The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1.1.1หนังสือ กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริห

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kobfad, 2023-02-22 23:16:59

1.1.1หนังสือ กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริห

1.1.1หนังสือ กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริห

กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 150 (Evaluation) การใช้ (Utilizsiton) ทั้งหมดนี้ ต่างก็มีวิธีการด าเนินการที่มีส่วนสัมพันธ์กับทรัพยากร การเรียน เช่น ในด้านการวิจัยนั้น เราก็วิจัยทรัพยากรการเรียนนั่นเอง ซึ่งก็ได้แก่การวิจัยข่าวสาร ข้อมูล บุคลากร วัสดุ เครื่องมือ เทคนิค และอาคารสถานที่ เป็นต้น นอกจากนี้เนื่องจากว่าเทคโนโลยี การศึกษามีส่วนในการพัฒนาและเอื้ออ านวยต่อกระบวนการสอนต่างๆ ในระบบการสอนจึงจะต้องมี กิจกรรมที่สัมพันธ์กับการพัฒนาระบบการสอนและระบบการศึกษาด้วย 3. ทรัพยากรการเรียน (Learning Resources) ทรัพยากรการเรียน ได้แก่ ทรัพยากร ทุกชนิด ซึ่งผู้เรียนสามารถใช้แบบเชิงเดี่ยว หรือแบบผสม แบบไม่เป็นทางการ เพื่อเอื้ออ านวยต่อ การเรียนรู้ ทรัพยากรการเรียนรู้ ได้แก่ข้อสนเทศ/ข่าวสาร บุคคล วัสดุ เครื่องมือ เทคนิค และอาคาร สถานที่ 4. ผู้เรียน (Learner) จุดหมายปลายทางรวมของเทคโนโลยีการศึกษาอยู่ที่ผู้เรียนและความ ต้องการของผู้เรียน จึงเป็นสิ่งจ าเป็นที่จะต้องเข้าใจลักษณะของผู้เรียน ซึ่งแตกต่างไปตามลักษณะ ความแตกต่างระหว่างบุคคลของแต่ละคน อันจะท าให้เราสามารถที่จะออกแบบระบบการเรียนการ สอนตลอดจน สื่อการเรียนการสอน สนองวัตถุประสงค์การเรียนการสอน หรือสนองวัตถุประสงค์ ผู้เรียน ได้ให้บรรลุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีสิ่งที่จะต้องเข้าใจในตัวผู้เรียน หลายประการ เช่น อายุ เพศ ระดับไอคิว ประสบการณ์เดิมในด้านความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติ ระดับความสามารถในการอ่าน คะแนน การทดสอบสุขภาพทางด้านการฟัง การพูดมีความบกพร่อง ทางด้านกายภาพอื่นๆ บ้างหรือไม่ สุขภาพจิต สุขภาพทางร่างกายโดยทั่วไป ความสนใจพิเศษ งาน อดิเรก ความคล่องแคล่วในภาษา ข้อมูลเกี่ยวกับสังคม ความสัมพันธ์ของผู้เรียน สภาพทางครอบครัว อยู่ในชนบทหรือเมือง ความเจริญก้าวหน้าของการเรียนในวิชาต่างๆ แบบวิธีการเรียน เรียนเร็วช้า ความตั้งใจ เป็นแบบเป็นแผนหรือแบบยืดหยุ่น แบบแนะแนว หรือแบบเรียนได้ด้วยตนเอง ลักษณะ งานและการประกอบกิจที่เหมาะสม ความสนใจในวิชาชีพ ทักษะการอ่านภาพ และการฟังความ ฯลฯ เป็นต้น 7.3 เทคโนโลยีดิจิทลักบัการบริหารสถานศึกษา เทคโนโลยีดิจิทัลมีผลกระทบต่อการบริหารงานของสถานศึกษาในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การบริหารงานวิชาการ การจัดการเรียนการสอน การบริหารทรัพยากรบุคคล การบริหารอาคาร สถานที่และสภาพแวดล้อม การบริหารกิจการนักเรียน และการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน ซึ่งงาน ของสถานศึกษาในทุกด้านจะต้องมีระบบจัดการฐานข้อมูลของสถานศึกษา เพื่อการตัดสินใจในการ บริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษา จึงมีความจ าเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 151 การสื่อสาร ICT (Information and Communication Technology) มาใช้การเพื่อสร้างระบบ ฐานข้อมูลเพื่อการบริหาร และการจัดการความรู้ในงานด้านต่างๆ ของสถานศึกษา เทคโนโลยีในปัจจุบันที่ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องรู้จักน ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการ บริหารจัดการสถานศึกษาได้แก่ 1. Cloud Computing เป็ นเสมือนมีบริการ Server บน Internet ซึ่งสถานศึกษาไม่ จ าเป็นต้องวางระบบ Server ของตนเองในสถานศึกษา ซึ่งเป็นการประหยัดงบประมาณของ สถานศึกษาในการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูล (Storage) การใช้ Software และการลงทุนด้าน Hardware รวมทั้งการลงทุนด้านบุคลากรผู้ดูแลระบบ เนื่องจากผู้ ให้บริการ Cloud จะเป็นผู้รับผิดชอบเอง เอกชนที่ให้บริการ Cloud เช่น Amazon Web Services (AWS), Microsoft Azure, IBM/SoftLayer and Google Compute Engine. ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ Cloud ขึ้นกับ Applications หรือ Software ที่จะใช้ขนาดความจุที่ต้องการในการเก็บข้อมูล (Storage) และการเชื่อมต่อ (Connectivity) 2. Mobility Devices ได้แก่อุปกรณ์พกพาที่สามารถใช้งานได้ทุกสถานที่ ทั้งโทรศัพท์มือถือ Smart Phones, Tablet PC และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีความสามารถเข้าถึงอย่างอิสระเพื่อ การใช้งานแบบเคลื่อนที่ได้ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มี Applications ที่ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ว่าจะเป็นครู อาจารย์ บุคลากรสถานศึกษา หรือแม้แต่นักเรียน ก็สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลความรู้ต่างๆ ทั้ง ภายในและภายนอกสถานศึกษา จากสถิติผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในปี ค.ศ. 1990 มีเพียง 0.2 % ของ ประชากร แต่ในปี ค.ศ. 2015 เพิ่มขึ้นถึง 50% ของประชากร ในขณะที่อดีตใช้ได้พียงการโทรศัพท์ เพียงอย่างเดียว (Singlepurpose) แต่ปัจจุบันนี้เป็นแบบ Multipurpose 3. Social Network ในยุคที่สื่อสังคมออนไลน์มีอิทธิพลต่อทัศนคติ พฤติกรรมและความเชื่อ ของคนในสังคมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น LINE, Facebook, Twitter, WeChat หรือ Instagram ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษาต้องสามารถที่จะเลือกใช้สื่อสังคมออนไลน์เหล่านั้นอย่างถูกต้องเหมาะสมกับ ลักษณะงานการบริหารของสถานศึกษา เช่น ใช้กลุ่ม LINE เพื่อการสื่อสารที่รวดเร็วทั่วถึง เฉพาะ กลุ่มในการสื่อสารข้อมูลความรู้ความเข้าใจในการท างานที่ไม่เป็นทางการ แต่ไม่ควรใช้ในการสั่งงาน หรือการบริหารที่เป็นทางการ ปัจจุบันนี้สื่อสังคมออนไลน์สามารถใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุน การบริหารงาน หรือท าลายบรรยากาศการบริหารงานของสถานศึกษาได้เช่นกัน 4. Internet of Things (IoT) ปั จจุบันและในอนาคตอันใกล้นี้ การใช้อุ ปกรณ์ ต่ างๆ ในชีวิตประจ าวัน จะใช้การเชื่อมต่อผ่าน Internet เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ ส านักงาน ในบ้าน Smart Phones, Tablet PC หรือ แม้กระทั่งนาฬิกาของใช้ส่วนบุคคล IoT นี้จะ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 152 สามารถน ามาใช้ในการสร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอน การจัดโครงสร้างและระบบการบริหาร ให้เป็น Smart Office ได้ หรือแม้แต่การน าแนวคิด Work at Home มาใช้ในอนาคต จากที่กล่าวมาแล้วจะเห็นได้ว่าการบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัลนี้ ถ้ารู้จักน าดิจิทัล เทคโนโลยี มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น การจัดการเรียนการสอน ครูต้องไม่ใช้ Power Point หรือโปรแกรมน าเสนองานอื่นๆ แทนกระดานด าเท่านั้น แต่ครูต้องสามารถเชื่อมโยงข้อมูล ความรู้จากโลกภายนอกสู่ห้องเรียนโดยผ่าน Internet ก็จะท าให้นักเรียนสนุกกับการเรียนรู้มากขึ้น ครูสามารถเล่นบทบาท เป็นผู้อ านวยการเรียนรู้ได้ดี นักเรียนสามารถเรียนรู้แบบสืบสอบ (Inquiry Learning) หรือเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative Learning) ในห้องเรียน หรือนอกห้องเรียนได้ อย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ ครูอาจารย์ยังสามารถสร้างบรรยากาศชั้นเรียนให้เป็นแบบชั้นเรียน ดิจิทัล(Digital Classroom) ได้อีกด้วย ดังนั้นเทคโนโลยีไม่สามารถมาสอนแทนครูได้ แต่ครูที่ไม่ใช้ เทคโนโลยีจะต้องถูกแทนที่โดยครูที่มีความสามารถใช้เทคโนโลยี ในการบริหารด้านอื่นไม่ว่าจะเป็ นการบริหางานบุคคล การบริหารกิจการนักเรียน การบริหารงบประมาณการเงิน งานธุรการ งานอาคารสถานที่และสภาพแวดล้อม ตลอดจนงาน ความสัมพันธ์กับชุมชน สถานศึกษาจะต้องสร้างระบบฐานข้อมูลเพื่อการบริหารต้องน าเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์และเครือข่ายมาใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษาอย่างเหมาะสมกับยุคสมัย อย่างคุ้มค่า 1. ผู้บริหารสถานศึกษายคุดิจิทลั คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล มีผลต่อการใช้ภาวะผู้น าเทคโนโลยีการ สื่อสาร และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (ICT Leadership) ของผู้บริหารสถานศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะภาวะผู้น าด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (ICT) หมายถึง ความสามารถของผู้บริหารในการเรียนรู้ เข้าใจ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (ICT) สามารถน ามาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อ สถานศึกษา (จิณณวัตร ปะโคทัง. 2561) การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล มีหลักการส าคัญ ประการหนึ่งในการพัฒนาระบบบริหารจัดการสถานศึกษา เพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ เทคโนโลยีและการสื่อสาร ส่งเสริมให้ครู ผู้เรียน ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสาร สื่อการเรียนรู้และบริการของสถานศึกษา โดยมีการวางแผนและด าเนินการพัฒนา ระบบเทคโนโลยีดิจิทัลให้พร้อมไปสู่การด าเนิน คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษาสถานศึกษา ยุคดิจิทัล (เอกชัย กี่สุขพันธ์. 2559) มีดังนี้


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 153 1. ก าหนดวิสัยทัศน์ด้าน ICT ของสถานศึกษาให้ชัดเจนว่าต้องการไปในทิศทางใด และจะ น ามาใช้กับการบริหารสถานศึกษาในเรื่องใดบ้าง 2. การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ Hardware, Software, Network และเครือข่ายไร้สายต่างๆ ของสถานศึกษาให้ครู อาจารย์ บุคลากร และนักเรียนทุกคนสามารถใช้และเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว สะดวกต่อการใช้งาน พร้อมทั้งจัดสรร ทรัพยากรต่างๆ เพื่อสนับสนุนอย่างเพียงพอ 3. การสร้างวัฒนธรรมการท างานและบรรยากาศสถานศึกษาให้มีการใช้ ICT อย่าง แพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรียนการสอนของครู การบริหารงานสถานศึกษาในด้านต่างๆ ตลอดจนการให้นักเรียนสามารถใช้และเข้าถึงแหล่งข้อมูลความรู้ต่างๆ ผ่าน Internet ได้ตลอดเวลา 4. การฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรทุกคนของสถานศึกษาให้มีความรู้ความสามารถด้าน ICT อย่างต่อเนื่องสม ่าเสมอ 5. ผู้บริหารสถานศึกษาต้องท าตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีสามารถใช้ ICT ในการปฏิบัติงานได้ อย่างเหมาะสม 6. ส่งเสริมสนับสนุนสร้างแรงจูงใจครูอาจารย์บุคลากรทุกคนของสถานศึกษาให้น าความรู้ ความสามารถด้าน ICT และเทคโนโลยีต่างๆ ที่สถานศึกษาจัดให้มาสร้างนวัตกรรมใหม่ๆในการ จัดการเรียนการสอนหรือการปฏิบัติงาน 7. จัดให้มีระบบการก ากับติดตามและการให้ค าปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ ICT ของสถานศึกษา ทั้งครูอาจารย์ บุคลากรทุกคน และนักเรียนว่าสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตาม นโยบายอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ สรุปได้ว่า ผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัลนี้ ผู้บริหาร จ าเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสารและเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ สามารถที่จะเลือกใช้กับการบริหารสถานศึกษาให้ได้อย่างเหมาะสม คุ้มค่าและเพียงพอต่อการใช้ งาน โดยเฉพาะผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล ของสถานศึกษาทุกสังกัด เนื่องจากปัจจุบัน เป็นยุค พลิกผันที่เป็นผลกระทบมาจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ท าให้การจัดการศึกษามีความ จ าเป็นที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยน น าเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาการศึกษาของชาติ ผู้บริหาร สถานศึกษาจะต้องแสดงศักยภาพทางด้านการบริหารและจัดสภาพแวดล้อมต่างๆ ของสถานศึกษา ให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งนอกจากจะมีผล ต่อภาพลักษณ์ของสถานศึกษาในชุมชนแล้วยังจะท าให้สถานศึกษาเป็นที่ไว้วางใจของชุมชนในการ จัดการศึกษาที่มีคุณภาพได้อย่างยั่งยืน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 154 2. เป้าหมายการบริหารสถานศึกษาในยคุดิจิทลั ผู้บริหารสถานศึกษาต้องวางเป้าหมายการบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัลโดยใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ดังนี้ 1. ผู้บริหารสถานศึกษาต้องพัฒนาตนเองให้มีวิสัยทัศน์ ตระหนัก เห็นความส าคัญ และใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารในการยกระดับการบริหารจัดการสถานศึกษา และการเรียนรู้ ของผู้เรียน รวมทั้งเป็นผู้น าในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารในการจัดการเรียนรู้ในมิติ ต่างๆ 2. ผู้บริหารสถานศึกษาต้องส่งเสริมพัฒนาครู ให้มีวิสัยทัศน์ ตระหนัก เห็นความส าคัญ และ มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนรู้ และส่งเสริมให้ผู้เรียนใฝ่เรียนรู้มีทักษะการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 3. ผู้บริหารสถานศึกษาควรเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันการบริหารจัดการการศึกษา และยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา 4. ผู้บริหารสถานศึกษาควรส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยเทคนิควิธีการที่ทันสมัยโดยใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5. ผู้บริหารสถานศึกษาควรสร้างโอกาสทางสังคม สร้างความเท่าเทียมกันทางสังคม และ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชน ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ยกระดับ คุณภาพการศึกษา และคุณภาพชีวิตของผู้เรียน 3. แนวทางการบริหารสถานศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทลั การบริหารสถานศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นการด าเนินการต่างๆ ตามภารกิจของ สถานศึกษา ทั้งด้านวิชาการ งบประมาณ บริหารงานบุคคล และบริหารทั่วไปโดยใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสาร เพื่อให้การจัดการศึกษามีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทั้งในเรื่องการ จัดการเรียนรู้และการบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ ยกระดับคุณภาพ การศึกษาในศตวรรษที่ 21 โดยยึดหลักธรรมาภิบาลในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนที่หลายประการ ประการส าคัญที่เกี่ยวข้อง โดยตรง ได้แก่ การจัดการความรู้เพื่อส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล ทั้งนี้ต้องเกิดการ รับรู้และร่วมมือด าเนินการ กระบวนการในการบริหารสถานศึกษาสร้างความพึงพอใจในการ ปฏิบัติงานท าให้เกิดความร่วมมือ และความรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ของผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้เรียน ผู้ปกครอง และองค์การที่เกี่ยวข้อง


