ในตว๋ั เงิน

ตามบทบัญญัติมาตรา ๙๑๑ น้ันเป็ นบทบัญญัติท่ีเปิ ดโอกาสให้ผู้ส่ังจ่ายตั๋วแลกเงิน
และผู้ออกตัว๋ สัญญาใช้เงิน (กรณีของเชค็ ไม่สามารถกาหนดดอกเบ้ียตามมาตรา ๙๑๑ ได้ เพราะ
มาตรา ๙๘๙ ไม่นาบทบัญญัติมาตรา ๙๑๑ มาใช้กับกรณีของเชค็ ) สามารถออกตั๋วโดยกาหนด
จานวนเงินพร้อมดอกเบ้ียท่ีจะจ่ายให้แก่ผู้ทรงตั๋วเงินได้ โดยลักษณะของดอกเบ้ียดังกล่าวน้ันเป็น
คนละกรณีกับดอกเบ้ียผิดนัดตามมาตรา ๙๖๘(๒) มาตรา ๗ และมาตรา ๒๒๔ ในกรณีของหน้ี
ท่วั ไป ท้งั น้ีเพราะการคิดดอกเบ้ียตามมาตรา ๙๑๑ น้ันผู้ส่งั จ่ายสามารถกาหนดให้จ่ายดอกเบ้ียได้
นับแต่วันออกตั๋วเงินเป็ นต้นไปหรือวันอ่ืนตามท่ีประสงค์แต่หากไม่ระบุวันเร่ิมต้นไว้กใ็ ห้เร่ิมคิด
ดอกเบ้ียต้ังแต่วันออกตั๋ว ซ่ึงทาให้จานวนดอกเบ้ียตามตั๋วเงิน ในกรณีเช่นน้ีมีจานวนท่ีมากกว่า
ดอกเบ้ียผิดนัดท่เี ร่ิมคิดต้งั แต่วันถึงกาหนดจ่ายเงนิ ตามตัว๋ เงนิ ท่เี ป็นเช่นน้ีทา่ นศาสตราจารย์เสนีย์
ปราโมช๑๔ ได้ให้เหตุผลและต้ังข้อสงั เกตไว้ว่า“การคิดดอกเบ้ียน้ันตามหลักท่วั ไปดังบัญญัติไว้ใน
มาตรา ๒๒๔ คิดได้แต่วันหน้ีถงึ กาหนดและลูกหน้ีผิดนัดชาระหน้ี ไม่ใช่คิดจากวันท่เี ร่ิมเป็นหน้ีกัน
เหตุใดมาตรา ๙๑๑ จึงบัญญัติให้เรียกดอกเบ้ียได้แต่วันออกตั๋วซ่ึงเป็ นวันเร่ิมเป็นหน้ี เป็ นการ
ยกเว้นหลักท่วั ไปดังกล่าวน้ี เหตุน่าจะเป็นเพราะว่าการออกตั๋วเงินใช้หน้ีกันน้ัน บางทเี ป็นหน้ีค้าง
เก่าถึงกาหนดชาระกันมาก่อนแล้ว เม่ือผู้ออกตั๋วเงินลงข้อความว่าให้คิดดอกเบ้ียได้โดยมิได้กล่าว
อะไรไว้ให้เหน็ เป็นอย่างอ่ืน จึงให้ใช้ดอกเบ้ียกนั แต่วันออกตั๋วเงิน แต่ถ้าหากประสงค์จะให้คิดกัน
ต้ังแต่วันอ่ืน ไม่ใช่วันท่อี อกตั๋วกต็ ้องเขียนลงไว้ มิฉะน้ันมาตรา ๙๑๑ ให้คิดกันต้ังแต่วันออกตั๋ว
เป็ นต้นไป ”และได้ต้ังข้อสังเกตไว้ว่า “มาตรา ๙๑๑ ไม่ใช่บทท่ีให้คิดดอกเบ้ียได้ และไม่ใช่
บทบัญญัติท่ีกาหนดอัตราดอกเบ้ียสาหรับตั๋วเงิน เร่ืองเหล่าน้ีมีมาตรา ๙๖๘ บัญญัติไว้ต่างหาก
มาตรา ๙๑๑ เป็นแต่บทตีความเจตนาในปัญหาว่า ถ้าตั๋วมีข้อความว่าให้คิดดอกเบ้ียได้ โดยมิได้
กล่าวชัดว่าให้คิดได้แต่เม่ือใด ดังน้ัน ท่านให้คิดดอกเบ้ียได้แต่วันท่ีลงในตั๋ว เป็ นเร่ืองตีความ
เช่นเดียวกบั มาตรา ๙๑๐ ท่อี ยู่ตดิ ๆ กนั ”

แต่อย่างไรกต็ ามนักกฎหมายสว่ นใหญ่เหน็ ว่า ผู้ส่งั จ่ายสามารถระบุให้คิดดอกเบ้ียและ
กาหนดอัตราดอกเบ้ียลงในตั๋วเงินได้ แต่ยังมีความเห็นท่ีแตกต่างกันบ้างในประเดน็ ของอัตรา
ดอกเบ้ียว่าจะกาหนดได้สงู สดุ ไม่เกนิ เทา่ ใดซ่ึงแยกได้เป็ น ๓ ฝ่ าย คือ

๑๓ เสาวนีย์ อศั วโรจน์, คาอธบิ ายกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ว่าด้วยตวั๋ เงนิ , น. ๒๙.
๑๔ เสนยี ์ ปราโมช, คาอธบิ ายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ บรรพ ๓ ว่าด้วยตวั๋ เงิน, พิมพ์คร้งั ท่ี
๓, (กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพ์นติ ธิ รรม, ๒๕๑๔), น. ๔๑.

๒๘

ฝ่ ายท่ีหน่ึง เหน็ ว่าการท่ีไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะและการชาระหนีตามตั๋ว
เงินน้ันมิใช่เร่ืองกู้ยืม ถึงแม้ว่าน้ีเดิมจะเป็นการกู้ยืมแต่กไ็ ด้เปล่ียนสภาพเป็นหน้ีตามตั๋วเงินแล้วจึง
ไม่อยู่ภายใต้ภายใต้บังคับเร่ืองการคิดดอกเบ้ียเกินอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ตามมาตรา ๖๕๔ อกี ท้งั
ไม่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบ้ียเกินอัตรา พ.ศ.๒๔๗๕ ซ่ึงห้ามเฉพาะกรณีท่ีเป็ น
การให้กู้ยืมเงินโดยคดิ ดอกเบ้ียเกนิ กว่าอัตราท่กี ฎหมายกาหนดไว้ หรือในกรณีปิ ดบังเร่ืองดอกเบ้ีย
ไว้ แต่กรณีตัว๋ แลกเงินซ่ึงผู้ส่งั จ่ายตกลงยินยอมเสยี ดอกเบ้ียโดยความสมัครใจและเปิ ดเผย เพราะ
ระบุไว้ชัดเจนในตวั๋ แลกเงิน จึงไม่น่าจะตกอยู่ภายในบังคบั พระราชบัญญัติดงั กล่าว๑๕

ฝ่ ายท่สี อง เหน็ ว่าอัตราดอกเบ้ียท่ีจะตกลงกันตามมาตรา ๙๑๑ น้ันจะต้องไม่สงู เกิน
กว่าอตั ราท่กี ฎหมายห้ามไว้คอื ร้อยละ ๑๕ ต่อปี ๑๖

ฝ่ ายท่สี าม เหน็ ในกรณีท่เี ป็นการออกตวั๋ เงินเพ่ือชาระหน้ีกู้ยมื คู่กรณีจะตกลงกาหนด
อตั ราดอกเบ้ียกนั เกินกว่าร้อยละ ๑๕ ต่อปี มิได้ แต่ถ้าเป็นการออกตั๋วเงินเพ่ือชาระหน้ีอ่ืน ๆ แล้ว
คู่กรณีจะตกลงกาหนดอตั ราดอกเบ้ียกนั เกินกว่าร้อยละ ๑๕ ต่อปี ต่อปี ได้๑๗

๑๕ ไพฑูรย์ คงสมบูรณ์, คาอธิบายกฎหมายลักษณะตั๋วเงิน, (กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๒๗), น. ๗๓.

๑๖ เสนีย์ ปราโมช, หมายเหตทุ ้ายคาพิพากษาฎกี าท่ี ๗๕๘/๒๔๘๒ (พ.ศ.๒๔๘๒ ฎ.๑๐๓)
๑๗ เสาวนยี ์ อศั วโรจน์, คาอธบิ ายกฎหมายแพ่งและพาณชิ ยว์ ่าด้วยตวั๋ เงนิ , น. ๑๑๙.

๒๙

๑.๖ คู่สญั ญาในตว๋ั เงนิ

ลักษณะสาคัญประการหน่ึงของสัญญาตั๋วเงินหรือการออกตั๋วเงิน คือ การนาตั๋วเงินไปใช้
เป็ นเคร่ืองมือในการชาระหน้ีหรือเป็ นการประกันการชาระหน้ีหรือการใช้แทนเงิน ซ่ึงจะมี
ลักษณะเฉพาะของตั๋วเงินแต่ละประเภท อย่างไรกด็ ีในตั๋วเงินน้ันจะมีบุคคลท่เี ข้ามาเก่ียวข้องหรือ
เข้ามามีสว่ นในตัว๋ เงินหลากหลาย ซ่ึงสามารถแยกประเภทของคู่สญั ญาหรือผู้ท่เี ก่ยี วข้องตามตวั๋ เงิน
ได้ใน ๒ ลักษณะ ดงั น้ี

(๑) ฝ่ ายเจ้าหน้ีตามตวั๋ เงนิ หมายถึง ผู้ทรงตวั๋ เงนิ ,ผู้สบื สทิ ธขิ องผู้ทรงตวั๋ เงนิ ๑๘ และ
ลูกหน้ีตามตวั๋ เงิน ซ่ึงได้ใช้เงินและเข้าถอื เอาตวั๋ เงิน๑๙ และ

(๒) ฝ่ ายลูกหน้ีตามตวั๋ เงิน โดยในฝ่ ายลูกหน้ีตามตัว๋ เงนิ น้ันมีบุคคลท่เี ข้ามาเก่ยี วข้องใน
ฐานะของลูกหน้ีตามตวั๋ ในหลายลักษณะแต่ตามหลักของมาตรา ๙๐๐๒๐ ผู้ท่ตี ้องรับ
ผิดตามตวั๋ เงินคือบุคคลท่ลี งลายมอื ช่ือตามตวั๋ ซ่ึงการลงลายมือช่ือเข้าผูกพันในฐานะ
ของลูกหน้ีตามตวั๋ เงินน้ันมีได้ในหลายลักษณะ ได้แก่
- ผู้ส่งั จ่ายตวั๋ แลกเงนิ และเชค็
- ผู้ออกตวั๋ สญั ญาใช้เงนิ
- ผู้สลักหลัง
- ผู้รับรอง

