- ๔๗ -
ยการตามตวั๋ แลกเงิน(มาตรา ๙๐๙)
ประเด็นพจิ ารณา
งเขียนไว้ในตราสาร โดยจะเขยี นไว้ในสว่ นใดกไ็ ด้ ใช้ภาษาต่างประเทศกไ็ ด้ เช่น
change
าบอกช่ือว่าเป็นตัว๋ แลกเงินตามมาตรา ๙๐๙(๑) จึงไม่สมบูรณเ์ ป็นตัว๋ แลกเงนิ ตาม
รือไม่น้ัน ต้องพิจารณาท้งั บริบท ดังน้ัน จึงอาจใช้ถ้อยคา เช่น “โปรดจ่าย” “ขอให้
นไขในการจ่าย หากมีการกาหนดให้จ่ายเงนิ อย่างมีเง่ือนไข กรณีน้ีจะไม่ถือว่าเป็น
ลาในการจ่ายเงนิ ได้ ตวั อย่างลักษณะของคาส่งั ให้จ่ายเงินท่มี เี ง่ือนไข เช่น
นแลว้ ” “ใหจ้ า่ ยเงินไดต้ ่อเมือ่ ผสู้ ง่ั จา่ ยบอกกล่าวเป็นหนงั สือใหผ้ จู้ า่ ยทราบ”
ดอย่างหนึง่ ”
จะส่งั ให้จ่ายด้วยทรัพย์สนิ อ่นื ไม่ได้
งให้จ่ายในจานวนท่แี น่นอน ตัวอย่างเช่น “จา่ ยจานวน ๑๐,๐๐๐ บาท”
ายสองงวด ๆ ละ ๕,๐๐๐ บาท”๓๑
ชนดิ อ่นื ท่มี ลี กั ษณะใกล้เคยี งกนั
Hague Convention, 1912) อนุสญั ญากรุงเจนีวา(Convention Providing a Uniform Law for
ายเป็นงวด ๆ ส่วน Bills of Exchange Act 1882 ขอประเทศองั กฤษ บญั ญัตไิ ว้ว่า สามารถส่งั
เหน็ ว่าคาสง่ั ให้จ่ายเป็นงวดๆ น้นั มจี านวนท่แี น่นอนกส็ ามารถใช้บงั คบั ได้ (ศ.จิตติ ตงิ ศภทั ยิ ์,
รายการตามตว๋ั “จา่ ยจานวน ๑๐,๐๐๐ บาท และดอกเบ
(๓) ช่ือ หรือย่หี ้อผู้จ่าย “จา่ ยจานวน ๑๐,๐๐๐ บาท และดอกเบ
(๔) วันถึงกาหนดใช้เงนิ
ตัวอย่างข้อความท่สี ่งั จ่ายจานวนเงนิ ท่ไี ม่แ
“จา่ ยจานวน ๑๐,๐๐๐ บาท หรือตามท
กวา่ ๑๐,๐๐๐ บาท” “จา่ ยจานวน ๑๐,๐
- จานวนเงินท่กี าหนดให้จ่ายจะเป็นสกุลเ
- ระบุท้ังช่ือ- นามสกุล หรือช่ือเล่น นา
บังคับได้ กรณขี องนิตบิ ุคคลสามารถระ
เฉพาะตาแหน่งท่แี สดงให้เหน็ ได้ว่ามผี ู้ท
- ผู้จ่ายดังกล่าวจะมีตวั ตนอยู่จริงหรือไม่ก
- แม้ไม่ปรากฏคาว่า “ผู้จ่าย” กากับไว้แ
บังคบั ได้(เทยี บกบั ฎ.๒๕๑๖/๒๕๓๐ ซ
- สามารระบุช่ือ หรือย่หี ้อผู้จ่ายไว้ได้หลา
- ผู้ส่งั จ่ายอาจส่งั ให้ตนเองเป็นผู้จ่ายกไ็ ด้
ดรา๊ ฟท(์ ตวั๋ แลกเงินของธนาคาร)
- ผู้ส่งั จ่ายสามารถเลือกกาหนดให้มวี ันถงึ
(๑)ในวันใดวันหน่ึงท่กี าหนดไว้
เช่น ให้จ่ายวันท่ี ๑ ธนั วาคม ๒๕๕๒
(๒) เม่อื ส้นิ ระยะเวลาอนั กาหนดไว้นับ
เช่น “ให้จ่าย ๑๐ วันนับจากวันท่ี ๑
(๓) เม่อื ทวงถาม หรือเม่อื ได้เหน็
เช่น “ให้จ่ายเม่อื ทวงถาม” “ให้จ่ายเ
๔๘
ประเด็นพจิ ารณา
บ้ียอีกรอ้ ยละ ๑๒ ต่อปีนบั แต่วนั ออกต๋วั แลกเงิน”
บ้ียในอัตรา MOR + ๒ ต่อปีนบั แต่วนั ออกตว๋ั แลกเงิน”
แน่นอน เช่น
ทีผ่ จู้ า่ ยเห็นสมควร”“จา่ ยจานวนไม่นอ้ ยนกวา่ ๑๐,๐๐๐ บาท” “จา่ ยจานวนไม่เกิน
๐๐๐ บาทและดอกเบ้ียตามทีผ่ ทู้ รงกาหนด”
เงินไทยหรือต่างประเทศกไ็ ด้
ามแฝง หรืออย่างหน่ึงอย่างใดท่ีทาให้เข้าใจได้ว่ามีบุคคลผู้จ่ายเงินกส็ ามารถใช้
ะบุได้ท้งั ช่ือนิติบุคคลช่ือทางการค้า(ย่ีห้อ) หรือช่ือของร้านค้า กไ็ ด้ รวมถึงการระบุ
ทาหน้าท่ผี ู้จ่ายกใ็ ช้บังคบั ได้ เช่น ผู้จัดการร้านเชียงใหม่พาณชิ ย์
กไ็ ด้
แต่หากพิเคราะห์แล้วเข้าใจและส่ือได้ว่าเป็ นช่ือ หรือย่ีห้อของผู้จ่ายกส็ ามารถใช้
ซ่ึงวินิจฉัยกรณีผู้ส่งั จ่าย)
ายคน และผู้ทรงมสี ทิ ธจิ ะนาไปย่ืนให้ผู้จ่ายคนใดคนหน่ึงใช้เงินกไ็ ด้
ด(มาตรา ๙๑๒) มักใช้กบั กรณีผู้ส่งั จ่ายออกตัว๋ แลกเงนิ ส่งั สาขาของตนเองจ่าย เช่น
งกาหนดใช้เงนิ ได้ใน ๔ ลักษณะตามมาตรา ๙๑๓ คอื
๒
บแต่วันท่ลี งในตวั๋ น้ัน
๑ ธนั วาคม ๒๕๕๒” “ให้จ่าย ๑๐ วันนับจากวันท่อี อกตัว๋ ๑ ธนั วาคม ๒๕๕๒”
เม่อื ได้เหน็ ”
รายการตามตว๋ั
(๕) สถานท่ใี ช้เงิน (๔)เม่อื ส้นิ ระยะเวลาอนั กาหนดไว้นับแ
เช่น “ให้จ่าย ๑๐ วันนับแต่ได้เหน็ ”
- ต้องระบุสถานท่ใี ช้เงินให้ชัดเจน เพ่ือใ
กว้างๆ เช่น ใช้เงินท่ีจังหวัดเชียงใหม
สถานท่ใี ช้เงิน
- สามารถระบุสถานท่ใี ช้เงนิ ได้มากกว่าห
(๖) ช่ือ หรือย่ีห้อผู้รับเงนิ หรือคา - ต้องระบุช่ือหรือย่ีห้อผู้รับเงิน หรือคาจ
จดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถอื เช่นน้ีย่อมไม่สมบูรณ์เป็นตั๋วแลกเงนิ เ
ฆ่าคาว่าหรือผู้ถอื ไม่สมบูรณ์เป็นตัว๋ แล
- ระบุช่ือผู้รับเงินเป็นย่ีห้อได้
- กรณมี ที ้งั ระบุช่ือผู้รับเงนิ และคาว่าหรือ
- กรณสี ่งั จ่ายให้แกผ่ ู้รับเงินหลายคนมผี ล
- ผู้ส่งั จ่ายกบั ผู้รับเงินอาจเป็นบุคคลเดยี ว
- การส่ังจ่ายอาจระบุว่า “จ่ายตามคาส่ัง”
และ ร.อาจโอนตวั๋ ต่อให้บุคคลอ่นื หรือ
(๗) วันและสถานท่อี อกตวั๋ เงนิ กรณีวันออกตวั๋
- วันออกตัว๋ หมายถงึ วันท่ผี ู้ทรงเขียนระบ
ระบุวันท่อี อกตั๋วลงไว้ในตัว๋ แลกเงนิ ว่าว
ตัว๋ ย้อนต้น คือ ผู้ทรงระบุวันท่อี อกตัว๋
มกราคม
- การออกตวั๋ ล่วงหน้า ถือว่าตัว๋ สมบูรณแ์
คือวันท่ี ๑ กนั ยายน ๕๒ ดังน้ัน สมบูรณ
๔๙
ประเด็นพจิ ารณา
แต่ได้เหน็
” “ให้จ่าย ๑๐ วันนับแต่ทวงถาม”
ให้ผู้ทรงสามารถทราบได้ว่าตนต้องนาตัว๋ ไปเรียกเกบ็ เงินได้ถูกต้อง หากระบุแบบ
ม่ โดยไม่อาจอนุมานได้ว่าสถานท่ีใดเป็ นสถานท่ีใช้เงิน เช่นน้ี เสมือนไม่ได้ ระบุ
หน่ึงแห่งและถอื เป็นสทิ ธขิ องผู้ทรงท่จี ะย่ืนตวั๋ ให้ใช้เงนิ ณ สถานท่ใี ด
จดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ หากไม่ระบุช่ือและไม่มีคาจดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ
เช่น กรณีใช้แบบพิมพ์ท่มี ีช่องจ่าย.............หรือผู้ถือ โดยเติมคาว่า “สด” และขีด
ลกเงิน(เทยี บกบั ฎ.๖๓๗๕/๒๕๔๘ ซ่ึงวินิจฉัยกรณีการออกเชค็ )
อผู้ถอื เช่นน้ีถือว่าเป็นตัว๋ ชนิดผู้ถือ(เทยี บกบั ฎ.๙๙/๒๕๑๙)
ลใช้บังคบั ได้โดยถือว่าเป็นเจ้าหน้ีร่วม (ศ.จิตติ ตงิ ศภัทยิ ์)
วกนั ได้ (มาตรา ๙๑๒)
” หรือ “Or order” ด้วยกไ็ ด้ เช่น ให้จ่ายตามคาส่ังของ ร. หมายถึง ร. เป็นผู้ทรง
อ ร. นาตั๋๋ วไปย่นื ให้ผู้จ่ายใช้เงนิ กไ็ ด้
บุไว้ในตั๋ว ซ่ึงอาจไม่ใช่วันท่ผี ู้ทรงเขียนตัว๋ กไ็ ด้ เช่น การออกตวั๋ ล่วงหน้า คือ ผู้ทรง
วันท่ี ๑๐ มกราคม แต่ความเป็นจริงทาการเขียนตวั๋ วันท่ี ๑ มกราคม หรือการออก
วลงไว้ในตั๋วแลกเงินว่าวันท่ี ๔ มกราคม แต่ความเป็นจริงทาการเขียนตัว๋ วันท่ี ๒๐
แล้วทนั ที เช่น เขยี นส่งั จ่ายเชค็ วันท่ี ๑ สงิ หาคม ๕๒ แต่ระบุไว้ในเชค็ ว่าวันออกเชค็
ณเ์ ป็นเชค็ แล้วต้งั แต่วันท่ี ๑ สงิ หาคม ๕๒
รายการตามตว๋ั
- การอออกตวั๋ ล่วงหน้า มักใช้ในกรณขี อง
จึงจะมีข้ึนเม่ือถึงวันท่ีลงในตั๋ว เช่น เข
พฤษภาคม ๕๒ ดังน้ัน จึงทวงถามให้ใช
- การออกตั๋วย้อนต้น มักใช้ในกรณีท่ตี ้อ
กบั วันออกตัว๋ เช่น กรณีการคิดดอกเบ
วันออกตั๋ว คือวันท่ี ๑ มกราคม ๕๒
มกราคม ๕๒
- กรณีผู้ส่ังจ่ายลงวันท่ผี ิดไม่ตรงตามเจต
แต่กรณที ่มี กี ารโอนไปยงั ผู้ทรงโดยชอบ
- ผู้ส่ังจ่ายอาจมอบหมายบุคคลอ่นื เป็นค
ผู้ส่งั จ่ายให้เป็นดุลยพินิจของผู้รับมอบอ
- กรณีผู้ส่ังจ่ายมอบหมายให้ผู้ทรงเป็ น
๒๕๑๔)
- กรณผี ู้ส่งั จ่ายไม่ได้มอบอานาจให้ผู้ทรง
ชอบด้วยกฎหมาย ทาการโดยสุจริตจ
แท้จริงเทา่ น้ัน หากลงวันอ่นื ย่อมไม่สาม
กรณีสถานท่ใี ช้เงิน
- สถานท่อี อกตวั๋ ให้ถอื ตามท่รี ะบุไว้ในตวั๋
ระบุลงไว้ในตวั๋ ว่าออกตวั๋ ท่กี รุงเทพฯ เช
- กรณีไม่ได้เขียนสถานท่อี อกตัว๋ ไว้ ต้อง
ไม่สามารถเพ่ิมสถานท่อี อกตัว๋ ได้เอง ห
แก้ไขเปล่ียนแปลงรายการสาคญั ในตัว๋ ต
๕๐
ประเดน็ พจิ ารณา
งเชค็ เน่ืองจากเชค็ มีกาหนดเวลาเม่อื ทวงถาม แต่เม่อื ออกตวั๋ ล่วงหน้า การทวงถาม
ขียนส่ังจ่ายเช็ควันท่ี ๑ มีนาคม ๕๒ แต่ระบุไว้ในเช็คว่าวันออกเช็ค คือวันท่ี ๑
ช้เงินตามเชค็ ได้ต้ังแต่วันท่ี ๑ พฤษภาคม ๕๒
องการให้การออกตัว๋ มีผลย้อนหลังซ่ึงจะเป็นประโยชน์ในการคิดคานวณท่เี ก่ยี วโยง
บ้ียนับแต่วันออกตั๋ว เช่น เขียนส่งั จ่ายแลกเงินตัว๋ วันท่ี ๑ มนี าคม ๕๒ แต่ระบุไว้ว่า
และให้จ่ายดอกเบ้ียนับแต่วันออกตั๋ว ดังน้ัน จึงคิดดอกเบ้ียได้ต้ังแต่วันท่ี ๑
ตนาท่แี ท้จริง หากตั๋วไม่ไม่มีการโอน จะต้องยึดตามเจตนาท่แี ท้จริงของคู่สัญญา
บ ให้ถอื ว่าตัว๋ น้ันมผี ลโดยถอื ว่าวันท่ลี งไว้ในตวั๋ น้ันเป็นวันท่ที ่ถี ูกต้อง
คนลงวันท่อี อกตั๋วกไ็ ด้(ป.พ.พ.มาตรา ๙) ซ่ึงอาจมอบหมายให้ลงวันท่แี ท้จริง หรือ
อานาจท่จี ะเลือกลงวันออกตัว๋ วันใดวันหน่ึงกไ็ ด้(เทยี บ ฎ.๒๓๙๕/๒๕๒๒)
นผู้ลงวันท่ี ผู้ทรงอาจมอบหมายให้ผู้อ่ืนลงวันท่ีออกตั๋วกไ็ ด้(เทียบ ฎ.๑๓๐๓/
งลงวันออกตวั๋ และไม่มกี ารลงวันออกตั๋วไว้ มาตรา ๙๑๐ วรรคให้อานาจผู้ทรงโดย
จดวันตามท่ีถูกต้องแท้จริงลงในตั๋วน้ันได้ ซ่ึงหมายถึง ต้องลงเฉพาะวันท่ีถูกต้อง
มารถใช้บังคบั ได้
วซ่ึงอาจไม่ตรงกบั สถานท่อี อกตัว๋ แท้จริงกไ็ ด้ เช่น ส่งั จ่ายตัว๋ ท่จี ังหวัดเชียงใหม่ แต่
ช่นน้ี สถานท่อี อกตัว๋ คือ กรุงเทพฯ
งถือตามมาตรา ๙๑๐ ซ่ึงให้ถือเอาภมู ิลาเนาของผู้ส่งั จ่ายเป็นสถานท่อี อกตัว๋ ผู้ทรง
หากเขียนรายการสถานท่อี อกตวั๋ ท่แี ตกต่างจากภมู ิลาเนาของผู้ส่ังจ่าย ย่อมเป็นการ
ตามมาตรา ๑๐๐๗
รายการตามตว๋ั - ลายมือช่ือ คือลายลักษณ์อกั ษรท่ผี ู้จ่าย
