๙๕
- กรณี เด็กหรือครอบครัว ป่วยหรือมีประวัติเป็น วัณ โรค โรคติดต่อ
ทางเพศสัมพันธ์ เช่นซิฟิลิส หนองใน ขอให้มีใบรับรองแพทย์ว่าเด็กไม่ได้เป็น หรือ ไม่อยู่ในระยะแพร่เชื้ อ
(กรณวี ณั โรค) และมผี ลตรวจเลอื ด (โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์)
- กรณีเด็กเจ็บป่วยด้วยอาการทางจิตเวชเด็ก ควรมีผลการรักษา พฤติกรรมที่
จาเป็นต้องรับประทานยา ระยะเวลาที่รับประทานยา และวิธีการดูแลเด็กเบื้องต้น จากน้ันประสานผู้เชี่ยวชาญทา
การบาบดั รกั ษาฟน้ื ฟตู อ่ ไป
๒.ตรวจสภาพร่างกาย โดยพยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ เจ้าหน้าที่หน่วยงาน
นาสง่ รว่ มกันตรวจสุขภาพร่างกายเดก็
๒.๑ ตรวจสภาพรา่ งกายทว่ั ไป ช่ังนา้ หนกั วัดสว่ นสูง วัดรอบศรี ษะ ตรวจผิวหนงั ร่องรอยตามรา่ งกาย
๒.๒ ตรวจสอบทรัพยส์ ิน และบนั ทึกลงในแบบตรวจสอบทรัพย์สนิ ประกอบในแฟ้มประวัตเิ ด็ก
๒.๓ บนั ทึกในคัดกรองเด็กรายใหม่
๒.๔ บนั ทกึ ภาพถ่ายการตรวจรา่ งกายเดก็
๓. การจดั ทาประวัติเดก็ รายใหม่
๓.๑ พิมพ์ลายนว้ิ มือ/เท้า
๓.๒ บนั ทึกประวัตเิ ด็กลงในแบบสอบประวตั ลิ งในแฟ้มประวตั เิ ดก็ /สมดุ ทะเบยี นประวตั ิ
๓.๓ บนั ทกึ ภาพถ่ายเด็กลงในแฟ้มประวัติ
๓.๔ บนั ทึกข้อมลู ลงในระบบฐานขอ้ มูล กรมกจิ การเดก็ และเยาวชน
๓.๕ ขออนมุ ตั ิรับเด็กจากผปู้ กครองสถานสงเคราะห์
๓.๖ รายงานการรับเด็กเข้าไว้ความอุปการะของสถานสงเคราะห์ฯ จากผู้ว่าราชการจังหวัด/
ปลดั กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมนั่ คงของมนษุ ย์
๔. นาเดก็ สง่ เข้าห้องแรกรบั กรณเี ดก็ มบี ดิ ามารดา หรือผู้ปกครอง
เด็กรายใหม่ทุกรายต้องเข้าพักในห้องแรกรับตามกระบวนการแรกรับก่อนเพ่ือทาการตรวจ
สุขภาพและชว่ ยการปรับตัวของเดก็ ในการอยสู่ ถานสงเคราะห์ และงดเยย่ี มเด็กเป็นระยะเวลา ๑๔ วัน
๕. การพิจารณาส่งเด็กเข้าอาคารพัก ภายหลังส้ินสุดของกระบวนการแรกรับ หลักเกณฑ์การจัดเด็ก
เขา้ อาคาร ประกอบด้วย
๕.๑ ชว่ งอายุ
๕.๒ พฒั นาการของเดก็ แตล่ ะราย
๕.๓ ปญั หาสขุ ภาพ (HIV)
๕.๔ การผา่ นการตรวจสุขภาพ
๙๖
๕.๕ ผลการประเมินจากทมี สหสาขาอาชีพภายในสถานสงเคราะห์
๕. การพิจารณาส่งเด็กเขา้ อาคารพกั ภายหลังจากหอ้ งแรกรับ หลกั เกณฑ์การจัดเดก็ เข้าอาคาร
๕.๑ ตามชว่ งอายุ
๕.๒ ตามพัฒนาการ
๕.๓ ตามปัญหาสขุ ภาพ (HIV)
๕.๔ เดก็ ตอ้ งผา่ นการตรวจสขุ ภาพครบถว้ นแล้ว
๕.๕ ทมี สหสาขาอาชพี เป็นผคู้ ดั กรองกอ่ นส่งเด็กเขา้ อาคารพัก
ผลการดาเนินงาน
สถานสงเคราะห์ฯ มีกระบวนการการดาเนินการรับเด็กรายใหม่เข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์
จานวน ๔๐ ราย เป็นเพศชาย ๒๑ ราย เพศหญิง ๑๙ ราย (เดือนตุลาคม ๒๕๖๒ - กันยายน ๒๕๖๓) (เอกสาร
หมายเลข ๒.๑.๑-๑,-๒) โดยดาเนินการตามกระบวนการรับเด็กรายใหม่ ซึ่งมีกระบวนการรับเข้าตั้งแต่มีการ
ตรวจสอบเอกสารนาส่งเด็ก เอกสารหลักฐานต่าง ๆ เช่น หนังสืออนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัด /ปลัดกระทรวง
การพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ หนังสือส่งตัวเด็ก หนังสือยินยอมให้เด็กเข้ารับการอุปการะ หนังสือให้
ความยินยอมและมอบอานาจในการสงเคราะห์เด็ก (พ.ม. ๑) แบบบันทึกถ้อยคา (พ.ม. ๒) บันทึกประจาวัน
กรณีเด็กถูกทอดท้ิง รายงานการติดตามเยี่ยมบ้าน สูติบัตรเด็ก รายงานการรกั ษาพยาบาล พร้อมทั้งสอบถามขอ้ มูล
เจ้าหน้าท่ีนาส่งเด็กเก่ียวกับการใช้ยาของเด็ก กรณีเด็กมีภาวะการเจ็บป่วย โดยให้เจ้าหน้าท่ีนาส่งแจ้งข้อมูลกับ
พยาบาลของสถานสงเคราะห์ฯ สมุดบันทึกสุขภาพสาเนาภาพถ่ายบัตรประจาตัวประชาชนของบิดามารดาหรือ
บุคคลอ่ืนท่ีเก่ียวข้อง เป็นต้น มีการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น (กรณีมีบิดามารดา/ผู้ปกครอง/เจ้าหน้าท่ีจากหน่วยนาส่ง
เป็นผู้นาเด็กมาส่งเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์) มีการตรวจสภาพร่างกาย/ร่องรอย/บาดแผลต่าง ๆ (ถ้ามี)
ก่อนดาเนินการถ่ายรูปเก็บเป็นหลักฐาน มีการตรวจสอบทรัพย์สินท่ีมาพร้อมกับเด็ก มีการคัดกรองเด็กรายใหม่
ร่วมกัน ประกอบด้วยนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา พยาบาล ครูช่วยสอน นักพัฒนาการหรือพ่ีเล้ียง
ก่อนดาเนินการสง่ เข้ารบั การดูแลในอาคารแรกรับ เพื่อรอการตรวจสขุ ภาพแรกรบั บันทกึ ข้อมลู ของเด็กลงในระบบ
ส่งต่อข้อมูลเด็กของกรมกิจการเด็กและเยาวชน จัดให้มีการประชุมทีมสหสาขาวิชาชีพภายในสถานสงเคราะห์ฯ
กอ่ นสง่ เข้าอาคารพักที่เหมาะสมตามช่วงวัยต่อไป และมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙
(โควิด -๑๙) โดยหน่วยงานนาส่งเดก็ ต้องส่งผลตรวจเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ของเด็ก ใหท้ างสถานสงเคราะห์ฯ
๙๗
และเม่ือเจ้าหน้าท่ีนาตัวเด็กมาเข้ารับการอุปการะท่ีสถานสงเคราะห์ฯ ต้องสวมหน้ากากอนามัย วัดอุณหภูมิ และล้างมือด้วยเจล
แอลกอฮอล์ล้างมือทุกคร้ัง รวมถึงเช็คอินแอปพลิเคชันไทยชนะ หลังจากรับตัวเด็กเข้ารับอุปการะแล้ว เด็กจะอยู่ท่ีตึกพุทธชาด
อาคารแรกรับ เพ่อื กักตวั ๑๔วันตามมาตรการการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)หลงั จากกกั ตวั ครบ ๑๔วัน และตรวจ
สุขภาพแรกรับแล้ว จะดาเนินการย้ายเด็กเข้าอาคารพักตามช่วงอายุและพัฒนาการท่ีเหมาะสมของเด็กต่อไป ในส่วนของเอกสาร
เม่ือสถานสงเคราะห์ฯ รับตัวเด็กเข้ารับการอุปการะแล้ว จะดาเนินการทาหนังสือแจ้งการรับตัวเด็ก รวมถึงแจ้งขอเอกสารเพิ่มเติม
กรณีเอกสารไม่ครบถ้วน ให้กับหน่วยงานท่ีนาส่งเด็ก (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๑-๓ ) เด็กทุกคนมีการจัดทาแฟ้มประวัติเด็ก
รายบุคคล (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๑-๔) และการจัดทาแผนพัฒนาเด็กรายบุคคล (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๑-๕)
ตลอดจนการประเมินด้านกาย จิต สังคม และครอบครัว โดยใช้แบบเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย
Developmental Surveillance and Promotion Manual (DSPM) ของกระทรวงสาธารณสุข นาผลที่ได้มาวางแผน
การช่วยเหลือเฉพาะราย และดาเนินการช่วยเหลือดูแลเด็กตามแผนทุกราย มีการติดตามผลและมีการรายงาน case
ตอ่ ผปู้ กครองสถานสงเคราะห์ฯ (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๑-๖) เด็กทุกคนท่ีอยู่ในความอุปการะของสถานสงเคราะห์ฯ
จะดาเนินการให้เด็กมีชื่อในทะเบียนบ้านทุกราย เพื่อสิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่างๆ ที่เด็กพึงได้รับ
โดยดาเนนิ การ ดงั นี้
๑. ในวันท่ีนาส่งเด็กเข้ารับการอุปการะหากมีสูติบัตรเด็กและใบแทนใบแจ้งการย้ายท่ีอยู่จะมีหนังสือ
ขอความรว่ มมอื สานกั ทะเบียนเทศบาลนครปากเกรด็ เพอื่ นาชอื่ เด็กเข้าทะเบียนบา้ น
๒. หากมีเฉพาะสูติบตั รเดก็ หรือสาเนาภาพถา่ ยสูติบัตรเด็ก แต่ไมม่ ีใบแทนใบแจ้งการย้ายที่อยู่จะมีหนังสือ
ขอความร่วมมอื สานักทะเบียนเทศบาลนครปากเกรด็ ตรวจสอบทะเบยี นราษฎรว่าเด็กมีชื่ออยู่ในทะเบยี นบา้ นใด
๒.๑ เด็กมีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านใดบ้านหน่ึงจะมีหนังสือขอความร่วมมือสานักทะเบียนเทศบาล
นครปากเกร็ด แจง้ ย้ายปลายทางนาชอ่ื เด็กเข้าทะเบยี นบา้ นสถานสงเคราะห์ฯ
๒.๒ เด็กมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านกลางเขตใดเขตหน่ึงหรืออาเภอใดอาเภอหนึ่งจะมีหนังสือ
ขอความร่วมมือสานักงานเขตหรืออาเภอนั้นๆ ออกใบแทนใบแจ้งการย้ายท่ีอยู่ จากน้ันก็จะมีหนังสือขอความ
ร่วมมอื สานกั ทะเบียนเทศบาลนครปากเกร็ด นาช่อื เด็กเข้าทะเบยี นบ้านสถานสงเคราะหฯ์
๓. กรณีเด็กถูกทอดท้ิงไม่ปรากฏหลักฐานการแจ้งเกิด หลังจากส้ินสุดกระบวนการติดตามประวัติแล้ว
จะดาเนนิ การ ดังนี้
๙๘
๓.๑ ขอความร่วมมือสานักทะเบียนเทศบาลนครปากเกร็ดในการขอแจ้งเกิดเด็ก โดยจัดทา
ประวัติและแนบเอกสารหลักฐานต่างๆ ท่ีเก่ียวข้อง นายทะเบียนจะออกเอกสารใบรับแจ้งการเกิด (ท.ร.๑๐๐)
ให้กับสถานสงเคราะห์ฯ จากน้ันนายทะเบียนจะส่งเร่ืองไปยังอาเภอปากเกร็ด เพื่อให้นายอาเภอพิจารณาอนุมัติ
การเจ้งเกิดเดก็ เม่ือนายอาเภออนุมัติคาร้องให้แจ้งเกิดเด็กแล้ว นายทะเบียนสานักทะเบียนเทศบาลนครปากเกร็ด
จะออกเอกสารสตู บิ ตั รให้กบั เด็กรายนัน้ พรอ้ มท้ังเพิ่มชื่อเด็กเข้าทะเบยี นบ้านสถานสงเคราะหฯ์
๓.๒ ขอความร่วมมือที่ว่าการอาเภอปากเกร็ด ในการขอร่วมการใช้ช่ือสกุลของสถานสงเคราะห์ฯ
(ซ่ึงสถานสงเคราะห์ฯ มีชื่อสกุลท่ีจดทะเบียนไว้ จานวน ๒ ช่ือสกุล “พงศ์พศิน”และ “พัทธพงศ์”) โดยทางท่ีว่าการ
อาเภอก็จะออกหนังสือสาคัญแสดงการร่วมใช้ช่อื สกุลใหก้ ับเด็ก ๑ ฉบับ
๓.๓ ขอความร่วมมือสานักทะเบียนเทศบาลนครปากเกร็ดเปลี่ยนชื่อสกุลเด็กในฐานข้อมูล
ทะเบียนราษฎรจากในการดาเนินการส่วนต่างๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับเด็กตอ่ ไป
ผลการประเมนิ ตนเอง
คะแนนการประเมินตนเองได้เท่ากับ ๕ คะแนน
๙๙
องค์ประกอบ ตวั บง่ ช้ี เกณฑ์การ
ให้คะแนน
๒.๑.๒ บริการสาหรับ มีแผนพัฒนาเด็กรายบุคคล(Individual Development ตัวชว้ี ัดท้งั หมด
เด็กรายเดิมทุกราย Plan)และหรือแผนพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ ๕ ตัว แต่ละตวั ช้ีวดั
อารมณ์ สงั คม และสตปิ ญั ญาไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ ได้
มีการดาเนินงานตามแผนพัฒนาเด็กรายบุคคล ๑ คะแนน
(Individual Development Plan) ตามกระบวนการ
สงั คมสงเคราะห์
มีการติดตามประเมินผลเด็กตามแผนพัฒ นาเด็ก
รายบุคคล (ความถ่ีตดิ ตาม ๓,๖,๑๒ เดือน)
มีแผนและกระบวนการส่งเด็กคืนสู่ครอบครัวเดิม
ครอบครัวอุปการะ ครอบครัวบุญธรรม หรือการสร้าง
ความสมั พันธ์ต่อเนือ่ งกบั ครอบครวั เดิม
มีการติดตามครอบครัวเด็กตามแผนพัฒ นาเด็ก
รายบุคคลภายใน ๑ ปี อยา่ งนอ้ ย ๑ ครงั้
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท มีการจัดบริการให้เด็กรายเดิมทุกราย จานวน ๒๔๔ ราย โดยมีการ
ให้บริการปัจจัย ๔ บริการด้านสังคมสงเคราะห์ บริการด้านค้นหา รับรอง สถานะบุคคล กรณีเด็กไม่มีสถานะ
ทางทะเบียนและจัดทาแฟ้มประวัติเด็ก ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียดของงานสังคมสงเคราะห์ มีการกาหนด
แผนงานระยะสั้นและแผนงานระยะยาว เพ่ือติดตามข้อมูลของครอบครัวเดิม เพื่อนาเด็กสู่ครอบครัวเดิม หรือการ
จัดหาครอบครัวทดแทนได้แก่ ครอบครัวอุปการะ ครอบครัวบุญธรรม ท้ังน้ีได้มีการติดตามข้อมูลประสานงาน
จากหน่วยงานนาส่ง หน่วยงานท่ีเกยี่ วข้อง เช่น บา้ นพักเดก็ และครอบครัว โรงพยาบาล จากน้นั ทีมสหสาขาวิชาชีพ
ของสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ประกอบด้วย นักสังคมสงเคราะห์ พยาบาล นักจิตวิทยา นักพัฒนาการ
นักโภชนาการ จะมาประชุมวางแผนร่วมกันจัดทาแผนพัฒนาเด็กรายบุคคล (Individual Development Plan)
หรอื แผน IDP
๑๐๐
เมื่อได้แผนพัฒนาเด็กรายบุคคล (IDP) แล้ว ทีมสหสาขาอาชีพจะดาเนินการตามแผนดังกล่าว
โดยเมื่อพบว่าเด็กรายใดมีปัญหาด้านพฤติกรรมหรือพัฒนาการ นักสังคมสงเคราะห์ดาเนินการจัดทา
Case Conference โดยทีมสหสาขาอาชีพของหน่วยงานเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาให้เด็กรายน้ันๆ หากไม่สามารถ
ดาเนนิ การได้ โดยนกั วิชาชีพของหนว่ ยงาน จะประสานงานสง่ ต่อให้ไปพบผู้เชีย่ วชาญ แพทยเ์ ฉพาะทาง เพื่อให้การ
ช่วยเหลือเด็กต่อไป ท้ังนี้นักสังคมสงเคราะห์ ซึ่งเป็นผู้จัดการรายกรณี (Case Manager) จะดาเนินการทบทวน
แผน IDP ของแต่ละรายตามระยะเวลาที่กาหนดไว้ในกรองระยะเวลาปฏิบัติงาน โดยมีข้ันตอนการปฏิบัติงาน
๘ ขัน้ ตอน ดงั นี้
ขน้ั ตอนท่ี ๑ การรบั เข้าแรกรับหรือคุ้มครองสวสั ดิภาพ ระยะเวลา ๑ วัน การรับเด็ก จะดาเนินการรับเด็ก
จากหนว่ ยงานและบคุ คลท่เี กยี่ วข้อง ๓ กลุ่ม คอื
๑.หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เช่น
สถานสงเคราะห์ฯ บ้านพกั เดก็ และครอบครวั สานกั งานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวดั
๒.หน่วยงานนอกสงั กัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ เช่น สถานี
