The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อุดม งามเมืองสกุล, 2021-03-08 23:49:01

เอกสารประกอบการสอน-ตราสารเปลี่ยนมือ

ตราสารเปลี่ยนมือ-ตั๋วเงิน

๘๗

หนา้ ทีข่ องผทู้ รงต

๓. หนา้ ที่ที่จะตอ้ งทาคาคดั คา้ นการไมร่ บั รองหรือไมใ่ ชเ้ งิน
(๑) ผู้ทรงเป็ นผู้จัดการให้มีการทาคาคัดค้านข้ึนภายในระยะเวลาและเง่ือนไขตาม
มาตรา๙๖๐ คอื ภายในวันน้นั หรอื ๓ วนั ต่อจากน้ัน
(๒) ผู้มหี น้าท่ใี นการทาคาคดั ค้าน คอื

- นายอาเภอหรือผ้ทู าการแทนนายอาเภอ
- ทนายความผ้ไู ด้รบั อนุญาต (ม.๙๖๑) และ
ผ้ทู าคาคดั ค้านต้องส่งมอบคาคดั ค้านน้นั แก่ผ้รู ้องขอ(ผ้ทู รง)และให้รบี สง่ คา
บอกกล่าวการคดั ค้านน้นั ไปยังผ้ถู กู คดั ค้าน (ม.๙๖๒ วรรคท้าย)

ถ้าผ้ทู รงละเลยไม่ปฏบิ ตั ติ าม
จนเลยกาหนดระยะเวลาท่กี ฎหมายกาหนด (ม.๙๗๓ (๒))
ผ้ทู รงส้นิ สทิ ธไิ ล่เบ้ยี ผ้สู ่งั จ่าย, ผ้สู ลกั หลงั และค่สู ญั ญาอ่นื ๆ ผ้ตู ้องรบั ผดิ

เว้นแต่ผ้รู ับรอง (ม.๙๗๓ วรรค ๒)

ขอ้ ยกเวน้ ๑. ผ้รู ับรองยังไม่หลดุ พ้นจากความรับผดิ เช่นเดยี วกบั หน้าท่ใี น ๑ และ ๒

๒. กรณที ่ตี วั๋ ฯ น้นั มขี ้อกาหนดว่า “ไม่จาต้องมคี าคดั ค้าน” หรือ “ไม่มคี าคดั ค
๓. กรณที ่ผี ู้ทรงได้ทาคาคดั ค้านการไม่รบั รองกอ่ นแล้วต่อมาได้ย่นื ตวั๋ ให้ผ้จู ่าย

กรณที ่ผี ู้จ่ายได้บนั ทกึ ลงในตวั๋ แลกเงนิ ภายในประเทศว่าไม่ยอมรับรองหรอื ไม่ยอมใช้เงนิ ท้งั
ใช้เงนิ อกี (ม.๙๖๕)



ตวั๋ แลกเงิน (ต่อ)

๔. หนา้ ที่จะตอ้ งใหค้ าบอกกล่าว
ผู้ทรงต้องบอกกล่าวการท่เี ขา (ผ้จู ่าย) ไม่รบั รองหรือไม่ใช้เงนิ ไปยงั ผ้สู ลกั หลงั ถดั ตนข้นึ ไปกบั ท้งั ผ้สู ่งั
จ่ายภายในเวลา ๔ วนั นบั จากวันคดั ค้าน หรือนบั จากวันย่ืนตวั๋ ฯ ในกรณที ่มี ขี ้อกาหนดว่า “ไม่จาต้อง
มคี าคดั ค้าน (ม.๙๖๓ วรรคแรก)

ถ้าผ้ทู รงละเลยไม่ปฏบิ ตั ติ ามจนเลยกาหนดระยะเวลาท่กี ฎหมายกาหนด
ผ้ทู รงยงั ไม่ส้นิ สทิ ธไิ ล่เบ้ยี แต่จะต้องรับผดิ เพ่ือความเสยี หายอย่างใด ๆ อนั เกดิ แต่ความประมาท

เลนิ เล่อของคน (ม.๙๖๓ วรรคท้าย)

ค้าน” ผู้ทรงกไ็ ม่ต้องทาคาคาคดั ค้าน เป็นการลดละหน้าท่ขี องผู้ทรง (ม.๙๑๕ (๒) และ ๙๖๔)
ยใช้เงินแต่ไม่มกี ารใช้เงิน ผ้ทู รงไม่ต้องทาคาคดั ค้านการไม่ใช้เงินอกี (ม.๙๖๐ วรรค ๔)
งลงลายมอื ช่อื ผ้จู ่ายและวันท่ลี งในตวั๋ ฯ น้ันแล้ว ผ้ทู รงกไ็ ม่จาต้องทาคาคดั ค้านการไม่รับรองหรอื การไม่

- ๘๘ -

๓. ตว๋ั สญั ญาใชเ้ งิน(PROMISSORY NOTE)

วตั ถุประสงคเ์ ฉพาะบท

๑. เพ่ือให้เข้าใจถงึ ลักษณะของตวั๋ สญั ญาใช้เงนิ การออกตวั๋ สญั ญาใช้เงิน
๒. เพ่ือให้เข้าใจถงึ การนาบทบัญญัติว่าด้วยตวั๋ แลกเงนิ มาปรับใช้กบั ตวั๋ สญั ญาใช้เงิน
๓. เพ่ือให้เข้าใจถึงลักษณะและการรับผิดของผู้ออกตวั๋

๘๙

๓. ตว๋ั สญั ญาใชเ้ งิน(PROMISSORY NOTE)

๓.๑ ลกั ษณธของตวั๋ สญั ญาใชเ้ งนิ
มาตรา ๙๘๒ “อันว่าตั๋วสัญญาใช้เงินน้ัน คือหนังสือตราสารซ่ึงบุคคลคนหน่ึง เรียกว่าผู้

ออกตั๋วให้คาม่ันสัญญาว่าจะใช้เงินจานวนหน่ึงให้แก่บุคคลอีกคนหน่ึง หรือใช้ให้ตามคาส่ังของ
บุคคลอกี คนหน่ึง เรียกว่าผู้รับเงนิ ”

มาตรา ๙๘๓ ตวั๋ สญั ญาใช้เงินน้ัน ต้องมรี ายการด่งั จะกล่าวต่อไปน้ี คือ
(๑) คาบอกช่ือว่าเป็นตัว๋ สญั ญาใช้เงนิ
(๒) คาม่นั สญั ญาอนั ปราศจากเง่อื นไขว่าจะใช้เงนิ เป็ นจานวนแน่นอน
(๓) วันถงึ กาหนดใช้เงิน
(๔) สถานท่ใี ช้เงนิ
(๕) ช่ือ หรือย่ีห้อของผู้รับเงนิ
(๖) วันและสถานท่อี อกตวั๋ สญั ญาใช้เงิน
(๗) ลายมอื ช่ือผู้ออกตวั๋

ตว๋ั สญั ญาใชเ้ งิน
PROMISSORY NOTE

ออกตวั๋ วนั ท่_ี ______________ วันถงึ กาหนดชาระ_______________

Date of Issue Date of Maturity

สญั ญาว่าจะจ่ายให้แก่_____________________________ สถานท่อี อกตวั๋ _________________________

Promissory pay to Place of Issue

จานวนเงนิ ______________________________________ สถานท่ใี ช้เงนิ __________________________

The Amount of Place of Payment

ลงช่อื ผ้สู ่งั จ่าย_________________________
Drawer

มาตรา ๙๘๔ “ตราสารอนั มีรายการขาดตกบกพร่องไปจากท่ที ่านระบุบังคับไว้ในมาตรา
กอ่ นน้ี ย่อมไม่สมบูรณเ์ ป็นตัว๋ สญั ญาใช้เงิน เว้นแต่ในกรณดี ังจะกล่าวต่อไปน้ี คอื

ตวั๋ สญั ญาใช้เงนิ ซ่ึงไม่ระบุเวลาใช้เงิน ทา่ นให้ถือว่า พึงใช้เงนิ เม่อื ได้เหน็
ถ้าสถานท่ใี ช้เงินมิได้แถลงไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงิน ท่านให้ถือเอาภูมิลาเนาของผู้ออกตรา
สารน้ันเป็นสถานท่ใี ช้เงิน

๙๐

ถ้าตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ระบุสถานท่อี อกตั๋ว ท่านให้ถือว่าตั๋วน้ันได้ออก ณ ภูมิลาเนาของผู้

ออกตวั๋

ถ้ามิได้ลงวันออกตัว๋ ทา่ นว่าผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหน่ึงคนใดทาการโดยสจุ ริตจะ
จดวันตามท่ถี ูกต้องแท้จริงลงกไ็ ด้”

ขอ้ สงั เกต

- ตวั๋ สญั ญาใช้เงินมีได้เพียงประเภทเดยี วคอื ตวั๋ ระบุช่ือเทา่ น้ัน(มาตรา ๘๙๓(๕))

- ลักษณะความรับผดิ ของผู้ออกตวั๋ สญั ญาใช้เงิน รับผดิ ตามคาสญั ญา

ตวั อย่างตวั๋ สญั ญาใชเ้ งนิ ทีธ่ นาคารแห่งประเทศไทยกาหนด

ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการรับซ้ือตวั๋ สญั ญาใช้เงินท่เี กดิ จากการค้าพืชผล
เกษตร พ.ศ.๒๕๓๑

๙๑

๓.๒ บทบญั ญตั ิว่าดว้ ยตวั๋ แลกเงินทีน่ ามาใชก้ บั ตวั๋ สญั ญาใชเ้ งนิ

มาตรา ๙๘๕ บทบัญญัติท้งั หลายในหมวด ๒ ว่าด้วยตั๋วแลกเงินด่ังจะกล่าวต่อไปน้ี ทา่ น
ให้ยกมาบังคบั ในเร่ืองตัว๋ สญั ญาใช้เงินเพียงเทา่ ท่ไี ม่ขัดกบั สภาพแห่งตราสารชนิดน้ี คอื

มาตรา เรือ่ ง ตว๋ั สญั ญาใชเ้ งิน ตว๋ั สญั ญาใชเ้ งิน
ภายในประเทศ ที่ออกมาจาก
๙๑๑ ผู้ส่งั จ่ายกาหนดดอกเบ้ียไว้ในตวั๋ ต่างประเทศ
๙๑๓ วันถึงกาหนดใช้เงิน 
๙๑๖ ข้อต่อส้ขู องผู้ถูกฟ้ องตามตวั๋  
๙๑๗, ๙๑๙, การโอนและการสลักหลังโอนตัว๋  
๙๒๐ 
๙๒๒ การสลักหลังโดยปราศจากเง่อื นไข และการ 
สลักหลังบางสว่ น 
๙๒๓ ผู้สลักหลังห้ามการสลักหลัง 
๙๒๔ การสลักหลังเม่อื ส้นิ เวลาทาคาคัดค้าน  
๙๒๕ การสลักเพ่ือเรียกเกบ็ 
๙๒๖ การสลักจานา  
๙๓๘ ถึง การอาวัลตวั๋  
๙๔๗  
๙๔๙, ๙๕๐ การใช้เงนิ ตามตวั๋  
๙๕๔ ถงึ การใช้เงนิ เพ่ือแก้หน้า 
๙๕๘  
๙๕๙ สทิ ธไิ ล่เบ้ียเพราะเขาไม่รับรองหรือไม่ใช้เงิน 
๙๖๐ ถงึ การทาคาคดั ค้านและการทาคาบอกกล่าว 
๙๖๔ 
๙๖๗ ถึง การใช้สทิ ธไิ ล่เบ้ียและจานวนเงินท่ไี ล่เบ้ียได้  
๙๗๑
๙๗๓, ๙๗๔ กาหนดเวลาท่อี าจทาให้ส้นิ สทิ ธไิ ล่เบ้ีย 







๙๒

ตวั อยา่ งแนวคาพพิ ากษาทีเ่ กยี่ วขอ้ ง

คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๔๗๑๔/๒๕๔๗ ป.พ.พ. มาตรา ๘๙๙ บัญญัติว่า “ข้อความอันใด
ซ่ึงมิได้มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายลักษณะน้ี ถ้าเขียนลงในตั๋วเงิน ท่านว่าข้อความอันน้ันหา
เป็นผลอย่างหน่ึงอย่างใดแก่ตั๋วเงินน้ันไม่” อันเป็นบทบัญญัติเบด็ เสรจ็ ท่วั ไปใช้บังคับกับตั๋วแลก
เงิน ตัว๋ สัญญาใช้เงินและเชค็ ส่วนมาตรา ๙๑๕ บัญญัติว่า “ผู้ส่งั จ่ายตัว๋ แลกเงินและผู้สลักหลังคน
ใดๆ กด็ ีจะจดข้อกาหนดซ่ึงจะกล่าวต่อไปน้ีลงไว้ชัดแจ้งในตั๋วน้ันกไ็ ด้คือ (๑) ข้อกาหนดลบล้าง
หรือจากัดความรับผิดของตนเองต่อผู้ทรงตั๋วเงิน” ซ่ึงเป็ นบทบัญญัติในเร่ืองตั๋วแลกเงินไม่ได้
บัญญัติไว้ในบทเบด็ เสรจ็ ท่วั ไปเช่นเดียวกับมาตรา ๘๙๙ และ มาตรา ๙๘๕ ซ่ึงบทบัญญัติในเร่ือง
ตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ได้บัญญัติให้นามาตรา ๙๑๕ มาใช้กับตั๋วสัญญาใช้เงิน ดังน้ันการท่จี าเลยท่ี ๓
สลักหลังตัว๋ สัญญาใช้เงินมขี ้อความว่า ห้ามใช้สทิ ธไิ ล่เบ้ียผู้สลักหลังน้ันเป็นข้อความท่ขี ดั ต่อมาตรา
๙๘๓ (๒) หาเป็นผลบังคับแก่ตั๋วสญั ญาใช้เงินตามมาตรา ๘๙๙ ไม่ จาเลยท่ี ๓ จึงต้องรับผิดตาม
ตวั๋ สญั ญาใช้เงนิ

๙๓

๔. เช็ค

วตั ถุประสงคเ์ ฉพาะบท

๑. เพ่ือให้เข้าใจถึงลักษณะของเชค็ วิธกี ารส่งั จ่ายเชค็
๒. เพ่ือให้เข้าใจถงึ มาตรฐานของเชค็ ตามท่ธี นาคารแห่งประเทศไทยกาหนด
๓. เพ่ือให้เข้าใจถงึ การนาบทบัญญัตวิ ่าด้วยตวั๋ แลกเงินมาปรับใช้กบั เชค็
๔. เพ่ือให้เข้าใจถึงลักษณะของการใช้เงินตามเชค็
๕. เพ่ือให้เข้าใจถึงวิธกี ารและผลทางกฎหมายของการท่ธี นาคารจดรับรู้ในเชค็
๖. เพ่ือให้เข้าใจวิธกี ารและผลทางกฎหมายของเชค็ ขีดคร่อม

๙๔

๔.๑ ลกั ษณะทวั่ ไป

มาตรา ๙๘๗ อันว่าเชค็ น้ัน คือหนังสือตราสารซ่ึงบุคคลคนหน่ึงเรียกว่า ผู้ส่ังจ่าย ส่ัง
ธนาคารให้ใช้เงินจานวนหน่ึงเม่อื ทวงถามให้แก่บุคคลอกี คนหน่ึงหรือให้ใช้ตามคาส่งั ของบุคคลอกี
คนหน่ึง อนั เรียกว่าผู้รับเงิน

จา่ ย นายธนะ รกั คณะ เช็ค
บาท หนงึ่ ลา้ นบาทถว้ น
วนั ที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๒
หรอื ผถู้ ือ

. ๑,๐๐๐,๐๐๐ xx

ธนาคาร จ่ายแน่นอน จากดั (มหาชน) สาขา พายพั

ลงช่ือ ผสู้ ่งั จา่ ย

เชค็ เลท่ี สาขา บญั ชีเลขท่ี

๐๑๒๓๔๕๖๗ ๑๑๑๐๐-๑๒๓ ๙๘๗๖๕๔๓๒๑๐

มาตรา ๙๘๘ อนั เชค็ น้ัน ต้องมีรายการด่งั กล่าวต่อไปน้ี คือ
(๑) คาบอกช่ือว่าเป็นเชค็
(๒) คาส่งั อนั ปราศจากเง่อื นไขให้ใช้เงินเป็นจานวนแน่นอน
(๓) ช่ือ หรือย่ีห้อและสานักงานของธนาคาร
(๔) ช่ือ หรือย่หี ้อของผู้รับเงิน หรือคาจดแจ้งว่าให้ใช้เงนิ แก่ผู้ถือ
(๕) สถานท่ใี ช้เงนิ
(๖) วันและสถานท่อี อกเชค็
(๗) ลายมือช่ือผู้ส่งั จ่าย

๙๕

๔.๒ บทบญั ญตั ิว่าดว้ ยตว๋ั แลกเงนิ ทีน่ ามาใชก้ บั เช็ค

มาตรา ๙๘๙ บทบัญญัติท้งั หลายในหมวด ๒ อันว่าด้วยตั๋วแลกเงินดังจะกล่าวต่อไปน้ี
ท่านให้ ยกมาบังคับในเร่ืองเช็คเพียงเท่าท่ีไม่ขัดกับสภาพแห่งตราสารชนิดน้ี คือบทมาตรา
๙๑๐,๙๑๔ ถึง ๙๒๓,๙๒๕,๙๒๖,๙๓๘ ถึง ๙๔๐,๙๔๕,๙๔๖,๙๕๙,๙๖๗,๙๗๑

ถ้าเป็นเชค็ ท่อี อกมาแต่ต่างประเทศ ท่านให้นาบทบัญญัติดังต่อไปน้ีมาใช้บังคับด้วย คือ
บทมาตรา ๙๒๔,๙๖๐ ถงึ ๙๖๔,๙๗๓ ถงึ ๙๗๗,๙๘๐

มาตรา เรือ่ ง เช็คภายใน เช็คที่ออก

๙๑๐ รายการตามตวั๋ ประเทศ มาจาก
๙๑๔ ความรับผดิ ของผู้ส่งั จ่ายและผู้สลักหลัง
๙๑๕ ข้อกาหนดลบล้างหรือจากดั ความรับผดิ และ  ต่างประเทศ
ข้อลดละหน้าท่ใี ห้แกผ่ ู้ทรงตวั๋ 
๙๑๖ ข้อต่อส้ขู องผู้ถูกฟ้ องตามตวั๋ 
๙๑๗, ๙๑๘, การโอนและการสลักหลังโอนตวั๋  
๙๑๙, ๙๒๐
การสลักหลังตวั๋ ผู้ถอื (อาวัลโดยผลของ  
๙๒๑ กฎหมาย)
การสลักหลังโดยปราศจากเง่อื นไข และการ  
๙๒๒ สลักหลังบางสว่ น
ผู้สลักหลังห้ามการสลักหลัง  
๙๒๓ การสลักหลังเม่อื ส้นิ เวลาทาคาคัดค้าน
๙๒๔ การสลักเพ่ือเรียกเกบ็  
๙๒๕ การสลักจานา
๙๒๖ การอาวัลตวั๋  
๙๓๘ ถึง ๙๔๐ การใช้เงินตามตวั๋ 
๙๔๕, ๙๔๖ การใช้เงนิ เพ่ือแก้หน้า  
๙๕๔ ถงึ ๙๕๘ สทิ ธไิ ล่เบ้ียเพราะเขาไม่รับรองหรือไม่ใช้เงิน  
๙๕๙ การทาคาคัดค้านและการทาคาบอกกล่าว  
๙๖๐ ถึง ๙๖๔ การใช้สทิ ธไิ ล่เบ้ียลูกหน้ีตามตวั๋  
๙๖๗  
 
 
 