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 155 การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล นอกจากต้องด าเนินตามหลักการดังกล่าวนี้แล้ว ต้องมี การบริหารการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา การบริหารเทคโนโลยีส าหรับสถานศึกษา และการนิเทศ ก ากับ ติดตาม ประเมินผล และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีไปพร้อมกัน มีแนวทางโดยสังเขปดังนี้ 7.4 การบริหารการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา การบริหารการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา ในการน าเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในสถานศึกษา มีประเด็นส าคัญดังนี้ 1. การก าหนดนโยบายและการส่งเสริมสนับสนุนผู้บริหารสถานศึกษา ก าหนดนโยบายและ ส่งเสริมสนับสนุนงบประมาณส าหรับสถานศึกษา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารส าหรับ การบริหารจัดการให้ครอบคลุมภารกิจของสถานศึกษา ทั้งในด้านวิชาการ งบประมาณ บริหารงาน บุคคล และบริหารทั่วไป 2. การเสริมสร้างพัฒนาภาวะผู้น า หน่วยงานต้นสังกัดของผู้บริหารสถานศึกษามีการ ส่งเสริมพัฒนาภาวะผู้น าทางเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา ครู และผู้ปกครอง เพื่อน าไปสู่การ ส่งเสริมพัฒนาผู้เรียนในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ยุคดิจิทัล 3. การสร้างวัฒนธรรมสถานศึกษาที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารสถานศึกษาสร้าง บรรยากาศ สิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปสู่การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการ สื่อสารส าหรับการบริหารจัดการและการเรียนรู้ ทั้งนี้การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นการท างานร่วมกันของผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาที่ ต้องการเวลาในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนในสถานศึกษาให้มีความเห็นและท างานร่วมกันสู่ เป้าหมายเดียวกัน 4. การส่งเสริมให้ครูและบุลากรทางการศึกษาสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เป็น การพัฒนาที่เชื่อมโยงความรู้กับการท างานตามภารกิจของครูและบุคลาการทางการศึกษาให้ สอดคล้องกับบริบทสภาพปัญหา และความต้องการของครูและบุคลาการทางการศึกษา เป็นการ เรียนรู้แบบทีม ก่อให้เกิดพลังในการเปลี่ยนแปลง เช่น การประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การอบรม การ สัมมนา การศึกษาดูงาน เป็นต้น เป็นการแบ่งปันความเชื่อและความเข้าใจ เสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วม การพึ่งพาอาศัย ซึ่งกันและกัน การมีท่าทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน การตระหนัก ถึงมุมมองแต่ละคนและกลุ่มที่เห็นต่าง การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนอย่างมีความหมาย ซึ่ง สามารถน าเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการเรียนรู้และการแบ่งปันข้อมูล 5. การจัดการความรู้ในสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา บริหารการเปลี่ยนแปลงทาง การศึกษาในสถานศึกษา โดยกระตุ้นส่งเสริมสนับสนุนให้มีการจัดการความรู้ในสถานศึกษา


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 156 เพื่อเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ สามารถน าองค์กรสู่การเป็นผู้น าโดยพัฒนาความรู้ สร้างนวัตกรรม ในการปฏิบัติงาน พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น การจัดการความรู้นี้มีความส าคัญ ในการสร้างความรู้สึกร่วมของคนในสถานศึกษา สร้างความภาคภูมิใจในการท างาน และกระตุ้นให้ คนท างานเต็มตามศักยภาพ 6. การท างานอย่างเป็นเครือข่าย การบริหารการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาในสถานศึกษา ยุคดิจิทัล จ าเป็นต้องสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และท างานร่วมกัน เพื่อผลักดันการจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการท างานร่วมกับองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ปกครอง สถานประกอบการ เป็นต้น เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้เรียนในการเข้าสู่การท างาน และการศึกษาต่อ กล่าวได้ว่าประเด็นส าคัญในการบริหารการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา ได้แก่ การสร้างวัฒนธรรม สถานศึกษาที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงการจัดการความรู้ในสถานศึกษายุคดิจิทัล และการท างาน อย่างเป็นเครือข่าย 7.5 แนวทางการบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทลัเพื่อให้เกิดประโยชน ์ ต่อ สถานศึกษาและผู้เรียน การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัลมีแนวทางเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสถานศึกษาและ ผู้เรียน ภคพร เลิกนอก (2563) ดังนี้ 1. ด้านการบริหารงานวิชาการในยุคดิจิทัล มีการน าสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม มาประยุกต์ใช้ในการจัดท าหลักสูตรสถานศึกษา การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา พัฒนา กระบวนการจัดการเรียนรู้ การเรียนการสอนให้ทันสมัยเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียนและ สถานศึกษา 2. ด้านการบริหารงานงบประมาณในยุคดิจิทัล มีการจัดท าระบบข้อมูลสารสนเทศออนไลน์ ทั้งทางด้านบัญชี การเงินและพัสดุให้เป็นปัจจุบัน เพื่อให้สามารถตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลได้ น ามาซึ่งความโป่รงใสในการปฏิบัติราชการ สนับสนุนงบประมาณในการจัดการให้มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น และสนับสนุนงบประมาณให้เพียงพอต่อความต้องการในการพัฒนาสถานศึกษาและ ผู้เรียน 3. ด้านการบริหารงานบุคคลในยุคดิจิทัล มีการสร้างฐานข้อมูลสาสรสนเทศออนไลน์เพื่อใช้ ในการบรรจุแต่งตั้งและสรรหาบุคคลลากรอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ สามารถตรวจสอบได้ รวมไปถึงพัฒนาการพัฒนาและส่งบุคคลกรมีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีสาสนเทศ เพื่อให้ การปฏิบัติงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 157 4. ด้านการบริหารงานทั่วไปในยุคดิจิทัล มีการน าเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการด าเนินงาน ธุรการในทุกๆ ด้าน และมีการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการประชาสัมพันธ์งานเกี่ยวกับการศึกษา เพื่อให้ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน เข้าถึงได้ง่าย และมีความหลากหลายน่าสนใจ สรุปได้ว่า แนวทางการบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัลเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสถานศึกษา และผู้เรียน การบริหารงาน 4 ฝ่าย จะต้องมีการน าเทคโนโลยีมีช่วยในการบริหารงาน โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในปัจจุบัน ดิจิทัล เข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตของการท างานมากขึ้น การบริหารสถานศึกษา มีความส าคัญในการน าแอพพิเคชั่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อความสะดวกรวดเร็ว และป้องกันความ ผิดพลาดได้มากขึ้นอีกด้วย 1. การน าไปส่กูารจดัการศึกษาในยคุดิจิทลั 1. การเปลี่ยนรูปแบบของการศึกษา (Educational Transformation) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรให้ความส าคัญต่อยุคแห่งการเรียนรู้ทั้งในอดีตปัจจุบันและอนาคต ควรมีการขับเคลื่อนการ เรียนรู้ให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียว โรงเรียนไม่ควรอยู่ในระบบปิดแต่ ควรเปิดตัวเอง หรือขยายตัวออกมาโดยสร้างความสัมพันธ์กับสังคมและองค์กรต่างๆ ภายนอก ในรูปแบบความร่วมมือใหม่ๆ มากขึ้น การออกแบบหลักสูตรหรือการเรียนการสอนต้องปรับตัวให้ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จ าเป็นต้องมีการเตรียม ความพร้อมทางการศึกษาด้วยเช่นกัน ในประเทศสหรัฐอเมริกาจึงมีการพูดคุยเรื่องนี้และมีการ พัฒนาแนวคิดเรื่อง "ทักษะแห่งอนาคตใหม่ : การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21" โดยความร่วมมือของภาค ส่วนวงการนอกการศึกษาที่ประกอบด้วย บริษัทเอกชนชั้นน าขนาดใหญ่ เช่น บริษัทแอปเปิ้ล บริษัท ไมโครซอฟ บริษัทวอล์ดิสนีย์ องค์กรวิชาชีพระดับประเทศ และส านักงานด้านการศึกษาของรัฐ รวมตัวและก่อตั้งเป็นเครือข่ายองค์กรความร่วมมือ เพื่อทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ปัจจุบันมี สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากมาย เรื่องของการพัฒนาทั้งกับคุณครูและเด็กที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่สิ่ง หนึ่งที่ควรให้ความตระหนักคือคุณครูยังมีความส าคัญในการเตรียมเด็กให้พร้อมรับกับโลกในอนาคต การที่คุณครูมีความรู้และความเข้าใจในด้านดิจิทัลนั้น แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่จ าเป็น ควรรวมตัวกันเพื่อ เชื่อมสัมพันธ์สร้างองค์ความรู้ใหม่และเชื่อมโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ ให้สามารถใช้งานร่วมกันอย่างมี ประสิทธิภาพมีการพัฒนาทีมงานในสถานศึกษาให้มีความรู้ความสามารถและเรียนรู้ร่วมกันเพื่อ รองรับการออกแบบรายวิชาหรือสาระการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยครู ผู้บริหาร ควรร่วมกัน ท างานเป็นทมีเพ่อืน าไปสู่ผลสมัฤทธทิ์างการศึกษาท่ีมคีุณภาพมากยงิ่ข้นึร่วมกนัพฒันาส่อืการ เรียนรู้แนวทางการวัดผล และประเมินผลให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ท าให้มีผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนที่มี คุณภาพและเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 158 2. การด ารงอยู่ของสถานศึกษา (School Stability) การคงอยู่ของสถาบันการศึกษา ยังมี ความจ าเป็นที่ต้องให้เด็กเดินทางไปโรงเรียน เพื่อพัฒนาความรู้เจตคติ ทักษะ พัฒนาความสามารถ ใช้คลังความรู้จากห้องสมุดฝึกฝนการใช้ทักษะชีวิตร่วมกับเพื่อนๆ มีประสบการณ์ร่วมกับครูเพื่อน และนักเรียนคนอื่นๆ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ ครูมีความส าคัญอย่างมากในการเป็น แบบอย่างให้เด็กมีความรักที่จะเรียนรู้ อยากที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา การที่ครูได้เล็งเห็น และยอมรับในความแตกต่างของเด็กแต่ละคน และสามารถดึงศักยภาพสูงสุดของแต่ละคนให้แสดง ออกมาการด ารงอยู่ของการเป็นโรงเรียนคุณภาพเกิดจากความชัดเจนในการปฏิบัติงาน ประกอบด้วย ความเข้าใจ และตระหนักในหน้าที่ของบุคลากร ความเป็นผู้น าทางวิชาการ และความผูกพันกับ โรงเรียน ประกอบด้วยการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ความเอาใจใส่ต่องานในหน้าที่ การตรวจสอบ และพัฒนากระบวนการท างานยังคงเป็นสิ่งที่มีความส าคัญที่สุดในการศึกษา แม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้า มามีผลกระทบแค่ไหนก็ตาม เพื่อไปสู่การศึกษาต่อหรือการประกอบสัมมาชีพ ประกอบกับการศึกษา ยุคใหม่นั้น ควรเพิ่มแนวทางในการพัฒนาสมอง และสร้างสรรค์ปรับแต่ง การเรียนรู้ได้ตามความ ต้องการ มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับครูอาจารย์ถกกันในเรื่องความรู้เพื่อให้เด็กเกิดการคิดเชิง วิพากษ์และแก้ปัญหาที่ซับซ้อน การสื่อสารด้วยการเขียน และการพูดและประยุกต์ใช้ความรู้ในโลก แห่งความเป็นจริง ขณะเดียวกันการคงอยู่ของสถาบันการศึกษายังคงประโยชน์อยู่ได้เพราะการได้ ใช้ชีวิตในสถาบันการศึกษา การเจอพบปะเพื่อนฝูง การรับฟังการเรียนในห้องเรียน การจัดกลุ่มท า กิจกรรมต่างๆ ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ การพัฒนาครูอาจารย์ ควรมองตนเองเป็นน ้าพุ แห่งความรู้ให้น้อยลงและเป็นผู้ให้ค าชี้แนะมากขึ้นกว่าเดิม 3. การตอบสนองความก้าวหน้าของเทคโนโลยี (Technology Advancement) ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีมีความส าคัญต่อการด ารงชีวิต เพราะวิวัฒนาการเหล่านั้นแทรกซึมอยู่ในทุกตารางการใช้ ชีวิตของมนุษย์ เพราะมนุษย์มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอ านวยความสะดวกสบายต่อการด ารงชีวิตเป็น อันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการด ารงชีวิตได้เป็นอย่างดี ในปัจจุบันเทคโนโลยี การสื่อสาร ผ่านคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบสองทาง ท าให้ผู้ใช้สามารถติดต่อกันได้ กล่าวถึงอิทธิพลของเครื่องมือการสื่อสาร ที่มีอิทธิพลต่อวิวัฒนาการของมนุษยชาติ อารยธรรมยุค โลกาภิวัตน์ อารยธรรมของโลก โลกทั้งโลกจะเชื่อมต่อกันด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาพของ สังคมจะเปลี่ยนไปจากยุคอุตสาหกรรมเป็นโลกยุคโลกาภิวัตน์ เทคโนโลยีพัฒนาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ มีการส่งภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ท าให้มีการใช้ สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานีวิทยุโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพื่อรายงาน เหตุการณ์สด การใช้เทคโนโลยีด้านนี้ เราควรรู้จักวิธีใช้และความเหมาะสมเพื่อการใช้งานที่เป็น


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 159 ประโยชน์และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการให้ครูได้เข้าถึงเทคโนโลยีจากอินเทอร์เน็ตมาก ขึ้น โดยเข้ามาช่วยให้เด็กสามารถสืบเสาะค้นคว้า หาข้อมูลที่รวดเร็ว หากมีความต้องการเรียนรู้ใน สาขาวิชาต่างๆ สามารถดึงเนื้อหาเก่าๆมาทบทวนได้ทันที ครูสามารถมีเวลาว่างมากขึ้นส าหรับ เตรียมเนื้อหาที่มีความส าคัญมากกว่า ครูสามารถใช้เทคโนโลยีบันทึกภาพและวีดิทัศน์การสอนของ ตนเอง เพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าดูได้ผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์ ทั้งก่อนเวลาสอนจริง และหลัง การเรียนการสอนเพื่อทบทวนบทเรียนท าให้ครูและผู้เรียนมีเวลาพูดคุยกันเมื่อถึงชั่วโมงสอนมากขึ้น 4. การสร้างสถานการณ์จ าลอง (Simulation) เป็นการเสริมบทเรียนในวิชาที่ผู้เรียนสนใจ เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ประสบการณ์ตรง สามารถน าแนวคิดจากทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ในทาง ปฏิบัติโดยผ่านการจัดกิจกรรมโครงงานการประกวด อาทิ โครงการทางธุรกิจขนาดเล็กในชุมชนที่ เริ่มด้วยการศึกษาแนวคิด การวางแผนการท างานร่วมกับครูและเพื่อนักเรียน การเตรียมความ พร้อมด้านวัสดุสื่อ และการด าเนินงาน ซึ่งน าไปสู่การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจขึ้นมาในชุมชน เพื่อ เป้าหมายในการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ชุมชนชนิดใหม่ วิธีสอนใดที่จะส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการ เรียนรู้มากที่สุดแน่นอนนั่นคือ การสอนที่ให้ผู้เรียนได้สัมผัสของจริง หรือสถานการณ์ที่เป็นจริง เพราะการที่ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริงนั้น ท าให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ยาวนาน และเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ แต่ถ้าหากไม่สามารถปฏิบัติในสถานการณ์ที่เป็นจริงได้ การเรียนการสอนที่ใช้สถานการณ์จ าลองก็ เป็นทางเลือกที่ดีที่ให้ผู้เรียนได้สัมผัสกับการเรียนที่สะท้อนความเป็นจริง ตามจุดมุ่งหมายที่ผู้สอนได้ ก าหนดไว้ เพื่อโลกในยุคหน้าโดยนักเรียนต้องมีความรู้ในการเขียนแผนงานการออกแบบต้นแบบให้ เป็นรูปร่างจนเข้าสู่การประกวดแข่งขัน โดยก าหนดกลยุทธ์ที่จะน าไปสู่ความส าเร็จ หากประสบผล นักเรียนเหล่านี้อาจสร้างแบรนด์เป็นของตนเองชุมชนหรือโรงเรียนได้ในอนาคต การสร้างสถานการณ์ ดังกล่าวเป็นโอกาสที่ดีส าหรับทดสอบแนวคิดกับสถานการณ์จริงที่ผู้เรียนควรได้รับ 5. การจัดการเรียนการสอน (Instruction) การศึกษายุคใหม่ ควรน าเนื้อหาที่สอนวางเอาไว้ บนเครือข่ายออนไลน์ เพื่อให้คนอื่นได้เข้าถึงฟรีแบบ Massive Open Online (MOOCS) และอาจ ร่วมกับบรรดาครู ด้วยการแลกเปลี่ยนความรู้พัฒนาเนื้อหาใหม่ๆ ขึ้นมา เป็นสถานศึกษาหนึ่งใน เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่นักเรียนและสถาบันการศึกษาอื่นได้เข้ามาเรียนรู้สื่อการเรียนการสอน ที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ควบคู่กับเครื่องมือ โสตทัศนวัสดุ หรือเครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น แถบบันทึกภาพพร้อมเสียง (วีดิทัศน์) สไลด์ แถบบันทึกเสียง สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน กระบวนการ ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการน าเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน สื่อเทคโนโลยีที่ส าคัญและ เป็นที่นิยมในปัจจุบัน คือสื่อคอมพิวเตอร์ เนื่องจากสื่อคอมพิวเตอร์สามารถตอบสนองความต้องการ การเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนได้อย่างรวดเร็วและค่อนข้างมีประสิทธิภาพ การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 160 การเรียนการสอนต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หลักในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ผู้เรียนสามารถ หาความรู้ผ่านอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วและเรียนรู้ด้วยตัวเองนอกห้องเรียนพร้อมคงรักษาเอกลักษณ์ ทางวัฒนธรรมเอาไว้เพื่อคงอยู่ของประวัติศาสตร์และไม่อยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป เนื้อหาที่เกิดขึ้น มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และน าไปวางบนเครือข่ายออนไลน์โดยเปลี่ยนแนวคิดที่ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ สร้างความได้เปรียบของสถาบันให้กลายเป็นผู้น าในการเผยแพร่ข้อมูลและข่าวสารผ่านโลกออนไลน์ ที่ทุกคนเข้าถึงสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่และทุกเวลา 6. การเรียนรู้โลกแห่งดิจิทัล (World Digital Learning) นวัตกรรมเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใน ปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาไปอย่างมาก มีการน าไปปรับประยุกต์ใช้ในวงการต่างๆ รวมทั้งในเรื่องของ การเรียนรู้และมิติรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็น 5G VR AR IOTs แอปพลิเคชั่นต่างๆ หรือ AI ซึ่งส่งผลต่อ การเรียนรู้และการน าไปประยุกต์ใช้ทั้งต่อผู้เรียน ผู้สอน ผู้ประกอบการรวมถึงคนทั่วไปด้วย ลองมา ดูกันว่าการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ยังไงกันบ้าง เป็นการสร้างองค์ความรู้ผ่านลงไปในเครือข่ายออนไลน์ที่เกิดจากการสร้างเนื้อหาร่วมกัน แบ่งปัน ความรู้ ปรับปรุง และขยายเนื้อหา เป็นนวัตกรรมเนื้อหาการสอนแล้วแบ่งปันไปทั่วโลก แล้วฝึกฝน เด็กรุ่นใหม่ให้รู้จักค้นคว้า และท างานร่วมกันผ่านเครือข่ายทั่วโลกเป็นการท าลายก าแพงการศึกษา ที่ขวางกั้นลงไป ครูเพียงแต่คอยเฝ้ามองดูการเติบโตคอยบอกและแก้ไขข้อผิดพลาดไม่ให้ผู้เรียน ออกนอกลู่นอกทาง ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ผ่านเครือข่ายดิจิทัล ที่เชื่อมโยงเข้าหากัน เด็กได้เรียนรู้ จากสุดยอดนักคิดทุกคนในทุกเรื่องที่เขาสนใจ ซึ่งเป็นการเปิดกว้างส าหรับทุกคนในโลก ไม่เฉพาะ แต่ในห้องเรียนเหมือนสมัยดั้งเดิมที่ผ่านมา การเปิดกว้างเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อโลกแห่งการ ท างานที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากคนที่มีงานท าแล้วคิดกลับไปเรียน หนังสือใหม่เป็นเรื่องที่อาจจะยากเพราะต้องใช้เงินทุนและเวลา แต่การเปิดให้เรียนเพิ่มเติมเฉพาะ เรื่องที่มีประโยชน์ต่อการท างานจากโลกดิจิทัลคือสิ่งที่ภาครัฐ และเอกชนควรให้การสนับสนุนเพื่อให้ ระดับองค์ความรู้ในโลกของการท างานและโลกความเป็นจริงมากขึ้น 2. ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขในการบริหารสถานศึกษาโดยใช้เทคโนโลยี ดิจิทลั การบริหารสถานศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลนั้น อาจจะเกิดปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น Hardware, Software, หรือ Network ต่างๆ รวมทั้งความรู้ความสามารถของผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นครู อาจารย์ บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน และปัญหาการใช้เทคโนโลยี ICT ที่ไม่เหมาะสม จึงจ าเป็นที่ผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีการด าเนินการ ดังนี้