ตารวจ โรงพยาบาล มูลนิธเิ อกชน
ตรวจสอบเอกสาร/หนังสือนาส่งจากหน่วยงาน เอกสารของเด็กและผู้ปกครองของเด็ก สัมภาษณ์ประวัติเด็ก
เบื้องต้นจากผู้ปกครองเด็กหรือบุคคลผู้นาส่งเด็ก ตรวจสภาพร่างกายเด็กเบ้ืองต้น/ร่องรอยการถูกทาร้าย (ถ้ามี)
พร้อมซักประวัติการรับวัคซีน การรักษาพยาบาลและข้อมูลต่างๆท่ีเก่ียวกับพัฒนาการเด็กเพ่ือนามาเป็นข้อมูล
เบ้ืองต้น ก่อนดาเนินการวางแผนให้ความช่วยเหลือเด็ก ตรวจสอบทรัพย์สินท่ีติดตัวเด็กมา พร้อมท้ังลงรายการ
ทรัพย์สินในแฟ้มประวัติเด็ก ส่งเด็กเข้าอาคารพักแรกรับ เพ่ือปรับสภาพจิตใจ/อารมณ์ และสังเกตพฤติกรรม
พัฒนาการต่างๆของเด็ก เป็นระยะเวลาประมาณ ๑-๒ สัปดาห์ หรือเดือน แล้วแต่กรณี ขออนุมัติรับตัวเด็กจาก
ผูป้ กครองสถานสงเคราะหฯ์ และรายงานการรบั ตัวเด็กเข้ารบั การอปุ การะจากผู้ว่าราชการจังหวัด
ขั้นตอนที่ ๒ การสืบค้นข้อเท็จจริง เพื่อวิเคราะห์ปัญหา และค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเด็ก ประวัติ
ครอบครวั พฤติกรรม สภาวะทางกาย จิต สังคม โดยการสืบค้นข้อเท็จจริงจากเอกสารแรกรับ ประเมินพัฒนาการเด็ก
ภาวะโภชนาการ นาเดก็ เข้ารับการตรวจสุขภาพโดยแพทย์จากโรงพยาบาล
ขัน้ ตอนที่ ๓ วิเคราะห์สภาพปัญหาวางแผนและดาเนนิ การให้ความช่วยเหลอื นาข้อมลู ท่ไี ด้จากการคน้ หา/
สอบข้อเทจ็ จริง (Fact Finding) ทง้ั หมด จากบคุ คลท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เด็ก มาประชมุ ทีมรว่ มกนั กับทีมสหสาขาอาชีพท้ังภายใน
และทีมสหวิชาชีพภายนอกสถานสงเคราะห์ (Case Conference) เพื่อร่วมกันวิเคราะห์สภาพปัญหาของเด็ก
แต่ละรายในดา้ นต่างๆ เช่น ด้านร่างกาย อารมณ์/จติ ใจ ด้านการศึกษาด้านตวั เดก็ และครอบครวั เด็ก ด้านกฎหมาย
๑๐๑
และด้านพฤติกรรมของเด็ก เป็นต้น เพ่ือนาข้อมูลที่ได้ไปดาเนินการวางแผนช่วยเหลือเด็กในระยะยาวที่เหมาะสม
กับเด็ก ต่อไป เมื่อทีมสหวิชาชีพสรุปประเด็นที่เป็นศักยภาพและปัญหาเพ่ือกาหนดเป้าหมายในการพัฒนาหรือ
แก้ไขปญั หาเดก็ และดาเนนิ การจดั ทาแผนพฒั นารายบคุ คล (Individual Development Plan)
ข้ันตอนที่ ๔ ติดตามผลและดาเนินการตามแผน จัดให้บริการด้านปัจจัย ๔ ให้เพียงพอและเหมาะสม
จัดสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ให้เอ้ือต่อการพัฒนาเด็ก ให้เด็กรู้สึกและปลอดภัย ช่วยเหลือส่งเสริมและ
สนับสนุนให้เด็กสามารถทากิจวัตรประจาวันต่างๆ ตามความสามารถของเด็กส่งเด็กเข้ารับการรักษาพยาบาลใน
รายที่ต้องได้รับการรักษาต่อเนื่อง ดาเนินการให้ความช่วยเหลือเด็กตามแผนพัฒนาเด็กรายบุคคล โดยประชุมกับ
ทีมสหวิชาชีพภายในสถานสงเคราะห์ฯ ประสานความช่วยเหลือจากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องเพื่อติดตามประวัติเด็ก
และนกั สังคมสงเคราะห์ลงพ้ืนท่ีติดตามประวตั ิเด็ก กรณีผู้ปกครองเด็กส้ินสุดระยะการฝากช่ัวคราวตามที่ได้ลงนาม
ในหนังสือการให้ความยินยอมและมอบอานาจในการสงเคราะหเ์ ด็ก (พ.ม.๑) และดาเนินการตามแผนการให้ความ
ชว่ ยเหลือ
ข้นั ตอนท่ี ๕ การประมวลผลและการให้ความชว่ ยเหลือ เม่ือได้ดาเนินการให้ความช่วยเหลือตามแผนเป็น
ที่เรียบร้อยแล้ว ควรมีการประเมินผลโดยประเมินผลด้านการปรับตัว พัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ
พฤติกรรม ตลอดจนประเมินด้านครอบครัวหลังจากการดาเนินการให้ความช่วยเหลือ การใหค้ าปรึกษา และเตรียม
ความพร้อมของครอบครัวในการปรับตัว เพ่ือพิจารณาแนวทางดาเนินการให้ความช่วยเหลือท่ีเป็นประโยชน์สูงสุด
แก่เด็ก ได้แก่ ส่งเด็กกลับครอบครัวเดิม การจัดหาครอบครัวทดแทน คือครอบครัวบุญธรรมชาวไทยหรือ
ชาวต่างประเทศ ครอบครวั อปุ การะ สง่ ตอ่ ไปยังหน่วยงานอ่ืน
ขัน้ ตอนที่ ๖ เตรยี มความพรอ้ มเดก็ กอ่ นส่งคนื ครอบครัวหรือคนื สสู่ งั คม
๑๐๒
๑.กรณีส่งคืนครอบครัวเดิม สถานสงเคราะห์ฯ มีกระบวนการคืนเด็กสู่ครอบครัวหรือสังคม เร่ิมต้ังแต่
ข้ันตอนการเตรียมความพร้อมเด็กก่อนส่งคืนครอบครัว หรือคืนเด็กสู่สังคม ฝ่ายสวัสดิการสังคมจะทางานร่วมกับ
ครอบครัวและชุมชน โดยทาบันทึกข้อตกลงในการรับเด็กกลับไปอุปการะ โดยคานึงถึงผลประโยชน์ของเด็ก
และการท่ีเด็กไม่กลับไปสู่ปัญหาเดิมหรือถูกกระทาซ้า ทั้งนี้การส่งกลับคืนสู่ครอบครวั ต่อเมอื่ เด็กมีความพร้อมที่จะ
กลับคืนสู่สังคมมีความพร้อมในการดูแลเด็ก ซึ่งการกลับคืนสู่ครอบครัวจึงเป็นส่ิงท่ีดีที่สุดสาหรับเด็ก ทั้งน้ี
ในกระบวนการสง่ เดก็ กลับคนื สูค่ รอบครวั มขี ้ันตอนการดาเนนิ งาน ดงั น้ี
๑.๑ การประเมินความพร้อมของครอบครัวท่ีมีความพร้อม โดยพิจารณาจากการที่ผู้ปกครอง
มาติดต่อเยี่ยมเด็ก นักสังคมสงเคราะห์จะพูดคุยสอบสภาพความเป็นอยู่ อาชีพ รายได้ และนามากาหนดแผน
ในการลงเย่ียมบ้านครอบครัวท่ีมีความพร้อมท่ีจะรับเด็กกลับมาอุปการะเอง หรือผู้ปกครองเด็กแจ้งความประสงค์
จะขอรับเด็กกลับไปอุปการะต่อ โดยให้ผู้ปกครองของเด็กลงลายมือช่ือในแบบแสดงความจานงขอรับเด็กกลับไป
อปุ การะเล้ยี งดูเอง (พ.ม.๓)
๑.๒ ดาเนินการลงพ้ืนท่ีเยี่ยมบ้านและประเมินครอบครัว ประเมินสภาวะของเด็ก ครอบครัว
และชุมชน ตามที่ผู้ปกครองของเด็กแจ้งไว้ ทางสถานสงเคราะห์ฯ จะแบ่งการทางานออกเป็น ๒ รูปแบบ
เพอ่ื สะดวกในการทางานและการบูรณาการรว่ มกนั ระหว่างองค์กร คอื
๑.๒.๑ กรณีครอบครัวของเด็กมีพ้ืนท่ีอยู่ในกรุงเทพฯ นักสังคมสงเคราะห์จะดาเนินการ
เย่ยี มบ้านตามบ้านเลขที่ ท่ีผู้ปกครองของเด็กแจ้งไวว้ ่าจะรับเด็กกลับไปดูแล (อุปการะต่อ) มีการโทรศัพท์นัดหมาย
ล่วงหนา้ เพื่อสะดวกในการดาเนนิ งานและใหข้ ้อมลู โดยมีขนั้ ตอนดงั นี้
- รับเร่ืองผู้ปกครองเด็ก (ผู้ปกครองเด็กแจ้งความประสงค์จะขอรับเด็กกลับไป
อปุ การะ)
- การติดตามเย่ียมบ้านและประเมินครอบครัว ประเมินสภาวะของเด็ก ครอบครัว
และชมุ ชน กอ่ นผู้ปกครองเดก็ จะรบั เดก็ กลบั ไปดแู ล (อปุ การะตอ่ )
- จดทารายงานสรปุ ผลการเยี่ยมบ้าน
- เสนอรายงานใหผ้ ู้ปกครองสถานสงเคราะหฯ์ ทราบ
๑.๒.๒ กรณีผู้ปกครองเด็กอยู่นอกพ้ืนที่ (อยู่ต่างภูมิภาค) การประสานขอความร่วมมือ
กบั หน่วยงานเยี่ยมบ้านผู้ปกครองของเด็กตามบ้านเลขที่ ท่ีผู้ปกครองของเด็กแจ้งไว้ ก่อนจะรับเด็กกลับไปอุปการะต่อ
คือบา้ นพักเด็กและครอบครวั แต่ละจังหวัด โดยมขี นั้ ตอนดังน้ี
- รับเรื่องผู้ปกครองของเด็ก (ผู้ปกครองเด็กแจ้งความประสงค์จะขอรับเด็กกลับไป
อปุ การะ)
๑๐๓
- นักสังคมสงเคราะห์จะดาเนินการขอท่ีอยู่ ที่แจ้งว่าจะรับเด็กกลับไปอุปการะเอง
พร้อมรายละเอยี ดของทพ่ี ักอาศัย
- ทาหนังสือถึงหัวหน้าหน่วย ตามที่อยู่ท่ีแจ้งไว้เบ้ืองต้น เพื่อติดตามเยี่ยมบ้านและ
ประเมนิ ครอบครัว และชุมชนกอ่ นผปู้ กครองเดก็ จะรับเด็กกลบั ไปดูแล (อปุ การะต่อ)
- เสนอรายงานใหผ้ ูป้ กครองสถานสงเคราะห์ฯ ทราบ
๑.๓ ขออนุมตั ผิ ู้ปกครองสถานสงเคราะหฯ์ ใหเ้ ด็กกลบั คืนส่คู รอบครัว
๑.๔ เสนอขอความเห็นชอบอนุมัติให้เด็กในความอุปการะพ้นจากการสงเคราะห์จากผู้ว่า
ราชการจังหวัด
๑.๕ นดั หมายวนั มอบเดก็ กลับคนื ส่คู รอบครัว
๑.๖ ติดตามผลการเลี้ยงดูเด็กหลังครอบครัวรับกลับไปอุปการะเลี้ยงดูเอง อย่างน้อยปีละ ๓ คร้ัง
ในระยะ ๑,๓,๖ เดอื น
๒. กรณงี านบุตรบุญธรรมต่างประเทศ
๑๐๔
๒.๑ จัดทาประวัติเด็กในความอุปการะ รูปถ่าย/พัฒนาการ/และประวัติสุขภาพของเด็ก
เสนอผปู้ กครองสถานสงเคราะหฯ์ ลงนาม
๒.๒ นาสง่ ประวัตเิ ดก็ เพือ่ นาเขา้ ทปี่ ระชุมให้ศูนยอ์ านวยการรบั เด็กเปน็ บุตรบญุ ธรรมตา่ งประเทศ
๒.๓ ได้รบั แจ้งผลการพจิ ารณาครอบครวั บญุ ธรรมชาวต่างประเทศให้แก่เด็กในความอปุ การะ
๒.๔ เตรียมความพร้อมเด็กด้านสุขภาพ/พัฒนาการ
๒.๕ ได้รบั หนังสือแจง้ กาหนดการเดนิ ทางมารับเดก็ เพ่ือทดลองเล้ยี งดเู ป็นระยะเวลา ๖ เดือน
๒.๖ รายงานกองฯ ขอจาหน่ายช่อื เด็กออกจากทะเบียนสถานสงเคราะห์ฯ
๓. กรณีงานบตุ รบุญธรรมไทย
๑๐๕
๓.๑ ได้รับแจ้งผลการพิจารณาครอบครัวบญุ ธรรมชาวไทยใหแ้ กเ่ ด็กในความอุปการะ
๓.๒ ใหค้ รอบครัวพิจารณาเด็กตามคุณสมบตั ิ
๓.๓ ให้ครอบครวั เยยี่ มเดก็ ในความอุปการะ เพอ่ื สรา้ งสัมพันธภาพ
๓.๔ ใหค้ รอบครัวตอบรบั ยืนยันความประสงคใ์ นการรับเดก็
๓.๕ จัดทาประวัติเด็กในความอุปการะ รูปถ่าย/พัฒนาการ/และประวัติสุขภาพของเด็กเสนอ
ผ้ปู กครองสถานสงเคราะหฯ์ ลงนาม
๓.๖ คณะกรรมการการรับเดก็ เป็นบตุ รบุญธรรม พิจารณาประวัตเิ ด็กมอบเดก็ เป็นบุตรบุญธรรม
๓.๗ ไดร้ ับหนงั สืออนุมัตใิ หค้ รอบครัวทดลองเล้ยี งดูเด็กเป็นระยะเวลา ๖ เดอื น
๓.๘ นดั มายวนั สง่ มอบเดก็
๓.๙ รายงานกองฯ ขอจาหน่ายช่อื เด็กออกจากทะเบียนสถานสงเคราะห์ฯ
๔. กรณสี ่งต่อหนว่ ยงานอ่นื
๑๐๖
สถานสงเคราะห์ฯ จะคานึงถึงตัวเด็กเป็นสาคัญ โดยพิจารณาตามความเหมาะสมของเด็ก
การดาเนินงานเพ่ือการสง่ ตอ่ ไปหน่วยงานอื่น หากเด็กไม่สามารถกลับคืนสู่ครอบครัวเดมิ หรือครอบครัวทดแทนได้
จาเป็นต้องส่งต่อไปหน่วยงานอ่ืน โดยต้องคานึงถึงตัวเด็กเป็นสาคัญ ซึ่งจะพิจารณาตามความเหมาะสมของเด็ก
แต่ละราย และความพร้อมในการรับเด็กของหน่วยงานท่ีจะส่งต่อ ซึ่งการส่งต่อต้องมีการเตรียมเด็กให้รับทราบ
เกี่ยวกบั สถานการณใ์ หมท่ ่ีจะไปอยู่ และเหตุผลท่ีเด็กต้องไปอยู่ที่นั่น บรกิ ารที่เดก็ จะไดร้ ับและสิ่งท่ีเดก็ จะต้องเผชิญ
และแนวทาง วธิ ีการปรบั ตัวของเด็ก ตลอดจนบุคคลท่ีเด็กจะสามารถขอคาปรึกษาได้เมื่อรู้สกึ ไมส่ บายใจ และส่งต่อ
ข้อมูลใหน้ ักสังคมสงเคราะหข์ องหน่วยงานรับพร้อมเอกสารหลักฐาน โดยมีการติดตามผลเป็นระยะตามที่ตกลงกัน
ระหวา่ งสองหน่วยงาน
ข้ันตอนท่ี ๗ การติดตามผล สถานสงเคราะห์ฯ มีการประเมินสภาวะตัวเด็กเป็นระยะ การทางาน
กับครอบครัว และการประเมินครอบครัว หลังส่งเด็กคืนสู่ครอบครัว โดยวีการทางสังคมสงเคราะห์ ได้แก่
การโทรศัพท์ติดต่อผู้ปกครองหรือผู้รับตัวเด็กกลับไปอุปการะเป็นระยะ การลงพ้ืนที่เยี่ยมบ้านเพื่อประเมิน
ครอบครัวและชุมชน การขอความร่วมมือหน่วยงานบ้านพักเด็กและครอบครัวช่วยสอบสภาพความเป็นอยู่
ของครอบครัว
ขั้นตอนท่ี ๘ การยุติการให้ความช่วยเหลือ สถานสงเคราะห์ฯมีการติดตามเด็กท่ีพ้นจากการ
อุปการะไป ซึ่งมีการติดตามได้หลายช่องทาง ท้ังการลงพ้ืนที่เยี่ยมบ้าน การโทรศัพท์ติดต่อกับผู้ปกครองหรือผู้รับเด็ก
กลับไปอุปการะ จะมีการติดตามประเมินผล ๑ เดือน ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑ ปี เพ่ือยุติการให้ความช่วยเหลือ
โดยดาเนินการสรุปผลการรายงานหลังเด็กส่งคืนครอบครัว และดาเนินการรายงานให้ผปู้ กครองสถานสงเคราะห์ฯ
เพื่อยตุ ิการใหค้ วามชว่ ยเหลือ
๒. กระบวนการจัดหาครอบครวั อุปถมั ภใ์ ห้กบั เดก็ ในสถานสงเคราะห์
๑๐๗
ผลการดาเนินงาน
ในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ นักสังคมสงเคราะห์ ดาเนินการจัดทาแฟ้มประวัติเด็กรายบุคคลเดิมและวางแผน
การดาเนินงานกับเด็กตามกระบวนการรับเข้า (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๒–๑, ๒.๑.๒–๒, ๒.๑.๒–๓) มีการประชุม
หารือเพ่ือวางแนวทางการให้ความดูแลและส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ระหว่างนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา
พยาบาล นักพัฒนาการ และเจ้าหน้าที่ท่ีเกี่ยวข้องเป็นระยะๆ โดยรูปแบบการประชุมหารือจะเป็นในรูปแบบการ
พดู คุยรว่ มกนั อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
สถานสงเคราะห์ฯ ได้มีการบันทึกกระบวนการนาเด็กคืนสู่ครอบครัวเดิม มอบเป็นครอบครัวบุญธรรมไทย
จานวน ๔ ราย ครอบครัวบุญธรรมต่างประเทศ จานวน ๒๔ ราย ส่งเด็กคืนสู่ครอบครัวเดิมจานวน ๑๓ ราย ไม่มีการ
ผลักดันเด็กกลับสู่ประเทศต้นทาง และย้ายสถานสงเคราะห์ จานวน ๒๒ ราย อยู่ในโครงการจัดหาครอบครัว
อุปถัมภ์ให้กับเด็กในสถานสงเคราะห์ จานวน ๑๓ ราย โดยอยู่ในความดูแลของครอบครัวอุปถัมภ์ในพ้ืนที่นิคม
สร้างตนเองพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี จานวน ๓ ครอบครัว ให้การดูแลเด็ก จานวน ๔ ราย ครอบครัวอุปถัมภ์
ในพื้นที่นิคมสร้างตนเองเข่ือนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่นจานวน ๓ ครอบครัวให้การดูแลเด็ก จานวน ๖ ราย