๙๖

มาตรา เรือ่ ง เช็คภายใน เช็คที่ออก
ประเทศ มาจาก
๙๗๑ การส้นิ สทิ ธไิ ล่เบ้ียคู่สญั ญาฝ่ ายซ่ึงตนย่อมต้อง ต่างประเทศ
รับผิดต่อเขาอยู่กอ่ นแล้ว 
 
๙๗๓ ถึง ๙๗๔ กาหนดเวลาท่อี าจทาให้ส้นิ สทิ ธไิ ล่เบ้ีย  
๙๗๕ ถึง ๙๗๗, ตวั๋ เงินเป็นสารับ 

๙๘๐

๔.๓ ประเภทของเช็ค

แยกตามลกั ษณะของผสู้ งั่ จ่าย

๑. เช็คทวั่ ไป ๒. เช็คทีม่ ลี กั ษณะเฉพาะ
Cheque ท่สี ่งั จ่ายโดยลูกค้าซ่ึงเป็นผู้ท่ฝี ากเงิน ส่งั จ่ายโดยธนาคารเอง หรือธนาคาร

ประเภทกระแสรายวันซ่ึงอาจเป็ นบุคคลธรรมดา รับรองเอง

หรือนิติบุคคลกไ็ ด้

๒.๑ เชค็ ท่ธี นาคาร ๒.๓ แคชเชียร์เชค็ ๒.๕ เชค็ ของขวัญ
(Cashier’s Cheque หรือ (Gift Cheque)
รับรอง Cashier’s Order Cheque)
(Certified
Cheque)

๒.๒ เชค็ การันตี ๒.๔ เชค็ เดนิ ทาง
(Guaranteed Cheque) (Travellers Cheque)

๙๗

แยกตามลกั ษณะของผรู้ บั เงนิ

๑. เชค็ ผู้ถือ ๒. เชค็ ระบุช่ือหรือเชค็ จ่ายตามคาส่งั
(Bearer Cheque) (Order Cheque)

แยกตามลกั ษณะการจ่ายเงิน

เช็คไม่มขี ีดคร่อม เช็คขีดคร่อม

๑. เชค็ ขีดคร่อมท่วั ไป (ม.๙๙๔ วรรคแรก) ๒. เชค็ ขีดคร่อมเฉพาะ (ม.๙๙๔ วรรคท้าย)

คือ เช็ค ท่ีมี เส้ น คู่ ขน าด ขีด ขวางไว้ ข้ า คอื เชค็ ท่มี ีเส้นคู่ขนาดขีดขวางไว้ข้างด้านหน้า
ด้ านหน้ าเช็ค กับมีหรือไม่มีคาว่า “และ เช็คและระห ว่างเส้ นคู่ ขนาน น้ั นระบุ ช่ือ
บริษัท” อยู่ระหว่างเส้นคู่ขนานน้ัน ธนาคารใดธนาคารหน่ึงลงไว้โดยเฉพาะ
การใชเ้ งิน จะใช้เงินให้แก่ธนาคารท่ีถูกระบุ
การใชเ้ งิน จะใช้เงินให้แก่ธนาคารเท่าน้ัน ช่ื อ ระ ห ว่ า งเส้ น คู่ ข น าน เพี ย งธ น าค าร เดี ย ว
(ไม่จ่ายเป็นเงินโดยตรงให้ผู้ทรง แต่จะจ่าย เทา่ น้ัน (ไม่จ่ายเป็นเงินโดยตรงให้ผู้ทรงแต่จะ

ผ่านบัญชีธนาคารใดธนาคารหน่ึงท่ีผู้ทรง จ่ าย ผ่ าน บั ญ ชี ธ น าค ารท่ี ถู ก ระ บุ ช่ื อ ใน เส้ น
เปิ ดไว้ให้แก่ผู้ทรง) คู่ขนานน้ัน)

๙๘

๔.๔ ธนาคารแห่งประเทศไทยกบั มาตรฐานเช็ค๔๐
เชค็ เป็นตราสารท่ีได้รับความนิยมและแพร่หลายในวงการธุรกิจ เน่ืองจากมีความสะดวก

สามารถส่ังจ่ายได้ โดยไม่จากดั จานวนและเป็นท่ียอมรับโดยท่ัวไป ในอดีตท่ผี ่านมาปริมาณเชค็ ท่ี
ผ่านเข้าสานักหักบัญชีกรุงเทพฯ ในแต่ละวันสงู ถึง ๓๕๐,๐๐๐ ฉบับ กอปรกบั ปัญหาการจราจรคับ
ค่งั มีผลให้ลูกค้าไม่สามารถฝากเชค็ ได้ทนั กาหนดเวลาปิ ดรับเชค็ ธนาคารพาณิชย์ต้องเสยี เวลาและ
ใช้พนักงานเป็นจานวนมากในการคัดแยกเชค็ เพ่ือส่งไปเรียกเกบ็ ในแต่ละวัน ทาให้ต้องปิ ดรับฝาก
เชค็ จาก ลูกค้าเรว็ ข้ึน ในอนาคตหากเชค็ มีปริมาณสงู ข้ึนมากธนาคารพาณิชย์อาจจะต้องปิ ดรับเชค็
เรว็ ย่งิ ข้นึ

ด้วยเหตุน้ี ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงได้ปรับปรุงระบบการหักบัญชีเช็ค โดยการนา
เทคโนโลยอี เิ ลก็ ทรอนิกสเ์ ข้ามาใช้กบั ระบบการหักบัญชีเชค็ จากระบบเดมิ (Manual) เป็นระบบการ
หักบัญชีเช็คอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Cheque Clearing System : ECS) และจัดต้ังศูนย์หัก
บัญชีอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เพ่ือดาเนินการระบบ ดังกล่าว และประมวลผลระบบการหักบัญชีเชค็ โดยไม่
นาตวั เชค็ มาจัดทาดุลการหักบัญชี รวมท้งั เป็น ศูนย์กลางในการแลกเปล่ียนเชค็ ระหว่างธนาคาร

การหักบัญชีเชค็ ระหว่างธนาคารด้วยระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ท่ีพัฒนาข้ึน จะให้ประโยชน์ท้งั
ธนาคารพาณิชย์ บริษัทห้างร้าน และประชาชนท่วั ไปท่ีใช้เชค็ เป็นประจา ลักษณะท่ีสาคัญของเชค็
ต้องเป็ นมาตรฐานสาหรับการปฏิบัติงานหักบัญชีระหว่างธนาคารด้วยอิเล็กทรอนิกส์กล่าวคือ
ขนาดของตัวเช็คต้องมีมาตรฐานเดียว กันท้ังหมด รวมท้ังข้อมูลหน้าเช็คในส่วนของแถบว่าง
ด้านล่าง (Clear Band) โดยกว้างจากขอบล่างของเชค็ ข้ึนมาประมาณ ๕/๘ น้ิว ตลอดความยาวของ
เชค็ ซ่ึงระบุเลขท่เี ชค็ รหัสธนาคารและสาขาธนาคารผู้จ่าย เลขท่บี ัญชีของผู้จ่าย รหัสเอกสาร และ
จานวนเงินท่ีส่ังจ่าย จะต้ องจัดพิ มพ์ ด้ วยหมึกแม่เหล็ก MICR (Magnetic Ink Character
Recognition) เพ่ือให้สามารถผ่านเคร่ืองอ่านและคัดแยกเชค็ ได้อย่างถูกต้อง แม่นยาและรวดเรว็
และนาไปสอบยนั กบั ข้อมูลเชค็ ท่สี ่งมาทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์

๔๐ http ://www.bot.or.th/THAI/PAYMENTSYSTEMS/PSSERVICES/STANDARDPS/Pages/ChqStandard_1.aspx

๙๙

แถบว่าง จึงเป็นพ้ืนท่ที ่มี ีความสาคัญและต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นส่วนท่บี รรจุ
ข้อมูลท่ใี ช้ในการประมวลผลการหักบัญชีเชค็

เม่อื เร่ิมใช้ระบบการหักบัญชีเชค็ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ความร่วมมือของผู้ใช้เชค็ เป็นปัจจัยสาคัญ
ในความสาเรจ็ ของระบบ หากทา่ นใช้เชค็ ให้ถูกวิธี ดังน้ี

(๑) ไม่พิมพ์ หรือเขียนข้อความ หรือเขียนเคร่ืองหมายใด ๆ บนพ้ืนท่ีแถบว่าง รวมท้ัง
การประทบั ตรา ทุกประเภท

(๒) ไม่ขดู ขดี ลบ ฆ่า ใด ๆ บนพ้ืนท่แี ถบว่าง เพราะจะทาให้เคร่ืองอ่านรหัสหมึก แม่เหลก็
อ่านผดิ พลาดหรืออ่านไม่ได้

(๓) การขีดคร่อมเชค็ หรือการลงลายมือช่ือผู้ส่ังจ่ายหรือผู้มีอานาจลงนาม จะต้อง ไม่ลา้
เข้าไปในพ้ืนท่แี ถบว่าง

(๔) การสลักหลัง หรือพิมพ์ หรือเขยี นข้อความใด ๆ หลังเชค็ ต้องหลีกเล่ียงไม่ให้ ตรงกับ
พ้ืนท่แี ถบว่าง

(๕) หลีกเล่ียงการกระทาใด ๆ อนั จะทาให้มีผลกระทบต่อพ้ืนท่แี ถบว่าง หรือทาให้ สภาพ
ของตวั เชค็ เปล่ียนไปจากเดิม เช่น การพับเชค็ การทาให้เชค็ เปี ยกช้ืน

(๖) หากเชค็ ท่ใี ช้เป็นเชค็ ต่อเน่ืองท่มี ีรอยปรุบริเวณต้นข้ัว กรุณาฉีกเชค็ ตามแนวรอยปรุ
อย่างระมัดระวังทุกคร้ัง

๑๐๐

๔.๕ ขอ้ พิจารณาเกยี่ วกบั การยนื่ เช็คใหใ้ ชเ้ งิน(มาตรา ๙๙๐)๔๑

ผทู้ รงเช็คตอ้ งยนื่ เช็คแก่ธนาคารเพอื่ ใหใ้ ชเ้ งิน

ถ้ าเป็ นเช็คให้ ใช้ เงินในเมือง(จังหวัด) ถ้าเป็นเชค็ ให้ใช้เงินต่างเมือง(จังหวัด)กับ
เดียวกันกับท่อี อกเชค็ ต้องย่ืนภายในเดือน ท่อี อกเชค็ ต้องย่ืนภายในสามเดือนนับแต่
หนงึ่ นับแต่วันออกเชค็ น้ัน วันออกเชค็ น้ัน

ผลของการไม่ยืน่ ใหใ้ ชเ้ งนิ ตามกาหนด

ผู้ทรงส้นิ สทิ ธทิ ่จี ะไล่เบ้ียเอาแกผ่ ู้สลักหลังท้งั ปวง
ผู้ทรงเสียสิทธิอันมีต่อผู้ส่ังจ่ายด้วย เพียงเท่าท่จี ะเกิด
ความเสียหายอย่างหน่ึงอย่างอย่างใดแก่ผู้ส่ังจ่าย
เพราะการท่ลี ะเลยเสยี ไม่ย่นื เชค็ น้ัน

๔๑ มาตรา ๙๙๐ ผู้ทรงเชค็ ต้องย่ืนเชค็ แก่ธนาคารเพ่ือให้ใช้เงิน คือว่าถ้าเป็ นเชค็ ให้ใช้เงินในเมือง
เดยี วกนั กบั ท่อี อกเชค็ ต้องย่ืนภายในเดอื นหน่ึงนับแต่วนั ออกเชค็ น้ัน ถ้าเป็นเชค็ ให้ใช้เงนิ ท่อี ่นื ต้องย่นื ภายในสาม
เดอื น ถ้ามฉิ ะน้ันท่านว่าผู้ทรงส้นิ สทิ ธทิ ่จี ะไล่เบ้ยี เอาแก่ผู้สลักหลังท้งั ปวง ท้งั เสยี สทิ ธอิ นั มตี ่อผ้สู ่งั จ่ายด้วย เพียง
เทา่ ท่จี ะเกดิ ความเสยี หายอย่างหน่ึงอย่างอย่างใดแกผ่ ้สู ่งั จ่ายเพราะการท่ลี ะเลยเสยี ไม่ย่ืนเชค็ น้นั

อน่ึงผู้ทรงเชค็ ซ่ึงผู้ส่งั จ่ายหลุดพ้นจากความรับผิดไปแล้วน้ัน ท่านให้รับช่วงสิทธิของผู้ส่ังจ่ายคนน้ัน
อนั มตี ่อธนาคาร

๑๐๑

๔.๖ ธนาคารกบั การใชเ้ งนิ ตามเช็ค

ธนาคารมีสิทธิปฏิเสธการใชเ้ งนิ ตามเช็ค(มาตรา ๙๙๑)๔๒
หากปรากฏว่า
(๑) ไม่มเี งนิ ในบัญชีของผู้เคยค้าคนน้ันเป็นเจ้าหน้ีพอจะจ่ายตามเชค็ น้ัน หรือ
(๒) เชค็ น้ันย่นื เพ่ือให้ใช้เงนิ เม่อื พ้นเวลาหกเดือนนับแต่วันออกเชค็ หรือ
(๓) ได้มีคาบอกกล่าวว่าเชค็ น้ันหายหรือถูกลักไป

หนา้ ทีแ่ ละอานาจของธนาคารในการใชเ้ งินตามเช็คเป็ นอนั หมดไป(มาตรา ๙๙๒)๔๓
หากปรากฏว่า
(๑) มคี าบอกห้ามการใช้เงิน
(๒) รู้ว่าผู้ส่งั จ่ายตาย
(๓) รู้ว่าศาลได้มีคาส่งั รักษาทรัพย์ช่ัวคราว หรือคาส่งั ให้ผู้ส่งั จ่ายเป็นคนล้มละลาย หรือได้

มปี ระกาศโฆษณาคาส่งั เช่นน้ัน

ขอ้ พจิ ารณา
• มาตรา ๙๙๒ เป็นบทบัญญัติท่ีห้าธนาคารใช้เงิน หากฝ่ าฝื นธนาคารจะนาเอาการใช้เงิน
ดังกล่าวมาหักทอนบัญชีกบั ผู้ส่งั จ่าย(ผู้เคยค้า)ไม่ได้
• มาตรา ๙๙๒ ไม่นาไปบังคบั ใช้กบั กรณเี ชค็ ท่ธี นาคารจดรับรู้แล้วตามมาตรา ๙๙๓
• กรณีท่ผี ู้ส่งั จ่ายตาย ธนาคารต้องปฏเิ สธการจ่ายเงนิ ตามมาตรา ๙๙๒(๒) ดังน้ัน ผู้ทรงจึง
ไม่จาเป็นต้องย่ืนเชค็ ให้ธนาคารใช้เงินตามกาหนดเวลามาตรา ๙๙๐ ผู้ทรงฟ้ องผู้จัดการ
มรดกได้เลย

๔๒ มาตรา ๙๙๑ ธนาคารจาต้องใช้เงินตามเชค็ ซ่ึงผู้เคยค้ากบั ธนาคารให้ออกเบิกเงินแก่ตน เว้นแต่
ในกรณดี ่งั กล่าวต่อไปน้ี คอื

(๑) ไม่มเี งนิ ในบญั ชีของผ้เู คยค้าคนน้นั เป็นเจ้าหน้พี อจะจ่ายตามเชค็ น้นั หรือ
(๒) เชค็ น้นั ย่นื เพ่ือให้ใช้เงินเม่อื พ้นเวลาหกเดอื นนบั แต่วันออกเชค็ หรือ
(๓) ได้มคี าบอกกล่าวว่าเชค็ น้นั หายหรือถกู ลกั ไป
๔๓ มาตรา ๙๙๒ หน้าท่แี ละอานาจของธนาคารซ่ึงจะใช้เงนิ ตามเชค็ อนั เบิกแก่ตนน้ัน ท่านว่าเป็นอนั
สดุ ส้นิ ไปเม่อื กรณเี ป็นด่งั จะกล่าวต่อไปน้ี คอื
(๑) มคี าบอกห้ามการใช้เงิน
(๒) ร้วู ่าผ้สู ง่ั จ่ายตาย
(๓) ร้วู ่าศาลได้มีคาส่งั รักษาทรัพย์ช่ัวคราว หรือคาส่งั ให้ผู้ส่งั จ่ายเป็ นคนล้มละลาย หรือได้มีประกาศ
โฆษณาคาส่งั เช่นน้นั

๑๐๒

ตวั อย่างคาถาม(สมยั ท่ี ๑๓ ปี การศึกษา ๒๕๐๓)

บริษัทดาสนิทจากัด ออกเชค็ ส่ังธนาคารจ่ายเงินในบัญชีของบริษัท ๑๐๐,๐๐๐ บาทแก่
บริษัทเขียวสะอาดจากัด เป็นค่าซ้ือสนิ ค้า เชค็ น้ันประทบั ตราบริษัทดาสนิทจากัด และลงลายมือช่ือ
นายดาในฐานะประธานกรรมการของบริษัท บริษัทเขียวสะอาดจากดั ได้รับเชค็ แล้วกส็ ลักหลังเชค็
โอนให้แก่บริษัทเหลืองสดจากดั เพ่ือชาระหน้ีท่คี ้างอยู่ ต่อมานายดาตายธนาคารไม่ยอมใช้เงนิ ตาม
เชค็ น้ันโดยอ้างว่าผู้ส่งั จ่ายตาย

ดงั น้ี ถ้าบริษัทเหลืองสดจากดั มาปรึกษาทา่ น ทา่ นจะแนะนาอย่างไร

แนวคาตอบ
บริษัทดาสนิทจากัด เป็นผู้ส่งั จ่าย ธนาคารไม่มีสทิ ธถิ ือเอาความตายของนายดาเป็นเหตุ

ไม่ใช้เงินตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๙๒(๒) บริษัทเหลืองสดจากัด จึงมีสิทธเิ รียกร้องให้ธนาคารใช้เงิน
ตามเชค็ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๙๑) หรือจะเรียกร้องจากบริษัทดาสนิทจากัด ผู้ส่งั จ่าย หรือบริษัทเขยี ว
สะอาดจากดั ผู้สลักหลังกไ็ ด้ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๑๔)

๔.๗ การจดรบั รูใ้ นเช็ค

มาตรา ๙๙๓ ถ้าธนาคารเขียนข้อความลงลายมือช่ือบนเชค็ เช่น คาว่า "ใช้ได้" หรือ "ใช้
เงินได้" หรือคาใด ๆ อันแสดงผลอย่างเดียวกนั ทา่ นว่าธนาคารต้องผูกพันในฐานเป็นลูกหน้ีช้ันต้น
ในอนั จะต้องใช้เงนิ แก่ผู้ทรงตามเชค็ น้ัน

ถ้าผู้ทรงเชค็ เป็ นผู้จัดการให้ธนาคารลงข้อความรับรองด่ังว่าน้ัน ท่านว่าผู้ส่ังจ่ายและผู้
สลักหลังท้งั ปวงเป็นอนั หลุดพ้นจากความรับผดิ ตามเชค็ น้ัน

ถ้าธนาคารลงข้อความรับรองด่ังน้ันโดยคาขอร้องของผู้ส่งั จ่าย ท่านว่าผู้ส่งั จ่ายและปวงผู้
สลักหลังกห็ าหลุดพ้นไปไม่

ขอ้ พจิ ารณา
• “การจดรับรู้ในเชค็ ” คล้ายกบั การรับรองตวั๋ แลกเงนิ
• โดยสภาพของเชค็ ซ่ึงใช้เงินเม่อื ทวงถาม ดังน้ัน จึงไม่สามารถย่นื ให้รับรองเหมือนกบั ตวั๋
แลกเงนิ ได้
• การจดรับรู้เป็นวิธกี ารเฉพาะในเชค็ เพ่ือให้ธนาคารผู้จ่ายเข้ามาผูกพันในเชค็

๑๐๓

• ธนาคารผู้จ่ายเขียนข้อความและลงลายมือช่ือบนเชค็ เช่น คาว่า “ใช้ได้” หรือ “ใช้เงนิ ได้”
หรือคาอ่นื ๆ ท่มี ีความหมายย่างเดยี วกนั

ผลของการจดรบั รูใ้ นเช็ค
• ธนาคารจะผูกพันในฐานเป็นลูกหน้ีช้ันต้น ในอนั จะต้องใช้เงนิ แก่ผู้ทรงตามเชค็ น้ัน
• ถ้าผู้ทรงเชค็ เป็นผู้จัดการให้ธนาคารลงข้อความรับรอง ผู้ส่งั จ่ายและผู้สลักหลังท้งั ปวงเป็น
อนั หลุดพ้นจากความรับผิดตามเชค็ น้ัน
• ถ้าธนาคารลงข้อความรับรอง โดยคาขอร้องของผู้ส่งั จ่าย ผู้ส่งั จ่ายและผู้สลักหลังไม่หลุด
พ้นความรับผิด
ขอ้ พจิ ารณา เม่อื จดรับรู้แล้วธนาคารจะอ้าง มาตรา ๙๙๑, ๙๙๒ เพ่ือไม่จ่ายเงนิ ตามเชค็
ไม่ได้ ธนาคารต้องผูกพันตาม มาตรา ๙๙๓

๑๐๔

๔.๘ การขีดคร่อมเช็ค

เช็คขีดคร่อมทวั่ ไป(๐๑)

เชค็

จา่ ย Mr. Michael Deowen วนั ที่ ๒ กมุ ภาพนั ธุ์ ๒๕๕๒
บาท หกแสนบาทถว้ น หรอื ผถู้ ือ
ธนาคาร จ. จากดั (มหาชน) สาขา พายพั
.

