The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สรุปการอบรม นวก. สาธารณสุข รุุ่นที่ 11

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kmlbt18, 2023-08-30 09:50:33

สรุปการอบรม นวก. สาธารณสุข รุุ่นที่ 11

สรุปการอบรม นวก. สาธารณสุข รุุ่นที่ 11

147 การจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ระดับบัญชาการเหตุการณ์ (Incident Command System) • ระบบการบริหารจัดการที่ใช้เพื่อการบังคับบัญชา สั่งการ ควบคุม และประสานความร่วมมือระหว่าง หน่วยงานในสถานการณ์เฉพาะ • ระบบดังกล่าวเป็นระบบปฏิบัติการเพื่อการระดมทรัพยากรไปยังที่เกิดเหตุเพื่อบริหารจัดการเหตุ ฉุกเฉิน ให้สามารถปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมได้อย่างบรรลุเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ • ช่วยในการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วัตถุประสงค์ของระดับบัญชาการเหตุการณ์ • ให้มีความปลอดภัยทั้งผู้ปฏิบัติงานและผู้เสี่ยงต่อภัย • เพื่อหยุดยั้งและ/ หรือลดผลกระทบจากภาวะฉุกเฉินหรือสถานการณ์รุนแรงจากโรคและภัยสุขภาพ และเพื่อให้เหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติในระยะเวลาที่สั้นที่สุด • เพื่อระดมทรัพยากร และบริหารจัดการอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ คุณลักษณะที่สำคัญของระดับบัญชาการเหตุการณ์ ๑. การกำหนดมาตรฐาน - การใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ๒. การบัญชาการ - การแต่งตั้งและถ่ายทอดอำนาจบัญชาการ - สายการบังคับบัญชาและเอกภาพของการบัญชาการ - การบัญชาการร่วม ๓. การวางแผนโครงสร้างการจัดองค์กร - การบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ - การจัดทำแผนเผชิญเหตุ - โครงสร้างองค์กรแบบโมดูลา (Modula)


148 ๔. พื้นที่ปฏิบัติการและทรัพยากร - การจัดพื้นที่ปฏิบัติการ - การจัดการทรัพยากรครบวงจร ๕. การสื่อสารและการจัดการข่าวสาร - การบูรณาการด้านการสื่อสาร - การจัดการข่าวสารและข่าวกรอง ๖. ความเป็นมืออาชีพ - ความรับผิดชอบ - การส่งบุคลากรและอุปกรณ์ลงพื้นที่ โครงสร้างของศูนย์บัญชาการ รหัสสากลสีสากลของแต่ละฝ่ายงาน


149 เอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of Command) ๑. ผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนจะมีหัวหน้าเพียงคนเดียว ๒. ปฏิบัติตามข้อสั่งการจากหัวหน้าเพียงคนเดียวเท่านั้น สายการบังคับบัญชา (Chain of Command) หมายถึง เส้นทางการส่งต่อข้อสั่งการหรือการบัญชาการ ไปตามลำดับชั้นที่ลดหลั่นกันลงไป จาก ผู้บัญชาการเหตุการณ์จนถึงตัวผู้ปฏิบัติงาน การบัญชาการร่วม (Unified Command) ๑. เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถทำงานในที่เกิดเหตุร่วมกันได้ภายใต้วัตถุประสงค์และกลยุทธ์การ ทำงานเดียวกัน ๒. เพื่อให้สามารถตัดสินใจร่วมกันภายใต้โครงสร้างการสั่งการร่วมกัน ๓. รักษาเอกภาพการบังคับบัญชาโดยมีหัวหน้าคนเดียว


150 วิชา สิทธิประโยชน์และการคุ้มครองสิทธิประชาชนตามระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดย นางระนอง สุขเกษม และนางศิริลักษณ์ ฟักทิม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระบบสิทธิสวัสดิการด้านสาธารณสุขของไทย สิทธิสวัสดิการ กองทุนข้าราชการ กรมบัญชีกลาง (OFC) ปี๒๕๒๓ กองทุนประกันสังคม (SSS) ปี๒๕๓๓ กองทุนหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติ(UC) ปี๒๕๔๕ ผู้มีสิทธิ ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชาวต่างประเทศ บุคคลในครอบครัว กลุ่มรับบำนาญ ลูกจ้างภาคแรงงาน ในระบบ ประชาชนไทยที่ไม่มี สิทธิสวัสดิการอื่นใด แหล่งเงิน ภาษีทั่วไป (เงินงบประมาณ งบกลาง) สมทบ ๓ ฝ่าย จาก นายจ้าง ลูกจ้าง รัฐบาล ภาษีทั่วไป จำนวนผู้มีสิทธิ ๕ ล้านคน ๑๓ ล้านคน ๔๘ ล้านคน งบประมาณต่อหัว ปีงบ ๒๕๖๖ ๑๕,๐๐๐ บาท งบประมาณ ๗๖,๐๐๐ ล้านบาท/ปี ๓,๙๕๙ บาท ๓,๓๘๕.๙๘ บาท การบริหารระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รัฐบาลจัดให้มีกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้คนไทยเข้าถึงบริการ ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การตรวจวินิจฉัยโรค การรักษา พยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นต่อสุขภาพ และการดำรงชีวิต ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ และสำนักงานหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทำหน้าที่บริหารกองทุน ตามหลักเกณฑ์ของ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน และ คณะกรรมการจากภาคส่วนต่าง ๆ รวม ๓๖ คน โดยมีตัวแทนภาคประชาชนร่วมอยู่ในคณะกรรมการด้วย “สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” จึงเป็น สิทธิตามกฎหมายของคนไทยทุกคนตั้งแต่แรกเกิด และตลอดช่วงชีวิต ไม่ใช่สิทธิเพื่อการสงเคราะห์เฉพาะกลุ่ม ซึ่งรู้จักกันในชื่อ“ สิทธิบัตรทอง หรือ สิทธิ ๓๐ บาท” ผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คือบุคคลที่มีสัญชาติไทย มีเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ไม่มีสิทธิประกันสุขภาพอื่นที่ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณของรัฐ ได้แก่ สิทธิตามกฎหมายประกันสังคม สิทธิสวัสดิการรักษา พยาบาลของข้าราชการ / พนักงานส่วนท้องถิ่น หรือ สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลของหน่วย งานรัฐอื่น ๆ เช่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน ข้าราชการการเมือง ช่องทางการตรวจสอบสิทธิ ๑. แอปพลิเคชันชื่อ “สปสช.” เมนูตรวจสอบสิทธิ ๒. ช่องทางไลน์ของ สปสช. ค้นหา ID line คือ @nhso ๓. ตรวจสอบสิทธิผ่านแอดมินไลน์ ชื่อฟองดูว์ของหน่วยงานกรุงเทพมหานครค้นหาไอดี@traffyfondue


151 ๔. ตรวจสอบสิทธิด้วยตนเอง ผ่านช่องทางหน้าเว็บไซต์สปสช. (เมนูประชาชน) ๕. ตรวจสอบสิทธิผ่านระบบของสายด่วน สปสช. ๑๓๓๐ กด ๒ (เมนูตรวจสอบสิทธิอัตโนมัติ) ๖. ติดต่อหน่วยบริการใกล้บ้าน/สปสช.เขตพื้นที่ใกล้บ้านทั้ง ๑๓ แห่ง เอกสารการลงทะเบียนทำบัตรทอง ๑) บัตรประจำตัวประชาชน/สูติบัตร ๒) หนังสือรับรองการพักอาศัย (กรณีที่อยู่ไม่ตรง ตามบัตรประจำตัวประชาชน) พร้อมสำเนาบัตร ประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้าน หรือหลักฐาน อื่นที่แสดงว่าตนเองนั้นอาศัยอยู่จริง เช่น ใบเสร็จ ค่าน้ำ ค่าไฟ สัญญาเช่าที่พัก ๓) แบบคำร้องขอลงทะเบียน (ขอได้ ณ จุดรับลง ทะเบียน) สถานที่ลงทะเบียน • ต่างจังหวัด - แอป : สปสช. - ไลน์: @nhso - โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) - โรงพยาบาลของรัฐ • กรุงเทพมหานคร - แอป : สปสช. - ไลน์: @nhso (พื้นที่กทม.จะมีแอดมินไลน์รับลงทะเบียนเฉพาะพื้นที่ กทม.เท่านั้น) การใช้สิทธิเข้ารับบริการสาธารณสุข ๑.กรณีทั่วไป ๑. ติดต่อที่หน่วยบริการปฐมภูมิ/หน่วยบริการ ประจำของผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ๒. แจ้งความจำนงใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติก่อนรับบริการ ๓. แสดงบัตรประจำตัวประชาชน/สำเนาสูติบัตร ๒. กรณีอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน ถ้าผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเกิดอุบัติเหตุหรือภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉิน อยู่ไกลจากหน่วย บริการประจำตามสิทธิ สามารถใช้สิทธิเข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ตามความจำเป็น โดยไม่จำกัด จำนวนครั้ง แต่อุบัติเหตุจากรถต้องใช้พ.ร.บ. รถก่อน ตามกฎหมาย หรือหากมีประกันสุขภาพ/ประกันชีวิต ใช้สิทธิ ดังกล่าวก่อน บริการที่คุ้มครองค่าใช้จ่าย • การสร้างเสริมสุขภาพ และการป้องกันโรค • การตรวจการวินิจฉัยการรักษา ตั้งแต่โรคทั่วไป เช่น ไข้หวัด จนถึงการรักษาโรคเรื้อรัง โรคเฉพาะ ทาง ที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น เบาหวาน ความดัน โลหิตสูง มะเร็ง ไตวายเรื้อรัง โรคหัวใจ เอดส์วัณโรค รวมถึง การฟื้นฟูสมรรถภาพ ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์


152 • การคลอดบุตร ใช้สิทธิได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง • บริการทันตกรรม ได้แก่ อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน การให้ฟลูออไรด์เสริมในกลุ่มเสี่ยงต่อ โรคฟันผุ การรักษาโพรงประสาทฟันน้ำนม การเคลือบหลุมร่องฟัน ผ่าฟันคุด ใส่เพดาน เทียม เด็กปากแหว่ง เพดานโหว่ และการทำ ฟันปลอม ฐานพลาสติก • ค่ายาและเวชภัณฑ์ตามกรอบบัญชียาหลักแห่งชาติ และยาที่มีค่าใช้จ่ายสูงตามประกาศของ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ • ค่าอาหารและค่าห้องสามัญ ระหว่างพักรักษาตัว ณ หน่วยบริการ • การจัดการส่งต่อเพื่อการรักษาระหว่างหน่วยบริการ • บริการแพทย์แผนไทย ตามข้อบ่งชี้ทางการ แพทย์ ได้แก่ ยาสมุนไพรหรือยาแผนไทย การนวดเพื่อ การรักษาและทับหม้อเกลือ ฟื้นฟูสุขภาพแม่หลังคลอด การอบหรือประคบ สมุนไพรเพื่อการรักษา • บริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์ให้แก่คนพิการ ผู้สูงอายุและผู้ที่จำเป็นต้องได้รับ การฟื้นฟู เช่น กายภาพบำบัด จิตบำบัด พฤติกรรม บำบัด กิจกรรมบำบัด ฟื้นฟูการได้ยิน ฟื้นฟูการ มองเห็น และรับอุปกรณ์เครื่องช่วยตามประเภท ความพิการได้ตามเกณฑ์ที่ สปสช.กำหนด บริการสร้างเสริมสุขภาพ และบริการป้องกันโรค ๑. หญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด ทดสอบการตั้งครรภ์ ตรวจครรภ์และประเมิน ความเสี่ยง ตรวจเลือด คัดกรองภาวะซีด ซิฟิลิส เอชไอวี ตับอักเสบบี ธาลัสซีเมีย และดาวน์ ตรวจ ปัสสาวะ ฉีดวัคซีนบาดทะยักและวัคซีน ไข้หวัดใหญ่ ให้ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก โฟลิก และไอโอดีน การให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีเพื่อป้องกันการ ติดเชื้อจาก แม่สู่ลูก ตรวจช่องปากและฟัน ประเมินสุขภาพจิต ตรวจหลังคลอดและคุมกำเนิด ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สมุดบันทึกสุขภาพ ๒. กลุ่มเด็กเล็ก อายุ ๐-๕ ปีฉีดวัคซีนบีซีจี ตับอักเสบบี บาดทะยัก คอตีบ ไอกรน โปลิโอ หัด หัดเยอรมัน คางทูม ไข้หวัดใหญ่และไข้สมองอักเสบเจอี ตรวจเลือดคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ (โรคเอ๋อ) ภาวะซีด การติดเชื้อเอชไอวี ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูงเพื่อติดตามการ เจริญเติบโต ตรวจคัดกรองพัฒนาการ ตรวจช่องปากและ ฟัน เคลือบฟลูออไรด์ การให้ยาไทรอกซิน ป้องกันภาวะพร่องไทรอยด์ ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก ยาต้านไวรัสเอดส์ สมุดบันทึกสุขภาพ/บันทึก พัฒนาการ และแว่นตาหากมีภาวะสายตาผิดปกติ ๓. กลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นอายุ ๖-๒๔ ปีฉีดวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูง เพื่อติดตาม การเจริญเติบโต ตรวจเลือดคัดกรอง ภาวะซีด เอชไอวี ตรวจช่องปากและฟัน ตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจคัดกรอง สายตาและการได้ยิน คัดกรองความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่/สุรา/สาร เสพติด เคลือบฟลูออไรด์และหลุมร่องฟัน การให้ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก แว่นตาหากมีภาวะสายตาผิดปกติ (สำหรับนักเรียน ป.๑) การป้องกันและแก้ไข การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นและการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์การคุมกำเนิด การให้คำปรึกษาแนะนำ ฉีดวัคซีนเอชพีวี ป้องกันมะเร็งปากมดลูก (สำหรับนักเรียน หญิง ป.๕) ๔. กลุ่มผู้ใหญ่อายุ ๒๕-๒๙ ปีฉีดวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก ตรวจวัดความดัน โลหิต ตรวจเลือดคัดกรอง เบาหวาน เอชไอวีคัดกรองความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่/สุรา/สาร เสพติด คัดกรองปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เคลือบฟลูออไรด์ การให้ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก การป้องกันและ แก้ไขการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์การคุมกำเนิด การให้ความรู้ตรวจเต้านมด้วยตนเอง การให้คำปรึกษาแนะนำ