อยู่ในครอบครัวอุปถัมภ์ในพื้นท่ีนิคมสร้างตนเองบางระกา จังหวัดพิษณุโลกจานวน ๓ ครอบครัวให้การดูแลเด็ก
จานวน ๓ ราย มีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเดก็ ท่ีได้รบั ผลกระทบจากการติดเชือ้ HIV ทางสถานสงเคราะห์ฯ ได้สง่ เด็กเขา้ รับ
การดูแลในสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนท่ีรับดูแลเด็กติดเช้ือโดยเฉพาะ ๒ แห่ง คือ สถานสงเคราะห์เด็กบ้านลอเลนโซ
จังหวัดชลบุรี จานวน ๑๐ ราย และสถานสงเคราะห์เด็กบา้ นเด็กพระคุณ จังหวัดจันทบุรี จานวน ๘ ราย (เอกสาร
หมายเลข ๒.๑.๒-๔,๒.๑.๒-๕,๒.๑.๒-๖) และอยู่ในความดูแลของมูลนิธิสงเคราะห์เด็กสภากาชาดไทย จานวน ๒ ราย
(เอกสารหมายเลข ๒.๑.๒-๗) สถานสงเคราะห์มีการติดตามเด็กทก่ี ลับคืนสู่ครอบครัวตามแผนพัฒนาเดก็ ๑,๓,๖ เดือน
(เอกสารหมายเลข ๒.๑.๒-๘)
ผลการประเมนิ ตนเอง
คะแนนการประเมนิ ตนเองได้เท่ากับ ๕ คะแนน
๑๐๘
องคป์ ระกอบ ตัวบ่งชี้ เกณฑ์การ
ใหค้ ะแนน
๒.๑.๓ การประชุม มกี ารจัดประชุม Case Conference ร่วมกับทีมสหวชิ าชีพ ตวั ช้ีวัดทั้งหมด
กลุ่มเพ่ือปรึกษา ภายในหรอื ภายนอก
ปญั หารายกรณี ๕ ตวั แตล่ ะ
(Case Conference) มีการอภิปรายประเมินสภาพเด็กและปัญหาของเด็กแต่ละ ตวั ชี้วัดได้๑
ค น ต า ม ค ว า ม รู้ /ค ว า ม คิ ด เห็ น ข อ ง แ ต่ ล ะ วิ ช า ชี พ อ ย่ า ง คะแนน
ครบถว้ น
มีการมอบหมายงานแต่ละวิชาชีพตามแผนการดาเนินงาน
เพอ่ื เตรยี มความพร้อมในการดาเนินงานในสถานรองรับ
มีการดาเนินงานท่ีสอดคลอ้ งกบั การอภิปรายประเมนิ สภาพ
เด็กและปัญหาของเด็กแต่ละคนตามความรู้/ความคิดเห็น
ของแต่ละวชิ าชีพอย่างครบถว้ น
มีการบันทึกรายงานการประชุม Case Conference
ทกุ คร้ังและแจง้ ใหท้ มี สหวชิ าชพี ทราบ
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท จะแบ่งเป็น ๒ ประเภท เป็นการประชุมทีมสหสาขาอาชีพภายใน
สถานสงเคราะห์ และการประชุมทีมสหวิชาชีพภายนอกสถานสงเคราะห์ เพ่ือร่วมกันวิเคราะห์สภาพเด็กในด้าน
ร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ พฤติกรรม การศกึ ษา กฎหมาย และสภาพครอบครวั เด็ก
๑.สถานสงเคราะห์ฯ ได้มีการแต่งต้ังทีมสหสาขาอาชีพภายในสถานสงเคราะห์ฯ ซึ่งจะเข้าร่วมพิจารณา
การรับเด็กเข้ารับการสงเคราะห์ในสถานสงเคราะห์แก้ไขและติดตามการแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของเด็ก
โดยมีการจัดทาแผนพัฒนาเด็กรายบุคคล IDP ประกอบด้วย หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสังคม หัวหน้าฝ่ายส่งเสริม
สุขภาพและพัฒนาการและนักวิชาชีพท่ีเกี่ยวข้อง ได้แก่ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา ครูช่วยสอน
นกั โภชนาการ นักพัฒนาการ พ่เี ล้ยี งประจาอาคารพกั จะมกี ารประชุมในกรณี
๑.๑ การรบั เดก็ รายใหม่ เป็นการสง่ ต่อขอ้ มลู ระหว่างฝ่ายสวัสดิการสังคมและฝ่ายสง่ เสรมิ สขุ ภาพ
และพฒั นาการ เพอ่ื ให้การดแู ลเดก็ เปน็ ไปอยา่ งถกู ต้องตามสภาวะการเจ็บป่วยเดมิ ของเด็ก
๑.๒ สง่ เดก็ เข้ารบั การศกึ ษา
๑.๓ ย้ายสถานสงเคราะห์
๑๐๙
๑.๔ การแกไ้ ขพฤติกรรมที่ไมพ่ ึงประสงคข์ องเด็ก
๑.๕ การสง่ เสรมิ สุขภาวะอนามัยของเด็ก
๒. การประชุมทีมสหวิชาชีพภายนอก ประกอบดว้ ย เจ้าหน้าท่ีต่างๆ ที่เป็นทีมสหสาขาอาชีพภายใน และ
เจ้าหน้าทจี่ ากหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เชน่ จากโรงพยาบาล สถานีตารวจ บา้ นพกั เด็กและครอบครวั
๒.๑ เด็กตอ้ งไดร้ ับการคุ้มครองสวัสดภิ าพอย่างเร่งด่วน จาเปน็
๒.๒ เดก็ ตอ้ งไดร้ ับการรักษาอยา่ งตอ่ เน่อื ง
๒.๓ เด็กต้องได้รบั การสง่ เสริมพฒั นาการและฟืน้ ฟบู าบัด
๒.๔ เด็กต้องเข้าสรู่ ะบบการศึกษา
๒.๕ การคนื เด็กสู่ครอบครัวและชมุ ชน
ผลการดาเนินงาน
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท มีการประสานงานกับทีมสหสาขาอาชีพภายใน เข้าร่วมประชุม
เพื่อช่วยเหลือเด็กแบบเฉพาะราย ประกอบด้วย นักสังคมสงเคราะห์ พยาบาล นักจิตวิทยา นักพัฒนาการ พี่เลี้ยง
เจ้าหน้าท่ีจากหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง และได้มีการมอบหมายให้ฝ่ายสวัสดิการสังคม เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการ
พิจารณาดาเนินการจัดทา Case Conference ร่วมกับผู้ท่ีเกี่ยวข้องโดยพิจารณาจากภาวะวิกฤติของสภาพปัญหา
และพฤติกรรมของเด็กเป็นรายไปตามกรอบท่ีกาหนดได้ (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๓-๑) และมีการบันทึกรายงาน
การประชุม Case Conference (เอกสารแนบหมายเลข ๒.๑.๓-๒) กรณีดังนี้
๑.กรณเี ดก็ ชายตรีภพ บุตรดี
๒.กรณีเดก็ ชายภานวุ ัฒน์ อินทยากร
๓.กรณีเด็กชายฐิตวิ ุฒิ ละเลิศ
และจากการติดตามประเมินผลกรณีเด็กชายตรีภพ บุตรดี ทีมสหสาขาวิชาชีพได้ดาเนินการ
พาเด็กเข้ารับการตรวจกับแพทย์จิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น ณ คลินิกส่งเสริมการเลี้ยงดู โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล ตลอดระยะเวลา ๕ เดือน (เมษายน-กนั ยายน ๒๕๖๓) โดยเข้ารับการตรวจจากแพทย์ทั้งหมด
๓ คร้ัง พบว่าไม่มีประเด็นที่น่าเป็นห่วง โดยแพทย์แนะนาให้เฝ้าระวังและใช้รูปแบบการดูแลตามคาแนะนาแพทย์
ไม่มีนัดติดตามผลอีก ปัจจุบันเด็กไม่มีพฤติกรรมดังกล่าวแล้ว และกรณีเด็กชายภานุวัฒน์ อินทยากร เด็กมีสมาธิดีขึ้น
น่ิงข้ึน เนื่องจากได้พบแพทย์และรับประทานยาสมาธิส้ัน และแผนการพาเด็กเข้าเย่ียมมารดาท่ีทัณฑ์สถานหญิงกลาง
ยังไม่ได้ดาเนินการ เน่ืองจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) และกรณีเด็กชายฐิติวุฒิ
ละเลิศ จากการเข้ารับการตรวจจากแพทย์ แพทย์ได้ให้ใบรับรองความพิการประเภทท่ี ๒ การเข้าใจ
๑๑๐
และใช้ภาษาพูด ประเภทที่ ๕ ทางสติปัญญาตั้งแต่เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ ปัจจบุ นั อยู่ในระหว่างการประสานส่งต่อ
เดก็ เขา้ รบั การอปุ การะท่สี ถานคุม้ ครองและพฒั นาคนพิการบา้ นเฟ่อื งฟ้า
ผลการประเมนิ ตนเอง
คะแนนการประเมนิ ตนเองไดเ้ ท่ากับ ๕ คะแนน
องค์ประกอบ ตวั บ่งชี้ เกณฑ์การ
ใหค้ ะแนน
๒.๑.๔ การประชมุ มีการจัดประชุมเพ่ือนาข้อมูลของเด็กเข้าสู่ ที่ประชุมทีมสห ตัวช้ีวัดทัง้ หมด
ทีมสหวชิ าชพี เพือ่ วิชาชีพภายในหรือภายนอก ๕ ตัว แต่ละตวั ช้วี ัด
เตรยี มความพรอ้ มสู่ มกี ารอภิปราย/ประเมินสภาพปัญหาของเด็ก ได้ ๑ คะแนน
กระบวนการ วางแผนเตรยี มความพรอ้ มเด็กสูก่ ระบวนการยตุ ิธรรม
ยุตธิ รรม เตรียมตัวเด็กเขา้ ส่กู ารสืบพยานในชัน้ ศาล
บันทึกข้อมูลเพื่อนาข้อมูลไปวางแผนในแผน พัฒนาเด็ก
รายบคุ คล
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ไม่ขอรับการประเมินในข้อน้ี เน่ืองจากสถานสงเคราะห์ไม่มีผู้ใช้บริการ
ทอี่ ยใู่ นกระบวนงานยุติธรรม ซึ่งผู้ใช้บริการเป็นเด็กออ่ นอยูใ่ นกระบวนการใหก้ ารสงเคราะห์และคุ้มครองสวสั ดภิ าพ
ผลการดาเนนิ งาน
-
ผลการประเมนิ ตนเอง
-
๑๑๑
องคป์ ระกอบ ตวั บง่ ช้ี เกณฑ์การ
ให้คะแนน
๒.๑.๕ การรักษาสิทธิ มีมาตรการรักษาสิทธิของเด็กในการได้รับการปกป้อง ตวั ชีว้ ดั ทงั้ หมด
ของเด็กในการได้รับการ คมุ้ ครองจากบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกตามกรอบการ ๕ ตวั แต่ละ
ป กป้ อ งคุ้ ม ครองจาก ปฏบิ ตั งิ านการคมุ้ ครองเด็กในสถานรองรับเดก็ ตัวช้ีวัดได้ ๑
บุ ค ค ล ห รื อ ห น่ ว ย ง า น
ภายนอกตามกรอบการ มีกระบวนการรักษาสิทธิของเด็กในการได้รับการปกป้อง คะแนน
ปฏิบัติ งานการคุ้มครอง คุ้มครองจากบุคคลภายในหรือหน่วยงานภายนอกตาม
เด็กในสถานรองรับเดก็ กรอบการปฏบิ ัติงานการค้มุ ครองเดก็ ในสถานรองรบั เด็ก
มีเอกสารขออนุญาต การจัดกิจกรรม การจัดรายการ
โทรทัศน์ และการศึกษาวิจัย/ฝึกงาน/จิตอาสาตามกรอบ
การปฏิบัติงานการคมุ้ ครองเด็กในสถานรองรับเด็ก
มีการสื่อสารมาตรการ/ประชาสัมพันธ์รักษาสิทธิเด็ก
ให้ กั บ บุ ค ค ล ห รื อ ห น่ ว ย ง า น ภ า ย น อ ก ต า ม ก ร อ บ ก า ร
ปฏบิ ัติงานการคุม้ ครองเดก็ ในสถานรองรับเด็ก
มีการส่ือสารมาตรการ/ประชาสัมพันธ์รักษาสิทธิเด็ก
ให้กับบุคลากรภายในหน่วยงานตามกรอบการปฏิบัติงาน
การคมุ้ ครองเดก็ ในสถานรองรับเด็ก
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ได้มีการดาเนินงานตามกรอบการปฏิบัติงานตามกรอบการปฏิบัติงาน
การคุ้มครองเด็ก โดยมีการแต่งตั้งเจ้าหน้าท่ีคุ้มครองเด็กของสถานสงเคราะห์ เพ่ือดูแลเก่ียวกับการรักษาสิทธิของเด็ก
การได้รับการปกป้องคุ้มครองจากบุคคลหรือหน่วงงานภายนอกตามกรอบการปฏิบัติงานการคุ้มครองเด็กใน
สถานรองรบั เด็ก โดยบุคลากรทุกคนลงนามในขอ้ ปฏิบตั ติ ่อเดก็ ในสถานรองรบั
ผลการดาเนนิ งาน
สถานสงเคราะห์ ฯ มีมาตรการรักษาสิทธิของเด็กการได้รับการปกป้องคุ้มครองจากบุคคลหรือหน่วยงาน
ภายนอก (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๕-๑) มีกระบวนการในการรักษาสิทธิของเด็กในการได้รับการปกป้องคุ้มครอง
จากบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก (เอกสารหมายเลข๒.๑.๕-๒) มีเอกสารขออนุญาต การจัดกิจกรรม
และการศึกษาวิจัย/ฝึกงาน/จิตอาสา(เอกสารหมายเลข ๒.๑.๕-๓) มีการส่ือสารมาตรการ/ประชาสัมพันธ์รักษาสิทธิเด็ก
ให้กับบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก(เอกสารหมายเลข ๒.๑.๕-๔) มีการสื่อสารมาตรการ/ประชาสัมพันธ์รักษา
๑๑๒
สิทธิเด็กให้กับบุคลากรภายในหน่วยงาน (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๕-๕) ตามกรอบการปฏิบัติงานการคุ้มครองเด็ก
ในสถานรองรับเดก็
ผลการประเมนิ ตนเอง
คะแนนการประเมินตนเองได้เท่ากับ ๕ คะแนน
องคป์ ระกอบ ตวั บง่ ชี้ เกณฑ์การ
ใหค้ ะแนน
๒.๑.๖ บริการดูแลเด็กติด มีแนวปฏิบัติกระบวนการรักษาความลับข้อมูลของผู้ติดเชื้อHIV+/
เชอ้ื HIV+/เอดส์ เอดสแ์ ละดาเนนิ การตามกระบวนการรักษาความลับ ครบทุกตัวบ่งช้ี
*ใชเ้ ฉพาะกับสถานรองรบั เด็ก ได้๕ คะแนน
ท่ีมีเดก็ ติดเชือ้ HIV+/เอดส์ มีแฟ้มประวัติผู้ติดเชื้อเช้ือ HIV+/เอดส์ใส่รหัส (Code) พิเศษ ขาด ๑ ตัว ได้
(๑) มีระบบรักษาความลับ ทผ่ี ้ปู ฏิบัติงานในหน่วยงานทราบ ๐ คะแนน
เดก็ ติดเช้ือ HIV+//เอดส์
มกี ารบันทึกการยืมแฟ้มประวัติผู้ติดเช้อื HIV+/เอดส์และได้รับ
อนุญาตจากหวั หน้าหน่วยงาน/หวั หนา้ ผ่ายสวสั ดกิ ารสงั คม
การนาข้อมูลไปให้หน่วยงานอ่ืนๆ ต้องได้รับความยินยอม
จากผู้ติดเช้ือHIV+/เอดสห์ รอื หัวหน้าหน่วยงานเป็นลายลกั ษณ์
อักษร
มีตู้/สถานท่จี ัดเก็บแฟม้ ประวัติผู้ติดเช้อื HIV+/เอดส์ทม่ี ิดชิดเปน็
สัดส่วน
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท มีเด็กติดเชื้อHIV+/เอดส์ได้รับการดูแลจากแพทย์และพยาบาล
อย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เด็กมีสุขภาพแข็งแรง ตลอดปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๖๒
ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๓ มีเด็กติดเชื้อ HIV+/เอดส์ จานวน ๕ ราย โดยสถานสงเคราะห์มีกระบวนการรักษา
ความลับของเด็ก และได้จัดเก็บแฟ้มประวัติเด็กผู้ติดเชื้อเชื้อ HIV+/เอดส์ใส่รหัส (Code) พิเศษที่ผู้ปฏิบัติงาน
ในหน่วยงานทราบ มีตู้จัดเก็บแฟ้มประวัติผู้ติดเชื้อHIV+/เอดส์ที่มิดชิดเป็นสัดส่วน มีการบันทึกการยืมแฟ้ม
ประวัติ ผู้ติดเชื้อHIV+/เอดส์และได้รับอนุญ าตจากหัวหน้าหน่วยงาน/หัวหน้าผ่ายสวัสดิการสังคม
๑๑๓
แต่ในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ยังไม่มีผู้ที่ยืมแฟ้มประวัติเด็ก และหากต้องนาข้อมูลของเด็กส่งต่อไปยังภายนอก
จะต้องมีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท
ผลการดาเนินงาน
๑. สถานสงเคราะห์ มีแนวปฏิบัติกระบวนการรักษาความลับข้อมูลของผู้ติดเชื้อ HIV+/เอดส์และ
ดาเนินการตามกระบวนการรักษาความลับ (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๑)-๑)
๒. ภาพถ่ายแฟ้มประวัติผู้ติดเชื้อ HIV+/เอดส์ใส่รหัส (Code) พิเศษที่ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานทราบ
(เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖ (๑)-๒)
๓. มีแบบฟอร์มการยืมแฟ้มประวัติผู้ติดเชื้อ HIV+/เอดส์และได้รับ อนุญาตจากหัวหน้าหน่วยงาน/
หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสังคม (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๑)-๓)
๔. หนังสือส่งต่อการย้ายเด็กเข้ารับอุปการะยังหน่วยงานอื่น (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๑)-๔)
๕.ภาพถ่ายตู้แฟ้มประวัติเด็กติดเชื้อ HIV+/เอดส์ (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๑)-๕)
ผลการประเมินตนเอง
คะแนนการประเมินตนเองได้กับ ๕ คะแนน
๑๑๔
องคป์ ระกอบ ตวั บ่งช้ี เกณฑ์การ
ใหค้ ะแนน
(๒) การดูแลด้านร่างกาย ดูแลเร่ืองการรักษาความ สะอาด ร่างกายอย่าง ครบทุกตวั บง่ ชี้ได้
เด็กติดเชื้อ HIV+/เอดส์
สม่าเสมอ เช่นอาบน้าอย่างน้อยวันละ ๒ ครั้ง แปรง ๕ คะแนน
ฟันอยา่ งนอ้ ยวันละ ๒ คร้ัง
ขาด ๑ ตวั
ดูแลให้รับประทานยาต้านตามเวลา เตรียมหักเม็ดยา ได้ ๐ คะแนน
ให้ ปลุก บอก เตือน ใหร้ ับประทานยาให้ตรงเวลา
ดูแลให้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ อย่างน้อยวัน
ละ ๖-๘ ชั่วโมง
ดูแลให้ออกกาลังกายให้พอเหมาะกับสภาพร่างกาย ผู้
ที่ยังไม่เคยออกกาลังกายควรเริ่มต้นแต่เล็กน้อยแล้ว
ค่อย ๆ เพิ่มมากข้นึ เม่อื ร่างกายแข็งแรงขึ้น
เม่ือมอี าการเจ็บป่วยใหเ้ จ้าหน้าท่ีนาเด็กพบแพทยห์ รือ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข แม้การเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย
เช่น ไข้หวัด เพื่อป้องกันโรคลุกลาม อันเป็นเหตุให้
สขุ ภาพร่างกายออ่ นแอ
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ได้ร่วมมือกับคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ในการดูแลเด็กติดเช้ือHIV+/เอดส์ เมื่อเด็กรับเข้าสถานสงเคราะห์ที่มีผลเลือด HIV+ทุกราย จะนาเข้าโครงการดูแล
เด็กติดเช้ือHIV+/เอดส์ ให้การรักษาต่อเนื่อง มีการเจาะเลือดดูผลการติดเช้ือเป็นระยะๆ ให้ยาต้านไวรัสเอดส์
มีทีมพยาบาลดูแลเด็กตลอด ๒๔ ช่ัวโมง ดูแลเด็กให้ได้รับยาต้านไวรัสเอดส์ตรงตามเวลาที่แพทย์ส่ัง เด็กได้รับการ
ดูแลสุขอนามัยร่างกาย ได้ออกกาลังกายตามสภาพร่างกายของแต่ละราย เม่ือมีการเจ็บป่วยเด็กได้รับการ
รักษาพยาบาลเบื้องต้นจากพยาบาลและส่งตรวจกับกุมารแพทย์ ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน
ทกุ สปั ดาห์ในสถานสงเคราะห์ ฯ หากเจบ็ ปว่ ยฉกุ เฉินส่งตรวจโรงพยาบาลตลอด ๒๔ ชว่ั โมง
๑๑๕
ผลการดาเนนิ งาน
เด็กติดเชื้อHIV+/เอดส์ได้รับการดูแลจากแพทย์พยาบาล คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล อย่างต่อเนื่องส่วนใหญ่เด็กมีสุขภาพแข็งแรง ตลอดปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ระหว่างเดือน
ตุลาคม ๒๕๖๒ - เดือนกันยายน ๒๕๖๓ มีเด็ก ๗ ราย เด็กได้รับการดูแลเรื่องการรักษาความสะอาดร่างกาย
อย่างสม่าเสมอ(เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๒)-๑) ได้รับยาต้านไวรัสเอดส์ตรงเวลา (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๒)-๒)
ดูแลให้นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๒)-๓) ได้ออกกาลังกายตามสภาพร่างกาย
(เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๒)-๔) เมื่อมีการเจ็บป่วยเด็กได้รับการรักษาพยาบาลเบื้องต้นจากพยาบาลและ
ร่วมกับกุมารแพทย์ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน ทุกสัปดาห์ในสถานสงเคราะห์ หากเจ็บป่วย
ฉุกเฉินส่งตรวจโรงพยาบาล ๒๔ ชั่วโมง (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๒)-๕)
ผลการประเมินตนเอง
คะแนนการประเมินตนเองไดก้ ับ ๕ คะแนน
๑๑๖
องค์ประกอบ ตัวบ่งชี้ เกณฑก์ าร
ให้คะแนน
(๔) ด้านบุคลากรที่ดูแล ผู้ เป็นทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วยอย่างน้อยนักสังคมสงเคราะห์/ ตวั ช้ีวัดมที ง้ั หมด
เลี้ยง ดูเด็กติดเช้ือ HIV+/ นกั จิตวิทยา/พยาบาลวิชาชีพ/พยาบาลเทคนิค/ผชู้ ่วยพยาบาล ๕ ตัว แต่ละตัว
เอดส์ มคี ่า ๑คะแนน
มคี วามรูเ้ ก่ียวกับจติ วทิ ยาเดก็ ทุกช่วงวยั
มคี วามรู้เกี่ยวการให้การปรึกษาพ้ืนฐาน และทักษะการปรึกษาผู้
ติดเช้ือ HIV+/เอดส์
มีความรู้และทักษะเพื่อถ่ายทอดเพื่อให้เข้าใจเรื่องการกินยา
อย่างต่อเน่ือง การดูแลรักษาสุขภาพตนเอง การป้องกันการรับ
และการถ่ายทอดเช้ือ HIV+/เอดส์ ระหว่างคู่เพศสัมพันธ์ การ
สอนเพศศกึ ษา และอนามัยเจริญพันธุ์
ไดร้ ับการอบรมหลักสูตรการดแู ลผตู้ ิดเชื้อ
HIV+/เอดส์ อย่างน้อยปลี ะ ๑ เรอื่ ง
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ได้ร่วมมือกับคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ในการดูแลเด็กติดเชื้อHIV+/เอดส์ เม่ือเด็กรับเข้าสถานสงเคราะห์เด็กที่มีผลเลือดHIV+ ทุกราย จะนาเข้าโครงการ
ดูแลเด็กติดเชื้อHIV+/เอดส์ ให้การรักษาต่อเนื่อง มีการตรวจเลือดดูผลการติดเชื้อเป็นระยะๆ ให้ยาต้านไวรัสเอดส์
ตามการรักษาของแพทย์
ผลการดาเนนิ งาน
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ได้แต่งต้ังทีมสหสาขาอาชีพ (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๔)-๑) ประกอบด้วย
นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา พยาบาลวิชาชีพ เพ่ือดูแลเลี้ยงดูเด็กติดเชื้อ HIV+/เอดส์ มีการให้ความรู้และจัดอบรม
ให้ผู้เล้ียงดูเด็กมีความรเู้ ก่ียวกับจิตวิทยาเด็กทุกช่วงวัย (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๔)-๒) การให้การปรึกษาพน้ื ฐานและทักษะ
การปรึกษาผู้ติดเชื้อHIV+/เอดส์ (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๔)-๓) มีความรู้และทักษะเพ่ือถ่ายทอด เพื่อให้เข้าใจเร่อื งการกินยา
อย่างต่อเนื่อง (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๔)-๔) รวมทั้งอบรมหลักสูตรการดูแลผู้ติดเชื้อ HIV+/เอดส์ เร่ืองโรคเอดส์และ
โรคตดิ เช้อื ฉวยโอกาสเร่อื งการติดเชอ้ื รา (เอกสารหมายเลข ๒.๑.๖(๔)-๕)
ผลการประเมินตนเอง
คะแนนการประเมินตนเองได้กบั ๕ คะแนน
๑๑๗
องค์ประกอบ ตัวบ่งช้ี เกณฑ์การ
ใหค้ ะแนน
๒.๑.๗ การคืนเด็กสู่ มีกระบวนการคืนเด็กสู่ครอบครัวในครอบครัว ที่ผ่านการ ตัวชี้วดั มีท้ังหมด
ครอบครัว ประเมนิ ความพร้อมของครอบครัวไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ๕ ตัวแตล่ ะตวั
หรอื สังคม มกี ารเย่ียมบ้านเด็กที่สามารถตดิ ตามครอบครวั ไดท้ กุ ราย มคี ่า๑ คะแนน
มกี ระบวนการหาครอบครัวบุญธรรม ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ของ
เด็กทีไ่ ดร้ ับการอนุมัติใหร้ ะงับการตดิ ตามประวัติแลว้
มีการประเมินเด็กและครอบครัวเพ่ือเตรียมตัวเด็กและครอบครัว
ก่อนคืนสู่ครอบครัว
มีรายงานการติดตามผลการเยี่ยมบ้าน หลังจาก ที่เด็กคืนสู่
ครอบครวั ทุกราย อยา่ งน้อย ๑ คร้งั ต่อปี
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท มีการลงพ้ืนที่เยี่ยมบ้านในเขต กรุงเทพ ฯ และปริมณฑล และมีการขอความ
ร่วมมือบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัด สานักงานพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์จังหวัด ต่างๆที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงลงพ้ืนที่ร่วมกับบ้านพักเด็กและครอบครัวของจังหวัดน้ันๆ เพื่อประเมินความพร้อมของครอบครัวก่อนรับเด็ก
กลบั ไปอุปการะเลีย้ งดูเอง และมกี ารเยยี่ มบ้านตดิ ตามผลภายหลังการรับเด็กกลบั ไปอุปการะเลยี้ งดู อยา่ งนอ้ ยปลี ะ ๓ ครั้ง
ผลการดาเนินงาน
ในงบประมาณปี ๒๕๖๓ นักสังคมสงเคราะห์ดาเนินการจัดทาแฟ้มประวัติเด็กรายบุคคลเดิมและวางแผนการ
ดาเนินงานกับเด็กตามกระบวนการรับเข้ามีการส่งต่อข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการให้ความดุแลและส่งเสริมพัฒนาการ
ของเด็กระหว่างฝ่ายสวัสดิการสงั คมและฝา่ ยส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการ
สถานสงเคราะหฯ์ ได้มกี ารบันทกึ กระบวนการนาเด็กคนื สคู่ รอบครวั เดิม จานวน ๑๓ ราย โดยฝ่ายสวัสดกิ ารสงั คม
มีเป้าหมายคืนเด็กสู่ครอบครัวเดิมในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ จานวน ๑๕ ราย และ จากการลงพื้นท่ีเอง และขอ
ความร่วมมือบ้านพักเด็กและครอบครัวลงพื้นที่ จานวน ๑๘ ครั้ง เพ่ือประเมินพิจารณาครอบครัว มีครอบครัวที่มี
ความพร้อมในการรับเด็กกลับไปอุปการะเล้ียงดูเอง จานวน ๑๓ ราย โดยอีก ๒ ราย ท่ีไม่ผ่านการประเมินจาก
๑๑๘
ทีมสหสาขาอาชีพของสถานสงเคราะห์ฯ เน่ืองจากรายแรกมารดาเด็กไม่สามารถให้การดูแลเด็กได้เนื่องจากมีอาการ
ปว่ ยและไมย่ ินยอมเข้ารบั การรักษาและครอบครัวมีรายได้ไม่แน่นอน
รายท่ี ๒ เน่ืองจากมารดาเด็กยังไม่มีแผนการเลี้ยงดูเด็กระยะยาวท่ีชัดเจน มีรายได้ไม่เพียงพอ ต่อค่าครองชีพ
เด็กท่ีสถานสงเคราะห์สามารถส่งคืนกลับครอบครัวในปี ๒๕๖๓ คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๖% และหลังจากครอบครัวรับเด็ก
กลับไปอุปการะแลว้ สถานสงเคราะห์ฯจะดาเนนิ การติดตามผลการเล้ียงดู อย่างนอ้ ยปีละ ๓ ครง้ั (เอกสารแนบหมายเลข
๒.๑.๗-๑) และในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ มีเด็กท่ีระงับการติดตามประวัติ จานวน ๓๔ ราย โดยไปเป็นบุตรบุญธรรม
ครอบครัวชาวไทย ๑ ราย อยู่ระหว่างการสร้างความคุ้นเคยกับผู้รับบุตรบุญธรรมชาวไทย ๔ ราย อยู่ในระหว่างการ
จัดหาครอบครัวลักษณะพิเศษ (Special Needs) จานวน ๑๐ ราย และอยู่ในระหว่างรอครอบครัวบุญธรรม
ชาวต่างประเทศเดินทางมารับ เนื่องจากไม่สามารถเดินทางระหว่างประเทศได้ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) จานวน ๑๓ ราย รวมท้ังสิ้น ๒๘ ราย คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๓% โดยเด็กที่ยัง
ไม่สามารถจัดหาครอบครัวบุญธรรมได้มีจานวน ๖ ราย เนื่องจากเด็กมีพัฒนาการช้าและมีปัญหาสุขภาพ ซึ่งได้รับการ
ดูแลอย่างต่อเน่ืองซึ่งหากเด็กมีพัฒนาการและสุขภาพที่ดีข้ึนก็จะดาเนินการจัดหาครอบครัวบุญธรรมให้เด็กต่อไป
โดยในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ มีเด็กที่เป็นบุตรบุญธรรม (รวมเด็กที่ระงับการติดตามประวัติในปีอ่ืนๆ) จานวน
ทั้งหมด ๒๘ ราย (เอกสารแนบหมายเลข ๒.๑.๗-๒) ย้ายสถานสงเคราะห์ฯ จานวน ๒๒ ราย (เอกสารแนบหมายเลข
๒.๑.๗-๓) อยู่ในครอบครัวอุปการะ จานวน ๑๓ ราย (เอกสารแนบหมายเลข ๒.๑.๗-๔) โดยอยู่ในความดูแลของ
ครอบครัวอุปการะในพ้ืนที่นิคมสร้างตนเอง พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี จานวน ๓ ครอบครัว ให้การดูแลเด็ก
จานวน ๔ ราย ครอบครัวอุปการะนิคมสร้างตนเองเข่ือนอบุ ลรัตน์จังหวัดขอนแก่น จานวน ๓ ครอบครัว ให้การดูแลเด็ก
จานวน ๖ ราย อยู่ในครอบครัวอุปการะในพ้ืนท่ีนิคมสร้างตนเองบางระกาจงั หวัดพิษณุโลก จานวน ๓ ครอบครัวให้การ
ดูแลเด็ก จานวน ๓ ราย มีกลุ่มเป้าหมายท่ีเป็นเด็กได้รับผลกระทบจากการติดเช้ือ HIV ทางสถานสงเคราะห์ฯ ได้ส่งเด็ก
เข้ารับการดูแลในสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนท่ีรับดูแลเด็กติดเช้ือโดยเฉพาะ ๒ แห่ง คอื สถานสงเคราะห์เด็กบ้านลอเลนโซ
จังหวัดชลบุรี จานวน ๑๐ ราย และสถานสงเคราะห์เด็กบ้านเด็กพระคุณ จังหวัดจันทบุรี จานวน ๘ ราย และอยู่ใน
ความดูแลของมลู นิธสิ ภากาชาดไทยจานวน ๒ ราย
ผลการประเมนิ ตนเอง
คะแนนการประเมนิ ตนเองไดเ้ ท่ากับ ๕ คะแนน
๑๑๙
๒.๒ บริการส่งเสริมพัฒนาการ
องคป์ ระกอบ ตัวบ่งช้ี เกณฑ์การ
ให้คะแนน
๒.๒.๑บริการส่งเสริม/ แผนสง่ เสรมิ พฒั นาการเดก็ รายบุคคลทกุ รายและ ตัวชี้วดั ทงั้ หมด ๕
กระตุ้นพฒั นาการเด็ก มแี ผนพัฒนาเด็กที่มีพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจอารมณ์ สังคม ตัว แตล่ ะตัวชวี้ ัดได้
และสตปิ ญั ญาไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์
๑ คะแนน
มีการดาเนินกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการเด็กตามแผนส่งเสริม
พัฒนาการเด็กรายบุคคลทุกรายและหรือมีแผนพัฒนาเด็กที่มี
พัฒนาการทางร่างกาย จิตใจอารมณ์ สังคม และสติปัญญาไม่
เป็นไป ตามเกณฑ์
มสี ภาพแวดลอ้ มทั้งภายในและภายนอกและมีอาคารพกั ของเด็ก
ท่ีส่งเสริมพฒั นาการเดก็
มีการประเมินพัฒนาการเด็กทุก ๖ เดือน /คร้ัง โดยใช้แบบ