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 161 1. ก าหนดมาตรฐานขั้นต ่าของโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับ ICT ของสถานศึกษาไม่ว่าจะเป็น Hardware, Software, หรือ Network ต่างๆ ในแต่ละช่วงเวลาเช่น 2 ปี 3 ปี เป็นต้น และต้องจัดท า คู่มือการใช้ระบบ ICT ของสถานศึกษาส าหรับครู อาจารย์ บุคลากรและนักเรียนทุกคน 2. แต่งตั้งคณะกรรมการหรือบุคคลที่จะให้ดูแลรับผิดชอบระบบ ICT ของสถานศึกษา ที่ชัดเจน ไม่ควรให้งาน ICT เป็นงานฝากให้ครู อาจารย์หรือบุคลากรบางคนช่วยดูแล เพราะจะขาด ความต่อเนื่อง และทิศทางที่ชัดเจน 3. ก าหนดตัวชี้วัดการใช้งานของระบบ ICT ในการปฏิบัติงานต่างๆ ของสถานศึกษา เช่น สัดส่วนจ านวนเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อครู ต่อนักเรียน การใช้ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ต้องไม่น้อย กว่าร้อยละ 75 ของจ านวนคาบทั้งหมดต่อสัปดาห์ นักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 เข้ามาใช้บริการ สืบค้นข้อมูลความรู้หรือเข้ามาศึกษาหาความรู้ หรือฝึกทักษะภาษาอังกฤษในระบบที่สถานศึกษา จัดไว้ให้ เป็นต้น 4. จัดให้มีระบบการก ากับติดตาม ประเมินผลการใช้งาน ICT ของสถานศึกษาในทุกๆ ด้าน ทุกสิ้นปีการศึกษาเพื่อน ามาเป็นข้อมูลในการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 5. แสวงหาแหล่งเงินทุนจากชุมชนเพื่อขอการสนับสนุนเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้าน ICT ของสถานศึกษา เท่าที่จะท าได้โดยใช้มาตรการทางภาษีที่ผู้บริจาคเงินสนับสนุนสามารถน าใช้เป็น ค่าลดหย่อนได้ถึงสองเท่า โดยสรุปจะเห็นได้ว่าการบริหารสถานศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลนี้ ผู้บริหารจ าเป็นต้องมี ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสารและเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถที่จะ เลือกใช้กับการบริหารสถานศึกษาให้ได้อย่างเหมาะสม คุ้มค่าและเพียงพอต่อการใช้งาน โดยเฉพาะ ผู้บริหารสถานศึกษาในโครงการประชารัฐของกระทรวงศึกษาธิการที่ร่วมมือกับภาคเอกชนในการ พัฒนาการศึกษาของชาติ ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องแสดงศักยภาพทางด้านการบริหาร และจัด สภาพแวดล้อมต่างๆ ของสถานศึกษาให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงทาง เทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งนอกจากจะมีผลต่อภาพลักษณ์ของสถานศึกษาในชุมชนแล้ว ยังจะท าให้ สถานศึกษาเป็นที่ไว้วางใจของชุมชนในการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพได้อย่างยั่งยืน การบริหาร สถานศึกษาในยุคดิจิทัลที่ประสบความส าเร็จ จึงควรประกอบด้วย 4 ข้อต่อไปนี้ 1. สถานศึกษาทุกแห่งต้องบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานให้ครูทุกคนของสถานศึกษา สามารถเข้าถึงระบบ ICT ของสถานศึกษาใช้ Internet ได้รวดเร็ว อย่างทั่งถึง 2. ผู้บริหารสถานศึกษาไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ต้องสามารถก าหนดวิสัยทัศน์ด้าน ICT ของสถานศึกษาได้อย่างชัดเจน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 162 3. ผู้บริหารสถานศึกษาไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 สามารถก าหนดระบบติดตามการประเมินผล การใช้งาน ICT เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนของครูในสถานศึกษาที่ชัดเจน 4. ผู้บริหารสถานศึกษาไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ต้องจัดล าดับความสามารถด้านทักษะการใช้ ICT ของครู บุคลากรของสถานศึกษาออกเป็นสามกลุ่มคือ ทักษะน้อยมีปัญหาในการใช้งาน ทักษะ ปานกลาง ใช้งานได้ยังไม่เต็มประสิทธิภาพของระบบ และทักษะดีสามารถใช้งานได้เต็ม ประสิทธิภาพของระบบ 7.6 ภาวะผู้น า คุณลักษณะและบทบาทของผ้บูริหาร สถานศึกษาโดยใช้ เทคโนโลยีดิจิทลั ในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องมาจากการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยง ข้อมูลต่างๆ ของทุกภูมิภาคของโลกเข้าด้วยกัน ยุค 4.0 การปฏิรูปประเทศสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ (Digital Thailand) ที่สามารถสร้างสรรค์ และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อ ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งการ เปลี่ยนแปลงดังกล่าวท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาตามไปด้วยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล ผู้บริหารสถานศึกษา จึงจ าเป็นต้องเปลี่ยนทัศนคติและแนวคิดการ บริหารของตนเองให้ทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมีภาวะผู้น าดิจิทัล (Digital Leadership) ซึ่งเป็นทั้งผู้ใช้เทคโนโลยี ผู้จัดสรรทรัพยากร และผู้น าการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา ทั้งนี้เพื่อให้สถานศึกษามีความทันสมัยสามารถบริหารจัดการสถานศึกษาได้อย่างมีคุณภาพในทุกๆ ด้าน การจัดการศึกษาในยุคดิจิทัล สามารถท าได้ภายในระยะเวลารวดเร็ว สถานศึกษาต้องรับมือ กับการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนซึ่งเป็นพลเมืองดิจิทัล ที่ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับการใช้ เทคโนโลยี ในขณะที่ครูและผู้บริหารสถานศึกษายังเป็นผู้อพยพทางเทคโนโลยี จึงมีความจ าเป็น อย่างยิ่ง ที่ผู้บริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัลนั้น ต้องมีความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ต้องมี คุณลักษณะและทักษะที่โดดเด่นแตกต่างไปจากผู้บริหารสถานศึกษาในยุคก่อนๆ มีวิสัยทัศน์ด้าน เทคโนโลยีเป็นอย่างดี มีภาวะผู้น าที่สามารถจูงใจคนได้ ขายความคิดใหม่ๆ ให้คนยอมรับ สามารถ วางแผนงานอย่างมีระบบเป็นขั้นเป็นตอน ส าหรับการพัฒนาต้องมีวิธีคิดใหม่ที่จะต้องน าเอาดิจิทัลเข้า มาใช้ให้เกิดประโยชน์สร้างสรรค์ และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพ สามารถ บริหารจัดการสถานศึกษาได้อย่างมีคุณภาพในทุกๆ ด้าน สามารถรับมือและออกแบบการจัดการเรียนรู้ ที่เหมาะสมท้าทายและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เรียน ครูและบุคลากรให้เกิดการพัฒนาต่อยอดความรู้ จนสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ หรือนวัตกรรม เกิดความยั่งยืนในการศึกษา สามารถพัฒนา


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 163 ประเทศชาติในอนาคตต่อไป เราจะสร้างผู้เรียนให้มีคุณลักษณะเป็นเช่นไร ย่อมเป็นสิ่งท้าทายที่ผู้บริหาร การศึกษาต้องเก็บไปคิด และพัฒนาให้บรรลุเป้าหมาย สิ่งจ าเป็นที่จะต้องหยิบยกมาพิจารณาและ พัฒนาไปให้ถึง นั่นคือ ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นโลกยุคดิจิทัลที่ทุกคนต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต นั่นคือ 3R และ 8C 3R ได้แก่ การอ่าน (Reading) การเขียน (writing) และคณิตศาสตร์ (Arithmetics) ส่วน 8C ได้แก่ คิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา (Critical thinking & Problem Solving) คิดสร้วงสรรค์และคิดค้น นวัตกรรม (Creativity & innovation) เข้าใจบนวัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลาย (Cross Culturalunder Standing) ความร่วมมือท างานเป็นทีมและภาวะผู้น า (Collaboration, Teamwork & Leadership) การ สื่อสารรู้เท่าทันสื่อ และข้อมูลสารสนเทศ (Communications, Information & Media Literacy) มีทักษะ ด้านคอมพิวเตอร์ และสื่อเทคโนโลยี (Com puting & ICT Literacy) มีทักษะการเรียนรู้และอาชีพ (Career & Learning Skills) และมีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย (Compassion) รวมถึงทักษะการ เรียนรู้และความเป็นผู้น า (2 L-Learning, Leadership) และการจัดการเรียนการสอนในยุคโลกดิจิทัลนั้น ครูควรมีบทบาทในการเป็นผู้อ านวยความสะดวก และชี้แนะแนวทางเพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะเพื่ออนาคตให้มากยิ่งขึ้น ใช้วิธีสอนที่สร้างความท้าทาย การเพิ่มโอกาส ในการประยุกต์ใช้ความรู้ มีการน าเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการค้นคว้าหาความรู้และบางครั้งอาจจะ ต้องเป็นผู้ร่วมเรียนรู้ไปพร้อมกับผู้เรียนด้วย เพื่อสร้างองค์ความรู้หรือนวัตกรรมใหม่ เป็นการเตรียม ผู้เรียนให้พร้อมเพื่อใช้ชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริง และเป้าหมายส าคัญที่สุด นั่นคือ สร้างคน คุณภาพที่เป็นคนดีและมีคุณธรรม ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ก าหนดมาตรฐานชาติด้านเทคโนโลยีส าหรับผู้บริหาร ประกอบด้วย (ต้องลักษณ์ บุญธรรม. 2559) 1. ภาวะผู้น าเชิงวิสัยทัศน์ (Visionary Leadership) ผู้น าทางการศึกษาจะต้องสร้างแรง บันดาลใจน าการพัฒนาการประยุกต์ใช้เกี่ยวกับการบูรณาการเทคโนโลยีเพื่อสร้วงความเป็นเลิศและ การสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในองค์กรจากการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันกับคนในองค์กร ได้แก่ 1.1 สร้างแรงบันดาลใจและจัดหาสิ่งอ านวยความสะดวกระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เกี่ยวกับการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน ถึงการเปลี่ยนแปลงให้เกิดประโยชน์สูงสุด การใช้ทรัพยากรยุค เศรษฐกิจดิจิทัลร่วมกัน เพื่อตอบสนองให้เกิดเป้าหมายการเรียนรู้และการสนับสนุนการเรียนการสอน ที่มีประสิทธิภาพและเพิ่มประสิทธิภาพ การท างานของผู้น าทางการศึกษา 1.2 การมีส่วนร่วมในกระบวนการต่อเนื่องในการพัฒนาการน าเทคโนโลยีไปใช้ การด าเนินการแผนเชิงกลยุทธ์ในทุกระดับตามวิสัยทัศน์ร่วมกันด้านเทคโนโลยี


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 164 1.3 การสนับสนุนนโยบายการระดมทุน เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีและการด าเนินการตาม วิสัยทัศน์ร่วมกันด้านเทคโนโลยี 2. การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้บนโลกยุคดิจิทัล (Digital Age Learning Culture) ผู้น า ทางการศึกษาจะต้องสร้างสรรค์พลวัตในการใช้เทคโนโลยีให้เป็นปกติจนเกิดเป็นวัฒนธรรมการ เรียนรู้แบบโลกดิจิทัลในสถานศึกษา การจัดหาและส่งเสริมให้ผู้เรียนทุกคนได้รับการเรียนรู้ดังกล่าว อย่างทั่วถึง ได้แก่ 2.1 การตรวจสอบนวัตกรรมการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นพัฒนาอย่างต่อเนื่องของการ เรียนรู้ยุคดิจิทัล 2.2 การส่งเสริมการมีประสิทธิภาพการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ 2.3 การจัดสภาพแวดล้อมที่ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง พร้อมกับเทคโนโลยีและการเรียนรู้ ทรัพยากรอื่นๆ เพื่อตอบสนองแต่ละความต้องการที่หลากหลายของผู้เรียนทุกคน 2.4 การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในระดับท้องถิ่น และชุมชนการเรียนรู้ที่กระตุ้นให้เกิด นวัตกรรมความคิดสร้างสรรค์และดิจิทัล 3. ความเป็นเลิศในการปฏิบัติอย่างมืออาชีพ (Excellence in Professional Practice) ผู้น า ทางการศึกษาจะต้องสนับสนุนส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการสร้างนวัตกรรม โดยที่ มอบอ านาจให้กับครูเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนโดยผ่านการเพิ่มสมรรถนะทางเทคโนโลยี และทรัพยากร ดิจิทัลที่จ าเป็น ได้แก่ 3.1 การจัดสรรเวลาทรัพยากรและการเข้าถึงการพัฒนาความเป็นมืออาชีพอย่างต่อเนื่อง ราบรื่นในการผสมผสานทางเทคโนโลยี 3.2 การอ านวยความสะดวกและการมีส่วนร่วมในชุมชนแห่งการเรียนรู้ด้วยการกระตุ้น อบรม และสนับสนุนให้บุคลากรในสถานศึกษาเรียนรู้การใช้เทคโนโลยี 3.3 การส่งเสริมและการสร้างรูปแบบการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เกิดความร่วมมือ ในยุคดิจิทัล 3.4 การให้ความสนใจการวิจัยทางการศึกษา และแนวโน้มที่ปรากฎว่ามีประสิทธิภาพ ในการใช้เทคโนโลยี และการประเมินผลที่สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ส าหรับการเรียนรู้ที่ พัฒนาสมรรถภาพของผู้เรียน 4. การปรับปรุงอย่างเป็นระบบ (Systematic Improvement) การเตรียมผู้น าในยุคดิจิทัล ควรจัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนาองค์กรทางการศึกษาโดยค านึงถึงประสิทธิภาพการใช้ข้อมูล สารสนเทศ และเทคโนโลยีที่เหมาะสมและแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณค่า ได้แก่