(๘) ลายมอื ช่ือผู้ส่งั จ่าย
ไม่สามารถอาจออกกไ็ ด้ เช่น ลายเซน็
- ลายมือช่ือท่ลี งไว้อาจเป็นการลงช่ือจริง
ลายมอื ช่ือน้ันเป็นของบุคคลใด
- การลงลายมอื ช่ือในตัว๋ เงินสามารถมอบ
ลงลายมือช่ือเป็ นเร่ืองเฉพาะตัวตามมา
ชาระหน้ี แต่มือเจบ็ จึงให้นายเด่น คนข
ละกรณกี บั การลงลายมอื ช่ือแทนตามม
- การลงลายมอื ช่ือท่เี กิดข้ึนเพราะขาดเจต
บังคับให้ลงลายมอื ช่ือส่งั จ่ายเชค็ ด้วยค
นายนายหน่ึงยกข้อต่อส้ไู ด้ว่าตนไม่ต้อง
- การลงลายมือช่ือออกตัว๋ โดยมีมูลเหตุม
จ่ายเชค็ ชาระหน้ีให้แกเ่ จ้าหน้ี ต่อมาเจ้า
มีต่อเจ้าหน้ีข้นึ ต่อส้ผู ู้ทรงโดยชอบได้ตา
- การลงลายมือช่ือผู้ส่ังจ่ายปลอม ไม่กระ
ลงลายมอื ช่ือต้องรับผิดได้หรือไม่น้ันต้อ
๕๑
ประเดน็ พจิ ารณา
ยเขียนข้นึ เพ่ือเป็นคาเรียกช่ือของตน ดังน้ันอาจเขียนเป็นตัวบรรจงหรือตัวหวัดจน
ง ช่ือเล่น นามสมมุติ นามแฝง กม็ ีผลใช้บังคับได้ แต่ผู้ทรงต้องนาสบื ให้ชัดเจนว่า
บหมายให่บุคคลอ่นื ลงลายมือช่ือแทนเจ้าของลายมือช่ือได้ ซ่ึงยกเว้นหลักท่วี ่า การ
าตรา ๙ ท้งั น้ีเป็นไปตามมาตรา ๑๐๐๘ เช่น นายเอก ต้องหารส่งั จ่ายตั๋วแลกเงิน
ขับรถ ลงลายมือช่ือในฐานะผู้ส่งั จ่ายว่า “นายเอก” ซ่ึงสมารถบังคับได้ และเป็นคน
มาตรา ๙๐๑ เช่น นายเด่นลงลายมือช่ือในตัว๋ แลกเงินว่า “นายเด่น แทนนายเอก”
ตนาหรือการแสดงเจตนาลงลายมือช่ือบกพร่อง เช่น นายหน่ึง ถูกนายสองใช้ปื นจ้ี
ความกลัวนายหน่ึงจึงลงลายมือช่ือส่งั จ่ายเชค็ เช่นน้ี เชค็ ดงั กล่าวยังสมบูรณ์อยู่ แต่
งรับผดิ โดยถอื เป็นลายมือช่ือท่ไี ม่เตม็ ผลตามมาตรา ๙๐๒
มาจากนิติกรรมท่ตี กเป็นโมฆะ หรือโมฆียะ เช่น สาคัญผดิ ว่าตนยังเป็นหน้ีอยู่จึงส่งั
าหน้ีโอนตั๋วต่อให้แก่ผู้ทรงท่ชี อบด้วยกฎหมาย เช่นน้ี ผู้ส่งั จ่ายไม่อาจอ้างข้อต่อส้ทู ่ี
ามมาตรา ๙๑๖ ซ่ึงเป็นบทบัญญัติท่คี ุ้มครองผู้ทรงโดยชอบ
ะทบต่อความสมบูรณ์ ของตัว๋ เงนิ ส่วนการจะบังคับการใช้เงนิ และเรียกร้องให้ผู้ท่ี
องบังคับตามมาตรา ๑๐๐๖ และมารา ๑๐๐๘
เปรียบเทียบรายการต่าง
ประเภทของตว๋ั เงิน ลกั ษณะของตวั๋ (มาตรา ๙๐๙)ตวั๋ แ
ตวั๋ แลกเงิน คือ หนังสอื ตราสารซ่ึงบุคคล (๑) คาบอกช่อื ว่าเ
ตว๋ั แลกเงิน คนหน่ึงเรียกว่าผู้ส่งั จ่าย ส่งั บุคคลอกี คน (๒) คาส่งั อนั ปราศ
หน่ึงเรียกว่าผู้จ่าย ให้ใช้เงินจานวนหน่ึง (๓) ช่ือ หรอื ย่หี ้อ
แก่บุคคลคนหน่ึง หรือให้ ใช้ตามคาส่ัง (๔) วนั ถงึ กาหนด
ของบุคคลคนหน่ึง ซ่ึงเรียกว่าผู้รับเงิน
(มาตรา ๙๐๘)
ตั๋วสัญญาใช้เงิน คือ หนังสอื ตราสารซ่ึง (มาตรา ๙๘๓) ตวั๋ ส
บุคคลคนหน่ึงเรียกว่าผู้ออกตวั๋ ให้คาม่นั (๑) คาบอกช่อื ว
ตวั๋ สญั ญาใชเ้ งิน สัญญาว่าจะใช้ เงินจานวนหน่ึงให้ แก่ (๒) คาม่ันสัญญ
เช็ค
บุคคลอกี คนหน่งึ หรือใช้ให้ตามคาส่งั ของ แน่นอน
บุ ค คล อีกค น ห น่ึ งเรียกว่ าผู้ รับ เงิน (๓) วันถงึ กาหน
(มาตรา ๙๘๒) (๔) สถานท่ใี ช้เง
เชค็ คอื หนงั สอื ตราสารซ่งึ บคุ คลคนหน่ึง (มาตรา ๙๘๘) เชค็
เรียกว่าผู้ส่ังจ่าย ส่ังธนาคารให้ ใช้ เงิน (๑) คาบอกช่อื ว
จานวนหน่ึงเม่ือทวงถามให้ แก่บุคคลอีก (๒) คาสง่ั อนั ปร
(๓) ช่อื หรือย่ีห้อ
คนหน่งึ หรอื ให้ใช้ตามคาสง่ั ของบคุ คลอกี (๔) ช่ือ หรอื ย่ีห้อ
คนหน่ึง อันเรียกว่าผู้รับเงิน (มาตรา
๙๘๗)
- ๕๒ -
ง ๆ ในตวั๋ เงนิ แต่ละประเภท
รายการ/ความสมบูรณข์ องตวั๋
แลกเงิน ต้องมรี ายการดงั กล่าวต่อไปน้ี คอื
เป็นตวั๋ แลกเงิน (๕) สถานท่ใี ช้เงนิ
ศจากเง่อื นไขให้จ่ายเงินเป็นจานวนแน่นอน (๖) ช่ือ หรือย่ีห้อผู้รับเงิน หรือคาจดแจ้ง
อผู้จ่าย ว่าให้ใช้เงนิ แกผ่ ้ถู อื
ดใช้เงิน (๗)วันและสถานท่อี อกตวั๋ เงิน
(๘) ลายมอื ช่อื ผ้สู ง่ั จ่าย
สญั ญาใช้เงิน ต้องมรี ายการด่งั จะกล่าวต่อไปน้ี คอื
ว่าเป็นตวั๋ สญั ญาใช้เงิน (๕) ช่อื หรือย่ีห้อของผ้รู ับเงนิ
ญาอันปราศจากเง่ือนไขว่าจะใช้ เงินเป็ นจานวน (๖) วนั และสถานท่อี อกตวั๋ สญั ญาใช้เงนิ
(๗)(๗) ลายมอื ช่อื ผ้อู อกตวั๋
นดใช้เงิน
งิน
ค ต้องมรี ายการด่งั กล่าวต่อไปน้ี คอื
ว่าเป็ นเชค็ (๕) สถานท่ใี ช้เงิน
ราศจากเง่อื นไขให้ใช้เงนิ เป็นจานวนแน่นอน (๖) วันและสถานท่อี อกเชค็
อและสานักงานของธนาคาร (๗)ลายมอื ช่อื ผ้สู ่งั จ่าย
อของผ้รู ับเงิน หรือคาจดแจ้งว่าให้ใช้เงนิ แก่ผ้ถู อื
- ๕๓ -
๒.๓ การออกตว๋ั แลกเงิน/ประเภทของตว๋ั แลกเงิน(มาตรา ๙๐๙(๖))
การส่งั จ่ายตวั๋ แลกเงินสามารถส่งั จ่ายให้แกผ่ ู้ทรงตวั๋ ในสองลักษณะ คือ
(๑)ส่งั จ่ายโดยระบุช่ือผู้รับเงนิ (ตวั๋ ระบุช่ือ)
(๒) ส่งั จ่ายโดยไม่ระบุช่ือผู้รับเงนิ แต่ระบุว่าจ่ายให้แก่ผู้ถอื (ตวั๋ ผู้ถือ)
ชนดิ ตว๋ั แลกเงินและการโอนตวั๋
๑. ตว๋ั ระบุชื่อผรู้ บั เงนิ ๒. ตวั๋ ทีจ่ ดแจง้ ใหใ้ ชเ้ งนิ แก่ผถู้ อื
(เรียกทวั่ ไปว่า “ตว๋ั ระบุชื่อ”) (เรียกทวั่ ไปว่า “ตวั๋ ผถู้ อื ”)
โอนตว๋ั ไดด้ ว้ ยการสลกั หลงั และส่งมอบ โอนตวั๋ ไดด้ ว้ ยการส่งมอง (ม.๙๑๘)
(ม.๙๑๗, ๙๑๙)
๑. สลกั หลงั เฉพาะ (ระบุช่ือผู้รับสลักหลัง
การสลกั หลงั ทาได้ ๒ วิธี คือ และลงลายมือช่ือผู้สลักหลังตาม ม.๙๑๗,
๙๑๙ วรรคแรก)
๒. สลกั หลงั ลอย (ไม่ระบุช่ือผู้รับสลักหลัง
เพี ยงลงลายมือช่ือผู้สลักหลังโดยลาพั ง
ด้านหลังตวั๋ ฯตาม ม.๙๑๙ วรรคท้าย)
๕๔
พจิ ารณาประกอบตวั อย่างการสงั่ จ่ายเช็ค ซึ่งมลี กั ษณะของการออกเช็คใน ๒ ลกั ษณะ คือ ตวั๋
ชนดิ ระบุชื่อ และตวั๋ ชนดิ ผถู้ อื เช่นเดียวกบั ตว๋ั แลกเงิน
กรณีตวั๋ ผถู้ อื ๓๒
(๑) ตวั อย่างแรก
ไม่ระบุข้อความใด ๆ ลงในช่องผู้รับเงนิ (“จ่าย………………………หรือผู้ถอื ”)
หา้ ล้านบาทถว้ น 15 พ.ย. 51
5,000,000
(๒) ตัวอย่างท่สี อง
ระบุข้อความว่า “เงินสด” ลงในช่อง “จ่าย…………………หรือผู้ถอื ” กม็ ผี ลเช่นเดยี วกนั
เงนิ สด 15 พ.ย. 51
ห้าล้านบาทถ้วน 5,000,000
๓๒ ข้อมูลภาพประกอบจาก http ://www.junghoo.com
๕๕
(๓) ตัวอย่างท่สี าม
ระบุซ่ือ - นามสกุล ของผู้รับเงนิ ลงไปในช่อง “จ่าย…………หรือผู้ถือ” โดยไม่ได้ขีดฆ่าคา
ว่า “หรือผู้ถือ” ออก กย็ งั เป็นถือเชค็ ผู้ถอื อยู่ ซ่ึงกรณีน้ีหมายความว่า เชค็ ฉบับน้ีจ่ายให้กบั ผู้ถือ
นางธนะพร เนตรสวย 15 พ.ย. 51
หา้ ล้านบาทถว้ น 5,000,000
ขอ้ สงั เกต
- การส่งั จ่าย “เชค็ จ่ายผู้ถือ” โดยไม่ได้ระบุช่ือผู้รับเงินในช่อง “จ่าย…………………………หรือผู้
ถอื ” และได้ทาการขดี ฆ่าคาว่า ”หรือผู้ถือ “ ออกด้วย ในกรณเี ช่นน้ี ถอื ว่าไมสมบูรณ์เป็นเชค็
เพราะขาดรายการท่สี าคัญ คอื รายการเก่ยี วกบั ผู้รับเงิน
ห้าล้านบาทถว้ น 15 พ.ย. 51
///
5,000,000
๕๖
- การส่งั จ่าย “เชค็ จ่ายผู้ถือ” โดยระบุว่า “สด”หรือ “เงินสด”ในช่อง “จ่าย…………………………
หรือผู้ถือ” และได้ทาการขีดฆ่าคาว่า ”หรือผู้ถือ “ ออกด้วย ในกรณีเช่นน้ี ถอื ว่าไมสมบูรณ์เป็น
เชค็ เพราะขาดรายการท่สี าคัญ คอื รายการเก่ยี วกบั ผู้รับเงิน เน่ืองจากการเขียนว่า “สด”หรือ
“เงนิ สด” ไม่ใช่ช่ือหรือย่หี ้อของผู้รับเงนิ
สด 15 พ.ย. 51
ห้าล้านบาทถว้ น
///
5,000,000
๕๗
๒.๔ การโอนตว๋ั แลกเงิน
การโอนตัว๋ แลกเงิน ถือเป็นการโอนสิทธเิ รียกร้องอย่างหน่ึง ซ่ึงโดยหลักท่วั ไปย่อมสามารถ
โอนกนั ได้ เว้นแต่จะต้องห้ามตามมาตรา ๓๐๓ และมาตรา ๓๐๔ อย่างไรกด็ ีการโอนสทิ ธใิ นตวั๋ เงิน
น้ันมีลักษณะพิเศษว่าการโอนสทิ ธิท่วั ๆ ไป เน่ืองจากตัว๋ เงินมีลักษณะเป็นตราสารเปล่ียนมือ จึงมี
บทบัญญัติเฉพาะ และไม่นาวิธีการโอนสิทธิเรียกร้องตามมาตรา ๓๐๖ มาบังคับใช้ แต่จะต้อง
เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๓๐๙ – ๓๑๒๓๓ และมีบทบัญญัติคุ้มครองผู้รับโอนโดยสจุ ริตยกเว้น
หลัก “ผู้รับโอนไม่มสี ทิ ธดิ ีกว่าผู้โอน” ดังท่ปี รากฏในมาตรา ๙๑๖ จึงแตกต่างกับหลักทว่ั ไปท่ลี ูกหน้ี
สามารถยกข้อต่อส้ทู ่มี ีต่อผู้โอนเป็นข้อต่อส้ผู ู้รับโอนได้ตามมาตรา ๓๐๘
กรณมี กี ารสงั่ หา้ มการโอนหรือการเปลยี่ นมอื
สทิ ธใิ นตั๋วเงิน โดยท่วั ไปย่อมสามารถโอนได้โดยไม่จากดั เพราะสภาพของตัว๋ เงินน้ันเป็น
ตราสารเปล่ียนมือ แต่อย่างไรกต็ ามอาจมีการเขียนข้อห้ามและข้อจากดั ในการโอนตัว๋ เงินไว้ในตั๋ว
เงินซ่ึงจะมีผลแตกต่างกนั ไปแล้วแต่กรณี ดงั น้ี
(๑) กรณีผสู้ งั่ จ่ายสงั่ หา้ มการเปลยี่ นมือ
กรณีท่เี ป็นตั๋วชนิดระบุช่ือ ผู้ส่ังจ่ายสามารถเขียนข้อความในลักษณะส่งั ห้ามการเปล่ียนมือ
ลงไว้ในตั๋วเงิน(ตั๋วแลกเงิน, ตั๋วสัญญาใช้เงิน และเชค็ ) ได้ ตามมาตรา ๙๑๗ วรรคสอง โดยผู้ส่ัง
จ่ายต้องเขียนข้อความ “เปล่ียนมือไม่ได้” หรือข้อความท่ีมีความหมายเช่นเดียวกันกับคาว่า
๓๓ มาตรา ๓๐๙ การโอนหน้ีอนั พึงต้องชาระตามเขาส่งั น้ัน ท่านว่าจะยกข้ึนเป็ นข้อต่อส้ลู ูกหน้ี หรือ
บุคคลภายนอกคนอ่นื ได้แต่เฉพาะเม่อื การโอนน้ันได้สลักหลังไว้ในตราสาร และตวั ตราสารน้ันได้ส่งมอบให้แก่
ผ้รู ับโอนไปด้วย