153 ๕. กลุ่มผู้สูงอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก ตรวจประเมิน ความสามารถในการทำกิจวัตร ประจำวัน (ADL) ตรวจวัดดัชนีมวลกาย ความดันโลหิต ตรวจเลือด คัดกรองเบาหวาน เอชไอวี คัดกรองปัจจัยเสี่ยง ต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือด สมอง คัดกรองโรคซึมเศร้า การเคลือบฟลูออไรด์การให้ ความรู้ออกกำลังกายและฝึกสมองป้องกัน โรคสมองเสื่อม การให้ความรู้ตรวจเต้านมด้วย ตนเอง การให้คำปรึกษา แนะนำ โครงการเฉลิมพระเกียรติ ฟันเทียม รากฟันเทียม “ฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๗๒ พรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗” โดยโครงการนี้มีเป้าหมายใส่ฟันเทียมจำนวน ๗๒,๐๐๐ คน และฝังรากฟันเทียมจำนวน ๗,๒๐๐ คน เริ่ม วันที่ ๑ ต.ค. ๒๕๖๕ -๓๐ ก.ย. ๒๕๖๖ สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ ๑. ฟันเทียมทั้งปากหรือเกือบทั้งปาก ๒. ผ่าตัดใส่รากฟันเทียม ๒ ราก สิทธิประโยชน์แว่นสายตา สำหรับผู้สูงวัย/ผู้สูงอายุ ของขวัญปีใหม่ (๑ ม.ค. ๒๕๖๖) กลุ่มเป้าหมาย ผู้สูงอายุที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บัตรทอง) ที่อายุ ๖๐ ปีขึ้นไป ที่มีความผิดปกติทางด้าน สายตา เช่น สายตาสั้น สายตายาว บริการผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ กลุ่มเป้าหมาย ประชาชนที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(ยกเว้นต่างด้าว) ที่อยู่ในเงื่อนไขติดบ้านติดเตียง หรือผู้ที่มีปัญหากลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ตามผลการประเมินโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือข้อบ่งชี้ทาง การแพทย์ โดยจะได้รับผ้าอ้อมหรือแผ่นรองซับการขับถ่าย ไม่เกิน ๓ ชิ้น/คน/วัน บริการแว่นตาสำหรับเด็กที่มีสายตาผิดปกติ กลุ่มเป้าหมาย เด็กที่มีสัญชาติไทย ทุกสิทธิการรักษาพยาบาล ที่มีอายุระหว่าง ๓-๑๒ ปี หรือเด็กอนุบาล ๑ ถึง ประถมศึกษาปีที่ ๖ สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ - การตรวจคัดกรองในเด็กนักเรียน - การตรวจวินิจฉัย วัดค่าสายตา โดยจักษุแพทย์ หากเด็กมีความผิดปกติทางสายตาจะดำเนินการสั่ง ตัดแว่นและจะได้รับคนละ ๑ อัน - การตรวจติดตามหลังจากได้รับแว่นตาครบ ๖ เดือน - แว่นตาสำหรับเด็กที่มีสายตาผิดปกติ


154 สิทธิประโยชน์โรคค่าใช้จ่ายสูง - โรคไต การล้างไตทางช่องท้อง การฟอกไตด้วยเครื่องและการปลูกถ่ายไต - HIVS/เอดส์การตรวจเลือด การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การรับยาต้านไวรัส - การปลูกถ่ายตับในเด็กกรณีท่อน้ำดีตีบตันตั้งแต่กำเนิดหรือตับวายจากสาเหตุอื่น ๆ ในเด็กและผู้ใหญ่ - โรคหัวใจ การตรวจวินิจฉัย ตรวจทางห้องปฏิบัติการ การใส่สายสวนหัวใจ การทำหัตถการต่าง ๆ รักษาตามแผนการรักษาของแพทย์ - โรคมะเร็ง ตรวจวินิจฉัย ตรวจทางห้องปฏิบัติการ เคมีบำบัด รังสี นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (UCEP) สิทธิ UCEP สิทธิ UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) คือ สิทธิการรักษาตาม นโยบายรัฐ เพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ให้สามารถ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งที่ใกล้ที่สุดได้ โดยไม่ ต้องเสียค่าใช้จ่ายจน พ้นวิกฤตและสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมง ๖ อาการที่เข้าข่าย ภาวะฉุกเฉินวิกฤต ๑. หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ ๒. หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรงหายใจติดขัดมีเสียงดัง ๓. ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น ๔. เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง ๕. แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกพูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วนหรือชักต่อเนื่องไม่หยุด ๖. อาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่เป็นอันตรายต่อชีวิต หาก พบอาการที่เข้าข่าย


155 การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและภาคี เครือข่ายในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ


156 วิชา การบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ โดย นายวีระชัย ก้อนมณีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วัตถุประสงค์ของการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ สถานบริการ หน่วยงาน สาธารณสุข หรือหน่วยงานอื่น หรือสนับสนุนและส่งเสริมให้องค์กรหรือกลุ่มประชาชนดำเนินกิจกรรมด้าน สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้บุคคลในพื้นที่ สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมตามความพร้อม ความเหมาะสม และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เป้าหมายการดำเนินงานของกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น ๑. สนับสนุนการควบคุมป้องกันโรค NCD โดยเน้นโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ๒. สนับสนุนการเข้าถึงบริการสุขภาพเด็ก โดยเน้นเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ๓. สนับสนุนการเข้าถึงบริการสุขภาพของผู้สูงอายุ โดยเน้นผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ๔. การแก้ไขปัญหาสุขภาพตามความจำเป็นในพื้นที่ ประกาศคณะกรรมการหลักกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อสนับสนุนให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินงานและบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ พ.ศ.๒๕๖๑ ข้อ ๑๐ เงินกองทุนหลักประกันสุขภาพตามข้อ ๗ (๑) (๒) และ (๓) ให้ใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมเป็น ค่าใช้จ่ายตามแผนงาน โครงการ หรือกิจกรรม ที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ ดังต่อไปนี้ หมวด ๑ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ สถานบริการ หรือ หน่วยงานสาธารณสุข เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ สถานบริการ หรือ หน่วยงานสาธารณสุข หมวด ๒ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการจัดกระบวนการหรือกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และการป้องกัน โรค ขององค์กรหรือกลุ่มประชาชน หรือหน่วยงานอื่น หมวด ๓ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของศูนย์ที่ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการพัฒนา และดูแลเด็กเล็กในชุมชน ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในชุมชน หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบศูนย์ที่ดำเนิน กิจกรรมเกี่ยวกับการพัฒนาและดูแลเด็กเล็กในชุมชนหรือการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและพิการ ในชุมชน หมวด ๔ เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบริการหรือพัฒนากองทุนหลักประกันสุขภาพให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของเงินรายรับของกองทุนหลักประกันสุขภาพในแต่ละปีงบประมาณนั้นและในกรณีที่มี ความจำเป็นต้องใช้จ่ายเพื่อจัดหารครุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ให้คณะกรรมการกองทุนพิจารณาสนับสนุนได้ใน วงเงินตามความจำเป็น และครุภัณฑ์ที่จัดหาได้เป็นกรรมสิทธิ์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ หมวด ๕ กรณีเกิดโรคระบาดหรือภัยพิบัติในพื้นที่ ให้คณะกรรมการกองทุนพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินกองทุน เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณสุขได้ตามความจำเป็น เหมาะสม และทัน ต่อสถานการณ์ได้


157 หมวด ๖ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขตามมติของคณะกรรมการหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติ ปัจจัยสำคัญในการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น ๑. งบประมาณ การรับ การจ่าย การทำบัญชี ให้ใช้ระเบียบของ สปสช. เมื่อหน่วยงาน หรือองค์กรได้รับ เงินแล้วให้ใช้ระเบียบของตนเอง ๒. งาน เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ สถานบริการ หน่วยงาน สาธารณสุขอื่น องค์กรหรือกลุ่มประชาชน เพื่อให้บุคคลสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมี ประสิทธิภาพมากขึ้น ๓. กระบวนการบริหาร มีแผนสุขภาพ/จัดทำแผนการเงินประจำปี หน่วยบริการ สถานบริการ หน่วยงาน สาธารณสุข หน่วยงานอื่น องค์กรหรือกลุ่มประชาชน เสนอแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม ๔. คน อปท.ทำหน้าที่บริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพ คณะกรรมการกองทุน อนุมัติและ ติดตาม แผนงาน/โครงการ/กิจกรรม ขั้นตอนสำคัญในการดำเนินงานของกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น ๑. จัดเตรียมงบประมาณ - ตั้งงบประมาณสบทบ - จัดทำแผนการเงินประจำปี ๒. จัดทำแผนสุขภาพ - จัดทำแผนสุขภาพของท้องถิ่น - ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงาน องค์กร เสนอโครงการเพื่อขอรับงบประมาณ ๓. อนุมัติโครงการ - ประชุมคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการ - แจ้งเจ้าของโครงการมารับงบประมาณหรือปรับแก้ (กรณีไม่อนุมัติ) ๔. จ่ายเงินตามโครงการ - จัดทำข้อตกลงโครงการ - จ่ายเงินให้เจ้าของโครงการ (สั่งจ่ายโดยผู้บริหารสูงสุดของอปท.) ๕. ติดตามผลการดำเนินโครงการ - เมื่อสิ้นสุดโครงการเจ้าของโครงการสรุปผลส่ง อปท. - สรุปผลแจ้งคณะกรรมการ - ถ้ามีงบประมาณเหลือให้ส่งคืนกองทุน การจัดบริการระยะยาวสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิง (LTC) ชุดสิทธิประโยชน์การบริการด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ๑. ประเมินก่อนให้บริการและวางแผนการดูแลรายบุคคลระยะยาวด้านสาธารณสุข (Care Plan) ๒. ให้บริการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขโดยบุคลากรสาธารณสุข(ทีมหมอครอบครัว) กิจกรรม ดำเนินการตาม Care Plan