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 165 4.1 การเปลี่ยนแปลงของการน าระบบ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรลุผลส าเร็จสูงสุดของการ เป็นการเรียนรู้ที่เหมาะสมด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณค่า 4.2 การมีส่วนร่วมในการจัดตั้งสะสม วิเคราะห์ข้อมูล อธิบายผลลัพธ์ค้นหาปรับปรุง พฤติกรรมบุคลากรทางการศึกษา และการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียน 5. การเป็นพลเมืองในยุคดิจิทัล (Digital Citizenship) ผู้น าทางการศึกษาจะต้องเป็ น แบบอย่างที่ดีและส่งเสริมให้เกิดความตระหนักในประเด็นทางสังคมจริยธรรม กฎหมาย ตลอดจน ความรับผิดชอบในสิ่งที่เกี่ยวข้อง เพื่อการวิวัฒนาการของวัฒนธรรมของสังคมดิจิทัล การสร้าง ศักยภาพในการบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล ผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีภาวะผู้น าในด้านดิจิทัล (Digital Leadership) และที่ส าคัญผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีความเป็นผู้น าในการผลักดัน และบริหาร ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และส่งเสริมให้ครูเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม เพื่อน าไปใช้ในการ พัฒนาผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม 1. ผบู้ริหารสถานศึกษายคุดิจิทลั ผู้บริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล ต้องมีคุณลักษณะที่โดดเด่น ต้องเป็นผู้น ายุคใหม่ที่ สามารถมองภาพขององค์กรได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ชัดเจน มีทักษะ และบทบาทในการบริหารการ เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ข้อมูลสารสนเทศเพื่อใช้การก าหนดยุทธศาสตร์และ น าไปสู่การปฏิบัติในอนาคต จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยของนักวิชาการทั้งในและ ต่างประเทศ สามารถก าหนดประเด็นศึกษาที่ส าคัญ 3 ด้านหลักได้แก่ ภาวะผู้น าดิจิทัล คุณลักษณะของ ผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล และบทบาทของผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล 2. ภาวะผนู้ าดิจิทลั(Digital Leadership) จากนโยบายส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก าหนดให้มีการพัฒนาเด็กตั้งแต่ ระดับปฐมวัยให้มีสมรรถนะ และคุณลักษณะที่ดีสมวัยทุกด้าน โดยการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 (ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2563) โดยในศตวรรษที่ 21 สถานศึกษามีความจ าเป็ นต้องเข้าใจบริบทขององค์กรที่มีการ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่เข้ามามีผลกระทบต่อการบริหารสถานศึกษาอย่างมาก โดยเฉพาะ สภาพแวดล้อมภายนอกทางเทคโนโลยีที่เป็นทั้งปัจจัยเอื้อและปัจจัยที่เป็นอุปสรรคในการบริหารงาน ล้วนส่งผลท าให้ผู้เรียน การเรียนรู้ ครูผู้สอน เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ดังนั้น ภาวะผู้น าดิจิทัล จึงหมายถึงภาวะผู้น าของผู้บริหารองค์กรในยุค ดิจิทัลที่มีพฤติกรรมสามารถน าองค์กร โดยใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อเป็นกลไกส าคัญที่จะ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 166 ขับเคลื่อนผลลัพธ์ของสถานศึกษา ท าให้การบริหารงานเป็นไปอย่างมีระบบส่งผลให้งานเกิด ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 หมวด 5 การบริหารและการจัดการศึกษา มาตรา 39 ให้กระทรวงกระจายอ านาจการบริหารและการจัดการศึกษา ทั้งด้านวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบริหารทั่วไป ดังนั้น ภาวะผู้น าดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา จึงหมายถึง คุณลักษณะ ความรู้ ทักษะ ความสามารถและพฤติกรรมการแสดงออกในการน าของ ผู้อ านวยการโรงเรียนที่มีอิทธิพลต่อครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียน ในการบริหาร ทั่วไป บริหารบุคคล บริหารงานวิชาการ และบริหารงบประมาณ โดยมีความเข้าใจ สามารถ สร้างสรรค์ เข้าถึง และน าเทคโนโลยีนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้ในการบริหารโรงเรียน ทั้ง 4 ด้าน (ทินกร บัวชู, และทิพภาพร บัวชู, 2562) ได้แก่ 1. ภาวะผู้น าดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาด้านการบริหารทั่วไป หมายถึง คุณลักษณะ ความรู้ ทักษะ ความสามารถและพฤติกรรมการแสดงออกของผู้อ านวยการโรงเรียนในการก าหนด นโยบาย แนวทางการใช้เครื่องมือดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อสนเทศในองค์กรที่เป็นประโยชน์เพื่อการ บริการสาธารณะ การวิเคราะห์ข้อมูลขององค์กร เพื่อเปรียบเทียบกับหน่วยงานอื่น การแปลงข้อมูล ของหน่วยงานไปสู่รูปแบบมาตรฐาน เพื่อใช้ในการเชื่อมโยงของข้อมูลระหว่างหน่วยงานในการ แลกเปลี่ยนข้อมูล (Standard Data Exchange) การใช้งานระบบปฏิบัติการ การจัดการข้อมูล การส ารองข้อมูล การใช้งานคลาวด์คอมพิวติ้ง การใช้งานเว็บบราวเซอร์ การใช้ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การใช้ดิจิทัลเพื่อความมั่นคงปลอดภัยในการบริหารโรงเรียน การบริหารความเสี่ยงดิจิทัล (Digital Risk Management) ของผู้เรียน การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่โรงเรียน ดิจิทัล การสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศน์ (Ecosystem) เพื่อพัฒนาบริการดิจิทัลแบบเชื่อมโยง การใช้ดิจิทัลคาดการณ์สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นต่อโรงเรียน จากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีดิจิทัล (Scenario Analysis) เป็นต้น 2. ภาวะผู้น าดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาด้านการบริหารบุคคล หมายถึง คุณลักษณะ ความรู้ ทักษะ ความสามารถและพฤติกรรมการแสดงออกของผู้อ านวยการโรงเรียนในการพัฒนา ทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลส าหรับครูผู้สอนและบุคลากรในโรงเรียน โดยวิเคราะห์ จัดท าแผนการ พัฒนาการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบอรม และการประเมินการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การใช้ ดิจิทัลเพื่อการท างานร่วมกันแบบออนไลน์ในโรงเรียน การเป็นตัวอย่างในหลักปฏิบัติที่ดีด้านดิจิทัล การสร้างเครือข่ายของครูผู้สอน และบุคลากรในโรงเรียนที่มีการเชื่อมโยงข้อมูล และการท างานข้าม หน่วยงาน เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล การเสนอแนวทางและพัฒนากลยุทธ์ด้านงานบุคคล


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 167 เพื่อประสิทธิภาพการท างานแบบดิจิทัล และแบบเชิงรุก โดยเสริมทักษะดิจิทัลที่เหมาะสมกับ บทบาทลักษณะงานให้แก่ครูผู้สอนและบุคลากร การใช้ดิจิทัลในการวิเคราะห์ผลการปฏิบัติงานที่ ส่งเสริมความก้าวหน้าของบุคลากร เป็นต้น 3. ภาวะผู้น าดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาด้านการบริหารวิชาการ หมายถึง คุณลักษณะ ความรู้ ทักษะ ความสามารถและพฤติกรรมการแสดงออกของผู้อ านวยการโรงเรียนในการใช้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมส าหรับการจัดการเรียนการสอน การใช้โปรแกรมตัดต่อสื่อภาพเคลื่อนไหว ในการสร้างสื่อดิจิทัล การใช้โปรแกรมดิจิทัลเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลการจัดการเรียนการสอนส าหรับ งานสอนประจ า การจัดท าคลังข้อมูล (Data Warehousing) ให้พร้อมน าไปใช้และวิเคราะห์ต่อ เช่น คลงัขอ้สอบ การพฒันานวตักรรมดจิทิลัในการวดัผลสมัฤทธของผู้เรียนเป็นต้น ิ์ 4. ภาวะผู้น าดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาด้านการบริหารงบประมาณ หมายถึง คุณลักษณะ ความรู้ ทักษะ ความสามารถ และพฤติกรรมการแสดงออกของผู้อ านวยการโรงเรียนในการน าระบบ ดิจิทัลมาจัดท าประเมินงบประมาณของโครงการ การประมาณการค่าใช้จ่ายในการน าโครงการ ดิจิทัลไปใช้ (Implementation Cost Estimation) การน าระบบดิจิทัลจัดท ารายงานเพื่อเสนอขอ งบประมาณโครงการการใช้สูตรฟังก์ชั่นเพื่อการค านวณ การติดตามตรวจสอบงบประมาณในระหว่าง ด าเนินการโครงการการประมาณการค่าใช้จ่ายและจัดท ารายงานเพื่อเสนอของบประมาณในการ บ ารุงรักษาเทคโนโลยีดิจิทัล (Maintenance Cost Estimation) เป็นต้น ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลทั้งในด้านการบริหาร สถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาครูผู้สอน ผู้เรียน และสถานศึกษาให้มี คุณภาพการศึกษาที่สูงขึ้นและสอดคล้องกับการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 3. คณุลกัษณะของผบู้ริหารสถานศึกษายคุดิจิทลั เอกชัย กี่สุขพันธ์ (2559) กล่าวว่า ผู้บริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัลจ าเป็นที่จะต้องเรียนรู้ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสาร และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (ICT) และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อการ บริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อการใช้ ICT ให้เหมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างคุ้มค่าแท้จริง ดังนั้นคุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัลจึงควรเป็นดังต่อไปนี้ 1. ก าหนดวิสัยทัศน์ด้าน ICT ของสถานศึกษาให้ชัดเจนว่าต้องการไปในทิศทางใด และน ามาใช้กับการบริหารสถานศึกษาในเรื่องใดบ้าง 2. การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ Hardware, Software, Network และเครือข่ายไร้สายต่างๆของสถานศึกษาให้ครู อาจารย์ บุคลากร


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 168 และนักเรียนทุกคนสามารถใช้และเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว สะดวกต่อการใช้งาน พร้อมทั้งจัดสรร ทรัพยากรต่างๆ เพื่อสนับสนุนอย่างเพียงพอ 3. การสร้างวัฒนธรรมการท างาน และบรรยากาศสถานศึกษาให้มีการใช้ ICT อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรียนการสอนของครู การบริหารงานสถานศึกษาในด้านต่างๆ ตลอดจน การให้นักเรียนสามารถใช้และเข้าถึงแหล่งข้อมูลความรู้ต่างๆผ่าน Internet ได้ตลอดเวลา 4. การฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรทุกคนของสถานศึกษาให้มีความรู้ความสามารถด้าน ICT อย่าง ต่อเนื่องสม ่าเสมอ 5. ผู้บริหารสถานศึกษาต้องท าตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีสามารถใช้ ICT ในการปฏิบัติงานได้ อย่างเหมาะสม 6. ส่งเสริมสนับสนุนสร้างแรงจูงใจครูอาจารย์บุคลากรทุคนของสถานศึกษาให้น าความรู้ ความสามารถด้าน ICT และเทคโนโลยีต่างๆที่สถานศึกษาจัดให้มาสร้างนวัตกรรมใหม่ๆในการจัด การเรียนการสอนหรือการปฏิบัติงาน 7. จัดให้มีระบบการก ากับติดตาม และการให้ค าปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ ICT ของสถานศึกษา ทั้งครูอาจารย์ บุคลากรทุกคน และนักเรียน ว่าสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตาม นโยบายอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัลข้างต้นนี้มีผลต่อการใช้ภาวะผู้น า ICT (ICT Leadership) ของผู้บริหารสถานศึกษาเป็นอย่างมากเพราะภาวะผู้น า ICT หมายถึง ความสามารถ ของผู้บริหารในการเรียนรู้เข้าใจ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงด้าน ICT สามารถน ามาประยุกต์ใช้ได้อย่าง เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสถานศึกษา 4. บทบาทของผบู้ริหารสถานศึกษายคุดิจิทลั สุจรรยา ขาวสกุล, ธีระ รุญเจริญ, และวรสิทธิ์รัตนวราหะ (2560) กล่าวว่าผู้บริหาร สถานศึกษาในยุคดิจิทัล ต้องรู้จักคิด วิเคราะห์แก้ปัญหา และมีความรู้ทักษะในการประกอบอาชีพ มี ความสามารถในการแข่งขัน มุ่งเน้นระบบธรรมาภิบาล มีความชอบธรรมในการบริหารการพัฒนา องค์กรทรัพยากรมนุษย์ ตัดสินใจด้วยนโยบายสาธารณะ ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ แก้ไขปัญหาได้อย่างมี ประสิทธิภาพดังนี้ 1. ผู้บริหารต้องท าความรู้จักกับการเปลี่ยนแปลง (Change) การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมา จากการแข่งขันที่ไร้พรมแดน โลกก าลังอยู่ในยุคของเทคโนโลยีและข่าวสาร ความรู้เป็นสิ่งส าคัญที่ ท าให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน ดังนั้น เมื่อผู้บริหารเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงแล้วจะสามารถ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 169 จัดการกับการเปลี่ยนแปลงได้ โดยการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และมีผลกระทบ หรือมี ปฏิสัมพันธ์กับองค์กร 2. ผู้บริหารต้องสร้างการเปลี่ยนแปลง (Change Intervention) หมายถึง แผนปฏิบัติการ ในการปรับแต่งสิ่งต่างๆ ให้แตกต่างจากเดิม โดยอาจจะกระท าอย่างรวดเร็วหรือกระท าอย่างค่อย เป็นค่อยไป การบริหารความเปลี่ยนแปลงนั้น ผู้บริหารต้องเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนแล้วจึง ก าหนดเป้าหมาย และเลือกวิธีที่จะน ามาใช้ในการจัดการกับความเปลี่ยนแปลงซึ่งต้องอาศัยการวาง แผนการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ แล้วจึงน าไปปฏิบัติตามแผนที่ต้องอาศัยความเข้าใจ และความ ร่วมมือจากทุกคนในองค์การ โดยผู้บริหารจะต้องมีการเสริมแรงให้กับความเปลี่ยนแปลงโดยการ ชี้แจงให้บุคลากรในองค์การทราบถึงความเปลี่ยนแปลงหรือการปรับปรุงที่ได้เกิดขึ้นแล้ว จึงแสดง ความขอบคุณต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง และมีส่วนช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลง แล้วจึงท าการ ประเมินผลต่อไป 3. ผู้บริหารต้องเป็นตัวแทนความเปลี่ยนแปลง (Change Agent) หมายถึง การเป็นผู้น า การเปลี่ยนแปลง หรือมีหน้าที่ในการจัดกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรเพื่อพัฒนา เน้นผลการปฏิบัติงานโดยส่วนร่วมมากกว่าการเน้นไปที่ผลงานของแต่ละคนในองค์กร ให้บุคลากร ในองค์กรรับรู้ถึงผลการด าเนินงานขององค์กร เพื่อให้ทราบถึงสถานการณ์และวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่องค์การเผชิญอยู่ เช่น จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค เป็นต้น 4. ปฏิรูป เป็นนักคิด นักพัฒนา ต้องทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก มีวิสัยทัศน์ในการ บริหารงานที่พร้อมรับกับเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดต่อสิ่งใด 5. ประชาธิปไตย บริหารงานแบบประชาธิปไตย รับฟังความความคิดเห็นของผู้อื่น ร่วมคิด ร่วมท า ร่วมแก้ปัญหากับบุคลากรในองค์กร 6. ประสาน เป็นผู้ประสานงานในองค์กรให้เกิดการท างานที่ราบรื่น มุ่งให้เกิดประสิทธิภาพ ในการท างาน และประสานงานนอกองค์กรให้เกิดภาคีเครีอข่ายร่วมคิด ร่วมจัดการศึกษา 7. ประนีประนอม พยายามไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกิดความขัดแย้งในองค์กร เป็นผู้ ประนีประนอมเมื่อเกิดปัญหา ผ่อนหนักให้เป็นเบา 8. ประชาสัมพันธ์ ผู้บริหารต้องสนับสนุนให้ทุกคนท ารายงานผลการด าเนินงาน และน า รายงาน มาประชาสัมพันธ์ให้ผู้เกี่ยวข้อง และสาธารณชนทราบ 9. ประชาสงเคราะห์ ผู้บริหารจะต้องให้ความช่วยเหลือผู้ร่วมงานทุกเรื่อง เป็นห่วงเป็นใย ตลอดเวลา จะประสานงานกับหน่วยงานอื่น เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ร่วมงาน การพัฒนาบุคลากรจะ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้ทุกคนมีความก้าวหน้าในอาชีพ ผู้ร่วมงานจะมีความสุขมากในการท างาน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 170 รุ่งชัชดาพร เวหะชาติและคณะ (2564). การพัฒนาสมรรถนะครูในศตวรรษที่ 21 โดยใช้ Project 14 เพื่อลดความเหลื่อมล ้า ของเยาวชนให้มีวิถีชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พื้นที่ เกาะ จังหวัดสตูล ผู้เขียนได้ท าวิจัยโดยการทดลองการใช้ Project 14 น าสู่ความปกติใหม่ทาง การศึกษา (New Normal Education) กับโรงเรียนพื้นที่เกาะ 11 แห่ง จังหวัดสตูล น าร่องการใช้ เทคโนโลยี Project 14 ในการจัดการเรียนรู้(Active Learning) ในรายวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ในโรงเรียนพื้นที่เกาะเพื่อให้นักเรียนได้ใช้ในขณะที่เกิดโรคไวรัสโคโรน่าระบาด COVID-19 ผ่านสมาร์ทโฟน Smart Phone สสวท. เปิดตัว Project 14 โครงการสอนออนไลน์น าสู่ความปกติใหม่ทางการศึกษา แนะ ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ใช้เป็นเครื่องมือการเรียนรู้ในยุคนิวนอร์มัล ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิ จ านงค์ ผู้อ านวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า ล่าสุด สสวท. ได้เปิดตัว Project 14 โครงการสอนออนไลน์น าสู่ความปกติใหม่ทางการศึกษาซึ่งการ เรียนรู้ไม่จ ากัดในห้องเรียนแต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาโดยผู้เรียนเป็นผู้เลือก Project 14 ประกอบด้วยบทเรียนออนไลน์ในรูปแบบวีดิทัศน์การสอนตามวิถีการเรียนรู้ใหม่ ที่ครู นักเรียน ผู้ปกครองใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ได้สะดวก มีจุดเด่นคือ เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา ก าหนดการเรียนรู้ ได้ด้วยตัวเอง โดยเน้นความเข้าใจ เชื่อมโยงชีวิตจริง และเนื้อหาตรงตามหลักสูตร เปิดให้ใช้งานฟรีที่ เว็บไซต์http://proj14.ipst.ac.th โดยไม่ต้องมีการลงทะเบียน ครูสามารถน าแนวทางไปวางแผนจัดการเรียนการสอนที่ช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยเชื่อมโยงเนื้อหาที่ก าลังเรียนกับชีวิตจริงของเด็กว่ามีวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี อยู่ตรงไหนและอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะวีดิทัศน์การสอนยังประกอบด้วยตัวอย่างที่ช่วยส่งเสริมการ คิด การแก้ปัญหา เน้นการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ ซึ่งไม่ได้มุ่งเพียงให้นักเรียน ท าคะแนนสอบสูงๆ แต่ เน้นให้สามารถคิด แก้ปัญหาได้ น าความรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตและการ ประกอบอาชีพได้ โดยส าหรับนักเรียนเองนั้นก็สามารถใช้ค้นคว้า ทบทวน ก าหนดการเรียนรู้ด้วย ตนเองตามความสนใจ ส าหรับผู้ปกครองที่สนใจก็สามารถใช้การเรียนรู้ออนไลน์นี้เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง เพื่อเรียนรู้ ไปกับลูกและคอยให้ค าแนะน าไปพร้อมกัน “แทนที่จะเริ่มต้นจากทฤษฎีไปสู่การแก้ปัญหา ครูควรที่จะน าการสอนโดยให้เด็กสนุกกับ ปัญหา แล้วน าวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์เข้าไปอธิบาย ดูว่านักเรียนสนุกและสนใจกับอะไรแล้วปรับ แนวการสอนเพื่อให้เข้าถึงความเข้าใจของเด็กได้ง่ายขึ้น”