๖๐๐,๐๐๐ xx

ลงชื่อ ผสู้ ่งั จา่ ย

เช็คเลท่ี สาขา บญั ชีเลขท่ี
๐๑๒๓๔๕๖๗๐ ๐๙๙๐๐-๑๒๓ ๙๘๗๖๕๔๓๒๑๐

เช็คขีดคร่อมทวั่ ไป(๐๒)

เช็ค

จา่ ย Mr. Michael deowen วนั ท่ี ๒ กมุ ภาพนั ธุ์ ๒๕๔๘
บาท หกแสนบาทถว้ น หรอื ผถู้ ือ
ธนาคาร จ. จากดั (มหาชน) สาขา พายพั
๖๐๐,๐๐๐ xx .

ลงช่ือ ผสู้ ่งั จ่าย

เช็คเลท่ี สาขา บญั ชีเลขท่ี
๐๑๒๓๔๕๖๗ ๐๐๙๙๐๐-๑๒๓ ๙๘๗๖๕๔๓๒๑๐

๑๐๕

เช็คขีดคร่อมเฉพาะ

เช็ค

วนั ท่ีจบ่าายท Mr. Michael Deowen ๒ กมุ ภาพนั ธุ์ ๒๕๔๘
หกแสนบาทถว้ น หรอื ผถู้ ือ

ธนาคาร จ. จากดั (มหาชน) สาขา พายพั ๖๐๐,๐๐๐ XX.

ลงชื่อ ผสู้ ่งั จา่ ย

เชค็ เลท่ี สาขา บญั ชีเลขท่ี
๐๑๒๓๔๕๖๗ ๐๐๙๙๐๐-๑๒๓ ๙๘๗๖๕๔๓๒๑๐

ผมู้ สี ิทธิขีดคร่อมเช็ค (ม.๙๙๕)

๑. ผสู้ งั่ จ่าย ๒. ผทู้ รง ๓. ธนาคาร

- กรณีเป็ นเช็คธรรมดาผู้ส่ังจ่ายจะ
ขดี คร่อมเฉพาะกไ็ ด้(ม.๙๙๕ (๑))

- กรณเี ป็นเชค็ -กรณเี ป็นเชค็ ขดี คร่อมทว่ั ไป - กรณีเป็ นเชค็ ขีดคร่อมท่ัวไปหรือเช็ค
ขดี คร่อมเฉพาะผู้ทรงจะเดิมคาว่า “ห้าม
ธรรมดาผ้ทู รงจะขดี ผ้ทู รงจะขดี คร่อมเฉพาะก็ เปล่ียนมอื ” ลงในเส้นคู่ขนานน้ันกไ็ ด้ (ม.
ได้(ม.๙๙๕ (๓)) ๙๙๕ (๓))
คร่อมท่วั ไปหรอื ขดี
คร่อมเฉพาะกไ็ ด้ (ม.
๙๙๕ (๑))

- กรณเี ป็นเชค็ ธรรมดาหรือเชค็ - กรณีเป็นเชค็ ขดี คร่อมเฉพาะ

ขีดคร่อมทว่ั ไป ธนาคารผู้รับ ธนาคารผู้รับเชค็ น้ันจะซา้ ขดี คร่อม

เชค็ น้ันจะขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ เฉพาะไปให้ธนาคารอ่นื เพ่ือเรียก
ตนเองกไ็ ด้ (ม.๙๙๕ (๕)) เกบ็ กไ็ ด้ (ม.๙๙๕ (๔))

๔.๙ การใชเ้ งินต

เช็คขีดคร่อมทวั่ ไป เช็คขีดคร่อม

- ธนาคารผ้จู ่ายเงินต้องใช้เงินให้แก่ธนาคารใด - ธนาคารผู้จ่ายเงินต้องใช้เงนิ ให้แก่ธน
ธนาคารหน่งึ ของผ้ทู รงเชค็ น้นั โดยเฉพาะ
- ธนาคารจะจ่ายเป็นเงินโดยตรงดงั เช่น
- ธนาคารจะจ่ายเป็นเงนิ โดยตรงดงั เช่นเชค็ ให้แก่ธนาคารอ่นื นอกจากท่รี ะบชุ ่อื ไว้ไม
ธรรมดามไิ ด้ (ม.๙๙๔ วรรคแรก)

หากไดจ้ ่ายเงินไปใหแ้ ก่ผูท้ รงเช็คตามหลกั เกณฑท์ ี่กาหนดดงั กล่า
และปราศจากความประม

ธนาคารผูจ้ ่าย ไม่ต้องรับผดิ ต่อผู้เป็นเจ้าของอนั แท้จริงแห่งเชค็ น้ัน (ผู้ทรงเดมิ )
และไม่ต้องรับผดิ ต่อผ้สู ง่ั จ่ายด้วย (ม.๙๙๘)

ขอ้ สงั เกต หากธนาคารผู้จ่ายได้ใช้เงินไปให้แก่ผู้ทรงเชค็ โดยฝ่ าฝืนหลักเกณฑข์ ้อ
ใดข้อหน่ึงดงั กล่าวแล้วข้างต้น ผลธนาคารผู้จ่ายจะต้องรับผิดต่อผู้เป็นเจ้าของอัน
แท้จรงิ แห่งเชค็ น้นั (ผ้ทู รงเดมิ ) ถ้าเขาได้รบั ความเสยี หาย (ม.๙๙๗ วรรค)

- ๑๐๖ -

ตามเช็คขีดคร่อม

มเฉพาะ เช็คขีดคร่อมเฉพาะใหแ้ ก่ธนาคารมากกว่าธนาคารหนงึ่ ข้ ึนไป

นาคารท่ี ถูกระบชุ ่อื ไว้ - ธนาคารผู้จ่ายเงนิ ต้องปฏเิ สธการใช้เงิน เว้นแต่อกี ธนาคารหน่ึงน้ัน

นเชค็ ธรรมดาหรือจ่าย มีฐานะเป็ นธนาคารตัวแทนเรียกเกบ็ เงิน ธนาคารผู้จ่ายกส็ ามารถ
ม่ได้ (ม.๙๙๔ วรรคท้าย) จ่ายให้แก่ ธนาคารตวั แทนน้ันได้ แต่จะจ่ายให้ธนาคารอ่นื มไิ ด้ ( ม.
๙๙๗ วรรคแรก )

าว และไดจ้ ่ายเงินตามเช็คขีดคร่อมน้นั ไปโดยสุจริต
มาทเลนิ เล่อ

ผูส้ งั่ จ่าย ไม่ต้องรับผดิ ต่อผ้รู ับเงินและผ้เู ป็นเจ้าของอนั แท้จริงแห่งเชค็ น้นั (ผ้ทู รงเดมิ ) หากเชค็ น้ัน
ได้ผ่านมอื ผ้รู ับเงินหรอื ผ้ทู รงคนแรกมากอ่ นแล้ว (ม.๙๙๘) และมลู หน้ีเดมิ กย็ ่อมส้นิ สดุ ลงด้วย

ธนาคารผูจ้ ่าย ต้องรบั ผดิ ต่อผ้เู ป็นเจ้าของอนั แท้จริงแห่งเชค็ ขดี คร่อมน้นั (ผ้ทู รงเดมิ ) ในการท่ี
เขาได้รบั ความเสยี หาย (ม.๙๙๗ วรรค ๒ ตอนท้าย)
ธนาคารผูจ้ ่าย ไม่สามารถหักเงนิ จากบญั ชีของผ้สู ่งั จ่ายได้ เพราะถอื ว่าจ่ายเงินไปไม่ถูกระเบยี บ
(ม.๑๐๐๙)

- ๑๐๗ -

๕. อายุความ

วตั ถุประสงคเ์ ฉพาะบท

๑. เพ่ือให้เข้าใจถึงอายุความมูลหน้ีตวั๋ เงนิ และอายุความตามมูลหน้ีเดมิ
๒. เพ่ือให้เข้าใจถงึ การใช้สทิ ธไิ ล่เบ้ียภายในอายุความตามมูลหน้ีตวั๋ เงิน
๓. เพ่ือให้เข้าใจถงึ ลักษณะของอายุความสะดุดหยุดลงตามมูลหน้ีตวั๋ เงนิ

๑๐๘

๕. อายคุ วาม

๑. กรณีฟ้ องผูร้ บั รองตว๋ั แลกเงนิ ผูอ้ อกตว๋ั สญั ญาใชเ้ งินห้ามมิให้ฟ้ องเม่อื พ้นเวลาสามปี
นับแต่วันตัว๋ น้ันถงึ กาหนดใช้เงนิ (มาตรา ๑๐๐๑๔๔)

ข้อสงั เกต
- การฟ้ องผู้ออกตัว๋ สญั ญาใช้เงินมอี ายุความ ๓ ปี โดยไม่ต้องพิจารณาว่าใครเป็นผู้ฟ้ องซ่ึง
ไม่เหมือนกบั กรณีตามมาตรา ๑๐๐๒ ตัวอย่างเช่น คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๑๗๖๘/๒๕๔๙ ป.พ.พ.
มาตรา ๑๐๐๑ ได้บัญญัติให้ฟ้ องผู้ออกตัว๋ สญั ญาใช้เงินภายในกาหนดเวลาสามปี นับแต่วันท่ตี ั๋วถึง
กาหนด โดยไม่ได้บัญญัติว่าผู้ใดเป็นผู้ฟ้ องดังเช่นมาตรา ๑๐๐๒ การท่โี จทกใ์ นฐานะท่ผี ู้รับอาวัลตั๋ว
สัญญาใช้เงินได้รับซ้ือตั๋วสัญญาใช้เงินจากผู้รับเงินฟ้ องจาเลยให้รับผิดในฐานะผู้ออกตั๋วสัญญาใช้
เงนิ จึงต้องฟ้ องภายในกาหนดอายุความตามมาตรา ๑๐๐๑
- อายุความ ๓ ปี นับแต่วันท่ตี ั๋วถึงกาหนด หมายถึง วันถึงกาหนดใช้เงินซ่ึงได้กาหนดไว้
ในตวั๋ เงนิ น้ันซ่ึงเป็นไปตามมาตรา ๙๑๓
- การฟ้ องร้องตามมาตรา ๑๐๐๑ เป็นการใช้สทิ ธฟิ ้ องร้องโดยอาศัยสทิ ธติ ามมูลหน้ีตวั๋ เงิน
แต่หากเป็นการใช้สิทธิตามมูลหน้ีอ่นื เช่น อ. ออกตั๋วแลกเงินชาระหน้ีสนิ ค้าให้แก่ ร. เช่นน้ี มูลหน้ี
แห่งการออกตั๋วจึงเป็นสญั ญาซ้ือขาย หาก ร.ใช้สทิ ธฟิ ้ องเรียกค่าสนิ ค้าเพราะตวั๋ แลกเงินไม่สามารถ
ข้นึ เงินได้ เช่นน้ีต้องพิจารณาอายุความตามบทบัญญัติในเร่ืองสญั ญาซ้ือขายมใิ ช่มาตรา ๑๐๐๑

๒. กรณีผทู้ รงตว๋ั เงนิ ฟ้ องผสู้ ลกั หลงั และผสู้ งั่ จ่าย ห้ามมิให้ฟ้ องเม่ือพ้นเวลาปี หนงึ่ นับแต่
วันท่ีได้ลงในคาคัดค้านซ่ึงได้ทาข้ึนภายในเวลาอันถูกต้องตามกาหนด หรือนับแต่วันตั๋วเงินถึง
กาหนด ในกรณที ่มี ีข้อกาหนดไว้ว่า “ไม่จาต้องมคี าคดั ค้าน” (มาตรา ๑๐๐๒)

๔๔ คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๖๒/๒๕๔๐ ตวั๋ สญั ญาใช้เงนิ พิพาทได้กาหนดไว้ชัดเจนว่า ผู้ออกตวั๋ สญั ญาจะ
ใช้เงินแก่โจทกเ์ ม่อื ทวงถาม ดังน้ัน วันถึงกาหนดใช้เงินของตวั๋ สญั ญาใช้เงินพิพาทหมายถงึ วันท่โี จทกท์ วงถามให้
ใช้เงินตามความใน ป.พ.พ. มาตรา ๙๑๓ (๓) หาใช่ถงึ กาหนดใช้เงนิ ในวนั ออกตวั๋ ไม่ ท้งั กรณนี ้ีได้มกี ารทวงถาม
ให้ผู้ออกตวั๋ และจาเลยซ่ึงเป็ นผู้รับอาวัลชาระหน้ีตามตั๋วสญั ญาใช้เงินพิพาทแล้ว อายุความจึงไม่อาจเร่ิมนับจาก
วันท่ีออกตั๋ว ในหนังสือบอกกล่าวทวงถามของโจทก์ได้ให้เวลาจาเลยชาระหน้ีตามตั๋วสญั ญาใช้เงินให้เสรจ็ ส้ิน
ภายใน ๗ วัน นับแต่วันท่ไี ด้รับหนังสอื ดงั กล่าวอนั เป็นระยะเวลาพอสมควร ซ่ึงหมายความว่าโจทกซ์ ่ึงเป็นเจ้าหน้ี
จะเรียกให้จาเลยชาระหน้ีก่อนถงึ กาหนดเวลาน้ันหาได้ไม่ แต่จาเลยซ่ึงเป็ นลูกหน้ีจะชาระหน้ีก่อนกาหนดน้ันได้
หากพ้นกาหนดดังกล่าวแล้วไม่ชาระกถ็ อื ว่าจาเลยผิดนัด โจทกอ์ าจบังคับให้จาเลยชาระหน้ีตามตวั๋ สัญญาใช้เงิน
พิพาทในฐานะผู้รับอาวัลได้นับแต่วันครบกาหนดตามหนังสอื ทวงถามแล้วเป็นต้นไปวันครบกาหนด ๗ วันตาม
หนังสือทวงถามคือวันท่ี ๑๙ กันยายน ๒๕๓๓ อายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๐๐๑ จึงเร่ิมนับแต่วันท่ี ๒๐
กนั ยายน ๒๕๓๓ เป็ นต้นไปหาใช่เร่ิมนับแต่วันท่ีจาเลยได้รับหนังสอื บอกกล่าวทวงถามไม่ โจทกฟ์ ้ องคดีน้ีเม่ือ
วันท่ี ๑๔ กันยายน ๒๕๓๖ ยังไม่ครบกาหนด ๓ ปี คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ (วรรคสองวินิจฉัยโดยมติท่ี
ประชุมใหญ่ คร้งั ท่ี ๒/๒๕๔๐)

๑๐๙

ขอ้ สงั เกต
- ห้ามมิให้ฟ้ องเม่ือพ้นเวลาปี หน่ึงนับแต่วันท่ไี ด้ลงในคาคัดค้านซ่ึงได้ทาข้ึนภายในเวลาอนั
ถูกต้องตามกาหนด หมายถึง กรณีท่ตี ัว๋ เงินน้ันขาดความน่าเช่ือถือและผู้ทรงได้ทาคาคัดค้านตามท่ี
กฎหมายกาหนดไว้ในมาตรา ๙๖๐ ดังน้ัน หากตั๋วเงินน้ันไม่ต้องทาคาคัดค้าน เช่น ได้รับการลดละ
หน้าท่ตี ามมาตรา ๙๑๕ หรือเป็นตั๋วเงินท่ไี ม่นาบทบัญญัติเร่ืองการทาคัดค้านมาใช้บังคับเช่น เชค็
ภายในประเทศ เช่นน้ี อายุความต้องเร่ิมนับแต่วันท่ตี ัว๋ ถึงกาหนด โดยตัว๋ เงนิ จะถึงกาหนดวันใดต้อง
พิจารณาตามประเภทของตัว๋ เงินและมาตรา ๙๑๓ ซ่ึงกรณีของเชค็ น้ันถือว่าถึงกาหนดเม่ือทวงถาม
โดยถือเอาวันท่อี อกเชค็ เป็นวันท่ผี ู้ทรงเชค็ มีสทิ ธทิ วงถาม ดังน้ัน กรณีของเชค็ จึงเร่ิมนับอายุความ
ต้งั แต่วันท่อี อกตวั๋ ตัวอย่างเช่น คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๙๕๓๙/๒๕๔๔ เชค็ เป็นตั๋วเงนิ ประเภทหน่ึง
ท่ีผู้ส่ังจ่ายส่ังให้ธนาคารใช้เงินเม่ือทวงถามซ่ึงผู้ทรงเชค็ มีสิทธิทวงถามให้ธนาคารใช้เงินต้ังแต่วัน
ออกเชค็ ซ่ึงหมายถึงวันท่ลี งในเชค็ มิใช่หมายถึงวันท่ผี ู้ส่งั จ่ายเขียนเชค็ หรือมิใช่วันท่ผี ู้ทรงเชค็ ย่ืนเชค็
แล้วธนาคารปฏเิ สธการจ่ายเงิน กาหนดอายุความ ๑ ปี ท่ผี ู้ทรงเชค็ ฟ้ องผู้ส่งั จ่ายจึงเร่ิมนับต้ังแต่วันท่ี
ลงในเชค็ อันเป็นวันท่ผี ู้ทรงอาจบังคบั ตามสทิ ธเิ รียกร้องได้เป็นต้นไป เม่ือโจทกแ์ ละจาเลยตกลงกัน
ให้จาเลยขีดฆ่าวันออกเช็คเดิมออกเช็คพิพาทจึงเป็ นเช็คท่ีมิได้ลงวันออกเชค็ และแสดงให้เห็น
เจตนาว่าจาเลยยินยอมให้โจทกล์ งวันออกเชค็ วันใดวันหน่ึงกไ็ ด้ตามท่โี จทก์เหน็ สมควร การท่โี จทก์
ไม่ลงวันออกเชค็ ในคร้ังแรกท่นี าเชค็ พิพาทไปย่นื ธนาคารจึงชอบท่จี ะปฏเิ สธการใช้เงินได้เพราะตรา
สารท่นี าไปย่ืนน้ันมีรายการขาดตกบกพร่องไม่สมบูรณ์อันจะถือว่าเป็นเชค็ และเม่ือโจทก์นาตราสาร
น้ันมาลงวันออกเชค็ ในคร้ังหลังเพ่ือให้สมบูรณเ์ ป็นเชค็ กเ็ ป็นสทิ ธทิ ่โี จทกย์ ่อมกระทาได้ อายุความจึง
เร่ิมนับต้ังแต่วันท่อี อกเชค็ หรือลงในเชค็ ในคร้ังหลังเป็นต้นไปโจทกฟ์ ้ องคดนี ้ีภายหลังเชค็ พิพาทถึง
กาหนดแล้วประมาณ ๓ เดือนเศษคดีของโจทกจ์ ึงไม่ขาดอายุความ