158 ๓. บริการดูแลที่บ้าน/ชุมชน และให้คำแนะนำแก่ญาติและผู้ดูแล โดยผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ (caregiver) หรือเครือข่ายสุขภาพอื่นๆ หรืออาสาสมัคร จิตอาสา ๔. จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ (อุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์เครื่องช่วยอาจขอยืมหรือได้รับจากสิทธิ บริการอื่นๆ เช่น จาก อปท. หน่วยบริการ สถานบริการหรือภาพเอกชน) ๕. ประเมินผลการดูแลและปรับแผนการดูแลรายบุคคล ขั้นตอนการดำเนินงาน LTC ปี ๒๕๖๖ อาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น อาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น ช่วยอปท. ในการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ภายใต้การกำกับดูแลของ บุคลากรวิชาชีพด้านสุขภาพที่ได้รับมอบหมายจาก อปท. ๑. ช่วยดูแลสุขภาพ สุขภาพพื้นฐาน การฟื้นฟู กายภาพบำบัด ๒. ช่วยเหลือดูแลกิจวัตรประจำวัน ๓. ให้บริการด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานภายใต้การกำกับของบุคลากรวิชาชีพด้านสุขภาพ ๔. การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพเบื้องต้นกับครอบครัว ๕. การประสานความช่วยเหลือกับหน่วยงานต่างๆ ๖. การประเมินปัญหา/การส่งต่อ ๗. การให้บริการตาม Care Plan ๘. การดูแลตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด


159 การดำเนินงานสนับสนุนผ้าอ้อมผู้ใหญ่ หลักเกณฑ์ ๑. สำหรับคนไทยทุกคนที่มีภาวะติดบ้าน ติดเตียง (ADL ระหว่าง ๐-๖) หรือกลุ่มที่มีปัญหาการกลั้น อุจจาระปัสสาวะไม่ได้ ๒. หน่วยบริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำโครงการเพื่อขอสนับสนุน งบประมาณในการจัดหาผ้าอ้อมผู้ใหญ่ แผ่นรองซับการขับถ่าย ผ้าอ้อมทางเลือก ให้กับกลุ่มเป้าหมาย (เป้าหมาย x ปริมาณผ้าอ้อมที่ใช้เฉลี่ย ๓ ชิ้น/วัน x จำนวนวัน x ราคากลางต่อชิ้น) ๓. กองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด สนับสนุน งบประมาณค่าใช้จ่าย ภายใต้โครงการที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ ๔. อัตราราคากลางและจำนวนที่ใช้ต่อวัน เป็นไปตามที่ สปสช.กำหนดภายใต้คำแนะนำของ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข


160 วิชา การส่งเสริมโภชนาการ (Health Nutrition) โดย นางสาวสุภัทรานิษฐ์ นันชัยวงศ์ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอบางไทร ความหมายของโภชนาการ อาหาร (Food) หมายถึง สิ่งใดก็ตามที่เข้าสู่ร่างกายโดยวิธีการดื่ม การกิน หรือการฉีด เป็นต้น และสามารถให้สารอาหาร อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายๆ อย่าง ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อร่างกายในด้านการเสริมสร้างการเจริญเติบโต แข็งแรงและสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข (พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.๒๕๒๒) สารอาหาร (Nutrients) แบ่งเป็น ๒ ประเภท ๑. สารอาหารหลัก (Macronutrients) ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ๒. สารอาหารรอง (Micronutrients) ได้แก่ แร่ธาตุและวิตามิน โภชนาการ (Nutrition) หมายถึง วิทยาศาสตร์ ที่ว่าด้วยอาหาร สารอาหาร และสารอื่น ๆ ที่อยู่ในอาหาร การกิน การย่อย การดูดซึม การขนส่ง การใช้และการขับถ่ายสารในอาหารเหล่านั้น รวมทั้งบทบาท หน้าที่ ความสัมพันธ์ และสมดุลของ สารเหล่านั้นต่อสุขภาพ (ชีวเคมีทางโภชนาการ พ.ศ.๒๕๔๖) ภาวะโภชนาการ (Nutrition status) หมายถึง สภาวะทางสุขภาพของบุคคลที่มีผลมาจากการรับประทานอาหาร การย่อยอาหาร การดูดซึม การขนส่ง การสะสม และผลของการเผาผลาญสารอาหารในระดับเซลล์ ปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะโภชนาการ - เศรษฐกิจและสังคม - สภาพทางร่างกายและจิตใจ - ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม - รูปแบบของอาหารที่รับประทาน ภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) ภาวะโภชนาการขาด ภาวะขาดสารอาหาร เป็นผลมาจากการได้รับพลังงานจากโปรตีน หรือสารอาหาร รองไม่เพียงพอ ทำให้ความแข็งแรงน้อยลง เกิดภาวะแคระแกร็น และน้ำหนักไม่เหมาะสมกับอายุผอมเกินไป ภาวะโภชนาการเกิน สภาวะของร่างกาย ที่เกิดจากการได้รับอาหารหรือสารอาหารบางอย่างเกินกว่าที่ ร่างกายต้องการ เกิดการสะสมพลังงาน หรือสารอาหารบางอย่างไว้จนเกิดโทษแก่ร่างกาย เช่น โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน โรคหัวใจ และหลอดเลือด เป็นต้น


161 สภาวะแวดล้อมที่ก่อให้เกิดโรคอ้วน - บริโภคผักผลไม้น้อย - บริโภคหวาน มัน เค็ม มากเกินไป - ประกอบอาหารรับประทานเองน้อยลง - ผู้บริโภคเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม เครื่องดื่มรสหวาน มากกว่าอาหารที่ดี ต่อสุขภาพ - ผู้ประกอบการเร่งผลิตและจำหน่ายอาหารที่มีพลังงาน ไขมัน น้ำตาลและโซเดียมสูง - การทำการตลาดที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้ออาหารปริมาณมากในแต่ละครั้ง เพื่อให้ซื้ออาหารในราคาที่ถูกลง - กิจกรรมที่ทำในเวลาว่างของเด็กและเยาวชนเป็นกิจกรรมเคลื่อนไหวทางกายน้อย เช่น เล่นมือถือ ดูโทรทัศน์ - การดื่มสุรา ยาเสพติด บุหรี่ ความสำคัญของโภชนาการต่อสุขภาพ - ความสำคัญของโภชนาการต่อสุขภาพระดับบุคคลสภาวะทางด้านโภชนาการ ทำได้โดยการประเมิน ภาวะโภชนาการ เพื่อส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิต - สภาวะทางโภชนาการจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับ • อายุ • เพศ • สภาพร่างกาย จิตใจ • ขนบธรรมเนียมประเพณี • รูปแบบการบริโภค กิจกรรม และเมตาบลิซึมของร่างกาย • สิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น ความเพียงพอของอาหาร ความสำคัญของโภชนาการต่อสุขภาพระดับครอบครัว - ความสัมพันธ์ ทางสายเลือด กรรมพันธุ์ - ความเป็นอยู่ที่มีวัฒนธรรม จารีตประเพณีเหมือนกัน - มีรูปแบบการบริโภคแบบเดียวกันทำให้ภาวะสุขภาพที่เหมือนกัน เช่น พ่อแม่อ้วน ลูกมีโอกาสอ้วน ๖๐ % - ปัจจัยร่วมในระดับครอบครัว ได้แก่ เศรษฐกิจของครอบครัว ความเท่าเทียมกันในครอบครัว สิทธิและ เสรีภาพ ความสำคัญของโภชนาการต่อสุขภาพระดับชุมชน - สภาพของชุมชน ผู้นำแนวคิดการรวมกลุ่ม ลักษณะของชุมชน - ภูมิประเทศ ความห่างไกล กันดาร การคมนาคม - สังคม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อต่างๆ - การกระจายของอาหารในชุมชนและความปลอดภัยของอาหาร - การยอมรับสิ่งใหม่ๆ และการศึกษาของคนในชุมชน - การสร้างความมั่นคงของชุมชน


162 ความสำคัญของโภชนาการต่อสุขภาพระดับประเทศ - ปัญหาด้านโภชนาการจะพบในประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น การผลิตอาหารที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขาดการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ ภัยจากสงครามในบางประเทศ - ทำให้เกิดโรคจากปัญหาโภชนาการ เช่น ขาดโปรตีนและพลังงาน โรคโลหิตจาง โรคคอพอก โรคฟันผุ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น - สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว หากมีพฤติกรรมการบริโภคและการดำรงชีวิตที่ไม่เหมาะสมก็ส่งผลให้เกิด ปัญหาด้านโภชนาการได้เช่นกัน การส่งเสริมโภชนาการทุกกลุ่มวัย โภชนาการสำหรับหญิงก่อนการตั้งครรภ์ หญิงตั้งครรภ์ทุกคน ควรบริโภคอาหารให้ครบ ๕ กลุ่ม ได้แก่กลุ่มข้าว-แป้ง กลุ่มผัก กลุ่มผลไม้ กลุ่มเนื้อสัตว์ และกลุ่มนม ในปริมาณที่เหมาะสมแต่ละวันขณะตั้งครรภ์และกินให้หลากหลาย เผื่อให้ได้พลังงาน และสารอาหารสำคัญเพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ ได้แก่ โปรตีน ไอโอดีน เหล็ก แคลเซียม สังกะสี โฟเลต วิตามินเอ วิตามินบี ๑ วิตามินบี ๒ วิตามินบี ๖ วิตามินบี ๑๒ และวิตามินซี ซึ่งจะส่งผลให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตดี ทั้งนี้ควรนำข้อมูลจากการประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหารมาวิเคราะห์ด้วยว่า พฤติกรรมใดเหมาะสม ปริมาณ อาหารกลุ่มใดที่เพียงพอ พฤติกรรมใดไม่เหมาะสม ปริมาณอาหารกลุ่มใดไม่เหมาะสมซึ่งอาจน้อยไปหรือมากเกินไป ซึ่งต้องปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมนั้น โภชนาการสำหรับทารกและเด็กเล็ก - นมแม่เป็นสารอาหารที่ดีที่สุด เพราะมีสารอาหารมากกว่า ๒๐๐ ชนิด - มีสารช่วยสร้างเซลล์สมอง เส้นใยประสาท จอประสาทตา - ทำให้มีระดับพัฒนาการและความฉลาด ไอคิวดีกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ - ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค ทำให้ลูกแข็งแรงไม่เจ็บป่วยบ่อย โภชนาการสำหรับเด็กวัยเรียน - นม จัดนมสดรสจืด ให้เด็กทุกวัน วันละ ๓ ถุง/กล่อง (ถ้าได้รับจากโรงเรียนให้ลด จำนวนถุง/กล่อง) และควรให้ก่อนเวลา อาหารมื้อหลัก ๙๐ นาที – ๒ ชั่วโมง - ผลไม้ จัดให้มื้อละ ๑ ส่วน เป็นอาหารว่าง เช้า-บ่าย และสามารถจัดเพิ่มเติมหลังมื้ออาหารเช้าหรือ อาหารกลางวัน หรืออาหารเย็น โภชนาการสำหรับวัยทำงาน ปฏิกิริยาไกลเคชัน เป็นปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดจากน้ำตาลกับโปรตีน (Glycation) ทำให้เกิดสารอะโรมาติกชนิดหนึ่งมีชื่อทางเคมีว่า Advanced Glycation End product หรือ AGEs ในศตวรรษฐที่ ๒๑ มีการกล่าวถึง ปฏิกิริยานี้กันมาก เนื่องจากผลจากปฏิกิริยาไกลเคชันส่งผลกระทบต่อร่างกาย ก่อให้เกิดความเสื่อมของอวัยวะ ต่าง ๆ ที่มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะน้ำหนักเกิน โรคอ้วน และโรคที่ทำให้เกิดความเสื่อม และความแก่ชรา เป็นต้น


163 อาหารและโภชนาการในผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุยังมีความต้องการพลังงานและสารอาหารเหมือนบุคคลวัยอื่น ๆ เพียงแต่ต้องการในปริมาณที่ ลดน้อยลง และต้องครบถ้วน ๕ หมู่ โดยมีโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และ เกลือแร่ในปริมาณที่พอเหมาะ และครบถ้วนเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ดังนี้ หมู่ที่ ๑ โปรตีน ประเภทเนื้อสัตว์นม ไข่ผู้สูงอายุต้องการสารอาหารกลุ่มนี้มากกว่ากลุ่มอื่น สารอาหาร กลุ่มนี้มีความจำเป็นในการซ่อมแซม และทดแทนส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หมู่ที่ ๒ คาร์โบไฮเดรต ประเภทแป้งและน้ำตาลควรเลือกรับประทาน ข้าวกล้อง เผือก มัน ธัญพืชและ ผลิตภัณฑ์จากแป้งที่ผ่านการขัดสีน้อย หมู่ที่ ๓ ผักต่าง ๆ โดยรับประทานผักหลากหลายสี ด้วยวิธีการนำไปต้มหรือนึ่งให้สุกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้เคี้ยวง่าย หมู่ที่ ๔ ผลไม้ต่าง ๆ ผู้สูงอายุสามารถรับประทานผลไม้ได้ทุกชนิด และควรรับประทานผลไม้ทุกวัน หมู่ที่ ๕ ไขมันควรบริโภคไม่เกินวันละ ๒ ช้อนโต๊ะ และเลือกกินไขมันที่มาจากพืช โดยเลือกใช้น้ำมันพืช ในการปรุงอาหารแทนน้ำมันจากไขมันสัตว์และน้ำมันมะพร้าว ความสัมพันธ์ระหว่างงานโภชนาการกับการสาธารณสุข บทบาทของบุคลากรสาธารณสุขต่อการส่งเสริมโภชนาการในครอบครัว - การให้โภชนศึกษาแก่ครอบครัวและสมาชิก - การส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ - การประเมินภาวะโภชนาการของบุคคลในครอบครัว - การให้คำปรึกษาเพื่อป้องกันโรคทางโภชนาการ - การติดตามประเมินผลการส่งเสริมโภชนาการในครอบครัว การส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ - พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่พึงประสงค์ การจัดอาหารให้ครบหมู่และหลากหลาย ยึดตามข้อปฏิบัติที่ กำหนดไว้ในโภชบัญญัติ ๙ ประการ และธงโภชนาการ - พฤติกรรมการลดหวาน มัน เค็ม ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) - พฤติกรรมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และการให้อาหารตามวัยที่เหมาะสม - พฤติกรรมการกินผักและผลไม้ สัดส่วนการบริโภคผัก ๔๐๐ กรัมต่อวัน - พฤติกรรมการออกกำลังกาย - พฤติกรรมลดหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บทบาทของบุคลากรสาธารณสุขต่อการส่งเสริมโภชนาการในโรงเรียน โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ : องค์ประกอบที่ ๗ โภชนาการและอาหารที่ปลอดภัย โภชนาการและอาหารที่ปลอดภัย หมายถึง การส่งเสริมให้นักเรียนมีภาวะการณ์เจริญเติบโตสมวัย โดย จัดอาหารที่มีคุณค่าต่อสุขภาพ สะอาด และปลอดภัยให้กับนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียน


164 วัตถุประสงค์ ๑. เฝ้าระวัง ป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านโภชนาการ เช่น โรคขาดโปรตีนและพลังงานโรคอ้วน โรคขาด สารไอโอดีน โรคโลหิตจาง ๒. เพื่อให้นักเรียนและบุคลากรได้รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีความปลอดภัย ๓. เพื่อให้มีสถานที่รับประทานอาหาร ปรุงอาหาร และจำหน่ายอาหารที่ถูกสุขลักษณะ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับบทบาทการสร้างเสริมสุขภาพชุมชน ความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคประชาชน ความพร้อมขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นและภาคประชาชนเป็นปัจจัยหลักของความสำเร็จในการบรรลุถึงสุขภาวะของประชาชน การประเมินและ พิจารณาความพร้อมด้านการจัดการสุขภาพของชุมชนท้องถิ่น ๒ ประเด็นหลัก คือ ๑. ความพร้อมเชิงองค์กร (Institutional Capacity) ประกอบด้วย ๓ ตัวแปร ๑.๑ ภาวะผู้นำและเจตคติของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑.๒ โครงสร้างของระบบสนับสนุนภายในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและความเพียงพอของบุคลากรด้าน สาธารณสุขต่อจำนวนประชากร ๑.๓ ศักยภาพทางด้านการคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๒. ความพร้อมของชุมชน (Community Capacity) ประกอบด้วย ๒ ตัวแปร ๒.๑ ทัศนคติของประชาชนในชุมชนท้องถิ่นต่อการรักษาสุขภาพอนามัยให้สมบูรณ์ ๒.๒ รูปแบบการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน


165 วิชา การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น และการประสานแผนพัฒนาท้องถิ่น โดย ดร.ไพบูลย์ โพธิ์สุวรรณ นักวิชาการอิสระ องค์ประกอบหลักขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อปท. กระบวนการหลักของการวางแผนพัฒนาท้องถิ่น ประชาชน การเมือง ราชการ ผู้บริหาร กำหนด นโยบายเพื่อตอบสนอง ปัญหา ความต้องการ ของประชาชน สมาชิกสภา ทำหน้าที่ นิติบัญญัติ ตรวจสอบ และถ่วงดุล กำหนดยุทธศาสตร์ แผน และงบประมาณ ภายใต้กรอบอำนาจ หน้าที่ วิสัยทัศน์ นโยบาย ผู้บริหาร ยุทธศาสตร์ เป้าหมาย ผลสำเร็จ (มาตรฐาน+นวัตกรรม) โครงการ ผลผลิต งบประมาณ แผนดำเนินงาน ขั้นตอน ติดตาม/ ประเมินผล


166 ประเภทของนโยบายผู้บริหาร - ข้อห้าม วิธีปฏิบัติ เกณฑ์ - การกระจายงานบริการ ให้ได้มาตรฐาน และทั่วถึง - งานบริการที่ออกแบบ สำหรับผู้มีลักษณะพิเศษ - งานที่เกินขีดความสามารถของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพียงหน่วยงานเดียว - งานที่ไม่ใช่อำนาจหน้าที่โดยตรง แต่เป็นปัญหาของท้องถิ่น (ต้องประสานให้ผู้มีหน้าที่มาดำเนินงาน) องค์ประกอบในระบบแผนพัฒนาท้องถิ่น - ยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่น นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ กำหนดประเด็น ยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ เป้าหมายผลลัพธ์ ตัวชี้วัด กลยุทธ์ และโครงการพัฒนา - ผลผลิต งบประมาณที่คาดว่าจะต้องใช้รายละเอียดโครงการ วัตถุประสงค์ ผลที่คาดว่าจะได้รับ ผลผลิต เป้าหมาย - ขั้นตอนการดำเนินงานโครงการ ตามแผนการดำเนินงาน - การติดตามและประเมินผล ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามขั้นตอน และประเมินผลที่ได้กับ เป้าหมายที่เคยตั้งไว้ การกำหนดประเด็นยุทธศาสตร์พัฒนาท้องถิ่น - กำหนดจากนโยบายผู้บริหาร และอำนาจหน้าที่ของ อปท. - กำหนดจากปัญหาความต้องการของประชาชนผู้รับบริการ - กำหนดจากมาตรฐานการพัฒนาเพื่อบูรณาการ - กำหนดจากแนวนโยบายแห่งรัฐ - กำหนดจากแนวทางการพัฒนาในระดับนานาชาติ การทำประชาคมเพื่อการวางแผนพัฒนาท้องถิ่น - สร้างการรับรู้เพื่อรับฟังความคิดเห็น ประมวลผล พิจารณา แล้วแจ้งกลับ - ไม่ใช่กระบวนการอนุมัติโครงการ - ต้องเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม - สามารถเปิดการรับฟังได้หลายช่องทาง ตามความเหมาะสมกับประชาชนในแต่ละพื้นที่ - การประชาคมเพื่อการวางแผน เป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งของการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน Big data พื้นฐานเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น - ฐานข้อมูล จปฐ. (การพัฒนาระดับครัวเรือน) - ฐานข้อมูล กชช. ๒ ค. (ความเร่งด่วนการพัฒนาระดับหมู่บ้าน) - ฐานข้อมูลจากพีรามิดประชากร (วิเคราะห์โครงสร้าง) - ฐานข้อมูลดัชนีความก้าวหน้าของคน ระดับจังหวัด (HAI) - ฐานข้อมูล ระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (TPMAP)


167 ยุทธศาสตร์กระบวนการพัฒนา


168 กระบวนการแปลงนโยบายผู้บริหารไปสู่การปฏิบัติ มิติของการแปลงเป้าประสงค์ไปสู่เป้าหมายผลลัพธ์ - ระดับของการพัฒนาแต่ละขั้น (Level) - แนวโน้มการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (Trend) - อันดับผลการพัฒนาเปรียบเทียบ (Comparison) - ความเชื่อมโยงของผลกระทบต่อเนื่องไปยังประเด็นการพัฒนาอื่น ๆ (Linkage) การกำหนดเป้าหมายการพัฒนา - ต้องไม่ต่ำกว่าข้อมูลพื้นฐาน (Baseline Data) - ต้องไม่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ - มุ่งสู่ความก้าวหน้า โดดเด่น และเป็นเลิศ - เป้าหมาย/ข้อมูลฐาน/ตัวชี้วัด ต้องเป็นค่าเดียวกัน ข้อพึงสังเกต: เป้าหมายในการพัฒนาที่พบจำนวนมาก เป็นเป้า “ลอย” ไม่สามารถบอกข้อมูลฐานได้


169 ค่าข้อมูลพื้นฐาน เป้าหมาย ตัวชี้วัด - จำนวน (Number) - ร้อยละ (Percentage) - ค่าเฉลี่ย (Average or Mean) - อัตรา (Rate) - อัตราส่วน (Ratio) - สัดส่วน (Proportion) มิติในการประเมินความคุ้มค่าของโครงการ - มิติประสิทธิผล การบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ เป้าหมายผลผลิต วัตถุประสงค์ ผลที่คาดว่าจะได้รับ และ ความพึงพอใจ - มิติประสิทธิภาพ ต้นทุนต่อหน่วยผลผลิต และการดำเนินงานตามแผน - มิติผลกระทบ สร้างมูลค่าเพิ่มทั้งในมิติสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของประชาชน


170 วิชา การขับเคลื่อนภารกิจถ่ายโอน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โดย นายบัณฑิต ตั้งเจริญดี เทศบาลเมืองบึงยี่โถ การกระจายอำนาจ หมายถึง การมอบหน้าที่ ความรับผิดชอบและอำนาจให้แก่ อปท. การมอบหน้าที่ ความรับผิดชอบและอำนาจให้แก่ อปท. โอนบทบาทหน้าที่รัฐให้แก่ท้องถิ่นให้สามารถจัดการตนเองใ นพื้นที่ โดย คำนึงถึงความต้องการ ความรวดเร็วในการตอบสนองและบริการประชาชน ความเป็นมา รัฐธรรมนูญปี 2540 พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้น ตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่น มาตรา 52 บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการทางสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานและผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับ การรักษาพยาบาลจากสถานพยาบาลของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ตามกฎหมายบัญญัติการบริการทาง สาธารณสุขขอรัฐต้องเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ โดยจะต้องส่งเสริมให้องค์กรปกครองท้องถิ่น และเอกชนมีส่วนร่วมด้วยเท่าที่จะทำได้ การป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตราย รัฐต้องจัดให้แก่ประชาชนโดย ไม่คิดมูลค่า และทันต่อเหตุการณ์ พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่น พ.ศ. 2542 หมวด 2 การกำหนดอำนาจหน้าที่ในการจัดบูรการ สาธารณะ มาตรา 16 ให้เทศบาล เมืองพัทยา และองค์การบริหารส่วน ตำบล มีอำนาจหน้าในการจัดระบบการบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นตนเอง การสาธารณสุข การอนามัยครอบครัว และการรักษาพยาบาล พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่น พ.ศ. 2542 - มาตรา 17 ภายใต้บังคับ ม.16 ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด - มีอำนาจหน้าที่ในการจัดระบบการบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นตนเอง - การจัดให้มีโรงพยาบาลจังหวัด การรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ วัตถุประสงค์ การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายโอนภารกิจของราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคให้แก่ อปท.จัดบริการสาธารณะตอบสนอง ความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น