มาตรา ๓๑๐ ในมูลหน้ีอนั พึงต้องชาระตามเขาส่งั น้ัน ลูกหน้ีมีสทิ ธิท่จี ะสอบสวนถึงตัวผู้ทรงตราสาร
หรือสอบสวนความถูกต้องแท้จริงแห่งลายมือช่ือหรือดวงตราของผู้ทรงได้ แต่กห็ ามคี วามผูกพันท่จี ะต้องทาถงึ
เพียงน้ันไม่ แต่ถ้าลูกหน้ีทาการโดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงไซร้ การชาระหน้ีน้ันกไ็ ม่เป็ นอัน
สมบรู ณ์
มาตรา ๓๑๑ บทบญั ญัติแห่งมาตราก่อนน้ี ท่านให้ใช้บงั คับตลอดถึงกรณีท่มี กี าหนดตวั เจ้าหน้ีระบุไว้
ในตราสาร ซ่ึงมขี ้อความจดไว้ด้วยว่าให้ชาระหน้ีแกผ่ ้ทู รงตราสาร
มาตรา ๓๑๒ ในมลู หน้อี นั พึงต้องชาระตามเขาส่งั น้ัน ลกู หน้จี ะยกข้อต่อส้ซู ่ึงมตี ่อเจ้าหน้ีเดมิ ข้นึ เป็นข้อ
ต่อส้ผู ้รู ับโอนโดยสจุ ริตน้นั หาได้ไม่ เว้นแต่ท่ปี รากฏในตัวตราสารน้ันเองหรือท่มี ีข้นึ เป็นธรรมดาสบื จากลกั ษณะ
แห่งตราสารน้นั
มาตรา ๓๑๓ บทบญั ญัตแิ ห่งมาตราก่อนน้ี ทา่ นให้ใช้บงั คบั ตลอดถงึ หน้ีอนั พึงต้องชาระแกผ่ ้ถู อื น้นั ด้วย
แล้วแต่กรณี
๕๘
“เปล่ียนมือไม่ได้” เช่น “หา้ มโอน” “Non Negotiable” และรวมถึงคาว่า “A/C PAYEE ONLY” ท่ี
หมายถึงส่ังให้จ่ายเข้าบัญชีของผู้รับเงินเทา่ น้ัน ซ่ึงถ้อยคาดงั กล่าวกม็ คี วามหมายทานองเดียวกับคา
ว่า "เปล่ียนมือไม่ได้"
แต่ถ้าเพียงใช้คาว่า “ONLY” ซ่ึงแปลว่า “เฉพาะ” ถ้อยคาดังกล่าวยังไม่ถือว่ามีลักษณะเป็น
การส่งั ห้ามการโอน (ฎ.๒๐๕๕/๒๕๓๖)
คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๗๔๒/๒๕๒๕ จาเลยท่ี ๑ ส่ังจ่ายเชค็ ให้แก่จาเลยท่ี ๒ โดยระบุช่ือ
จาเลยท่ี ๒ และขีดฆ่าคาว่า “หรือผู้ถือ” ออกแล้วขดี คร่อมและเขยี นข้อความว่า “PAYEE ONLY” ซ่ึง
มีความหมายทานองเดียวกับ "เปล่ียนมือไม่ได้" หรือ "ห้ามเปล่ียนมือ" เช็คดังกล่าวจึงเป็ นเชค็ ท่ี
จะต้องนาเข้าบัญชีของจาเลยท่ี ๒ เท่าน้ัน จะเปล่ียนมือไม่ได้ ดังน้ัน โจทก์จึงมิใช่ผู้รับเงินจะอ้างว่า
เป็นผู้ทรงโดยการรับเชค็ ดงั กล่าวจากจาเลยท่ี ๒ หาได้ไม่
คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๖๒/๒๕๓๓ เชค็ ท่ขี ีดฆ่าคาว่า "หรือผู้ถือ" ออก และด้านหน้าบน
ซ้ายของเชค็ มีตราประทับเป็นอักษรภาษาอังกฤษว่า "เอ/ซี เปย่ี โอนล่ี" (A/C PAYEE ONLY) เป็น
เชค็ เปล่ียนมือไม่ได้ ผู้รับเงินจะต้องนาเข้าบัญชีของตน หากจะโอนให้ผู้อ่ืนได้กแ็ ต่โดยรูปการและ
ด้วยผลอย่างการโอนสามัญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๐๖ วรรคหน่ึง ดังท่ี
มาตรา ๙๑๗ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๙๘๙ บัญญัติไว้ซ่ึงต้องทาเป็นหนังสือจึงจะสมบูรณ์ และ
จะยกข้ึนต่อสู้บุคคลภายนอกได้ แต่เม่ือได้บอกกล่าวการโอนเป็นหนังสือไปยังลูกหน้ี หรือลูกหน้ี
ยินยอมเป็นหนังสอื ในการโอนน้ัน
ผลของการสงั่ หา้ มการเปลยี่ นมอื โดยผสู้ งั่ จ่าย
หากเป็ นตั๋วเงินชนิดระบุช่ือและผู้ส่ังจ่ายได้ส่ังห้ามการเปล่ียนมือไว้ ตามมาตรา ๙๑๗
วรรคแรก ผู้ทรงตั๋วจะไม่สามารถใช้วิธกี ารโอนตั๋วเงินโดยการสลักหลังและส่งมอบได้ หากจะโอน
สทิ ธิตามตั๋วไปให้บุคคลอ่นื ผู้ทรงจะต้องใช้วิธีโอนสามัญ หมายถึง ต้องกลับไปใช้วิธกี ารโอนสิทธิ
เรียกร้องตามมาตรา ๓๐๖ คือ ต้องทาเป็นหนังสือระหว่างผู้โอนและผู้รับโอนสทิ ธิ และบอกกล่าว
การโอนไปยงั ลูกหน้ีตามตวั๋ เช่น
อ. ออกตัว๋ แลกเงินส่งั จ. ให้เงนิ เพ่ือเป็นการชาระหน้ีค่าแหวนเพชรให้แก่ ร. โดย อ. ระบุ
ข้อความว่า “ห้ามเปล่ียนมือ” ไว้แล้ว เช่นน้ี หาก ร. ต้องการโอนตั๋วให้แก่ ล. ย่อมไม่สามารถโอน
ตั๋วดังกล่าวตามวิธีการโอนตั๋วคือการสลักหลังและส่งมอบได้ หากประสงค์จะโอนต้องโอนโดยวิธี
สามญั คือ ต้องทาเป็นหนังสอื ระหว่าง ร. ผู้โอน และ ล. ผู้รับโอนสทิ ธิ และบอกกล่าวการโอนไปยัง
อ. ลูกหน้ีตามตวั๋ ด้วยตามมาตรา ๓๐๖ และกรณีเช่นน้ีหาก ก. ผู้รับโอนสทิ ธเิ รียกให้ จ.จ่ายเงินตาม
ตวั๋ แต่ถูกปฏเิ สธ เช่นน้ี ล. กม็ สี ทิ ธเิ รียกให้ อ. รับผดิ ได้ แต่จะใช้สทิ ธไิ ล่เบ้ียให้ ร. รับผิดตามตวั๋ เงิน
ไม่ได้ เพราะไม่อยู่ในฐานะผู้ทรงตัว๋ เป็นแต่เพียงผู้รับโอนสทิ ธิเท่าน้ัน และหาก อ. มีข้อต่อสู้ใดๆ
อยู่กับ ร. ผู้โอน อ. กส็ ามารถยกข้อต่อสู้น้ันข้ึนต่อสู้ ล. ผู้รับโอนได้ ตามหลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิ
ดกี ว่าผู้โอน
๕๙
ภาพประกอบ ผลของการส่งั ห้ามการเปล่ียนมือโดยผู้ส่งั จ่าย
จ.
อ. ร. โอนโดยวิธสี ามญั ล.
ซอ้ื แหวนเพชร โดยสาคญั ผดิ ว่าเป็นของ ซอ้ื รถยนต์
จรงิ แต่เป็นเพชรปลอม
อ. ส่งั ห้ามการเปล่ียนมือ
ไว้
(๒) กรณีผสู้ ลกั หลงั สงั่ หา้ มการสลกั หลงั
กรณีท่ีผู้สลักหลังส่ังห้ามการสลักหลัง หมายถึง การใช้สิทธิของผู้สลักหลังในการโอนตั๋ว
แต่ไม่ประสงค์ท่จี ะผู้พันรับผิดตามตั๋วกับบุคคลอ่ืนอีกนอกจากผู้ท่ีตนเองสลักหลังโอนให้ เช่น อ.
ออกตวั๋ แลกเงินส่งั จ. ให้เงินเพ่ือเป็นการชาระหน้ีกู้ยืมให้แก่ ร. ต่อมา ร. สลักหลังโอนตั๋วดังกล่าว
ให้ แก่ ล. โดย ร. ระบุข้อความว่า “ห้ามสลักหลัง” ซ่ึงถือเป็นการส่ังห้ามการสลักหลังตามมาตรา
๙๒๓ อย่างไรกด็ ีไม้มมี ีถ้อยคาดังมาตรา ๙๑๗ แต่ผู้เขียนเหน็ ว่า แม้ผู้สลักหลังจะเขียนข้อความอ่นื
ท่มี ีความหมายเช่นเดียวกับคาว่าห้ามสลักหลัง เช่น “ห้ามโอน” “โอนต่อไม่ได้” หรือถ้อยคาสานวน
อ่นื กม็ ีผลใช้บังคับได้ เพียงแต่การเขียนข้อความน้ันจะต้องเป็นเน้ือความเดียวกับคาสลักหลัง และ
แปลความเข้าใจได้ว่าเป็นคาสลักหลังท่หี ้ามการสลักหลังต่อ
ผลของการสงั่ หา้ มการสลกั หลงั โดยผสู้ ลกั หลงั
แม้ว่าผู้สลักหลังจะห้ามการสลักหลังไว้ แต่การโอนตั๋วโดยวิธีการตามตั๋วยังสามารถทาได้
จะมีผลเพียงผู้สลักหลังซ่ึงส่ังห้ามการสลักหลังไว้น้ันจะไม่รับผิดกับผู้รับโอนภายหลังท่มี ีคาส่งั ห้าม
การสลักหลัง ตัวอย่างเช่น อ. ออกตั๋วแลกเงินส่ัง จ. ให้เงินชาระหน้ีกู้ยืมให้แก่ ร. ต่อมา ร. สลัก
หลังให้แก่ ล. และระบุข้อความในการสลักหลักว่า “ห้าม ล. สลักหลังตั๋วต่อ” แต่ปรากฏว่า ล. ถูก
ว. เจ้าหน้ีทวงเงิน ล. จึงสลักหลังตั๋วแลกเงินดังกล่าวให้แก่ ว. เช่นน้ี การโอนตั๋วดังกล่าวมีผล
สมบูรณ์ และ ว. เป็ นผู้ทรงโดยชอบ แต่หากตั๋วถูกปฏิเสธการใช้เงิน ว. ไล่เบ้ียลูกหน้ีตามตั๋วคน
อ่นื ๆ ได้ ยกเว้น ร. ไม่ต้องรับผิดต่อ ว. ตามมาตรา ๙๒๓
๖๐
ภาพประกอบ ผลของการส่งั ห้ามการสลักหลังโดยผู้สลักหลัง
จ. อ. ส่งั ห้ามการเปล่ียนมือ
ไว้
อ. ร. ล.
ว.
สรุปขอ้ กาหนดหา้ มโอน
กรณผี สู้ งั่ จ่ายหา้ มโอน กรณีผสู้ ลกั หลงั หา้ มโอน
(ม.๙๑๗ วรรคสอง) (ม.๙๒๓)
๑. ผู้ส่ังจ่ายต้องเขียนข้อความห้ามโอนลง ๑. ตวั๋ เงินยังโอนกนั ได้ต่อไปตามปกติ และมี
ในดา้ นหนา้ ตั๋วเงินหรือใบประจาต่อ ถ้า ผลเป็นการการโอนสิทธอิ นั เกิดแต่ตวั๋ เงิน
เขียนด้านหลัง ข้อความห้ามโอนน้ันไม่มี ตาม ม.๙๒๐ วรรคแรก แต่ผู้ทรงฟ้ อง
ผล(ม.๘๙๙) บังคับเอากับผู้สลักหลังท่สี ่งั ห้ามการโอน
ไม่ได้
๒. ตั๋วเงินโอนเปล่ียนมือไม่ หากจะโอน
ต่อไปต้องทาตามวิธีการโอนหน้ีหรือสทิ ธิ ๒. ผู้สลักหลังจะเขียนข้อความห้ามโอนลงใน
เรียกร้องธรรมดาตาม ม.๓๐๖ ซ่ึงมิใช่ ด้านหน้ าหรือด้ านหลังตั๋วเงินน้ันก็ได้
เป็ นการโอนสิทธิอันเกิดแต่ตั๋วเงินตาม เพ ร าะ ไม่ มี ก ฎ ห ม า ย บั ญ ญั ติ บั ง คั บ ไว้
ม.๙๒๐ วรรคแรก (ผู้รับโอนจะไม่อยู่ใน (ความเหน็ )
ฐานะของผู้ทรงตวั๋ )
๖๑
วิธีการโอนตว๋ั เงนิ
๑. ตวั๋ ระบุชื่อผรู้ บั เงิน ๒. ตวั๋ ทีจ่ ดแจง้ ใหใ้ ชเ้ งินแก่ผถู้ อื
(เรียกทวั่ ไปว่า “ตว๋ั ระบุชื่อ”) (เรียกทวั่ ไปว่า “ตวั๋ ผถู้ อื ”)
โอนตวั๋ ไดด้ ว้ ยการสลกั หลงั และส่งมอบ โอนตวั๋ ไดด้ ว้ ยการส่งมอบ (ม.๙๑๘)
(ม.๙๑๗ วรรคแรก, ๙๑๙ วรรค ๑ - ๒)
๒.๕ การสลกั หลงั โอนตวั๋ เงนิ
การสลกั หลงั คอื การแสดงเจตนาโอนสทิ ธเิ รียกร้องตามตวั๋ เงินไปยังผู้รับโอน(ผู้รับสลัก
หลัง) ซ่ึงตาม ม.๙๒๐ วรรคแรก การสลักหลังโอนตวั๋ ระบุช่ือ มี ๒ วิธี คือ
สลกั หลงั เฉพาะ สลกั หลงั ลอย
คือ การท่ีผู้สลักหลังลงลายมือช่ือของตน คือ การท่ีผู้สลักหลังลงลายมือช่ือของตนโดย
ลงในตั๋วเงินหรือใบประจาต่อและระบุช่ือ ลาพังด้านหลังตัว๋ เงินหรือใบประจาต่อ โดยมิได้
ระบุช่ือบุคคลท่ตี นประสงค์จะโอนให้ (ผู้รับสลัก
บุคคลท่ตี นประสงค์จะโอนให้เป็นผู้รับสลัก หลัง) (ม.๙๑๗ วรรคแรก, ๙๑๙ วรรคท้าย)
หลัง (ม.๙๑๗ วรรคแรก, ๙๑๙ วรรค
แรก)
ขอ้ สงั เกต
๑. ผู้ทรงท่ไี ด้รับโอนตัว๋ เงนิ จากการสลักหลังลอยโดยสจุ ริต และไม่ประมาทเลินเล่อ
ย่อมเป็นผู้ทรงโดยชอบตาม ม.๙๐๕ และ
๒. ผู้ทรงมสี ทิ ธติ าม ม.๙๒๐ คือ
๒.๑ กรอกข้อความลงลายมือช่ือตนหรือช่ือผู้อ่นื ท่ตี นประสงค์จะโอนให้ หรือ
๒.๒ สลักหลังลอยตวั๋ เงนิ น้ันต่อไป หรือสลักหลังเฉพาะให้ผู้อ่นื หรือ
๒.๓ โอนตวั๋ เงินน้ันต่อไปเพียงด้วยการส่งมอบ (ม.๙๒๐ วรรค ๒)
๖๒
ตวั อย่างการสลกั หลงั
อ. ออกตั๋วแลกเงินชาระหน้ีให้แก่ ร. ต่อมา ร. ถูกนายสมชายเจ้าหน้ีเรียกให้ชาระหน้ี ร.