๓. กรณีผูส้ ลกั หลงั ฟ้ องไล่เบ้ ียกนั เอง และไล่เบ้ ียเอาแก่ผูส้ งั่ จ่ายตวั๋ เงิน ห้ามมิให้ฟ้ อง
คดเี ม่อื พ้นเวลาหกเดือนนับแต่วันท่ผี ู้สลักหลังเข้าถอื เอาตัว๋ เงนิ และใช้เงินหรือนับแต่วันท่ผี ู้สลักหลัง
น้ันเองถูกฟ้ อง (มาตรา ๑๐๐๓๔๕)

๔๕ คาพพิ ากษาฎีกาที่ ๒๓๑/๒๕๔๐ แม้พิจารณาตวั๋ สญั ญาใช้เงินเอกสารหมาย จ.๘ จ.๙ จ.๑๑ถงึ จ.
๑๗ และ จ.๔๑ ซ่ึงถึงกาหนดใช้เงินต้งั แต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ ถงึ เดอื นพฤษภาคม ๒๕๓๑ เป็นหลัก และ
โจทก์ผ้ ูรับเงินซ่ึงนาตั๋วสัญ ญ าใช้ เงินไปขายลดแก่ธนาคารแห่ งป ระเทศไทยได้ ชาระเงินคืนแก่ธนาคารแห่ ง
ประเทศไทยก่อนกาหนดเม่ือวันท่ี ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ และโจทก์ไปขอรับชาระหน้ีในคดีท่ีบริษัทผู้ออกตั๋ว
สญั ญาใช้เงินถูกฟ้ องล้มละลายเม่อื วันท่ี ๒๗ ตุลาคม ๒๕๓๑ กต็ าม อายุความย่อมสะดุดหยุดลง ตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๓) ซ่ึงเป็นระยะเวลา ๘ เดอื นเศษกรณรี ะหว่างโจทกก์ บั บรษิ ทั เป็นเร่อื งระหว่างผ้อู อกตวั๋ กบั
ผู้รับเงิน ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๙๘๒ อายุความฟ้ องบริษัทคือมาตรา ๑๐๐๑ ซ่ึงห้ามมิให้ฟ้ องเม่ือพ้นเวลา๓ ปี
นับแต่วันตั๋วน้ันถึงกาหนดใช้เงิน อนั มีผลไปถึงผู้คา้ ประกันด้วย และแม้โจทก์จะสลักหลังตัว๋ นาไปขายลดแก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย และโจทกใ์ ช้เงินคนื แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยพร้อมรับตวั๋ คนื มาถงึ วนั ท่ยี ่ืนคาขอรับ
ชาระหน้ีในคดีล้มละลายเกนิ กว่า ๖ เดือนกต็ าม กเ็ ป็นกรณที ่โี จทกป์ ฏบิ ตั ิตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย

๑๑๐

ขอ้ สงั เกต
- ตามมาตรา ๑๐๐๓ หมายถงึ กรณีผสู้ ลกั หลงั ฟ้ องไล่เบ้ ยี ผสู้ ลกั หลงั คนก่อน หรือกรณี
ผสู้ ลกั หลงั ฟ้ องไล่เบ้ ยี ผสู้ งั่ จ่ายตวั๋ เงนิ ดังน้ัน หากมิใช่ผู้สลักหลังกไ็ ม่นาบทบัญญัติมาตรา ๑๐๐๓
มาบังคับใช้ เช่น กรณีของการฟ้ องผู้รับอาวัล คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๔๓๘๓/๒๕๔๕ เชค็ พิพาท
ระบุช่ือโจทกเ์ ป็นผู้รับเงิน แต่ไม่ได้ขีดฆ่าคาว่าผู้ถือเชค็ พิพาทจึงเป็นเชค็ ท่สี ่งั ให้ใช้เงินแก่ผู้ถือด้วย
การสลักหลังเชค็ ท่สี ่งั ให้ใช้เงนิ แก่ผู้ถอื ป.พ.พ. มาตรา ๙๒๑ ประกอบด้วยมาตรา ๙๘๙ บัญญัตวิ ่า
เป็นเพียงประกนั (อาวัล) สาหรับผู้ส่งั จ่าย หาได้ถือว่าเป็นผู้สลักหลังตามกฎหมายไม่ ดงั น้ัน การท่ี
โจทกส์ ลักหลังเชค็ พิพาทไม่ว่าจะเป็นการกระทาเพ่ือเรียกเกบ็ เงินผ่านบัญชีของผู้อ่นื ซ่ึงเป็นตวั แทน
หรือโอนเชค็ พิพาทไป เม่ือเชค็ พิพาทถูกธนาคารปฏเิ สธการจ่ายเงิน โจทกไ์ ด้เชค็ พิพาทกลับมาอยู่
ในความยึดถือครอบครอง โจทกย์ ่อมมีฐานะเป็นผู้ทรงเชค็ พิพาท ตามป.พ.พ. มาตรา ๙๐๔ จึงมี
อานาจฟ้ องจาเลยผู้ส่ังจ่ายภายในอายุความ ๑ ปี นับแต่วันท่ีเชค็ พิพาทถึงกาหนด ตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๑๐๐๒ ไม่ใช่กรณีท่จี ะบังคับตามมาตรา ๑๐๐๓ ซ่ึงมีอายุความ ๖ เดือน นับแต่วันท่ผี ู้สลัก
หลังถอื เอาตัว๋ เงินและใช้เงนิ

ขอ้ พจิ ารณากรณีอื่นทีเ่ กีย่ วกบั อายคุ วามตามตวั๋ เงนิ

กรณีการใชส้ ิทธิของผอู้ าวลั ตามมาตรา ๙๒๑
ตัวอย่างเช่น อ. ออกตั๋วแลกเงินส่ังให้ จ. จ่ายเงินแก่ผู้ถือ และส่งมอบให้แก่ ร. ต่อมา ร.
ผู้ถือตั๋วได้สลักลังตั๋วโอนให้แก่ ก. เม่ือ ก. ย่ืนตัว๋ ให้ จ. ใช้เงินถูก จ. ปฏเิ สธการใช้เงิน ก. จึงเรียก
ให้ ร. ใช้เงิน หาก ร. ใช้เงินไปแล้ วและประสงค์จะไล่เบ้ียเอาจาก อ. จะต้องใช้สิทธิภายในอายุ
ความเทา่ ใด
กรณีดงั กล่าวมี ๓ ความเห็น
๑. ภายในอายุความ ๑ ปี ตามมาตรา ๑๐๐๒ ๔๖
๒. ภายในอายุความ ๖ เดือน ตามมาตรา ๑๐๐๓ (ฎ.๔๓๒๑/๒๕๒๕)
๓. ภายในอายุความ ๑๐ ปี ตามมาตรา ๑๙๓/๓๐๔๗

ว่าด้วยการรับซ้ือตัว๋ สญั ญาใช้เงินท่เี กดิ จากการส่งสนิ ค้าออก (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๒๙อนั เป็ นการอนุเคราะห์ผู้
ส่งออกให้ได้รับเงนิ ก้ใู นอตั ราดอกเบ้ยี ต่าเพียงร้อยละ ๗ ต่อปี ตามท่ปี รากฏในตวั๋ สญั ญาใช้เงนิ โจทกไ์ ม่ใช่ผ้สู ลัก
หลงั ผ้เู ข้าถอื เอาตวั๋ สญั ญาใช้เงนิ และใช้เงิน ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๐๐๓ ซ่งึ มอี ายุความ ๖ เดอื น คดีของโจทกจ์ ึง
ไม่ขาดอายุความ

๔๖ คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๒/๒๕๑๘ การสลักหลังเช็คซ่ึงส่ังจ่ายให้แก่ผู้ถือย่อมเป็ นการประกัน
(อาวัล) สาหรับผู้ส่ังจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๒๑, ๙๘๙ และตามมาตรา ๙๔๐
วรรคแรกผ้รู ับอาวัลย่อมต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกบั บคุ คลซ่ึงตนประกนั ซ่งึ มคี วามหมายว่าผู้ส่งั จ่ายมีความรับ
ผดิ ต่อผู้ทรงอย่างใดผู้รับอาวัลย่อมต้องมีความรบั ผดิ ต่อผู้ทรงเช่นเดยี วกนั ดงั น้ันอายุความท่ผี ้สู ลกั หลังดงั กล่าว
จะยกข้นึ ต่อส้ผู ้ทู รงจึงมกี าหนด ๑ ปี นับแต่เชค็ ถงึ กาหนดตามมาตรา ๑๐๐๒ หาใช่ต้องใช้อายุความท่วั ไปไม่

๑๑๑

กรณีการใชส้ ิทธิฟ้ องผรู้ บั อาวลั และผรู้ บั รองเพอื่ แกห้ นา้
แม้ว่าจะไม่มีการบัญญัติไว้อย่างชัดเจนเก่ียวกับการฟ้ องผู้รับอาวัลและผู้รับรองเพ่ือแก้
หน้า แต่ผู้รับอาวัลจะต้องรับผิดเช่นเดียวกบั บุคคลท่ตี นเอาวัลให้ตามมาตรา ๙๔๐ ส่วนผู้รับรอง
เพ่ือแก้หน้ากต็ ้องรับผิดต่อผู้ทรงและผู้สลักหลังท้ังหลายภายหลังคู่สัญญาฝ่ ายซ่ึงตนเข้าแก้หน้า
อย่างเดียวกันกับท่ีคู่สัญญาฝ่ ายน้ันต้องรับผิดอยู่เองตามมาตรา ๙๕๓ ดังน้ัน จึงต้องรับผิด
เช่นเดียวกบั บุคคลท่ีอาวัลให้หรือเข้าแก้หน้าให้ เช่น คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๔๓๘๓/๒๕๔๕ เชค็
พิพาทระบุช่ือโจทก์เป็นผู้รับเงิน แต่ไม่ได้ขีดฆ่าคาว่าผู้ถือเชค็ พิพาทจึงเป็นเชค็ ท่สี ่งั ให้ใช้เงินแก่ผู้
ถือด้วย การสลักหลังเชค็ ท่สี ่ังให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ป.พ.พ. มาตรา ๙๒๑ ประกอบด้วยมาตรา ๙๘๙
บัญญัติว่าเป็นเพียงประกัน (อาวัล) สาหรับผู้ส่ังจ่าย หาได้ถือว่าเป็นผู้สลักหลังตามกฎหมายไม่
ดังน้ัน การท่โี จทก์สลักหลังเชค็ พิพาทไม่ว่าจะเป็นการกระทาเพ่ือเรียกเกบ็ เงินผ่านบัญชีของผู้อ่ืน
ซ่ึงเป็นตัวแทน หรือโอนเชค็ พิพาทไป เม่ือเชค็ พิพาทถูกธนาคารปฏเิ สธการจ่ายเงิน โจทก์ได้เชค็
พิพาทกลับมาอยู่ในความยึดถือครอบครอง โจทก์ย่อมมีฐานะเป็นผู้ทรงเชค็ พิพาท ตามป.พ.พ.
มาตรา ๙๐๔ จึงมอี านาจฟ้ องจาเลยผู้ส่ังจ่ายภายในอายุความ ๑ ปี นับแต่วันท่เี ชค็ พิพาทถงึ กาหนด
ตามป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๒ ไม่ใช่กรณีท่จี ะบังคับตามมาตรา ๑๐๐๓ ซ่ึงมีอายุความ ๖ เดือน นับ
แต่วันท่ผี ู้สลักหลังถือเอาตวั๋ เงนิ และใช้เงนิ

กรณีการใชส้ ิทธิฟ้ องธนาคารซึ่งจดรบั รูใ้ นเช็ค
กรณขี องธนาคารซ่ึงจดรับรู้ในเชค็ ไม่ถือเป็นผู้รับรอง ดงั น้ัน จึงไม่อยู่ภายใต้อายุความตาม
มาตรา ๑๐๐๑ กรณีดังกล่าวจึงถือเป็ นกรณีท่ีไม่มีบทบัญญัติเร่ืองอายุความกาหนดไว้จึงตกอยู่
ภายใต้อายุความ ๑๐ ปี นับแต่วันออกเชค็ ท้งั น้ีเป็นไปตามมาตรา ๑๙๓/๓๐

อายุความสะดุดหยุดลง
อายุความสะดุดหยุดลงเพราะเหตุอนั หน่ึงอนั ใด(มาตรา ๑๙๓/๑๔) ซ่ึงกระทาแก่คู่สญั ญา

ตามตวั๋ เงนิ ฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึง ย่อมมีผลสะดุดหยุดลงแกค่ ู่สญั ญาฝ่ ายน้ันเน่าน้ัน (มาตรา ๑๐๐๔)

๔๗ คาพิพากษาฎีกาที่ ๕๕๔๗/๒๕๓๗ โจทกส์ ลักหลังเชค็ ผู้ถือซ่ึงจาเลยเป็ นผู้ส่งั จ่ายย่อมเป็นเพียง
ประกัน (อาวัล) สาหรับผู้ส่งั จ่ายตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๒๑ ประกอบมาตรา ๙๘๙ จึงอยู่ในฐานะผู้คา้ ประกัน
หน้ีตามเชค็ ท่ีจะต้องรับผดิ ต่อผู้ทรงเท่าน้ัน หาได้ถือว่าเป็นผู้สลักหลังตามกฎหมายไม่ เม่ือโจทกช์ าระหน้ีตาม
เชค็ แทนจาเลยไปแล้วโจทก์ย่อมมีสิทธิไล่เบ้ียเอาจากจาเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๔๐ วรรคสาม ประกอบ
มาตรา ๙๘๙ กรณีน้ีไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะให้ต้องบังคับภายในกาหนดเวลาเท่าใด จึงต้องใช้อายุ
ความ ๑๐ ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๔ (เดิม) มใิ ช่อายุความ ๑ ปี หรือ ๖ เดอื น ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๒
และ มาตรา ๑๐๐๓

๑๑๒

ตวั อย่างคาถาม (สมัยท่ี ๔๔ ปี การศึกษา ๒๕๓๔)
นาย ก. ส่ังจ่ายเชค็ จานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ระบุให้นาย ข. เป็นผู้รับเงินแต่ไม่ได้ขีดฆ่า

คาว่า “หรือผู้ถือ” อันเป็นคาตามแบบฟอร์มในเชค็ ออก นาย ข. สลักหลังโอนส่งมอบให้แก่นาย
ค. แล้วนาย ค. นาเชค็ ไปสลักหลังขายลดให้แก่ธนาคาร ธนาคารจึงชาระเงินโดยการออกเชค็ ของ
ธนาคารหรือแคชเชียร์เชค็ จานวนเงิน ๙๐,๐๐๐ บาท ส่ังจ่ายเงินให้แก่นาย ค. ไป นาย ค. สลัก
หลักโอนส่งมอบแคชเชียร์เชค็ น้ันให้นาย ง. ต่อมา นาย ค. แจ้งธนาคารว่าแคชเชียร์เชค็ น้ันหาย
โดยต้องการให้ธนาคารออกเชค็ ให้ใหม่ เม่อื แคชเชียร์เชค็ ถึงกาหนด นาย ง. ได้นาไปเรียกเกบ็ เงิน
ธนาคารจึงปฏเิ สธการจ่ายเงินอ้างว่ากรณมี ีคาบอกกล่าวว่าเชค็ หาย ขณะเดยี วกนั เชค็ ท่นี าย ก. ส่งั
จ่ายจานวนเงนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาทน้ัน เรียกเกบ็ เงินไม่ได้

ดงั น้ี (ก) นาย ง. จะฟ้ องธนาคารผู้ออกแคชเชียร์เชค็ ให้ต้องรับผดิ ตามเชค็ ได้หรือไม่ และ

ภายในกาหนดอายุความเทา่ ใด
(ข) ส่วนเชค็ ฉบับท่นี าย ก. ส่งั จ่าย ๑๐๐,๐๐๐ บาทน้ัน ธนาคารจะฟ้ องเรียกเงินตามเชค็

ได้จากใครบ้าง และนาย ข. กบั นาย ค. จะฟ้ องนาย ก. ได้หรือไม่ และในกาหนดอายุคามเทา่ ใด

แนวคาตอบ
(ก) การท่นี าย ง. ฟ้ องธนาคารเรียกให้ธนาคารชาระเงินตามแคชเชียร์เชค็ ท่ธี นาคาร

เองเป็ นผู้ส่ังจ่ายน้ัน กรณีท่ีผู้ทรงตั๋วเงินฟ้ องธนาคารผู้ส่ังจ่าย ธนาคารเป็ นลูกหน้ีช้ันต้นจึงอ้าง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๙๑ (๓) ว่าตนเองได้รับคาบอกห้ามการให้เงินมา
เป็นข้อมูลต่อส้ไู ม่ใช้เงินเงินตามเชค็ น้ันไม่ได้ (คาพิพากษาฎกี าท่ี ๗๗๒/๒๕๒๖) ธนาคารจึงต้องใช้

เงนิ ตามแคชเชียร์เชค็ และอายุความฟ้ องร้องมกี าหนด ๑ ปี ตามมาตรา ๑๐๐๒
(ข) ส่วนเชค็ ท่นี าย ก.เป็นผู้ส่งั จ่ายจานวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท น้ัน เป็นเชค็ ประเภท

ท่อี อกให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ (คาพิพากษาฎีกาท่ี ๖๒๒/๒๕๑๒ และ ๙๙/๒๕๑๙) นาย ข. กับ นาย ค.

