กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 50 2.2 ลักษณะที่ตั้ง โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีน ้าล้อมรอบ โดยมีหรือไม่มีสะพานเชื่อมกับ แผ่นดินใหญ่หรือเดินทางได้โดยทางเรือเท่านั้น ที่ส่งผลต่อระดับความยุ่งยากล าบากในการบริหาร จัดการศึกษาให้โรงเรียนแนบหลักฐาน แผนที่อิเล็กทรอนิกส์ ที่แสดงลักษณะภูมิประเทศ 3. สภาพการคมนาคม 3.1 พาหนะที่ใช้เป็นหลักในการเดินทาง จากพื้นที่เกาะไปแผ่นดินใหญ่ การเดินทาง โดยเรือ และเดินทางโดยรถ เป็นรูปแบบการคมนาคมที่บ่งบอกถึงความยากล าบาก/ ความเสี่ยงภัย ในการเดินทาง ซึ่งส่งผลต่อระดับความยุ่งยากล าบากในการบริหารจัดการศึกษา 3.2 ระยะทางรวมของเส้นทางที่ใช้ในการเดินทางสัญจรทางบก จากศาลากลางจังหวัดถึง โรงเรียน โดยวัดจากโรงเรียนถึงท่าเรือบนเกาะที่ตั้งโรงเรียน และจากท่าเรือบนฝั่งถึงศาลากลาง จังหวัด แผนที่อิเล็กทรอนิกส์ ที่แสดงให้เห็นเส้นทางการสัญจรทางบกจากศาลากลางจังหวัด ถึงโรงเรียน 3.3 ระยะทางการเดินทางที่ใช้สัญจรทางน ้าที่ใกล้หรือสะดวกที่สุด จากท่าเทียบเรือบนฝั่ง แผ่นดินใหญ่ ถึงท่าเทียบเรือบนเกาะที่ตั้งโรงเรียน ให้โรงเรียนแนบหลักฐานจากโปรแกรม แผนที่อิเล็กทรอนิกส์ ที่แสดงให้เห็นเส้นทางการสัญจรทางน ้าจากจากท่าเทียบเรือบนฝั่งแผ่นดินใหญ่ ถึงท่าเทียบเรือบนเกาะที่ตั้งโรงเรียน พร้อมหนังสือรับรองจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 3.4 ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางที่ใช้สัญจรทางน ้า จากท่าเทียบเรือบนฝั่งแผ่นดินใหญ่ ถึงท่าเทียบเรือบนเกาะที่ตั้งโรงเรียน การสัญจรทางน ้าจากท่าเทียบเรือบนฝั่งแผ่นดินใหญ่ ถึงท่าเทียบเรือ บนเกาะที่ตั้งโรงเรียน 4. ระบบสาธารณูปโภค 4.1 ระบบไฟฟ้าที่ใช้ในโรงเรียน ระบบไฟฟ้า เป็นปัจจัยพื้นฐานของการด ารงชีวิต และ การจัดการเรียนรู้ ดังนั้นระบบไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งบ่งบอกถึงระดับความยุ่งยากล าบากในการด ารงชีวิต และการบริหารจัดการศึกษา 4.2 ระบบน ้าส าหรับการอุปโภค-บริโภค ที่ใช้ในโรงเรียน เป็นปัจจัยพื้นฐานของการ ด ารงชีวิต และการบริหารจัดการในโรงเรียน 4.3 ระบบอินเทอร์เน็ตที่ใช้ในโรงเรียน เป็นปัจจัยพื้นฐานในการติดต่อสื่อสาร และการ บริหารจัดการในโรงเรียน 4.4 ระบบโทรศัพท์ที่ใช้ในโรงเรียน โทรศัพท์ เป็นปัจจัยพื้นฐานในการติดต่อสื่อสาร และการบริหารจัดการในโรงเรียน
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 51 5. ความยุ่งยากในการบริหารจัดการอื่นๆ 5.1 เป็นโรงเรียนพื้นที่พิเศษตามประกาศกระทรวงการคลัง หมายถึง โรงเรียนที่ ผู้ปฏิบัติงานได้รับค่าตอบแทนการท างานในโรงเรียนพื้นที่พิเศษตามประกาศกระทรวงการคลัง ความเสี่ยงภัยในการเดินทาง ความเป็นอยู่ และโรคภัยไข้เจ็บ 5.2 จ านวนนักเรียนยากจนและนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไขโปรแกรมจะ ด าเนินการน าเข้าข้อมูลจากระบบ DMC เพื่อค านวณให้คะแนนจ านวน นักเรียนยากจนและนักเรียน ยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไข มีความสอดคล้องกับระดับความยุ่งยากล าบากในการบริหารจัดการ โรงเรียนพื้นที่เกาะ 3 ทิศทางการพัฒนาการศึกษา 6 การน าแผนยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ 9 นิทรรศการออนไลน์ของโรงเรียนที่ตั้งในพื้นที่ลักษณะพิเศษ 15 การบริหารจัดการโรงเรียน ในพื้นที่พิเศษ 17 โครงการพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนที่ตั้งในพื้นที่ลักษณะพิเศษ 19 การ บริหารสถานศึกษาบนพื้นที่เกาะ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จ พระนางเจา้สริกิติพิ์ระบรมราชนิีนาถ ทรงมุ่งมนั่วริยิะ และอุตสาหะท่จีะยกระดบัคุณภาพชวีติของ ประชาชนให้มีความสุข อยู่ดีกินดี โดยการเสด็จพระราชด าเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร เพื่อทรงศึกษา และหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ในทุกพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท ห่างไกลและทุรกันดาร ทอดพระเนตรพื้นที่จริง ทั้งด้านภูมิศาสตร์และภูมิสังคม ว่าเป็นอย่างไร พระองค์ทรงเห็นความส าคัญในการช่วยให้ประชาชนได้มี โอกาสเข้าถึงบริการด้านการศึกษา และได้มีพระราชด าริว่า “การศึกษาเป็นสิ่งส าคัญมากที่จะช่วยพัฒนา ชีวิตของคน สังคม และประเทศชาติ” จึงได้พระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด าริ เพื่อพัฒนา ประชาชน และประเทศ ให้ก้าวหน้าหรือเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยทรงยึดหลักใน การด าเนินโครงการ ว่า ต้องเป็นการพัฒนาที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด และไม่ท าลายสิ่งแวดล้อม โดยมุ่ง ประโยชน์ให้เกิดแก่ส่วนรวม และประเทศชาติอย่างแท้จริง จึงจะเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทรงส่งเสริมให้มี การศึกษาอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะผู้ยากจน ผู้อยู่ห่างไกล ผู้ประสบภัยธรรมชาติ และผู้ที่ได้รับอันตรายจาก การป้องกันประเทศ ให้ได้รับการพัฒนา ทั้งทางด้านความรู้ ความประพฤติ สุขภาพ อนามัย และการประกอบ อาชีพ ทรงเน้นเรื่องการรักท้องถิ่น รักชาติ การอนุรักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ดังพระราชด ารัสตอน หนึ่งที่ว่า “…อยากให้ราษฎรรักแผ่นดินของตนเอง คนที่มีภูมิล าเนาอยู่ที่ไหนก็ตาม เมื่อเขามาฝึกงาน มีความรู้ ความสามารถแล้ว ก็อยากให้เขากลับไปใช้ความรู้ ความสามารถที่ท้องถิ่นของเขา ช่วยกัน ท าให้ท้องถิ่นของเขา สมบูรณ์พูนสุขขึ้น” รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 27 ก าหนดให้บุคคลย่อมเสมอกัน ในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพ และได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ชายและหญิง มีสิทธิเท่า
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 52 เทียมกัน การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นก าเนิดเชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกาย หรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจ หรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษา อบรม หรือความคิดเห็นทางการเมือง อันไม่ขัดต่อบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญ หรือเหตุอื่นใด จะกระท ามิได้และมาตรา 54ได้ก าหนดให้รัฐต้องด าเนินการให้เด็กทุกคน ได้รับการศึกษาเป็นเวลาสิบสองปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียน จนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพ โดยไม่ เก็บค่าใช้จ่าย พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ. 2545และ (ฉบับที่3) พ.ศ. 2553 มาตรา 6 การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนา คนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการด ารงชีวิต สามารถอยู่ ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข มาตรา 10 การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันใน การรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึง และมีคุณภาพ โดยไม่เก็บ ค่าใช้จ่ายถือเป็นกรอบและแนวทางในการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นองค์กรหลักใน การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ทั่วถึง ครอบคลุมทุกพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายอย่างมีคุณภาพ แต่จาก การศึกษาสภาพปัญหาของโรงเรียนที่ผ่านมา พบว่า โรงเรียนส่วนใหญ่ประสบปัญหาคล้ายคลึงกันใน 4 ด้าน คือ ด้านการบริหารจัดการ ด้านการเรียนการสอน ด้านความพร้อมทางปัจจัยของ โรงเรียน และด้านการมี ส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียน เนื่องจากรัฐบาลได้ตั้งโรงเรียนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่มีความเป็นมา ประชากรจ านวนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ที่มีลักษณะพิเศษ เช่น พื้นที่ห่างไกลความเจริญ พื้นที่บนภูเขาสูง บนเกาะ ชายขอบของประเทศ เป็นต้น ซึ่งมีบริบทที่ต่างไปจากโรงเรียนอื่นๆ เช่น ความยากล าบากในการ เดินทาง ชุมชน ผู้ปกครองมีฐานะยากจน เด็กและเยาวชนมีปัญหาและอุปสรรคต่อการได้รับบริการทาง การศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความยากจน ชนกลุ่มน้อย อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร นอกจากจะด้อยโอกาส ในการได้เข้าถึงบริการทางการศึกษาแล้ว คุณภาพของการศึกษายังต ่ากว่าเกณฑ์มาตรฐาน รวมไปถึงปัญหา การออกกลางคัน จึงท าให้การจัดการศึกษา ไม่บรรลุเป้าหมาย มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ได้เห็นชอบให้มีการจัดท ายุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ สู่ความ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เพื่อน ามาใช้เป็นกรอบในการจัดท า ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศ และในการ ปฏิบัติงานของส่วนราชการในระยะ 20 ปี เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อให้ประเทศมีขีด ความสามารถในการแข่งขัน มีรายได้สูงอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วคนไทยมี ความสุข อยู่ดี กินดี สังคม มีความมั่นคง เสมอภาคและเป็นธรรม ประเทศไทยมีเกาะ จ านวนทั้งสิ้น 936เกาะ กระจายอยู่ทั่วไปตามจังหวัด ชายฝั่งทะเล 19จังหวัด เป็น เกาะในฝั่งอ่าวไทย 374เกาะ และฝั่งทะเลอันดามัน 562เกาะ เป็นเกาะในฝั่ง
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 53 จังหวัดที่มีจ านวนเกาะมากที่สุด คือ จังหวัดพังงา (155เกาะ) รองลงมา คือ จังหวัดกระบี่ (154เกาะ) และ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (108 เกาะ) เกาะที่มีขนาดพื้นที่เกินกว่า 100 ตร.กม. มีจ านวน 6 เกาะ เกาะที่มี ขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุด คือ เกาะภูเก็ต (514.675 ตร.กม.) รองลงมาเป็นเกาะสมุย (236.079 ตร.กม.) เกาะช้าง (212.404 ตร.กม.) เกาะตะรุเตา (150.84 ตร.กม.) เกาะพะงัน (122.017 ตร.กม.) และเกาะกูด (111.894 ตร.กม.) เกาะมากกว่าครึ่งหนึ่ง (419เกาะ) อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล รองลงมาเป็นเกาะอยู่ ภายใต้การดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมีบางส่วนอยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือ เพื่อกิจการ ด้านความมั่นคงของประเทศ เกาะเหล่านี้ถูกใช้ประโยชน์ในทางทหาร เป็นที่พัก และจอดเรือของกองทัพ เป็นที่ตั้งของ ประภาคาร หรือสัญญาณไฟในการเดินเรือ รวมทั้งบางเกาะใช้เป็นสถานีตรวจวัดทางอุทกศาสตร์ และเฝ้าระวังเตือนอุบัติภัยทางทะเล ปัญหาความเหลื่อมล ้าทางการศึกษาของโรงเรียนพื้นที่เกาะ จ านวน 121 โรงเรียน จึงเป็นประเด็น ส าคัญในการจัดการศึกษาที่ส่งผลต่อคุณภาพทางการศึกษาที่แตกต่างกัน เนื่องจากนักเรียนในพื้นที่ดังกล่าว มีคุณภาพชีวิต และคุณภาพทางการศึกษาที่ไม่ทัดเทียมกับโรงเรียนในพื้นที่ปกติทั่วไป มีการคมนาคม ที่ยากล าบาก การสื่อสารยังไม่มีความเสถียร รวมทั้งระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา ที่ไม่มีคุณภาพ อีกทั้ง เป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ไม่มีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ครูและบุคลากรทางการศึกษาประสบปัญหา ในการเดินทางและการด ารงชีวิต ปัญหาดังกล่าว มีผลท าให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ขาดขวัญก าลังใจ ในการท างานในพื้นที่ มีการ โยกย้ายบ่อย ท าให้ขาดแคลนครู ส่งผลกระทบต่อระบบการบริหารจัดการศึกษา โดยเฉพาะขาดความต่อเนื่องในการสอนนักเรียนมีความแตกต่างทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตความ เป็นอยู่ ที่ส่งผลต่อทักษะด้านการอ่าน การเขียน และผลสมัฤทธทิ์างการเรยีนของนักเรยีน ดงันัน้การบรหิาร จัดการศึกษาในโรงเรียนในพื้นที่เกาะจึงมีความยุ่งยาก ล าบาก ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของ โรงเรียน และคุณภาพชีวิตของนักเรียน จากสภาพปัจจุบัน ปัญหาของการจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ ดังกล่าวข้างต้น ส านักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้จัดท า “แผนยุทธศาสตร์ การพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560-2564” เพื่อใช้เป็น กรอบทิศทางในการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนในพื้นที่เกาะ ให้สามารถจัดการศึกษาให้กับประชากรวัย เรียนในพื้นที่เกาะได้อย่างทั่วถึง ครอบคลุมและมีคุณภาพต่อไป
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 54 2.2 สภาพแวดล้อมภายใน (Internal Environment) จุดแข็ง (Strength) 1. โรงเรียนมีการก าหนดวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ และเป้าหมายที่ชัดเจน และสอดคล้องกับแนวทาง ของกระทรวงศึกษาธิการ 2. โรงเรียนมีโครงสร้างองค์การบริหารงานชัดเจน มีกฎระเบียบและหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติงาน มีคู่มือการบริหารงานที่ชัดเจน 3. บุคลากรในโรงเรียนมีความรู้ความสามารถในการใช้ระบบ ICT 4. โรงเรียนมีการประสานกับหน่วยงานอื่นในการพัฒนาโรงเรียน 5. ผู้บริหารเป็นแบบอย่างที่ดีในการท างาน และมอบหมายงานบุคลากรตามความถนัด 6. ผู้บริหาร ครูและบุคลากร มีสัมพันธภาพ วัฒนธรรมองค์กรที่ดีในการท างาน ท างานเป็นทีม ช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน มีความสามัคคีในหมู่คณะ 7. ครูมีจิตส านึกในความเป็นครู มุ่งมั่นในการท างาน ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ต้องอาศัยค าสั่ง และมี ความสามารถด้านเทคโนโลยี 8. ครูพักอาศัยในบ้านพักครูสามารถอุทิศเวลาได้เต็มที่ มีจิตอาสา มีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ดี จุดอ่อน (Weakness) 1. มีแผนยุทธศาสตร์แต่ปฏิบัติได้ไม่ครบและขาดการก ากับติดตามอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการทบทวน SWOT ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง 2. ผู้บริหารและครูไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มตามศักยภาพ เนื่องจากขาดประสบการณ์ และอายุงานน้อย 3. ผู้บริหารและครูย้ายบ่อย บางครั้งขาดผู้บริหารและครูเป็นระยะเวลานาน 4. ผู้บริหาร ครูและบุคลากรขาดขวัญก าลังใจในการปฏิบัติงาน 5. ครูภาระงานมีหลายหน้าที่ ท าให้ขาดความชัดเจนในการปฏิบัติงาน และส่งผลให้กระทบต่อการ เรียนการสอน 6. ครูไม่ครบชั้นและขาดแคลนวิชาเอกที่ส าคัญ เช่น ภาษาไทย คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ 7. นักเรียนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ และมีผลการทดสอบระดับชาติต ่ากว่าเป้าหมายของสถานศึกษา 8. นักเรียนมีอัตราการออกกลางคันสูง 9. การจัดการศึกษา ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 55 10. อุปกรณ์ด้าน ICT ไม่เพียงพอ และไม่เอื้อต่อการน าไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ผลจากการวิเคราะห์ภายใน พบว่า การบริหารจัดการโรงเรียน มีความเข้มแข็ง มีการก าหนดวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์และเป้าหมายที่ชัดเจน สอดคล้องกับแนวทางของกระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ระบบ ICT เข้ามา ใช้ในการปฏิบัติงาน และการติดต่อสื่อสาร มีการประสานกับหน่วยงานอื่น สามารถระดมทุน เพื่อพัฒนาการศึกษา ผู้บริหารเป็นแบบอย่างที่ดีในการท างาน มีวัฒนธรรมองค์กรที่ดีในการท างาน ครูมี จิตส านึกที่ดี มีความมุ่งมั่น ในการท างาน สามารถอุทิศเวลาได้เต็มที่ และสามารถดูแลนักเรียนในความ รับผิดชอบได้ดี แต่ในด้านแผนยุทธศาสตร์ ขาดการก ากับติดตามอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการทบทวน SWOT ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และปฏิบัติได้ไม่ครบ ผู้บริหารและครูไม่สามารถปฏิบัติงานได้ เต็มตามศักยภาพ เนื่องจากขาดประสบการณ์ และอายุงานน้อย และย้ายบ่อย ผู้บริหาร ครูและบุคลากร ขาด ขวัญก าลังใจในการปฏิบัติงาน มีงานหลายหน้าที่ ครูไม่ครบชั้น และขาดแคลนวิชาเอกที่ส าคัญ นักเรียนมี ปัญหา อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ และมีผลการทดสอบระดับชาติต ่ากว่า เป้าหมายของสถานศึกษา การจัดการ ศึกษาไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต อุปกรณ์ด้าน ICT ไม่เพียงพอ และไม่เอื้อต่อ การน าไปใช้ในการจัดการเรียน การสอน 2.3 สภาพแวดล้อมภายนอก (External Environment) โอกาส (Opportunity ) 1. นโยบายของรัฐมีการส่งเสริมการศึกษามีกฎหมาย และก าหนดแนวการปฏิบัติงานชัดเจน รวมทั้งให้การสนับสนุนเทคโนโลยีการศึกษา และงบประมาณเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้เรียนได้รับโอกาส ทางการศึกษาในหลากหลายรูปแบบ 2. โรงเรียนอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว เอื้อต่อการพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ และพัฒนาทักษะ การสื่อสาร ภาษาต่างประเทศ และมีรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยว 3. ชุมชนมีความรักและร่วมอนุรักษ์ในศิลปวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น มีปราชญ์ชาวบ้าน ที่หลากหลาย มีภูมิปัญญาที่เป็นแหล่งเรียนรู้ เอื้อต่อการพัฒนานักเรียนด้านทักษะอาชีพ 4. โรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากชุมชน และหน่วยงานภายนอก องค์กรเอกชน สมาคม ชมรม และภาคีเครือข่าย มีความเข้มแข็ง พร้อมให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา อุปสรรค (Threats) 1. การก าหนดนโยบาย และระบบการวัดผลประเมินผลที่ก าหนดเกณฑ์และมาตรฐาน เดียวกันทั่วประเทศ ไม่สอดคล้องกับบริบทของการจัดการศึกษาในพื้นที่เกาะ และขาดการนิเทศ ติดตามอย่างต่อเนื่อง จากหน่วยงานต้นสังกัด
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 56 2. การบริหารงานบุคคลของหน่วยงานต้นสังกัด ไม่ได้ค านึงถึงความต้องการของโรงเรียน ท าให้ขาดแคลน ครูวิชาเอกภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษ และมีความล่าช้าในการบรรจุ แต่งตั้งทดแทน เช่น เมื่อครูย้ายออก ครูเกษียณ เป็นต้น 3. หลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะการเลื่อนขั้นเงินเดือน สวัสดิการ การเข้าสู่ต าแหน่ง ไม่เอื้อต่อการสร้างขวัญและก าลังใจให้ครูที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เกาะ และเงินสวัสดิการพื้นที่พิเศษ (เดือนละ 1,000 บาท) ไม่เพียงพอ และไม่ทั่วถึงทุกต าแหน่ง 4. งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไม่สอดคล้องกับบริบท มีการกระจายงบประมาณไม่ทั่วถึง และไม่เหมาะสม เช่น การก่อสร้างอาคารเรียน และอาคารประกอบ ไม่สามารถด าเนินการได้ เนื่องจากค่าวัสดุท้องถิ่นมีราคาสูงกว่าราคากลางของ สพฐ. และไม่มีค่าขนส่ง 5. การสนับสนุนจากหน่วยงานต้นสังกัดไม่เพียงพอ เช่น สื่อที่ได้รับไม่เพียงพอกับความ ต้องการ ของจ านวนนักเรียน บ้านพักครูมีไม่เพียงพอ 6. การได้รับงบประมาณอาหารกลางวัน และอาหารเสริม(นม) จาก อปท. มีความล่าช้า และไม่ปรับปรุง ข้อมูลจ านวนนักเรียนที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละปี 7. ระบบสาธารณูปโภค ได้แก่ ไฟฟ้า น ้า การสื่อสาร ระบบสัญญาณอินเตอร์เน็ต ไม่มี ประสิทธิภาพ 8. การคมนาคมมีความยุ่งยากต่อการด ารงชีวิตของนักเรียน บุคลากร และคนในชุมชน และ มีความเสี่ยงในการเดินทางไปปฏิบัติราชการ 9. สภาพชุมชน มีสื่อยั่วยุ ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต เช่น ร้านเกม ยาเสพติด และวัฒนธรรม ต่างชาติ 10. ชุมชนและผู้ปกครองมีหลากหลายชนเผ่า เชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ใช้ภาษาถิ่น ในการสื่อสาร มีฐานะยากจน มีรายได้ไม่แน่นอน มีปัญหาการหย่าร้าง และไม่มีเวลาดูแลบุตรหลาน 11. โรงเรียนตั้งอยู่บนพื้นที่ทับซ้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติ ท าให้มีผลต่อการก่อสร้างต่างๆ ผลจากการวิเคราะห์ภายนอก พบว่า รัฐมีการส่งเสริมนโยบายการศึกษา และให้การ สนับสนุนงบประมาณเพิ่มขึ้น และโรงเรียนในพื้นเกาะอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว เอื้อต่อการพัฒนาทักษะ การสื่อสารภาษาต่างประเทศ และมีรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยว ชุมชนมีความรักและร่วมอนุรักษ์ ในศิลปวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น มีภูมิปัญญาที่เป็นแหล่งเรียนรู้ เอื้อต่อการพัฒนานักเรียน ด้านทักษะอาชีพ โรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากชุมชนและหน่วยงานภายนอก แต่ยังต้องพัฒนา ในด้านระบบการวัดผลประเมินผล ที่ก าหนดเกณฑ์และมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ไม่สอดคล้อง
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 57 กับบริบทของการจัดการศึกษาในพื้นที่เกาะ และขาดการนิเทศติดตามอย่างต่อเนื่องจากหน่วยงาน ต้นสังกัด การบริหารงานบุคคลของหน่วยงานต้นสังกัดไม่ได้ค านึงถึงความต้องการของโรงเรียน และมีความล่าช้าในการบรรจุแต่งตั้งทดแทน และหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะการเลื่อนขั้น เงินเดือน สวัสดิการ การเข้าสู่ต าแหน่ง ไม่เอื้อต่อการสร้างขวัญ และก าลังใจกับครูที่ปฏิบัติหน้าที่ใน พื้นที่เกาะ ตลอดจนงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร ไม่สอดคล้องกับบริบท มีการกระจายงบประมาณ ไม่ทั่วถึง ไม่เหมาะสม และไม่เพียงพอ นอกจากนั้นระบบ สาธารณูปโภค ได้แก่ ไฟฟ้า น ้า การสื่อสาร ระบบสัญญาณอินเตอร์เน็ตยังไม่มีประสิทธิภาพ การคมนาคมมีความยุ่งยาก และมีความเสี่ยงในการ เดินทางไปปฏิบัติราชการ โรงเรียน หมายถึง โรงเรียนที่สังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนพื้นที่เกาะ หมายถึง โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นเกาะ มีน ้าล้อมรอบ มีลักษณะ ตัดขาดจากแผ่นดินตลอดปี หรือเดินทางโดยเรือเท่านั้น โรงเรียนที่อยู่ในประกาศก าหนดส านักงานในพื้นที่พิเศษของกระทรวงการคลัง หมายถึง โรงเรียนที่มีรายชื่อประกาศก าหนดส านักงานในพื้นที่พิเศษของกระทรวงการคลัง ผู้เรียน หมายถึง นักเรียนที่อยู่ในระบบการจัดการศึกษาของโรงเรียนพื้นที่เกาะ โอกาสทางการศึกษา หมายถึง สิทธิและโอกาสของผู้เรียนในเขตพื้นที่เกาะ ที่สามารถ เข้าเรียนในระบบการศึกษาได้อย่างทั่วถึง คุณภาพการศึกษา หมายถึง คุณลักษณะของผู้เรียนตามมาตรฐานการศึกษา โดยมุ่งเน้น ด้านทักษะชีวิต และทักษะอาชีพของผู้เรียนที่เหมาะสมกับสภาพบริบท ความต้องการของนักเรียน ชุมชน และอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ ทักษะชีวิต หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการด ารงชีวิต ซึ่งประกอบด้วย ความรู้ และ เจตคติในการจัดการแก้ปัญหาต่างๆ รอบตัวในสังคมได้อย่างสร้างสรรค์ ทักษะอาชีพ หมายถึง กระบวนการจัดการเรียนการสอนด้านอาชีพของผู้เรียนโรงเรียนพื้นที่ เกาะ เพื่อเสริมสร้างสร้างทักษะความสามารถการประกอบอาชีพ พหุวัฒนธรรม หมายถึง กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทั้งเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ วิถีชีวิต ความ เชื่อศาสนา และประเพณีปฏิบัติที่มีความแตกต่างกัน กลุ่มชาติพันธุ์หมายถึง กลุ่มผู้เรียนที่มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อ ภาษาพูดเดียวกัน และเชื่อว่าสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน ผู้ที่อยู่ในกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 58 จะมีความรู้สึกผูกพันทางสายเลือด และทางวัฒนธรรมพร้อมๆกันไป เป็นความรู้สึกผูกพันที่ช่วย เสริมสร้างอัตลักษณ์ของบุคคลและของชาติพันธุ์ จากยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อให้ประเทศมีขีด ความสามารถในการแข่งขัน มีรายได้สูงอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว คนไทยมีความสุข อยู่ดี กินดี สังคม มีความมั่นคง เสมอภาค เป็นธรรม และจากการศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหาของโรงเรียนพื้นที่ เกาะ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้ก าหนดทิศทางการพัฒนาการศึกษา โรงเรียนพื้นที่เกาะ ดังนี้ วิสัยทัศน์ โรงเรียนพื้นที่เกาะ จัดการศึกษาให้ผู้เรียนมีคุณภาพ รักความเป็นไทย อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด ารงชีวิตในสังคมพหุวัฒนธรรม และมีทักษะอาชีพ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พันธกิจ 1. สร้างโอกาสและความเสมอภาคให้ผู้เรียน 2. พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา 3. ส่งเสริมให้ผู้เรียนรักความเป็นไทย และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 4. สร้างสัมพันธภาพการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในสังคมพหุวัฒนธรรม 5. สร้างเสริมศักยภาพผู้เรียนให้มีทักษะอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 6. พัฒนาระบบการบริหารและการจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่เกาะ ทิศทาง การพัฒนาการศึกษา เป้าประสงค์ 1. ผู้เรียนได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง มีความเสมอภาค และเท่าเทียมกันทางสังคม 2. ผู้เรยีนมผีลสมัฤทธสิ์ูงข้นึมคีุณลกัษณะท่พี ึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษา และมี ความสามารถในการแข่งขัน 3. ผู้เรียนมีจิตส านึกรักความเป็นไทย รักษ์ท้องถิ่น และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 4. ผู้เรียนมีสัมพันธภาพการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในสังคมพหุวัฒนธรรม 5. ผู้เรียนมีทักษะอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 6. ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน และมีความเป็นมืออาชีพ 7. สถานศึกษามีระบบการบริหารและการจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่เกาะ
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 59 ยุทธศาสตร์ 1. เพิ่มโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา 2. พัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ผู้เรียนมีความสามารถในการแข่งขัน 3. พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความเป็นมืออาชีพ 4. ปลูกฝังค่านิยมรักความเป็นไทย รักษ์ท้องถิ่น และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 5. เสริมสร้างสัมพันธภาพที่ดีในการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างมั่นคง และยั่งยืน 6. เสริมสร้างทักษะชีวิต ทักษะอาชีพและการมีงานท า ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 7. พัฒนาระบบการบริหารและการจัดการศึกษาของสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพ ขอบเขตการด าเนินงาน สถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีโรงเรียนพื้นที่เกาะ จ านวน 12 จังหวัด รวมทั้งสิ้น จ านวน 121 โรงเรียน รายละเอียดดังแผนที่แสดงจังหวัดที่มีเกาะ (แหล่งที่มา : ระบบฐานข้อมูลกลางและมาตรฐานข้อมูลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) การน าแผน ยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560-2564 ไปสู่การปฏิบัติ ให้เกดิผลสมัฤทธติ์ามเป้าประสงค์ท่กี าหนดไว้จ าเป็นต้องอาศยัปัจจยัสนับสนุน และแนวทางการ ด าเนินงานที่ชัดเจน ต้องระดมสรรพก าลัง ทั้งในด้านบุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ เทคโนโลยี ต่างๆ ตลอดจนการสร้างความตระหนักในการมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ และการสื่อสารระหว่างองค์กร ดังนั้น การน าแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560-2564 ไปสู่ การปฏิบัติจึงก าหนดแนวทางไว้ ดังนี้ 1. รณรงค์และสร้างกระแสการพัฒนาศักยภาพองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งชุมชน ท้องถิ่น ให้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาส าหรับประชากรวัยเรียนในเขตพื้นที่เกาะ 2. จัดท าระบบฐานข้อมูลสารสนเทศประชากรวัยเรียนในเขตพื้นที่เกาะให้เป็นปัจจุบัน เอื้อต่อการน าไปใช้ประโยชน์แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3. เสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดท ากฎหมาย และระเบียบที่เอื้อต่อการจัดการศึกษา โรงเรียนพื้นที่เกาะโดยประกาศให้เป็นพื้นที่การจัดการศึกษาพิเศษ 4. เสนอให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเฉพาะการจัดการศึกษาในเขตพื้นที่เกาะ ที่เป็นเอกภาพ และมีประสิทธิภาพ เพื่อสามารถก าหนดทิศทางการขับเคลื่อนนโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนงาน ชัดเจนที่สามารถน าไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 60 5. เสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการจัดการศึกษาส าหรับผู้ด้อยโอกาสในโรงเรียนพื้นที่ เกาะ รวมทั้งการระดมทรัพยากรจากแหล่งอื่นๆ เพื่อให้บริการการศึกษาส าหรับประชากรวัยเรียน 6. พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนและส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ที่จัดการศึกษาในพื้นที่เกาะให้มีประสิทธิภาพ สามารถปฏิบัติงานได้เต็มตามศักยภาพ 7. เร่งรัดพัฒนาคุณภาพโรงเรียนพื้นที่เกาะทุกแห่ง ดังนี้ 7.1 โรงเรียนทุกแห่งจัดการศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยการ ขยายผลโรงเรียนพอเพียงต้นแบบ (Sufficiency Economy School) 7.2 โรงเรียนทุกแห่งจัดหลักสูตรที่หลากหลายสร้างทางเลือกในการเรียนรู้ (Alternative Learning) ที่เน้นให้เด็กทุกคนเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึง ลดอัตราการออกกลางคัน ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาต่อ และการประกอบอาชีพ 8. รณรงค์ ประชาสัมพันธ์ จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมทั้งเผยแพร่ผลงานการจัด การศึกษาส าหรับเด็กในโรงเรียนพื้นที่เกาะ ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ การขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560- 2564 ไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายที่ก าหนด โดยมีหน่วยงานที่มีส่วนส าคัญ ประกอบด้วย 1. กระทรวงศึกษาธิการ มีบทบาทและหน้าที่ ดังนี้ 1.1 ผลักดันในเกิดการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง 1.2 จัดสรรงบประมาณสนับสนุนการด าเนินงาน 1.3 สร้างในเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานทุกระดับ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและ เอกชน 1.4 ประชาสัมพันธ์การด าเนินงานจัดการศึกษาของโรงเรียนพื้นที่เกาะ การน าแผน ยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ 2. ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีบทบาทและหน้าที่ ดังนี้ 2.1 สร้างในเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานทุกระดับในสังกัดส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ในการด าเนินการแปลงยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา การจัดการศึกษา โรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560-2564 ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม 2.2 ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ใช้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัด การศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560-2564 เป็นกรอบในการบริหารจัดการศึกษา
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 61 2.3 ด าเนินการชี้แจงสร้างความรู้ ความเข้าใจในสาระส าคัญของแผนยุทธศาสตร์การ พัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560-2564 ให้ครูและบุคลากรในหน่วยปฏิบัติ ได้รับทราบอย่างชัดเจน และทั่วถึง เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วม และสนับสนุนให้การด าเนินตามแผน ยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการศึกษา โรงเรียนพื้นที่เกาะ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 2.4 สนับสนุนทรัพยากรอย่างเพียงพอ และเหมาะสม ส าหรับการปฏิบัติงานตามแผน ยุทธศาสตร์ การพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะของหน่วยงานในสังกัดในทุกระดับ 2.5 ติดตามและประเมินผลตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียน พื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560-2564 ของส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต้องมีการก าหนด ทิศทาง และกระบวนการที่ส าคัญ ดังนี้ 2.5.1 ให้ความส าคัญกับการติดตามความก้าวหน้าในแต่ละยุทธศาสตร์ การประเมินผล ส าเร็จ และผลกระทบของการด าเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยอาจจ าแนกรายไตรมาส 2.5.2 พัฒนาตัวชี้วัดความส าเร็จของการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติในแต่ละระยะ 2.5.3 สร้างระบบการติดตาม ตรวจสอบประเมินผลและรายงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ ข้อมูลสารสนเทศที่ถูกต้อง เพื่อการทบทวน ปรับปรุงการด าเนินงานให้บรรลุเป้าหมายได้ ทันเหตุการณ์ 2.5.4 เชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศระหว่างหน่วยงานส่วนกลาง และหน่วยงานในพื้นที่ ให้เป็นระบบ สามารถใช้ประโยชน์ได้สะดวก แม่นย า เพื่อใช้ในการประเมินผลในระดับต่างๆ ให้มีความสัมพันธ์สอดคล้องในทิศทางเดียวกัน 2.6 วิจัยและพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนในพื้นที่เกาะ 2.7 ประชาสัมพันธ์การด าเนินงานจัดการศึกษาในโรงเรียนพื้นที่เกาะ 3. ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีบทบาทและหน้าที่ ดังนี้ 3.1 สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ 3.2 ด าเนินการแปลงยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัด การศึกษา โรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560-2564 ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และใช้เป็นกรอบ ในการบริหารจัดการศึกษา 3.3 น าเสนอแผนยุทธศาสตร์โรงเรียนพื้นที่เกาะ ต่อคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด เพื่อขอความเห็นชอบ
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 62 3.4 ด าเนินการชี้แจง สร้างความรู้ ความเข้าใจในสาระส าคัญของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา การจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560-2564 ให้สถานศึกษาได้รับทราบอย่างทั่วถึงชัดเจน 3.5 จัดสรรทรัพยากร ส าหรับการปฏิบัติงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัด การศึกษา โรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560-2564 อย่างเหมาะสม 3.6 การติดตามและประเมินผลตามแผนพัฒนาการจัดการศึกษาตามนโยบายของ ส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3.7 วิจัยและพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ 3.8 ประชาสัมพันธ์การด าเนินงานจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ 4. สถานศึกษา มีบทบาทและหน้าที่ ดังนี้ 4.1 สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ 4.2 ด าเนินการแปลงยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัด การศึกษา โรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560-2564 การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และใช้เป็นกรอบ ในการบริหารจัดการศึกษา 4.3 น าเสนอแผนยุทธศาสตร์โรงเรียนพื้นที่เกาะต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อขอความเห็นชอบ 4.4 ด าเนินการชี้แจง สร้างความรู้ ความเข้าใจในสาระส าคัญของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา การ จัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560-2564 ให้บุคลากรได้รับทราบอย่างชัดเจน 4.5 ปฏิบัติงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560 - 2564 โดยใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม 4.6 รายงานผลการปฏิบัติงานแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560 - 2564 4.7 ประชาสัมพันธ์การด าเนินงานของโรงเรียนพื้นที่เกาะ การพัฒนาการจัดการศึกษา ส าหรับโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เกาะ สังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ์พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานกระแสรับสั่งด้านการศึกษาที่ส าคัญ ได้แก่ 1. มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง 2. มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม 3. การมีงานท า
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 63 4. เป็นพลเมืองดี ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2560-2579 “ประเทศไทย มีความ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง” และสนองตอบผลประโยชน์แห่งชาติ อันได้แก่ การมีเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพ แห่งเขตอ านาจรัฐ การด ารงอยู่อย่างมั่นคง ยั่งยืนของสถาบันหลักของชาติ การด ารงอยู่อย่างมั่นคง ของชาติและประชาชนจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ การอยู่ร่วมกันในชาติอย่างสันติสุข เป็นปึกแผ่น มีความมั่นคง ทางสังคม ท่ามกลาง พหุสังคม การมีเกียรติและศกัดศิ์รขีองความเป็นเป็นมนุษย์ ความเจริญเติบโตของชาติ ความเป็นธรรม และความอยู่ดีมีสุขของประชาชน ความยั่งยืนของฐาน ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ความมั่นคงทางพลังงาน อาหาร ความสามารถในการรักษา ผลประโยชน์ของชาติภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมระหว่างประเทศ และการอยู่ ร่วมกันอย่างสันติ ประสานสอดคล้องกันด้านความมั่งคง ในประชาคมอาเซียน และประชาคมโลก อย่างมีเกียรติและศกัดศิ์รี ความมั่นคง หมายถึง การมีความมั่นคงปลอดภัยจากภัยและการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในประเทศ และภายนอกประเทศในทุกระดับ ทั้งระดับประเทศ สังคม ชุมชน ครัวเรือน และปัจเจกบุคคล มีความมั่นคงในทุกมิติ ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง เช่น ประเทศมีความมั่นคง ในเอกราช และอธิปไตย มีสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ที่เข็มแข็งเป็นศูนย์กลางและเป็นที่ ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน มีระบบการเมืองที่มั่นคงเป็นกลไกที่น าไปสู่การบริหารประเทศ ที่ต่อเนื่อง และโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล สังคมมีความปรองดอง และความสามัคคี สามารถผนึก ก าลังเพื่อพัฒนาประเทศ ชุมชนมีความเข็มแข็ง ครอบครัวมีความอบอุ่น มีความมั่งคงของอาหาร และพลังงาน ประชาชนมีความมั่นคงในชีวิต มีงาน และรายได้ที่มั่นคงพอเพียงกับการด ารงชีวิต มีที่อยู่อาศัย และความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน มีการออมส าหรับวัยเกษียณ ความมั่งคั่ง หมายถึง ประเทศไทยมีการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่กลุ่ม ประเทศรายได้สูง ความเหลื่อมล ้าของการพัฒนาลดลง ประชากรได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนา อย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น ไม่มีประชาชนที่อยู่ใต้เส้นความยากจน เศรษฐกิจมีความสามารถในการ แข่งขันสูง สามารถสร้างรายได้ทั้งจากภายในประเทศ และภายนอกประเทศ เป็นจุดส าคัญของการ เชื่อมโยงในภูมิภาค ทั้งการคมนาคมขนส่ง การผลิต การค้า การลงทุน และการท าธุรกิจ นอกจากนั้นยังมี ความสมบูรณ์ในทุกที่และจะสามารถสร้างการพัฒนาต่อเนื่องไป ได้แก่ ทุนมนุษย์ ทุนทางปัญญา
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 64 ทุนทางการเงิน ทุนที่เป็นเครื่องมือเครื่องจักร ทุนทางสังคม และทุนทางทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน หมายถึง การพัฒนาที่สามารถสร้างความเจริญ รายได้ และคุณภาพชีวิตของ ประชาชนให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่ไม่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ จนเกินพอดี ไม่สร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมจนเกินความสามารถในการรองรับรับ และเยียวยาของ ระบบนิเวศน์การผลิตและการบริโภคเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับกฎระเบียบของ ประชาคมโลก ซึ่งเป็นที่ยอมรับร่วมกัน ทรัพยากรธรรมชาติมี ความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น และ สิ่งแวดล้อมมีคุณภาพดีขึ้น คนมีความรับผิดชอบต่อสังคมมีความเอื้ออาทร เสียสละ เพื่อผลประโยชน์ ส่วนรวม รัฐบาลมีนโยบาย ที่มุ่งประโยชน์ส่วนรวมอย่างยั่งยืน และให้ความส าคัญกับการมีส่วนร่วม ของประชาชน และทุกภาคส่วนในสังคมยึดถือและปฏิบัติตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการ พัฒนาในระดับ อย่างสมดุล มีเสถียรภาพ และยั่งยืน ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนในสถานศึกษา ผู้บริหาร/ครูผู้สอน มีดังนี้ 1. อ านาจการคัดเลือกครูยังอยู่กับหน่วยงานส่วนกลาง 2. การบรรจุ/การจ้างบุคลากร ไม่ตรงกับความต้องการของสถานศึกษา 3. ความล่าช้าในการบรรจุครูในสถานศึกษาที่ขาดแคลน 4. ผู้บริหาร/ครู มีอัตราการย้ายสูง ขาดความต่อเนื่องในการด าเนินงาน 5. ขาดความเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ของพื้นที่ 6. การประเมินไม่เชื่อมกับคุณภาพผู้เรียน 7. ไม่มีระบบการบริหารจัดการ นิเทศ ติดตาม ที่จะช่วยครูให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่าง มีประสิทธิภาพ 8. ครูไม่ได้รับการพัฒนาตนเองตามความต้องการและภารกิจที่ได้รับมอบหมาย 9. ขาดการพัฒนาสมรรถนะที่สอดคล้องกับการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 10. ครูที่มีประสบการณ์ขาดการพัฒนาที่สอดคล้องกับศักยภาพของตนเอง 11. วิธีการและรูปแบบการพัฒนาครูยังเป็นการสื่อสารทางเดียว และถูกก าหนดมาจาก หน่วยงานต้นสังกัด 12. มีการผลิตครูที่ไม่ตรงตามสาขาวิชาต่างๆ ไม่เหมาะสมกับความต้องการของโรงเรียนที่ อยู่พื้นที่สูงและมีความต้องการเฉพาะ 13. จ านวนในการผลิตครูไม่สอดคล้องกับแผนการใช้ครูในอนาคต
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 65 เสนอแนวทางการแก้ไขการผลิตครู 1. แผนการผลิตครูที่สอดคล้องกับความต้องการ ใช้งานจริงในอนาคตอย่างน้อย 10 ปี 2. หลักสูตรการผลิตครูที่ตอบสนองต่อความต้องการของสถานศึกษาในพื้นที่ต่างๆ 3. มีการคัดเลือกและผลิตครูมาจากคนในพื้นที่อย่างเป็นระบบต่อเนื่อง การพัฒนาครู 1. มีหลักสูตรส าหรับการพัฒนาผู้บริหาร/ครู ให้มีสมรรถนะสอดคล้องกับพื้นที่ 2. การเป็นพี่เลี้ยงในการพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาที่ตอบสนองต่อคุณภาพผู้เรียน 3. ร่วมกับหน่วยงานต้นสังกัด/พี่เลี้ยงพัฒนาวิธีการ/แนวทางใหม่ เพื่อการพัฒนาคุณภาพ การศึกษา นิทรรศการออนไลน์ของโรงเรียนที่ตั้งในพื้นที่ลักษณะพิเศษ การจัดการศึกษาสู่ความยั ่งยืน Area-Based Education สถานศึกษา และชุมชน 1. ปรับ Mindset 2. Goal ชัดเจนร่วมกัน 3. Implement 4. คุณภาพผู้เรียน หน่วยงานต้นสังกัด 4.1 ส่งเสริม และสนับสนุน 4.2 ลดภาระงานอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง Partnership (พี่เลี้ยง จากมหาวิทยาลัย องค์กร มูลนิธิ ฯลฯ) 4.3 เข้าไปหนุนเสริมสิ่งที่ สอดคล้องกับความ ต้องการของสถานศึกษา ประเด็นท้าทาย มีมิติมุมมองหรือข้อสังเกตในการปฏิบัติหน้าที่ของพี่น้องครูในพื้นที่ ยากล าบาก : จะต้องมีการก าหนดนโยบายใดบ้าง เพื่อบริหารจัดการกับผู้ปฏิบัติงาน 5. การจัดการศึกษา ผลลัพธ์ต้องเกิดที่เด็ก ทรัพยากรรัฐที่ใส่ลงไป และกลไกที่ใช้ ต้องตอบ ค าถาม ประชาชน และผู้ปกครอง ว่าเด็กได้อะไร 6. พื้นที่ปกติ รัฐมีหน้าที่จัดการ ครู ระบบการเรียนรู้ การจัดการระดับโรงเรียน และพื้นที่ ทั้งในพื้นที่พิเศษ การมีเกณฑ์ปฏิบัติเฉพาะ และบทบาทชุมชน 7. การจดัการเรยีนรู้เป้าหมายการเรยีนรู้ปัจจบุนัเน้นผลสมัฤทธทิ์างวชิาการ และการมวีุฒิ วิชาการ 8. เพื่ออนาคตการศึกษาทั่วโลกให้น ้าหนักการสร้างพลเมืองโลกอนาคต (เช่น โลกดิจิทัล การใช้ เทคโนโลยี พหุวัฒนธรรม อาชีพอิสระ หลายอาชีพตลอดชีวิต คนมีความยืดหยุ่น)
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 66 9. การเรียนต้องมีกระบวนการหลากหลาย ผสมทั้งการสอนโดยครู สื่อทุกประเภท การเข้าถึง อินเทอร์เน็ต ตัวช่วย (เช่น อาสาสมัครการศึกษา ครอบครัว ชุมชน พื้นที่เรียนรู้ เพื่อใช้ทรัพยากรร่วม) 10. รัฐต้องลงทุน (และสนับสนุนให้มีการลงทุน) สร้าง พัฒนา และรักษาครู และโครงสร้าง การเรียนรู้ 11. การส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ลักษณะพิเศษอย่างไร 12. ท่านมีสิ่งใดที่จะบอกกล่าว หรือสร้างแรงจูงใจให้กับพี่น้องครูให้ท างานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไป สิ่งที่ควรด าเนินการเพื่อพื้นที่ลักษณะพิเศษ ระยะสั้น ท าทันที ครูและโครงสร้างการเรียนรู้ 13. มีหลักเกณฑ์เฉพาะในการก าหนดต าแหน่ง การบรรจุ การโอนย้าย 14. มีหลักเกณฑ์เฉพาะในการจัดสรรงบประมาณ ค่าใช้จ่ายต่อหัว 15. บุคลากรมีการพัฒนาเพิ่มเติมเฉพาะ 16. มีการลงทุนโครงสร้างการเรียนรู้เฉพาะ 17. มีงบประมาณพิเศษ เพื่อการจัดการหลากหลาย รวมถึงลงทุนสร้างเครือข่ายพื้นที่การ เรียนรู้วิชาการร่วม รวมถึงงบประมาณพิเศษ เพื่อจัดท าที่พักอาศัย ระยะกลาง-ยาว ก าหนดพื้นที่ ลักษณะพิเศษในการจัดการศึกษา เพื่อสร้างระบบการผลิตครู ส าหรับพื้นที่ลักษณะพิเศษจากคนใน พื้นที่ และการพัฒนาโรงเรียนเป้าหมาย ทั้งนี้งบประมาณได้จากการลดลงของค่าใช้จ่ายต่อหัว และ เงินเดือน จากนักเรียนน้อยลง น างบประมาณเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา และลดความเหลื่อมล ้า การบริหารจัดการโรงเรียนในพื้นที่พิเศษ คุณลักษณะผู้บริหารโรงเรียนในเขตพื้นที่สูงและถิ่น ทุรกันดาร 1. มิติด้านความรู้และทักษะ 2. มิติด้านการปฏิบัติตน 3. มิติด้านการปฏิบัติงาน องค์ความรู้ที่จ าเป็น 1. การอ่านออกเขียนได้ของเด็กชาติพันธุ์ 2. ทักษะอาชีพและทักษะชีวิต 3. คุณภาพชีวิตนักเรียนพักนอน 4. รูปแบบการศึกษาที่หลากหลาย
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 67 ข้อเสนอเพื่อการพัฒนา 1. ควรมีนโยบายการจัดการศึกษาเพื่อคนทุกคน (Inclusive education) ไม่ยึดมั่นรูปแบบ เดียวตายตัว (One size fit for All) โดยยึดเด็กเป็นส าคัญ (Child center) 2. ควรให้โรงเรียนมีอิสระ เข้มแข็ง และสามารถจัดการตนเองได้ มีหลักสูตรและการจัดการ เรียนรู้ที่หลากหลายเหมาะสมกับผู้เรียน - มีการวัดประเมินผลที่สะท้อนคุณภาพผู้เรียน 3. ควรพัฒนาครูอย่างต่อเนื่องและตรงประเด็นการพัฒนา 4. ควรจัดงบประมาณสนับสนุนโรงเรียน ตลอดจนเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน และวิทย ฐานะครูแบบก้าวหน้า และเป็นธรรม กระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหน่วยงานหลักในการจัด การศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพของคนในประเทศ มีความตระหนักอย่างยิ่งดังที่ได้ก าหนดไว้ใน วิสัยทัศน์ของแผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ.2560-2579) “คนไทยทุกคนได้รับการศึกษา และเรียนรู้ ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ” “ด ารงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง” “การเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21” โดยก าหนดกรอบเป้าหมาย และทิศทางการจัด การศึกษาของประเทศ โดยมุ่งเน้นการจัดการศึกษาให้คนไทยทุกคน สามารถเข้าถึงโอกาส และ ความเสมอภาคในการศึกษาที่มีคุณภาพ พัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาคนให้มีสมรรถนะในการท างาน ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และการ พัฒนาประเทศ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนจัด การศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้วิเคราะห์สภาพปัญหา และความต้องการพัฒนา พบว่า โรงเรียนพื้นที่สูง ในถิ่นทุรกันดาร และโรงเรียนพื้นที่เกาะแก่งยังมีปัญหาหลายด้าน เช่น เด็กตกหล่น เด็กออกกลางคัน เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ผู้เรียนขาดทักษะอาชีพ ขาดทักษะชีวิต และภูมิคุ้มกันที่ดีขาดจิตส านึก ในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น จึงได้มีการจัดท าแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่สูงในถิ่น ทุรกันดาร และโรงเรียนพื้นที่เกาะแก่ง ซึ่งได้ก าหนดวิสัยทัศน์ของการพัฒนา คือ ภายในปี พ.ศ. 2564 ประชากรวัยเรียนของโรงเรียนเป็นพื้นที่สูงในถิ่นทุรกันดาร และโรงเรียนพื้นที่เกาะแก่ง ได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึงและมีคุรภาพ มีทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และการมีงานท า สามาถด ารงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข เป็นยุทธศาสตร์ในการท างานตามบริบทแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ผู้เรียนได้รับโอกาสการเข้าถึงบริการการศึกษาอย่างทั่วถึง ลดความเหลื่อมล ้าและมีคุณภาพ ให้สามารถจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด น าไปสู่การพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน กลไกการขับเคลื่อนเพื่อให้การจัดการศึกษาบรรลุตามเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์การจัด
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 68 การศึกษาดังกล่าว ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้อนุมัติจัดสรรงบประมาณ รายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ภายใต้ชื่อ “โครงการการพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียน ที่ตั้งในพื้นที่ลักษณะพิเศษ (โรงเรียนพื้นที่สูงในถิ่นทุรกันดารและโรงเรียนพื้นที่เกาะ) ให้แก่ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา จ านวน 67 เขต และโรงเรียน จ านวน 1,176 โรงเรียน เพื่อสร้างโอกาส ในการเข้าถึงบริการการศึกษาที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และลดความเหลื่อมล ้าทางการศึกษา มุ่งพัฒนาศักยภาพผู้เรียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนให้มี ความรู้ ทักษะทางวิชการ ทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และทักษะการประกอบธุรกิจ ให้กลุ่มผู้เรียนที่มี ความต้องการจ าเป็นพิเศษ กลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มผู้ด้อยโอกาส และกลุ่มผู้ที่อยู่พื้นที่ห่างกันทุรกันดาร พื้นที่เกาะแก่ง ให้มีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มีสุขภาวะที่ดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคม และผู้อื่น มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรม และเป็นพลเมือง ดีของชาติและพลเมืองที่ดีของโลก มีหลักคิดที่ถูกต้อง มีทักษะที่จ าเป็นในศตวรรษที่ 21 การด าเนินการ ดังกล่าว ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้เกิดการส่งเสริมให้ร่วมมือภาคีเครือข่าย การพัฒนาการศึกษา ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน อีกทั้งยังส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือ ระหว่างโรงเรียนในเขตพื้นที่ภูเขาสูง และเขตทุรกันดารแล้วโรงเรียนในเขตพื้นที่เกาะภายใต้ชื่อ “ชมรมนักจัดการศึกษาในพื้นที่ภูเขาสูงและถิ่นทุรกันดาร” และ “ชมรมนักจัดการศึกษาในพื้นที่เกาะ” ให้มีบทบาทหน้าที่ในการขับเคลื่อนประสานงาน เชิญชวนพหุเครือข่ายให้เกิดความตระหนักและ เข้ามามีส่วนร่วมในการจัด การศึกษา สนับสนุนทรัพยากร เพื่อใช้ในการจัดการศึกษา จนท าให้ โรงเรียนสามารถจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับ สภาพบริบทในแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้างความยั่งยืน นั่นคือ โรงเรียนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา โดยมีส านักงานโครงการพัฒนาการจัดการศึกษา โรงเรียนที่ตั้งในพื้นที่ลักษณะพิเศษ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ท าหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ส่งเสริม สนับสนุน ซึ่งจะน าไปสู่การด าเนินงานที่เป็นระบบต่อเนื่องและยั่งยืน ผลการด าเนินการตาม โครงการการพัฒนาจัดการศึกษาโรงเรียนที่ตั้งในลักษณะพิเศษ โรงเรียนพื้นที่สูงในเขตทุรกันดาร และโรงเรียนพื้นที่เกาะ ได้เกิดนวัตกรรมการจัดการศึกษาที่เหมาะสมกับบริบทเชิงพื้นที่ ตัวอย่างเช่น การส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้โดยใช้หลักสูตรทวิภาษาเป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอน โดยใช้ภาษาแม่ และวัฒนธรรมของนักเรียนเป็นพื้นฐาน และสื่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการคิด เชื่อมโยงสู่ภาษาและวัฒนธรรมไทยอย่างเป็นระบบ เป็นการเตรียมความพร้อมให้นักเรียน ชั้นอนุบาล และประถมศึกษา พร้อมกับการรักษาอัตลักษณ์ของตนเองให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข ท่ามกลางความหลากหลายของวัฒนธรรม ห้องเรียน สาขา เป็นการสร้างโรงเรียนขนาดเล็ก
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 69 เพื่อจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนที่อยู่ในหมู่บ้านที่ตั้งในพื้นที่ห่างไกล การคมนาคมไม่สะดวก โรงเรียนพักนอน ส าหรับนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่การคมนาคมไม่สะดวก ไม่สามารถเดินทางไปกลับได้ ห้องเรียนเคลื่อนที่ คือ การที่โรงเรียนน าครูและอุปกรณ์การเรียนเข้าไปหาเด็กด้อยโอกาสในพื้นที่สูง ยากล าบาก โดยใช้สถานที่ของชุมชนเป็นห้องเรียนส าหรับการจัดการเรียนการสอน โรงเรียน เขตพื้นที่และแบบศูนย์เครือข่าย เป็นการปรับบทบาทของเขตพื้นที่การศึกษา มาเป็นหน่วยบริการ การเรียน ส าหรับเด็กด้อยโอกาสที่มีปัญหาการออกกลางคันด้วยเหตุ โดยด าเนินการร่วมมือกับ เครือข่ายโรงเรียน หนึ่งโรงเรียนสามระบบ เป็นการจัดการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตาม อัธยาศัย ในโรงเรียนเดียว เพื่อให้ผู้เรียนที่มีข้อจ ากัดด้วยปัญหาและความแตกต่างของความรู้ ความสามารถ ความสนใจ หรือเป้าหมายของการเรียน ได้มีโอกาสเลือกรับการศึกษาที่เหมาะสมกับ ข้อจ ากัดของตน โรงเรียนส่งเสริมการมีงานท า เป็นการส่งเสริมและเตรียมความพร้อมให้นักเรียน มีทักษะอาชีพที่สอดคล้องกับความถนัด ความสนใจ และบริบทของชุมชน ถึงแม้ว่าในปัจจุบันโลก ก าลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ส่งผลกระทบ เชิงลบในด้านสุขภาพของประชากรโลก แต่กลับมีผลกระทบเชิงบวก แนวโน้มการเจริญเติบโตของ ธุรกิจให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด จึงได้มีการส่งเสริมการจัดการศึกษาด้านการประกอบอาชีพ ที่ปลูกธุรกิจให้กับนักเรียนอีกด้วย ผลจากกการด าเนินงาน สามารถพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียน ที่ตั้งในพื้นที่ลักษณะพิเศษ โรงเรียนพื้นที่สูงในถิ่นทุรกันดารและโรงเรียน พื้นที่เกาะให้มีความ เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ สร้างโอกาสทางการศึกษา และลดความเหลื่อมล ้าทางการศึกษา ส่งผลให้ ผู้เรียนได้รับการพัฒนาทักษะวิชาการ ทักษะชีวิต และทักษะอาชีพ สามารถด ารงชีวิตอย่างมี คุณภาพตามบริบท พื้นที่ได้อย่างมีความสุข พระราชด ารัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรจากวารสารชัยพัฒนา ประจ าเดือนสิงหาคม 2542 “เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเสมือนรากฐานของชีวิต รากฐานความมั ่นคงของแผ่นดิน เปรียบเสมือน เสาเข็มที่ถูกตอกรองรับบ้านเรือนตัวอาคารไว้นั ่นเอง สิ่งก่อสร้างจะมั ่นคงได้ก็อยู่ที่เสาเข็มแต่คน ส่วนมากมองไม่เห็นเสาเข็ม และลืมเสาเข็มเสียด้วยซ้ําไป” แสงโสม หาญทะเล, รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ. (2565) ผลการศึกษาแนวทางการบริหารแบบ มีส่วนร่วมและความเป็นสถานศึกษาพอเพียงของสถานศึกษาบนพื้นที่เกาะ สังกัดส านักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล จากการสัมภาษณ์ 1. ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารแบบมีส่วนร่วม
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 70 1.1 การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ มีแนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนการท าให้บุคลากร มีส่วนร่วมในการตัดสินใจโดยเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาร่วมด าเนินกิจกรรม ตั้งแต่ การศึกษาปัญหาการวางแผนด าเนินการการตัดสินใจ การแก้ไขปัญหา และการประเมินร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนให้กิจกรรมนั้นด าเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพโดยยึดหลักการมีส่วนร่วม คือ หลักร่วม คิด ร่วมท า ร่วมตรวจสอบ ร่วมรับผิดชอบ 1.2 การมีส่วนร่วมในการด าเนินงาน มีแนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนโดยการแบ่งหน้าที่ รับผิดชอบและมอบหมายงานให้ตรงกับผู้ที่มีความสามารถของงานนั้น รวมทั้งส่งเสริมให้ส่วน ราชการ ปรับปรุงระบบหรือวิธีบริหารงานให้เอื้อต่อการสร้างการมีส่วนร่วม สร้างความรู้ความเข้าใจ และทักษะของการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมให้กับข้าราชการในระดับต่างๆ และส่งเสริมการ พัฒนานวัตกรรมการท างานแบบมีส่วนร่วม รวมทั้งส่งเสริมแนวปฏิบัติที่ดี เพื่อให้เป็นหน่วยงาน ตัวอย่าง และเผยแพร่แนวทางปฏิบัติที่ดีแก่ส่วนราชการอื่นๆ น าไปประยุกต์ใช้ต่อไป 1.3 การมีส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์ มีแนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนในการมีส่วน ร่วมรับผลประโยชน์ด้านวัตถุด้านสังคม และด้านบุคคลที่ค านึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก 1.4 การมีส่วนร่วมในการประเมินผล มีแนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนการมีส่วนร่วม ในการวัดผลและวิเคราะห์ผลของการด าเนินงาน รวมทั้งเป็นการค้นหาข้อดีและข้อบกพร่องเพื่อหา แนวทางแก้ไข การท างานให้มีประสิทธิภาพต่อไป แต่การมีส่วนร่วมในขั้นตอนนี้ส่วนใหญ่บทบาท ดังกล่าวจะเป็นของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ โดยจะเป็นการประเมินผลของงบประมาณที่จัดสรรนั้นน าไปใช้ อย่างไร บางกรณีแม้แต่เจ้าหน้าที่เองยังไม่มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนดังกล่าว การมีส่วน ร่วมในการประเมินผลนี้จะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของพลังงานความคิดของมวลชนที่จะท า ให้โครงการพัฒนา หรือสามารถน าประยุกต์ใช้ต่อไปจากการสังเกตผลงาน และร่วมกิจกรรมกับผู้อื่น ข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นสถานศึกษาพอเพียงของสถานศึกษาบนพื้นที่เกาะ 2.1 ความพอประมาณ มีแนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนให้นักเรียน และบุคลากรรู้จักหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในการคิด การพูด การท า อย่างประมาณตนบนพื้นฐานความ เป็นจริงให้เกิดความพอดี พอเหมาะพอควรโดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตนเองและผู้อื่น 2.2 ความมีเหตุผล มีแนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนการตัดสินใจ จะต้องเป็นไปอย่างมี เหตุผล ถูกต้องตามหลักความเป็นจริง โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนค านึงถึง เหตุผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระท านั้นๆ ทั้งในปัจจุบัน และอนาคตอย่างรอบคอบ
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 71 2.3 การมีภูมิคุ้มกัน มีแนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนให้ครูตระหนัก และเน้นนักเรียน ในด้านการใช้สิ่งของและการจ่ายเงิน การไม่ประมาท ไม่เสี่ยง มีความรอบคอบ เตรียมตัวให้พร้อม รับผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ 2.4 ด้านความรู้ มีแนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนให้ครูจัดท าหลักสูตรหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงของแต่ระดับชั้นเรียนโดยให้นักเรียนมีส่วนร่วม และมีความรู้เกี่ยวกับวิชาการ ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ใช้ความรอบคอบที่จะน าความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและมีความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติทุกขั้นตอน 2.5 ด้านคุณธรรม มีแนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนโดยสร้างความตระหนักในคุณธรรม ละอายในการกระท าความชั่ว การตั้งมั่นในความดี มีความซื่อสัตย์สุจริต ความอดทน ความเพียร ใช้สติปัญญาในการด าเนินชีวิตให้รู้จักค าว่าเพียงพอกับการด าเนินชีวิต รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ และคณะ(2565) งานวิจัยภายใต้โครงการที่ด าเนินการเป็นปีที่ 3 ภายใต้บันทึกข้อตกลงของ ม.ทักษิณ กับ สสวท. มีความเชื่อมต่อกับงานโครงการวิจัยปีที่ 1 ปีที่ 2 จนกระทั่งก่อรูปเป็นนวัตกรรมสังคม ที่เชื่อว่าน าไปสู่การแก้ปัญหาการศึกษาในพื้นที่ได้เหมาะสม และมีความยั่งยืน ดังนี้ 1. โครงการการพัฒนาสมรรถนะครูในศตวรรษที่ 21 ด้วยชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อลดความเหลื่อมล ้า ของเยาวชนให้มีวิถีชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พื้นที่เกาะ จังหวัด สตูล (ปี 2563) กระบวนการด าเนินการวิจัยในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ทีมวิจัยด าเนินการ นวัตกรรม ปีแรก PLC การจัดกระบวนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ข้ามเกาะโดยมีโรงเรียน 11 โรงเรียน โดยใช้ Schoolgy.com เป็นแอพพิเคชั่นในการจัดการข้อมูลของแต่ละโรงเรียนในวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ในการจัดการเรียนรู้ตามบริบทพื้นที่ 3 กิจกรรม การประมง ผลิตภัณฑ์ และการท่องเที่ยว 2. การพัฒนาสมรรถนะครูในศตวรรษที่ 21 โดยใช้ Project 14 เพื่อลดความเหลื่อมล ้า ของเยาวชน ให้มีวิถีชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พื้นที่เกาะ จังหวัดสตูล (ปี 2564) ความส าเร็จและเงื่อนไขความส าเร็จของการด าเนินงาน หรือ สิ่งที่จ าเป็นต้องทบทวนในการท างาน วิจัยนี้ คุณค่าของงานที่จะน าไปใช้ประโยชน์ต่อเนื่องในการพัฒนาสมรรถนะครูยุคใหม่ รวมถึงการ พัฒนาการศึกษาในระดับพื้นที่ เป็นช่วง Covid-19 นวัตกรรมที่ได้ใช้ Project 14 การพัฒนา สมรรถนะครูในศตวรรษที่ 21 การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School Base Management) ศูนย์การเรียนรู้ 3. โครงการการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานด้วย Project 14 ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พื้นที่เกาะ จังหวัดสตูล (ปี/2565) โดยใช้การมีส่วนร่วมจาก
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 72 คณะกรรมการสถานศึกษา และเริ่มน าชุมชนเข้ามาในการพัฒนาครูและลงไปที่ผู้เรียน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ในการจัดการเรียนรู้ตามบริบทพื้นที่ 3 กิจกรรม ดังนี้ การประมง ผลิตภัณฑ์ และการท่องเที่ยว ขอขอบคุณ ศ.ดร. ชูกิจ ลิมปิจ านงค์ผู้อ านวยการ สสวท. และ ดร.นัฏฐพร รุจิขจร ผู้อ านวยการฝ่ายแผนการคิดริเริ่มการจัดการเรียนรู้ (สสวท.) ผอ.วรรธิดา คมข า ผอ.โรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ ะ โดยมีวิทยากร ครูดาว ฒามรา พรหมหอม จากโรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ 4. โครงการ "การบริหารจัดการหลักสูตรฐานสมรรถนะอาชีพสู่สถานประกอบการศูนย์การ เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนพื้นที่เกาะ จังหวัดสตูล" (โครง Lipe) โดยใช้การมีส่วนร่วมจากคณะกรรมการสถานศึกษา และเริ่มน าชุมชนเข้ามาในการ พัฒนาครูและลงไปที่ผู้เรียน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ในการจัดการเรียนรู้ตาม บริบทพื้นที่ 3 กิจกรรม ดังนี้ การประมง ผลิตภัณฑ์ และการท่องเที่ยว "หรอยบนเกาะ" แตกต่าง ตอบโจทย์ โลกยุคใหม่ Higher Education Sandbox ใต้ฟ้ า ทะเลงาม ท่ามกลางธรรมชาติ การพัฒนาสมรรถนะครูในศตวรรษที่ 21 ด้วยชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อลดความเหลื่อม ล ้าของเยาวชนให้มีวิถีชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนพื้นที่เกาะ จังหวัดสตูล โดยมี กระบวนการในการพัฒนานวัตกรรมการบริหารบนพื่นที่เกาะ และพัฒนารูปแบบการบริหาร สถานศึกษา ดังภาพ
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 73 ภาพที่ 7 กระบวนการการพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษาบนพื้นที่เกาะ ภาพที่ 8 รูปแบบนวัตกรรมการบริหารสถานศึกษาบนพื้นที่เกาะ
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 74 สรุปท้ายบท ปัญหาความเหลื่อมล ้าทางการศึกษาของโรงเรียนพื้นที่เกาะ จ านวน 121 โรงเรียน จึงเป็น ประเด็นส าคัญในการจัดการศึกษาที่ส่งผลต่อคุณภาพทางการศึกษาที่แตกต่างกัน เนื่องจากนักเรียน ในพื้นที่ดังกล่าวมีคุณภาพชีวิต และคุณภาพทางการศึกษาที่ไม่ทัดเทียมกับโรงเรียนในพื้นที่ปกติ ทั่วไป มีการคมนาคมที่ยากล าบาก การสื่อสารยังไม่มีความเสถียร รวมทั้งระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปาที่ไม่มีคุณภาพ อีกทั้งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ไม่มีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ครูและบุคลากรทางการศึกษาประสบปัญหาในการเดินทางและการด ารงชีวิต ปัญหาดังกล่าว มีผลท าให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ขาดขวัญก าลังใจในการท างานในพื้นที่ มีการ โยกย้ายบ่อย ท าให้ขาดแคลนครู ส่งผลกระทบต่อระบบการบริหารจัดการศึกษา โดยเฉพาะขาดความต่อเนื่อง ในการสอน นักเรียนมีความแตกต่างทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ที่ส่งผลต่อ ทกัษะด้านการอ่าน การเขยีน และผลสมัฤทธิท์างการเรยีนของนักเรยีน ดงันัน้การบรหิารจดั การศึกษาในโรงเรียนในพื้นที่เกาะจึงมีความยุ่งยาก ล าบาก ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของ โรงเรียน และคุณภาพชีวิตของนักเรียน จากสภาพปัจจุบัน ปัญหาของการจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ ดังกล่าวข้างต้น ส านักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน จึงได้จัดท า “แผนยุทธศาสตร์ การพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนพื้นที่เกาะ พ.ศ. 2560 - 2564 ” เพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางในการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนในพื้นที่เกาะ ให้สามารถจัด การศึกษาให้กับประชากรวัยเรียนในพื้นที่เกาะได้อย่างทั่วถึง ครอบคลุมและมีคุณภาพต่อไป ได้เกิด นวัตกรรมการจัดการศึกษาที่เหมาะสมกับบริบทเชิงพื้นที่ เช่น การส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้โดย ใช้หลักสูตรทวิภาษา เป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอน โดยใช้ภาษาแม่ และวัฒนธรรมของ นักเรียนเป็นพื้นฐาน และสื่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการคิด เชื่อมโยงสู่ภาษาและวัฒนธรรมไทย อย่างเป็นระบบ เป็นการเตรียม ความพร้อมให้นักเรียนชั้นอนุบาล และประถมศึกษา พร้อมกับการ รักษาอัตลักษณ์ของตนเองให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข ท่ามกลางความหลากหลายของวัฒนธรรม โดยจัดให้พื้นที่เกาะมีความเหมาะสมกับบริบทพื้นที่ สร้างโอกาสทางการศึกษา และลดความเหลื่อม ล ้าทางการศึกษา ส่งผลให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาทักษะวิชาการ ทักษะชีวิต และทักษะอาชีพ สามารถด ารงชีวิตอย่างมีคุณภาพตามบริบท พื้นที่ได้อย่างมีความสุข