ไม่มีทรัพย์สนิ อ่นื อกี จึงขอชาระหน้ีด้วยตวั๋ แลกเงินดงั กล่าวซ่ึงนายสมชายยอมรับ ร. จึงทาการโอน
ตัว๋ แลกเงินให้นายสมชาย ซ่ึงสามารถทาได้โดยการสลักหลังและส่งมอบตั๋วแลกเงินดังกล่าวให้แก่
นายสมชาย โดยการสลักหลังน้ันทาได้ท้งั การสลักเฉพาะและการสลักหลังลอย ดังตวั อย่าง
โอนให้ นายสมชาย สลกั หลงั เฉพาะ
ร.ลงช่ือ ผโู้ อน
ร.ลงช่ือ ผโู้ อน สลกั หลงั ลอย
ขอ้ สงั เกตกรณกี ารสลกั หลงั ลอย
กรณีตวั๋ ระบุช่ือท่ผี ู้ทรงได้รับโอนมาจากการท่ผี ู้โอนสลักหลังลอยให้ผู้ทรงมีสทิ ธโิ อนตัว๋ น้ี
ด้วยการส่งมอบกไ็ ด้ตาม ม.๙๒๐ วรรคสอง (๓)๓๔ ดังน้ัน กรณีท่ีผู้ทรงได้รับตั๋วมาจาก
การโอนโดยการสลักหลังลอยจะต้องระมัดระวังและเกบ็ ตั๋วให้ดี เพราะหากตั๋วหายและ
มีผู้เกบ็ ได้และนาไปส่งมอบต่อให้บุคคลอ่ืนซ่ึงบุคคลอ่ืนดังกล่าวน้ันสุจริต เช่นน้ี เราก็
ไม่อาจเรียกตวั๋ เงนิ ของเราคนื ได้
๓๔ มาตรา ๙๒๐ “อนั การสลักหลังย่อมโอนไปซ่งึ บรรดาสทิ ธอิ นั เกดิ แต่ตวั๋ แลกเงิน
ถ้าสลักหลงั ลอย ผ้ทู รงจะปฏบิ ตั ดิ งั กล่าวต่อไปน้ปี ระการหน่ึงประการใดกไ็ ด้ คอื
(๑) กรอกความลงในท่วี ่างด้วยเขยี นช่อื ของตนเอง หรอื ช่ือบุคคลอ่นื ผู้ใดผ้หู น่งึ
(๒) สลักหลงั ตวั๋ เงินต่อไปอกี เป็นสลกั หลงั ลอย หรอื สลกั หลังให้แกบ่ คุ คลอ่นื ผ้ใู ดผ้หู น่ึง
(๓) โอนตวั๋ เงินน้นั ให้ไปแกบ่ คุ คลภายนอกโดยไม่กรอกความลงในท่วี ่าง และไม่สลักหลังอย่างหน่ึงอย่างใด”
๖๓
ตวั อย่างคาถาม
ตุ้ยออกเชค็ ใช้หน้ีจิ๋ว จิ๋วสลักหลังลอยโอนให้ป้ อม ป้ อมทาเชค็ ตกหาย ปานเกบ็ ได้จึง
เอาเชค็ ไปซ้ือสินค้าจากเอียด ป้ อมรู้ว่าเชค็ ของตนไปอยู่ท่เี อยี ดและเหน็ ว่าเอียดไม่มีสิทธิในเชค็
เพราะตนไม่ได้โอนเชค็ น้ันให้เอียด จึงทวงเชค็ จากเอียด เอียดจะต้องคืนเชค็ ให้หรือไม่ หาก
เอยี ดไม่ต้องคนื ใครบ้างท่จี ะต้องรับผิดและไม่ต้องรับผดิ ตามเชค็ ต่อเอยี ด
(ข้อสอบเนตบิ ัณฑติ ยสภา สมยั ท่ี ๒๕ ปี การศึกษา ๒๕๑๕)
แนวคาตอบ
เอียดเป็ นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายเพราะเชค็ ท่ปี ้ อมทาตกหายมีการสลักหลังลอย
เป็นรายท่สี ดุ และเชค็ ท่สี ลักหลังลอยน้ัน ย่อมโอนให้กันได้ด้วยการส่งมอบโดยไม่ต้องสลักหลัง
ในกรณีเช่นน้ี ผู้ทรงหาจาต้องสละตั๋วเงินไม่ เว้นแต่จะได้มาโดยทุจริตหรือได้มาด้วยความ
ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ตามข้อเทจ็ จริงในปัญหาไม่ปรากฏว่า เอียดได้เชค็ น้ันมาโดย
ทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เอียดจึงไม่ต้องคืนเชค็ ให้ป้ อม(ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๕
วรรคหน่ึงและสอง, ๙๒๐(๓) ประกอบด้วย ๙๘๙) เม่ือเอียดไม่ต้องคืนเชค็ ผู้ท่ีต้องรับผิดตาม
เชค็ ต่อเอียดกค็ ือ ตุ้ยผู้ส่ังจ่ายและจิ๋วผู้สลักหลัง (ป.พ.พ. มาตรา ๙๖๔, ๙๖๗ ประกอบด้วย
มาตรา ๙๘๙) ส่วนป้ อมและปานไม่ต้องรับผิดตามเชค็ ต่อเอียดเพราะบุคคลท้ังสองน้ีมิได้ลง
ลายมือช่ือในเชค็ (ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๐)
การโอนตว๋ั ผถู้ อื
กรณที ่เี ป็นตัว๋ ผู้ถือน้ันสามารถทาได้ง่ายเพียงการสง่ มอบตามมาตรา ๙๑๘ ตวั อย่างเช่น คา
พพิ ากษาศาลฎีกาที่ ๗๑๕๘/๒๕๔๖ ผู้เสยี หายโอนสทิ ธคิ วามเป็นเจ้าของกรรมสิทธ์ใิ นเชค็ พิพาท
ให้แก่ ส. แล้ว กอปรกบั เชค็ พิพาทเป็นเชค็ ผู้ถือซ่ึงย่อมโอนให้แก่กนั ได้ด้วยการสง่ มอบ ส. จึงเป็นผู้
ทรงเชค็ พิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายในขณะท่ธี นาคารปฏเิ สธการจ่ายเงิน และนับเป็นผู้เสยี หายท่ี
แท้จริงเม่ือ ธ. เป็นผู้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพ่ือให้ดาเนินคดีแก่จาเลย การร้องทุกข์ย่อมไม่
ชอบด้วยกฎหมาย พนักงานอยั การจึงไม่มอี านาจฟ้ อง
ขอ้ พจิ ารณา อย่างไรกด็ จี ะต้องระมัดระวังอย่างทาการโอนตัว๋ ผู้ถือด้วยการสลักหลังและส่ง
มอบ เพราะจะทาให้ผู้ท่ีสลักหลังตั๋วผู้ถือต้องผูกพันรับผิดตามตั๋วเงินโดยจะต้องรับผิดตาม
บทบัญญัตมิ าตรา ๙๒๑ ในฐานะผรู้ บั อาวลั
๖๔
การสลกั หลงั ใหต้ วั แทน
โดยท่ัวไปการแต่งต้ังตัวแทนสามารถทาได้ตาม ป.พ.พ. บรรพ ๓ ลักษณะ ๑๕ มาตรา
๗๙๗ – มาตรา ๘๓๒ อย่างไรกต็ ามในเร่ืองตัว๋ เงินมีการกาหนดลักษณะเฉพาะของการสลักหลังให้
ตัวแทนไว้เพ่ิมเติมในมาตรา ๙๒๕ ท่บี ัญญัตวิ ่า
“เม่ือใดความท่สี ลักหลังมีข้อกาหนดว่า “ราคาอยู่ท่เี รียกเกบ็ ” กด็ ี “เพ่ือเรียกเกบ็ ” กด็ ี “ใน
ฐานจัดการแทน” กด็ ี หรือความสานวนอ่ืนใดอนั เป็นปริยายว่าตวั แทนไซร้ ทา่ นว่าผู้ทรงตวั๋ แลกเงนิ
จะใช้สทิ ธทิ ้งั ปวงอนั เกดิ แต่ตวั๋ น้ันกย็ ่อมได้ท้งั ส้นิ แต่ว่าจะสลักหลังได้เพียงในฐานเป็นตัวแทน
ในกรณีเช่นน้ี คู่สญั ญาท้งั หลายซ่ึงต้องรับผดิ อาจจะต่อส้ผู ู้ทรงได้แต่เพียงด้วยข้อต่อส้อู นั
จะพึงใช้ได้ต่อผู้สลักหลังเทา่ น้ัน”
ดังน้ัน หากมีการดาเนินการตามมาตรา ๙๒๕ จะมผี ลทางกฎหมายดงั น้ี
๑. วิธีการสลกั หลงั ใหต้ วั แทน
ต้องมีการสลักหลังหลังโดยมีข้อกาหนดว่า “ราคาอยู่ท่ีเรียกเกบ็ ” หรือ “เพ่ือเรียกเกบ็ ”
หรือ “ในฐานจัดการแทน” หรือความสานวนอ่นื ทมี คี วามหมายว่าเป็นการต้งั ตวั แทน เช่น
อ. ออกตวั๋ แลกเงินชาระหน้ีให้แก่ ร. ต่อมา ร. ได้สลักหลังและส่งมอบตั๋วแลกเงินดังกล่าว
ให้แก่ ก. โดยการสลักหลังน้ันมขี ้อความว่า “ราคาอยู่ท่เี รียกเกบ็ ” ดงั ตวั อย่าง
โอนให้ ก. ราคาอยูท่ ีเ่ รียกเก็บ
ร.ลงช่ือ ผโู้ อน
กรณีเช่นน้ี ถือเป็ นการสลักหลังให้ตัวแทน ตามมาตรา ๙๒๕ มิใช่การสลักหลังโอนสิทธิ
ตามตวั๋ แลกเงนิ ตามมาตรา ๙๑๗
นอกจากข้อความตามมาตรา ๙๒๕ แล้ว ในทางปฏิบัติพบว่ามีการใช้ข้อความอ่ืนอีก
โดยเฉพาะการสลักหลังให้ธนาคารเป็นผู้ทาหน้าท่เี รียกเกบ็ เงินแทน เช่น
เพอื่ เขา้ บญั ชี “…………………….”
ลงช่ือ ร.
๖๕
๒. ผลของการสลกั หลงั ใหต้ วั แทน
๒.๑ ผู้รับสลักหลังมีฐานะเพียงตัวแทนของผู้สลักหลัง ดังน้ัน สทิ ธิของผู้รับสลักหลัง
จึงมสี ทิ ธเิ พียงทาหน้าท่เี รียกเกบ็ เงินตามตัว๋ เงนิ แทนผู้สลักหลัง หากข้นึ เงนิ มาแล้วต้องนาส่งให้แต่ผู้
สลักหลัง
๒.๒ หากผู้รับสลักหลังทาการสลักหลังตั๋วต่อให้แก่บุคคลอ่ืน การสลักหลังน้ันมีผล
เป็นเพียงการสลักหลังให้ตัวแทน เช่น อ. ออกตั๋วแลกเงินชาระหน้ีให้แก่ ร. ต่อมา ร. ได้สลักหลัง
และส่งมอบตั๋วแลกเงินดังกล่าวให้แก่ ก. โดยการสลักหลังน้ันมีข้อความว่า “ราคาอยู่ท่ีเรียกเกบ็ ”
ต่อมา ก. สลักหลังตวั๋ ให้แก่ ข. ดงั ตัวอย่าง
โอนให้ ก. ราคาอยู่ทีเ่ รียกเก็บ กรณีเช่นน้ี ข. มีฐานะเป็ นตัวแทนของ
ก. เช่นเดยี วกบั ท่ี ก. เป็นตวั แทนของ ร.
ร.ลงช่ือ ผู้โอน ซ่ึง ข. มีสิทธิตามตั๋วเงินเช่นเดียวกับท่ี
ก. มี หาก ก. เรียกเก็บเงินแล้วไม่ได้
โอนให้ ข. และใช้สิทธิไล่เบ้ียลูกหน้ีตามตั๋วหากได้
เงินมากต็ ้องส่งมอบให้แก่ ก. และกรณี
ก.ลงช่ือ ผู้โอน เช่นน้ี ข. กไ็ ม่สามารถไล่เบ้ียกบั ก. ได้
โอนให้ ก. ราคาอย่ทู ่ีเรียกเกบ็
ร.ลงชอ่ื ผโู้ อน
๒.๓ ความผูกพันระหว่างผู้สลักหลังและผู้รับสลักหลัง จะต้องบังคบั ตามมาตรา ๙๒๕
คอื ผู้สลักหลังอยู่ในฐานะตัวการ ผู้รับสลักหลังอยู่ในฐานะตัวแทน ตัวอย่างเช่น อ. ออกตั๋วแลกเงิน
ชาระหน้ีให้แก่ ร. ต่อมา ร. ได้สลักหลังและส่งมอบตั๋วแลกเงินดังกล่าวให้แก่ ก. โดยการสลักหลัง
น้ันมีข้อความว่า “ราคาอยู่ท่เี รียกเกบ็ ”
กรณีเช่นน้ี ก. มีฐานะเป็นตัวแทนของ ร. ซ่ึง ข. มีสิทธิตามตัว๋ เงนิ เช่นเดียวกับท่ี ร. มี
หาก ร. หากได้เงินตามตัว๋ มากต็ ้องส่งมอบให้แก่ ร. หากเรียกเกบ็ เงนิ แล้วไม่ได้และใช้สทิ ธิไล่เบ้ีย
ลูกหน้ีตามตวั๋ กรณเี ช่นน้ี ก. กไ็ ม่สามารถไล่เบ้ียกบั ร. ได้ และ อ. สามารถยกข้อต่อสทู่ ่มี ีต่อ ร. ข้ึน
ต่อสู้ ก. ได้เทา่ น้ัน เน่ืองจาก ก. อยู่ในฐานะตัวแทนของ ร.
๖๖
การสลกั หลงั จานา
โดยหลักทว่ั ไปการจานาตราสารจะต้องเป็นไปตาม มาตรา ๗๕๐ “ถ้าทรัพยส์ นิ ท่จี านาเป็น
สิทธิซ่ึงมีตราสาร และมิได้ส่งมอบตราสารน้ันให้แก่ผู้รับจานา ท้งั มิได้บอกกล่าวเป็ นหนังสือแจ้ง
การจานาแก่ลูกหน้ีแห่งสทิ ธนิ ้ันด้วยไซร้ ทา่ นว่าการจานาย่อมเป็นโมฆะ” และ
มาตรา ๗๕๑ “ถ้าจานาตราสารชนิดออกให้แก่บุคคลเพ่ือเขาส่งั ทา่ นห้ามมิให้ยกข้ึนเป็น
ข้อต่อส้บู ุคคลภายนอก เว้นแต่จะได้สลักหลังไว้ท่ตี ราสารให้ปรากฏการจานาเช่นน้ัน
อน่ึงในการน้ีไม่จาเป็นต้องบอกกล่าวแกล่ ูกหน้ีแห่งตราสาร”
อย่างไรกต็ ามบทบัญญัติในเร่ืองตั๋วเงนิ ได้บัญญัติวิธีการและผลของการจานาตัว๋ เงินไว้เป็น
การเฉพาะอกี กล่าวคือ
มาตรา ๙๒๖ “เม่ือใดความท่สี ลักหลังมีข้อกาหนดว่า “ราคาเป็นประกัน” กด็ ี “ราคาเป็น
จานา” กด็ ี หรือข้อกาหนดอย่างอ่นื ใดอนั เป็นปริยายว่าจานาไซร้ ทา่ นว่าผู้ทรงตั๋วแลกเงินจะใช้สิทธิ
ท้งั ปวงอนั เกิดแต่ตัว๋ น้ัน กย็ ่อมได้ท้งั ส้นิ แต่ถ้าผู้ทรงสลักหลังตัว๋ น้ัน ท่านว่าการสลักหลังย่อมใช้ ได้
เพียงในฐานเป็ นคาสลักหลังของตัวแทน
คู่สัญญ าท้ังหลายซ่ึงต้ องรับผิดหาอาจจะต่อส้ ูผู้ทรงด้ วยข้ อต่อส้ ูอันอาศัยความเก่ียวพั น
เฉพาะบุคคลระหว่างตนกบั ผู้สลักหลังน้ันได้ไม่ เว้นแต่การสลักหลังจะได้มีข้นึ ด้วยคบคิดกนั ฉ้อฉล”
วิธีการสลกั หลงั จานาตวั๋ เงิน
จากบทบัญญัติมาตรา ๙๒๖ การสลักหลังจานาต้องมขี ้อความว่า “ราคาเป็นประกนั ” หรือ
“ราคาเป็นจานา” หรือข้อกาหนดอย่างอ่นื ใดอนั เป็นปริยายว่าเป็นการจานา
โอนให้ ก. ราคาเป็ นจานา ตัวอย่างเช่น อ. ออกตั๋วแลกเงินส่ัง จ. ให้ ใช้ เงิน
จานวน ๒๐,๐๐๐ บาท ชาระหน้ีให้แก่ ร. ต่อมา ร.
ร.ลงช่ือ ผู้โอน ได้กู้ยมื เงนิ จาก ก. จานวน ๑๐,๐๐๐ บาท ร. จึงสลัก
หลังและส่งมอบตั๋วแลกเงินดังกล่าวให้ แก่ ก. โดย
การสลักหลังน้ันมีข้อความว่า “ราคาเป็ นประกัน”
กรณีเช่นน้ี ถือว่า ก.เป็ นผู้รับสลักหลังจานาตั๋วแลก
เงนิ และมสี ทิ ธหิ น้าท่ดี ังท่บี ัญญัตไิ ว้ในมาตรา ๙๒๖
๖๗
สิทธิของผสู้ ลกั หลงั จานาตว๋ั เงนิ
๑. กรณหี น้ ปี ระธานถงึ กาหนดชาระก่อนตว๋ั แลกเงนิ
ตวั อย่างเช่น อ. ออกตวั๋ แลกเงินส่งั จ. ให้ใช้เงินจานวน ๒๐,๐๐๐ บาท เพ่ือชาระหน้ีให้แก่
ร. มีกาหนดใช้เงินวันท่ี ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ ต่อมา ร. ได้กู้ยืมเงินจาก ก. จานวน ๑๐,๐๐๐ บาท
ถึงกาหนดใช้เงินกู้วันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ โดย ร. สลักหลังมีข้อความว่า “ราคาเป็นประกนั ” และ
สง่ มอบตัว๋ แลกเงนิ ดังกล่าวให้แก่ ก.
ดังน้ี หากถึงกาหนดใช้เงินกู้คือวันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ ร. ซ่ึงเป็ นผู้กู้(ผู้สลักหลังจานา)
จะต้องชาระหน้ีให้แก่ ก. ผู้ให้กู้(ผู้รับสลักหลังจานา) และเม่ือหน้ีกู้ยืมซ่ึงเป็ นหน้ีประธานมีการ
ชาระหน้ีแล้ว ก. กต็ ้องคืนตั๋วแลกเงินให้แก่ ร. ผู้กู้ ตามมาตรา ๗๕๔ วรรคแรก “ถ้าสิทธิซ่ึงจานา
น้ันถึงกาหนดชาระก่อนหน้ีซ่ึงประกนั ไว้น้ันไซร้ ทา่ นว่าลูกหน้ีแห่งสทิ ธติ ้องสง่ มอบทรัพยส์ นิ อนั เป็น
วัตถุแห่งสทิ ธใิ ห้แกผ่ ู้รับจานา และทรัพยส์ นิ น้ันกก็ ลายเป็นของจานาแทนสทิ ธซิ ่ึงจานา...”