ต่างได้สลักหลังเชค็ ซ่ึงส่ังให้ใช้เงินแก่ผู้ถือจึงต้องรับผิดในฐานะอาวัลผู้ส่ังจ่าย ตามมาตรา ๙๒๑
ประกอบมาตรา ๙๘๙ เม่ือเชค็ ข้ึนเงินไม่ได้ นาย ก.ผู้ส่ังจ่าย นาย ข. และนาย ค. ผู้รับอาวัล จึง
ต้องรับผดิ ต่อผู้ทรง ตามมาตรา ๙๐๐, ๙๑๔, ๙๖๘, ๙๒๑, ๙๔๐ ประกอบมาตรา ๙๘๙ ธนาคาร

ฟ้ องเรียกเงนิ จากบุคคลท้งั สามได้โดยมีอายุความ ๑ ปี ตามมาตรา ๑๐๐๒
สาหรับนาย ข. และนาย ค. ถ้าหากได้ใช้เงนิ ให้ธนาคารไปแล้วย่อมมีสิทธฟิ ้ องไล่เบ้ีย

จากนาย ก. ได้ตามมาตรา ๙๒๑, ๙๔๐ วรรค ๓ ประกอบมาตรา ๙๘๙ ภายในกาหนดอายุความ
๑๐ ปี เพราะท้งั สองคนมีฐานะเป็นผู้รับอาวัลนาย ก. ผู้ส่งั จ่าย กฎหมายไม่ได้กาหนดอายุความไว้
เป็นพิเศษจึงต้องนาอายุความท่วั ไป ตามมาตรา ๑๔๖ (ปัจจุบันมาตรา ๑๙๓/๓๐) (คาพิพากษา
ฎีกาท่๓ี ๕๐๖/๒๕๒๘)

๑๑๓

๖. ตวั๋ เงนิ ปลอม

วตั ถุประสงคเ์ ฉพาะบท

๑. เพ่ือให้เข้าใจถงึ ลักษณะและผลทางกฎหมายกรณีตวั๋ เงนิ ปลอม
๒. เพ่ือให้เข้าใจถึงลักษณะและผลทางกฎหมายกรณีตัว๋ เงินมลี ายมือช่ือปลอมหรือลงโดย

ปราศจากอานาจ
๓. เพ่ือให้เข้าใจถึงลักษณะและผลทางกฎหมายกรณีท่ตี ัว๋ เงินมกี ารแก้ไขข้อความท่สี าคัญ
๔. เพ่ือให้เข้าใจถงึ ผลทางกฎหมายกรณีตัว๋ เงนิ ถูกลัก และตวั๋ เงนิ หาย

๑๑๔

๖. ตวั๋ เงินปลอม

๑. ตวั๋ เงนิ ปลอมดว้ ยการแกไ้ ขเปลยี่ นแปลง ๒. ตวั๋ เงินปลอมดว้ ยการที่มีการปลอม
ขอ้ ความสาคญั ในตว๋ั เงินน้นั (ม.๑๐๐๗) ลายมอื ชื่อ (ม.๑๐๐๘)

๑. ตว๋ั เงินปลอมดว้ ยการทีม่ ผี แู้ กไ้ ข ๒. ตวั๋ เงินปลอมดว้ ยการที่มีการปลอม
เปลยี่ นแปลงขอ้ ความสาคญั ในตว๋ั เงนิ น้นั (ม. ลายมือชื่อคู่สญั ญาคนหนงึ่ คนใดในตว๋ั
๑๐๐๗) เงิน หรือมีการลงลายมือชื่อคู่สญั ญา
คนหนงึ่ คนใดในตวั๋ เงินน้นั โดยที่เขาไม่
ขอ้ ความสาคญั ในตวั๋ เงนิ ทีถ่ ูกแกไ้ ข เช่น อนุญาต(มิไดม้ อบอานาจ)ให้ลงแทน
(๑) วันท่ที ่ลี งในตวั๋ เงนิ (เป็ น ก า ร ล ง ล า ย มื อ ชื่ อ เข า โ ด ย
(๒) จานวนเงนิ ตามตวั๋ เงนิ ปราศจากอานาจ) (ม.๑๐๐๘)
(๓) เวลาใช้เงิน
(๔) สถานท่ใี ช้เงนิ ลายมื อช่ือท่ีถู กป ลอม ห รือลงโด ย
(๕) กรณที ่มี ิได้ระบุสถานท่ใี ช้เงนิ ไว้ แต่ ปราศจากอานาจน้ัน เป็ นอันเสียเปล่า
ไป (ใช้ไม่ได้) กับเจ้าของลายมือช่ือน้ัน
มผี ู้ไปเติมสถานท่ใี ช้เงนิ โดยท่เี ขา (แต่ไม่กระทบกระท่ังไปถึงลายมือช่ือ
(ผู้รับรอง) มไิ ด้ยินยอมด้วย อ่นื ๆ ในตวั๋ เงินน้ัน ม.๑๐๐๖)

เห็นประจกั ษ์ เห็นไม่ประจกั ษ์
(ม.๑๐๐๗ วรรคแรก) (ม.๑๐๐๗ วรรคสอง

๑๑๕

ปลอมโดยการแกไ้ ขขอ้ ความสาคญั (มาตรา ๑๐๐๗)

เห็นประจกั ษ์ เห็นไม่ประจกั ษ์
(ม.๑๐๐๗ วรรคแรก) (ม.๑๐๐๗ วรรคสอง

ตวั๋ เงนิ น้ันเสยี ไปท้งั ฉบับสาหรับ ตัว๋ เงินน้ันยังคงใช้บังคับได้ หากได้
คู่สญั ญาท่มี ิได้ยนิ ยอมกล่าวคอื ไม่มีผลบังคบั ตกแก่ผ้ ูทรงโดยชอบด้ วยกฎหมาย(สุจริ ต)
เป็นตวั๋ เงินเลยสาหรับคู่สญั ญาท่มี ิได้ให้ความ
ยนิ ยอมด้วยในการแก้ไขเปล่ียนแปลงน้ัน แล้ ว กล่าวคือตั๋วเงินน้ันยังสมบูรณ์มีผล
บั งคั บ ต าม เน้ื อค วาม ท่ีแก้ ไขให ม่ กับ
เวน้ แต่ ตวั๋ เงินน้ันยงั คงใช้ได้กบั บุคคลเหล่าน้ี คู่สัญญ าผู้แก้ ไข และบรรดาผู้สลักหลัง
คอื ภายหลังการแก้ไขฯ และมีผลบังคับตาม
๑. ใช้ได้กบั คู่สญั ญาในตวั๋ เงินน้ัน ซ่ึงเป็นผู้ทา เน้ือความเดิมกับคู่สัญญาเดิม (ก่อนการ
การแก้ไขเปล่ียนแปลงน้ัน และ แก้ไข) เสมือนดังว่าตั๋วเงินน้ันมิได้ มีการ
๒. ใช้ได้กบั คู่สญั ญาในตวั๋ เงนิ เฉพาะผู้ท่ี
ยินยอมด้วยในการแก้ไขเปล่ียนแปลงน้ันและ แก้ไขเปล่ียนแปลงเลย ซ่ึงผู้ทรงมีสิทธิท่ีจะ
๓. ใช้ได้กบั ผู้สลักหลังภายหลังจากท่ไี ด้มีการ บังคับเอาได้ท้ัง ๒ กรณี (ท้ังเน้ือความเดิม
แก้ไขเปล่ียนแปลงน้ัน และเน้ือความใหม่)

เวน้ แต่ ผู้ทรงได้ทาการแก้ไขฯเสียเอง จึง
เป็นผู้ทรงท่ไี ม่ชอบ(ไม่สจุ ริต) ตวั๋ เงินน้ันย่อม

เสียไปท้งั ฉบับ ผู้ทรงย่อมไม่ได้รับประโยชน์
ตามเน้ือความเดิมด้วย (ดูคาพิพากษาฎีกาท่ี
๓๔๓/๒๕๐๖)

๑๑๖

ตวั อย่างคาถาม (สมยั ท่ี ๔๙ ปี การศึกษา ๒๕๓๙)

นายสมรักษ์เป็นหน้ีนายวิชัยจานวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท จึงลงลายมือช่ือในเชค็ ของธนาคาร
เหรียญทอง จากัด เพ่ือส่งั จ่ายเงินจานวนดังกล่าวชาระหน้ีแต่ด้วยความเร่งรีบนายสมรักษ์ได้เขียน
จานวนเงนิ ในรายการตัวเลขผดิ พลาดเป็น “๒๗๐,๐๐๐” สว่ นยอดจานวนเงินท่เี ป็นตัวอกั ษรเขียนว่า
“สองแสนห้าหม่ืนบาทถ้วน” มอบให้นายวิชัยรับไป นายวิชัยสลักหลังเชค็ ดังกล่าวมอบให้แก่นาย
พงษ์สทิ ธ์ิ นายพงษ์สทิ ธ์พิ บเหน็ ข้อผิดพลาดดังกล่าว จึงแก้ไขยอดเงินตัวเลขเป็น ๒๕๐,๐๐๐ บาท
แล้วสลักหลังโอนต่อให้นายภาคภมู ิ เม่อื เชค็ ถึงกาหนด นายภาคภมู นิ าเชค็ ไปเรียกเกบ็ จากธนาคาร
ดังน้ี

(ก) หากธนาคารเหรียญทอง จากดั ปฏเิ สธการจ่ายเงิน นายภาคภมู ิจะฟ้ องใครรับผิดตาม
เชค็ ได้บ้างหรือไม่ เพียงใด

(ข) หากธนาคารเหรียญทอง จากดั จ่ายเงนิ จานวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท แกน่ ายภาคภมู ไิ ปแล้ว
จะหักเงินจากบัญชีของนายสมรักษ์ได้หรือไม่

แนวคาตอบ
การท่นี ายพงษ์สทิ ธ์แิ ก้ไขรายการในเชค็ ช่องจานวนเงินท่เี ป็นตัวเลข เพ่ือให้ถูกต้องตรงกบั
ยอดจานวนเงนิ ท่รี ะบุไว้เป็นตวั อกั ษรน้ันไม่ใช่เป็นการแก้ไขเปล่ียนแปลงในข้อสาคัญ อันจะมีผลทา
ให้เชค็ ดังกล่าวเสยี ไป ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๐๗ วรรค
หน่ึง เพราะแม้ไม่มีการแก้ไขกต็ ้องถือเอาจานวนเงินท่รี ะบุไว้เป็นตัวอกั ษรเป็นยอดเงินตามเชค็ อยู่
แล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒ (คาพิพากษาฎีกาท่ี ๒๖๖/๒๕๓๙) ดังน้ัน
(ก) หากธนาคารปฏเิ สธการจ่ายเงิน นายภาคภมู ิซ่ึงเป็นผู้ทรงย่อมสทิ ธฟิ ้ องให้นายสมรักษ์
ในฐานะผู้ส่งั จ่าย นายวิชัย และนายพงษ์สทิ ธ์ิในฐานะผู้สลักหลังร่วมกนั ผิดชดใช้จานวน ๒๕๐,๐๐๐
บาท แก่ตนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๙๐๐, ๙๑๔, ๙๖๗ ประกอบมาตรา
๙๘๙ แต่จะฟ้ องธนาคารไม่ได้ เพราะธนาคารมิได้รับรองเชค็ ธนาคารจึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับนาย
ภาคภมู ิ
(ข) ในกรณีท่ธี นาคารจ่ายเงินตามเชค็ จานวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท แก่นายภาคภมู ิไปแล้ว ถือ
ได้ว่าธนาคารได้จ่ายเงินแก่ผู้ทรงโดยถูกต้อง ธนาคารจึงมสี ทิ ธิหักเงินจากบัญชีของนายสมรักษ์ผู้ส่งั
จ่ายได้เตม็ จานวน

๑๑๗

ตวั อย่างคาถาม(สมัยท่ี ๑๑ ปี การศึกษา ๒๕๐๑)

นายแสงเขียนเชค็ ส่งั จ่ายเงินให้นายส่าง ๕,๐๐๐ บาท นายส่างเขียนเพ่ิมจานวนเงินลงใน
เชค็ เป็น ๑๕,๐๐๐ บาท แล้วสลักหลังชาระหน้ีให้แกน่ ายสงิ นายสงิ สลักหลังชาระหน้ีให้แก่นายสนั ต์
อีกต่อหน่ึง นายสันต์นาเชค็ ไปรับเงินจากธนาคาร ธนาคารไม่จ่ายเงินให้ โดยปรากฏว่านายแสงมี
เงนิ ในธนาคารไม่พอจ่าย

ดังน้ี นายสันต์จะเรียกร้องให้ นายสิง นายส่าง และ นายแสง คนใดให้รับผิดใช้เงินตาม
เชค็ น้ันได้เพียงใดหรือไม่

แนวคาตอบ
การท่นี ายส่างเขียนเพ่ิมจานวนเงินลงในเชค็ เป็นการแก้ไขเปล่ียนแปลงข้อสาคัญในเชค็
น้ัน โดยมิปรากฏว่านายแสงผู้ส่งั จ่ายเงินซ่ึงจะต้องรับผิดตามเชค็ น้ันได้ยินยอมด้วยเชค็ น้ันจึงเป็น
อนั เสีย นายแสงไม่ต้องรับผิดตามเชค็ น้ันต่อไป แต่นายส่างซ่ึงเป็นผู้ทาการแก้ไขเปล่ียนแปลงแล้ว
ต้องรับผิดตามข้อความในเชค็ น้ัน นายสนั ต์จึงมีสทิ ธิเรียกร้องให้นายสงิ และนายส่างใช้เงินตามเชค็
น้ันได้ แต่ถ้าการท่นี ายส่างแก้ไขเปล่ียนแปลงเพ่ิมจานวนลงในเชค็ น้ันไม่ประจักษ์ คือโดยปกติไม่
อาจทราบการเปล่ียนแปลงน้ันได้ นายสันต์ซ่ึงเป็นผู้ทรงเชค็ โดยชอบด้วยกฎหมายจะเรียกร้องให้
นายแสงผู้ส่งั จ่ายใช้เงนิ ตามจานวนเดมิ คือ ๕,๐๐๐ บาท น้ันกไ็ ด้ (ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๗)

๑๑๘

ตวั๋ เงินทีม่ ีการปลอมลายมอื ชื่อ (ม.๑๐๐๘)

๑. ตวั๋ เงนิ ปลอมดว้ ยการลงลายมอื ชือ่ ปลอม
๒. ตวั๋ เงนิ ปลอมดว้ ยการลงลายมือชื่อโดยปราศจากอานาจ

ตวั๋ เงินท่มี ีลายมือช่ือปลอมฯ ตัว๋ เงินน้ันยงั สมบูรณใ์ ช้บังคับได้ ลายมอื ช่ือปลอมฯ ไม่
กระทบกระทง่ั ถงึ ความสมบูรณแ์ ห่งลายมือช่ืออ่นื ๆ ในตวั๋ เงนิ น้ัน (ม.๑๐๐๖)
ลายมือช่ือท่ถี ูกปลอมหรือลงโดยปราศจากอานาจน้ัน เป็นอนั เสยี เปล่าไป (ใช้ไม่ได้)
กบั เจ้าของลายมือช่ือน้ัน (แต่ไม่กระทบกระทง่ั ไปถึงลายมือช่ืออ่นื ๆ ในตวั๋ เงินน้ัน
ม.๑๐๐๖)
ผู้ใดจะแสวงสทิ ธอิ ย่างหน่ึงอย่างใดจากตวั๋ เงินท่มี ลี ายมอื ช่ือปลอม หรือลงโดย
ปราศจากอานาจในกรณดี ังต่อไปน้ีไม่ได้คอื

(๑) เพอื่ ยึดหนว่ งตวั๋ เงนิ น้นั ไว้
เวน้ แต่ ผู้ท่จี ะพึงถูกยึดหน่วงตั๋วเงินน้ันอยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องตัดบท (กฎหมาย

ปิ ดปาก) มิให้ยกข้อมือลายมือช่ือปลอมหรือลงโดปราศจากอานาจข้ึนเป็นข้อต่อสู่(ม.
๑๐๐๘ วรรคแรก)
(๒) เพอื่ ทาใหต้ ว๋ั เงินน้นั หลดุ พน้

เวน้ แต่ ผู้ใช้เงินอาจหลุดพ้นจากความรับผิดได้ในกรณีท่ตี ัว๋ เงนิ น้ันมีลายมือช่ือผู้
สลักหลังเป็นลายมือช่ือปลอมหรือลงโดยปราศจากอานาจ (ม.๙๔๙ และ ๑๐๐๙)

(๓) เพอื่ บงั คบั การใชเ้ งินเอาแก่คู่สญั ญาแห่งตว๋ั เงนิ น้นั คน
เวน้ แต่ ผู้ท่พี ึงจะถูกบังคับให้ใช้เงินน้ันเป็นผู้ถูกตัดบท(กฎหมายปิ ดปาก) มิให้

ยกข้อลายมอื ช่ือปลอมหรือลงโดยปราศจากอานาจน้ันข้ึนต่อสู้ (ม.๑๐๐๘ วรรคแรก)

๑๑๙

ตวั อยา่ ง กรณีปลอมลายมือช่ือ

อ. ออกตั๋วแลกเงนิ ส่งั ให้ จ. จ่ายเงินแก่ ร. แต่ ร. ทาตั๋วเงินตกหาย A. เกบ็ ตวั๋ เงินดังกล่าว
ได้และทาการปลอมลายมือช่ือ ร. สลักลังตั๋วโอนให้แก่ ก. ต่อมา ก. สลักหลังให้แก่ ข. และ ข.
สลักหลังให้แก่ ค. โดยท้งั ก. ข. และ ค. ต่างสจุ ริตไม่ทราบถึงการปลอมลายมือช่ือ ดังน้ี หากตั๋ว
ถงึ กาหนดชาระ ค. นาไปเรียกให้ จ. ใช้เงนิ แต่ถูก จ. ปฏเิ สธการใช้เงนิ

จากขอ้ เท็จจริงดงั กล่าวจะมผี ลดงั ต่อไปน้ ี
(๑)แม้ว่าลายมือช่ือ ร. จะเป็นลายมือช่ือปลอมกไ็ ม่กระทบความสมบูรณ์ของตั๋วเงิน(ม.

๑๐๐๖)
(๒) หาก ร. เรียกตั๋วคืนจาก ค. กรณีดังกล่าว ค. ต้องคืนให้เพราะไม่สามารถอ้างอิง

แสวงสทิ ธยิ ดึ หน่วงตัว๋ ได้(ม.๑๐๐๘)
(๓) หาก จ. จ่ายเงนิ ให้แก่ ค.โดยสจุ ริต และไม่ได้ประมาทเลินเล่อ จ. กอ็ ้างได้ว่าตน

ได้เงินตามตวั๋ เงินไปโดยชอบตามมาตรา ๙๔๙
(๔)ค. จะฟ้ องร้องเรียกให้ อ. และ ร. รับผิดตามตั๋วเงินไม่ได้ เพราะ ค. ไม่สามารถ

อ้างองิ แสวงสิทธ์ิใดๆ จากลายมือช่ือของ ร. ท่ีถูกปลอมเพ่ือไปบังคับเอากับ อ. และ
ร. ได้
(๕)ค. มีสทิ ธิฟ้ องร้องเรียกให้ ก.และ ข. รับผดิ ตามตวั๋ เงนิ ได้ เพราะ ก.และ ข. ถูกตัดบท
ไม่ให้ยกลายมือช่ือปลอมข้ึนต่อสู้ เน่ืองจากรับโอนและสลักหลังภายหลังการปลอม
ลายมือช่ือของ ร.
(๖)ค. ไม่สามารถฟ้ อง ร. ให้รับผิดได้ เพราะมิใช่ลายมือช่ือของ ร. แต่เป็นลายมือช่ือท่ี
ปลอมโดย A. เว้นแต่ ร. จะมีส่วนผิด เช่น แสดงให้เหน็ ว่าลายมือช่ือท่ปี ลอมน้ันเป็น
ของตน
(๗) ค. ฟ้ อง A. ได้หรือไม่ มีสองความเหน็ คววามเหน็ แรก เหน็ ว่า ฟ้ องไม่ได้เพราะ
ไม่มีเจตนาลงช่ืออย่างแท้จริง)ลายมือช่ือของ ร. ท่ีถูกปลอมไปบังคับเอากับ อ. และ
จ. ได้ ความเหน็ ท่สี อง เหน็ ว่า ฟ้ องได้ตามมาตรา ๙๐๐ เพราะ A. ลงลายมอื ช่ือแล้ว

๑๒๐

๗. ตวั๋ เงนิ ถูกลกั ตว๋ั เงนิ หาย

ผทู้ รงมหี นา้ ทีบ่ อกกล่าว
เม่อื ผู้ทรงตัว๋ เงนิ ซ่ึงหายหรือถูกลักทราบเหตุน้ันแล้วต้องบอกกล่าวเป็นหนังสอื ไปยังผู้ออก
ตั๋วเงิน ผู้จ่าย ผู้สมอ้างยามประสงค์ผู้รับรองเพ่ือแก้หน้าและผู้รับอาวัล(ถ้ามี) ทนั ที เพ่ือให้บอก
ปัดไม่ใช้เงินตามตวั๋ เงินน้ัน (มาตรา ๑๐๑๐)
ขอ้ สงั เกต
กรณีท่ีผู้ทรงทราบว่าตั๋วถูกลัก หรือหายแล้วไม่ดาเนินการตามมาตรา ๑๐๑๐ และมีการ
จ่ายเงินตามตั๋วไปกรณีเช่นน้ีจะถือว่าการจ่ายเงนิ น้ันไม่ชอบไม่ได้ (เว้นแต่ผู้จ่ายเงินจะทราบการท่ี
ตัว๋ ถูกลักหรือหายไปโดยทางอ่นื หรือเป็นการจ่ายเงินท่ไี ม่ชอบเพราะเหตอุ ่นื ๆ)