ประเมินพฒั นาการเด็ก DSPM/Denver
และแบบประเมินของกรมพฒั นาสังคมและสวัสดิการ(เดิม)
มีการประเมินเชาวน์ปญั ญาเดก็ ในรายที่มีภาวะเส่ยี งโดยใช้แบบ
ประเมินเชาวน์ปัญญาเด็ก ของกรมสุขภาพจิต เพอื่ คดั กรอง
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท โดยฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการได้มอบให้นักพัฒนาการ/ครูช่วยสอน
ทาแผนส่งเสริมพัฒนาการเด็กรายบุคคล รวมทั้งแผนพัฒนาการเด็กที่มีพัฒนาการด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์
สังคม และสติปัญญาไม่เป็นไปตามเกณฑ์ มีกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการต่างๆ ที่หลากหลายตามช่วงวัย และตาม
ความสนใจของเด็กซง่ึ จดั ท่ีห้องศนู ยก์ ารเรยี นรู้ ห้องศลิ ปะ ห้องทรูปลูกปัญญา และมกี ารเรยี นการสอนแบบมอนเทสซอริ
นอกจากน้ียังมีการประเมินพัฒนาการเด็กทุกราย โดยใช้แบบบันทึกการเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการ
เด็กปฐมวัยของกระทรวงสาธารณสุข (DSPM) มีการประเมิน Denver II และการประเมินเชาวน์ปัญญา (IQ)
สาหรบั เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป
๑๒๐
ผลการดาเนนิ งาน
สถานสงเคราะหเ์ ด็กอ่อนพญาไท โดยฝา่ ยส่งเสรมิ สขุ ภาพและพัฒนาการ ได้ดาเนนิ การจัดกิจกรรมส่งเสริม
พัฒนาการตามแผนพัฒนาเด็ก
๑.นักพัฒนาการได้จัดทาแผนส่งเสริมพัฒนาการเด็กรายบุคคลจานวน ๒๐๙ ราย โดยมีแผนกิจกรรม
ตารางเรียนของแต่ละสัปดาห์ มีการประชุมทีมสหสาขาอาชีพ ซึ่งประกอบด้วย นักสังคมสงเคราะห์ พยาบาล
นักพัฒนาการ พ่ีเล้ียง เพื่อทาแผนพัฒนาเด็กทมี่ ีพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสตปิ ัญญาไม่เป็น
ไปตามเกณฑ์ (เอกสารหมายเลข ๒.๒.๑-๑)
๒.มีกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการต่างๆ ท่ีหลากหลาย ประกอบด้วย กิจกรรมหน้าเสาธง เคารพธงชาติ
สวดมนต์ ออกกาลังกาย มีห้องศูนย์การเรียนรู้ กิจกรรมนวดสัมผัส กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ กิจกรรมร้องเล่น
เตน้ รา และมกี ารเรยี นการสอนแบบมอนเทสซอริ (เอกสารหมายเลข ๒.๒.๑-๒)
๓.มีการจัดสภาพแวดล้อมภายในอาคารพักเด็ก มีห้องเล่นซ่ึงมีของเล่นส่งเสริมพัฒนาการเด็กตามช่วงวัย
และภายนอกอาคารมีสนามหญ้า สนามเด็กเล่น บ่อทราย สาหรับการจัดกิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมออกกาลังกาย
(เอกสารหมายเลข ๒.๒.๑-๓)
๔.นักพัฒนาการได้ประเมินพัฒนาการเด็กทุก ๖ เดือน ด้วยแบบบันทึกการเฝ้าระวังและส่งเสริม
พัฒนาการเด็กปฐมวัยของกระทรวงสาธารณสุข (DSPM) พ.ศ.๒๕๕๘ มีการประเมิน Denver II ของกรม
สุขภาพจิตโดยนกั จิตวทิ ยาของสถานสงเคราะห์ฯ (เอกสารหมายเลข ๒.๒.๑-๔)
๕.มกี ารประเมนิ เชาวน์ปญั ญา (IQ) สาหรบั เด็กอายุ ๖ ปีข้นึ ไป ตามแบบประเมนิ ความสามารถทางเชาวน์
ปัญญาของกรมสุขภาพจิตโดยนักจิตวิทยา (เอกสารหมายเลข ๒.๒.๑-๕) และเด็กรายท่ีได้รับพิจารณาครอบครัว
บุญธรรม จะนาไปตรวจประเมินTest of NonverloalInteligence Fourth Edition (TONI-๔) โดยได้รับความ
อนุเคราะห์จากหน่วยพัฒนาเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวทิ ยาลยั มหิดล
ผลการประเมนิ ตนเอง
คะแนนการประเมินตนเองได้เทา่ กับ ๕ คะแนน
๑๒๑
๒.๓ บรกิ ารสง่ เสริมพัฒนาการทางด้านรา่ งกาย
องคป์ ระกอบ ตวั บง่ ชี้ เกณฑ์การ
ใหค้ ะแนน
๒ .๓ .๑ บ ริ ก าร เด็กทุกรายเข้าถงึ สิทธกิ ารรักษาพยาบาล ตวั ชีว้ ดั
สขุ ภาพอนามัย มกี ารตรวจสขุ ภาพร่างกายโดยทวั่ ไป แก่เด็กปกติทกุ ราย อยา่ ง ท้ังหมด ๕ ตวั
น้อยปลี ะ ๑ คร้ัง และตรวจสขุ ภาพแก่เดก็ ต่ากว่าเกณฑ์ทุกรายอย่าง แต่ละตวั ชีว้ ดั
ได้
นอ้ ยปลี ะ ๒ ครัง้ ๑ คะแนน
มีการตรวจสุขภาพฟันเด็กทุกราย โดยทันตแพทย์/ทันตภิบาล/
ทันตสาธารณสุข อย่างนอ้ ยปีละ๑ ครั้ง
มกี ารให้วัคซีนป้องกันโรคตามช่วงอายุ วัยอย่างเหมาะสมและตาม
ชว่ งสถานการณค์ รบแกเ่ ดก็ ทุกราย
มีการชั่งนา้ หนกั วัดสว่ นสงู ของเด็กทกุ ราย อยา่ งนอ้ ย ๖ เดอื นคร้ัง
ระบบและกลไก
ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการ ได้ประสานกับศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน
เพื่อตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาลของเด็กรายใหม่ทุกราย เมื่อรับเข้าสถานสงเคราะห์ฯ มีการตรวจสุขภาพ
ร่างกายประจาปี ปีละ ๑ คร้ัง ยกเว้นเด็กท่ีตรวจร่างกายผิดปกติจะตรวจต่อเน่ืองตามการรักษาของแพทย์
และมีการตรวจสุขภาพฟนั ปลี ะ ๑ ครงั้ รวมทัง้ มกี ารชั่งนา้ หนกั วัดส่วนสงู ของเดก็ ทุกรายเดือนละ ๑ คร้ัง
ผลการดาเนินงาน
เด็กทุกรายเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาล ปีงบประมาณ ๒๕๖๓ มีเด็กเข้าใหม่ ๔๐ ราย ได้ประสานกับ
ศนู ย์การแพทย์ปญั ญานันทภกิ ขุ ชลประทาน ตรวจสอบสิทธิการรกั ษาพยาบาล เด็กได้รับสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า
๓๙ ราย ไม่มีสิทธิ ๑ ราย ได้ขอความอนุเคราะห์ยกเว้นค่ารักษาพยาบาลแทนการใช้สิทธิ รวมทั้งเด็กรายเดิม
(เอกสารหมายเลข ๒.๓.๑-๑) กรณีมีการรักษาพยาบาลเด็กด้วยแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ
ชลประทาน ได้ส่งต่อเด็กเข้ารับการรักษาพยาบาลต่อที่คณะแพทย์ศาสตร์ ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล /มีการตรวจสุขภาพร่างกายประจาปีเม่ือวันท่ี ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ จากโรงพยาบาล
๑๒๒
เวชศาสตร์เขตร้อน รวมท้ังการตรวจอุจจาระเพ่ือหาโรคทางปรสิตในลาไส้ในโครงการบริการตรวจอุจจาระ
วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ตลอดจนมีการอบรมให้ความรู้เร่ืองการป้องกันโรคปรสิตท่ีพบบ่อยใน
สถานเล้ียงเดก็ (เอกสารหมายเลข ๒.๓.๑-๒) มีการตรวจสขุ ภาพฟนั ประจาปีเม่ือวันท่ี ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ ผลการ
ตรวจสขุ ภาพฟันปกติ ๘๓ คน เดก็ มปี ญั หาสุขภาพฟนั ๑๐๒ คน สาหรับเดก็ ทมี่ ีปญั หาสุขภาพฟนั ทางคณะทันตแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะทาการนัดเด็กเพื่อการรักษาท่ีศูนย์สุขภาพทันตกรรมอย่างต่อเน่ืองต่อไป (เอกสาร
หมายเลข ๒.๓.๑-๓) มีการให้วัคซีนป้องกันโรคตามช่วงอายุวัย วัคซีนพ้ืนฐานได้รับการสนับสนุนจาก
ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน ส่วนวัคซีนทางเลือก เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนไข้สมองอักเสบ
ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (เอกสาร
หมายเลข ๒.๓.๑-๔) ตลอดจนมกี าร ชัง่ นา้ หนกั วดั ส่วนสูงของเด็กทุกรายเดือนละ ๑ คร้งั (เอกสารหมายเลข ๒.๓.๑-๕)
ผลการประเมนิ ตนเอง
คะแนนการประเมินตนเองไดก้ บั ๕ คะแนน
๑๒๓
องค์ประกอบ ตวั บ่งชี้ เกณฑ์การ
ให้คะแนน
๒.๓.๒ บริการโภชนาการ มีการแสดงรายการอาหารประจาเดือนไม่ซ้ากันในแตล่ ะสปั ดาห์ ตัวชวี้ ัดท้ังหมด ๕
ให้เด็กรับทราบและแสดงความคิดเห็นและนาความคิดเห็นมา ตัว แตล่ ะตัวชวี้ ัด
ปรับปรงุ ตามความเหมาะสม (กรณเี ด็กอายุ ๔ ปีข้นึ ไป ) ได้ ๑ คะแนน
มีอาหารประจาวันตามหลักโภชนาการครบ ๓ ม้ือ มีอาหาร
เสริม/นม และน้าดมื่ สะอาด
มีการจัดอาหารเฉพาะสาหรับเด็กป่วย หรือเด็กที่มีโรค
ประจาตัว และเด็กน้าหนกั ตา่ กวา่ เกณฑ์ตามหลกั โภชนาการ
มีกระบวนการจดั เก็บอาหารสดและแห้ง และภาชนะอย่างเป็น
สดั สว่ น เป็นระเบียบ และตามหลกั สขุ าภบิ าลอาหาร
ผู้ประกอบอาหารมีสุขอนามัยดี ไม่เป็นโรคติดต่อและมีการ
รายงานตรวจสุขภาพผู้ประกอบอาหารทุกราย อย่างน้อยปีละ
๑ ครงั้
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท มกี ารจัดรายการอาหารประจาเดอื นทไี่ มซ่ า้ กันในแต่ละวนั และหมนุ เวยี น
ไปทุกสัปดาห์ โดยมอบหมายให้นักโภชนาการ และแม่บ้าน ร่วมกันกาหนดรายการอาหาร เพื่อให้เด็กได้รับ
สารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ มีการแสดงรายการอาหารประจาวันในโรงอาหาร ในกรณีที่แพทย์ตรวจ
สุขภาพเด็กแล้วพบว่าเด็กจาเป็นต้องได้รับอาหารสูตรพิเศษ ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการจะประสาน
นักโภชนาการ/นักพัฒนาการ/ผู้ประกอบอาหาร เพ่ือดาเนินการจัดทาอาหารสูตรพิเศษให้กับเด็ก และภายใน
ห้องครัวผู้ประกอบอาหารได้จัดเก็บอาหารสดและแห้งอย่างเป็นสัดส่วนตามหลักสุขาภิบาล มีการตรวจสุขภาพ
ประจาปใี ห้กบั ผู้ประกอบอาหาร ตลอดจนให้แตง่ กายท่ีถูกสขุ ลกั ษณะเหมาะสาหรับการประกอบอาหาร
ผลการดาเนนิ งาน
๑. นักโภชนาการและแม่บ้านจัดทารายการอาหารสาหรับเด็ก โดยมีการแสดงรายการอาหารไม่ซ้ากัน
ในแต่ละวันหมุนเวียนไปทุกสัปดาห์ มีตารางรายการอาหารติดไว้ที่โรงอาหารเพื่อให้เด็กทราบในทุกๆวัน (เอกสาร
หมายเลข ๒.๓.๒-๑ )
๒. มีการจัดอาหารประจาวันตามหลักโภชนาการ ครบ ๓ ม้ือ โดยมีอาหารเสริม/นม และน้าด่ืมสะอาด
ซง่ึ แตล่ ะหอ้ งและโรงอาหารจะมเี ครอ่ื งกรองนา้ ไวก้ รองนา้ ใหเ้ ด็กดม่ื (เอกสารหมายเลข ๒.๓.๒-๒ )
๑๒๔
๓.มีการจัดอาหารป่ันพิเศษสาหรับเด็กท่ีต้องให้อาหารทางสาย จานวน ๒ ราย (วันท่ี ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๓
มีเดก็ ๑ ราย ได้ย้ายสถานสงเคราะหไ์ ปสถานคุ้มครองและพัฒนา คนพิการบ้านเฟ่ืองฟ้า) โดยฝ่ายส่งเสริมสขุ ภาพ
และพัฒนาการ ได้รับคาส่ังจากแพทย์ที่ตรวจสุขภาพเดก็ แล้วพบว่าเด็กตอ้ งได้รับอาหารสูตรพเิ ศษ และสาหรับเด็ก
ที่มีน้าหนักต่ากว่าเกณฑ์จานวน ๓๗ รายจะจัดให้มีการเสริม น้ามันมะกอก,น้ามันพืช,ไข่ และนม ตามคาแนะนา
ของแพทย์ (เอกสารหมายเลข ๒.๓.๒-๓ )
๔. ฝา่ ยส่งเสริมสุขภาพและพฒั นาการ ประสานผู้ประกอบอาหารให้มีการจัดเก็บอาหารสดและอาหารแห้ง
อย่างเป็นสัดส่วน มีการทาความสะอาดห้องครัวเป็นประจา แยกประเภทอาหารสดและบรรจุในภาชนะก่อนแช่ตู้เย็น
ส่วนวัตถุดิบในการปรุงอาหารหรืออาหารปรุงสุกแล้วจะบรรจุใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดเพ่ือป้องกันแมลงวัน
พร้อมท้ังจัดเก็บอาหารแห้งอย่างเป็นระเบียบมีการจัดเก็บภาชนะท่ีเป็นไปตามหลักสุขาภิบาล (เอกสารหมายเลข
๒.๓.๒-๔ )
๕. ผู้ประกอบอาหารมีสุขภาพอนามัยดี มีการตรวจสุขภาพประจาปี มีใบรับรองแพทย์ จาก
ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน และได้รับรองมาตรฐาน CleanFoodGoodTaste โดยเทศบาลนคร
ปากเกร็ด ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้แก่ สาธารณสุขอาเภอปากเกร็ด โรงพยาบาลปากเกร็ด และศูนย์
การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน ตลอดจนหน่วยงานและควบคุมโรค สาขาวิชาเวชศาสตร์ครอบครัว
ศนู ย์การแพทย์ปัญญานนั ทภกิ ขุ ชลประทาน ได้มาตรวจวเิ คราะหส์ ารปนเปื้อนในอาหาร สรุปผลการตรวจผ่านตามเกณฑ์
(เอกสารหมายเลข ๒.๓.๒-๕ )
ผลการประเมินตนเอง
คะแนนการประเมนิ ตนเองได้เท่ากับ ๕ คะแนน
๑๒๕
องค์ประกอบที่ ๒.๔ บรกิ ารสง่ เสริมดา้ นพัฒนาการดา้ นจิตใจ/อารมณ์
องค์ประกอบ ตัวบ่งช้ี เกณฑ์การ
ใหค้ ะแนน
๒.๔.๑ บริการด้าน มีบริการส่งเสริมการออกกาลงั กาย เล่นกีฬากลางแจ้ง กิจกรรม ตวั ช้วี ัดทงั้ หมด
นันทนาการ เข้าจังหวะ อาทิตย์ละ ๒ ครง้ั ๕ ตวั แต่ละตัวชี้วดั
เด็กทุกรายได้เข้าร่วมกิจกรรมเสริมประสบการณ์ชีวิต หรือ ได้ ๑ คะแนน
กิจกรรมสังคม เช่น กิจกรรมเข้าค่าย ทัศนศึกษา อย่างน้อยปี
ละ ๒ ครง้ั
เด็กทุกรายได้เข้าร่วมกิจกรรมสรา้ งคุณธรรมจริยธรรม เช่น จิต
อาสา ศาสนกจิ อย่างน้อยปลี ะ ๒ ครัง้ เปน็ ตน้
มีการจัดกิจกรรมนันทนาการหรือการฝึกทักษะชีวิต เช่น
ดนตรี ศิลปะ
เด็กทุกรายได้เข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการหรือการฝึก
ทักษะชีวิต /ทักษะสังคมตามความสนใจอย่างน้อยเดือน
ละ ๑ ครงั้
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไทได้มีการจัดประชุมวางแผนการปฏิบัติงานตามแผนโครงการ/กิจกรรม
ประจาปี ๒๕๖๓ โดยได้แบ่งหมวดหมู่ตามด้านต่าง ๆ ออกเป็น ๖ ด้าน ดังนี้
๑. ด้านพฒั นาบคุ ลากร
๒. ดา้ นพฒั นาเด็กสสู่ ังคม
๓. ด้านพัฒนาเด็กตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเดก็ ในสถานรองรับ “เพชรน้าหน่งึ ”
๔. ดา้ นวนิ ัย/การควบคมุ ตวั เอง