แต่หาก ร. ไม่ชาระหน้ีเงินกู้ ก. กส็ ามารถฟ้ องร้องตามมูลหน้ีกู้ยืมเงนิ ได้ แต่หาก ก. จะใช้
สิทธิในฐานะผู้รับจานาตั๋วเงิน ก. จะต้องรอให้ตั๋วถึงกาหนดชาระก่อนคือวันท่ี ๑๗ ตุลาคม
๒๕๕๒ จึงจะนาตั๋วแลกเงินไปย่ืนให้ จ. ใช้เงินตามตั๋วได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวท้ังน้ีเป็ นไปตาม
มาตรา ๗๖๖ “ถ้าจานาตั๋วเงิน ท่านให้ผู้รับจานาเกบ็ เรียกเงินตามตั๋วเงินน้ันในวันถึงกาหนด ไม่
จาเป็นต้องบอกกล่าวก่อน” และกรณีท่ไี ด้เงินตามตั๋วแลกมาเกนิ กว่าหน้ีเงนิ กู้ คอื ๒๐,๐๐๐ บาท ก.
จะต้องคืนส่วนท่เี หลือให้แก่ ร. ผู้จานาตามมาตรา ๗๖๗ วรรคแรก “เม่อื บังคับจานาได้เงินจานวน
สุทธิเท่าใด ท่านว่าผู้รับจานาต้องจัดสรรชาระหน้ีและอุปกรณ์เพ่ือให้เสรจ็ ส้ินไป และถ้ายังมีเงิน
เหลือกต็ ้องสง่ คืนให้แกผ่ ู้จานา หรือแกบ่ ุคคลผู้ควรจะได้เงนิ น้ัน…”
๒. กรณีหน้ ปี ระธานถงึ กาหนดชาระหลงั ตว๋ั แลกเงนิ
ตัวอย่างเช่น อ. ออกตวั๋ แลกเงินส่งั จ. ให้ใช้เงินจานวน ๒๐,๐๐๐ บาท เพ่ือชาระหน้ีให้แก่
ร. มีกาหนดใช้เงินวันท่ี ๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ ต่อมา ร. ได้กู้ยืมเงนิ จาก ก. จานวน ๑๐,๐๐๐ บาท ถึง
กาหนดใช้เงนิ กู้วันท่ี ๑ ธนั วาคม ๒๕๕๒ โดย ร. สลักหลังมีข้อความว่า “ราคาเป็นประกนั ” และส่ง
มอบตวั๋ แลกเงินดงั กล่าวให้แก่ ก.
จากข้อเทจ็ จริงดังกล่าวสิทธิของ ก. จะเป็ นตามมาตรา ๗๕๔ วรรคสอง “...ถ้าสิทธิซ่ึง
จานาน้ันเป็นมูลหน้ีซ่ึงต้องชาระเป็นเงิน และถึงกาหนดชาระก่อนหน้ีซ่ึงประกนั ไว้น้ันไซร้ ท่านว่า
ต้องใช้เงินให้แก่ผู้รับจานาและผู้จานาร่วมกนั ถ้าและเขาท้งั สองน้ันไม่ปรองดองตกลงกนั ได้ ทา่ นว่า
แต่ละคนชอบท่จี ะเรียกให้วางเงินจานวนน้ันไว้ ณ สานักงานฝากทรัพย์ได้เพ่ือประโยชน์อนั ร่วมกนั ”
ดงั น้ัน จ.จะต้องจ่ายเงินตามตั๋วให้แก่ ร. และ ก. ซ่ึงตามกฎหมายเปิ ดโอกาสให้ท้งั ร. และ
ก. ตกลงเก่ียวกับการรับชาระเงินดังกล่าว เช่น ก.ขอรับเฉพาะส่วนท่ตี นเป็นเจ้าหน้ี คือ ๑๐,๐๐๐
บาท ส่วนท่เี หลืออกี ๑๐,๐๐๐ บาท ร. เป็นผู้รับไป หรือ ก. รับไว้ท้งั หมดแล้วแบ่งคืนให้แก่ ร. ใน
๖๘
สว่ นท่เี กนิ มูลหน้ีประธาน แต่หากตกลงกนั ไม่ได้ว่าจะรับเงนิ กนั อย่างไร ก. และ ร. แต่ละคนชอบท่ี
จะเรียกให้วางเงินจานวนน้ันไว้ ณ สานักงานฝากทรัพย์กไ็ ด้
กรณผี รู้ บั จานาตว๋ั แลกเงนิ สลกั หลงั โอนตวั๋ ต่อใหบ้ ุคคลอืน่
ตัวอย่างเช่น อ. ออกตวั๋ แลกเงินส่งั จ. ให้ใช้เงินจานวน ๒๐,๐๐๐ บาท เพ่ือชาระหน้ีให้แก่
ร. ต่อมา ร. ได้กู้ยืมเงินจาก ก. จานวน ๑๐,๐๐๐ บาท ร. จึงสลักหลังมีข้อความว่า “ราคาเป็ น
ประกัน” และส่งมอบตั๋วแลกเงินดังกล่าวให้แก่ ก. ต่อมา ก. สลักหลังตั๋วท่ีรับจานาดังกล่าวให้แก่
ข. กรณดี งั กล่าว ข. มฐี านะเป็นเพียงตัวแทนของ ก. เทา่ น้ันตามมาตรา ๙๒๖ วรรคแรก
การยกขอ้ ต่อสูข้ องคู่สญั ญาซึ่งตอ้ งรบั ผดิ ต่อผทู้ รง
ตามมาตรา ๙๒๖ วรรคสอง “คู่สัญญาท้งั หลายซ่ึงต้องรับผิดหาอาจจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อ
ต่อส้อู นั อาศัยความเก่ยี วพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้สลักหลังน้ันได้ไม่ เว้นแต่การสลักหลังจะ
ได้มีข้นึ ด้วยคบคิดกนั ฉ้อฉล”
ตวั อย่างเช่น อ. ออกตั๋วแลกเงินส่งั จ. ให้ใช้เงนิ ชาระหน้ีให้แก่ ร. ต่อมา ร. ได้กู้ยมื เงินจาก
ก. ร. จึงสลักหลังจานามีข้อความว่า “ราคาเป็นประกัน” และส่งมอบตั๋วแลกเงินดังกล่าวให้แก่ ก.
ต่อมา ก. ถูก จ. ปฏเิ สธการใช้เงิน ก. ใช้สทิ ธิไล่เบ้ีย อ. ได้ โดย อ. ไม่สามารถยกข้อต่อสู้ท่มี กี บั ร.
ข้นึ ต่อสู้ ก. ได้ เว้นแต่การสลักหลังจานาระหว่าง ร. กบั ก. จะมขี ้นึ ด้วยคบคิดกนั ฉ้อฉล
สรุปลกั ษณะก
ตวั๋ ระบุชื่อ
วิธกี ารโอนต้องโอนด้วยการสลักหลังและสง่ มอบ
วิธีสลกั หลงั
สลกั หลงั เฉพาะ สลกั หลงั ลอย
(ม.๙๑๗ วรรคแรก, ม.๙๑๙ วรรคแรก, ม. (ม.๙๑๗ วรรคแรก, ม.๙๑๙ วรรคท้าย,
๙๘๕ วรรคแรก, ม.๙๘๙ วรรคแรก) ม.๙๘๕ วรรคแรก, ม.๙๘๙ วรรคแรก)
ผลของการสลกั หลงั โอนที่มีต่อ
ผูส้ ลกั หลงั
ตวั แลกเงิน ตวั๋ สญั ญาใชเ้ งิน เช็ค
รับผดิ ในฐานะผ้สู ลักหลัง (ม.
รบั ผดิ ในฐานะผ้สู ลกั หลงั ๙๐๐ วรรคแรก, ม.๙๕๙ วรรค รบั ผดิ ในฐานะผ้สู ลกั
(ม.๙๐๐ วรรคแรก, ม.๙๑๔) แรก, ม.๙๖๗ วรรคแรก, ม.๙๘๕ (ม.๙๐๐ วรรคแรก, ม.๙๑
๙๘๙ วรรคแรก)
วรรคแรก)
- ๖๙ -
การโอนตวั๋ เงิน
ตว๋ั ผถู้ อื
โอนโดยการส่งมอบ
ขอ้ สงั เกต
- ผูโ้ อน ไม่ต้องผกู พันรบั ผดิ เพราะไม่มีการลายมอื ช่อื ในตวั๋ ฯ
- ผูส้ ลกั หลงั โอน ต้องผูกพันรบั ผดิ ในฐานะเป็นประกนั (อาวัล) ผ้สู ่งั จ่ายต้องรับ
ผดิ เช่นเดยี วกบั ผ้สู ่งั จ่าย(ม.๙๐๐ วรรคแรก, ม.๙๒๑ และ ม.๙๔๐ วรรคแรก)
ผลของการทีผ่ ทู้ รงซึ่งไดร้ บั โอนตว๋ั มาโดยถูกตอ้ ง ท้งั จากการสลกั
หลงั กรณเี ป็ นตวั๋ ระบุชือ่ หรือไดร้ บั โอนตว๋ั มาจากการส่งมอบกรณี
เป็ นตวั๋ ผถู้ อื ผู้ทรงมีสทิ ธดิ งั น้ีคือ
๑. สทิ ธทิ ่จี ะได้รับชาระหน้ีตามตวั๋ เงินน้ัน
๒. สทิ ธทิ ่จี ะไล่เบ้ียเอากบั คู่สญั ญาในตวั๋ เงนิ น้ัน
กหลัง ๓. สทิ ธทิ ่จี ะสลักหลังโอนหรือส่งมอบตัว๋ เงนิ น้ันต่อไป
๑๔, ม. ๔. สทิ ธทิ ่จี ะขัดขวางหรือติดตามทวงถามตวั๋ เงนิ น้ันคืนจากบุคคล
ท่ไี ม่มสี ทิ ธยิ ึดถอื ไว้
- ๗๐ -
๒.๖ การรบั รองตว๋ั แลกเงนิ
การรับรองตัว๋ แลกเงิน คือ การท่ผี ู้ทรงตั๋วเงินนาตั๋วเงินซ่ึงยังไม่ถึงกาหนดใช้เงนิ ไปย่ืนให้ผู้
จ่ายเงินรับรองหากถึงกาหนดเวลาใช้เงินตามตั๋วผู้จ่ายจะจ่ายเงินตามคาส่ังของผู้ส่ังจ่าย โดยผู้จ่าย
จะต้องลงลายมือช่ือผูกพันตนในฐานะผู้รับรอง ซ่ึงหากถึงกาหนดเวลาใช้เงินแล้วผู้จ่ายซ่ึงได้ลง
ลายมือช่ือรับรองแล้วจะต้องรับผิด ดังน้ัน การรับรองตั๋วเงินจึงเป็นการทาให้เกิดความน่าเช่ือถือ
มากย่งิ ข้นึ ในตั๋วเงิน ในกรณีท่นี าตัว๋ ไปย่ืนให้ผู้จ่ายรับรองแต่ผู้จ่ายปฏเิ สธการรับรอง ซ่ึงหมายความ
ว่าผู้จ่ายไม่รับรองว่าหากถึงกาหนดเวลาใช้เงินผู้จ่ายจะจ่ายเงินให้ ดังน้ัน กรณีท่ีถูกปฏิเสธการ
รับรองจึงถือเป็นกรณีท่ตี ั๋วแลกเงินน้ันได้ขาดความน่าเช่ือถือแล้ว ผู้ทรงจึงมีสิทธไิ ล่เบ้ียได้แม้จะยัง
ไม่ถึงกาหนดเงินตามมาตรา ๙๕๙ ข) ไล่เบ้ียได้แม้ท้งั ตั๋วเงินยังไม่ถึงกาหนดในกรณีดังจะกล่าว
ต่อไปน้ี คือ (๑) ถ้าเขาบอกปัดไม่รับรองตวั๋ เงิน (๒) ....ฯ
ขอ้ กาหนดและขอ้ หา้ มในการยนื่ ตวั๋ ใหร้ บั รอง
๑. กรณที ีต่ อ้ งยนื่ ตว๋ั ใหร้ บั รอง
๑.๑ ผู้ส่งั จ่ายเขียนข้อกาหนดให้ผู้ทรงต้องย่ืนตั๋วให้รับรอง(มาตรา ๙๒๗ วรรค
สอง) หากผู้ทรงไม่ยอมย่นื ตวั๋ ให้รับรองผู้ทรงจะส้นิ สิทธไิ ล่เบ้ียคู่สญั ญาตาม
มาตรา ๙๗๓ วรรคสาม
๑.๒ ผู้สลักหลังเขียนข้อกาหนดให้ผู้ทรงต้องย่ืนตั๋วให้รับรอง(มาตรา ๙๒๗
วรรคห้า) หากผู้ทรงไม่ยอมย่นื ตัว๋ ให้รับรองผู้ทรงจะเสยี สทิ ธไิ ล่เบ้ียท่มี ีกบั ผู้
สลักหลังท่ีเป็นผู้เขียนข้อกาหนดให้ผู้ทรงทาการย่ืนตั๋วให้รับรอง แต่ผู้ทรง
ยงั มสี ทิ ธไิ ล่เบ้ียคู่สญั ญาคนอ่นื ๆ ได้ตามมาตรา(มาตรา ๙๗๓ วรรคสาม)
๑.๓ กรณีท่เี ป็นตั๋วเงินซ่ึงมีกาหนดเวลาใช้เงินเม่ือส้ินระยะเวลากาหนดอย่างใด
อย่างหน่ึงนับแต่ได้เหน็ ตามมาตรา ๙๒๘ กรณีเช่นน้ี ผู้ทรงต้องย่ืนตัว๋ แลก
เงินดังกล่าวให้ผู้จ่ายรับรองภายใน ๖ เดือนนับแต่วันท่ีลงในตั๋วเงิน หรือ
ภายในเวลาช้าเรว็ กว่าน้ันตามแต่ผู้ส่งั จ่ายจะได้ระบุไว้ หากผู้ทรงไม่ยอมย่ืน
ตั๋วให้รับรองผู้ทรงจะส้ินสิทธิไล่เบ้ียคู่สัญญาตามตั๋ว ตามมาตรา ๙๗๓
วรรคสาม
ตัวอย่างเช่น อ. ออกตั๋วแลกเงินวันท่ี ๑ มีนาคม ๒๕๕๑ ส่งั ให้ จ. จ่ายเงินแก่ ร.
