๑๓๕
(๒) เมือ่ คู่สญั ญาฝ่ ายใดฝ่ ายหนึง่ บอกเลิกสญั ญาตามมาตรา ๘๕๙ การใช้สิทธิดังกล่าว
จะต้องเป็ นกรณีท่ีคู่สัญญาไม่มีการตกลงกาหนดเวลาและข้อกาหนดในการเลิกสัญญาไว้แต่ต้น
หากมกี ารกาหนดหรือมขี ้อตกลงเร่ืองการเลิกสญั ญาไว้แล้วกไ็ ม่อาจใช้สทิ ธติ าม ๘๕๙๕๗
(๓) คู่สัญญาฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งถึงแก่ความตาย เพราะสัญญาบัญชีเดินสะพัดเป็ นเร่ือง
เฉพาะตวั ท้งั น้ีเป็นไปตามแนวคาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๑๘๖๒/๒๕๑๘
(๔) ลูกหน้ีถูกศาลส่งั พิทรัพย์สทรัพย์เด็ดขาด เพราะเม่ือลูกหน้ีถูกศาลส่ังพิทักทรัพย์
เดด็ ขาดแล้วย่อมไม่อาจทานิติกรรมใดๆ ต่อไปได้อกี ท้งั น้ีเป็นไปตามแนวคาพิพากษาศาลฎีกาท่ี
๗๖๔/๒๕๑๖
(๕) เมือ่ ค่สู ญั ญาไม่ประสงค์ใหม้ ีการสะพดั ทางบญั ชีระหว่างกนั (แสดงเจตนาเลิกสญั ญา)
หมายถึงคู่สญั ญาทงั้ สองฝ่ ายไม่ประสงค์ผูกพันกันในลกั ษณะของสญั ญาบัญชีเดินสะพัดกันอีก
ต่อไป ซึง่ อาจเป็นการแสดงเจตนาเลิกสญั ญาอย่างชดั เจน หรือเป็นการเลิกสญั ญาโดยปริยายก็ได้
ตวั อย่างเชน่
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๖๗/๒๕๔๙ แม้สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีรวมท้ังสัญญาเพ่ิม
วงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีซ่ึงต้องด้วยลักษณะของสัญญาบัญชีเดินสะพัดจะไม่มีกาหนดเวลา แต่
สัญญาบัญชีเดินสะพัดเป็นเอกเทศสัญญาท่มี ีลักษณะเฉพาะ โดยสัญญาจะคงสภาพอยู่ต่อไปได้ก็
จะต้องมีการสะพัดทางบัญชีอย่างต่อเน่ืองและภายในระยะเวลาอนั สมควร ข้อเทจ็ จริงปรากฏว่า ภ.
ได้นาเงินเข้าบัญชีเพ่ือหักทอนอันเป็ นการเดินสะพัดทางบัญชีคร้ังสุดท้าย เม่ือวันท่ี ๑๔ มีนาคม
๒๕๒๖ แล้วไม่มีการเดินสะพัดทางบัญชีกนั อกี เลย นับถึงวันท่ี ภ. ส้นิ พระชนม์เป็นเวลานานเกอื บ
๑๒ ปี แสดงว่า ภ. มีเจตนาเลิกสัญญากับโจทก์โดยปริยายแล้ว โจทก์เป็นสถาบันการเงินมีหน้าท่ี
ต้องตรวจตราบัญชีของลูกค้าอยู่ตลอดเวลาว่ามีการเคล่ือนไหวอย่างไร เม่ือปรากฏว่า ภ. ซ่ึงเป็ น
ลูกค้าของโจทกไ์ ม่มกี ารเคล่ือนไหวทางบัญชี โจทกย์ ่อมจะต้องทวงถามหรือบอกเลิกสญั ญาในเวลา
อนั สมควร มใิ ช่ถือโอกาสใช้สทิ ธคิ ิดดอกเบ้ียทบต้นในระยะเวลายาวนานเกนิ สมควรเช่นน้ี ถือได้ว่า
การใช้สิทธิของโจทก์มิได้กระทาโดยสุจริต โดยถือว่าสัญญาเลิกกันต้ังแต่วันท่ี ภ. มีเจตนาเลิก
สญั ญากับโจทก์โดยปริยายคือวันท่ี ๑๔ มีนาคม ๒๕๒๖ อันเป็นวันท่ี ภ. เดินสะพัดทางบัญชีเป็น
คร้ังสุดท้าย สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจึงเกิดข้ึนนับแต่น้ัน สิทธิ
เรียกร้องตามสญั ญาดังกล่าวมีกาหนดอายุความ ๑๐ ปี โจทกน์ าคดีมาฟ้ องเม่ือวันท่ี ๕ กุมภาพันธ์
๒๕๓๙ พ้นกาหนด ๑๐ ปี หน้ีตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดจึงขาดอายุความ แต่อย่างไรกต็ ามเม่ือ
ปรากฏว่า ภ. ได้นาท่ีดินพร้อมส่ิงปลูกสร้างมาจดทะเบียนจานองเพ่ือเป็ นประกันหน้ีดังกล่าวใน
วงเงิน ๕,๕๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบ้ียในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี โดยมีข้อตกลงว่าหากโจทก์
บังคับจานองได้เงินไม่พอชาระหน้ียอมให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอ่ืนจนกว่าจะครบ ดังน้ี แม้หน้ี
ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดดังกล่าวจะขาดอายุความ แต่กรณีต้องด้วย ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๒๗
๕๗ มาตรา ๘๕๙ ค่สู ญั ญาฝ่ ายใดจะบอกเลิกสญั ญาบญั ชีเดินสะพัดและใหห้ กั ทอนบญั ชีกนั เสียในเวลา
ใดๆ กไ็ ด้ ถา้ ไม่มีอะไรปรากฏเป็นขอ้ ขดั กบั ทีก่ ล่าวมาน้ี
๑๓๖
และมาตรา ๗๔๕ กล่าวคอื โจทกซ์ ่ึงเป็นผู้รับจานองจะบังคับชาระหน้ีจากทรัพย์สินท่จี านองแม้เม่ือ
หน้ีท่จี านองเป็นประกนั น้ันขาดอายุความแล้วกไ็ ด้ แต่จะบังคบั ให้ชาระดอกเบ้ียท่คี ้างชาระย้อนหลัง
เกินกว่าห้ าปี ไม่ได้ และคงบังคับได้แต่เฉพาะทรัพย์สินท่ี ภ. จานองไว้เท่าน้ัน จะบังคับจาก
ทรัพย์สนิ อ่นื อกี หาได้ไม่ ถึงแม้ว่าตามสัญญาจานองจะกาหนดให้บังคบั เอาจากทรัพย์สินอ่นื จนกว่า
จะครบ หากบังคบั จานองได้เงนิ ไม่พอชาระหน้ีกต็ าม (ประชุมใหญ่คร้ังท่ี ๓/๒๕๔๘)
๙.๖ อายุความ
เน่ืองจากบทบัญญัติในเร่ืองสญั ญาบัญชีเดินสะพัดมิได้กาหนดอายุความในการฟ้ องคดีไว้
ดังน้ัน จึงต้องใช้อายุความท่ัวไปตามบทบัญญัติมาตรา ๑๙๓/๓๐ คือ มีอายุความ ๑๐ ปี
ตัวอย่างเช่น
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๔๑๙๘/๒๕๔๕ จาเลยเป็ นลูกหน้ีของโจทก์ตามสัญญาบัญชี
เดินสะพัดต่อมาจาเลยทาความตกลงกับโจทก์เพ่ือเป็ นร้านค้าสมาชิกรับบัตรเครดิต ตกลงให้ใช้
บัญชีเดินสะพัดของจาเลยเป็นบัญชีระหว่างโจทกก์ บั จาเลยในการเรียกเกบ็ เงนิ ตามหลักฐานการใช้
บัตรเครดิตแทนการชาระเงนิ สดหรือเซลสลิปด้วย ข้อตกลงและการปฏบิ ัติต่อกนั ระหว่างโจทกแ์ ละ
จาเลยดังกล่าวเป็นการกาหนดสทิ ธหิ น้าท่แี ละความรับผิดของคู่สัญญาโดยมีการตัดทอนบัญชีหน้ี
อันเกิดแต่กิจการในระหว่างโจทก์และจาเลยหักกลบลบกัน และคงชาระแต่ส่วนท่ีเป็ นจานวน
คงเหลือโดยดุลภาค อันเป็นลักษณะของสญั ญาบัญชีเดินสะพัดจาเลยจึงต้องรับผิดตามสญั ญาบัญชี
เดินสะพัด
โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องให้จาเลยรับผิดในหน้ีตามสัญญาบัญชีเดินสะพัด มิใช่ผู้ประกอบ
ธรุ กจิ ดูแลกจิ การผู้อ่นื หรือรับทาการงานต่าง ๆ ฟ้ องเรียกเอาเงินท่อี อกทดรองไป เม่ือกฎหมายใน
เร่ืองบัญชีเดินสะพัดมิได้กาหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีกาหนดอายุความสิบปี ตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๐
โจทกน์ าเงนิ เข้าบัญชีของจาเลยคร้ังสดุ ท้ายเม่ือวันท่ี ๔ พฤษภาคม ๒๕๓๖ และนายอดเงิน
การใช้บัตรเครดิตแทนการชาระเงินสดท่ีโจทก์เรียกเกบ็ เงินไม่ได้มาหักจากบัญชีเดินสะพัดของ
จาเลยคร้ังสดุ ท้ายเม่อื วันท่ี ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๓๖ เม่ือหักทอนบัญชีกนั ในวันท่ี ๓๐ พฤศจิกายน
๒๕๓๖ ปรากฏว่าจาเลยเป็นหน้ีโจทกโ์ จทกม์ ีหนังสอื บอกเลิกสญั ญากบั จาเลยโดยให้จาเลยชาระหน้ี
ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันท่ีได้รับหนังสือดังกล่าว จาเลยได้รับหนังสือเม่ือวันท่ี ๑๑ กุมภาพันธ์
๒๕๓๘ อายุความจึงเร่ิมนับต้งั แต่วันท่ี ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ เป็นต้นไป โจทกฟ์ ้ องคดีน้ีเม่อื วันท่ี
๒๐ มีนาคม ๒๕๔๐ ยงั ไม่พ้นกาหนดสบิ ปี จึงไม่ขาดอายุความ
...............................................................................
๑๓๗
บรรณานุกรม
หนังสอื ภาษาไทย
กตพล(โสภณ) อรรถพิศาลโสภณ. คาอธิบายกฎหมายตั๋วเงินและบัญชีเดินสะพัด. กรุงเทพฯ :
สานักพิมพ์บริษัทประชาชนจากดั , ๒๕๒๖.
จิตติ ติงศภัทยิ ์. คาอธบิ ายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยบัญชีเดินสะพัดและตั๋วเงิน.
พิมพ์คร้ังท่ี ๑๗. กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์ประกายพรึก, ๒๕๓๓.
เฉลิม ยงบุญเกดิ . ตวั๋ แลกเงิน. พระนคร : รวมสาสน์ , ๒๕๐๙.
____________. ตวั๋ สญั ญาใช้เงิน. พระนคร : รวมสาสน์ , ๒๕๐๙.
ประภาศน์ อวยชัย. คาอธบิ ายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยว์ ่าด้วยตวั๋ เงนิ และบัญชีเดินสะพัด.
พิมพ์คร้ังท่ี ๖. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคาแหง, ๒๕๒๐.
ประทีป เฉลิมภัทรกุล. คาอธิบายตั๋วเงิน บัญชีเดินสะพัด. พิมพ์คร้ังท่ี ๖. กรุงเทพฯ : สานัก
อบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑติ ยสภา, ๒๕๕๓.
ภูมิ โชคเหมาะ. คาอธิบายกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตั๋วเงินและบัญชีเดินสะพัด.
กรุงเทพมหานคร : สานักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคาแหง, ๒๕๔๖.
นิคม ท่งั สถวรรณ. คาอธบิ ายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยว์ ่าด้วยตั๋วเงนิ พร้อมความผิดอัน
เกดิ จากการใช้เชค็ . กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์นิตบิ รรณการ, ๒๕๓๑.
ไพฑูรย์ คงสมบูรณ์. คาอธิบายกฎหมายลักษณะตั๋วเงิน. กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย, ๒๕๒๗.
มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช สาขาวิชานิตศิ าสตร์. กฎหมายพาณิชย์ ๓ : ประกนั ด้วยบุคคลและ
ทรัพย์ ตวั๋ เงนิ . นนทบุรี : สานักพิมพ์มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช, ๒๕๓๙.
วิชัย ตันติกุลานันท์. คาอธิบายสัญญาบัญชีเดินสะพัด และเบิกเงินเกินบัญชี (โอดี). กรุงเทพฯ :
ห้างหุ้นสว่ นจากดั พิมพ์อกั ษร, ๒๕๔๓.
สหธน รัตนไพจิตร. คาอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตั๋วเงิน. พิมพ์คร้ังท่ี ๑๗.
กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์วิญญูชน, ๒๕๖๓.
สุรพันธ์ อรัญนารถ. รวมคาพิพากษาศาลฎีกาเก่ียวกับตั๋วเงิน พ.ศ. ๒๕๓๐-๒๕๔๒ เรียงมาตรา
พร้อมข้อสอบความรู้ช้ันเนติบัณฑิต สมัยท่ี ๔-๕๒ พร้อมธงคาตอบ. กรุงเทพฯ :
สานักพิมพ์นิติธรรม, ๒๕๔๓.
๑๓๘
เสนีย์ ปราโมช. ม.ร.ว. คาอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ ๓ ว่าด้วยตั๋วเงิน.
พิมพ์คร้ังท่ี ๓. กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์นิตธิ รรม, ๒๕๑๔.
เสาวนีย์ อัศวโรจน์. คาอธบิ ายกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตวั๋ เงิน. พิมพ์คร้ังท่ี ๗. กรุงเทพฯ
: สานักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๕๔.
อัมพร ณ ตะก่ัวทุ่ง. คาอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตั๋วเงิน. กรุงเทพฯ :
สานักพิมพ์นิตบิ รรณการ, ๒๕๕๔.
บทความ
โชคดี สทิ ธ์บิ ูรณะ. “การชาระหน้ีด้วยตวั๋ เงนิ (มาตรา ๓๒๑)” วารสารนิตศิ าสตร์, ปี ท่ี ๒๙, ฉบับท่ี
๓ (ก.ย.๔๒) , ๕๒๒-๕๓๐
สุวิทย์ จิราภรณ์มณี. “ตราสารและช่องทางระดมเงิน”. วารสารปกิณกะเศรษฐกิจ, ปี ท่ี ๒, ฉบับท่ี
๒ (เม.ย.-ม.ิ ย. ๔๓), ๑๘ – ๑๙
เสาวนีย์ อัศวโรจน์. “การโอนสิทธิเรียกร้องตามตั๋วเงิน” วารสารนิติศาสตร์, ปี ท่ี ๒๗ ฉบับท่ี ๑
(ม.ี ค.๔๐), ๓๑-๕๐.
เอกสารอ่นื ๆ
เสาวนีย์ อศั วโรจน์. “การโอนสทิ ธิตามตั๋วเงิน : ศึกษาในเชิงประวัติศาสตร์และการพัฒนาของ
กฎหมาย.” วิทยานิพนธน์ ิตศิ าสตรดุษฎีบัณฑติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๔.
โสฬส สุวรรณเนตร. “ตั๋วเงินท่ีมีลายมือช่ือปลอม.” วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต
จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๒๖.
พฤฒิพร เนติโพธ์ิ. “ผู้ทรงตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์.” วิทยานิพนธ์
นิติศาสตรมหาบัณฑติ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๒๕.
ธนวัฒน์ เนติโพธ์ิ, “อาวัล.” วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,
๒๕๒๓.
รุจิรา อภิรักษ์สกุล. “ปั ญ หาข้ อกฎหมายเก่ียวกับการสอดเข้ าแก้ หน้ า.” วิทยานิพนธ์
นิติศาสตรมหาบัณฑติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๖.
พนิตนาฎ เกิดจารูญ. “ปัญหากฎหมายเก่ียวกับการลงลายมือช่ือในตั๋วเงิน.” วิทยานิพนธ์
นิตศิ าสตรมหาบัณฑติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๖.
วรางคนา เคหะนาค. “ปัญหากฎหมายเก่ียวกับความสามารถของคู่สัญญาในตั๋วเงิน.”
วิทยานิพนธน์ ิติศาสตรมหาบัณฑติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๖.
๑๓๙
Books
Dudley Richardson, A guide to Negotiable Instrument and the Bill of Exchange Acts.
London : Butterworths, 1983.
Guest, A.G., (ed). Chalmers and Guest on Bills of Exchange, Cheques and Promissory
Notes, Fourteenth Edition. London : Sweet and Maxwell, 1991.
J.Milnes Holden. The History of Negotiable Instruments. University of London. The
Athlone Press. London, 1955.
Maurice Megrah. Byels on bills of exchange. London : Sweet and Maxwell, 1979.
Rudof Huebner. A History of Germanic Private Law. New York : Augusts M.Kelly
Publishers, 1968.
Other Materials
http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/42019/Cepter4-2.htm
http://www.bot.or.th/THAI/PAYMENTSYSTEMS/PSSERVICES/STANDARDPS/Pages/Ch
qStandard_1.aspx
http://www.junghoo.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=๒๘๕๓๙&Ntype=๓
http://www.jus.uio.no/lm/bills.of.exchange.and.promissory.notes.convention.1930/54.html
http://www.supremecourt.or.th/wapp.asp?page=wlogon
http://web2.westlaw.com/signon/default.wl?ap=THAMM-2002&rs=imp1.0&vr=20&&ssl=n
...........................................................................
๑๔๐
ภาคผนวก
๑๔๑
พระราชบญั ญัติ
ว่าด้วยความผดิ อนั เกดิ จากการใชเ้ ชค็
พ.ศ. ๒๕๓๔
ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๔
เป็นปที ี่ ๔๖ ในรัชกาลปัจจบุ นั
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ใหป้ ระกาศวา่
โดยที่เปน็ การสมควรปรบั ปรุงกฎหมายวา่ ดว้ ยความผิดอนั เกดิ จากการใช้เชค็
จึงทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหต้ ราพระราชบญั ญตั ิขึ้นไว้โดยคาแนะนาและยินยอม
ของสภานิติบัญญัตแิ หง่ ชาติ ดงั ต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้ีเรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจาก
การใชเ้ ช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔”
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา
นเุ บกษาเป็นตน้ ไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิก
(๑) พระราชบญั ญตั ิว่าดว้ ยความผิดอนั เกดิ จากการใชเ้ ช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗
(๒) ประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ที่ ๑๙๖ ลงวนั ที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๕
มาตรา ๔ ผู้ใดออกเช็คเพื่อชาระหน้ีท่ีมีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยมี
ลกั ษณะหรือมกี ารกระทาอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง ดังตอ่ ไปนี้
(๑) เจตนาที่จะไมใ่ ห้มีการใช้เงินตามเชค็ น้ัน
(๒) ในขณะท่อี อกเชค็ นัน้ ไมม่ ีเงินอยู่ในบัญชอี ันจะพึงใหใ้ ชเ้ งนิ ได้
(๓) ให้ใช้เงินมีจานวนสูงกว่าจานวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะท่ี
ออกเชค็ นน้ั
(๔) ถอนเงินท้ังหมดหรือแต่บางส่วนออกจากบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็คจน
จานวนเงินเหลือไมเ่ พยี งพอท่จี ะใช้เงินตามเช็คนั้นได้
(๕) หา้ มธนาคารมใิ ห้ใช้เงนิ ตามเช็คนน้ั โดยเจตนาทุจริต
๑๔๒
เม่ือได้มีการยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น ผู้ออก
เช็คมคี วามผดิ ต้องระวางโทษปรบั ไม่เกนิ หกหมืน่ บาท หรอื จาคกุ ไมเ่ กินหนง่ึ ปี หรือทัง้ ปรบั ทงั้ จา
มาตรา ๕ ความผิดตามมาตรา ๔ เป็นความผดิ อนั ยอมความได้
มาตรา ๖ การควบคมุ หรือขังผู้ตอ้ งหาหรือจาเลยในคดีความผิดตามพระราชบัญญัติ
น้ี ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง แต่ถ้าผู้ต้องหาหรือจาเลยย่ืนคา
ร้องขอให้ปล่อยช่ัวคราว ให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาล สั่งปล่อยชั่วคราวโดยมี
ประกันแตไ่ มม่ ีหลกั ประกนั หรือมปี ระกันและหลักประกนั ไมเ่ กินหน่ึงในสามของจานวนเงนิ ตามเช็ค
มาตรา ๗ ถ้าผู้กระทาความผิดตามมาตรา ๔ ได้ใช้เงินตามเช็คแก่ผู้ทรงเช็คหรือแก่
ธนาคารภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ออกเช็คได้รับหนังสือบอกกล่าวจากผู้ทรงเช็คว่าธนาคารไม่ใช้
เงินตามเช็คน้ัน หรือหน้ีท่ีผู้กระทาความผิดตามมาตรา ๔ ได้ออกเช็คเพ่ือใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไป
กอ่ นศาลมคี าพพิ ากษาถึงทส่ี ุด ให้ถือวา่ คดีเลิกกนั ตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา
มาตรา ๘ ถ้าจานวนเงินในเช็คแต่ละฉบับหรือหลายฉบับรวมกันไมเ่ กินจานวนเงินที่
ผู้พิพากษาคนเดียวมีอานาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งได้ การฟ้องคดีแพ่งเรียกเงินตามเช็คน้ันจะรวม
ฟ้องต่อศาลซึ่งพิจารณาคดีอาญาก็ได้ การพิจารณาคดีแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวล
กฎหมายวิธพี ิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๙ สาหรับบรรดาความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจาก
การใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี ๑๙๖ ลงวันที่ ๘
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ซึ่งอยู่ในระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวนหรือการดาเนินคดีของ
พนักงานอัยการก่อนวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้การสอบสวนของพนักงานสอบสวนหรือการ
ดาเนินคดีของพนักงานอัยการท่ีได้ดาเนินการไปตามกฎหมายก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเป็น
อันใช้ได้ แต่การดาเนินการต่อไปให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ในกรณีท่ีได้มีการควบคุมหรือ
ขังผู้ต้องหามาก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ การควบคุมหรือขังผู้ต้องหาต่อไปตาม
พระราชบัญญตั ิน้ีรวมกับการควบคมุ หรือขงั ผ้ตู ้องหามาก่อนวนั ที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ควบคุม
ห รื อ ขั งได้ ไม่ เกิ น ก า ห น ด เว ล า ค ว บ คุ ม ห รือ ขั งท่ี ก าห น ด ไว้ ต าม ก ฎ ห ม า ย ท่ี ใช้ บั งคั บ อ ยู่ ก่ อ น วั น ท่ี
พระราชบัญญตั นิ ใี้ ช้บงั คบั
มาตรา ๑๐ สาหรับบรรดาความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจาก
การใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๙๖ ลงวันที่ ๘
สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ซ่ึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลใดก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับให้
ศาลนั้นดาเนินการพจิ ารณาพิพากษาต่อไปได้
๑๔๓
มาตรา ๑๑ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ยุติธรรมรกั ษาการตามพระราชบญั ญตั ินี้
ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ
อานนั ท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชบัญญตั ิฉบับนี้ คือ โดยทพี่ ระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด
อันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ ใช้บังคับมานานแล้ว บทบัญญัติท่ีมีอยู่ไม่เหมาะสมหลายประการ
สมควรปรับปรงุ ใหม้ ีบทบัญญัติชัดแจง้ ว่า การออกเช็คท่ีจะมีความผดิ ตามพระราชบญั ญัตนิ ้ีจะต้องเป็น
การออกเช็คเพ่ือให้มีผลผูกพันและบังคับชาระหน้ีได้ตามกฎหมายเท่านั้น และกาหนดให้มีระวางโทษ
ปรับเพียงไม่เกินหกหมื่นบาทเพ่ือให้คดีความผิดตามพระราชบัญญัติน้ีอยู่ในอานาจพิจารณาพิพากษา
ของศาลแขวง ทั้งให้การปล่อยช่ัวคราวผู้ต้องหาหรือจาเลยจะกระทาโดยไม่มีหลักประกันก็ได้ แตถ่ ้าจะ
ให้มีหลักประกัน หลักประกันน้ันจะต้องไม่เกินหน่ึงในสามของจานวนเงินตามเช็ค นอกจากนี้สมควร
กาหนดให้การฟ้องคดีแพ่งตามเช็คที่มีจานวนเงินไม่เกินอานาจพิจารณาพิพากษาของผู้พิพากษาคน
เดียวสามารถฟอ้ งรวมไปกับคดีส่วนอาญาได้ จงึ จาเป็นต้องตราพระราชบญั ญตั นิ ้ี
[๑] ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๑๐๘/ตอนที่ ๑๔๙/ฉบบั พเิ ศษ หนา้ ๑/๒๗ สิงหาคม ๒๕๓๔
๑๔๔
รวมคาถามและธงคาตอบกฎหมายลกั ษณะตวั ๋ เงิน
(สานักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบณั ฑิตยสภา)
๑๔๕
(๑) สมยั ที่ ๔ ปี การศึกษา ๒๔๙๔
คาถาม นาย ก. ออกเชค็ สงั่ จ่ายเงนิ ๑,๐๐๐ บาท ให้แก่นาย ข. เป็นการชาระ
หน้ีท่เี ก่ยี วค้างระหว่างกัน ต่อมานาย ก. กบั นาย ข. เกิดผิดใจกนั นาย ก. จงึ สงั่ ห้ามธนาคาร
ไม่ให้จ่ายเงนิ ตามเชค็ ให้แก่นาย ข. ๓ วนั ภายหลงั ท่นี าย ก. ออกเชค็ นัน้ ดงั น้ี นาย ข. จะฟ้อง
เรยี กเงนิ จาก นาย ก. ตามเชค็ ไดห้ รอื ไม่
ธงคาตอบ
ได้ เพราะ ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐ บญั ญตั วิ ่า บุคคลผู้ลงลายมอื ช่อื ของตนในตวั ๋ เงนิ
ยอ่ มจะตอ้ งรบั ผดิ ตามเน้ือความในตวั ๋ นัน้ การทน่ี าย ก. ออกคาสงั่ จ่ายเงนิ ใหน้ าย ข. นนั้ เท่ากบั
นาย ก. เป็นอนั สญั ญาว่า ถา้ นาย ข. เอาเชค็ นนั้ ไปขน้ึ เงนิ ทธ่ี นาคารแลว้ หากธนาคารไมจ่ า่ ยเงนิ
ใหน้ าย ก. จะรบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามตวั ๋ ตามปัญหาน้ี นาย ข. เป็นผทู้ รงเชค็ โดยสุจรติ ถา้ นาย ข. ไดน้ า
เชค็ ไปขน้ึ เงนิ จากธนาคารภายในกาหนดเวลาตามกฎหมายแลว้ เมอ่ื นาย ก. บอกหา้ มธนาคารมิ
ใหจ้ ่ายเงนิ ใหแ้ ก่ นาย ข. โดยไม่มเี หตุทจ่ี ะอา้ งองิ ไดต้ ามกฎหมาย นาย ก. กต็ ้องรบั ผดิ ชาระเงนิ
ตามจานวนในเชค็ ใหแ้ ก่นาย ข.
(๒) สมยั ท่ี ๔ ปี การศึกษา ๒๔๙๔
คาถาม ก. ปลอมลายมอื ช่อื ข. ลกู คา้ ธนาคาร ค. สงั่ จ่ายเงนิ ๕,๐๐๐ บาท จาก
ธนาคาร ค.ใหแ้ ก่ ง. ง. ทาเชค็ หาย จ. เกบ็ เชค็ นนั้ ได้ จ. ปลอมลายมอื ช่อื ง. สลกั หลงั โอนเชค็ นนั้
ต่อไปยงั ฉ. ฉ.นาเชค็ ไปขน้ึ เงนิ ต่อธนาคาร ค. ธนาคาร ค. จ่ายเงนิ ให้ ฉ. ไป ๕,๐๐๐ บาท ตาม
เชค็ ครนั้ ปรากฏความจรงิ ขน้ึ ข. จงึ ฟ้องธนาคาร ค. กบั ฉ. ขอใหค้ นื เงนิ ๕,๐๐๐ บาท ใหว้ นิ จิ ฉยั
วา่ ข. มสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งจากธนาคาร ค. กบั ฉ. ประการใด
ธงคาตอบ
ธนาคาร ค. ต้องรบั ผดิ ต่อ ข. สาหรบั การท่ี ก. ปลอมลายมอื ช่อื ข. สงั่ จ่ายขน้ึ ใหแ้ ก่
ง. เพราะธนาคารมหี น้าท่จี ะต้องรจู้ กั ลายมอื ช่อื ของ ข. ซ่งึ เป็นผูเ้ คยค้าของตนเอง ถ้าธนาคาร
จ่ายเงนิ ไปทงั้ ท่ลี ายมอื ข. ถูกปลอม ต้องถือว่าได้จ่ายไปโดยประมาทเลนิ เล่อไม่ได้รบั ความ
คุม้ ครองตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๙ เพราะฉะนนั้ ธนาคารจะหกั บญั ชี ข. สาหรบั จานวนเงนิ ทต่ี น
ได้จ่ายไปไม่ได้ ส่วน ฉ. นัน้ ไม่มคี วามผูกพันกบั ข. ประการใด เพราะฉะนัน้ ข. จงึ ไม่มสี ทิ ธิ
เรยี กรอ้ งจาก ฉ.