๑๘ เม่ือผู้ทรงได้เสียชีวิตลง สทิ ธิตามตวั๋ เงินย่อมโอนไปเป็ นของทายาท ตามมาตรา ๑๖๐๐ ทายาทซ่ึง
เป็นผ้มู สี ทิ ธริ ับมรดกและได้ครอบครองตวั๋ เงนิ ย่อมเป็นผ้ทู รงหรอื เจ้าหน้ตี ามตวั๋ เงนิ

๑๙ ในกรณีท่ลี ูกหน้ีตามตัว๋ ได้ใช้เงินให้แก่ผู้ทรงไปท้ังในกรณีท่สี มัครใจและกรณีท่ีฟ้ องร้องบังคับให้
ชาระหน้ีตามตัว๋ เงิน ลูกหน้ีตามตวั๋ เงินน้ันย่อมได้รับสทิ ธติ ามตวั๋ เงินหรือรับสทิ ธขิ องผู้ทรงท่จี ะใช้สทิ ธไิ ล่เบ้ยี เอก
แก่ผู้ท่มี คี วามผูกพันอยู่ก่อนตนได้ตามมาตรา ๙๖๗ วรรคสาม

“มาตรา ๙๖๗ ในเร่ืองตวั๋ แลกเงินน้ัน บรรดาบุคคลผู้สง่ั จ่ายกด็ รี ับรองกด็ ี สลักหลังกด็ ี หรือรบั ประกนั
ด้วยอาวัลกด็ ี ย่อมต้องร่วมกนั รับผดิ ต่อผ้ทู รง

ผู้ทรงย่อมมีสิทธิว่ากล่าวเอาความแก่บรรดาบุคคลเหล่าน้ีเรียงตัว หรือรวมกันกไ็ ด้ โดยมิพักต้อง
ดาเนนิ ตามลาดบั ท่คี นเหล่าน้นั มาต้องผกู พัน

สทิ ธเิ ช่นเดยี วกนั น้ี ย่อมมแี ก่บุคคลทุกคนซ่ึงได้ลงลายมอื ช่ือในตวั๋ เงินและเข้าถือเอาตวั๋ เงินน้ัน ในการ
ท่จี ะใช้บงั คบั เอาแก่ผ้ทู ่มี คี วามผกู พันอยู่แล้วก่อนตน

การว่ากล่าวเอาความแก่คู่สญั ญาคนหน่ึง ซ่ึงต้องรับผิดย่อมไม่ตัดหนทางท่ีจะว่ากล่าวเอาความแก่
คู่สญั ญาคนอ่นื ๆ แม้ท้งั จะเป็นฝ่ ายอยู่ในลาดบั ภายหลงั บคุ คลท่ไี ด้ว่ากล่าวเอาความมากอ่ น”

๒๐ มาตรา ๙๐๐ “บุคคลผ้ลู งลายมอื ช่อื ของตนในตวั๋ เงนิ ย่อมจะต้องรับผดิ ตามเน้อื ความในตวั๋ เงนิ น้นั
ถ้าลงเพียงแต่เคร่ืองหมายอย่างหน่งึ อย่างใด เช่น แกงไดหรอื ลายพิมพ์น้ิวมืออ้างเอาเป็นลายมอื ช่ือใน
ตวั๋ เงินน้นั ไซร้ แม้ถงึ ว่าจะมพี ยานลงช่อื รับรองกต็ าม ทา่ นว่าหาให้ผลเป็นลงลายมอื ช่อื ในตวั๋ เงนิ น้นั ไม่”

๓๐

- ผู้รับอาวัล
- ผู้รับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้า
- ธนาคารซ่ึงจดรับรู้ในเชค็
ลักษณะความรับผิดของลูกหน้ีตามตั๋วเงินดังกล่าวในแต่ละสถานะย่อมมีความรับผิด
ตามตวั๋ เงนิ ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายท่ตี ่างกนั ออกไป
กรณีของผู้ส่ังจ่ายและผู้สลักหลังตั๋วแลกเงินและเช็ค๒๑ จะรับผิดอย่างมีเง่ือนไข
กล่าวคือ ท่ีเป็นผู้ท่ีให้สัญญาว่าถ้าผู้ทรงนาตั๋วน้ันได้นาย่ืนให้รับรองกจ็ ะมีผู้รับรอง หรือเม่ือตัว๋ ถึง
กาหนดชาระเม่ือย่ืนใช้ผู้จ่ายใช้เงินกจ็ ะมีผู้ใช้เงิน ถ้าไม่มีผู้รับรอง หรือไม่ยอมจ่ายเงินกด็ ี ผู้ส่งั จ่าย
หรือผู้สลักหลังกจ็ ะเป็ นผู้ใช้เงินเอง ถ้าหากว่าได้ทาถูกต้องตามวิธีการในข้อไม่รับรองหรือไม่
จ่ายเงนิ น้ันแล้ว อนั เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๙๑๔ ซ่ึงบัญญัติไว้ว่า
“บุคคลผู้ส่งั จ่ายหรือสลักหลังตวั๋ แลกเงินย่อมเป็นอนั สญั ญาว่า เม่อื ตวั๋ น้ันได้นาย่นื โดย
ชอบแล้วจะมีผู้รับรองและใช้เงินตามเน้ือความแห่งตั๋ว ถ้าและตั๋วแลกเงินน้ันเขาไม่เช่ือถือโดยไม่
ยอมรับรองกด็ ี หรือไม่ยอมจ่ายเงินกด็ ี ผู้ส่ังจ่ายหรือผู้สลักหลังกจ็ ะใช้เงินแก่ผู้ทรง หรือแก่ผู้สลัก
หลังคนหลังซ่ึงต้องถูกบังคับให้ใช้เงินตามตัว๋ น้ัน ถ้าหากว่าได้ทาถูกต้องตามวิธีการในข้อไม่รับรอง
หรือไม่จ่ายเงนิ น้ันแล้ว”
กรณีของผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ตามมาตรา ๙๘๒ เป็นกรณีท่ผี ู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
ให้คาม่ันสัญญาว่าจะใช้เงินจานวนหน่ึงให้แก่บุคคลอีกคนหน่ึง หรือใช้ให้ตามคาส่ังของผู้รับเงิน
และจะมีความผูกพันในลักษณะเช่นเดยี วกบั ผู้รับรองตวั๋ ตามมาตรา ๙๘๖
กรณีของผู้รับรอง จะรับผิดตามมาตรา ๙๓๗ บัญญัติว่า “ผู้จ่ายได้ทาการรับรองตั๋ว
แลกเงนิ แล้วย่อมต้องผูกพันในอนั จะจ่ายเงินจานวนท่รี ับรองตามเน้ือความแห่งคารับรองของตน”
กรณีผู้รับอาวัล จะรับผิดตามมาตรา ๙๔๐ วรรคแรกท่บี ัญญัติไว้ว่า “ผู้รับอาวัลย่อม
ต้องผูกพันเป็นอย่างเดยี วกนั กบั บุคคลซ่ึงตนประกนั ”
กรณีผู้รับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้า จะรับผิดตามมาตรา ๙๕๓ ท่ีบัญญัติไว้ว่า “ผู้
รับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้าย่อมต้องรับผิดต่อผู้ทรงตั๋วเงินน้ัน และรับผิดต่อผู้สลักหลังท้ังหลาย
ภายหลังคู่สญั ญาฝ่ ายซ่ึงตนเข้าแก้หน้าอย่างเดยี วกนั กบั ท่คี ู่สญั ญาฝ่ ายน้ันต้องรับผิดอยู่เอง”
กรณีธนาคารซ่ึงจดรับรู้ในเชค็ จะรับผิดตามมาตรา ๙๙๓ วรรคแรกท่ีบัญญัติไว้ว่า
“ถ้าธนาคารเขียนข้อความลงลายมือช่ือบนเชค็ เช่น คาว่า “ใช้ได้” หรือ "ใช้เงินได้" หรือคาใด ๆ
อนั แสดงผลอย่างเดียวกันทา่ นว่าธนาคารต้องผูกพันในฐานเป็นลูกหน้ีช้ันต้นในอนั จะต้องใช้เงินแก่
ผู้ทรงตามเชค็ น้ัน”

๒๑ ในกรณขี องผู้ออกตวั๋ สญั ญาใช้เงินมีความรับผิดเช่นเดียวกบั ผู้รับรองจึงมีลักษณะเป็นลูกหน้ีช้ันต้น
ซ่งึ รบั ผดิ ตามคาสญั ญาท่ใี ห้ไว้จึงรบั ผดิ อย่างไม่มีเง่ือนไข ส่วนผู้สลกั ลักหลังตวั๋ สญั ญาใช้เงินน้นั ตามกฎหมายไทย
ยังไม่ มีความชัดเจน ใน ลักษ ณ ะของความรับผิดว่าจะรับผิดเช่ น เดียวกับผ้ ูออกตั๋วสัญ ญ าใช้ เงิน หรือรับผิด
เช่นเดยี วกบั ผ้สู ลักหลงั ตวั๋ แลกเงินและเชค็

๓๑

สรุปลกั ษณะและประเภทของคู่สญั ญาในตว๋ั เงิน

เจา้ หน้ ี ลูกหน้ ี

(หมายถึง ผู้ท่มี สี ทิ ธเิ รียกร้องให้ลูกหน้ีตามตวั๋ (หมายถึง ผู้ท่ลี งลายมือช่ือในตวั๋ เงนิ ซ่ึงต้อง
เงนิ ทาการใช้เงินตามตวั๋ เงินน้ัน) ได้แก่ รับผิดตามเน้ือความแห่งตวั๋ เงินน้ัน) ได้แก่
(๑.)ผู้ทรง (ม.๙๐๔, ม.๙๐๕) (๑.)ผู้ส่งั จ่าย (ม.๙๐๐, ม.๙๑๔ และ ม.
๙๘๙)
(๒.)ผู้สบื สทิ ธขิ องผู้ทรงในฐานะท่เี ป็นทายาท (๒.) ผู้ออกตวั๋ สญั ญาใช้เงิน (ม.๙๐๐, ม.
(ม.๑๕๙๙ วรรคแรก, ม.๑๖๒๙) ๙๘๖)
(๓.) ผู้สลักหลัง (ม.๙๐๐, ม.๙๑๔)
(๓.) ผู้สบื สทิ ธขิ องผู้ทรงในฐานะท่ไี ด้ลง (๔.)ผู้รับรอง (ม.๙๐๐, ม.๙๓๑, ม.๙๓๗)
(๕.)ผู้รับอาวัล (ม.๙๐๐, ม.๙๒๑, ม.๙๑๘,
ลายมอื ช่ือในตวั๋ เงิน และถูกผู้ทรงบังคบั ให้ใช้ ม.๙๓๙, ม.๙๔๐)
(๖.)ผู้สอดเข้ารับรองเพ่ือแก้หน้า (ม.๙๐๐,
เงนิ แล้วจึงเกดิ สทิ ธไิ ล่เบ้ียคู่สญั ญาอกี ฝ่ าย ม.๙๕๓)
(โปรดดูเร่ืองความรับผดิ ของคู่สญั ญาในตวั๋
หน่ึง เช่น เงินประกอบ)
- ผู้สลักหลัง (ม.๙๑๔, ม.๙๘๗ ว.๓)
- ผู้รับอาวัล (ม.๙๔๐ วรรคท้าย)
- ผู้สอดเข้ารับรองเพ่ือแก้หน้า (ม.๙๕๓)
- ผู้ท่ีเป็นคู่สัญญาอยู่ก่อนแล้ว หากต่อมา

