แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา วิทยาศาสตร์ ว22102 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสตรีราชินูทิศ นางสาวมณีรัตน์ สังสหชาติ รหัสประจำตัวนักศึกษา 63040112117 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไปและเคมี การฝึกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา 2 รหัสวิชา ED18501 (INTERNSHIP IN SCHOOL 2) คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา วิทยาศาสตร์ ว22101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสตรีราชินูทิศ นางสาวมณีรัตน์ สังสหชาติ รหัสประจำตัวนักศึกษา 63040112117 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไปและเคมี การฝึกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา 2 รหัสวิชา ED18501 (INTERNSHIP IN SCHOOL 2) คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566
บันทึกข้อความ ส่วนราชการ โรงเรียนสตรีราชินูทิศ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ที่ .............................................................. วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เรื่อง ขออนุญาตแผนการจัดการเรียนรู้ เรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีราชินูทิศ สิ่งที่แนบมาด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ๑ ฉบับ ด้วยข้าพเจ้า สาวมณีรัตน์ สังสหชาตินักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่การสอนรายวิชา วิทยาศาสตร์รหัสวิชา ว๒๒๑๐๒ จำนวน ๑.๕ หน่วยกิต ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๖ นั้น ข้าพเจ้าได้ วิเคราะห์มาตรฐาน ตัวชี้วัดหรือ ผลการเรียนรู้ คำอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวิชา เพื่อจัดทำแผนการจัดการ เรียนรู้ให้สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๐) โดยจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Active Learning) และ นำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนแบบปกติ เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ในการนี้ ข้าพเจ้าได้จัดทำแผนการเรียนรู้รายวิชา วิทยาศาสตร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอส่ง รายละเอียดเพื่อขออนุญาตใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ตามเอกสารที่แนบมาพร้อมนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาอนุญาต ลงชื่อ (นางสาวมณีรัตน์สังสหชาติ) นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู
ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ เห็นควร อนุญาต ไม่อนุญาต เนื่องจาก.................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ ................................................ (นายวิเชียร นิลทกาล) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความเห็นของรองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ เห็นควร อนุญาต ไม่อนุญาต เนื่องจาก.................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ .............................................. (นางมณีรัตน์ ศรีจันทร์) รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ความเห็นของผู้อำนวยการโรงเรียน เห็นควร อนุญาต ไม่อนุญาต เนื่องจาก…………………………………........................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ ................................................. (นางเนตรชนก ชมภูธร) ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีราชินูทิศ
ก คำนำ กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560 เพื่อมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ คุณธรรม ทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพได้ โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มศักยภาพ ดังนั้นสถานศึกษา ต้องจัดการศึกษาที่เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระตุ้นให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการคิด โดย ผู้สอนจะต้องเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้จัดบรรยากาศเชิงบวก สร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนต้องการเรียนรู้ฝึกให้ผู้เรียน คิดวิเคราะห์ ลงมือปฏิบัติและสรุปเป็นความรู้ฝังแน่น ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ของตนเอง แล้วนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ข้าพเจ้าจึงมีความตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 จึงได้จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งหวังเป็น อย่างยิ่งว่าแผนการจัดการเรียนรู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้เรียนที่ศึกษาเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ และ อำนวยความสะดวกแก่ผู้สอนในการจัดการเรียนรู้และประเมินผลตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มณีรัตน์ สังสหชาติ นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู
ข สารบัญ หน้า คำนำ ก สารบัญ ข คำอธิบายรายวิชา 3 โครงสร้างรายวิชา 4 กำหนดการสอนรายวิชา 18 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 แรงและการเคลื่อนที่ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 แรงลัพธ์ 20 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 แรงเสียดทาน 30 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 แรงดันในของเหลว และแรงพยุง 46 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 โมเมนต์ของแรง 62 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 สนามของแรง 74 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 อัตราเร็วและความเร็ว 83 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 งานและพลังงาน แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 งานและกำลัง 94 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เครื่องกลอย่างง่าย 1 107 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 เครื่องกลอย่างง่าย 2 118 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 พลังงาน 128 หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 โครงสร้างของโลก 143 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 การเปลี่ยนแปลงของโลก 1 152 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 การเปลี่ยนแปลงของโลก 2 163 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 ดินและชั้นหน้าตัดดิน 173 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15 สมบัติของดิน 183 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 แหล่งน้ำผิวดินและใต้ดิน ภัยธรรมชาติบนผิวโลก 193 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17 เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ 210 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 พลังงานทดแทน 222 แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 231
3 คำอธิบายรายวิชา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐาน รหัส ว22102 วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 จำนวน 60 ชั่วโมง (3 ชั่วโมง/สัปดาห์) จำนวน 1.5 หน่วยกิต การศึกษาเกี่ยวกับแรงและการเคลื่อนที่ แรง แรงดันในของเหลว แรงพยุง แรงเสียดทาน โมเมนต์ของ แรง แรงในธรรมชาติ การเคลื่อนที่ ระยะทางและ การกระจัด อัตราเร็ว ความเร็ว ศึกษาเกี่ยวกับงานและ พลังงาน งาน กำลัง เครื่องกลอย่างง่าย พลังงาน ประเภทของพลังงานกล กฎการอนุรักษ์พลังงาน ศึกษา เกี่ยวกับโลกและการเปลี่ยนแปลง เชื้อเพลิง ซากดึกดำบรรพ์ ถ่านหิน หินน้ำมัน ปิโตรเลียม พลังงานทดแทน โครงสร้างของโลก การเปลี่ยนแปลงของโลก ทรัพยากรดิน กระบวนการเกิดดิน หน้าตัดข้างของดิน ปัจจัยใน การเกิดดิน สมบัติของดิน การปรับปรุงคุณภาพของดิน แหล่งน้ำ น้ำบนดิน น้ำใต้ดิน การใช้ประโยชน์จาก แหล่งน้ำ ภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การ วิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และการสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มี ความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และการสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มี ความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยม ตัวชี้วัด ว 2.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10 ม.2/11 ม.2/12 ม.2/13 ม.2/14 ม.2/15 ว 2.3 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ว 3.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10 รวม 31 ตัวชี้วัด