โดยระบุวันถึงกาหนดใช้เงินไว้ว่า “ใช้เงิน ๑๐ วันนับแต่เหน็ ตัว๋ ” ต่อมา ร. สลักหลังโอนตัว๋ ให้แก่
ก. เช่นน้ี ก. จะต้องย่ืนตั๋วฉบับน้ีให้ จ. รับรองภายในวันท่ี ๑ กันยายน ๒๕๕๑ (ภายในเวลา ๖
เดือน นับแต่วันออกตั๋ว) หากล่วงเลยเวลาดังกล่าว ก. ย่อมส้ินสทิ ธิไล่เบ้ีย อ. และ ร. ตามมาตรา
๙๒๘ ประกอบ ๙๗๓
๗๑
๒. กรณที ีห่ า้ มยนื่ ตว๋ั ใหร้ บั รอง
๒.๑ ผู้ส่งั จ่ายเขียนข้อกาหนดห้ามไม่ให้ผู้ทรงย่ืนตั๋วให้รับรองตามมาตรา ๙๒๗
วรรคสาม
หมายถึง ตั๋วแลกเงินน้ันผู้ส่ังจ่ายไม่ประสงค์จะให้มีการย่ืนตั๋วให้รับรอง ซ่ึงผู้จ่าย
สามารถกาหนดไว้ได้ว่าห้ามผู้ทรงย่ืนตั๋วให้รับรอง ซ่ึงมี ๒ ลักษณะ คือ (๑) ห้ามย่ืนให้รับรอง
ตลอดไป (๒) ห้ามย่นื รับรองโดยมกี าหนดเวลา เช่น ห้ามย่ืนให้รับรองก่อนวันท่.ี ... เป็นต้น
ในกรณีท่มี ีข้อกาหนดห้ามย่ืนตัว๋ เงนิ ให้รับรองไว้แล้ว หากผู้ทรงฝ่ าฝืนนาตวั๋ ไปย่ืน
ให้รับรองและถูกปฏิเสธการรับรอง ผู้ทรงกย็ ังไม่สามารถใช้สิทธิไล่เบ้ียตามมาตรา ๙๕๙ ข)(๑)
ได้ จะต้องรอให้ตั๋วถึงกาหนดชาระก่อนและนาตั๋วแลกเงินน้ันไปเรียกเกบ็ กับผู้จ่ายและหากถูก
ปฏเิ สธการใช้เงินจึงจะไล่เบ้ียได้ตามาตรา ๙๕๙ ก)
อย่างไรกด็ หี ากเป็นตัว๋ แลกเงินท่อี อกโดยกาหนดให้มีสถานท่ใี ช้เงินเป็นสถานท่อี ่นื
ท่มี ใิ ช่ภมู ลิ าเนาของผู้จ่าย หรือเป็นตวั๋ แลกเงินท่สี ่งั ให้ใช้เงินในเวลาใดเวลาหน่ึงนับแต่ได้เหน็ ตวั๋ ท้งั
๒ ลักษณะดังกล่าวผู้ส่งั จ่ายจะห้ามมใิ ห้ย่นื ตัว๋ ให้รับรองไม่ได้
๒.๒ กรณีเป็นตวั๋ แลกเงนิ ท่มี กี าหนดให้ใช้เงนิ เม่อื ได้เหน็
ตั๋วเงินท่ีมีกาหนดเวลาให้ใช้เงินเม่ือได้เห็นน้ัน โดยสภาพของตั๋วเงิน เม่ือผู้จ่าย
เหน็ ตัว๋ กต็ ้องใช้เงินทนั หรือปฏเิ สธการใช้เงินเทา่ น้ัน จึงไม่มีความจาเป็นท่ตี ้องทาการรับรอง อกี ท้งั
โดยสภาพของตวั๋ เงนิ ดังกล่าวกไ็ ม่อาจย่ืนให้รับรองได้ เพราะการย่นื ตัว๋ เงนิ ให้รับรองน้ัน จะต้องย่ืน
ก่อนถงึ กาหนดใช้เงิน
กาหนดเวลายนื่ ตว๋ั แลกเงินใหผ้ ูจ้ ่ายรบั รอง
๑. ผู้ส่งั จ่ายและ/หรือผู้สลักหลังกาหนดให้ต้อง ๒. ตวั๋ แลกเงนิ อนั ส่งั ให้ใช้เงนิ เม่อื ส้นิ
ย่นื ให้รับรอง ระยะเวลากาหนดอย่างใดอย่างหน่ึงนับแต่
ได้เหน็ น้ัน
ไม่กาหนดเวลา กาหนดเวลา
มาตรา ๙๒๗ วรรคแรก “อันตั๋วแลกเงินน้ัน มาตรา ๙๒๘ “ผู้ทรงตวั๋ แลกเงินอนั ส่งั ให้ใช้
จะนาไปย่ืนแก่ผู้จ่าย ณ ท่อี ยู่ของผู้จ่าย เพ่ือให้ เงินเม่อื ส้นิ ระยะเวลากาหนดอย่างใดอย่าง
หน่ึงนับแต่ได้เหน็ น้ัน ต้องนาตัว๋ เงินย่นื
รับรองเม่อื ไร ๆ กไ็ ด้ จนกว่าจะถึงเวลากาหนด เพ่ือให้รับรองภายในหกเดือนนับแต่วันท่ลี ง
ในตวั๋ เงิน หรือภายในเวลาช้าเรว็ กว่าน้ัน
ใช้เงินและผู้ทรงจะเป็นผู้ย่ืนหรือเพียงแต่ผู้ท่ไี ด้ ตามแต่ผู้ส่งั จ่ายจะได้ระบุไว้”
ตวั๋ น้ันไว้ในครอบครองจะเป็นผู้นาไปย่นื กไ็ ด้”
๗๒
กาหนดเวลาและวิธีรบั รองตวั๋ แลกเงนิ (ม.๙๓๑๓๕)
๑. ผู้จ่ายเขียนข้อความว่า “รบั รองแลว้ ” หรือ ๒. ผู้จ่ายลงลายมอื ช่ือของตนเพียงลาพังใน
ข้อความอื่นทานอง เช่นเดียวกัน และลง ดา้ นหนา้ ตวั๋ แลกเงนิ น้ัน
ลายมอื ช่ือของผู้จ่ายด้านหน้าตัว๋ แลกเงินน้ัน
ประเภทของการรบั รองตว๋ั แลกเงิน (ม.๙๓๕)
๑. การรบั รองตลอดไป ๒. การรบั รองเบยี่ งบ่าย
คอื การท่ผี ู้จ่ายรับรองการจ่ายเงิน ท้งั หมดโดยไม่ มี ๒ กรณคี ือ
มขี ้อแม้หรือเง่อื นไขในการจ่าย
ผู้รับรองอยู่ในฐานะเป็นลูกหน้ีช้ันต้น ซ่ึงต้องรับ
ผดิ ตามเน้ือความท่ตี นได้รับรองไว้ (ม.๙๓๗)
๑ การรับรองเบ่ียงบ่ายอย่างมเี ง่อื นไข คอื การ ๒ การรับรองเบ่ียงบ่ายบางสว่ น คือการท่ผี ู้
ท่ผี ู้จ่ายรับรองการจ่ายเงินต่างไปจากคาส่งั ของ จ่ายรับรองการจ่ายเงินต่างไปจากคาส่ังของ
ผู้ส่ังจ่าย เช่น รับรองว่าจะจ่ายเงินตามตั๋วเงิน ผู้ส่ังจ่าย เช่น รับรองว่าจะจ่ายแต่จะจ่ายไม่
ต่อเม่ือมีเหตุการณ์อย่างหน่ึงอย่างใดเกิดข้ึน ครบจานวนท่เี ขาส่งั จ่ายไว้
ซ่ึงเป็นเหตกุ ารณใ์ นอนาคตและไม่แน่นอน
๑. ผู้ทรงฯ บอกปัดได้ และถือว่าตัว๋ แลกเงนิ น้ัน
ขาดความเช่ือถือ (ม.๙๓๖ วรรคแรก)
๒. ถ้าผู้ทรงฯ ยอมรับเอาการรับรองดังกล่าวย่อม
เป็นผลหรือส้นิ ผลตาม ม.๙๓๖ วรรคท้าย
๓๕ มาตรา ๙๓๑ “การรับรองน้ันพึงกระทาด้วยเขียนลงไว้ในด้านหน้าแห่งตั๋วแลกเงินเป็ นถ้อยคา
สานวนว่า "รับรองแล้ว" หรือความอย่างอ่นื ทานองเช่นเดียวกนั น้ัน และลงลายมือช่ือของผู้จ่าย อน่ึงแต่เพียง
ลายมอื ช่อื ของผ้จู ่ายลงไว้ในด้านหน้าแห่งตวั๋ แลกเงนิ ท่านกจ็ ัดว่าเป็นคารบั รองแล้ว”
๗๓
เปรียบเทียบกรณีทีไ่ ม่มีการลงวนั ออกตว๋ั และวนั รบั รองตว๋ั
กรณีไม่ลงวนั ออกตวั๋ (ม.๙๓๒)๓๖
- กรณีท่ีผู้ส่ังจ่ายไม่ได้ลงวันออก - กรณีท่ผี ู้ส่งั จ่ายมิได้ลงวันออกตัว๋ ฯ (ไม่มีวันท่ี
ตั๋วฯ (ไม่มีวันท่ีออกตั๋วฯ) หรือไม่ ออกตั๋ว) หรือไม่มีวันท่ีรับรอง ผู้ทรงทาการ
มีวันท่รี ับรองกด็ ี ผู้ทรงจะจดวันท่ี โดยสุจริต แต่ลงวันท่ีดังกล่าวคลาดเคล่ือนไป
ออกตั๋ว หรือวันท่ีรับรองตาม โดยสาคัญ ผิด ตั๋วฯ ไม่เสียไปเพราะเหตุ
ความเป็นจริงลงไว้กไ็ ด้ ดงั กล่าวแต่ยังคงใช้ได้
กรณไี ม่ลงวนั รบั รองตวั๋ (ม.๙๓๓)๓๗
- กรณีท่ีผู้จ่ายมิได้ลงวันท่ีรับรองไว้เลยและไม่มีผู้ทรงคนใดจดวันท่ีถูกต้อง
แท้จริงลงในภายหลังด้วย๓๘ กฎหมายให้ถือเอาวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาอัน
กาหนดไว้ เพ่ือการรับรองน้ันเป็นวันรับรอง
๓๖ มาตรา ๙๓๒ “ตวั๋ แลกเงินฉบบั ใดเขยี นส่งั ให้ใช้เงินในกาหนดระยะเวลาอย่างใดอย่างหน่ึงนับ
แต่วนั ท่ลี งในตวั๋ เงินน้ัน แต่หากมไิ ด้ลงวนั ไว้กด็ ี หรือตวั๋ เงินฉบบั ใดส่งั ให้ใช้เงินในกาหนดระยะเวลาอย่างใด
อย่างหน่งึ นับแต่ได้เหน็ แต่หากคารับรองตวั๋ น้นั มไิ ด้ลงวันไว้กด็ ี ตวั๋ แลกเงินเช่นว่ามาน้ี ท่านว่าผู้ทรงจะจดวัน
ออกตวั๋ หรอื วนั รบั รองลงตามท่แี ท้จรงิ กไ็ ด้ แล้วพึงให้ใช้เงนิ ตามน้ัน
อน่ึงท่านบัญญัติไว้ว่า ในกรณีท่ผี ู้ทรงทาการโดยสจุ ริตแต่ลงวันคลาดเคล่ือนไปด้วยสาคญั ผดิ และ
ในกรณีลงวันผิดทุกสถาน หากว่าในภายหลังตวั๋ เงินน้ันตกไปยังมอื ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ตวั๋ เงิน
จะเสยี ไปเพราะเหตุน้ันกห็ าไม่ ท่านให้คงเป็นตั๋วเงินท่ีใช้ได้ และพึงใช้เงินกันเสมือนดงั ว่าวันท่ไี ด้จดลงน้ัน
เป็นวนั ท่ถี กู ต้องแท้จรงิ ”
๓๗ มาตรา ๙๓๓ “ถ้าการรับรองมิได้ลงวัน ท่านให้ถือเอาวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาอนั กาหนดไว้
เพ่ือรบั รองน้นั เป็นวนั รบั รอง”
๓๘ แม้ผ้รู ับรองจะไม่ได้ลงวันท่รี ับรองไว้ ผู้ทรงกม็ ีอานาจท่จี ะจดวันรับรองท่ถี ูกต้องแท้จรงิ ลงไปได้
โดยไม่ถอื ว่าเป็นการแก้ไขเปล่ยี นแปลงตามมาตรา ๑๐๐๗
๗๔
การรบั รองเบยี่ งบา่ ยอย่างมีเงอื่ นไขกบั
การรบั รองเบยี่ งบ่ายบางส่วน
การรบั รองเบยี่ งบ่ายอย่างมีเงอื่ นไข การรบั รองเบยี่ งบา่ ยบางส่วน
๑. ผู้ส่งั จ่ายหรือผู้สลักหลังจะต้องให้อานาจ ๑. ผู้ทรงเพียงบอกกล่าวโดยชอบไปยังผู้ส่ัง
หรื อให้ ความยินยอม (โดยชัดแจ้ งหรื อ จ่ า ย แ ล ะ ผ้ ู ส ลั ก ห ลั ง ใ น ก า ร ท่ี เข า รั บ ร อ ง
โดยปริยาย) ในการท่ีผู้ทรงยอมรับเอา บ างส่วน ผู้ส่ังจ่ายและผู้ สลักห ลังจะ
คารับรองดงั กล่าว ยินยอมหรือไม่กต็ าม ต่างยังคงต้องรับผิด
ตามจานวนเงินในตั๋วแลกเงินน้ันท้ังท่ีเขา
๒. ผู้ส่ังจ่ายหรือผู้สลักหลังซ่ึง เป็ นผู้ให้ ยังมิได้รับรองและท้งั ท่ี เขารับรองแล้ว แต่
อานาจหรือให้ ความยินยอม ผู้น้ันยัง ไม่มกี ารจ่ายเงิน
ต้ องรับผิด ส่วนผู้ท่ีไม่ให้ อานาจหรือ
ความยินยอม หากผู้ทรงฝ่ าฝื นไปยอม ๒. ผู้ทรงต้องบอกกล่าวผู้ส่ังจ่าย และผู้สลัก
รับเอา คารับรองดังกล่าว ผู้น้ันย่อมหลุด หลังทุกคนตาม ข้อ ๑. หากมิได้บอกกล่าว
พ้นจากความรับผดิ ตามตวั๋ แลกเงินน้ัน คนใด คนน้ันย่อมหลุดพ้นจากความรับ
ผิด เพราะถือว่าผู้ทรงมิได้บอกกล่าวก่อน
แล้วโดยชอบ
ขอ้ สงั เกต การรับรองเบ่ียงบ่ายท้งั ๒ กรณี มีผลบังคับเฉพาะผู้ส่งั จ่ายและผู้สลักหลังเท่าน้ัน ไม่รวม
ไปถึงผู้รับอาวัลและผู้สอดเข้ารับรองเพ่ือแก้หน้าด้วย
บอกปัดโดยตรง ๗๕
(ม.๙๒๙)
การบอกปัดไม่รบั รอง
บอกปัดโดยปริยาย
(ม.๙๓๔)
เป็ นกรณีท่ีผู้จ่ายได้แสดงออกมาโดยตรง เช่น ผู้จ่ายอิดเอ้ือน ไม่ยอมรับรองจนกระท่ัว
(ด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษร) ว่าจะไม่ เวลาล่วงไป ๒๔ ช่ัวโมง (ม.๙๒๙)หรือเม่ือผู้
รับรอง สง่ ผลให้ตวั๋ แลกเงินขาดความเช่ือถือ จ่ายเขียนคารั บรองลงในตั๋วแลกเงินน้ั นแล้ ว
แต่กลับใจ ได้ขีดฆ่าคารับรองน้ันออกก่อน
เพราะเหตุว่าไม่มีการรับรอง ผู้ทรงมีสิทธิท่ี มอบตั๋วฯ คืนผู้ทรง ให้ถือว่าเป็ นการบอกปัด
จะไล่เบ้ียตาม ม.๙๕๙ (ข) (๑) ไม่ยอมรับรอง เว้นแต่ ผู้จ่ายได้ แจ้ งเป็ น
หนังสือไปยังผู้ทรงหรือคู่สัญญาคนอ่ืน ๆ ใน
ตวั๋ ฯ คนใดคนหน่ึงว่า ตนได้รับรองตวั๋ แลกเงิน
น้ันแล้ว จึงมาขีดฆ่าคารับรองภายหลัง ดังน้ี
ผู้จ่ายยังคงผูกพันตามเน้ือความท่ไี ด้รับรองไว้
แล้ว การขดี ฆ่าย่อมไม่เป็นผล (ม.๙๓๔)
ขอ้ พจิ ารณาเกยี่ วกบั เงอื่
ผู้ส่งั จ่ายเขียนเง่อื นไขในการ ผู้ส่งั จ่ายและผู้สลักหลังเขยี น ผู้สลักห
จ่ายเงนิ เง่อื นไขในการรับผิด
ไม่สมบูรณ์เป็นตัว๋ แลกเงนิ ตาม เง่อื นไขท่ผี ู้ส่งั จ่ายหรือผู้สลักหลัง ตั๋วแลก
มาตรา ๙๑๐ วรรคแรก เง่ือนไข
เพราะในการออกตั๋วเงินน้ัน กาหนดลงไปในตัว๋ แลกเงินมีผล แลกเงิน
ต้ องเป็ นคาส่ังอันปราศจาก
เง่ือนไขให้ ใช้ เงินเป็ นจานวนท่ี บังคับได้ ถือเป็ นข้อกาหนดลบ
แน่ นอนตามมาตรา ๙ ๐๙
(๒) ล้ างหรื อจากัดความรั บผิดตาม
มาตรา ๙๑๕ (๑)
- ๗๖ -
อนไขต่าง ๆ ในตว๋ั แลกเงนิ ผู้รับรองเขียนเง่อื นไขในการรับรอง
(ม.๙๓๕, ๙๓๖)
หลังเขยี นเง่อื นไขในการสลักหลัง
(ม.๙๒๒ วรรคแรก)
กเงินน้ันยังคงใช้ได้ เสมือนว่า ตั๋วแลกเงินน้ันยังคงใช้ได้ ถือว่าเป็ นการรับรอง