ได้รับการสลักหลังตัว๋ เงินน้ันกลับคืนมากเ็ ป็น
ผู้ทรงด้วย (ม.๙๑๗ วรรคท้าย, ม.๙๗๑)

๑.๗ สรุปลกั ษณะการรบั ผ

ตวั ๋ แลกเงิน ตวั ๋ สญั ญาใ

(๑) ความรบั ผดิ ของผสู้ งั่ จา่ ย (มาตรา ๙๐๐ วรรคแรก, (๑) ความรบั ผดิ ของผอู้ อก
มาตรา ๙๑๔) (มาตรา ๙๐๐ วรรคแ

(๒) ความรบั ผดิ ของผสู้ ลกั หลงั (มาตรา ๙๐๐ วรรคแรก, (๒) ความรบั ผดิ ของผสู้ ลกั
มาตรา ๙๑๔) วรรคแรก, มาตรา ๙๖
มาตรา ๙๘๕ วรรคแร
(๓) ความรบั ผดิ ของผรู้ บั รอง (มาตรา ๙๐๐ วรรคแรก,
มาตรา ๙๓๑, มาตรา ๙๓๗) (๓) ความรบั ผดิ ของผรู้ บั อ
วรรคแรก, มาตรา ๙๓
(๔) ความรบั ผดิ ของผรู้ บั อาวลั แบง่ ออกเป็น ๒ กรณีคอื วรรคแรก, มาตรา ๙๘
๔.๑ ผลู้ งลายมอื ช่อื สลกั หลงั ตวั ๋ ผถู้ อื หมายถงึ รบั อาวลั
โดยผลของกฎหมาย (มาตรา ๙๐๐ วรรคแรก,
มาตรา ๙๑๘, มาตรา ๙๒๑, มาตรา ๙๔๐ วรรค
แรก)
๔.๒ ผลู้ งลายมอื ช่อื รบั อาวลั โดยเจตนา (มาตรา ๙๐๐
วรรคแรก, มาตรา ๙๓๙, มาตรา ๙๔๐ วรรคแรก)

(๕) ความรบั ผดิ ของผสู้ อดเขา้ รบั รองเพ่อื แกห้ น้า (มาตรา
๙๐๐ วรรคแรก, มาตรา ๙๓๙, มาตรา ๙๔๐ วรรคแรก)

- ๓๒ -

ผดิ ของลูกหน้ ใี นตว๋ั เงนิ

ช้เงิน เชค็

กตวั ๋ สญั ญาใชเ้ งนิ (๑) ความรบั ผดิ ของผสู้ งั่ จา่ ย (มาตรา ๙๐๐ วรรคแรก,
แรก, มาตรา ๙๘๖) มาตรา ๙๑๔, มาตรา ๙๘๙ วรรคแรก)
กหลงั (มาตรา ๙๐๐
๖๗ วรรคแรก, (๒) ความรบั ผดิ ของผสู้ ลกั หลงั (มาตรา ๙๐๐ วรรคแรก,
รก) มาตรา ๙๑๔, มาตรา ๙๘๙ วรรคแรก)
อาวลั (มาตรา ๙๐๐
๓๙, มาตรา ๙๔๐ (๓) ความรบั ผดิ ของผรู้ บั อาวลั แบ่งออกเป็น ๒ กรณี
๘๕ วรรคแรก) ๓.๑ ผลู้ งลายมอื ช่อื สลกั หลงั เชค็ ผถู้ อื (มาตรา ๙๐๐
วรรคแรก, มาตรา ๙๑๘, มาตรา ๙๒๑, มาตรา
๙๔๐ วรรคแรก, มาตรา ๙๘๙ วรรคแรก)
๓.๒ ผลู้ งลายมอื ช่อื รบั อาวลั ตามแบบ (มาตรา ๙๐๐
วรรคแรก, มาตรา ๙๓๙, มาตรา ๙๔๐ วรรค
แรก, มาตรา ๙๘๙ วรรคแรก)

(๔) ความรบั ผดิ ของธนาคารทท่ี าการจดรบั รใู้ นเชค็
(มาตรา ๙๐๐ วรรคแรก, มาตรา ๙๙๓ วรรคแรก)

- ๓๓ -

๑.๘ การลงลายมือชือ่

การลงลายมือช่ือในตัว๋ เงนิ ถือเป็นเร่ืองสาคัญ
อย่างย่ิง ท้งั น้ีเพราะบุคคลท่ลี งลายมือช่ือผูกพันในตัว๋
เงินจะต้องรับผิดตามข้อความหรือเน้ือความท่ปี รากฏ
ในตวั๋ ท้งั น้ีเป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐ วรรคแรก
“บุคคลผู้ลงลายมือช่ือของตนในตวั๋ เงินย่อมจะต้องรับ
ผิดตามเน้ือความในตั๋วเงินน้ัน…” ในทางกลับกนั เม่ือ
ไม่ปรากฏว่าได้ลงลายมือใช่ในตั๋วเงิน แม้ว่าจะมีช่ือ
ปรากฏอยู่หรือเป็ นบุคคลท่ีถูกล่าวถึงหรือระบุไว้ให้
ต้องรับผดิ ตามตวั๋ เงิน เช่นน้ีกไ็ ม้ต้องรับผิด

คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๒๕๒๖/๒๕๒๒ ศาลฎกี าวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ท่โี จทกฎ์ ีกาข้นึ มา
สาระสาคัญว่า จาเลยต้องรับผิดตามเชค็ เลขท่ี ๒๐๐๘๙๗ ซ่ึงมีตราย่ีห้อร้าน "ทองเจริญ" ของจาเลย
ประทบั ไว้ด้านหลัง ตามนัยคาพิพากษาฎีกาท่ี ๑๒๒๗/๒๕๐๙ ระหว่าง บริษัทธนาคารกรุงเทพฯ
พาณิชย์การ จากดั โดยนายจันทร์ ไชยพิทย์ ผู้รับมอบอานาจโจทก์ นางเลก็ คูสวุ รรณ ท่ี ๑ นายหลี
ทอ่ ง แซ่คู ท่ี ๒ นายเกาท้วิ แซ่อ้งั ท่ี ๓ นายเลียงฉาย แซ่ต้งั ท่ี ๔ น้ัน พิเคราะห์แล้วเหน็ ว่า เชค็ ฉบับ
ดังกล่าวแม้จะมีตราย่ีห้อร้านของจาเลยประทับกต็ าม แต่ปรากฏว่าจาเลยมิได้ลงช่ือเป็ นผู้ส่ังจ่าย
หากแต่นายเล่าฮะอู๋ หรือฮะอู๋ แซ่เล้า ลงช่ือเป็ นผู้ส่ังจ่าย จาเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามเชค็ ดังท่ีศาล
อุทธรณ์วินิจฉัย "

ดงั น้ัน จึงจาเป็นท่จี ะต้องศึกษาถงึ ลักษณะและ
วิธีการในการลงลายมือช่ือในแต่ละลักษณะ
เพ่ือเป็นพ้ืนฐานในการทาความเข้าใจเก่ยี วกับ
การผูกพันและความรับผิดของผู้ลงในมือช่ือ
ในตวั๋ เงิน

๓๔
ลกั ษณะของการลงลายมอื ชือ่ ในตว๋ั เงิน๒๒

บุคคลธรรมดา นติ ิบุคคล

ลงลายมือช่ือ มอบอานาจให้ผู้อ่นื ลงลายมอื ลงลายมือช่ือโดยผู้แทนนิตบิ ุคคล
ด้วยตนเอง (ดูประกอบ ม.๖๗ และ ม.๗๐)
ช่ือแทน (ม.๑๐๐๘)
ฎ.๖๙๖/๒๕๒๒

ต้องมเี จตนาลงลายมือช่ือลงลายมอื ช่ือ
จะลงเป็นภาษาไทยหรือต่างประเทศกไ็ ด้
ลงช่ือ ช่ือสกุล ช่ือจริง ช่ือเล่น หรือนามแฝงกไ็ ด้
ยกเว้นหลักกฎหมายตาม ป.พ.พ.มาตรา ๙๒๓ กล่าวคอื
ไม่สามารถลงลายพิมพ์น้ิมมอื หรือแกงไดแทนการลง
ลายมือช่ือได้ แต่กรณตี ราประทบั ยังมีความเหน็ ท่ี
แตกต่างกนั

๒๒ มาตรา ๙๐๐ “บุคคลผ้ลู งลายมอื ช่อื ของตนในตวั๋ เงินย่อมจะต้องรบั ผดิ ตามเน้อื ความในตวั๋ เงนิ น้นั

ถ้าลงเพียงแต่เคร่ืองหมายอย่างหน่งึ อย่างใด เช่น แกงไดหรือลายพิมพ์น้ิวมืออ้างเอาเป็นลายมอื ช่ือใน
ตวั๋ เงนิ น้นั ไซร้ แม้ถงึ ว่าจะมพี ยานลงช่อื รบั รองกต็ าม ท่านว่าหาให้ผลเป็นลงลายมอื ช่อื ในตวั๋ เงนิ น้นั ไม่”

๒๓ มาตรา ๙ “เม่ือมีกิจการอันใดซ่ึงกฎหมายบังคับให้ทาเป็ นหนังสือ บุคคลผู้จะต้องทาหนังสือไม่

จาเป็นต้องเขยี นเอง แต่หนงั สอื น้นั ต้องลงลายมอื ช่อื ของบคุ คลน้ัน

ลายพิมพ์น้ิวมอื แกงได ตราประทบั หรือเคร่ืองหมายอ่นื ทานองเช่นว่าน้ันท่ที าลงในเอกสารแทนการ

ลงลายมอื ช่อื หากมพี ยานลงลายมอื ช่อื รบั รองไว้ด้วยสองคนแล้วให้ถอื เสมอกบั ลงลายมอื ช่อื