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 171 สสวท. ได้เริ่มอัปโหลดวีดิทัศน์บทเรียนแรกเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้วและจะทยอยเพิ่มจน ครบ 120 เล่ม ของหนังสือ สสวท. โดยส าหรับภาคเรียนที่ 1 จะครบทั้งหมดภายใน 30 กันยายน 2563 ภาค เรียนที่ 2 ครบ ภายใน 1 ธันวาคม 2563 ทันช่วงเปิดเทอม เรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา เผยแพร่ผ่านหลายช่องทางเพื่อตอบสนองต่อความสามารถในการ เข้าถึงของผู้ใช้งาน ก าหนดการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง การเรียนรู้จะไม่จ ากัดแค่อยู่ในห้องเรียนอีกต่อไปบทเรียน ออนไลน์จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเป็นเจ้าของและก าหนดการเรียนรู้ของตัวเอง เน้นความเข้าใจ เชื่อมโยงชีวิตจริง วีดิทัศน์การสอนเน้นการเรียนรู้ตามแนวทาง สสวท. ที่เน้น ความเข้าใจแนวคิคหลักที่เชื่อมโยงไปสู่การน าไปใช้ในชีวิตจริง ตรงตามหลักสูตร พัฒนาขึ นตามตัวชี วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง (ฉบับปรับปรุง 2560) และหนังสือเรียน สสวท.


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 172 ภาพที่19 PROJECT 14 ประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาสมรรถนะครู


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 173 สรุปท้ายบท โลกปั จจุบันและที่ก าลังจะเกิดขึ้นในอนาคตมีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนแปลงในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งมีผลกระทบต่อการบริหารจัดการ สถานศึกษาเป็นอย่างมาก ดังนั้นผู้บริหารสถานศึกษาจึงมีความจ าเป็นที่ต้องเปลี่ยนทัศนคติและ แนวคิดการบริหารของตนเองให้ทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพื่อให้สถานศึกษามี ความทันสมัย สามารถบริหารจัดการสถานศึกษาได้อย่างมีคุณภาพในทุกด้าน ดิจิทัลดิสรัปชั่น (Digital Disruption) คือ ปรากฏการณ์ที่ขับเคลื่อนโดยพฤติกรรมที่มีต่อเทคโนโลยีอย่างที่ไม่เคยเกิด ขึ้นมาก่อน เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่นั้นมาแล้วก็ไป แต่สินค้าและบริการที่ประสบความส าเร็จ คือสินค้าและบริการที่ลูกค้าเลือกใช้แล้วคิดว่า ตอบโจทย์ความต้องการของเขาได้ ท าให้ง่ายขึ้น สะดวก ขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษา องค์กร ไม่ว่าจะขนาดใดก็ตาม รวมไปถึงคนท างาน ผู้สมัคร งาน และคนที่ก าลังอยู่ในวัยเรียนจะต้องตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลง หมั่นเรียนรู้พัฒนาตัวเอง และต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับการท างานในอนาคต การให้การศึกษาส าหรับศตวรรษที่ 21 ต้อง เปลี่ยนแปลงทัศนะจากกระบวนทัศน์แบบดั้งเดิม (Tradition Paradigm) ไปสู่กระบวนทัศน์ ใหม่ (New Paradigm) ที่ให้โลกของนักเรียนและโลกความเป็นจริงเป็นศูนย์กลางของกระบวนการเรียนรู้ เป็นการเรียนรู้ที่ไปไกลกว่าการได้รับความรู้แบบง่ายๆ ไปสู่การเน้นพัฒนาทักษะและทัศนคติ ทักษะ การคิด ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะองค์การ ทัศนคติเชิงบวก ความเคารพตนเอง นวัตกรรม ความ สร้างสรรค์ ทักษะการสื่อสาร ทักษะและค่านิยมทางเทคโนโลยี ความเชื่อมั่นตนเอง ความยืดหยุ่น การจูงใจตนเอง และความตระหนักในสภาพแวดล้อม และเหนืออื่นใด คือ ความสามารถใช้ความรู้อย่าง สร้างสรรค์ถือเป็นทักษะที่ส าคัญจ าเป็นส าหรับการเป็นผู้บริหารศตวรรษที่ 21 เป็นสิ่งที่ท้าทาย ในการที่จะพัฒนาการเรียนการสอน เพื่ออนาคตให้นักเรียนมีทักษะ ทัศนคติ ค่านิยม และบุคลิกภาพ ส่วนบุคคล เพื่อเผชิญกับอนาคตด้วยภาพในทางบวก ที่มีทั้งความส าเร็จและมีความสุข แล้วเราจะมีสูตรกล ยุทธ์สู่ความส าเร็จหรือไม่ เราต้องเรียนรู้องค์ความรู้อะไรใหม่บ้าง เราสามารถเตรียมตัวให้พร้อมได้ถ้ารู้ ว่าเราต้องเผชิญกับอะไรและเสริมการเรียนรู้อย่างไร ขณะนี้โลกของเราเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วมาก ค าว่า "ทันสมัย" อาจจะไม่เพียงพอจะจ ากัดความส าหรับเรื่องใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงในโลกใบนี้ ท าให้เรา ไม่ได้กระตือรือร้นที่จะปรับเปลี่ยน หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบชีวิต เปลี่ยนรูปแบบเราจะท าการ ปรับเปลี่ยนอย่างไร การใช้ความรู้และการสังเกต จากประสบการณ์ที่ได้พบเจอกับผู้คนที่หลากหลาย น ามากลั่นกรองเป็นเนื้อหาที่จะกระตุ้นความคิดให้ทุกคนรู้สึกว่า นี่ควรจะเป็นจุดเริ่มต้นในการ เปลี่ยนแปลงที่ดี เพื่อมุ่งหน้าสู่การประสบความส าเร็จทางธุรกิจ ได้เปรียบคู่แข่งขัน และยังน ามาสู่ ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 174 เอกสารอ้างอิง ต้องลักษณ์ บุญธรรม. (2559). การเป็นผู้น ายุคเศรษฐกิจดิจิทัลกับการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กร ทางการศึกษา. วารสารวิชาการครุศาสตร์อุตสาหกรรม พระจอมเกล้าพระนครเหนือ, 7(1), 7-20. จิณณวัตร ปะโคทัง. (2561). ภาวะผู้น ายุคดิจิทัลส าหรับผู้บริหารสถานศึกษามืออาชีพ. มหาวิทยาลัย ราชภัฏอุบลราชธานี. ทินกร บัวชู และทิพภาพร บัวชู. (2562). ภาวะผู้น าดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา. ครุศาสตร์สาร. 13 (2), 285-294. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 . ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ส านักนายกรัฐมนตรี ภคพร เลิกนอก. (2563). การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล ส าหรับผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬา ขอนแก่น, 7(2), 151-166. รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ, พัศรเบศวร์ เวชวิริยะสกุล,วีนัส ศรีศักดา,อรพิน ทิพย์เดช, และสมเกียรติ ยังจีน. (2564). การพัฒนาสมรรถนะครูในศตวรรษที่ 21 โดยใช้ Project 14 เพื่อลดความ เหลื่อมล ้า ของเยาวชนให้มีวิถีชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พื้นที่เกาะ จังหวัดสตูล. รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.). ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง. (2557). การประเมินศูนย์การเรียนรู้ตาม หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา.[Online]. Available from:http:// www.semscholarship.com/about.html. สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม. (2546). การเข้าถึงความหมายขององค์กร. กรุงเทพฯ. อัดส าเนา. ส านักส่งเสริมกิจการการศึกษา, ส านักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. (มปป). รายงานผลการด าเนินงาน การขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา. [Online]. Available from:http://www.skp.moe.go.th ส านักงานศึกษาธิการภาค 1. (2561) รายงานผลการประเมินสถานศึกษาเป็นศูนย์การเรียนรู้ตาม ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่รับผิดชอบ. ส านักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ.


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 175 เอกชัย กี่สุขพันธ์. (2559). หลักมนุษยสัมพันธ์กับการบริหาร. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์ ไทยวัฒนาพานิช. Afaf Shukri Haddad, Auality of life of Jordanian College Student. Dissertdtion Abstracts International,1986. Beh, LS., and Rose, R.C. (2007). Linking QWL and jobformance implication for organization. Performance Improvement.


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 176 บทที่ 8 การบร ิ หารตามปรช ั ญาของเศรษฐก ิ จพอเพ ี ยง “…เศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่ สองอย่าง จะท าความเจริญให้แก่ประเทศได้ แต่ต้องมีความ เพียร แล้วต้องอดทน ต้องไม่ใจร้อน ต้องไม่พูดมาก ต้องไม่ทะเลาะกัน ถ้าท าโดยเข้าใจกัน เชื่อว่าทุกคนจะมี ความพอใจได้ ค าว่า พอเพียง มีความหมายว่า พอมีกิน เศรษฐกิจพอเพียง หมายความว่า ผลิตอะไร มีพอที่จะใช้ ไม่ต้องขอยืมคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง ค าว่าพอ คนเราถ้าพอในความต้องการ มันก็มีความโลภ น้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย พอเพียงอาจมีมาก อาจมีของหรูหราก็ได้ แต่ต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น…” พระราชด ารัสพระราชทานในโอกาสที่คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เฉลิมพระ ชนมพรรษา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2541 “…เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเสมือนรากฐานของชีวิต รากฐานของความมั ่นคงของแผ่นดิน เปรียบเสมือนเสาเข็มที่ถูกตอกรองรับบ้านเรือนตัวอาคารไว้นั ่นเอง สิ่งก่อสร้างจะมั ่นคงได้ก็อยู่ที่เสาเข็ม แต่ คนส่วนมากมองไม่เห็นเสาเข็มและลืมเสาเข็มไปด้วยซ ้า” พระราชด ารัสจากวารสารชัยพัฒนาประจ าเดือนสิงหาคม 2542 “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการด ารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุก ระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศ ให้ด าเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์ ความ พอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจ าเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกัน ในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการน าวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการด าเนินการทุกขั้นตอน ขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของ คนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎีและนักธุรกิจในทุกระดับให้มีส านึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ด าเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียรมีสติ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 177 ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและ กว้างขวางทั้งด้าน วัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี 8.1 ความหมายของหลกัปรชัญาเศรษฐกิจพอเพียง “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชด ารัส ชี้แนะ แนวทางการด าเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด นานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ก่อนวิกฤตการณ์ ทางเศรษฐกิจ เมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย ้าแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถด ารงอยู่ได้ อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในเรื่องความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราช ด ารัสไว้ว่า “เศรษฐกิจพอเพียง แปลว่า Sufficiency economy ค าว่า Sufficiency economy นี้ไม่มี ในต าราเศรษฐกิจ จะมีได้อย่างไร เพราะว่าเป็นทฤษฎีใหม่ Sufficiency Economy นั้น ไม่มีในต ารา เพราะหมายความว่า เรามีความคิดใหม่โดยที่ท่านผู้เชี่ยวชาญสนใจก็หมายความว่าเราก็สามารถที่ จะไปปรับปรุงหรือไปใช้หลักการเพื่อที่จะให้เศรษฐกิจของประเทศและโลกพัฒนาดีขึ้น” (พระราช ด ารัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 23 ธันวาคม 2542) จากกระแสพระราชด ารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่อัญเชิญมากล่าวอ้าง จะเห็น ได้ว่า เศรษฐกิจพอเพียงที่พระองค์ท่านตรัสไว้ คือ แนวคิดที่ทรงย ้าเตือนให้พสกนิกรของพระองค์ มีจิตส านึกในการด ารงชีวิตอย่างมีสติ ตั้งอยู่บนเหตุและผล มีความพอประมาณในความต้องการ ไม่โลภ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน นอกจากกระแสพระราชด ารัสแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับเศรษฐกิจ พอเพียง ที่กล่าวมาแล้วนั้น ยังมีหน่วยงานและนักการศึกษาได้กล่าวถึงความหมายของเศรษฐกิจ พอเพียงอีก ดังนี้ ส านักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2548 : 8) ได้ให้ค านิยาม เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการด ารงอยู่และปฏิบัติตนของ ประชาชน ในทุกระดับชั้นตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและ บริหารประเทศ ให้ด าเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลก ยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจ าเป็น ที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกัน ในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลง ทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 178 ในการน าวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการด าเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้อง เสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุก ระดับให้มีส านึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ด าเนินชีวิตด้วย ความ อดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลก ภายนอกได้เป็นอย่างดี อภิชัย พันธเสน (2549: 17) ให้ความหมาย หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ แนวคิด ในการด าเนินชีวิตที่ต้องประกอบด้วย ความพอเพียงหรือความพอประมาณ คือ ไม่ฟุ่ มเฟือยแต่ ก็ไม่จ าเป็นต้องกระเบียดกระเศียรจนเกิดความเดือดร้อน แต่ที่ส าคัญที่สุดก็จะต้องมีเหตุผลแต่เป็น เหตุผลในพุทธธรรมหรือจริยธรรมของทุกศาสนา นั่นคือความไม่โลภจนเกินไป ซื่อสัตย์สุจริต และไม่ เอารัด เอาเปรียบผู้อื่น (ปรียานุช พิบูลสราวุธ. 2549: 10) ให้ความหมายหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจ าเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน จะต้อง อาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวัง กล่าวโดยสรุปได้ว่า หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง แนวทางการปฏิบัติตน และ การด าเนินชีวิตอันพึงประสงค์ ดังนี้ 1. ปฏิบัติตนให้มีความพอประมาณ รู้จักการประมาณตน รู้จักศักยภาพของตนที่มีอยู่ 2. ปฏิบัติตนอย่างมีเหตุผล ปฏิบัติสิ่งต่างๆ บนพื้นฐานของความมีสติปัญญา ยึดทางสายกลาง ในการปฏิบัติ 3. มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ 4. มีความรอบรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้อง สามารถคิดวิเคราะห์และปฏิบัติด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง 5. ปฏิบัติตนและด าเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรมตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ขยัน อดทน เพียรพยายาม แบ่งปัน มีสติปัญญา มีวินัย พึ่งตนเอง แบ่งปัน เอื้ออาทร รับผิดชอบ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 8.2 ความหมายของสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 179 สถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง สถานศึกษาที่น าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงไปใช้ในการจัดการเรียนรู้และบริหารจัดการสถานศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรม จัดกิจกรรม ห้องเรียน เศรษฐกิจพอเพียง/แผนกวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ในการปลูกฝังสร้างจิตส านึกให้นักเรียน/ นักศึกษา ให้มีความตระหนักในการด ารงชีวิตตามแบบอย่าง 6 พ. 4 ม. 1อ. ได้แก่ 6 พ. คือ พอมี พออยู่ พอกิน พอใช้ พอเพียง และพึ่งพาตนเอง 4 ม. คือ ไม่สุดโต่ง ไม่ตามกระแส ไม่ฟุ้งเฟ้อ และไม่ ฟุ่ มเฟือย 1 อ. คือ อริยสัจ 4 และเป็นสถานศึกษาแบบอย่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และการ บริหารจัดการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง “สถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง” ของ กระทรวงศึกษาธิการ 1. ความหมายของศาสตร์พระราชา การพัฒนาในทุกด้านนั้น ต้องอาศัยองค์ความรู้จาก 3 ศาสตร์ คือ ศาสตร์ชาวบ้าน ศาสตร์ สากล และศาสตร์พระราชา ศาสตร์ชาวบ้าน/ศาสตร์ภูมิปัญญาท้องถิ่น คือ องค์ความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ศาสตร์สากล คือ ความรู้ที่เรียนจากหนังสือ/ต ารา/เอกสารต่างๆ ศาสตร์พระราชา คือ โครงการตามพระราชด าริที่มีองค์ความรู้อยู่ในปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง (เกษม วัฒนชัย: ใต้ร่มธงไทย: 1) โครงการตามพระราชด าริก็คือ โครงการที่เกี่ยวกับการท ามาหากินของคนจน คือ ชาวไร่ ชาวนา โดยมีส านักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด าริ (ส านักงาน กปร.) เป็นผู้ดูแลกระจายอยู่ในทุกภูมิภาค 2. ความหมายหลกัปรชัญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวการด ารงอยู่และปฏิบัติตนของ ประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหาร ประเทศให้ด าเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุค โลกาภิวัฒน์