ผทู้ รงมสี ิทธิขอใหอ้ อกตวั๋ ฉบบั ใหม่
ถ้าตั๋วเงินหายไปก่อนกาหนดเวลาใช้เงิน ผู้ทรงตั๋วเงินน้ันจะร้องให้ผู้ส่ังจ่ายออกตั๋วเงิน
ฉบับใหม่ได้(เป็ นเน้ือความเดียวกันฉบับหน่ึง) โดยผู้ส่ังจ่ายมีสิทธิเรียกให้ วางประกันเพ่ือไว้
ทดแทนความเสียหายท่อี าจเกิดข้ึนแก่ผู้หน่ึงผู้ใดในกรณีท่ีตั๋วเงินท่ีหายน้ันกลับคืนมาได้(มาตรา
๑๐๑๑)

๑๒๑

๘. การคมุ้ ครองผูใ้ ชเ้ งินโดยชอบ

ลกั ษณะของการใชเ้ งินโดยชอบ
โดยท่วั ไปเม่ือผู้จ่ายทาการจ่ายเงินตามคาส่งั ของผู้ส่งั จ่ายไปโดยถูกต้อง หน้าท่คี วามรับ
ผิดระหว่างผู้ส่งั จ่ายและผู้จ่ายท่มี ีต่อกนั ย่อมหมดไป และหากมีข้อตกลงเก่ียวกบั การหักทอนบัญชี
ไว้ผู้จ่ายกส็ ามารถหักทอนบัญชีจากผู้ส่ังจ่ายได้ ซ่ึงลักษณะของการใช้เงินท่ีถูกต้องต้องพิจารณา
ตามมาตรา ๙๔๙ และมารตรา ๑๐๐๙

มาตรา ๙๔๙ “ภายในบังคับแห่ง มาตรา ๑๐๐๙ “ถ้ามีผู้นาตั๋วเงินชนิดจะพึงใช้เงิน

บทบัญญัติมาตรา ๑๐๐๙ บุคคลผู้ใช้ ตามเขาส่ังเม่ือทวงถามมาเบิกต่อธนาคารใด และ
เงินในเวลาถึงกาหนดย่อมเป็ นอัน ธนาคารน้ันได้ใช้เงินให้ไปตามทางค้าปกติโดยสจุ ริต
หลุดพ้นจากความรับผิด เว้นแต่ตน และปราศจากประมาทเลินเล่อไซร้ ท่านว่าธนาคาร
จะได้ ท าก ารฉ้ อ ฉ ลห รือ มี ค วาม ไม่มีหน้าท่จี ะต้องนาสืบว่าการสลักหลังของผู้รับเงิน
ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อน่ึง หรือการสลักหลังในภายหลังรายใด ๆ ได้ทาไปด้วย
บุคคลซ่ึงกล่าวน้ีจาต้องพิสูจน์ให้เหน็ อาศัยรับมอบอานาจแต่บุคคลซ่ึงอ้างเอาเป็ นเจ้ าของ
จริงว่าได้ มีการสลักหลังติดต่อกัน คาสลักหลังน้ันและถึงแม้ว่ารายการสลักหลังน้ันจะ
เรียบร้อยไม่ขาดสาย แต่ไม่จาต้อง เป็นสลักหลังปลอมหรือปราศจากอานาจกต็ าม ทา่ น
พิสจู น์ลายมอื ช่ือของเหล่าผู้สลักหลัง” ให้ถอื ว่าธนาคารได้ใช้เงนิ ไปถูกระเบียบ”

สรุปลกั ษณะของการใชเ้ งินโดยชอบ
๑. ใช้เงินเม่อื ตวั๋ ถงึ กาหนดชาระ
๒. ใช้เงนิ ให้ไปโดยสจุ ริตและปราศจากประมาทเลินเล่อ
มาตรา ๙๔๙ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
มาตรา ๑๐๐๙ ประมาทเลินเล่อธรรมดา
๓. ต้องพิสจู น์ให้เหน็ ว่าได้มีการสลักหลังติดต่อกนั เรียบร้อยไม่ขาดสาย

ขอ้ สงั เกต

กรณใี ชเ้ งนิ ตามตวั๋ ทีม่ ีลายมอื ชื่อผสู้ งั่ จ่ายปลอม
คาพพิ ากษาฎีกาที่ ๑๖๓๔/๒๔๙๒ เชค็ ท่มี ลี ายมอื ช่ือผู้ส่งั จ่ายปลอม กบั เชค็ ท่มี ีลายมอื ช่ือ
ผู้รับเงินผู้สลักหลังปลอมน้ันหาเหมือนกนั ไม่ เชค็ ท่มี ีลายมือช่ือผู้รับเงินหรือผู้สลักหลังปลอมน้ัน
ตามมาตรา ๑๐๐๙ ธนาคารไม่มีหน้าท่จี ะต้องนาสบื ว่าการสลักหลังของผู้รับเงินหรือการสลักหลัง
ในภายหลังรายใด ๆ ได้ทาไปด้วยอาศัยรับมอบอานาจแต่บุคคลซ่ึงอ้างว่าเอาเป็นเจ้าของคาสลัก
หลังน้ัน และถึงแม้ว่ารายการสลักหลังน้ันจะเป็ นสลักหลังปลอม หรือปราศจากอานาจกต็ าม ถ้า

๑๒๒

หากธนาคารได้จ่ายเงินไปตามทางค้าปกติโดยสจุ ริตและปราศจากประมาทเลินเล่อไซร้ ท่านกใ็ ห้
ถือว่า ธนาคารได้ใช้เงนิ ไปโดยถูกระเบียบ เม่อื พิจารณามาตรา ๑๐๐๘ และ ๑๐๐๙ เข้าด้วยกนั แล้ว
กจ็ ะแลเหน็ ได้ชัดว่า กฎหมายประสงค์ให้ธนาคารใช้ความระมัดระวังในเร่ืองลายมือช่ือผู้ส่งั จ่ายย่ิง
กว่าในเร่ืองลายมือช่ือของผู้รับเงิน หรือผู้สลักหลังและกฎหมายให้ความคุ้มครองแก่ธนาคารท่ี
จ่ายเงินไปตามทางค้าปกติโดยสุจริตปราศจากประมาทเลินเล่อกแ็ ต่ในกรณีท่ลี ายมือช่ือผู้รับเงิน
หรือลายมือช่ือผู้สลักหลังเป็นลายมือช่ือปลอมเท่าน้ัน ส่วนลายมือช่ือผู้ส่ังจ่ายปลอมน้ันกฎหมาย
หาได้ให้ความคุ้มครองอย่างเดียวกนั ไม่

คาพพิ ากษาฎีกาที่ ๕๑๙/๒๕๓๙ การท่โี จทก์เกบ็ รักษาเชค็ ไว้ในล้ินชักท่มี ีกุญแจใส่อยู่ใน
บ้านและลูกกุญแจแขวนไว้ใต้โต๊ะทางานเป็ นการเก็บรักษาเช็คดังเช่นวิญญูชนจะพึงกระทา
ตามปกติธรรมดา ถือไม่ได้ว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อ การท่ีพนักงานของจาเลยจ่ายเงินตามเช็ค
พิพาทท้งั สองฉบับไป แม้จะอ้างว่าไม่ได้ประมาทเลินเล่อ แต่เม่ือลายมือช่ือผู้ส่งั จ่ายในเชค็ พิพาท
ท้งั สองฉบับเป็นลายมอื ช่ือปลอมไม่ใช่ลายมอื ช่ือของโจทก์ จาเลยจึงหาหลุดพ้นความรับผดิ ไปตาม
ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๘ ไม่

กรณใี ชเ้ งินตามตวั๋ ทีม่ กี ารแกไ้ ขจานวนเงนิ
คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๓๗/๒๕๒๕ ผู้ส่ังจ่ายออกเชค็ ล่วงหน้าส่ังธนาคารโจทก์จ่ายเงิน
จานวนหน่ึงแก่ ช.ต่อมาได้มีการแก้ไขจานวนเงนิ ในเชค็ ให้สงู ข้นึ แล้ว ส. ได้นาเชค็ ดงั กล่าวมามอบ
ให้ธนาคารจาเลยเพ่ือเป็ นประกันหน้ีเบิกเงินเกินบัญชีของ ส. คร้ันเชค็ ถึงกาหนดจาเลยได้เรียก
เกบ็ เงินจากโจทก์หักล้างหน้ีของ ส.ต่อมาผู้ส่งั จ่ายทราบจึงเรียกเงินคืนจากโจทก์ โจทก์ได้จ่ายเงิน
จานวนท่ีถูกแก้ไขให้ สูงข้ึนแก่ผู้ส่ังจ่ายแล้วมาฟ้ องเรียกคืนจากจาเลย ดังน้ี เม่ือการแก้ไข
เปล่ียนแปลงจานวนเงินไม่สามารถมองเหน็ ด้วยตาเปล่าจึงเป็นการแก้ไขเปล่ียนแปลงท่ไี ม่ประจักษ์
ในข้อสาคญั เม่อื ผู้ส่งั จ่ายไม่ได้รู้เหน็ ยนิ ยอมในการแก้ไขด้วย จาเลยผู้ทรงเชค็ ย่อมมีสทิ ธบิ ังคับการ
ใช้เงินตามเช็คได้เพียงจานวนเงินเดิมก่อนมีการแก้ไขเท่าน้ัน จานวนท่ีเกินเป็ นการรับไว้โดย
ปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เม่ือโจทกม์ ิได้จ่ายเงินให้จาเลยรับไปตามอาเภอใจ แต่จ่ายไป
โดยเช่ือว่าผู้ส่งั จ่ายออกเชค็ ส่ังจ่ายเงินตามจานวนท่แี ก้ไข จาเลยจึงต้องคืนเงินส่วนท่รี ับเกนิ มาแก่
โจทกพ์ ร้อมดอกเบ้ียนับแต่วันท่โี จทกแ์ จ้งให้ทราบ แม้ผู้ส่งั จ่ายเขยี นเชค็ เว้นช่องว่างหน้าตวั เลขและ
ตัวหนังสือจานวนเงินไว้มากเป็นเหตุให้มีการเพ่ิมเติมจานวนเงินได้ง่าย แต่จานวนเงินส่วนเกินท่ี
จาเลยรับกเ็ ป็นการรับไว้โดยปราศจากมูลอนั จะอ้างกฎหมายได้ หากจาเลยได้รับความเสยี หายจาก
ความประมาทเลินเล่อของผู้ส่งั จ่ายอย่างไร กเ็ ป็นเร่ืองท่จี าเลยจะต้องว่ากล่าวเอาแก่ผู้ส่งั จ่าย

๑๒๓

ตวั อย่างคาถาม(สมัยท่ี ๓๔ ปี การศึกษา ๒๕๒๔)
เขียวออกเชค็ ธนาคารศรีเมือง จากัด ระบุช่ือขาวเป็ นผู้รับเงินและขีดคร่อมเช็คน้ัน

ชาระหน้ีให้ขาว ดาลักเชค็ ฉบับน้ันไปจากขวา ได้ลบเส้นขนานคู่ท่ีขีดคร่อมออกเสีย แต่ยังมองเหน็
ร่องรอยท่ขี ีดคร่อมเดิมด้วยตาเปล่าแล้วปลอมลายมือช่ือขาวสลักหลังเชค็ โอนให้แก่แดง แดงนา
เชค็ ไปย่นื และธนาคารศรีเมอื ง จากดั ได้จ่ายเงนิ ตามเชค็ ให้แก่แดง

ดังน้ี ธนาคารศรีเมอื ง จากดั ต้องรับผิดต่อขาวหรือไม่ เพราะเหตุใด

แนวคาตอบ แม้รายการสลักหลังของดาเป็นหลักหลังปลอม และถือว่าธนาคารศรีเมือง จากดั
ได้ใช้เงินไปถูกระเบียบตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๙ (ตามนัยคาพิพากษาฎีกาท่ี ๒๗๐/๒๔๙๐) แต่
การขดี คร่อมเป็นส่วนสาคญั ของเชค็ ใครจะลบล้างย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๙๙๖ เม่ือ
ปรากฏว่ามีรอยขีดคร่อมอันได้ลบล้างน้ันโดยประจักษ์ ดังน้ี ถือได้ว่าธนาคารศรีเมือง จากัด
ประมาทเลินเล่อ จึงต้องรับผดิ ต่อขาวผู้เป็นเจ้าของอนั แท้จริงแห่งเชค็ น้ัน ตามมาตรา ๙๙๗ (เทยี บ
คาพิพากษาฎกี าท่ี ๑๒๕๕/๒๔๙๗)

ตวั อย่างคาถาม(สมยั ที่ ๓๕ ปี การศึกษา ๒๕๒๕)
มกราเป็นลูกค้าเปิ ดบัญชีเงนิ ฝากกระแสรายวันไว้กบั ธนาคารกุมภา จากดั เม่ือวันท่ี ๑

มิถุนายน ๒๕๒๕ บัญชีเงนิ ฝากของมกรามียอดเงนิ คงเหลือเพียง ๑๐๐,๐๐๐ บาท แต่ธนาคารกุมภา
จากดั ได้จ่ายเงินตามเชค็ ๒ ฉบับ ฉบับหน่ึงเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท อกี ฉบับหน่ึงเงนิ ๓๐๐,๐๐๐ บาท
ให้แก่ผู้ทรงไป ต่อมาปรากฏว่าเชค็ ฉบับเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท น้ัน ลายมือช่ือมกราผู้ส่ังจ่ายเป็ น
ลายมือปลอม ดังน้ี การท่ีธนาคารจ่ายเงินไปตามเชค็ ๒ ฉบับ ดังกล่าว เป็นการชอบด้วยกฎหมาย
หรือไม่เพียงใด

แนวคาตอบ กรณีไม่มีเงินในบัญชีของผู้เคยค้าเป็ นเจ้าหน้ีพอจะจ่ายตามเช็คตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๙๙๑ (๑) น้ัน เป็ นบทบัญญัติให้สิทธิแก่ธนาคารท่ีจะปฏิเสธการจ่ายเงินกไ็ ด้ หรือถ้า
ธนาคารเหน็ สมควรจะจ่ายไปกไ็ ด้ (เทยี บคาพิพากษาฎกี าท่ี ๓๓๓๒/๒๕๒๒ น. ๒๕๕๐) ฉะน้ัน การ
จ่ายเงินตามเชค็ ท่ีเบิกเกินบัญชีจึงเป็นการชอบด้วยกฎหมาย แต่สาหรับเชค็ ฉบับเงิน ๒๐๐,๐๐๐
บาท ท่ีลายมือช่ือผู้ส่ังจ่ายปลอมน้ัน เชค็ น้ันเป็นอนั ใช้ไม่ได้ ธนาคารจะอ้างองิ อาศัยแสวงสทิ ธิเพ่ือ
ทาให้เชค็ น้ันหลุดพ้นไม่ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๘ ท้งั การท่ีธนาคารจ่ายเงินตามเชค็ ท่ลี ายมือ
ช่ือผู้ส่งั จ่ายปลอมยังเป็นการใช้เงนิ โดยประมาทเลินเล่อตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๙ อกี ด้วย ฉะน้ัน
การจ่ายเงนิ ตามเชค็ ฉบับ ๒๐๐,๐๐๐ บาทน้ี จึงไม่เป็นการชอบด้วยกฎหมาย

…………………………………………………………………………………………

๑๒๔

สญั ญาบญั ชีเดินสะพดั

๑๒๕

๙. บญั ชีเดินสะพดั

วตั ถุประสงคเ์ ฉพาะบท

๑. เพ่ือให้เข้าใจเก่ยี วกบั ลักษณะและผลทางกฎหมายของสญั ญาบัญชีเดนิ สะพัด
๒. เพ่ือให้เข้าใจเก่ยี วกบั หลักการและผลทางกฎหมายเก่ยี วกบั นาตวั๋ เงนิ ลงเป็นรายการในบัญชี

เดนิ สะพัด
๓. เพ่ือให้เข้าใจเก่ยี วกบั กาหนดเวลาหักทอนบัญชี
๔. เพ่ือให้เข้าใจเก่ยี วกบั การบอกเลิกสญั ญาบัญชีเดนิ สะพัด
๕. เพ่ือให้เข้าใจเก่ยี วกบั อายุความในสญั ญาบัญชีเดนิ สะพัด

๑๒๖

๙. บญั ชีเดินสะพดั

๑. ลักษณะของสญั ญาบัญชีเดินสะพัด
๒. ลักษณะสาคัญของสญั ญาบัญชีเดินสะพัด
๓. หน้ีตามสญั ญาบัญชีเดนิ สะพัด
๔. ความผูกพันและผลของสญั ญาบัญชีเดินสะพัด
๕. การระงบั ของสสญั ญาบัญชีเดนิ สะพัด
๖. อายุความ

ขอบเขตการศึกษา

๙.๑ ลกั ษณะของสญั ญาบญั ชีเดินสะพดั

มาตรา ๘๕๖ “อันว่าสญั ญาบญั ชีเดินสะพดั นนั้ คือสญั ญาซึง่ บุคคลสองคนตกลงกนั วา่ สืบแต่
นนั้ ไป หรือในชว่ั เวลากาหนดอันใดอันหนึง่ ใหต้ ดั ทอนบญั ชีหน้ีทงั้ หมดหรือแต่บางส่วนอันเกิดข้ึน
แต่กิจการในระหวา่ งเขาทงั้ สองนนั้ หกั กลบลบกนั และคงชาระแต่ส่วนทีเ่ ป็นจานวนคงเหลือโดยดุล
ภาค”

จากบทบัญญัติมาตรา ๘๕๖ พอจะสรุปให้เหน็ ได้ถึงความหมายของสญั ญาบัญชีเดินสะพัดได้
ว่า เป็ นสญั ญาระหว่างบุคคลสองฝ่ ายทีไ่ ดต้ กลงกนั ว่านบั แต่ที่ไดท้ ากการตกลงกนั หรือภายใน
ระยะเวลาตามทีท่ ้งั สองกาหนดไว้ จะมีการหกั กลบลบและตดั ทอนบญั ชี หน้ ีสินที่ท้งั สองมีต่อ
กนั ในจานวนท้งั หมดหรือแต่บางส่วน โดยที่ต้องเป็ นหน้ ีสินที่มีมูลหน้ ีจากกิจการหรือเกิดข้ ึน
ตามขอ้ ตกลงของท้งั สองฝ่ าย หากหกั กลบลบหน้ ีกนั แลว้ จะตอ้ งมีการชาระส่วนที่คงเหลือให้
เป็ นจานวนคงเหลอื โดยดุลภาค(เท่าๆกนั )

ตัวอย่างเช่น นาย ก. ตกลงกบั นาย ข. ว่าจะออกเงินและส่งิ ของให้นาย ก. ไปทาประมง
เม่อื นาย ก. ได้ปลามาต้องส่งให้แก่นาย ก. โดยนาย ก. รับปลามาแล้วส่งไปให้นาย ค. ขาย นาย ค.
ได้เงินค่าปลามาแล้วกท็ าการหักเงินค่าขายปลาของนาย ค. ไว้ ๕ เปอร์เซน็ ต์และอีก ๕ เปอร์เซน็ ต์
เป็ นค่าบาเหน็จของนาย ก. เพราะนาย ก. ออกทุนให้นาย ข. แล้วส่งบิลและเงินค่าขายปลาให้
นายก. นาย ก.ลงบัญชีไว้แล้วมอบบิลให้นาย ข. ไปลงบัญชีของตนเพ่ือจะได้ตรวจสอบคดิ หักบัญชี
กัน ทาให้รู้ได้ว่าฝ่ ายใดยังเป็ นเจ้าหน้ีลูกหน้ีกันจานวนเงินเท่าใด โดยมีสมุดบัญชีเบิกเงินรายวัน
สมุดบัญชีน้ามัน (ท่ีใช้ในการเดินเรือ) สมุดบัญชีขายปลา เป็ นพยานหลักฐาน กรณีเช่นน้ี นิติ
สัมพันธ์ระหว่างนาย ก. กับนาย ข. เข้าลักษณะบัญชีเดินสะพัดตามมาตรา ๘๕๖ แห่งประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย๔์ ๘