ขน้ันมิได้ ถูกเขียนลงไว้ ในตั๋ว เบ่ียงบ่ายอย่างมีเง่ือนไข ผู้ทรงมีสิทธิจะบอกปัด
นน้ันเลย (ม.๙๒๒ วรรคแรก) (ปฏิเสธ) ไม่ยอมรับและถือว่าตั๋วฯ น้ันขาดความ
เช่ือถือเพราะไม่มีการรับรอง (ม.๙๓๖ วรรคแรก)
หรือ ผู้ทรงจะยอมรับเอาคารับรองดังกล่าวกไ็ ด้
หากพอใจย่อมเป็ นความตกลงระหว่างผู้ทรงกับผู้
ส่ังจ่ายและหรือผู้สลักหลัง ซ่ึงหากเขาเหล่าน้ันให้
อานาจหรือให้ความยินยอม (โดยชัดแจ้งหรือโดย
ปริยาย) แล้ว ย่อมต้องผูกพันรับผิด ผู้ทรงมีสิทธิ
บังคับเอากับเขาเหล่าน้ันได้ (ม.๙๓๖ วรรค ๒
และวรรคท้าย)
- ๗๗ -
การสลกั หลงั บางส่วนกบั การรบั รองบางส่วน
ผสู้ ลกั หลงั ผรู้ บั รอง
สลกั หลงั โอนตวั๋ แลกเงนิ บางส่วน รบั รองการใชเ้ งินบางส่วน
เฉพาะการสลักหลังโอนบางส่วนน้ัน ตก ตั๋วแลกเงินยังคงใช้ได้ ถือว่าเป็ นการรับรองเบ่ียง
เป็ นโมฆะเสียเปล่าใช้ บังคับไม่ได้ มีผลให้
เสมือนมิได้มีการสลักหลังโอนตัว๋ แลกเงิน บ่ายบางส่วน ผู้ทรงมีสิทธิท่ีจะบอกปัด ปฏิเสธไม่
น้ัน ตั๋วแลกเงินน้ันยังคงสมบูรณ์เฉพาะ
คู่สัญญาเดิมก่อนท่ีจะมีการสลักหลังโอน ยอมรับและถือว่าตั๋วแลกเงินน้ันขาดความเช่ือถือ
บางสว่ นน้ัน (ม.๙๒๒ วรรคท้าย) เพราะไม่มีการรับรอง (ม.๙๓๖ วรรคแรก) แต่ถ้าผู้
ทรงยอมรับเอาการรับรองบางส่วนน้ันกส็ ามารถมี
ผลบั งคั บ เอ ากับ ผู้ รั บ รอ งได้ ต ามเน้ ื อ ค วามท่ีเขา
รับรองน้ัน (ม.๙๓๗) และถ้าผู้ทรงได้บอกกล่าวโดย
ชอบไปยังผู้ส่ังจ่ายและบรรดาผู้สลักหลังแล้ ว
บุคคลเหล่าน้ันยังคงต้ องรับผิดตามเน้ือความ
ท้งั หมดในตวั๋ ๆ น้ัน (ม.๙๓๖ วรรคสอง)
ขอ้ สงั เกต
1. กรณผี ู้รับอาวัล สามารถแสดงเจตนารับอาวัลตวั๋ แลกเงินเพียงบางส่วนได้
(ม.๙๓๘ วรรคแรก)
2. กรณีผู้สอดเข้ารับรองเพ่ือแก้หน้า และผู้สอดเข้ารับรองการใช้เงินเพียงบางส่วน ไม่มี
กฎหมายบัญญัติให้ทาได้ แต่กไ็ ม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้ กฎหมายเพียงบัญญัติถึง
วิธกี ารสอดเข้าแก้หน้าเทา่ น้ัน (ม.๙๕๒)
๗๘
๒.๗ การอาวลั
ความผูกพนั ของผรู้ บั อาวลั
๑. ผู้รับอาวัล ต้องผูกพันรับผิดเช่นเดยี วกนั กบั บุคคลซ่ึงตนประกนั (ม.๙๔๐ วรรคแรก)
๒. คู่สัญญาผู้ท่ีถูกรับอาวัลอาจหลุดพ้นจากความรับผิดเพราะเหตุอ่ืน แต่ผู้รับอาวัลหา
หลุดพ้นจากความรับผิดไปด้วยไม่ เว้นแต่การท่คี ู่สัญญา ผู๋ ๋้ ถูกรับอาวัลหลุดพ้นฯ เพราะเป็น
เร่ืองผิดแบบ ผู้รับอาวัลกย็ ่อมหลุดพ้นจากความรับผดิ ไปด้วย (ม.๙๔๐ วรรคสอง)
๓. ผู้รับอาวัล หากได้ใช้เงินให้ผู้ทรงไปแล้ว ย่อมได้สิทธิไล่เบ้ียเอากับบุคคลซ่ึงตนได้
ประกนั ไว้และคู่สญั ญาอ่นื ๆ ท่ตี ้องรับผดิ ต่อบุคคลท่ตี นประกนั (ม.๙๔๐ วรรคท้าย)
การอาวลั เกดิ ข้ ึนไดใ้ น ๒ กรณี คอื
การอาวลั โดยผลของกฎหมาย การอาวลั โดยการแสดงเจตนา
ตามวิธีการทีก่ ฎหมายบญั ญตั ิไว้
หมายถึง กรณีท่ีผู้ทรงตั๋วแลกเงิน ซ่ึงส่ังให้
ใช้เงินแก่ผู้ถือ ( ผู้ทรงตั๋วผู้ถือ )สลักหลัง หมายถึง กรณีท่บี ุคคลภายนอก หรือคู่สัญญาท่ี
(ลอยหรือเฉพาะ) โอนตั๋วฯ น้ันให้แก่ผู้ทรง ต้ อ งรั บ ผิ ด ต ามตั๋วแ ลกเงิน ส มัครใจโด ยแ สด ง
คนใหม่ ดังน้ี ผู้ลงลายมือช่ือน้ันต้องผูกพัน เจตนาเข้ารับอาวัลคู่สัญญาคนหน่ึงคนใดในตวั๋ ฯ
รับผิดในฐานะเป็นประกัน(อาวัล) สาหรับผู้ ( ม.๙๓๘ วรรคท้าย )
ส่งั จ่าย (ม.๙๒๑)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ ๓๕๐๙/๒๕๔๒ โจทกล์ งลายมอื ช่ือสลักหลังเชค็ พิพาทซ่ึงเป็นเชค็ ผู้ถือ
มีผลเป็นการประกันหรืออาวัลผู้ส่ังจ่าย ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๙๒๑ ประกอบมาตรา ๙๘๙ ซ่ึงเป็น
การอาวัลตามผลของกฎหมาย มิใช่การอาวัลตามมาตรา ๙๓๙ จึงไม่ต้องมีการเขียนข้อความระบุ
ว่า ใช้ได้เป็นอาวัลอกี
คาพิพากษาฎีกาที่ ๔๓๘๓/๒๕๔๕ เชค็ พิพาทระบุช่ือโจทกเ์ ป็นผู้รับเงิน แต่ไม่ได้ขดี ฆ่าคา
ว่าผู้ถือเช็คพิพาทจึงเป็ นเช็คท่ีส่ังให้ใช้เงินแก่ผู้ถือด้วย การสลักหลังเช็คท่ีส่ังให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ
ป.พ.พ. มาตรา ๙๒๑ ประกอบด้วยมาตรา ๙๘๙ บัญญัติว่าเป็นเพียงประกนั (อาวัล) สาหรับผู้ส่งั
จ่าย หาได้ถือว่าเป็นผู้สลักหลังตามกฎหมายไม่ ดังน้ัน การท่โี จทก์สลักหลังเชค็ พิพาทไม่ว่าจะเป็น
๗๙
การกระทาเพ่ือเรียกเกบ็ เงินผ่านบัญชีของผู้อ่ืนซ่ึงเป็ นตัวแทน หรือโอนเชค็ พิพาทไป เม่ือเช็ค
พิพาทถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ได้เชค็ พิพาทกลับมาอยู่ในความยึดถือครอบครอง
โจทกย์ ่อมมีฐานะเป็นผู้ทรงเชค็ พิพาท ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๐๔ จึงมีอานาจฟ้ องจาเลยผู้ส่ังจ่าย
ภายในอายุความ ๑ ปี นับแต่วันท่เี ชค็ พิพาทถงึ กาหนด ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๒
การแสดงอาวลั ( ม.๙๓๙ ๓๙ )
๑. ผู้รับอาวัลเขียนข้อความว่า “ใช้ได้เป็น ๒. ผู้รับอาวัลลงลายมือช่ือของตนด้านหน้า
อาวัล” หรือสานวนอ่นื ทานองเช่นเดียวกัน
ตัว๋ แลกเงินน้ันกเ็ ป็นการอาวัลแล้ว ยกเว้น ๒
แต่ต้ องระบุว่ารับอาวัลคู่สัญญาคนใด
(หากไม่ระบุไว้ถอื ว่ารับอาวัลผู้ส่งั จ่าย) และ กรณีคอื
๒.๑ ผู้จ่าย และ
ต้องลงลายมือช่ือผู้รับอาวัลในตั๋วแลกเงิน ๒.๒ ผู้ส่งั จ่าย (ม.๙๓๙ วรรคสาม)
หรือในใบประจาต่อกไ็ ด้ (ม.๙๓๙ วรรค
แรก และวรรคสอง)
ตวั อย่างคาถาม นายจันทร์ออกเชค็ ผู้ถือลงวันท่ลี ่วงหน้าชาระหน้ีเงินยมื ให้แก่นายองั คาร
ต่อมานายอังคารลงลายมือช่ือสลักหลังเช็คดังกล่าวชาระหน้ีค่าสินค้าให้แก่นายพุธ ก่อนเชค็ ถึง
กาหนดนายพุธมภี ารกจิ สาคัญต้องเดนิ ทางไปต่างประเทศเป็นเวลาหลายเดอื น เกรงว่าเม่อื เดินทาง
กลับมาล่วงเลยวันถึงกาหนดใช้เงินตามเชค็ ทาให้เรียกเกบ็ เงินไม่ได้ จึงขอให้นายอังคารออกเชค็
ฉบับใหม่ให้แทน แต่นายองั คารไม่ยินยอม นายพุธได้ไปขอร้องนายจันทร์ให้แก้ไขวันท่ที ่ลี งในเชค็
นายจันทร์ตกลงยินยอมโดยขีดฆ่าวันเดือนปี ในเชค็ ท่ลี งไว้เดิมและเขียนวันเดือนปี ในเชค็ ใหม่แล้ว
๓๙ มาตรา ๙๓๙ “อนั การรับอาวลั ย่อมทาให้กนั ด้วยเขยี นลงในตวั๋ เงินน้นั เอง หรอื ท่ใี บประจาต่อ
ในการน้พี ึงใช้ถ้อยคาสานวนว่า "ใช้ได้เป็นอาวัล" หรือสานวนอ่นื ใดทานองเดยี วกนั น้นั และลงลายมอื
ช่อื ผ้รู ับอาวลั
อน่ึงเพียงแต่ลงลายมอื ช่ือของผู้รบั อาวลั ในด้านหน้าแห่งตวั๋ เงินท่านกจ็ ัดว่าเป็นคารบั อาวลั แล้ว เว้นแต่
ในกรณที ่เี ป็นลายมอื ช่ือของผู้จ่ายหรอื ผู้ส่งั จ่าย
ในคารับอาวลั ต้องระบุว่ารับประกนั ผ้ใู ด หากมไิ ด้ระบุ ท่านให้ถอื ว่ารับประกนั ผ้สู ง่ั จ่าย”
๘๐
ลงลายมอื ช่ือกากบั ไว้ โดยนายองั คารไม่ทราบเร่ืองด้วย เม่อื เชค็ ถึงกาหนดตามวันท่ที ่แี ก้ไข นายพุธ
นาเชค็ ไปเรียกเกบ็ เงนิ ธนาคารตามเชค็ ปฏเิ สธการจ่ายเงนิ
ในวินิจฉัยว่า นายพุธจะเรียกให้นายจันทร์และนายอังคารรับผิดใช้เงินตามเชค็ ได้หรือไม่
(ข้อสอบเนตบิ ัณฑติ ยสภา สมยั ท่ี ๕๔ ปี การศึกษา ๒๕๔๔)
แนวคาตอบ นายอังคารลงลายมือช่ือสลักหลังเช็คผู้ถือย่อมเป็ นประกัน (อาวัล)
สาหรับนายจันทร์ผู้ส่งั จ่ายและมีความผูกพันเป็นอย่างเดียวกันกับนายจันทร์บุคคลซ่ึงตนประกัน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๙๘๙ ประกอบมาตรา ๙๒๑ และ ๙๔๐ วรรคหน่ึง
การท่นี ายจันทร์ผู้ส่งั จ่ายแก้ไขวันเดือนปี ในเชค็ เป็นการแก้ไขเปล่ียนแปลงในข้อสาคัญและ
เป็นท่ปี ระจักษ์ท่ีผลทาให้เชค็ น้ันเป็ นอันเสียไป แต่ยังคงใช้ได้ต่อนายจันทร์ซ่ึงเป็ นผู้ทาการแก้ไข
เปล่ียนแปลงน้ันตามมาตรา ๑๐๐๗ วรรคหน่ึง เม่ือธนาคารตามเชค็ ปฏเิ สธการจ่ายเงิน นายพุธจึง
เรียกให้นายจันทร์รับผิดใช้เงินตามเชค็ ท่แี ก้ไขแล้วได้ แม้นายองั คารจะเป็นผู้รับอาวัลผู้ส่งั จ่ายและ
และมีความผูกพันเป็ นอย่างเดียวกับนายจันทร์กต็ าม แต่เม่ือนายอังคารมิได้ยินยอมด้วยกับการ
แก้ไขเปล่ียนแปลงดังกล่าว ย่อมมีผลทาให้เชค็ น้ันเป็นอนั เสียไป นายพุธจะอ้างเอาผลของการท่เี ชค็
ถูกแก้ไขเปล่ียนแปลงวันท่ีลงในเชค็ โดยนายอังคารมิได้ยินยอมกับการแก้ไขเปล่ียนแปลงน้ันมา
เรียกให้นายองั คารรับผิดใช้เงนิ ตามเชค็ ไม่ได้ เพราะมีผลเท่ากบั ให้นายพุธยังคงใช้เชค็ อ้างสิทธิต่อ
นายองั คารซ่ึงมไิ ด้ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปล่ียนแปลงน้ันได้ต่อไปอกี เป็นการไม่ชอบด้วยมาตรา
๑๐๐๗ วรรคหน่ึง นายพุธจึงเรียกให้นายอังคารรับผิดใช้เงินตามเช็คไม่ได้ (คาพิพากษาฎีกาท่ี
๑๐๔๓/๒๕๔๓ และ ๓๓๙๗/๒๕๓๖)
๒.๘ การสอ
๑. การสอดเขา้ รบั รองเพอื่ แกห้ นา้
- เกดิ ข้นึ ก่อนตวั๋ แลกเงินถงึ กาหนดใช้เงนิ ในกรณที ่ตี วั๋ ฯ น้ันขาด
ความเช่อื ถอื เพราะผ้จู ่ายไม่ยอมรับรอง (ม.๙๕๑ วรรคแรก)
เพ่ือให้ตวั๋ แลกเงนิ ฉบบั น้นั กลับคนื ดใี ช้ได้ต่อไป
บุคคลท่เี ข้าไปทาให้ตวั๋ ฯ ใช้ได้ด้วยการสอด
เข้ารับรองเพ่ือแก้หน้า
บุ ค ค ล ท่ี ผ้ ู ส่ั ง จ่ า ย ห รื อ ผ้ ู ส ลั ก บุคคลท่สี มัครใจเข้ามารับรองให้เม่อื ตัว๋ ขาดความ
เช่ือถือ ซ่ึงอาจเป็ นบุคคลภายนอก หรือคู่สัญญา
หลังระบุช่ือไว้ แล้ วต้ังแต่แรก อ่ืนผู้ต้องผูกพันรับผิดตามตั๋วฯอยู่ก่อนแล้วกไ็ ด้
เรียกว่า “ผู้จะรับรอง” (ม.๙๕๐ เรียกว่า “ ผู้สอดเข้ารับรองเพ่ือแก้หน้า ” เว้นแต่
วรรคแรก)
ผู้รับรอง จะสอดเข้ ารับรองเพ่ือแก้ หน้ าไม่ได้
เพราะตกเป็ นลูกหน้ีช้ันต้นอยู่ก่อนแล้วและเหตุท่ี
จะมีการสอดเข้าแก้หน้ ากเ็ พราะตั๋วฯขาดความ
เช่อื ถอื เน่อื งจากขาดการรับรอง(ม.๙๕๐ วรรคท้าย)
- ๘๑ -
อดเขา้ แกห้ นา้
๒. การสอดเขา้ ใชเ้ งนิ เพอื่ แกห้ นา้
- เกดิ ข้นึ ก่อนหรอื ขณะตวั๋ แลกเงนิ น้นั ถงึ กาหนดใช้เงินกไ็ ด้ แต่ตวั๋ ฯ
น้นั ขาดความเช่ือถอื เพราะไม่มกี ารใช้เงนิ (ม.๙๕๔, วรรคแรก)
เพ่ือให้ตวั๋ แลกเงินฉบบั น้นั มกี ารใช้เงนิ เป็นการช่วยก้ชู ่อื เสยี ง
ค่สู ญั ญาคนใดคนหน่งึ ในตวั๋ ฯ ด้วยการสอดเข้าใช้เงนิ เพ่ือแก้หน้า
บุคคลท่เี ข้าไปใช้เงินเพ่ือแก้หน้า