(๓) สมยั ที่ ๖ ปี การศึกษา ๒๔๙๖
คาถาม นายเสง็ ออกเชค็ ฉบบั หน่ึงสงั่ จ่ายเงนิ ๕,๐๐๐ บาท ให้แก่นายแสงเม่อื
วนั ท่ี ๒ ธนั วาคม พ.ศ.๒๔๙๖ เพ่อื ชาระหน้ีท่ตี นมอี ย่กู บั นายแสง แต่ไดล้ งวนั ท่ใี นเชค็ นัน้ ว่า ๒
มกราคม ๒๔๙๗ ครนั้ วนั ท่ี ๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๗ นายแสงไปขน้ึ เอาเงนิ ตามเชค็ ของนายเสง็ ท่ี
ธนาคารของนายเส็ง ธนาคารแจง้ ว่านายเสง็ ได้สงั่ ห้ามมใิ ห้จ่ายเงนิ ตามเช็คนัน้ เสยี แลว้ เพราะ
๑๔๖
วนั ทล่ี งในเชค็ ไม่ตรงกบั วนั ทเ่ี ขยี นเชค็ ดงั น้ี นายแสงจะมสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งเอาเงนิ ตามจานวนในเชค็
จากนายเสง็ หรอื ธนาคารของนายเสง็ บา้ งหรอื ไม่
ธงคาตอบ
นายแสงมสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งเอาเงนิ ตามจานวนในเชค็ จากนานเสง็ ได้ เพราะ ป.พ.พ.
มาตรา ๙๘๘ ไม่ไดบ้ งั คบั ว่าวนั ทอ่ี อกเชค็ จะตอ้ งเป็นวนั เดยี วกบั วนั เขยี นเชค็ เชค็ ลงวนั ล่วงหน้า
จงึ ใชไ้ ด้ คอื ผอู้ อกเชค็ สญั ญาวา่ จะรบั ผดิ เม่อื ถงึ วนั ทล่ี งในตวั ๋ (ฎกี าท่ี ๓๒๗/๒๔๙๕) แต่ไมม่ สี ทิ ธิ
เรยี กรอ้ งจากธนาคาร ถ้าธนาคารพิสูจน์ได้ว่ามคี าสงั่ ดงั อ้างจรงิ เพราะหน้าท่แี ละอานาจของ
ธนาคารทจ่ี ะต้องใชเ้ งนิ ตามเชค็ นนั้ สุดสน้ิ ไปเมอ่ื มคี าบอกหา้ มการใชเ้ งนิ โดยผสู้ งั่ จา่ ยตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๙๙๒(๑)
(๔) สมยั ท่ี ๗ ปี การศึกษา ๒๔๙๗
คาถาม ก. สงั่ ข. ใหจ้ า่ ยเงนิ ๑,๐๐๐ บาท ตามตวั ๋ แลกเงนิ ฉบบั หน่งึ ใหแ้ ก่ ค. ใน
วนั ท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๔๙๗ เม่อื ข. รบั รองตวั ๋ นัน้ แล้ว ค. สลกั หลงั โอนตวั ๋ ให้ ง. ต่อไป ครนั้ ถึง
วนั ท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๔๙๗ ง. ไปขน้ึ เอาเงนิ ตามตวั ๋ จาก ข. แต่ ข. ไม่จา่ ยให้ ง. เหน็ ท่าไม่ดี จงึ
โอนขายตวั ๋ นนั้ ต่อไปให้ จ. ในวนั ท่ี ๖ กรกฎาคม ๒๔๙๗ โดยไมไ่ ดท้ าการคดั คา้ นตวั ๋ นนั้ ต่อมา จ.
โอนตวั ๋ ให้ ฉ. อกี ต่อหน่งึ ดงั่ น้ี ฉ. จะเรยี กใหผ้ ใู้ ดรบั ผดิ ชาระเงนิ ตามตวั ๋ นนั้ ใหแ้ ก่ตนไดบ้ า้ งหรอื ไม่
แนวคาคอบ
ง. และ จ. สลกั หลงั ตวั ๋ แลกเงนิ เมอ่ื ส้นิ เวลาสาหรบั คดั คา้ นการไม่ใชเ้ งนิ ตามตวั ๋ นัน้
แลว้ ฉ. ผู้ทรงย่อมได้แต่เพยี งสทิ ธทิ จ่ี ะไล่เบ้ยี เอาแก่ ข. ผู้จ่ายซ่งึ รบั รองตวั ๋ นัน้ แล้ว และ แก่ ง.
และ จ. ผซู้ ง่ึ สลกั หลงั ตวั ๋ นนั้ ภายหลงั ทส่ี น้ิ เวลาคดั คา้ นการไม่ใชเ้ งนิ แลว้ ส่วน ก. ผสู้ งั่ จา่ ยและ ค.
ผูส้ ลกั หลงั ก่อนส้นิ เวลาสาหรบั คดั คา้ นการไม่ใช้เงนิ ตามตวั ๋ นัน้ เป็นอนั หลุดพ้นจากความรบั ผดิ
(ป.พ.พ. มาตรา ๙๒๔ วรรคแรก และ ๙๗๓ วรรคแรก)
(๕) สมยั ที่ ๘ ปี การศึกษา ๒๔๙๘
คาถาม นายเอกเขียนเช็คสงั่ ธนาคารออมทรพั ย์ จากัด ซ่ึงนายเอกมีบัญชี
เดนิ สะพดั ให้จ่ายเงนิ แก่นายโท ๑,๐๐๐ บาท นายโทรบั เชค็ มาแลว้ ได้ขดี คร่อมเชค็ นัน้ อย่างขดี
ครอ่ มทวั่ ไปลงไว้ ตงั้ ใจจะฝากเขา้ บญั ชขี องตนทธ่ี นาคารประหยดั สนิ จากดั แต่บงั เอญิ มคี นรา้ น
ลว้ งกระเป๋ าลกั เช็คฉบบั นัน้ ไปจากนายโทเสยี ก่อน คนรา้ ยลบลา้ งรอยขดี คร่อมท่เี ชค็ ออกแล้ว
เขยี นลายมอื ช่อื นายโทปลอมสลกั หลงั เชค็ ชาระหน้ใี หน้ ายตรตี ่อไป นายตรรี บั เชค็ นนั้ ไวโ้ ดยสจุ รติ
แลว้ นาเชค็ ไปขน้ึ เงนิ จากธนาคารออมทรพั ยจ์ ากดั ธนาคารออมทรพั ย์ จากดั ได้จ่ายเงนิ ใหแ้ ก่
นายตรไี ปเช่นน้ี นายโทจะเรยี กรอ้ งใหผ้ ใู้ ดรบั ผดิ ใชเ้ งนิ จานวนน้ใี หแ้ ก่ตนไดบ้ า้ งหรอื ไม่
๑๔๗
ธงคาตอบ
นอกจากคนรา้ ยทจ่ี ะตอ้ งรบั ผดิ ต่อนายโทอยา่ งไม่มปี ัญหาแลว้ นายโทยงั เรยี กรอ้ ง
ใหน้ ายตรรี บั ผดิ ใชเ้ งนิ แก่ตนได้ เพราะนายโทไมไ่ ดส้ ลกั หลงั โอนเชค็ ใหน้ ายตรี ลายมอื ช่อื นายโท
ทส่ี ลกั หลงั เชค็ เป็นลายมอื ทค่ี นรา้ ยปลอมขน้ึ นายตรไี ม่มสี ทิ ธอิ ยา่ งใดในเชค็ ฉบบั นนั้ เลย(ป.พ.พ.
มาตรา ๑๐๐๘)
สาหรบั ธนาคารออมทรพั ย์ จากดั นนั้ จะตอ้ งพจิ ารณาว่ารอยขดี คร่อมเชค็ ทค่ี นรา้ น
ลบลา้ งออกนัน้ ยงั ปรากฏอย่หู รอื ไม่ ถ้าไม่ปรากฏและธนาคารได้จา่ ยเงนิ ไปตามทางคา้ ปกตโิ ดย
สุจรติ และปราศจากประมาทเลินเล่อแล้วธนาคารไม่ต้องรบั ผิดถ้าเป็นไปในทางตรงกนั ข้าม
ธนาคารกต็ อ้ งรบั ผดิ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๙๗ วรรค ๓ และมาตรา ๑๐๐๘)
(๖) สมยั ที่ ๑๐ ปี การศึกษา ๒๕๐๐
คาถาม นายหลงพบนายไหลท่ีจงั หวัดพระนครเม่ือวนั ท่ี ๑ ธันวาคม พ.ศ.
๒๕๐๐ จงึ ทวงเงนิ หน่ึงหมน่ื บาทซง่ึ นายไหลเป็นหน้ตี นอยู่ นายไหลขอชาระหน้ดี ว้ ยเชค็ ฉบบั หน่ึง
ซง่ึ ลงช่อื นายเหลอื งเป็นผสู้ งั่ จา่ ย "เงนิ สดหน่งึ หมน่ื บาทหรอื ผถู้ อื " และมวี นั และสถานทเ่ี ขยี นไวท้ ่ี
หัวเช็คว่า "พระนคร" "วันท่ี ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๑" นายหลงจงึ ตกลงรบั ไว้ ครนั้ ถึงวนั ท่ี ๑
เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๑ นายหลงไปขน้ึ เอาเงนิ ทธ่ี นาคาร ๆ แจง้ ว่าจา่ ยใหไ้ มไ่ ดเ้ พราะ
(๑) เชค็ ลงวนั ทล่ี ว่ งหน้า
(๒) ลว่ งเลยเวลาขน้ึ เงนิ แลว้ และ
(๓) ไมม่ ชี ่อื นายหลงเป็นผรู้ บั เงนิ หรอื รบั สลกั หลงั
ถา้ นายหลงไดร้ บั เชค็ นนั้ ไวโ้ ดยสจุ รติ นายหลงจะมสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งเอาเงนิ ตามเชค็ นนั้
จากผใู้ ดไดบ้ า้ งหรอื ไม่
ธงคาตอบ
นายหลงมสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งเอาเงนิ ตามเช็คจากนายเหลอื งผู้สงั่ จ่ายได้ตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๙๘๙ ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๑๔ เพราะ (๑) เชค็ นนั้ ถอื ว่าออกในวนั ทล่ี งไวใ้ นเชค็ ซง่ึ อาจ
ลงวนั เดือนปีไว้ล่วงหน้าก็ได้ ฎีกาท่ี ๖๕๕/๒๔๙๘ (๒) เช็คน้ีมอี ายุเพยี ง ๒ เดอื นเศษเท่านัน้
ธนาคารยงั มหี น้าท่ตี ้องจ่ายเงนิ ตามเช็คนัน้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๙๙๑-๙๙๒ มาตรา ๙๙๐ ไม่
เก่ยี วกบั ความรบั ผดิ ของธนาคาร (๓) เชค็ น้ีเป็นชนิดออกใหแ้ ก่ผูถ้ อื จงึ ไม่จาเป็นท่จี ะต้องมชี ่อื
นายหลง ในฐานเป็นผรู้ บั เงนิ หรอื รบั สลกั หลงั นายหลงเป็นผทู้ รงตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๔
ส่วนนายหลงจะมสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งจากธนาคารทง่ี ดเวน้ จ่ายเงนิ หรอื ไม่น้ีให้ ๆ คะแนน
ตามเหตุผลทผ่ี ตู้ อบยกขน้ึ อา้ ง
๑๔๘
(๗) สมยั ท่ี ๑๑ ปี การศึกษา ๒๕๐๑
คาถาม นายแสงเขยี นเชค็ สงั่ จา่ ยเงนิ ใหน้ ายส่าง ๕,๐๐๐ บาท นายส่างเขยี นเพมิ่
จานวนเงนิ ลงในเชค็ เป็น ๑๕,๐๐๐ บาท แลว้ สลกั หลงั ชาระหน้ใี หแ้ ก่นายสงิ นายสงิ สลกั หลงั ชาระ
หน้ีใหแ้ ก่นายสนั ต์อกี ต่อหน่ึง นายสนั ตน์ าเชค็ ไปรบั เงนิ จากธนาคาร ธนาคารไม่จ่ายเงนิ ให้ โดย
ปรากฏว่านายแสงมเี งนิ ในธนาคารไมพ่ อจ่าย ดงั น้ี นายสนั ตจ์ ะเรยี กรอ้ งให้ นายสงิ นายส่าง และ
นายแสง คนใดใหร้ บั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ นนั้ ไดเ้ พยี งใดหรอื ไม่
ธงคาตอบ
การท่นี ายส่างเขยี นเพม่ิ จานวนเงนิ ลงในเชค็ เป็นการแกไ้ ขเปล่ยี นแปลงขอ้ สาคญั
ในเชค็ นนั้ โดยมปิ รากฏว่านายแสงผสู้ งั่ จา่ ยเงนิ ซง่ึ จะต้องรบั ผดิ ตามเชค็ นนั้ ไดย้ นิ ยอมดว้ ยเชค็ นนั้
จึงเป็ นอันเสีย นายแสงไม่ต้องรบั ผิดตามเช็คนั้นต่อไป แต่นายส่างซ่ึงเป็ นผู้ทาการแก้ไข
เปล่ยี นแปลงแล้ว ต้องรบั ผดิ ตามข้อความในเชค็ นัน้ นายสนั ต์จงึ มสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งให้นายสงิ และ
นายส่างใชเ้ งนิ ตามเชค็ นนั้ ได้ แต่ถา้ การทน่ี ายส่างแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงเพม่ิ จานวนลงในเชค็ นนั้ ไม่
ประจกั ษ์ คอื โดยปกติไม่อาจทราบการเปล่ยี นแปลงนัน้ ได้ นายสนั ต์ซ่งึ เป็นผูท้ รงเชค็ โดยชอบ
ดว้ ยกฎหมายจะเรยี กรอ้ งใหน้ ายแสงผสู้ งั่ จา่ ยใชเ้ งนิ ตามจานวนเดมิ คอื ๕,๐๐๐ บาท นนั้ กไ็ ด้ (ป.
พ.พ. มาตรา ๑๐๐๗)
(๘) สมยั ท่ี ๑๒ ปี การศึกษา ๒๕๐๒
คาถาม นายแดงเป็นหน้ีนายสี ๑,๐๐๐ บาท นายสเี ตอื นใหช้ าระ นายแดงขอผดั
ว่าจะไปขอเงนิ นายขาซง่ึ เป็นลุงมาใชใ้ หใ้ นวนั รงุ่ ขน้ึ นายขาสงสารหลานชายแต่ไม่มเี งนิ สดพอจงึ
ออกเชค็ สงั่ ใหธ้ นาคารจา่ ยเงนิ ใหแ้ ก่นายแดง รงุ่ ขน้ึ นายขากลบั ใจ เสยี ดายเงนิ ไดส้ งั่ ใหธ้ นาคารงด
จ่ายเงนิ ตามเชค็ นัน้ แต่ไม่ได้แจง้ ใหน้ ายแดงทราบ นายแดงเซน็ ช่อื สลกั หลงั เชค็ แลว้ นาไปมอบ
ใหแ้ ก่นายสี นายสนี าเชค็ ไปขน้ึ เงนิ ทธ่ี นาคาร ธนาคารไมจ่ า่ ยเงนิ ให้
ดงั น้ี ใครจะเรยี กรอ้ งใหใ้ ชเ้ งนิ หรอื รบั ผดิ ไดบ้ า้ ง
ธงคาตอบ
นายขาออกเช็คในมูลหน้ีซ่ึงเป็นการให้แก่นายแดงยงั ไม่สมบูรณ์ตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๕๒๓ นายขาจงึ ไมต่ ้องรบั ผดิ ต่อนายแดง ส่วนนายสเี ป็นผทู้ รงเชค็ ไม่ไดร้ บั โอนเชค็ ด้วย
คบคดิ กนั ฉ้อฉล นายขาจะยกขน้ึ ต่อสนู้ ายสไี มไ่ ดต้ าม ป.พ.พ. มาตรา ๙๘๙ และ ๙๑๖
นายสมี สี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งนายขาและนายแดงเรยี งตวั หรอื ร่วมกนั ให้ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ได้
ตามมาตรา ๙๘๙ และ ๙๖๗
๑๔๙
(๘) สมยั ท่ี ๑๓ ปี การศึกษา ๒๕๐๓
คาถาม บรษิ ัทดาสนิทจากัด ออกเช็คสงั่ ธนาคารจ่ายเงนิ ในบัญชีของบรษิ ัท
๑๐๐,๐๐๐ บาท แก่บรษิ ทั เขยี วสะอาดจากดั เป็นค่าซอ้ื สนิ ค้า เชค็ นัน้ ประทบั ตราบรษิ ทั ดาสนิท
จากดั และลงลายมอื ช่อื นายดาในฐานะประธานกรรมการของบรษิ ัท บรษิ ัทเขยี วสะอาดจากดั
ไดร้ บั เชค็ แลว้ กส็ ลกั หลงั เชค็ โอนใหแ้ ก่บรษิ ทั เหลอื งสดจากดั เพอ่ื ชาระหน้ีทค่ี า้ งอยู่ ต่อมานายดา
ตายธนาคารไมย่ อมใชเ้ งนิ ตามเชค็ นนั้ โดยอา้ งว่าผสู้ งั่ จา่ ยตาย
ดงั น้ี ถา้ บรษิ ทั เหลอื งสดจากดั มาปรกึ ษาท่าน ทา่ นจะแนะนาอยา่ งไร
ธงคาตอบ
บรษิ ัทดาสนิทจากดั เป็นผู้สงั่ จ่าย ธนาคารไม่มสี ทิ ธถิ อื เอาความตายของนายดา
เป็นเหตุไม่ใช้เงนิ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๙๒(๒) บรษิ ัทเหลอื งสดจากดั จงึ มสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งให้
ธนาคารใชเ้ งนิ ตามเชค็ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๙๑) หรอื จะเรยี กรอ้ งจากบรษิ ทั ดาสนิทจากดั ผสู้ งั่ จา่ ย
หรอื บรษิ ทั เขยี วสะอาดจากดั ผสู้ ลกั หลงั กไ็ ด้ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๑๔)
(๙) สมยั ที่ ๑๔ ปี การศึกษา ๒๕๐๔
คาถาม นายดาออกเชค็ สงั่ จ่ายให้นายแดง นายแดงเอาเชค็ ไปขน้ึ เงนิ ธนาคาร
ปฏเิ สธการใชเ้ งนิ เพราะบญั ชขี องนายดาถกู ปิดมานานแลว้ นายแดงจะฟ้องเรยี กเงนิ จากนายดาก็
ไม่มที รพั ยท์ ่จี ะใชห้ น้ี จงึ ให้นายดาหาคนมาประกนั มฉิ ะนัน้ จะฟ้องคดอี าญา นายดาไปเอานาย
เขยี วมาเซน็ ช่อื ลงในหลงั เชค็ นนั้ แลว้ มอบเชค็ ใหน้ ายแดงไป
ดงั น้ี นายเขยี วจะตอ้ งรบั ผดิ ต่อนายแดงเพยี งใดหรอื ไม่
ธงคาตอบ
นายเขยี วไม่ต้องรบั ผิดเลย เพราะการเซ็นช่อื หลงั เชค็ ไม่มขี ้อความอนั จะปรบั ได้
ดว้ ยกฎหมายว่าดว้ ยการค้าประกนั และจะใหร้ บั ผดิ ในฐานะผสู้ ลกั หลงั เชค็ กไ็ มไ่ ดเ้ พราะนายแดง
รอู้ ยวู่ ่าบญั ชนี ายดาถกู ปิดแลว้
(๑๐)สมยั ท่ี ๑๗ ปี การศึกษา ๒๕๐๗
คาถาม นายเอกออกเชค็ ระบชุ อ่ื หน่งึ สงั่ ธนาคารใหจ้ า่ ยเงนิ ๕,๐๐๐ บาท แก่นาย
โท นายโททาเชค็ ฉบบั น้ีหายไป นายตรเี กบ็ ได้ เอาไปสลกั หลงั โดยปลอมช่อื ว่าเป็นนายโทโอน
ให้แก่นายจตั วา ซง่ึ รบั โอนไวโ้ ดยสุจรติ ต่อมาปรากฏว่าเชค็ ฉบบั น้ีนายจตั วานาไปขน้ึ เงนิ ไม่ได้
นายจตั วาจะมสี ทิ ธฟิ ้องเรยี กเงนิ ตามเชค็ จากนายเอกไดห้ รอื ไม่
๑๕๐
ธงคาตอบ
นายจตั วาไม่มสี ทิ ธฟิ ้องเรยี กเงนิ ตามเชค็ เพราะการท่นี ายโทผูท้ รงตวั ๋ เงนิ ทาเชค็
หาย นายตรเี ก็บไว้เอาไปสลกั หลงั โอนให้นายจตั วาโดยปลอมช่อื ว่าเป็นนายโทนัน้ ถงึ แมน้ าย
จตั วาจะรบั โอนไว้ โดยสุจรติ ก็ตาม ลายมอื ช่อื ปลอมนนั้ กเ็ ป็นอนั ใชไ้ มไ่ ดเ้ ลย ใครจะอ้างองิ อาศยั
แสวงสทิ ธอิ ย่างหน่ึงอยา่ งใดเพ่อื ยดึ หน่วงตวั ๋ เงนิ ไวก้ ด็ ี หรอื เพ่อื บงั คบั การใชเ้ งนิ เอาแก่ค่สู ญั ญา
แห่งเชค็ นัน้ คนใดคนหน่ึงกด็ ี ย่อมไมอ่ าจทาได้ เวน้ แต่นายเอกซง่ึ ถูกบงั คบั ให้ใชเ้ งนิ นนั้ จะเป็นผู้
ตอ้ งตดั บทมใิ หย้ กขอ้ มอื ช่อื ปลอมนนั้ ขน้ึ เป็นขอ้ ต่อสเู้ ท่านนั้ (ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๘)
(๑๑) สมยั ท่ี ๑๘ ปี การศึกษา ๒๕๐๘
คาถาม นายเขยี วออกตวั ๋ แลกเงนิ ๕,๐๐๐ บาท สงั่ นายแดงใหจ้ า่ ยเงนิ ใหแ้ ก่นาย
เหลอื ง นายเหลอื งนาตวั ๋ ไปย่นื ต่อนายแดง นายแดงรบั รองตวั ๋ นนั้ นายเหลอื งสลกั หลงั ตวั ๋ นัน้ ให้
นายม่วงเพ่อื ใชห้ น้ี ครนั้ ถงึ กาหนดใชเ้ งนิ นายมว่ งนาตวั ๋ ไปยน่ื ต่อนายแดงเพ่อื ใหใ้ ชเ้ งนิ นายแดง
ไมใ่ ช้ นายมว่ งไมไ่ ดท้ าคาคดั คา้ นไว้ ต่อมา ๑๐ วนั นายมว่ งสลกั หลงั โอนตวั ๋ ใหแ้ ก่นายชมพู นาย
ชมพจู ะเรยี กรอ้ งใหใ้ ครรบั ผดิ ไดบ้ า้ ง
ธงคาตอบ
นายม่วงสลกั หลงั ตวั ๋ แลกเงนิ เม่อื สน้ิ เวลาเพ่อื คดั คา้ นการไม่ใชเ้ งนิ ตามตวั ๋ นัน้ แล้ว
นายชมพูผู้ทรงจงึ มสี ิทธเิ พียงแต่จะเรยี กร้องเอาจากนายแดงผู้จ่ายซ่ึงได้รบั รองตัว๋ นัน้ และ
เรยี กรอ้ งจากนายมว่ งผซู้ ง่ึ สลกั หลงั ตวั ๋ นนั้ ภายหลงั ทส่ี น้ิ เวลาคดั คา้ นการไมใ่ ชเ้ งนิ ส่วนนายเขยี วผู้
สงั่ จา่ ย และนายเหลอื งผสู้ ลกั หลงั ก่อนสน้ิ เวลาสาหรบั คดั คา้ นการไม่ใชเ้ งนิ ยอ่ มหลุดพน้ จากความ
รบั ผดิ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๒๔ วรรคตน้ ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๗๓)
(๑๒) สมยั ท่ี ๑๙ ปี การศึกษา ๒๕๐๙
คาถาม นายชติ ออกเชค็ สงั่ ธนาคารศรเี มอื งระบุช่อื นายเตมิ เป็นผรู้ บั เงนิ และขดี
ครอ่ มเชค็ นนั้ ใชห้ น้ีใหน้ ายเตมิ นายเตมิ ทาเชค็ ตกหาย คนเกบ็ ไดป้ ลอมลายมอื นายเตมิ สลกั หลงั
ใหน้ ายแก่น นายแก่นเอาเชค็ เขา้ บญั ชขี องตวั ในธนาคารกรงุ ธน ธนาคารกรงุ ธนเรยี กเกบ็ เงนิ จาก
ธนาคารศรเี มอื ง ธนาคารศรเี มอื งจ่ายเงนิ ตามเชค็ ไปโดยสุจรติ และปราศจากประมาทเลนิ เล่อ
นายเตมิ จะฟ้องเรยี กรอ้ งเอาเงนิ จากนายชติ หรอื ธนาคารศรเี มอื งไดห้ รอื ไม่
ธงคาตอบ
เรยี กจากธนาคารศรเี มอื งไมไ่ ด้ เพราะธนาคารศรเี มอื งใชเ้ งนิ ตามเชค็ ขดี ครอ่ มโดย
สจุ รติ และปราศจากประมาทเลนิ เล่อ ถอื เสมอื นว่าเชค็ นนั้ ไดใ้ ชเ้ งนิ แก่ผเู้ ป็นเจา้ ของอนั แทจ้ รงิ แลว้
๑๕๑
เรยี กจากนายชิดไม่ได้ เพราะเช็คผ่านจากมอื นายชิตไปถึงมอื นายเติมแล้วเม่อื
ธนาคารศรเี มอื งจ่ายเงนิ ดงั กล่าว ถอื เสมอื นว่าเชค็ นนั้ ไดใ้ ชเ้ งนิ ใหแ้ ก่ผเู้ ป็นเจา้ ของอนั แทจ้ รงิ แลว้
(มาตรา ๙๙๘)
(๑๓) สมยั ที่ ๒๐ ปี การศึกษา ๒๕๐๑ (ข้อ ๖)
คาถาม มว่ งออกตวั ๋ แลกเงนิ สงั่ แดงจา่ ยเงนิ ใหเ้ หลอื ง ๕๐๐ บาท เหลอื งสลกั หลงั
โอนตวั ๋ ไปใหข้ าวเมอ่ื ขาวรบั ดอนตวั ๋ มานนั้ ขาวแกจ้ านวนเงนิ เป็น ๒,๕๐๐ บาท โดยแกท้ งั้ จานวน
ท่เี ป็นตวั เลขและตวั หนังสอื ได้อย่างแนบเนียนจนไม่อาจสงั เกตไดว้ ่าเป็นการแก้ไขในภายหลงั
แลว้ ขาวจงึ สลกั หลงั โอนใหด้ า ๆ สลกั หลงั โอนใหแ้ สด แสดผทู้ รงโดยชอบดว้ ยกฎหมายนาตวั ๋ ไป
ย่นื ให้แดงรบั รองแดงก็รบั รองให้ ครนั้ ถึงกาหนดใช้เงนิ แดงหนีไป ดงั นัน้ ถ้าแสดใช้สทิ ธไิ ล่เบ้ยี
มว่ ง เหลอื ง ขาว ดา จะตอ้ งรบั ผดิ ต่อแสดเพยี งใดหรอื ไม่
ธงคาตอบ
ตวั ๋ แลกเงนิ รายน้ี มขี าวผสู้ ลกั หลงั คนหน่ึงเป็นผแู้ ก้ไขเปลย่ี นแปลงในขอ้ สาคญั แต่
ความเปลย่ี นแปลงนัน้ ไม่ประจกั ษ์ เม่อื ตวั ๋ ตกอยใู่ นมอื แสดผูท้ รงโดยชอบดว้ ยกฎหมาย แสดจงึ
เอาประโยชน์จากตวั ๋ นนั้ ไดเ้ สมอื นดงั ว่ามไิ ดม้ กี ารแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงเลย และจะบงั คบั การใชเ้ งนิ
ตามเน้ือความเดมิ แห่งตวั ๋ นัน้ ก็ได้ ดงั นัน้ แสดจงึ ใช้สทิ ธไิ ล่เบย้ี จากม่วงและเหลอื งได้ในจานวน
๕๐๐ บาท (ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๗ วรรค ๒)
ส่วนขาวเป็นผู้แกจ้ านวนเงนิ ในตวั ๋ ก่อนทจ่ี ะสลกั หลงั ใหด้ า และดากเ็ ป็นผูส้ ลกั หลงั
ต่อมายงั แสด แสดจงึ ใชส้ ทิ ธไิ ล่เบย้ี จากขาวและดาไดใ้ นจานวนเงนิ ๒,๕๐๐ บาท เพราะขาวและ
ดาผูส้ ลกั หลงั ทงั้ สองคนน้ี ย่อมเป็นอนั สญั ญาว่าเม่อื ตวั ๋ นัน้ ได้นาย่นื โดยชอบแลว้ จะมกี ารใชเ้ งนิ
ตามตวั ๋ เมอ่ื แดงหนีไปไม่ใชเ้ งนิ ตามคารบั รอง ขาว และดาจงึ ตอ้ งรบั ผดิ ต่อแสดดงั กลา่ ว (ป.พ.พ.