171 วิชา การบริการอนามัยแม่และเด็ก โดย นางสาวสุภัทรานิษฐ์ นันชัยวงศ์ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอบางไทร การฝากครรภ์ความหมาย เป็นการส่งเสริมสุขภาพให้หญิงตั้งครรภ์และสามีได้รับความรู้ในการดูแล สุขภาพของตนเอง รวมถึงได้รับการดูแลสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์เพื่อให้การตั้งครรภ์และ การคลอดมีคุณภาพแม่ และทารกแข็งแรงปลอดภัยปราศจากการแทรกซ้อน โดยเริ่มฝากครรภ์ทันทีที่รู้ตัวว่า ท้องหรือก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ และไปตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ ประโยชน์เพื่อ 1. เพื่อคัดกรองภาวะเสี่ยง ตรวจหาโรคติดเชื้อและโรคทางพันธุกรรม 2. เพื่อส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจของหญิงตั้งครรภ์ รับวัคซีน ไตรเฟอร์ดีน 3. ดูแลทารกในครรภ์ ตามคำแนะนำ โภชนาการในหญิงตั้งครรภ์ 1. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ได้แก่กลุ่มข้าวแป้ง กลุ่มผัก กลุ่มผลไม้ กลุ่มเนื้อสัตว์และกลุ่มนม 2. กินให้มีปริมาณเพียงพอและหลากหลายในแต่ละกลุ่มอาหารใน 1 วัน 3. หลีกเลี่ยงอาหาร ขนม เครื่องดื่มที่มีรสหวานจัด 4. หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด 5. กินอาหารที่สะอาดและปรุงสุกใหม่ ๆ ไม่กินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ งดอาหารหมักดองกาแฟเครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอล์และบุหรี่ 6. กินยาเม็ดเสริมวิตามินตามแพทย์สั่ง การดูแลฟัน 1. กินอาหารครบ 5 หมู่หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีน้ำตาลบ่อย ๆ 2. แปรงฟันวันละ 2 ครั้งเช้าและก่อนนอนด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์และบ้วนปากทุกครั้งหลังกินอาหาร 3. ถ้ามีอาการคลื่นไส้อาเจียนควรบ้วนปากด้วยน้ำมาก ๆ หลังอาเจียนหรือบ้วนปากด้วยน้ำผสมผงฟู เพื่อช่วยลดความเป็นกรด กิจกรรมและการนอนสำหรับหญิงตั้งครรภ์ 1. กิจกรรมทางกาย - เคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวัน เช่น การทำงานบ้านการเดินอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ - ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเน้นกล้ามเนื้อหน้าท้องและอุ้งเชิงกรานเพื่อสร้างความพร้อมในการคลอด ลูกอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งและฝึกความอ่อนตัวของกล้ามเนื้อเพื่อลดอาการปวดเมื่อยจากการรับน้ำหนักทารก ในครรภ์ เช่น การเล่นโยคะ 2. กิจกรรมการนอน - นอนวันละ 7 - 9 ชั่วโมงควรนอนก่อน 22:00 น - นอนท่าตะแคงแทนท่านอนหงาย เพื่อให้มดลูกไม่กดทับเส้นเลือดดำใหญ่บริเวณด้านหลังของร่างกาย ทำให้เลือดไหลเวียนกลับเข้าหัวใจได้ดีและลดอาการบวม - เวลาจะนอนค่อย ๆ เอนตัวนอนจากท่านั่งเป็นท่านอน และเวลาตื่นค่อย ๆ ลุกจากท่านอนเป็นท่านั่ง


172 - หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร 2 - 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพื่อลดอาการกรดไหลย้อนจุกเสียดแน่นท้อง การนับลูกดิ้น การนับลูกดิ้น เป็นเครื่องมือช่วยตรวจสอบการมีชีวิตของทารกในครรภ์ เริ่มนับจำนวนครั้งที่ทารกดิ้นตั้งแต่ อายุครรภ์ 32 สัปดาห์จนกระทั่งคลอดควรปฏิบัติทุกวันเป็นการเพิ่มความตระหนักต่อสุขภาพของทารก วิธีการนับการดิ้นของทารกในครรภ์มี 2 วิธีดังนี้ 1. การนับทารกดิ้น 3 เวลาหลังมื้ออาหารครั้งละ 1 ชั่วโมงถ้าน้อยกว่า 3 ครั้งต่อชั่วโมงแนะนำให้พบ แพทย์ทันที 2. นับการดิ้น 12 ชั่วโมงใน 1 วันถ้าทารกดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งแนะนำให้พบแพทย์ทันที อาการผิดปกติที่ต้องรีบมาพบแพทย์ทันที 1. ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลงหรือหยุดดิ้น 2. ปวดศีรษะมาก ตาพร่ามัว จุกแน่นยอดอก บวมที่เท้ากดบุ๋ม 3. ปัสสาวะแสบขัดหรือลำบาก 4. เลือดออกจากช่องคลอด 5. มีน้ำเดินใสๆไหลออกจากช่องคลอด 6. เจ็บที่หลังแล้วปวดร้าวมาถึงด้านหน้าบริเวณหัวเน่าและท้องน้อย อาการปวดท้องอยากถ่ายอุจจาระ การฝากครรภ์สำคัญต่อทั้งคุณแม่และคุณลูก สำหรับการฝากครรภ์ครั้งแรก คุณหมอจะสอบถามประวัติด้านสุขภาพของคุณแม่ โรคประจำตัว ประวัติ การแพ้ยา พร้อมกับตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน ได้แก่ การชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต ตรวจเลือดเพื่อค้นหาโรคทาง พันธุกรรมและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตรวจหาโปรตีนและน้ำตาลในปัสสาวะเพื่อประเมินภาวะสุขภาพของคุณ แม่ คำนวณอายุครรภ์ วันครบกำหนดคลอด การวางแผนในการตรวจคัดกรองความเสี่ยงต่าง ๆ การฉีดวัคซีนสร้าง ภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับลูกน้อยระหว่างตั้งครรภ์ ตลอดจนให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเพื่อ เตรียมพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลงของการตั้งครรภ์ในระยะต่อไป หลังจากนั้นคุณหมอจะนัดตรวจทุกเดือนและถี่ ขึ้นเมื่อคุณแม่ใกล้คลอด ฝากครรภ์ครั้งแรกต้องตรวจอย่างไรบ้าง - ตรวจร่างกายโดยแพทย์ - วัดส่วนสูงชั่งน้ำหนัก - ซักประวัติสูติกรรม โรคประจำตัว ประวัติครอบครัว - ภาวะเลือดจางจากภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน - ตรวจหาภูมิต้านทานต่อเชื้อ HIV - ตรวจเลือดหาเชื้อซิฟิลิส กรุ๊ปเลือด ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด - ตรวจปัสสาวะเพื่อค้นหาความผิดปกติอื่นๆ - ตรวจปัสสาวะ อัลตร้าซาวด์เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ - จ่ายยาบำรุงครรภ์และยาอื่นๆที่จำเป็น


173 วิชา กฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ความผิดทางละเมิดและข้อมูลข่าวสารของทางราชการ โดย นายภัทรพงศ์ คัชมาตย์ คำสั่งทางปกครอง คือ ๑. การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในอันที่จะ ก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล ไม่ว่าเป็นการถาวร หรือชั่วคราว เช่น การสั่งการ การอนุญาต การอนุมัติ การวินิจฉัยอุทธรณ์ การรับรอง และการจดทะเบียน แต่ไม่หมายความรวมถึงการออกกฎ 2. การอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง คำสั่งทางปกครอง มีสาระสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ 1. กระทำโดย“เจ้าหน้าที่” 2. ใช้อำนาจทางปกครอง หมายถึง การใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งมิใช่เป็นการใช้อำนาจทางนิติบัญญัติ (ตรากฎหมาย) หรือการใช้อำนาจในทางตุลาการ (ตัดสินคดี) 3. มีผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ คือ การมุ่งประสงค์ให้เกิดผลทางกฎหมาย อันเป็นนิติสัมพันธ์ระหว่างบุคคล อย่างหนึ่งอย่างใดขึ้น 4. คำสั่งนั้นต้องก่อให้เกิดผลเฉพาะกรณี 5. คำสั่งนั้นต้องมีผลออกไปภายนอก กฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2540) คำสั่งทางปกครองที่ไม่ต้องแจ้งให้คู่กรณีทราบ 1. การบรรจุ การแต่งตั้ง การเลื่อนขั้นเงินเดือน การสั่งพักงานหรือสั่งให้ออกจากงานไว้ก่อน หรือการ ให้พ้นจากตำแหน่ง 2. การแจ้งผลการสอบหรือวัดผลความรู้หรือความสามารถของบุคคล 3. การไม่ออกหนังสือเดินทางสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ 4. การไม่ตรวจลงตราหนังสือเดินทางคนต่างด้าว 5. การไม่ออกใบอนุญาตหรือการไม่ต่ออายุใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว 6. การสั่งให้เนรเทศ รูปแบบของคำสั่งทางปกครอง (ม.34) คำสั่งเป็นหนังสือ , คำสั่งด้วยวาจา , คำสั่งโดยการ สื่อความหมายในรูปแบบอื่น ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง คำสั่งทางปกครองที่ต้องระบุเหตุผลไว้ในคำสั่ง ๑. คำสั่งทางปกครองที่เป็นการปฏิเสธการตั้งสิทธิของคู่กรณี 2. คำสั่งทางปกครองที่เป็นการเพิกถอนสิทธิ 3. คำสั่งทางปกครองที่เป็นการวินิจฉัยอุทธรณ์


174 4. คำสั่งยกเลิกการสอบราคา การประกวดราคา หรือการประมูลราคาที่มีผู้ได้รับคัดเลือกจาก คณะกรรมการที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาผลการดำเนินการดังกล่าวแล้ว การมีผลของคำสั่ง คำสั่งทางปกครองให้มีผลใช้ยันต่อบุคคลตั้งแต่ขณะที่ผู้นั้นได้รับแจ้งเป็นต้นไป (ม.๔๒) การแจ้ง - ให้บุคคลนำไปส่ง - ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ - ปิดประกาศ ณ ที่ทำการ - ประกาศในหนังสือพิมพ์ การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง (ม.44 – ม.48) รูปแบบของคำอุทธรณ์ (มาตรา 44) 1. อุทธรณ์ต้องทำเป็นหนังสือ 2. คำอุทธรณ์ต้องมีข้อโต้แย้งว่า ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งทางปกครองนั้นอย่างชัดเจน 3. คำอุทธรณ์ต้องมีข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่อ้างอิงประกอบด้วย กฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2540) ผู้มีอำนาจพิจารณาคำอุทธรณ์กรณีผู้ทำคำสั่งทางปกครองไม่เห็น ด้วยกับคำอุทธรณ์ - คำสั่งอธิบดี → ปลัดกระทรวง - คำสั่งปลัดกระทรวง → รัฐมนตรี - คำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัด → รัฐมนตรี - คำสั่งนายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด → ผู้ว่าราชการจังหวัด - คำสั่งผู้บริหาร อปท. → ผู้ว่าราชการจังหวัด - คำสั่งเจ้าหน้าที่ อปท. → ผู้บริหารท้องถิ่น กฎหมายความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการ แต่งตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด (ม. ๔ พรบ.) “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็น การแต่งตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด บรรดาซึ่งได้รับแต่งตั้งหรือถูกสั่งให้ปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของ รัฐ (ข้อ ๔ ระเบียบ สนร.) “กระทำละเมิด” คือ ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ กระทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายแก่ ชีวิตก็ดี ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นกระทำละเมิด จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น (ปพพ. ม.๔๒๐ )


175 หลักเกณฑ์การกระทำละเมิด ๑. ผู้กระทำ กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ๒. เป็นการกระทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย ๓. กระทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย กรณีงดเว้นหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติ เทศบาลมีหน้าที่ดูแลบำรุงทางบก ทางน้ำ ได้จัดขยายถนน ทำให้บ่อน้ำซึ่งขอบเป็นคอนกรีตเข้ามาอยู่ในตัว ถนน เมื่อเปิดถนนที่ขยายให้รถสัญจรไปมาก็ยังไม่ถมบ่อและจัดให้มีเครื่องหมายและสัญญาณไฟให้เป็นที่สังเกต ปรากฏว่ามีรถมาชนบ่อได้รับความเสียหาย ถือว่าความเสียหายเกิดจากความประมาทเลินเล่อของเทศบาล ดังนั้น เทศบาลกระทำละเมิด ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามมาตรา 420 ประมาทเลินเล่อ กระทำโดยประมาท ได้แก่ กระทำมิใช่โดยเจตนาแต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะ เช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ (ป.อาญา ม.59 วรรคสี่) กรณีประมาทเลินเล่อ เจ้าหน้าที่อนุมัติแบบแปลนโครงการก่อสร้างถนนเพื่อดำเนินกิจการในด้านการบริการสาธารณะ โดยไม่มี การตรวจสอบให้แน่นอนก่อนว่าที่ดินตามแบบแปลนที่จะก่อสร้างเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ที่สามารถดำเนินการ ก่อสร้างได้หรือไม่ เป็นเหตุให้มีการก่อสร้างถนนผ่านเข้าไปในที่ดินของเอกชน ถือว่าเป็นการประทำโดยประมาท เลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้หน่วยงานของรัฐได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน (ศส. อ. ๗๖/25๕๔) สิทธิไล่เบี้ยเจ้าหน้าที่ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของรัฐ มีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทำละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทำการนั้นไปด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง (ม.๘ วรรคหนึ่ง) ความแตกต่างของการกระทำโดยประมาท ประมาทเลินเล่อธรรมดา คือ กระทำมิได้เจตนา แต่เป็นกระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลใน ภาวะเช่นนั้นจำต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง คือ กระทำโดยขาดความระมัดระวังที่เบี่ยงเบนไปจากเกณฑ์มาตรฐานอย่าง มาก (รส. ๖๑/๒๕๔๐)


176 กรณีเป็นประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง 1. เจ้าหน้าที่โรงงานของกรมธนารักษ์เผาเศษปอริมถนนหลวงทำให้มีควันดำปกคลุมถนนจนมองไม่เห็น ทางข้างหน้า เป็นเหตุให้มีรถยนต์ชนกัน ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมา ๒ – ๓ ครั้งแล้ว แต่โรงงานของกรม ธนารักษ์ก็ปล่อยปละละเลยไม่เปลี่ยนวิธีการเผา เป็นกรณีเจ้าหน้าที่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ๒. เจ้าหน้าที่การเงินมีหน้าที่ควบคุมดูแลการเก็บรักษาและเบิกจ่ายเงิน มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการ ตรวจสอบเช็ค ไม่ขีดเส้นหน้า – หลัง ตัวเลขและตัวอักษรจำนวนเงินที่ระบุในเช็ค ทำให้ผู้อื่นเพิ่มจำนวนเงินและ ยักยอกไป หากใช้ความระเอียดรอบคอบในการตรวจสอบเช็ค ก็จะไม่สามารถเพิ่มจำนวนเงินได้กรณีถือว่าประมาท เลินเล่ออย่างร้ายแรง การพิจารณาไล่เบี้ยกับเจ้าหน้าที่ ๑. ไม่จำเป็นต้องไล่เบี้ยเต็มจำนวนค่าสินไหมทดแทน โดยต้องคำนึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำ และความเป็นธรรมในแต่ละกรณี (ม.๘ วรรคสอง) ๒. หากละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วยงานของรัฐหรือระบบการดำเนินงานส่วนรวม ต้องหักส่วนความรับผิดดังกล่าวออก (ม.๘ วรรคสาม) ๓. กรณีละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นำหลักเรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับ (ม.๘ วรรคสี่) อายุความในการใช้สิทธิเรียกร้องจากเจ้าหน้าที่ (ม. ๑๐ วรรคสอง) กรณีละเมิดต่อหน่วยงาน - 2 ปี นับแต่วันที่หน่วยงานของรัฐ รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวเจ้าหน้าที่ ผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน - 1 ปี นับแต่วันที่หน่วยงานของรัฐ มีคำสั่งตามความเห็นกระทรวงการคลัง


177 พระราชบัญญัติว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ สิทธิของประชาชน ๑. สิทธิได้รู้และเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของทางราชการ ๒. สิทธิร้องเรียนหน่วยงานของรัฐที่ไม่จัดข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนดู/ปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า/ปฏิเสธว่าไม่มี ข้อมูลข่าวสาร ๓. สิทธิอุทธรณ์ กรณีหน่วยงานของรัฐมีคำสั่ง ไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามที่ขอ ข้อมูลข่าวสาร คือ สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใด ๆ ไม่ว่าจะทำในรูปแบบของ เอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง/การบันทึกด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์วิธีอื่นใดทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้ ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ คือ เอกสารที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐ เอกสารที่ควบคุม ดูแลของ หน่วยงานรัฐ เป็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐ เป็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน ข้อมูลข่าวสารของทางราชการที่เปิดเผยไม่ได้ 1. ข้อมูลข่าวสารของทางราชการที่เปิดเผยไม่ได้โดยเด็ดขาด มาตรา ๑๔ ข้อมูลข่าวสารของทางราชการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะ เปิดเผยมิได้ 2. กรณีเป็นดุลพินิจที่จะไม่เปิดเผย มาตรา ๑๕ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของทางราชการก็ได้ โดยคำนึงถึง ประโยชน์สาธารณะ ประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกัน ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล “หน่วยงานของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของตนต่อหน่วยงานของรัฐ แห่งอื่นหรือผู้อื่น โดย ปราศจากความยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ล่วงหน้าหรือในขณะนั้นมิได้” กรณีที่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลได้ - เป็นการเปิดเผยต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของตนเพื่อการนำไปใช้ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน รัฐแห่งนั้น กรณีเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลโดยไม่ต้องรับความยินยอม - เป็นการเปิดเผยต่อหน่วยงานรัฐที่ทำงานด้านการวางแผนหรือการสถิติหรือสำมะโนต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่ต้อง รักษาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลไว้ไม่ให้เปิดเผยต่อไปยังผู้อื่น - เป็นการเปิดเผยต่อหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ เพื่อการดูคุณค่า ในการเก็บรักษา - เป็นการเปิดเผยต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อการป้องกันการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย การสืบสวน การสอบสวน หรือการฟ้องคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีใดก็ตาม


178 - เป็นการเปิดเผยต่อศาล และเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมายที่ จะขอข้อเท็จจริงดังกล่าว - เป็นการใช้ข้อมูลตามปกติภายในวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลนั้น - เป็นการให้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัยโดยไม่ระบุชื่อหรือส่วนที่ทำให้รู้ว่าเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ที่เกี่ยวกับบุคคลใด - เป็นการให้ซึ่งจำเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพของบุคคล การขอข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล มาตรา ๒๕ “บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน” วิธีการ - บุคคลนั้นมีคำขอเป็นหนังสือ - หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้น ต้องให้บุคคลนั้น หรือผู้กระทำแทนบุคคลนั้นได้ ตรวจดู หรือได้รับสำเนาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลนั้น บทคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐ มาตรา ๒๐ การเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร แม้จะเข้าข่ายต้องมีความรับผิดตามกฎหมายใด ให้ถือว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ต้องรับผิด หากเป็นการกระทำโดยสุจริต


179 วิชา การจัดทำแผน/โครงการและการบริหารโครงการ โดย ดร.บัณฑิต ตั้งประเสริฐ นักวิชาการอิสระ ทฤษฎีการบริหารแบบ 7s (Tom Peter and Robert Waterman, 1982) (บริษัท Mckinsey) ทฤษฎี 7s เป็นแบบจำลองที่ใช้ในการบริหารองค์กรที่ช่วยให้การบริหารองค์กรมีความชัดเจน โดยมองในแง่ของคนและระบบ เช่น ลักษณะของผู้บริหาร บุคลากรขององค์กร ทักษะในการทำงาน จะเป็นเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับคนทั้งสิ้น ส่วนในแง่มุมของระบบก็จะมองในด้านแผนกกลยุทธ์ โครงสร้างขององค์กร และระบบ ต่าง ๆ ในการบริหาร ไม่ว่าจะเป็นการบริหารคน บริหารเงิน บริหารงาน หรือแม้กระทั่งการบริหารฐานข้อมูล และในส่วนสุดท้ายยังมองในด้านของการสร้างจิตสำนึกและอุดมการณ์ร่วมกันในองค์กร จากแบบจำลองดังกล่าว ทำให้สามารถมองเห็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นภายในองค์กรอุดมศึกษาได้อย่างชัดเจน McKinney 7s Framework กรอบแนวคิดในการประเมินองค์กร ประกอบด้วยปัจจัย 7 ประการ การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา (Priority of Problems) มีปัญหาที่จะต้องทำจำนวนมาก ถ้าไม่จัดลำดับก่อนหลัง จะไปทำงานที่ง่าย แต่เกิดผลดีต่อประชาชน ไม่มากจึงเสียทรัพยากร และเวลาไปไม่คุ้ม นักบริหาร/นักวิชาการมีมาก แต่ละคนถนัด และคิดว่าเรื่องของตน สำคัญที่สุด ถ้าไม่มีหลักเกณฑ์เลือกเรื่องที่จะทำปัญหาที่สำคัญกลับจะถูกละไว้ เพราะยากและไม่อยากทำ เทคนิคการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา ในสภาวะการทำงานทั่วไปผู้ปฏิบัติงานย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น แม้ว่าจะได้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังเกิดขึ้นได้อีก โดยอาจจะมาจากปัจจัยภายในเอง เช่น ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับตัวคน (จำนวนคนไม่พอ คนขาดทักษะ คนขาดประสบการณ์ วินัยของคน) ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง กับอุปกรณ์/เครื่องมือ (สภาพชำรุด ใช้งานผิดประเภท ใช้งานมานาน ขาดการบำรุงรักษา) ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง กับวิธีการ การบริหารจัดการ หรือเกี่ยวกับงบประมาณ เป็นต้น ดังนั้นการเรียนรู้และเข้าใจถึงปัจจัยทรัพยากร (6M) ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายในมักจะอยู่ใน 6 ปัจจัยดังกล่าว (M:Man


180 M:Material M:Machine M:Method M:Moral และ M:Money) จะช่วยให้วิเคราะห์และระบุถึงสาเหตุรากเหง้า ของปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้น กระบวนการคิดอย่างเป็นรูปแบบ (Logic) ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ทักษะการคิดสำคัญที่จำเป็นสำหรับการแก้ปัญหา ได้แก่ การคิดเชิงวิเคราะห์ การคิดแบบองค์รวม(เชิงระบบ) การคิดเชิงกลยุทธ์ และการคิดแลตัดสินใจแก้ปัญหา เป็นกระบวนการคิด อย่างครบถ้วนที่พนักงานทุกระดับจำเป็นต้องเข้าใจในหลักการและทำการฝึกฝนรวมถึงฝึกนำไปใช้อย่างเป็นประจำ เพื่อให้เกิดความเคยชินในการคิดและการทำงานอย่างเป็นรูปแบบ การประยุกต์ใช้การคิดเชิงวิเคราะห์มีความหลากหลายอยู่ที่สถานการณ์ต่าง ๆ เช่น - การค้นหาต้นเหตุของปัญหา (Root Cause Analysis) - การรวบรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์แล้วตัดสินใจ - การวิเคราะห์ข้อมูลในการกำหนดแนวทางบรรลุเป้าหมาย - การวิเคราะห์และจัดการปัญหาต้องอาศัยเครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อให้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ใกล้เคียง สภาพความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเครื่องมือของนักคิดวิเคราะห์และจัดการปัญหา ได้แก่ ๑) ผังสาเหตุและผล ๒) Cause & Effect Diagram ๓) พาเรโต 80:20 ๔) Why - Why Analysis ๕) PDCA และ ๖) Logic Tree การสร้างกรอบความคิด (Mindset) ที่ดีต่อปัญหาหรือสถานการณ์ที่กำลังเผชิญมีความสำคัญ เพื่อเข้าไป เป็นเจ้าของปัญหานั้น ๆ และหยิบขึ้นมาวิเคราะห์และใช้เครื่องมือจัดการที่เหมาะสม เนื่องจากหากขาดซึ่งกรอบ ความคิดดังกล่าว ผู้ปฏิบัติงานอาจเพิกเฉยต่อปัญหาและมุ่งหวังให้ผู้อื่นเข้ามารับผิดชอบปัญหานั้นแทนตนเอง ก็อาจส่งผลกระทบต่องานหรือเป้าหมายได้ การเขียนโครงการแบบประเพณีนิยม (Conventional Method) 1. ชื่อโครงการ 2. หลักการและเหตุผล 3. วัตถุประสงค์และเป้าหมาย 4. วิธีดำเนินการ 5. แผนปฏิบัติงาน 6. ระยะเวลาในการดำเนินโครงการ 7. งบประมาณและทรัพยากรที่ต้องใช้ 8. การติดตามและประเมินผลโครงการ 9. หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ 10. ผู้รับผิดชอบโครงการ


181 การบริหารโครงการ (Project Management) การจัดการ การใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่อย่างเหมาะสมและสมบูรณ์ที่สุด เพื่อให้การดำเนินโครงการ บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในเวลาที่จำกัด ภายใต้เงื่อนไข 3 ประการ คือ เวลา (Time) งบประมาณ (Budget) และคุณภาพ (Quality) ซึ่งเป็นหัวใจของการบริหารโครงการ ความสำคัญของการบริหารโครงการ 1. ทำให้ทราบวัตถุประสงค์และหน้าที่ต่าง ๆ ของการปฏิบัติงาน 2. แผนงานมีความชัดเจน เกิดการประสานงาน ลดความขัดแย้งและขจัดความซ้ำซ้อนในหน้าที่ ความรับผิดชอบ 3. การใช้ทรัพยากรอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ 4. เกิดประสิทธิผลหรือผลลัพธ์สูงสุด องค์ประกอบการบริหารโครงการ 1. Requirment คือ สิ่งที่เราต้องการจะดำเนินการ โดยมีขอบเขตในเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ ต้องระบุรายละเอียดอย่างชัดเจน (What) 2. Cost คือ งบประมาณของโครงการ ซึ่งประกอบด้วย 3 M (Man, Money, Material) (Who) 3. Time คือ ระยะเวลาที่จะดำเนินโครงการ (When) กระบวนการบริหารโครงการ มี 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1. การวางแผนโครงการ เป็นการกำหนดแผนการปฏิบัติงานลักษณะงานที่ต้องการ กำหนดปริมาณ และคุณภาพของงานกำหนดทรัพยากรที่ต้องใช้ เมื่อโครงการผ่านการพิจารณาจะมีการวางแผน ตั้งทีมงาน ทำแผน โครงการมีการกำหนดกิจกรรมย่อย กำหนดเป้าหมายของกิจกรรมย่อย รวมทั้งค่าใช้จ่ายและทรัพยากรอื่น ๆ และมีการนำเทคนิคต่าง ๆ ที่ช่วยในการวางแผนบริหารโครงการมาใช้วิเคราะห์โครงการ และศึกษาความเป็นไปได้ ในรายละเอียดด้านต่าง ๆ ของโครงการว่าเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการนำไปใช้มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะทำให้ มองเห็นเป้าหมายและผลที่ได้รับ ถ้าผลการวิเคราะห์มีความเป็นไปได้จะทำให้มีการตัดสินใจดำเนินโครงการ มีข้อผิดพลาดน้อย 2. การดำเนินการโครงการ (การนำแผนไปสู่การปฏิบัติ) เป็นการดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงาน โดยผู้จัดการโครงการจะเป็นผู้รับผิดชอบ สายงานหลัก และควบคุมกำกับดูแลให้การดำเนินการโครงการเป็นไป ตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ผลผลิต ผลลัพธ์ที่กำหนด ซึ่งระหว่างดำเนินการจะต้องมีการบริหารความเสี่ยง เพื่อหาว่าอะไรคือความเสี่ยงสำคัญที่จะทำให้โครงการไม่ประสบผลสำเร็จ และอะไรคือแนวทางในการหลีกเลี่ยง ควบคุม หรือถ่ายโอนความเสี่ยงดังกล่าว หรืออาจจะต้องยอมรับ เพื่อให้การดำเนินงานโครงการ ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ เป้าหมายและระยะเวลาตามที่กำหนด หรือยอมให้เกิดความเสียหาย ให้น้อยที่สุด


182 กิจกรรม Active learning


183 กิจกรรม Active learning


184 วิชา การเสริมสร้างแรงจูงใจและทัศนคติที่ดีในการปฏิบัติงาน โดย ดร.บัณฑิต ตั้งประเสริฐ นักวิชาการอิสระ 1. แรงจูงใจ การจูงใจ หมายถึง กระบวนการกระตุ้นความคิดความรู้สึก ความพยายาม ด้วยวิธีการต่าง ๆ ให้บุคคล แสดงพฤติกรรมเพื่อไปสู่เป้าหมาย ความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เป็นตัวการทำให้มนุษย์สร้างทัศนคติ ความเชื่อ ค่านิยม และแสดง พฤติกรรมต่าง ๆ เพื่อสนองความต้องการของตน ตัวอย่างความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เช่น ต้องการอาหาร ต้องการความมั่นคงในชีวิตต้องการความรัก กลวิธีการจูงใจ สามารถสรุปได้ดังนี้ 1. แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของบุคคลผู้จูงใจ 2. แสดงให้เห็นความหนักแน่นของเหตุผล 3. แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมกัน 4. แสดงให้เห็นทางเลือกทั้งด้านดีและด้านเสีย 5. สร้างความหรรษาแก่ผู้รับสาร 6. เร้าให้เกิดอารมณ์อย่างแรงกล้า เพื่อให้การจูงใจ สัมฤทธิ์ผลได้ง่ายขึ้น ข้อสรุปของการจูงใจ - การจูงใจมิใช่การเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดและพฤติกรรม ด้วยวิธีขู่เข็ญ คุกคาม หรือหลอกลวง - การจูงใจมิใช่พฤติกรรมที่ดีหรือเลว แต่เป็นพฤติกรรมกลางๆ ขึ้นอยู่กับเจตนาที่อยู่เบื้องหลัง - การจูงใจเป็นการกระทำที่มีจุดมุ่งหมายเสมอ และต้องใช้กลวิธีที่ทำให้เกิดผล - การเรียนรู้วิธีจูงใจ ต้องมีความรับผิดชอบทางจริยธรรมควบคู่กันไปด้วยเสมอ ภาษาที่จูงใจ ควรเป็นภาษาสุภาพ ไม่บังคับหรือแสดงอำนาจ พยายามใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล น่าฟัง ชัดเจน กระชับและรัดกุม ทำให้ผู้ฟังเกิดความคล้อยตาม เช่น คำขวัญ 2. กระบวนการนำการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ ขั้นตอนที่ 1 : ขั้นละลายพฤติกรรม (Unfreezing) ขั้นตอนนี้เปรียบเสมือนการละลายน้ำแข็ง เป็นช่วงที่ชี้ ให้สมาชิกเห็นถึงปัญหา ความไม่เหมาะสม การคุกคาม ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากวิธีการเดิม ๆ ที่ใช้อยู่ และตระหนักถึงแรงต่อต้าน และหาแนวทางลดแรงต่อต้านนั้นลง ขั้นตอนที่ 2 : ขั้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (Changing) เป็นช่วงที่สมาชิกในองค์การจะเรียนรู้แนวทาง ใหม่ๆ เช่น การฝึกอบรม การพัฒนา การรับการฝึกสอน เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง จนนำไปสู่พฤติกรรมที่องค์การปรารถนา ขั้นตอนที่ 3 : ขั้นแช่แข็งพฤติกรรม (Refreezing) เป็นช่วงที่พฤติกรรมและวิธีการใหม่ๆ ถูกสร้างขึ้นจน เริ่มอยู่ตัวและกลายเป็นพื้นฐานของการยอมรับของสมาชิก และเป็นช่วงที่ผู้นำต้องส่งเสริมให้พฤติกรรมหรือวิธีการ ดังกล่าวสามารถดำรงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน


185 Phase 1 การละลายพฤติกรรม (Unfreezing) Phase 2 การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (Changing) Phase 3 แช่แข็งพฤติกรรม (Refreezing) 3. การมีส่วนร่วม การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม หมายถึง การที่ภาครัฐมีการบริหารราชการในรูปแบบใหม่ ที่มีการ นำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เข้ามาร่วมในกระบวนการตัดสินใจการดำเนินงานและการประเมินผลโดย มีการจัดระบบบริหารในรูปใหม่ที่เป็นนวัตกรรม ได้แก่ - การปรับวิธีการทำงาน - การสร้างวัฒนธรรมการทำงาน - ปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร การออกกฎระเบียบ และนโยบายของหน่วยงาน ที่เอื้อต่อการบริหาร ราชการแบบมีส่วนร่วม และการแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของหน่วยงานภาครัฐที่จะบริหารราชการที่ทำงาน ร่วมกับภาคประชาชน ร่วมรับผลประโยชน์และร่วมรับผิดชอบในการออกกฎระเบียบการให้บริการสาธารณะต่างๆ การมีส่วนร่วมในโครงการ - เป็นการมีส่วนร่วมในลักษณะโครงการ (project based pp) - ไม่มีการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน - ประชาชนมีบทบาทในการให้ public inputs - อิทธิพลที่มีต่อภาครัฐต่ำ - ความสัมพันธ์ขึ้นกับ project และสิ้นสุดพร้อม project,contestation, politicization


186 การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม - เป็นหุ้นส่วนครบวงจร - มีการปรับกระบวนการทำงาน/โครงสร้าง/วัฒนธรรมการทำงาน/กฎระเบียบ/บุคลากร - ประชาชนมีสถานะเป็นหุ้นส่วน เข้ามาร่วมในการจัดทำงบประมาณ โครงการ กิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนริเริ่ม ดำเนินงานและประเมินผล - มีอิทธิพลสูง - ความสัมพันธ์ใกล้ชิด มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล สร้างศักยภาพให้ภาคประชาชน ความหมายของการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม 1. การเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการวางเกณฑ์ หรือการออกกฎระเบียบของหน่วยงานราชการ ที่มีผลกระทบต่อประชาชน 2. การเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบหรือการตัดสินใจ เกี่ยวกับบริการสาธารณะ 3. การเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำาบริการสาธารณะ 4. การเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการติดตามและประเมินผลการจัดบริการสาธารณะ ความสำคัญของการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม - ทำให้การบริหารงานภาครัฐ สอดรับกับหลักธรรมาภิบาล - ทำให้การพัฒนาองค์กร สอดคล้องกับเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) - สร้าง meaningful decisions - ใช้ทรัพยากรสาธารณะอย่างฉลาดและรอบคอบ - ภาคประชาชนมีส่วนในการแก้ไขปัญหาสาธารณะต่าง ๆ - สอดคล้องกับบทบาทภาครัฐสมัยใหม่ที่เป็น facilitator - ทำให้บริการสาธารณะดีขึ้น - มีความไว้วางใจในความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐกับประชาชน การนำสู่การปฏิบัติ


187 การเพิ่มระดับหรือบทบาทการมีส่วนร่วมของประชาชน - ให้ข้อมูลข่าวสาร Inform เป้าหมาย : เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน และเสริมสร้างความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับ ประเด็นปัญหาทางเลือกและทางแก้ไข สัญญาต่อประชาชน : เราจะทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสาร รูปแบบ : การประชาสัมพันธ์, จัดทำรายงานผลงานประจำปี,จดหมายข่าว - ปรึกษาหารือ Consult เป้าหมาย : เพื่อได้รับข้อมูลและความคิดเห็นจากประชาชนเกี่ยวกับสภาพปัญหา ทางเลือกและแนว ทางแก้ไข สัญญาต่อประชาชน : เราจะให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน รับฟังความคิดเห็นรวมทั้งตระหนักถึง ข้อมูลและความคิดเห็นจากประชาชนในการตัดสินใจ รูปแบบ : การลงพื้นที่ชุมชนของเทศบาล, การประเมินผลการดำเนินงาน - เข้ามามีบทบาท Involve เป้าหมาย : เพื่อร่วมทำงานกับประชาชนเพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชนว่าความคิดเห็นและ ความต้องการของประชาชนจำได้รับการพิจารณา สัญญาต่อประชาชน : เราจะทำงานกับประชาชนเพื่อให้ความคิดเห็นและข้อมูลจากประชาชนสะท้อน ในทางเลือก รูปแบบ : ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ โดยตัวแทนประชาชน, ระบบอาสาสมัคร - สร้างความร่วมมือ Collaboration เป้าหมาย : เพื่อเป็นหุ้นส่วนกับประชาชนในทุกขั้นตอนของการตัดสินใจตั้งแต่การระบุปัญหา พัฒนา ทางเลือกและแนวทางแก้ไข สัญญาต่อประชาชน : เราจะร่วมงานกับประชาชนเพื่อได้ข้อเสนอแนะและความคิดใหม่ รวมทั้งนำ ข้อเสนอแนะของประชาชนมาเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รูปแบบ : คณะกรรมการร่วมเอกชน-ท้องถิ่นด้านภาษี, คณะกรรมการพัฒนา - เสริมอำนาจ Empower เป้าหมาย : เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ สัญญาต่อประชาชน : เราจะปฏิบัติสิ่งที่ประชาชนตัดสินใจ รูปแบบ : การแก้ไขความขัดแย้งโดยประชาคม, สภาเมือง สาเหตุที่ต้องบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม 1. ภาคสังคมและประชาชนมีการพัฒนาและเรียกร้องสิทธิในการรับรู้ ตัดสินใจ และมีส่วนร่วม 2. หลักการบริหารราชการแนวใหม่ที่ระบบราชการทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญ คือ เริ่มได้บทเรียน และเรียนรู้จากการสูญเสีย และแสวงหารูปแบบและนำไปประยุกต์ใช้ 3. สังคมไทยและคนไทยพัฒนาสู่สังคมประชาธิปไตยยุคใหม่


188 4. การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมจะทำให้ภาคราชการ ลดความขัดแย้ง/การต่อต้านจากประชาชน ช่วยให้งานบรรลุผลสำเร็จ และได้รับความร่วมมือ การสนับสนุนและความไว้ใจจากประชาชน 5. การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมจะทำให้ภาคประชาชน เข้าใจการทำงานของภาครัฐมากขึ้น และเชื่อมั่นในการตัดสินใจของภาครัฐ องค์ประกอบหลักของระบบราชการแบบมีส่วนร่วม 1. เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร 2. มีส่วนร่วม เช่น ให้ข้อมูลข่าวสาร หารือ เข้ามามีบทบาท สร้างความร่วมมือ เสริมอำนาจ 3. รับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากประชาชน 4. โปร่งใส ขั้นตอน/กระบวนการทำงาน เหตุผลการตัดสินใจ คุณลักษณะของข้าราชการในระบบราชการแบบมีส่วนร่วม - พัฒนาทักษะด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น - เปิดให้เข้าถึง - ตอบสนอง - รับฟัง - แสดงความห่วงใยและเห็นใจ - กระจายข้อมูลข่าวสาร - ให้การศึกษาแก่ประชาชน บทบาทภาครัฐที่ต้องเปลี่ยนแปลงไป 1. หยิบยื่น รวมศูนย์อำนาจ รัฐทำหน้าที่ตัดสินใจ ประชาชนไม่มีทางเลือก ความสัมพันธ์แนวดิ่งจากบน ลงล่าง ปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน 2. สนับสนุน ผู้ตัดสินใจคือกลุ่มที่ได้รับการคัดเลือก ประชาชนมีส่วนร่วมได้เฉพาะเรื่อง ประชาชนมีทางเลือก แต่จำกัด ประชาชนร่วมตัดสินใจ ประชาชนมีส่วนร่วม 3. เสริมสร้างพลัง กระจายอำนาจ รวมประชาชนเข้าไว้ในกลุ่มผู้ตัดสินใจ มีทางเลือกที่เปิดกว้างไม่มี การจำกัด ประชาชนเป็นผู้นำ ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง รัฐมีพันธะความรับผิดชอบต่อสังคม โปร่งใส/ เปิดกว้าง ประชาชนมีความเป็นพลเมือง


189 วิชา ภารกิจด้านสาธารณสุขขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดย นายวิเชษฐ จินานุรักษ์ เทศบาลตำบลเชียงรากน้อย การดำเนินงานด้านสาธารณสุขในระดับพื้นที่ หมายถึง การให้บริการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันควบคุมโรค รักษาพยาบาล ฟื้นฟูสุขภาพ และคุ้มครอง ผู้บริโภค รวมทั้งการจัดการปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อสุขภาพ ตลอดจนการจัดกิจกรรมใด ๆ ในการจัดการสุขภาพของ ประชาชนในท้องถิ่นให้อยู่ในภาวะสมบูรณ์ทั้งกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ โดยหน่วยงานระดับพื้นที่หรือท้องถิ่น ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล ภารกิจและแนวทางการปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขในระดับพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จากการกำหนดบทบาทหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงาน ด้านสาธารณสุข สามารถกำหนดแนวทางการดำเนินงานด้านสาธารณสุขในระดับพื้นที่ขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น 5 ภารกิจ คือ 1. ภารกิจด้านส่งเสริมสุขภาพ 2. ภารกิจด้านป้องกันและควบคุมโรคติดต่อและไม่ติดต่อและอุบัติเหตุ 3. ภารกิจด้านรักษาโรค 4. ภารกิจฟื้นฟูสุขภาพ 5. ภารกิจด้านคุ้มครองผู้บริโภค


190 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินงานด้านสาธารณสุข รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ได้รับรองสิทธิของบุคคลให้ได้รับบริการสาธารณสุขของ ภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ให้มีการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ปฐมภูมิและเสริมสร้างให้ประชาชน มีความรู้ด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค รวมทั้งให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือประชาชนตลอดช่วงชีวิต ตั้งแต่ก่อนคลอดจนถึงเสียชีวิตตามความจำเป็นและความต้องการที่แตกต่างกันของเพศ วัย และสภาพของบุคคล มาตรา 47 บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ บุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับบริการ สาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายบัญญัติและย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่อ อันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มาตรา 48 สิทธิของมารดาในช่วงระหว่างก่อนและหลังการคลอดบุตรย่อมได้รับความคุ้มครองและ ช่วยเหลือตามที่กฎหมายบัญญัติบุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีและไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ และบุคคล ผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐตามที่กฎหมาย มาตรา 54 วรรค 2 รัฐต้องดำเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา ตามวรรค หนึ่ง เพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์สังคม และสติปัญญา ให้สมกับวัยโดยส่งเสริมและสนับสนุน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย มาตรา 55 รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง เสริมสร้าง ให้ประชาชนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และส่งเสริมสนับสนุนให้มีการพัฒนา ภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด มาตรา 58 การดำเนินการใดของรัฐหรือที่รัฐจะอนุญาตให้ผู้ใดดำเนินการ ถ้าการนั้นอาจมีผลกระทบต่อ ทรัพยากรธรรมชาติคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดของประชาชน หรือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง รัฐต้องดำเนินการให้มีการศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพ สิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนหรือชุมชน และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและ ประชาชนและชุมชนที่เกี่ยวข้องก่อน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ดำเนินการหรืออนุญาตตามที่กฎหมาย บัญญัติ มาตรา 71 รัฐพึงเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวอันเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญของสังคม จัด ให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยอย่างเหมาะสม ส่งเสริมและพัฒนาการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ แข็งแรงและมีจิตใจที่เข้มแข็ง ฯ หมวดที่ 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น การจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบใดให้คำนึง เจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่นและความสามารถในการปกครองตนเองด้านรายได้ฯ มาตรา 250 อปท.มีหน้าที่และอำนาจดูแลและจัดทำบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะเพื่อ ประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน


191 หมวดที่ 16 การปฏิรูปประเทศ มาตรา 258 ให้ดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างน้อยในด้านต่าง ๆ ให้เกิดผลดังเช่น (4) ปรับระบบหลักประกันสุขภาพให้ประชาชนได้รับสิทธิและประโยชน์จากการบริหารจัดการและการ เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพและสะดวกทัดเทียมกัน (5) ให้มีระบบการแพทย์ปฐมภูมิที่มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวดูแลประชาชนในสัดส่วนที่เหมาะสม พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 50 และ 51 กำหนดให้เทศบาลตำบลมีหน้าที่และจัดกิจกรรม เช่น รักษาความสะอาดของถนน หรือทางเดินและที่สาธารณะ รวมทั้งการกำจัดมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ป้องกันและระงับโรคติดต่อ ให้มีน้ำสะอาดหรือ น้ำประปา ให้มีโรงฆ่าสัตว์ให้มีตลาด ทำให้มีและบำรุงสถานที่ทำการพิทักษ์รักษาคนเจ็บไข้ให้เทศบาลเมือง มีหน้าที่และกิจกรรม เช่น ให้มีและบำรุงโรงพยาบาล จัดทำกิจการซึ่งจำเป็นเพื่อการสาธารณสุข ให้มีและบำรุง สวนสาธารณะ สวนสัตว์และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ให้เทศบาลนครมีหน้าที่และกิจกรรมเช่นเดียวกับเทศบาล เมือง เพิ่มให้มีและบำรุงการสงเคราะห์มารดาและเด็ก กิจการอื่นซึ่งจำเป็นเพื่อการสาธารณสุข การควบคุม สุขลักษณะและอนามัยในร้านจำหน่ายอาหาร โรงมหรสพ และสถานบริการ พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 67 และ 68 กำหนดให้องค์การบริการส่วนตำบลมีหน้าที่และจัดกิจกรรม เช่น พัฒนาตำบลทั้ง ในด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม รักษาความสะอาดของถนน ทางน้ำ ทางเดิน และที่สาธารณะ รวมทั้งกำจัด มูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ป้องกันโรคและระงับโรคติดต่อ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ส่งเสริมการพัฒนาสตรีเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุและผู้พิการ พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นกฎหมายเพื่อการคุ้มครองประชาชนด้านสุขลักษณะและการอนามัยสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม และลดปัจจัยเสี่ยงหรือสภาวะแวดล้อมที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่เหมาะสม กับการดำรงชีวิต นอกจากนี้ยังเป็นการกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้“ราชการส่วน ท้องถิ่น” มีอำนาจในการออก“ข้อกำหนดของท้องถิ่น” ซึ่งสามารถใช้บังคับในเขตท้องถิ่นนั้นได้และให้อำนาจแก่ “เจ้าพนักงานท้องถิ่น” ในการควบคุมดูแลโดยการออกคำสั่งให้แก้ไขปรับปรุง การอนุญาตหรือไม่อนุญาต การสั่ง พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต รวมทั้งการเปรียบเทียบคดีเป็นต้น


192 หมวดที่สำคัญและเกี่ยวข้องเป็นส่วนใหญ่ หมวด 3 การจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย หมวด 4 สุขลักษณะของอาคาร หมวด 5 เหตุรำคาญ หมวด 6 การควบคุมการเลี้ยงสัตว์และปล่อยสัตว์ หมวด 7 กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ หมวด 8 ตลาด สถานที่จำหน่าย หรือสะสมอาหาร หมวด 9 การจำหน่ายสิงค้าในที่หรือทางสาธารณะ หมวด 3 การจัดการ สิ่งปฏิกูลและมูลฝอย หมวด 4 สุขลักษณะ ของอาคาร


193 หมวด 5 เหตุรำคาญ หมวด 6 การควบคุม การเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ หมวด 7 กิจการที่เป็น อันตรายต่อสุขภาพ


194 พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพ.ศ. 2545 มาตรา 47 เพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้กับบุคคลในพื้นที่ โดยส่งเสริมกระบวนการของ ประชาชนในท้องถิ่น ให้คณะกรรมการสนับสนุนประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้คณะกรรมการสนับสนุน ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้องค์กรดังกล่าว เป็นผู้ดำเนินงานและบริหาร จัดการระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ กองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ หมายถึง กองทุนหลักประกันสุขภาพเพื่อการ สร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์และการรักษาพยาบาลระดับปฐมภูมิเชิงรุก หมวด 8 ตลาด สถานที่จำหน่าย หรือ สะสมอาหาร หมวด 9 การจำหน่ายสินค้า ในที่หรือทางสาธารณะ


195 ที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต โดยมีองค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาลเป็นองค์กรหลักในการบริหาร จัดการ พระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 มาตรา 4 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และ มีอำนาจออกกฎกระทรวงและระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา 5 วัยรุ่นมีสิทธิตัดสินใจด้วยตนเอง และมีสิทธิได้รับข้อมูลข่าวสารและความรู้ ได้รับการบริการ อนามัยการเจริญพันธุ์ ได้รับการรักษาความลับและความเป็นส่วนตัว ได้รับการจัดสวัสดิการสังคมอย่างเสมอภาค และไม่ถูกเลือกปฏิบัติและได้รับสิทธิอื่นใดที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ตามพระราชบัญญัตินี้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และ เพียงพอ


196 พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. พ.ศ. 2542 แผนภารกิจด้านการสาธารณสุข ระบบบริการสาธารณสุข ประกอบด้วย ระบบการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสภาพและ ระบบการรักษาพยาบาล ภารกิจที่ถ่ายโอน 1) ภารกิจและงบประมาณการบริการสาธารณสุขด้านการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟู สุภาพ และการรักษาพยาบาลเบื้องต้น พร้อมสถานีอนามัย และบุคลากร ถ่ายโอนให อปท . ที่มีความพร้อม 2) ภารกิจการรักษาพยาบาลระดับโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป ให้เป็นทางเลือกของ อปท. หาก อปท. ใดมีความพร้อมก็ให้สามารถรับโอนได้ ตามหลักเกณฑ ที่ กรรมการการกระจายอำนาจฯ และสาธารณสุข กำหนด หรืออาจดำเนินการร่วมกับรัฐ 3) การรักษาพยาบาลระดับโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลเฉพาะทางหรือระดับสูงกว่า กระทรวง สาธารณสุขดำเนินการหรืออาจดำเนินการร่วมกับอปท. หรือถ่ายโอนให อปท. ที่มีความพร้อมสูงกว่า


Click to View FlipBook Version