4 โครงสร้างรายวิชา รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาพื้นฐาน รหัส ว22102 วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 จำนวน 1.5 หน่วยกิต จำนวน 100 คะแนน ลำดับ ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน 1 แรงและ การ เคลื่อนที่ ว 2.2 ม.2/1 พยากรณ์การ เคลื่อน ที่ของวัตถุที่เป็น ผลของแรงลัพธ์ที่เกิด จากแรงหลายแร ง ที่ กระทำต่อวัตถุในแนว เดียวกันจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ม.2/2 เขียนแผนภาพ แสดงแรงและแรงลัพธ์ที่ เกิดจากแรงหลายแรงที่ กระทำต่อวัตถุในแนว เดียวกัน • แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ เมื่อมีแรง หลาย ๆ แรงกระทำต่อวัตถุ แล้วแรง ลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุมีค่าเป็นศูนย์ วัตถุจะไม่เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ แต่ถ้าแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุมีค่าไม่ เป็นศูนย์ วัตถุจะเปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ 19 20 ม.2/3 ออกแบบการ ทดลองและทดลองด้วย วิธีที่เหมาะสมในการ อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ ความดันของของเหลว • เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลวจะมีแรงที่ ของเหลวกระทำต่อวัตถุในทุกทิศทาง โดยแรงที่ของเหลวกระทำตั้งฉากกับ ผิววัตถุต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ เรียกว่า ความดันของของเหลว • ความดันของของเหลวมีความ สัมพันธ์กับความลึกจากระดับผิวหน้า ของของเหลว โดยบริเวณที่ลึกลงไป จากระดับผิวหน้าของของเหลวมาก ขึ้น ความดันของของเหลวจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากของเหลวที่อยู่ลึกกว่าจะมี น้ำหนักของของเหลวด้านบนกระทำ
5 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน มากกว่า ม.2/4 วิเคราะห์แรงพยุง และการจม การลอยของ วัตถุในของเหลวจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ ม.2/5 เขียนแผนภาพ แสดงแรงที่กระทำต่อ วัตถุในของเหลว • เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลวจะมีแรง พยุง เนื่องจากของเหลวกระทำต่อ วัตถุ โดยมีทิศขึ้นในแนวดิ่ง การจม หรือการลอยของวัตถุขึ้นอยู่กับแรง พยุง ถ้าน้ำหนักของวัตถุและแรงพยุง ของของเหลวมีค่าเท่ากัน วัตถุจะลอย นิ่งอยู่ในของเหลว แต่ถ้าน้ำหนักของ วัตถุมีค่ามากกว่าแรงพยุงของ ของเหลว วัตถุจะจม ม.2/6 อธิบายแรงเสียด ทานสถิตและแรงเสียด ทานจลน์จากหลักฐาน เชิงประจักษ์ ม.2/7 ออกแบบการ ทดลองและทดลองด้วย วิธีที่เหมาะสมในการ อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ ขนาดของแรงเสียดทาน ม.2/8 เขียนแผนภาพ แสดงแรงเสียดทานและ แรงอื่น ๆ ที่กระทำต่อ วัตถุ ม.2/9 ตระหนักถึงประ โยชน์ของความรู้เรื่อง แรงเสียดทาน โดยวิ- เคราะห์สถานการณ์ ปัญหาและเสนอแนะ วิธีการลดหรือเพิ่มแรง เสียดทานที่เป็นประ- • ขนาดของแรงเสียดทานระหว่าง ผิวสัมผัสของวัตถุขึ้นกับลักษณะ ผิวสัมผัสและขนาดของแรงปฏิกิริยา ตั้งฉากระหว่างผิวสัมผัส • กิจกรรมในชีวิตประจำวันบาง กิจกรรมต้องการแรงเสียดทาน เช่น การเปิดฝาเกลียวของน้ำ การใช้แผ่น กันลื่นในห้องน้ำ บางกิจกรรมไม่ ต้องการ แรงเสียดทาน เช่น การลาก วัตถุบนพื้น การใช้น้ำมันหล่อลื่นใน เครื่องยนต์ • ความรู้เรื่องแรงเสียดทานสามารถ นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้
6 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน โยชน์ต่อการทำกิจกรรม ในชีวิตประจำวัน ม.2/10 ออกแบบการ ทดลองและทดลองด้วย วิธีที่เหมาะสมในการ อธิบายโมเมนต์ของแรง เมื่อวัตถุอยู่ในสภาพ สมดุลต่อการหมุน และ คำนวณการใช้สมการ M = Fl • เมื่อมีแรงที่กระทำต่อวัตถุโดยไม่ ผ่านศูนย์กลาง มวลของวัตถุจะเกิด โมเมนต์ของแรง ทำให้วัตถุหมุนรอบ ศูนย์กลางมวลของวัตถุนั้น • โมเมนตข์องแรงเป็นผลคูณของแรง ที่กระทำต่อวัตถุกับระยะทางจากจุด หมุนไปตั้งฉากกับแนวแรง เมื่อ ผลรวมของโมเมนต์ของแรงมีค่าเป็น ศูนย์ วัตถุจะอยู่ในสภาพสมดุลต่อ การหมุน โดยโมเมนต์ของแรงในทิศ ทวนเข็มนาฬิกาจะมีขนาดเท่ากับ โมเมนต์ของแรงในทิศตามเข็ม นาฬิกา • ของเล่นหลายชนิดประกอบด้วย อุปกรณ์หลายส่วนที่ใช้หลักการ โมเมนต์ของแรง ความรู้เรื่องโมเมนต์ ของแรงสามารถนำไปใช้ออกแบบ และประดิษฐ์ของเล่นได้ ม.2/11 เปรียบเทียบ แหล่งของสนามแม่เหล็ก สนามไฟฟ้าและสนาม โน้มถ่วง และทิศทางของ แรงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ ในแต่ละสนาม จาก ข้อมูลที่รวบรวมได้ ม.2/12 เขียนแผนภาพ แสดงแรงแม่เหล็ก แรง ไฟฟ้า และแรงโน้มถ่วงที่ • วัตถุที่มีมวลจะมีสนามโน้มถ่วงอยู่ โดยรอบแรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อวัตถุ จะมีทิศพุ่งเข้าหาวัตถุที่เป็นแหล่งของ สนามโน้มถ่วง • วัตถุที่มีประจุไฟฟ้าจะมีสนามไฟฟ้า อยู่โดยรอบ แรงไฟฟ้าที่กระทำต่อ วัตถุที่มีประจุจะมีทิศพุ่งเข้าหาหรือ ออกจากวัตถุที่มีประจุที่เป็นแหล่ง ของสนามไฟฟ้า
7 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน กระทำต่อวัตถุ •วัตถุที่เป็นแม่เหล็กจะมีสนาม แม่เหล็กอยู่โดยรอบแรงแม่เหล็กที่ กระทำต่อขั้วแม่เหล็กจะมีทิศพุ่งเข้า หาหรือออกจากขั้วแม่เหล็กที่เป็น แหล่งสนามแม่เหล็ก ม . 2 /13 ว ิ เ ค ร า ะ ห์ ความสัมพันธ์ระหว่าง ขนาดของแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟ้า และแรงโน้ม ถ่วงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ ใ น ส น า ม น ั ้ น ๆ กั บ ระยะห่างจากแหล่งของ สนามถึงวัตถุจากข้อมูลที่ รวบรวมได้ ม.2/14 อธิบายและ คำนวณอัตราเร็วและ ค ว า ม เ ร ็ ว ข อ ง ก า ร เคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใช้ สมการ v = และ v⃑ = จากหลักฐาน เชิงประจักษ์ ม.2/15 เขียนแผนภาพ แสดงการกระจัดและ ความเร็ว • ขนาดของแรงโน้มถ่วง แรงไฟฟ้า และแรงแม่เหล็กที่กระทำต่อวัตถุที่ อยู่ในสนามนั้น ๆ จะมีค่าลดลง เมื่อ วัตถุอยู่ห่างจากแหล่งของสนามนั้น ๆ มากขึ้น • การเคลื่อนที่ของวัตถุเป็นการ เปลี่ยนตำแหน่งของวัตถุเทียบกับ ตำแหน่งอ้างอิงโดยมีปริมาณที่ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ ซึ่งมีทั้ง ปริมาณสเกลาร์ และปริมาณ เวกเตอร์ เช่น ระยะทาง อัตราเร็ว การกระจัด ความเร็ว ปริมาณ สเกลาร์เป็นปริมาณที่มีขนาด เช่น ระยะทาง อัตราเร็ว ปริมาณเวกเตอร์ เป็นปริมาณที่มีทั้งขนาด และทิศทาง เช่น การกระจัด ความเร็ว • เขียนแผนภาพแทนปร ิม าณ เวกเตอร์ได้ด้วยลูกศร โดยความยาว ของลูกศรแสดงขนาด และหัวลูกศร แสดงทิศทางของเวกเตอร์นั้น ๆ • ระยะทางเป็นปริมาณสเกลลาร์ โดย ระยะทางเป็นความยาวของเส้นทางที่ เคลื่อนที่ได้ • การกระจัดเป็นปริมาณเวกเตอร์ โดยการกระจัดมีทิศชี้จากตำแหน่ง
8 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน เริ่มต้นไปยังตำแหน่งสุดท้าย และมี ขนาดเท่ากับระยะที่สั้นที่สุดระหว่าง สองตำแหน่งนั้น • อัตราเร็วเป็นปริมาณสเกลาร์ โดย อัตราเร็วเป็นอัตราส่วนของระยะทาง ต่อเวลา • ความเร็วปริมาณเวกเตอร์มีทิศ เดียวกับทิศของการกระจัด โดย ความเร็วเป็นอัตราส่วนของการ กระจัดต่อเวลา 2 งานและ พลังงาน ว 2.3 ม . 2 / 1 ว ิ เ ค ร า ะ ห์ สถานการณ์และคำนวณ เกี่ยวกับงาน และกำลังที่ เกิดจากแรงที่กระทำต่อ วัตถุโดยใช้สมการ W = Fs และ P = จากข้อมูลที่รวบรวมได้ ม.2/2 วิเคราะห์หลักการ ทำงานของเครื่องกล อย่างง่าย จากข้อมูลที่ รวบรวมได้ ม .2 / 3 ต ร ะ ห น ั ก ถึ ง ประโยชน์ของความรู้ ของเครื่องกลอย่างง่าย โดยบอกประโยชน์และ ก า ร ป ร ะ ย ุ ก ต ์ ใ ช ้ ใ น ชีวิตประจำวัน • เมื่อออกแรงกระทำต่อวัตถุ แล้วทำ ให้วัตถุเคลื่อนที่ โดยแรงอยู่ในแนว เดียวกับการเคลื่อนที่จะเกิดงาน งาน จะมีค่ามากหรือน้อยขึ้นกับขนาดของ แรงและระยะทางในแนวเดียวกับแรง • งานที่ทำในหน่วยเวลา เรียกว่า กำลัง หลักการของงานนำไปอธิบาย การทำงานของเครื่องกลอย่างง่าย ได้แก่ คาน พื้นเอียง รอกเดี่ยว ลิ่ม สกรู ล้อ และเพลา ซึ่งนำไปใช้ ประโยชน์ด้านต่าง ๆ ในชีวิต ประจำวัน 11 15