๔๘ เทยี บคาพิพากษาศาลฎกี าท่ี ๘๑/๒๕๐๙

๑๒๗

๙.๒ ลกั ษณะสาคญั ของสญั ญาบญั ชีเดนิ สะพดั ๔๙

จากบทบัญญัติมาตรา ๘๕๖ สามารถแยกลักษณะของสญั ญาบัญชีเดินสะพัดได้ คอื

๑. เป็นเอกเทศสญั ญาชนิดหน่ึง
๒. ต้องมคี ู่สญั ญาสองฝ่ าย
๓. เป็นสญั ญาต่างตอบแทน
๔. เป็ นสญั ญาทีไ่ ม่มแี บบและไม่ตอ้ งมีหลกั ฐานเป็ นหนงั สือ
๕. มีขอ้ ตกลงในการตดั ทอนบญั ชีหน้ ที ้งั หมดหรือแต่บางส่วนสืบ
๖. มีการกาหนดระยะเวลาของสญั ญา (แต่น้ันไปหรือในช่ัวเวลากาหนดอนั ใดอนั หน่ึง)
๗. หน้ ที ีต่ ดั ทอนน้นั จะตอ้ งเกดิ ข้ ึนจากกจิ การหรือตามทีค่ ู่สญั ญาตกลงกนั ไว้
๘. ตดั ทอนบญั ชีและหกั กลบลบหน้ แี ลว้ หน้ สี ่วนทีเ่ หลอื น้นั ตอ้ งมฝี ่ ายใดฝ่ ายหนงึ่ เป็ นผชู้ าระหน้ ี

(ชาระแต่สว่ นท่เี ป็นจานวนคงเหลือโดยดุลภาค)

ขอ้ สงั เกต
สญั ญาบญั ชีเดินสะพัดนนั้ เป็นสญั ญาต่างตอบแทน กล่าวคือ คู่สญั ญาต่างมหี น้ีผูกพัน

ซ่ึงกนั และกัน คือ ต่างมีสิทธิและหน้าท่ตี ามสัญญาต่อกนั โดยต้ังมีการจัดทาบัญชีหน้ีสนิ และมีการ
หักทอนบัญชีท้งั หมดหรือบางส่วนโดยวิธกี ารหักกลบลบหน้ีและชาระหน้ีในสว่ นท่คี งเหลือ

เป็ นสัญญาที่ไม่มีแบบและไม่ต้องมีหลกั ฐานเป็ นหนังสือ หมายถึง เพียงคู่สัญญา
แสดงเจตนาทาคาเสนอ คาสนอง กก็ ่อให้เกิดเป็ นสัญญาผูกพันกัย แม้ตกลงด้วยวาจาสัญญาก็
สมบูรณ์ บังคับกันได้โดยไม่จาเป็ นต้องทาเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือช่ือผู้
ต้องรับผิด เพราะมิใช่กรณีสญั ญากู้ยืมตาม ป.พ.พ.มาตรา ๖๕๓

สืบแต่นั้นไป หรือในช่ัวเวลากาหนดอันใดอันหนึ่ง หมายถึง ข้อตกลงเก่ียวกับ
ร ะ ย ะ เว ล า ใน ก า ร จั ด ท าบั ญ ชี ห น้ ี สิ น ร ะ ห ว่ า งคู่ สั ญ ญ า ห รื อ ก า ห น ด ร ะ ย ะ เว ล าข อ งสั ญ ญ าบั ญ ชี
เดินสะพัด เช่น สัญญาบัญชีเดินสะพัดมีกาหนดเวลาในการหักทอนบัญชีในระยะเวลา ๒ ปี เม่ือ
ครบกาหนด ๒ ปี สญั ญาย่มส้นิ ผลไป แต่หากคู่สญั ญายงั ประสงค์ให้สญั ญามีผลบังคบั ใช้ต่อไปกย็ ัง
สามารถทาได้๕๐ แต่เป็นคนละกรณีกับกาหนดเวลาในการตัดทอนบัญชีตามมาตรา ๘๕๘ เช่น ตัด
ทอนบัญชีทุกเดือน หรือทุกสามเดือน หรือทุกหน่ึงปี เป็นต้น

๔๙ ดูเพ่ิมเติมใน จิตติ ตงิ ศภัทยิ ์, กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยบญั ชีเดนิ สะพัดและตวั๋ เงิน, หน้า
๗ – ๑๐ และวิชัย ตันติกุลานันท,์ คาอธบิ ายสัญญาบัญชีเดินสะพัด และเบิกเงินเกนิ บัญชี (โอดี), กรุงเทพฯ :
ห้างหุ้นส่วนจากดั พิมพ์อกั ษร, ๒๕๔๓ หน้า ๗

๕๐ เทยี บคาพิพากษาฎกี า ๖๕๘,๖๕๙/๒๕๑๑

๑๒๘

ตอ้ งมีขอ้ ตกลงในการตัดทอนบัญชี หมายถึง มีข้อตกลงในการจัดทาบัญช้ีหน้ีสิน
ระหว่างกนั และตกลงหักกลบลบหน้ีเม่ือครบกาหนดระยะเวลาตามท่ตี กลงกนั ไว้ ตวั อย่างเช่น

คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๙๗๗/๒๕๔๑ ตามคาขอเปิ ดบญั ชีเงินฝากกระแสรายวนั มี
ข้อตกลงล่วงหน้าว่าหากจาเลยเบิกเงินเกินไปจากเงนิ ฝากท่มี ีอยู่ในบัญชี และโจทกผ์ ่อนผันจ่ายเงิน
ตามเชค็ ไป กใ็ ห้โจทก์กับจาเลยเดินสะพัดทางบัญชีกันโดยได้มีการหักทอนบัญชีกันเดือนละคร้ัง
ขอ้ ตกลงดงั กล่าวมีลกั ษณะเป็ นสญั ญาบญั ชีเดินสะพดั ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๘๕๖ และตาม
สัญญาเบิกเงินเกินบัญชี กร็ ะบุข้อความไว้ว่า การให้และตามสัญญาน้ีเป็ นไปตามประเพณีของ
ธนาคาร กย็ ินยอมให้ดอกเบ้ียท่ีค้างชาระทบเข้ากับต้นเงินท่ีค้างชาระเป็ นคราว ๆ ไป และให้
ดอกเบ้ียท่ีทบเข้ากับต้นเงินน้ีกลายเป็ นต้นเงิน ซ่ึงข้อสัญญาเช่นน้ีมีลักษณะเป็ นเร่ืองประเพณี
การค้าขายท่ีให้คานวณดอกเบ้ียทบต้นในบัญชีเดินสะพัดได้ ดังท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา ๖๕๕ วรรค
สอง และการท่จี าเลยขอเปิ ดบัญชีและทาสัญญาเบิกเงนิ เกินบัญชีในวันเดียวกันย่อมเป็นการแสดง
เจตนาชัดแจ้งว่าจาเลยประสงค์จะเบิกเงินเกินบัญชีลักษณะเป็ นสัญญาบัญชีเดินสะพัด และตาม
ประเพณีปฏิบัติของทางธนาคารพาณิชย์กไ็ ด้ยึดถือกันเช่นน้ันมาโดยตลอด สญั ญาเบิกเงินเกิน
บญั ชีฉบบั พพิ าทจึงเป็ นสญั ญาบญั ชีเดนิ สะพดั

กรณที ีไ่ ม่ถอื เป็ นสญั ญาบญั ชีเดนิ สะพดั
สญั ญาท่จี ะมีลักษณะเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดจะต้องมีข้อตกลงอนั เป็นสาระสาคัญ
คือ มขี อ้ ตกลงในการตัดทอนบัญชี หน้ ีทัง้ หมดหรือแต่บางส่วนอันเกิดข้ ึนแต่กิจการในระหว่าง
คู่สัญญา หากไม่มลี ักษณะดังกล่าวย่อมมิใช่สญั ญาบัญชีเดินสะพัด ตัวอย่างเช่น
- คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๐๑๑/๒๕๕๐ แม้สญั ญาให้บริการสินเชื่อเรดด้ ี
เครดิตโจทกก็ บั จาเลยมีข้อตกลงกนั ว่าจาเลยต้องเปิ ดบัญชีกระแสรายวันไว้กบั โจทก์เพ่ือให้จาเลย
ใช้บัญชีดังกล่าวเบิกถอนเงินโดยการใช้เชค็ ท่โี จทก์มอบให้จาเลยไว้และมีข้อตกลงให้โจทกห์ ักทอน
เงินในบัญชีเพ่ือการชาระหน้ีใดๆ ท่ีจาเลยมีต่อโจทก์ตามสัญญากต็ าม แต่เม่ือตามสัญญาใช้เงิน
สินเช่ือข้อ ๑๑ ระบุไว้ว่า หากผู้กู้นาเงินสดและ/หรือเชค็ เข้าฝากในบัญชีกระแสรายวันท่ผี ู้กู้เปิ ดไว้
โดยผู้กู้ไม่มีหน้าท่ตี ้องชาระหน้ีใดๆ แก่ธนาคาร ผู้กู้ยอมให้ธนาคารโอนเงินจานวนดังกล่าวหรือท่ี
เรียกเกบ็ ได้ตามเชค็ เข้าฝากในบัญชีเงนิ ฝากประเภทไม่มีดอกเบ้ียท่ธี นาคารจัดให้มขี ้ึนทนั ที ท้งั น้ี ผู้
กู้ตกลงและรับทราบว่าในเวลาใดๆ เวลาหน่ึง ยอดเงินฝากคงเหลือในบัญชีกระแสรายวันจะมี
จานวนเทา่ กบั ศูนย์ ซ่ึงตามข้อตกลงดงั กล่าวแสดงว่าจาเลยไม่มีโอกาสเป็ นเจา้ หน้ โี จทกต์ ามบญั ชี
กระแสรายวนั อนั จะเป็ นเหตุใหต้ อ้ งหกั ทอนบญั ชีกนั ท้งั ตามพฤติการณ์แห่งคดีกป็ รากฏว่าจาเลย
ใช้เชค็ ท่โี จทกม์ อบให้เบิกถอนเงินจากบัญชีกระแสรายวันของจาเลยเพียงช่วงแรกเท่าน้ัน หลังจาก
น้ันจาเลยเบิกถอนเงินโดยผ่านเคร่ืองฝากถอนเงินอัตโนมัติเพียงอย่างเดียว ในการคิดดอกเบ้ีย
เน่ืองจาเลยผดิ นัดไม่ชาระหน้ีตามกาหนดกไ็ ม่ปรากฏว่าโจทกไ์ ด้คิดดอกเบ้ียแบบทบต้นแต่อย่างใด
บญั ชีกระแสรายวนั ทีจ่ าเลยเปิ ดไวจ้ ึงเป็ นเพยี งบญั ชีกระแสรายวนั ทีใ่ ชเ้ พอื่ ใหจ้ าเลยชาระหน้ อี นั
เกิดจากการใชบ้ ตั รเรดด้ ีเครดิตของจาเลยฝ่ ายเดียวโดยเฉพาะ ไม่ใช่กรณีที่โจทกจ์ าเลยเปิ ด

๑๒๙

บญั ชีกระแสรายวนั ดงั กล่าวข้ ึนโดยมีเจตนาตกลงกนั โดยตรงใหห้ กั ทอนบญั ชีหน้ อี นั เกิดข้ ึนแก่
กิจการในระหว่างโจทกก์ บั จาเลย และคงชาระหน้ีแต่ส่วนท่ีเป็นจานวนคงเหลือ อันเป็นลักษณะ
ของสญั ญาบัญชีเดนิ สะพัดตาม ป.พ.พ. มาตรา ๘๕๖

- คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๖๙๐/๒๕๕๐ การท่ีจาเลยขอใช้บริการสินเชื่อบตั ร
ทองโดยจาเลยขอเปิ ดบญั ชีเงินฝากกระแสรายวนั กบั โจทก์กเ็ พ่ือนาบัตรทองดังกล่าวไปชาระค่า
สินค้าและบริการอ่ืน ๆ แทนเงินสดเป็ นสาคัญ โดยให้โจทก์ออกเงินชาระแทนไปก่อน บัญชีเงิน
ฝากกระแสรายวันท่จี าเลยขอเปิ ดไว้กบั โจทกก์ เ็ ปิ ดไว้เพียงเพ่ือให้โจทกห์ ักเงินไปชาระหน้ี หาใช่หกั
ทอนหน้ ีสินระหว่างกนั อย่างบญั ชีเดินสะพดั ไม่ เพราะจาเลยมีแต่เป็ นลูกหน้ ีโจทกฝ์ ่ ายเดียว
ไม่ไดเ้ ป็ นเจา้ หน้ ดี ว้ ย รวมท้งั ไม่มีหน้าท่ตี ้องนาเงินฝากเข้าบัญชีก่อนซ้ือสนิ ค้าหรือชาระค่าบริการ
และมไิ ด้มีข้อสญั ญาให้จาเลยถอนเงินเกนิ บัญชีด้วยเชค็ แม้ด้านหลังคาขอเปิ ดบัญชีเงินฝากกระแส
รายวันจะมีข้อตกลงให้จาเลยถอนเงินด้วยเชค็ และกรณีเงินฝากท่เี หลือในบัญชีไม่พอจ่ายตามเชค็
หากโจทก์ผ่อนผันจ่ายเงินไปก่อนจาเลยยอมผูกพันจ่ายเงินส่วนท่เี บิกเกินน้ันคืนให้โจทก์โดยถือ
เสมอื นหน่ึงจาเลยได้ร้องขอเบิกเงินเกนิ บัญชีต่อโจทก์ และยนิ ยอมเสียดอกเบ้ียในอตั ราร้อยละ ๑๘
ต่อปี หรืออตั ราสงู สุดตามกฎหมายให้แก่โจทกแ์ ละยอมให้นาดอกเบ้ียน้ีหักจากบัญชีเม่ือถึงวันส้ิน
เดือน... กเ็ ป็นเพียงรูปแบบของสญั ญาสาเรจ็ รูปของโจทก์ แต่ตามความเข้าใจของโจทกแ์ ละจาเลย
การใช้บัตรทองมิได้กาหนดให้จาเลยสามารถถอนเงินเกินบัญชีด้วยเชค็ แต่อย่างใด หน้ ีที่จาเลย
คา้ งชาระตามบญั ชีดงั กล่าวจึงไม่เขา้ ลกั ษณะสญั ญาบญั ชีเดินสะพดั ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๘๕๖
โจทกจ์ ึงไม่มสี ทิ ธคิ ิดดอกเบ้ียทบต้น

- คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ ๑๕๘๔/๒๕๔๘ แม้คาขอเปิ ดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน
และสัญญาเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีเฉพาะสินเชื่อธนวฏั บตั รเครดิต ระบุไว้ชัดเจนว่า มีความมุ่ง
หมายเพ่ือการชาระค่าสินค้าและบริการต่างๆ อันเกิดจากใช้บัตรเครดิต รวมท้งั เพ่ือถอนเงินสด
จากบัญชีเงินฝากผ่านเคร่ืองถอนเงินอัตโนมัติ ซ่ึงล้วนเป็ นธุรกรรมอันเก่ียวเน่ืองกับการใช้บัตร
เครดิตท้งั ส้ิน การเปิ ดบัญชีกระแสรายวันจึงมิใช้เป็ นการเปิ ดเพ่ือให้มีการเบิกถอนเงินตามปกติ
หากแต่เป็ นบัญชีกระแสรายวันท่ีใช้เพ่ือให้จาเลยชาระหน้ีอันเกิดจากการใช้บัตรเครดิตแต่เพียง
ฝ่ ายเดียวโดยเฉพาะ มิใช่กรณีที่โจทกจ์ าเลยตกลงกนั โดยให้ตดั ทอนบญั ชีหน้ ีอันเกิดข้ ึนแต่
กิจการในระหว่างโจทกจ์ าเลยน้นั หกั กลบลบกนั และคงชาระแต่ส่วนท่เี ป็นจานวนคงเหลืออนั เป็น
ลักษณะสาคัญของสัญญาบัญชีเดินสะพัดตาม ป.พ.พ. มาตรา ๘๕๖ หน้ีท่เี กิดข้ึนจึงหาใช่หน้ีเงินกู้
เบิกเงินเกินบัญชีหรือหน้ีตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดไม่ การท่ีโจทก์ได้ชาระเงินให้แก่เจ้าหน้ีของ
จาเลยไปก่อน หรือการท่โี จทก์ยอมให้จาเลยนาบัตรเครดิตไปถอนเงินสดจากเคร่ืองฝากถอนเงิน
อัตโนมัติแล้วจึงเรียกเกบ็ จากจาเลยในภายหลังย่อมถือว่าได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบกิจการในการ
รับทาการงานต่างๆ เรียกเอาเงินท่ีได้ออกทดรองไปก่อนตามลักษณะของการประกอบธุรกิจ
ประเภทบัตรเครดิต จึงมีอายุความ ๒ ปี ตามมาตรา ๑๙๓/๓๔ (๗)

๑๓๐

- คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๑๙๘/๒๕๔๕ จาเลยเป็ นลูกค้าของโจทก์ตามสัญญา
บัญชีเดินสะพัด ต่อมาจาเลยทาความตกลงกับโจทก์เพ่ือเป็ นร้านค้าสมาชิกรับบัตรเครดิต ตาม
บันทึกข้อตกลงดังกล่าวให้ใช้บัญชีเดินสะพัดของจาเลยเป็ นบัญชีระหว่างโจทก์กับจาเลยในการ
เรียกเกบ็ เงินตามหลักฐานการใช้บัตรเครดิตแทนการชาระเงินสดหรือเซลสลิปด้วย โดยยินยอมให้
โจทก์หักทอนบัญชีหน้ีท้ังหมดท่ีเกิดข้ึนระหว่างโจทก์กับจาเลยหักกลบลบหน้ีกันได้ ตามวิธีและ
ประเพณีปฏิบัติของธนาคารเก่ียวกับบัญชีเดินสะพัด โจทก์จะเรียกเกบ็ เงินตามเซลสลิปโดยคิด
ค่าธรรมเนียมเรียกเกบ็ แล้วจะโอนเงินเข้าบัญชีของจาเลย หากโจทก์ไม่สามารถเรียกเกบ็ เงินตาม
เซลสลิปได้ จาเลยต้องคืนเงินให้แก่โจทก์ และถ้าเงินในบัญชีไม่มีให้หักหรือมีแต่ไม่พอให้หักชาระ
หน้ีได้ครบจานวน จาเลยยินยอมให้โจทก์นาหน้ีท้งั จานวนน้ัน หรือจานวนท่ีคงเหลือหลังจากหัก
ชาระแล้วน้ันลงจ่ายในบัญชีเพ่ือให้เป็ นหน้ีเบิกเงินเกินบัญชี และยินยอมเสียดอกเบ้ียทบต้นของ
จานวนเงินท่ีเป็ นหน้ีตามประเพณีการคิดดอกเบ้ียทบต้นในบัญชีเดินสะพัดของธนาคารด้วย
ขอ้ ตกลงดงั กล่าวเป็ นการกาหนดสิทธิหนา้ ที่ความรบั ผิดของคู่สญั ญาโดยมีการตัดทอนบญั ชี
อนั เกิดแต่กิจการในระหว่างโจทกก์ บั จาเลยหกั กลบลบกนั และคงชาระแต่ส่วนที่เป็ นจานวน
คงเหลือโดยดุลภาค อันเป็นลักษณะของสญั ญาบัญช้ีเดินสะพัด จาเลยจึงมีความรับผิดตามสัญญา
บัญชีเดนิ สะพัด

