The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1.1.1หนังสือ กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริห

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kobfad, 2023-02-22 23:16:59

1.1.1หนังสือ กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริห

1.1.1หนังสือ กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริห

กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 100 รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ และวีนัส ศรีศักดา. (2565). การพัฒนาองค์ความรู้เชิงระบบสนับสนุนการจัด การศึกษาเชิงพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล ้าและสร้างความเสมอภาคของสังคมอย่างยั ่งยืน ในเขตพิเศษเฉพาะกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้. รายงานการวิจัย โครงการวิจัย ทุน สกสว. ปีงบประมาณ 2564. ส านักพัฒนาการศึกษาเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้. (2551). การพัฒนา การศึกษา ขั้นพื้นฐานเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้. กรุงเทพฯ : พี.พี.เอส กิจเจริญ.


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 101 บทที่ 4 การบร ิ หารสถานศึ กษาแบบองค์รวม (Holistic) “องค์รวม “ (Holistic Ideology) เป็นแนวคิดในการท าความเข้าใจปรากฏการณ์หรือสิ่งต่างๆ โดยค านึงถึงองค์ประกอบทั้งหมด (ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก) ที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์หรือ สิ่งนั้นๆ และพิจารณาถึงความเชื่อมโยงและการสอดประสานกันในทุกๆ ส่วนขององค์ประกอบนั้น อีกค าหนึ่งที่มีความหมายใกล้เคียงกันคือ “ บูรณาการ “ (Integration) ที่หมายถึงการท าให้สมบูรณ์ คือ ท าให้หน่วยย่อยๆ ที่มีความสัมพันธ์กันร่วมกันท าหน้าที่อย่างผสมกลมกลืนเป็นองค์รวมหนึ่ง เดียวที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ในตนเองอีกนัยหนึ่ง ค าว่า “องค์รวม” น่าจะสอดคล้องกับค า ว่า ความคิดเชิงระบบ (System Approach) ซึ่งหมายถึงสิ่งต่างๆ ที่รวมกันและต่างท าหน้าที่ของ ตนเองอย่างมีระเบียบ โดยส่วนประกอบหรือปัจจัยต่างๆ ของระบบมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เพื่อให้การด าเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์ที่ก าหนดไว้ความคิดเชิงระบบเป็นสิ่งที่มีมานานแล้ว ในธรรมชาติ เช่น ระบบสุริยะจักรวาล ระบบนิเวศน์ ระบบร่างกายมนุษย์ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นระบบ องค์รวมใหญ่ที่ประกอบด้วยระบบย่อยอีกหลายระบบ แต่ถ้าระบบย่อยในระบบองค์รวมใหญ่ บกพร่องไปหรือท างานไม่สัมพันธ์กับระบบใหญ่ เช่น ระบบย่อยอาหาร หรือระบบหายใจเกิด บกพร่องไปจะท าให้องค์รวมใหญ่ คือ ระบบร่างกายเกิดปัญหาขึ้นได้มนุษย์จึงเอาความคิดเรื่อง ระบบมาใช้ในการบริหารและการท างานโดยให้ค านึงถึงความเป็นองค์รวมของระบบที่ครบวงจรมากขึ้น 4.1 ความส าคัญของแนวคิดแบบองคร ์ วม การบริหารจัดการในปัจจุบัน ได้น าแนวคิดความเป็นองค์รวมมาเป็นแนวคิดในการบริหาร และสร้างนวัตกรรมการบริหารมากมาย ซึ่งถ้าวิเคราะห์ให้ดีจะเห็นได้ว่าต่างอยู่บนพื้นฐานแนวคิด เดียวกัน จะต่างกัน ก็ตรงวัตถุประสงค์และเนื้อหาที่ต้องการน าไปใช้เท่านั้น ขอยกตัวอย่างแนวคิด และนวัตกรรมการบริหาร ที่มีแนวคิดเป็นองค์รวมซึ่งเราคุ้นเคยกันบางเรื่อง เช่น 1. การพัฒนาที่ยั ่งยืน (Sustainable Development) ซึ่งหมายถึง การพัฒนาที่ต้องค านึงถึงความเป็นองค์รวมของทุกๆด้านอย่างสมดุล บนพื้นฐาน ของทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิปัญญาและวัฒนธรรม ด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนทุก กลุ่มด้วยความเอื้ออาทรเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อความสามารถในการพึ่งตนเองและคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างเท่าเทียม ซึ่งวัตถุประสงค์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 9 จะมุ่งให้ทุก


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 102 หน่วยงานพัฒนาอย่างเป็นองค์รวมตามแนวคิดนี้ทั้งสิ้น รวมทั้งแนวพระราชด าริเรื่องเศรษฐกิจ พอเพียงด้วย 2. ประธานคณะผู้บริหารสูงสุดขององค์กร (Chief Executive Officer: CEO) ความหมายในภาคเอกชนหมายถึง ประธานคณะผู้บริหารสูงสุดขององค์กรซึ่งมีอ านาจใน การที่จะตัดสินใจน าพาองค์กรไปสู่เป้าหมายได้ ในส่วนของผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น หมายถึงการเป็น เจ้าภาพสูงสุดที่สามารถจะบูรณาการงานในจังหวัดให้ส าเร็จ ซึ่งจะต้องรู้ปัญหาและสามารถระดม สรรพก าลังได้ และที่ส าคัญจะต้องมีเครื่องชี้วัดการท างานที่เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ตามวิธีการ บริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี 3. การวางแผนกลยุทธ์ (Strategic Planning) เป็นกระบวนการสร้างภาพอนาคตขององค์กรและพัฒนาแนวทางการด าเนินงานเพื่อให้ บรรลุตามภาพอนาคต ซึ่งมีองค์ประกอบส าคัญ 4 ประการคือ 1) การมุ่งเน้นอนาคต 2) การมุ่งเน้น จุดมุ่งหมายรวมขององค์กร 3) การมุ่งเน้นกระบวนการ และ 4) การมุ่งเน้นภาพรวม 4. การวิจัย (Research) เป็นการศึกษาค้นคว้า การหาค าตอบ การหาความรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ โดยวิธีการที่เป็นระบบ หรือวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งการวิจัยมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า หาความรู้ แต่งานวิจัยที่สร้างสรรค์เพื่อประดิษฐ์คิดค้นสิ่งที่เป็นประโยชน์ใหม่ๆ ที่องค์กรต่างๆ นิยม น ามาใช้คือการวิจัยและพัฒนา (Research and Experimental Development) ซึ่งมีทั้งการวิจัย พื้นฐานการวิจัยประยุกต์ และการพัฒนาการทดลอง 5. การบริหารแบบมีส่วนร่วม (Participatory Management) เป็นหลักการบริหารอย่างหนึ่งในยุคใหม่ที่มีทั้งการบริหารให้มีส่วนร่วมในรูปของ คณะกรรมการ กลุ่มท างานหรือให้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น สนับสนุน ร่วมก ากับติดตามการ ด าเนินงาน ร่วมระดมทรัพยากรมีทั้งการมีส่วนร่วมจากภายในและการมีส่วนร่วมจากภายนอก องค์กร ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้บุคลากรเกิดความรับผิดชอบต่องาน มีความรู้สึกเป็นเจ้าของและเกิด ปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีในองค์กร 6. นวัตกรรมที่น ามาใช้ในการบริหารอื่นๆ 6.1 Balanced Scorecard คือ การก าหนดผลส าเร็จอย่างสมดุลรอบด้านเป็นเครื่องมือที่ ใช้ในการวางแผนและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้สามารถมองเห็นความสมดุลและ ความสัมพันธ์ของการด าเนินงานด้านต่างๆ อย่างชัดเจนทั้ง 4 ด้าน คือ 1) ด้านลูกค้า 2) ด้าน กระบวนการภายในองค์กร 3) ด้านการเรียนรู้และพัฒนา และ 4) ด้านการเงิน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 103 6.2 การบริหารคุณภาพทั ่วทั้งองค์กร (Total Quality Management: TQM) เป็ นการ บริหารคุณภาพแบบองค์รวม ภายใต้หลักการ 3 C คือ 1) Customer Focus เป็นการบริหารที่เน้น ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นส าคัญ 2) Continuous improvement เป็นการปรับปรุง การท างาน อย่างต่อเนื่อง และ 3) Company-wide involvement เป็นการบริหารที่ต้องท าให้คนทั้งองค์กรเข้ามา มีส่วนร่วมปรับปรุงคุณภาพด้วยความมุ่งมั่น เต็มใจ และมีความสุขในการท างาน 6.3 วงจร PDCA คือ วงจรคุณภาพ หรือ วงจรเดรมมิ่ง ได้แก่ Plan (วางแผน) Do (ปฏิบัติ ตามแผน) Check (ตรวจสอบ) และ Action (ปรับปรุงพัฒนา) เป็นกระบวนการเชิงระบบที่นิยมใช้ ในการปรับปรุงคุณภาพได้ทุกองค์กร 6.4 ส านักบริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เป็นมิติใหม่แห่งการให้บริการ ประชาชน โดยรวมศูนย์การให้บริการพื้นฐานแก่ลูกค้าและประชาชนจากหลายๆ หน่วยงานมาไว้ ณ จุดเดียวกัน มีการปรับปรุงทั้งระบบส านักงาน การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เน้นให้ปฏิบัติงาน บริการลูกค้าและประชาชนด้วยจิตส านึกแห่งผู้ให้บริการที่ดีและมีการปรับปรุงระบบงานโดยน าระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ให้สามารถบริการได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ฯลฯ ความเป็นองค์รวมจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยผู้บริหารที่มีภาวะผู้น าแห่งการเปลี่ยนแปลง มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มองทุกส่วนอย่างบูรณาการไม่แยกส่วน และสามารถจัดองค์ประกอบทุกส่วน ให้มีความสัมพันธ์สอดคล้องกันอย่างเป็นระบบที่ครบวงจร เงื่อนไขความส าเร็จของการบริหารแบบ องค์รวมประการหนึ่งคือ การท างานเป็นทีม โดยทุกฝ่ายทุกกลุ่ม ทุกคนต้องพร้อมที่จะร่วมคิด ร่วมท า ร่วม รับผิดชอบอย่างจริงจังและต่อเนื่อง 4.2 การศึกษาแบบองค์รวม การศึกษาเล่าเรียน แม้ว่าจะมีการแบ่งเป็นวิชาอื่น แต่ก็ใช่ว่าวิชาเหล่านั้นจะแยกขาดจาก กันโดยสิ้นเชิง จึงมีแนวคิดทางการศึกษาที่สนใจพัฒนาศักยภาพของมนุษย์โดยค านึงถึงความ เชื่อมโยงกันทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งคณะกรรมการจัดท าพจนานุกรมศัพท์ศึกษาศาสตร์ ร่วมสมัย ราชบัณฑิตยสถานได้อธิบายไว้ดังนี้ การศึกษาแบบองค์รวม (Holistic Education) หมายถึง การพัฒนามนุษย์และการจัดการ เรียนรู้ที่ค านึงถึงมิติอันหลากหลายของบุคคล ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา การรู้คิด สุนทรียภาพ และมิติอื่นๆ แล้วแต่จะก าหนดความหมาย การจัดการศึกษาแบบองค์รวมคิดถึงภาวะ ทั้งหมดในชีวิตของบุคคล แม้ชีวิตจะมีองค์ประกอบย่อยมากมาย หากแต่ละองค์ประกอบมีบริบท ภายในตนและเชื่อมโยงกับองค์ประกอบอื่นอย่างเป็นพลวัต การจัดการศึกษาจึงต้องมีลักษณะบูรณา