9 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ม.2/4 ออกแบบและ ทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยที่ มีผลต่อพลังงานจลน์และ พลังงานศักย์โน้มถ่วง • พลังงานจลน์เป็นพลังงานของวัตถุ ที่เคลื่อนที่ พลังงานจลน์จะมีค่ามาก หรือน้อยขึ้นกับมวลและอัตราเร็ว ส่วนพลังงานศักย์โน้มถ่วงเกี่ยวข้อง กับตำแหน่งของวัตถุจะมีค่ามากหรือ น้อยขึ้นกับมวลและตำแหน่งของวัตถุ เมื่อวัตถุอยู่ในสนามโน้มถ่วงวัตถุจะมี พลังงานศักย์โน้มถ่วง พลังงานจลน์ และพลังงานศักย์โน้มถ่วงเป็น พลังงานกล ม.2/5 แปลความหมาย ข้อมูลและอธิบายการ เปลี่ยนพลังงานระหว่าง พลังงานศักย์โน้มถ่วง และพลังงานจลน์ของ วัตถุ โดยพลังงานกลของ วัตถุมีค่าคงตัวจากข้อมูล ที่รวบรวมได้ • ผลรวมของพลังงานศักย์โน้มถ่วง และพลงังานจลน์เป็นพลังงานกล พลังงานศักย์โน้มถ่วงและพลังงาน จลน์ของวัตถุหนึ่ง ๆ สามารถเปลี่ยน กลับไปมาได้ โดยผลรวมของพลังงาน ศักย์โน้มถ่วงและพลังงานจลน์มีค่าคง ตัว นั่นคือพลังงานกลของวัตถุมีค่าคง ตัว ม.2/6 วิเคราะห์สถาน - การณ์และอธิบายการ เปลี่ยนและการถ่ายโอน พลังงานโดยใช้กฎการ อนุรักษ์พลังงาน • พลังงานรวมของระบบมีค่าคงตัวซึ่ง อาจเปลี่ยนจากพลังงานหนึ่งเป็นอีก พลังงานหนึ่ง เช่น พลังงานกล เปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า พลังงาน จลน์เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน พ ล ั ง ง า น เ ส ี ย ง พ ล ั ง ง า น แ ส ง เนื่องมาจากแรงเสียดทาน พลังงาน เคมีในอาหารเปลี่ยนเป็น พลังงานที่ ไปใช้ในการทำงานของสิ่งมีชีวิต • นอกจากนี้พลังงานยังสามารถถ่าย โอนไปยังอีกระบบหนึ่งหรือได้รับ พลังงานจากระบบอื่นได้ เช่น
10 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน การถ่ายโอนความร้อนระหว่างสสาร การถ่ายโอนพลังงานของการสั่นของ แหล่งกำเนิดเสียงไปยังผู้ฟัง ทั้งการ เปลี่ยนพลังงานและการถ่ายโอน พลังงาน พลังงานรวมทั้งหมดมีค่า เท่าเดิมตามกฎการอนุรักษ์พลังงาน 3 โลกและ การเปลี่ยน แปลง ว 3.2 ม.2/1 เปรียบเทียบ กระบวนการเกิดและ การใช้ประโยชน์ รวมทั้ง อธิบายผลกระทบจาก การใช้เชื้อเพลิงซากดึก ดำบรรพ์จากข้อมูลที่ รวบรวมได้ • เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์เกิดจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพของซาก สิ่งมีชีวิตในอดีต โดยกระบวนการ ทางเคมีและธรณีวิทยา เชื้อเพลิงซาก ดึกดำบรรพ์ ได้แก่ ถ่านหิน หินน้ำมัน และปิโตรเลียม ซึ่งเกิดจากวัตถุต้น กำเนิด และสภาพแวดล้อม การเกิด ที่แตกต่างกันทำให้ได้ชนิดของ เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ที่มีลักษณะ สมบัติ และการนำไปใช้ประโยชน์ แตกต่างกัน สำหรับปิโตรเลียม จะต้องมีผ่านการกลั่นลำดับส่วนก่อน การใช้งาน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์เป็น ทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปเนื่องจาก ต้องใช้เวลานานหลายล้านปี จึงจะ เกิดขึ้นใหม่ได้ 24 15 ม .2/2 แ ส ด ง ค ว า ม ตระหนักถึงผลจากการ ใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำ บรรพ์ โดยนำเสนอ แนว ทางการใช้เชื้อเพลิงซาก ดึกดำบรรพ์ • การเผาไหม้เชื้อเพลิงซากดึกดำ บรรพ์ในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ จะทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ ซึ่ง ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ แก๊สบางชนิด ที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงซาก-
11 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ดึกดำบรรพ์ เช่น แก๊สคาร์บอนได - ออกไซด์และไนตรัสออกไซด์ยังเป็น แก๊สเรือนกระจก ซึ่งส่งผลให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก รุนแรงขึ้น ดังนั้น จึงควรใช้เชื้อเพลิง ซากดึกดำบรรพ์โดยคำนึงถึงผลที่ เกิดขึ้นต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เช่น เลือกใช้พลังงานทดแทน หรือ เลือกใช้เทคโนโลยีที่ลดการใช้ เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ ม.2/3 เปรียบเทียบข้อดี และข้อจำกัดของพลัง ง า น ท ด แ ท น แ ต ่ ล ะ ประเภทจากการรวบ รวมข้อมูล และนำเสนอ แนวทาง การใช้พลังงาน ทดแทนที่เหมาะสมใน ท้องถิ่น • เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์เป็นแหล่ง พลังงานที่สำคัญในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เนื่องจากเชื้อเพลิงซากดึก ดำบรรพ์มีปริมาณจำกัดและมักเพิ่ม มลภาวะในบรรยากาศมากขึ้น จึงมี การใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล พลังงาน คลื่น พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานไฮโดรเจน ซึ่งพลังงาน ทดแทนแต่ละชนิดจะมีข้อดีและ ข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ม.2/4 สร้างแบบจำลอง ที่อธิบายโครงสร้าง ภ ายในโ ลกตามองค์ ประกอบทางเคมีจาก ข้อมูลที่รวบรวมได้ • โครงสร้างภายในโลกแบ่งออกเป็น ชั้นตามองค์ประกอบทางเคมี ได้แก่ เ ป ล ื อ ก โ ล ก ซ ึ ่ ง อ ย ู ่ น อ ก สุ ด ประกอบด้วยสารประกอบของ ซิลิกอน และอะลูมิเนียมเป็นหลัก เนื้อโลกคือส่วนที่อยู่ใต้เปลือกโลกลง ไปจนถึงแก่นโลก มีองค์ประกอบหลัก เป็นสารประกอบของซิลิกอน
12 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน แมกนีเซียม และเหล็ก และแก่นโลก คือส่วนที่อยู่ใจกลางของโลก มี องค์ประกอบหลักเป็นเหล็กและ นิกเกิล ซึ่งแต่ละชั้นมีลักษณะแตกต่าง กัน ม.2/5 อธิบายกระบวน การผุพังอยู่กับที่การ กร่อน และการสะสมตัว ข อ ง ต ะ ก อ น จ า ก แบบจำลอง รว ม ทั้ ง ยกตัวอย่าง ผลของ กระบวนการดังกล่าวที่ ทำให้ผิวโลกเกิดการ เปลี่ยนแปลง • การผุพังอยู่กับที่ การกร่อน และ การสะสมตัวของตะกอน เป็น กระบวนการเปลี่ยนแปลงทาง ธรณีวิทยาที่ทำให้ผิวโลกเกิดการ เปลี่ยนแปลงเป็นภูมิลักษณ์แบบต่าง ๆ โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ น้ำ ลม ธาร น้ำแข็ง แรงโน้มถ่วงของโลก สิ่งมีชีวิต สภาพอากาศ และปฏิกิริยาเคมี • การผุพังอยู่กับที่ คือ การที่หินผุพัง ทำลายลงด้วยกระบวนการต่าง ๆ ได้แก่ ลมฟ้าอากาศกับน้ำฝน และ รวมทั้งการกระทำของต้นไม้กับ แบคทีเรีย ตลอดจนการแตกตัวทาง กลศาสตร์ซึ่งมีการเพิ่มและลด อุณหภูมิสลับกัน เป็นต้น • การกร่อน คือ กระบวนการหนึ่ง หรือหลายกระบวนการที่ทำให้สาร เปลือกโลกหลุดไปละลายไป หรือ กร่อนไปโดยมีตัวนำพาธรรมชาติ คือ ลม น้ำ และธารน้ำแข็ง ร่วมกับปัจจัย อื่น ๆ ได้แก่ ลมฟ้าอากาศ สารละลาย การครูดถู การนำพา ทั้งนี้ ไม่รวมถึง การพังทลายเป็นกลุ่มก้อน เช่น แผ่นดินถล่ม ภูเขาไฟระเบิด
13 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน • การสะสมตัวของตะกอน คือ การ สะสมตัวของวัตถุจากการนำพาของ น้ำ ลม หรือธารน้ำแข็ง ม.2/6 อธิบายลักษณะ ของชั้นหน้าตัดดินและ กระบวนการเกิดดินจาก แบบจำลอง รวมทั้งระบุ ปัจจัยที่ทำให้ ดิน มี ล ั ก ษ ณ ะ แ ล ะ ส ม บ ั ติ แตกต่างกัน • ดินเกิดจากหินที่ผุพังตามธรรมชาติ ผสมคลุกเคล้ากับอินทรียวัตถุที่ได้ จาก การเน่าเปื่อยของซากพืชซาก สัตว์ทับถมเป็นชั้น ๆ บนผิวโลก ชั้น ดินแบ่งออกเป็นหลายชั้นขนานหรือ เกือบขนานไปกับหน้าดิน แต่ละชั้นมี ลักษณะแตกต่างกัน เนื่องจากสมบัติ ทางกายภาพ เคมี ชีวภาพ และ ลักษณะอื่น ๆ เช่น สี โครงสร้าง เนื้อ ดิน การยืดตัว ความเป็นกรด-เบส สามารถสังเกตได้จากการสำรวจ ภาคสนาม การเรียกชื่อชั้นดินหลักจะ ใช้อักษรภาษาอังกฤษตัวใหญ่ ได้แก่ O, A, E, B, C, R • ชั้นหน้าตัดดินเป็นชั้นดินที่มี ลักษณะปรากฏให้เห็นเรียงลำดับเป็น ชั้นจาก ชั้นบนสุดถึงชั้นล่างสุด • ปัจจัยที่ทำให้ดินแต่ละท้องถิ่นมี ลักษณะและสมบัติแตกต่างกัน ได้แก่ วัตถุต้นกำเนิดดิน ภูมิอากาศ สิ่งมีชีวิตในดิน สภาพภูมิประเทศ และระยะเวลาในการเกิดดิน 7. ตรวจวัดสมบัติบาง ประการของดิน โดยใช้ เครื่องมือที่เหมาะสม และนำเสนอแนวทาง • สมบัติบางประการของดิน เช่น เนื้อ ดิน ความชื้นดิน ค่าความเป็นกรดเบส ธาตุอาหารในดิน สามารถ นำไปใช้ในการตัดสินใจถึงแนวทาง