มาตรา ๙๑๔)
(๑๔) สมยั ที่ ๒๑ ปี การศึกษา ๒๕๑๑ (ข้อ ๖)
คาถาม นายซ่อื ถูกนายคดใช้อาวุธขู่ให้ลงช่อื สงั่ จ่ายเช็คเงนิ ห้าพนั บาทให้ตน
นายซอ่ื มคี วามกลวั จงึ ยอมเซน็ เชค็ ให้ แต่เพราะมไี หวพรบิ ดี จงึ แกลง้ เซน็ ชอ่ื ใหผ้ ดิ ไปจากลายเซน็
ทม่ี อบไวเ้ ป็นตวั อย่างแก่ธนาคาร นายคดนาเชค็ ไปโอนใชห้ น้ีให้แก่ บรษิ ทั สหบรโิ ภค ผู้รบั เชค็
นัน้ ไว้โดยสุจรติ บรษิ ัทนาเชค็ ไปขน้ึ เงนิ ท่ีธนาคาร ธนาคารไม่ยอมจ่ายเพราะลายมอื ช่อื สงั่ จ่าย
แตกต่างกบั ตวั อย่างทน่ี ายซ่อื ใหไ้ ว้เป็นอนั มาก ดงั น้ี บรษิ ทั จะฟ้องนายซ่อื และธนาคารใหร้ บั ผดิ
ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ไดห้ รอื ไม่
๑๕๒
ธงคาตอบ
บรษิ ทั ฟ้องนายซ่อื ให้รบั ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ไดเ้ พราะนายซ่อื เป็นผู้ลงลายมอื ช่อื สงั่ จ่าย
เชค็ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐, ๘๑๔, ๙๘๙
นายซ่อื ผู้ถูกฟ้องในมูลเช็คหาอาจจะต่อสู้บรษิ ัทผู้ทรงด้วยข้อต่อสูอ้ นั อาศยั ความ
เก่ยี วพนั กนั เฉพาะบุคคลระหว่างตนกบั นายคดผทู้ รงคนก่อนนนั้ ไม่ได้ เพราะบรษิ ทั ผทู้ รงรบั โอน
เชค็ จากนายคดไวโ้ ดยสจุ รติ การโอนมไิ ดม้ ขี น้ึ ดว้ ยคบคดิ กนั ฉ้อฉล (ป.พ.พ. มาตรา ๙๑๖, ๙๘๙)
บรษิ ทั จะฟ้องธนาคารให้รบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ไม่ได้ เพราะธนาคารไมม่ หี น้าท่ตี ่อผู้
ทรงทจ่ี ะตอ้ งจา่ ยเงนิ ตามเชค็ เวน้ แต่จะเป็นกรณที ธ่ี นาคารลงขอ้ ความรบั รองว่าจะใชเ้ งนิ ตามเชค็
ใหแ้ ก่ผทู้ รงตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๙๓
(๑๔) สมยั ที่ ๒๒ ปี การศึกษา ๒๕๑๒
คาถาม นายแดงออกตวั ๋ แลกเงนิ สงั่ นายเขยี วใชเ้ งนิ ใหแ้ ก่นายมว่ ง นายมว่ งสลกั
หลงั โอนตวั ๋ ให้นายเหลอื งโดยมนี ายชมพูเขา้ รบั อาวลั ค้าประกนั นายม่วง นายเหลอื งผ่อนเวลา
ให้แก่นายเขยี วโดยนายแดง นายม่วง และนายชมพูมไิ ด้ตกลงดว้ ยในการผ่อนเวลานัน้ ครงั้ ถึง
กาหนดเวลาทผ่ี ่อนให้ นายเขยี วกไ็ ม่มเี งนิ ใชใ้ หน้ ายเหลอื ง ดงั น้ี นายเหลอื งจะฟ้องเรยี กเงนิ ตาม
ตวั ๋ จากนายแดง นายมว่ ง และนายชมพไู ดห้ รอื ไม่
ธงคาตอบ
นายเหลอื งจะฟ้องเรยี กเงนิ ตามตวั ๋ และเงนิ นายแดงและนายม่วงไม่ได้ เพราะนาย
เหลอื งผทู้ รงตวั ๋ ยอมผ่อนเวลาให้แก่นายเขยี วผู้จ่าย โดยนายแดงและนายม่วงผเู้ ป็นค่สู ญั ญาคน
ก่อน ๆ มไิ ดต้ กลงในการผอ่ นเวลานนั้ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๔๘)
นายเหลอื งฟ้องเรยี กเงนิ จากนายชมพูผูร้ บั อาวลั ได้ เพราะแมถ้ งึ ว่าความรบั ผดิ ใช้
เงนิ อนั ผู้รบั อาวลั ได้ประกนั อย่นู ัน้ จะตกเป็นใช้ไม่ได้ด้วยเหตุใด ๆ นอกจากเพราะทาผดิ แบบ
ระเบยี บขอ้ ทส่ี ญั ญารบั อาวลั นนั้ กค็ งสมบรู ณ์ การทน่ี ายเหลอื งผทู้ รงยอมผอ่ นเวลาใหแ้ ก่นายเขยี ว
ผจู้ า่ ยดงั กลา่ ว ไมใ่ ช่กรณที าผดิ แบบระเบยี บ(ป.พ.พ. มาตรา ๙๔๐ วรรคสอง)
(๑๕) สมยั ที่ ๒๓ ปี การศึกษา ๒๕๑๓
คาถาม นายบณั ฑติ ไม่เคยมเี งนิ ฝากอยู่ในธนาคารแห่งใดเลย แต่นายบณั ฑติ
เป็นลูกหน้ีนายภกั ดอี ยู่ ๑๐,๐๐๐ บาท เมอ่ื ถูกนายภกั ดที วงถามบ่อยๆ เขา้ นายบณั ฑติ จงึ ขอเชค็
ของนายจารสั ซง่ึ เป็นเพ่อื นกนั และมบี ญั ชฝี ากเงนิ อย่ใู นธนาคารสยามพาณชิ ยจ์ ากดั มาเขยี นสงั่
จา่ ยเชค็ ใหแ้ ก่นายภกั ดตี ามยอดทเ่ี ป็นหน้ีนนั้ แลว้ ลงช่อื นายบณั ฑติ เป็นผสู้ งั่ จา่ ย นายภกั ดนี าเชค็
ดังกล่าวไปข้ึนเงนิ ท่ีธนาคาร แต่ธนาคารปฏิเสธการสงั่ จ่ายโดยอ้างเหตุผลในใบคืนเช็คว่า
๑๕๓
"ลายเซน็ ผูส้ งั่ จ่ายไม่ถูกต้อง" เม่อื นายภกั ดนี าเชค็ ไปขน้ึ เงนิ ไม่ไดเ้ ช่นน้ี นายภกั ดจี ะฟ้องผู้ใดให้
รบั ผดิ ตามเชค็ ฉบบั ดงั กลา่ วไดห้ รอื ไม่
ธงคาตอบ
นายภกั ดตี อ้ งฟ้องนายบณั ฑติ ให้รบั ผดิ แต่เพยี งผเู้ ดยี ว แมน้ ายบณั ฑติ จะไม่มเี งนิ
ฝากอยใู่ นธนาคารใด ๆ และเชค็ รายพพิ าทสงั่ จา่ ยโดยใชแ้ บบพมิ พเ์ ชค็ ตามบญั ชเี งนิ ฝากของนาย
จารสั กต็ าม แต่กท็ าเป็นหนงั สอื ตราสารซง่ึ มรี ายการครบถ้วนบรบิ ูรณ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐,
๙๘๗, ๙๘๘ เม่อื นายภกั ดซี ง่ึ เป็นผูท้ รงนาเชค็ ไปขน้ึ เงนิ ไม่ได้ นายบณั ฑติ ซ่งึ เป็นผูส้ งั่ จ่ายย่อม
ต้องรบั ผดิ ตามเชค็ นัน้ ต่อนายภกั ดี ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๔๑ และ ๙๖๗ (คาพิพากษาฎีกาท่ี
๑๘๕๔/๒๕๑๑)
(๑๖) สมยั ท่ี ๒๔ ปี การศึกษา ๒๕๑๔
คาถาม เอกทาสมดุ เชค็ ของตนตกหาย โทเกบ็ ไดจ้ งึ ปลอมลายมอื ช่อื เอกสงั่ จา่ ย
เชค็ เงนิ ๒,๐๐๐ บาทใหต้ รี ตรสี ลกั หลงั โอนใหจ้ ตั วา จตั วาสลกั หลงั ดอนใหเ้ บญจ เบญจนาเชค็ ไป
เบกิ เงนิ ท่ธี นาคาร ธนาคารปฏเิ สธการจ่ายเงนิ เพราะเอกแจง้ ต่อธนาคารไว้ว่าสมุดเชค็ ของตน
หายไปดงั น้ี ใครบา้ งจะตอ้ งรบั ผดิ ชอบต่อเบญจตามเชค็ ฉบบั น้ี
ธงคาตอบ
เอกไม่ต้องรบั ผดิ ต่อเบญจ เพราะลายมอื ช่อื ของเอกทล่ี งสงั่ จ่ายนัน้ เป็นลายมอื ช่อื
ปลอม เว้นแต่เอกจะอยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือช่อื ปลอมข้นึ เป็นข้อต่อสู้
(มาตรา ๑๐๐๘)
ตรแี ละจตั วาต้องรบั ผดิ ต่อเบญจ เพราะแมเ้ ชค็ ฉบบั น้ีจะเกดิ ขน้ึ จากลายมอื ช่อื ผูส้ งั่
จ่ายปลอมก็ตาม การท่ีลายมอื ช่อื ของเอกปลอมย่อมไม่กระทบกระทงั่ ถึงความสมบูรณ์แห่ง
ลายมอื ชอ่ื อ่นื ๆ ในตวั ๋ เงนิ นนั้ (มาตรา ๑๐๐๖)
โทต้องรบั ผดิ ต่อเบญจ เพราะโทเป็นผู้ลงลายมอื ช่อื สงั่ จา่ ยเชค็ ฉบบั น้ี แมจ้ ะลงเป็น
ช่อื เอกซ่งึ ไม่ใช่ช่อื ของตนก็ตาม โทก็ยงั คงต้องรบั ผดิ ต่อเบญจในฐานท่โี ทเป็นผูส้ งั่ จ่าย (มาตรา
๙๐๐, ๙๑๔)
(๑๗) สมยั ท่ี ๒๕ ปี การศึกษา ๒๕๑๕
คาถาม ตุ้ยออกเช็คใช้หน้ีจวิ๋ จวิ๋ สลกั หลงั ลอยโอนให้ป้อม ป้อมทาเช็คตกหาย
ปานเกบ็ ไดจ้ งึ เอาเชค็ ไปซอ้ื สนิ คา้ จากเอยี ด ป้อมรวู้ ่าเชค็ ของตนไปอยทู่ เ่ี อยี ดและเหน็ ว่าเอยี ดไม่
มสี ทิ ธใิ นเช็ค เพราะตนไม่ได้โอนเช็คนัน้ ให้เอยี ด จงึ ทวงเช็คจากเอยี ด เอยี ดจะต้องคนื เช็คให้
หรอื ไม่ หากเอยี ดไมต่ อ้ งคนื ใครบา้ งทจ่ี ะตอ้ งรบั ผดิ และไมต่ อ้ งรบั ผดิ ตามเชค็ ต่อเอยี ด
๑๕๔
ธงคาตอบ
เอยี ดเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายเพราะเชค็ ท่ปี ้อมทาตกหายมกี ารสลกั หลงั
ลอยเป็นรายท่สี ุดและเชค็ ท่สี ลกั หลงั ลอยนัน้ ย่อมโอนให้กนั ไดด้ ้วยการส่งมอบโดยไม่ต้องสลกั
หลงั ในกรณีเช่นน้ี ผู้ทรงหาจาต้องสละตวั ๋ เงนิ ไม่ เว้นแต่จะไดม้ าโดยทุจรติ หรอื ได้มาดว้ ยความ
ประมาทเลนิ เลอ่ อยา่ งรา้ ยแรง ตามขอ้ เทจ็ จรงิ ในปัญหาไมป่ รากฏวา่ เอยี ดไดเ้ ชค็ นนั้ มาโดยทุจรติ
หรอื ประมาทเลนิ เลอ่ อยา่ งรา้ ยแรง เอยี ดจงึ ไมต่ อ้ งคนื เชค็ ใหป้ ้อม(ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๕ วรรคหน่ึง
และสอง, ๙๒๐(๓) ประกอบดว้ ย ๙๘๙) เม่อื เอยี ดไมต่ ้องคนื เชค็ ผทู้ ต่ี อ้ งรบั ผดิ ตามเชค็ ต่อเอยี ดก็
คอื ตุ้ยผสู้ งั่ จา่ ยและจวิ๋ ผูส้ ลกั หลงั (ป.พ.พ. มาตรา ๙๖๔, ๙๖๗ ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๘๙) ส่วน
ป้อมและปานไม่ต้องรบั ผดิ ตามเชค็ ต่อเอยี ดเพราะบุคคลทงั้ สองน้ีมไิ ด้ลงลายมอื ช่อื ในเช็ค (ป.
พ.พ. มาตรา ๙๐๐)
สมยั ท่ี ๒๖ ปี การศึกษา ๒๕๑๖
คาถาม แก้วได้รบั ใช้หน้ีด้วยเชค็ ฉบบั หน่ึงโดยลูกหน้ีสงั่ จ่ายเงนิ ๕,๐๐๐ บาท
ระบุช่อื แกว้ เป็นผูร้ บั เงนิ แก้วสลกั หลงั เชค็ นนั้ ใชห้ น้ีเพชรโดยระบุช่อื เพชรเป็นผรู้ บั สลกั หลงั แล้ว
เกบ็ เชค็ นนั้ ไวใ้ นล้นิ ชกั ยงั ไมไ่ ดส้ ่งมอบเชค็ นนั้ ใหเ้ พชร พลอยเสมยี นของแก้วแอบเอาเชค็ นนั้ ไป
แลว้ ปลอมลายมอื ช่อื ของเพชรสลกั หลงั ลอยโอนใหน้ ิลเป็นการชาระราคาทต่ี นซอ้ื นิลยงั ไมไ่ ดน้ า
เชค็ ไปเบกิ เงนิ ท่ธี นาคาร แก้วและเพชรรมู้ าว่าเชค็ ไปตกอย่ทู น่ี ิล ทงั้ นิล เพชร และแกว้ ต่างอ้าง
ว่าตนมสี ทิ ธติ ามกฎหมายในเชค็ ฉบบั ดงั กล่าว จงวนิ ิจฉยั ว่าใครเป็นผทู้ รงเชค็ ฉบบั นนั้
ถ้านิลนาเช็คฉบับนัน้ ไปเบิกเงนิ ท่ีธนาคาร แต่ธนาคารไม่ยอมจ่ายเงนิ ตามเช็ค
เพราะแกว้ สงั่ หา้ มธนาคารไว้ นลิ จะเรยี กเงนิ ตามเชค็ จากใครไดบ้ า้ ง
ธงคาตอบ
(ก) ถ้ามกี ารโตแ้ ยง้ สทิ ธกิ นั ในระหว่างนิล เพชร และแกว้ แก้วเป็นผทู้ รงเชค็ เพราะ
แม้ว่าแก้วจะสลกั หลงั เชค็ ใชห้ น้ีเพชรก็ตาม แก้วยงั มไิ ดส้ ่งมอบเชค็ ให้แก่เพชร การท่แี ก้วต้อง
ปราศจากเชค็ ไปจากครอบครอง นิลจาตอ้ งสละเชค็ คนื ใหแ้ กว้ เพราะนลิ ไดร้ บั สลกั หลงั เชค็ มาโดย
ลายมอื ช่ือสลกั หลงั ท่ีเป็นลายมอื ช่อื ปลอม ถึงแม้นิลจะได้รบั สลกั หลงั มาโดยสุจรติ หรอื มิได้
ประมาทเลนิ เล่ออย่างร้ายแรงก็ตาม (ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๕ วรรคแรกและวรรคสอง, มาตรา
๑๐๐๘)
เพชรไม่ใช่ผทู้ รงเชค็ เพราะแมก้ ารสลกั หลงั ของแก้วระบุช่อื เพชรเป็นผรู้ บั สลกั หลงั
กต็ าม เพชรกม็ ไิ ดม้ เี ชค็ นนั้ ไวใ้ นครอบครอง (ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๔)
(ข) ถา้ นิลนาเชค็ ไปเบกิ เงนิ จากธนาคาร แต่ธนาคารไม่ยอมจ่ายเงนิ ตามเชค็ เพราะ
แก้วสงั่ หา้ มธนาคารไว้ นิลเรยี กเงนิ ตามเชค็ จากพลอยผสู้ ลกั หลงั ได้ แมพ้ ลอยจะไดล้ งลายมอื ช่อื
สลกั หลงั ว่าเพชรกต็ ามกถ็ อื ไดว้ า่ พลอยลงลายมอื ช่อื สลกั หลงั นนั่ เอง การทล่ี งลายมอื ชอ่ื ของเพชร
๑๕๕
ในเชค็ เป็นลายมอื ปลอม ย่อมไม่กระทบกระทงั่ ถงึ ความสมบูรณ์แห่งลายมอื ช่อื ท่พี ลอยลงไวใ้ น
เชค็ นนั้ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐, ๙๑๔, ๑๐๐๖)
(๑๘) สมยั ท่ี ๒๗ ปี การศึกษา ๒๕๑๗
คาถาม มนั่ ขายสนิ ค้าให้แม้น มงิ่ บอกมนั่ ว่ายนิ ดเี ป็นผู้ค้าประกนั แมน้ แมน้ ไม่
ชาระราคาสนิ คา้ มนั่ จงึ ออกตวั ๋ แลกเงนิ ๑ ฉบบั สงั่ แมน้ ใหจ้ า่ ยเงนิ ตามจานวนค่าสนิ คา้ ใหแ้ ก่ผถู้ อื
และยน่ื ตวั ๋ ต่อแมน้ แมน้ และมงิ่ ต่างลงลายมอื ช่อื ไวห้ น้าตวั ๋ แลว้ มงิ่ มอบตวั ๋ ใหม้ นั่ มนั่ สลกั หลงั โอน
ตวั ๋ นนั้ ให้หม่น ถงึ กาหนดใชเ้ งนิ หมน่ นาตวั ๋ ไปทวงเงนิ จากแมน้ แมน้ ไมม่ เี งนิ ใชต้ ามตวั ๋ ใครบา้ ง
จะตอ้ งรบั ผดิ หรอื ไมต่ อ้ งรบั ผดิ ต่อหมน่ สาหรบั ผตู้ อ้ งรบั ผดิ รบั ผดิ ในฐานะใด
ธงคาตอบ
๑. แมน้ ตอ้ งรบั ผดิ ต่อหม่นในฐานะเป็นผรู้ บั รองตวั ๋ แลกเงนิ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐,
๙๓๑, ๙๓๗, ๙๖๗)
๒. มงิ่ ตอ้ งรบั ผดิ ต่อหม่นในฐานะเป็นผรู้ บั อาวลั มนั่ ผสู้ งั่ จา่ ย (ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐,
๙๓๙ วรรคสาม, วรรคส่,ี มาตรา ๙๔๐, ๙๖๗) ไม่ใช่ในฐานะผู้รบั อาวลั แมน้ ผู้รบั รองถงึ แมม้ ง่ิ มี
เจตนาเชน่ นนั้ กต็ าม (เพราะมไิ ดร้ ะบุว่าอาวลั ใคร ถอื วา่ อาวลั ผสู้ งั่ จา่ ย มาตรา ๙๓๙ วรรคทา้ ย)
๓. มนั่ ต้องรบั ผดิ ต่อหมน่ ในฐานะเป็นผสู้ งั่ จ่าย (ป.พ.พ.มาตรา ๙๐๐, ๙๑๔, ๙๖๗)
การทม่ี นั่ สลกั หลงั ตวั ๋ นนั้ เน่ืองจากเป็นตวั ๋ ทอ่ี อกใหแ้ ก่ผถู้ อื มนั่ จงึ มไิ ดร้ บั ผดิ ในฐานะผสู้ ลกั หลงั แต่
รบั ผดิ ในฐานะผรู้ บั อาวลั ผสู้ งั่ จา่ ยดว้ ย (ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐, ๙๒๑)
(๑๙) สมยั ที่ ๒๘ ปี การศึกษา ๒๕๑๘
คาถาม ตุย้ ออกเชค็ สงั่ จา่ ยเงนิ ๕,๐๐๐ บาท ใชห้ น้ีต่วน ระบุช่อื ต่วนในช่องผรู้ บั
เงนิ แต่มไิ ด้ขดี ฆ่าขอ้ ความว่า "หรอื ผู้ถอื " ในท้ายบรรทดั นัน้ ออก ต่วนสลกั หลงั ระบุช่อื เติมเป็น
ผู้รบั ประโยชน์แล้วมอบเช็คนัน้ ให้เติมเป็นค่าจ้าง เติมนาเช็คไปเบิกเงนิ ธนาคารปฏิเสธการ
จา่ ยเงนิ เพราะเงนิ ในบญั ชขี องตุ้ยมไี มพ่ อจา่ ย เตมิ จงึ คนื เชค็ นนั้ ใหต้ ่วนโดยรบั เงนิ สดจากต่วนไป
ต่วนนาเชค็ ไปย่นื ธนาคารเพ่อื ใหใ้ ช้เงนิ เมอ่ื พ้นกาหนด ๔ เดอื น นับจากวนั ออกเชค็ เงนิ ในบญั ชี
ของตุ้ยไมม่ เี หลอื เลย ธนาคารจงึ ไม่จา่ ย ต่วนจงึ ฟ้องตุย้ เรยี กเงนิ ตามเชค็ ตุย้ ใหก้ ารต่อสวู้ ่าตนไม่
ตอ้ งรบั ผดิ เพราะต่วนไดส้ ลกั หลงั โอนสทิ ธใิ นเชค็ ใหเ้ ตมิ ไปแลว้ เตมิ มไิ ดส้ ลกั หลงั เชค็ โอนกลบั คนื
มาใหต้ ่วน ต่วนจงึ ไม่มอี านาจฟ้อง และเพราะต่วนมไิ ดย้ น่ื เชค็ แก่ธนาคารเพ่อื ให้ใชเ้ งนิ ภายใน ๑
เดอื น นบั แต่วนั ออกเชค็ ใหว้ นิ จิ ฉยั
๑๕๖
ธงคาตอบ
๑. แมต้ ่วนจะได้สลกั หลงั มอบเชค็ ให้เตมิ ไปแล้วก็ตาม แต่เชค็ ยงั มคี าว่า "หรอื ผู้
ถอื " ซง่ึ หมายความว่าใหใ้ ชเ้ งนิ แต่ผถู้ อื กไ็ ด้ แสดงว่าตุย้ ผสู้ งั่ จา่ ยประสงคส์ งั่ จ่ายไมเ่ ฉพาะแก่ต่วน
ซง่ึ มชี ่อื เป็นผรู้ บั เงนิ แต่ยอมจา่ ยใหแ้ ก่ผถู้ อื ดว้ ย เชค็ ทอ่ี อกใหแ้ ก่ผถู้ อื นนั้ ยอ่ มโอนไปเพยี งดว้ ยส่ง
มอบใหก้ นั เตมิ จงึ ไมจ่ าเป็นต้องสลกั หลงั เชค็ เพยี งแต่มอบเชค็ คนื ใหต้ ่วนและต่วนให้รบั เชค็ นัน้
ไว้ ก็มผี ลทาให้ต่วนเป็นผู้ทรงเชค็ นัน้ แล้ว ต่วนจงึ มอี านาจฟ้องตุ้ยได้ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๔,
๙๑๘ ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๘๙, คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๗๙๙/๒๕๑๐ และท่ี ๖๒๒/๒๕๑๒)
๒. แมต้ ่วนจะมไิ ดย้ น่ื เชค็ แก่ธนาคารเพ่อื ใหใ้ ชเ้ งนิ ภายในกาหนด ๑ เดอื น หรอื ๓
เดอื น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๙๙๐ กต็ าม ต่วนกไ็ มเ่ สยี สทิ ธอิ นั มตี ่อตุย้ ผู้
สงั่ จ่าย เพราะความเสยี หายอนั เกิดจากผู้ทรงไม่นาเช็คไปย่นื ให้ใช้เงนิ ภายในกาหนดเวลา
ดงั กล่าวแลว้ นนั้ หมายถงึ ผสู้ งั่ จา่ ยสญู เสยี เงนิ ทม่ี อี ยใู่ นธนาคาร เพราะการทผ่ี ทู้ รงเชค็ ไมน่ าไปย่นื
ขน้ึ เงนิ ภายในกาหนดเช่น ธนาคารลม้ ละลาย เงนิ ของผู้สงั่ จ่ายท่ฝี ากไวก้ บั ธนาคารสูญไปดว้ ย
เป็นตน้ กรณนี ้เี ป็นเรอ่ื งตุย้ ผสู้ งั่ จา่ ยเองไมม่ เี งนิ ในธนาคาร (ป.พ.พ. มาตรา ๙๙๐)
เม่อื ตุย้ เป็นผู้ลงลายมอื ช่อื สงั่ จ่าย ตุ้ยจงึ ต้องรบั ผดิ ต่อต่วนตามเน้ือความในเชค็ นัน้
(ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐,๙๔๑ ประกอบด้วยมาตรา ๙๘๙, ๙๖๗ และ คาพพิ ากษาฎีกาท่ี ๑๑๖๒/
๒๕๑๕)
(๒๐) สมยั ที่ ๒๙ ปี การศึกษา ๒๕๑๙
คาถาม นายปล้มื สงั่ จ่ายเช็คเงนิ ๒๐,๐๐๐ บาท ใช้หน้ีนายเปรม เป็นเช็คขีด
คร่อมทวั่ ไป สงั่ ใหใ้ ชเ้ งนิ แก่ผถู้ อื และในเชค็ นนั้ มคี าว่า "ห้ามเปลย่ี นมอื " นายเปรมได้รบั เชค็ แล้ว
ถกู นายป้อมขโมยเชค็ ไป นายหอ้ มส่งมอบเชค็ นนั้ ใชห้ น้นี ายเปรอ่ื ง นายเปรอ่ื งรบั เชค็ ไวโ้ ดยสจุ รติ
แลว้ นาเชค็ ไปขน้ึ เงนิ ทธ่ี นาคาร ธนาคารปฏเิ สธการจ่ายเงนิ ดงั น้ี นายเปร่อื งจะฟ้องไล่เบย้ี เรยี ก
เงนิ ตามเชค็ เอาเงนิ จากนายปลม้ื และจากนายป้อมไดห้ รอื ไม่ และเม่อื นายเปรมทราบว่าเชค็ ของ
ตนท่หี ายไปอย่ทู ่นี ายเปรอ่ื ง จงึ เรยี กรอ้ งใหน้ ายเปร่อื งคนื เชค็ ใหต้ น ดงั น้ี เปรอ่ื งผูร้ บั เชค็ ไวโ้ ดย
สจุ รติ จะตอ้ งคนื เชค็ ใหน้ ายเปรมหรอื ไม่
ธงคาตอบ
นายเปร่อื งไดเ้ ชค็ ขดี คร่อมซง่ึ มคี าวา่ "หา้ มเปลย่ี นมอื " มาจากนายป้อม นายเปรอ่ื ง
จงึ ไม่มสี ทิ ธใิ นเชค็ นนั้ ยง่ิ ไปกว่าสทิ ธขิ องบุคคลอนั ตนไดเ้ ชค็ มา เน่ืองจากนายป้อมไดเ้ ชค็ มาจาก
นายเปรมโดยการขโมย แมน้ ายเปรอ่ื งจะไดร้ บั เชค็ จากป้อมไวโ้ ดยสุจรติ นายเปรอ่ื งกไ็ มอ่ าจฟ้อง
ไลเ่ บย้ี เรยี กเงนิ ตามเชค็ เอาจากนายปลม้ื ผสู้ งั่ จา่ ยได้ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๙๙)
และเม่อื นายเปรมเรยี กเช็คคืนจากนายเปร่อื งด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น นาย
เปร่อื งต้องคนื เชค็ ใหน้ ายเปรม (ป.พ.พ. มาตรา ๙๙๙) แมน้ ายเปร่อื งจะรบั เชค็ ไวโ้ ดยสุจรติ นาย
๑๕๗
เปรอ่ื งกไ็ มไ่ ดร้ บั ความคุม้ ครองตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๕ วรรคสาม เพราะ ป.พ.พ. มาตรา ๙๙๙
เป็นบทบญั ญตั พิ เิ ศษสาหรบั รบั เชค็ ขดี ครอ่ มยกเว้น มาตรา ๙๐๕ วรรคสอง
นายเปรอ่ื งไม่อาจไล่เบย้ี จากนายป้อมเพราะนายป้อมมไิ ด้ลงลายมอื ช่อื ในเช็คนัน้
(ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐)
(๒๑) สมยั ที่ ๓๐ ปี การศึกษา ๒๕๒๐
คาถาม นายเอกออกเชค็ สงั่ ธนาคารมาหานครระบุช่อื นายโทเป็นผูร้ บั เงนิ และ
ขดี คร่อมเชค็ นัน้ ชาระหน้ีให้แก่นายโท นายโททาเชค็ ฉบบั น้ีหายไป นายตรเี ก็บได้เอาไปสลกั
หลงั โดยปลอมชอ่ื ว่า นายโทโอนใหน้ ายจตั วาซง่ึ รบั โอนไวโ้ ดยสุจรติ และปราศจากความประมาท
เลนิ เล่อ
ทงั้ ฝ่ ายนายโทก็มิได้รู้เห็นในการปลอม หรอื แสดงออกให้นายจตั วาหลงเช่อื ว่า
ลายมอื ทส่ี ลกั หลงั นนั้ เป็นของนายโทโดยชอบแต่อยา่ งใด ดงั น้นี ายโทจะฟ้องเรยี กเชค็ คนื จากนาย
จตั วาไดห้ รอื ไมแ่ ละถ้านายจตั วาเอาเชค็ เขา้ บญั ชขี องตนในธนาคารสนิ ไทย ธนาคารสนิ ไทยเรยี ก
เกบ็ เงนิ จากธนาคารมหานครไดโ้ ดยสุจรติ ปราศจากประมาทเลนิ เล่อ แต่ไดใ้ หน้ ายจตั วาถอนเงนิ
นนั้ ไปจา่ ยหมดแลว้ นายโทจะฟ้องเรยี กใหธ้ นาคารสนิ ไทยใชเ้ งนิ จานวนน้แี ต่ตนไดห้ รอื ไม่
ธงคาตอบ
นายโทฟ้องเรยี กเชค็ คนื จากนายจตั วาได้ เพราะเม่อื นายตรเี ก็บเชค็ ไดเ้ อาไปสลกั
หลงั โอนให้นายจตั วาโดยปลอมช่อื นายโท ถงึ แมน้ ายจตั วาจะไดร้ บั โอนโดยสุจรติ และปราศจาก
ความประมาทเลนิ เล่อกต็ าม ลายมอื ช่อื ปลอมนนั้ เป็นอนั ใชไ้ มไ่ ดเ้ ลย ทงั้ นายโทกไ็ มอ่ ยใู่ นฐานเป็น
ผตู้ ้องตดั บทมใิ หย้ กขอ้ ลายมอื ช่อื ปลอมขน้ึ ต่อสนู้ ายจตั วาจงึ จะอ้างองิ อาศยั แสวงสทิ ธอิ ย่างหน่ึง
อยา่ งใด เพอ่ื ยดึ หน่วงตวั ๋ เงนิ ไวย้ อ่ มไมอ่ าจทาได้ ตามมาตรา ๑๐๐๘
นายโทจะฟ้องเรยี กให้ธนาคารสนิ ไทยใช้เงนิ แก่ตนไม่ได้ เพราะธนาคารสินไทย
ไดร้ บั เงนิ ไว้เพ่อื นายจตั วาผเู้ คยคา้ ของตนโดยสุจรติ และปราศจากประมาทเลนิ เล่อ อนั เป็นเงนิ ท่ี
ธนาคารมหานครใชใ้ ห้ตามเชค็ ขดี คร่อม แมน้ ายจตั วาไม่มสี ทิ ธใิ นเชค็ นัน้ ธนาคารสนิ ไทยก็หา
ตอ้ งรบั ผดิ ต่อนายโทผเู้ ป็นเจา้ ของเชค็ อนั แทจ้ รงิ ไม่ ตามมาตรา ๑๐๐๐
(๒๒) สมยั ท่ี ๓๑ ปี การศึกษา ๒๕๒๑
คาถาม จนั ทรอ์ อกตวั ๋ แลกเงนิ ฉบบั หน่ึงสงั่ อาทติ ยใ์ ห้จ่ายเงนิ แก่องั คาร องั คาร
สลกั หลงั โอนตวั ๋ ใหพ้ ุธ พุธไดย้ น่ื ตวั ๋ ให้อาทติ ยร์ บั รอง และอาทติ ยไ์ ดร้ บั รองใหแ้ ลว้ ต่อมาพุธสลกั
หลงั โอนตวั ๋ ใหพ้ ฤหสั แลว้ พฤหสั สลกั หลงั โอนตวั ๋ ชาระหน้ีใหอ้ งั คาร ครนั้ ถงึ กาหนดองั คารนาไป
๑๕๘
ยน่ื ต่ออาทติ ยเ์ พ่อื ใหใ้ ชเ้ งนิ อาทติ ยไ์ มใ่ ช้ องั คารทาคาคดั คา้ นไวแ้ ลว้ ดงั น้ใี หว้ นิ ิจฉยั ว่าใครจะตอ้ ง
รบั ผดิ และไมต่ อ้ งรบั ผดิ ต่อองั คารบา้ ง
ธงคาตอบ
๑. อาทติ ยร์ บั ผดิ ต่อองั คารในฐานะเป็นผูจ้ ่ายท่ไี ด้ลงลายมอื ช่อื รบั รองตวั ๋ แลกเงนิ
(ป.พ.พ. มาตรา ๙๙๗, ๙๖๗, ๙๐๐)
๒. จนั ทรร์ บั ผดิ ต่อองั คารในฐานะลงลายมอื ช่อื เป็นผู้สงั่ จ่ายตวั ๋ แลกเงนิ (ป.พ.พ.