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 104 การสอดคล้องและเกื้อหนุนต่อการพัฒนาชีวิต แนวคิดการศึกษาแบบองค์รวมมีพื้นฐานมาจากจิตวิทยากลุ่ม เกสตอลต์(Gestalt Psychology) ซึ่งเป็นกลุ่มที่เน้นความเป็น “ส่วนรวมทั้งหมด (Whole)” การศึกษา พฤติกรรมของบุคคลต้องพิจารณาเป็นองค์รวม จะแยกทีละส่วน (Part) ไม่ได้ เพราะคุณค่าขององค์ รวมมีมากกว่าการน าส่วนย่อยๆ มาบวกกัน การศึกษาแบบองค์รวมเน้นกระบวนการเรียนรู้ที่ช่วยให้ บุคคลค้นพบตนเอง ซึ่งเกิดจากแรงปลุกเร้าภายใน เข้าใจความหมายและเป้าหมายของชีวิต มุ่ง สร้างความตระหนัก ความเข้าใจตนเอง เน้นความส าคัญในการพัฒนากาย จิตใจ อารมณ์ ศิลปะ และ ความคิดสร้างสรรค์แนวคิดการศึกษาแบบองค์รวมได้เชื่อมโยงไปสู่หลักการสอนหลายรูปแบบ เช่น ความรู้เกี่ยวกับการท างานของสมองซึ่งเป็นองค์รวมเชื่อมโยงไปสู่การสอนภาษาแบบ Whole Language Approach การจัดหลักสูตร กิจกรรม สื่อการเรียนรู้ และการวัดประเมินผลตามแนว การศึกษาวอลดอร์ฟ (Waldorf Education) เน้นการเรียนด้วยกาย คือ การลงมือท า การเรียนด้วยใจ ความรู้สึก ความประทับใจ และการฝึกคิด เพื่อพัฒนา “เด็กทั้งคน” 4.3 แนวทางการจัดการเรียนรู้แบบองค์รวม 1. การพัฒนาแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยองค์รวมผู้วิจัยได้พัฒนารูปแบบการสอน โดยความคิดเชื่อมต่อมิติทางการศึกษา และการประยุกต์ใช้หลักการทรงงาน “การเข้าใจ การเข้าถึง การพัฒนา” ของพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดชฯ เข้าด้วยกันจะ พบว่าการการพัฒนารูปแบบการสอนอย่างยั่งยืนนั้นประกอบด้วย 3 แนวทางประกอบด้วย 1.1 ความเข้าใจเป็นพื้นฐานที่ส าคัญของรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวม โดยเน้นให้ความส าคัญใน 2 ประเด็นหลักคือ ความแตกต่างระหว่างผู้เรียนและความต้องการของ ผู้เรียน โดยประเมินจากการสังเกตพฤติกรรมการแสดงออกการประเมินผลงาน ความสามารถใน การท า งานเป็นทีม การมีภาวะผู้น า การอภิปรายผลการเรียนรู้ในรายวิชา 1.2 ความเข้าถึง หมายถึง ผู้สอนท าการออกแบบการเรียนรู้ที่เอื้ออ านวยต่อการพัฒนา ผู้เรียนที่มีความแตกต่างกัน โดยเน้นหลักส าคัญสามประการคือ 1.2.1 การสร้างสถานการณ์การเรียนรู้เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนได้ พัฒนาทักษะความรู้ปัญญา ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 1.2.2 การบูรณาการข้ามศาสตร์เป็นการสอนที่มุ่งเน้นให้เกิดความสามารถในการ ค้นหาความจริง ข้อสรุป และท าความเข้าใจโดยการบูรณาการศาสตร์ต่างๆ เข้าด้วยกันได้อย่าง เหมาะสม ซึ่งในการอภิปรายเพื่อหาข้อสรุประหว่างผู้เรียนกับผู้สอนนั้น มีสิ่งส าคัญที่คือการป้องกัน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 105 การเกิดอิทธิพลทางความคิดระหว่างผู้สอนและผู้เรียน ดังนั้นผู้สอนจึงต้องเปิดใจกว้างยอมรับในความ คิดเห็นของผู้เรียนโดยมีเหตุผลสนับสนุนแนวคิดนั้นต้องอยู่บนแนวคิด ทฤษฎีที่ถูกต้อง มีเหตุผลของ ศาสตร์ทางการจัดการ หรือศาสตร์ที่เกี่ยวเกี่ยวข้อง และความเป็นไปได้ในสถานการณ์จริง 1.2.3 การได้รับประสบการณ์ตรง เป็นการออกเป็นแบบการเรียนรู้โดยการลงมือท า (Learning by Doing) ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และถ่ายโอนประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ ผู้เรียนมีความระดับความสามารถในการเรียนรู้ ความสนใจ แตกต่างกัน ในขณะเดียวกันต้องเสริม ทักษะการท างานเป็นทีมเพื่อมุ่งเน้นให้เกิดคุณภาพต่อผู้เรียนใน 5 ด้านประกอบ ด้วยด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านความรู้ด้านทักษะทางปัญญาด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ ด้านทักษะ การคิดวิเคราะห์เชิงตัวเลขการสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีและใช้ระบบเพื่อนช่วยเพื่อน (Peerassisi) เข้าร่วมเพื่อสร้างบรรยากาศ การท างานเป็นทีมที่ดีการควบคุมตัวแปรการรวมกลุ่ม ของผู้มีความสามารถทางการเรียน ความรับผิดชอบในระดับเดียวกันอยู่ด้วย ต้องเปิดโอกาสให้ ผู้เรียนสามารถ ก าหนดกลยุทธ์การด าเนินงาน เป้าหมายการประเมินผลได้อย่างอิสระ 1.3 การพัฒนา ผู้วิจัยได้เลือกใช้วงจร PDCA โดยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนคือ 1.3.1 การวางแผนกลยุทธ์โดยผ่านการวิพากษ์จากผู้สอน ผู้ประกอบการ และ ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งผลลัพธ์ในขั้นตอนนี้ ต้องได้แผนการด า เนินงานที่มีเป้าหมายชัดเจน กรอบ ระยะเวลาการด าเนินงาน และตัวชี้วัดในแต่ละช่วงระยะเวลาที่สามารถวัดได้ 1.3.2 การปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้โดยผู้สอนจัดให้นักศึกษาออกฝึกภาคสนาม และรายงานความก้าวหน้า ในการด าเนินงานแก่ผู้สอนทุกสัปดาห์ผู้สอนจะทราบถึงผลในการ ด าเนินงานของผู้เรียน ความก้าวหน้าโดยรวม ความรับผิดชอบของผู้เรียนโดยย่อ ปัญหาและ อุปสรรค แนวทางการแก้ไขปัญหา 1.3.3 การตรวจสอบโดยการเปรียบเทียบผลการด าเนินงานกับตัวชี้วัดที่ก าหนดไว้ ผลลัพธ์ในขั้นตอนจะออกมาสอง แนวทางคือ กรณีที่ผลการด าเนินงานสูงกว่าตัวชี้วัดกรณีนี้ผู้สอน พยายาม ต้องค้นหาแนวทางในการพัฒนาศักยภาพผู้เรียนให้สูงขึ้น กว่าเดิม ในกรณีที่ต ่ากว่าตัวชี้วัด ผู้สอนต้องร่วมกับผู้เรียนในการอภิปรายถึงสาเหตุและค้นหาแนวทางการแก้ไข 1.3.4 การปรับปรุงแก้ไข จากผลลัพธ์ในข้อที่สามผู้เรียนและได้แนวทางการแก้ไข เพื่อน าไปวางแผน ปฏิบัติประเมินผล และท าการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 106 4.4 การบริหารสถานศึกษาแบบองคร ์ วม โยฮัน ปะดอ, รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ. (2565) ได้ท าการศึกษา รูปแบบการจัดการศึกษาแบบ องค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้ศึกษาผู้บริหารสถานศึกษาระบบทั้ง โรงเรียนของรัฐและเอกชนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จังหวัดชายแดนใต้ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง สอบถามความคิดเห็นความเป็นไปได้ เพื่อยืนยันข้อมูลเชิงประจักษ์ของรูปแบบการจัดการศึกษา แบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้ ผลการตรวจสอบข้อมูลความ สอดคล้องของรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้ ดังนี้ 1. ตระหนักรู้ (Self Awareness) ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบและคุณลักษณะเชิงยืนยันกับ ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ส่งผลต่อรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จังหวัดชายแดนใต้มี 10 คุณลักษณะ ที่ส่งผลต่อองค์ประกอบของรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์ รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้มากที่สุด คือ ผู้เรียนมีความตระหนักต่อสิ่งอื่นๆ เพื่อการป้องกันตนเอง หรือท าเพื่อผู้อื่น เพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ผู้เรียนเข้าใจด้านในของตนเอง รู้ตัว เข้าถึงความจริง ท าให้เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับโลกและผู้อื่น และ ผู้เรียนมีความสนใจ จดจ่อต่อสิ่งที่ก าลังศึกษาเพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้ 2. สมรรถนะ (Competency) ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบและคุณลักษณะเชิงยืนยันกับ ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ส่งผลต่อรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จังหวัดชายแดนใต้มี 8 คุณลักษณะ ที่ส่งผลต่อองค์ประกอบของรูปแบบการจัด การศึกษาแบบองค์ รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้มากที่สุด คือ ผู้เรียนฉลาดดิจิทัล มีทักษะการใช้ สารสนเทศ สื่อ เทคโนโลยี ผู้เรียนมีทักษะการท างานร่วมกับผู้อื่นและการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และผู้เรียนมีจิตห้าลักษณะ จิตเชี่ยวชาญ จิตรู้สังเคราะห์ จิตสร้างสรรค์ จิตรู้เคารพและจิตรู้จริยธรรม 3. ความสามารถในการคิด (Thinking Skills) ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบและคุณลักษณะ เชิงยืนยัน กับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ส่งผลต่อรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษ เฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้มี 7 คุณลักษณะ ที่ส่งผลต่อองค์ประกอบของรูปแบบการจัดการศึกษา แบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้มากที่สุด คือ ผู้เรียนมี ความสามารถ ในการคิดขั้นสูง การคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า การคิดสร้างสรรค์ข้ามวัฒนธรรม ผู้เรียน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 107 มีความสามารถในการวิเคราะห์เชิงประจักษ์แบบองค์รวมและผู้เรียนมีความสามารถในการ ใคร่ครวญ คิดอย่างมีวิจารณญาณ สร้างทางเลือกและการ ตัดสินใจเชิงจริยธรรม 4. บูรณาการข้ามศาสตร์(Transdisciplinary) ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบและคุณลักษณะ เชิงยืนยัน กับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ส่งผลต่อรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษ เฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้ มี 15 คุณลักษณะ ที่ส่งผลต่อองค์ประกอบของรูปแบบการจัดการศึกษา แบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้มากที่สุด คือ มีการออกแบบกิจกรรม การเรียนรู้ที่สร้างบรรยากาศให้มีความรู้สึกมั่นใจ มีอิสระ สามารถควบคุมตนเอง มีทัศนคติที่ดีทั้งใน โรงเรียน และสังคมมีการออกแบบกิจกรรมเรียนรู้ที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมย่อย และพหุวัฒนธรรม และมีการออกแบบกิจกรรมที่สร้างความสมดุลระหว่างศาสตร์ชีวิตและศาสตร์อาชีพ 5. เน้นการเรียนรู้ (Focus on Learning) ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบและคุณลักษณะ เชิงยืนยันกับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ส่งผลต่อรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษ เฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้มี 10 คุณลักษณะ ที่ส่งผลต่อองค์ประกอบของรูปแบบการ จัด การศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้มากที่สุด คือ ส่งเสริม กระบวนการเรียนรู้โดยใช้ชุมชน เป็นฐานการเรียนรู้ มีการออกแบบกิจกรรมจิตปัญญาศึกษาและมี การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ค านึงความเป็นพหุวัฒนธรรม 6. ความสัมพันธ์ที่เกื้อกูล (Mutuality) ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบและคุณลักษณะ เชิงยืนยันกับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ส่งผลต่อรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษ เฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้ มีคุณลักษณะ ที่ส่งผลต่อองค์ประกอบของรูปแบบการจัดการศึกษา แบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้มากที่สุด คือผู้เรียนสามารถน าไปใช้ใน การด าเนินชีวิตมีทักษะชีวิตและทักษะการเรียนรู้ ผู้เรียนเป็นผู้เรียนรู้ ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมเป็น พลเมืองที่เข้มแข็ง และผู้เรียนเกิดการสะท้อนย้อนคิดสู่การเปลี่ยนแปลงตนเอง 7. การน าทุกมิติ(Leading Wholes) ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบและคุณลักษณะเชิงยืนยัน กับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ส่งผลต่อรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จังหวัดชายแดนใต้มี10 คุณลักษณะ ที่ส่งผลต่อองค์ประกอบของรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์ รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้มากที่สุด คือ ผู้สอนมีความเข้าใจกระบวนการวัด และประเมินผลตามพัฒนาการของผู้เรียน ผู้บริหารสถานศึกษายกระดับขีดความสามารถของบุคลากร ทุกฝ่ายงานและสถานศึกษามี การก าหนดปรัชญาการศึกษา หลอมรวมแนวคิดและค่านิยมเดียวกัน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 108 8. การปรับใช้ในหลายมิติ(Adopting a Multidimensional View) ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบ และคุณลักษณะเชิงยืนยันกับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ส่งผลต่อรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมใน เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้ มี8 คุณลักษณะ ที่ส่งผลต่อองค์ประกอบของรูปแบบการ จัดการศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้มากที่สุด คือ ผู้บริหาร สถานศึกษาควรท างานร่วมกับผู้ปกครอง นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ เพื่อท าให้เกิดการพัฒนา นักเรียนทุกคน แบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังผู้บริหารสถานศึกษามีการประสานกับหน่วยงานภายนอก เพื่อมีส่วนร่วมในด้านการศึกษาและผู้บริหารสถานศึกษาใช้กระบวนการประชาธิปไตยในการเปิดใจ ยอมรับ ถกความคิด เคารพยินดีและสามารถโน้มนาวใจผู้อื่น 9. อิทธิพลทางอ้อม (Influence Indirectly)ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบและคุณลักษณะ เชิงยืนยันกับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ส่งผลต่อรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษ เฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้องค์ประกอบที่ 9 อิทธิพลทางอ้อมมี7 คุณลักษณะ ที่ส่งผลต่อองค์ประกอบ ของรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้มากที่สุด คือ ผู้บริหารสถานศึกษามีการพัฒนา เฟ้นหา กระบวนการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ผู้บริหารสถานศึกษา มีการสร้างบรรยากาศให้บุคลากรในสถานศึกษาเกิด ความคิดสร้างสรรค์และ ผู้บริหารสถานศึกษามีการสร้างวัฒนธรรมที่สร้างแรงจูงใจให้แก่บุคลากร 10. การประเมินความส าคัญ (Evaluating Significance) ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบ และคุณลักษณะเชิงยืนยันกับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ส่งผลต่อรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวม ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้ องค์ประกอบที่ 10 การประเมินความส าคัญมี6 คุณลักษณะ ที่ส่งผลต่อองค์ประกอบของ รูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้มากที่สุด คือ ผู้บริหารสถานศึกษาใส่ใจในกระบวนการจัดประสบการณ์เรียนรู้ของผู้เรียน ผู้บริหารสถานศึกษา ใส่ใจในรายละเอียดส่วนย่อยที่จะส่งผลกระทบทั้งระบบและผู้บริหารสถานศึกษามีกระบวนการสร้าง ความเข้าใจในทุกสายงาน ตามล าดับ ดังนี้ 1. ตระหนักรู้ (Self - Awareness) ต้องการให้ผู้เรียนเป็ นบุคคลที่สามารถเป็ นผู้น า การศึกษาที่ดีจะต้องปลุกให้คนตื่นรู้ ภายในตัวเองคือ การรู้จักตนเอง มีสติ ตระหนักในตน เข้าใจใน ศักยภาพของตนเอง พัฒนาตนเองด้านสติปัญญา พัฒนาปัญญาภายใน ความมีคุณธรรม จริยธรรมและ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เคารพในความต่างของสังคมพหุวัฒนธรรม


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 109 2. สมรรถนะ (Competency) การจัดการศึกษาให้ผู้เรียนมีก าลังความสามารถ เกิดทักษะ และสมรรถนะที่พร้อม รับมือการการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม มีความ ฉลาดรู้ มีทักษะการเรียนรู้ ทักษะด้านเทคโนโลยี ทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ มีจิตเกื้อหนุนด้านสังคม และธรรมชาติมีทักษะการท างานร่วมกับผู้อื่น และการแก้ปัญหาเชิงบวกและมีความเป็นพลเมืองโลก 3. ความสามารถในการคิด (Thinking Skills) การใช้ความสามารถในคิดแบบส าเร็จรูป ที่ป้อนเข้ามาสู่การรับรู้เพื่อตอบโจทย์ระบบเศรษฐกิจนั้น เป็นประเด็นที่ต้องมาทบทวนตัวเอง ซึ่งความสามารถในการคิดที่จ าเป็น คือ ผู้เรียนต้องมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างเป็น ระบบ จินตนาการที่เป็นอิสระ ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดขั้นสูง คิดใคร่ครวญ ก าหนดทางเลือก และการตัดสินใจเชิงจริยธรรม และคิดสร้างสรรค์ที่น ามาสู่การแก้ปัญหาเชิงบวก 4. บูรณาการข้ามศาสตร์(Transdisciplinary) เนื้อหาสาระรอบตัวที่เป็นศาสตร์สากลหรือ ภูมิปัญญาที่เป็นวัตถุและธรรมชาติมนุษย์ สัตว์ พืช และจักรวาล น าไปใช้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันอย่าง สันติและเรียนรู้การด ารงชีวิต มีการออกแบบการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะ ใช้กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย สร้างบริบทพลังบวก สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย สะอาด สงบ มีเหตุผล วิถีคิด เรียนรู้โลกธรรมชาติ เอื้อต่อการค้นคว้า ที่เริ่มตั้งแต่หน่วยที่เล็กที่สุดจนถึงหน่วยที่ ใหญ่ที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาพัฒนาการของผู้เรียนให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวอยู่ร่วมกันกับสถานการณ์ได้ อย่างสมดุล 5. เน้นการเรียนรู้ (Focus on Learning) กระบวนจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบส่งผลต่อ คุณภาพของผู้เรียน การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้สร้างความรู้สึกตื่นตัวต่อการเรียนรู้ การแก้ปัญหาการปฏิบัติการสืบเสาะหา ชุมชนเป็นฐานการเรียนรู้ ก่อให้เกิดทักษะการด าเนินชีวิต และความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง มีความรู้สึกตื่นตัวต่อการเรียนรู้ 6. ความสัมพันธ์ที่เกื้อกูล (Mutuality) การจัดการเรียนรู้เป็นการสร้างทางรอด รอดทั้งมนุษย์ รอดทั้งสรรพสิ่ง กระบวนการที่ผู้เรียนจะเกิดทักษะนั้น คือ ต้องเชื่อมโยงตัวเราเองเข้ากับทุกสิ่งต่างๆ ที่มีความหมายร่วมกัน คือ การมีสุขภาวะที่ดี ด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา สังคม อารมณ์และ พัฒนาการ สามารถใช้ในการด าเนินชีวิต มีทักษะชีวิต ทักษะการเรียนรู้ ตลอดจนผู้เรียนเข้าใจ กระบวนทัศน์ที่ซับซ้อน 7. การน าทุกมิติ (Leading Wholes) การร่วมกันชี้น าก าหนดวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับ เป้าหมายที่แท้จริงของผู้รับบริการด้านการศึกษา คือ ผู้เรียนภายใต้ปรัชญาการศึกษาการขับเคลื่อน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 110 สู่การปฏิบัติการคิดเชิงระบบให้ก าลังใจผ่านการฟัง ใช้กระบวนการประชาธิปไตย ยกระดับขีด ความสามารถของทุกฝ่ายงาน พัฒนาหลักสูตรสู่พลวัตภายใต้การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และการ ท างานเป็นทีม ส่งเสริมให้เกิดผู้น าในตนเอง การวัดและประเมินผลตามพัฒนาการของผู้เรียน 8. การปรับใช้ในหลายมิติ (Adopting a Multidimensional View)สถานศึกษากับชุมชนเป็น ปัจจัยภายนอกที่เข็มแข็ง คือ เกราะป้องกันชุมชนมีความคาดหวังต่อสถานศึกษา ต้องการผู้น าที่จะ น าความเปลี่ยนแปลง เชื่อมโยงในทุกมิติ เชื่อมโยงกับหน่วยงานภายนอกเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาควรมีสารสนเทศ และแนวทางที่หลากหลายเพื่อพิจารณาตัดสินใจที่ค านึงถึง เป้าหมายของสถานศึกษาเป็นส าคัญ บูรณาการการศึกษาในหลายมิติเชิงปฏิบัติใช้กระบวนการ ประชาธิปไตยในการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อท าให้เกิดการพัฒนานักเรียนทุกคนอย่าง แท้จริง 9. อิทธิพลทางอ้อม (Influence Indirectly) สภาพแวดล้อมที่ต้องควบคุม ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ การพิจารณาหาทางแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ควบคู่กับการตัดสินใจเชิงจริยธรรมรวมถึงการเป็น แบบอย่างที่ดีขององค์กร คือ ผู้บริหารสถานศึกษามีการพัฒนาบุคลากรให้เกิดทัศนะเชิงบวก สร้าง บรรยากาศ ให้บุคลากรเกิดความคิดสร้างสรรค์ สร้างวัฒนธรรมเชิงบวก แรงจูงใจ และพัฒนาอย่าง ต่อเนื่อง 10. การประเมินความส าคัญ (Evaluating Significance)การประเมินความส าคัญของ รูปแบบ การจัดการศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้ ชุมชนมี ความหวัง ต่อสถานศึกษา ต้องการผู้น าที่จะน าความเปลี่ยนแปลง เชื่อมโยงในทุกมิติ ผู้เรียนเป็นส าคัญต่อการเปลี่ยนแปลง คือ ผู้บริหารสถานศึกษาต้องพัฒนา เฟ้นหา กระบวนการ บริหาร สถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพ จัดล าดับความส าคัญตามทิศทางของสถานศึกษาใส่ใจใน รายละเอียดย่อยที่จะส่งผลกระทบทั้งระบบ สร้างความเข้าใจในทุกฝ่ายงาน ควบรวมภาระงานและ นโยบายเป็นสิ่งส าคัญต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลง ทางพุทธศาสนา ทัศนะแบบองค์รวมปรากฏอยู่ในกระบวนการคิด “โยนิโสมนสิการ” หรือที่ เรียกว่า วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย หรือ “อิทัปปัจจยตา” โดยมีหลักการว่า “เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ” ภาพรวมของมนุษย์ โลก และจักรวาล มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกันในลักษณะขององค์ รวมซึ่งพุทธทาสภิกขุ ได้เปรียบเทียบจ าลองความคิดในเรื่องเองนี้ออกมาในรูปของ “สหกรณ์” ว่า


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 111 “ดูเถอะจักรวาลคอสโม (cosmos) ระหว่างดวงอาทิตย์ ดวงดาว ดวงอะไรต่างๆ จักรวาล ทั้งหมดมันอยู่อย่างสหกรณ์ มันเนื่องกันและกัน สัมพันธ์กันและกัน มันจึงอยู่ได้ คือในโลกเดียวกัน มันมีการอยู่แบบสหกรณ์ มนุษย์สัตว์เดรัจฉานกับต้นไม้ กับแผ่นดิน มันอยู่อย่างประสานงานกันแบบ สหกรณ์ มือ ตีน แขน ขา มันท างานแบบสหกรณ์ ชีวิตจึงรอดได้“ (พุทธทาสภิกขุ)”” “องค์รวม คือ การประชุมเข้าของปัจจัยหรือองค์ประกอบต่างๆ องค์ประกอบเหล่านี้ ต่างก็ สัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เมื่อสัมพันธ์กันพอดี ก็จะท าให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างพอดี” พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ภาพที่ 14 โมเดลสถานศึกษาแบบองค์รวม