14 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน การใช้ประโยชน์ดินจาก ข้อมูลสมบัติของดิน การใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยอาจ นำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร หรืออื่น ๆ ซึ่งดินที่ไม่เหมาะสมต่อ การทำการเกษตร เช่น ดินจืด ดิน เปรี้ยว ดินเค็ม และดินดาน อาจเกิด จากสภาพดินตามธรรมชาติ หรือการ ใช้ประโยชน์จะต้องปรับปรุงให้มี สภาพเหมาะสมเพื่อนำไปใช้ประ - โยชน์ ม.2/8 อธิบายปัจจัย และกระบวนการเกิด แหล่งน้ำผิวดินและแหล่ง น้ำใต้ดินจากแบบจำลอง • แหล่งน้ำผิวดินเกิดจากน้ำฝนที่ตกลง บนพื้นโลกไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำด้วย แรงโน้มถ่วง การไหลของน้ำทำให้พื้น โลกเกิดการกัดเซาะเป็นร่องน้ำ เช่น ลำธาร คลอง และแม่น้ำ ซึ่งร่องน้ำจะ มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน ขึ้นอยู่ กับปริมาณน้ำฝน ระยะเวลาในการกัด เซาะ ชนิดดินและหิน และลักษณะภูมิ ประเทศ เช่น ความลาดชัน ความสูง ต่ำของพื้นที่ เมื่อน้ำไหลไปยังบริเวณที่ เป็นแอ่งจะเกิดการสะสมเป็นแหล่งน้ำ เช่น บึง ทะเลสาบ ทะเล และ มหาสมุทร • แหล่งน้ำใต้ดินเกิดจากการซึมของ น้ำผิวดินลงไปสะสมตัวใต้พื้นโลก ซึ่ง แบ่งเป็นน้ำในดินและน้ำบาดาล น้ำ ในดินเป็นน้ำที่อยู่ร่วมกับอากาศตาม ช่องว่างระหว่างเม็ดดิน ส่วนน้ำ บาดาลเป็นน้ำที่ไหลซึมลึกลงไปและ ถูกกักเก็บไว้ในชั้นหินหรือชั้นดินจน อิ่มตัวไปด้วยน้ำ
15 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ม.2/9 สร้างแบบจำลอง ที่อธิบายการใช้น้ำ และ นำเสนอแนวทางการใช้ น้ำอย่างยั่งยืนในท้องถิ่น ของตนเอง • แหล่งน้ำผิวดินและแหล่งน้ำใต้ดิน ถูกนำมาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ของ มนุษย์ ส่งผลต่อการจัดการการใช้ ประโยชน์น้ำ และคุณภาพของแหล่ง น้ำ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวน ประชากร การใช้ประโยชน์พื้นที่ใน ด้านต่าง ๆ เช่น ภาคเกษตรกรรม ภ า ค อ ุ ต ส า ห ก ร ร ม แ ล ะ ก า ร เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำฝนใน พื้นที่ลุ่มน้ำ และแหล่งน้ำผิวดินไม่ เพียงพอสำหรับกิจกรรมของมนุษย์ น้ำจากแหล่งน้ำใต้ดินถูกนำมาใช้มาก ขึ้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำใต้ดินลดลง มากจึงต้องมีการใช้น้ำอย่างเหมาะสม และยั่งยืน ซึ่งอาจทำได้โดยการจัดหา แหล่งน้ำเพื่อให้มีแหล่งน้ำเพียงพอ สำหรับการดำรงชีวิต การจัดสรรและ การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การ อนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำ การ ป้องกันและแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ ม.2/10 สร้างแบบจำลอง ที่อธิบายกระบวนการ เกิดและผลกระทบของ น้ำท่วม การกัดเซาะ ชายฝั่ง ดินถล่ม หลุมยุบ แผ่นดินทรุด • น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม หลุมยุบ แผ่นดินทรุด มีกระบวนการ เกิดและผลกระทบที่แตกต่างกัน ซึ่ง อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงแก่ ชีวิต และทรัพย์สิน • น้ำท่วมเกิดจากพื้นที่หนึ่งได้รับ ปริมาณน้ำเกินกว่าที่จะกักเก็บได้ ทำ ให้แผ่นดินจมอยู่ใต้น้ำ โดยขึ้นอยู่กับ
16 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ปริมาณน้ำและสภาพทางธรณีวิทยา ของพื้นที่ • การกัดเซาะชายฝั่งเป็นกระบวนการ เปลี่ยนแปลงของชายฝั่งทะเลที่ เกิดขึ้นตลอดเวลาจากการกัดเซาะ ของคลื่นหรือลม ทำให้ตะกอนจากที่ หนึ่งไปตกทับถมในอีกบริเวณหนึ่ง แนวของชายฝั่งเดิมจึงเปลี่ยนแปลง ไป บริเวณที่มีตะกอนเคลื่อนเข้ามา น้อยกว่าปริมาณที่ตะกอนเคลื่อน ออกไป ถือว่าเป็นบริเวณที่มีการกัด เซาะชายฝั่ง • ดินถล่มเป็นการเคลื่อนที่ของมวล ดินหรือหินจำนวนมากลงตามลาด เขา เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก เป็นหลัก ซึ่งเกิดจากปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ความลาดชันของพื้นที่ สภาพ ธรณีวิทยา ปริมาณน้ำฝน พืชปกคลุม ดิน และการใช้ประโยชน์พื้นที่ • แผ่นดินทรุดเกิดจากการยุบตัวของ ชั้นดิน หรือหินร่วน เมื่อมวลของแข็ง หรือของเหลวปริมาณมากที่รองรับ อยู่ใต้ชั้นดินบริเวณนั้นถูกเคลื่อนย้าย ออกไปโดยธรรมชาติหรือโดยการ กระทำของมนุษย์ สอบกลางภาค 3 20 สอบปลายภาค 3 30 รวม 60 100
17 เกณฑ์การให้คะแนน 1.1 คะแนนระหว่างเรียน 70 คะแนน - การเข้าเรียน 10 - ใบงาน/แบบฝึกหัด 20 -กิจกรรมกลุ่ม 10 - สอบระหว่างบทเรียน 10 - สอบระหว่างภาคเรียน 20 1.2 คะแนนสอบปลายภาคเรียน 30 คะแนน รวมทั้งหมด 100 คะแนน เกณฑ์การประเมิน (แบบอิงเกณฑ์) 0-49 คะแนน 0 50-54 คะแนน 1 55-59 คะแนน 1.5 60-64 คะแนน 2 65-69 คะแนน 2.5 70-74 คะแนน 3 75-79 คะแนน 3.5 80-100 คะแนน 4
18 กำหนดการสอนรายวิชา รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ว2201) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 รหัส ว22101 วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เวลาเรียน 60 ชั่วโมง (3 ชั่วโมง/สัปดาห์) จำนวน 1.5 หน่วยกิต จำนวน 100 คะแนน สัปดาห์ที่ แผนการสอน/ จำนวนชั่วโมง หัวข้อเรื่อง ตัวชี้วัด จำนวน ชั่วโมง สะสม 1 0/3 ปฐมนิเทศ - 1 2 1/3 หน่วยการเรียนรู้ที่4 แรงและการ เคลื่อนที่ 4.1 แรงลัพธ์ ว 2.2 ม 2/1 ว 2.2 ม 2/2 4 3 1/3 4.2 แรงเสียดทาน ว 2.2 ม 2/6 ว 2.2 ม 2/7 ว 2.2 ม 2/8 ว 2.2 ม 2/9 7 4 1/3 4.3 แรงดันในของเหลว และแรง พยุง ว 2.2 ม 2/3 ว 2.2 ม 2/4 ว 2.2 ม 2/5 10 5 1/3 4.4 โมเมนต์ของแรง ว 2.2 ม 2/10 13 6 1/2 4.5 สนามของแรง ว 2.2 ม 2/11 ว 2.2 ม 2/12 ว 2.2 ม 2/13 15 7 1/3 4.6 อัตราเร็วและความเร็ว ว 2.2 ม 2/14 ว 2.2 ม 2/15 18 8 0/3 สอบกลางภาค 21 9 1/3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 งานและ พลังงาน 5.1 งานและกำลัง ว 2.3 ม 2/1 24 10 1/3 5.2 เครื่องกลอย่างง่าย 1 ว 2.3 ม 2/2 ว 2.3 ม 2/3 27
19 สัปดาห์ที่ แผนการสอน/ จำนวนชั่วโมง หัวข้อเรื่อง ตัวชี้วัด จำนวน ชั่วโมง สะสม 11 1/3 5.3 เครื่องกลอย่างง่าย 2 ว 2.3 ม 2/2 ว 2.3 ม 2/3 30 12 1/3 5.4 พลังงาน ว 2.3 ม 2/4 ว 2.3 ม 2/5 ว 2.3 ม 2/6 33 13 1/3 หน่วยการเรียนรู้ที่3 โลกและการ เปลี่ยนแปลง 6.1 โครงสร้างของโลก ว 3.2 ม 2/4 36 14 1/3 6.2 การเปลี่ยนแปลงของโลก 1 ว 3.2 ม 2/5 39 15 1/3 6.3 การเปลี่ยนแปลงของโลก 2 ว 3.2 ม 2/5 42 16 1/3 6.4 ดินและชั้นหน้าตัดดิน ว 3.2 ม 2/6 45 17 1/3 6.5 สมบัติของดิน ว 3.2 ม 2/7 48 18 1/3 6.6 แหล่งน้ำผิวดินและใต้ดิน และ ภัยธรรมชาติบนผิวโลก ว 3.2 ม 2/8 ว 3.2 ม 2/9 ว 3.2 ม 2/10 51 19 1/3 6.7 เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ ว 3.2 ม 2/1 ว 3.2 ม 2/2 54 20 1/3 6.9 พลังงานทดแทน ว 3.2 ม 2/3 57 21 0/3 สอบปลายภาค 60
20 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 รหัสวิชา 22102 รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 แรงและการเคลื่อนที่ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 เรื่อง แรงลัพธ์ เวลา 3 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ม.2/1 พยากรณ์การเคลื่อนที่ของวัตถุที่เป็นผลของแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระทำ ต่อวัตถุในแนวเดียวกันจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ม.2/2 เขียนแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระทำต่อวัตถุในแนว เดียวกัน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ (K) - บอกความหมายของแรงลัพธ์ได้ - อธิบายการหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ด้วยการรวมเวกเตอร์ได้ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - พยากรณ์การเคลื่อนที่ของวัตถุที่เป็นผลของแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระทำต่อวัตถุในแนว เดียวกันได้ 2.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนมีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบและมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ 3. สาระสำคัญ แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ เมื่อมีแรงหลาย ๆ แรงกระทำต่อวัตถุ แล้วแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุมีค่าเป็น ศูนย์ วัตถุจะไม่เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่แต่ถ้าแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุมีค่าไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนที่ 4. สาระการเรียนรู้ แรงลัพธ์ แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์เมื่อมีแรงหลายแรงในระนาบเดียวกันกระทำต่อวัตถุเดียวกัน สามารถหาแรง ลัพธ์ได้โดยใช้หลักการรวมเวกเตอร์ การรวมเวกเตอร์แบบหางต่อหัว เป็นการนำเวกเตอร์ย่อยมาต่อกันโดยให้หางเวกเตอร์หนึ่งต่อกับหัวของอีกเวกเตอร์หนึ่ง เวกเตอร์ลัพธ์ คือ เวกเตอร์ที่ลากจากหางเวกเตอร์ไปยังหัวเวกเตอร์สุดท้าย