๕. ด้านสขุ ภาพและพัฒนาการ
๖. ด้านการพึง่ พาตนเอง
โดยมอบหมายให้ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการ ซ่ึงมีนักพัฒนาการ/พี่เล้ียง จัดกิจกรรมตามแผน
โครงการ/กจิ กรรมประจาปี ๒๕๖๓ เชน่
๑๒๖
ด้านวินัย/การควบคุมตัวเอง มีการส่งเสริมการออกกาลังกาย กิจกรรมกีฬาสี กิจกรรมกลางแจ้ง และการ
จัดกจิ กรรมเข้าจงั หวะทุกเช้า
ด้านการพ่ึงพาตนเอง มีการเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตหรือกิจกรรมทางสังคม เช่นกิจกรรมเรียนรู้สู่โลกกว้าง
กจิ กรรมเตรียมความพร้อมสูค่ รอบครวั ตา่ งประเทศ (ทัศนศึกษานอกสถานท)่ี
ด้านพัฒนาเด็กตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็กในสถานรองรับ และด้านพัฒนาเด็กสู่สังคม มีการจัด
กจิ กรรมจติ อาสา กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งคุณธรรมจรยิ ธรรมตามประเพณที างศาสนาและวันสาคญั ต่างๆ
ด้านสุขภาพและพัฒนาการ คือมีการจัดกิจกรรมนันทนาการแก่เด็กทุกราย เช่น กิจกรรมดนตรี กิจกรรม
ศลิ ปะ และการฝึกทกั ษะสังคม เช่น การเรียนการสอนแบบมอนเทสซอริ การฝึกการรับประทานอาหาร การเรียนรู้
เรอื่ งส่วนประกอบของอาหาร การฝึกล้างภาชนะดว้ ยตนเอง การเกบ็ ขยะและการรกั ษาส่ิงแวดล้อม และมีศนู ยก์ าร
เรยี นรูส้ าหรบั ใหเ้ ด็กได้เรียนรู้อย่างอสิ ระ
ผลการดาเนินงาน
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท โดยฝ่ายสงเคราะห์และส่งเสริมพัฒนาการร่วมกับทีมนักพัฒนาการ /พี่เลี้ยง
ไดด้ าเนนิ การจัดกิจกรรมตามแผนปฏบิ ตั ิงานโครงการ/กิจกรรม ประจาปี ๒๕๖๓ ตามด้านตา่ ง ๆ ดงั น้ี
๑. ด้านวินัย/การควบคุมตัวเอง ได้แก่ การกิจกรรมหน้าเสาธง เคารพธงชาติ สวดมนต์ไหว้พระ ออกกาลัง
กายทุกวันในตอนเช้า มีกิจกรรมกลางแจ้งเล่นสนามทุกวันในตอนเย็น และมีกิจกรรมเคลื่อนไหวตามจังหวะทุกวัน
โดยจัดเป็นชมรมเบบ้ีแดนซ์ มีการจัดให้เด็กได้แสดงความสามารถ ความกล้าแสดงออกเป็นประจาทุกเดือน
(เอกสารหมายเลข ๒.๔.๑-๑)
๒. ด้านการพึ่งพาตนเอง ได้แก่ กิจกรรมเสริมประสบการณ์ชีวิตหรือกิจกรรมสังคม เช่น กิจกรรมเตรียม
ความพร้อมสู่ครอบครัวต่างประเทศพาเด็กไปทัศนศึกษาที่สนามบินและห้างสรรพสินค้า กิจกรรมตลาดนัดเด็ก
เดือนละ ๑ ครงั้ กจิ กรรมวันเกิดหนูนอ้ ย และกจิ กรรมหนูนอ้ ย Cooking ทุกสปั ดาห์ (เอกสารหมายเลข ๒.๔.๑-๒)
๓. ด้านพัฒนาเด็กตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็กในสถานรองรับ และด้านพัฒนาเด็กสู่สังคม ได้แก่
กิจกรรมสร้างคุณธรรมจริยธรรม มีกิจกรรมหนูน้อยใส่บาตรในวันพุธของทุกสัปดาห์ และมีกิจกรรม บาเพ็ญ
ประโยชน์จติ อาสาทาความสะอาดวัด โดยพาเด็กๆ ไปใส่บาตรและบาเพญ็ ประโยชนท์ าความสะอาดวดั ใน วันพระ
เปน็ ประจาทกุ เดือน (เอกสารหมายเลข ๒.๔.๑-๓)
๔. ด้านสุขภาพและพัฒนาการ ได้แก่ กิจกรรมนันทนาการหรือฝึกทักษะชีวิต มีกิจกรรมมอนเทสซอริ
มีกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ มีการผลิตผลิตภัณฑ์ถุงผ้าและสร้อยข้อมือ (Little Kids & Little Hands) ซึ่งเป็น
๑๒๗
ผลงานของเด็กวางจาหน่ายเพื่อเป็นเงินออมของเด็ก และมีกิจกรรมดนตรี โดยจัดเป็นชมรมเบบี้แดนซ์ เพื่อให้เด็ก
ได้มสี ่วนร่วมและกล้าแสดงออกเปน็ ประจาทุกเดือน (เอกสารหมายเลข ๒.๔.๑-๔)
๕. ด้านการพ่ึงพาตนเอง ได้แก่ กิจกรรมนันทนาการ หรือการฝึกทักษะชีวิต/ทักษะสังคม
มีกิจกรรม “ทุกความสุขยิ่งใหญ่เสมอ” พาน้องชมการแสดงบัลเล่ต์ งานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรี
นานาชาติ กรุงเทพฯ ครั้งที่ ๒๐ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มีกิจกรรมพี่ช่วยน้อง
เพ่ือนช่วยเพอ่ื น กจิ กรรมฝกึ ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวติ ประจาวัน ซง่ึ ทาเปน็ ประจาทุกวนั (เอกสารหมายเลข
๒.๔.๑-๕)
ผลการประเมนิ ตนเอง
คะแนนการประเมินตนเองได้เท่ากับ ๕ คะแนน
องคป์ ระกอบ ตวั บ่งช้ี เกณฑ์การ
ใหค้ ะแนน
๒.๔.๒ การเพิ่มคุณค่า มีแผนในการเพิ่มคุณค่าในตนเอง (Self-Esteem) ให้กับ ตวั ชวี้ ดั ทงั้ หมด
ในตนเอง เดก็ ทกุ ราย ๕ ตัว แต่ละตัวชี้วัด
(Self- Esteem) มีการกาหนดกิจกรรม/โครงการตามแผนในการเพิ่มคุณค่า ได้ ๑ คะแนน
ในตนเอง (Self-Esteem)
มีการดาเนินการตามกิจกรรม/โครงการตามแผนในการ
เพิ่มคุณคา่ ในตนเอง (Self-Esteem)
มีการติดตามประเมินผลการทากิจกรรม/โครงการตาม
แผนในการเพมิ่ คุณคา่ ในตนเอง (Self-Esteem)
มีการทบทวนและสรุปบทเรียนในการเพิ่มคุณค่าในตนเอง
(Self-Esteem)
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ได้มอบหมายให้ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการโดยนักพัฒนาการ/
ครูช่วยสอน จัดทาแผนในการเพ่ิมคุณค่าในตนเอง (Self-Esteem) ให้กับเด็ก และมีการกาหนดโครงการ/กิจกรรม
เพ่อื นาไปสู่การดาเนนิ การจัดโครงการ/กจิ กรรมตามแผนทีว่ างไว้ เพื่อดาเนินโครงการ/กิจกรรมเรียบร้อยแลว้ มกี าร
ติดตามประเมินผลการทาโครงการ/กิจกรรมในแผนได้กาหนดกิจกรรมและนาไปปฏิบัติจริง จากการกาหนด
๑๒๘
ผู้รับผิดชอบดาเนินงานตามแผนงานโครงการ รวมทั้งกาหนดระยะเวลาและรูปแบบการติดตามผล สรุปบทเรียน
และนาผลไปปรบั ปรุงการดาเนินงานในปตี ่อไป
ผลการดาเนนิ งาน
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท โดยฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการ ได้จัดทาแผนในการเพิ่มคุณค่า
ในตนเอง (Self-Esteem)
๑.มกี ารจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนแบบมอนเทสซอริ (เอกสารหมายเลข ๒.๔.๒-๑)
๒.มีการกาหนดโครงการ/กิจกรรมตามแผนในการเพิ่มคุณค่าในตนเอง (Self-Esteem) มีกิจกรรมร้องเล่น
เต้นรา โดยจัดเป็นชมรมเบบี้แด๊นซ์ มีการแสดงทั้งภายในและภายนอกสถานสงเคราะห์ เพ่ือให้เด็กๆ เกิดความ
มั่นใจในตนเอง กล้าแสดงออก การฝึกรับประทานตั้งแต่เด็กอายุ ๑ปี ๖เดือน โดยการให้เด็กใช้ช้อนและส้อม
เพ่ือเป็นการฝึกการควบคุมตัวเอง ฝึกการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก รู้จักการช่วยเหลือตนเอง มีกิจกรรมวันเกิดจัดให้กับ
เด็กๆ เป็นประจาทุกเดือน กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ กิจกรรมหนูน้อยทาcooking จัดกจิ กรรมเป็นประจาทกุ วันศุกร์
สัปดาห์ละ ๑ ครั้ง และมีการจัดกิจกรรมหนูน้อยออมเงิน มีการฝึกให้เด็กๆ รู้จักการออมเงิน โดยการให้เด็ก
นกั เรียนมาหยอดกระปุกออมสินในตอนเย็นหลังเลิกเรียนเป็นประจาทุกวัน และในช่วงสถานการณ์การแพรร่ ะบาด
ของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ยังมีการสอนเรื่องวิธีป้องกันตัวจากเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(COVID-๑๙) (เอกสารหมายเลข๒.๔.๒-๒)
๓ .นั ก พั ฒ น า ก า ร ได้ มี ก า ร ด า เนิ น ก า รต าม โค ร ง ก า ร/กิ จ ก ร ร ม ต าม แ ผ น ใน ก าร เพ่ิ ม คุ ณ ค่ า ใน ต น เอ ง
(Self-Esteem) และมแี ผนการจัดกิจกรรมเปน็ ประจาอย่างต่อเนือ่ งทกุ สปั ดาห์ (เอกสารหมายเลข๒.๔.๒-๓)
๔.นักพัฒนาการมีการติดตามประเมินผลการทาโครงการ/กิจกรรมตามแผนในการเพ่ิมคุณค่าในตนเอง
(Self-Esteem) โดยมีการรายงานการประเมนิ ในกจิ กรรมการเพมิ่ คุณคา่ ในตนเอง (เอกสารหมายเลข๒.๔.๒-๔)
๕.นักพัฒ นาการมีการทบทวนและสรุปบทเรียนในการเพิ่มคุณ ค่าในตนเอง (Self-Esteem)
(เอกสารหมายเลข๒.๔.๒-๕)
ผลการประเมนิ ตนเอง
คะแนนการประเมินตนเองได้เทา่ กับ ๕ คะแนน
๑๒๙
๒.๕ บริการสง่ เสริมพฒั นาการดา้ นสังคม
องคป์ ระกอบ ตวั บ่งชี้ เกณฑ์การ
ให้คะแนน
๒.๕.๑ การสร้างความ สร้างกฎ ระเบียบ และข้อบังคับในการอยู่ร่วมกัน ตัวชี้วดั ทงั้ หมด ๕ ตัว
มี วิ นั ย เชิ ง บ ว ก ใ น โดยการมสี ว่ นร่วมระหว่างเด็กและเจ้าหนา้ ที่ แตล่ ะตวั ชว้ี ัดได้
ตนเอง
มีโครงการ/กิจกรรมในการสร้างแรงจูงใจให้เด็กมี ๑ คะแนน
วนิ ยั เชงิ บวกตอ่ ตนเองท่เี หมาะสมกบั ช่วงวัย
มีการดาเนินการตามโครงการ/กิจกรรมการสร้าง
ความมวี ินัยเชงิ บวกในตนเอง
มีการติดตามและประเมินผลโครงการ/กิจกรรม
การสร้างความมีวินยั เชิงบวกในตนเอง
มีการทบทวนและสรุปบทเรียนการสร้างความ มี
วินยั เชิงบวกในตนเอง
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท โดยฝ่ายสวัสดิการสังคมได้มีการกาหนดกฎ ระเบียบ และข้อบังคับ
ในการอยู่ร่วมกนั ระหว่างเด็กและเจ้าหน้าที่ ฝ่ายส่งเสรมิ สุขภาพและพัฒนาการไดจ้ ัดโครงการ/กิจกรรมเพ่ือนาไปสู่
การสร้างแรงจงู ใจให้เดก็ และสรา้ งวินยั เชิงบวกท่เี หมาะสมกับชว่ งวัย
ผลการดาเนนิ งาน
สถานสงเคราะหเ์ ด็กออ่ นพญาไทได้มอบหมายให้
๑.ฝ่ายสวัสดิการสังคมและฝ่ายบริหารงานสถานสงเคราะห์กาหนดกฎ ระเบียบ และข้อบังคับในการอยู่
ร่วมกัน โดยการมีส่วนร่วมระหว่างเด็กและเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ยังมีกรอบการปฏิบัติงานการคุ้มครองเด็กใน
สถานรองรับเด็กของกรมกิจการเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นการทาบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกัน ของกระทรวง
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนษุ ย์ องค์กร Unicef และองคก์ ร Friends (เอกสารหมายเลข ๒.๕.๑-๑)
๒.ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการ จัดกิจกรรมในการสร้างแรงจูงใจให้เด็กมีวินัยเชิงบวกในตนเอง
ท่ีเหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย โดยมกี ิจกรรมหนูน้อยค้นฟ้าควา้ ดาว Star Chart กจิ กรรมพช่ี ่วยน้อง เพ่อื นช่วยเพอื่ น
๑๓๐
กิจกรรมมอนเทสซอริ กิจกรรมหนูน้อยรักษ์สิ่งแวดล้อม การช่วยเหลือตนเองในกิจวัตรประจาวัน ฝึกการเข้าแถว
กจิ กรรมหนนู อ้ ยใสบ่ าตร กิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์จิตอาสาทาความสะอาดวดั (เอกสารหมายเลข ๒.๕.๑-๒)
๓.ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการ และพเ่ี ล้ียง ดาเนินการตามโครงการ/กิจกรรมการสรา้ งวินยั เชิงบวก
ในตนเอง โดยผา่ นกิจกรรมการช่วยเหลือตนเองในกิจวัตรประจาวนั ฝึกการเขา้ แถว กิจกรรมหนูนอ้ ยค้นฟา้ คว้าดาว
Star Chart กิจกรรมพ่ีช่วยน้อง เพ่ือนช่วยเพ่ือน กิจกรรมมอนเทสซอริ กิจกรรมหนูน้อยเก็บขยะ กิจกรรมหนูน้อย
ใส่บาตร การสวดมนตก์ ่อนนอน และการฟังนทิ านก่อนนอน (เอกสารหมายเลข ๒.๕.๑-๓)
๔.ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการ มีการติดตามและประเมินผลโครงการ/กิจกรรมการสร้างความมี
วนิ ยั เชิงบวกในตนเอง โดยสง่ รายงานให้ผบู้ รหิ ารทราบเปน็ ประจา (เอกสารหมายเลข ๒.๕.๑-๔)
๕.ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการมีการทบทวนและสรุปบทเรียนการสร้างความมีวินัยเชิงบวกใน
ตนเอง (เอกสารหมายเลข ๒.๕.๑-๕)
ผลการประเมินตนเอง
คะแนนการประเมินตนเองได้เทา่ กับ ๕ คะแนน
๑๓๑
องค์ประกอบ ตวั บง่ ชี้ เกณฑ์การ
๒.๕.๒ การสร้างทักษะ ใหค้ ะแนน
ทางสังคม ทักษะการ มีแผนในการพัฒนาทักษะทางสังคม ทักษะ การใช้ชีวิต และ ตวั ชวี้ ัดทั้งหมด
ใช้ชีวิต และทักษะอื่นๆ ทกั ษะอืน่ ๆ เชน่ เพศศึกษา ให้กับเดก็ ทีเ่ หมาะสมกับช่วงวยั ๕ ตวั แต่ละ
ทีจ่ าเปน็ ตอ่ เด็ก ตัวชวี้ ดั ได้
มีกิจกรรม/โครงการในการดาเนินงานตามแผนในการพัฒนา ๑ คะแนน
ระบบและกลไก ทักษะทางสังคม ทักษะชีวิต/ และทักษะอื่น ๆ เช่น เพศศึกษา
ใหก้ ับเดก็ ทเ่ี หมาะสม กบั ชว่ งวัย
มีการดาเนินงานตามกิจกรรม/โครงการตามแผนในการ
พัฒนาทักษะทางสังคม /ทักษะชีวิต/ และทักษะอื่น ๆ เช่น
เพศศึกษา ใหก้ บั เด็กทเี่ หมาะสมกบั ช่วงวยั
มีการติดตามประเมินผลตามแผนในการพัฒนาทักษะทาง
สังคม /ทักษะชีวิต/ และทักษะอื่น ๆ เช่น เพศศึกษา ให้กับ
เดก็ ทเ่ี หมาะสมกับชว่ งวัย
มีการทบทวนและสรุปบทเรียนตามแผนในการพัฒนาทักษะ
ทางสงั คม/ ทกั ษะชีวิต /และทกั ษะอืน่ ๆ เช่น เพศศึกษา ใหก้ บั
เดก็ ทเี่ หมาะสม กับชว่ งวัย
สถานสงเคราะหเ์ ด็กออ่ นพญาไท โดยฝา่ ยสง่ เสรมิ สุขภาพและพัฒนาการ ได้จดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ พัฒนาการ
ตามวัย เพ่ือการสร้างทักษะทางสังคม ทักษะการใช้ชีวิต และทักษะอ่ืนๆ ท่ีจาเป็นต่อเด็กให้เหมาะสมกับช่วงวัย