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 112 สรุปท้ายบท การศึกษาแบบองค์รวม (Holistic Education) หมายถึง การพัฒนามนุษย์และการจัดการเรียนรู้ ที่ค านึงถึงมิติอันหลากหลายของบุคคล ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา การรู้คิด สุนทรียภาพ และมิติ อื่นๆ ทั้งหมดในชีวิตของบุคคล โดยมีการจัดการศึกษาลักษณะบูรณาการที่สอดคล้อง และเกื้อหนุนต่อการ พัฒนาชีวิต โดยการบริหารการศึกษาแบบองค์รวมนั้น ต้องค านึงถึงศักยภาพของมนุษย์และความเชื่อมโยง กันทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ความเป็นองค์รวมจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยผู้บริหารที่มีภาวะผู้น าแห่งการ เปลี่ยนแปลง มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มองทุกส่วนอย่างบูรณาการไม่แยกส่วน และสามารถจัดองค์ประกอบทุก ส่วนให้มีความสัมพันธ์สอดคล้องกันอย่างเป็นระบบที่ครบวงจร เงื่อนไขความส าเร็จของการบริหารแบบองค์ รวมประการหนึ่งคือ การท างานเป็นทีม โดยทุกฝ่ ายทุกกลุ่ม ทุกคนต้องพร้อมที่จะร่วมคิดร่วมท า ร่วม รับผิดชอบอย่างจริงจังและต่อเนื่องสภาวการณ์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระดับโลก บริบทแวดล้อมที่มีการ เปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน เต็มไปด้วยความ ผันผวนและความซับซ้อน โลกยุคดิจิทัล ความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีในยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ พัฒนาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกิดนวัตกรรม เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน เข้ามาอ านวยความสะดวกในการด ารงชีวิตก่อให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงค่านิยม วิถีชีวิต รูปแบบเศรษฐกิจและการปฏิสัมพันธ์การพัฒนาทักษะ คุณลักษณะใหม่ของมนุษย์ตามความต้องการ มุ่งเพื่อให้เห็นถึงความจ าเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรองรับและปรับตัวให้เข้ากับกระแสของ การเปลี่ยนแปลงคือการ เป็นพลเมืองดิจิทัล การศึกษาสามารถสร้างคน สร้างสังคม และสร้างชาติเป็นกลไกหลักในการพัฒนาก าลังคน ให้มีคุณภาพ สามารถด ารงชีวิตอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคมได้อย่างเป็นสุข จึงต้องเตรียมความพร้อมให้กับ คนทุกช่วงวัยให้สามารถด ารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกศตวรรษที่ 21 และเป็น การเพิ่มต้นทุนทางสังคมให้แก่ประเทศชาติความท้าทายในการจัดการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายมิติกลไกในการ พัฒนาคนให้มีคุณภาพ สามารถด ารงชีวิตอยู่ร่วมกับ บุคคลอื่นได้อย่างมีความสุขในสังคมพหุวัฒนธรรม คนทุกช่วงวัยต้องได้รับ การศึกษาและเรียนรู้อย่างมี คุณภาพและการพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562“นวัตกรรมการศึกษา” แนวคิด วิธีการ กระบวนการ สื่อการเรียนการสอนหรือการบริหารจัดการ รูปแบบใหม่ ซึ่งได้มีการทดลองและพัฒนาจนมีความน่าเชื่อถือว่าสามารถส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน การ ประยุกต์ใช้ในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาและสอดคล้องกับการศึกษาแบบองค์รวม ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้านการศึกษาเพื่อให้สอดคล้องกับชุมชน การศึกษา แบบองค์รวมเป็นการผสมผสานความรู้เชื่อมโยงภูมิ ปัญญาท้องถิ่น การบูรณาการด้านการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้กระบวนทัศน์การศึกษา แบบองค์รวมของมนุษย์


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 113 เอกสารอ้างอิง คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ส านักงาน. (2546). การพัฒนาที่ยั ่งยืนในบริบ ไทย. กรุงเทพฯ: สหมิตรพริ้นติ้ง จ ากัด. โยฮัน ปะดอ, รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ, อมลวรรณ วีระธรรมโม และศิลป์ ชัย สุวรรณมณี. (2565) รูปแบบการจัด การศึกษาแบบองค์รวมในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้. การศึกษาดุษฎีบัณฑิต. สาขาการบริหารการศึกษา. คณะศึกษาศาสตร์ : มหาวิทยาลัยทักษิณ. วชิราพร สุวรรณศรวล, มานิตย์ ไชยกิจ, ปราโมทย์มากชูและวิเชียร ธ ารงโสตถิสกุล. (2556). รูปแบบการจัด การศึกษาทางเลือกส าหรับเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษาในเขตพื้นที่สูงภาคเหนือตอนบนของประเทศ ไทย. วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร, 15(พิเศษ), 182-191. สุนิสา สก๊อต, สฤษดพิ์งษ์ลมิปิษเฐยีร และ พชัรีผลโยธนิ. (2560). การพัฒนารูปแบบการบริหารการจัด การศึกษาปฐมวัยแบบองค์รวมส าหรับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองค์การบริหารส่วนต าบล ในเขต พัฒนาอุตสาหกรรมชายฝั่งทะเลตะวันออก. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, ปีที่ 12 (ฉบับที่ 1), 179-191.


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 114 บทที่ 5 การบร ิ หารสงัคมฐานความร ้ ู การสร้างสังคมฐานความรู้ ให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ในยุคเศรษฐกิจฐานความรู้ ซึ่งความรู้ในปัจจุบันจะต้องเป็นความรู้ที่สามารถน าไปใช้ในการด ารงชีพ ด้วยการฝึกฝนคนให้ใช้ศักยภาพ ของตน ที่มีอยู่ทุกด้าน นั่นคือ ความสามารถ หรือ สมรรถนะ ที่น าไปต่อยอดสู่อาชีพ รวมทั้งการใช้ ประโยชน์สูงสุดของทรัพยากรบุคคล ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและจารีต ประเพณีของชาติ และเปิดโอกาสให้ใช้ศักยภาพดังกล่าวมาพัฒนาตนให้มีคุณค่า ด้วยข้อมูลข่าวสาร สารสนเทศ จนกระทั่งสามารถมีและใช้ความรู้ที่เกี่ยวข้องร่วมกับความรู้ และศักยภาพที่มีอยู่เดิมจนเกิด เป็นความรู้ ใหม่ที่มีคุณค่ายิ่งขึ้นได้นอกจากนี้การจัดความรู้ ด้านการผลิต และสร้างนวัตกรรม ที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์ย่อมเกิดขึ้นได้ในยุคเศรษฐกิจฐานความรู้ของไทย และจะสามารถก้าว เข้าสู่ตลาดแข่งขันกับนานาอารยประเทศได้อย่างสง่างาม การน าประเทศไทยของเราสู่สังคมเศรษฐกิจฐาน เรียนรู้จึงจะยังคงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของชาติไทย การนับถือเครือญาติ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความมีน ้าใจ ความเอื้อ อาทร ฯลฯ ให้อยู่ควบคู่กับสังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ซึ่งน่าจะมีความยั่งยืนยิ่งกว่า การมีสังคมเศรษฐกิจ ฐานความรู้ที่เดินตามหลังอารยะประเทศโดยมิไดค านึงความเป็นตวัตนของคน ไทยที่มีมาแต่ดั้งเดิม ศตวรรษที่ 21 การศึกษา ของประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาอย่าง รวดเร็ว เรียกว่า การจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนในยุคโลกาภิวัฒน์ จากอดีตให้ครูเป็นศูนย์กลาง โดยให้ ความส าคัญกับครูเป็นหลัก ในปัจจุบันผู้เรียน สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองจากสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ เป็นต้น ในสภาวการณ์ดังกล่าว ครูจึงมีบทบาทน้อยลง กล่าวคือ “ก้าวข้ามสาระวิชา” ไปสู่ การเรียนรู้ “ทักษะเพื่อการด ารงชีวิตในศตวรรษที่ 21” (21st Century Skills) นักเรียนสามารถเรียนรู้เอง เรียกว่า ครูต้องไม่จ าเป็นต้องสอน แต่ต้องออกแบบการจัดเรียนรู้และอ านวยความสะดวก (Facilitate) นักเรียนเรียนรู้โดยการลงมือปฏิบัติ เป็นการเรียนจากการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองโดยครูคอยออกแบบ กิจกรรม แนะน านักเรียนสามารถประเมิน และวัดความรู้ความก้าวหน้าของการเรียนรู้ของตนเองได้ “ปัจจุบัน..การสร้างความรู้และวิธีการจัดการความรู้เน้นการตระหนักถีงปัญหา และมุ่งพัฒนา ระบบการศึกษา ด้านการจัดการความรู้และการบูรณาการ องค์ความรู้เข้ากับข้อมูลข่าวสาร นวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ เพื่อก้าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ ”


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 115 5.1 สังคมฐานความรู้(Knowledge-based Society) ศตวรรษที่ 21 การศึกษาของประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างรวดเร็ว เรียกว่า การจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนในยุคโลกาภิวัฒน์ จากอดีตให้ครูเป็นศูนย์กลาง โดยให้ความส าคัญกับครู เป็นหลัก ในปัจจุบันผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองจากสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ เป็น ต้น ในสภาวการณ์ดังกล่าว ครูจึงมีบทบาทน้อยลง กล่าวคือ “ก้าวข้ามสาระวิชา” ไปสู่การเรียนรู้ “ทักษะเพื่อ การด ารงชีวิตในศตวรรษที่ 21” (21st Century Skills) นักเรียนสามารถเรียนรู้เอง เรียกว่า ครูต้องไม่ จ าเป็นต้องสอน แต่ต้องออกแบบการจัดเรียนรู้และอ านวยความสะดวก (Facilitate) นักเรียนเรียนรู้โดยการ ลงมือปฏิบัติ เป็นการเรียนจากการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง โดยครูคอยออกแบบกิจกรรม และแนะน า นักเรียนสามารถประเมิน และวัดความรู้ความก้าวหน้าของการเรียนรู้ของตนเองได้ (วิจารณ์ พานิช, 2556) ความรู้อะไรที่ส าคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ปัจจุบัน ความเจริญก้าวหน้าทาง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น และมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ท าให้เกิดนวัตกรรมหลากหลายในทุกๆ ด้าน และเครื่องมือที่เอื้อประโยชน์ต่อสังคมเศรษฐกิจฐานความรู้เช่นปัจจุบันคือคอมพิวเตอร์ ทั้งการใช้ คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการท างาน ในการสื่อสาร และเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะมีความถูกต้อง แม่นย าและรวดเร็วทันเหตุการณ์ ดังนั้นความรู้ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์จึงเป็น ความรู้ที่จ าเป็นของคนยุคปัจจุบัน การได้ศึกษา เรียนรู้ถึงของข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแม่นย ารวดเร็ว ย่อม ได้เปรียบต่อผู้อื่นมากในเชิงธุรกิจ การเมือง สังคมหรือแม้แต่การศึกษา การบริหารจัดการหากสถาบันหรือ หน่วยงานนั้นมีข้อมูลสารสนเทศ ที่ถูกต้องเพียงพอจะสามารถน าสารสนเทศเหล่านั้นมาใช้ในการบริหาร จัดการองค์กรตนเองและท าให้องค์กรพัฒนาก้าวหน้าได้รวดเร็วกว่าผู้อื่นได้(ภูมินทร์ วิมลศิลป์, 2550) 5.2 เศรษฐกิจฐานความรู้ การเตรียมคนสู่สังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ประกอบด้วยปัจจัยพื้นฐาน 4 ประการ (ไอศูรย์, 2009) ได้แก่ 1. ระบบนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี(Innovation System & Technological Adoption) 2. ประชากรที่มีการศึกษาและแรงงานที่มีความรู้ (Educated, Creative and Skill Labor Force) 3. เทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม (Information and Communication Technology) จากการกีดกันการเข้าถึงความรู้ไปสู่การเรียนรู้ด้วยตนเอง ความเกี่ยวเนื่องของสังคม ยุคโบราณกับความรู้(การเรียนรู้ได้รับการสงวนไว้ส าหรับชนชั้นระดับสูง) ได้เปลี่ยนแปลงไปในยุค Renaissance ของยุโรป ในยุคปัจจุบันมีลักษณะของข่าวสารที่มากมายจนเกินไป ผลก็คือการขาด


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 116 ความรู้และความไม่สามารถประมวลข้อมูลที่ส าคัญได้วัตถุประสงค์จึงมุ่งให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ โดยการสอนให้ปัจเจกบุคคลเรียนรู้ด้วยตนเองซึ่งเป็นก้าวส าคัญที่จะน าไปสู่สังคมฐานความรู้ ค าจ ากัดความของสังคมฐานความรู้สังคมฐานความรู้เป็นสังคมแห่งการสร้างสรรค์และการเรียนรู้ ตลอดชีวิตซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการ นักวิจัย วิศวกร ผู้ปฏิบัติการ เครือข่ายวิจัย และบริษัทที่ เกี่ยวข้องกับการวิจัยและเป็นผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงและให้บริการ สังคมฐานความรู้ก่อให้เกิด ระบบของการผลิตสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ของชาติซึ่งถูกรวมเข้าไว้เป็นหนึ่งเดียวกับเครือข่ายของการ ผลิตการเผยแพร่ การใช้และการคุ้มครองความรู้ระหว่างประเทศ เครื่องมือทางเทคโนโลยีด้าน ข้อมูลและการสื่อสารของสังคมจะท าให้การเข้าถึงความรู้ของมนุษย์เป็นไปอย่างง่ายดาย และเป็นไป ในวงกว้าง ความรู้จะถูกน ามาใช้เพื่อเพิ่มอ านาจ และท าให้ประชาชนสุขสมบูรณ์ทั้งทางจิตใจและ ร่างกาย เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนขึ้นมาความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากสังคมฐานความรู้มีดังนี้ 1. ความรู้ทุกรูปแบบ (วิทยาศาสตร์โดยนัย ภาษา; ทางทฤษฎีหรือปฏิบัติความรู้สึก หรือ บริบท, โครงสร้างเครือข่าย) จะได้รับการเผยแพร่ออกไปในรูปแบบใหม่ 2. เนื่องจากการใช้ความรู้อย่างถูกต้องและผิดๆ มีผลกระทบมากมายกว่าที่เคยเป็นมาก่อน การเข้าถึงความรู้ของประชาชนอย่างเท่าเทียมกันจึงมีความส าคัญอย่างยิ่งยวด 3. การเขาถึงข้อมูลไม่ควรจะเป็นรูปแบบใหม่ของสังคมที่ไม่เท่าเทียมกัน 4, การปิดช่องว่างที่ขยายกว้างขึ้น ระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศที่ก าลังพัฒนา จะต้องได้รับการพิจารณาในล าดับสูงสุดในทางการเมือง จะไม่มีผู้ใดถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง 5. หากปราศจากวัฒนธรรม เราจะไม่สามารถเข้าใจความรู้ได้จึงต้องมีการศึกษาวิจัย เกี่ยวกับภาษาและวัฒนธรรมท้องถิ่นและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ 6. การเข้าถึงความรู้เป็นสิทธิอย่างหนึ่งและต้องได้รับการปกป้องจากการจ ากัดการเข้าถึง โดยอุตสาหกรรม 7. จ าต้องมีการหารือและท าความเข้าใจกัน อย่างต่อเนื่องระหว่างสังคมและวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะท าให้เกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของวิทยาศาสตร์รวมทั้งส่งเสริมบทบาทของวิทยาศาสตร์ ในการให้ข้อชี้แนะและการศึกษา 8. วิทยาศาสตร์ควรช่วยให้ยุติอคติทางเพศและอุปสรรคต่างๆ ที่กีดกันผู้หญิงออกจากอาชีพ ที่ต้องการประกอบ ทางด้านวิทยาศาสตร์และส่งเสริมการด ารงต าแหน่งที่สูงขึ้นไป 9. ความสนใจในวิทยาศาสตร์และภารกิจในการน าความรู้มาพัฒนาประเทศชาติในอนาคต ของเยาวชนรุ่นใหม่ควรได้รับการกระตุ้น ด้วยการเรียนการสอนที่สร้างสรรค์และด้วยการเปลี่ยน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 117 ภาพลักษณ์ของนักวิทยาศาสตร์โดยความช่วยเหลือของสื่อมวลชนและที่ปรึกษาที่เกี่ยวข้องมุมมอง ด้านจริยธรรม ดังนี้ 1) ความรู้และสังคมเป็นหุ้นส่วนซึ่งกันและกัน กล่าวคือต้องมีการประสานความร่วมมือกัน เพื่อประโยชน์ของสังคม วิทยาศาสตร์และความรู้ทางวิทยาศาสตร์จะต้องคงความเป็น “มนุษย์” เมื่อเกี่ยวข้องกับชุมชน และสิ่งแวดล้อม รวมถึงต้องมีความรับผิดชอบทางศีลธรรมและรักษาวัฒนธรรม มรดกทางภาษา ตลอดจนการสร้างสรรค์ที่แตกต่างออกไป 2) ต้องมีจริยธรรมของโลกโดยส่วนรวมร่วมอยู่ในพหุสังคมเพื่อให้ปัจเจกบุคคลด ารงค์อยู่ได้ ในชุมชนระดับท้องถิ่น ภูมิภาคและชาติ รวมถึงสามารถใช้ภาษาท้องถิ่น ภาษาประจ าชาติและ ภาษานานาชาติด้วย 3) การวิจัยในมุมมองของจริยธรรมจะต้องค านึงถึงสิทธิและภาระที่จ าต้องมีต่อสิ่งมีชีวิต อื่นๆ บนพื้นผิวโลก โลกยุคปัจจุบัน แข็งขันกันด้วยการสร้างนวัตกรรม (Innovation) ซึ่งเป็นปัจจัยหลักส าหรับ น ามาใช้ขับเคลื่อนความอยู่ดีกินดีและความสุขของคนในสังคมและการแข่งขัน การร่วมมือกับสังคม อื่น ประเทศอื่น ไม่ใช่แข่งขันกันด้วยการสั่งสมปัจจัย (Factors Accumulation) เช่นทรัพยากรธรรมชาติทุน หรือแรงงาน เป็นปัจจัยหลักเหมือนสมัยก่อน การสร้างนวัตกรรมต้องอาศัยความรู้และกิจกรรมสร้าง ความมั่งคั่ง จากความรู้นั้น ยิ่งด าเนินการมากเท่าใดตัวปัจจัยหลักคือ นวัตกรรม และความรู้จะยิ่ง งอกงามมากขึ้นเท่านั้น อยู่ในสภาพ “ยิ่งใช้ยิ่งงอกงาม” แต่การสร้างความมั่งคั่งจากทรัพยากรธรรมชาติ ทุน และแรงงาน ยิ่งด าเนินการตัวปัจจัยหลักจะยิ่งร่อยหรอลงไปอยู่ในสภาพ “ใช้แล้วหมด” การ พัฒนาประเทศในแนวทางแรกจึงเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน ในขณะที่แนวทางหลังก่อให้เกิดการพัฒนา ที่ไม่ยั่งยืนอย่างที่เห็นๆ กันอยู่ สรุปได้ว่าโลกยุคปัจจุบัน เป็นโลกยุคสังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ (Knowledge-based Society and Economy) ทุกสังคมจะต้องมีความสามารถในการน าความรู้มา สร้างนวัตกรรมส าหรับใช้เป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาสังคม ความรู้และนวัตกรรมที่สร้างขึ้นนั้น จะต้องก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนต่างๆ ที่มีความแตกต่างหลากหลายอย่างทั่วถึง และ ขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจเพื่อการแข่งขันและเศรษฐกิจพอเพียงอย่างสมดุลพลวัตของการพัฒนา เศรษฐกิจโลกเกิดขึ้นได้โดยมีความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกลไกในการ ขับเคลื่อนให้มีการเปลี่ยนแปลงดังที่เห็นได้จากวิวัฒนาการจากยุคเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (Industrial Economy) ที่มีการขยายตัวของอุตสาหกรรมหนักอย่างรวดเร็วมาสู่ยุคเศรษฐกิจ ข้อมูลข่าวสาร (Information Economy) ซึ่งเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทส าคัญในการสร้างความเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจและปัจจุบันโลกก าลังวิวัฒนาการเข้าสู่เศรษฐกิจยุคโมเลกุล (Molecular Economy)