21 เมื่อแรงลัพธ์มีค่าเป็นศูนย์กระทำต่อวัตถุวัตถุจะไม่เปลี่ยนแปลงสภาพการเคลื่อนที่ โดยถ้าเดิมวัตถุอยู่ นิ่ง วัตถุนั้นก็จะหยุดนิ่งต่อไป แต่ถ้าวัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว ก็จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัวต่อไป แต่ ถ้าแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุไม่เป็นศูนย์หรือผลรวมของแรงที่กระทำต่อวัตถุไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะเปลี่ยนแปลง สภาพการเคลื่อนที่ โดยวัตถุที่เดิมอยู่นิ่งก็จะเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวกับทิศทางของแรงลัพธ์ โดยอาจเคลื่อนที่ เร็วขึ้น ช้าลง หรือเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ แรงกิริยาและแรงปฏิกิริยา เมื่อมีแรงกิริยากระทำต่อวัตถุก็จะมีแรงปฏิกิริยาจากวัตถุกระทำโต้ตอบ โดยแรงทั้งสองจะมีขนาด เท่ากันแต่มีทิศทางตรงกันข้าม ไม่สามารถนำมารวมกันได้ เพราะกระทำต่อวัตถุคนละก้อน 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ชิ้นงานหรือภาระงาน แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 7. กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ 5E มีรายละเอียดดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนด้วยชุดคำถาม ดังนี้ 1.1 แรงที่กระทำต่อวัตถุมีผลต่อวัตถุอย่างไรบ้าง (แนวทางการตอบ: นักเรียนตอบคำถามตาม ความเข้าใจของตนเอง เช่น แรงทำให้วัตถุเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนแปลงรูปร่าง) 1.2 นักเรียนรู้จักแรงอะไรบ้าง (แนวทางการตอบ: นักเรียนตอบคำถามตามความเข้าใจของ ตนเอง เช่น แรงจากน้ำ แรงจากลม แรงไฟฟ้า แรงผลัก แรงเสียดทาน แรงแม่เหล็ก) 2. ครูให้นักเรียน 2 ออก ออกมาผลักโต๊ะหน้าชั้นเรียนและให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม ดังนี้ 2.1 ถ้านักเรียน 2 คน ออกแรงคนละ 3 นิวตัน ผลักดันโต๊ะไปทางทิศตะวันออกโต๊ะจะเคลื่อนที่ ไปทางทิศใด ผลรวมของแรงเป็นเท่าใด (แนวทางการตอบ: โต๊ะจะเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกตามแนวแรง ผลรวมของแรงเท่ากับ 6 นิวตัน) 2.2 ถ้าออกแรงผลักโต๊ะไปทางตะวันออกด้วยแรง 3 นิวตัน และเพื่อนอีกคนหนึ่งผลักดันโต๊ะนี้ไป ทางทิศตะวันตกด้วยแรง 4 นิวตัน โต๊ะเคลื่อนที่อย่างไร และนักเรียนคิดว่าผลรวมของแรงเป็นเท่าใด (แนว ทางการตอบ: โต๊ะเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตกตามแนวแรง ผลรวมของแรงเท่ากับ 1 นิวตัน)
22 ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 4. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่หัวข้อที่จะเรียนเพื่อตรวจสอบการสืบค้นของนักเรียน โดยกล่าวว่า เมื่อมีแรง 2 แรงขึ้นไปกระทำต่อวัตถุ เรียกว่า แรงลัพธ์ โดยแรงลัพธ์ของแรง 2 แรงที่อยู่ในแนวเดียวกัน จะมีขนาดเท่ากับ ผลรวมของแรงทั้งสอง เมื่อแรงทั้งสองอยู่ในทิศทางเดียวกันแต่จะมีขนาดเท่ากับผลต่างของแรงทั้งสองเมื่อแรง ทั้งสองมีทิศทางตรงกันข้าม ถ้ามีแรงหลายแรงที่อยู่ในระนาบเดียวกันกระทำต่อวัตถุ เราสามารถหาแรงลัพธ์ ของแรงเหล่านั้นได้อย่างไร 5. ครูกำหนดโจทย์การคำนวณหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ด้วยวิธีการรวมเวกเตอร์แบบหางต่อ หัว เพื่อทำการพิสูจน์ความเข้าใจของนักเรียนในการหาแรงลัพธ์ โดยกำหนดให้ F1 = 10 N, F2 = 10 N และ F3 = 30 N ดังนี้ ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการคำนวณตามโจทย์ที่ได้จากการจับสลาก และทำการคำนวณลงใน กระดาษ A4 ที่ได้รับ 7. นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคำตอบที่ได้ จนได้ข้อสรุป ดังนี้ 7.1 แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์เมื่อมีแรงหลายแรงในระนาบเดียวกันกระทำต่อวัตถุเดียวกัน สามารถหาแรงลัพธ์ได้โดยใช้หลักการรวมเวกเตอร์ 7.2 เมื่อแรงลัพธ์มีค่าเป็นศูนย์กระทำต่อวัตถุวัตถุจะไม่เปลี่ยนแปลงสภาพการเคลื่อนที่ โดยถ้า เดิมวัตถุอยู่นิ่ง วัตถุนั้นก็จะหยุดนิ่งต่อไป แต่ถ้าวัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว ก็จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคง ตัวต่อไป 7.3 ถ้าแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุไม่เป็นศูนย์หรือผลรวมของแรงที่กระทำต่อวัตถุไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะเปลี่ยนแปลงสภาพการเคลื่อนที่ โดยวัตถุที่เดิมอยู่นิ่งก็จะเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวกับทิศทางของแรงลัพธ์ โดยอาจเคลื่อนที่เร็วขึ้น ช้าลง หรือเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่
23 7.4 การรวมเวกเตอร์แบบหางต่อหัว เป็นการนำเวกเตอร์ย่อยมาต่อกันโดยให้หางเวกเตอร์หนึ่ง ต่อกับหัวของอีกเวกเตอร์หนึ่ง เวกเตอร์ลัพธ์คือ เวกเตอร์ที่ลากจากหางเวกเตอร์ไปยังหัวเวกเตอร์สุดท้าย ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 8. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง แรงกิริยาและแรงปฏิกิริยาว่า การผลักโต๊ะที่หนัก ๆ ไปข้างหน้า ขณะที่นั่งเก้าอี้ที่มีล้อ โต๊ะไม่เคลื่อนที่แต่เก้าอี้กลับเคลื่อนที่ถอยหลัง 8.1 แรงที่ทำให้เก้าอี้เคลื่อนที่มีทิศทางใด (แนวทางการตอบ: มีทิศตรงข้ามกับแรงที่ผลักโต๊ะ) 8.2 แรงนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมเก้าอี้ที่เคยอยู่นิ่งจึงถอยหลังได้ทั้งที่คนนั่งออกแรงไปทาง ด้านหน้า (แนวทางการตอบ: แรงนี้จะเกิดขึ้นโต้ตอบแรงที่เราผลักโต๊ะ) ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อมีแรงกิริยากระทำต่อวัตถุก็จะมีแรงปฏิกิริยาจากวัตถุกระทำโต้ตอบ โดยแรงทั้งสองจะมีขนาดเท่ากันแต่มีทิศทางตรงกันข้าม ไม่สามารถนำมารวมกันได้ เพราะกระทำต่อวัตถุคนละ ก้อน ขั้นที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) 9. ครูถามคำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน ดังนี้ 9.1 แรงลัพธ์ คืออะไร (แนวทางการตอบ: แรงหลายแรงที่มีระนาบเดียวกันกระทำต่อวัตถุ เดียวกัน) 9.2 เราสามารถหาแรงลัพธ์ได้อย่างไร (แนวทางการตอบ: หาแรงลัพธ์ได้โดยใช้หลักการรวม เวกเตอร์ การรวมเวกเตอร์แบบหางต่อหัว เป็นการนำเวกเตอร์ย่อยมาต่อกันโดยให้หางเวกเตอร์หนึ่งต่อกับหัว ของอีกเวกเตอร์หนึ่ง เวกเตอร์ลัพธ์คือ เวกเตอร์ที่ลากจากหางเวกเตอร์ไปยังหัวเวกเตอร์สุดท้าย) 9.3 ถ้าแรงลัพธ์มีค่าเป็นศูนย์กระทำต่อวัตถุวัตถุจะมีสภาพอย่างไร (แนวทางการตอบ: วัตถุไม่เปลี่ยนแปลงสภาพการเคลื่อนที่ โดยถ้าเดิมวัตถุอยู่นิ่ง วัตถุนั้นก็จะ หยุดนิ่งต่อไป แต่ถ้าวัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว ก็จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัวต่อไป) 9.4 ถ้าแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุไม่เป็นศูนย์หรือผลรวมของแรงที่กระทำต่อวัตถุไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะมีสภาพอย่างไร (แนวทางการตอบ: วัตถุจะเปลี่ยนแปลงสภาพการเคลื่อนที่ โดยวัตถุที่เดิมอยู่นิ่งก็จะ เคลื่อนที่ในทิศทางเดียวกับทิศทางของแรงลัพธ์ โดยอาจเคลื่อนที่เร็วขึ้น ช้าลง หรือเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่) 10. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 1.1, 1.2 และ 1.3 8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2 (หน้า 3-11) สื่อการเรียนรู้ Power Point เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.2 เล่ม 2 (หน้า 2-4) แหล่งเรียนรู้ -
24 9. การวัดและประเมินผล การวัดผลประเมินผล วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้ - บอกความหมายของแรงลัพธ์ได้ - อธิบายการหาขนาดและทิศทางของแรง ลัพธ์ด้วยการรวมเวกเตอร์ได้ การตอบคำถาม ระหว่างกิจกรรมและ คำถามท้ายกิจกรรม สังเกตการณ์ตอบ คำถาม แบบฝึกหัด และใบงาน ทำได้ถูกต้องไม่น้อย กว่าร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ - พยากรณ์การเคลื่อนที่ของวัตถุที่เป็นผล ของแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่ กระทำต่อวัตถุในแนวเดียวกันได้ - เขียนแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์ที่ เกิดจากแรงหลายแรงที่กระทำต่อวัตถุใน แนวเดียวกันได้ การตอบคำถาม ระหว่างกิจกรรมและ คำถามท้ายกิจกรรม สังเกตการณ์ตอบ คำถาม แบบฝึกหัด การคำนวณ ทำได้ถูกต้องไม่น้อย กว่าร้อยละ 70 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - นักเรียนมีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบ และมีความกระตือรือร้นในการแสวงหา ความรู้ สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ได้เกณฑ์ในระดับ ดีขึ้นไป