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 180 8.3 เศรษฐกิจพอเพียงส่ยูทุธศาสตรป์ ระเทศ สาระสา คญัของยทุธศาสตรช์าติระยะ 20 ปี ( พ.ศ. 2560-2579) ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2559 มาตรา 65 ได้ก าหนดให้มี “ยุทธศาสตร์ชาติ” เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศในระยะยาว พร้อมกับ การปฏิรูปการพัฒนาระบบและกลไกการบริหารราชการแผ่นดินในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ให้สามารถน าไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพของประเทศไทยในทุกภาค ส่วน และน าพาประเทศไทย ให้หลุดพ้นหรือบรรเทาความรุนแรงของสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นใน ปัจจุบัน ทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาความเหลื่อมล ้า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น และปัญหาความ ขัดแย้งในสังคม รวมถึงสามารถรับมือกับภัยคุกคาม และบริหารจัดการความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นใน อนาคต สามารถเปลี่ยนผ่านประเทศไปพร้อมๆ กับการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ใหม่ของโลกได้ ซึ่งจะ ท าให้ ประเทศไทยยังคงรักษาบทบาทส าคัญของเวทีโลก สามารถด ารงรักษาความเป็นชาติให้มี ความมั่นคง และคนไทยในประเทศมีความอยู่ดีมีสุขอย่างถ้วนหน้ากัน สาระสา คญัของยุทธศาสตรช์าติประกอบด้วยวิสัยทัศน์และเป้าหมายของชาติที่คนไทย ทุกคนต้องบรรลุร่วมกัน รวมทั้งนโยบายแห่งชาติและมาตรการเฉพาะซึ่งเป็นแนวทาง ทิศทาง และ วิธีการที่ทุกองค์กร และคนไทยทุกคนต้องมุ่งด าเนินการไปพร้อมกันอย่างประสานสอดคล้อง เพื่อให้ บรรลุ ซึ่งสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องการ คือ “ ประเทศไทยมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนในทุกสาขาก าลังอ านาจ ของชาติ” อันได้แก่การเมืองภายในประเทศ การเมืองต่างประเทศ เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา การศึกษา การทหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีและ การสื่อสาร ดังนี้ วิสัยทัศน์ “ ประเทศมีความมั ่นคง มั ่งคั ่ง ยั ่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ”


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 181 หลักการ “เชิดชูสถาบัน ประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้เป็นฐานในการพัฒนา ประเทศ และค่านิยมความเป็นไทย เพื่อสร้างความปรองดอง” ซึ่งมีองค์ประกอบคือ 1. แนวคิด: เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการด ารงอยู่ และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทย และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลง อยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัยเพื่อความมั่นคง 2. คุณลักษณะ : เศรษฐกิจพอเพียง สามารถน ามาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน 3. ค านิยาม: ความพอเพียงประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ ได้แก่ ความพอประมาณ คือ ความ พอดีที่ไม่น้อยหรือมากเกินไป ความมีเหตุผล คือ การตัดสินใจโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัย และค านึงถึง ผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีคือ การเตรียมพร้อม รับผลกระทบ และความเปลี่ยนแปลงที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต 4. เงื่อนไข: การตัดสินใจและการด าเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัย ทั้งความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน/ เงื่อนไข ได้แก่ เงื่อนไขความรู้ อันประกอบด้วยความรู้เกี่ยวกับ วิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะใช้ความรู้นั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน มีความระมัดระวังในขั้นตอนการปฏิบัติ และเงื่อนไขคุณธรรมอันประกอบด้วย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการด ารงชีวิต 8.4 หลกัการสา คญัของแผนพฒันาเศรษฐกิจและสงัคมแห่งชาติฉบบัที่12 (พ.ศ.2560- 2564) กระแสการเปิดเศรษฐกิจเสรี ความท้าทายของเทคโนโลยีใหม่ๆ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเกิดภัยธรรมชาติและโรคระบาดที่รุนแรง ประกอบกับภาวะด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศในปัจจุบันที่ประสบปัญหาในหลายด้านปัญหา ประสิทธิภาพการผลิต ความสามารถในการแข่งขัน คุณภาพการศึกษา ความเลื่อมล ้าทางสังคม เป็นต้น ท าให้การพัฒนาในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ให้ความส าคัญ กับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม กระบวนการพัฒนาประเทศวิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์และเป้าหมาย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 เป็นแผนยุทธศาสตร์


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 182 ที่ชี้น าทิศทางการพัฒนาประเทศระยะกลางเพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์ระยะยาวที่ทุกภาคส่วนในสังคมไทยได้ เห็นพ้องร่วมกันก าหนดวิสัยทัศน์ปี พ.ศ. 2570 ซึ่งก าหนดไว้ว่า “คนไทยภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีมิตรไมตรี บนวิถีชีวิตแห่งความพอเพียง ยึดมั ่นในวัฒนธรรมประชาธิปไตยและหลักธรรมมาภิบาล การบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานที่ทั ่วถึงมีคุณภาพสังคมมีความปลอดภัยและมั ่นคง อยู่ในสภาวะ แวดล้อมที่ดีเกื้อกูลและอาทรซึ่งกันและกัน” การพัฒนาประเทศในระยะแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 มุ่งบรรลุเป้าหมายในระยะ 5 ปีที่จะสามารถต่อยอด ในระยะต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนา ระยาวตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยมีหลักการส าคัญของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) โดยน้อมน าหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาก าหนดแผน ได้ดังนี้ 1. ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ต่อเนื่องมาตั้งแต่แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 เพื่อให้ เกิดบูรณาการการพัฒนาในทุกมิติอย่างสมเหตุสมผล มีความพอประมาณ มีระบบภูมิคุ้มกัน และ การบริหารจัดความเสี่ยงที่ดี ซึ่งเป็นเงื่อนไขจ าเป็นส าหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยมั่งเน้นการพัฒนา คนให้มีความเป็นคนที่สมบูรณ์ สังคมไทยเป็นสังคมคุณภาพ สร้างโอกาส และมีที่ยืนให้กับทุกคนใน สังคมได้ด าเนินชีวิตที่ดีมีความสุข และอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ ในขณะที่ระบบเศรษฐกิจของ ประเทศก็เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมีคุณภาพ และมีเสถียรภาพ การกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึง และเป็นธรรม เป็นการเจริญเติบโต ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ชุมชนวิถีชีวิตค่านิยม ประเพณี และวัฒนธรรม 2. ยึด-คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา มุ่งสร้างคุณภาพชีวิต และสุขภาวะที่ดีส าหรับคนไทย พัฒนาคนให้มีความเป็นคนที่สมบูรณ์มีวินัย ใฝ่รู้ มีความรู้ มีทักษะ มีความคิดสร้างสรรค์ มีทัศนคติ ที่ดี รับผิดชอบต่อสังคม มีจริยธรรม และคุณธรรม พัฒนาคนทุกช่วงวัยและเสริมความพร้อมเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ ร่วมถึงการสร้างคนให้ใช้ประโยชน์และอยู่กับสิ่งแวดล้อมอย่างเกื้อกูล อนุรักษ์ ฟื้นฟูใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม 3. ยึด-วิสัยทัศน์ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีมาเป็นกรอบของวิสัยทัศน์ประเทศไทย ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนา แล้วด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” หรือเป็นคติพจน์ประจ าชาติว่า “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” โดยที่วิสัยทัศน์ดั่งกล่าวสนองตอบต่อผลประโยชน์แห่งชาติ ได้แก่ การมีเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งเขตอ านาจรัฐ การด ารงอยู่อย่างมั่นคงยั่งยืนของสถานบันหลักของชาติ การด ารงอยู่อย่างมั่นคงของชาติและประชาชนจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ การอยู่ร่วมกันในชาติอย่าง


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 183 สันติสุขเป็นปึกแผนมีความมั่นคงทางสังคมท่ามกลางพหุสังคม การมเีกยีรตแิละศกัดศิ์รขีองความ เป็นมนุษย์ ความเจริญเติบโตของชาติ ความเป็นธรรม และความอยู่ดีมีสุขของประชาชน ความ ยั่งยืนของฐานทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงทางพลังงาน อาหาร และน ้าความสามารถ ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมระหว่างประเทศการ อยู่ร่วมกันอย่างสันติ ประสานสอดคล้องกัน ด้านความมั่นคงในประชาคมอาเซียน ประชาคมโลก อยา่งมเีกยีรตแิละศกัดศิ์รีประเทศไทยไมเ่ ป็นภาระของโลก และสามารถเกื้อกูลประเทศที่มีศักยภาพ ทางเศรษฐกิจด้อยกว่า 4. ยึดเป้าหมายอนาคตประเทศไทยปี 2579 ที่เป็นเป้าหมายในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มาเป็นกรอบในการด าเนินเป้าหมายที่จะบรรลุใน 5 ปีแรกและเป้าหมายในระดับย่อยลงมา โดยที่ เป้าหมายและตัวชี้วัดในด้านต่างๆ มีความสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้งนี้ เป้าหมายประเทศไทยในปี 2579 ซึ่งเป็นที่ยอมรับร่วมกันนั้นพิจารณาจากประเด็นหลักและลักษณะ ของการพัฒนา ลักษณะฐานการผลิต และบริการส าคัญของประเทศ ลักษณะของคนไทย สังคมไทย มีการพัฒนาอย่างมั่นคง และยั่งยืนบนฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน สังคมไทยเป็นสังคมที่เป็นธรรมมีความ เหลื่อมล ้าน้อย คนไทยเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นพลเมืองที่มีวินัยตื่นรู้และตื่นเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ตลอดชีวิต มีความรู้ มีทักษะ และทัศนคติ ที่เป็นค่านิยมที่ดี มีสุขภาพร่างกาย และจิตใจที่สมบูรณ์ มีความเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณ มีจิตสาธารณะ และท าประโยชน์ต่อส่วนรวมมีความเป็นพลเมือง ไทย พลเมืองอาเซียน และพลเมืองโลก ประเทศไทย มีบทบาทที่ส าคัญในเวทีนานาชาติ ระบบ เศรษฐกิจตั้งอยู่บนฐานของการใช้นวัตกรรมน าดิจิทัล สามารถแข่งขันในการผลิตได้และค้าขายเป็น มีความเป็นสังคมประกอบการ มีฐานการผลิต และบริการที่มีคุณภาพ และรูปแบบที่โดดเด่น เป็นที่ ต้องการในตลาดโลกเป็นฐานการผลิต และบริการที่ส าคัญ เช่น การให้บริการคุณภาพทั้งด้าน การเงิน ระบบโลจิสติกส์ บริการด้านสุขภาพ และท่องเที่ยวคุณภาพ เป็นครัวโลกของอาหารคุณภาพ และ ปลอดภัยเป็นฐานอุตสาหกรรมและบริการอัจฉริยะที่เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ใช้นวัตกรรม ทุน มนุษย์ทักษะสูง และเทคโนโลยีอัจฉริยะ มาต่อยอดฐานการผลิต บริการที่มีศักยภาพในปัจจุบันและ พัฒนาการผลิตการใหม่ เพื่อน าประเทศไทยไปสู่การมีระบบเศรษฐกิจ สังคม และประชาชนที่มีความ เป็นอัจฉริยะ 5. ยึดหลักการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดความเหลื่อมล ้า และการขับเคลื่อน การเจริญเติบโตจากการเพิ่มผลิตภาพการผลิตบนฐานของการใช้ภูมิปัญญาและนวัตกรรม แผน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 184 พัฒนาฯ ฉบับที่ 12 มุ่งเน้นความสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีความครอบคลุมทั่วถึง เพื่อเพิ่มขยายฐานกลุ่มประชากรชั้นกลางให้รายได้ต ่าสุด ร้อยละ 40 ให้สูงขึ้น นอกจากนี้ การเพิ่ม ผลิตภาพบนฐานของการใช้ภูมิปัญญา และพัฒนานวัตกรรมนับเป็นหัวใจส าคัญในการขับเคลื่อนการ พัฒนาในระยะต่อไปส าหรับทุกภาคส่วนในสังคมไทยโดยที่เส้นทางการพัฒนาที่มุ่งสู่การเป็นประเทศ ที่พัฒนาแล้วนั้น ก าหนดเป้าหมายทั้งในด้านรายได้ ความเป็นธรรม การลดความเหลื่อมล ้าและ ขยายฐานคนชั้นกลาง การสร้างสังคมที่มีคุณภาพ มีธรรมาภิบาล และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 6. ยึดหลักการน าไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างจริงจังใน 5 ปีที่ต่อยอดไปสู่ ผลสัมฤทธิ์ที่เป็นเป้าหมายระยะยาว จากการที่แผนพัฒนาฯ เป็นกลไกเชื่อมต่อในล าดับแรกที่จะ ก ากับ และส่งผลต่อแนวทางการพัฒนาเป้าหมายในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้เกิดการปฏิบัติในทุก ระดับ และในแต่ละด้านอย่างสอดคล้องกัน แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 จึงให้เกิดความส าคัญกับการใช้ กลไกประชารัฐที่เป็นการร่วมพลังขับเคลื่อนจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน และการก าหนด ประเด็นบูรณาการของการพัฒนาที่มีล าดับความส าคัญสูง และได้ก าหนดในระดับแผนงาน/โครงการ ส าคัญที่จะตอบสนองต่อเป้าหมาย การพัฒนาได้อย่างแท้จริง ร่วมทั้งการก าหนดเป้าหมายตัวชี้วัดที่ มีความครอบคลุมหลากหลายมิติมากกว่าในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ผ่านๆ มาในการก าหนดเป้าหมาย ได้ค านึงถึงความสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของยุทธศาสตร์ชาติและการเป็นกรอบก ากับ เป้าหมาย และตัวชี้วัดในระดับย่อยลงมาที่จะต้องถูกส่งต่อ และก ากับให้สามารถด าเนินการให้ เกิดข้นึอย่างมผีลสมัฤทธภิ์ายใต้กรอบการจดัสรรงบประมาณ การติดตามและประเมนิผลการใช้ จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินและการประเมินผลการปฏิบัติราชการร่วมทั้งการพัฒนาระบบราชการที่ สอดคล้องเป็นสาระเดียวกัน หรือเสริมหนุนซึ่งกันและกัน แผนพัฒนาฯฉบับที่ 12 จึงก าหนดประเด็น บูรณาการเพื่อการพัฒนาให้เป็นแนวทางส าคัญประกอบการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน รวบรวม และก าหนดแผนงาน/โครงการส าคัญในระดับปฏิบัติ ก าหนดจุดเน้นในการพัฒนาเชิงพื้นที่ในระดับ สาขา การผลิตและการบริการในจังหวัดที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ส าคัญในด้านต่างๆ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 185 8.5 พระราชบญัญตัิการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 ได้กล่าวถึงการจัดการเรียนรู้ไว้ดังนี้ มาตรา 23 ได้เสนอแนวทางการจัดการเรียนการสอนของครู ไว้ว่าต้องเน้นความส าคัญ ทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และบูรณาการตามความเหมาะสม ของแต่ละระดับ การศึกษาในเรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม ได้แก่ ครอบครัวและ ชุมชน ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทยและการประยุกต์ใช้ภูมิ ปัญญาไทย ความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพและการด ารงชีวิตอย่างมีความสุข มาตรา 24 การจัดกระบวนการเรียนรู้ว่า จัดเนื้อหาและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจ และความถนัดของผู้เรียน โดยค านึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะกระบวนความคิด การจัดการเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและการแก้ไขปัญหาจัด กิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกปฏิบัติให้ท าได้ คิดเป็น ท าเป็น และเกิดการใฝ่รู้ อย่างต่อเนื่อง จัดการเรียนการสอน โดยผสมผสานความรู้ต่างๆ อย่างได้สัดส่วน และสมดุลกัน รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สร้างบรรยากาศ และ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนการสอน จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่มีการ ประสานความร่วมมือกับบิดามารดา ผู้ปกครอง และบุคลากรในชุมชนทุกฝ่ายเพื่อร่วมพัฒนาผู้เรียน ตามศักยภาพ มาตรา 27 ให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหน้าที่จัดท าสาระของหลักสูตรตามวัตถุประสงค์ ก าหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ การด ารงชีวิต และการประกอบอาชีพ ตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ ให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่ จัดสาระของหลักสูตรตามวัตถุประสงค์เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชน สังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชนสังคม และประเทศชาติ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 186 8.6 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กับหลัก ปรชัญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีรายละเอียด (กระทรวงศึกษาธิการ 2551) ดังนี้ 1. วิสัยทัศน์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนซึ่งเป็นก าลังของชาติ ให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรมมีจิตส านึกในความเป็นพลเมืองไทย และเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุขมีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จ าเป็นต่อการศึกษา ต่อการประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต โดยรู้เรียนเป็นส าคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และ พัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพ 2. จุดหมาย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาให้เป็นคนดีมีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียนเมื่อจบการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ดังนี้ 2.1 มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัย และ ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 2.2 มีความรู้ความสามารถในการสื่อสาร การคิด แก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต 2.3 มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัยและรักการออกก าลังกาย 2.4 มีความรักชาติ มีจิตส านึกในความเป็นพลเมืองไทย พลเมืองโลกยึดมั่นในวิถีชีวิต และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.5 มีจิตส านึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งท าประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข 3.สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน หลักสูตรแกนกลางศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะส าคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถ ในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมใน การใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้า ความรู้สึกและทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยน ข้อมูลข่าวสาร ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจา


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 187 ต่อรองเพื่อขจัด และลดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลัก เหตุผล และความถูกต้องตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ โดยค านึงถึงผลกระทบ ที่มีต่อตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิด วิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อน าไปสู่การสร้างองค์ ความรู้หรือสารสนเทศเพื่อการตดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผลคุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจ ความสัมพันธ์การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ประยุกต์ความรู้มาใช้ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา มีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยค านึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อ ตนเองสังคมและสิ่งแวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการน ากระบวนการต่างๆ ไปใช้ในการด าเนินชีวิตประจ าวัน การเรียนรู้ด้วยตนเองการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การท างานและการ อยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหา ความ ขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสมการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม การรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรม ไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้เทคโนโลยี ด้านต่างๆ มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การท างาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ถูกต้องเหมาะสมและมีคุณธรรม 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งพัฒนาผู้เรียน ให้มีคุณลักษณะอังพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลเมืองโลก ดังนี้ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์สุจริต 3. มีวินัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 6. มุ่งมั่นในการท างาน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 188 7. รักความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ 5.สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ประกอบด้วย องค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู้ และคุณลักษณะ อังพึงประสงค์ ซึ่งก าหนดให้ผู้เรียนทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจ าเป็ นต้องเรียนรู้ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ดังนี้ 1) ภาษาไทย มีความรู้ ทักษะ และวัฒนธรรมการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร ความชื่นชม การเห็นคุณค่าภูมิปัญญาไทย และภูมิใจในภาษาประจ าชาติ 2) คณิตศาสตร์ มีการน าความรู้ทักษะ และกระบวนการ ทางคณิตศาสตร์ไปใช้ในการ แก้ปัญหา การด าเนินชีวิต และศึกษาต่อการมีเหตุมีผล มีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ พัฒนาการคิด อย่างเป็นระบบ และสร้างสรรค์ 3) วิทยาศาสตร์ มีการน าความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ในการศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ และจิตวิทยาศาสตร์ 4) สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มีการอยู่ร่วมกันในสังคมไทย และสังคมโลกอย่าง สันติสุข การเป็นพลเมืองดี ศรัทธาในหลักธรรมของศาสนาการเห็นคุณค่าของทรัพยากรและ สิ่งแวดล้อม ความรักชาติและภูมิใจในความเป็นไทย 5) สุขศึกษาและพลศึกษา มีความรู้ ทักษะและเจตคติ ในการสร้างเสริมสุขภาพพลานามัย ของตนเองและผู้อื่น การป้องกันและปฏิบัติต่อสิ่งต่างๆ ที่มีผลต่อสุขภาพอย่างถูกวิธีและมีทักษะ ในการด าเนินชีวิต 6) ศิลปะ มีความรู้และทักษะในการคิดริเริ่ม จินตนาการ สร้างสรรค์งานศิลปะ สุนทรียภาพ และการเห็นคุณค่าทางศิลปะ 7) การงานอาชีพและเทคโนโลยี มีความรู้ ทักษะและ เจตคติในการท างาน การจัดการ การด ารงชีวิต การประกอบอาชีพ และการใช้เทคโนโลยี 8) ภาษาต่างประเทศ มีความรู้ทักษะ เจตคติและวัฒนธรรมการใช้ภาษาต่างประเทศใน การสื่อสาร การแสวงหาความรู้และการประกอบอาชีพ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 189 8.7 หลกัปรชัญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เริ่มมาจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 ได้น้อมน าเนื้อหาเกี่ยวกับ “หลักการ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”ตามค านิยามที่ส านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รับพระราชทานเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 เข้าสู่หลักสูตร โดยระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้ของสาระการเรียนรู้กลุ่มสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระ เศรษฐศาสตร์ ก าหนดให้นักเรียนทุกระดับชั้น เมื่อจบการศึกษาตามหลักสูตรนี้แล้ว จะต้องเข้าใจ และสามารถบริหารจัดการทรัพยากรการผลิตและการบริโภค การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจ ากัดได้ อย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการด ารงชีวิตอย่าง มีดุลยภาพ ส่งผลให้เกิดการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับ “หลักเศรษฐกิจพอเพียง” อย่างแพร่หลาย ในโรงเรียนทั่วไป แต่ก็พบว่ายังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้องชัดเจน เกี่ยวกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง ในภาคการศึกษา เนื่องจากการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรที่ก าหนดไว้ดังกล่าว มักมุ่งเน้นที่กิจกรรม เกษตร การปลูกพืชผักสวนครัวในโรงเรียน หรือกิจกรรมการออมทรัพย์ เป็นส่วนมาก แต่ยังไม่ได้ มุ่งเน้นการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นหลักคิด หลักปฏิบัติในการ ประพฤติตน และการท ากิจกรรมต่างๆ ตามมาตรฐานตัวชี้วัดในหลักสูตรการศึกษามุ่งหวังให้เกิดขึ้น ในปี พ.ศ. 2549 คณะท างานขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ภายใต้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และโครงการวิจัยเศรษฐกิจพอเพียง ส านักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดการประชุมอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดท าตัวอย่าง แผนการจัดการเรียนการสอนส าหรับครูที่สอนแต่ละสาระการเรียนรู้ และระดับชั้นต่างๆ เพื่อน าไปใช้ เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ให้บรรลุตามมาตรฐานตัวชี้วัดที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรการศึกษา โดยมีคณะผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหาร และครูจากทั่วประเทศร่วมกันท างาน จนได้กรอบเนื้อหาในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ “หลักเศรษฐกิจพอเพียง” ของแต่ละช่วงชั้น และตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ที่ บูรณาการ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ทุกระดับชั้น และทุกสาระการเรียนรู้ โดยเผยแพร่ไปทั่ว ประเทศ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2550 ต่อมาส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 ให้มีความชัดเจนในเป้าหมาย และคุณภาพของผู้เรียน สอดคล้องกับ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 โดยประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ซึ่งได้ ก าหนด 1 ใน 5 เป้าหมายของหลักสูตร คือ “การพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 190 ที่พึงประสงค์ มีวินัย และปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึด หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Character) หรือจุดเน้น คุณภาพผู้เรียน 8 ประการ ได้แก่ รักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่าง พอเพียง มุ่งมั่นในการท างาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ การก าหนดมาตรฐานตัวชี้วัด ในหลักสูตร พ.ศ. 2551 จึงเป็นไปในทิศทางการปลูกฝังและบ่มเพาะผู้เรียนให้ยึดหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงในการคิด การวางแผน และการปฏิบัติตน พร้อมกับคุณลักษณะอื่นๆ ที่จ าเป็นใน การด าเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 ศูนย์ขับเคลื่อนสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งด าเนินการ โดยส านักส่งเสริมกิจการการศึกษา ส านักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รับผิดชอบในการขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์ โดยด าเนินการเป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในภาคการศึกษา ทุกสังกัดส่งเสริมสนับสนุนให้มีการน าแผนงาน โครงการ และกิจกรรมสู่การปฏิบัติ เพื่อให้เกิดการ พัฒนาผู้บริหาร ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้ความสามารถในการน้อมน า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การบริหารจัดการสถานศึกษา และการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้เกิดการน าไปปลูกฝัง ให้เด็ก และเยาวชนรู้จักคิดวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผล ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง คือ มีความ พอประมาณ มีเหตุมีผล และมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี มีความรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวังด้วยสติปัญญา ขยัน อดทน พากเพียร ซื่อสัตย์ สุจริต เห็นคุณค่าของทรัพยากรต่างๆ ฝึกการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่าง เอื้อเฟื้ อเผื่อแผ่ แบ่งปัน มีจิตส านึกรักษ์สิ่งแวดล้อม และเห็นคุณค่าของวัฒนธรรม ค่านิยม เอกลักษณ์ความเป็นไทย สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของรัฐบาลที่ก าหนดให้กระทรวงศึกษาธิการรับผิดชอบ ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยุทธศาสตร์ การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน มุ่งเตรียม คนให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง โดยให้ความส าคัญกับการพัฒนาคุณภาพคนไทยทุกช่วงวัย ให้มีภูมิคุ้มกัน เพื่อเข้าสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง มาเสริมสร้างศักยภาพของคนไทยในทุกมิติ ให้มีความพร้อมทั้งด้านร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง มีสติปัญญารอบรู้และมีจิตใจที่ส านึกในคุณธรรม จริยธรรม มีความเพียร และรู้คุณค่าความเป็นไทย มีโอกาส และเรียนรู้ตลอดชีวิต ควบคู่กับการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมในสังคม และสถาบันทาง สังคมให้เข้มแข็ง เอื้อต่อการพัฒนาคน รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาชุมชน/ท้องถิ่นให้เข้มแข็ง สามารถ สร้างภูมิคุ้มกันให้คนในชุมชน และเป็นพลังทางสังคมในการพัฒนาประเทศ