บุคคลท่ีเขา (ผู้ส่ังจ่ายหรือผู้สลักหลัง)ระบุ บุคคลท่สี มัครใจเข้ามารับรองให้เม่อื ตั๋วขาดความ
ช่ือไว้ แล้ วแต่แรกเรียกว่า “ผู้ใช้ เงินยาม เช่ือถือ (เป็ นผู้สอดเข้ารับรองเพ่ือแก้หน้า) และ
ประสงค”์ (ม.๙๕๕ วรรคแรก)
ต่อมาได้ใช้เงินตามจานวนท่รี ับรองไว้น้ันแก่ผู้ทรง
(ม.๙๕๓) หรือบุคคลท่ีสมคั รใจสอดเข้าใช้เงินทนั ที
เพ่ื อแก้ หน้ าคู่สัญญ าคนใดคนหน่ึงซ่ึงต้ องรับผิด
ตามตั๋วฯ น้ันโดยไม่จาต้องเข้ารับรองเพ่ือแก้หน้า
เสยี ก่อน (ม.๙๕๖ วรรคแรก)
๘๒
การสอดเขา้ รบั รองเพอื่ แกห้ นา้ แล
ขอ้ เหมือน
๑. มีจุดมุ่งหมายเช่นเดียวกัน เป็ นการเปิ ดโอกาสให้บุคคลภายนอก การสอดเขา้ รบั
หรือคู่สัญญาบางคนสอดเข้ามาผูกพันเป็ นคู่สัญญาและหรือเข้ามา
ปฏบิ ัติการชาระหน้ีได้ (ม.๙๕๐) ซ่ึงตามหลักท่ัวไปแล้ว บุคคลท่สี ามผู้ ๑. เกิดข้ึนต่อเม่ือผู้ทรงมีสทิ ธไิ ล
ไม่มสี ่วนได้เสยี จะเข้ามาชาระหน้ีแทนลูกหน้ีในเม่ือเจ้าหน้ไี ม่ยนิ ยอมหา ตั๋วฯ น้ันเป็ นตั๋วท่ีสามารถจะร
ได้ไม่ (ม.๓๑๔, ๓๒๐) เพราะไม่มีการรบั รอง) (ม.๙๕๑
๒. ผู้สอดเข้ารับรองเพ่ือแก้หน้า มีความรับผดิ เป็ นอย่างเดียวกันกบั ผู้ ๒. ผู้ทรงบอกปัดการสอดเข้าร
ท่ีคนเข้าแก้หน้า (ม.๙๕๓) เช่นเดียวกับผู้สอดเข้าใช้เงินเพ่ือแก้หน้า วรรค สอง) เพราะถ้าผู้ทรงยอม
เม่อื จะสอดเข้าใช้เงินแก้หน้าใครกต็ ้องใช้เงนิ เตม็ จานวนเทา่ ท่คี ่สู ญั ญาผู้ ตวั๋ ฯ ถงึ กาหนด (ม.๙๕๑ วรรคท
ทคี นประสงค์จะแก้หน้าน้ันยงั ต้องรับผดิ อยู่ (ม.๙๕๖ วรรคแรก)
๓. วิธกี ารสอดเข้ารบั รองเพ่ือแก
๓. ผู้สอดเข้ารับรองเพ่ือแก้หน้า เม่ือได้ใช้ เงินแล้ว ย่อมกลายเป็ นผู้ ว่าจะรับรองฯ เพ่ือผู้ใดและลงล
สอดเข้าใช้เงินเพ่ือแก้หน้า และย่อมได้รับช่วงสทิ ธทิ ้งั ปวงจากผู้ทรงไป หน้าจงึ เป็นการเข้าผูกพันเป็นค่สู
บังคับเอากบั คู่สญั ญาท่ตี นได้ใช้เงินแทนไป และต่อคู่สญั ญาท่ตี นได้ใช้
เงินแทนไป และต่อคู่สัญญาท้งั หลายผู้ต้องรับผิดต่อคู่สัญญาฝ่ ายน้ัน ๔. ตวั๋ ฯ ท่มี ีการสอดเข้ารบั รองฯ
(คู่สญั ญาท่คี นใช้เงินแทนไป ) ม.๙๕๘ วรรคแรก) โอนหรือสง่ มอบต่อไปอกี ได้ (เพ
๒
ละการสอดเขา้ ใชเ้ งนิ เพอื่ แกห้ นา้
ขอ้ แตกต่าง
บรองเพอื่ แกห้ นา้ การสอดเขา้ ใชเ้ งินเพอื่ แกห้ นา้
ล่เบ้ียได้ก่อนตั๋วฯ ถึงกาหนด และ ๑. เกิดข้ึนต่อเม่ือผู้ทรงมีสทิ ธิไล่เบ้ียได้ก่อนตั๋วฯ ถึงกาหนดหรือเม่ือตั๋วฯ ถึง
รับรองได้ (แต่ขาดความเช่ือถือ กาหนดแล้วก็ได้ และไม่จากัดว่า ตั๋วฯ น้ันจะสามารถนาไปย่ืนให้รับรองได้
วรรคแรก) หรือไม่กไ็ ด้ (ม.๙๕๔ วรรคแรก)
รับรองเพ่ือแก้หน้าได้ (ม.๙๕๑ ๒. ผู้ทรงบอกปัดการสอดเข้าใช้เงินเพ่ือแก้หน้าไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมาย
มรับ ผู้ทรงย่อมส้นิ สทิ ธไิ ล่เบ้ียก่อน บัญญัติให้ทาได้ (ม.๙๕๔) ถ้าผู้ทรงบอกปัดฯ ผู้ทรงย่อมเสยี สทิ ธิไล่เบ้ียเอาแก่
ท้าย) บคุ คลท้งั หลายซ่งึ พอจะหลดุ พ้นฯ จากความรับผดิ (ม.๙๕๖ วรรคท้าย)
ก้หน้าต้องเขียนระบุความบนตัว๋ ฯ ๓. วธิ กี ารสอดเข้าใช้เงินเพ่ือแก้หน้าไม่จาต้องกระทาดังเช่นการสอดเข้ารับรอง
ลายมือช่ือผู้สอดเข้ารับรองเพ่ือแก้ ฯ เพราะการสอดเข้าใช้เงินฯ เป็ นการเข้าปฏิบัติการชาระหน้ีโดยตรงทีเดียว
สญั ญาต่อผ้ทู รง (ม.๙๕๒) เพียงแต่ต้องทาให้เป็ นหลักฐานด้วยการขอให้ผู้ทรงจดข้อความลงในตั๋วฯ ว่า
ผ้ใู ช้เงินได้ใช้เงนิ เพ่ือผ้ใู ด (ม.๙๕๗ วรรคแรก)
ฯ ไปแล้วผู้ทรงมสี ทิ ธทิ ่จี ะสลกั หลัง
พราะยงั ไม่ถึงกาหนดวันใช้เงิน) ๔. ตัว๋ ฯ ท่มี กี ารสอดเข้าใช้เงินฯ ไปแล้วน้ันย่อมเป็ นอนั ขาดอายุความเป็นตัว๋ ฯ
จงึ ไม่เป็นตัว๋ อกี ต่อไป ฉะน้นั ผ้สู อดเข้าใช้เงนิ ฯ จะสลกั หลังหรือโอนโดยส่งมอบ
ต่อไปอกี ไม่ได้ (ม.๙๕๘ วรรคแรก)
- ๘๓ -
๒.๙ สทิ ธิไล่เบ้ ยี
เหตุทีก่ ่อใหเ้ กิดสิทธิไล่เบ้ ยี
๑. ใชส้ ิทธิไล่เบ้ ยี ก่อนถงึ กาหนดใชเ้ งิน ๒. ใชส้ ิทธิไล่เบ้ ยี เมอื่ ถึงกาหนดใชเ้ งนิ
๑.๑ เม่ือผู้จ่ายบอกปัดไม่ยอมรับรอง (ม. ๒.๑ กรณีท่ีตั๋วแลกเงิน ถึงกาหนดใช้
๙๑๔, ม.๙๕๙ ข) (๑)) หรือ เงินแล้ว แต่ผู้จ่ายหรือผู้รับรองไม่ยอมใช้
๑.๒ เม่ือผู้จ่ายรับรองเบ่ียงบ่าย และผู้ทรง เงินให้ (ม.๙๕๙ ก))
ไม่ยอมรับ (ม.๙๓๖ วรรคแรก) หรือ ๒.๒ กรณีท่ตี ั๋วแลกเงิน ถึงกาหนดใช้
๑.๓ เม่ือผู้จ่ายตกเป็ นคนล้มละลาย หรือ
เงินแล้ว แต่ผู้จ่ายหรือผู้รับรองจะใช้เงิน
ได้งดเว้นการใช้หน้ี แม้การงดเว้นการใช้หน้ี
ให้แต่เพียงบางส่วน ผู้ทรงชอบท่ีจะบอก
น้ันจะมิได้มีคาพิพากษาเป็ นหลักฐานกต็ าม ปัดเสยี ได้ (ม.๙๔๖ วรรคแรก)
หรือถ้าผู้จ่ายถูกยดึ ทรัพยแ์ ละการยดึ ทรัพยน์ ้ัน
ไร้ผล (ม.๙๕๙ ข) (๒)) หรือ
๑.๔ เม่ือผู้ส่ังจ่ายตั๋วแลกเงินชนิดไม่
จาเป็ นต้ องให้ ผู้ใดรับรองน้ันตก เป็ นคน
ล้มละลาย (ม.๙๕๙ ข) (๓))
ขอ้ สงั เกต
(๑) ผู้ทรงต้องทาคาคัดค้านภายในระยะเวลาและบอกกล่าวตามวิธกี ารท่กี ฎหมายกาหนด
ด้วย (ม.๙๖๐-๙๖๓)
เว้นแต่ กรณตี ่อไปน้ี
(๑.๑) กรณีท่ผี ู้ส่งั จ่ายหรือผู้สลักหลังลงข้อกาหนดลดละหน้าท่ใี นตวั๋ แลกเงิน (ม.๙๑๕
(๒)) หรือ
(๑.๒) กรณีท่เี ป็นตัว๋ เงินภายในประเทศ ถ้าผู้จ่ายบันทกึ ลงไว้ในตวั๋ แลกเงินว่าบอกปัด
ไม่ยอมรับรองหรือไม่ยอมใช้เงนิ ลงวันท่แี ละลายมอื ช่ือของผู้จ่ายลงไว้ด้วย ย่อม
เป็นการชัดเจนว่าตัว๋ ขาดความเช่ือถือแล้ว คาคัดค้านกไ็ ม่จาต้องทา (ม.๙๖๕)
(๒) ผู้ทรงมีสทิ ธไิ ล่เบ้ียเอาแก่ผู้ส่งั จ่าย, ผู้สลักหลัง และบุคคลอ่นื ๆ ท่ตี ้องรับผิดตามตวั๋ ฯ
(ในท่นี ้ีหมายถึงผู้รับอาวัล และผู้สอดเข้ารับรองเพ่ือแก้หน้า) (ม.๙๔๐, ๙๕๓)
๘๔
๒.๑๐ ความรบั ผดิ ในการใชเ้ งินตามตว๋ั แลกเงินของคู่สญั ญาตามตว๋ั
แบง่ ออกไดเ้ ป็ น ๓ ประเภทคือ
๑. เมอื่ เป็ นลูกหน้ ี ๒. เมอื่ ถูกไล่เบ้ ยี ๓. เมื่อถูกเรียกร้องให้ใช้เงินจาก
เช่น ผู้ส่งั จ่าย, ผู้สลักหลัง
ช้นั ตน้ , ผู้รับอาวัลและผู้สอดเข้า บุคคลทีเ่ ป็ นคู่สญั ญาภายหลงั ตนโดย
เช่น ผู้รับรอง รับรองเพ่ือแก้หน้า) ที่บุคคลน้นั ไดใ้ ช้เงินตามตวั๋ และได้
(ม.๙๓๑, ๙๓๗) (ม.๙๖๗ วรรค ๑ - ๒,
เขา้ ถอื เอาแลกเงินน้นั แลว้
วรรคท้าย) (ม.๙๖๗ วรรค ๓, ๙๖๙)
จานวนเงินทีค่ ู่สญั ญาในตวั๋ แลกเงินจะตอ้ งรบั ผดิ
กรณีทีผ่ ทู้ รงเรียกรอ้ งเอาจากบุคคลซึ่ง กรณีที่คู่สัญญาซึ่งถูกบงั คับให้ใช้เงินตามตั๋ว
ตนใชส้ ิทธิไล่เบ้ ยี (ม.๙๖๘) คือ
แ ล ก เงิ น น้ ัน ไ ป แ ล ้ว ม า เรี ย ก เอ า เงิ น คื น จ า ก
๑. จานวนเงินในตวั๋ แลกเงนิ และดอกเบ้ีย คู่สญั ญาท้งั หลายซึ่งตอ้ งรบั ผดิ ต่อตน (ม.๙๖๙)
(กรณมี ีข้อกาหนดไว้ว่าให้คิดอกเบ้ีย)
คือ
๒. ดอกเบ้ียร้อยละห้าต่อปี นับแต่วันท่ตี วั๋ ๑. เงนิ เตม็ จานวนตามท่ตี นได้ใช้ไป
๒. ดอกเบ้ียในจานวนเงินน้ัน คิดอตั ราร้อยละห้า
แลกเงินถึงกาหนดใช้เงิน
๓. ค่าใช้จ่ายในการทาคาคัดค้าน การส่ง ต่อปี นับแต่วันท่ไี ด้ใช้เงินไป
๓. ค่าใช้จ่ายต่างๆ อนั ตนได้ออกไป
คาบอกกล่าว กบั ท้งั ค่าใช้จ่ายอ่นื ๆ ๔. ค่าชักสว่ นลดจากจานวนต้นเงินในตวั๋ แลกเงิน
๔. ค่าชักส่วนลด ซ่ึงถ้าไม่มีข้อตกลงกนั ไว้ ตาม ม.๙๖๘ (๔)
๑
ให้คิดร้อยละ ๖ ในต้นเงินอนั จะพึงใช้
ตามตวั๋ แลกเงินน้ัน
แต่ถ้าผู้ทรงใช้สิทธไิ ล่เบ้ียก่อนตั๋วแลก
เงินถึงกาหนด ให้หักลดจานวนเงินในตั๋ว
แลกเงินลงร้อยละห้า
๘๕
๒.๑๑ สรุปสทิ ธิและหนา้ ทีข่ องผูท้ รงตวั๋ แลกเงิน
สิทธิของผทู้ รงตวั๋ แลกเงนิ หนา้ ทีข่ องผทู้ รงตวั๋ แลกเงิน
๑. สทิ ธทิ ่จี ะได้รับการใช้เงินตามตวั๋ แลกเงนิ ๑. หน้าท่ที ่จี ะต้องย่นื ตวั๋ แลกเงนิ เพ่ือให้
น้ัน (ม.๙๑๔, ๙๕๙, ๙๖๗) เขารับรอง (ม.๙๒๗, ๙๒๘,
๒. สทิ ธทิ ่จี ะยึดตัว๋ แลกเงนิ ไว้ (ม.๙๐๕ วรรค ๙๗๓,๙๗๔)
๒. หน้าท่ที ่จี ะต้องย่ืนตวั๋ แลกเงนิ ให้เขาใช้
๒-๓ เงนิ (ม.๙๔๑-๙๔๓, ๙๔๔, ๙๒๘)
๓. สทิ ธทิ ่จี ะใช้ตวั๋ แลกเงินน้ันให้เป็น ๓. หน้าท่ที ่จี ะต้องทาคาคดั ค้านการไม่
รับรองหรือไม่ใช้เงนิ (ม.๙๖๐, ๙๖๒)
ประโยชน์แกต่ น เช่น สลักหลังโอน และ ๔. หน้าท่ที ่จี ะต้องให้คาบอกกล่าว (ม.
๙๖๓)
ส่งมอบหรือส่งมอบตวั๋ แลกเงินน้ันให้แก่
เจ้าหน้ีของตน (ม.๙๑๗, ๙๑๙, ๙๑๘)
๔. สทิ ธทิ ่จี ะบังคับไล่เบ้ียคู่สญั ญาคนก่อนฯ
ให้รับผิดหากตวั๋ ฯ ขาดความเช่ือถอื (ม.
๙๑๔, ๙๕๙, ๙๖๗)
๕. สทิ ธลิ งข้อกาหนดตามท่กี ฎหมายอนุญาต
(ม.๙๑๕, ๙๒๒)
๖. สิทธิท่ีจะจดข้อความหรือจดวันออกตั๋ว
แลกเงินหรือวันรับรองตามความเป็ นจริง
ได้ (ม.๙๓๒, ๙๓๓)
๒.๑๒ หนา้ ทีข่ องผูท้ รงต
๑. หนา้ ที่ในการยนื่ ตวั ฯ เพอื่ รบั รอง
- มี ๒ กรณที ่กี ฎหมายกาหนดให้ผู้ทรงจะต้องนาตวั๋ ฯ ไปย่นื ให้เขารบั รอง คอื
(๑) ตั๋วฯ ท่ีผู้ส่ังจ่ายระบุส่ังให้ ใช้ เงิน (๒) ตั๋วฯ ท่ีผู้ส่ังจ่ายหรือผู้สลักหลังลง
ภายในระยะเวลาใดเวลาหน่ึงนับแต่ได้ ข้อกาหนดไว้ว่าให้ นาตั๋วฯ ย่ืนเพ่ือรับรอง
(ม.๙๒๗ วรรค ๒ และวรรคท้าย)
เหน็ ผู้ทรงต้องย่ืนตัว๋ ฯ ให้รับรองภายใน
เวลา ๖ เดือน นับแต่วันท่ีลงในตั๋วฯ (ม.
๙๒๘)
ผูท้ รงละเลยไม
จนเลยกาหนดระยะเวลาตามท่กี ฎห
ผ้ทู รงส้นิ สทิ ธไิ ล่เบ้ยี ผ้สู ง่ั จ่าย, ผ้สู ลกั
และค่สู ญั ญาอ่นื ๆ ผ้ตู ้องรบั ผดิ เว้น
รับรอง (ม.๙๗๓ วรรค ๒)
- ๘๖ -
ตว๋ั แลกเงนิ มี ๔ ประการ
๒. หนา้ ที่ที่จะตอ้ งยนื่ ตวั๋ แลกเงินใหเ้ ขา (ผูจ้ ่าย) ใชเ้ งิน
(๑ ) ผู้ ท รงต้ อ งย่ื น ตั๋ วแ ล ก เงิน เม่ื อ ถึ ง (๒) สาหรับตัว๋ แลกเงินซ่ึงให้ใช้เงินเม่อื ได้
กาหนดเวลาใช้เงินตามตวั๋ ฯ น้นั
เหน็ หรือเม่อื ส้นิ ระยะเวลากาหนดอย่างใด
อย่างหน่ึงนับแต่ได้เหน็ ผู้ทรงต้องย่ืนตวั๋ ฯ
น้ันให้ใช้เงินภายในเวลา ๖ เดือน นับแต่
วนั ท่ลี งในตวั๋ ฯ (ม.๙๔๔ และ ๙๒๘)
ม่ปฏิบตั ิตาม
หมายกาหนด (ม.๙๗๓ (๑) , (๓))
กหลัง ขอ้ ยกเวน้
นแต่ผู้ (๑) ผู้รับรองยังไม่หลุดพ้นจากความรับผดิ (ม.๙๗๓ วรรค ๒) เว้นแต่จะ
นาเงนิ ไปวางไว้ ณ สานักงานวางทรัพย์
(๒) กรณีท่ีมีเหตุจาเป็ นอันมิอาจก้ าวล่วงเสียได้ มาขัดขวางให้ ยึด
กาหนดเวลาออกไปอกี ได้ (ม.๙๗๔)