25 บันทึกผลหลังสอน 1. ปัญหาที่เกิดขึ้น ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................... ............................................... 2. วิธีการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. ผลการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ................................................................ (นางสาวมณีรัตน์ สังสหชาติ) ครูผู้สอน ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของครูพี่เลี้ยงกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นายปาฏิหาริย์ สาฆ้อง) ครูพี่เลี้ยง
26 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นายวิเชียร นิลทกาล) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นางมณีรัตน์ ศรีจันทร์) รองผู้อำนวยการ กลุ่มบริหารวิชาการ
27
28
29
30 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 รหัสวิชา 22102 รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 แรงและการเคลื่อนที่ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 เรื่อง แรงเสียดทาน เวลา 3 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ม.2/6 อธิบายแรงเสียดทานสถิตและแรงเสียดทานจลน์จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ม.2/7 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อขนาด ของแรงเสียดทาน ม.2/8 เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงอื่น ๆ ที่กระทำต่อวัตถุ ม.2/9 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้เรื่องแรงเสียดทานโดยวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา และเสนอแนะวิธีการลดหรือเพิ่มแรงเสียดทานที่เป็นประโยชน์ต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ (K) - อธิบายแรงเสียดทานสถิตและแรงเสียดทานจลน์ได้ - บอกวิธีการลดหรือเพิ่มแรงเสียดทานที่เป็นประโยชน์ต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานที่กระทำต่อวัตถุได้ - ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียด ทานได้ 2.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนมีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบและมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ 3. สาระสำคัญ แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุ เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น โดยถ้าออก แรงกระทำต่อวัตถุที่อยู่นิ่งบนพื้นผิวให้เคลื่อนที่ แรงเสียดทานก็จะต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงเสียดทานที่ เกิดขึ้นในขณะที่วัตถุยังไม่เคลื่อนที่เรียก แรงเสียดทานสถิต แต่ถ้าวัตถุกำลังเคลื่อนที่ แรงเสียดทานก็จะทำให้ วัตถุนั้นเคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดนิ่ง เรียก แรงเสียดทานจลน์ ขนาดของแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุขึ้นกับลักษณะผิวสัมผัสและขนาดของแรงปฏิกิริยา ตั้งฉากระหว่างผิวสัมผัส
31 กิจกรรมในชีวิตประจำวันบางกิจกรรมต้องการแรงเสียดทาน เช่น การเปิดฝาเกลียวขวดน้ำการใช้แผ่น กันลื่นในห้องน้ำ บางกิจกรรมไม่ต้องการแรงเสียดทาน เช่น การลากวัตถุบนพื้น การใช้น้ำมันหล่อลื่นใน เครื่องยนต์ ความรู้เรื่องแรงเสียดทานสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ 4. สาระการเรียนรู้ แรงเสียดทาน เมื่อมีแรงกระทำเพื่อให้วัตถุเคลื่อนที่จะมีแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุในทิศทางตรงกัน ข้าม เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น ประเภทของแรงเสียดทาน แรงเสียดทานสถิต เป็นแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุอยู่นิ่ง มีได้หลายค่าแต่มีค่าสูงสุดค่าหนึ่ง เรียกว่าแรงเสียดทานสถิตสูงสุด แรงเสียดทานจลน์ เป็นแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุเคลื่อนที่ โดยแรงเสียดทานจลน์จะมีค่าน้อย กว่าแรงเสียดทานสถิตสูงสุด เมื่อมีแรงมากระทำต่อวัตถุให้วัตถุเคลื่อนที่ไปบนพื้นผิวแต่วัตถุยังคงอยู่นิ่ง หรือเริ่มเคลื่อนที่ หรือ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ ในแต่ละกรณีแรงเสียดทานจะมีขนาดเท่ากับแรงที่มากระทำนั้นแต่มีทิศทางตรงข้าม ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน 1. ลักษณะผิวสัมผัส วัตถุที่มีผิวสัมผัสเรียบจะมีขนาดของแรงเสียดทานน้อยกว่าผิวขรุขระ 2. แรงที่พื้นผิวกระทำต่อวัตถุในแนวตั้งฉาก เมื่อน้ำหนักของวัตถุมากขึ้นจะทำให้มีแรงที่วัตถุกดพื้น มากขึ้นด้วย เป็นผลให้แรงที่พื้นกระทำต่อวัตถุในแนวตั้งฉากเพิ่มขึ้น แรงเสียดทานจึงมีขนาดเพิ่มขึ้นด้วย ประโยชน์ของการเพิ่มและลดแรงเสียดทาน กิจกรรมในชีวิตประจำวันบางกิจกรรมต้องการแรงเสียดทาน เช่น การเปิดฝาเกลียวขวดน้ำการใช้ แผ่นกันลื่นในห้องน้ำ บางกิจกรรมไม่ต้องการแรงเสียดทาน เช่น การลากวัตถุบนพื้น การใช้น้ำมันหล่อลื่นใน เครื่องยนต์ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต แรงดึง แรงเสียดทาน
32 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ชิ้นงานหรือภาระงาน แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 7. กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ 5E มีรายละเอียดดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูเตรียมกล่องที่บรรจุของหนักประมาณ 5 กิโลกรัม ให้นักเรียนอาสาสมัคร 2 คนออกแรงดันกล่อง ให้เคลื่อนที่ไปด้านหน้า โดยให้กล่องเคลื่อนที่ไปได้ประมาณ 1 เมตรจากนั้นครูถามคำถามกระตุ้นนักเรียน ดังนี้ 1.1 เมื่อนักเรียนออกแรงดันกล่องแล้ว ขณะที่กล่องยังไม่เคลื่อนที่ แรงลัพธ์มีขนาดเท่าไร (แนวทางการตอบ: แรงลัพธ์มีค่าเท่ากับศูนย์) 1.2 การที่กล่องยังไม่เคลื่อนที่แสดงว่ามีแรงต้านแรงที่เราดันกล่องใช่หรือไม่ นักเรียนคิดว่าแรง นั้นมีทิศทางอย่างไร ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มและครูอภิปรายถึงวิธีการหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ โดยการระดมสมอง ออกแบบการสำรวจสถานการณ์ เพื่อให้ทราบว่าตนเองมีความรู้อะไรบ้างที่จะใช้ในการหาคำตอบของ สถานการณ์นั้นๆ และจะต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอะไรบ้าง - จากการออกแบบสำรวจสถานการณ์ คำตอบ คือ ใช่ มีแรงที่มีขนาดเท่ากับแรงที่ดันกล่องแต่มีทิศ ทางตรงข้าม แรงที่เกิดขึ้นนี้เป็นแรงเสียดทาน 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการสืบค้นจากหนังสือ และอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับแรงเสียดทาน และการหา ขนาดของแรงเสียดทาน 5. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่หัวข้อที่จะเรียนเพื่อตรวจสอบการสืบค้นของนักเรียน โดยกล่าวเมื่อมีแรงกระทำ เพื่อให้วัตถุเคลื่อนที่จะมีแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุในทิศทางตรงกันข้าม เพื่อต้านการเคลื่อนที่ ของวัตถุนั้น เรียกว่า แรงเสียดทาน เราสามารถหาขนาดแรงเสียทานที่กระทำได้อย่างไร 6. ครูแจ้งทำกิจกรรม เรื่อง การหาขนาดของแรงเสียดทาน โดยครูใช้คำถามเพื่อให้นักเรียนร่วมกัน อภิปรายว่า ถ้าวางวัตถุบนพื้นราบโดยที่วัตถุหยุดนิ่ง ขณะนั้นจะมีแรงเสียดทานหรือไม่ อย่างไร (แนวทางการตอบ: วัตถุที่วางนิ่งจะไม่มีแรงเสียดทานถ้าไม่มีแรงใด ๆ มากระทำให้วัตถุเคลื่อนที่ใน แนวขนานกับผิวสัมผัส) 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการทดลอง เรื่อง การหาขนาดของแรงเสียดทาน เพื่อทำการพิสูจน์ความ ถูกต้องของคำตอบที่นักเรียนตอบมา และบันทึกผลการทดลองลงแบบบันทึกกิจกรรม
33 ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 8. ครูทำการอภิปรายร่วมกับนักเรียนเพื่อสรุปเกี่ยวกับเรื่องแรงเสียดทาน โดยใช้คำถามเข้ามาช่วยใน การสรุป ดังนี้ 8.1 ช่วงที่ออกแรงดึงแล้วถุงทรายยังไม่เคลื่อนที่ มีแรงเสียดทานหรือไม่ ทราบได้อย่างไร (แนวทางการตอบ: ช่วงที่ออกแรงดึงแล้วถุงทรายไม่เคลื่อนที่ มีแรงเสียดทาน เพราะเมื่อวัตถุอยู่นิ่ง แรงลัพธ์จะ เป็นศูนย์ ดังนั้น เมื่อมีแรงกระทำต่อถุงทรายแล้วแรงลัพธ์เป็นศูนย์แสดงว่าต้องมีแรงอีก 1 แรง ที่มีขนาด เท่ากับแรงที่ดึงแต่ทิศทางตรงกันข้ามกระทำต่อถุงทรายด้วย นั้นก็คือ แรงเสียดทาน) 8.2 ใขณะที่ถุงทรายยังไม่เคลื่อนที่ เมื่อออกแรงดึงเพิ่มขึ้น ค่าของแรงเสียดทานเป็นอย่างไร ทราบ ได้อย่างไร (แนวทางการตอบ: เมื่อออกแรงเพิ่มขึ้น แต่ถุงทรายยังไม่เคลื่อนที่ แรงเสียดทานจะมีค่าเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อทำให้แรงลัพธ์เป็นศูนย์) 8.3 ค่าของแรงเสียดทานขณะที่แผ่นไม้เริ่มจะเคลื่อนที่เป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับขณะที่ถุงทรายยัง ไม่เคลื่อนที่ (แนวทางการตอบ: กรณีถุงทรายเริ่มเคลื่อนที่ แรงเสียดทานขณะนั้นยังคงเท่ากับแรงที่ดึง โดยแรง ที่ดึงมีค่ามากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับแรงที่ใช้ดึงในกรณีที่ถุงทรายยังไม่เคลื่อนที่ จะได้ว่าแรงเสียดทานขณะนั้น จะมีค่ามากที่สุดด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับแรงเสียดทานในกรณีที่ถุงทรายยังไม่เคลื่อนที่) 8.4 ค่าของแรงเสียดทานขณะที่ถุงทรายเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่เป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับขณะที่ ถุงทรายเริ่มจะเคลื่อนที่ (แนวทางการตอบ: ขณะที่ถุงทรายเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ แรงลัพธ์จะเป็นศูนย์ นั่น คือ แรงเสียดทานจะมีขนาดเท่ากับแรงที่ใช้ดึง แต่เนื่องจากเมื่อดึงถุงทรายให้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ แรงที่ ใช้มีค่าน้อยกว่าแรงที่ใช้ดึงให้ถุงทรายเริ่มเคลื่อนที่ ดังนั้นสามารถสรุปได้ว่า แรงเสียดทานขณะที่ถุงทราย เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่จะมีค่าน้อยกว่าแรงเสียดทานเมื่อถุงทรายเริ่มเคลื่อนที่) 8.5 จากการเขียนแผนภาพขนาดและทิศทางของแรงเสียดทานเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับแรงที่ใช้ดึง ถุงทราย (แนวทางการตอบ: แรงเสียดทานมีขนาดเท่ากับแรงที่ใช้ดึงวัตถุ แต่มีทิศทางตรงกันข้าม) 8.6 จากกิจกรรม สรุปได้ว่าอย่างไร (แนวทางการตอบ: เมื่อมีแรงกระทำให้วัตถุเคลื่อนที่จะมีแรง เสียดทานกระทำในทิศทางตรงข้ามเพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น ถ้าวัตถุอยู่นิ่ง ถ้าแรงที่กระทำต่อวัตถุ เพิ่มขึ้น แรงเสียดทานก็จะเพิ่มขึ้นด้วยจนถึงค่าแรงเสียดทานที่มากที่สุด วัตถุจะเริ่มเคลื่อนที่ และเมื่อวัตถุ เคลื่อนที่แล้วแรงเสียดทานจะมีค่าลดลง) ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 6. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแรงเสียดทานสถิตและแรงเสียดทานจลน์ ดังนี้ 6.1 เมื่อมีแรงกระทำเพื่อให้วัตถุเคลื่อนที่จะมีแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุในทิศทาง ตรงกันข้าม เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น 6.2 แรงเสียดทานสถิต เป็นแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุอยู่นิ่ง มีได้หลายค่าแต่มีค่าสูงสุดค่า หนึ่ง เรียกว่าแรงเสียดทานสถิตสูงสุด สามารถคำนวณหาค่าแรงเสียดทานสถิตได้จากสูตร = ⃑ และ , = ⃑
34 6.3 แรงเสียดทานจลน์ เป็นแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุเคลื่อนที่ โดยแรงเสียดทานจลน์จะมี ค่าน้อยกว่าแรงเสียดทานสถิตสูงสุด สามารถคำนวณหาค่าแรงเสียดทานสถิตได้จากสูตร = ⃑ เมื่อ คือ แรงเสียดทานสถิตเมื่อวัตถุหยุดนิ่ง , คือ แรงเสียดทานสถิตเมื่อวัตถุเริ่มเคลื่อนที่ คือ แรงเสียดทานจลน์เมื่อวัตถุเคลื่อนที่คงที่ คือ ค่าสัมประสิทธิ์ความเสียดทาน ⃑ คือ แรงปฏิกิริยาตั้งฉาก มีหน่วยเป็นนิวตัน (N) 6.4 เมื่อมีแรงมากระทำต่อวัตถุให้วัตถุเคลื่อนที่ไปบนพื้นผิวแต่วัตถุยังคงอยู่นิ่ง หรือเริ่มเคลื่อนที่ หรือเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ ในแต่ละกรณีแรงเสียดทานจะมีขนาดเท่ากับแรงที่มากระทำนั้นแต่มีทิศ ทางตรงข้าม ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 7. ครูถามคำถามด้วยชุดคำถาม ดังนี้ 7.1 แรงเสียดทานคืออะไร (แนวทางการตอบ: แรงเสียดทานเป็นแรงที่ต้านการเคลื่อนที่ของ วัตถุเกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัส มีทิศทางตรงข้ามกับทิศทางที่ผิวสัมผัสเคลื่อนที่) 7.2 แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในขณะที่มีแรงกระทำแต่วัตถุยังไม่เคลื่อนที่เรียกว่าอะไร (แนวทางการตอบ: แรงเสียดทานสถิต) 7.3 แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในขณะวัตถุกำลังเคลื่อนที่ เรียกว่าอะไร (แนวทางการตอบ: แรงเสียดทานจลน์) 8. นักเรียนทำแบบฝึกที่ 1.4 ชั่วโมงที่ 2-3 ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น เพื่อเป็นการทบทวนความความรู้เดิมของชั่วโมงที่แล้ว โดยครู ถามคำถามดังนี้ 1.1 แรงเสียดทาน คืออะไร (แนวทางการตอบ: แรงเสียทาน (friction) เป็นแรงที่ต้านการ เคลื่อนที่ของวัตถุเกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัส มีทิศทางตรงข้ามกับทิศทางที่ผิวสัมผัสเคลื่อนที่) 1.2 แรงเสียดทานมีกี่ประเภท อะไรบ้าง (แนวทางการตอบ: แรงเสียดมี 2 ประเภท คือ 1. แรง เสียดทานสถิต (static friction) 2. แรงเสียดทานจลน์ (kinetic friction)) 2. ครูให้นักเรียน 3 คนออกมาหน้าห้องเรียนและทำกิจกรรม ดังนี้
35 2.1 นักเรียน 1 คน จับมือและลากนักเรียนอีก 1 คน ให้เคลื่อนที่ 2.2 นักเรียน 1 คน จับมือและลากนักเรียน 2 คน ให้เคลื่อนที่ ครูถามคำถามให้นักเรียนช่วยกันตอบว่า แรงที่ใช้ในการลาก 1 คนและ 2 คน เท่ากันหรือไม่ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น (แนวทางการตอบ: ในการลากนักเรียน 2 คน ต้องใช้แรงมากกว่า 1 คน เพื่อให้นักเรียน เคลื่อนที่เพราะน้ำหนักของนักเรียน 2 คน มากกว่า 1 คน จึงทำให้แรงเสียดทานของนักเรียน 2 คน มากกว่า นักเรียน 1 คน) ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายถึงวิธีการหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ โดยการระดมสมองออกแบบ การสำรวจสถานการณ์ เพื่อให้ทราบว่าตนเองมีความรู้อะไรบ้างที่จะใช้ในการหาคำตอบของสถานการณ์นั้นๆ และจะต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอะไรบ้าง - จากการออกแบบสำรวจสถานการณ์ คำตอบ คือ ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน และการ นำแรงเสียดทานไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันโดยการเพิ่มและลดแรงเสียดทาน 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการสืบค้นจากหนังสือ และอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของ แรงเสียดทาน และการนำแรงเสียดทานไปใช้ในชีวิตประจำวันโดยการเพิ่มและลดแรงเสียดทาน 5. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่หัวข้อที่จะเรียนเพื่อตรวจสอบการสืบค้นของนักเรียน โดยกล่าวมวลของวัตถุมีผล ต่อแรงกดพื้น และลักษณะผิวสัมผัสไม่ว่าจะน้อยหรือมากล้วนมีผลต่อขนาดของแรง 6. ครูแจ้งทำกิจกรรม เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน โดยครูใช้คำถามเพื่อให้นักเรียน ร่วมกันอภิปรายว่า มวลของวัตถุมีผลต่อขนาดของแรงเสียดทานอย่างไร และพื้นผิวสัมผัสมีผลต่อขนาดของแรง เสียดทานอย่างไร (แนวทางการตอบ: 1. มวลของวัตถุมีผลต่อแรงกดบนพื้น ถ้ามวลของวัตถุมากจะทำให้แรงกดบนพื้น มาก ส่งผลให้แรงเสียดทานมีค่าเพิ่มขึ้น, 2. ผิวสัมผัสที่เรียบจะมีแรงเสียดทานน้อยกว่าผิวสัมผัสที่หยาบ) - ครูให้นักเรียนออกมารับอุปกรณ์ ได้แก่ เครื่องชั่งสปริง ถุงทราย แผ่นไม้ ถุงพลาสติก กระดาษ ทราย แผ่นโฟม กระดาษลูกฟูก แผ่นลูกฟูกพลาสติก และครูชี้แจงการทำกิจกรรม ดังนี้ 1. ร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน 2. เลือกศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทานพร้อมตั้งสมมติฐาน 3. ระบุตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุม บันทึกผล 4. ออกแบบการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน บันทึกผล 5. ทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน บันทึกผล 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการทดลอง เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน เพื่อทำการพิสูจน์ ความถูกต้องของคำตอบที่นักเรียนตอบมา และบันทึกผลการทดลองลงแบบบันทึกกิจกรรม ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน จนได้ข้อสรุปดังนี้ 8.1 ลักษณะผิวสัมผัส วัตถุที่มีผิวสัมผัสเรียบจะมีขนาดของแรงเสียดทานน้อยกว่าผิวขรุขระ
36 8.2 แรงที่พื้นผิวกระทำต่อวัตถุในแนวตั้งฉาก เมื่อน้ำหนักของวัตถุมากขึ้นจะทำให้มีแรงที่วัตถุกด พื้นมากขึ้นด้วย เป็นผลให้แรงที่พื้นกระทำต่อวัตถุในแนวตั้งฉากเพิ่มขึ้น แรงเสียดทานจึงมีขนาดเพิ่มขึ้นด้วย ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 9. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น 4 กลุ่ม ให้นักเรียนศึกษาประโยชน์ของการเพิ่มและลดแรงเสียดทาน และทำกิจกรรมการเพิ่มและลดแรงเสียดทานทำยังไงดี อุปกรณ์ที่ครูเตรียมมาให้ได้แก่ขวดน้ำ ยางรัดของ รองเท้าแตะพื้นเรียบ กล่องบรรจุของหนัก ท่อ PVC ผ้าลื่นขนาด 1 เมตร สติกเกอร์การ์ตูน และถุงมือยาง โดย ครูชี้แจงการทำกิจกรรมดังนี้ 9.1 ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มจับฉลากเลือกหัวข้อ ดังนี้ กลุ่ม 1 หาวิธีการเปิดขวดน้ำให้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องออกแรงมาก กลุ่ม 2 หาวิธีที่จะใส่รองเท้าแตะเดินบนพื้นเปียกโดยไม่ให้ลื่นล้ม กลุ่ม 3 หาวิธีการเคลื่อนย้ายกล่องหนักโดยออกแรงน้อยที่สุด กลุ่ม 4 หาวิธีล้างถ้วยจานกระเบื้อง โดยไม่ให้หลุดมือแตก 9.2 นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ ที่แต่ละกลุ่มได้รับ พร้อมหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ ดังกล่าวให้ดีขึ้น โดยใช้อุปกรณ์ที่ครูเตรียมมาให้ และทำกิจกรรมลงในกระดาษชาร์ต 10. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรม การเพิ่มและลดแรงเสียดทานทำยังไงดี (แนวทางการทำกิจกรรม: กลุ่ม 1 หาวิธีการเปิดขวดน้ำให้ง่ายขึ้น โดยการใช้หนังยางในการรัดที่ฝาหรือการติดสติเกอร์บนฝา ขวดน้ำ ใช้ถุงมือ หรือผ้า (แล้วแต่วิธีของนักเรียน) ซึ่งช่วยการเปิดฝาขวดน้ำได้ง่ายขึ้น เป็นการเพิ่มแรงเสียด ทาน กลุ่ม 2 หาวิธีที่จะใส่รองเท้าแตะเดินบนพื้นเปียกโดยไม่ลื่นล้มโดยการใส่รองเท้าที่กันลื่น อาจมี ลวดลายต่าง ๆ บนพื้นรองเท้าหรือการเลือกกระเบื้องที่มีลวดลาย เป็นการเพิ่มแรงเสียดทาน กลุ่ม 3 หาวิธีการเคลื่อนย้ายกล่องโดยออกแรงน้อยที่สุด โดยการใช้ท่อ PVC หรือผ้า (แล้วแต่วิธี ของนักเรียน) ในการรองพื้นแล้ววางกล่องบนท่อหรือผ้าจะทำให้เคลื่อนย้ายกล่องที่หนักได้ง่ายขึ้น เป็นการลด แรงเสียดทาน กลุ่ม 4 หาวิธีล้างถ้วยจานกระเบื้อง โดยไม่ให้หลุดมือแตกอาจจะเป็นการใส่ถุงมือที่มีปุ่ม ซึ่งเป็น การเพิ่มแรงเสียดทาน) ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 11. ครูถามคำถามนักเรียนว่า ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทานมีอะไรบ้าง (แนวทางการตอบ: ลักษณะผิวสัมผัสและแรงที่พื้นผิวกระทำต่อวัตถุในแนวตั้งฉาก) 12. ครูแสดงโจทย์คำถามบนหน้ากระดานและถามนักเรียนดัวยชุดคำถาม ดังนี้ ข้อมูลของแรงเสียดทานระหว่างวัสดุต่าง ๆ กับไม้
37 คู่ของพื้นผิว ขนาดของแรงเสียดทาน เมื่อวัตถุเริ่มจะเคลื่อนที่ (นิวตัน) ขนาดของแรงเสียดทาน เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ (นิวตัน) วัสดุ A และไม้ 5 4 วัสดุ B และไม้ 6 5 วัสดุ C และไม้ 4 3 12.1 ถ้าจะทำที่รองแก้วกาแฟเพื่อไม่ให้แก้วกาแฟไถลหล่นจากโต๊ะไม้ได้ง่าย ควรเลือกใช้วัสดุ ใด เพราะเหตุใด (แนวทางการตอบ: วัสดุที่เลือกทำที่รองแก้วกาแฟเพื่อไม่ให้แก้วกาแฟไถลหล่นจากโต๊ะไม้ได้ ง่ายควรเป็นวัสดุ B เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีขนาดแรงเสียดทานสถิตสูงสุดมากกว่าวัสดุอื่น) 12.2 ถ้าจะทำของเล่นที่สามารถไถลได้ดีบนโต๊ะไม้ ควรเลือกใช้วัสดุใด เพราะเหตุใด (แนวทางการตอบ: วัสดุที่เลือกทำของเล่นที่สามารถไถลได้ดีบนโต๊ะไม้ ควรเป็นวัสดุ C เนื่องจาก เป็นวัสดุที่มีขนาดแรงเสียดทานจลน์น้อยกว่าวัสดุอื่น) 13. ครูยกตัวอย่างโจทย์การคำนวณหาแรงเสียดทาน ดังนี้ “วัตถุมวล 40 กิโลกรัม วางอยู่บนพื้นเรียบ ออกแรงดึงวัตถุด้วยแรง 80 นิวตัน แต่วัตถุหยุดนิ่ง จงหาสัมประสิทธิ์ความเสียดทาน” (แนวทางการตอบ : = = จากสูตร = ⃑ = 80 ⃑ = = ⃑ ดังนั้น = 80 = (40)(10) = 80 400 ดังนั้น ⃑ = 400 = 0.2 ตอบ) 14. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 1.5 8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2 (หน้า 12-17) สื่อการเรียนรู้ Power Point เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.2 เล่ม 2 (หน้า 5-9) แหล่งเรียนรู้ -
38 9. การวัดและประเมินผล การวัดผลประเมินผล วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้ - อธิบายแรงเสียดทานสถิตและแรงเสียด ทานจลน์ได้ - บอกวิธีการลดหรือเพิ่มแรงเสียดทานที่ เป็นประโยชน์ต่อการทำกิจกรรมใน ชีวิตประจำวันได้ การตอบคำถาม ระหว่างกิจกรรมและ คำถามท้ายกิจกรรม สังเกตการณ์ตอบ คำถาม แบบฝึกหัด และใบงาน ทำได้ถูกต้องไม่น้อย กว่าร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ - เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานที่ กระทำต่อวัตถุได้ - ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธี ที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ ขนาดของแรงเสียดทานได้ การตอบคำถาม ระหว่างกิจกรรมและ คำถามท้ายกิจกรรม สังเกตการณ์ตอบ คำถาม แบบฝึกหัด การคำนวณ ทำได้ถูกต้องไม่น้อย กว่าร้อยละ 70 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - นักเรียนมีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบ และมีความกระตือรือร้นในการแสวงหา ความรู้ สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ได้เกณฑ์ในระดับ ดีขึ้นไป
39 บันทึกผลหลังสอน 1. ปัญหาที่เกิดขึ้น ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................... ............................................... 2. วิธีการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. ผลการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ................................................................ (นางสาวมณีรัตน์ สังสหชาติ) ครูผู้สอน ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของครูพี่เลี้ยงกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นายปาฏิหาริย์ สาฆ้อง) ครูพี่เลี้ยง
40 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นายวิเชียร นิลทกาล) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นางมณีรัตน์ ศรีจันทร์) รองผู้อำนวยการ กลุ่มบริหารวิชาการ
41
42
43
44
45
46 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 รหัสวิชา 22102 รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 แรงและการเคลื่อนที่ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 เรื่อง แรงดันในของเหลว และแรงพยุง เวลา 3 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ม.2/3 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ ความดันของของเหลว ม.2/4 วิเคราะห์แรงพยุงและการจม การลอยของวัตถุในของเหลวจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ม.2/5 เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำต่อวัตถุในของเหลว 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ (K) - อธิบายผลของแรงที่ของเหลวกระทำต่อวัตถุได้ - อธิบายแรงพยุงและการจม การลอยของวัตถุในของเหลวได้ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อความดันของ ของเหลวได้ - เขียนแผนภาพแสดงแรงพยุงของของเหลวได้ 2.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนมีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบและมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ 3. สาระสำคัญ เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลวจะมีแรงที่ของเหลวกระทำต่อวัตถุในทุกทิศทาง โดยแรงที่ของเหลวกระทำตั้ง ฉากกับผิววัตถุต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ เรียกว่า ความดันของของเหลว ความดันของของเหลวมีความสัมพันธ์กับความลึกจากระดับผิวหน้าของของเหลว โดยบริเวณที่ลึกลง ไปจากระดับผิวหน้าของของเหลวมากขึ้น ความดันของของเหลวจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากของเหลวที่อยู่ลึกกว่าจะมี น้ำหนักของของเหลวด้านบนกระทำมากกว่า เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลวจะมีแรงพยุง เนื่องจากของเหลวกระทำต่อวัตถุ โดยมีทิศขึ้นในแนวดิ่ง การจม หรือการลอยของวัตถุขึ้นอยู่กับแรงพยุง ถ้าน้ำหนักของวัตถุและแรงพยุงของของเหลวมีค่าเท่ากัน วัตถุจะลอย นิ่งอยู่ในของเหลว แต่ถ้าน้ำหนักของวัตถุมีค่ามากกว่าแรงพยุงของของเหลว วัตถุจะจม