ความในวรรคสองไม่ใช้บังคับแก่การลงลายพิมพ์น้ิวมือ แกงได ตราประทับ หรือเคร่ืองหมายอ่ืน
ทานองเช่นว่าน้นั ซ่งึ ทาลงในเอกสารท่ที าต่อหน้าพนกั งานเจ้าหน้าท่”ี

๓๕

การลงลายมือชื่อในฐานะตวั แทน๒๔

หากบุคคลคนใดลงลายมือช่ือของตนในตั๋วเงิน(ลงลายมือช่ือของตนเองแต่ทาแทน
บุคคลอ่ืน) จะต้องเขียนแถลงว่าเป็นการลงลายมือช่ือในลักษณะท่เี ป็นการกระทาการแทนบุคคล
อ่นื หากไม่เขยี นแถงไว้บุคคลคนน้ันย่อมเป็นผู้รับผิดตามความในตัว๋ เงินน้ัน(มาตรา ๙๐๑)

ตวั อย่าง คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๒๕๐/๒๕๔๑ เชค็ พิพาทเป็ นเชค็ ออกให้แก่ผู้ถือ ผู้
ทรงคนเดิม มีสิทธิโอนต่อให้บุคคลอ่ืนได้และย่อมโอนให้แก่กันได้โดยการส่งมอบ ตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๑๘ ประกอบมาตรา ๙๘๙ เม่ือโจทก์เป็นผู้รับโอนเชค็ พิพาท
โดยการส่งมอบ โจทก์ย่อมเป็นผู้ครอบครองเชค็ ในฐานเป็นผู้รับเงินโจทกเ์ ป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดย
ชอบตามมาตรา ๙๐๔ และมีอานาจฟ้ องจาเลยท่ี ๒ ผู้ส่งั จ่ายให้รับผิดใช้เงินตามเชค็ พิพาทได้ เชค็
พิพาทน้ันไม่ปรากฏข้อความในเชค็ ว่าจาเลยท่ี ๒ ได้เขียนระบุว่าได้กระทาการแทนจาเลยท่ี ๑ ซ่ึง
เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจากดั ท้งั จาเลยท่ี ๒ กไ็ ม่ได้เป็นกรรมการของจาเลยท่ี ๑ อีกด้วย แม้
จาเลยท่ี ๒ ประทบั ตราของจาเลยท่ี ๑ ในเชค็ พิพาท แต่จาเลยท่ี ๒ ไม่มีอานาจกระทาแทนจาเลยท่ี
๑ ได้กรณีจึงไม่ผูกพันจาเลยท่ี ๑ ซ่ึงเป็ นนิติบุคคล และถือไม่ได้ว่าจาเลยท่ี ๑ เป็ นผู้ส่ังจ่ายเช็ค
พิพาท ดังน้ัน เม่ือจาเลยท่ี ๒ เป็ นผู้ลงลายมือช่ือในเช็คพิพาทโดยมิได้เขียนแถลงว่ากระทาแทน
จาเลยท่ี ๑ จาเลยท่ี ๒ ย่อมต้องรับผิดตามเน้ือความในเชค็ พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณชิ ย์ มาตรา ๙๐๐วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๙๐๑

ลายมือชื่อของบุคคลซึ่งไม่อาจเป็ นคู่สญั ญาไดห้ รือเป็ นไดแ้ ต่ไม่เต็มผล

มาตรา ๙๐๒ “ถ้าตั๋วเงินลงลายมือช่ือของบุคคลหลายคน มีท้งั บุคคลซ่ึงไม่อาจจะเป็ น
คู่สัญญาแห่งตั๋วเงินน้ันได้เลย หรือเป็นได้แต่ไม่เตม็ ผลไซร้ท่านว่าการน้ีย่อมไม่กระทบกระท่งั ถึง
ความรับผดิ ของบุคคลอ่นื ๆ นอกน้ันซ่ึงคงต้องรับผิดตามตวั๋ เงนิ ”

บุคคลซึ่งไม่อาจเป็ นคู่สญั ญาได้ บุคคลซึ่งเป็ นคู่สญั ญาไดแ้ ต่ไม่เต็มผล
กรณผี ู้แทนนิตบิ ุคคลลงลายมือช่ืออนั เป็นการ
กรณผี ู้แทนนิติบุคคลลงลายมอื กระทาเกนิ ขอบอานาจ (ข้อบังคับ) ของผู้แทน
ช่ืออนั เป็นการกระทานอกขอบ นิติบุคคลน้ัน
วัตถุประสงคข์ องนิตบิ ุคคลน้ัน กรณผี ู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ เป็นต้น

๒๔ มาตรา ๙๐๑ “ถ้าบุคคลคนใดลงลายมือช่ือของตนในตวั๋ เงนิ และมไิ ด้เขยี นแถลงว่ากระทาการแทน
บคุ คลอกี คนหน่งึ ไซร้ ท่านว่าบุคคลคนน้นั ย่อมเป็นผ้รู ับผดิ ตามความในตวั๋ เงินน้นั ”

๓๖

ขอ้ สงั เกต
: บุคคลซ่ึงไม่อาจจะเป็นคู่สญั ญาแห่งตวั๋ เงนิ น้ันได้เลย หรือเป็นได้แต่ไม่เตม็ ผลสามารถ
ยกข้อต่อส้ผู ู้ทรงโดยชอบได้ทาให้อาจไม่ต้องรับผิดตามตวั๋ เงินได้
คาพิพากษาฎีกาท่ี ๔๙๙๑/๒๕๓๖ เม่ือได้ความว่าจาเลยออกเชค็ พิพาทให้โจทก์โดยมีมูล
หน้ีระหว่างกันจึงหาต้องคานึงถึงการรับโอนของผู้ทรงคนต่อมาว่าสุจริตหรือไม่ เพราะจาเลยไม่
สามารถยกข้อต่อส้วู ่าเชค็ ไม่มมี ูลหน้ีข้ึนต่อส้ผู ู้ทรงคนกอ่ นได้อยู่แล้ว เชค็ พิพาทเป็นเชค็ ส่วนตัวของ
จาเลยท่ี ๒ และจาเลยท่ี ๒ ซ่ึงเป็ นกรรมการบริษัท จาเลยท่ี ๑ เป็ นผู้ลงลายมือช่ือส่ังจ่ายและ
ประทบั ดวงตราสาคัญแบบใหม่ของจาเลยท่ี ๑ ซ่ึงยังมิได้จดทะเบียนการใช้ จึงไม่ผูกพันจาเลยท่ี ๑
ถอื ไม่ได้ว่าจาเลยท่ี ๑ เป็นผู้ลงลายมือช่ือส่งั จ่าย แต่การท่เี ชค็ พิพาทลงลายมอื ช่ือบุคคลหลายคน มี
ท้ังบุคคลซ่ึงไม่อาจเป็ นคู่สัญญ าแห่งตั๋วเงินน้ันได้ เลย หรือเป็ นได้ แต่ไม่เต็มผลย่อมไม่
กระทบกระท่ังถึงความรับผิดของบุคคลอ่ืน ๆ นอกน้ันซ่ึงคงต้องรับผิดตามตั๋วเงินตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๙๐๒ ดงั น้ันจาเลยท่ี ๒ จึงยงั คงต้องรับผดิ ตามเชค็

ตวั อย่างคาถาม
นายบัณฑิตไม่เคยมีเงินฝากอยู่ในธนาคารแห่งใดเลย แต่นายบัณฑิตเป็ นลูกหน้ีนายภักดีอยู่
๑๐,๐๐๐ บาท เม่ือถูกนายภักดีทวงถามบ่อย ๆ เข้า นายบัณฑิตจึงขอเช็คของนายจารัสซ่ึงเป็ น
เพ่ือนกนั และมีบัญชีฝากเงินอยู่ในธนาคารสยามพาณิชยจ์ ากดั มาเขียนส่งั จ่ายเชค็ ให้แก่นายภักดี
ตามยอดท่ีเป็ นหน้ีน้ันแล้วลงช่ือนายบัณฑิต เป็ นผู้ส่ังจ่าย นายภักดีนาเช็คดังกล่าวไปข้ึนเงินท่ี
ธนาคาร แต่ธนาคารปฏเิ สธการส่งั จ่ายโดยอ้างเหตุผลในใบคืนเชค็ ว่า "ลายเซน็ ผู้ส่งั จ่ายไม่ถูกต้อง"
เม่ือนายภักดีนาเชค็ ไปข้ึนเงินไม่ได้เช่นน้ี นายภักดีจะฟ้ องผู้ใดให้รับผิดตามเชค็ ฉบับดังกล่าวได้
หรือไม่ (ข้อสอบเนติบัณฑติ ยสภา สมยั ท่ี ๒๓ ปี การศึกษา ๒๕๑๓)

แนวคาตอบ นายภักดีต้องฟ้ องนายบัณฑิต ให้รับผิดแต่เพียงผู้เดียว แม้นายบัณฑิตจะไม่มีเงิน
ฝากอยู่ในธนาคารใด ๆ และเชค็ รายพิพาทส่งั จ่ายโดยใช้แบบพิมพ์เชค็ ตามบัญชีเงินฝากของนาย
จารัสกต็ าม แต่กท็ าเป็นหนังสือตราสารซ่ึงมีรายการครบถ้วนบริบูรณ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐,
๙๘๗, ๙๘๘ เม่อื นายภกั ดีซ่ึงเป็นผู้ทรงนาเชค็ ไปข้นึ เงินไม่ได้ นายบัณฑติ ซ่ึงเป็นผู้ส่งั จ่ายย่อมต้อง
รับผิดตามเชค็ น้ันต่อนายภักดี ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐, ๙๔๑ และ ๙๖๗ (คาพิพากษาฎีกาท่ี
๑๘๕๔/๒๕๑๑)

- ๓๗ -

ขอ้ สงั เกต
บุคคลที่ลงลายมือชื่อในตวั๋ แมจ้ ะรบั ผิดในฐานะทีแ่ ตกต่างกนั แต่จะตอ้ งร่วมกนั รบั ผิด
ต่อผทู้ รงตาม ป.พ.พ. ม.๙๖๗ วรรคแรก ๒๕
เม่ือพิจารณาถึงบุคคลผู้เข้ามาผูกพันในตั๋วเงินจะเหน็ ได้ว่าในตั๋วเงินน้ันอาจมีบุคคลท่เี ข้า