มกี ารดาเนนิ งานตามแผน โดยกาหนดผู้รบั ผิดชอบกิจกรรม พรอ้ มทั้งกาหนดระยะเวลา และรปู แบบการประเมนิ ผล
ทบทวนสรุปบทเรยี นเพอ่ื นาไปปรบั ปรงุ งานในปีต่อไป
ผลการดาเนนิ งาน
สถานสงเคราะห์เดก็ อ่อนพญาไทได้มอบหมายให้
๑.ฝ่ายส่งเสริมสขุ ภาพและพัฒนาการ จกั ทาแผนในการสร้างทักษะทางสังคม ทักษะการใช้ชีวิต และทกั ษะ
อ่ืนๆ โดยจัดทาแผนการสอนเป็นรายสัปดาห์ ซ่ึงจะทาการสอนท่ีศูนย์การเรียนรู้ และมีการเรียนการสอนแบบ
มอนเทสซอริ (เอกสารหมายเลข ๒.๕.๒-๑)
๑๓๒
๒.นักพัฒนาการมีการจัดโครงการ/กิจกรรมการในการดาเนินงานตามแผนในการพัฒนาทักษะทางสังคม
ทักษะชีวิต เช่น กิจกรรมเคารพธงชาติ กิจกรรมออกกาลังกาย การสอนเรื่องเพศศึกษาท่ีเหมาะสมกับช่วงวัย
การสอนเร่อื งเครอื่ งหมายจราจร วินัยจราจร สอนเร่ืองการแบ่งปัน สอนเรื่องวันสาคัญทางศาสนา ฝึกระเบียบวินัย
การชว่ ยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน เรียนร้ปู ระเพณีไทย (เอกสารหมายเลข๒.๕.๒-๒)
๓.นักพัฒนาการได้ดาเนินการจัดโครงการ/กิจกรรมตามแผนในการพัฒนาทักษะทางสังคม ทักษะชีวิต
และทักษะอื่นๆ โดยกิจกรรมเข้าค่ายจะจัดปีละ ๑ ครั้ง ในช่วงปิดเทอมเดือนเมษายน แต่ในช่วงการแพร่ระบาด
ของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ทาให้งดกิจกรรมการเข้าค่าย ซ่ึงได้ปรับเป็นกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง
การป้องกันเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) และการใช้ชีวติ แบบวถิ ีใหม่ New normal และการสอนวธิ ีการ
เอาตัวรอดเม่ือติดอยู่ในรถตู้ ส่วนกิจกรรมอ่ืนตามแผนการสอนจะทาการสอนทุกวันโดยจัดเป็นแผนรายสัปดาห์
มภี าพถา่ ยในการดาเนินกจิ กรรม (เอกสารหมายเลข ๒.๕.๒-๓)
๔.นกั พฒั นาการมีการตดิ ตามประเมนิ โดยมรี ายงานการประเมนิ ผลตามแผนในการพัฒนาทักษะทางสงั คม
ทักษะชวี ติ และทกั ษะอื่นๆ (เอกสารหมายเลข ๒.๕.๒-๔)
๕.นักพัฒนาการได้ทาการทบทวนและสรุปบทเรียนตามแผนในการพัฒนาทักษะทางสังคมทักษะชีวิต
และทักษะอ่ืนๆ (เอกสารหมายเลข ๒.๕.๒-๕)
ผลการประเมินตนเอง
คะแนนการประเมนิ ตนเองไดเ้ ท่ากับ ๕ คะแนน
๑๓๓
๒ .๖ บรกิ ารสง่ เสรมิ ด้านพฒั นาการดา้ นสติปญั ญา
องคป์ ระกอบ ตัวบง่ ชี้ เกณฑ์การ
ให้คะแนน
๒.๖.๑ บริการด้าน มีแหล่งเรียนรู้แก่เด็กภายในหน่วยงาน เช่น มุมความรู้ ห้อง ตวั ชว้ี ดั ทั้งหมด ๕
ตัว แต่ละตัวชีว้ ัด
การศึกษาเด็กอ่อน กิจกรรมการเรียนรู้ เป็นต้น
(เด็กอายุ ๔-๖ ปี) มีกิจกรรมภายในองค์กรเพ่ือเตรียมความพร้อมแก่เด็กทุก ได้ ๑ คะแนน
ราย เพื่อเข้าสู่โรงเรียนและสามารถใช้อุปกรณ์ตามความถนัด
ของเดก็
มีกิจกรรมภายนอกองค์กรเพ่ือเตรียมความพร้อมแก่เด็กทุก
รายเพอื่ เขา้ ส่โู รงเรยี น
เดก็ ปฐมวยั ปกตทิ กุ รายไดร้ ับการศึกษาทั้งภายในภายนอก
มีการส่งเสริมให้เด็กได้รับการอ่านและจินตนาการผ่าน
นิทานหรือมีหนังสอื ตามความชอบของตนเอง คนละ ๑ เล่ม
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท มีแหล่งเรียนรู้ภายในหน่วยงานและห้องกิจกรรมการเรียนรู้ เช่น
ศูนย์การเรียนรู้ ห้องศิลปะสร้างสรรค์ ห้องมอนเทสซอริ ห้องทรูปลูกปัญญา ห้องดนตรี เป็นต้น และมีการจัด
กิจกรรมท้ังภายในและภายนอกองค์กร เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กทุกรายเพื่อเข้าโรงเรียน และสามารถ
ใชอ้ ุปกรณ์ตามความถนัดของเด็กทมี่ ีอายุถึงเกณฑ์ ได้รับการศกึ ษาทุกรายท้ังภายในและภายนอกองคก์ ร และมีการ
สง่ เสรมิ ให้เดก็ ไดร้ ับการอ่านผ่านกจิ กรรมการเลา่ นทิ าน
ผลการดาเนนิ งาน
๑.สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท จัดให้มีแหล่งเรียนรู้แก่เด็กภายในหน่วยงาน เช่น ศูนย์การเรียนรู้
ห้องศิลปะสร้างสรรค์ ห้องทรูปลูกปัญญา ห้องดนตรี ห้องมอนเทสซอริ โดยมีการเรียนการสอนทุกวัน
(เอกสารหมายเลข ๒.๖.๑-๑)
๑๓๔
๒.มีการจัดกจิ กรรมทัง้ ภายในองคก์ รเพ่ือเตรียมความพรอ้ มให้เดก็ กอ่ นเข้าสู่ระบบโรงเรยี น กิจกรรมภายใน
องค์กรในรูปแบบการสอนแบบมอนเทสซอริ อายุ ๓-๖ ปี จานวน ๕๖ คน มีห้องศูนย์การเรียนรู้ ห้องศิลปะ
สรา้ งสรรค์ ห้องดนตรี กิจกรรมกลางแจ้งเล่นสนาม เลน่ บอ่ ทราย (เอกสารหมายเลข ๒.๖.๑-๒)
๓.กิจกรรมภายนอกองค์กรเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙)
จึงจัดกิจกรรมเฉพาะภายในองคก์ ร เช่น กิจกรรมตลาดนัดเด็ก เดือนละ ๑ ครั้ง กิจกรรม Cooking สัปดาห์ ละ ๑ คร้ัง
และกิจกรรมหนูน้อยใส่บาตร กิจกรรมจิตอาสาทาความสะอาดวัด ณ วัดกลางเกร็ด เดือนละ ๑ คร้ัง (เอกสาร
หมายเลข ๒.๖.๑-๓)
๔.เด็กท่ีมีอายุถึงเกณฑ์จะได้รับการศึกษาภายในองค์กร คือ การเรียนการสอนแบบมอนเทสซอริ
อายุ ๓-๖ ปี จานวน ๔๒ คน และได้รับการศึกษาภายนอกองค์กร คือ โรงเรียนวัดกลางเกล็ด จานวน ๗๔ คน
และโรงเรียนวฒั นพฤกษา จานวน ๒ คน (เอกสารหมายเลข ๒.๖.๑-๔)
๕.มีการส่งเสริมให้เด็กได้รับการอ่านและจินตนาการผ่านกิจกรรมการเล่านิทาน ให้เด็กได้เลือกหนังสือ
ตามความชอบของตนเอง โดยมีมุมหนังสือท่ีศูนย์การเรียนรู้ ห้องทรูปลูกปัญญา ห้องมอนเทสซอริ และยังมี
กจิ กรรมส่งเสรมิ พฒั นาการด้านภาษา มกี ารเล่านิทานให้เดก็ ฟงั ทกุ คนื กอ่ นนอน (เอสารหมายเลข ๒.๖.๑-๕)
ผลการประเมนิ ตนเอง
คะแนนการประเมนิ ตนเองไดเ้ ทา่ กบั ๕ คะแนน
สรปุ ผลการประเมินตนเองมาตรฐานท่ี ๒ การใหบ้ ริการ ๑๓๕
ดัชนคี ณุ ภาพ ผลการประเมนิ
๒.๑ บริการสงั คมสงเคราะห์ ๕
๕
๒.๑.๑ บริการสาหรบั เดก็ รายใหมท่ กุ ราย ๕
๒.๑.๒ บริการสาหรบั เดก็ รายเดิมทกุ ราย ๕
๒.๑.๓ การประชมุ กลุ่มเพ่ือปรึกษาปัญหาราย กรณี (Case
Conference) ๕
๒.๑.๔ การประชุมทมี สหวชิ าชพี เพ่ือเตรียมความพร้อมสู่
กระบวนการยตุ ิธรรม ๕
๒.๑.๕ การรกั ษาสิทธิของเด็กในการไดร้ บั การปกปอ้ งค้มุ ครองจาก ๕
บคุ คลหรือหน่วยงานภายนอกตามกรอบการปฏบิ ตั งิ านการคุ้มครองเด็ก ๕
ในสถานรองรับเด็ก ๕
๒.๑.๖ บริการดูแลเด็กติดเช้ือ HIV+/เอดส์ *ใช้เฉพาะกับสถาน
รองรบั เดก็ ท่ีมเี ด็กติดเชือ้ HIV+/เอดส์ ๕
๕
(๑) มีระบบรักษาความลบั เดก็ ติดเชอื้ HIV+/เอดส์ ๕
(๒) การดแู ลด้านร่างกายเด็กตดิ เช้ือ HIV+/เอดส์ ๕
(๔) ด้านบุคลากรที่ดูแล ผ้เู ลีย้ ง ดเู ด็กติดเชื้อ HIV+/เอดส์ ๕
๒.๑.๗ การคนื เด็กสคู่ รอบครัวหรอื สงั คม
๒.๒ บรกิ ารสง่ เสริมพัฒนาการ
๒.๒.๑ บรกิ ารสง่ เสริม/กระตนุ้ พฒั นาการเด็ก
๒.๓ บริการส่งเสรมิ พฒั นาการทางดา้ นรา่ งกาย
๒.๓.๑ บริการสุขภาพอนามยั
๒.๓..๒ บริการโภชนาการ
๒.๔ บริการสง่ เสริมด้านพฒั นาการด้านจิตใจ/อารมณ์
๒.๔.๑ บริการด้านนนั ทนาการ
๒.๔.๒ การเพ่ิมคุณค่าในตนเอง (Self-Esteem)
ดัชนคี ณุ ภาพ ๑๓๖
๒.๕ บริการสง่ เสริมพฒั นาการดา้ นสังคม
ผลการประเมิน
๒.๕.๑ การสร้างความมวี นิ ัยเชงิ บวกในตนเอง ๕
๒.๕.๒ การสรา้ งทักษะทางสงั คม ทักษะการใช้ชีวติ และทกั ษะอน่ื ๆ ๕
ที่จาเป็นตอ่ เด็ก
๕
๒ .๖ บรกิ ารส่งเสริมด้านพฒั นาการด้านสตปิ ัญญา ๘๕
๒ .๖.๑ บริการดา้ นการศึกษาเดก็ อ่อน (เดก็ อายุ ๔-๖ ปี) ๙๐
๙๔.๔๔
ค่าคะแนนรวมดา้ นท่ี ๒
ค่าคะแนนสทุ ธดิ ้านที่ ๒
คา่ รอ้ ยละด้านท่ี ๒
๑๓๗
๓.๑ พัฒนาการดา้ นรา่ งกาย
องคป์ ระกอบ ตัวบง่ ช้ี เกณฑ์การ
ให้คะแนน
๓ .๑ .๑ ก ลุ่ ม เด็ ก มีเด็กที่มีน้าหนักตามเกณฑ์อายุ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของ ตวั ช้วี ัดท้ังหมด
อ่อน เด็กทง้ั หมด ๕ ตวั
มีเด็กท่ีมีส่วนสูงตามเกณฑ์อายุ ไม่น้อยกว่า ร้อยละ ๘๐ แต่ละตัวชวี้ ัดได้
ของเด็กทง้ั หมด ๑ คะแนน
(๐ - ๑ปี) มีเส้นรอบศีรษะตามเกณฑ์อายุ ไม่น้อยกว่าร้อยละ
๘๐ ของเด็กท้ังหมด
มีเด็กท่ีมีภาวะโภชนาการตามเกณฑ์อายุ ไม่น้อยกว่าร้อยละ
๘๐ ของเดก็ ทัง้ หมด
มีเด็กท่ีมีความสามารถด้านร่างกายตามเกณฑ์อายุ ไม่น้อย
กวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเดก็ ทงั้ หมด
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท มีระบบคัดกรองสุขภาพเด็ก มีการประเมินภาวะโภชนาการเด็ก
โดยมีแพทย์จากศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน /คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล พยาบาล นักโภชนาการ นักพัฒนาการ/ครูช่วยสอน พี่เลี้ยง และนาผลที่ได้ไปทาแผนพัฒนา
เด็กรายบุคคล ซึ่งเด็กทุกคนจะได้รับการดูแลตามแผนที่จัดทาไว้อย่างครบถ้วน มีการติดตามดูแล และสังเกตการ
เจริญเติบโตทางร่างกายเป็นประจาทุกเดือน โดยการชั่งน้าหนัก วัดส่วนสูง และเส้นรอบ ศีรษะเด็กทุกราย
ซงึ่ ใช้กราฟแสดงเกณฑอ์ ้างองิ การเจรญิ เติบโตของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๔๒
ผลการดาเนินงาน
๑. เด็กที่มีน้าหนักตามเกณฑ์อายุ ร้อยละ ๘๐.๘๖ ของเด็กจานวน ๒๐๙ คน โดยมีพยาบาล
นักโภชนาการ นักพัฒนาการ/ครชู ว่ ยสอน พ่ีเลี้ยง รว่ มกันดาเนินการช่ังน้าหนกั เป็นประจาทุกเดอื น และมีการปรับ
เพิ่มอาหารสาหรับเด็กท่ีมีน้าหนักต่ากว่าเกณฑ์ โดยปรึกษาคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล และศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน ในการเพิ่มสารอาหารให้เด็กที่มีน้าหนักต่า
กว่าเกณฑ์ (เอกสารหมายเลข ๓.๑.๑-๑)
๑๓๘
๒. เด็กที่มีส่วนสูงตามเกณฑ์อายุ ร้อยละ ๘๐.๘๖ ของเด็กจานวน ๒๐๙ คน โดยมีพยาบาล
นักโภชนาการ นักพัฒนาการ/ครูช่วยสอน พี่เลี้ยง ร่วมกันดาเนินการวัดส่วนสูงเป็นประจาทุกเดือน (เอกสาร
หมายเลข ๓.๑.๑-๒)
๓. เด็กอายุ ๐ - ๑ ปี มีเส้นรอบศีรษะตามเกณฑ์อายุ ร้อยละ ๙๓.๗๘ ของเด็กจานวน ๒๐๙ คน
โดยมีพยาบาล นักโภชนาการ นักพัฒนาการ/ครูช่วยสอน พ่ีเลี้ยง ร่วมกันดาเนินการวัดเส้นรอบศีรษะทุกเดือน
โดยเด็กบางรายที่เส้นรอบศีรษะต่ากว่าเกณฑ์เกิดจากการเจ็บป่วย ศีรษะผิดรูป และการคลอดก่อนกาหนด
(เอกสารหมายเลข ๓.๑.๑-๓)
๔. เด็กที่มีภาวะโภชนาการตามเกณฑ์อายุ ร้อยละ ๘๘.๕๒ ของเด็กจานวน ๒๐๙ คน โดยมีพยาบาล
นักโภชนาการ นักพัฒนาการ/ครูช่วยสอน พี่เล้ียง ร่วมกันดาเนินการชั่งน้าหนัก และวัดส่วนสูงแล้วนาไป
เปรียบเทียบกับกราฟแสดงเกณฑ์อ้างอิงการเจริญเติบโต เพ่ือติดตามว่าเด็กมีภาวะโภชนาการตามเกณฑ์หรือไม่
หากเด็กมีภาวะโภชนาการต่ากว่าเกณฑ์ ก็จะมีการเพิ่มสารอาหารและยาตามคาสั่งจากแพทย์ (เอกสารหมายเลข
๓.๑.๑-๔)
๕. เด็กท่ีความสามารถด้านร่างกายตามเกณฑ์อายุ ร้อยละ ๘๗.๙๗ ของเด็กจานวน ๒๐๙ คน
โดยมีพยาบาล นักโภชนาการ นักพัฒนาการ/ครูช่วยสอน พเี่ ล้ียง ร่วมกันดาเนนิ การติดตามและส่งเสริมพัฒนาการ
ให้เด็กมีพัฒนาการตามวัย สารับเด็กที่มีความสามารถด้านร่างกายต่ากว่าเกณฑ์ นักพัฒนาการจะช่วยกระตุ้น
พัฒนาการเด็กตามคาสัง่ จากแพทย์ (เอกสารหมายเลข ๓.๑.๑-๕)
ผลการประเมนิ ตนเอง
คะแนนการประเมนิ ตนเองไดเ้ ท่ากับ ๕ คะแนน
๑๓๙
องคป์ ระกอบ ตัวบ่งช้ี เกณฑ์การ
ให้คะแนน
๓.๑.๒ กลุ่มเด็กอ่อนไม่ เดก็ ทุกรายได้รับการกระตุ้นพัฒนาการทางกายตามแผนดี
๕
เปน็ ไปตามเกณฑ์ ขึ้น ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๖๐
๔
เด็กทกุ รายไดร้ ับการกระตนุ้ พัฒนาการทางกายตามแผนดี
ข้ึน ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ๓
เด็กทุกรายได้รับการกระตนุ้ พัฒนาการทางกายตามแผนดี ๒
ข้นึ ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๔๐
๑
เด็กทกุ รายได้รับการกระตนุ้ พัฒนาการทางกายตามแผนดี
ขึ้น ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๓๐
เดก็ ทุกรายได้รับการกระตุ้นพัฒนาการทางกายตามแผนดี
ข้นึ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๒๐
ระบบและกลไก
สถานสงสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท มีระบบการคัดกรองสุขภาพเด็ก มีการประเมินภาวะโภชนาการเด็ก
โดยใช้แบบคัดกรองของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.๒๕๔๒ เป็นเกณฑ์การประเมินโดยมีพยาบาล
นักโภชนาการ นักพัฒนาการ/ครูช่วยสอน พ่ีเล้ียง และนาผลที่ได้ไปทาแผนการพัฒนาเด็กรายบุคคลโดยเด็กแต่ละคน
จะได้รับการดูแลตามแผนที่จัดทาไว้อย่างครบถ้วน มีการติดตาม ดูแล และสังเกตการเจริญเติบโตของกรมอนามัย
กระทรวงสาธารณสุข หากพบว่าเด็กรายใดมีภาวะโภชนาการไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ และมีการทาแผนการดาเนินงาน
ในการประเมินสุขภาพเดก็ จากภาวะโภชนาการ
ผลการดาเนินงาน