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 75 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2565). คู่มือเกณฑ์การคัดกรองโรงเรียนที่ตั้งในพื้นที่ลักษณะพิเศษ (โรงเรียน พื้นที่เกาะ). ส านักงานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ : ส านักนโยบายและ แผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัชราภรณ์ ทิพย์มณี และรุ่งชัชดาพร เวหะชาติ. (2561). “การบริหารจัดการตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงของสถานศึกษาพอเพียงที่มีผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ เขตภาคใต้ตอนล่าง” เอกสารการประชุมวิชาการระดับชาติ.(2561). มหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 28ประจ าปี 2561 ภายใต้ หัวข้อ : งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสังคมที่มั ่นคง มั ่งคั ่ง และยั ่งยืน (Research and Innovation for Social Stability, Prosperity and Sustainability) ระหว่างวันที่ 8-9 พฤษภาคม 2561 ณ โรงแรมบีพี สมิหลาบีช อ าเภอเมือง จังหวัดสงขลา. หน้า 1364-1370, 2561. รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ. (2565). การพัฒนาองค์ความรู้เชิงระบบสนับสนุนการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล ้าและสร้างความเสมอภาคของสังคมอย่างยั ่งยืน ในเขตพิเศษเฉพาะกิจ3 จังหวัดชายแดนภาคใต้. รายงานการวิจัย โครงการวิจัย ทุน สกสว. ปีงบประมาณ 2564. ราชกิจจานุเบกษา. (2562). พระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562, 30 เมษายน 2562 เล่ม 136 ตอนที่56 ก หน้า 120 แสงโสม หาญทะเล, รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ. (2565). “การบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อความเป็น สถานศึกษาพอเพียงของสถานศึกษาบนพื้นที่เกาะ สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสตูล”. การประชุมสัมมนาทางวิชาการ การน าเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ/ระดับ นานาชาติและงานบริหารการศึกษาสัมพันธ์ประจ าปี 2565. วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2565 ณ โรงแรมศรีล าดวน อ าเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ, หน้า 304-305 Andersen, Ida G. ; A. , Simon C. (2017) . “ Student- Centered Instruction and Academic Achievement: Linking Mechanisms of Educational Inequality to Schools Instructional Strategy.” British Journal of Sociology of Education, v38 n4 p533-550 2017. Codiroli M., Natasha; C., Rose. (2019). “The Contribution of Intersectionality to Quantitative Research into Educational Inequalities” Review of Education, v7n2 p.271-292Jun 2019
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 76 บทที่ 3 การบร ิ หารสถานศึ กษาตามแนวชายแดน การพัฒนาที่ยั่งยืนให้สามารถก้าวทันยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนั้นจ าเป็นอย่างยิ่งที่ จะต้องตระหนักถึงการพัฒนาในองค์การตั้งแต่ระดับจุลภาคจนถึงมหภาค โดยการด าเนินการให้ บรรลุถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน จึงจ าเป็นต้องมีเครื่องมือส าหรับการด าเนินการบริหาร ส าหรับกลไกและ เครื่องมือที่จะท าให้องค์การสามารถแข่งขันได้ทั้งปัจจุบันและอนาคต คือ ยุทธศาสตร์ (Strategy) ส าหรับสถานศึกษาซึ่งเป็นองค์กรที่มีความส าคัญ มีภารกิจหลักในการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนได้รับ การพัฒนาอย่างเต็มตามศักยภาพ สถานศึกษาจึงมีบทบาทส าคัญในการจัดท าหลักสูตรสถานศึกษา และน าหลักสูตรสู่การปฏิบัติ พร้อมทั้งจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจต่อ ผู้ปกครองและชุมชนว่า ผู้เรียนจะมีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ และมีสมรรถนะส าคัญตลอดจน มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามที่ก าหนดไว้ใน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการได้ด าเนินการปฏิรูปการศึกษา อีกทั้งเปิดโอกาสให้สถานศึกษาสามารถ ออกแบบหลักสูตรส่งเสริมการมีงานท าในสาขาอาชีพต่างๆ ตามสมควรกับความสามารถในการ บริหารจัดการของสถานศึกษา ให้สอดคล้องกับสถานศึกษาแต่ละแห่งที่มีสภาพแตกต่างกันทั้งบริบท ความต้องการของชุมชน และเศรษฐกิจในท้องถิ่น ปัญหาด้านความมั่นคงของประเทศไทยในปัจจุบันมีลักษณะผสมผสานระหว่างภัยคุกคาม รูปแบบเดิม(traditional security threats) คือ ภัยคุกคามด้านการทหาร เช่น การสู้รบตามแนว ชายแดน หรือ ความขัดแย้งเรื่องเส้นเขตแดน และภัยคุกคามรูปแบบใหม่ (non-traditional security threats) คือ ภัยคุกคามที่เกี่ยวกับความมั่นคงของมนุษย์และส่งผลกระทบต่อการเสริมสร้างความ มั่นคงของชาติรวมถึงทิศทางการพัฒนาประเทศในระยะยาว โดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาวะโลก ไร้พรมแดน อันเนื่องมาจากกระแสโลกาภิวัฒก์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศที่ก่อให้เกิดภัยพิบัติธรรมชาติที่รุนแรง และการแพร่ขยายที่ก่อให้เกิดอันตรายในวงกว้าง เช่น โรคอุบัติใหม่ อาชญากรรมข้ามชาติและการก่อการร้าย จากสถานการณ์ของความไม่มั่นคงของ ประเทศส่งผลให้ประชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่หรือประชาชนไทยที่ได้รับรู้ข่าวสารเกิดความหวาดกลัว ท าให้พื้นที่นั้นๆ เกิดความขาดแคลนทางด้านทรัพยากร เศรษฐกิจ สังคม และโดยเฉพาะบุคลากร
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 77 ทางการศึกษาซึ่งอาจมีความหวั่นเกรงต่อสถานการณ์และไม่ต้องการมาอยู่อาศัยในพื้นที่ชายแดนนั้น (ธนะศกัดิ์ปฏมิาประกร, 2557) (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551) การส่งเสริมการศึกษาในเขตพื้นที่ชายแดนนั้นสิ่งที่ส าคัญที่สุดคือการขยายโอกาสทาง การศึกษา มีหลักสูตรสถานศึกษาที่ส่งเสริมด้านอาชีพและการมีงานท า ที่สามารถบริหารหลักสูตรให้ ส่งเสริมอาชีพและการมีงานท าได้ หรือการเรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมพหุวัฒนธรรม อีกทั้งนโยบาย ของ สพฐ.ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนทุกคนได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และมีคุณภาพ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งผู้เรียนที่มีความต้องการจ าเป็นพิเศษ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส กลุ่มที่มี ความเปราะบางในพื้นที่เสี่ยงภัย และกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร การด าเนินงานของ สพฐ. ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทยและ แต่ละพื้นที่มีบริบทที่แตกต่างกัน ดังนั้นบุคลากรในระดับ ห้องเรียน โรงเรียน เขตพื้นที่การศึกษา และจังหวัดถือเป็นกลไกส าคัญในระบบการศึกษาที่จะใช้ พื้นที่เป็นฐานในการขับเคลื่อนคุณภาพ และพัฒนารูปแบบและนวัตกรรมที่เหมาะสมกับพื้นที่ของตน (คณะกรรมการจัดท ายุทธศาสตร์ชาติ, 2559) ภาพที่ 9 แผนที่ชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 78 พื้นที่ที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางบกและทางน ้าซึ่งถือเป็นปัจจัยส าคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนและชายฝั่งทะเล พื้นที่ชายแดนมักเป็นพื้นที่ที่เข้าถึง ได้ยากเนื่องจาก สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่าเขา ความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมอยู่ในระดับต ่า ดังนั้นพื้นที่ชายแดนมักจะเป็นพื้นที่ที่อ านาจรัฐนั้นมีความอ่อนแอ ซึ่งประเทศไทยมีพรมแดนติดต่อกับ เพื่อบ้าน ดังนี้ เมียนมาร์ (พม่า) 2,401 กม.กัมพูชา 798 กม. ลาว 1,810 กม. และมาเลเซีย 647 กม. 3.1 การบริหารสถานศึกษาตามแนวชายแดนภาคเหนือ “โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา” มีอุปสรรคหลายประการในช่วงหลายปีที่มีการด าเนิน โครงการ ส่วนใหญ่ปัญหาเหล่านั้นก็ยังคงอยู่ ความท้าทายที่ส าคัญที่ครูและผู้จัดการศึกษากล่าวถึง ได้แก่ 1. การที่กระทรวงศึกษาธิการ มอบชุดเครื่องเล่นโทรทัศน์ให้แก่โรงเรียนเพื่อใช้ในการรับ สัญญาณถ่ายทอดการเรียนผ่านดาวเทียมให้กับทุกโรงเรียนในภาคเหนือ แต่ละโรงเรียนจะได้รับชุด เครื่องเล่นโรงเรียนละหนึ่งชุดเพื่อให้ห้องเรียนทุกห้องใช้ร่วมกัน 2. ศักยภาพในการจัดท าข้อเสนอขอรับทุนสนับสนุนและการลงนามในบันทึกความเข้าใจ กับหน่วยงานภาครัฐหน่วยงานอื่น องค์กรเอกชน มูลนิธิและบริษัทต่างๆ 3. การช่วยให้ผู้ปกครองที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์เห็นคุณค่าของการศึกษาของบุตรหลาน ครูที่ สามารถพูดภาษาแม่ของผู้ปกครองได้สามารถ ช่วยประสานท าความเข้าใจกับครอบครัวของเด็ก และยังสามารถช่วยกระตุ้นให้ชุมชนสนับสนุนด้านการศึกษาของเด็กชาติพันธุ์มากยิ่งขึ้น 4. การว่าจ้างและรักษาครูที่ดีที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในการด ารงชีพ ที่ยากล าบาก และมีความแตกต่างด้านวัฒนธรรมและภาษา 5. การผลิตสื่อการเรียนการสอนและแนวทางการสอนเพื่อช่วยเหลือเด็กชาติพันธุ์ในการ เรียนภาษาไทย ปัจจุบัน ครูเป็นผู้แบกรับภาระในการปรับหลักสูตรมาตรฐานเพื่อให้เหมาะสมกับเด็ก นักเรียน หลักสูตรวิชาภาษาไทยจ านวนมากที่จัดท าขึ้นส าหรับโรงเรียนที่อยู่ใน พื้นที่ห่างไกลนั้น ค่อนข้างมุ่งเน้นที่การพัฒนาความรู้ความสามารถในการอ่านและเขียนตัวหนังสือ แต่มิได้พัฒนา ทักษะด้านการฟังหรือ การพูดภาษาไทย 6. การว่าจ้างครู เด็กชาติพันธุ์จะได้รับผลประโยชน์หากครูผู้สอนเป็น ครูชาติพันธุ์ที่ สามารถอธิบายเนื้อหาวิชา และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ปกครองของเด็กได้โดยใช้ภาษาแม่ภาษาเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งส าหรับเด็กปฐมวัย
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 79 การบูรณาการภาษาและวัฒนธรรมท้องถิ่น ศิลปะของกลุ่มชาติพันธุ์ และภูมิปัญญาท้องถิ่น ของวัฒนธรรมพื้นบ้านของเด็ก ได้แก่ ดนตรี การฟ้อนร า การเล่าเรื่อง งานฝีมือ และความรู้ด้าน พฤกษศาสตร์นั้นควรได้รับการส่งเสริม ให้เป็นทรัพยากรในการเรียนการสอนในชั้นเรียน 1. การค้นหาเด็กนักเรียนที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบการจัดการศึกษา (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551) กระทรวงศึกษาธิการและนักสถิติขององค์การยูเนสโก พบว่ามีเด็กในประเทศไทยซึ่งไม่ได้เข้า เรียนในจ านวนสูงกว่าที่คาดไว้ เด็กจ านวนมากเป็นบุตรของแรงงานอพยพที่มาจากประเทศเพื่อน บ้าน หรือเด็กที่มีความยากจน ในขณะที่อีกจ านวนหนึ่งเป็นเด็กกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ ห่างไกลของประเทศไทยมา หลายชั่วอายุ เด็กจ านวนมากเป็นเด็กไม่มีสัญชาติ การเรียนการสอน ในแต่ละครั้งอาจจ าเป็นต้องให้ต ารวจตระเวนชายแดน เป็นผู้จัดการเรียนการสอนในโรงเรียนด้วย บางส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษาได้จัดตั้งโรงเรียนแม่และโรงเรียน สาขาหย่อมบ้าน และส่ง “ครูดอย” เข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลเพื่อท าการเรียนการสอน จัดตั้งโรงเรียนประจ า และทดลอง ใช้จานดาวเทียมที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อรับการถ่ายทอดการเรียนการสอนจากชั้นเรียนในภาค กลางของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มโครงการส ารวจหานักเรียนที่ไม่ได้รับการเรียนการสอน จึงได้ทราบว่าการด าเนินการเกี่ยวกับการจัดการเรียนกาสอนที่ผ่านมาได้ละเลยกลุ่มประชากรหลาย กลุ่มที่จ านวนประชากรไม่มากพอที่จะถือเป็นหมู่บ้านตามค าจ ากัดความของกระทรวงมหาดไทย กลุ่มประชากรเหล่านี้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลในภูเขา ซึ่งมีเด็ก จ านวนมากกว่า 1,200 คนที่ไม่ได้เข้าร่วม ในระบบการจัดการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นกลุ่มนักเรียนที่ไม่อยู่ในการส ารวจในขณะเดียวกัน องค์การยูนิเซฟมุ่งให้ความส าคัญแก่เด็กที่ด้อยโอกาสและอยู่ในภาวะเปราะบางมากที่สุด ได้แก่ เด็ก ที่ได้รับผลกระทบ จากภัยสึนามิในปีพ.ศ. 2547 เด็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้อพยพ และประชากรที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อย10 องค์การยูนิเซฟพยายาม เชื่อมโยงทรัพยากรจาก ภาครัฐไปถึงพื้นที่ท้องถิ่นที่มีความจ าเพาะ มิเช่นนั้นแล้ว พื้นที่เหล่านี้จะถูกละเลยในการก าหนด แผนงานและนโยบายระดับประเทศ (United Nations Children’s Fund, 2564) 2. การประยุกต์ใช้การบริหารศึกษาของประเทศนิวซีแลนด์ เป็นระบบการจัดการเรียนการ สอนแบบกระจายศูนย์ใช้การสอนแบบคละชั้น (Multi-grade) และเป็นระบบที่ “ออกแบบเพื่อให้เด็ก ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้รับประโยชน์มากที่สุด” เดิมส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาพยายามให้เด็กเข้า มาเรียนในโรงเรียน แท้ที่จริงแล้วส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้องน า โรงเรียนไปสู่เด็ก ปัญหา ดังกล่าวเป็นเรื่องของขนาดในการด าเนินการ เจ้าหน้าที่ด้านการศึกษาในพื้นที่ ครูประจ าการในโรงเรียนที่
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 80 มีนักเรียนจ านวนน้อย อีกทั้งกลไกหลักคือการจัดสรรเงินงบประมาณส าหรับโรงเรียนนั้นยังใช้ระบบ การพิจารณางบประมาณจากจ านวนนักเรียน โรงเรียนของ สพฐ. ที่มีขนาดเล็กที่สุดยังต้องมีครูใหญ่ หรือผู้อ านวยการโรงเรียนและต้องมีครูประจ าอย่างน้อยสองคน ต่อมาทางภาคเหนือได้รับการ สนับสนุนจาก Unicef ในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ โดยรวบรวมเด็กที่ ไม่ได้เข้าเรียนจากพื้นที่ที่มิได้เป็นหมู่บ้านเพื่อเข้าเรียนใน “โรงเรียน” เดียวกัน โรงเรียนดังกล่าวนี้มี “ห้องเรียน” ที่ตั้งอยู่ห่างจากกันในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ท าให้ “โรงเรียน” แห่งใหม่นี้มีนักเรียน มากกว่า 100 คน มีผู้อ านวยการโรงเรียน/ ครูใหญ่เพียงคนเดียวที่ต้องเดินทางไปยังห้องเรียนต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบการจัดการเรียนการสอน ส านักงานของผู้อ านวยการโรงเรียนหรือ ครูใหญ่ตั้งอยู่ใน ศูนย์กลาง ของอ าเภอ ซึ่งต้องขับรถออกไปจาก “ห้องเรียน” แต่ละห้องมีระยะเวลาในการเดินทาง ประมาณ 1 – 6ชั่วโมง รูปแบบการจัดการศึกษาแบบใหม่นี้ เรียกว่าโรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา แม่ฮ่องสอนเขต 1 หรือ “โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา” และเรียกอย่างไม่ทางการว่า “โรงเรียนหย่อม บ้าน” (United Nations Children’s Fund, 2564) 3.แบบจ าลองการจัดการศึกษาของโรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษาศูนย์กลางที่ ไม่รวมศูนย์การ จัดการศึกษาแบบ “โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา” นี้ คณะท างานหลักที่ท าหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการ นั้นจะมีส านักงานอยู่ในศูนย์กลางของอ าเภอ ซึ่งจะไม่มีครูหรือนักเรียน ซึ่งส านักงานของ ผู้อ านวยการโรงเรียนนั้นจะตั้งอยู่ห่างจากห้องเรียนออกไปกว่า 20 กิโลเมตร และเป็นที่ท างานของ ผู้อ านวยการ เจ้าหน้าที่ธุรการ เจ้าหน้าที่การเงิน และเจ้าหน้าที่พัสดุ “ห้องเรียนหย่อมบ้าน” แต่ละ ห้องเรียนนั้นตั้งอยู่ห่างจากกันหลายกิโลเมตร คณะท างานด้านงานธุรการจะเข้าเยี่ยม “ห้องเรียน หย่อมบ้าน” ที่อยู่ห่างไกลเพื่อให้การสนับสนุนแก่ครูที่รัฐบาลหรือท้องถิ่นเป็นผู้ว่าจ้าง เด็กจะอยู่ใน “ห้องเรียนหย่อมบ้าน” จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังจากนั้นจะถูกส่งต่อให้เข้ารับการศึกษาในชั้น มัธยมศึกษาในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ภายในจังหวัด ดังนั้น แบบจ าลอง “โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา” จึงแตกต่างจากแบบจ าลอง “โรงเรียนแม่และโรงเรียนสาขา” ที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป ซึ่งโรงเรียน ดังกล่าวจะมีลักษณะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ และโรงเรียนที่โรงเรียนขนาดใหญ่นั้นให้การสนับสนุน งานบางส่วน ยกตัวอย่างเช่น ในส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 นั้น “โรงเรียนสาขา” มักเป็นโรงเรียนที่เปิดท าการเรียนการสอนเอง และมีครูจากภาครัฐและครูที่ว่าจ้าง จากบุคลากรในท้องที่ส่วนใหญ่นักเรียนจะออกจากโรงเรียนสาขาในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หรือปีที่ 4 เพื่อเข้าเรียนและอาศัยกินนอนอยู่ในโรงเรียนแม่ (United Nations Children’s Fund, 2564)
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 81 4. มุ่งให้เด็กนักเรียนอ่านออกเขียนได้ และคิดค านวณเลขเป็น ในแง่วิชาการ แนวคิด เกี่ยวกับ “โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา” มีวัตถุประสงค์ที่เรียบง่าย นั่นคือ มุ่งเน้นการจัดการเรียนการ สอนเพื่อให้เด็กนักเรียน อ่านและเขียนภาษาไทย และสามารถคิดค านวณเลขได้ โดยก าหนดให้วิชา ดังกล่าวเป็นวิชาพื้นฐานส าหรับการเรียนการสอนอย่างอื่น โดยให้รายวิชาภาษาไทยเป็นรายวิชาที่มี ความส าคัญมากที่สุด การด าเนินการตามแนวคิดเกี่ยวกับการเรียนการสอนเช่นนี้ มีปัญหา คือ เด็กนักเรียนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจภาษา ไทยน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลย 5. การรับนักเรียนและการสอนแบบคละชั้น (Multi-grade) การเรียนการสอนแบบคละชั้น (Multi-grade) เป็นวิธีการที่ใช้อยู่ในโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ชนบทของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ระบบการ ฝึกอบรมครูผู้สอนนั้นมิได้เตรียมความพร้อมให้แก่ครูในการสอนแบบคละชั้น (Multigrade) ในทางตรงกันข้าม มีความคาดหวังให้ครูต้องสร้างระบบ การจัดสรรเวลาการสอนของตนเอง โดย พิจารณาถึงความสามารถของนักเรียนกลุ่มต่างๆ และต้องขอให้เด็กนักเรียนที่โตกว่าหรือมีผลการ เรียนที่ดี กว่าช่วยเหลือเด็กเล็กหรือเด็กที่เรียนอ่อนกว่า ช่องว่างดังกล่าวนี้เป็นปัญหาที่ต้องได้รับ การแก้ไข โรงเรียนในระบบปกติของประเทศไทยค่อนข้างเข้มงวดในเรื่องการก าหนดหลักเกณฑ์ เกี่ยวกับอายุ แต่การเรียนการสอนแบบ “โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา” นั้นมีความยืดหยุ่นในการให้ นักเรียนเข้าเรียนในกลุ่มเด็กนักเรียนที่ตรงกับระดับความสามารถของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายวิชา ที่เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะภาษาไทย 6. การคัดเลือก การรักษา และการพัฒนาขีดความสามารถของครูการว่าจ้างและรักษาครู ไว้ให้อยู่ในต าแหน่งในช่วงเริ่มด าเนินโครงการ โครงการนี้มีผู้สอนกลุ่มหลักเป็นข้าราชการครูที่ได้รับ การรับรอง (ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่พูดภาษาไทยเป็นภาษาแม่) นอกจากนี้ โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา ยังใช้ครูกลุ่มชาติพันธุ์ เป็น “ครูอัตราจ้างท้องถิ่น” ตามสัญญาที่ต่ออายุสัญญารายปี ครูเหล่านี้มี ความคุ้นเคยกับสภาพความเป็นอยู่ของเด็กนักเรียนมากกว่าข้าราชการครู เนื่องจากครูเหล่านี้ เติบโตในหมู่บ้านขนาดเล็กที่ยังขาดการพัฒนาเช่นเดียวกับเด็ก และส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาในการ ปรับตัว เข้ากับระบบการศึกษาไทย โครงการโรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษานี้มักจะเรียกครูดังกล่าวว่า ครูกลุ่มชาติพันธุ์ ในช่วงเริ่มด าเนินโครงการ ครูกลุ่มชาติพันธุ์ต้องมีคุณสมบัติคือส าเร็จการศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจึงจะได้รับการว่าจ้าง ปัจจุบันนี้ ครูเกือบทุกคนส าเร็จการศึกษา ระดับ ปริญญาตรี
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 82 7. คุณสมบัติของครู“โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา” ไม่สามารถวางหลักเกณฑ์ในการคัดเลือก ครูได้มากมายนัก ทั้งนี้ เนื่องจากประเทศไทยประสบปัญหาขาดแคลน บุคลากรครูในพื้นที่ชนบทมา เป็นระยะเวลานาน แม้ว่าการพัฒนาความรู้ และทักษะในการอ่านเขียนภาษาไทยจะถือเป็น วัตถุประสงค์หลัก ในการด าเนินโครงการ แต่ผู้จัดการด้านการศึกษาต่างเห็นว่ามี ครูผู้ช านาญและ ได้รับการรับรองความสามารถในการสอนภาษาไทยอยู่ ไม่มากนักในระบบการจัดประเภทของ กระทรวงศึกษาธิการ ครูผู้เชี่ยวชาญ วิชาภาษาไทยจ านวนมากที่มีไม่ได้รับการฝึกอบรมในการสอน ภาษาไทย ให้แก่ผู้เรียนที่มิได้พูดภาษาไทยเป็นภาษาแม่ อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัย เพียงไม่กี่แห่งที่มี หลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อฝึกอบรมครูในเรื่อง ดังกล่าว หากมีหลักสูตรการฝึกอบรมครู ก็มัก มุ่งเน้นที่การสอนภาษา ไทยให้แก่ชาวต่างชาติที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ มีเพียงมหาวิทยาลัยของประเทศ ไทย เพียงแห่งเดียวที่ปัจจุบันจัดการเรียนการสอนวิชาการสอนภาษาไทยให้ แก่เด็กกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย คือ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ในชายแดนภาคใต้ “ครูกลุ่มชาติพันธุ์” ส่วนมาก เป็นเพศชายและมีความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับการสอนวิชาพลศึกษา ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเรื่อง ปกติเนื่องจาก ประชากรที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์มิได้เข้ารับการฝึกอบรมครูเท่าที่ควร สาเหตุที่ส าคัญมา จากการที่ครูกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้มิได้รับโอกาส ทางการศึกษา จึงท าให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ยาก ดังนั้น วิชาพลศึกษา จึงเป็นวิชาที่ไม่ต้องอาศัยความรู้ทางวิชาการมากเท่ากับวิชาเฉพาะอื่นๆ เช่น วิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ (United Nations Children’s Fund, 2564) 8. การพัฒนาด้านอาชีพส าหรับครู“โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา” ร่วมกับองค์การยูนิเซฟ และมหาวิทยาลัยในท้องที่จัดการฝึกอบรมก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่และระหว่างปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ ครู ทุกคน การจัดการประชุมรายไตรมาสท าให้ครูมีโอกาสได้แบ่งปันประสบการณ์กับเพื่อนครูด้วยกัน ซึ่งเป็นวิธีที่เป็นประโยชน์มากที่สุดที่จะท าให้ครูได้พัฒนาวิชาชีพของตน การที่ผู้อ านวยการโรงเรียน เข้าตรวจเยี่ยมโรงเรียนเป็นประจ า (อย่างน้อย 2 ครั้ง/เดือน) ช่วยให้ก าลังใจและเป็นโอกาสให้ครูได้ ปรึกษาหารือและรับฟังแนวคิดในการท างาน 9. การสนับสนุนจากชุมชน ผู้ปกครองให้การสนับสนุน “โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา” เป็นอย่างดีผู้ปกครองรู้สึกซาบซึ้งที่ “โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา” ท าให้เด็กยังคงพักอาศัย อยู่กับที่ บ้านได้ในช่วงที่ศึกษาชั้นประถมศึกษา แทนที่จะต้องถูกส่งตัวไปอยู่ในหอพักที่มีราคาแพงในตัวเมือง ผู้ปกครองมีความสุขที่ได้ช่วยสร้างอาคารของโรงเรียน และช่วยเหลือในโครงการเกี่ยวกับการ บ ารุงรักษาโรงเรียน บ่อยครั้ง ยังผู้ปกครองยังน าอาหารมาให้ครูอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การพยายาม
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 83 จัดตั้งคณะกรรมการโรงเรียนในท้องถิ่นนั้นไม่ประสบผลส าเร็จตามที่ได้คาดหมายไว้ ครูหลายคน แสดงความเห็นว่าผู้ปกครอง จ านวนมากแทบจะไม่มีความรู้ และรู้สึกว่าการศึกษานั้นควรเป็นเรื่อง ของคนที่เป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” นั่นก็คือพวกครูนั่นเอง นอกจากนี้ผู้ปกครอง ส่วนใหญ่ไม่มีทักษะในการ สื่อสารภาษาไทยซึ่งเป็นทักษะที่ต้องใช้ในการสื่อสารระหว่างกันในการประชุมคณะกรรมการ โรงเรียน 10. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร “โรงเรียนเขตพื้นที่ การศึกษา”เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารเป็นทรัพยากรที่ส าคัญส าหรับเด็กด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกล อย่างไรก็ ตาม ประสบการณ์จากการด าเนินโครงการ“โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา” ท าให้ทราบว่าปัจจุบันยังมี ข้อจ ากัดเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อินเทอร์เน็ตและการเชื่อมต่อสัญญาณ โทรศัพท์มือถือส าหรับ “ห้องเรียน” ส่วนใหญ่ยังไม่มีประสิทธิภาพ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แท็บเล็ต โทรทัศน์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างอื่นเสียง่าย เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมร้อนชื้นของป่า และ แม้จะมีการร่วมมือกับกระทรวงพลังงานและภาคธุรกิจจนกระทั่งมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้พลังงาน แสงอาทิตย์ให้ห้องเรียนหลายห้องแล้วก็ตาม แต่สภาพแวดล้อมที่มีหมอกและฝน รวมทั้งการใช้งาน อุปกรณ์ดังกล่าวอย่างหนักก็ท าให้แบตเตอรี่ เสื่อมได้ไม่ว่าแบตเตอรี่นั้นจะมีคุณภาพดีที่สุดก็ตาม และการซ่อมแซมก็ใช้เวลานานหลายเดือน กระทรวงศึกษาธิการส่งเสริมการจัดการศึกษาทางไกล ผ่านดาวเทียมให้แก่โรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยได้ลงทุนพัฒนาระบบดาวเทียมขึ้น แต่การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมดังกล่าวพูดเร็วเกินไป ท าให้เด็กกลุ่มชาติพันธุ์ที่ยังเล็กและไม่รู้ ภาษาไทยฟังไม่ทัน จึงเป็นเรื่องที่ดูจะขัดแย้งกันอยู่เนื่องจากเด็กนักเรียนเหล่านี้เป็นกลุ่มนักเรียน เป้าหมายในการถ่ายทอด การจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม อย่างไรก็ตาม ครูหลายรายกล่าว ว่ามักจะดาวน์โหลดเนื้อหาการเรียนการสอนที่มีการถ่ายทอดผ่านดาวเทียม โดยดาวน์โหลดจาก อินเทอร์เน็ต (เมื่อเข้าเมือง) จากนั้นจึงเปิดคลิปที่ดาวน์โหลดให้เด็กโตได้ดู โดยจะเล่นวิดีโอครั้งละ 2-3 นาที และหยุดบ่อยๆ เพื่อสรุปเนื้อหาให้เด็กฟัง และเพื่อช่วยให้เด็กนักเรียนเข้าใจเนื้อหาในวิดีโอ ครูจึงต้องเรียนรู้วิธีการสอนที่หลากหลาย การได้มาและบ ารุงรักษาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเรื่องที่ ท้าทาย การท าให้ผู้ใช้ในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้อย่างต่อเนื่องนั้น ก็ท าได้ยาก จึงจ าเป็นต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีการฝึกอบรมครู ในทางเทคโนโลยีสารสนเทศ อาจมีศักยภาพในการพัฒนาการเรียนการสอน แต่การพัฒนาปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูและนักเรียน ในแต่ละวันนั้นจะเป็นประโยชน์กว่าส าหรับเด็กนักเรียน (United Nations Children’s Fund, 2564)
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 84 11. ความเสมอภาคและเพศ การที่โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษามี “ห้องเรียนหย่อมบ้าน” ตั้งอยู่ในหมู่บ้านขนาดเล็กท าให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเพศและความเสมอภาคได้ในทางอ้อม หากไม่มี “โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา” แล้ว เด็กนักเรียนส่วนใหญ่จะต้องเดินทางผ่านเส้นทางยากล าบาก ภายในป่าเขาเพื่อเดินทางไปโรงเรียนทุกวัน หรือมิเช่นนั้นก็ต้องพักอยู่ในโรงเรียนประจ า ทางเลือก ทั้ง 2 ทางนี้ล้วนมีอันตราย เจ้าหน้าที่ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาทางภาคเหนือยืนยันว่าที่ผ่านมา การจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนประจ านั้นส่งผลเสียต่อเด็กมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กปฐมวัย อีกทั้งยังเป็นสาเหตุที่ท าให้ ผู้ปกครองไม่เต็มใจที่จะส่งบุตรหลานของตนไปโรงเรียน นอกจากนี้ วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ส่วนใหญ่จะยอมรับแนวคิดว่าบุตรชายสามารถ เดินทางออกนอก ชุมชนได้ ในขณะที่คาดหวังให้บุตรสาวต้องมีบทบาทหน้าที่อยู่ภายในบ้านตามธรรมเนียมประเพณี ด้วยเหตุนี้จึงสันนิษฐานได้ว่า “โรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา” มีผลกระทบในทางบวก ท าให้เด็กหญิง สามารถเข้าเรียนและอยู่ในโรงเรียนได้ นอกจากนี้ การที่ครูผู้สอนในโรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา หลายท่านเป็นครูกลุ่มชาติพันธุ์เพศหญิง ช่วยท าให้เด็กนักเรียนหญิงมีแบบอย่างที่ดี แม้ว่าจะอยู่ในสังคม ที่เพศชายเป็นใหญ่ ภาพที่ 10 การบริหารสถานศึกษาตามแนวชายแดนภาคเหนือ ที่มา: ปรับปรุงมาจาก (ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน, 2558)
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 85 “ครูกลุ่มชาติพันธุ์” ได้รับการรับรองการประกอบวิชาชีพครูจากรัฐบาล “ครูกลุ่มชาติพันธุ์” 2 คนแรกของโครงการ จึงใช้โอกาสนี้ในการศึกษาต่อจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากโครงการ นอกเวลาราชการ (วันหยุดเสาร์อาทิตย์) และสามารถสอบผ่านและได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ โดยมีคะแนนสอบสูงพอที่จะท าให้ได้รับบรรจุเป็นข้าราชการครู นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาขีด ความสามารถส าหรับผู้อ านวยการโรงเรียน โดยผู้อ านวยการโรงเรียนรายหนึ่งกล่าวว่าการเรียนรู้วิธี ขับรถยนต์ ขับเคลื่อนสี่ล้อในเส้นทางอันตรายในป่าเขานั้นเป็นการฝึกอบรมด้วยการลงมือปฏิบัติที่ ส าคัญ นอกจากนี้ ผู้อ านวยการโรงเรียนยังต้องเรียนรู้วิธีในการ ติดต่อประสานงานผ่านช่องทางของ ภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อขอรับความช่วยเหลือทั้งในด้านการปฏิบัติงานและความช่วยเหลือด้าน เงินทุนสนับสนุน การจัดการประชุมอย่างสม ่าเสมอที่ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษายังช่วยให้ ผู้อ านวยการโรงเรียนต่างๆ มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันด้วย 3.2 นวตักรรมการบริหารสถานศึกษาตามแนวชายแดนภาคตะวันตก การเปลี่ยนแปลงของโลกท าให้การใช้ความรู้และสติปัญญาของมนุษย์เป็นฐานในการพัฒนา มากขึ้นท าให้ต้องเร่งเตรียมพร้อมทั้งการสร้างระบบกลไก และการพัฒนาคนให้สามารถปรับตัวอย่าง รู้เท่าทันและรวดเร็ว ซึ่งมีผลให้การบริหารจัดการศึกษาไทยต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของการแข่งขัน และความมุ่งมั่นตามความคาดหวังของสังคม ดังนั้นในกระบวนการบริหารจัดการจึงต้องปรับเปลี่ยน และพัฒนาให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ ซึ่งเป็นความจ าเป็นที่ผู้บริหาร จะต้องสนใจใฝ่รู้ และพัฒนา อย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะท าให้การบริหารจัดการขององค์กรอยู่รอดบังเกิดผลดีและบรรลุ ตามวัตถุประสงค์ (ธีระ รุญเจริญ, 2550) นวัตกรรมจึงมีความส าคัญและจ าเป็นอย่างยิ่ง "นวัตกรรม" ซึ่งมีนัยและความหมายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งใหม่ๆ หรือสิ่งเก่าแต่น ามาคิด ท า หรือสิ่งขึ้นมาใหม่เพื่อท า ให้เกิดประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาและด าเนินชีวิตที่เหมาะสม (พระมหาสุทิตย์ อาภาโร, 2548) ซึ่ง อาจสอดคล้องหรือแตกต่างในบ้างประเด็นกับแนวคิดทางด้านธุรกิจที่กล่าวว่า นวัตกรรม การผลิต การเรียนรู้ การจัดการความรู้และการใช้ประโยชน์จากความคิดใหม่ เพื่อให้เกิดผลดีทางเศรษฐกิจ และสังคม และจากข้อเสนอแนะโครงการ Local Government Association (LGA) Improvementand Development Agency และ National School of Govemment ที่เสนอแนะว่า ภาครัฐจ าเป็นต้องมี นวัตกรรมการบริหารเพื่อวัตถุประสงค์ 1) สนองความต้องการจ าเป็นของประเทศที่เปลี่ยนแปลงให้มี ประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น 2)ไม่ให้ค่าใช้จ่ายบานปลาย และเพิ่มประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมี
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 86 ข้อจ ากัดค้านงบประมาณ 3)ปรับปรุงการด าเนินงานและผลลัพธ์การบริการของภาครัฐรวมทั้ง พิจารณานโยบายเดิมให้มีความก้าวหน้า4)ใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Communication Technology : ICT) ให้ได้ประโยชน์สูงสุด (ชนะ กสิภาร์, 2550) จากแนวคิดดังกล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมการบริหารมีความส าคัญต่อการบริหาร จัดการของสถานศึกษาเนื่องจากสถานศึกษามีหน้าที่ให้การศึกษาแก่ประชาชน จึงจ าเป็นอย่างยิ่ง ต้องน าหลักการดังกล่าวมาด าเนินการในการจัดการศึกษาให้มีมาตรฐานคุณภาพการศึกษา โดยมี เป้าหมายที่ส าคัญนั่นคือ ท าให้ผู้เรียนเป็นคนดี คนเก่งและมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ, 2550) แต่เมื่อพิจารณามาตรฐานคุณภาพการศึกษาและระดับความดี ความเก่ง ความสุขของผู้เรียนแต่ละ สถานศึกษามีความแตกต่างกันมาก จึงมีการก าหนดมาตรฐานการศึกษาไว้เพื่อให้สถานศึกษาได้ ด าเนินการให้เป็นไปตามเกณฑ์คุณภาพมาตรฐานที่ก าหนด แม้ว่าปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการได้มี การขยายอ านาจ แต่ความพร้อมของสถานศึกษาแต่ละแห่งยังคงมีความแตกต่างกัน คุณภาพ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธแิ์ตกต่างกนั ปัจจุบันลักษณะการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนในสังกัดคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานโดยเฉพาะสถานศึกษาบนพื้นที่สูงตามแนวชายแดนประชาชนคนไทยจะมีความยากจน ขาดโอกาสทางการศึกษา ขาดการประกอบอาชีพและตั้งบ้านเรือนอยู่ห่างจากสถานศึกษา ขาดสื่อ และอุปกรณ์การศึกษา ขาดแคลนครูผู้สอน ท าให้คุณภาพและมาตรฐานการจัดการศึกษาของ สถานศึกษาต ่าควรได้รับการปรับปรุง (ส านักผู้ตรวจราชการประจ าเขตการศึกษาที่ 2, 2549) และยัง มีประชาชนต่างชาติที่เข้ามาประกอบอาชีพรวมทั้งบุคคลที่ลอบหนีภัยสงครามจากประเทศเพื่อน บ้านเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยและรัฐบาลไทยจัดให้พักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว บุคคล เหล่านี้และบุตรหลานเป็นบุคคลที่ขาดโอกาสทางการศึกษา ไม่รู้ภาษาไทย วัฒนธรรม ประเพณีไทย และมีฐานะยากจน สภาพดังกล่าวได้ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมตามมาหลายประการ รวมทั้งปัญหาทางการศึกษาอีกด้วย องค์กรเอกชน องค์กรศาสนา ที่เข้ามาจัดการศึกษาให้กับคน เหล่านี้ จะจัดหลักสูตรการเรียนการสอนตามที่ตนเองถนัดเป็นส าคัญรายวิชาในหลักสูตรไม่เน้นการ สอนภาษาไทยเพื่อใช้เป็นการสื่อสารกับคนไทย แต่จะให้การสอนภาษาอังกฤษภาษากระเหรี่ยง ประวัติศาสตร์ยุโรป ประวัติศาสตร์กระเหรี่ยง ท าให้บุคคลเหล่าขาดจิตส านึกรักแผ่นดินไทย รักการ ปกครองแบบประชาธิปไตย และร่วมใจกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบนแผ่นดินที่ให้ถิ่นที่อยู่อาศัย (ประเทือง ทรัพย์เกิด, 2549) เป็นผลให้โรงเรียนต้องมีกระบวนบริหารจัดการที่ท าให้โรงเรียนและ ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาที่ก าหนด และให้ได้รับการพัฒนาในทุกด้าน ตามความสามารถ ที่จะจัดการศึกษาได้ให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน เป็นที่ยอมรับและสามารถเป็น
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 87 แบบอย่างในค้าน "คุณภาพ" แก่โรงเรียนอื่นได้ จึงกล่าวได้ว่า โรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ที่ส าคัญยิ่งในการพัฒนาและผลิตก าลังคนให้มีศักยภาพ เพื่อที่จะช่วยพัฒนาประเทศให้มี ความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจการเมือง และเทคโนโลยีกับนานาประเทศได้ จาก รายงานการวิจัยของ (ประเทือง ทรัพย์เกิด, 2549) ผลการวิจัยพบว่าระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาบนพื้นที่สูงตามชายแดนไทยพม่า ในเขตตรวจราชการที่ 6 และ 7 ค้านผู้บริหารมาตรฐานที่มีคุณภาพส่วนใหญ่อยู่ในระดับดี เรียงล าดับจากค่ามากไปหาน้อย 3 อันคับแรกคือ มาตรฐานที่ 20 ผู้บริหารมีภาวะผู้น าและมี ความสามารถในการบริหารจัดการ คิดเป็นร้อยละ 93.30 รองลงมาได้แก่ มาตรฐานที่ 14 สถานศึกษาส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนในการพัฒนาสถานศึกษา คิดเป็นร้อย ละ 85.00 และมาตรฐานที่ 13 สถานศึกษาที่มีการจัดองค์กร โครงสร้างและการบริหารงานอย่างมี ระบบครบวงจร เพื่อให้บรรจุเป้าหมาย คิดเป็นร้อยละ 73.30 ค้านความต้องการพัฒนาสถานศึกษา บนพื้นที่สูงตามชายแดน ไทย - พม่า ในเขตตรวจราชการที่ 6 และ 7 ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน ผู้เรียนและผู้ปกครองหรือกรรมการสถานศึกษา มีความต้องการพัฒนาสถานศึกษาบนพื้นที่สูงตาม ชายแคน ไทย-พม่า ในเขตตรวจราชการที่6 และ 7 โดยภาพรวมอยู่ในระคับมาก เมื่อพิจารณา เป็น รายด้านพบว่า มีความต้องการพัฒนามากทุกด้านเรียงล าดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อยคือ ด้าน ผู้เรียนระดับก่อนประถมศึกษามีความต้องการพัฒนาสูงเป็นอันดับแรก รองลงมาได้แก่ ด้านผู้เรียน ระดับประถมศึกษา ด้านครูผู้สอนและด้านผู้บริหารสถานศึกษาตามล าดับ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน และรายมาตรฐานพบว่า ด้านผู้บริหารมาตรฐานที่มีความต้องการพัฒนามากเป็นอันดับแรกคือ มาตรฐานที่ 18 สถานศึกษามีการจัดกิจกรรมและการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ รองลงมาได้แก่มาตรฐานที่ 25 สถานศึกษามีหลักสูตรที่เหมาะสมกับผู้เรียนและท้องถิ่น มีสื่อการ เรียนการสอนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และมาตรฐานที่ 14 สถานศึกษาส่งเสริมความสัมพันธ์และความ ร่วมมือกับชุมชนในการศึกษาพัฒนา ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะความต้องการพัฒนาสถานศึกษา บนพื้นที่สูงตามชายแคนไทย-พม่า จากแบบสอบถามปลายเปิดดังนี้ ท่านผู้บริหารและการบริหาร จัดการ มีความต้องการให้หน่วยงานต้นสังกัดสนับสนุนด้านการเงินงบประมาณ วัสดุ ครุภัณฑ์ สื่อ การสอนด้านเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ให้กับสถานศึกษามากกว่าที่เป็นอยู่มากเป็นอันดับแรก อันดับที่สองควรให้มีเจ้าหน้าที่สนับสนุนการสอนในสถานศึกษาได้แก่ เจ้าหน้าที่การเงินพัสดุและ ธุรการ อันดับที่สาม โครงสร้างการบริหารสถานศึกษาที่เป็นปัจจุบันมีความเหมาะสม องค์ประกอบที่ส าคัญที่มีความจ าเป็นต่อนวัตกรรมการบริหารโรงเรียนชายแดนภูมิภาค ตะวันตกมีจ านวน 9 องค์ประกอบ ได้แก่
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 88 1. ภาวะผู้น า ด้านนโยบายหน่วยงานต้นสังกัดควรส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาให้ผู้บริหาร โรงเรียนชายแดนภูมิภาคตะวันตก มีภาวะผู้น าและมีวิสัยทัศน์ที่จะก าหนดนโยบายขององค์การได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านการน าไปปฏิบัติ ผู้บริหารใช้การติดตาม กระตุ้น เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วน เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของโรงเรียน ทั้งยังต้องจัดปฐมนิเทศบุคลากรในโรงเรียนให้ รับทราบ เข้าใจ และยอมรับนโยบาย ระเบียบในการปฏิบัติงาน 2. การพัฒนานวัตกรรม ด้านนโยบายหน่วยงานต้นสังกัดส่งเสริมสนับสนุนให้โรงเรียนน า นวัตกรรมมาใช้ในการบริหารและการจัดการเรียนการสอน ด้านการน าไปปฏิบัติ ผู้บริหารโรงเรียน ควรเป็นผู้น าในการพัฒนานวัตกรรมและให้ผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมด้วย 3. การกระจายอ านาจ ด้านนโยบายหน่วยงานต้นสังกัดควรส่งเสริมสนับสนุน ให้ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการกระจายอ านาจ ด้านการน าไปปฏิบัติผู้บริหารโรงเรียนต้องกระจายอ านาจให้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมและมีอิสระในการด าเนินงานที่อยู่บนความถูกต้องโดยมีการมอบหมาย งานตามความถนัดของแต่ละบุคคล 4. การวางแผน ด้านนโยบายหน่วยงานต้นสังกัดควรส่งเสริมสนับสนุนให้ความรู้เรื่องการ วางแผน และติดตามการน าแผนไปปฏิบัติ ด้านการน าไปปฏิบัติผู้บริหารโรงเรียนต้องมีความรู้ ความสามารถและทักษะในการวางแผน และต้องน าแผนเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน 5. การจัดการความรู้ ด้านนโยบายหน่วยงานต้นสังกัดควรส่งเสริมสนับสนุนให้มีการน าการ จัดการความรู้ไปปฏิบัติอย่างจริงจังในโรงเรียนด้านการน าไปปฏิบัติผู้บริหารโรงเรียนต้องใช้การ จัดการความรู้เป็นตัวขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของครูทุกท่าน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 6. การใช้โรงเรียนเป็นฐาน ด้านนโยบายหน่วยงานต้นสังกัดควรส่งเสริมสนับสนุนให้ โรงเรียนใช้การบริหารแบบมีส่วนร่วม ด้านการน าไปปฏิบัติผู้บริหารโรงเรียนใช้การบริหาร โดยค า เนินการที่ทุกฝ่ ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาของโรงเรียนมีส่วนร่วมในการด าเนินงาน ทุกขั้นตอนในการจัดการศึกษาของโรงเรียนตั้งแต่การร่วมคิดร่วมท าและร่วมรับผลประโยชน์ 7. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านนโยบายหน่วยงานต้นสังกัด ส่งเสริมสนับสนุนให้มี เครือข่ายข้อมูลด้านการบริหารและสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียนอย่างพอเพียง ด้านการน าไปปฏิบัติ ผู้บริหาร โรงเรียนควรใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารและการจัดการ
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 89 เรียนการสอน โดยการพัฒนาครูให้มีความรู้ความสามารถและทักษะในการใช้เทคโนโลยีและ สารสนเทศ ตลอดจนติดตามการใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอนของครู 8. การยึดผู้เรียนเป็นส าคัญ ด้านนโยบายมีการก าหนดให้การด าเนินงานของโรงเรียนทุก เรื่องต้องมุ่งผลส าเร็จไปที่ผู้เรียน ด้านการน าไปปฏิบัติ การบริหารและการจัดการศึกษาของโรงเรียน ควรยึดผู้เรียนเป็นส าคัญ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครูต้องใช้วิธีการที่หลากหลายที่เน้น ผู้เรียนมีส่วนร่วม 9. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ด้านนโยบายควรก าหนดให้บุคลากรของโรงเรียนได้รับ การพัฒนาเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ด้านการน าไปปฏิบัติ ผู้บริหารโรงเรียนควรพัฒนากระบวนการเรียนรู้ อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือใน การท างานเพ่อืน าไปสู่ผลสมัฤทธใิ์นการท างานท่ีเพิ่มมากยงิ่ข้นึผู้บรหิารควรส่งเสรมิสนับสนุน ครูผู้สอนให้มีความรู้ความสามารถในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้ได้แนวทางการด าเนินงานที่เป็นรูปธรรมและตรงกับสภาพความเป็นจริงมากที่สุด และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้บริหารโรงเรียนในฐานะผู้น าขององค์การ ต้องมีภาวะผู้น า ที่เข้มแข็ง เป็นผู้น าแบบประชาธิปไตย ยอมรับความคิดเห็นของผู้ได้บังคับบัญชา เปิดโอกาสให้ บุคลากรในองค์การมีส่วนร่วมในการบริหารมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้บริหารต้องมี ความสามารถในการสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรในองค์ปฏิบัติงานด้วยความเต็มใจ เพื่อให้บรรลุ ผลสมัฤทธิโ์ดยไม่เกิดความเครียดจากสภาวะกดดนัต่างๆ ทงั้ยงัต้องมคีวามสามารถโน้มน้าว ให้บุคลากรยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้โดยไม่เกิดการต่อต้าน และให้ความร่วมมือด้วย ความเต็มใจ 3.3 การบริหารสถานศึกษาตามแนวชายแดนตะวนัออกเฉียงเหนือ สภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนตามแนวชายแดนยังคงจัดการศึกษายึดตาม พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติคือ การจัดการศึกษาให้ยึดหลักเป็นการศึกษาตลอดชีวิตส าหรับ ประชาชน ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาการพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไป อย่างต่อเนื่องบริบทพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย–ลาว ของจังหวัดอุบลราชธานีตั้งอยู่ในบริเวณที่ เรียกว่า “แอ่งโคราช” โดยสูงจากระดับน ้าทะเลเฉลี่ยประมาณ 68 เมตร ลักษณะโดยทั่วไปเป็นที่ สูงต ่า เป็นที่ราบสูงลาดเอียงไปทางตะวันออกมีแม่น ้าโขง เป็นแนวเขตกั้นจังหวัดอุบลราชธานี กับสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว มีอาณาเขตติดต่อระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรกัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี บริบทของโรงเรียนซึ่ง
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 90 การจัดการศึกษาของโรงเรียนตามแนวชายแดนยังประสบปัญหาหลากหลาย เนื่องจากความยากจน ของคนในพื้นที่ความแตกต่างทางด้านสภาพเศรษฐกิจ สภาพสังคม การเข้าถึง สวัสดิการของรัฐ ขาดการสนับสนุนทรัพยากรทางการบริหาร ดังนั้นการพัฒนารูปแบบเครือข่าย ความร่วมมือในการ จดัการศึกษาด้านการจดักระบวนการเรียนรู้รูปแบบใหม่ๆ ที่มีการใช้สื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ ทันสมัยมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนนักเรียนให้นักเรียนได้รับ ประสบการณ์ทางการเรียนรู้ ใหม่ๆ สามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง และพัฒนาครูและ บุคลากรทางการศึกษาอาจจะเป็น ในรูปแบบของการจัดอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โดยทีมวิทยากร คุณภาพจากมหาวิทยาลัยต้องมี การประชาสัมพันธ์ มีการจัดค่ายอาสา มีการแจกของอุปกรณ์กีฬา หรือ อุปกรณ์การเรียน ระยะยาว ต้องด าเนินการจัดกิจกรรมทุกปี มหาวิทยาลัยควรจัดให้มีโควตาให้นักเรียน และควรส่งนักศึกษาไป ฝึกสอนตามโรงเรียนห่างไกลตามแนวชายแดนอย่างทั่วถึง แนวทางการสร้างความร่วมมือพัฒนา การศึกษาตามแนวชายแดนไทย-ลาวผ่านภาคีเครือข่ายอุดมศึกษา จะต้องมีการประสานความ ร่วมมือ มีการส่งนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูไปยังโรงเรียนตามแนวชายแดน มหาวิทยาลัย ต้องมีการจัดโครงการต่างๆ และด าเนินการ จัดท าข้อตกลงร่วมกัน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนที่เป็น รูปธรรม สร้างเครือข่ายการพัฒนาร่วมกันและท าให้เกิดการขยายของเครือข่ายแนวทางในการ พัฒนานั้นต้องอาศัยความรู้จากหลายฝ่าย เช่น ผู้น า ในระดับนโยบาย ผู้ทรงภูมิปัญญา เป็นต้น การ พัฒนาความร่วมมือให้เกิดยั่งยืน สภาพปัญหาตามแนวชายแดนเกิดจากกระแสของโลกาภิวัฒน์ท าให้มีความหลากหลาย โดยเฉพาะปัญหาความยากจนเกิดจากความไม่เท่าเทียมของรายได้ที่กระจายระหว่างภูมิภาคก็เพิ่ม มากขึ้น ปัญหาทางวัฒนธรรม เกิดจากการได้ร้บวิทยาการสมัยใหม่ต่างๆ ซึ่งมีอิทธิพลต่อ ชาวบ้าน เป็นอันมากคนในชุมชนยังขาดศักยภาพปัญหาด้านกฎหมายเพราะประชาชนส่วนมากยังไม่รู้ กฎหมายเบื้องต้น ส่วนผู้ที่รู้กฎหมายส่วนมากจะเป็นผู้น าชาวบ้านและข้าราชการความร่วมมือ ระหว่างโรงเรียนตามแนวชายแดนกับสถาบันอุดมศึกษานั้น ไม่ค่อยเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ทั้งนี้อาจ เนื่องมาจากการจัดการศึกษาคนละรูปแบบ ซึ่งการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานจะอิงตามพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติเป็นหลัก ท าให้ความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรเกิดขึ้นล าบาก ทั้งนี้จากข้อค้น พบของทางโรงเรียนที่ต้องการให้มหาวิทยาลัยร่วมพัฒนาหลักสูตรระยะสั้นในการพัฒนาบุคลากร และพัฒนาศักยภาพนักเรียนถือว่า เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการร่วมมือกัน ปัญหาด้านการศึกษา ได้จ้ดท าแผนให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันของชุมชนในการพัฒนา การศึกษา แต่เกือบครึ่งไม่ได้หา วิธีการด าเนินการศึกษา และบางส่วนไม่ได้ก าหนดเป้าหมายของการวางแผน ไม่ได้สนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการวางแผน ส าหรับการประสานงาน ส่วนใหญ่ได้มีการช่วยเหลือประสานงาน
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 91 ระหว่างหน่วยงานกับชุมชน สนับสนุนกิจกรรมเพื่อสร้างความร่วมมือ ระหว่างศูนย์การเรียนรู้ชุมชน กับชุมชนในพื้นที่ แต่เกินครึ่งไม่ได้จ้ดให้มีการประสานงานท าหน้าที่แทนผู้บริหาร การมีส่วนร่วม ของ ภาคีเครือข่ายในการพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ภาคีเครือข่ายมี ส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ด้านความร่วมมือ ด้านการ ท างานร่วมกัน ด้านการประเมินผล ด้านการประสานงาน และด้านการวางแผน และการมีส่วนร่วม ของภาคีเครือข่ายในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาสภาพการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการ จัดการศึกษา ด้านการพัฒนาสื่อและแหล่งเรียนรู้ด้านการพัฒนาหลักสูตร ปัญหาการมีส่วนร่วมของ ภาคีเครือข่ายในการจัดการศึกษา ด้านการนิเทศ ติดตามและประเมินผล และแนวทางการส่งเสริม การมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาที่ต้องด าเนินการ คือ ควรจัดท าข้อมูลสารสนเทศ ของสถานศึกษา และภาคีเครือข่ายให้เป็นปัจจุบันครอบคลุมทุกภารกิจเพื่อเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการอย่างมี ประสิทธิภาพ และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายควรเป็นกิจกรรม ที่มาจากความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง 3.4 การบริหารสถานศึกษาตามแนวชายแดนภาคใต้ พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส มีประชากรรวมทั้งสิ้น 1,790,851 คน ซึ่งร้อยละ 80 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 19.90 นับถือ ศาสนาพุทธ และอื่นๆ อีกร้อยละ 0.10 (คณะศึกษาศาสตร์, 2550) ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัด ชายแดนภาคใต้ที่สั่งสมมาเป็นระยะเวลานานนั้น มีที่มาจากหลายปัจจัยส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจาก ปัญหาความไม่เข้าใจถึงความเป็นตัวตนหรือความเป็นอัตลักษณ์ของคนในพื้นที่ของภาครัฐ ท าให้ โอกาสการเข้าถึงรวมถึงการพัฒนาที่ผ่านมาไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและความต้องการของสังคม ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หนึ่งในนั้นก็คือนโยบายด้านการศึกษาเพราะการศึกษาถือเป็น เครื่องมือในการพัฒนาคนและพัฒนาประเทศชาติที่ส าคัญ ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในมาตรา 80(3) ไว้ว่า การ พัฒนามาตรฐานและคุณภาพการศึกษาในทุกระดับและทุกรูปแบบให้สอดคล้องกับความ เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม นอกจากนั้นตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 ได้ก าหนดจุดมุ่งหมายของการศึกษาไว้ว่า ต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้คู่คุณธรรม มีจริยธรรมและคุณธรรมในการด ารงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข ดังนั้นการจัด การศึกษาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงต้องมีความพิเศษมากกว่าพื้นที่อื่น เนื่องจากประชาชน มากกว่า ร้อยละ 80 ของพื้นที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งท าให้วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม ประเพณี
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 92 วัฒนธรรมของคนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความแตกต่างจากพื้นที่อื่น (ส านักพัฒนา การศึกษาเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้, 2551) จ าเป็นที่จะต้องยึดหลักการจัด การศึกษาเชิงบูรณาการกับวิถีชีวิต อัตลักษณ์ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความต้องการของ ท้องถิ่นและประชาชนที่มีลักษณะเฉพาะบนพื้นฐานของหลักการทางศาสนา (กระทรวงศึกษาธิการ, 2548) การบริหารสถานศึกษาในสังคมพหุวัฒนธรรมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีปัญหา ที่ผู้บริหารสถานศึกษาต้องหาแนวทางในการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาการศึกษาในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ให้ทัดเทียมกับการจัดการศึกษาในภาคอื่นๆ ซึ่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความ แตกต่างด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ภาษา ศาสนารวมถึงความเชื่อและค่านิยมที่แตกต่างกัน โดยชุมชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีการสื่อสารโดยใช้ภาษาท้องถิ่นเป็นหลัก ส่งผลให้เกิด ปัญหาในการจัดการเรียนการสอน เช่น ปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างครู นักเรียนและชุมชน ซึ่งนักเรียนการบริหารสถานศึกษาในสังคมพหุวัฒนธรรมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีปัญหา ที่ผู้บริหารสถานศึกษาต้องหาแนวทางในการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาการศึกษาในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ให้ทัดเทียมกับการจัดการศึกษาในภาคอื่นๆ ซึ่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความ แตกต่างด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ภาษา ศาสนา รวมถึงความเชื่อและค่านิยมที่แตกต่างกัน โดยชุมชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีการสื่อสารโดยใช้ภาษาท้องถิ่นเป็นหลัก ส่งผลให้เกิด ปัญหาในการจัดการเรียนการสอน เช่น ปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างครู นักเรียนและชุมชน ซึ่งนักเรียนและชุมชนจะสื่อสารกันด้วยภายาท้องถิ่น (ภาษายาวีท้องถิ่น) เป็นหลัก ไม่ค่อยเข้าใจ ในภายาไทยจึงเป็นปัญหาหลักในการจัดการเรียนการสอน ปัญหาคุณภาพของนักเรียน โดยผลการ ทดสอบระดับชาติ (O- Net) อยู่ในอันดับรั้งท้ายของประเทศปัญหาการขาดแคลนครูและบุคลากร ทางการศึกษา ปัญหาการบริหารจัดการของผู้บริหารสถานศึกษาในการให้บริการทางการศึกษา อย่างไม่ทั่วถึง ปัญหาความอ่อนแอในความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับชุมชน รวมถึงปัญหา ความไม่ปลอดภัยในการเดินทางไปปฏิบัติงาน เป็นต้น จึงเห็นได้ว่าการศึกษาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นโจทย์ที่ยาก และมีความซับซ้อน เพราะนอกจากจะต้องจัดการศึกษาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน ที่ก าหนดแล้วยังต้องเร่งกระจายโอกาสทางการศึกษาให้เกิดความเท่าเทียมและหลากหลาย อีกทั้ง ยังต้องเร่งพัฒนาก าลังคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความสามารถ มีองค์ความรู้ที่จ าเป็น มีทักษะการคิด ทักษะการประกอบอาชีพ และมีความสามารถในการแก้ปัญหาให้กับตนเอง สังคม และส่วนรวมได้ (เครือศรี วิเศษสุวรรณภูมิ, 2552) เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 93 ปัญหาในด้านการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา ปัญหาในด้านคุณภาพของครูผู้สอน ปัญหาในด้านการจัดการเรียนการสอน และปัญหาในด้านของคุณภาพการศึกษา จึงเป็นหน้าที่หลัก ของผู้บริหารสถานศึกษาในการแก้ปัญหาให้บรรลุตามเป้าประสงค์ของการจัดการศึกษาต่อไป รูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามแนวชายแดนภาคใต้รุ่งชัชดาพร เวหะชาติและวีนัส ศรีศักดา (2565) ศึกษาเรื่อง การพัฒนาองค์ความรู้เชิงระบบสนับสนุนการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล ้าและสร้างความเสมอภาคของสังคมอย่างยั่งยืน ในเขตพิเศษเฉพาะกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานพัฒนาองค์ความรู้เชิงระบบ สนับสนุนการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ 2) สร้างและตรวจสอบกระบวนการ 3) การทดลองใช้ 4) ประเมิน การใช้องค์ความรู้เชิงระบบสนับสนุนการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล ้าและสร้างความ เสมอภาคของสังคมอย่างยั่งยืน ในเขตพิเศษเฉพาะกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดังนี้ 1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน พัฒนาองค์ความรู้เชิงระบบสนับสนุนการจัดการศึกษา เชิงพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล ้า และสร้างความเสมอภาคของสังคมอย่างยั่งยืน ในเขตพิเศษเฉพาะกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ศึกษาเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยใช้วิธีการเก็บข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิง คุณภาพ จากประชากรและกลุ่มตัวอย่าง โดยท าการเลือกกลุ่มตัวอย่างจากโรงเรียนทั้ง 3 โรงเรียนทั้ง 3 โรงเรียน ด้วยความสมัครใจ (Voluntary Sample) การเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) จากการศึกษาภาคสนาม (Field Research) ช่วงวันที่ 8-10 มีนาคม 2564 ขอบเขตพื้นที่ ศึกษา จ านวน 3 โรงเรียน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ท าการสนทนากลุ่ม (Focus Group) แต่ละโรงเรียน โดยมี ผู้บริหารส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารโรงเรียน ครู และชุมชน ประมาณโรงเรียนละ 15-20 คน เพื่อศึกษาความต้องการจ าเป็นของโรงเรียน ท าการส ารวจ สังเกต ถ่ายภาพ (Field Survey) เก็บบันทึกเรื่องราวจากค าบอกเล่า (Oral History) และเหตุการณ์ต่างๆ จากการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth) เป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Good Pactice) 2. ผลการสร้างและตรวจสอบกระบวนการสร้างองค์ความรู้เชิงระบบสนับสนุนการจัด การศึกษาเชิงพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล ้าและสร้างความเสมอภาคของสังคมอย่างยั่งยืน ในเขต พิเศษเฉพาะกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลักสูตรการจัดการเรียนรู้บูรณาการ การศึกษาต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ผลิตภัณฑ์ดี โรตีกรอบ โรงเรียนอนุบาลเบตง (สุภาพอนุสรณ์) อ าเภอเบตง จังหวัดยะลา คู่มือ การจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน Active Learning (Project - Based Leaning) การจัดการเรียนการสอนเชิงรุก โรงเรียนศรีวารินทร์ อ าเภอศรี สาคร จังหวัดนราธิวาส คู่มือการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็ นฐาน (Lesson Study & Open Approach) โรงเรียนบ้านท่าน ้า อ าเภอปานาเระ จังหวัดปัตตานี
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 94 3. ผลการทดลองใช้รูปแบบเครือข่ายความร่วมมือ องค์ความรู้เชิงระบบสนับสนุนการจัด การศึกษาเชิงพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล ้าและสร้างความเสมอภาคของสังคมอย่างยั่งยืน ในเขต พิเศษเฉพาะกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพ ทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามองค์ความรู้เชิงระบบสนับสนุนการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ เพื่อลดความ เหลื่อมล ้า และสร้างความเสมอภาคของสังคมอย่างยั่งยืน พื้นที่เขตพิเศษเฉพาะกิจ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจ านวน 269 คน ซึ่งส่งแบบสอบถามไปจ านวน 269 ชุด ได้รับ แบบสอบถามคืน 261 ชุด คิดเป็นร้อยละ 97.03 เป็นแบบสอบถามที่สมบูรณ์ 269 ชุด คิดเป็นร้อยละ 100.00 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ครูจ านวน 179 คน คิดเป็นร้อยละ 68.58 ผู้บริหาร จ านวน 82 คน คิดเป็นร้อยละ 31.42 ส่วนใหญ่ประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน น้อยกว่า 5 ปี จ านวน 125 คน คิดเป็นร้อยละ 47.89 ประสบการณ์ 5-10 ปีจ านวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 42.15 ประสบการณ์ มากกว่า 10 ปี จ านวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ 9.96 สพป. ยะลา จ านวน 60 คน คิดเป็น ร้อยละ 22.99 สพป.ปัตตานี จ านวน 86 คน คิดเป็นร้อยละ 32.95 และสพป.นราธิวาส จ านวน 93 คน คิดเป็นร้อยละ 35.63 สพม. ยะลา จ านวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 2.68 สพม.ปัตตานี จ านวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 3.45 สพม.นราธิวาส จ านวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 2.30 3.2 ผลการศึกษาองค์ความรู้เชิงระบบ เพื่อลดความเหลื่อมล ้าและสร้างความเสมอภาคของ สังคมอย่างยั่งยืน พื้นที่เขตพิเศษเฉพาะกิจ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ผลการศึกษาองค์ความรู้เชิงระบบ เพื่อลดความเหลื่อมล ้าและสร้างความเสมอภาคของสังคมอย่างยั่งยืน พื้นที่เขตพิเศษเฉพาะกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีองค์ความรู้เชิงระบบ 5 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านระบบข้อมูล 2) ด้านการมีส่วนร่วมของพื้นที่จังหวัด 3) ด้านโรงเรียนมีอิสระและคล่องตัวในการบริหารจัดการตนเอง 4) ด้านคุณภาพของบุคลากร 5) ด้านนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอน 3.3 ผลการศึกษาการลดความเหลื่อมล ้าและสร้างความเสมอภาคของสังคมอย่างยั่งยืน พื้นที่เขตพิเศษเฉพาะกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มี 5 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน 2) ด้านการจัดการศึกษาเพื่อความเท่าเทียม (Inclusive Education) 3) ด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4) ด้านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน (all for Education)
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 95 5) ด้านการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม 3.4 ผลการศึกษาการบริหารเขตพื้นที่พิเศษเฉพาะกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มี 10 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านความภาคภูมิใจ และความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ 2) ด้านการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพและมีทักษะที่จ าเป็นในศตวรรษที่ 21 3) ด้านการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในสังคมพหุวัฒนธรรม 4) ด้านการพัฒนา สื่อการเรียนรู้ต่างๆ แหล่งเรียนรู้ให้มีมาตรฐาน 5) ด้านลดความเหลื่อมล ้าทางการศึกษา 6) ด้านการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง 7) ด้านคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 8) ด้านระบบการบริหารจัดการศึกษา 9) ด้านสร้างขวัญและก าลังใจ 10) ด้านบูรณาการการศึกษากับหน่วยงานทุกระดับ 4. ผลการประเมินการใช้รูปแบบเครือข่ายความร่วมมือ พัฒนานวัตกรรมในการสนับสนุน งบประมาณและทรัพยากรเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (Innovative Financing for Education Reform) องค์ความรู้ ส่งผลทางอ้อม (Indirect effect) ผ่านองค์ประกอบความรู้เชิงระบบองค์ความรู้ส่งผล ทางอ้อม (Indirect effect) ผ่านองค์ประกอบความเหลื่อมล ้าองค์ความรู้ส่งผลทางอ้อม (Indirect effect) ผ่านการบริหารพื้นที่พิเศษ ดังนี้ 1) ด้านองค์ความรู้เชิงระบบ เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ รองลงมาคือ ด้านการมีส่วนร่วมของพื้นที่จังหวัด และด้านระบบ ข้อมูล 2) ด้านความเหลื่อมล ้าและความเสมอภาค เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง รองลงมาคือ ด้านการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน และด้านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน 3) ด้านการบริหารพื้นที่พิเศษ ด้านระบบการบริหารจัดการศึกษา รองลงมาคือ ด้านคุณภาพชีวิตเป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อม และด้านความภาคภูมิใจและความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ดังภาพ
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 96 ภาพที่11 รูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามแนวชายแดนภาคใต้ ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จพระ ราชด าเนินเยี่ยมเยียนประชาชน ณ อ าเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ในเวลาประมาณสองทุ่มเศษ ได้มีประชาชนกราบทูลพระบาท ระหว่างเข้าเฝ้าฯ ว่า เวลานี้พระองค์ควรเสด็จพระราชด าเนิน กลับได้แล้ว เพราะหากเวลาล่วงเลยจนดึกดื่นไปกว่านี้ เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย และได้รับอันตราย จากโจรได้แต่พระองค์ทรงรับสั่งว่า ดังภาพ
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 97 ภาพที่ 12 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และ ข้อความที่พระองค์ได้ทรงรับสั่งกับประชาชน “ไม่ได้มารบกับใคร ฉันจะมาเยี่ยมเยียนประชาชน มาช่วยเหลือคนเจ็บไข้ ได้ป่ วย เพราะ พสกนิกรที่นี่ยากล าบากมาก” “หากใครกลัวก็กลับไปก่อน ฉันยังไม่กลับ” ภาพที่ 13 ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อลดความเหลื่อมล ้าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 98 สรุปท้ายบท แนวทางการด าเนินงานการบริหารสถานศึกษาตามแนวชายแดนทั้ง 4 ภูมิภาค ที่เป็น รูปธรรมและตรงกับสภาพความเป็นจริงมากที่สุด และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้บริหาร โรงเรียนในฐานะผู้น าขององค์การ ต้องมีภาวะผู้น าที่เข้มแข็ง เป็นผู้น าแบบประชาธิปไตย ยอมรับ ความคิดเห็นของผู้ได้บังคับบัญชา เปิดโอกาสให้บุคลากรในองค์การมีส่วนร่วมในการบริหารมาก ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้บริหารต้องมีความสามารถในการสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรในองค์ ปฏบิตังิานดว้ยความเต็มใจ เพ่อืใหบ้รรลุผลสมัฤทธโิ์ดยไม่เกดิความเครยีดจากสภาวะกดดนัต่างๆ ทั้งยังต้องมีความสามารถโน้มน้าวให้บุคลากรยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้โดยไม่เกิดการ ต่อต้าน และให้ความร่วมมือด้วยความเต็มใจ การสร้างเครือข่ายมีความจ าเป็นต่อการบริหารจัดการ หลักสูตร เนื่องจากแต่ละโรงเรียนมีข้อจ ากัดในการบริหารงาน งบประมาณ บุคลากร รวมถึงเป็น โรงเรียนอยู่แนวตะเข็บชายแดน การบริหารงานเฉพาะสถานศึกษาแต่เพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่ จะบริหารได้ประสบความส าเร็จ โดยเฉพาะการบริหารหลักสูตรเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีวิชาชีพ ที่สามารถน าไปเป็นทางเลือกในอนาคตหลังจากส าเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น การสร้าง เครือข่ายทั้งในระหว่างโรงเรียนแนวตะเข็บชายแดน หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ชุมชน ผู้ปกครอง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จึงมีความจ าเป็นอย่างยิ่ง และจะน าไปสู่การพัฒนาการพัฒนาบุคลากรร่วมกัน เพื่อสร้างศักยภาพแก่ผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงการให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการ บริหารจัดการการศึกษา เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะภายในชุมชน นักเรียนจะต้อง เข้าใจและสามารถปรับตัวให้เข้ากับสอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่น อันจะน าไปสู่การปฏิบัติได้จริง ตรงตามความต้องการและเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน การบริหารสถานศึกษาสังคมพหุ วัฒนธรรมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือการบริหารจัดการศึกษาแบบโรงเรียนเขตพื้นที่ ในภาคเหนือจ าเป็นต้องวิเคราะห์ปัจจัยหลายประการ อายุ ชาติพันธุ์ ความเปราะบางทางสังคม ความรุนแรง ความด้อยโอกาส สิ่งแวดล้อม เป็นต้น ดังนั้นจึงจ าเป็นต้องค านึงถึงบริบทที่มีความหลากหลาย ความแตกต่างในสังคม โดยศึกษาสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาคุณภาพ การจัดการศึกษา คุณภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษา ด้านหลักสูตรในการจัดการเรียนการสอน ด้านการมีส่วนร่วมกับชุมชน รวมไปถึงด้านการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา ด้านการ บริหารงานในภาวะที่มีความเสี่ยงและความละเอียดอ่อนต่อบุคคลในพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันทั้งใน ด้านศาสนา วัฒนธรรม วิถีชีวิต จึงเป็นบทบาทหลักของผู้บริหารที่ต้องมีความเข้าใจ เข้าถึง และ สามารถพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการเป็นอยู่ต่อไป
กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 99 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2548). การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ. (ชุดการเรียนรู้ด้วย ตนเอง ชุดที่ 8 โครงการหนึ่งอ าเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน) กระทรวงศึกษาธิการ. (2550). หลักสูตรพัฒนาผู้น าการเปลี่ยนแปลง เพื่อรองรับการกระจายอ านาจ ส าหรับผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา. นครปฐม: สถาบันพัฒนาครูคณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). แนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน : ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). แผนยุทธศาสตร์การศึกษาเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้ 20 ปี. ศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้:กระทรวงศึกษาธิการ เครือศรีวิเศษสุวรรณภูมิ. (2552). “ภาวะผู้น าทรงพลัง : มิติใหม่ในการสร้างพลังการเปลี่ยนแปลง” เอกสารประกอบการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ พลังการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาคุณภาพ การศึกษา. ปัตตานี : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. ชนะ กสิภาร์. (2550). การอาชีวศึกษาเพื่ออนาคต. เอกสารประกอบการบรรยายพิเศษ ภาควิชา บริหารเทคนิค ศึกษา. คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม : สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ. ธนะศกัดิ์ปฏมิาประกร. (2557). การบริหารจัดการความมั่นคงชายแดนของกองทัพไทยภายใต้ กระบวนทัศน์ความมั่นคงใหม่ ในบริบทประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน. คณะรัฐประศาสนศาสตร์. มหาวิทยาลัยบูรพา. ธีระ รุญเจริญ. (2550). ความเป็นมืออาชีพในการจัดและบริหารการศึกษายุคปฏิรูปการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : ข้าวฟ่าง. ประเทือง ทรัพย์เกิด. (2549). การศึกษาคุณภาพและความต้องการพัฒนาสถานศึกษาบนพื้นที่สูง ตามแนวชายแดนไทย – พม่า (รายงานผลการวิจัย). ราชบุรี. ส านักผู้ตรวจราชการประจ า เขตตรวจราชการที่ 6-7. ผู้ตรวจราชการประจ าเขตการศึกษาที่ 2. (2549). ยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาเพื่อความมั ่นคงตาม แนวชายแดน. พิษณุโลก: ส านักผู้ตรวจราชการประจ าเขตการศึกษาที่ 2. พระมหาสุทิตย์ อาภาโร. (2548). นวัตกรรมการเรียนรู้:คนชุมชนการพัฒนา.กรุงเทพฯ: พิสิษฐ์ไทย ออฟเซต.