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 191 ภาพที่ 20 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 1. สถานศึกษาพอเพียง สถานศึกษาที่น้อมน าปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการ สถานศึกษา และจัดการศึกษาในสถานศึกษาในทุกมิติ (Whole School Approach) รวมถึงการ พัฒนาบุคลากรของสถานศึกษาให้เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง โดยน าหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักคิดหลักปฏิบัติในการท างาน และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อปลูกฝัง ให้ผู้เรียนเกิดค่านิยม บ่มเพาะอุปนิสัย และคุณลักษณะ “อยู่อย่างพอเพียง” รวมถึงการจัด สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ทั้งทางกายภาพ วัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันของสังคม และเป็นแบบอย่าง ที่ดีในการปฏิบัติ คณะกรรมการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ภาคการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน จึงได้จัดท ายุทธศาสตร์การขับเคลื่อนปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา โดยก าหนดเป้าหมายให้มีการพัฒนา และขยายผลให้มี “สถานศึกษาที่เป็นแบบอย่างในการจัดการเรียนการสอน และการบริหารจัดการสถานศึกษาตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (สถานศึกษาพอเพียง) ไม่ต ่ากว่า 800 แห่งทั่วประเทศ ภายใน ปี พ.ศ. 2552 และสถานศึกษาทุกแห่งน้อมน าปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเข้าสู่สถานศึกษาภายใน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 192 ปี พ.ศ. 2554 และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ข้างต้น คณะท างานขับเคลื่อนปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ภาคการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และโครงการวิจัยเศรษฐกิจพอเพียง ส านักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้ร่วมมือกันพัฒนาสื่อเรียนรู้ต่างๆ และวิทยากรขับเคลื่อน ขยายผล เพื่อพัฒนาคุณภาพการด าเนินงาน และพัฒนาเครื่องมือประเมิน “สถานศึกษาพอเพียง” ส าหรับผู้ประเมินของหน่วยงานต้นสังกัดที่มีสถานศึกษาในการก ากับดูแล เพื่อให้การขับเคลื่อน สถานศึกษาพอเพียงเป็นไปอย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ จนสามารถบรรลุเป้าหมาย ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนในระยะแรก 2. สถานศึกษาพอเพียงที่มีผลการปฏิบตัิที่เป็ นเลิศ สถานศึกษาพอเพียงที่มีผลที่ได้รับการคัดเลือกเป็น “รางวัลสูงสุดระดับชาติ สถานศึกษา พอเพียง ที่มีผลการปฏิบัติงานเป็นเลิศระดับประเทศ” ประกาศโดยศูนย์สถานศึกพอเพียง มูลนิธิ ยุวสถิรคุณ ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สู่สถานศึกษาตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา และช่วยสนับสนุนให้เกิดการขยายผลอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการให้สถานศึกษาที่ ได้รับประกาศเป็นสถานศึกษาพอเพียงกว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ และมีศักยภาพเป็นแหล่งเรียนรู้ เกี่ยวกับการด ารงชีวิตอย่างพอเพียง และการจัดการศึกษาที่ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จนสามารถเป็นแบบอย่างให้แก่สถานสถานศึกษาพอเพียงอื่นๆ รวมถึงชุมชนและสังคมในวงกว้าง ได้ ยกระดับคุณภาพไม่ให้หยุดนิ่ง หลังจากได้รับการประกาศเป็นสถานศึกษาพอเพียง แล้วโดยเปิด โอกาสให้ส่งผลงานการน าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการจัดการศึกษา ซึ่งปรากฎ ภาพความส าเร็จของสถานศึกษาผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรของสถานศึกษา และผู้เรียนโดยเฉพาะ อย่างยิ่งผู้เรียนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักปรัชญาของปฏิบัติตนให้ด าเนินชีวิตได้อย่าง สมดุล และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง 3. โครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง กระบวนการขับเคลื่อนสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง 1. การขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง กระทรวงศึกษาธิการ การขับเคลื่อน โครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง กระทรวงศึกษาธิการ ด าเนินการโดยศูนย์ขับเคลื่อน สถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ส านักส่งเสริมกิจการการศึกษา ส านักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ มีกระบวนการขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้ 1) ด าเนินการจัดท านโยบาย ข้อสั่งการ องค์ความรู้ และมาตรการเสริมแรง 2) จัดท ากลไกการขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 193 3) จัดท ายุทธศาสตร์ กลยุทธ์ มาตรการ แผนยุทธศาสตร์และหลักสูตรการอบรม 4) อ านวยการ ก ากับ ติดตาม ประเมินผล การด าเนินงานทุกระดับ 5) ให้ความเห็นชอบผลการขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงระดับดีเด่น 6) จัดท ามาตรการเสริมแรงและมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ 2. การขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง องค์กรหลัก การขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์กรหลัก ด าเนินการโดยศูนย์ ขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์กรหลักในกระทรวงศึกษาธิการ โดยมี กระบวนการขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้ 1) น านโยบายไปสู่การปฏิบัติ โดยกลไกการขับเคลื่อนในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค 2) จัดท าองค์ความรู้และแผนปฏิบัติงานสนับสนุนการด าเนินงานในพื้นที่ 3) จัดท าข้อสั่งการ มาตรการขับเคลื่อนของหน่วยงาน และสถานศึกษา 4) อ านวยการ ก ากับ ติดตาม การด าเนินงานโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ที่เข้มแข็ง ต่อเนื่อง และยั่งยืน 5) ให้ความเห็นชอบผลการปฏิบัติงานโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงระดับดีเด่น เสนอกระทรวงศึกษาธิการ 3. การขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ระดับจังหวัด/ระดับเขตพื้นที่ การศึกษา การขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ระดับจังหวัดและ/หรือระดับเขตพื้นที่ การศึกษา ด าเนินการโดยศูนย์ขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงระดับจังหวัดและ/ หรือระดับเขตพื้นที่การศึกษา โดยมีกระบวนการขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้ 1) จัดท าแผนปฏิบัติงานโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง 2) จัดท าแผนการอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจในการด าเนินงานโครงการสถานศึกษา เศรษฐกิจพอเพียง 3) ด าเนินการขับเคลื่อนนโยบายโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติ ในสถานศึกษา 4) อ านวยการ ก ากับ ติดตาม การด าเนินงานโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง 5) ประสานงาน บูรณาการกับทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 194 4. การขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ระดับสถานศึกษา การขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ระดับสถานศึกษา ด าเนินการโดย ผู้บริหารสถานศึกษา ครู บุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาทุกแห่งในสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีกระบวนการขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้ 1) ผู้บริหารสถานศึกษาน านโยบายการขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ไปสู่การปฏิบัติโดยการจัดท าบันทึกข้อตกลง (MOU) และมอบนโยบายการขับเคลื่อนโครงการ สถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงให้กับคณะครู บุคลากร เด็ก นักเรียน/นักศึกษา 2) จัดท าแผนการอบรมให้ความรู้ และด าเนินการอบรมครู บุคลากร นักเรียน นักศึกษา 3) บริหารจัดการสถานศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้หลัก 4 M และกระบวนการบริหารวงจรคุณภาพ (PDCA) 4) จัดท าค าสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอ านวยการ คณะกรรมการปฏิบัติงาน และคณะท างาน โครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง 5) ประสานงานกับชุมชน แสวงหาความร่วมมือ ใช้ทรัพยากรร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ 5. ห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง/แผนกวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง/แผนกวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ด าเนินการโดยครูประจ าชั้น ครูที่ปรึกษา ครูประจ าวิชา นักเรียน/นักศึกษาแกนน า โดยมีกระบวนการขับเคลื่อนห้องเรียน เศรษฐกิจพอเพียงแผนกวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้ - ห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง/แผนกวิชาเศรษฐกิจพอเพียง มีผลิตภัณฑ์ตามบริบทของ สถานศึกษา สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 1) ภายในห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง/แผนกวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย คณะกรรมการนักเรียน/นักศึกษาแกนน า 4 กลุ่มงาน คือ กลุ่มงานด้านองค์ความรู้ กลุ่มงานด้าน การผลิต กลุ่มงาน ด้านการตลาด และกลุ่มงานด้านการเงิน/การบัญชี 2) ครูประจ าชั้น อาจารย์ที่ปรึกษา และนักเรียน/นักศึกษาแกนน า น าความรู้มาจัดท า แผนงาน/แผนปฏิบัติการตามกระบวนการวงจรคุณภาพ (PDCA) 3) นักเรียน/นักศึกษาแกนน า วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานและประสานผู้ปกครอง ผู้น าท้องถิ่น ชุมชน เพื่อร่วมมือกันสร้างอาชีพ 4) ด าเนินการระดมเงินทุน ออมทรัพย์ โดยการจัดท าโครงงานท ามาหากิน และจัดท าบัญชี รายรับ-รายจ่าย


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 195 5) ด าเนินการตามบริบท วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียง ยุทธศาสตร์การด าเนินงานโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตร์การด าเนินงานโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง 5 ด้าน ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ยุทธศาสตร์ด้านแผนงานเศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยุทธศาสตร์ด้านความรู้เศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยุทธศาสตร์ด้านห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตร์ที่ 4 ยุทธศาสตร์ด้านสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตร์ที่ 5 ยุทธศาสตร์ด้านชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง ภาพที่ 21 ยุทธศาสตร์การด าเนินงานโครงการสถานศึกษาพอเพียง ยุทธศาสตร์ที่ 1 ยุทธศาสตร์ด้านแผนงานเศรษฐกิจพอเพียง การขับเคลื่อนการด าเนินงานจัดการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงในสถานศึกษาให้มีความเข้มแข็ง ต่อเนื่อง และยั่งยืน สถานศึกษาและหน่วยงาน ต้นสังกัดต้องจัดท าแผนปฏิบัติการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงให้สอดคล้องกับภารกิจตาม มาตรการ ดังนี้ 1.1 มาตรการในการด าเนินงานสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง 1) หน่วยงานต้นสังกัด สถานศึกษาแต่งตั้งคณะท างานจัดท าแผนปฏิบัติการ 2) จัดประชุมคณะท างานจัดท าแผนปฏิบัติการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตรก์ารดา เนินงานโครงการสถานศึกษาพอเพียง ยุทธศาสตร์ที่ 1 แผนงาน เศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านความรู้ เศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านห้องเรียน เศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านสถานศึกษา เศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตร์ที่ 5 ด้านชุมชน เศรษฐกิจพอเพียง


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 196 3) เสนอแผนปฏิบัติการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงให้ผู้บริหารสถานศึกษาให้ความ เห็นชอบ 4) จัดกิจกรรม/โครงการตามแผนปฏิบัติการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง 5) สรุปผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง 1.2 ตัวชี้วัด สถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ มีการด าเนินการจัดท า แผนปฏิบัติการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง และจัดกิจกรรมตามแผนปฏิบัติการสถานศึกษา เศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยุทธศาสตร์ด้านความรู้เศรษฐกิจพอเพียง การจัดการด้านความรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในสถานศึกษา ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครู อาจารย์ นักเรียน/นักศึกษา จะต้องมีความรู้ความเข้าใจตามกระบวนการ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อน าไปใช้และด าเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขตามมาตรการ ดังนี้ 2.1 มาตรการในการด าเนินงานองค์ความรู้การด าเนินงานสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง 1) ศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ รวบรวมองค์ความรู้ 2) จัดท าหลักสูตรการเรียนรู้ หลักสูตรการอบรม เพื่อปลูกฝังจิตส านึกตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ตามกระบวนการพัฒนาสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง 3) จัดท าคู่มือการด าเนินงานและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามกระบวนการสถานศึกษา เศรษฐกิจพอเพียง 4) จัดประชุมชี้แจง อบรมกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องในการด าเนินงานโครงการสถานศึกษา เศรษฐกิจพอเพียง 5) ตดิตามผลการปฏบิตังิาน ผลสมัฤทธใิ์นดา้นการศกึษาและการปฏบิตัติน 2.2 ตัวชี้วัด สถานศึกษามีการด าเนินงานจัดกิจกรรมการเรียนรู้และวัดผลสัมฤทธิตาม์ กลุ่มเป้าหมายในสถานศึกษา ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยุทธศาสตร์ด้านห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง กระบวนการพัฒนาสถานศึกษา เศรษฐกิจพอเพียง มีจุดเริ่มต้นที่นักเรียน/นักศึกษา ครู/อาจารย์ ต้องมีความรู้ความเข้าใจในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และผู้เรียนต้องมีการฝึกปฏิบัติเพื่อ ปลูกฝังให้มีจิตส านึกตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามมาตรการ ดังนี้ 3.1 มาตรการในการด าเนินงานห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง 1) ศึกษาสภาพภูมิศาสตร์ของพื้นที่ และจ าแนกกลุ่มเป้าหมายเป็น 4 กลุ่มงาน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 197 2) ครูประจ าชั้น/ครูที่ปรึกษา นักเรียน/นักศึกษาแกนน า 4 กลุ่มงาน จัดท าแผนงาน/ กิจกรรมห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง 3) จัดท าโครงงานท ามาหากิน และสมุดบันทึกรายรับ-รายจ่าย 4) จัดท าสมุดบัญชีออมทรัพย์เศรษฐกิจพอเพียง สมุดบัญชีครัวเรือนเศรษฐกิจพอเพียง 5) จัดท าบันทึกการด าเนินงาน และการจัดท ากิจกรรมของ 4 กลุ่มงาน 3.2 ตัวชี้วัด สถานศึกษามีการด าเนินงานจัดกิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยีงและดา เนินการวดัผลสมัฤทธคิ์ุณภาพ/คุณลกัษณะตามหลกัปรชัญาของเศรษฐกจิพอเพยีง ยุทธศาสตร์ที่ 4 ยุทธศาสตร์ด้านสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง การด าเนินงานพัฒนาสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง และการด าเนินงานตามนโยบายของ กระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารสถานศึกษาจัดท าแผนปฏิบัติการ และด าเนินการจัดท าโครงการ/ กิจกรรมเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ และให้สถานศึกษามีกระบวนการด าเนินงานที่เข้มแข็ง ต่อเนื่อง และยั่งยืนตามมาตรการ ดังนี้ 4.1 มาตรการในการด าเนินงานสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง 1) ผู้บริหารสถานศึกษาจัดท าแผนปฏิบัติการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง 2) ผู้บริหารสถานศึกษาอกนวยการ ก ากับ ติดตาม และประเมินผลการด าเนินงาน 3) ส่งเสริม สนับสนุนการด าเนินงานสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง 4) ส่งเสริม สนับสนุนการด าเนินงานห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง ตลาดนัดเศรษฐกิจ พอเพียง 5) จัดตั้งธนาคารเศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรม 1วัน 1สัปดาห์ 1เดือน ชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง 4.2 ตัวชี้วัด สถานศึกษาจัดกิจกรรมการเรียนรู้และกิจกรรมห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง ตามกระบวนการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีนักเรียน/นักศึกษาแกนน า 4 กลุ่มงาน และทุกห้องเรียนด าเนินงานกิจกรรมห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตร์ที่ 5 ยุทธศาสตร์ด้านชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง การด าเนินงานสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วยกิจกรรมการเรียนรู้และกิจกรรม ห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง โดยนักเรียน/นักศึกษาแกนน า 4 กลุ่มงาน สมาชิกในห้องเรียนทุกคน มีส่วนร่วมในการผลิตผลงาน/ผลิตภัณฑ์ เพื่อจ าหน่ายให้แก่ชุมชนรอบสถานศึกษา และตลาดนัด ชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง ร้านค้าสหกรณ์ในชุมชนเป็นแหล่งรับ และจ าหน่ายผลิตภัณฑ์/ผลิตผล โครงงาน ท ามาหากินตามมาตรการ ดังนี้ 5.1 มาตรการในการด าเนินงานชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 198 1) ผู้บริหารสถานศึกษาท าบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับผู้น าชุมชน ในการเป็นแหล่ง รับ และจ าหน่ายผลิตภัณฑ์/ผลิตผลโครงงานท ามาหากินของสถานศึกษา 2) ผู้บริหารสถานศึกษาจัดท าแผนงานประสานความร่วมมือกับชุมชน 3) ผู้บริหารสถานศึกษาและชุมชนมีการจัดท าแผนงานการจัดการตลาด 4) ผู้น าชุมชนจัดพื้นที่ตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียงให้มีการจ าหน่ายผลิตภัณฑ์และ ผลิตผลโครงงานท ามาหากิน 5) ผู้น าชุมชนส่งเสริม สนับสนุนโครงงานท ามาหากินตามกระบวนการสถานศึกษาเศรษฐกิจ พอเพียง 5.2 ตัวชี้วัด ชุมชนจัดให้มีแหล่งรับและจ าหน่ายผลิตภัณฑ์/ผลิตผลโครงงานท ามาหากิน และ มีตลาดนัดชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง ภาพที่ 22 กลยุทธ์การด าเนินงานโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง การขับเคลื่อนโครงการสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นกระบวนการปลูกฝังจิตส านึก ในการด ารงชีวิตที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดยค านึงถึงความ พอประมาณ ความมีเหตุผลและความไม่ประมาท ด้วยกลยุทธ์การด ารงชีวิต 6 พ. 4 ม. 1อ. ดังนี้ 1. ด ารงชีวิตด้วย 6 พ. คือ พอมี พออยู่ พอกิน พอใช้ พอเพียง และพึ่งตนเอง 2. ไม่ด ารงชีวิตด้วย 4 ม. คือ ไม่สุดโต่ง ไม่ตามกระแส ไม่ฟุ้งเฟ้อ และไม่ฟุ่ มเฟือย 3. ด ารงชีวิตด้วยหลักธรรม 1 อ. คือ อริยสัจ 4 ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ด้านองค์ความรู้ ด้านการผลิต ด้านการตลาด ด้านการเงิน กลุ่มงานห้องเรียนเศรษฐกิจพอเพียง ห้องเรียนพอเพียง ยุทธศาสตร์สถานศึกษาเศรษฐกิจ ด้านแผนงาน ด้านความรู้ ด้านสถานศึกษา ด้านชุมชน


กลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมการบริหารสถานศึกษา 199 กลยุทธ์ 6 พ. กลยุทธ์ 6 พ. เป็นการสร้างอุปนิสัยและอัตลักษณ์ให้แก่ผู้เรียน ดังนี้ 1) พอมี : ผู้เรียนมีการวางแผนในการจัดท าโครงงานท ามาหากิน 2) พออยู่ : ผู้เรียนรู้จักการด ารงชีวิตตามปัจจัย 4 อย่างพอเพียง 3) พอกิน : ผู้เรียนรู้จักการด ารงชีวิตตามสภาพความเป็นอยู่ด้วยเหตุผล 4) พอใช้ : ผู้เรียนสามารถควบคุมรายรับ-รายจ่ายตามความเป็นจริง เป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน ให้กับตนเอง 5) พอเพียง : ผู้เรียนสามารถด ารงชีวิตได้อย่างมีความสุขตามแนวทางมีความรู้ มีคุณธรรม 6) พึ่งตนเอง : ผู้เรียนมีอุปนิสัยการอยู่ร่วมกับชุมชน/สังคมตามมิติแห่งความสมดุลของ ชุมชน/สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม กลยุทธ์ 4 ม. กลยุทธ์ 4 ม. เป็นการสร้างอุปนิสัยให้แก่ผู้เรียน ดังนี้ 1) ไม่สุดโต่ง ผู้เรียนด ารงชีวิตตามแนวทางสายกลาง ขจัดปัญหาความขัดแย้ง 2) ไม่ตามกระแส ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานของตนเอง ครอบครัว ชุมชน และ สังคม 3) ไม่ฟุ้งเฟ้อ: ผู้เรียนมีอุปนิสัยในการประหยัดอดออมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 4) ไม่ฟุ่มเฟือย: ผู้เรียนมีอุปนิสัยในการด ารงชีวิตตามอัตภาพของตนเอง และครอบครัว กลยุทธ์ 1 อ. กลยุทธ์ 1 อ. เป็นการน าหลักธรรมค าสอนของศาสนามาใช้ในการด ารงชีวิต เพื่อความสงบ ร่มเย็น โดยมีความจริงอยู่ 4 ประการ คือ การมีอยู่ของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และหนทาง ไปสู่ความดับทุกข์ ความจริงเหล่านี้เรียกว่า “อริยสัจ 4” ดังนี้ 1. ทุกข์คือ การมีอยู่ของทุกข์ ได้แก่ เกิด แก่ เจ็บ และตายล้วนเป็นทุกข์ ความเศร้าโศก ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความวิตกกังวล ความกลัว และความผิดหวังล้วนเป็นทุกข์ การพลัด พรากจากของที่รัก ก็เป็นทุกข์ ความเกลียดก็เป็นทุกข์ความอยาก ความยึดมั่นถือมั่น ความยึดติดใน ขันธ์ทั้ง 5 ล้วนเป็นทุกข์ 2. สมุทัย คือ เหตุแห่งทุกข์ เพราะอวิชา ผู้คนจึงไม่สามารถเห็นความจริงของชีวิต พวกเขา ตกอยู่ในเปลวเพลิงแห่งตัณหา ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความเศร้าโศก ความวิตกกังวล ความ กลัว และความผิดหวัง


Click to View FlipBook Version