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท มีเด็กท่ีมีความสามารถด้านร่างกายตามเกณฑ์ช่วงอายุแรกเกิด - ๖ ปี
จานวน ๑๕๘ ราย คิดเป็นร้อยละ ๘๗.๙๗ และเด็กที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์จานวน ๑๙ ราย คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๐๓
ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการตามแผนพัฒนาเด็กรายบุคคลดีขึ้น จานวน ๑๕ ราย คิดเป็นร้อยละ ๗๘.๙๔
(เด็กมีใบรับรองความพิการจานวน ๔ ราย) มีเด็กท่ีมีความสามารถด้านร่างกายตามเกณฑ์ ช่วงอายุ ๖ ปีขึ้น
จานวน ๔๕ ราย คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๒๔ และเด็กท่ีไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ จานวน ๖ ราย คดิ เป็น ๑๒.๐๓ ได้รบั การ
กระตุ้นพัฒนาการตามแผนแผนพัฒนาเด็กรายบุคคลดีข้ึน จานวน ๔ ราย (เด็กมีใบรับรองความพิการ จานวน ๒ ราย)
คดิ เป็นร้อยร้อยละ ๖๖.๖๗
๑๔๐
โดยใช้การประเมินแบบบันทึกการเฝ้าระวัง และส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยของกระทรวง
สาธารณสุข (DSPM) (เอกสารประกอบหมายเลข ๓.๑.๒-๑) แบบบันทกึ ภาวะโภชนาการของกรมอนามยั กระทรวง
สาธารณสุข (เอกสารประกอบหมายเลข ๓.๑.๒-๒) บันทึกการรักษาพยาบาล หรือบันทึกการส่งต่อสถานพยาบาล
(เอกสารประกอบหมายเลข ๓.๑.๒-๓)
ผลการประเมนิ ตนเอง
คะแนนการประเมินตนเองได้เทา่ กับ ๕ คะแนน
๓.๒ พฒั นาการดา้ นจติ ใจ-อารมณ์
องค์ประกอบ ตัวบง่ ชี้ เกณฑ์การ
ให้คะแนน
๓.๒.๑ เด็กที่เป็นไป เด็กมีพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ตามเกณฑ์อายุ
๕
ตามเกณฑ์ ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ ๗๐ ของเดก็ ท้งั หมด
เด็กมีพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ตามเกณฑ์อายุ ๔
ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๖๐ ของเด็กทง้ั หมด
เด็กมีพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ตามเกณฑ์อายุ ๓
ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ของเดก็ ทั้งหมด
เด็กมีพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ตามเกณฑ์อายุ ๒
ไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๔๐ ของเด็กท้ังหมด
เด็กมีพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ตามเกณฑ์อายุ ๑
ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ ๓๐ ของเด็กทั้งหมด
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ได้มอบหมายให้ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการ โดยมี
นกั พฒั นาการ ทาการประเมนิ พัฒนาการพฒั นาการของเดก็ แต่ละรายให้เปน็ ไปตามช่วงวัยท่ีเหมาะสมในการพฒั นา
ด้านจิตใจ – อารมณ์ ตามเกณฑ์อายุของเด็ก โดยใช้แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ของกระทรวง
สาธารณสุข และแบบบันทึกการเฝ้าระวัง และส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยของกระทรวงสาธารณสุข (DSPM)
พ.ศ.๒๕๕๘ ด้านพัฒนาการช่วยเหลือตนเองและสังคม หากเด็กรายใดมีพัฒนาการด้านจิตใจ อารมณ์ไม่เป็นไป
ตามเกณฑจ์ ะมกี ารดาเนนิ การจัดทาแผนพฒั นาการเด็กรายบคุ คล (IDP)
๑๔๑
ผลการดาเนนิ งาน
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท มีเด็กท้ังหมด ๒๐๙ ราย ผลการตรวจพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์
เด็กอายุแรกเกิด - ๖ ปี จานวน ๑๕๘ ราย มีพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ ตามเกณฑ์จานวน ๑๔๖ ราย คิดเป็นร้อย
ละ ๙๒.๔๑ และเด็กอายุ ๖ ปีขึ้นไปจานวน ๕๑ ราย มีพัฒนาการ ด้านจิตใจ – อารมณ์ ตามเกณฑ์จานวน ๔๔ ราย
คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๒๗ โดยใช้แบบบันทึกการเฝ้าระวัง และส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยของกระทรวงสาธารณสุข
(DSPM) พ.ศ.๒๕๕๘ (เอกสารหมายเลข ๓.๒.๑ - ๑)
ผลการประเมินความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เด็กอายุ ๓ – ๕ ปี จานวน ๑๐๙ ราย มีระดับ EQ
ตามเกณ ฑ์ ๙ ๕ ราย คิ ดเป็ นร้อยละ ๘ ๗ และเด็ กอายุ ๖ ปี ข้ึ น ไป จ านวน ๒ ๘ ราย มี ระดั บ EQ
ตามเกณฑ์ ๒๘ ราย คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ โดยใช้แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ของกระทรวงสาธารณสุข
(เอกสารหมายเลข ๓.๒.๑ – ๒)
ผลการประเมินตนเอง
คะแนนการประเมนิ ตนเองไดเ้ ท่ากับ ๕ คะแนน
องคป์ ระกอบ ตัวบง่ ชี้ เกณฑ์การ
ให้คะแนน
๓.๒.๒ เด็กที่ไม่เป็นไป เด็กมีพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ตามเกณฑอ์ ายุ
ตามเกณฑ์ ๕
ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ ของเด็กทง้ั หมด
๔
เด็กมีพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ตามเกณฑอ์ ายุ
๓
ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ของเด็กท้ังหมด
๒
เด็กมีพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ตามเกณฑอ์ ายุ ๑
ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๔๐ ของเดก็ ทง้ั หมด
เด็กมีพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ตามเกณฑอ์ ายุ
ไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๓๐ ของเด็กทง้ั หมด
เด็กมีพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ตามเกณฑ์อายุ
ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๒๐ ของเด็กทัง้ หมด
๑๔๒
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ได้มอบหมายให้ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการ โดยมีนักพัฒนาการ
ทาการประเมินพัฒนาการพัฒนาการของเด็กแต่ละรายให้เป็นไปตามช่วงวัยที่เหมาะสมในการพัฒนาด้านจิตใจ – อารมณ์
ตามเกณฑ์อายุของเด็ก โดยใช้แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ของกระทรวงสาธารณสุข และแบบบันทึก
การเฝ้าระวัง และส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยของกระทรวงสาธารณสุข (DSPM) พ.ศ.๒๕๕๘ ด้านพัฒนาการช่วยเหลือ
ตนเองและสังคม หากเดก็ รายใดมีพัฒนาการด้านจติ ใจ อารมณ์ไม่เป็นไปตามเกณฑ์จะมีการดาเนินการปรับแผนพัฒนาการ
เด็กรายบคุ คล (IDP)ใหส้ อดคลอ้ งกบั พฤตกิ รรมของเด็ก
ผลการดาเนินงาน
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท มีเด็กทั้งหมด ๒๐๙ ราย ผลการตรวจพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ เด็ก
อายุแรกเกิด – ๖ ปี จานวน ๑๕๘ ราย มีพัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ จานวน ๑๒ ราย
คิดเป็นร้อยละ ๗.๕๙ ได้รับการกระตุ้นพฒั นาการตามแผนดขี ้ึนจานวน ๑๐ ราย คิดเป็นร้อยละ ๘๓.๓๓ (เดก็ มีใบรับรอง
ความพกิ ารจานวน ๒ ราย) และเดก็ อายุ ๖ ปขี ึ้นไป จานวน ๕๑ ราย มีพัฒนาการดา้ นจติ ใจ – อารมณ์ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์
จานวน ๗ ราย คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๗๓ ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการตามแผนดีขึ้นจานวน ๕ ราย คิดเป็นรอ้ ยละ ๗๑.๔๓
(เด็กมีใบรับรองความพิการจานวน ๑ ราย)โดยใช้แบบบันทึกการเฝ้าระวัง และส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย
ของกระทรวงสาธารณสุข (DSPM) พ.ศ.๒๕๕๘ (เอกสารหมายเลข ๓.๒.๒ – ๑)
ผลการประเมินความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เด็กอายุ ๓ – ๕ ปี จานวน ๑๐๙ ราย มีระดับ EQ
ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ ๑๔ ราย คิดเป็นร้อยละ ๑๓ และเด็กอายุ ๖ ปีข้ึนไป จานวน ๒๘ ราย มีระดับ EQ ไม่เป็นไป
ตามเกณฑ์ ๐ ราย คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ โดยใช้แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ของกระทรวงสาธารณสุข
(เอกสารหมายเลข ๓.๒.๒ – ๒)
ผลการประเมินตนเอง
คะแนนการประเมนิ ตนเองไดเ้ ท่ากบั ๕ คะแนน
๑๔๓
๓.๓ พัฒนาการดา้ นสงั คม
องคป์ ระกอบ ตวั บ่งชี้ เกณฑ์การ
ให้คะแนน
๓.๓.๑ การสร้างวินัย เด็กรู้จักหน้าท่ีของตนเองในชีวิตประจาวัน เช่น แปรง ตวั ช้ีวดั ท้ังหมด
ในตนเอง (เดก็ ออ่ น) ฟนั อาบน้า รบั ประทานอาหาร ๕ ตวั แตล่ ะตวั ชีว้ ดั ได้
เดก็ ร้จู กั เกบ็ ของเขา้ ทเ่ี ดิม เช่น ของเลน่ เส่ือผา้ ๑ คะแนน
เด็กรจู้ กั รอคอย/เข้าควิ ได้
เดก็ รู้จักรบั ฟงั และปฏิบัตติ ามข้อปฏิบัติ (ฟงั คาสั่งได้)
เดก็ รจู้ ักเคารพสทิ ธผิ ู้อ่ืน
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ได้มอบหมายให้ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการ โดยมีนักพัฒนาการ / พี่เลี้ยง
จัดกิจกรรมในการสร้างแรงจูงใจให้เด็กมีวินัยเชิงบวกต่อตนเอง และเหมาะสมกับช่วงวัย เพื่อให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตนเอง
ในชวี ติ ประจาวัน ทาให้สามารถอย่รู ว่ มกบั ผู้อื่นในสังคมได้
ผลการดาเนินงาน
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ได้มอบหมายให้ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการ โดยมีนักพัฒนาการ /
พ่ีเล้ยี ง ได้ดาเนนิ การจดั กิจกรรมในการสร้างแรงจงู ใจให้เด็กมีวนิ ัยในตนเอง
๑. การฝึกระเบียบวินัย การช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวัน การรักษาความสะอาดของร่างกาย โดยมีตารางกิจวัตร
ประจาวัน และแผนการสอน (เอกสารหมายเลข ๓.๓.๑-๑)
๒. การสอนให้เด็กรู้จักการเก็บของเข้าที่เดิม เช่น ของเล่น เสื้อผ้า โดยมีตู้เก็บของเล่น ตู้เก็บของใช้ส่วนตัวของเด็ก
ต้วู างรองเท้า เมือ่ ทานอาหารเสรจ็ แล้วก็สามารถนาภาชนะไปเก็บตามจุดท่ีวางไว้ได้ (เอกสารหมายเลข ๓.๓.๑-๒)
๓. การสอนให้เด็กรู้จักการรอคอย/ เข้าคิว/ การเข้าแถว เช่น เวลาท่ีเดินมารับประทานอาหารท่ีโรงอาหาร จะตอ้ งเดิน
เข้าแถวให้เป็นระเบียบ ร้องเพลงประจาห้อง เดินเข้าคิวเพ่ือล้างมือ /รับอาหาร และรู้จักการรอคอยโดยก่อนทานอาหาร
นักพฒั นาการจะสอนเรื่องส่วนประกอบของอาหารในม้ือประจาวนั (เอกสารหมายเลข ๓.๓.๑-๓)
๔. การสอนให้เด็กรู้จักรับฟัง และปฏิบัติตามข้อปฏิบัติ (ฟังคาส่ังได้) รู้จักการเป็นผู้นา และผู้ตามเวลาทากิจกรรม
(เอกสารหมายเลข ๓.๓.๑-๔)
๑๔๔
๕. การสอนให้เด็กรู้จักเคารพสิทธ์ิผู้อ่ืน โดยการไม่หยิบของผู้อื่นมาโดยไม่ได้รับอนุญาต มีตู้เก็บของใช้ส่วนตัว
การไม่ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น เช่น ในห้องอาหาร ห้องประชุม โรงภาพยนตร์ การไม่ล้อเลียนปมด้อยของผู้อื่น (เอกสาร
หมายเลข ๓.๓.๑-๕)
ผลการประเมินตนเอง
คะแนนการประเมนิ ตนเองไดเ้ ทา่ กับ ๕ คะแนน
๓.๔ พัฒนาการด้านสติปญั ญา
องค์ประกอบ ตวั บง่ ชี้ เกณฑ์การ
ให้คะแนน
๓ .๔ .๑ เด็ ก อ่ อ น เด็กที่มีพัฒนาการด้านสติปัญญาตามเกณฑ์อายุ* ไม่น้อย ๕
๔
เป็ น ไป ต าม เก ณ ฑ์ กว่ารอ้ ยละ ๗๐ ของเด็กทั้งหมด
(ปฐมวัย ๔-๖ปี) เด็กที่มีพัฒนาการด้านสติปัญญาตามเกณฑ์อายุ* ไม่น้อย
กวา่ รอ้ ยละ ๖๐ ของเด็กทง้ั หมด
เด็กที่มีพัฒนาการด้านสติปัญญาตามเกณฑ์อายุ* ไม่น้อย ๓
กวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ของเด็กทั้งหมด
เด็กท่ีมีพัฒนาการด้านสติปัญญาตามเกณฑ์อายุ* ไม่น้อย ๒
กว่ารอ้ ยละ ๔๐ ของเด็กท้งั หมด
เด็กท่ีมีพัฒนาการด้านสติปัญญาตามเกณฑ์อายุ* ไม่น้อย ๑
กวา่ รอ้ ยละ ๓๐ ของเดก็ ทง้ั หมด
ระบบและกลไก
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ได้มอบหมายให้ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการ โดยมีนักพัฒนาการ
ทาการประเมินพัฒนาการเด็กทุกราย ให้เป็นไปตามช่วงวัยท่ีเหมาะสม ในการพัฒนาด้านสติปัญญาตามเกณฑ์อายุ
ของเด็ก โดยใช้แบบบันทึกการเฝ้าระวัง และส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยของกระทรวงสาธารณสุข (DSPM)
พ.ศ.๒๕๕๘ มีการแบ่งเด็กออกเป็น ๒ กลมุ่ ได้แก่ กลุ่มเป็นไปตามเกณฑ์ และไม่เป็นไปตามเกณฑ์ และเด็กท่ีมอี ายุ
๖ ปีขนึ้ ไปจะได้รับการตรวจประเมินผลเชาวน์ปัญญา (IQ) ซึ่งกลุ่มเด็กที่ได้เป็นบุตรบุญธรรมตา่ งประเทศจะรับการ
ตรวจโดยนักจิตวิทยา หน่วยพัฒนาการเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี