197 1. ร่องน้ำที่เกิดจากกองกรวดและทรายที่มีความสูงเท่ากัน มีลักษณะแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวทางการตอบคำถาม: แตกต่างกัน ร่องน้ำที่เกิดจากกองทรายจะถูกกัดเซาะออกมามากกว่า ร่องน้ำที่เกิดจากกองกรวด) 2. ร่องน้ำที่เกิดจากกองทรายที่มีความสูงต่างกัน มีลักษณะแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวทางการตอบคำถาม: ร่องน้ำที่เกิดจากกองทรายที่สูงกว่า จะถูกกัดเซาะลงไปลึกกว่า) 3. ธารน้ำจำลองที่เกิดขึ้นมีลักษณะอย่างไร (แนวทางการตอบคำถาม : ธารน้ำที่เกิดขึ้นจากกระบวนการกัดเซาะจะมีขนาดใหญ่ขึ้นและ เปลี่ยนแปลงทั้งขนาดและรูปร่าง รวมทั้งทิศทางการไหลไปจากเดิม โดยน้ำจะเป็นตัวพาตะกอนไปสะสมที่ บริเวณต่าง ๆ โดยตะกอนที่มีขนาดเล็กจะถูกพัดพาไปได้ไกลกว่าตะกอนที่มีขนาดใหญ่) 8.2 ปัจจัยและกระบวนการเกิดแหล่งน้ำใต้ดิน 8.2.1 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลกิจกรรม จำลองการเกิดและปัจจัยในการเกิดน้ำ ใต้ดินว่า “น้ำผิวดินจะไหลซึมลงไปชั้นใต้ดิน และจะถูกกักเก็บไว้ในชั้นตะกอนที่มีลักษณะเนื้อแน่นละเอียดมี ช่องว่างระหว่างอนุภาคน้อย ทำให้ได้น้ำไหลซึมผ่านไปได้ยากจึงกลายเป็นชั้นหินอุ้มน้ำอยู่ใต้ดิน” 1. หลังจากพรมน้ำไปที่ตู้ปลา ระดับน้ำในชั้นทรายและในหลอดกาแฟมีการเปลี่ยนแปลง อย่างไร (แนวทางการตอบคำถาม : ระดับน้ำจะค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้น) 2. น้ำที่เทลงไปถูกกักเก็บอยู่ในชั้นตะกอนชนิดใด จำนวนกี่ชั้น (แนวทางการตอบคำถาม : น้ำจะไหลไปสะสมที่ชั้นทราย จำนวน 2 ชั้น) 3. ชั้นตะกอนที่กักเก็บน้ำมีลักษณะอย่างไร (แนวทางการตอบคำถาม : ตะกอนทรายมีลักษณะร่วนและเม็ดตะกอนมีขนาดเท่ากัน) ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 9. ครูอธิบายความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการเกิดแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่า “แม่น้ำเจ้าพระยามีต้นกำเนิดจากน้ำที่ไหลผ่านภูเขาทางตอนเหนือ ซึ่งการกระทำของน้ำ ทำให้เกิดกระบวนการ กัดเซาะ ทำให้เกิดลำน้ำขนาดเล็ก เมื่อเวลาผ่านไปกระบวนการกัดเซาะ การพัด และการสะสมตัวของตะกอน ทำให้ลำน้ำมีขนาดกว้างและใหญ่ขึ้น”
198 น้ำในดินและน้ำบาดาลเป็นน้ำที่เกิดจากการไหลซึมของน้ำผิวดินลงไปสะสมตัวอยู่ใต้ผิวโลก การ ไหลซึมของน้ำลงไปใต้ผิวโลกส่วนแรกจะไหลซึมอยู่ตามช่องว่างระหว่างเม็ดดินร่วมกับอากาศ เรียกว่า น้ำในดิน ส่วนน้ำบาดาลเป็นน้ำที่เกิดจากการไหลซึมของน้ำผิวดินลงไปสะสมตัวอยู่ใต้ผิวโลกในลักษณะเช่นเดียวกับน้ำใน ดิน แต่น้ำบาดาลจะเกิดจากน้ำผิวดินที่ไหลซึมลึกลงไปมากกว่าน้ำในดิน โดยจะลงไปสะสมตัวอยู่ในหิน ชั้นหิน หรือชั้นตะกอนจนอิ่มตัวไปด้วยน้ำ หรือมีน้ำบรรจุอยู่เต็มช่องว่าง 10. ครูนำภาพลักษณะตะกอนของชั้นหินอุ้มน้ำให้นักเรียนดูและถามคำถามให้นักเรียนร่วมกัน อภิปรายว่า ชั้นหินอุ้มน้ำลักษณะใด สามารถกักเก็บน้ำบาดาลไว้ได้ปริมาณมากที่สุด เพราะเหตุใด ก. ตะกอนที่มีขนาดใกล้เคียงกัน ข. ตะกอนที่มีขนาดคละกัน ค. ตะกอนที่มีลักษณะเป็น เหลี่ยมเป็นมุม ภาพลักษณะตะกอนของชั้นหินอุ้มน้ำ (แนวทางการตอบคำถาม: ลักษณะตะกอนของชั้นหินอุ้มน้ำ ในภาพ ก. สามารถกักเก็บน้ำบาดาลไว้ได้ปริมาณมากที่สุดเพราะช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างตะกอนที่มีขนาด ใกล้เคียงกันจะมีความกว้างและมีพื้นที่ของช่องว่างมากกว่าตะกอนที่มีขนาดคละกันหรือเป็นเหลี่ยมเป็นมุม) ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า ลักษณะของตะกอนในชั้นหินอุ้มน้ำที่สามารถกักเก็บน้ำบาดาลไว้ได้มากควร เป็นตะกอนที่มีขนาดใกล้เคียงกัน เช่น ลักษณะตะกอนของหินทราย ซึ่งตะกอนจะมีขนาดใกล้เคียงกัน ตะกอน ลักษณะนี้สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้มากกว่าตะกอนที่มีขนาดคละกันหรือตะกอนที่มีลักษณะเป็นเหลี่ยมเป็นมุม เพราะช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างตะกอนที่มีขนาดใกล้เคียงกันจะมีขนาดใหญ่และมีปริมาตรของช่องว่างมากกว่า ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 9. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์แหล่งน้ำ ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกัน ว่า “น้ำมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการใช้น้ำเพื่อการประกอบอาหาร ใช้ในการเกษตร ใช้สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วไปของมนุษย์ ใช้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาและสัตว์น้ำอื่น ๆ แนวทางการ ฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย เช่น ใช้น้ำดีไล่น้ำเสีย ใช้ผักตบชวา ใช้เครื่องจักรกล เป็นต้น ” 10. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 3.1, 3.2 และ 3.3 ชั่วโมงที่ 3 ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูกระตุ้นความสนใจนักเรียนโดยถามนำภาพพื้นที่การกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรงให้นักเรียนดู
199 ครูถามนักเรียนด้วยชุดคำถามดังนี้ 1.1 ภาพดังกล่าวเป็นภาพเกี่ยวกับอะไร (แนวทางการตอบ: เป็นภาพการกัดเซาะชายฝั่ง) 1.2 ชายฝั่งมีลักษณะอย่างไร (แนวทางการตอบ: พื้นที่บริเวณชายฝั่งบางส่วนหายไป) 1.3 เพราะเหตุใดชายฝั่งจึงมีลักษณะดังภาพ (แนวทางการตอบ: พื้นที่บริเวณชายฝั่งบางส่วน หายไป เพราะถูกคลื่นทะเลกัดเซาะ) 1.4 ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนผิวโลกนอกจากการกัดเซาะชายฝั่งแล้วยังมีภัยใดอีกบ้าง (แนว ทางการตอบ: น้ำท่วม แผ่ดินถล่ม หลุมยุบแผ่นดินทรุด) 2. ครูให้นักเรียนดูวิดีทัศน์น้ำท่วมกรุงเทพมหานคร ปี พ.ศ 2554 จากนั้นครูถามคำถามเพื่อให้ นักเรียนช่วยกันอภิปรายว่า น้ำท่วม ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง (แนวทางการตอบ: การท่วมขังของน้ำเป็น ระยะเวลานานทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากขาดสิ่งอุปโภค บริโภค ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและการประกอบ อาชีพของมนุษย์และมีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงอาจทำให้ต้นไม้หรือพืชผลทางการเกษตรที่ ปลูกได้รับความเสียหาย) ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับ เรื่อง ภัยพิบัติจากน้ำ ซึ่งได้ข้อสรุป ร่วมกันว่า “ภัยพิบัติจากน้ำเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากฝีมือของมนุษย์ เช่น การตัดไม้ ทำลายป่า ทำให้เกิดภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในช่วงฤดูฝนมีปริมาณมากกว่า ปกติ จึงเกิดน้ำท่วมขัง บางพื้นที่มีลักษณะเป็นพื้นที่ที่มีความชันมาก จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน เช่น น้ำป่า ไหลหลาก เขื่อนพังทลาย นอกจากนี้ปริมาณน้ำยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดดินถล่ม และกระบวนการกัดเซาะ ของน้ำยังส่งผลให้แนวชายฝั่งพังทลาย เป็นปัญหาในการสัญจรไปมา นอกจากนี้มนุษย์ยังสูบน้ำใต้ดินไปใช้ ทำ ให้โครงสร้างใต้ดินเป็นโพรง บางพื้นที่จึงเกิดแผ่นดินทรุดหรือหลุมยุบ” 4. ครูตั้งประเด็นคำถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายแสดง ความคิดเห็นเพื่อหาคำตอบว่า “น้ำท่วมขังแตกต่างจากน้ำท่วมฉับพลันอย่างไร” (แนวตอบการตอบคำถาม: น้ำท่วมขัง เกิดขึ้นในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำและบริเวณชุมชนเมืองใหญ่ ๆ ส่วนน้ำท่วม ฉับพลัน เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในพื้นที่ที่มีความชันมาก เช่น น้ำป่าไหลหลาก เป็นต้น)
200 5. ครูแจ้งกิจกรรมการทดลอง เพื่อทำการพิสูจน์ความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับจำลองการกัด เซาะชายฝั่ง 6. นักเรียนทำกิจกรรมเรื่องจำลองการกัดเซาะชายฝั่ง และบันทึกผลการทดลองลงแบบบันทึก กิจกรรม 7. ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ ห้องเรียนและเปิด โอกาสให้นักเรียนทุกคนซักถามเมื่อมีปัญหา ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 8. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปกิจกรรมจำลองการกัดเซาะชายฝั่ง ดังนี้ “ความแรงของน้ำที่มากระทบชายฝั่ง ทำให้เกิดกระบวนการกัดเซาะหินหรือเม็ดทรายที่อยู่ตามแนว ชายฝั่ง ส่งผลให้ชายฝั่งสึกกร่อนพังทลาย และเป็นสาเหตุทำให้เกิดรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันไปตามสถานที่ ต่าง ๆ ชายฝั่งที่พบลักษณะการกัดเซาะส่วนมากมักเป็นบริเวณชายฝั่งทะเลน้ำลึก” 8.1 ครูถามคำถามท้ายกิจกรรมนักเรียน 1. บริเวณชายฝั่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร (แนวทางการตอบคำถาม : เมื่อน้ำกระทบฝั่ง เม็ดทรายจะหลุดออกตามแรงน้ำที่มา กระทบ ทำให้ชายฝั่งมีลักษณะเป็นเว้าแหว่ง) 2. ประเมินวิธีป้องกันและการแก้ไขปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งจากกลุ่มอื่นว่ามีความ เหมาะสมและส่งผลกระทบต่อบริเวณข้างเคียงหรือไม่ อย่างไร (แนวทางการตอบคำถาม : แนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งทำได้ด้วย การสร้างสิ่งกีดขวางเพื่อป้องกันแนวชายฝั่ง) ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 9. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับการกัดเซาะชายฝั่งว่า “การกัดเซาะจากคลื่นลม สามารถทำให้ชายฝั่งทะเลเปลี่ยนแปลงเกิดเป็นภูมิประเทศลักษณะต่าง ๆ เช่น หน้าผาชันริมทะเล เว้าทะเล โพรงหินชายฝั่งหรือถ้ำทะเล ถ้ำลอด สะพานหินธรรมชาติ เกาะหินโด่ง ทั้งหมดล้วนเกิดจากการกระทำของน้ำ ทำให้ชายฝั่งสึกกร่อนพังทลายไป” ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 10. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภัยพิบัติจากน้ำ ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่า “ภัยพิบัติที่เกิดจาก น้ำผิวดิน ได้แก่ น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม หลุบยุบ และแผ่นดินทรุด ซึ่งมีกระบวนการเกิด และ ผลกระทบที่แตกต่างกัน ซึ่งน้ำท่วมเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน การกัดเซาะชายฝั่งเกิดจาก กระแสน้ำหรือลมกัดเซาะชายฝั่ง ส่งผลกระทบให้ชายฝั่งเกิดการสึกกร่อนพังทลาย ดินถล่มเกิดจากการ เคลื่อนที่ของมวลดินหรือหินจำนวนมากลงมาตามแนวลาดเขา หลุมยุบเกิดจากน้ำพัดพาตะกอนลงไปในโพรง ถ้ำหรือธารน้ำใต้ดิน และแผ่นดินทรุดเกิดจากการยุบตัวของชั้นดินหรือดินร่วน” 11. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 3.4
201 8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2 (หน้า 96-107) สื่อการเรียนรู้ Power Point เรื่อง โลกและการเปลี่ยนแปลง แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.2 เล่ม 2 (หน้า 59-64) แหล่งเรียนรู้ - 9. การวัดและประเมินผล การวัดผลประเมินผล วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้ - อธิบายการเกิดน้ำผิวดินได้ - อธิบายการเกิดน้ำใต้ดินและการกักเก็บ ของน้ำบาดาลได้ - อธิบายปัจจัยและกระบวนการเกิดแหล่ง น้ำผิวดินได้ - นักเรียนอธิบายผลกระทบที่เกิดจากน้ำ ท่วม แผ่นกินถล่ม การกัดเซาะชายฝั่ง หลุมยุบ และแผ่นดินทรุดได้ การตอบคำถาม ระหว่างกิจกรรมและ คำถามท้ายกิจกรรม สังเกตการณ์ตอบ คำถาม แบบฝึกหัด และใบงาน ทำได้ถูกต้องไม่น้อย กว่าร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ - นำเสนอการทำกิจกรรมแหล่งน้ำผิวดิน และแหล่งน้ำใต้ดินได้ - นักเรียนสร้างแบบจำลองเพื่ออธิบาย กระบวนการเกิดและผลกระทบของน้ำ ท่วม การกัดเซาะชายฝั่งดินถล่ม หลุมยุบ แผ่นดินทรุดได้ การตอบคำถาม ระหว่างกิจกรรมและ คำถามท้ายกิจกรรม สังเกตการณ์ตอบ คำถาม แบบฝึกหัด ทำได้ถูกต้องไม่น้อย กว่าร้อยละ 70 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - นักเรียนมีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบ และมีความกระตือรือร้นในการแสวงหา ความรู้ สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ได้เกณฑ์ในระดับ ดีขึ้นไป
202 บันทึกผลหลังสอน 1. ปัญหาที่เกิดขึ้น ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................... ............................................... 2. วิธีการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. ผลการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ................................................................ (นางสาวมณีรัตน์ สังสหชาติ) ครูผู้สอน ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของครูพี่เลี้ยงกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นายปาฏิหาริย์ สาฆ้อง) ครูพี่เลี้ยง
203 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นายวิเชียร นิลทกาล) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นางมณีรัตน์ ศรีจันทร์) รองผู้อำนวยการ กลุ่มบริหารวิชาการ
204
205
206
207
208
209
210 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17 รหัสวิชา 22102 รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 เรื่อง เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เวลา 3 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลกและ บนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผล ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ม.2/1 เปรียบเทียบกระบวนการเกิด และการใช้ประโยชน์ รวมทั้งอธิบายผลกระทบจากการใช้ เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์จากข้อมูลที่รวบรวมได้ ม. 2/2 แสดงความตระหนักถึงผลจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์โดยนำเสนอแนว ทางการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ (K) - นักเรียนอธิบายการใช้ประโยชน์และผลกระทบจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ได้ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนแสดงความตระหนักถึงผลจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์โดยนำเสนอแนวทางการใช้ เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์อย่างเหมาะสมได้ 2.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนมีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบและมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ 3. สาระสำคัญ เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพของซากสิ่งมีชีวิตในอดีต โดยกระบวนการ ทางเคมีและธรณีวิทยา เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ได้แก่ ถ่านหิน หินน้ำมัน และปิโตรเลียม ซึ่งเกิดจากวัตถุต้น กำเนิด และสภาพแวดล้อมการเกิดที่แตกต่างกัน ทำให้ได้ชนิดของเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ที่มีลักษณะ สมบัติ และการนำไปใช้ประโยชน์แตกต่างกัน สำหรับปิโตรเลียมจะต้องมีการผ่านการกลั่นลำดับส่วนก่อนการใช้งาน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์เป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป เนื่องจากต้องใช้เวลานานหลายล้านปีจึงจะเกิดขึ้นใหม่ได้ การเผาไหม้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์จะทำให้เกิดมลพิษทางอากาศซึ่ง ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้แก๊สบางชนิดที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงซากดึกดำ บรรพ์ เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และไนตรัสออกไซด์ ยังเป็นแก๊สเรือนกระจกซึ่งส่งผลให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกรุนแรงขึ้น ดังนั้นจึงควรใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ โดยคำนึงถึงผลที่เกิดขึ้นต่อ
211 สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เช่น เลือกใช้พลังงานทดแทน หรือเลือกใช้เทคโนโลยีที่ลดการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำ บรรพ์ 4. สาระการเรียนรู้ ถ่านหิน 1. ถ่านหินมีวัตถุต้นกำเนิดเป็นต้นไม้หรือพืช เมื่อต้นไม้หรือพืชตายลงและสะสมอยู่ในแอ่งน้ำนิ่ง ต่อมามีตะกอนซากพืชทับถมในแอ่งน้ำนั้น เมื่อเวลาผ่านไปสภาพพื้นที่ทับถมซากพืชนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลง และมีการทับถมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซากพืชถูกทับถมภายใต้ความดันและอุณหภูมิสูงเป็นเวลานานนับหลายล้านปี ขึ้นไปจนเกิดเป็นถ่านหิน 2. ถ่านหินแบ่งได้หลายประเภทตามสมบัติและสัดส่วนของปริมาณคาร์บอนที่เป็นองค์ประกอบของ ถ่านหินนั้น ถ่านหินเป็นของแข็ง มีสีน้ำตาลถึงสีดำ เมื่อถูกเผาไหม้จะติดไฟได้ดีและให้ค่าความร้อนค่อนข้างสูง 3. โดยทั่วไปมีการนำถ่านหินไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า ปิโตรเลียม 1. ปิโตรเลียม มีวัตถุต้นกำเนิดเป็นซากพืชซากสัตว์ขนาดเล็ก เมื่อพืชและสัตว์ขนาดเล็กตายลงและ ถูกทับถมด้วยตะกอนที่มีขนาดเล็กละเอียดในแอ่งสะสมตะกอนในสภาวะที่ขาดออกซิเจน ซากพืชและซากสัตว์ ดังกล่าวจะถูกทับถมลึกลงเรื่อย ๆ ภายใต้อุณหภูมิและความดันสูงเป็นเวลาหลายล้านปีและกลายเป็น ปิโตรเลียม ปิโตรเลียมซึ่งเป็นของไหลและเบาจะเคลื่อนย้ายไปสู่แหล่งกักเก็บซึ่งเป็นหินที่มีรูพรุนและมีหินที่มี เนื้อละเอียดแน่นปิดทับไว้ 2. ปิโตรเลียมแบ่งตามสถานะได้เป็น 2 ประเภท คือ น้ำมันดิบ (crude oil) ซึ่งมีสถานะเป็น ของเหลวสีน้ำตาล จนถึงสีดำ และแก๊สธรรมชาติ (natural gas) ซึ่งมีสถานะเป็นแก๊ส โดยแก๊สธรรมชาติบริสุทธิ์ จะไม่มีสีและกลิ่น 3. การนำปิโตรเลียมไปใช้ประโยชน์จะต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีสมบัติ เหมาะสมกับการใช้งาน น้ำมันดิบมีองค์ประกอบหลายชนิดที่มีสมบัติแตกต่างกัน เมื่อผ่านกระบวนการแยก องค์ประกอบดังกล่าวจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ กระบวนการแยกผลิตภัณฑ์จาก น้ำมันดิบจะใช้หลักการกลั่นลำดับส่วน กระบวนการแยกแก๊สธรรมชาติเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ก็ เช่นเดียวกัน อันดับแรกจะแยกสารเจือปนอื่น ๆ ออก เช่น ปรอท แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊ส ไฮโดรเจนซัลไฟด์และความชื้น จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการกลั่นลำดับส่วนในหอกลั่นเพื่อแยกเป็นผลิตภัณฑ์แต่ ละชนิดตามต้องการ หินน้ำมัน 1. หินน้ำมันสามารถสกัดเอาน้ำมันออกมาได้ หินน้ำมันจัดเป็นต้นกำเนิดของปิโตรเลียม โดยเกิดจาก การสะสมตัวของซากพืชและซากสัตว์ร่วมกับตะกอนดินขนาดเล็กในแอ่งตะกอน และถูกทับถมภายใต้ความดัน และ สูงเป็นเวลานาน
212 2. หินน้ำมันมีลักษณะเป็นหินดินดานเนื้อละเอียด มีสารประกอบอินทรีย์แทรกอยู่ เมื่อได้รับความ ร้อนจะสลายตัวให้น้ำมันที่มีลักษณะคล้ายน้ำมันดิบออกมา โดยน้ำมันดังกล่าวจะต้องนำไปผ่านกระบวนการให้ กลายเป็นน้ำมันที่มีคุณภาพดีเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป การนำเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ไปใช้ประโยชน์ การใช้พลังงานนับเป็นส่วนสำคัญในการดำรงชีวิต มนุษย์ทุกคนใช้พลังงานในรูปแบบต่าง ๆ ทั้ง ทางตรงและทางอ้อม เช่น ใช้น้ำมันสำหรับพาหนะในการเดินทาง ใช้ไฟฟ้าในที่อยู่อาศัย ใช้สิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้ พลังงานในกระบวนการผลิต ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ใช้ในการผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า ใช้ในการคมนาคม ขนส่ง ผลกระทบจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ การใช้พลังงานเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์อาจส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมได้ เช่น การ ปลดปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นแก๊สเรือนกระจก รวมทั้งกระบวนการผลิตพลังงานที่ไม่มีการจัดการ ที่ดีอาจส่งผลให้เกิดการปลดปล่อยแก๊สที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ และส่งผลต่อสุขภาพ สิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม แนวทางการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน แนวทางการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนควรจะใช้พลังงานอย่างประหยัด รวมทั้งพัฒนาและใช้แหล่งพลังงานอื่น ทดแทนแหล่งพลังงานหลัก เช่น ควรใช้น้ำมันสำหรับพาหนะโดยวางแผนเส้นทางก่อนเดินทางทุกครั้ง ใช้ รถยนต์ที่เป็นสาธารณะมากขึ้น ใช้พลังงานไฟฟ้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างประหยัด เพราะ พลังงานไฟฟ้าส่วนหนึ่งจะผลิตมาจากเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ชิ้นงานหรือภาระงาน แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 7. กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ 5E มีรายละเอียดดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูให้นักเรียนดูภาพเหมืองถ่านหินแม่เมาะ และแหล่งถ่านหินปิโตรเลียมเอราวัณ
213 ครูถามคำถามเพื่อให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า แหล่งพลังงานที่พบในภาพเป็นแหล่งพลังงาน ใด (แนวทางการตอบ: เหมืองแม่เมาะเป็นแหล่งพลังงานถ่านหิน แหล่งปิโตรเลียมเอราวัณในอ่าวไทยเป็นแหล่ง พลังงานปิโตรเลียม) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับเหมืองถ่านหินแม่เมาะ และแหล่งถ่านหินปิโตรเลียม เอราวัณจนได้ข้อสรุปว่า ประเทศไทยมีแหล่งพลังงานที่สำคัญ ได้แก่ ถ่านหินและปิโตรเลียมเหมืองแม่เมาะเป็น เหมืองถ่านหินลิกไนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันใช้ลิกไนต์ประมาณ 16 ล้านตันต่อปีในการ ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 15,760 ล้าน กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง แหล่งปิโตรเลียมเอราวัณในอ่าวไทยเป็นแหล่ง ปิโตรเลียมที่สำคัญของประเทศไทยเนื่องจากเป็นแหล่งผลิตแก๊สธรรมชาติเชิงพาณิชย์แห่งแรกของประเทศ ต่อมามีการสำรวจพบและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยอีกหลายแหล่งโดยแหล่งที่ใหญ่ที่สุด คือ แหล่งบงกช มี กำลังการผลิตปิโตรเลียม ได้แก่ แก๊สธรรมชาติ 440 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันและแก๊สธรรมชาติเหลวกว่า 13,800 บาร์เรลต่อวัน (กรกฎาคม 2561) ถ่านหินและปิโตรเลียมเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตพลังงานที่มี ความสำคัญของประเทศไทย 3. นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรียนสอน จากกรอบ Understanding Check ลงในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ม.2 เล่ม 2 ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 3. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่หัวข้อที่จะเรียนว่า เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์มีอะไรบ้างและเกิดขึ้นได้อย่างไร (แนวทางการตอบ: นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับ เรื่อง เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เพื่อ ศึกษาเกี่ยวกับถ่านหิน ปิโตรเลียม และหินน้ำมัน โดยให้หาข้อมูลเกี่ยวกับถ่านหิน 3 กลุ่ม ปิโตรเลียม 2 กลุ่ม และหินน้ำมัน 2 กลุ่ม
214 5. สมาชิกในกลุ่มบ้านของเราแยกย้ายไปรวมกับสมาชิกกลุ่มอื่นซึ่งได้รับเนื้อหาต่างกัน ร่วมกันทํา ความเข้าใจเนื้อหาสาระนั้นอย่างละเอียด และร่วมกันอภิปรายถึงวัตถุต้นกำเนิด กระบวนการเกิดและสมบัติ และการใช้ประโยชน์ โดยศึกษาจากฐานการเรียนรู้ที่ครูจัดเตรียมไว้ให้ 6. สมาชิกกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กลับไปสู่กลุ่มตนเอง แต่ละกลุ่มช่วยสอนเพื่อนในกลุ่มให้เข้าใจสาระที่ ตนได้ไปศึกษากับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ 7. ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ ห้องเรียนและเปิด โอกาสให้นักเรียนทุกคนซักถามเมื่อมีปัญหา ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเรื่องเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์โดยใช้ Power point จนได้ ข้อสรุปดังนี้ โดยครูใช้คำถามในการอภิปรายจนได้ข้อสรุปดังนี้ 8.1 ถ่านหินมีวัตถุต้นกำเนิดเป็นต้นไม้หรือพืช เมื่อต้นไม้หรือพืชตายลงและสะสมอยู่ในแอ่ง น้ำนิ่ง ต่อมามีตะกอนซากพืชทับถมในแอ่งน้ำนั้น เมื่อเวลาผ่านไปสภาพพื้นที่ทับถมซากพืชนั้นก็มีการ เปลี่ยนแปลงและมีการทับถมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซากพืชถูกทับถมภายใต้ความดันและอุณหภูมิสูงเป็นเวลานานนับ หลายล้านปีขึ้นไปจนเกิดเป็นถ่านหิน 8.2 ถ่านหินแบ่งได้หลายประเภทตามสมบัติและสัดส่วนของปริมาณคาร์บอนที่เป็น องค์ประกอบของถ่านหินนั้น ถ่านหินเป็นของแข็ง มีสีน้ำตาลถึงสีดำ เมื่อถูกเผาไหม้จะติดไฟได้ดีและให้ค่า ความร้อนค่อนข้างสูง 8.3 โดยทั่วไปมีการนำถ่านหินไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า 8.4 ปิโตรเลียม มีวัตถุต้นกำเนิดเป็นซากพืชซากสัตว์ขนาดเล็ก เมื่อพืชและสัตว์ขนาดเล็กตาย ลงและถูกทับถมด้วยตะกอนที่มีขนาดเล็กละเอียดในแอ่งสะสมตะกอนในสภาวะที่ขาดออกซิเจน ซากพืชและ ซากสัตว์ดังกล่าวจะถูกทับถมลึกลงเรื่อย ๆ ภายใต้อุณหภูมิและความดันสูงเป็นเวลาหลายล้านปีและกลายเป็น ปิโตรเลียม ปิโตรเลียมซึ่งเป็นของไหลและเบาจะเคลื่อนย้ายไปสู่แหล่งกักเก็บซึ่งเป็นหินที่มีรูพรุนและมีหินที่มี เนื้อละเอียดแน่นปิดทับไว้ 8.5 ปิโตรเลียมแบ่งตามสถานะได้เป็น 2 ประเภท คือ น้ำมันดิบ (crude oil) ซึ่งมีสถานะเป็น ของเหลวสีน้ำตาล จนถึงสีดำ และแก๊สธรรมชาติ (natural gas) ซึ่งมีสถานะเป็นแก๊ส โดยแก๊สธรรมชาติบริสุทธิ์ จะไม่มีสีและกลิ่น 8.6 การนำปิโตรเลียมไปใช้ประโยชน์จะต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มี สมบัติเหมาะสมกับการใช้งาน น้ำมันดิบมีองค์ประกอบหลายชนิดที่มีสมบัติแตกต่างกัน เมื่อผ่านกระบวนการ แยกองค์ประกอบดังกล่าวจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ กระบวนการแยกผลิตภัณฑ์จาก น้ำมันดิบจะใช้หลักการกลั่นลำดับส่วน กระบวนการแยกแก๊สธรรมชาติเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ก็ เช่นเดียวกัน อันดับแรกจะแยกสารเจือปนอื่น ๆ ออก เช่น ปรอท แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊ส ไฮโดรเจนซัลไฟด์และความชื้น จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการกลั่นลำดับส่วนในหอกลั่นเพื่อแยกเป็นผลิตภัณฑ์แต่ ละชนิดตามต้องการ
215 8.7 หินน้ำมันสามารถสกัดเอาน้ำมันออกมาได้ หินน้ำมันจัดเป็นต้นกำเนิดของปิโตรเลียม โดย เกิดจากการสะสมตัวของซากพืชและซากสัตว์ร่วมกับตะกอนดินขนาดเล็กในแอ่งตะกอน และถูกทับถมภายใต้ ความดันและอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน 8.8 หินน้ำมันมีลักษณะเป็นหินดินดานเนื้อละเอียด มีสารประกอบอินทรีย์แทรกอยู่ เมื่อได้รับ ความร้อนจะสลายตัวให้น้ำมันที่มีลักษณะคล้ายน้ำมันดิบออกมา โดยน้ำมันดังกล่าวจะต้องนำไปผ่าน กระบวนการให้กลายเป็นน้ำมันที่มีคุณภาพดีเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 9. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาผลกระทบจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และเสนอ แนวทางการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์อย่างเหมาะสมหรือลดการใช้พลังงานลงในกระดาษฟลิปชาร์ท โดยครู จะทำการสุ่ม 3 กลุ่มในการนำเสนอ (แนวทางการตอบ: การใช้พลังงานเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์อาจส่งผล กระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมได้ เช่น การปลดปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นแก๊สเรือนกระจก รวมทั้งกระบวนการผลิตพลังงานที่ไม่มีการจัดการที่ดีอาจส่งผลให้เกิดการปลดปล่อยแก๊สที่ทำให้เกิดมลพิษทาง อากาศ และส่งผลต่อสุขภาพ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม แนวทางการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนควรจะใช้พลังงาน อย่างประหยัด รวมทั้งพัฒนาและใช้แหล่งพลังงานอื่นทดแทนแหล่งพลังงานหลัก เช่น ควรใช้น้ำมันสำหรับ พาหนะโดยวางแผนเส้นทางก่อนเดินทางทุกครั้ง ใช้รถยนต์ที่เป็นสาธารณะมากขึ้น ใช้พลังงานไฟฟ้ากับ เครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างประหยัด เพราะพลังงานไฟฟ้าส่วนหนึ่งจะผลิตมาจากเชื้อเพลิงซากดึก ดำบรรพ์) 10. ครูถามนักเรียนด้วยชุดคำถามดังนี้ 10.1 นักเรียนใช้พลังงานในการดำรงชีวิตประจำวันในรูปแบบใดบ้าง (แนวทางการตอบ: ใช้พลังงานไฟฟ้ากับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น หลอดไฟ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ โทรศัพท์เคลื่อนที่ และใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เช่น การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการคมนาคม ขนส่ง) 10.2 ถ้าไม่มีเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตอย่างไรบ้าง (แนวทางการตอบ: ถ้าไม่มีเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์จะทำให้การดำรงชีวิตหลาย ๆ ด้านไม่สะดวก สำหรับ ประเทศไทยพึ่งพาการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ถึงกว่า 98% หากไม่มีเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ แล้วกิจกรรมที่เกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้า การคมนาคมขนส่ง จะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้) ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 11. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการถามคำถาม ดังนี้ 1. เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพของสิ่งใด (ซากสิ่งมีชีวิตในอดีต) 2. ยกตัวอย่างเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ (ถ่านหิน หินน้ำมัน และปิโตรเลียม) 3. ถ่านหินมีวัตถุต้นกำเนิดมาจากอะไร (ต้นไม้หรือพืช) 4. ถ่านหินมีสถานะ และสีอะไร (เป็นของแข็ง มีสีน้ำตาลถึงสีดำ) 5. น้ำมันดิบแบ่งตามสถานะได้กี่ประเภท (2 ประเภท คือ น้ำมันดิบ และแก๊สธรรมชาติ)
216 11. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 4.1, 4.2, 4.3, 4.4 และ 4.5 8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2 (หน้า 108- 120) สื่อการเรียนรู้ Power Point เรื่อง โลกและการเปลี่ยนแปลง แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.2 เล่ม 2 (หน้า 65-67) แหล่งเรียนรู้ - 9. การวัดและประเมินผล การวัดผลประเมินผล วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้ - นักเรียนอธิบายการใช้ประโยชน์และ ผลกระทบจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำ บรรพ์ได้ การตอบคำถาม ระหว่างกิจกรรมและ คำถามท้ายกิจกรรม สังเกตการณ์ตอบ คำถาม แบบฝึกหัด และใบงาน ทำได้ถูกต้องไม่น้อย กว่าร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ - นักเรียนแสดงความตระหนักถึงผลจาก การใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์โดย นำเสนอแนวทางการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำ บรรพ์อย่างเหมาะสมได้ การตอบคำถาม ระหว่างกิจกรรมและ คำถามท้ายกิจกรรม สังเกตการณ์ตอบ คำถาม แบบฝึกหัด ทำได้ถูกต้องไม่น้อย กว่าร้อยละ 70 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - นักเรียนมีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบ และมีความกระตือรือร้นในการแสวงหา ความรู้ สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ได้เกณฑ์ในระดับ ดีขึ้นไป
217 บันทึกผลหลังสอน 1. ปัญหาที่เกิดขึ้น ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................... ............................................... 2. วิธีการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. ผลการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ................................................................ (นางสาวมณีรัตน์ สังสหชาติ) ครูผู้สอน ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของครูพี่เลี้ยงกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นายปาฏิหาริย์ สาฆ้อง) ครูพี่เลี้ยง
218 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นายวิเชียร นิลทกาล) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นางมณีรัตน์ ศรีจันทร์) รองผู้อำนวยการ กลุ่มบริหารวิชาการ
219
220
221
222 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 รหัสวิชา 22102 รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 โลกและการเปลี่ยนแปลง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 เรื่อง พลังงานทดแทน เวลา 3 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลกและ บนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผล ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ม.2/3 เปรียบเทียบข้อดีและข้อจำกัดของพลังงานทดแทนแต่ละประเภทจากการรวบรวม ข้อมูล และนำเสนอแนวทางการใช้พลังงานทดแทนที่เหมาะสมในท้องถิ่น 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ (K) - อธิบายพลังงานทดแทนของแต่ละประเภทได้ - เปรียบเทียบข้อดีและข้อจำกัดของพลังงานทดแทนแต่ละประเภทได้ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นำเสนอแนวทางการใช้พลังงานทดแทนที่เหมาะสมในท้องถิ่นได้ 2.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนมีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบและมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ 3. สาระสำคัญ แสงอาทิตย์ถูกใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า พลังงานลมเป็นพลังงานธรรมชาติซึ่งเกิดจากความแตกต่าง ของอุณหภูมิ และความกดดันของบรรยากาศ ถูกใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า พลังงานน้ำเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ที่อาศัยการเคลื่อนที่ของน้ำไปขับเคลื่อนเครื่องจักร พลังงานชีวมวลเป็นพลังงานที่ได้มาจากการเผาไหม้ สารอินทรีย์ พลังงานคลื่นเป็นพลังงานของคลื่นผิวมหาสมุทรซึ่งเป็นแหล่งพลังงานศักย์ขนาดใหญ่ สามารถ นำมาผลิตกระแสไฟฟ้า พลังงานความร้อนใต้พิภพเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกทำให้เกิดแนว รอยเลื่อน น้ำที่อยู่บนดินจะไหลผ่านตามแนวรอยแยก ภายใต้ความร้อนและความดันสูงส่งผลให้ไอน้ำแทรก ขึ้นมาบนผิวดินสามารถนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้ และพลังงานไฮโดรเจนถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเผาไหม้และ ให้ความร้อนเพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและขับเคลื่อนรถยนต์ได้ 4. สาระการเรียนรู้ เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เนื่องจากเชื้อเพลิง ซาก
223 ดึกดำบรรพ์มีปริมาณจำกัดและมักเพิ่มมลภาวะในบรรยากาศมากขึ้น จึงมีการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล พลังงานคลื่น พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานไฮโดรเจน ซึ่งพลังงานทดแทนแต่ละชนิดจะมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ชิ้นงานหรือภาระงาน แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 7. กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ 5E มีรายละเอียดดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เช่น - เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์มีอะไรบ้างและเกิดขึ้นได้อย่างไร (แนวทางการตอบ: นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 2. ครูพูดคุยสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่อำนวยความสะดวกความ สบาย จากนั้นครูให้นักเรียนยกตัวอย่าง มาคนละ 1 ตัวอย่าง (แนวทางการตอบ : ขึ้นอยู่กับคำตอบนักเรียน ตัวอย่าง เช่น พัดลม เครื่องปรับอากาศ เครื่องซัก ผ้า) 3. นักเรียนดูวีดิทัศน์เกี่ยวกับพลังงาน เรื่อง ถ้าไม่มีไฟฟ้าใช้ จากนั้นครูตั้งประเด็นคำถามกระตุ้น ความสนใจนักเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่า ถูกหรือผิด ดังนี้ - ถ้าหากพลังไฟฟ้าหมดไป นักเรียนจะใช้ชีวิตอย่างไร (แนวทางการตอบ : ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของนักเรียน) - ถ้าหากพลังไฟฟ้าหมดไป นักเรียนจะมีวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไร (แนวทางการตอบ : ใช้พลังงานธรรมชาติ หรือพลังงานทดแทน) ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 4. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่หัวข้อที่จะเรียนว่า พลังงานทดแทนหมายถึงอะไร โดยศึกษาจากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หรือแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต
224 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกประเภทของพลังงานทดแทนที่จะศึกษาและร่วมกันศึกษาค้นคว้าข้อมูล เกี่ยวกับพลังงานทดแทนและบอกข้อดี-ข้อจำกัดของพลังงานทดแทนที่เลือก และนำเสนอเนื้อหาที่สืบค้น ซึ่งมี หัวข้อ ดังนี้ - พลังงานแสงอาทิตย์ - พลังงานลม - พลังงานน้ำ - พลังงานชีวมวล - พลังงานคลื่น - พลังงานความร้อนใต้พิภพ - พลังงานไอโดรเจน 6. ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ ห้องเรียนและเปิด โอกาสให้นักเรียนทุกคนซักถามเมื่อมีปัญหา ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 7. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับพลังงานทดแทน ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่า “พลังงานทดแทน เป็นพลังงานหมุนเวียนที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งเป็นพลังงานที่ สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งพลังงานทดแทนมีหลายประเภท ดังนี้ 1) พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานที่สามารถนำมาเปลี่ยนให้เป็นกระแสไฟฟ้า โดยอุปกรณ์ที่ มนุษย์สร้างขึ้นในการเปลี่ยนพลังงานดังกล่าว เรียกว่า เซลล์สุริยะ หรือเซลล์แสงอาทิตย์ 2) พลังงานลม เป็นพลังงานธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากความแตกต่างของความกดอากาศระหว่าง สองบริเวณ ซึ่งมนุษย์คิดค้นกังหันลม ที่อาศัยพลังงานลมแปรเปลี่ยนพลังงานกลให้กลายเป็นกระแสไฟฟ้า เช่น กังหันลม กังหันน้ำ 3) พลังงานน้ำ เป็นพลังงานที่อาศัยการเคลื่อนที่ของน้ำไปขับเคลื่อนเครื่องจักรในโรงงาน อุตสาหกรรมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า หรือใช้ประกอบกิจกรรมต่าง ๆ 4) พลังงานชีวมวล เป็นพลังงานที่ได้จากการเผาไหม้สารอินทรีย์ ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บพลังงาน ธรรมชาติ ซึ่งพลังงานชีวมวลสามารถแปรรูปให้อยู่ในรูปของแก๊สชีวภาพ เชื้อเพลิงชีวภาพ 5) พลังงานคลื่น เป็นพลังงานคลื่นน้ำในมหาสมุทรซึ่งเป็นแหล่งของพลังงานศักย์สามารถ นำมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 6) พลังงานใต้พิภพ เกิดจากน้ำที่ไหลไปตามรอยแตกของเปลือกโลกไหลลงสู่ชั้นใต้พิภพภายใต้ ความร้อนและความดันสูง ทำให้น้ำกลายเป็นไอพุ่งขึ้นมาตามรอยแตก โดยพลังงานไอน้ำ ที่เกิดขึ้นนี้สามารถนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 7) พลังงานไฮโดรเจน แก๊สไฮโดรเจนสามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเผาไหม้และให้ความ ร้อนเพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้”
225 8. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับข้อดี-ข้อเสีย และข้อจำกัดของพลังงานทดแทน แต่ละประเภท ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่า “พลังงานแต่ละประเภทล้วนมีข้อดีที่เหมือนกัน คือ เป็นพลังงานสะอาด และเป็นพลังงานที่มีอยู่ตามธรรมชาติ สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แต่พลังงานแต่ละประเภทล้วนมี ข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนี้ 1) ข้อจำกัดพลังงานแสงอาทิตย์คือ พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นจากเซลล์สุริยะขึ้นอยู่กับสภาพ อากาศในแต่ละวัน เนื่องจากความเข้มแสงในแต่ละวันไม่เท่ากัน 2) ข้อจำกัดพลังงานลม คือ กังหันลมจะผลิตไฟฟ้าได้ต้องมีความเร็วลม 21 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นไป ซึ่งความเร็วลมขนาดนี้จะพบเฉพาะในบางพื้นที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง 3) ข้อจำกัดพลังงานน้ำ คือ ต้องใช้พื้นที่มากในการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำ ต้องใช้เงินลงทุนสูง 4) ข้อจำกัดพลังงานชีวมวล คือ การเก็บรักษาค่อนข้างยาก อาจก่อนให้เกิดมลพิษทางอากาศ ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนได้ 5) ข้อจำกัดพลังงานคลื่น คือ เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มี อุปสรรคต่อการทำงานของอุปกรณ์ เช่น น้ำทะเลจะกัดกร่อนโลหะ 6) ข้อจำกัดพลังงานใต้พิภพ คือ พลังงานนี้พบในบางพื้นที่ ซึ่งบริเวณที่มีพลังงานใต้พิภพมักจ มีกลิ่นเหม็นเนื่องจากแก๊สไข่เน่า แก๊สกำมะถัน แก๊สแอมโมเนีย 7) ข้อจำกัดพลังงานไฮโดรเจน คือ ต้นทุนในการผลิตค่อนข้างสูง” 9. ครูตั้งประเด็นคำถามกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า “พลังงานทดแทนที่นำมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า ได้แก่อะไรบ้าง” (แนวทางการตอบ : การปั่นจักรยานผลิตกระแสไฟฟ้า การใช้เซลล์สุริยะผลิตกระแสไฟฟ้าในเครื่อง คิดเลขบางรุ่น) ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 10. ครูถามคำถามท้าทายการคิดขั้นสูง ให้นักเรียนแต่ละคนอภิปรายแสดงความคิดเห็นเพื่อหา คำตอบ โดยใช้คำถาม H.O.T.S. จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 ว่า “เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์กับ พลังงานทดแทนมีความเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร” (แนวทางการตอบ : เหมือนกัน คือ เป็นแหล่งพลังงาน แต่ต่างกันที่เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์เป็น พลังงานที่ใช้แล้วหมดไป แต่พลังงานทดแทนสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้) ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 11. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับหินน้ำมันและปิโตรเลียม ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่า “หิน น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการทับถมของซากพืชและซากสัตว์ ภายใต้แหล่งน้ำเป็นเวลานาน และ ปิโตรเลียม เป็นเชื้อเพลิงชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นเองตามะรรมชาติ ซึ่งเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน มี 2 ประเภท คือ น้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ ซึ่งก่อนนำไปใช้จำเป็นต้องผ่านกระบวนการกลั่น เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์” 12. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 4.6
226 8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2 (หน้า 121- 123) สื่อการเรียนรู้ Power Point เรื่อง โลกและการเปลี่ยนแปลง แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.2 เล่ม 2 (หน้า 68) แหล่งเรียนรู้ - 9. การวัดและประเมินผล การวัดผลประเมินผล วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้ - อธิบายพลังงานทดแทนของแต่ละ ประเภทได้ - เปรียบเทียบข้อดีและข้อจำกัดของ พลังงานทดแทนแต่ละประเภทได้ การตอบคำถาม ระหว่างกิจกรรมและ คำถามท้ายกิจกรรม สังเกตการณ์ตอบ คำถาม แบบฝึกหัด และใบงาน ทำได้ถูกต้องไม่น้อย กว่าร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ - นำเสนอแนวทางการใช้พลังงานทดแทน ที่เหมาะสมในท้องถิ่นได้ การตอบคำถาม ระหว่างกิจกรรมและ คำถามท้ายกิจกรรม สังเกตการณ์ตอบ คำถาม แบบฝึกหัด ทำได้ถูกต้องไม่น้อย กว่าร้อยละ 70 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - นักเรียนมีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบ และมีความกระตือรือร้นในการแสวงหา ความรู้ สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ได้เกณฑ์ในระดับ ดีขึ้นไป
227 บันทึกผลหลังสอน 1. ปัญหาที่เกิดขึ้น ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................... ............................................... 2. วิธีการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. ผลการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ................................................................ (นางสาวมณีรัตน์ สังสหชาติ) ครูผู้สอน ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของครูพี่เลี้ยงกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นายปาฏิหาริย์ สาฆ้อง) ครูพี่เลี้ยง
228 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นายวิเชียร นิลทกาล) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. (นางมณีรัตน์ ศรีจันทร์) รองผู้อำนวยการ กลุ่มบริหารวิชาการ
229
230 เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ประเด็นการประเมิน ระดับคุณภาพ 4 3 2 1 เข้าเรียนตรงต่อเวลา เข้าเรียนตรงเวลา เข้าเรียนช้า 5 นาที เข้าเรียนช้า 10 นาที เข้าเรียนช้ามากกว่า 15 นาที มีการจดบันทึกความรู้ และแลกเปลี่ยน ความรู้กับผู้อื่น มีการจดบันทึก ความรู้ และ แลกเปลี่ยนความรู้ กับ ผู้อื่น 2 ครั้ง ขึ้นไป มีการจดบันทึก ความรู้ และมีการ แลกเปลี่ยนความรู้ กับผู้อื่น 1 ครั้ง มีการจดบันทึก ความรู้อย่างเป็น ระบบ แต่ไม่ แลกเปลี่ยนความรู้ กับผู้อื่น ไม่มีการจดบันทึก ความรู้อย่างเป็น ระบบ และไม่ แลกเปลี่ยนความรู้ กับผู้อื่น การมีส่วนร่วมในการ แสดงความคิดเห็น และยอมรับฝังความ คิดเห็นผู้อื่น แสดงความคิดเห็น ร่วมกับเพื่อนใน กลุ่มทุกครั้ง มี ภาวะเป็นผู้นํา และ ยอมรับฝังความ คิดเห็นผู้อื่น แสดงความคิดเห็น ร่วมกับเพื่อนใน กลุ่มทุกครั้ง และ ยอมรับฝังความ คิดเห็นผู้อื่น แสดงความคิดเห็น ร่วมกับเพื่อนใน กลุ่มเป็นบางครั้ง และยอมรับฝังความ คิดเห็นผู้อื่น ไม่มีการแสดง ความคิดเห็นกับ เพื่อนในกลุ่ม และ ยอมรับฝังความ คิดเห็นผู้อื่น ใฝ่เรียนรู้ และมีความ รับผิดชอบ ตั้งใจและรับผิด ชอบในการปฏิบัติ หน้าที่ที่ได้รับมอบ หมายให้สําเร็จ มีการ ปรับ ปรุงและ พัฒนาการทํางาน ให้ดีขึ้นด้วย ตั้งใจและรับผิด ชอบในการปฏิบัติ หน้าที่ที่ได้รับ มอบหมาย มีการ ปรับปรุง และ พัฒนาการทํางาน รับผิดชอบในการ ปฏิบัติหน้าที่ที่ ได้รับมอบหมาย มี การปรับปรุงและ พัฒนาทํางาน รับผิดชอบในการ ปฏิบัติหน้าที่ที่ ได้รับมอบหมายให้ สําเร็จ เกณฑ์การแปลผล คะแนน 13-16 ระดับ 4 (90 – 100 %) หมายถึง มีระดับคุณภาพดีเยี่ยม คะแนน 9-12 ระดับ 3 (70 – 89 %) หมายถึง มีระดับคุณภาพดี คะแนน 5-8 ระดับ 2 (50 – 69 %) หมายถึง มีระดับคุณภาพพอใช้ คะแนน 1-4 ระดับ 1 (ต่ำกว่า 49 %) หมายถึง มีระดับคุณภาพปรับปรุง เกณฑ์การตัดสินผลการประเมิน ระดับคุณภาพดีขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ ต่ำกว่าระดับคุณภาพดี ไม่ผ่านเกณฑ์
231 แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว22102 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 คำชี้แจง : ให้ทำเครื่องหมาย ✓ ในช่องที่ตรงกับความเป็นจริง ลำดับที่ พฤติกรรม / ระดับคะแนน เข้าเรียนตรงต่อ เวลา มีการจดบันทึก ความรู้ และแลก เปลี่ยนความรู้ การมีส่วนร่วมใน การแสดงความ คิดเห็น ใฝ่เรียนรู้ และมี ความรับผิดชอบ รวม 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 1 ✓ ✓ ✓ ✓ 13 2 ✓ ✓ ✓ ✓ 12 3 ✓ ✓ ✓ ✓ 13 4 ✓ ✓ ✓ ✓ 14 5 ✓ ✓ ✓ ✓ 9 6 ✓ ✓ ✓ ✓ 9 7 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 8 ✓ ✓ ✓ ✓ 9 9 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 10 ✓ ✓ ✓ ✓ 9 11 ✓ ✓ ✓ ✓ 9 12 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 13 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 14 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 15 ✓ ✓ ✓ ✓ 9 16 ✓ ✓ ✓ ✓ 13 19 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 20 ✓ ✓ ✓ ✓ 9 21 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 22 ✓ ✓ ✓ ✓ 14 23 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 24 ✓ ✓ ✓ ✓ 9
232 เข้าเรียนตรงต่อ เวลา มีการจดบันทึก ความรู้ และแลก เปลี่ยนความรู้ การมีส่วนร่วมใน การแสดงความ คิดเห็น ใฝ่เรียนรู้ และมี ความรับผิดชอบ รวม 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 25 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 26 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 27 ✓ ✓ ✓ ✓ 9 28 ✓ ✓ ✓ ✓ 14 29 ✓ ✓ ✓ ✓ 14 30 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 31 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 32 ✓ ✓ ✓ ✓ 9 33 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 34 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 35 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 36 ✓ ✓ ✓ ✓ 9 37 ✓ ✓ ✓ ✓ 9 38 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 39 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 40 ✓ ✓ ✓ ✓ 14 41 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 42 ✓ ✓ ✓ ✓ 14 ลงชื่อ................................................................ (นางสาวมณีรัตน์ สังสหชาติ) ครูผู้สอน/ผู้ประเมิน