มาผูกพันในฐานะของลูกหน้ีตามตั๋วได้ในหลายลักษณะและรับผิดในลักษณะท่แี ตกต่างกนั ออกไป
และถึงแม้ว่าลูกหน้ีตามตั๋วเงินในฐานะต่าง ๆ น้ันจะรับผิดแตกต่างกันออกไปแต่อย่างไรกต็ าม
ลูกหน้ีตามตวั๋ เหล่าน้ันกต็ ้องร่วมกนั รับผดิ ต่อเจ้าหน้ีตามตัว๋ เงิน ดังท่บี ัญญัตไิ ว้ในมาตรา ๙๖๗ “….
บรรดาบุคคลผู้ส่ังจ่ายกด็ ีรับรองกด็ ี สลักหลังกด็ ี หรือรับประกนั ด้วยอาวัลกด็ ี ย่อมต้องร่วมกนั รับ
ผิดต่อผู้ทรง” โดยผู้ทรงมสี ทิ ธเิ รียกให้ลูกหน้ีตามาตัว๋ คนใดคนหน่ึง หรือร่วมกนั กไ็ ด้ เป็นต้น

แต่การรับผิดดังกล่าวกม็ ิใช่รับผิดอย่างลูกหน้ีร่วมท่วั ไป เพราะการรับผิดของลูกหน้ีตาม
ตั๋วน้ันมิได้รับผิดตามส่วนท่ีเท่า ๆ กัน เพราะเม่ือลูกหน้ีตามตั๋วได้ใช้เงินตามตั๋วแล้วกส็ ามารถไล่
เบ้ียได้เตม็ ตามจานวนมิใช้ตามสว่ นเหมอื นกบั ลูกหน้ีร่วม

การลงลายมือชือ่ ในตว๋ั โดยไม่มฐี านะใดฐานะหนงึ่
คาพิพากษาฎีกาท่ี ๓๗๘๘/๒๕๒๔ ๒๖ การท่จี าเลยลงลายมือช่ือไว้ด้านหลังของเชค็ โดยไม่
ปรากฏถ้ อยคาสานวนว่าใช้ ได้ เป็ นอาวัลหรือสานวนอ่ืนใดทานองเดียวกันไม่เป็ นการลงลายมือช่ือ
เป็นผู้รับอาวัลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๙๓๙ วรรค ๑ และ ๒ ประกอบด้วย
มาตรา ๙๘๙ จาเลยลงลายมือช่ือด้านหลังของเชค็ แม้เชค็ ดังกล่าวระบุช่ือโจทก์ เป็นผู้รับเงินขีดฆ่า
คาว่าหรือผู้ถือ และท่มี ุมซ้ายบนด้านหน้ามีข้อความ ว่าเข้าบัญชีผู้รับเงินเท่าน้ัน ห้ามเปล่ียนมือก็

๒๕ มาตรา ๙๖๗ “ในเร่ืองตั๋วแลกเงินน้ัน บรรดาบุคคลผู้ส่ังจ่ายกด็ ีรับรองกด็ ี สลักหลังกด็ ี หรือ
รบั ประกนั ด้วยอาวลั กด็ ี ย่อมต้องร่วมกนั รับผดิ ต่อผ้ทู รง

ผู้ทรงย่อมมีสิทธิว่ากล่าวเอาความแก่บรรดาบุคคลเหล่าน้ีเรียงตัว หรือรวมกันกไ็ ด้ โดยมิพักต้อง
ดาเนินตามลาดบั ท่คี นเหล่าน้นั มาต้องผูกพัน

สทิ ธเิ ช่นเดยี วกนั น้ี ย่อมมแี ก่บุคคลทุกคนซ่ึงได้ลงลายมอื ช่ือในตวั๋ เงนิ และเข้าถือเอาตวั๋ เงินน้ัน ในการ
ท่จี ะใช้บงั คบั เอาแก่ผู้ท่มี คี วามผกู พันอยู่แล้วก่อนตน

การว่ากล่าวเอาความแกค่ ่สู ญั ญาคนหน่ึง ซ่ึงต้องรับผดิ ย่อมไม่ตดั หนทางท่จี ะว่ากล่าวเอาความแก่
คู่สญั ญาคนอ่นื ๆ แม้ท้งั จะเป็นฝ่ ายอยู่ในลาดบั ภายหลังบคุ คลท่ไี ด้ว่ากล่าวเอาความมากอ่ น”

๒๖ คาพิพากษาฎีกาท่ี ๔๘๗๒/๒๕๓๓ การท่ีจาเลยท่ี ๒ ลงลายมือช่ือไว้ด้านหลังเชค็ ท่ีส่งั จ่ายระบุช่ือ
โจทกข์ ีดฆ่าคาว่าหรือผู้ถอื ออก และมมุ ซ้ายบนของด้านหน้ามขี ้อความว่าเข้าบญั ชีผู้รับเงนิ เท่าน้ันห้ามเปล่ียนมอื
และในเชค็ ไม่ปรากฏว่ามถี ้อยคาสานวนว่าใช้ได้เป็นอาวัล หรอื สานวนอ่นื ใดทานองเดียวกนั จาเลยท่ี ๒ จงึ มใิ ช่ผู้
ลงลายมือช่ือเป็ นผู้รับอาวัลแต่การท่จี าเลยท่ี ๒ ลงลายมือช่ือด้านหลังเชค็ ท่จี าเลยท่ี ๑ เป็ นผู้ส่งั จ่ายโดยระบุช่ือ
โจทกเ์ ป็ นผู้รับเงินและจาเลยท้ังสองนาเชค็ ไปมอบให้โจทก์ถือได้ว่าจาเลยท่ี ๒ ลงลายมือช่ือด้านหลังเชค็ ด้วย
ความสมัครใจท่จี ะผูกพันต่อโจทกซ์ ่ึงเป็นผู้ทรง ในอนั ท่จี ะรับผดิ ตามข้อความในเชค็ อย่างเดียวกบั จาเลยท่ี ๑ ผู้
สง่ั จ่ายด้วยการลงลายมอื ช่อื ของตนในเชค็ ตามมาตรา ๙๐๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ เม่อื ธนาคาร
ปฏเิ สธการจ่ายเงินจาเลยท่ี ๒ ต้องรบั ผดิ ต่อโจทกช์ าระเงินตามเชค็ พิพาทพร้อมดอกเบ้ยี

๓๘

ตามแต่ด้วยความสมัครใจ ของจาเลยยอมผูกพันตนต่อโจทก์ซ่ึงเป็ นผู้ทรงในอันท่ีจะรับผิดเป็ น
อย่างเดียวกับผู้ส่งั จ่าย ด้วยการลงลายมือช่ือของตนในตั๋วเงิน ยอมรับผิดตามเน้ือความในตั๋วเงิน
ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๙๐๐ ดงั น้ัน เม่ือธนาคาร ปฏเิ สธการจ่ายเงินตามเชค็ ดงั กล่าว จาเลยย่อมต้อง
รับผดิ ชาระเงนิ ตามเชค็ ให้แก่โจทก์ (ประชุมใหญ่ คร้ังท่๑ี ๒/๒๕๒๔)

๑.๙ ผูท้ รงตว๋ั เงิน

ผู้ทรงตวั๋ คอื บุคคลท่มี ีสทิ ธติ ามตวั๋ ในอนั ท่จี ะเรียกร้องให้มกี ารใช้เงนิ ตามตวั๋ หรือใช้สทิ ธิ
ไล่เบ้ียกรณที ่ไี ม่มกี ารใช้เงนิ ตามตัว๋ ดงั น้ัน สทิ ธขิ องการเป็นผู้ทรงจึงอยู่ในฐานะของเจ้าหน้ีตามตวั๋
เงิน และการจะพิจารณาว่าเป็นผู้ทรงตวั๋ เงินหรือไม่น้ันจะต้องพิจารณาใน ๒ ลักษณะดงั น้ี

ลกั ษณะสาคญั ของผูท้ รงตว๋ั เงิน(ม.๙๐๔๒๗ ม.๙๐๕)

๑. มีตวั๋ เงนิ ไวใ้ นครอบครอง ๒. ครอบครองตวั๋ เงินไวใ้ นฐานะใดฐานะหนงึ่

๒.๑ ในฐานะเป็นผู้รับเงิน หรือ ต๋วั ระบุ
๒.๒ ในฐานะเป็นผู้รับสลักหลัง หรือ ชื่อ
๒.๓ ในฐานะเป็นผู้ถือ

๒๗ ม.๙๐๔ “อนั ผู้ทรงน้ัน หมายความว่า บุคคลผู้มีตั๋วเงินไว้ในครอบครองโดยฐานเป็ นผู้รับเงินหรือ
เป็นผ้รู บั สลักหลัง ถ้าและเป็นตวั๋ เงนิ สง่ั จ่ายให้แก่ผ้ถู อื ๆ กน็ ับว่าเป็นผ้ทู รงเหมอื นกนั ”

๓๙

ตวั อย่างแนวการวินจิ ฉยั ของศาลเกยี่ วกบั การเป็ นผทู้ รงตวั๋
กรณเี ป็ นผทู้ รง
คาพิพากษาฎีกาท่ี ๖๗๑/๒๕๑๖ เช็คพิพาทเป็ นเช็คส่ังจ่ายให้แก่ผู้ถือ ช. เป็ นผู้นาเช็ค

พิพาทไปเข้าบัญชีของ ช. ขอให้ธนาคารเรียกเกบ็ เงินจากจาเลยซ่ึงเป็นผู้ส่งั จ่าย ช. จึงเป็นผู้ทรงเชค็
ในฐานะเป็ นผู้มีเช็คไว้ในครอบครองโดยฐานเป็ นผู้รับเงิน และเป็ นผู้ถือเช็คฉบับน้ีด้วยตาม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ยม์ าตรา ๙๐๔

คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๒๗๙๙/๒๕๔๓ เชค็ พิพาทเป็นเชค็ ส่งั จ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์เป็นผู้
ถือเช็คพิพาทไว้ใน ครอบครอง โจทก์จึงเป็ นผู้ทรงเชค็ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๙๐๔ เม่ือธนาคารปฏเิ สธการจ่ายเงินตามเชค็ พิพาท จาเลยผู้ลงลายมือช่ือในเชค็ จะต้องรับ
ผดิ ตามเน้ือความในเชค็ ตามมาตรา ๙๐๐ เชค็ พิพาทเป็นเชค็ ส่งั จ่ายให้แก่ผู้ถือย่อมโอนกนั ได้เพียง
ส่งมอบเชค็ ให้แก่กนั ผู้ถือเชค็ ไว้ในครอบครองกเ็ ป็นผู้ทรงเชค็ โดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๔ แล้ว และแม้โจทก์จะบรรยายฟ้ องว่ารับเชค็ พิพาทมาจาก
จาเลย แต่โจทก์นาสืบว่ารับ เชค็ พิพาทมาจาก อ. กไ็ ม่ทาให้คดีของโจทก์รับฟังไม่ได้ เพราะแม้
โจทก์ไม่บรรยายฟ้ องว่าโจทก์รับเช็คพิพาทมาอย่างไร กไ็ ม่ทาให้สิทธิ ของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเชค็
โดยชอบเสยี ไป โจทก์รับเชค็ พิพาทมาโดยมิได้ให้ อ. ผู้โอนสลักหลังกเ็ น่ืองจากเชค็ พิพาทเป็นเชค็
อันส่งั ให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ซ่ึงย่อมโอนไปเพียงส่งมอบให้แก่กนั การท่ี อ. จะไม่ได้ลงช่ือสลักหลังเชค็
พิพาทหรือไม่ได้เข้า เบิกความเป็ นพยานโจทก์ โดยจาเลยไม่ได้นาสืบถึงเหตุแห่งความไม่สุจริต
ของโจทกด์ ังกล่าวน้ัน ยังไม่พอฟังว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเชค็ พิพาทโดยไม่สจุ ริต โจทก์เป็นผู้ทรงเชค็ ส่งั
จ่ายแก่ผู้ถือซ่ึงสามารถโอนกนั ได้เพียงส่งมอบเชค็ พิพาทเท่าน้ัน เม่ือไม่ปรากฏว่ามีประเดน็ ข้อต่อสู้
ของจาเลยว่าการโอน เชค็ พิพาทดังกล่าวมีข้ึนด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ดังน้ันหน้ีระหว่างจาเลยกับ อ.
จะเป็ นหน้ ีอะไรย่อมไม่เป็ นสาระในการวินิจฉัย

คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๓๔๙/๒๕๔๓ จาเลยส่งั จ่ายเชค็ พิพาทซ่ึงเป็นเชค็ ผู้ถอื เพ่ือชาระหน้ี
แก่โจทก์โดยจาเลยฝากเชค็ ไว้กับ ป. เพ่ือมอบให้แก่โจทก์ เม่ือโจทก์ได้รับมอบเชค็ จาก ป. แล้ว
โจทก์จึงเป็นบุคคลท่มี ีเชค็ ไว้ในครอบครองโดยฐานเป็ นผู้รับเงินย่อมเป็ นผู้ถือเชค็ โจทก์จึงเป็นผู้
ทรงโดยชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๔ ประกอบมาตรา ๙๘๘(๔) แม้
โจทกจ์ ะมอบให้ผู้อ่นื นาเชค็ ไปเรียกเกบ็ เงินแทน และถูกธนาคารปฏเิ สธการจ่ายเงิน กเ็ ป็นเพียงนา
เชค็ ไปเรียกเกบ็ เงินแทนโจทก์เท่าน้ันเม่ือไม่ปรากฏว่า โจทก์ได้มอบหรือโอนสิทธิอันเกิดแต่เชค็
พิพาทให้แก่ผู้อ่นื น้ันแล้ว โจทกก์ ย็ ังคงเป็นผู้ทรงเชค็ พิพาทอยู่ ในขณะท่ธี นาคารปฏเิ สธการจ่ายเงิน
โจทกจ์ ึงเป็นผู้เสยี หายมีอานาจฟ้ องคดไี ด้

๔๐

กรณีไม่ใช่ผทู้ รงเพราะสละการครอบครองตว๋ั เงนิ แลว้
คาพิพากษาฎกี าท่ี ๙๓๙/๒๕๑๙ โจทกร์ ับเชค็ พิพาทตามฟ้ องจากจาเลยท่ี ๒ เชค็ ดังกล่าวมี
จาเลยท่ี ๑ เป็นผู้ส่งั จ่าย และจาเลยท่ี ๒ เป็นผู้สลักหลัง เม่ือเชค็ ถึงกาหนด โจทกน์ าเชค็ ไปเข้าบัญชี
ธนาคารเพ่ือเรียกเกบ็ เงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงได้คืนเชค็ พร้อมใบคืนเช็คให้
จาเลยท่ี ๒ และรับเช็คท่ีจาเลยท่ี ๒ ออกให้ ใหม่แทนเช็คพิพาท ดังน้ี ถือว่าโจทก์สละการ
ครอบครองเชค็ พิพาทรวมท้งั สทิ ธเิ รียกร้องตามเชค็ น้ันแล้ว โจทก์จึงไม่เป็นผู้ทรงเชค็ ตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๙๐๔ ไม่มีอานาจฟ้ องเรียกเงินตามเชค็ ดงั กล่าว

๑.๑๐ การคมุ้ ครองผูท้ รงโดยชอบ

การเป็นผู้ทรงตั๋วเงินตาม ป.พ.พ.มาตรา ๙๐๔ คือ การมีตั๋วไว้ในครอบครองในฐานะใด
ฐานะหน่ึง ดังท่กี ล่าวมาข้างต้นถือเป็นผู้ท่ีมีสทิ ธิตามตั๋วเงินแล้วแต่อย่างไรกต็ ามการเป็นผู้ทรงตั๋ว
เงินนอกจากจะพิจารณาจาก ป.พ.พ.มาตรา ๙๐๔ จะต้องพิจารณาประกอบ ป.พ.พ.มาตรา ๙๐๕
ด้วย เพราะหากเป็นผู้ทรงท่ไี ด้ตั๋วเงินไว้ในครอบครอง และได้รับตั๋วมาด้วยการโอนท่ีถูกกต้องไม่
ขาดสาย กรณีเช่นน้ี ถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ซ่ึงจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
ในฐานะของผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายใน ๒ ประการ กล่าวคอื

๑. ไม่จาตอ้ งคืนตวั๋ ใหก้ บั เจา้ ของทีแ่ ทจ้ ริง (มาตรา ๙๐๕)๒๘

ตัวอย่างเช่น นาย ก. ส่ังจ่ายเชค็ ชาระหน้ีให้แก่นาย ข. โดยออกเป็นเชค็ ผู้ถือ นาย
ข.ทาดังกล่าวตกหาย นาย ค. เกบ็ เช็คได้และทาทีว่าเป็ นเชค็ ของตนเองและส่งมอบเชค็ ชาระหน้ี
ให้แก่นาย ง. โดยนาย ง.สุจริตเข้าใจว่านาย ค. เป็นเจ้าของเชค็ กรณีเช่นน้ี ถือได้ว่า นาย ง. เป็นผู้
ทรงท่สี ุจริตซ่ึงจะได้รับการคุ้มครอง หากนาย ข. เจ้าของเชค็ มาทวงเชค็ คืน นาย ง. ไม่จาต้องคืน
เชค็ ให้ท้งั น้ีเป็นไปตามมาตรา ๙๐๕

๒๘ มาตรา ๙๐๕ ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา ๑๐๐๘ บุคคลผู้ได้ตั๋วเงินไว้ในครอบครอง ถ้า
แสดงให้ปรากฏสทิ ธดิ ้วยการสลักหลังไม่ขาดสายแม้ถงึ ว่าการสลักหลังรายท่สี ดุ จะเป็นสลักหลังลอยกต็ าม ท่าน
ให้ถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย เม่อื ใดรายการสลักหลังลอยมสี ลักหลังรายอ่นื ตามหลังไปอกี ท่านให้
ถอื ว่าบุคคลผู้ท่ลี งลายมือช่อื ในการสลักหลงั รายท่สี ดุ น้ัน เป็นผ้ไู ด้ไปซ่ึงตวั๋ เงินด้วยการสลกั หลงั ลอย อน่งึ คาสลัก
หลงั เม่อื ขดี ฆ่าเสยี แล้วท่านให้ถอื เสมอื นว่ามไิ ด้มเี ลย

ถ้าบุคคลผู้หน่ึงผู้ใดต้องปราศจากตัว๋ เงินไปจากครอบครอง ท่านว่าผู้ทรงซ่ึงแสดงให้ปรากฏสทิ ธขิ อง
ตนในตวั๋ ตามวิธกี ารดงั กล่าวมาในวรรคก่อนน้ันหาจาต้องสละตวั๋ เงินไม่ เว้นแต่จะได้มาโดยทจุ รติ หรอื ได้มาด้วย
ความประมาทเลนิ เล่ออย่างร้ายแรง

อน่งึ ข้อความในวรรคกอ่ นน้ี ให้ใช้บงั คบั ตลอดถงึ ผ้ทู รงตวั๋ เงินสง่ั จ่ายให้แก่ผ้ถู อื ด้วย

๔๑

๒. ผถู้ ูกฟ้ องในมูลตว๋ั เงนิ ไม่อาจจะยกขอ้ ต่อสูอ้ นั อาศยั ความเกยี่ วพนั ระหว่างตนกบั
ผสู้ งั่ จ่ายหรือกบั ผทู้ รงคนก่อนๆ ข้ ึนต่อสูผ้ ทู้ รง เวน้ แต่การโอนน้นั จะมขี ้ ึนดว้ ยคบคิดกนั ฉอ้ ฉล๒๙

ตัวอย่างเช่น นาย ก. ซ้ือยาเสพติดจากนาย ข. นาย ก. จึงส่ังจ่ายเช็คชาระค่ายา
เสพติดให้แก่นาย ข. ต่อมานาย ข.สลักหลังโอนเชค็ ดังกล่าวชาระค่าท่ดี ินให้แก่นาย ค. โดยนาย ค.
สจุ ริตไม่ทราบถึงการซ้ือขายยาเสพติดระหว่างนาย ก. กับ นาย ข. แต่เม่ือนาย ค. นาเชค็ ไปเรียก
เกบ็ เงินถูกธนาคารปฏเิ สธการจ่ายเงิน กรณีเช่นน้ี หากนาย ค. ฟ้ องร้องให้นาย ก. และนาย ข. รับ
ผดิ ใช้เงนิ ตามเชค็ นาย ก. และนาย ข. ไม่อาจยกข้อต่อส้วู ่าเชค็ ฉบับดงั กล่าวออกมาเพ่ือชาระหน้ีค่า
ยาเสพติดมาเป็นข้อต่อส้นู าย ค. ซ่ึงเป็นผู้ทรงท่สี จุ ริตได้ท้งั น้ีเป็นไปตามมาตรา ๙๑๖

จ.

ก. ข. ค.

ซอ้ื ขายยาเสพตดิ ซอ้ื ขายทด่ี นิ

เวน้ แต่ การโอนน้นั จะมขี ้ ึนดว้ ยคบคิดกนั ฉอ้ ฉล
กรณีท่ีลูกหน้ีตามตั๋วจะยกข้อต่อสู้ท่ีอาศัยความเก่ียวพันระหว่างตนกับผู้ส่ังจ่ายหรือกบั ผู้

ทรงคนก่อน ๆ ข้ึนเป็นข้อต่อสู้ผู้ทรงตั๋วเงินคนปัจจุบันน้ันโดยปกติจะไม่สามารถทาได้ ยกเว้นจะ
ปรากฏว่าการโอนตัว๋ มายงั ผู้ทรงคนปัจจุบันน้ันจะมีข้นึ ด้วยคบคิดกนั ฉ้อฉล

การคบคิดกนั ฉอ้ ฉล คือ การทีผ่ ูท้ รงรบั โอนตว๋ั โดยไม่สุจริต เพราะรูถ้ ึงขอ้ ต่อสูท้ ี่ลูกหน้ ี
มีต่อผทู้ ีโ่ อนตวั๋ ใหต้ นในขณะทีร่ บั โอนตวั๋ ดงั กล่าวมา

ตวั อย่าง นาย ก. ซ้ือยาเสพติดจากนาย ข. นาย ก. จึงส่ังจ่ายเชค็ ชาระค่ายาเสพติดให้แก่
นาย ข. ต่อมานาย ข.สลักหลังโอนเชค็ ดังกล่าวชาระค่าท่ีดินให้แก่นาย ค. โดยนาย ค.ทราบดีถึง
การซ้ือขายยาเสพติดระหว่างนาย ก. กบั นาย ข. แต่เม่อื นาย ค. นาเชค็ ไปเรียกเกบ็ เงนิ ถูกธนาคาร
ปฏิเสธการจ่ายเงิน กรณีเช่นน้ี หากนาย ค. ฟ้ องร้องให้นาย ก. และนาย ข. รับผิดใช้เงินตามเชค็
นาย ก. และนาย ข.สามารถยกข้อต่อส้วู ่าได้ว่าเชค็ ฉบับดงั กล่าวออกมาเพ่ือชาระหน้ีค่ายาเสพติดมา
เป็นข้อต่อส้นู าย ค. ซ่ึงเป็นผู้ทรงท่ไี ม่สจุ ริตได้ท้งั น้ีเป็นไปตามมาตรา ๙๑๖

๒๙ มาตรา ๙๑๖ บุคคลท้งั หลายผู้ถูกฟ้ องในมูลตวั๋ แลกเงินหาอาจจะต่อส้ผู ู้ทรงด้วยข้อต่อส้อู นั อาศัย
ความเก่ยี วพันกนั เฉพาะบุคคลระหว่างตนกบั ผู้ส่งั จ่ายหรือกบั ผู้ทรงคนก่อน ๆ น้ันได้ไม่ เว้นแต่การโอนจะได้มี
ข้นึ ด้วยคบคดิ กนั ฉ้อฉล

๔๒

ขอ้ พจิ ารณา
กรณีท่มี ิใช่การยกขอ้ ต่อสูท้ ี่อาศยั ความเกีย่ วพนั ระหว่างตนกับผู้ส่งั จ่ายหรือกบั ผู้ทรงคน
กอ่ น ๆ แต่เป็ นการยกขอ้ ต่อสูว้ ่ามคี วามบกพร่องในสิทธิของผทู้ รง เช่นน้ีไม่ต้องห้ามตามมาตรา
๙๑๖ จึงยกข้ึนเป็นข้อต่อส้ผู ู้ทรงได้
ตัวอย่างเช่น นาย ก. ซ้ือยาเสพติดจากนาย ข. นาย ก. จึงส่ังจ่ายเชค็ ชาระค่ายาเสพติด
ให้แก่นาย ข. ต่อมานาย ข.ตกลงซ้ือท่ดี ินด้วยวาจาจากนาย ค. และสลักหลังโอนเชค็ ดังกล่าวชาระ
ค่าท่ดี ินให้แก่นาย ค. โดยนาย ค. สุจริตไม่ทราบถึงการซ้ือขายยาเสพติดระหว่างนาย ก. กับ นาย
ข. แต่เม่ือนาย ค. นาเช็คไปเรียกเกบ็ เงินถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน กรณีเช่นน้ี หากนาย ค.
ฟ้ องร้องให้นาย ก. และนาย ข. รับผิดใช้เงินตามเชค็ นาย ก. และนาย ข.ไม่สามารถยกข้อต่อส้วู ่า
ได้ว่าเชค็ ฉบับดงั กล่าวออกมาเพ่ือชาระหน้ีค่ายาเสพติดมาเป็นข้อต่อส้นู าย ค. ซ่ึงเป็นผู้ทรงท่สี ุจริต
ได้ท้งั น้ีเป็นไปตามมาตรา ๙๑๖ แต่ ข. ยกขอ้ ต่อสูไ้ ดว้ ่า ค. รบั โอนเช็คมาจาการซ้ ือขายที่ดินที่
ตกเป็ นโมฆะเพราะไม่ไดท้ าตามแบบเป็ นขอ้ ต่อสูน้ าย ค. ได้

หรือ ยกขอ้ ต่อสูท้ ีล่ ูกหน้ มี ีอยู่ตามกฎหมายต่อสูผ้ ทู้ รง
ตัวอย่างเช่น เดก็ ชาย ก. ซ้ือรถยนต์จากนาย ข. โดยไม้ได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดย
ชอบธรรม และเดก็ ชาย ก.ได้ส่งั จ่ายตั๋วแลกเงินระบุให้บิดาของตนเป็นผู้จ่ายเงินชาระหน้ีดังกล่าว
ให้แก่นาย ข. ต่อมานาย ข. ซ้ือแหวนเพชรจากนาย ค. และสลักหลังโอนตั๋วแลกเงินดังกล่าวชาระ
หน้ีให้แก่นาย ค. โดยนาย ค. สุจริตไม่ทราบถึงท่มี าของตั๋วแลกเงินดังกล่าวแต่อย่างใด และเม่ือ
นาย ค. นาตัว๋ ไปเรียกเกบ็ เงินถูกผู้จ่ายปฏเิ สธการจ่ายเงินและบอกล้างนิติกรรมการซ้ือขายรถยนต์
และการออกตั๋วแลกเงินดังกล่าว กรณีเช่นน้ี หากนาย ค. ฟ้ องร้องให้เดก็ ชาย ก. รับผิดใช้ เงินตาม
ตัว๋ แลกเงิน เดก็ ชาย ก. สามารถยกข้อต่อส้นู าย ค. ได้เพราะกรณีดังกล่าวไม่ใช่การยกข้อต่อสู้อัน
อาศัยความเก่ยี วพันระหว่างตน(เดก็ ชาย ก.)กบั ผู้ส่งั จ่ายหรือกบั ผู้ทรงคนก่อน ๆ ตามมาตรา ๙๑๖
แต่เป็นการยกข้อต่อส้เู ร่ืองความสามารถของผู้เยาว์ซ่ึงเป็นการคุ้มครองโดยกฎหมายข้นึ ต่อส้ไู ด้

จ.

เดก็ ชาย ก. ข. ค.

ซอ้ื ขายรถยนต์ โดยไมไ่ ดร้ บั ความยนิ ยอม ซอ้ื แหวนเพชร
จากผแู้ ทนโดยชอบธรรม

๔๓

ตวั อย่างคาถาม

นายคมกริชนานาฬิกาย่ีห้อโรเลก็ ซ์มาขายให้นายภักดี ในราคา ๓๐๐,๐๐๐ บาท นาย
ภกั ดีตกลงซ้ือแล้วออกเชค็ ชาระราคานาฬิกาให้แก่นายคมกริช ระบุช่ือนายคมกริชเป็นผู้รับเงิน
และขีดฆ่าคาว่า ผู้ถือออก วันรุ่งข้ึนนายภักดีนานาฬิกาไปให้คนขายนาฬิกาดูจึงทราบว่าเป็ น
นาฬิกาโรเลก็ ซ์ปลอม นายภักดีจึงบอกล้างการซ้ือขายไปยังนายคมกริช และส่งั ห้ามธนาคาร
จ่ายเงินตามเชค็ แต่ปรากฏว่านายคมกริชได้สลักหลังโอนเชค็ ให้นายพิทักษ์เพ่ือชาระค่าซ้ือ
ยาบ้าไปก่อนแล้ว โดยท่ีนายพิทักษ์ไม่ทราบว่านายคมกริชได้รับเช็คมาจากการหลอกขาย
นาฬิกาโรเลก็ ซ์ปลอม เม่ือนายพิทกั ษ์นาเชค็ ไปเรียกเกบ็ เงินจากธนาคาร ธนาคารปฏเิ สธการ
จ่ายเงินนายพิทกั ษ์จึงเรียกให้นายภกั ดีผู้ส่งั จ่ายใช้เงนิ ตามเชค็

ดังน้ี ให้วินิจฉัยว่านายภักดีจะยกข้อท่ีนายคมกริชหลอกขายนาฬิกาโรเล็กซ์ปลอม
ให้แก่ตนกรณีหน่ึง และข้อท่นี ายพิทกั ษ์รับเชค็ จากนายคมกริชซ่ึงได้มาจากการชาระค่าซ้ือยาบ้า
อกี กรณีหน่ึง เป็นข้อต่อส้เู พ่ือไม่ใช้เงนิ ตามเชค็ ได้หรือไม่
(ข้อสอบเนตบิ ัญฑติ สมัยท่ี ๔๐ ปี การศึกษา ๒๕๔๐)

แนวคาตอบ กรณีแรก แม้นาฬิกาย่หี ้อโรเลก็ ซ์ท่นี ายคมกริชขายให้นายภักดีเป็นนาฬิกาโรเลก็ ซ์
ปลอม และนายภักดีได้บอกล้างแล้วกต็ าม แต่ข้อต่อสู้ท่ีว่านายคมกริชหลอกขายนาฬิกาหลอมให้
นายภักดีเป็ นข้อต่อสู้อันอาศัยความเก่ียวพันกันเฉพาะบุคคล ระหว่างนายภักดีกับนายคมกริชผู้
ทรงคนก่อน เม่ือไม่ปรากฏว่าการโอนเชค็ ได้มีข้ึนด้วยคบคิดกันฉ้อฉลนายภักดีย่อมไม่อาจยกเป็น
ข้อต่อส้ทู ่วี ่านายพิทกั ษ์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๑๖ ดังน้ัน นายภักดีจะ
ยกข้อต่อสู้ท่วี ่านายคมกริชหลอกขายนาฬิกาโรเลก็ ซ์ปลอมให้แก่ตน เป็นข้อต่อส้เู พ่ือไม่ใช้เงินตาม
เชค็ ให้นายพิทกั ษ์ไม่ได้

สว่ นกรณีนายภักดีจะยกข้อต่อส้ทู ่นี ายพิทกั ษ์รับเชค็ จากนายคมกริช ซ่ึงได้มาจากการชาระ
ค่ายาบ้าข้ึนเป็นข้อต่อส้นู ายพิทกั ษ์น้ัน สญั ญาซ้ือขายยาบ้าระหว่างนายพิทกั ษ์กบั นายคมกริชเป็นนิติ
กรมท่มี ีวัตถุประสงค์ เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายตกเป็นโมฆะตามมาตรา ๑๕๐ แม้นายค
มกริชสลักหลังโอนเชค็ ให้นายพิทักษ์ กไ็ ม่ถือว่านายพิทกั ษ์เป็นผู้รับสลักหลังอันจะเป็นผู้ทรงโดย
ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๙๐๔ ท้งั ข้อต่อสู้ดังกล่าวเป็นข้อต่อส้ทู ่มี ีต่อตัวนายพิทักษ์ผู้ทรงคน
ปัจจุบัน ไม่ต้องห้ามท่ีนายภักดีจะยกเป็ นข้อต่อสู้เพ่ือไม่ใช้เงินตามเชค็ น้ันแก่นายพิทักษ์ได้ตาม
มาตรา ๙๑๖ นายภักดีจึงมีสิทธิยกข้อต่อสู้ในข้อท่ีว่า นายพิทักษ์รับสลักหลังเชค็ จากนายคม กริช
ซ่ึงได้มาจากการชาระค่าซ้ือยาบ้า เป็นข้อต่อส้นู ายพิทกั ษ์ไม่ใช่เงินตามเชค็ น้ันได้

๔๔

๒. ตว๋ั แลกเงนิ

วตั ถุประสงคเ์ ฉพาะบท

๑. เพ่ือให้เข้าใจถึงวิธกี ารออกตวั๋ แลกเงนิ รายการตามตวั๋ แลกเงิน ข้อกาหนดซ่ึงเขียนลงในตวั๋
๒. เพ่ือให้เข้าใจถึงวิธกี ารโอนตัว๋ เงนิ และผลของการโอนตวั๋ เงนิ
๓. เพ่ือให้เข้าใจถึงลักษณะท่วั ไปของการรับรองตั๋ว สิทธิในการย่ืนตัว๋ ให้รับรอง วิธกี ารในการ

รับรองตวั๋ และผลของการรับรองตวั๋
๔. เพ่ือให้เข้าใจถึงลักษณะท่วั ไปของการอาวัล วิธกี ารในการรับอาวัล ผลของการรับอาวัล และ

สทิ ธไิ ล่เบ้ียของผู้รับอาวัล
๕. เพ่ือให้เข้าใจถึงลักษณะท่วั ไปของการใช้เงิน การย่นื ตัว๋ ให้ใช้เงิน วันถึงกาหนดใช้เงินตามตัว๋

การผ่อนเวลาใช้เงิน ผลของการไม่ย่นื ตัว๋ ให้ใช้เงนิ
๖. เพ่ือให้เข้าใจถึงวิธกี ารใช้เงินท่ถี ูกต้อง การใช้เงนิ บางส่วน และผลของการใช้เงนิ โดยชอบ
๗. เพ่ือให้เข้าใจถึงลักษณะท่ัวไปของการสอดเข้าแก้หน้า ลักษณะของการสอดเข้าแก้หน้าท้ัง

การรับรองเพ่ือแก้หน้า และการเพ่ือใช้เงินเพ่ือแก้หน้า
๘. เพ่ือให้เข้าใจถึงผลของการสอดเข้าแก้หน้า
๙. เพ่ือให้เข้าใจถึงความหมายและลักษณะของสทิ ธไิ ล่เบ้ีย การเกดิ สทิ ธไิ ล่เบ้ีย
๑๐. เพ่ือให้เข้าใจถงึ หลักเกณฑก์ ารใช้สทิ ธไิ ล่เบ้ีย การทาคาคัดค้าน และการทาคาบอกกล่าว
๑๑. เพ่ือให้เข้าใจถึงความรับผิดและการใช้สทิ ธไิ ล่เบ้ียลูกหน้ีตามตัว๋ จานวนเงินท่ไี ล่เบ้ียได้ สทิ ธิ

ของผู้ใช้เงนิ และเข้าถอื ตวั๋ การไล่เบ้ียกรณมี กี ารใช้เงนิ บางส่วน และการส้นิ สทิ ธไิ ล่เบ้ีย
๑๒.เพ่ือให้เข้าใจลักษณะของการออกตั๋วแลกเงินเป็ นสารับ การเรียกให้ออกตั๋วแลกเงินเป็ น

สารับ การสลักหลังตั๋วแลกเงินเป็ นสารับ การรับรองตั๋วแลกเงินเป็ นสารับ และการใช้เงิน
ตามตวั๋ แลกเงินเป็นสารับ

๔๕

๒. ตวั๋ แลกเงิน

๒.๑ การออกตวั๋ แลกเงิน ๑
ตว๋ั แลกเงนิ ตอ้ งมรี ายการต่าง ๆ ดงั น้ ี

ตวั ๋ แลกเงิน ๔

BILL OF EXCHANGE วนั ถงึ กาหนดชาระ___________
Date of Maturity
๗ สถานทอ่ี อกตวั ๋ ______________
๓ ออกตวั ๋ วนั ท_่ี ______________ Place of Issue
สถานทใ่ี ชเ้ งนิ _______________
Date of Issue Place of Payment

ผจู้ า่ ย___________________________________________ ๘

To Drawee ๖ ลงช่อื ผสู้ งั่ จ่าย_____________ ๕
Drawer
จา่ ย_____________________________________หรอื ผถู้ อื

Pay to ๒

จานวนเงนิ _______________________________________

The Amount of

มาตรา ๙๐๘ อันว่าตั๋วแลกเงินน้ัน คือหนังสือตราสารซ่ึงบุคคลคนหน่ึงเรียกว่าผู้ส่งั จ่าย
ส่งั บุคคลอีกคนหน่ึง เรียกว่าผู้จ่าย ให้ใช้เงนิ จานวนหน่ึงแก่บุคคลคนหน่ึง หรือให้ใช้ตามคาส่งั ของ
บุคคลคนหน่ึง ซ่ึงเรียกว่าผู้รับเงนิ

มาตรา ๙๐๙ อนั ตัว๋ แลกเงินน้ัน ต้องมีรายการดงั กล่าวต่อไปน้ี คือ
(๑) คาบอกช่ือว่าเป็นตัว๋ แลกเงนิ
(๒) คาส่งั อนั ปราศจากเง่อื นไขให้จ่ายเงินเป็นจานวนแน่นอน
(๓) ช่ือ หรือย่ีห้อผู้จ่าย
(๔) วันถงึ กาหนดใช้เงิน
(๕) สถานท่ใี ช้เงิน
(๖) ช่ือ หรือย่หี ้อผู้รับเงิน หรือคาจดแจ้งว่าให้ใช้เงนิ แก่ผู้ถือ
(๗) วันและสถานท่อี อกตัว๋ เงิน
(๘) ลายมือช่ือผู้ส่งั จ่าย

๔๖

ความสมบูรณข์ องตว๋ั แลกเงนิ ตามมาตรา ๙๐๙ ประกอบมาตรา ๙๑๐

(๑)คาบอกช่ือวา่ เป็นต๋วั แลกเงิน

(๒)คาส่งั อนั ปราศจากเง่ือนไขใหจ้ า่ ยเงินเป็นจานวนแนน่ อน

(๓)ช่ือ หรือย่ีหอ้ ผจู้ า่ ย หากไมร่ ะบเุ วลาใชเ้ งิน ใหถ้ ือ

(๔)วนั ถึงกาหนดใชเ้ งิน วา่ พงึ ใชเ้ งินเม่ือไดเ้ หน็

(๕)สถานท่ีใชเ้ งิน

(๖)ช่ือ หรือย่ีหอ้ ผรู้ บั เงิน หรอื คาจดแจง้ วา่ ใหใ้ ชเ้ งินแก่ผถู้ ือ

(๗) วนั และสถานท่ีออกต๋วั เงิน ถา้ สถานท่ีใชเ้ งินมิไดแ้ ถลงไว้
(๘)ลายมือช่ือผสู้ ่งั จา่ ย ในต๋วั แลกเงิน ทา่ นใหถ้ ือเอา

ภมู ลิ าเนาของผจู้ า่ ยเป็น

สถานท่ีใชเ้ งิน

ถา้ ไมป่ รากฏสถานท่ีออกต๋วั
ใหถ้ ือวา่ ต๋วั เงินนนั้ ไดอ้ อก ณ
ภมู ิลาเนาของผสู้ ่งั จา่ ย

ถา้ มไิ ดล้ งวนั ออกต๋วั ทา่ นวา่ ผทู้ รงโดยชอบ มาตรา ๙๑๐
ดว้ ยกฎหมายคนหนง่ึ คนใด ทาการโดยสจุ รติ
จะจดวนั ตามท่ีถกู ตอ้ งแทจ้ รงิ ลงก็ได้

๒.๒ ขอ้ พจิ ารณาเกีย่ วกบั ราย

รายการตามตว๋ั - คาบอกช่ือว่าเป็นตัว๋ แลกเงนิ น้ันจะต้อง
Bill, Bill of exchange, First Bill of exc
(๑) คาบอกช่ือว่าเป็ นตั๋วแลก
เงิน๓๐ - เขียนเฉพาะคาว่า “ตวั๋ ” ไม่ถอื ว่าเป็นคา

มาตรา ๙๑๐ (ฎ.๓๘๗๑/๒๕๓๖)
(๒) คาส่งั อนั ปราศจากเง่ือนไขให้ - การพิจารณาว่าเป็นคาส่ังให้จ่ายเงินหร

จ่ายเงนิ เป็นจานวนแน่นอน จ่าย” “กรุณาจ่าย” “จ่าย”
- คาส่งั ให้จ่ายเงินน้ันต้องปราศจากเง่ือน

ตวั๋ แลกเงนิ แต่สามารถกาหนดเง่อื นเวล
“ใหจ้ า่ ยเมือ่ ตรวจสอบสนิ คา้ วา่ ครบถว้ น
“จา่ ยไดต้ ่อเมือ่ ผทู้ รงใหป้ ระกนั อย่างใด
- คาส่งั น้ันจะต้องเป็นการส่งั ให้จ่ายเงนิ จ

- คาส่งั ให้จ่ายเงนิ น้ันจะต้องมีจานวนท่สี ่งั

“จา่ ยจานวน ๑๐,๐๐๐ บาท โดยแบ่งจา่

๓๐ จาเป็นต้องมคี าบอกช่อื ว่าเป็นตวั๋ แลกเงนิ เพ่ือป้ องกนั ความสบั สนกบั ตราสารช
๓๑ การส่งั จ่ายเป็ นงวด ๆ ตามกฎหมายต่างประเทศ คือ อนุสัญญากรุงเฮก(H
Bills of Exchange and Promissory Notes 1930) กาหนดไว้อย่างชดั เจนว่า ห้ามสง่ั จ่า

จ่ายเป็นงวดๆ ได้ แต่ตามกฎหมายไทยไม่การบญั ญัตหิ ้ามไว้ ดงั น้นั หากพิเคราะห์แล้วเ

อ.ไพฑรู ณ์ คงสมบูรณ,์ รศ.สหธน รตั นไพจติ ร)


Click to View FlipBook Version