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 118 ซึ่งเทคโนโลยีชีวภาพ นาโนเทคโนโลยีและวัสดุศาสตร์ได้เข้ามามีบทบาทส าคัญต่อการพัฒนา นับตั้งแต่เศรษฐกิจยุคข้อมูลข่าวสารเป็นต้นมา โลกอยู่ในภาวะของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะ ในบริบทของวิวัฒนาการด้านความรู้เพื่อก้าวไปสู่การสร้างองค์ความรู้และน ามาใช้ประโยชน์ในการพัฒนา (Knowledge for Development) ความรู้และการใช้ความรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และชาญฉลาดจะ เป็นตัวขับเคลื่อนที่ส าคัญในการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (Knowledge-Driven Growth) และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศทั้งทางด้านการค้าและการลงทุน ดังนั้น รูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันจะไม่เพียงแต่อาศัยความได้เปรียบจากการใช้ทรัพยากร อย่างมีประสิทธิภาพ (Efficient Resource Utilization) เท่านั้นแต่จะต้องมีทรัพยากรมนุษย์ที่มี คุณภาพ และมีความสามารถในการใช้องค์ความรู้จากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาสร้างนวัตกรรมที่เป็น ประโยชน์ต่อการพัฒนาหรือที่เรียกว่า “การพัฒนาเศรษฐกิจด้วยฐานความรู้” การเปลี่ยนแปลงของกระแส การพัฒนาสู่ระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ได้ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศในโลก โดยเฉพาะต่อ ประเทศก าลังพัฒนา ซึ่งขณะนี้ได้ใช้ความพยายามอย่างหนักในการปรับตัวเพื่อลดช่องว่างด้าน รายได้และความมั่งคั่ง เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วดังนั้นประเทศที่ก าลังพัฒนาจึงได้ให้ ความส าคัญในการปรับตัวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานความรู้(Knowledge-based Economy : KE) โดยเร่งสร้างนวัตกรรมจากองค์ความรู้ใหม่ๆ (Innovation and Knowledge Creation) รวมถึงการน าเอา ความรู้และเทคโนโลยีจากภายนอก มาปรับใช้(Technological Adaptation/Adoption) ในการพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมของประเทศตนส าหรับประเทศไทยซึ่งมีระบบเศรษฐกิจแบบเปิด (Open Economy) ที่ผนวกเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับเศรษฐกิจโลก ย่อมได้รับผลกระทบจากการที่โลกเปลี่ยนแปลง เข้าสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานความรู้เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในโลกดังนั้น ประเทศไทยจ าเป็นต้อง มีการปรับตัวให้สามารถพร้อมทั้งรับและรุกเข้าสู่การพัฒนาที่เน้นการแข่งขันบนฐานความรู้และ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยมีเป้าหมายให้ประเทศมีความสามารถและภูมิคุ้มกัน เพื่อการอยู่รอดได้อย่างมีความสมดุลและยั่งยืน รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ และคณะ (2564) ชุดโครงการ การเสริมสร้างสังคมฐานความรู้ตาม แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนอย่างยั่งยืนเขตพัฒนา พิเศษเฉพาะกิจชายแดนภาคใต้. จากการประชุมเพื่อวิเคราะห์สภาพปัญหาของ เขตพัฒนาพิเศษ เฉพาะกิจภาคใต้ในการวิจัยครั้งนี้ คณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยทักษิณได้ด าเนินการศึกษาปัญหา เบื้องต้นในเขตพื้นที่บริการ 4 อ าเภอ ของเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ได้แก่อ าเภอจะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา ซึ่งสรุปสาเหตุของปัญหาเบื้องต้น ได้ดังนี้ (1) ชุมชนไม่เข้มแข็งในการบริหาร จัดการและช่วยเหลือเกิดความไม่เสมอภาคของสังคม และการเข้าถึงการบริการของภาครัฐการ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 119 อุดหนุนทางการศึกษา โรงเรียนสอนศาสนา คุณภาพชีวิต (2) การอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของคนในชุมชน ส่งผลต่อภูมิปัญญาชาวบ้าน วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น การดูแลสุขภาพ อาหาร การออกก าลังกาย การใช้ สมุนไพร และอาชีพในท้องถิ่น ซึ่งภาพสะท้อนมิติด้านสังคมวัฒนธรรม ดังกล่าวยังไม่ถูกน ามาจัดระบบ (3) การขาดจิตส านึก ไม่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ความเห็นแก่ตัว การมีค่านิยมที่ไม่สมเหตุสมผลในการประกอบ อาชีพ เยาวชนขาดจิตส านึกการรักษ์บ้านเกิด (4) ความยากจน การไม่มีงานท า ความไม่พอเพียงเกี่ยวกับ ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน การวิเคราะห์เพื่อเชื่อมโยงสาเหตุแห่งปัญหาดังกล่าว พบว่า ล้วนแล้วแต่เกิดจากมนุษย์ที่ขาด จิตส านึกและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน จนส่งผลกระทบต่อวิถีของชุมชนที่ต้องบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต และปลูกฝังเยาวชนในชุมชน และการที่ ทีมวิจัยมองเห็นการพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนโดยการน าลงไปบริหารจัดการในโรงเรียนเพื่อให้ได้ กระบวนการเรียนรู้เพื่อสะท้อนความต้องการจ าเป็นของพื้นที่ที่มีความซับซ้อนแตกต่างกันไป เพื่อให้การพัฒนาคุณภาพชีวิตสอดคล้องความต้องการจ าเป็นของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละชุมชน จึงมีการประชุมร่วมกันระหว่างนักวิจัยในกลุ่มการศึกษา ประกอบด้วย นักวิจัยมหาวิทยาลัย ได้แก่ อาจารย์ นิสิต นักวิจัยชุมชน ผู้บริหารและครูในสถานศึกษา นักเรียน(เยาวชน) และภาคประชาชน จึงเป็นที่มาของ โครงการวิจัยย่อยทั้ง 6โครงการ ตามพื้นที่เป้าหมายในชุมชนโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ได้แก่ ผู้บริหาร ครู นักเรียน (เยาวชน) ตัวแทนชุมชน ตัวแทนหน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีนักวิจัย ซึ่งเป็น อาจารย์ นิสิต และนักวิจัยชุมชนเป็นพลังหนุนเสริม ทั้งนี้เพื่อให้กระบวนการวิจัยเป็นกระบวนการพัฒนา คนไปพร้อมกับการแสวงหาวิธีการแก้ปัญหาของชุมชน ภายใต้ความเชื่อที่ว่าจุดเปลี่ยนประเทศไทย หัวใจอยู่ที่ชุมชน ซึ่งจากข้อวิเคราะห์โจทย์ปัญหาความต้องการของพื้นที่ คณะนักวิจัยจากคณะ ศึกษาศาสตร์ คณะมนุษย์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ได้ร่วมกันท าการพัฒนาโจทย์วิจัยโดยการ จัดเสวนา "ถอดบทเรียนชุมชนโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน" จ านวน 2เวทีด้วยกัน ประกอบด้วย ผู้อ านวยการ โรงเรียน คณะครูและนักเรียน นายก อบต.ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการสถานศึกษา 5.3 สภาพปัญหาของเขตพฒันาพิเศษเฉพาะกิจภาคใต้ จากการประชุมเปิดโจทย์วิจัยเพื่อวิเคราะห์สภาพปัญหาของเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจภาคใต้ คณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยทักษิณได้ด าเนินการศึกษาปัญหาเบื้องต้นในเขตพื้นที่บริการ 4อ าเภอของ เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ได้แก่ อ าเภอจะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา ซึ่งสรุปสาเหตุของปัญหา เบื้องต้นได้ดังนี้


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 120 1. ชุมชนไม่เข้มแข็งในการบริหารจัดการ และช่วยเหลือเกิดความไม่เสมอภาคของสังคม และ การเข้าถึงการบริการของภาครัฐการอุดหนุนทางการศึกษา การไม่รู้หนังสือ คุณภาพในการจัดการศึกษา คุณภาพชีวิต 2. ชุมชนมีต้นทุนวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นที่หลากหลาย เช่น ภูมิปัญญาทางด้านยา สมุนไพร อาชีพ อาหาร การดูแลสุขภาพ ฯลฯ แต่ยังขาดการจัดการความรู้ที่เป็นระบบ อีกทั้งไม่สามารถน า ภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งเป็นภาพสะท้อนมิติด้านสังคมวัฒนธรรมที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้กับวิถีชีวิตชุมชน 3. ผู้คนในชุมชนขาดจิตส านึกรักษ์บ้านเกิด เช่น มีการย้ายถิ่นฐาน มีค่านิยมการแต่งงาน ข้ามชาติพันธุ์ ขาดการหวงแหนทรัพยากรของชุมชนที่มีอยู่อย่างจ ากัด ผู้คนมีค่านิยมในการด ารงชีวิต ในลักษณะที่เป็นวัตถุนิยม 4. ผู้คนในชุมชนส่วนใหญ่มีฐานะยากจน อันเนื่องมากจากสภาวะการไม่มีงานท า การใช้จ่าย เกินตัว ขาดความรู้ในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในครัวเรือน 5.4 การบริหารสถานศึกษาเพื่อการสร้างสงัคมฐานความรู้ การวิเคราะห์เพื่อเชื่อมโยงสาเหตุแห่งปัญหาดังกล่าว พบว่า ล้วนแล้วแต่เกิดจากมนุษย์ที่ขาด จิตส านึกและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของชุมชนที่มีวิถีชีวิตแบบ ไม่พอเพียง จากสภาพปัญหาของชุมชนดังกล่าวข้างต้น คณะผู้วิจัยเล็งเห็นความส าคัญจ าเป็นในการ พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการเสริมสร้างสังคม ฐานความรู้ การสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านอาหารสู่การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ด้านนวัตกรรมการ ออกก าลังกายเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างจิตส านึกรักษ์บ้าน เกิด ด้านการพัฒนาอาชีพของชุมชนโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นฐาน และด้านการบริหารสถานศึกษา แบบองค์รวม เพื่อพัฒนาชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) โดยการน าองค์ความรู้มาจัดระบบเพื่อ เสริมสร้างสังคมฐานความรู้ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจชายแดนภาคใต้ และเพื่อให้การพัฒนาดังกล่าวสอดคล้องกับความต้องการ จ าเป็นของเยาวชนกลุ่มเป้าหมายในแต่ละชุมชน จึงเป็นที่มาของโครงการวิจัยตามพื้นที่ในการพัฒนา เยาวชนในชุมชนโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน โดยใช้กระบวนการวิจัยเป็นกระบวนการพัฒนาคนไปพร้อมกับการ แสวงหาวิธีการแก้ปัญหาของชุมชนภายใต้ความเชื่อที่ว่า “จุดเปลี่ยนประเทศไทย หัวใจอยู่ที่ชุมชน” โดยมีการ พัฒนากรอบแนวคิด ดังภาพ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 121 ภาพที่ 15 การบริหารสถานศึกษาเพื่อการสร้างสังคมฐานความรู้ การพฒันาคณุภาพชีวิต (ร่างกาย อารมณ์ สติปัญญา สิ่งแวดล้อม สังคมเพื่อการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม) การศึกษาและสร้างสรรค์การเรียนรู้ ปราชญช์าวบ้าน ชมุชน คณะกรรมการสถานศึกษา ผบู้ริหาร ครูและนักเรียน สังคมฐานความรู้(ภมูิปัญญาท้องถิ่น) นวตักรรมที่น าไปส่กูารเปลี่ยนแปลงคณุภาพชีวิตของชมุชนและสถานศึกษา สงัคมฐานความร้โูดยใช้ภมูิปัญญาเป็นฐาน ตามแนวทางปรชัญาเศรษฐกิจพอเพียงส่กูารพฒันาคณุภาพชีวิต ข้อมูลสารสนเทศ ฐานความรู้/นวัตกรรมการเรียนรู้ การปฏิรปูการศึกษา และเรียนรู้ การศึกษาในระบบและ การศึกษาทางเลือก สร้างสังคมให้มี ความเสมอภาค สงัคมเข้มแขง็อย่าง มีคุณภาพ ค้นหาปัญหาชุมชน โดยใช้ โรงเรียนเป็นฐานการวิจัย


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 122 สรุปท้ายบท สรุปได้ว่ายุคสังคมเศรษฐกิจฐานความรู้(Knowledge-based Society and Economy) ทุกสังคมจะต้องมีความสามารถในการน าความรู้มาสร้างนวัตกรรมส าหรับใช้เป็นพลังขับเคลื่อนการ พัฒนาสังคม ความรู้และนวัตกรรมที่สร้างขึ้นนั้นจะต้องก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนต่างๆ ที่มี ความแตกต่างหลากหลายอย่างทั่วถึง และขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจเพื่อการแข่งขันและเศรษฐกิจ พอเพียงอย่างสมดุล ซึ่งประเทศไทยจ าเป็นต้องมีการปรับตัวให้สามารถพร้อมทั้งรับและรุกเข้าสู่การ พัฒนาที่เน้นการแข่งขันบนฐานความรู้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยมี เป้าหมายให้ประเทศมีความสามารถและภูมิคุ้มกันเพื่อการอยู่รอดได้อย่างมีความสมดุลและยั่งยืน โดยการสร้างสังคมฐานความรู้ ให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ในยุคเศรษฐกิจฐานความรู้ ซึ่งความรู้ ในปัจจุบันจะต้องเป็นความรู้ที่สามารถน าไปใช้ในการด ารงชีพ ด้วยการฝึกฝนคนให้ใช้ศักยภาพของ ตนที่มีอยู่ทุกด้าน นั่นคือ ความสามารถ หรือ สมรรถนะ ที่น าไปต่อยอดสู่อาชีพ รวมทั้งการใช้ ประโยชน์สูงสุดของทรัพยากรบุคคล ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและ จารีตประเพณีของชาติ และเปิดโอกาสให้ใช้ศักยภาพดังกล่าวมาพัฒนาตนให้มีคุณค่าด้วยข้อมูลข่าวสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 123 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2558). แนวทางการจัดทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่เน้นสมรรถนะทาง สาขาวิชาชีพ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมชุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. การศึกษาคุณค่าและกระบวนการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชน กรณีศึกษา จิปาถะภัณฑ์สถานบ้านคูบัว อ าเภอเมือง จังหวัดราชบุรี. สืบค้นจาก : https://tdc.thailis.or.th/tdc/browse.php?option การบริหารจัดการศูนย์การเรียนรู้ ห้องเรียนธรรมชาติ เกษตรอินทรีย์สวนเกษตรดาดฟ้า ส านักงาน เขตหลกัส่กีรงุเทพมหานคร สบืคน้จาก : https://grad.dpu.ac.th/upload/content/files/. ภูมินทร์ วิมลศิลป์ . “สังคมแห่งข้อมูลข่าวสาร”. [ออนไลน์]. (2550).แหล่งข้อมูล http://gotoknow.org/blog/sakeaw/111926. รูปแบบการบริหารจัดการของศูนย์การเรียนรู้ชุมชนเพื่อส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของประชาชน ในจังหวัดพะเยาสืบค้นจาก : file:///C:/Users/DELL/Downloads/197674. รุ่งชัชดาพร เวหะชาติและคณะ (2564) การเสริมสร้างสังคมฐานความรู้ตามแนวทางปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจชายแดน ภาคใต้. รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ งบประมาณรายได้ ปี 2562 มหาวิทยาลัยทักษิณ. ไอศูรย์. “การสังคมแห่งการเรียนรู้”. [ออนไลน์]. (2009).แหล่งข้อมูล http://www.gotoknow.org/blog/buildchumphon/163800. Ishumi, A. G. M. (1982). Community centers in Tanzania: Their development and scope UNESCO institute for education. USA: UNESCO. Watts, J. (1990). Community education in the western world. London: Education Development Center.


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 124 บทที่ 6 การบร ิ หารศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์การเรียนรู้เป็นการจัดพื้นที่การเรียนทางกายภาพเพื่อให้ผู้เรียนสามารถควบคุม การเรียนด้วยตนเองเป็นรายบุคคลหรือผู้เรียนในกลุ่มเล็ก ตามงานที่โปรแกรมก าหนดให้โดยจัดเป็น คูหาหรือโต๊ะ และมีสื่อการเรียนในรูปแบบสื่อประสม ช่วยในการเรียนรู้โดยมีครูผู้สอนคอยแนะน า ลักษณะของศูนย์การเรียนรู้มีพื้นฐานจากแนวคิดการศึกษาระบบเปิดในช่วงทศวรรษ 1960s ถึง 1970s โดยการจัดพื้นฐานการเรียนให้ผู้เรียนมีโอกาสควบคุมการเรียนเพิ่มขึ้น เพื่อส่งเสริมการท ากิจกรรม ด้วยตนเอง หรือโดยกลุ่ม จะจัดโดยแบ่งกลุ่ม ตามที่ได้รับมอบหมาย การจัดพื้นที่นี้สามารถจัด ภายในห้องเรียน ในห้องปฏิบัติการ จะจัดโดยแบ่งออกเป็น 4-6 ศูนย์ ภายในห้องหรือศูนย์เดียว กลางห้องหรือมุมใดมุมหนึ่งของห้องหรือแม้แต่ระเบียบทางเดินก็ท าได้แต่ต้องสามารถก าจัดเสียง รบกวนต่างๆได้ หรือจัดไว้ในห้องสมุดแต่ละศูนย์จะจัดในลักษณะเป็นโต๊ะ 1 ตัว และมีเก้าอี้อยู่ โดยรอบเพื่อให้ผู้เรียนได้มีโอกาส เรียนอภิปราย วิจัย แก้ปัญหา หรือทดลองร่วมกัน หรืออาจจัดโต๊ะ คอมพิวเตอร์ที่ต่อเป็นเครือข่าย หรือในลักษณะที่สามารถท ากิจกรรมคนเดียวกลุ่มเล็กได้ นอกจากนี้ยังจัดในลักษณะเป็นคูหา เพื่อก าจัดเสียงรบกวนในขณะเรียนหรือท ากิจกรรมจากศูนย์ ใกล้เคียง หรือเสียงรบกวนอื่น ที่จะท าให้เสียสมาธิในการเรียน คูหายังแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ คูหาแห้ง (Dry Carrel) และ คูหาเปียก (Wet Carrel) คูหาแห้งจะประกอบด้วยสื่อการเรียนที่ไม่มี วัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนคูหาเปียก จะประกอบด้วยสื่อการเรียนที่เป็นวัสดุอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์เช่น เทปเสียง ทีวีมอนิเตอร์ เครื่องเล่นแถบ วีดีทัศน์ เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น สื่อ การเรียนที่ประจ าในแต่ละศูนย์จะอยู่ในรูปแบบสื่อประสมที่แยกตามกิจกรรม หรือเป็นชุดการเรียน ก็ได้ในการเรียนที่แต่ละศูนย์แยกตามกิจกรรมการเรียนออกจากกัน ผู้เรียนที่แบ่งออกเป็นกลุ่มๆ แต่ละกลุ่มต้องเรียนให้ครบทุกศูนย์ ส่วนศูนย์การเรียนรู้ที่จัดทุกกิจกรรมไว้ในศูนย์เดียว แต่ละกลุ่ม ต้องเปลี่ยนกันเข้าไปเรียน 6.1 การประยุกต์ใช้ศูนย์การเรียนรู้ 1. ศูนย์การเรียนสามารถน าไปใช้กับทุกระดับการศึกษา ทุกรายวิชา


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 125 2. ศูนย์ฝึกทักษะ (Skill Centers) ศูนย์นี้ให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะเพิ่มขึ้น โดยได้รับการสอน จากบทเรียนผ่านสื่อหรือวิธีการอื่นมาก่อน ทักษะพื้นฐานจะท าให้ฝึกและปฏิบัติในศูนย์จนท าให้มี ความช านาญด้วยตัวผู้เรียนเอง 3. ศูนย์ความสนใจ (Interest Centers) เป็นศูนย์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดความสนใจ ใหม่ๆ และให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ 4. ศูนย์สอนเสริม (Remedial Centers) เป็นศูนย์ที่จะช่วยผู้เรียนที่ต้องการช่วยเสริมความรู้ หรือทักษะที่ยังไม่เพียงพอจากการเรียนปกติ หรือแยกผู้เรียนที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ 5. ศูนย์เพิ่มพูนความรู้ (Enrichment Centers) ศูนย์นี้จะกระตุ้นประสบการณ์การเรียนรู้ เพิ่มขึ้นหลังจากที่ผู้เรียน ได้เรียนหรือท ากิจกรรมบรรลุจุดประสงค์ที่ตั้งไว้แล้ว เช่น ผู้เรียนที่มี ความสามารถสูงเรียนบทเรียนคณิตศาสตร์จบแล้ว แต่ยังมีเวลาให้ไปเรียนในศูนย์นั้นที่มีบทเรียน ยากเพิ่มขึ้น หรือมีกิจกรรมอื่นให้ท าเพิ่มความช านาญ 6. ศูนย์ส ารอง (Reserved Centers) อาจจะมีศูนย์ส ารองไว้ในกรณีที่มีศูนย์แยกกิจกรรม เมื่อผู้เรียนท ากิจกรรมในศูนย์ใดเสร็จแล้วจะเข้าไปท ากิจกรรมในศูนย์อื่น แต่ศูนย์นั้นยังไม่ว่าง เนื่องจากผู้เรียนในศูนย์นั้นยังท ากิจกรรมไม่เสร็จ ก็ให้มารอในศูนย์ส ารองนี้โดยมีกิจกรรม ที่สอดคล้องกับเรื่องที่ศึกษา ข้อดีของศูนย์การเรียนรู้ 1. เรียนตามอัตราการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนหรือภายในกลุ่ม (Self-Pacing) ศูนย์การ เรียนรู้ช่วยให้ผู้เรียนเรียนตามความต้องการความสามารถของแต่ละคนหรือผู้เรียนภายในกลุ่ม 2. เรียนรู้อย่างกระฉับกระเฉง (Active Learning) ศูนย์การเรียนรู้ช่วยให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม ในประสบการณ์การเรียน การตอบสนอง และให้ผลย้อนกลับทันที 3. บทบาทของผู้สอน (Teacher Role) ศูนย์การเรียนรู้จะเปลี่ยนบทบาทของผู้สอนมาเป็น ผู้แนะน าและคอยช่วยเหลือการเรียนมากขึ้น 4. กระบวนการกลุ่ม (Group Process) ส่งเสริมการท างานเป็นกลุ่ม ภาวะเป็นผู้น ายอมรับ ฟังความคิดเห็นผู้อื่น มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ข้อจ ากัดของศูนย์การเรียนรู้ 1. ต้นทุนมาก (Cost) การวางแผน การจัดสร้างศูนย์การรวบรวมและการจัดวัสดุต้องใช้เวลามาก รวมทั้งการซื้อวัสดุอุปกรณ์การออกแบบและพัฒนาสื่อการเรียนที่จะน ามาใช้ในศูนย์ก็ต้องใช้ เงินจ านวนมาก


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 126 2. การจัดการ (Management) ผู้สอนที่จัดการศูนย์การเรียนรู้ต้องมีการจัดระบบและ การจัดการห้องเรียนที่ดี 6.2 ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน หมายถึง “สถานที่” ที่เป็นศูนย์กลางการจัดการเรียนรู้ เป็นอีกรูปแบบ หนึ่งของแหล่งเรียนรู้ในชุมชนที่ปัจจุบันนิยมจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เสริมสร้าง โอกาสในการเรียนรู้ถ่ายทอด แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ของประชาชนในชุมชน เป็นจุดถ่ายทอด ความรู้ไปยัง ผู้ที่สนใจภายนอกชุมชน และเป็นแหล่งบริการชุมชนในการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องกับ ความต้องการของประชาชน เน้นถ่ายทอดความรู้และเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิต หลักการส าคัญของศูนย์เรียนรู้ชุมชน เป็นแหล่งเรียนรู้ทุกด้าน ทุกรูปแบบไม่เน้นการเรียนการสอนในห้องเรียนซึ่งเป็นศูนย์กลาง ที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้ามาเรียนรู้ ค้นคว้าหาความรู้ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ รวมทั้งการพบปะสังสรรค์ เพื่อสร้างความเข้าใจ ความร่วมมือในการพัฒนาตนเอง และชุมชนเป็น ศูนย์กลางการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน วัตถุประสงค์ของศูนย์เรียนชุมชน 1. เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และจัดกิจกรรมการศึกษา เพื่อให้ประชาชนได้รับการ ส่งเสริมให้เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต 2. เพื่อสร้างเสริมกระบวนการเรียนรู้ในชุมชน 3. เพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้สาหรับประชาชนในชุมชน 4. เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและจัดการศึกษาใหกับชุมชนเอง รูปแบบของศูนย์การเรียนรู้ชุมชน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย (2553) ได้จ าแนกรูปแบบของศูนย์ การเรียนรู้ชุมชนประเภทต่างๆ ไว้8 ประเภท โดยแต่ละประเภทมีจุดมุ่งหมายและกิจกรรมแตกต่าง กันออกไป สรุปได้ดังนี้ 1. ห้องแสดงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นส่วนที่แสดงถึงการเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะ จารีต ประเพณีวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่แสดงออกถึงวิถีชีวีติของชุมชน ซึ่งมีอัตลักษณ์ และความเชื่อประเพณีเป็นของท้องถิ่น ซึ่งห้องแสดงวัฒนธรรมมีการจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ใน การด ารงชีวิต วัฒนธรรมเครื่องแต่งกาย หรือประกอบอาชีพของคนในชุมชน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 127 2. ห้องอินเตอร์เน็ตชุมชน เป็นส่วนที่ส่งเสริมการเรียนรู้เท่าทันโลกของเทคโนโลยีที่ไร้ พรมแดน เปิดโอกาสให้คนในชุมชนได้เข้าถึงเทคโนโลยีและมีพัฒนาการสารสนเทศ เป็นศูนย์การ เรียนรู้ชุมชนที่ส่งเสริมเครือข่ายแห่งการเรียนรู้และพัฒนาเป็นศูนย์การเรียนรู้เสมือนจริง โดยใช้ เทคโนโลยีดิจิตอล และเป็นแหล่งรวมสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์โดยทั่วไปจะจัดบริการให้สืบค้นข้อมูล ที่เป็นความรู้ที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาการเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ที่บุคคลในชุมชนสนใจผ่าน เครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น ข้อมูลด้านวัฒนธรรม โดยเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่มีข้อมูลด้านวัฒนธรรม อาทิ หอจดหมายเหตุ พิพิธภัณฑ์รวมทั้งจัดบริการส่งเสริมการศึกษาในระบบทางไกล เช่น ให้บริการศึกษาด้วยตนเองผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยผู้มาใช้บริการลงทะเบียนเรียนกับ สถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต 3. ห้องวิชาการชุมชน เป็นสถานที่จัดประชุมสัมมนา ฝึกอบรมหัวข้อต่างๆ เช่น เรื่องภาษา การเลี้ยงลูกแนะแนวการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา มุมพัฒนาการศึกษาด้วยตนเอง เช่น มุมสาย สามัญของการศึกษานอกโรงเรียน มุมมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มุมมหาวิทยาลัยรามค าแหง เป็นต้น เป็นสถานที่จัดกิจกรรมกลุ่มพัฒนาความรู้ในชุมชน และเป็นห้องถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ซึ่งจัดบริการแก่ชุมชน บุคคล หรือหน่วยงานภายนอก นอกจากนี้ยังเป็นจุดถ่ายทอดความรู้ด้านต่างๆ เช่น สารคดีประวัติศาสตร์ต่างๆ องค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อเด็ก เยาวชน และประชาชนในชุมชน ห้องวิชาการชุมชนจัดตั้งโดยมุ่งหวังเพื่อให้เกิดกิจกรรมที่ส่งเสริม สนับสนุนให้ชุมชนสามารถแก้ไข ปัญหาความขัดแย้ง และความเดือดร้อนโดยการเรียนรู้และร่วมกันแสวงหาค าตอบปัญหาที่เกิดขึ้น 4. ห้องเรียนรู้กลุ่มอาชีพชุมชน เป็นส่วนเผยแพร่ผลงานกลุ่มอาชีพ การด าเนินงาน การรวมกลุ่ม การฝึกและพัฒนาอาชีพ และเป็นการเปิดโอกาสทางการตลาดของกลุ่มอาชีพในชุมชนจะได้สัมผัส กับการท างานกลุ่มอาชีพอย่างแท้จริง 5. ร้านค้าชุมชน เป็นส่วนส่งเสริมการเรียนรู้การด าเนินเชิงธุรกิจร่วมกัน เพื่อการพัฒนาก้าว ไปเป็นรูปแบบของสหกรณ์ชุมชน และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ตามแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนเน้นการเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิตจากชุมชน และด าเนินการตลาด ร่วมกับชุมชนซึ่งร้านค้าชุมชนจัดบริการสินค้าราคาต้นทุนต ่าเพื่อเป็นทางเลือกของผู้บริโภคในชุมชน และเป็นศูนย์จัดจ าหน่ายผลิตภัณฑ์จากชุมชน หรือสินค้าหนึ่งต าบลหนึ่งผลิตภัณฑ์มีมุมข้อมูลสินค้า มุมแคตตาล็อกสินค้า และผลิตภัณฑ์ศูนย์สาธิตของดีเด่นของชุมชน เป็นต้น 6. ลานกิจกรรมชุมชน เป็นสถานที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ให้มีการท ากิจกรรมกลุ่มร่วมกัน บริการเครื่องเล่นส าหรับเด็ก มีการจัดกิจกรรมเรียนรู้อย่าง


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 128 สร้างสรรค์และสานสายใยครอบครัว เช่น กิจกรรมศิลปะ การร้องเพลง การเล่นเกมต่างๆ เวที ส าหรับปราชญ์ชุมชน คนเด่นคนดังมาแสดงให้ชุมชนทราบถึงความสามารถ 7. ห้องสมุดชุมชน/ห้องสมุดประชาชน ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนประเภทนี้จัดตั้งขึ้น โดยมี จุดมุ่งหมายให้มีการจัดการเรียนรู้และจัดกิจกรรมที่มีความยืดหยุ่นตามความต้องการของประชาชน เพื่อให้สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต และตอบสนองต่อความต้องการการเรียนรู้ของประชาชนใน ชุมชน ให้บริการหนังสือทุกประเภทตั้งแต่พัฒนาการของเด็กเล็ก เยาวชนผู้สนใจเฉพาะด้าน มี บริการสื่อวารสารสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่มีความทันสมัย และควรจัดให้มีสื่อซึ่งสามารถก่อให้เกิดลักษณะ ของการเรียนรู้ที่รื่นรมย์และมีชีวิตชีวา เช่น วีดิทัศน์เทปบันทึกภาพ เทปบันทึกเสียงแผ่นเสียง ภาพ สไลด์รวมถึงอินเตอร์เน็ตด้วย 8. ที่อ่านหนังสือประจ าหมู่บ้าน/ชุมชน เป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนอีกประเภทหนึ่งที่ให้ ประชาชนได้รับทราบข่าวสารและความรู้ต่างๆ ส่งเสริมการอ่านหนังสือและป้องกันการลืมหนังสือ รวมทั้งเพื่อสร้างนิสัยรักการอ่านหนังสือของประชาชน โครงสร้างของศูนย์เรียนรู้ชุมชน ประกอบด้วยดังนี้ 1. คณะกรรมการ ประกอบด้วย ผู้แทนจากผู้น าชุมชน กลุ่ม/องค์กร เครือข่ายองค์กรชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน อาสาสมัคร ฯลฯ โดยมาจากการคัดเลือกของชาวบ้านเอง และชาวบ้านให้การยอมรับ ซึ่งคณะกรรมการจะร่วมมือกันวางแผน และด าเนินตามแผนยุทธศาสตร์ที่ได้ก าหนดร่วมกัน เพื่อ ระดมพลังให้เกิดการเรียนรู้และบริหารจัดการในศูนย์เรียนรู้ให้สามารถด าเนินการได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 2. ที่ปรึกษา เป็นภาคีการพัฒนาภาครัฐ เช่น พัฒนาชุมชน การศึกษานอกโรงเรียน เกษตร สาธารณสุข และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3. ระเบียบข้อบังคับ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้จัดท าขึ้นที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็น แนวทางในการบริหารศูนย์ฯสถานที่ เล็กใหญ่ไม่ส าคัญ อาจจะอยู่ในห้องของอาคาร อบต. บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน บ้านผู้น า บ้านปราชญ์ชาวบ้าน ศาลาวัด ใต้ต้นไม้ ศาลากลางบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ให้พบปะ ประชุม ท างานกันได้ตลอดเวลา ให้เป็นสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวกัน เพื่อการเรียนรู้ ไม่ จ าเป็นต้องหางบประมาณมาก่อสร้างศูนย์ใหม่ 4. สถานที่เล็กใหญ่ไม่ส าคัญ อาจจะอยู่ในห้องของอาคาร อบต. บ้านผู้ใหญ่บ้าน บ้านผู้น า บ้านปราชญ์ชาวบ้าน ศาลาวัด ใต้ต้นไม้ ศาลากลางบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ให้พบปะ ประชุม ท างานกัน ได้ตลอดเวลา ให้เป็นสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวกัน เพื่อการเรียนรู้ ไม่จ าเป็นต้องหา งบประมาณมาก่อสร้างศูนย์ใหม่


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 129 5. การบริหารจัดการศูนย์ฯ คณะกรรมการฯ ที่ได้รับการคัดเลือก มีการบริหารจัดการเพื่อให้ ศูนย์ฯ สามารถบริหารจัดการได้อย่างเป็นรูปธรรม 6. งบประมาณ เพื่อพัฒนาคณะกรรมการของศูนย์เรียนรู้ชุมชนให้สามารถท างานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ ที่จ าเป็นในการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ชุมชน องค์ประกอบของแหล่งเรียนรู้ชุมชน ศูนย์การเรียนรู้ในชุมชน ควรจะประกอบด้วยสิ่งต่างๆ ดังนี้ แหล่งที่มาของความรู้และเนื้อหาความรู้หมายถึง ที่มา หรือตัวแทนของความรู้ที่สามารถ อ้างอิงถึงความมีอยู่ขององค์ความรู้ชุมชน ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น ตัวบุคคล วัตถุสิ่งของ สถานที่ ประเพณีฯลฯ แหล่งที่มาของความรู้นี้สามารถเสื่อมสลาย ผุพังหรือล้มตายได้นอกจากนี้บาง แหล่งที่มาของความรู้ยังไม่สามารถให้เรื่องราวได้อย่างชัดเจนหากไม่มีคนมาบอกเล่าหรือไม่มี เอกสารมาให้อ่าน ดังนั้น จึงต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลองค์ความรู้ออกมาเป็นภาพถ่าย เอกสาร หรือเนื้อหาความรู้ เพื่อเป็นหลักประกันความยั่งยืนยาวนานและสามารถสืบทอดขยายผลได้ 1. วิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้หมายถึง ขั้นตอน วิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้รูปแบบการ เผยแพร่หรือการน าเนื้อหาความรู้จากแหล่งที่มาของความรู้มาถ่ายทอดให้กับผู้ที่สนใจ เช่น การจัดท า หลักสูตรการจัดท าแปลงสาธิต ฯลฯ 2. อุปกรณ์ส าหรับการเรียนรู้สื่อการเรียนรู้หมายถึง อุปกรณ์ส าหรับการเรียนรู้สื่อการเรียนรู้ หมายถึง อุปกรณ์สาธิต สื่อรูปแบบต่างๆ ที่ท าให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากกว่าการได้ฟัง บรรยายเพียงอย่างเดียว เช่น แผ่นพับภาพประกอบ โมเดลจ าลอง ภาพสไลด์หนังสั้น สารคดีสั้น ฯลฯ 3. สถานที่เรียนรู้สถานที่เรียนรู้ส่วนใหญ่ใช้บริเวณแหล่งที่มาของความรู้เป็นสถานที่จัดการ เรียนรู้เพราะจะสามารถเรียนรู้ได้จากสถานที่จริง ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านของผู้รู้ แปลงเกษตร ฟาร์ม ฯลฯ โดยมีการปรับสภาพแวดล้อมของแหล่งเรียนรู้ให้เป็นห้องเรียนธรรมชาติ ไม่จ าเป็นต้องเรียนใน ห้องเรียนที่เป็นทางการ แต่ถ้าหากแหล่งเรียนรู้ไม่สะดวกต่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ก็อาจใช้ สถานที่อื่นที่ใกล้เคียงหรือเอื้อต่อการจัดการเรียนรู้ไม่เป็นสถานที่คนพลุกพล่านมาก เพราะจะท าให้ ทั้งผู้จัดการเรียนรู้และผู้เรียน เสียสมาธิได้ง่าย 1. การประเมินและติดตามผลการเรียนรู้เป็นการวัดผลว่าการจัดการเรียนรู้นั้นได้ผลดีมาก น้อยเท่าใดเพื่อจะได้น ามาพัฒนาปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ในคราวต่อไป 2. ผู้จัดการเรียนรู้ หรือผู้ที่ด าเนินการจัดกระบวนการเรียนรู้ในที่นี้จะเน้นให้ชุมชนเป็นผู้มี บทบาทส าคัญในการด าเนินงานทุกขั้นตอนตั้งแต่การวางแผน การเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งที่มา ของความรู้ไปจนถึงการประเมินและติดตามผลการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนจะต้องเป็น


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 130 ก าลังหลักในการถ่ายทอดความรู้ให้ผู้ที่สนใจ (ขั้นจัดกระบวนการเรียนรู้) เพื่อให้ความรู้จากแหล่ง เรียนรู้ชุมชนแผ่ขยายในวงกว้างในลักษณะชุมชนสู่ชุมชน โดยไม่ต้องพึ่งพิงภาครัฐ ดังนั้นผู้จัดการ เรียนรู้จึงควรจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดีมีทักษะในการสื่อสาร เข้าใจถึงวิธีการจัด กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม และรู้จักธรรมชาติของผู้เรียนเพื่อให้สามารถออกแบบกระบวนการ เรียนรู้ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนและถ่ายทอดความรู้ได้อย่างชัดเจนมากที่สุด 3. ผู้เรียน หมายถึง สมาชิกในชุมชน และผู้สนใจทั่วไปที่ต้องการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้กิจกรรมที่เรียกว่าเป็นกิจกรรมการเรียนรู้มีหลายลักษณะ เช่น 1. การเรียน/การสอนเสริมนอกเหนือจากที่จัดโดยโรงเรียน 2. การค้นหา และบันทึก เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ค่านิยม และเอกลักษณ์ประจ าถิ่น 3. การฝึกอบรมหรือรับฟังค าบรรยายจากปราชญ์ชาวบ้าน 4. การจัดเวทีประชาคมเพื่อการเรียนรู้และการตัดสินใจร่วมกัน 5. การเข้าเรียนทางอินเทอร์เน็ต 6. การจัดและชมนิทรรศการ 7. การจัดและเข้าร่วมสัมมนา อภิปรายอื่นๆ แนวทางและขั้นตอนการด าเนินงานศูนย์การเรียนรู้ชุมชน เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการด าเนินงานศูนย์การเรียนรู้ ชุมชนโดยทั่วไป และศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ซึ่งเป็นภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอน คือ ที่อ่านหนังสือ ประจ าหมู่บ้าน/ชุมชน และห้องสมุดประชาชน จึงได้ก าหนดแนวทางและขั้นตอนการด าเนินงาน ดังนี้ 1. การจัดท าแผนยุทธศาสตร์ ในระดับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาควรก าหนดให้มีประเด็นการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ชุมชน ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาท้องถิ่น และน าเสนอประเด็นดังกล่าว เพื่อสอบถาม ข้อคิดเห็นของประชาชนผ่านเวทีประชาคม 2. การจัดท าแผนเพื่อพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ชุมชน เป็นการแปลงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา มาเป็นแผนพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ชุมชนเพื่อน าไปสู่การจัดตั้งงบประมาณ โดยมีการก าหนดขั้นตอน การจัดท าแผน ดังนี้ 2.1 ศึกษาความต้องการของประชาชนในชุมชนเกี่ยวกับการใช้ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ตลอดจนการวิเคราะห์โครงสร้าง และทิศทางการเจริญเติบโตของชุมชน จ านวนประชากรอัตราการ เจริญเติบโต ลักษณะการใช้เวลาว่าง ประเมินปัญหา และความต้องการ และศึกษาแหล่งการเรียนรู้


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 131 ในชุมชน เพื่อน าไปเป็นข้อมูลพื้นฐานในการจัดท าแผนพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ชุมชนให้สอดคล้องกับ ศักยภาพของประชาชน พื้นที่ที่มีปัญหาและความต้องการของชุมชนรวมทั้งให้สอดคล้องกับแหล่ง การเรียนรู้ชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น 2.2 จัดล าดับความส าคัญของความต้องการของประชาชน เพื่อก าหนดประเภทของศูนย์ การเรียนรู้ชุมชน และกิจกรรมตามความต้องการและความสนใจของประชาชนโดยพิจารณาขีด ความสามารถด้านงบประมาณ และบุคลากร 3. การด าเนินการตามแผน น ากิจกรรมที่จะด าเนินงานเกี่ยวกับศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ซึ่งก าหนดไว้ในแผนพัฒนา มาจัดท าแผนพัฒนาประจ าปีและจัดท าโครงการเพื่อบรรจุในข้อบัญญัติ งบประมาณ ประจ าปีเพื่อด าเนินการต่อไป 4. การติดตามประเมินผลควรมีการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน ของเจ้าหน้าที่และประเมินความพึงพอใจของประชาชนผู้ใช้บริการ จากขั้นตอนทั้ง 4 ขั้นตอนดังกล่าว สามารถสรุปเป็นแผนผังได้ดังนี้


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 132 ภาพที่ 16 การพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ขั้นตอนที่ 2 การจัดท าแผนพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ชุมชน การแปลงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนามาเป็นแผนเพื่อน าไปสู่การตั้ง งบประมาณโดยมีการก าหนดขั้นตอนการจัดท าแผน ดังนี้ - ศึกษาความต้องการของประชาชนและแหล่งการเรียนรู้ในชุมชนเพื่อน าไป เป็นข้อมูลพื้นฐานในการจัดท าแผนพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ชุมชน - จัดล าดับความส าคัญของความต้องการของประชาชน โดยพิจารณาขีด ความสามารถในเรื่องงบประมาณ บุคลากรและการดูแลรักษา ขนั้ตอนที่3 การดา เนินการตามแผน การด าเนินการตามแผนน ากิจกรรมที่จะด าเนินงานเกี่ยวกับศูนย์ การเรียนรู้ชุมชนซึ่งก าหนดไว้ในแผนพัฒนา มาจัดท าแผนพัฒนาประจ าปี และจัดท าโครงการเพื่อบรรจุในข้อบัญญัติงบประมาณประจ าปี เพื่อด าเนินการต่อไป ขั้นตอนที่ 1 การจัดท าแผนยุทธศาสตร์ ในระดับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาควรก าหนดให้มีประเด็นการพัฒนา ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาท้องถิ่นและ น าเสนอประเด็นดังกล่าว เพื่อสอบถามข้อคิดเห็นของประชาชนผ่านเวที ประชาคม ขนั้ตอนที่4 การติดตามประเมินผล การติดตามประเมินผลควรมีการประเมินประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และประเมินความพึงพอใจของ ประชาชนผู้ใช้บริการ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 133 6.3 หลักการจัดศูนย ์ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา สถานศึกษาพอเพียงที่มีความประสงค์จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพที่จะเป็น พี่เลี้ยง ขยายผลไปสู่แก่สถานศึกษาอื่นๆ ในการน้อมน าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเข้าสู่ สถานศึกษา ด้วยการเป็นสถานที่ศึกษาดูงานเกี่ยวการจัดการศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง มีบุคลากรที่สามารถเป็นวิทยากร ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู หรือนักเรียนแกนน า เป็นพี่ เลี้ยงให้แก่สถานศึกษาอื่นๆ ที่สนใจ และมีผลงานเชิงประจักษ์ว่าสามารถเป็นพี่เลี้ยงช่วยพัฒนา สถานศึกษาอื่นให้ผ่านการประเมินเป็นสถานศึกษาพอเพียงได้อย่างน้อย 1 แห่ง ซึ่งมูลนิธิสยามกัม มาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ได้มีบทบาทส าคัญในการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงเหล่านี้ โดยร่วมมือ กับหน่วยงานต่างๆ และด าเนินการโดยเน้นความสมัครใจ การถอดบทเรียนการสร้างเครือข่าย ผ่าน ตลาดนัดวิชาการเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จนได้มีการด าเนินการมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2553 กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ร่วมมือกับเครือข่ายขับเคลื่อนฯ หลายหน่วยงานพัฒนาเครื่องมือและ ขั้นตอน วิธีการประเมิน ตลอดจนพัฒนาและแต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน “ศูนย์การเรียนรู้ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา” เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ 1. จัดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนให้สอดคล้องและสนับสนุนการศึกษาตลอดชีวิตของบุคคลในสังคม การเรียนรู้ของบุคคลจากศูนย์การเรียนรู้ชุมชนถือได้ว่าเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิตมีการ เรียนรู้ทุกรูปแบบเกิดขึ้นในศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ประชาชนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิตตั้งแต่เกิด จนตาย ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนจึงตอบสนองต่อธรรมชาติการเรียนรู้ของประชาชนในยุคแห่งข่าวสาร เช่นปัจจุบันนี้ ดังนั้นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนจึงควรปรับกิจกรรมให้มีความยืดหยุ่นตามความต้องการ ของประชาชนเป็นส าคัญ โดยประชาชนควรมีส่วนร่วมในการก าหนดรูปแบบกิจกรรม เนื้อหาของ กิจกรรม และควรปรับกิจกรรมที่ตอบสนองต่อความแตกต่างของบุคคลโดยมีรูปแบบกิจกรรมที่ หลากหลายเหมาะสมกับเพศวัย และสถานภาพทางอาชีพ 2. จัดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนให้มีความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน เนื่องจากศูนย์การเรียนรู้ชุมชนแต่ละแห่งได้จัดตั้งอยู่ในชุมชนตามท้องถิ่นต่างๆ ของ ประเทศ ดังนั้นการจัดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนแต่ละแห่งจึงควรมีเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น โดยควร จัดให้มีลักษณะเป็นแหล่งการเรียนรู้ในชุมชนที่มีข้อมูลต่างๆ ของท้องถิ่นนั้นๆ ไม่ว่าเป็นข้อมูล วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาของท้องถิ่น ข้อมูลด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง สถานที่ต่างๆ ของ ชุมชน เทคโนโลยีของชาวบ้านที่ใช้ในชีวิตประจ าวัน ฯลฯ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 134 3. จัดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนให้มีความสนุกสนาน รื่นรมย์ และมีชีวิตชีวา การจัดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนให้มีชีวิตชีวา หมายความว่าการจัดกิจกรรมต่างๆ ในศูนย์การ เรียนรู้ชุมชนควรจัดอย่างสนุกสนาน เป็ดโอกาสให้ประชาชนได้ลงมือปฏิบัติและขณะเดียวกันต้อง ได้รับความรู้ด้วย โดยเป็นการเรียนรู้จากกิจกรรมที่เป็นสาระบันเทิงอย่างหลากหลาย เช่น การจัด กิจกรรมวันเด็ก กิจกรรม วันพ่อวันแม่ การจัดนิทรรศการ ฯลฯ 4. พัฒนาศูนย์การเรียนรู้ชุมชนให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ เนื่องจากในแต่ละปีสังคมและเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการพัฒนา ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนควรจะต้องพัฒนาให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านรูปแบบกิจกรรม และวัสดุอุปกรณ์ให้ทันสมัยอยู่เสมอเพื่อดึงดูดให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น 5. การพัฒนาบุคลากร ควรมีการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการด าเนินงานศูนย์การเรียนรู้ชุมชนให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดศูนย์การเรียนรู้ชุมชน เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้บทบาทหน้าที่ของ บุคลากรในการสนับสนุนการจัดแหล่งการเรียนรู้โดยการฝึกอบรม และพัฒนาอย่างต่อเนื่องและ สม ่าเสมอ อันจะน าไปสู่ความเข้าใจและตระหนักในความส าคัญของศูนย์การเรียนรู้ชุมชนในฐานะ ของแหล่งการเรียนรู้ของชุมชน 6. การวิจัยและพัฒนา ควรมีการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อจัดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งพัฒนาพื้นฐานข้อมูลให้เป็นแหล่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง สอดคล้องกับความพร้อมและ ศักยภาพของศูนย์การเรียนรู้ชุมชนนั้นๆ 7. การมีส่วนร่วมของชุมชน ควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยการน าพันธมิตร หุ้นส่วนในชุมชน เครือข่าย ตลอดจนประชาชนในชุมชนให้มีส่วนร่วมให้มากที่สุดทั้งในระดับการวางแผน การลงมือปฏิบัติ และการประเมินผล รวมทั้งการขอความร่วมมือในการสนับสนุนทรัพยากรต่างๆ เพื่อพัฒนาศูนย์การ เรียนรู้ชุมชนให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ของชุมชนอย่างแท้จริง


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 135 6.4 ศูนย์การเรียนรู้เป็ นนวัตกรรมทางการศึกษา ศูนย์การเรียนรู้เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่ท าให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ปัจจัยส าคัญที่มี อิทธิพลอย่างมาก ต่อวิธีการศึกษา ได้แก่แนวความคิดพื้นฐานทางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไป อันมี ผลท าให้เกิดนวัตกรรมการศึกษาที่ส าคัญๆ พอจะสรุปได้4 ประการ คือ 1. ความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Different) การจัดการศึกษาของไทยได้ให้ ความส าคัญในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคลเอาไว้อย่างชัดเจนซึ่งจะเห็นได้จากแผนการศึกษา ของชาติ ให้มุ่งจัดการศึกษาตามความถนัดความสนใจ และความสามารถ ของแต่ละคนเป็นเกณฑ์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนได้แก่ การจัดระบบห้องเรียนโดยใช้อายุเป็นเกณฑ์บ้าง ใช้ความสามารถเป็น เกณฑ์บ้าง นวัตกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อสนองแนวความคิดพื้นฐานนี้ เช่น การเรียนแบบไม่แบ่งชั้น (Non-Graded School) แบบเรียนส าเร็จรูป (Programmed Text Book) เครื่องสอน (Teaching Machine) การสอนเป็ นคณะ (TeamTeaching) การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School) เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction) เป็นต้น 2. ความพร้อม (Readiness) เดิมทีเดียวเชื่อกันว่า เด็กจะเริ่มเรียนได้ก็ต้องมีความพร้อมซึ่ง เป็นพัฒนาการตามธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันการวิจัยทางด้านจิตวิทยาการเรียนรู้ ชี้ให้เห็นว่าความ พร้อมในการเรียนเป็ นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ ถ้าหากสามารถจัดบทเรียน ให้พอเหมาะกับระดับ ความสามารถของเด็กแต่ละคน วิชาที่เคยเชื่อกันว่ายาก และไม่เหมาะสมส าหรับเด็กเล็กก็สามารถ น ามาให้ศึกษาได้ นวัตกรรมที่ตอบสนองแนวความคิดพื้นฐานนี้ได้แก่ ศูนย์การเรียน การจัดโรงเรียน ในโรงเรียน นวัตกรรมที่สนองแนวความคิดพื้นฐานด้านนี้ เช่น ศูนย์การเรียน (Learning Center) การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School) การปรับปรุงการสอนสามชั้น (Instructional Development in 3 Phases) เป็นต้น 3. การใช้เวลาเพื่อการศึกษา แต่เดิมมาการจัดเวลาเพื่อการสอน หรือตารางสอนมักจะจัด โดยอาศัยความสะดวกเป็นเกณฑ์ เช่น ถือหน่วยเวลาเป็นชั่วโมง เท่ากันทุกวิชา ทุกวันนอกจากนั้น ก็ยังจัดเวลาเรียนเอาไว้แน่นอนเป็นภาคเรียน เป็นปี ในปัจจุบันได้มีความคิดในการจัดเป็นหน่วย เวลาสอนให้สัมพันธ์กับลักษณะของแต่ละวิชาซึ่งจะใช้เวลาไม่เท่ากัน บางวิชาอาจใช้ช่วงสั้นๆ แต่สอนบ่อยครั้ง การเรียนก็ไม่จ ากัดอยู่แต่เฉพาะในโรงเรียนเท่านั้น นวัตกรรมที่สนองแนวความคิด พื้นฐานด้านนี้ เช่น การจัดตารางสอนแบบยืดหยุ่น (Flexible Scheduling) มหาวิทยาลัยเปิด (Open University) แบบเรียนส าเร็จรูป (Programmed Text Book) การเรียนทางไปรษณีย์เป็นต้น 4. ประสิทธิภาพในการเรียน การขยายตัวทางวิชาการ และการเปลี่ยนแปลงของสังคม ท าให้มีสิ่งต่างๆ ที่คนจะต้องเรียนรู้เพิ่มขึ้นมาก แต่การจัดระบบการศึกษาในปัจจุบันยังไม่มี