สญั ญาบัญชีเดินสะพัดมีลกั ษณะทีแ่ ตกต่างจากสญั ญากูย้ ืมเงิน เพราะสัญญาบัญชี
เดินสะพัดน้ันต่างฝ่ ายต่างเป็ นเจ้าหน้ีและลูกหน้ีซ่ึงกันและกัน มีข้อตกลงให้มีการตัดทอนบัญชี
หน้ีสินระหว่างกัน แต่ในสญั ญากู้ยืมเงินผู้กู้ยืมเป็นหน้ีแต่ฝ่ ายเดียวท่จี ะต้องชาระหน้ีตามสัญญากู้
ผู้ให้กู้อยู่ในฐานะเจ้าหน้ีและไม่มหี น้าท่ตี ้องปฏบิ ัติตามสญั ญากู้ยืม

๙.๓ หน้ ตี ามสญั ญาบญั ชีเดนิ สะพดั

สัญญาบัญชีเดินสะพัดก่อใหเกิดหน้ีท่ีคู่สัญญาต้องผูกพันรับผิดต่อกันในลักษณะของ
สญั ญาต่างตอบแทนต่อกนั ดงั น้ี

(๑)ต้องจัดทาบัญชีสาหรับการคดิ หน้ีสนิ ต่อกนั
- การจัดทาบัญชีมีความสาคัญเพ่ือให้ในการตัดทอนบัญชีอันเป็นสาระสาคัญของ
สญั ญาบัญชีเดนิ สะพัด
- หน้ีท่ีจะจดลงในบัญชีเดินสะพัดไม่จาเป็ นท่ีจะต้องเป็ นหน้ีเงินก็ได้แต่ต้อง
สามารถคานวณเป็ นเงินได้ เช่น มูลค่าความเสียหายการการดาเนินกิจการ
ร่วมกนั อัตราดอกเบ้ีย อตั ราเบ้ียปรับ ค่าธรรมเนียมใดๆ ตามท่คี ู่สัญญาตกลง
กนั ไว้ เป็นต้น
- สามารถนาตัว๋ เงิน(ตวั๋ แลกเงิน ตวั๋ สัญญาใช้เงิน และ เชค็ ) มาลงในรายการบัญชี
เดนิ สะพัดได้ แต่เป็นการลงโดยมเี งินไขตามมาตรา ๘๕๗ “การนาตัว๋ เงินลงเป็น
รายการในบัญชีเดินสะพัดน้ัน ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าได้ลงด้วยเง่ือนไขว่า

๑๓๑

จะมีผู้ชาระเงินตามตั๋วน้ันถ้าและตั๋วน้ันมิได้ชาระเงินไซร้ จะเพิกถอนรายการอัน
น้ันเสยี กไ็ ด้”๕๑
(๒) ต้องมกี ารหักทอนบัญชี/การหักกลบลบหน้ีกนั เป็นคราวๆ
ในสัญญาต้องมีข้อตกลงในการหักทอนบัญชีไว้ แต่การจะต้องลงให้มีการหักทอน
บัญชีเม่อื ใดให้เป็นไปตามท่คี ู่สญั ญาตกลงกนั เช่น หักทอนบัญชีทุกๆ ๒ เดอื น หรือทุกๆ ๕ เดือน
เป็นต้น แต่ในกรณีท่ีคู่สัญญาไม่ได้ตกลงระยะเวลาในการหักทอนบัญชีไว้อย่างชัดเจนกรณีเช่นน้ี
ต้องปรับใช้ตามมาตรา ๘๕๘ “ถา้ คู่สญั ญามิไดก้ าหนดกันไวว้ ่าใหห้ ักทอนบัญชีโดยระยะเวลา
อย่างไรไซร้ ท่านใหถ้ อื เอาเป็ นกาหนดหกเดือน”
กาหนดเวลาในการหักทอดบัญชีดังกล่าวเป็ นระยะเวลาของการคิดบัญชีหน้ ีสินและ
หักกลบลบหน้ีระหว่างกนั แต่มิได้หมายถึงระยะเวลาในการส้นิ สดุ ของสญั ญา ดังน้ัน หากมีการหัก
ทอนบัญชีและมีการชาระหน้ีกันแล้วและสัญญาบัญชีเดินสะพัดยังไม่ส้ินสุดคู่สัญญากย็ ังมีความ
ผูกพันกันต่อไป เช่น ทาสัญญาบัญชีเดินสะพัดกาหนดเวลของสัญญาไว้ ๓ ปี กาหนดให้มีการหัก
ทอนบัญชีกนั ทุกๆ ๔๕ วัน เป็นต้น
(๓) ต้องชาระหน้ีส่วนท่เี หลือหลังจากหักทอนบัญชี
การหักทอนบัญชีถือเป็ นสาระสาคัญของสัญญาบัญชีเดินสะพัด และเม่ือมีการหักทอน
บัญชีกันตามระยะเวลาท่กี าหนดกนั ไว้หรือในระยะเวลา ๖ เดือนตามมาตรา ๘๕๗ แล้วกจ็ ะทราบ
ว่าฝ่ ายใดเป็ นหน้ีหน้ีหรือเป็ นลูกหน้ี ตามมาตรา ๘๕๖ “... ใหต้ ัดทอนบัญชีหน้ีทงั้ หมดหรือแต่
บางส่วน...หกั กลบลบกนั และคงชาระแต่สว่ นทีเ่ ป็นจานวนคงเหลอื โดยดลุ ภาค”
ดังน้ัน จากมาตราดังกล่าว เม่ือหักทอนบัญชีระหว่างกันแล้วมีหน้ีคงค้างระหว่างกัน
เทา่ ใดกต็ ้องชาระหน้ีในส่วนท่ขี าดไปหรือคงค้างอยู่ หากไม่ชาระกต็ ้องเสยี ดอกเบ้ียและการชาระหน้ี
สว่ นน้ีจะต้องชาระทุกๆคร้ังท่ถี ึงกาหนดหักทอนบัญชีมิใช่รวมไว้แล้วนาไปชาระหน้ีเม่ือครบกาหนด
ส้นุ สดุ ของสญั ญาบัญชีเนสะพัด๕๒
(๔)หน้ีตามสญั ญาบัญชีเดนิ สะพัดคดิ ดอกเบ้ียทบต้นได้
โดยปกติหากเป็นสญั ญากู้ยืมเงินผู้ให้กู้ไม่สามารถนาดอกเบ้ียท่คี ้างชาระมารวมคานวณ
คิดเป็ นดอกเบ้ียซ้อนดอกเบ้ียในลักษณะดอกเบ้ียทบต้นได้ตามมาตรา ๒๒๔๕๓ วรรคสอง และ
มาตรา ๖๕๕ วรรคแรก๕๔

๕๑ โปรดดูคาพิพากษาศาลฎกี าท่ี ๑๑๒๗/๒๕๒๓
๕๒ โปรดดูเพ่ิมเติมใน วิชัย ตันติกุลานันท,์ คาอธบิ ายสัญญาบัญชีเดินสะพัด และเบิกเงินเกนิ บัญชี
(โอด)ี , หน้า ๗
๕๓ มาตรา ๒๒๔ หน้ีเงินน้นั ท่านให้คดิ ดอกเบ้ยี ในระหว่างเวลาผดิ นดั ร้อยละเจด็ ก่งึ ต่อปี ถ้าเจ้าหน้ี
อาจจะเรียกดอกเบ้ยี ได้สงู กว่าน้นั โดยอาศยั เหตอุ ย่างอ่นื อนั ชอบด้วยกฎหมาย กใ็ ห้คงสง่ ดอกเบ้ยี ต่อไปตามน้นั
ท่านห้ามมใิ ห้คดิ ดอกเบ้ยี ซ้อนดอกเบ้ยี ในระหว่างผดิ นัด
การพิสจู น์ค่าเสยี หายอย่างอ่นื นอกกว่าน้นั ทา่ นอนุญาตให้พิสจู นไ์ ด้

๑๓๒

แต่ในกรณีท่เี ป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดสามารถคิดดอกเบ้ียทบต้นได้ ดังท่บี ัญญัติไว้มน
มาตรา มาตรา ๘๖๐ “เงินส่วนท่ีผิดกันอยู่น้ันถ้ายังมิได้ชาระ ท่านให้คิดดอกเบ้ียนับแต่วันท่ีหัก
ทอนบัญชีเสรจ็ เป็นต้นไป” ซ่ึงสอดคล้องกบั มาตรา ๖๕๕ วรรคสอง “.....สว่ นประเพณีการคา้ ขายที่
คานวณดอกทบตน้ ในบญั ชีเดินสะพดั กด็ ี ในการคา้ ขายอย่างอื่นทานองเช่นวา่ น้ีกด็ ี หาอย่ใู นบงั คบั
แห่งบทบญั ญตั ิซึง่ กลา่ วมาในวรรคก่อนนนั้ ไม่”

ตวั อย่างวิธีการคิดดอกเบ้ ยี ๕๕
(ก) ดอกเบ้ ยี ไม่ทบตน้

ตัวอย่างท่ี ๑ นายข้าวกล้ากู้เงินจากนางต้ังโอเ๋ ป็นจานวนเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท คิดดอกเบ้ีย
ร้อยละ ๑๐ ต่อปี นายข้าวกล้ากู้เงนิ เป็นเวลา ๒ ปี นายข้าวกล้าจะต้องเสยี ดอกเบ้ียแก่นางต้งั โอ๋ ?

วิธีคิด ดอกเบ้ียร้อยละ ๑๐ ต่อปี หมายความว่าเงินต้น ๑๐๐ บาท ในเวลา ๑ ปี จะต้อง
เสยี ดอกเบ้ีย ๑๐ บาท ดงั น้ัน เงินต้น ๑๐,๐๐๐ บาท ในเวลา ๑ ปี จะต้องเสยี ดอกเบ้ีย

= ๑๐,๐๐๐ X (๑๐/๑๐๐)
= ๑,๐๐๐ บาท
ดงั น้ัน เม่อื ส้นิ ปี นายข้าวกล้า ต้องเสยี ดอกเบ้ีย ๑,๐๐๐ บาท รวมกับต้นเงนิ จึงเป็นจานวน
๑๑,๐๐๐

ตวั อย่างท่ี ๒ นายอุดมกู้เงนิ นางไก่ เป็นจานวนเงนิ ๕,๐๐๐ บาท ในอตั ราดอกเบ้ียร้อยละ

๑๐ ต่อปี ถ้ากู้เป็นเวลา ๒ ปี นายอุดมต้องเสยี ดอกเบ้ียเทา่ ไร

วิธีคิด อัตราดอกเบ้ียร้อยละ ๑๐ ต่อปี หมายความว่า เงินต้น ๑๐๐ บาท ในเวลา ๑ ปี

จะเสยี ดอกเบ้ีย ๑๐ บาท ดังน้ัน เงินต้น ๕,๐๐๐ บาท ในเวลา ๑ ปี จะต้องเสยี ดอกเบ้ีย

= ๕,๐๐๐ X (๑๐/๑๐๐)

= ๕๐๐ บาท

เวลา ๒ ปี ต้องเสยี ดอกเบ้ีย = ๕๐๐ X ๒

= ๑,๐๐๐ บาท

ดังน้ัน ภายในเวลา ๒ ปี นายอุดมต้องเสยี ดอกเบ้ีย ๑,๐๐๐ บาท

๕๔ มาตรา ๖๕๕ ท่านห้ามมิให้คดิ ดอกเบ้ียในดอกเบ้ยี ท่คี ้างชาระ แต่ทว่าเม่ือดอกเบ้ียค้างชาระไม่
น้อยกว่าปี หน่ึง คู่สญั ญากู้ยืมจะตกลงกนั ให้เอาดอกเบ้ยี น้ันทบเข้ากบั ต้นเงินแล้วให้คิดดอกเบ้ียในจานวนเงินท่ี
ทบเข้ากนั น้นั กไ็ ด้ แต่การตกลงเช่นน้นั ต้องทาเป็นหนงั สอื

สว่ นประเพณีการค้าขายท่คี านวณดอกทบต้นในบัญชเี ดนิ สะพัดกด็ ี ในการค้าขายอย่างอ่นื ทานองเช่น
ว่าน้กี ด็ ี หาอยู่ในบงั คบั แห่งบทบญั ญตั ซิ ่ึงกล่าวมาในวรรคก่อนน้นั ไม่

๕๕ โปรดดูเพ่ิมเตมิ ใน http ://dnfe5.nfe.go.th/ilp/42019/Cepter4-2.htm

๑๓๓

(ข) ดอกเบ้ ยี ทบตน้

ตวั อย่าง นางข้าวหอมกู้เงนิ ธนาคารเพ่ือซ้ือบ้านเป็นจานวนเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ธนาคาร

คดิ ดอกเบ้ีย ร้อยละ ๑๕ ต่อปี ถ้ากู้เป็นเวลา ๒ ปี ถ้าคดิ ดอกเบ้ียทบต้น จะเสยี ค่าดอกเบ้ียเทา่ ใด

วิธคี ิด

ดอกเบ้ียร้อยละ ๑๕ ต่อปี หมายความว่า เงนิ ต้น ๑๐๐ บาท ในเวลา ๑ ปี จะเสยี

ดอกเบ้ีย ๑๕ บาท = ๓๐๐,๐๐๐ X (๑๕/๑๐๐)
เงนิ ต้น ๓๐๐,๐๐๐ บาท ในเวลา ๑ ปี จะเสยี ดอกเบ้ีย = ๔๕,๐๐๐ บาท
= ๓๐๐,๐๐๐ + ๔๕,๐๐๐
ในปี ท่ี ๒ คิดเป็นเงินต้น = ๓๔๕,๐๐๐ บาท
เพราะฉะน้ัน เงินต้น ๓๔๕,๐๐๐ บาท จะเสยี ดอกเบ้ีย = ๓๔๕,๐๐๐ X (๑๕/๑๐๐)
= ๕๑,๗๕๐ บาท
ใน ๒ ปี นางข้าวหอมจะต้องเสยี ดอกเบ้ีย รวมท้งั ส้นิ = ๔๕,๐๐๐ + ๕๑,๗๕๐
= ๙๖,๗๕๐ บาท

๙.๔ ความผกู พนั และผลของสญั ญาบญั ชีเดินสะพดั

ลักษณะของสญั ญาบัญชีเดนิ สะพัดมีลักษณะพิเศษและกอ่ ให้เกดิ ผลผูกพันคู่สญั ญาใน ๓
ลักษณะคือ๕๖
(๑)หน้ีเดิมเปลีย่ นแปลงคลา้ ยแปลงหน้ีใหม่ หมายถึง การท่ีบัญชีเดินสะพัดได้มีการหักทอน

บัญชีกันในแต่ละคราวได้ส่งผลให้เกิดการเปล่ียนแปลงมูลหน้ีในบัญชีเดินสะพัดซ่ึงอาจมี
มูลหน้ีท่ีแตกต่างกันและทันทีท่ีมีการหักทอนบัญชีกันกจ็ ะทาให้ทราบว่าใครเป็ นเจ้าหน้ี
ลูกหน้ี แต่กม็ ิใช่การแปลงหน้ีใหม่เพราะมูลหน้ีเดมิ ยงั ไม่ระงบั จนกว่าจะมกี ารหักทอนบัญชี
(๒) หน้ีทีจ่ ดลงบัญชีเดินสะพัดรวมเป็ นหน้ีเดียวกันแบ่งแยกมิได้ หมายถึง จะแยก
เรียกร้องให้ชาระหน้ีเป็ นหน้ีแต่ละรายหม่ได้ การเรียกร้องต้องเรียกร้องจานวนหน้ีท่ี
คงเหลือจากการหักทอนบัญชี เช่น

ก. ทาข้อตกลงกบั ธนาคาร ข. ในลักษณะบัญชีเดนิ สะพัด กาหนดเวลาสญั ญาไว้ ๑
ปี และหักทอนบัยชีทุก ๓๐ วัน ปรากฏว่าในเดอื นมากราคม ๕๒ ก.เบิกเงนิ และนาเงินฝาก
เข้าบัญชีมีรายละเอยี ด ดังน้ี

๕๖ อธิบายตามแนวความเห็นของ ศ.จิตติ ติงศภัทยิ ์ โปรดดูเพ่ิมเติมใน จิตติ ติงศภัทยิ ์, กฎหมาย
แพ่งและพาณชิ ย์ ว่าด้วยบญั ชเี ดนิ สะพัดและตวั๋ เงนิ , หน้า ๑๖ – ๒๑

๑๓๔

วนั /เดอื น/ปี ถอนออก ฝากเขา้ หกั ทอนบญั ชี(+)/(-)
๒ ม.ค.๕๒ ๕,๐๐๐ บาท - (-) ๑๐,๐๐๐ บาท
๑๓ ม.ค.๕๒ ๔,๐๐๐ บาท -
๒๔ ม.ค.๕๒
๒๙ ม.ค.๕๒ - ๕,๐๐๐ บาท
รวม ๖,๐๐๐ บาท -
๑๕,๐๐๐ บาท
๕,๐๐๐ บาท

ดังน้ัน จากข้อเทจ็ จริงดังกล่าว ก. ย่อมมีหน้ีท่ีต้องรับผิดชอบต่อธนาคาร ข. จานวน
๑๐,๐๐๐ บาท ซ่ึงธนาคาร ข. ไม่สามารถแยกจานวนหน้ีในแต่ละคร้ังมาฟ้ องร้องแยกต่างหากจาก
กันได้ จะต้องนานวนนวเงินท่ีหักทอนบัญชีตามกาหนดเวลามาฟ้ องร้องตามสัญญาบัญสะ
เดนิ สะพัด

(๓) การหักทอนบญั ชีทาใหเ้ กิดดอกเบ้ีย หมายถึง ในกรณีท่ฝี ่ ายท่ีเป็นลูกหน้ีจากการ
หักทอนบัญชีกันแล้ว ไม่ชาระหน้ีตามกาหนดเวลาเม่ือมีการหักทอนบัญชี กรณีเช่นน้ีเจ้าหน้ีตาม
สญั ญาบัญชีเดนิ สะพัดกส็ ามารถคดิ ดอกเบ้ียได้นับแต่วันถงึ กาหนดหักทอนบัญชี

ตัวอย่างเช่น
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๘๑๑๗/๒๕๔๘ ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกาหนดให้คิด
ดอกเบ้ียทุกวัน และกาหนดส่งเป็นรายเดือนทุกวันปิ ดบัญชีส้ินเดือนของโจทก์ทุก ๆ เดือน ท้งั ยัง
ระบุให้โจทก์และจาเลยท่ี ๑ ปฏบิ ัติไปตามธรรมเนียมประเพณีของธนาคาร ดงั น้ัน การคดิ ดอกเบ้ีย
ของโจทก์ทุกวันและกาหนดส่งเป็นรายเดือนทุกวันปิ ดบัญชีส้ินเดือน จึงเป็นไปตามประเพณีของ
ธนาคารตามข้อตกลงระหว่างคู่สญั ญา อันเป็นการกาหนดการนับระยะเวลาโดยนิติกรรมตาม ป.
พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑ แม้วันส้นิ เดือนเป็นวันหยุดทาการ โจทก์กค็ ิดหักทอนบัญชีเม่ือส้นิ เดือนได้
โดยไม่ถือเอาวันเปิ ดทาการถดั ไปเป็นวันปิ ดบัญชี
ขอ้ พิจารณา สัญญาบัญชีเดินสะพัดไม่มีกฎหมายกาหนดอัตราดอกเบ้ียไว้เช่นเดียวกับ

สัญญากู้ยืม ดังน้ัน คู่สัญญาสามารถตกลงอัตราดอกเบ้ียตามสัญญาบัญชี
เดนิ สะพัดได้เกนิ กว่าอตั ราร้อยละ ๑๕

๙.๕ การระงบั ของสญั ญาบญั ชีเดินสะพดั

สามารถสรุปลักษณะการระงับของสญั ญาบัญชีเดนิ สะพัดซ่ึงเกดิ ข้นึ ได้ใน ๖ ลักษณะ คือ
(๑) ครบกาหนดเวลาตามทีต่ กลงกนั ท้งั น้ีถือเป็นไปตามการแสดงเจตนาของคู่สญั ญาใน
การผูกพันตามหลักทว่ั ไปของการทานิติกรรมสญั ญา


Click to View FlipBook Version