มาตรา ๙๑๔, ๙๘๗, ๙๐๐)
๓. พุธและพฤหสั ไมต่ ้องรบั ผดิ ต่อองั คาร เพราะทงั้ พุธและพฤหสั เป็นค่สู ญั ญาฝ่าย
ซ่งึ อังคารย่อมต้องรบั ผิดต่อเขาทงั้ สองอยู่ก่อนแล้วตามตัว๋ แลกเงนิ ฉบบั นัน้ (ป.พ.พ. มาตรา
๙๗๑)
(๒๓) สมยั ที่ ๓๒ ปี การศึกษา ๒๕๒๒
คาถาม เม่ือวันท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๒๓ นายฉิ่งออกเช็คสัง่ ธนาคารใช้เงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ใหแ้ ก่ผูถ้ อื แต่มไิ ด้ลงวนั ท่อี อกเชค็ ไว้ มนี ายสาเภาลงช่อื ไว้ทม่ี ุมบนด้านหน้าของ
เชค็ ดว้ ย แลว้ นายฉ่ิงมอบเชค็ นนั้ ใหน้ ายชา้ งเพ่อื เป็นการชาระหน้ีเงนิ กู้ ต่อมาวนั ท่ี ๔ กุมภาพนั ธ์
๒๕๒๓ นายชา้ งมอบเชค็ ดงั กล่าวใหน้ ายโซ่น้อยชายไปย่นื ต่อธนาคารเพ่อื ใหใ้ ชเ้ งนิ นางสาวชฎา
พนักงานธนาคารได้ใช้ตราวนั ทป่ี ระทบั ลงในช่องวนั ท่อี อกเชค็ เป็นวนั ท่ี ๔ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๒๓
ตามวนั ทย่ี น่ื ปรากฏวา่ เงนิ ในบญั ชขี องนายฉง่ิ ในธนาคารไมพ่ อจา่ ย ธนาคารจงึ ปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ
นายชา้ งฟ้องนายฉ่ิงและนายสาเภาใหร้ ว่ มกนั รบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ นนั้ นายฉงิ่ และนายสาเภาต่อสู้
คดวี ่าเชค็ พพิ าทออกเม่อื วนั ท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๒๓ แต่ไม่ลงวนั ท่อี อกไว้ วนั ท่นี างสาวชฎาใช้
ตราประทบั ลงไปมใิ ช่วนั ท่ถี ูกต้องแทจ้ รงิ ทงั้ นางสาวชฎามใิ ช่ผูท้ รงไม่มอี านาจลงวนั ท่อี อกเช็ค
ต้องถือว่าเชค็ พพิ าทไม่มวี นั ท่อี อกเชค็ นายฉ่ิง นายสาเภาไม่ต้องรบั ผดิ และเฉพาะนายสาเภา
ต่อสู้คดีด้วยว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คสงั่ ให้ใช้เงนิ แก่ผู้ถือตนลงช่อื ลอย ๆ ด้านหน้าเช็คไม่เป็น
คู่สญั ญาในเช็ค จงึ ไม่ต้องรบั ผิด ให้ท่านวนิ ิจฉัยว่าข้อต่อสู้ของนายฉิ่งและนายสาเภาฟังข้นึ
หรอื ไม่
ธงคาตอบ
ขอ้ ต่อสู้ของนายฉิ่งและนายสาเภาฟังไม่ขน้ึ เชค็ ไม่มวี นั ท่อี อกเชค็ ผู้ทรงโดยชอบ
ดว้ ยกฎหมายคนหน่ึงคนใดทาการโดยสุจรติ จะจดวนั ท่แี ท้จรงิ ลงไปกไ็ ด้ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๑๐
วรรคสุดท้าย ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๘๙) การทน่ี ายฉิ่งไม่ลงวนั ทอ่ี อกเชค็ พพิ าทไวไ้ ม่ปรากฏว่า
เพราะเหตุใด แสดงอยู่ในตัวว่ามีเจตนามอบหมายให้ผู้ทรงไปลงวนั ท่ีออกเช็คเองได้ตามท่ี
เห็นสมควร เม่อื ผู้ทรงลงวนั ใดย่อมเป็นวนั ท่ีถูกต้องแท้จรงิ นางสาวชฎามใิ ช่ผู้ทรงแต่การท่ี
นางสาวชฎาลงวนั ทอ่ี อกเชค็ ไปในกรณนี ้เี ป็นการกระทาแทนนายชา้ งผทู้ รง ทงั้ ไดล้ งวนั ทอ่ี อกเชค็
๑๕๙
ตามวนั ทน่ี ายโซ่นาเชค็ ไปขน้ึ ธนาคารเพ่อื ให้ใชเ้ งนิ มไิ ดแ้ สดงว่าไม่สุจรติ แต่อยา่ งใด จงึ ถอื ได้ว่า
นายช้างผูท้ รงกระทาโดยสุจรติ จดวนั ท่ถี ูกตอ้ งแทจ้ รงิ ลงแลว้ เชค็ พพิ าทจงึ สมบรู ณ์เป็นเชค็ (คา
พพิ ากษาฎกี าท่ี ๑๓๐๓/๒๕๑๔ และ ๑๐๐๙/๒๕๑๘) นายฉิ่งต้องรบั ผดิ ในฐานผู้สงั่ จ่ายตาม ป.
พ.พ. มาตรา ๙๐๐, ๙๑๔, ๙๖๗, ๙๘๙
ส่วนนายสาเภานัน้ ต้องรบั ผดิ ในฐานผูร้ บั อาวลั เพราะการทน่ี ายสาเภาเพยี งแต่ลง
ช่อื ดา้ นหน้าเชค็ นนั้ แมเ้ ป็นเชค็ สงั่ ใหใ้ ชเ้ งนิ แก่ผถู้ อื กจ็ ดั วา่ เป็นคารบั อาวลั แลว้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา
๙๓๙ วรรคสาม เม่อื มไิ ด้ระบุว่ารบั ประกนั ผู้ใดก็ถือว่าเป็นการรบั ประกนั นายฉ่ิงผู้สงั่ จ่ายตาม
มาตรา ๙๓๓ วรรคส่ี และต้องผูกพนั เป็นอย่างเดยี วกนั กบั นายฉ่ิงตามมาตรา ๙๔๐ วรรคแรก,
๙๖๗, ๙๘๙
ดงั นนั้ นายฉ่ิงและนายสาเภาจงึ ตอ้ งรว่ มกนั รบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ พพิ าทแก่นายชา้ ง
(๒๔) สมยั ท่ี ๓๓ ปี การศึกษา ๒๕๒๓
คาถาม นายจดื ออกตัว๋ แลกเงนิ ลงวนั ท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๒๓ สงั่ นายหวานให้
จา่ ยเงนิ ๑๐,๐๐๐ บาท แก่นายเคม็ เพ่อื ชาระหน้ี เป็นตวั ๋ ซง่ึ ใหใ้ ชเ้ งนิ เม่อื ไดเ้ หน็ นายเคม็ ไดร้ บั ตวั ๋
แลว้ ลงลายมอื ดา้ นหลงั ตวั ๋ โอนใชห้ น้นี ายเปรย้ี วโดยมไิ ดร้ ะบุชอ่ื ผรู้ บั ประโยชน์ นายเปรย้ี วส่งมอบ
โอนตวั ๋ นัน้ ให้แก่นายเผ็ดเพ่อื ชาระหน้ี แต่นายเปรย้ี วลมื สลกั หลงั ตวั ๋ และนายเผด็ ก็มไิ ด้ทกั ท้วง
ครนั้ วนั ท่ี ๑ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๒๔ นายเผ็ดนาตวั ๋ ไปย่นื ต่อนายหวานเพ่อื ให้ใชเ้ งนิ นายหวานไม่
ยอมใชเ้ งนิ ตามตวั ๋ นายเผด็ จงึ ไปต่อว่านายจดื นายจดื เถยี งว่านายเผด็ ไมม่ สี ทิ ธใิ นตวั ๋ อกี ทงั้ เป็น
ความผดิ ของนายเผด็ เองทน่ี าตวั ๋ ไปย่นื ทวงเงนิ จากนายหวานเมอ่ื เกนิ ๓ เดอื น นับแต่วนั ออกตวั ๋
ฉบบั นนั้
ดงั น้ี นายเผด็ มสี ทิ ธไิ ล่เบย้ี เรยี กรอ้ งเงนิ ตามตวั ๋ เอาแก่นายจดื นายเคม็ นายหวาน
และนายเปรย้ี วไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุใด
ธงคาตอบ
ในประเดน็ เรอ่ื งสทิ ธขิ องนายเผด็ การสลกั หลงั ของนายเคม็ เป็นสลกั หลงั ลอย เม่อื
นายเปรย้ี วไดร้ บั ตวั ๋ แลกเงนิ จากการสลกั หลงั ลอยแล้ว นายเปรย้ี วอาจโอนตวั ๋ นัน้ ให้แก่นายเผด็
โดยไม่กรอกขอ้ ความลงในท่วี ่างและไม่สลกั หลงั อย่างหน่ึงอย่างใดก็ได้ นายเผ็ดได้ตวั ๋ นัน้ ไว้
ครอบครอง กฎหมายไมถ่ อื ว่านายเผด็ ไดร้ บั ตวั ๋ มาโดยการสลกั หลงั ขาดสาย นายเผด็ จงึ เป็นผทู้ รง
มสี ทิ ธใิ นตวั ๋ แลกเงนิ ฉบบั นนั้ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๑๙, ๙๒๐(๓), ๙๐๔, ๙๐๕ วรรคแรก)
นายเผด็ มสี ทิ ธไิ ล่เบย้ี เงนิ ตามตวั ๋ เอาแก่นายจดื เพราะนายจดื ลงลายมอื ช่อื เป็นผสู้ งั่
จา่ ยตวั ๋ แลกเงนิ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐, ๙๑๔, ๙๖๗) ขอ้ เถยี งขอนายจดื ทว่ี ่านายเผด็ นาตวั ๋ ยน่ื ให้
ใชเ้ งนิ เมอ่ื เกนิ ๓ เดอื น นบั แต่วนั ออกตวั ๋ ไปยน่ื ใหน้ ายหวานใชเ้ งนิ ภายใน ๖ เดอื น นบั แต่วนั ทล่ี ง
๑๖๐
ตวั ๋ เงนิ นายเผ็ดจงึ ไม่ส้ินสทิ ธิไล่เบ้ียเอาแก่ผู้สงั่ จ่ายและผู้สลกั หลงั ตัว๋ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๔๙
ประกอบมาตรา ๙๒๘ และมาตรา ๙๗๓(๑))
นายเผด็ มสี ทิ ธไิ ลเ่ บย้ี เอาแก่นายเคม็ ผลู้ งลายมอื ชอ่ื สลกั หลงั ตวั ๋ แลกเงนิ นนั้ (ป.พ.พ.
มาตรา ๙๐๐, ๙๑๔, ๙๖๗)
นายเผด็ ไม่มสี ทิ ธไิ ล่เบย้ี เอาแก่นายหวานผูจ้ ่าย เพราะนายหวานมไิ ด้ลงลายมอื ช่อื
ในตวั ๋ เงนิ นนั้ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐)
นายเผด็ ไมม่ สี ทิ ธไิ ล่เบย้ี เอาแก่นายเปรย้ี วผสู้ ง่ มอบโอนตวั ๋ ใหแ้ ก่นายเผด็ เพราะนาย
เปรย้ี วมไิ ดล้ งลายมอื ช่อื ในตวั ๋ เงนิ นนั้ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐)
(๒๕) สมยั ท่ี ๓๔ ปี การศึกษา ๒๕๒๔
คาถาม เขยี วออกเช็คธนาคารศรเี มอื ง จากดั ระบุช่อื ขาวเป็นผู้รบั เงนิ และขดี
ครอ่ มเชค็ นนั้ ชาระหน้ใี หข้ าว ดาลกั เชค็ ฉบบั นนั้ ไปจากขวา ไดล้ บเสน้ ขนานค่ทู ข่ี ดี ครอ่ มออกเสยี
แต่ยงั มองเหน็ รอ่ งรอยทข่ี ดี ครอ่ มเดมิ ดว้ ยตาเปล่าแลว้ ปลอมลายมอื ชอ่ื ขาวสลกั หลงั เชค็ โอนใหแ้ ก่
แดง แดงนาเชค็ ไปยน่ื และธนาคารศรเี มอื ง จากดั ไดจ้ า่ ยเงนิ ตามเชค็ ใหแ้ ก่แดง
ดงั น้ี ธนาคารศรเี มอื ง จากดั ตอ้ งรบั ผดิ ต่อขาวหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
ธงคาตอบ
แมร้ ายการสลกั หลงั ของดาเป็นหลกั หลงั ปลอม และถอื ว่าธนาคารศรเี มอื ง จากดั ได้
ใชเ้ งนิ ไปถูกระเบยี บตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๙ (ตามนัยคาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๒๗๐/๒๔๙๐) แต่
การขดี คร่อมเป็นส่วนสาคญั ของเชค็ ใครจะลบล้างย่อมไม่ชอบดว้ ยกฎหมายตามมาตรา ๙๙๖
เม่อื ปรากฏว่ามรี อยขดี ครอ่ มอนั ได้ลบลา้ งนัน้ โดยประจกั ษ์ ดงั น้ี ถอื ไดว้ ่าธนาคารศรเี มอื ง จากดั
ประมาทเลินเล่อ จงึ ต้องรบั ผิดต่อขาวผู้เป็นเจ้าของอันแท้จรงิ แห่งเช็คนัน้ ตามมาตรา ๙๙๗
(เทยี บคาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๑๒๕๕/๒๔๙๗)
(๒๖) สมยั ที่ ๓๕ ปี การศึกษา ๒๕๒๕
คาถาม มกราเป็นลูกค้าเปิดบญั ชเี งนิ ฝากกระแสรายวนั ไว้กับธนาคารกุมภา
จากดั เมอ่ื วนั ท่ี ๑ มถิ ุนายน ๒๕๒๕ บญั ชเี งนิ ฝากของมกรามยี อดเงนิ คงเหลอื เพยี ง ๑๐๐,๐๐๐
บาท แต่ธนาคารกุมภาจากดั ไดจ้ ่ายเงนิ ตามเชค็ ๒ ฉบบั ฉบบั หน่ึงเงนิ ๒๐๐,๐๐๐ บาท อกี ฉบบั
หน่ึงเงนิ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่ผู้ทรงไป ต่อมาปรากฏว่าเช็คฉบบั เงนิ ๒๐๐,๐๐๐ บาท นัน้
ลายมอื ช่อื มกราผู้สงั่ จ่ายเป็นลายมือปลอม ดงั น้ี การท่ีธนาคารจ่ายเงนิ ไปตามเช็ค ๒ ฉบับ
ดงั กลา่ ว เป็นการชอบดว้ ยกฎหมายหรอื ไมเ่ พยี งใด
๑๖๑
ธงคาตอบ
กรณไี มม่ เี งนิ ในบญั ชขี องผเู้ คยคา้ เป็นเจา้ หน้พี อจะจา่ ยตามเช็คตาม ป.พ.พ. มาตรา
๙๙๑ (๑) นัน้ เป็นบทบญั ญัติให้สทิ ธแิ ก่ธนาคารท่จี ะปฏเิ สธการจ่ายเงนิ ก็ได้ หรอื ถ้าธนาคาร
เห็นสมควรจะจ่ายไปก็ได้ (เทียบคาพิพากษาฎีกาท่ี ๓๓๓๒/๒๕๒๒ น. ๒๕๕๐) ฉะนัน้ การ
จา่ ยเงนิ ตามเชค็ ทเ่ี บกิ เกนิ บญั ชจี งึ เป็นการชอบดว้ ยกฎหมาย แต่สาหรบั เชค็ ฉบบั เงนิ ๒๐๐,๐๐๐
บาท ทล่ี ายมอื ช่อื ผสู้ งั่ จา่ ยปลอมนนั้ เชค็ นนั้ เป็นอนั ใชไ้ มไ่ ด้ ธนาคารจะอา้ งองิ อาศยั แสวงสทิ ธเิ พอ่ื
ทาให้เช็คนัน้ หลุดพ้นไม่ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๘ ทงั้ การท่ีธนาคารจ่ายเงนิ ตามเช็คท่ี
ลายมอื ช่อื ผูส้ งั่ จ่ายปลอมยงั เป็นการใชเ้ งนิ โดยประมาทเลนิ เล่อตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๙ อกี
ดว้ ย ฉะนนั้ การจา่ ยเงนิ ตามเชค็ ฉบบั ๒๐๐,๐๐๐ บาทน้ี จงึ ไมเ่ ป็นการชอบดว้ ยกฎหมาย
(๒๗) สมยั ท่ี ๓๖ ปี การศึกษา ๒๕๒๖
คาถาม เอกออกเชค็ สงั่ ใหธ้ นาคารลานนา จากดั จ่ายเงนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ใหโ้ ท
เป็นผู้รบั เงนิ โดยมเี สน้ ขนานคู่ขดี ขวางไวข้ า้ งดา้ นหน้าเชค็ แลว้ มอบเชค็ ชาระหน้ีใหโ้ ทเน่ืองจาก
โทประสงคจ์ ะมอบเชค็ ใหล้ ูกจา้ งนาไปฝากเขา้ บญั ชเี งนิ ฝาก โทจงึ ลงลายมอื ช่อื ดา้ นหลงั เชค็ และ
เตมิ คาว่า "หา้ มเปลย่ี นมอื " ทด่ี า้ นหน้าเชค็ ดว้ ย แต่ตรลี กั เชค็ ฉบบั นนั้ ไปโอนโดยส่งมอบชาระหน้ี
ใหจ้ ตั วา ซง่ึ รบั โอนเชค็ นนั้ มาโดยสจุ รติ ต่อมาจตั วานาเชค็ ฝากเขา้ บญั ชเี งนิ ฝากของตนทธ่ี นาคาร
ทกั ษิณ จากัด เพ่ือให้เรยี กเก็บเงนิ และธนาคารลานนา จากัด ผู้จ่ายได้ใช้เงนิ ตามเช็คให้แก่
ธนาคารทกั ษณิ จากดั นามาเขา้ บญั ชเี งนิ ฝากของจตั วา ใหว้ นิ ิจฉยั ว่า
(๑) ธนาคารลานนา จากดั ใช้เงนิ ตามเช็คให้แก่ธนาคารทกั ษิณ จากดั นัน้ ชอบ
ดว้ ยกฎหมายหรอื ไม่
(๒) โทมสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งเงนิ ตามเชค็ คนื จากจตั วาไดห้ รอื ไมไ่ ดเ้ พราะเหตุใด
ธงคาตอบ
(๑) เชค็ ทม่ี เี สน้ ขนานค่ขู ดี ขวางไวข้ า้ งดา้ นหน้า เป็นเชค็ ขดี ครอ่ มทวั่ ไป ซง่ึ เอกผสู้ งั่
จ่ายจะขดี คร่อมก็ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๙๔, ๙๙๕ (๑) และแม้โทผู้รบั เงนิ เติมคาลงไปว่า
"หา้ มเปลย่ี นมอื " ตามมาตรา ๙๙๕ (๓) แต่เมอ่ื โทลงลายมอื ช่อื ของตนทด่ี า้ นหลงั เชค็ เป็นการสลกั
หลงั ลอยตามมาตรา ๙๑๙ วรรคสองแลว้ ตรซี ง่ึ ลกั เชค็ นนั้ ไปอาจโอนเชค็ ได้โดยไม่สลกั หลงั ตาม
มาตรา ๙๒๐ (๓) จตั วาจงึ ได้เช็คนัน้ มาโดยการสลกั หลงั ท่ไี ม่ขาดสายตามมาตรา ๙๐๖ เหตุน้ี
ธนาคารลานนา จากดั ใช้เงนิ ตามเชค็ ขดี คร่อมทวั่ ไปดงั กล่าวให้แก่ธนาคารทกั ษิณ จากดั ท่สี ่ง
เชค็ มาเรยี กเกบ็ แทนจตั วา จงึ เป็นการใชเ้ งนิ ตามเชค็ นนั้ โดยสจุ รติ และปราศจากประมาทเลนิ เล่อ
ชอบดว้ ยมาตรา ๙๙๘
(๒) แม้จตั วาได้เช็คมาโดยชอบด้วยมาตรา ๙๐๕ แต่ตรผี ู้โอนเช็คให้จตั วาเป็น
คนรา้ ยทล่ี กั เชค็ นนั้ ของโทไป จตั วาผไู้ ดเ้ ชค็ ขดี ครอ่ มซง่ึ มคี าว่า "หา้ มเปลย่ี นมอื " ของโทยอ่ มไมม่ ี
๑๖๒
สทิ ธใิ นเชค็ นนั้ ยง่ิ ไปกวา่ ตรบี ุคคลอนั ตนไดเ้ ชค็ นนั้ มาตามมาตรา ๙๙๙ ซง่ึ เป็นบทบญั ญตั คิ ุม้ ครอง
สทิ ธขิ องเจา้ ของเชค็ ขดี ครอ่ ม ซ่งึ มคี าว่า "ห้ามเปล่ยี นมอื " โทจงึ มสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งเงนิ ตามเชค็ คนื
จากจตั วาได้
(๒๘) สมยั ท่ี ๓๗ ปี การศึกษา ๒๕๒๗
คาถาม แดงสงั่ จ่ายเชค็ จานวนเงนิ ๕๐,๐๐๐ บาท ระบุช่อื ขาวเป็นผรู้ บั เงนิ แลว้
มอบเชค็ ชาระหน้ีให้ขาว ขาวทาเชค็ ตกหาย ดาเก็บได้ ได้แก้ไขเพมิ่ เตมิ จานวนเงนิ ในเชค็ เป็น
๔๕๐,๐๐๐ บาท โดยการแก้ไขเปล่ียนแปลงนัน้ ไม่ประจกั ษ์ และปลอมลายมอื ช่อื ขาวสลกั หลงั
ชาระหน้ใี หเ้ หลอื ง ต่อมาธนาคารปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ
ดงั น้ี (๑) ถา้ ขาวเรยี กเชค็ คนื จากเหลอื ง ขาวหรอื เหลอื งจะเป็นผมู้ สี ทิ ธใิ นเชค็ ตาม
เน้อื ความเดมิ ก่อนมกี ารแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงคอื จานวนเงนิ ๕๐,๐๐๐ บาท หรอื ไม่
(๒) เหลืองจะมีสิทธิเรยี กร้องให้แดงรบั ผิดใช้เงนิ ตามเช็คในจานวนเงนิ
๕๐,๐๐๐ บาท หรอื ๔๕๐,๐๐๐ บาท ไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุใด
ธงคาตอบ
(๑) ลายมอื ช่ือขาวท่ีสลกั หลงั เช็คเป็นลายมือช่ือปลอมจงึ เป็นอันใช้ไม่ได้เลย
เหลอื งผู้รบั โอนเชค็ จากการสลกั หลงั ปลอมจะอา้ งองิ อาศยั แสวงสิทธเิ พ่อื ยดึ หน่วงตวั ๋ เงนิ ไว้ หรอื
เพ่ือ บงั คบั การใช้เงนิ ไม่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๘ ดงั นัน้ เหลอื งจงึ ไม่มสี ทิ ธใิ นเช็คตาม
เน้ือความเดมิ ก่อนมกี ารแกไ้ ขเปลย่ี นแปลง ส่วนขาวผทู้ รงคนเดมิ มสี ทิ ธใิ นเชค็ ตามเน้อื ความเดมิ
ก่อนมกี ารแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงคอื จานวนเงนิ ๕๐,๐๐๐ บาท
(๒) ด้วยเหตุตามขอ้ (๑) เหลอื งก็ไม่มสี ทิ ธบิ งั คบั การใช้เงนิ เอาแก่แดงผู้สงั่ จ่าย
ตามมาตรา ๑๐๐๘ ดงั กล่าว ดงั น้ี แมก้ ารแก้ไขเปลย่ี นแปลงจานวนเงนิ ตามเชค็ นัน้ ไม่ประจกั ษ์
แต่เม่อื เหลอื งผรู้ บั โอนเชค็ จากการสลกั หลงั ปลอมไม่เป็นผทู้ รงโดยชอบดว้ ยกฎหมายตามมาตรา
๙๐๔, ๙๐๕ เสยี แล้ว ย่อมไม่มสี ทิ ธบิ งั คบั การใช้เงนิ ตามเน้ือความเดิมแห่งตวั ๋ นัน้ คอื จานวน
๕๐,๐๐๐ บาท ตามมาตรา ๑๐๐๗ วรรคสอง อีกทงั้ แดงก็ไม่ใช่คู่สญั ญาซ่งึ เป็นผู้ทาการแก้ไข
เปลย่ี นแปลงนนั้ หรอื ไดย้ นิ ยอมดว้ ยกบั การแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงนนั้ หรอื เป็นผสู้ ลกั หลงั ในภายหลงั
เหลืองจงึ ไม่มีสทิ ธิเรยี กร้องให้แดงรบั ผิดใช้เงนิ ตามเช็คท่ีแก้ไขเปล่ยี นแปลงคือ จานวนเงนิ
๔๕๐,๐๐๐ บาท ตามมาตรา ๑๐๐๗ วรรคหน่งึ ดว้ ย
๑๖๓
(๒๙) สมยั ท่ี ๓๘ ปี การศึกษา ๒๕๒๘
คาถาม แดงผู้ฝากเงนิ ไว้ในธนาคารเงนิ แท้จากดั ได้สงั่ จ่ายเช็คใช้หน้ีขาวเป็น
เชค็ ขดี คร่อมทวั่ ไป จานวนเงนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ระบุช่อื ขาวเป็นผรู้ บั เงนิ ดาลกั เชค็ ฉบบั นัน้ แลว้
สลกั หลงั ปลอมลายมอื ช่อื ขาวโอนเชค็ ชาระหน้ีให้แก่เหลอื ง เหลอื งนาเชค็ ฝากเขา้ บญั ชเี งนิ ฝาก
กระแสรายวนั ของตนท่ธี นาคารทองแท่ง จากดั เน่ืองจากตามระเบยี บปฏบิ ตั ริ ะหว่างธนาคาร
พาณิชยก์ าหนดให้ธนาคารผู้ส่งเชค็ ไปเรยี กเกบ็ เงนิ ต้องสลกั หลงั รบั รองลายมอื ช่อื ผู้ทรงทส่ี ลกั
หลงั เชค็ เมอื นาเชค็ ฝากเพ่อื ใหเ้ รยี กเกบ็ ธนาคารผจู้ า่ ยจงึ จะยอมจ่ายเงนิ ตามเชค็ ให้ ธนาคารทอง
แทง่ จากดั จงึ ไดใ้ หเ้ หลอื งลงลายมอื ชอ่ื สลกั หลงั เชค็ และธนาคารกไ็ ดล้ งลายมอื ชอ่ื ใต้ขอ้ ความว่า
"รบั ประกนั ผู้สลกั หลงั " ในเชค็ นัน้ ดว้ ย ต่อมาธนาคารเงนิ แท้ จากดั ไดจ้ ่ายเงนิ ตามเชค็ จานวน
๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ใหแ้ ก่ธนาคารทองแท่ง จากดั ตามท่ธี นาคาร ทองแท่ง จากดั เรยี กเก็บและ
นาเขา้ บญั ชเี งนิ ฝากของเหลอื ง
ดงั น้ี ใหว้ นิ จิ ฉยั ว่า
(๑) ขาวมสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งเงนิ ตามเชค็ คนื จากเหลอื งไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุใด
(๒) การทล่ี ายมอื ช่อื ขาวทส่ี ลกั หลงั เชค็ เป็นลายมอื ชอ่ื ปลอมนนั้ ธนาคารทองแท่ง
จากดั ตอ้ งรบั ผดิ ต่อขาวหรอื ไม่
ธงคาตอบ
(๑) การท่ีลายมอื ช่อื ขาวผู้สลกั หลงั เป็นลายมอื ช่อื ปลอม ย่อมเป็นอันใช้ไม่ได้
เหลอื งจงึ ไม่มสี ทิ ธบิ งั คบั การใช้เงนิ เอาแก่ธนาคารเงนิ แท้ จากดั ผู้จ่ายเงนิ ตามเชค็ ตามมาตรา
๑๐๐๘ ดงั นัน้ เม่อื เหลอื งได้รบั เงนิ ตามเชค็ ไปแลว้ ขาวผูท้ รงเจา้ ของอนั แทจ้ รงิ แห่งเชค็ นัน้ จงึ มี
สทิ ธเิ รยี กรอ้ งตามเชค็ คนื จากเหลอื งผู้ไม่มสี ทิ ธใิ นเชค็ ได้ ในฐานลาภมคิ วรได้ตามมาตรา ๔๐๖
(เทยี บคาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๑๘๕๔/๒๕๒๔, ๑๖๓๗/๒๕๒๕)
(๒) ขอ้ ความรบั ประกนั ผูส้ ลกั หลงั ทธ่ี นาคารทองแท่ง จากดั รบั รองตามระเบยี บ
ปฏบิ ตั ริ ะหว่างธนาคารพาณชิ ยน์ นั้ เป็นการรบั รองเฉพาะลายมอื ชอ่ื เหลอื งผเู้ คยคา้ ทล่ี งลายมอื ช่อื
สลกั หลงั เชค็ เพ่อื ใหเ้ รยี กเกบ็ เงนิ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๔๕, ๙๙๕(๕) เทา่ นนั้ เหตุน้ี แมล้ ายมอื ช่อื
ขาวท่สี ลกั หลงั โอนเชค็ ให้แก่เหลอื งเป็นลายมอื ช่อื ปลอม เหลอื งไม่มสี ทิ ธใิ นเช็คนัน้ ตามมาตรา
๑๐๐๘ ดงั กล่าวในขอ้ (๑) แต่เม่อื ไม่ปรากฏว่าธนาคารทองแท่ง จากดั ไม่สุจรติ หรอื ประมาท
เลนิ เล่อ ธนาคารย่อมไม่ต้องรบั ผดิ ต่อขาวเจา้ ของอนั แทจ้ รงิ แห่งเชค็ นัน้ ตามมาตรา ๑๐๐๐ (คา
พพิ ากษาฎกี าท่ี ๑๗๒๐/๒๕๑๕)
๑๖๔
(๓๐) สมยั ท่ี ๓๙ ปี การศึกษา ๒๕๒๙
คาถาม เม่อื วนั ท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๙ เงนิ ในบญั ชเี งนิ ฝากกระแสรายวนั ของ
นายเอกท่ธี นาคารธนการจากดั มอี ย่จู านวน ๑๐๐,๕๐๐ บาท ในวนั นัน้ นายเอกไดอ้ อกเชค็ สอง
ฉบบั สงั่ จา่ ยเงนิ ฉบบั ละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ลงวนั ทล่ี ่วงหน้าเป็นวนั ท่ี ๑ สงิ หาคม ๒๕๒๙ และวนั ท่ี
๕ สงิ หาคม ๒๕๒๙ ระบุช่อื นายโทและนายตรเี ป็นผรู้ บั เงนิ ตามลาดบั โดยเชค็ ฉบบั หลงั นายเอก
ขอให้ธนาคารลงข้อความว่า "ใช้ได้" และลงลายมอื ช่อื ไว้ด้วย นายตรสี ลกั หลงั โอนเชค็ ให้นาย
จตั วา ครนั้ ถงึ วนั ท่ลี งไวใ้ นเช็คฉบบั แรก นายโทย่นื เชค็ และธนาคารธนการจากดั จา่ ยเงนิ ตาม
เชค็ จานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้นายโทรบั ไป ต่อมาถงึ วนั ทล่ี งไว้ในเชค็ ฉบบั หลงั นายจตั วาย่นื
เชค็ แต่ธนาคารปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ อา้ งว่า เงนิ ในบญั ชไี มพ่ อจา่ ย
ดงั น้ี การท่ธี นาคารธนการจากดั จ่ายเงนิ ตามเช็คให้นายโทรบั ไปและปฏเิ สธการ
จา่ ยเงนิ ตามเชค็ ใหแ้ ก่นายจตั วานนั้ ชอบหรอื ไม่ และนายจตั วามสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งใหน้ ายเอก นายตรี
กบั ธนาคารธนการ จากดั รบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ไดห้ รอื ไม่
ธงคาตอบ
ธนาคารจาต้องใชเ้ งนิ ตามเชค็ ผซู้ ง่ึ เคยคา้ กบั ธนาคารได้ออกเบกิ เงนิ แก่ตน เวน้ แต่
กรณีทม่ี บี ทบญั ญตั ยิ กเวน้ ไว้ ดงั นนั้ เม่อื มเี งนิ อย่ใู นบญั ชขี องนายเอกผเู้ ป็นเจา้ หน้ีพอจะจา่ ยตาม
เชค็ ท่นี ายโทเป็นผทู้ รง ธนาคารธนการจากดั ผูจ้ า่ ยไดจ้ า่ ยเงนิ ตามเชค็ ฉบบั แรกใหน้ ายโทรบั ไป
จงึ ชอบดว้ ยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๙๑ (๑) ส่วนเชค็ ฉบบั หลงั ทธ่ี นาคารธน
การจากดั เขยี นขอ้ ความลงลายมอื ช่อื บนเช็คว่า "ใชไ้ ด"้ ธนาคารจงึ ตอ้ งผูกพนั ในฐานเป็นลกู หน้ี
ชนั้ ต้นในอนั จะต้องใชเ้ งนิ แก่นายจตั วาผทู้ รงตามเชค็ นนั้ ตามมาตรา ๙๙๓ วรรคหน่ึง ดว้ ยเหตุน้ี
แมเ้ งนิ ในบญั ชขี องนายเอกไม่พอจา่ ย ธนาคารธนการจากดั กต็ ้องใชเ้ งนิ ตามเชค็ ใหแ้ ก่นายจตั วา
ผทู้ รง การปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ ตามเชค็ จงึ ไมช่ อบ
การท่ธี นาคารลงขอ้ ความรบั รองโดยคาขอรอ้ งของนายเอกผู้สงั่ จ่ายนัน้ นายเอกผู้
สงั่ จา่ ยและนายตรผี สู้ ลกั หลงั หาหลดุ พน้ ความรบั ผดิ ไมต่ ามมาตรา ๙๙๓ วรรคสาม นายจตั วาจงึ มี
สทิ ธเิ รยี กรอ้ งใหน้ ายเอกและนายตรรี ่วมกนั รบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ตามมาตรา ๙๐๐, ๙๑๔, ๙๕๙,
๙๖๗ วรรคหน่ึงและสอง, ๙๘๙ กับเรยี กรอ้ งให้ธนาคารธนการจากัด รบั ผดิ ในฐานเป็นลูกหน้ี
ชนั้ ตน้ ตามมาตรา ๙๙๓ วรรคหน่งึ ดงั กลา่ วขา้ งตน้ ไวด้ ว้ ย
๑๖๕
(๓๑) สมยั ที่ ๔๐ ปี การศึกษา ๒๕๓๐
คาถาม นายกง่ิ ลงลายมอื ช่อื สงั่ จา่ ยเชค็ ๕๐,๐๐๐ บาท ใชห้ น้ีนายแก้ว ระบุช่อื
นายแก้วเป็นผู้รบั เงนิ นางกาญจนาเพ่อื นของนายก่ิงลงลายมอื ช่อื ไว้บนด้านหน้าเช็คนัน้ ด้วย
นายแก้วไดร้ บั เชค็ แลว้ นาไปส่งมอบใหน้ ายแสงยดึ ถอื ไวเ้ ป็นประกนั หน้ีทน่ี ายแก้วกูเ้ งนิ นายแสง
หลงั จากนัน้ ๑ เดอื น นายแก้วประสบอคั คภี ยั ไม่มที รพั ยส์ นิ ใด ๆ เหลอื อย่เู ลย นายแสงเหน็ ว่า
นายแก้วหมดหนทางท่จี ะใชห้ น้ีตนได้จงึ สลกั หลงั เชค็ นัน้ โอนให้นายสว่างเป็นค่าสนิ ค้าท่ตี นซ้อื
จากนายสว่าง นายสว่างเหน็ ว่านายกงิ่ ผูส้ งั่ จา่ ยมฐี านะดมี ากจงึ ยอมรบั ชาระหน้ีด้วยเชค็ ดงั กล่าว
เม่อื นายสว่างย่นื เช็คแก่ธนาคารเพ่อื ให้ใช้เงนิ ธนาคารปฏเิ สธการใช้เงนิ โดยอ้างว่านายกง่ิ ปิด
บญั ชเี งนิ ฝากไปนานแลว้
นายสว่างเรยี กรอ้ งนายกงิ่ นางกาญจนา นายแก้วและนายแสงใหร้ บั ผดิ ใชเ้ งนิ ตาม
เชค็ นนั้ ดงั น้ี ใครจะตอ้ งรบั ผดิ และไมต่ อ้ งรบั ผดิ ใหเ้ งนิ ตามเชค็ ใหแ้ ก่นายสวา่ งเพราะเหตุใด
ธงคาตอบ
เช็คพพิ าทระบุช่อื นายแก้วเป็นผู้รบั เงนิ มใิ ช่เช็คท่อี อกให้แก่ผู้ถือ ไม่อาจโอนไป
เพยี งดว้ ยส่งมอบใหก้ นั แต่ตอ้ งโอนดว้ ยสลกั หลงั และสง่ มอบ (มาตรา ๙๑๗, ๙๑๘, ๙๑๙, ๙๘๙)
๑. นายกง่ิ ผสู้ งั่ จา่ ยไมต่ อ้ งรบั ผดิ ต่อนายสว่าง เพราะนายแกว้ ผรู้ บั เงนิ มไิ ดส้ ลกั หลงั
เชค็ เพยี งแต่ส่งมอบเชค็ ให้นายแสง เชค็ จงึ มไิ ด้โอนไปยงั นายแสง นายแสงสลกั หลงั เช็คนัน้ ให้
นายสว่าง การสลกั หลงั จงึ ขาดสาย กฎหมายไม่ถือว่านายสว่างผูไ้ ด้เชค็ ไว้ในครอบครองเป็นผู้
ทรงโดยชอบดว้ ยกฎหมาย นายสว่างจงึ ไม่มสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งให้นายกงิ่ รบั ผดิ ต่อตน (มาตรา ๙๐๕
วรรคแรก)
๒. นางกาญจนา แมจ้ ะเป็นผูร้ บั อาวลั เชค็ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๙๓๙ วรรคสาม ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๘๙ กไ็ ม่ต้องรบั ผดิ ต่อนายสว่าง เพราะนายสว่าง
ได้เช็คมาด้วยการสลกั หลงั ขาดสาย กฎหมายไม่ถือว่านายสว่างเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วย
กฎหมาย นายสว่างจงึ ไมม่ สี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งใหน้ างกาญจนารบั ผดิ ต่อตน (มาตรา ๙๐๕ วรรคแรก)
กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๔๐ วรรคสอง
ประกอบดว้ ย มาตรา ๙๘๙ ผรู้ บั อาวลั ไมต่ อ้ งรบั ผดิ ต่อผทู้ ม่ี ใิ ช่ผทู้ รงตวั ๋ เงนิ
๓. นายแกว้ ไมต่ ้องรบั ผดิ ต่อนายสว่าง เพราะนายแกว้ มไิ ดล้ งลายมอื ช่อื ของตนใน
เชค็ (มาตรา ๙๐๐)
๔. นายแสงต้องรบั ผดิ ต่อนายสว่าง เพราะนายแสงลงลายมอื ช่อื สลกั หลงั โอนเชค็
นนั้ ใหน้ ายสว่าง นายสวา่ งเป็นผรู้ บั สลกั หลงั จงึ เป็นผทู้ รงเชค็ (มาตรา ๙๐๐, ๙๐๔, ๙๑๔ ประกอบ
มาตรา ๙๘๙)
๑๖๖
(๓๕) สมยั ที่ ๔๑ ปี การศึกษา ๒๕๓๑
คาถาม นายกง่ิ ลงลายมอื ช่อื สงั่ จ่ายเชค็ ๕๐,๐๐๐ บาท ใช้หน้ีนายแก้ว ระบุช่อื
นายแก้วเป็นผูร้ บั เงนิ นางกาญจนาเพ่อื นของนายกิง่ ลงลายมอื ช่อื ไว้บนด้านหน้าเชค็ นัน้ ด้วย
นายแก้วไดร้ บั เชค็ แลว้ นาไปส่งมอบให้นายแสงยดึ ถอื ไวเ้ ป็นประกนั หน้ีทน่ี ายแก้วกู้เงนิ นายแสง
หลงั จากนัน้ ๑ เดอื น นายแก้วประสบอคั คภี ยั ไม่มที รพั ยส์ นิ ใด ๆ เหลอื อย่เู ลย นายแสงเหน็ ว่า
นายแก้วหมดหนทางท่จี ะใชห้ น้ีตนได้ จงึ สลกั หลงั เชค็ นนั้ โอนใหน้ ายสว่างเป็นค่าสนิ ค้าทต่ี นซ้อื
จากนายสว่าง นายสว่างเหน็ ว่านายกง่ิ ผูส้ งั่ จ่ายมฐี านะดมี ากจงึ ยอมรบั ชาระหน้ีดว้ ยเชค็ ดงั กล่าว
เม่อื นายสว่างย่นื เช็คแก่ธนาคารเพ่อื ให้ใช้เงนิ ธนาคารปฏเิ สธการใช้เงนิ โดยอ้างว่านายกง่ิ ปิด
บญั ชเี งนิ ฝากไปนานแลว้
นายสว่างเรยี กรอ้ งนายกงิ่ นางกาญจนา นายแก้ว และนายแสงให้รบั ผดิ ชอบเงนิ
ตามเชค็ นนั้ ดงั น้ี ใครจะตอ้ งรบั ผดิ และไมต่ อ้ งรบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ใหแ้ ก่นายสวา่ ง เพราะเหตุใด
ธงคาตอบ
เช็คพิพาท ระบุช่อื นายแก้วเป็นผู้รบั เงนิ มใิ ช่เชค็ ท่อี อกให้แก่ผู้ถือ ไม่อาจโอนไป
เพียงด้วยส่งมอบให้กนั แต่จะต้องโอนด้วยสลกั หลงั และส่งมอบ (ประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณชิ ย์ มาตรา ๙๑๘, ๙๑๘, ๙๑๙, ๙๘๙)
๑. นายกงิ่ ผสู้ งั่ จา่ ยไมต่ ้องรบั ผดิ ต่อนายสว่าง เพราะนายแกว้ ผูร้ บั เงนิ มไิ ดส้ ลกั หลงั
เชค็ เพยี งแต่ส่งมอบให้นายแสง เชค็ จงึ มไิ ดโ้ อนไปยงั นายแสง นายแสงสลักหลงั เชค็ นัน้ ใหน้ าย
สว่าง การสลกั หลงั จงึ ขาดสาย กฎหมายไม่ถอื ว่านายสว่างผูไ้ ดเ้ ชค็ ไวค้ รอบครองเป็นผู้ทรงโดย
ชอบดว้ ยกฎหมาย นายสว่างจงึ ไม่มสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งใหน้ ายกง่ิ รบั ผดิ ต่อตน (ประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณชิ ย์ มาตรา ๙๐๕ วรรคแรก)
๒. นางกาญจนาแม้จะเป็นผู้รบั อาวลั เชค็ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๙๓๙ วรรคสาม ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๘๙ กไ็ มต่ ้องรบั ผดิ ต่อนายสว่าง เพราะนายสว่าง
ได้เช็คมาด้วยการสลกั หลงั ขาดสาย กฎหมายไม่ถือว่านายสว่างเป็นผู้ทรงเช็ค โดยชอบด้วย
กฎหมาย นายสวา่ งจงึ ไมม่ สี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งใหน้ างกาญจนารบั ผดิ ต่อตน (ประมวลกฎหมายแพง่ และ
พาณชิ ย์ มาตรา ๙๐๕ วรรคแรก)
กรณีน้ีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๔๐ วรรคสอง
ประกอบดว้ ย มาตรา ๙๘๙ ผรู้ บั อาวลั ไมต่ อ้ งรบั ผดิ ต่อผทู้ ม่ี ใิ ชผ่ ทู้ รงตวั ๋ เงนิ
๓. นายแก้วไม่ต้องรบั ผดิ ต่อนายสว่าง เพราะนายแก้วมไิ ดล้ งลายมอื ช่อื ของตนใน
เชค็ (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๙๐๐)
๔. นายแสงตอ้ งรบั ผดิ ต่อนายสว่าง เพราะนายแสงลงลายมอื ช่อื สลกั หลงั ดอนเชค็
นนั้ ใหน้ ายสวา่ ง นายสว่างเป็นผรู้ บั สลกั หลงั จงึ เป็นผทู้ รงเชค็ (ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
มาตรา ๙๐๐, ๙๐๔, ๙๑๔ ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๘๙)
๑๖๗
(๓๖) สมยั ที่ ๔๒ ปี การศึกษา ๒๕๓๒
คาถาม บรษิ ทั เงนิ ทุนทองดี จากดั และบรษิ ทั เงนิ ทุนทองแท้ จากดั ต่างฝ่ายต่าง
ออกตวั ๋ สญั ญาใช้เงนิ ฝ่ ายละหน่ึงฉบบั ให้แก่กนั ตวั ๋ ทงั้ สองฉบบั ลงวนั ท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๓๐
จานวนเงนิ ฉบบั ละยส่ี ิบล้านบาท สญั ญาใช้เงนิ ภายในกาหนดหน่ึงปีนับแต่วนั ออกตวั ๋ ระบุช่อื
บรษิ ทั อกี ฝ่ายหน่ึงเป็นผรู้ บั เงนิ โดยไม่ได้กาหนดดอกเบย้ี ไวใ้ นตวั ๋ แลว้ ส่งมอบตวั ๋ ใหไ้ วแ้ ก่กนั และ
กนั ทงั้ น้ี เพ่อื แสดงว่าบรษิ ทั เงนิ ทุนทงั้ สองแห่งมฐี านะการเงนิ ดี ต่อมาวนั ท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๓๐
บรษิ ทั เงนิ ทนุ ทองดี จากดั นาตวั ๋ สญั ญาใชเ้ งนิ ทบ่ี รษิ ทั เงนิ ทุนทองแท้ จากดั สลกั หลงั จานาใหแ้ ก่
ธนาคารศรเี มอื ง จากดั ครนั้ ถงึ กาหนดธนาคารเรยี กเกบ็ เงนิ ตามตวั ๋ พรอ้ มดอกเบย้ี รอ้ ยละ ๑๔ ต่อ
ปี ตามอตั ราทวั่ ไปท่เี รยี กเก็บจากลูกค้าตงั้ แต่วนั รบั จานาตวั ๋ จนกว่าจะใช้เงนิ เสรจ็ จากบรษิ ัท
เงนิ ทุนทองแท้ จากดั ผอู้ อกตวั ๋ ฉบบั นนั้ แต่บรษิ ทั เงนิ ทนุ ทองแท้ จากดั ปฏเิ สธการใชเ้ งนิ โดยอา้ ง
ว่าธนาคาร ศรเี มอื งจากดั เป็นผู้รบั จานาไม่มสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งใหใ้ ชเ้ งนิ ตามตวั ๋ พรอ้ มดอกเบย้ี ตาม
อตั ราดงั กล่าว ซง่ึ ไม่ไดก้ าหนดไวใ้ นตวั ๋ กบั ต่อสวู้ ่าตวั ๋ เงนิ พพิ าททต่ี นออกใหบ้ รษิ ทั เงนิ ทุนทองดี
จากดั เป็นผรู้ บั เงนิ นนั้ เป็นตวั ๋ เงนิ ทไ่ี มม่ มี ลู หน้ตี ่อกนั ดว้ ย
ใหว้ นิ ิจฉยั ว่า ขอ้ อา้ งดงั กล่าวฟังขน้ึ หรอื ไมเ่ พยี งใด
ธงคาตอบ
เม่อื บรษิ ทั เงนิ ทุนทองดี จากดั ซง่ึ มชี ่อื เป็นผรู้ บั เงนิ ตามตวั ๋ สญั ญาใชเ้ งนิ ไดส้ ลกั หลงั
จานาและส่งมอบตวั ๋ เงนิ ให้ไว้แก่ธนาคารศรเี มอื ง จากดั ธนาคารผูร้ บั จานาจะใช้สทิ ธทิ งั้ ปวงอนั
เกดิ แต่ตวั ๋ เงนิ นนั้ ยอ่ มไดท้ งั้ สน้ิ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๙๐๐, ๙๒๖, ๙๘๕
ดงั นนั้ ธนาคารจงึ มสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งเอาเงนิ ตามตวั ๋ เงนิ ได้ (เทยี บคาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๒๕๑๖/๒๕๓๐)
ตวั ๋ สญั ญาใชเ้ งนิ พพิ าทไม่มขี อ้ กาหนดไวว้ า่ ใหค้ ดิ ดอกเบย้ี ธนาคารจงึ ไมม่ สี ทิ ธเิ รยี ก
เอาดอกเบย้ี รอ้ ยละ ๑๔ ต่อปี ตามอตั ราทเ่ี รยี กเกบ็ จากลกู คา้ ทวั่ ไปตงั้ แต่วนั รบั จานาตวั ๋ จนกวา่ จะ
ใช้เงนิ เสรจ็ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าตรา ๙๖๘ (๑), ๙๘๕ (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี
๓๓๕/๒๔๐๙) แต่คงมสี ทิ ธเิ รยี กเอาดอกเบย้ี อตั รารอ้ ยละหา้ ต่อปีนบั แต่วนั ถงึ กาหนด คอื วนั ท่ี ๑
กรกฎาคม ๒๕๓๑ เป็นต้นไป จนกว่าจะใช้เงนิ เสรจ็ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๙๖๘(๒), ๙๘๕ (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๖๕๓/๒๕๒๑ และคาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๓๑๒/๒๕๓๑
(ประชุมใหญ่))
ขอ้ ต่อสู้ทว่ี ่าบรษิ ทั เงนิ ทุนทองแท้ จากดั ออกตวั ๋ สญั ญาใช้เงนิ ให้แก่บรษิ ทั เงนิ ทุน
ทองดี จากดั โดยไมม่ มี ลู เหตุแห่งหน้ีต่อกนั นัน้ เป็นขอ้ ต่อสอู้ นั อาศยั ความเก่ยี วพนั เฉพาะบุคคล
ระหว่างบรษิ ทั เงนิ ทุนทองแท้ จากดั ผอู้ อกตวั ๋ กบั บรษิ ทั เงนิ ทุนทองดี จากดั ผสู้ ลกั หลงั จานา หา
อาจจะยกมาต่อสู้ธนาคารศรเี มอื ง จากัด ผู้ทรงซ่ึงเป็นผู้รบั จานาตวั ๋ ได้ไม่ ทงั้ น้ีตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๙๒๖ วรรคสอง, ๙๘๕
ขอ้ อา้ งของบรษิ ทั เงนิ ทนุ ทองแท้ จากดั ทกุ ขอ้ ฟังไมข่ น้ึ
๑๖๘
(๓๘) สมยั ที่ ๔๓ ปี การศึกษา ๒๕๓๓
คาถาม นายชานาญออกตัว๋ แลกเงินสัง่ ธนาคารกรุงทองจ่ายเงิน จานวน
๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นการชาระหน้ีค่าขา้ วสารใหแ้ ก่นายชานิผรู้ บั เงนิ ตวั ๋ แลกเงนิ ดงั กล่าวธนาคาร
กรงุ ทองผจู้ า่ ยไดล้ งลายมอื ชอ่ื ดา้ นหน้าใตข้ อ้ ความพมิ พไ์ วว้ ่า “เป็นอาวลั ค้าประกนั ผสู้ งั่ จา่ ย” ดว้ ย
ต่อมาก่อนมกี ารชาระหน้ตี ามตวั ๋ แลกเงนิ ดงั กล่าว นายชานิผดิ สญั ญาซอ้ื ขายขา้ วสาร นายชานาญ
จงึ บอกเลกิ สญั ญา และขอตวั ๋ แลกเงนิ คนื นายชานิไม่ยอมคนื ให้นายชานาญ จงึ แจ้งอายดั และ
บอกหา้ มธนาคารกรุงทองใชเ้ งนิ แต่ปรากฏว่าธนาคารกรงุ ทองยงั จา่ ยเงนิ ตามตวั ๋ แลกเงนิ ใหน้ าย
ชานิไป นายชานาญจงึ เรยี กรอ้ งใหธ้ นาคารกรงุ ทองรบั ผดิ ชดใชเ้ งนิ แก่ตน เพราะไดส้ งั่ หา้ มไมใ่ ห้
จา่ ยเงนิ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๙๙๒ แลว้ ธนาคารจงึ ต้องปฏบิ ตั ติ าม แต่
ธนาคารกรุงทองปฏเิ สธไมย่ อมชดใชเ้ งนิ ใหแ้ ก่นายชานาญโดยอา้ งวา่ นายชานาญจะบอกหา้ มการ
ใชเ้ งนิ ไมไ่ ด้
ใหว้ นิ จิ ฉยั ว่า ธนาคารกรงุ ทองจะตอ้ งรบั ผดิ ชดใชเ้ งนิ ใหแ้ ก่นายชานาญหรอื ไม่
ธงคาตอบ
การท่ดี ้านหน้าตวั ๋ แลกเงนิ ปรากฏขอ้ ความพิมพ์ไว้เหนือลายมอื ช่อื ผู้จ่ายว่า “เป็น
อาวัลค้าประกันผู้สัง่ จ่าย” ถือได้ว่าการลงลายมือช่ือของธนาคารกรุงทองเป็ นอาวัล ตาม
หลกั เกณฑท์ บ่ี ญั ญตั ไิ วใ้ นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๓๙ วรรคหน่ึง และวรรค
สอง ซง่ึ การน้พี งึ ใชถ้ อ้ ยสานวนวา่ “ใชไ้ ดเ้ ป็นอาวลั ” หรอื สานวนอ่นื ใดทานองเดยี วกนั กไ็ ด้
เมอ่ื ธนาคารกรงุ ทองเป็นผอู้ าวลั กต็ ้องบงั คบั ตามมาตรา ๙๔๐ คอื ผรู้ บั อาวลั ยอ่ มตอ้ ง
ผกู พนั เป็นอย่างเดยี วกนั กบั บุคคลซง่ึ ตนประกนั หมายความว่า ธนาคารกรุงทองมคี วามผูกพนั
อย่างเดยี วกนั กบั นายชานาญผสู้ งั่ จา่ ย ฉะนนั้ การทธ่ี นาคารกรุงทองใชเ้ งนิ ตามตวั ๋ แลกเงนิ ซง่ึ ตน
เป็นผอู้ าวลั จงึ เป็นการปฏบิ ตั ไิ ปตามกฎหมาย นายชานาญผู้สงั่ จ่ายไมม่ อี านาจบอกหา้ มการใช้
เงนิ และบทบญั ญตั ติ ามมาตรา ๙๙๒ เป็นบทบญั ญตั เิ รอ่ื งเชค็ โดยเฉพาะ จะนามาใชก้ บั ตวั ๋ แลก
เงนิ ไม่ได้ (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๘๓๓/๒๕๒๓) ดงั นัน้ ธนาคารกรุงทองจงึ ไม่ต้องรบั ผดิ ชดใชเ้ งนิ
ใหแ้ ก่นายชานาญ
(๓๘) สมยั ที่ ๔๔ ปี การศึกษา ๒๕๓๔
คาถาม นาย ก.สงั่ จ่ายเชค็ จานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ระบุใหน้ าย ข. เป็นผรู้ บั เงนิ
แต่ไม่ไดข้ ดี ฆ่าคาว่า “หรอื ผูถ้ อื ” อนั เป็นคาตามแบบฟอรม์ ในเชค็ ออก นาย ข. สลกั หลงั โอนส่ง
มอบให้แก่นาย ค. แลว้ นาย ค. นาเชค็ ไปสลกั หลงั ขายลดให้แก่ธนาคาร ธนาคารจงึ ชะเงนิ โดย
การออกเชค็ ของธนาคารหรอื แคชเชยี รเ์ ชค็ จานวนเงนิ ๙๐,๐๐๐ บาท สงั่ จา่ ยเงนิ ใหแ้ ก่นาย ค. ไป
นาย ค. สลกั หลงั โอนสง่ มอบแคชเชยี รเ์ ชค็ นนั้ ใหน้ าย ง. ต่อมา นาย ค. แจง้ ธนาคารว่าแคชเชยี ร์
เชค็ นนั้ หายโดยตอ้ งการใหธ้ นาคารออกเชค็ ใหใ้ หม่ เมอ่ื แคชเชยี รเ์ ชค็ ถงึ กาหนด นาย ง. ไดน้ าไป
๑๖๙
เรยี กเก็บเงนิ ธนาคารจงึ ปฏเิ สธการจ่ายเงนิ อ้างว่ากรณีมคี าบอกกล่าวว่าเชค็ หาย ขณะเดยี วกนั
เชค็ ทน่ี าย ก.สงั่ จา่ ยจานวนเงนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาทนนั้ เรยี กเกบ็ เงนิ ไมไ่ ด้
ดงั น้ี (ก) นาย ง. จะฟ้องธนาคารผอู้ อกแคชเชยี รเ์ ชค็ ใหต้ ้องรบั ผดิ ตามเชค็ ไดห้ รอื ไม่
และภายในกาหนดอายคุ วามเท่าใด
(ข) ส่วนเชค็ ฉบบั ทน่ี าย ก.สงั่ จ่าย ๑๐๐,๐๐๐ บาทนนั้ ธนาคารจะฟ้องเรยี กเงนิ ตาม
เชค็ ได้จากใครบา้ ง และนาย ข. กบั นาย ค. จะฟ้องนาย ก. ไดห้ รอื ไม่ ภายในกาหนดอายุความ
เท่าใด
ธงคาตอบ
(ก) การทน่ี าย ง. ฟ้องธนาคารเรยี กใหธ้ นาคารชาระเงนิ ตามแคชเชยี รเ์ ชค็ ทธ่ี นาคาร
เองเป็นผสู้ งั่ จา่ ยนนั้ เป็นกรณีทผ่ี ทู้ รงตวั ๋ เงนิ ฟ้องธนาคารผสู้ งั่ จา่ ย ธนาคารเป็นลกู หน้ีชนั้ ต้นจงึ อา้ ง
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา ๙๙๑(๓) วา่ ตนเองไดร้ บั คาบอกหา้ มการใหเ้ งนิ มาเป็น
ขอ้ ต่อสไู้ ม่ใชเ้ งนิ ตามเชค็ นนั้ ไมไ่ ด้ (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๘๘๒/๒๕๒๖) ธนาคารจงึ ต้องใชเ้ งนิ ตาม
แคชเชยี รเ์ ชค็ และอายคุ วามฟ้องรอ้ งมกี าหนด ๑ ปี ตามมาตรา ๑๐๐๒
(ข) ส่วนเชค็ ทน่ี าย ก.เป็นผสู้ งั่ จา่ ยจานวนเงนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาท นัน้ เป็นเชค็ ประเภท
ทอ่ี อกใหใ้ ชเ้ งนิ แก่ผู้ถอื (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๖๒๒/๒๕๑๒ และ ๙๙/๒๕๑๙) นาย ข. กบั นาย ค.
ต่างได้สลกั หลงั เชค็ ซง่ึ สงั่ ใหใ้ ชเ้ งนิ แก่ผถู้ อื จงึ ต้องรบั ผดิ ในฐานะอาวลั ผูส้ งั่ จ่าย ตามมาตรา ๙๒๑
ประกอบมาตรา ๙๘๙ เม่อื เชค็ ขน้ึ เงนิ ไม่ได้ นาย ก.ผู้สงั่ จ่าย นาย ข. และนาย ค. ผู้รบั อาวลั จงึ
ตอ้ งรบั ผดิ ต่อผทู้ รง ตามมาตรา ๙๐๐, ๙๑๔, ๙๖๘, ๙๒๑, ๙๔๐ ประกอบมาตรา ๙๘๙ ธนาคาร
ฟ้องเรยี กเงนิ จากบุคคลทงั้ สามไดโ้ ดยมอี ายคุ วาม ๑ ปี ตามมาตรา ๑๐๐๒
สาหรบั นาย ข. และนาย ค. ถ้าหากไดใ้ ชเ้ งนิ ใหธ้ นาคารไปแลว้ ยอ่ มมสี ทิ ธฟิ ้องไลเ่ บย้ี
จากนาย ก. ไดต้ ามมาตรา ๙๒๑, ๙๔๐ วรรค ๓ ประกอบมาตรา ๙๘๙ ภายในกาหนดอายุความ
๑๐ ปี เพราะทงั้ สองคนมฐี านะเป็นผรู้ บั อาวลั นาย ก. ผสู้ งั่ จา่ ย กฎหมายไมไ่ ดก้ าหนดอายคุ วามไว้
เป็นพเิ ศษจงึ ต้องนาอายุความทวั่ ไป ตามมาตรา ๑๔๖ (ปัจจุบนั มาตรา๑๙๓/๓๐) (คาพพิ ากษา
ฎกี าท๓่ี ๕๐๖/๒๕๒๘)
(๓๙) สมยั ที่ ๔๕ ปี การศึกษา ๒๕๓๕
คาถาม นายหน่ึงเปิดบญั ชเี งนิ ฝากกระแสรายวนั ไว้กบั ธนาคารสุโขทยั จากัด
โดยมขี อ้ ตกลงว่าการเบกิ จา่ ยจากบญั ชตี อ้ งใชเ้ ชค็ ในการสงั่ จา่ ยเงนิ ต่อมานายหน่ึงไดส้ งั่ จ่ายเชค็
จานวนหน่ึงแสนบาทชาระหน้ีใหแ้ ก่นายสอง ก่อนเชค็ ถงึ กาหนดจา่ ยเงนิ นายรวยซง่ึ เป็นนายจา้ ง
ของนายหน่ึงไดท้ าหนงั สอื แจง้ ธนาคารดงั กล่าวขออายดั การจา่ ยเงนิ ตามเชค็ โดยอา้ งว่านายหน่ึง
ไดย้ กั ยอกเงนิ ของตนไปจานวนสองแสนบาท ครนั้ เชค็ ถงึ กาหนดจา่ ยเงนิ นายสองนาเชค็ ฉบบั นนั้
ไปเรยี กเกบ็ เงนิ ธนาคารปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ ทงั้ ทเ่ี งนิ ในบญั ชกี ระแสรายวนั ของนายหน่งึ มพี อทจ่ี ะ
๑๗๐
จา่ ยได้ นายสองจะฟ้องธนาคารสุโขทยั จากดั ใหร้ บั ผดิ ตามเชค็ และใหร้ บั ผดิ ตามสญั ญาตกลง
ระหว่างนายหน่ึงกบั ธนาคารท่ตี กลงกนั ว่าการเบกิ จ่ายเงนิ ของนายหน่ึงต้องใช้เชค็ เบกิ จ่ายได้
หรอื ไม่
ธงคาตอบ
เม่อื ธนาคารตามเชค็ ปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ สทิ ธขิ องนายสองในฐานะผทู้ รงเชค็ พพิ าท
ตามกฎหมายเรอ่ื งตวั ๋ เงนิ กไ็ ดแ้ ต่ฟ้องผทู้ เ่ี ป็นลกู หน้ีในเชค็ พพิ าท ไดแ้ ก่ บุคคลทงั้ สองทล่ี งลายมอื
ช่อื ในเชค็ พพิ าท ทงั้ น้ี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๐ และมาตรา ๙๐๑
นายสองผู้ทรงเชค็ จงึ ได้แต่ฟ้องไล่เบ้ยี เอาแก่นายหน่ึงผู้สงั่ จ่ายเชค็ ซ่งึ ต้องรบั ผดิ ตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๙๑๔ ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๘๙ ส่วนธนาคารสุโขทยั จากดั นนั้ ไมไ่ ดล้ งลายมอื ช่อื ในเชค็
พพิ าทจงึ ไมใ่ ช่ลกู หน้ใี นตวั ๋ เงนิ นายสองฟ้องธนาคารดงั กลา่ วใหใ้ ชเ้ งนิ ตามเชค็ พพิ าทไมไ่ ด้
ขอ้ ตกลงระหว่างธนาคารกบั นายหน่ึงผู้เคยคา้ เรอ่ื งการเบกิ เงนิ จากบญั ชเี งนิ ฝาก
กระแสรายวนั ว่าต้องใช้เช็คในการสงั่ จ่ายเงนิ นัน้ ก็ไม่มลี กั ษณะเป็นสญั ญาเพ่ือประโยชน์แก่
บุคคลภายนอกตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๘๔ และมาตรา ๙๙๑(๑) หรอื (๒) หรอื (๓) ธนาคาร
สุโขทยั จากัด ต้องรบั ผิดต่อผู้เคยค้า คือนายหน่ึงสงั่ จ่ายเช็คเท่านัน้ เพราะเป็นคู่สญั ญาของ
ธนาคารตามสญั ญาฝากเงนิ บญั ชกี ระแสรายวนั นายสองจงึ ฟ้องให้ธนาคารรบั ผดิ ตามขอ้ ตกลง
ดงั กลา่ วไมไ่ ด้ (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๓๖๘๕/๒๕๓๔)
(๔๐) สมยั ที่ ๔๖ ปี การศึกษา ๒๕๓๖
คาถาม เม่อื วนั ท่ี ๑๐ สงิ หาคม ๒๕๓๖ นางกุหลาบซ้ือแหวนเพชร ๑ วง จาก
นางไข่มุกในราคา ๑๐๐,๐๐๐ บาท โดยสงั่ จ่ายเชค็ ธนาคาร ซง่ึ ตงั้ อย่ทู ก่ี รุงเทพมหานคร ลงวนั ท่ี
๑๐ กนั ยายน ๒๕๓๖ จานวนเงนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ชาระหน้ีให้ นางไขม่ ุกเกบ็ เชค็ ไวใ้ นกระเป๋ าใส่
เงนิ ต่อมาวนั ท่ี ๕ กนั ยายน ๒๕๓๖ นางไข่มุกไปทาธุรกจิ ท่จี งั หวดั ภูเกต็ โดยพกั ทโ่ี รงแรมแห่ง
หน่ึง คนื นัน้ มเี พ่อื นซง่ึ นางไข่มุกรจู้ กั แต่ช่อื มาร่วมพกั อย่ใู นห้องเดยี วกนั เชา้ วนั รุง่ ขน้ึ นางไข่มุก
ตรวจพบว่ากระเป๋ าใส่เงนิ พรอ้ มกบั เชค็ ดงั กล่าวถูกเพ่อื นคนนนั้ ลกั ไป นางไข่มุกจงึ ไปแจง้ ความ
ต่อพนักงานสอบสวน วนั ท่ี ๑๕ กนั ยายน ๒๕๓๖ นางไข่มุกเดนิ ทางกลบั กรุงเทพมหานครและ
แจง้ ให้นางกุหลาบทราบว่าเชค็ หาย นางกุหลาบไดแ้ จง้ อายดั เชค็ ต่อธนาคารในวนั เดยี วกนั แต่
ปรากฏว่ามผี ู้นาเชค็ ไปข้นึ เงนิ ตงั้ แต่วนั ท่ี ๑๐ กนั ยายน ๒๕๓๖ แล้ว นางไข่มุกจงึ เรยี กให้นาง
กุหลาบชาระเงนิ ค่าแหวนเพชร
ดงั น้ี นางกุหลาบจะตอ้ งรบั ผดิ ชาระคา่ แหวนเพชรนนั้ อกี หรอื ไม่
ธงคาตอบ
นางไข่มุกไปทาธุรกิจท่ีจงั หวดั ภูเก็ตชวั่ คราวก่อนวนั เช็คถึงกาหนด ไม่มคี วาม
จาเป็นท่จี ะตอ้ งนาเชค็ ตดิ ตวั ไปดว้ ย และระหว่างพกั อย่ทู จ่ี งั หวดั ภเู กต็ นางไข่มุกใหเ้ พ่อื นซง่ึ รจู้ ัก
๑๗๑
แต่ช่อื พกั ในหอ้ งเดยี วกนั จนเป็นเหตุใหเ้ ชค็ ถูกลกั ไป ดงั น้ี พฤตกิ ารณ์ของนางไขม่ ุกจงึ เป็นทเ่ี หน็
ไดว้ ่ามสี ่วนทาใหเ้ ชค็ ถูกลกั ไป และโดยทป่ี ระมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๓๒๑ วรรค
สาม บญั ญตั วิ ่า ถา้ ชาระหน้ดี ว้ ยออกดว้ ยโอนหรอื ดว้ ยสลกั หลงั ตวั ๋ เงนิ หรอื ประทวนสนิ คา้ ท่านว่า
หน้ีนัน้ จะระงบั ส้นิ ไปต่อเม่อื ตวั ๋ เงนิ หรอื ประมวลสนิ ค้านัน้ ไดใ้ ช้เงนิ แล้ว เม่อื นางไข่มุกมสี ่วนผดิ
เป็นเหตุให้เช็คถูกลกั ไปและเช็คนัน้ ได้ใช้เงนิ แลว้ หน้ีท่นี างกุหลาบต้องชาระราคาแหวนเพชร
ให้แก่นางไข่มุกย่อมระงบั ไป ส่วนท่นี างไข่มุกแจง้ แก่นางกุหลาบและนางกุหลาบอายดั เชค็ ต่อ
ธนาคารเพ่อื ไมใ่ หใ้ ชเ้ งนิ ตามเชค็ นนั้ กป็ รากฏว่านางไข่มุกบอกกล่าวแก่นางกุหลาบหลงั จากท่มี ี
การใชเ้ งนิ ตามเชค็ แลว้ การบอกกล่าวไมเ่ ป็นประโยชน์ นางไขม่ ุกจงึ ไมไ่ ดร้ บั ความคุม้ ครองตาม
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา ๑๐๑๐ และมาตรา ๑๐๑๑ นางกุหลาบจงึ ไมต่ อ้ งรบั ผดิ
ชาระหน้คี า่ แหวนเพชรใหน้ างไขม่ กุ อกี (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๒๖๕๑/๒๕๒๙ ประชุมใหญ่)
(๔๑) สมยั ท่ี ๔๘ ปี การศึกษา ๒๕๓๘
คาถาม นายเอกออกเชค็ สงั่ จา่ ยเงนิ ๑,๐๐๐ บาท ใหแ้ ก่นายโทหรอื ผถู้ อื นายโท
แก้จานวนเงนิ ในเชค็ จาก ๑,๐๐๐ บาท เป็น ๑๑,๐๐๐ บาท ซ่งึ หากไม่สงั เกตจะไม่เห็นรอยแก้
จานวนเงนิ ในเชค็ แลว้ นายโทเซน็ สลกั หลงั นนั้ นาไปชาระหน้ีใหแ้ ก่นายตรี นายตรเี ซน็ สลกั หลงั
เชค็ โอนชาระหน้ีใหแ้ ก่นายจตั วาอกี ทอดหน่ึง นายจตั วานาเชค็ ไปขน้ึ เงนิ ต่อธนาคาร แต่ธนาคาร
ปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ
ดงั น้ี นายจตั วามีสิทธิเรียกร้องให้นายเอก นายโท และนายตรีใช้เงินตามเช็ค
ดงั กลา่ วไดห้ รอื ไม่ เพยี งใด
ธงคาตอบ
การแก้ไขจานวนเงนิ ในเช็ค จาก ๑,๐๐๐ บาท เป็น ๑๑,๐๐๐ บาท เป็นการแก้ไข
เปลย่ี นแปลงในขอ้ สาคญั ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าตรา ๑๐๐๗ วรรคทา้ ย แต่
การแก้ไขดงั กล่าวหาไมส่ งั เกตจะไม่เหน็ รอยแก้จานวนเงนิ ในเชค็ ถอื ไดว้ า่ ความเปลย่ี นแปลงนนั้
ไม่จกั ษ์ นายจตั วาซ่ึงเป็นผู้ทรงจงึ เอาประโยชน์จากเช็คนัน้ ได้เสมอื นดงั ว่ามิได้มีการแก้ไข
เปลย่ี นแปลง และบงั คบั การใชเ้ งนิ จากนายเอกตามเน้ือความเดมิ แห่งเชค็ นนั้ ได้ จานวน ๑,๐๐๐
บาท ตามมาตรา ๑๐๐๗ วรรคสอง
นายจตั วามสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งให้นายโทใชเ้ งนิ ตามเชค็ ได้ ๑๑,๐๐๐ บาท เน่ืองจากนาย
โทเป็นผทู้ าการแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงจานวนเงนิ ในเชค็ นนั้ ตามมาตรา ๑๐๐๗ วรรคหน่งึ
๑๗๒
(๔๒) สมยั ที่ ๔๘ ปี การศึกษา ๒๕๓๘
คาถาม นายกุ้งไปซ้อื สนิ ค้าในห้างสรรพสนิ ค้าแห่งหน่ึง และเผอญิ ทาสมุดเช็ค
หล่นหาย จงึ ไปแจง้ ความต่อตารวจ และแจง้ ธนาคารขอระงบั การจ่ายเงนิ ตามเชค็ ทุกฉบบั นาย
กงั้ ซง่ึ กาลงั เดอื ดรอ้ นเรอ่ื งเงนิ เกบ็ สมดุ เชค็ ของนายกุง้ ได้ จงึ ปลอมลายมอื ชอ่ื นายกุง้ สงั่ จา่ ยเงนิ ใน
เชค็ จานวน ๑๐,๐๐๐ บาท ชาระหน้ีใหน้ ายกอ้ งโดยระบุช่อื นายกอ้ งเป็นผรู้ บั เงนิ นายกอ้ งรบั เชค็
มาแลว้ สลกั หลงั โอนใหแ้ ก่นายแก้ว นายแกว้ นาเชค็ ไปเรยี กเกบ็ เงนิ ทธ่ี นาคาร แต่ธนาคารปฏเิ สธ
การจา่ ยเงนิ โดยแจง้ ใหน้ ายแก้วทราบว่านายกุง้ ทาสมดุ เชค็ หายขอใหธ้ นาคารระงบั การจ่ายเงนิ
ตามเชค็
ใหว้ นิ จิ ฉยั ว่านายกุง้ นายกงั้ และนายกอ้ ง จะตอ้ งรบั ผดิ ตามเชค็ ต่อนายแก้วหรอื ไม่
อยา่ งไร
ธงคาตอบ
นายกุ้งไม่ต้องรบั ผดิ ต่อนายแก้ว เพราะลายมอื ช่อื ของนายกุ้งท่สี งั่ จ่ายในเช็คเป็น
ลายมอื ชอ่ื ปลอมถอื วา่ นายกุง้ มไิ ดล้ งลายมอื ชอ่ื ในเชค็ นนั้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๙๐๐
นายกงั้ ตอ้ งรบั ผดิ ต่อนายแกว้ เพราะนายกงั้ เป็นผลู้ งลายมอื ช่อื สงั่ จ่ายเชค็ แมจ้ ะลง
ช่อื นายกุง้ ซง่ึ ไมใ่ ช่ของตนกต็ าม นายกงั้ กย็ งั ตอ้ งรบั ผดิ ต่อนายแก้ว ในฐานะทน่ี ายกงั้ เป็นผสู้ งั่ จา่ ย
ตามมาตรา ๙๐๐, ๙๑๔ และ ๙๘๙
นายก้องต้องรบั ผดิ ต่อนายแก้ว เพราะแมเ้ ชค็ ฉบบั น้ีจะเกดิ จากลายมอื ช่อื ผูส้ งั่ จ่าย
ปลอม แต่การท่ลี ายมือช่อื ของนายกุ้งปลอมนัน้ ย่อมไม่กระทบกระทงั่ ถึงความสมบูรณ์แห่ง
ลายมอื ช่อื อ่นื ๆ ในตวั ๋ เงนิ นนั้ ตามมาตรา ๑๐๐๖ และการฟ้องนายกอ้ งกไ็ มจ่ าเป็นต้องแสวงสทิ ธิ
จากลายมอื ช่อื ปลอมของนายกงั้ ตามมาตรา ๑๐๐๘
(๔๓) สมยั ที่ ๔๙ ปี การศึกษา ๒๕๓๙
คาถาม นายสมรกั ษ์เป็นหน้นี ายวชิ ยั จานวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท จงึ ลงลายมอื ช่อื ใน
เชค็ ของธนาคารเหรยี ญทอง จากดั เพ่อื สงั่ จา่ ยเงนิ จานวนดังกล่าวชาระหน้ี แต่ดว้ ยความเรง่ รบี
นายสมรกั ษ์ไดเ้ ขยี นจานวนเงนิ ในรายการตวั เลขผดิ พลาดเป็น “๒๘๐,๐๐๐” สว่ นยอดจานวนเงนิ
ทเ่ี ป็นตวั อกั ษรเขยี นว่า “สองแสนหา้ หมน่ื บาทถว้ น” มอบใหน้ ายวชิ ยั รบั ไป นายวชิ ยั สลกั หลงั เชค็
ดงั กล่าวมอบให้แก่นายพงษ์สทิ ธิ ์ นายพงษ์สทิ ธพิ ์ บเห็นขอ้ ผดิ พลาดดงั กล่าว จงึ แก้ไขยอดเงนิ
ตวั เลขเป็น ๒๕๐,๐๐๐ บาท แลว้ สลกั หลงั โอนต่อใหน้ ายภาคภมู ิ เมอ่ื เชค็ ถงึ กาหนด นายภาคภมู ิ
นาเชค็ ไปเรยี กเกบ็ จากธนาคาร ดงั น้ี
(ก) หากธนาคารเหรยี ญทอง จากดั ปฏเิ สธการจ่ายเงนิ นายภาคภูมจิ ะฟ้องใครรบั
ผดิ ตามเชค็ ไดบ้ า้ งหรอื ไม่ เพยี งใด
๑๗๓
(ข) หากธนาคารเหรยี ญทอง จากัด จ่ายเงินจานวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท แก่นาย
ภาคภมู ไิ ปแลว้ จะหกั เงนิ จากบญั ชขี องนายสมรกั ษ์ไดห้ รอื ไม่
ธงคาตอบ
การทน่ี ายพงษ์สทิ ธแิ ์ กไ้ ขรายการในเชค็ ช่องจานวนเงนิ ทเ่ี ป็นตวั เลข เพ่อื ใหถ้ ูกต้อง
ตรงกบั ยอดจานวนเงนิ ทร่ี ะบุไวเ้ ป็นตวั อกั ษรนัน้ ไมใ่ ช่เป็นการแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงในขอ้ สาคญั อนั
จะมผี ลทาใหเ้ ชค็ ดงั กล่าวเสยี ไป ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา
๑๐๐๘ วรรคหน่ึง เพราะแม้ไม่มกี ารแก้ไขก็ต้องถือเอาจานวนเงนิ ท่รี ะบุไว้เป็นตวั อักษรเป็น
ยอดเงนิ ตามเชค็ อย่แู ลว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าตรา ๑๒ (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี
๒๖๖/๒๕๓๙) ดงั นนั้
(ก) หากธนาคารปฏเิ สธการจ่ายเงนิ นายภาคภมู ซิ ง่ึ เป็นผทู้ รงย่อมสทิ ธฟิ ้องใหน้ าย
สมรกั ษ์ในฐานะผู้สงั่ จ่าย นายวชิ ยั และนายพงษ์สทิ ธใิ ์ นฐานะผูส้ ลกั หลงั ร่วมกนั รบั ผดิ ชดใชเ้ งนิ
จานวน ๒๕๐,๐๐๐ บาทแก่ตนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๐, ๙๑๔,
๙๖๘ ประกอบมาตรา ๙๘๙ แต่จะฟ้องธนาคารไมไ่ ดเ้ พราะธนาคารมไิ ดร้ บั รองเชค็ ธนาคารจงึ ไม่
มนี ติ สิ มั พนั ธก์ บั นายภาคภมู ิ
(ข) ในกรณีทธ่ี นาคารจ่ายเงนิ ตามเชค็ จานวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท แก่นายภาคภูมไิ ป
แลว้ ถอื ไดว้ ่าธนาคารไดจ้ า่ ยเงนิ แก่ผทู้ รงโดยถูกตอ้ ง ธนาคารจงึ มสี ทิ ธหิ กั เงนิ จากบญั ชขี องนาย
สมรกั ษ์ผสู้ งั่ จา่ ยไดเ้ ตม็ จานวน
(๔๔) สมยั ท่ี ๔๐ ปี การศึกษา ๒๕๔๐
คาถาม นายคมกริชนานาฬิกาย่ีห้อโรเล็กซ์มาขายให้นายภักดี ในราคา
๓๐๐,๐๐๐ บาท นายภกั ดตี กลงซอ้ื แลว้ ออกเชค็ ชาระราคานาฬกิ าใหแ้ ก่นายคมกรชิ ระบชุ อ่ื นายค
มกรชิ เป็นผรู้ บั เงนิ และขดี ฆ่าคาว่า ผูถ้ อื ออก วนั รุง่ ขน้ึ นายภกั ดนี านาฬิกาไปใหค้ นขายนาฬกิ าดู
จงึ ทราบว่าเป็นนาฬกิ าโรเลก็ ซ์ปลอม นายภกั ดจี งึ บอกลา้ งการซอ้ื ขายไปยงั นายคมกรชิ และสงั่
หา้ มธนาคารจ่ายเงนิ ตามเชค็ แต่ปรากฎว่านายคมกรชิ ไดส้ ลกั หลงั โอนเชค็ ให้นายพทิ กั ษ์เพ่อื
ชาระคา่ ซอ้ื ยาบา้ ไปก่อนแลว้ โดยท่นี ายพทิ กั ษ์ไมท่ ราบว่านายคมกรชิ ไดร้ บั เชค็ มาจากการหลอก
ขายนาฬกิ าโรเลก็ ซป์ ลอม เมอ่ื นายพทิ กั ษน์ าเชค็ ไปเรยี กเกบ็ เงนิ จากธนาคาร ธนาคารปฏเิ สธการ
จา่ ยเงนิ นายพทิ กั ษจ์ งึ เรยี กใหน้ ายภกั ดผี สู้ งั่ จา่ ยใชเ้ งนิ ตามเชค็
ดงั น้ี ใหว้ นิ ิจฉัยว่านายภกั ดจี ะยกขอ้ ท่นี ายคมกรชิ หลอกขายนาฬกิ าโรเลก็ ซป์ ลอม
ใหแ้ ก่ตนกรณีหน่ึง และขอ้ ทน่ี ายพทิ กั ษ์รบั เชค็ จากนายคมกรชิ ซง่ึ ไดม้ าจากการชาระค่าซอ้ื ยาบา้
อกี กรณหี น่งึ เป็นขอ้ ต่อสเู้ พอ่ื ไมใ่ ชเ้ งนิ ตามเชค็ ไดห้ รอื ไม่
๑๗๔
ธงคาตอบ
กรณีแรก แมน้ าฬกิ ายห่ี อ้ โรเลก็ ซท์ น่ี ายคมกรชิ ขายใหน้ ายภกั ดเี ป็นนาฬิกาโรเลก็ ซ์
ปลอม และนายภกั ดไี ดบ้ อกลา้ งแลว้ กต็ าม แต่ขอ้ ต่อสทู้ ว่ี ่านายคมกรชิ หลอกขายนาฬกิ าปลอมให้
นายภกั ดเี ป็นขอ้ ต่อสอู้ นั อาศยั ความเก่ยี วพนั กนั เฉพาะบุคคล ระหว่างนายภกั ดกี บั นายคมกรชิ ผู้
ทรงคนก่อน เม่อื ไม่ปรากฏว่าการโอนเช็คไดม้ ขี น้ึ ดว้ ยคบคดิ กนั ฉ้อฉลนายภกั ดยี ่อมไม่อาจยก
เป็นขอ้ ต่อสูท้ ว่ี ่านายพทิ กั ษ์ไดต้ ามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๑๖ ดงั นัน้ นาย
ภกั ดจี ะยกขอ้ ต่อสทู้ ว่ี า่ นายคมกรชิ หลอกขายนาฬิกาโรเลก็ ซป์ ลอม ใหแ้ ก่ตน เป็นขอ้ ต่อสเู้ พ่อื ไม่
ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ใหน้ ายพทิ กั ษ์ไมไ่ ด้
ส่วนกรณีนายภกั ดจี ะยกขอ้ ต่อสูท้ น่ี ายพทิ กั ษ์รบั เชค็ จากนายคมกริช ซง่ึ ได้มาจาก
การชาระคา่ ยาบา้ ขน้ึ เป็นขอ้ ต่อสนู้ ายพทิ กั ษน์ นั้ สญั ญาซอ้ื ขายยาบา้ ระหว่างนายพทิ กั ษก์ บั นายค
มกรชิ เป็นนิติกรรมท่มี วี ตั ถุประสงค์ เป็นการต้องห้ามชดั แจง้ โดยกฎหมายตกเป็นโมฆะตาม
มาตรา ๑๕๐ แมน้ ายคมกรชิ สลกั หลงั โอนเชค็ ใหน้ ายพทิ กั ษ์ ก็ไม่ถอื ว่านายพทิ กั ษ์เป็นผรู้ บั สลกั
หลงั อนั จะเป็นผู้ทรงโดยชอบดว้ ยกฎหมายตามมาตรา ๙๐๔ ทงั้ ขอ้ ต่อสูด้ งั กล่าวเป็นขอ้ ต่อสูท้ ่มี ี
ต่อตวั นายพทิ กั ษ์ผทู้ รงคนปัจจุบนั ไมต่ ้องหา้ มทน่ี ายภกั ดจี ะยกเป็นขอ้ ต่อสเู้ พอ่ื ไม่ใชเ้ งนิ ตามเชค็
นนั้ แก่นายพทิ กั ษ์ไดต้ ามมาตรา ๙๑๖ นายภกั ดจี งึ มสี ทิ ธยิ กขอ้ ต่อสใู้ นขอ้ ทว่ี ่า นายพทิ กั ษ์รบั สลกั
หลงั เชค็ จากนายคมกรชิ ซง่ึ ไดม้ าจากการชาระค่าซอ้ื ยาบา้ เป็นขอ้ ต่อสนู้ ายพทิ กั ษ์ไมใ่ ช่เงนิ ตาม
เชค็ นนั้ ได้
(๔๕) สมยั ท่ี ๕๑ ปี การศึกษา ๒๕๔๑
คาถาม นายฉลาดกบั นายเฉลยี วเป็นเพ่อื นกนั นายฉลาดชวนนายเฉลยี วไป
ช่วยเลอื กซอ้ื เครอ่ื งเพชรใหภ้ รยิ า นายฉลาดตกลงซอ้ื เครอ่ื งเพชร ราคา ๓๐๐,๐๐๐ บาท จากนาย
ชมเจา้ ของเครอ่ื งเพชร แต่มเี งนิ ไมพ่ อ จงึ ขอยมื เงนิ จากนายเฉลยี ว นายเฉลยี วมเี งนิ ไมพ่ อเช่นกนั
นายเฉลียวบอกว่ามแี ต่เช็ค นายฉลาดจงึ ขอยมื เช็คของนายเฉลียวมากรอกข้อความและลง
ลายมอื ช่อื เป็นผสู้ งั่ จา่ ย ใหช้ าระเงนิ แก่ผู้ถอื เพ่อื ชาระค่าเคร่อื งเพชรใหแ้ ก่นายชม นายชมไม่เช่อื
ใจนายฉลาด จงึ ขอให้นายเฉลยี วลงลายมอื ช่อื ในเช็คด้วย นายเฉลยี วจงึ ลงลายมอื ช่อื ไว้ท่มี ุม
ดา้ นขวาด้านหน้าของเชค็ ใหต้ ามความประสงคข์ องนายชม ต่อมานายชมสลกั หลงั เชค็ ดงั กล่าว
ชาระหน้ีกู้ยมื ให้แก่นายชยั เม่อื เชค็ ถงึ กาหนด นายชยั นาไปเรยี กเก็บเงนิ แต่ธนาคารตามเชค็
ปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ
ดงั น้ใี หว้ นิ ิจฉยั วา่ นายฉลาด นายเฉลยี ว และนายชม จะตอ้ งรบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ต่อ
นายชยั หรอื ไม่
๑๗๕
ธงคาตอบ
ผลู้ งลายมอื ช่อื เป็นผสู้ งั่ จา่ ยในเชค็ แมต้ นเองจะไม่ใช่เจา้ ของบญั ชตี ามเชค็ นนั้ กต็ าม
กต็ ้องรบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ แก่ผทู้ รงซง่ึ นาเชค็ นนั้ ไปขน้ึ เงนิ ไม่ได้ เพราะกฎหมายมไิ ดบ้ ญั ญตั วิ ่าผู้
สงั่ จา่ ยเชค็ จะตอ้ งเป็นเจา้ ของบญั ชตี ามเชค็ นนั้ (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๑๘๓๔/๒๕๑๕) นายฉลาดซง่ึ
เป็นผลู้ งลายมอื ช่อื สงั่ จา่ ยในเชค็ จงึ ตอ้ งรบั ผดิ ตามเน้อื ความในเชค็ นนั้ ตามประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณชิ ย์ มาตรา ๙๐๐, ๙๑๔ ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๘๙
นายเฉลยี วลงลายมอื ช่อื ไว้ทด่ี า้ นหน้าของเชค็ ถอื ว่าเป็นผรู้ บั อาวลั นายฉลาด ผู้สงั่
จา่ ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๓๙ วรรคสาม และวรรคส่ี และมคี วามรบั
ผดิ อย่างเดยี วกนั กบั นายฉลาดผู้สงั่ จ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๔๐
วรรคหน่งึ ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๘๙
นายชมลงลายมอื ช่อื สลกั หลงั เชค็ สงั่ ให้ใช้เงนิ แก่ผู้ถือย่อมเป็นอาวลั สาหรบั นาย
ฉลาดผู้สงั่ จ่ายและมคี วามรบั ผดิ อย่างเดียวกันกบั นายฉลาด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณชิ ยม์ าตรา ๙๒๑, ๙๔๐ ประกอบมาตรา ๙๘๙
นายฉลาด นายฉลาด และนายชม ตอ้ งรว่ มกนั รบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ต่อนายชยั
(๔๘) สมยั ท่ี ๕๓ ปี การศึกษา ๒๕๔๓
คาถาม นายพานไปรบั ประทานอาหารทภ่ี ตั ตาคารแห่งหน่ึงในจงั หวดั เชยี งใหม่
ไดพ้ บกบั นายทองลกู หน้ี จงึ ทวง ถามหน้เี งนิ ยมื นายทองไปออกเชค็ ธนาคารกรงุ ธน จากดั สาขา
เชยี งใหม่ ลงวนั ท่ี ๑๐ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๔๓ ระบุชอ่ื นายพานเป็นผรู้ บั เงนิ และขดี ฆา่ คาว่าผถู้ อื มอบ
เชค็ ให้แก่นายพานท่ภี ตั ตาคารแห่งนัน้ เองเพ่อื ชาระหน้ีดงั กล่าว ต่อมานายพานลงลายมอื ช่อื ท่ี
ดา้ นหลงั เชค็ โดยไม่เขยี นขอ้ ความใด ๆ ส่งมอบเชค็ ชาระหน้คี ่าแหวนเพชรใหแ้ ก่นายแท้ นายแท้
ไดร้ บั เชค็ ไวแ้ ลว้ หลงลมื จนกระทงั่ วนั ท่ี ๑๕ มนี าคม ๒๕๔๓ จงึ นาเชค็ ไปเรยี กเกบ็ เงนิ ธนาคาร
กรงุ ธน จากดั สาขาเชยี งใหม่ ปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ โดยใหเ้ หตุผลวา่ เงนิ ในบญั ชไี มพ่ อจา่ ย นายแท้
ทวงถามนายทองและนายพานใหใ้ ชเ้ งนิ ตามเชค็ นายทองให้การต่อสู้ว่าเชค็ ไม่ระบุช่อื นายแท้
เป็นผรู้ บั โอน การโอนไมส่ มบรู ณ์ นายแทไ้ มใ่ ช่ผทู้ รง ส่วนนายพานต่อสวู้ า่ นายแทน้ าเชค็ ไปเรยี ก
เกบ็ เงนิ ล่าชา้ จงึ สน้ิ สทิ ธไิ ลเ่ บย้ี เอาแก่ตน
ใหว้ นิ ิจฉยั ว่า ขอ้ ต่อสขู้ องนายทอง และนายพาน ฟังขน้ึ หรอื ไม่
ธงคาตอบ
เชค็ ระบุชอ่ื ผรู้ บั เงนิ ย่อมโอนใหแ้ ก่กนั ไดด้ ว้ ยการสลกั หลงั และสง่ มอบตาม ป.พ.พ.ม.
๙๑๘ วรรคหน่ึงประกอบ ม.๙๘๙ และการสลกั หลงั ย่อมสมบูรณ์แมท้ งั้ มไิ ดร้ ะบุช่อื ผู้รบั ประโยชน์
ไวด้ ว้ ยตาม ม.๙๑๙ ประกอบ ม. ๙๘๙ การทน่ี ายพานลงลายมอื ช่อื ไวท้ ด่ี า้ นหลงั เชค็ โดยไมเ่ ขยี น
ขอ้ ความใด ๆ และส่งมอบเชค็ ใหแ้ ก่นายแท้ การสลกั หลงั กย็ ่อมสมบูรณ์ซง่ึ เรยี กว่าสลักหลงั ลอย
๑๗๖
(ฎ. ๖๒๑๘-๖๒๒๐/๒๕๓๔) เมอ่ื นายแทม้ เี ชค็ ไวค้ รอบครอง แมถ้ งึ วา่ การสลกั หลงั รายทส่ี ดุ จะเป็น
สลกั หลงั ลอยกต็ าม นายแทย้ ่อมเป็นผทู้ รงโดยชอบดว้ ยกฎหมายตามมาตรา๙๐๕ วรรคหน่ึง ขอ้
ต่อสขู้ องนายทองฟังไมข่ น้ึ เชค็ ใหใ้ ชเ้ งนิ ในเมอื งเดยี วกนั กบั ทอ่ี อกเชค็ ระบวุ นั ออกเชค็ ลงวนั ท่ี ๑๐
กุมภาพนั ธ์ ๒๕๔๓ แต่นายแท้ซ่งึ เป็น ผู้ทรงย่นื เชค็ ต่อธนาคารเพ่อื ให้ใช้เงนิ วนั ท่ี ๑๕ มนี าคม
๒๕๔๓ เกนิ กาหนดหน่งึ เดอื นนับแต่วนั ออกเชค็ นนั้ ตามท่ี ม.๙๙๐ บงั คบั ไว้ นายแทจ้ งึ สน้ิ สทิ ธไิ ล่
เบย้ี เอาแก่นายพานผสู้ ลกั หลงั เชค็ นนั้ (ฎ.๓๕๙๘/๒๕๓๔) ขอ้ ต่อสขู้ องนายพานฟังขน้ึ
(๔๘) สมยั ท่ี ๕๔ ปี การศึกษา ๒๕๔๔
คาถาม นายจนั ทรอ์ อกเชค็ ผถู้ อื ลงวนั ทล่ี ่วงหน้าชาระหน้เี งนิ ยมื ใหแ้ ก่นายองั คาร
ต่อมานายองั คารลงลายมอื ช่อื สลกั หลงั เชค็ ดงั กล่าวชาระหน้ีค่าสนิ คา้ ใหแ้ ก่นายพุธ ก่อนเชค็ ถงึ
กาหนด นายพุธมภี ารกิจสาคญั ต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็ นเวลาหลายเดอื น เกรงว่าเม่อื
เดนิ ทางกลบั มาจะล่วงเลยวนั ถึงกาหนดใช้เงนิ ตามเชค็ ทาให้เรยี กเก็บเงนิ ไม่ได้ จงึ ขอให้นาย
องั คารออกเชค็ ฉบบั ใหมใ่ หแ้ ทน แต่นายองั คารไมย่ นิ ยอม นายพุธไดไ้ ปขอรอ้ งนายจนั ทรใ์ หแ้ กไ้ ข
วนั ท่ที ่ลี งในเช็ค นายจนั ทร์ตกลงยนิ ยอมโดยขดี ฆ่าวนั เดอื นปีในเช็คท่ลี งไว้เดมิ และเขยี นวนั
เดอื นปีในเชค็ ใหมแ่ ลว้ ลงลายมอื ชอ่ื กากบั ไว้ โดยนายองั คารไมท่ ราบเรอ่ื งดว้ ย เมอ่ื เชค็ ถงึ กาหนด
ตามวนั ทท่ี แ่ี กไ้ ข นายพธุ นาเชค็ ไปเรยี กเกบ็ เงนิ ธนาคารตามเชค็ ปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ
ในวินิจฉัยว่า นายพุธจะเรยี กให้นายจนั ทร์และนายอังคารรบั ผิดใช้เงนิ ตามเช็ค
หรอื ไม่
ธงคาตอบ
นายองั คารลงลายมอื ช่อื สลกั หลงั เช็คผู้ถือย่อมเป็นประกนั (อาวลั ) สาหรบั นาย
จนั ทร์ผู้สงั่ จ่ายและมคี วามผูกพันเป็นอย่างเดียวกันกับนายจนั ทร์บุคคลซ่ึงตนประกัน ตาม
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยม์ าตรา ๙๘๙ ประกอบมาตรา ๙๒๑ และ ๙๔๐ วรรคหน่งึ
การท่นี ายจนั ทร์ผู้สงั่ จ่ายแก้ไขวนั เดอื นปีในเชค็ เป็นการแก้ไขเปล่ยี นแปลงในข้อ
สาคญั และเป็นทป่ี ระจกั ษม์ ผี ลทาใหเ้ ชค็ นนั้ เป็นอนั เสยี ไป แต่ยงั คงใชไ้ ดต้ ่อนายจนั ทรซ์ ง่ึ เป็นผทู้ า
การแก้ไขเปล่ยี นแปลงนัน้ ตามาตรา ๑๐๐๘ วรรคหน่ึง เม่อื ธนาคารตามเชค็ ปฏเิ สธการจ่ายเงนิ
นายพธุ จงึ เรยี กใหน้ ายจนั ทรร์ บั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ทแ่ี กไ้ ขแลว้ ได้ แมน้ ายองั คารจะเป็นผรู้ บั อาวลั ผู้
สงั่ จา่ ยและมคี วามผกู พนั เป็นอยา่ งเดยี วกบั นายจนั ทรก์ ต็ าม แต่เมอ่ื นายองั คารมไิ ดย้ นิ ยอมดว้ ย
กบั การแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงดงั กล่าว ยอ่ มมผี ลทาใหเ้ ชค็ นนั้ เป็นอนั เสยี ไป นายพธุ จะอา้ งเอาผลของ
การท่ีเช็คถูกแก้ไขเปล่ียนแปลงวันท่ีลงในเช็คโดยนายอังคารมิได้ยินยอมกับการแก้ไข
เปล่ยี นแปลงนัน้ มาเรยี กให้นายองั คารรบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ไม่ได้ เพราะมผี ลเท่ากบั ให้นายพุธ
ยงั คงใชเ้ ชค็ อา้ งสทิ ธติ ่อนายองั คารซง่ึ มไิ ดย้ นิ ยอมดว้ ยการแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงนนั้ ไดต้ ่อไปอกี เป็น
๑๗๗
การไมช่ อบดว้ ยมาตรา ๑๐๐๘ วรรคหน่ึง นายพุธจงึ เรยี กใหน้ ายองั คารรบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ไมไ่ ด้
(คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๑๐๔๓/๒๕๓๔ และ ๓๓๙๘/๒๕๓๖)
(๔๙) สมยั ที่ ๕๕ ปี การศึกษา ๒๕๔๕
คาถาม นายสมทาสญั ญาเปิดบญั ชเี งนิ ฝากกระแสรายวนั ไวก้ บั ธนาคารทุนไทย
จากดั มขี อ้ ตกลงว่าการเบกิ จา่ ยเงนิ ตอ้ งใชเ้ ชค็ ซง่ึ ธนาคารมอบให้ โดยมเี งอ่ื นไขในการสงั่ จา่ ยเงนิ
ใหน้ ายสมหรอื นางสวยคนใดคนหน่ึงมอี านาจสงั่ จ่ายเงนิ จากบญั ชไี ดโ้ ดยลาพงั นายสวยสงั่ จ่าย
เชค็ ของธนาคารดงั กล่าวเป็นเชค็ ผถู้ อื ชาระค่าแหวนเพชรใหแ้ ก่นายสงิ ห์ นายสงิ หน์ าเชค็ ไปเรยี ก
เกบ็ เงนิ ธนาคารปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ โดยใหเ้ หตุผลว่า “ยงั รอเรยี กเกบ็ เงนิ อยู่ โปรดนามายน่ื ใหม่”
นายสงิ หม์ คี วามจาเป็นตอ้ งใชเ้ งนิ ด่วนจงึ นาเชค็ ไปขายลดโดยสง่ มอบเชค็ ใหแ้ ก่นายเสอื ต่อมาอกี
๑ สปั ดาห์ นายเสอื ทวงถามนางสวย นายสมและนางสงิ หใ์ หใ้ ชเ้ งนิ ตามเชค็ โดยมไิ ดน้ าเชค็ ไปย่นื
แก่ธนาคารเพ่อื ใหใ้ ชเ้ งนิ อกี ครงั้ หน่งึ บุคคลทงั้ สามปฏเิ สธความรบั ผดิ
ใหว้ นิ จิ ฉยั ว่า นางสวย นายสม และนายสงิ ห์ จะตอ้ งรบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ แก่นายเสอื
หรอื ไม่
ธงคาตอบ
เช็คท่ีนางสวยสงั่ จ่ายเป็นเช็คผู้ถือ แม้ธนาคารปฏเิ สธการจ่ายเงนิ แล้วก็ยงั คงมี
สภาพเป็นเชค็ ท่สี ามารถโอนเปล่ยี นมอื ต่อไปได้ และโอนเพยี งด้วยส่งมอบให้กนั ตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๙๑๘ ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๘๙ เมอ่ื นายเสอื ไดร้ บั โอนเชค็ มา
จากนายสงิ ห์จงึ เป็นผู้ทรงเช็คตามมาตรา ๙๐๔ และได้รบั โอนสทิ ธใิ นเช็คจากนายสงิ ห์โดยไม่
จาเป็นตอ้ งนาเชค็ ไปขน้ึ เงนิ อกี ครงั้ หน่งึ (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๒๐๖๒/๒๕๓๘)
นางสวยแมจ้ ะมใิ ช่เจ้าของบญั ชที ่สี งั่ จ่ายเชค็ แต่นางสวยได้ลงลายมอื ช่อื เป็นผู้สงั่
จา่ ยในเชค็ จงึ ตอ้ งรบั ผดิ ตามเน้อื ความในเชค็ นนั้ ตามมาตรา ๙๐๐, ๙๑๔ ประกอบมาตรา ๙๘๙
นายสมแมจ้ ะเป็นเจา้ ของบญั ชที ส่ี งั่ จ่ายเชค็ แต่เม่อื นายสมมไิ ด้ลงลายมอื ช่อื ในเชค็
จงึ ไมต่ อ้ งรบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ แก่นายเสอื ตามมาตรา ๙๐๐ (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๒๐๘๐/๒๕๒๒ )
นายสงิ ห์โอนเช็คใหแ้ ก่นายเสอื ด้วยการส่งมอบโดยมไิ ด้ลงลายมอื ช่อื ในเชค็ จงึ ไม่
ตอ้ งรบั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ แก่นายเสอื ตามมาตรา ๙๐๐
๑๗๘
(๕๐) สมยั ท่ี ๕๖ ปี การศึกษา ๒๕๔๖
คาถาม นายชูไปซอ้ื สนิ คา้ ท่หี า้ งสรรพสนิ คา้ พบนายวทิ ย์ นายชูเหน็ เป็นโอกาส
จงึ ทวงถามเงนิ ทน่ี ายวทิ ยย์ มื ไป นายวทิ ยไ์ ดอ้ อกเชค็ ผถู้ อื โดยมไิ ดล้ งวนั ทอ่ี อกเชค็ และไดข้ ดี เสน้
สดี าไว้ในช่องวนั ท่แี ล้วมอบเชค็ แก่นายชู นายชูลงวนั ท่ใี นเชค็ แล้วนาไปเรยี กเก็บเงนิ ธนาคาร
ตามเชค็ ปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ นายชูไปแจง้ ความรอ้ งทุกขแ์ ละพาเจา้ พนักงานตารวจไปทบ่ี า้ นของ
นายวทิ ย์ นายสนั ตบ์ ดิ าของนายวทิ ยก์ ลวั ว่านายวทิ ยจ์ ะถูกจบั กุม จงึ รบั รองต่อนายชูว่าจะใชเ้ งนิ
ตามเชค็ ให้ภายในกาหนด ๘ วนั โดยนายสนั ต์ได้ลงลายมอื ช่อื สลกั หลงั เชค็ ไวด้ ว้ ย แต่เม่อื ครบ
กาหนด ๘ วนั นายสนั ต์ก็ไม่ยอมชาระ นายชูจงึ ฟ้องนายวทิ ยก์ บั นายสนั ต์ใหร้ ่วมกนั ใชเ้ งนิ ตาม
เชค็ นายวทิ ยต์ ่อสูว้ ่าได้ขดี เส้นสดี าไวใ้ นช่องวนั ทแ่ี สดงว่าไม่ประสงคจ์ ะใหม้ กี ารเตมิ วนั ทใ่ี นเชค็
ส่วนนายสนั ต์ต่อสูว้ ่าได้สลกั หลงั เชค็ หลงั จากธนาคารปฏเิ สธการจ่ายเงนิ แลว้ จงึ ไม่ต้องรบั ผดิ ให้
วนิ ิจฉยั วา่ ขอ้ ต่อสขู้ องนายวทิ ยแ์ ละนายสนั ตฟ์ ังขน้ึ หรอื ไม่
ธงคาตอบ
การท่ีนายวิทย์ออกเช็คโดยขีดเส้นสดี าไว้ในช่องวนั ท่ี การกระทาดังกล่าวไม่มี
บทบญั ญตั ขิ องกฎหมายใหอ้ านาจไวว้ ่ากระทาได้ จงึ หาเป็นผลอย่างหน่ึงอย่างใดแก่เชค็ นัน้ ไม่
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๙๙ กรณีจงึ ถอื ไดว้ ่านายวทิ ยอ์ อกเชค็ โดยมไิ ด้
ลงวนั ออกเชค็ ไว้ นายชูผทู้ รงโดยชอบดว้ ยกฎหมายจงึ ลงวนั ทใ่ี นเชค็ ได้ตามมาตรา ๙๑๐ วรรค
ทา้ ย ประกอบมาตรา ๙๘๙ (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๓๕๐๙/๒๕๔๒) ขอ้ ต่อสขู้ องนายวทิ ยฟ์ ังไมข่ น้ึ
ส่วนขอ้ ต่อสู้ของนายสนั ต์นัน้ แมธ้ นาคารจะปฏเิ สธการจ่ายเงนิ ตามเชค็ แล้ว เช็ค
ดงั กล่าวซง่ึ มรี ายการครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา ๙๘๘ กย็ งั เป็นเชค็
ตามความหมายแห่งมาตรา ๙๘๘ นายสนั ต์สลกั หลงั เชค็ ท่สี งั่ จ่ายให้แก่ผู้ถือย่อมเป็นประกนั
(อาวลั ) สาหรบั นายวทิ ยผ์ สู้ งั่ จ่าย จงึ มคี วามรบั ผดิ อยา่ งเดยี วกบั นายวทิ ยบ์ คุ คลซง่ึ ตนประกนั ตาม
มาตรา ๙๒๑, ๙๔๐ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๙๘๙ แมจ้ ะสลกั หลงั เชค็ หลงั จากธนาคารปฏเิ สธ
การจ่ายเงนิ ตามเช็คนัน้ แล้วก็ไม่ทาให้ไม่เป็นอาวลั นายสนั ต์จงึ ต้องรบั ผิดตามเช็คนัน้ (คา
พพิ ากษาฎกี าท่ี ๕๘๖๖/๒๕๓๘) ขอ้ ต่อสขู้ องนายสนั ตฟ์ ังไมข่ น้ึ เช่นกนั
(๕๑) สมยั ที่ ๕๘ ปี การศึกษา ๒๕๔๘
คาถาม นายเอกเปิดรา้ นขายอาหารอยทู่ ก่ี รุงเทพมหานคร ไดส้ งั่ ซอ้ื เฟอรน์ ิเจอร์
จากนายโทเพ่อื นาไปใชใ้ นรา้ น นายเอกออกเชค็ ธนาคารกรงุ ทอง จากดั สาขาลาดพรา้ ว ซง่ึ เป็น
เชค็ ผถู้ อื ลงวนั ท่ี ๘ มกราคม ๒๕๔๘ ชาระหน้แี ก่นายโททร่ี า้ นนนั้ เอง นายโทสลกั หลงั และสง่ มอบ
เชค็ ดงั กล่าวแก่นายตรเี พ่อื ชาระหน้ีเงนิ ยมื นายตรรี บั เช็คไว้แล้วหลงลืม จนกระทงั่ วนั ท่ี ๑๔
พฤษภาคม ๒๕๔๘ จงึ นาเชค็ ไปเรยี กเกบ็ เงนิ ธนาคารปฏเิ สธการจา่ ยเงนิ เพราะเงนิ ในบญั ชไี ม่
พอจา่ ย นายตรที วงถามนายเอกและนายโทใหใ้ ชเ้ งนิ ตามเชค็ ทงั้ สองคนต่อสวู้ ่านายตรนี าเชค็ ไป
๑๗๙
เรยี กเกบ็ เงนิ ล่าชา้ จงึ สน้ิ สทิ ธไิ ล่เบย้ี เอาแก่ตน ใหว้ นิ ิจฉยั ว่า ขอ้ ต่อสขู้ องนายเอก และนายโทฟัง
ขน้ึ หรอื ไม่
ธงคาตอบ
เชค็ ทน่ี ายเอกสงั่ จ่ายเป็นเชค็ ใหใ้ ช้เงนิ ในเมอื งเดยี วกนั กบั สถานท่อี อกเชค็ แมน้ าย
ตรผี ทู้ รงจะมไิ ดย้ ่นื เชค็ แก่ธนาคารเพ่อื ใหใ้ ชเ้ งนิ ภายในเดอื นหน่ึงนบั แต่วันออกเชค็ ตามประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา ๙๙๐ แต่ไมป่ รากฏว่าการไมย่ ่นื เชค็ ภายในกาหนดดงั กลา่ วทา
ใหน้ ายเอกผสู้ งั่ จา่ ยต้องเสยี หายอยา่ งใด นายตรจี งึ ไม่เสยี สทิ ธทิ ม่ี ตี ่อนายเอกและมสี ทิ ธฟิ ้องเรยี ก
เงนิ ตามเชค็ จากนายเอกได้ ตามมาตรา ๙๐๐ และมาตรา ๙๑๔ ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๘๙ (คา
พพิ ากษาฎกี าท่ี ๓๒๔๒/๒๕๓๐) ขอ้ ต่อสขู้ องนายเอกฟังไม่ขน้ึ นายโทสลกั หลงั เชค็ ผูถ้ อื ถอื ว่า
การสลกั หลงั นนั้ เป็นเพยี งประกนั (อาวลั ) สาหรบั ผสู้ งั่ จา่ ยจงึ ตอ้ งผกู พนั เป็นอย่างเดยี วกนั และรบั
ผิดร่วมกับนายเอกผู้สัง่ จ่ายตามมาตรา ๙๒๑ มาตรา ๙๔๐ วรรคหน่ึง และมาตรา ๙๖๘
ประกอบดว้ ยมาตรา ๙๘๙ นายโทไม่ได้อย่ใู นฐานะผูส้ ลกั หลงั ทงั้ ปวงอนั จะพ้นความรบั ผดิ ตาม
มาตรา ๙๙๐ ซง่ึ เป็นเง่อื นไขแห่งการใช้สทิ ธไิ ล่เบย้ี ของผทู้ รงเชค็ ต่อผสู้ ลกั หลงั โอนเชค็ ชนิดระบุ
ช่อื ผรู้ บั เงนิ เท่านนั้ ไมไ่ ดร้ วมถงึ ผสู้ ลกั หลงั เชค็ ในฐานะเป็นผรู้ บั ประกนั การใชเ้ งนิ (อาวลั ) สาหรบั
ผสู้ งั่ จา่ ยตามเชค็ ซง่ึ สงั่ ใหใ้ ชเ้ งนิ แก่ผถู้ อื ดว้ ย นายโทไมห่ ลดุ พน้ จากความรบั ผดิ และตอ้ งรว่ มรบั ผดิ
กบั นายเอก (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๑๐๐๘/๒๕๔๒) ขอ้ ต่อสขู้ องนายโทฟังไมข่ น้ึ เชน่ กนั
(๕๒) สมยั ที่ ๕๙ ปี การศึกษา ๒๕๔๙
คาถาม นายจนั ทร์ออกเช็คผู้ถือลงวนั ท่ลี ่วงหน้าเตรยี มไว้สาหรบั ชาระหน้ีค่า
สนิ คา้ แลว้ ทาเชค็ หายไป นายองั คารเก็บเชค็ ไดน้ าไปแลกเงนิ สดจากนายพุธ นายพุธไม่รวู้ ่านาย
องั คารเกบ็ เชค็ ไดจ้ งึ รบั แลกเชค็ ไวโ้ ดยใหน้ ายองั คารลงลายมอื ช่อื สลกั หลงั เชค็ ไวด้ ว้ ย ต่อมานาย
จนั ทรท์ ราบว่าเชค็ อย่ทู น่ี ายพุธจงึ ไปขอเชค็ คนื โดยแจง้ ใหท้ ราบว่าเชค็ ดงั กล่าวไมม่ มี ลู หน้ีเพราะ
ตนทาหายไป นายพุธ ไม่ยอมคืนเช็คให้แต่กลบั นาเช็คไปเรยี กเก็บเงนิ ธนาคารปฏเิ สธการ
จ่ายเงนิ นายพุธได้ย่นื ฟ้องนายจนั ทรก์ บั นายองั คารให้ร่วมกนั รบั ผดิ ใช้เงนิ ตามเชค็ ทงั้ สองคน
ต่อสวู้ ่า นายพุธรแู้ ลว้ วา่ เชค็ ไมม่ มี ลู หน้ีแต่ยงั รบั แลกเช็คไวเ้ ป็นการคบคดิ กนั ฉ้อฉล นายพุธไมใ่ ช่
ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จงึ ไม่มอี านาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง ให้วนิ ิจฉัยว่า ข้อต่อสู้ของนาย
จนั ทรแ์ ละนายองั คารฟังขน้ึ หรอื ไม่
ธงคาตอบ
การโอนเช็คด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลท่ีจะเป็นเหตุให้ผู้สงั่ จ่ายยกความเก่ียวพัน
ระหวา่ งตนกบั ผทู้ รงคนก่อนขน้ึ ต่อสผู้ ทู้ รงไดต้ ามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา ๙๑๖
นนั้ จะตอ้ งเป็นการคบคดิ กนั ฉ้อฉลท่เี กดิ ขน้ึ ขณะทผ่ี ูท้ รงรบั โอนเชค็ เท่านนั้ (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี
๔๖๗/๒๕๒๓, ๔๒๗๙/๒๕๓๖) เมอ่ื ขณะรบั โอนเชค็ มาจากนายองั คาร นายพุธไมร่ วู้ ่านายองั คาร
เกบ็ เชค็ ได้ นายพุธรบั โอนเชค็ มาโดยสุจรติ จงึ เป็นผูท้ รงเชค็ โดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา
๑๘๐
๙๐๔ และมาตรา ๙๐๕ วรรคสาม (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี ๖๐๐๕/๒๕๓๙, ๔๘๐/๒๕๔๑) แมก้ ่อนท่ี
เชค็ ถงึ กาหนดนายพธุ จะรวู้ ่าเชค็ ทน่ี ายจนั ทรส์ งั่ จ่ายไมม่ มี ลู หน้เี พราะนายจนั ทรท์ าเชค็ หายไปและ
นายองั คารเกบ็ เชค็ ไดก้ เ็ ป็นเรอ่ื งทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายหลงั จากทน่ี ายพธุ รบั โอนเชค็ มาจากนายองั คารแลว้
จงึ มใิ ชก่ รณีทน่ี ายพุธคบคดิ กบั นายองั คารฉ้อฉลนายจนั ทร์ หรอื มคี วามไม่สุจรติ ในขณะทร่ี บั โอน
เชค็ นายจนั ทรใ์ นฐานะผสู้ งั่ จา่ ยจงึ ตอ้ งรบั ผดิ ตามเชค็ ต่อนายพธุ
ส่วนนายองั คารลงลายมอื ช่อื สลกั หลงั เชค็ ดงั กล่าวซ่งึ เป็ นเชค็ ผู้ถอื จงึ เป็นประกนั
(อาวลั ) นายจนั ทร์ผู้สงั่ จ่ายตามมาตรา ๙๒๑ ประกอบมาตรา ๙๘๙ และมผี ลผูกพนั เป็นอย่าง
เดยี วกนั กบั นายจนั ทรผ์ ู้สงั่ จ่ายตามมาตรา ๙๔๐ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๙๘๙ ขอ้ ต่อสู้ของ
นายจนั ทรแ์ ละนายองั คารฟังไมข่ น้ึ
(๕๓) สมยั ที่ ๖๐ ปี การศึกษา ๒๕๕๐
คาถาม นายมนั่ ออกตวั ๋ สญั ญาใชเ้ งนิ จานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ใหแ้ ก่นายคงเพ่อื
ชาระหน้ีเงนิ ยมื นายคงได้ลงลายมอื ช่อื ไวด้ า้ นหลงั ตวั ๋ สญั ญาใช้เงนิ โดยระบุขอ้ ความว่า ห้ามใช้
สทิ ธไิ ล่เบย้ี ผู้สลกั หลงั มอบให้แก่นายทองเพ่อื ชาระหน้ีค่าสนิ ค้า นายทองมคี วามจาเป็นต้องใช้
เงนิ ด่วนจงึ นาตวั ๋ สญั ญาใชเ้ งนิ ไปขายลดใหแ้ ก่นายเพชรโดยนายทองเพยี งแต่ส่งมอบตวั ๋ สญั ญาใช้
เงนิ ใหแ้ ก่นายเพชรโดยไมล่ งลายมอื ช่อื สลกั หลงั แต่อยา่ งใด เมอ่ื ถงึ กาหนดใชเ้ งนิ นายเพชรนาตวั ๋
สญั ญาใชเ้ งนิ ย่นื ใหน้ ายมนั่ ใชเ้ งนิ นายมนั่ เพกิ เฉยและต่อสวู้ า่ การโอนตวั ๋ สญั ญาใชเ้ งนิ ใหแ้ ก่นาย
เพชรโดยนายทองมไิ ดล้ งลายมอื ช่อื สลกั หลงั การโอนจงึ ไม่สมบูรณ์ นายเพชรไม่ใช่ผู้ทรงโดย
ชอบดว้ ยกฎหมายสว่ นนายคงต่อสวู้ ่า ไดส้ ลกั หลงั ตวั ๋ สญั ญาใชเ้ งนิ โดยระบุขอ้ ความวา่ หา้ มใชส้ ทิ ธิ
ไลเ่ บย้ี ผสู้ ลกั หลงั ไวจ้ งึ ไมต่ อ้ งรบั ผดิ
ใหว้ นิ ิจฉยั ว่า ขอ้ ต่อสขู้ องนายมนั่ และนายคงฟังขน้ึ หรอื ไม่
ธงคาตอบ
ตัว๋ สัญญาใช้เงนิ ย่อมโอนให้กันได้ด้วยการสลักหลังและส่งมอบตามประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณชิ ยม์ าตรา ๙๑๗ วรรคหน่งึ ประกอบมาตรา ๙๘๕ วรรคหน่งึ การทน่ี ายคง
ลงลายมอื ช่อื ของตนไวท้ ด่ี า้ นหลงั ตวั ๋ สญั ญาใช้เงนิ แลว้ ส่งมอบใหแ้ ก่นายทองย่อมถอื ว่าเป็นการ
สลกั หลงั ลอยตามมาตรา ๙๑๙ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๙๘๕ วรรคหน่ึง นายทองจงึ โอนตวั ๋
สญั ญาใช้เงนิ นัน้ ให้แก่นายเพชรโดยไม่สลกั หลงั อย่างหน่ึงอย่างใดได้ตามมาตรา ๙๒๐ (๓)
ประกอบมาตรา ๙๘๕ วรรคหน่ึง ดงั นัน้ เม่อื นายทองส่งมอบตวั ๋ สญั ญาใช้เงนิ ให้แก่นายเพชร
นายเพชรจงึ เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอ้ ต่อสู้ของนายมนั่ ฟังไม่ขน้ึ ประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๑๕ บญั ญตั วิ ่า ”...ผสู้ ลกั หลงั คนใด ๆ กด็ จี ะจดขอ้ กาหนดซง่ึ จะกล่าว
ต่อไปน้ีลงไวช้ ดั แจง้ ในตวั ๋ นนั้ กไ็ ด้ คอื (๑) ขอ้ กาหนดลบลา้ งหรอื จากดั ความรบั ผดิ ของตนเองต่อ
ผทู้ รงตวั ๋ เงนิ ” บทบญั ญตั ดิ งั กล่าวบญั ญตั ไิ วใ้ นเร่อื งตวั ๋ แลกเงนิ และมาตรา ๙๘๕ วรรคหน่ึง ซ่งึ
๑๘๑
เป็นบทบญั ญตั ใิ นตวั ๋ สญั ญาใชเ้ งนิ กไ็ มไ่ ดบ้ ญั ญตั ใิ หน้ ามาตรา ๙๑๕ มาใชก้ บั ตวั ๋ สญั ญาใชเ้ งนิ ดว้ ย
การทน่ี ายคงสลกั หลงั ตวั ๋ สญั ญาใชเ้ งนิ มขี อ้ ความวา่ หา้ มใชส้ ทิ ธไิ ล่เบย้ี ผสู้ ลกั หลงั นนั้ เป็นขอ้ ความ
จากดั ความรบั ผดิ ของตน จงึ หาเป็นผลบงั คบั แก่ตวั ๋ สญั ญาใชเ้ งนิ ใชเ้ งนิ นัน้ ไม่ตามมาตรา ๘๙๙
นายคงผลู้ ง ลายมอื ช่อื สลกั หลงั ลอยจงึ ตอ้ งรบั ผดิ ตามตวั ๋ สญั ญาใชเ้ งนิ แก่นายเพชร (คาพพิ ากษา
ฎกี าท่ี ๔๗๑๔/๒๕๔๗) ขอ้ ต่อสขู้ องนายคงฟังไมข่ น้ึ
(๕๔) สมยั ที่ ๖๑ ปี การศึกษา ๒๕๕๑
คาถาม นายมนั่ ออกเชค็ ลงวนั ทล่ี ่วงหน้าระบุช่อื นายคงเป็นผรู้ บั เงนิ ขดี ฆา่ คาว่า
“หรอื ผถู้ อื ” และขดี ครอ่ มไวช้ าระหน้คี ่าสนิ คา้ แก่นายคง นายคงลงลายมอื ช่อื ทด่ี า้ นหลงั เชค็ โดยไม่
เขยี นขอ้ ความใด ๆ แลว้ สง่ มอบแก่นายเพชร ชาระหน้เี งนิ ยมื นายเพชรมคี วามจาเป็นตอ้ งใชเ้ งนิ
ด่วนจงึ นาเชค็ ไปแลกเงนิ สดจากนายนาก โดยนายเพชรกรอกขอ้ ความเหนือลายมอื ช่อื ของนาย
คงว่า “โอนให้นายนาก” นายนากนาเชค็ เขา้ บญั ชเี พ่อื เรยี กเก็บเงนิ ธนาคารปฏเิ สธการจ่ายเงนิ
นายนากทวงถาม นายมนั่ ต่อสู้ว่าเชค็ ทต่ี นสงั่ จ่ายเป็นเชค็ ขดี ครอ่ มไม่สามารถโอนเปล่ยี นมอื ได้
นายนาก ไม่ใชผ่ ทู้ รงโดยชอบดว้ ยกฎหมาย ส่วนนายคงต่อสวู้ ่านายเพชรกรอกขอ้ ความว่า “โอน
ใหน้ ายนาก” โดยไม่ได้รบั ความยนิ ยอมจากนายคง การโอนจงึ ไม่ชอบ นายนากไม่ใช่ผูท้ รงโดย
ชอบดว้ ยกฎหมายใหว้ นิ จิ ฉยั วา่
(ก) ขอ้ ต่อสขู้ องนายมนั่ และนายคงฟังขน้ึ หรอื ไม่
(ข) นายมนั่ นายคงและนายเพชรมคี วามรบั ผดิ ตามเชค็ หรอื ไม่
ธงคาตอบ
(ก) เชค็ ทน่ี ายมนั่ สงั่ จ่ายแมจ้ ะมกี ารขดี ครอ่ มแต่มไิ ดม้ คี าว่า “เปลย่ี นมอื ไม่ได้” หรอื
คาอ่นื อนั ได้ความทานองเดยี วกนั ท่ดี ้านหน้าของเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๙๑๗ วรรคสองประกอบมาตรา ๙๘๙ เม่อื เชค็ ท่นี ายมนั่ สงั่ จ่ายมไิ ดร้ ะบุห้ามโอน จงึ โอน
กนั ไดด้ ว้ ยการสลกั หลงั และส่งมอบตามมาตรา ๙๑๗ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๙๘๙ (เทยี บคา
พพิ ากษาฎีกาท่ี ๒๔๘๕/๒๕๒๓ และ ๑๐๑๕/๒๕๓๒) ข้อต่อสู้ของนายมนั่ ฟังไม่ขน้ึ นายคงลง
ลายมอื ช่อื ทด่ี า้ นหลงั เชค็ โดยไม่เขยี นขอ้ ความใดๆ และส่งมอบเชค็ ใหแ้ ก่นายเพชร การสลกั หลงั
ย่อมสมบูรณ์ซ่งึ เรยี กว่าสลกั หลงั ลอยตามมาตรา ๙๑๙ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๙๘๙ นาย
เพชรจงึ เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย เม่อื นายเพชรประสงคจ์ ะโอนเชค็ ต่อไปนายเพชรอาจ
กรอก ขอ้ ความลงในทว่ี ่างดว้ ยเขยี นช่อื บุคคลอ่นื ผใู้ ดผหู้ น่ึงทต่ี นประสงคจ์ ะใหไ้ ดร้ บั โอนเชค็ และ
สง่ มอบเชค็ ใหแ้ ก่ผรู้ บั โอนไดต้ ามมาตรา ๙๒๐ (๑) ประกอบมาตรา ๙๘๙ ดงั นนั้ การทน่ี ายเพชร
กรอกขอ้ ความเหนือลายมอื ชอ่ื ของนายคงว่า “โอนใหน้ ายนาก” และส่งมอบเชค็ แก่นายนาก นาย
นากจงึ เป็นผทู้ รงโดยชอบดว้ ยกฎหมายขอ้ ต่อสขู้ องนายคงฟังไมข่ น้ึ
๑๘๒
(ข) นายมนั่ ผลู้ งลายมอื ช่อื สงั่ จา่ ยเชค็ และนายคงผลู้ งลายมอื ช่อื สลกั หลงั เชค็ ตอ้ งรบั
ผดิ ตามเน้ือความในเช็คนัน้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๐, ๙๑๔, ๙๘๙
การทน่ี ายเพชรเพยี งแต่กรอกขอ้ ความเหนอื ลายมอื ช่อื ของนายคงว่า “โอนใหน้ ายนาก” โดยนาย
เพชรมไิ ดล้ งลายมอื ช่อื ในเชค็ จงึ ไมต่ อ้ งรบั ผดิ ตามเชค็
(๕๕) สมยั ท่ี ๖๒ ปี การศึกษา ๒๕๕๒
คาถาม นายมนั่ ไดร้ บั เชค็ ชาระหน้จี ากการขายสนิ คา้ รวม ๒ ฉบบั ฉบบั แรกเป็น
เชค็ ผถู้ อื ฉบบั ทส่ี องระบชุ อ่ื นายมนั่ เป็นผรู้ บั เงนิ และขดี ฆา่ คาว่า “หรอื ผถู้ อื ” นายมนั่ ทาเชค็ ทงั้ สอง
ฉบบั ตกหาย นายคงเกบ็ เชค็ ได้ นาเชค็ ฉบบั แรกไปชาระหน้เี งนิ ยมื ใหแ้ ก่นายทอง ส่วนเชค็ ฉบบั ท่ี
สองนายคงไดป้ ลอมลายมอื ช่อื นายมนั่ สลกั หลงั เชค็ นาไปแลกเงนิ สดจากนายนาก นายทองและ
นายนากต่างรบั เชค็ ไวโ้ ดยสจุ รติ และมไิ ดป้ ระมาทเลนิ เล่ออยา่ งรา้ ยแรง ต่อมานายมนั่ ทราบว่าเชค็
ทต่ี นทาตกหายอยทู่ น่ี ายทองและนายนาก จงึ ทวงถามบคุ คลทงั้ สองใหค้ นื เชค็ ให้
ใหว้ นิ จิ ฉยั ว่า นายทองและนายนากจะตอ้ งคนื เชค็ ใหแ้ ก่นายมนั่ หรอื ไม่
ธงคาตอบ
เชค็ ฉบบั แรก แมน้ ายมนั่ ต้องปราศจากเช็คไปจากครอบครองเน่ืองจากทาเช็คตก
หาย แต่นายทองได้รบั เชค็ สงั่ จ่ายใหแ้ ก่ผูถ้ อื มาโดยสุจรติ และมไิ ดป้ ระมาทเลนิ เล่ออย่างรา้ ยแรง
ถอื ว่าเป็นผทู้ รงโดยชอบดว้ ยกฎหมายนายทองจงึ หาจาต้องสละเชค็ นนั้ ไมต่ ามประมวลกฎหมาย
แพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา ๙๐๕ วรรคสาม นายทองจงึ ไมต่ อ้ งคนื เชค็ ใหแ้ ก่นายมนั่
เชค็ ฉบบั ทส่ี อง ลายมอื ชอ่ื นายมนั่ ผสู้ ลกั หลงั เชค็ เป็นลายมอื ปลอม การสลกั หลงั นนั้
จงึ เป็นอนั ใช้ไม่ไดเ้ ลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๐๘ ถอื เสมอื นหน่ึงว่า
นายมนั่ ไมเ่ คยสลกั หลกั เชค็ นนั้ เลยนายนากไดร้ บั เชค็ มาจากการสลกั หลงั ปลอม จงึ เป็นการไดม้ า
ดว้ ยการสลกั หลงั ทข่ี าดสาย แมจ้ ะรบั โอนเชค็ มาโดยสุจรติ และมไิ ดป้ ระมาทเลนิ เล่ออยา่ งรา้ ยแรง
ตามมาตรา ๙๐๕ วรรคสองก็ตามก็ถือไม่ได้ว่านายนากเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย
เพราะบทบัญญัติตามมาตรา ๙๐๕ ต้องอยู่ภายในบงั คบั แห่งบทบัญญัติมาตรา ๑๐๐๘ (คา
พพิ ากษาฎกี าท่ี ๒๒๗๔/๒๕๓๔) นายนากจะอา้ งองิ แสวงสทิ ธอิ ยา่ งหน่งึ อยา่ งใดเพอ่ื ยดึ หน่วงเชค็
ไว้ ไมอ่ าจจะทาไดเ้ ป็นอนั ขาดตามมาตรา ๑๐๐๘ นายนากจงึ ตอ้ งคนื เชค็ ใหแ้ ก่นายมนั่
๑๘๓
(๕๖) สมยั ที่ ๖๓ ปี การศึกษา ๒๕๕๓
คาถาม นายเพชรออกเช็คธนาคารกรุงทอง จากดั (มหาชน) ลงวนั ท่ลี ่วงหน้า
รวม ๒ ฉบบั ชาระหน้ีค่าสนิ คา้ แก่นายทอง นายทองนาเชค็ ดงั กล่าวไปแลกเงนิ สดจากนายคง
โดยลงลายมอื ช่อื สลกั หลงั เชค็ ทงั้ สองฉบบั ด้วย เม่อื เชค็ ฉบบั แรกถงึ กาหนด นายคงนาไปเรยี ก
เก็บเงนิ ธนาคารปฏเิ สธการใชเ้ งนิ อ้างว่า “ผูส้ งั่ จ่ายถงึ แก่กรรม” นายคงทวงถาม นายนากบุตร
ของนายเพชร นายนากยอมชาระเงนิ ตามเชค็ ฉบบั แรก ต่อมาเมอ่ื เชค็ ฉบบั ทส่ี องถงึ กาหนด นาย
คงไม่นาไปย่นื แก่ธนาคารเพ่อื ให้ใช้เงนิ แต่ทวงถามนายนากและนายทองให้ชาระเงนิ ตามเชค็
บุคคลทงั้ สองเพกิ เฉย นายคงเหน็ ว่านายเพชรไม่มที รพั ยม์ รดกอ่นื ใดอกี จงึ ยน่ื ฟ้องนายทองแต่ผู้
เดยี วให้ใช้เงนิ ตามเชค็ นายทองต่อสู้ว่า นายคงยงั ไม่ไดน้ าเชค็ ฉบบั ท่สี องไปเรยี กเกบ็ เงนิ จาก
นาคารก่อนจงึ ยงั ไมม่ อี านาจฟ้อง และนายคงจะฟ้องผสู้ ลกั หลงั เชค็ แต่ผเู้ ดยี วโดยไม่ฟ้องผสู้ งั่ จ่าย
เชค็ ดว้ ยไมไ่ ด้ ขอใหย้ กฟ้อง
ใหว้ นิ จิ ฉยั ว่า ขอ้ ต่อสขู้ องนายทองฟังขน้ึ หรอื ไม่
ธงคาตอบ
กรณีทผ่ี ู้สงั่ จ่ายเชค็ ตาย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๙๒ (๒) ได้
บญั ญตั ถิ งึ หน้าท่แี ละอานาจของธนาคารซ่งึ จะใช้เงนิ ตามเชค็ อนั เบกิ แก่ตนนัน้ ท่านว่าเป็นอนั
สน้ิ สุดลงเมอ่ื รวู้ ่าผสู้ งั่ จา่ ยตาย กรณเี ชน่ น้ไี มอ่ ยใู่ นบงั คบั ว่าผทู้ รงเชค็ จะตอ้ งนาเชค็ ไปเรยี กเกบ็ เงนิ
จากธนาคารเสยี ก่อนดงั ทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ้ นมาตรา ๙๙๐ ดงั นนั้ เม่อื นายเพชรผสู้ งั่ จ่ายตาย แมน้ ายคง
ผทู้ รงจะยงั มไิ ดน้ าเชค็ ฉบบั ท่สี องไปเรยี กเกบ็ เงนิ จากธนาคารเม่อื เชค็ ถงึ กาหนดเสยี ก่อนกต็ าม
แต่เม่อื นายคงทวงถามนายนากบตุ รของนายเพชร และนายนากปฏเิ สธไมช่ าระหน้ีตามเชค็ นาย
คงยอ่ มมอี านาจฟ้องเรยี กเงนิ ตามเชค็ ได้ ขอ้ ต่อสขู้ องนายทองขอ้ น้ีฟังไมข่ น้ึ (คาพพิ ากษาฎกี าท่ี
๑๐๐๓/๒๕๒๔, ๓๙๗๓/๒๕๒๖ และ ๔๐๒๗/๒๕๒๗)
ส่วนท่นี ายทองอ้างว่า นายคงไมไ่ ดฟ้ ้องทายาทของนายเพชรผสู้ งั่ จา่ ยดว้ ย จงึ ไม่มี
อานาจฟ้องนนั้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๖๗ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา
๙๘๙ ผสู้ งั่ จ่ายหรอื ผสู้ ลกั หลงั ต้องรว่ มกนั รบั ผดิ ต่อผทู้ รง และในวรรคสองไดบ้ ญั ญตั ถิ งึ สทิ ธขิ องผู้
ทรงไว้โดยตรงว่า จะเรยี กให้ลูกหน้ีทงั้ หลายในตวั ๋ เงนิ รบั ผดิ เรยี งตวั หรอื รวมกนั ได้โดยไม่ต้อง
คานึงถงึ ลาดบั ทบ่ี ุคคลเหล่าน้ีเขา้ มาเป็นลูกหน้ีในตวั ๋ เงนิ ก่อนหรอื หลงั กนั อยา่ งไรหรอื เขา้ มาเป็น
ลกู หน้ใี นฐานะใด ดงั นนั้ นายคงผทู้ รงจงึ มสี ทิ ธฟิ ้องเรยี กเงนิ ตามเชค็ จากนายทองแต่เพยี งผู้เดยี ว
ใหร้ บั ผดิ ใชเ้ งนิ ตามเชค็ ฉบบั ทส่ี องโดยไม่ตอ้ งฟ้องทายาทของนายเพชรผสู้ งั่ จา่ ยดว้ ยกไ็ ด้ ขอ้ ต่อสู้
ของนายทองขอ้ น้กี ฟ็ ังไมข่ น้ึ เชน่ กนั
…………………………………………….