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 136 ประสิทธิภาพเพียงพอจึงจ าเป็นต้องแสวงหาวิธีการใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งในด้านปัจจัย เกี่ยวกับตัวผู้เรียน และปัจจัยภายนอก นวัตกรรมในด้านนี้ที่เกิดขึ้น เช่น มหาวิทยาลัยเปิด การเรียน ทางวิทยุ การเรียนทางโทรทัศน์การเรียนทางไปรษณีย์ แบบเรียนส าเร็จรูป ชุดการเรียน เป็นต้น นวัตกรรม เป็นความคิดหรือการกระท าใหม่ๆ ซึ่งนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญในแต่ละวงการ จะมีการคิดและท าสิ่งใหม่อยู่เสมอ ดังนั้นนวัตกรรมจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ได้เรื่อยๆ สิ่งใดที่คิดและ ท ามานานแล้ว ก็ถือว่าหมดความเป็นนวัตกรรมไป โดยจะมีสิ่งใหม่มาแทน ในวงการศึกษาปัจจุบัน มีสิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมทางการศึกษา หรือนวัตกรรมการเรียนการสอน อยู่เป็นจ านวนมาก บางอย่างเกิดขึ้นใหม่ บางอย่างมีการใช้มาหลายสิบปีแล้ว แต่ก็ยังคงถือว่าเป็น นวัตกรรม เนื่องจาก นวัตกรรมเหล่านั้นยังไม่แพร่หลายเป็นที่รู้จักทั่วไป ในวงการศึกษานวัตกรรมทางการศึกษาต่างๆ ที่กล่าวถึงกันมากในปัจจุบัน ผู้เขียนได้ท าวิจัยเพื่อพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ในโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ ะ โดยได้รับ งบประมาณจากสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ในการเป็นผู้น าการ เปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งในและนอกสถานศึกษา ให้นักเรียนพัฒนาตามศักยภาพขึ้นเป็นประชากรที่มีความรู้ รุ่งชัชดาพร เวหะชาติและคณะ (2565) ศึกษาการบริหารจัดการหลักสูตรฐานสมรรถนะอาชีพสู่สถานประกอบการศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจ พอเพียง โรงเรียนพื้นที่เกาะ จังหวัดสตูล การเรียนรู้ของโรงเรียนในพื้นที่เกาะจังหวัดสตูล โดยใช้ การเรียนรู้แนว STEAM และนิเทศติดตามเชิงประจักษ์ เพื่อให้เห็นสภาพจริงของการเตรียมความพร้อม ในการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในเครือข่ายภาคใต้ตอนบน และเครือข่ายภาคใต้ตอนล่าง โดยมีนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล, นายพรชัย อินทร์ฉาย รองผู้อ านวยการ สสวท., นายภูริวรรษ ค าอ้ายกาวิน ผู้อ านวยการส านักบริหารงานความเป็นเลิศ ด้านวิทยาศาสตร์ศึกษา, ผู้บริหารส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา, ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียน เข้าร่วม ณ โรงเรียนบ้าน เกาะหลีเป๊ ะ อ าเภอเมืองฯ จังหวัดสตูล รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้มาเห็นมิติใหม่ในการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ของโรงเรียนพื้นที่ เกาะ จังหวัดสตูล น าเอาอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาเป็นเครื่องมือ สร้างการเรียนรู้ ในขณะเดียวกันก็ใช้ วิธีการแบบวิทยาศาสตร์ในการสกัด สร้าง และต่อยอดความรู้ทักษะ ไปถึงการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ท าให้ ได้เห็นผลลัพธ์การเรียนรู้ที่มหาวิทยาลัยทักษิณ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เป็นผู้จุดประกายการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วย STEAM Education* โดยมีส านักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล ด าเนินการนิเทศ ก ากับดูแลทั้งด้านการบริหารจัดก าร ด้าน คุณภาพของโรงเรียนพื้นที่เกาะทั้ง 11 แห่ง (บัลลังก์ โรหิตเสถียร, 2565)


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 137 ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีการในการจัดการศึกษานั้น ต้องอาศัยระยะเวลา ความต่อเนื่อง ความเข้าใจ หรือกระบวนทัศน์ ที่จะน าไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ ในปัจจุบันนี้สังคมโลก ของเราเผชิญกับสถานการณ์ที่ท าให้วิถีการเรียนรู้ไม่เหมือนเดิม ภาวะ Social Disruption ท าให้ครู ต้องปรับเปลี่ยนวิธีสอน นักเรียน ปรับตัวเพื่อเรียนรู้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องมีความยืดหยุ่นใน การบริหารจัดการ แต่ยึดโยงกับแก่นของคุณภาพ ซึ่งทุกวันนี้ห้องเรียนไม่ได้ถูกจ ากัดเฉพาะในห้อง สี่เหลี่ยม แต่ทุกที่เป็นแหล่งเรียนรู้ ผู้คนที่นอกเหนือจากคุณครูก็เป็นผู้ให้ความรู้ได้ แต่สิ่งส าคัญคือ ทักษะในการจะเข้าถึงความรู้ทักษะที่จะ “เรียนรู้” เป็นตัวแปรส าคัญที่จะช่วยให้การเรียนรู้วิถีใหม่ เกิดคุณภาพ เกิดความยั่งยืน และกิจกรรมในวันนี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนทัศน์ที่มุ่งจะ เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการศึกษาให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม การขับเคลื่อน และด าเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายดังกล่าวของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาคุณภาพวิทยาศาสตร์ศึกษา เพื่อสร้างก าลังคนคุณภาพที่มี สมรรถนะทางด้านวิทยาศาสตร์ทั่วไปและระดับสูง จึงมีความจ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาและ ยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีทั้งระบบ โดยพัฒนา หลักสูตร กิจกรรมการเรียนรู้ พัฒนาครู สนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือ และห้องปฏิบัติการให้กับ โรงเรียนในโครงการ เพื่อให้นักเรียนทุกพื้นที่ของประเทศไทย มีโอกาสการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่เน้นการปฏิบัติจริงเชื่อมโยงกับชีวิตประจ าวัน มีโอกาสใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ที่การทดลอง และห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย เหมาะสมกับกระบวนการเรียนรู้ ตามหลักสูตร วิทยาศาสตร์พลังสิบ ที่เน้น การพัฒนาทักษะ และเน้นการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ น าการเรียนโค้ดดิ้ง (Coding) ผสมผสานไปด้วย คือ Creative Thinking, Organization, D-Digital Literacy, Innovation, Newness และ Growth Mindset ให้มีทักษะที่จ าเป็นส าหรับก้าวสู่ ศรวรรษที่ 21 ได้แก่ ทักษะการอ่าน การเขียน การคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ มีเหตุมีผล มีตรรกะ แก้ปัญหาเป็นขั้นเป็นตอน การคิดเชิงคณิตศาสตร์และการกล้าตัดสินใจ โดยเริ่มจากการ เรียนแบบ Unplug Coding คือการเรียนโดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์ สามารถต่อยอดความคิดในการ พัฒนานวัตกรรมต่อไป นอกจากนั้น Coding ยังสามารถเรียนรู้ได้ทุกคน ทุกอาชีพ ทุกวัย (Coding for All, All for Coding) เป็นการพัฒนาการศึกษาให้ถึงตัวเด็กโดยตรง และลดความเหลื่อมล ้าได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งใช้ STI (Science Technology & Innovation) ในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ นวัตกรรมโดยใช้กระบวนการเรียนการสอน STI หรือสติ จะเป็นกลไกส าคัญในการขับเคลื่อนโลก ในอนาคต เป็นผู้มีจิตสาธารณะ และรู้จักการให้โดยเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเด็กไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 138 สามารถพัฒนาการศึกษาไทยให้ก้าวหน้าทัดเทียมกับนานาอารยประเทศได้ และขณะเดียวกันต้อง ปลูกฝังให้เด็กมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย เรียนรู้ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม คุณธรรม จริยธรรม และประวัติศาสตร์ ตลอดจนใช้วิธีการเรียนรู้เชิงรุก เพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้ ให้นักเรียนทุกคนสามารถพัฒนาตนเอง อย่างมีความสุข เกิดสมรรถนะที่ส าคัญในการใช้ความรู้เชื่อมโยง แก้ปัญหา พัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างคุณค่าให้กับตนเองและสังคมต่อไป ในโอกาสนี้ ขอชื่นชมคณะท างานทุกท่าน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องขอขอบคุณ ชุมชน ที่ให้การสนับสนุน เป็นก าลังส าคัญให้โรงเรียน การขับเคลื่อนการพัฒนางานในทุกมิติ โรงเรียนตั้งอยู่ในชุมชน เป็นของชุมชน ชุมชนก็เป็นวงล้อมของโรงเรียนที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน วันนี้ได้เห็นภาพความร่วมมือดังกล่าวแล้ว ต้องขอบคุณ ชื่นชม และขอให้ทุกภาคส่วนรักษาสัมพันธภาพ ที่ดีเช่นนี้ เพื่อเด็กๆ เพื่อลูกหลานชาวเลของเรา


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 139 ภาพที่ 17 STEAM EDUCATION มิติใหม่ในการจัดการศึกษา


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 140 ภาพที่ 18 ศูนย์การเรียนรู้โรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ ะ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 141 สรุปท้ายบท ศูนย์การเรียนรู้แหล่งเรียนรู้และศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ล้วนเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่สามารถ เรียนรู้ตามอัธยาศัย มุ่งเน้นผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองเป็นส าคัญอย่างมีอิสระ โดยอาศัย แหล่งข้อมูลข่าวสาร สารสนเทศ ประสบการณ์ และสื่อต่างๆ รอบตัว ที่สามารถน าความรู้ไปประยุกต์ใช้กับ การเรียนรู้ในห้องเรียนและชีวิตประจ าวันได้เป็นอย่างดีโดยมีศูนย์การเรียนรู้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง การจัดการเรียนรู้ปัจจุบันนิยมจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เสริมสร้างโอกาสในการ เรียนรู้ถ่ายทอด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของประชาชนในชุมชน เป็นจุดถ่ายทอดความรู้ไปยัง ผู้ที่สนใจภายนอกชุมชน และเป็นแหล่งบริการชุมชนในการจัดกิจกรรมต่างๆ กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ร่วมมือกับเครือข่ายขับเคลื่อนฯ หลายหน่วยงานพัฒนาเครื่องมือ และขั้นตอน วิธีการประเมิน ตลอดจนพัฒนา และแต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน “ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงด้านการศึกษา” เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 142 เอกสารอ้างอิง กระทรวงมหาดไทยกรมส่งเสริมองค์กรปกครองท้องถิ่น. (2553). คู่มือการจัดท าแผนพัฒนาของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น. กรุงเทพมหานคร. บัลลังก์ โรหิตเสถียร. (2565). นโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566. รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ และคณะ (2565) ศึกษาการบริหารจัดการหลักสูตรฐานสมรรถนะอาชีพสู่ สถานประกอบการศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนพื้นที่เกาะ จังหวัดสตูล. งบประมาณจากสถาบันส่งเสริมกการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2563). นโยบายส านักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 . [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 22กันยายน 2564, จาก https://www.obec.go.th. Fahriye Altınay, Gokmen Dagli and Zehra Altınay. (2017) . “Digital Transformation in School Management and Culture”, Virtual Learning. 37-48.


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 143 บทที่ 7 การบร ิ หารสถานศึ กษาโดยใช ้ เทคโนโลย ี ด ิ จ ิ ทลั เทคโนโลยีการศึกษามีบทบาทส าคัญในการปฏิรูป และพัฒนาการปรับโครงสร้างของ ประเทศไทย ให้ก้าวเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยวิธีการทางการศึกษา การปรับปรุง ประสิทธิภาพของการศึกษาให้สูงขึ้น เทคโนโลยีทางการศึกษาสิ่งส าคัญ คือ ต้องเร่งการพัฒนาและ เตรียมความพร้อมให้กับคนรุ่นใหม่ มีการเชื่อมโยงการขยายแนวคิดเกี่ยวกับการศึกษาให้กว้างขวาง ยิ่งขึ้น เนื่องจากการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ตาดูหูฟัง อุปกรณ์ในสมัยก่อนมักเน้นการใช้ประสาทสัมผัส ด้านการฟัง และการดูเป็นหลัก การใช้เทคโนโลยีเข้ากับการบริหารจัดการด้านการศึกษาที่มีความ จ าเป็นต้องใช้เทคโนโลยีการศึกษาในการปฏิรูป การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนการสอน การพัฒนา ทักษะในศตวรรษที่ 21 การพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา เป็นการศึกษาที่สอดคล้องกับพฤติกรรม ของผู้เรียนที่เปลี่ยนไป การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นเครื่องกระตุ้นการเรียนรู้ มุ่งเน้น ผู้เรียนให้มีความสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อให้ประเทศมีทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะพัฒนาด้าน นวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการรองรับการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นต่อไป การแสวงหาความคิดเชิงกลยุทธ์ ที่แปลกใหม่ ซึ่งถือเป็นการยุติและล้มล้างแนวทางปฏิบัติเก่าๆ ทั่วไป แล้วจึงเริ่มเปรียบเทียบหักล้าง ด้วยความคิดใหม่ให้แตกต่างโดยสิ้นเชิงการปฏิรูป หรือเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยี ฉะนั้น เด็กไทยควรได้รับการพัฒนาในด้านต่างๆ เพื่อดึงศักยภาพและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันระดับ นานาประเทศต่อไป การที่ประเทศไทยก าลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลภายใต้นโยบายรัฐบาล “ไทยแลนด์4.0” ท าให้ โครงสร้างเศรษฐกิจในปัจจุบันก าลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลง ในโลกธุรกิจ ตั้งแต่ระดับเล็กๆ ที่มีรูปแบบการค้าขายแบบดั้งเดิมไม่ซ ้าซ้อน เกิดการปฏิรูปหรือ เปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีและโมเดลธุรกิจแบบใหม่ จนส่งผลกระทบต่อกิจการ สินค้า และบริการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นการเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ จึงมีความจ าเป็นต้องมีความคิด ก้าวหน้า ทันสมัย และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นกิจการหรือธุรกิจเดิม ที่สืบทอดจากรุ่นพ่อแม่ หรือกิจการค้าขายที่เคยท ามานานกว่า 10-20 ปี คงไม่สามารถอยู่รอดต่อไปได้ การเปลี่ยนแปลงของ “โลกาภิวัตน์” และ “ยุคดิจิทัล” ท าให้เกิดกิจกรรมเศรษฐกิจใหม่ๆ การปฏิรูประบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยเพื่อก าหนดทิศทางเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 ในส่วน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 144 ของการสนับสนุนด้านการศึกษาที่ต้องมีการพัฒนาการศึกษา การปรับเปลี่ยนพัฒนาเพื่อให้ การศึกษาสามารถสร้างคนดีให้กับสังคม และเป็นพลังในการพัฒนาประเทศให้สามารถแข่งขันกับ นานาอารยประเทศ บนพื้นฐานของวัฒนธรรมและความเป็นไทย โดยการน าเอาเทคโนโลยี สารสนเทศเข้ามาประยุกต์ใช้และการเชื่อมโยงเทคโนโลยีการศึกษาและนวัตกรรม เนื่องจาก เทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง จึงท าให้การเรียนรู้ในปัจจุบัน จ าเป็นต้องสร้างพื้นฐานทักษะความรู้ และความเข้าใจในมิติใหม่ๆ ให้กับเด็กไทย โดยเฉพาะทักษะ แห่งศตวรรษที่ 21 ทั้งความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ การมีทักษะในการสื่อสารที่ดี การท างานร่วมกับผู้อื่น ตลอดจนการคิด การสร้างสรรค์ เพื่อท าให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมใน รูปแบบใหม่ๆ ส่งเสริมและก าหนดเป็นทิศทางรูปแบบการจัดการเรียนการสอน หรือกิจกรรมที่ใช้ ช่องทางการสื่อสารด้านเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่ต้องน านวัตกรรมในรูปแบบต่างๆ เข้ามามี บทบาทในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกช่วงวัย อาทิ การใช้เทคโนโลยีในการเรียน การสอน การใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสาร การใช้เทคโนโลยีด้านการแพทย์ การใช้เทคโนโลยี ในการประกอบธุรกิจ เป็นต้น การพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ของครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ควรค านึงความต้องการที่แท้จริงของครูและบุคลากรทางการศึกษา กลุ่มเป้าหมายตลอดจนความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การสร้างค่านิยมใหม่ในการ จัดการเรียนรู้โดยใช้เทคโนโลยีเป็นฐาน รวมทั้งความเหมาะสมทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และการ พัฒนาที่ยั่งยืน การพัฒนาการศึกษาที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนระบบการศึกษา ระดับประเทศ ในสังคมยุคดิจิทัลเพื่อยกระดับของโครงสร้างการปฏิรูปสังคมไทยให้เท่าเทียมกับ ประเทศที่ก าลังพัฒนาในอาเซียนและเป็นผู้น าทางด้านนวัตกรรมใหม่ๆ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดี ยิ่งขึ้น (Rothidsathan, 2016 : Online) 7.1 การบริหารการศึกษาในยคุดิจิทลั ความหมายของการบริหารการศึกษา ( Education Administration ) การบริหารการศึกษา แยกออกเป็น 2 ค า คือ การบริหาร ค าหนึ่ง และการศึกษา อีกค าหนึ่ง ความหมายของ “การบริหาร” มีผู้ให้ความหมายไว้หลากหลายทั้งคล้ายๆ กันและแตกต่างกัน ขอยกตัวอย่าง 6 ความหมาย ดังนี้ การบริหาร คือ ศิลปะของการท างานให้ส าเร็จโดยใช้บุคคลอื่น การบริหาร คือ การท างานของคณะบุคคล ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ที่ร่วมกันปฏิบัติการให้บรรลุ เป้าหมายร่วมกัน การบริหาร คือ การที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกันท างาน เพื่อจุดประสงค์อย่างเดียวกัน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 145 การบริหาร คือ กิจกรรมที่บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปร่วมกันด าเนินการ ให้บรรลุจุดประสงค์ ร่วมกัน การบริหาร คือ การใช้ศาสตร์และศิลปะน าทรัพยากรการบริหาร (Administrative resource) มาประกอบการตามกระบวนการบริหาร (Process of administration) ให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ ก าหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ การบริหาร คือ ศิลปะในการท าให้สิ่งต่างๆ ได้รับการกระท าจนเป็นผลส าเร็จ หมายความว่า ผู้บริหารไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ แต่ใช้ศิลปะท าให้ผู้ปฏิบัติงานท างานจนเป็นผลส าเร็จตรงตามจุดหมายของ องค์การ หรือตรงตามจุดหมายที่ผู้บริหารตัดสินใจเลือกแล้ว จากความหมายของ “การบริหาร” ทั้ง 6 ความหมายนี้ พอสรุปได้ว่า “การด าเนินงานของกลุ่ม บุคคลเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ที่วางไว้” ส่วนความหมายของ “การศึกษา” มีผู้ให้ความหมายไว้คล้ายๆ กัน ดังนี้ การศึกษา คือ การงอกงาม หรือการจัดประสบการณ์ให้เหมาะสมแก่ผู้เรียน เพื่อผู้เรียนจะได้ งอกงามขึ้นตามจุดประสงค์ การศึกษา คือ ความเจริญงอกงาม ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา การศึกษา คือ การสร้างเสริมประสบการณ์ให้ชีวิต การศึกษา คือ เครื่องมือที่ท าให้เกิดความเจริญงอกงามทุกทางในตัวบุคคล จากความหมายของ “การศึกษา” ข้างต้น พอสรุปได้ว่า “การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี” เมื่อน าความหมายของ “การบริหาร” มารวมกับความหมายของ “การศึกษา” ก็จะได้ความหมาย ของ “การบริหารการศึกษา” ว่า “การด าเนินงานของกลุ่มบุคคล เพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้ง ความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี” ซึ่งมีส่วนคล้ายกับความหมายของ “การบริหาร การศึกษา” ที่มีผู้ให้ไว้ ดังนี้ การบริหารการศึกษา คือ กิจกรรมต่างๆ ที่บุคคลหลายคนร่วมมือกันด าเนินการ เพื่อพัฒนา เด็ก เยาวชน ประชาชน หรือสมาชิกของสังคมในทุกๆ ด้าน เช่น ความสามารถ ทัศนคติ พฤติกรรม ค่านิยม หรือคุณธรรม ทั้งในด้านการสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ เพื่อให้บุคคลดังกล่าวเป็น สมาชิกที่ดี และมีประสิทธิภาพของสังคม โดยกระบวนการต่างๆทั้งที่เป็นระเบียบแบบแผน และไม่เป็น ระเบียบแบบแผน การบริหารการศึกษา คือ กิจกรรมต่างๆที่บุคคลหลายคนร่วมมือกันด าเนินการ เพื่อพัฒนา สมาชิกของสังคมในทุกๆด้าน นับตั้งแต่บุคลิกภาพ ความรู้ ความสามารถ พฤติกรรมและคุณธรรม


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 146 เพื่อให้มีค่านิยมตรงกันกับความต้องการของสังคม โดยกระบวนการต่างๆ ที่อาศัยการควบคุม สิ่งแวดล้อมให้มีต่อบุคคล เพื่อให้บุคคลพัฒนาตรงตามเป้าหมายของสังคมที่ตนด ารงชีวิตอยู่ ดังนั้นจึงสรุปความหมายของ “การบริหารการศึกษา” ได้ว่า “การด าเนินงานของกลุ่มบุคคล เพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี” จากสรุปความหมายของ “การบริหารการศึกษา” ข้างต้น อธิบายขยายความได้ว่า หมายถึง การด าเนินงานของกลุ่มบุคคล ซึ่งอาจเป็นการด าเนินงานของครูใหญ่ร่วมกับครูน้อยในโรงเรียน หรืออธิการบดีร่วมกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัย หรือรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับอธิบดีกรม ต่างๆ และครูอาจารย์ในสถาบันการศึกษาต่างๆ กลุ่มบุคคลเหล่านี้ต่างร่วมมือกันพัฒนาคนให้มี คุณภาพทั้งสิ้น การจะพัฒนาคนให้มีคุณภาพได้นั้น จะต้องมีการด าเนินการในการเรียนการสอน การจัด กิจกรรม การวัดผล การจัดอาคารสถานที่และพัสดุครุภัณฑ์ การสรรหาบุคคลมาด าเนินการหรือมาท าการ สอนในสถาบันการศึกษา การปกครองนักเรียนเพื่อให้นักเรียนเป็นคนดีมีวินัยและอื่นๆ ซึ่งการด าเนินงาน เหล่านี้เรียกว่า “ภารกิจทางการบริหารการศึกษา” หรือ “งานบริหารการศึกษา” ยุคดิจิทัล (Digital Era) คือ ยุคของอิเลคโทรนิคส์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่มีความรวดเร็ว ในการสื่อสารการส่งผ่านข้อมูลความรู้ต่างๆที่มีอยู่ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นข่าวสาร ภาพหรือวิดีโอที่ทุก คนสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วทุกที่และทุกเวลา (เอกชัย กี่สุขพันธ์, 2559) การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล หมายถึง การน าสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ และ นวัตกรรมต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการด าเนินกิจกรรมต่างๆ ของสถานศึกษา และอ านวยความ สะดวกในการบริหารสถานศึกษา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อย่างมี ประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 4 ด้าน ได้แก่ การบริหารงานวิชาการในยุคดิจิทัล การบริหารงาน งบประมาณในยุคดิจิทัล การบริหารงานบุคคลในยุคดิจิทัล และกาบริหารงานทั่วไปในยุคดิจิทัล (ภค พร เลิกนอก, 2563) 7.2 ยคุของโลกดิจิทลัและบทบาทของเทคโนโลยี Digital 1.0 เปิดโลกอินเตอร์เน็ต ยุคนี้เป็นยุคเริ่มต้นของ “Internet” เป็นช่วงเวลาที่กิจกรรม และการด าเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนจากออฟไลน์ (offline) มาเป็นออนไลน์(online) มากขึ้น เช่น การส่งจดหมายทางไปรษณีย์ก็เปลี่ยนมาเป็นการส่งอีเมล์E-mail และอีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การถือก าเนิดของเว็บไซต์Website ที่ท าให้เราเข้าถึงทุกอย่างได้ง่ายขึ้นและทั่วถึง การอัพเดต รวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบครั้งใหญ่และเป็นวงกว้าง


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 147 การด าเนินกิจกรรมสะดวกและรวดเร็วเริ่มมีกิจกรรมเชิงพาณิชย์และโฆษณาผ่านเครื่องมือออนไลน์เสมือน กับมีหน้าร้านที่ทุกคนบนโลกจะเห็นเราได้ง่ายขึ้น Digital 2.0 ยุคโซเชียลมีเดียต่อยอดจากยุค 1.0 เป็ นยุคที่ผู้บริโภคเริ่มสร้างเครือข่าย ติดต่อสื่อสารกันในโลกออนไลน์ เครือข่ายสังคม Social Network เริ่มจากการคุยหรือแชทกับเพื่อน สมาคม กลุ่มเล็กๆ ของผู้คนที่ต้องการความสะดวกสบายในการติดต่อสื่อสาร จุดเล็กๆ นี้เริ่มพัฒนา และขยายวงกว้างไปสู่การด าเนินกิจกรรมในเชิงธุรกิจ โดยนักธุรกิจส่วนใหญ่มองว่า Social Media เป็น เครื่องมือเชื่อมต่อ และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้แก่พวกเขาได้เป็นอย่างดีด้วยการคลิกเพียงครั้ง เดียว อีกทั้งยังช่วยในการพัฒนา Brand วัดผลการด าเนินงานของธุรกิจ ส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ เสมือนว่า Social Media เป็นกระบอกเสียงและเวทีเสนองานแก่นักธุรกิจสู่สายตาชาวโลกเป็นอย่างดี เครื่องมือโซเชียลยังสามารถเป็นอ านาจในการต่อรองของผู้บริโภคที่ก าลังตัดสินใจเลือกสินค้า และ บริการเนื่องจากมีตัวเลือก และร้านค้าให้เห็นมากขึ้นอีกด้วย Digital 3.0 ยุคแห่งข้อมูลและ Big Data ยุคแห่งการใช้ข้อมูลที่วิ่งเข้าออกเป็นล้านๆ ข้อมูล ให้เป็นประโยชน์ การเติบโตของโซเชียลมีเดีย และ E-Commerce จากยุค 2.0 ท าให้เกิดการขยาย ของข้อมูลอย่างมหาศาลทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น สื่อSocial Webrowser หรือแม้แต่ธุรกิจอย่าง ธนาคาร Logistic ประกันภัย Retell ต่างมีข้อมูล เข้าออกเป็นจ านวนมากในแต่ละวัน และเริ่มมีการ น าข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ดังค ากล่าวที่ว่า “ใครมีข้อมูลมาก ก็มีอ านาจมาก” ข้อมูลถูก น ามาประมวลผลจับสาระวิเคราะห์ถึงความต้องการของผู้บริโภคเพื่อสร้างสินค้า และบริการที่ สามารถตอบสนองโจทย์ของลูกค้าได้ทุกองค์กรต่างเห็นความส าคัญของการน า Big Data มาใช้ให้ เกิดประโยชน์สูงสุด แต่การน า Big Data มาตอบสนองอย่างเรียลไทม์นั้น จ าเป็ นต้องมีระบบ คลาวด์(Cloud Computing) มาช่วยอ านวยความสะดวก จัดเก็บข้อมูล เลือกทรัพยากรตามการใช้ งาน และท าให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลบนคลาวด์จากที่ใดก็ได้ ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบข้อมูล ต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต สามารถจัดการ บริหารข้อมูล และแบ่งปันข้อมูลกับผู้อื่น (Shared Services) ลด ต้นทุน และลดความยุ่งยากเพื่อโฟกัสกับงานหลักเพิ่มความเร็วในการบริการและการท าธุรกิจได้มาก ขึ้น Big Data สามารถน ามาต่อยอดโดยการคิดค้น เฟ้ นหา และประยุกต์ใช้ข้อมูลนั้นพัฒนาเป็น Application ที่ให้ความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภคผ่านทาง Smart Flone และ Tablet อีกด้วย Digital 4.0 เมื่อเทคในโลยีมีมันสมองมาถึงยุคที่ความฉลาดของเทคโนโลยีจะท าให้อุปกรณ์ ต่างๆ สื่อสารและท างานกันเองได้อย่างอัตโนมัติ เทคโนโลยีในสามยุคแรกที่กล่าวไปเปรียบเสมือน เป็นแขน ขา ให้แก่มนุษย์ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือ อ านวยความสะดวก หยิบจับ ค านวณ ประมวล ผมให้มนุษย์ มีแขน ขา แต่ไม่มีสมองเป็นของตัวเอง ในยุค 4.0 เทคโนโลยีถูกน ามาพัฒนาต่อยอดเพื่อ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 148 ลดบทบาทของมนุษย์และเพิ่มศักยภาพของมนุษย์ในการใช้ความคิดเพื่อข้ามขีดจ ากัด สร้างสรรค์ พัฒนาสิ่งใหม่ๆ โดยจะใช้ชื่อยุคนี้ว่าเป็นยุค Machine-to-Machine เช่น เราสามารถเปิด-ปิด หรือสั่งงาน อื่นๆกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านตัวเอง ผ่านแอพลิเคชั่นโดยไม่ต้องเดินไปกดสวิตช์ หรือตัวอย่างที่ถูก น ามาใช้งานจริงแล้วอย่างการพูดค าว่า “แคปเจอร์” กับแอพถ่ายภาพในสมาร์ทโฟน โทรศัพท์ก็จะ ถ่ายรูปให้อัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องกดถ่ายด้วยซ ้า หรือแม้แต่เทคโนโลยีซิมูเลชั่น Simulation จ าลอง สถานการณ์เพื่อฝึกอบรมพนักงาน วางแผนสถานการณ์โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปถึงสถานที่จริง หรือ เป็นสื่อการเรียนรู้แบบ Interactive เป็นต้น 1. คณุลกัษณะยคุดิจิทลั(Characteristics of Digital Era) พัฒนาการจากยุคอุตสาหกรรมมาสู่ยุคดิจิทัล ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกัน อย่างเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะในปัจจุบันนี้นับได้ว่าเป็นยุคของข้อมูลข่าวสาร และอินเตอร์เน็ต ซึ่ง ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนี่เองที่ท าให้ครู อาจารย์และนักเรียนของสถานศึกษาสามารถเข้าถึง แหล่งข้อมูลความรู้ได้โดยไม่มีข้อจ ากัดในเรื่องเวลาหรือแม้แต่สถานที่ คุณลักษณะยุคดิจิทัลที่ส าคัญ มี 3 ประการคือ 1. ความรวดเร็วในการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บ หรือการเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสาร ความรู้ต่างๆ ของผู้ใช้ 2. การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ไม่มีขอบเขตหรือข้อจ ากัดในเรื่องเวลาหรือสถานที่ ท าให้สามารถ เข้าถึง รับรู้ และ เรียนรู้ได้ทุกที่ และทุกเวลา 3. การใช้เทคโนโลยีมาบูรณาการเชื่อมโยงเครือข่ายต่างๆให้ทุกคนสามารถจัดเก็บ ใช้พัฒนา ความรู้เผยแพร่และแบ่งปันความรู้ได้อย่างทั่วถึง คุณลักษณะส าคัญของยุคดิจิทัลข้างต้นนี้จึงมีผลต่อการบริหารจัดการสถานศึกษาของ ผู้บริหารเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของระบบสารสนเทศ (Information System) เพื่อการบริหาร และการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ของสถานศึกษา ซึ่งมีความ จ าเป็นและมีความส าคัญต่อประสิทธิภาพและประสิทฺธิผลของการบริหารสถานศึกษา ทัศนคติต่อ เทคโนโลยีและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีในปัจจุบันของผู้บริหารสถานศึกษาที่ถูกต้องย่อมมี ผลท าให้การลงทุน และการใช้เทคโนโลยีต่างๆของสถานศึกษาเป็นไปอย่างเหมาะสม เกิดความ คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารงานของสถานศึกษา 2. บทบาทของเทคโนโลยีการศึกษา บทบาทของเทคโนโลยีการศึกษาในการเรียนการสอนมีอยู่ 4 บทบาท ดังนี้ 1. บทบาทด้านการจัดการ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 149 2. บทบาทด้านการพัฒนา 3. บทบาทด้านทรัพยากร 4. บทบาทด้านผู้เรียน แนวโน้มของเทคโนโลยีทางการศึกษา คือ การจัดระเบียบ (Organizing) และการบูรณาการ (Integrating) องค์ประกอบต่างๆทั้งหลาย ที่จะเอื้ออ านวยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล หรือกล่าวได้ว่าเป็นการเอื้ออ านวยต่อการเรียนรู้ องค์ประกอบต่างๆ ทั้งหลายนั้น ประกอบด้วย 1. การจัดการทางการศึกษา (Educational Management Functions) เป็นหน้าที่ที่มีจุดมุ่งหมาย เพื่อควบคุมหรือก ากับการพัฒนาการศึกษา/การสอน หรือการจัดการทางการศึกษา/การสอน (การวิจัย การออกแบบ การผลิต การประเมนผล การให้ความช่วยเหลือการใช้) เพื่อเป็นหลักประกันประสิทธิผล การปฏิบัติงาน ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประการใหญ่ๆ คือ 1.1 การจัดการหรือบริหารด้านหน่วยงานหรือองค์การ (Organization Management) เพื่อให้ ด าเนินงานตามวิธีระบบและบรรลุวัตถุประสงค์จะเกี่ยวข้องกับงานส าคัญๆ ดังนี้คือ 1.1.1 การก าหนดจุดมุ่งหมายและนโยบาย เกี่ยวกับบทบาท วัตถุประสงค์ การเรียนการ สอน ผู้เรียน ทรัพยากรการเรียน ฯลฯ จะต้องให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกัน 1.1.2 การให้การสนับสนุน จะต้องมีการวางแผน การจัดหาข้อมูล ตลอดจน สิ่งอ านวย ความสะดวกในการพิจารณาและตัดสินใจ และการวางแผนปฏิบัติงานและการประเมินผลงานที่ดี 1.1.3 การจัดบริการที่มีประสิทธิภาพ 1.1.4 การสร้างความประสานสัมพันธ์ ให้มีการร่วมมือในการปฏิบัติงานของทุกฝ่ าย ตลอดจนวิธีการเผยแพร่ข่าวสาร และการติดต่อสื่อสารเพื่อให้การปฏิบัติงานด าเนินไปด้วยความ เรียบร้อยและส าเร็จตามวัตถุประสงค์ 1.2 การจัดหรือบริหารงานด้านบุคคล (Personal Management) เป็นการจัดการทางด้าน การจัดบุคลากรให้เหมาะสมตามหน้าที่การงาน และความสามารถเฉพาะงาน เพื่อให้การด าเนินงาน มีประสิทธิภาพ อันได้แก่การคัดเลือกบุคคลเข้าท างานทั้งการบรรจุใหม่ หรือการว่าจ้าง การฝึกอบรม หรือพัฒนาก าลังคน การนิเทศงาน การบ ารุงขวัญการท างาน สวัสดิการ และการประเมินผลการ ประกอบกิจการของบุคลากร 2. การพัฒนาทางการศึกษา (Educational Development) เป็นหน้าที่ที่มีจุดมุ่งหมาย เพื่อการวิเคราะห์ปัญหา การคิดค้น การปรับใช้ และการประเมินผล ข้อแก้ไขปัญหาทรัพยาการเรียน ด้วยการวิจัย (Researci-tneory) การออกแบบ (Desing) การผลิต (Production) การประเมินผล


Click to View FlipBook Version