The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Channarong Bumrapraksa, 2023-06-15 13:13:49

background-8

background-8

พื้นภูมิเพชรบุรี ภูมิสถาน มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ภูมิสถาน 1


พื้นภูมิเพชรบุรี : ภูมิสถาน เล่มที่ ๘ ISBN 978-974-7168-54-9 จัดท�ำโดย มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี บรรณาธิการอ�ำนวยการ รองศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา บุญส่ง รองบรรณาธิการอ�ำนวยการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พจนารถ บัวเขียว กองบรรณาธิการ รองศาสตราจารย์นิภา เพชรสม ผู้ช่วยศาสตราจารย์อรอนงค์ ศรีพวาทกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์หรรษา ผลาทร ดร.สมสุข แขมค�ำ อาจารย์ปิยวรรณ คุสินธุ์ นางสาวศศิวิมล กาหลง ภาพ นางสาวพยุง วงษ์น้อย กราฟฟิกดีไซน์ อาจารย์ตรีวิทย์ แพทย์เพียร อาจารย์นันทพล ตาละลักษม์ ผู้เขียน นางสาวพยุง วงษ์น้อย ส�ำนักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี พิมพ์เมื่อ สิงหาคม ๒๕๕๗ พิมพ์ที่ บริษัท เพชรภูมิการพิมพ์ จ�ำกัด ๘๐ หมู่ ๔ ต�ำบลบ้านหม้อ อ�ำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ๗๖๐๐๐ โทร. ๐๓๒-๔๑๗๐๓๑-๒ โทรสาร ๐๓๒-๔๒๔๑๔๕ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามผู้ใดใช้ภาพและเนื้อหาน�ำไปเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาต 2 พื้นภูมิเพชรบุรี


ภูมิสถาน 3


เพชรบุรีเมืองสามวังดังเล่าขาน ภูมิสถานโดดเด่นเห็นอร่าม “พระจอมเกล้า” ทรงสร้างวังแล้วตั้งนาม “พระนครคีรี” งาม... โลกได้รู้ “สมเด็จพระปิยมหาราช” เสด็จประพาสเพชรบุรีที่เลิศหรู ทรงสร้างพระราชวังหวังเชิดชู “วังบ้านปืน” รองรับผู้...เป็นแขกเมือง ร.หกเสด็จมาสี่-ห้าครั้ง ทรงสร้างวังที่ชะอ�ำนามลือเลื่อง “มฤคทายวัน” อันรุ่งเรือง งามประเทืองทั่วแคว้นแดนพริบพรี เป็นเมืองศิลปวัฒนธรรม ต่างก็ร�่ำลือไปในทุกที่ เป็นเมืองพระเมืองธรรมน�ำชีวี เพชรบุรีจึงร่มเย็นเป็นนิรันดร์ ร.เก้าเสด็จเพชรบุรีหลายปีก่อน มีอักษรบันทึกไว้จ�ำได้มั่น นับเป็นบุญไพร่ฟ้าทั่วหน้ากัน เป็นร่มขวัญร่มแผ่นดินถิ่นพริบพรี เจ็ดรอบพระนักษัตรร่มฉัตรสยาม คือพระนาม “ภูมิพล” ดลสุขศรี หมู่อมิตรพ่ายแพ้พระบารมี ชาวเพชรบุรีน้อมกายใจถวายพระพร ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นายทวีสิทธิ์ ประคองศิลป์ อาเศียรวาทราชสดุดี 4 พื้นภูมิเพชรบุรี


ภูมิสถาน 5


6 พื้นภูมิเพชรบุรี


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ต่อประเทศชาติและจังหวัดเพชรบุรี ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรในจังหวัดเพชรบุรี ทุกพื้นที่ ทรงน�ำโครงการพระราชด�ำริลงสู่พื้นที่จังหวัดเพชรบุรี เพื่อพัฒนา แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรที่เป็น รากฐานของเกษตรกรรม เป็นหลักส�ำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ของราษฎร ตามที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิและ คณะกรรมการได้ด�ำเนินการจัดท�ำหนังสือ “พื้นภูมิเพชรบุรี” โดยการรวบรวม ข้อมูลของจังหวัดเพชรบุรีในทุกด้าน ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา ชาติพันธุ์ บุคคลส�ำคัญ ประเพณีและศิลปวัฒนธรรม ปรัชญาในการทรงงานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในจังหวัดเพชรบุรี โครงการพระราชด�ำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในจังหวัดเพชรบุรีและด้านอื่น ๆ โดย จัดท�ำเป็นหนังสือ เพื่อน�ำทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อให้เยาวชนเมืองเพชรได้รับรู้และได้เห็นแบบอย่าง อันจะก่อให้เกิด ความภาคภูมิใจ และเกิดความศรัทธาที่จะร่วมอนุรักษ์และรักษาความเป็น เมืองเพชรให้คงอยู่และก้าวหน้าต่อไป ขอเป็นก�ำลังใจให้กับผู้เขียนและคณะกรรมการในการด�ำเนินการ ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุน และขออุทิศบุญกุศลและร�ำลึกถึงผู้มี คุณูปการต่อเมืองเพชร จนท�ำให้จังหวัดเพชรบุรีเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ และศูนย์รวมแห่งศิลปวัฒนธรรม ที่ข้าพเจ้าและคนเมืองเพชรเกิดความรัก และความภาคภูมิใจในความเป็น “เพชร” และเป็นคนเมืองเพชร ด้วยความภาคภูมิใจ (พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์) นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี พื้นภูมิเพชรบุรีแห่งความภาคภูมิใจ ภูมิสถาน 7


8 พื้นภูมิเพชรบุรี


มรดกเมืองเพชรเพื่อแผ่นดินเกิด เมืองเพชรบุรีถือว่าเป็นเมืองที่เสมือนมีพลังแผ่นดินคุ้มครอง จึงรอดพ้นจากการถูกท�ำลายจากข้าศึก เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ เมืองเพชรบุรีจึงยังคงเหลือโบราณสถานสมัยอยุธยาให้ชมอยู่หลายแห่ง นอกจากนี้เมืองเพชรบุรีตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ดี ปลอดจากภัยธรรมชาติ เป็น แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร มีศิลปวัฒนธรรมงดงาม และมีผู้คนอาศัยหลายกลุ่มชาติพันธุ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีได้ร่วมกับ ผู้ทรงคุณวุฒิในสภามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี จัดท�ำหนังสือ “พื้นภูมิ เพชรบุรี” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมความดีงาม ความรุ่งเรือง และ ความเป็นไปต่าง ๆ ของเมืองเพชรบุรี ตั้งแต่โบราณกาลและพัฒนามาจน ถึงปัจจุบันให้คนเพชรบุรี ลักษณะของหนังสือพื้นภูมิเพชรบุรี เป็นหนังสือชุดมี ๙ เล่ม ประกอบด้วย ๑) ภูมิปรัชญา ภูมิบารมี ๒) ภูมิลักษณะ ๓) ภูมิประวัติ ๔) ภูมิประชา ๕) ภูมิปัญญา ๖) ภูมิพลัง ๗) ภูมิศิลปกรรม ๘) ภูมิสถาน และ ๙) ภูมิทัศน์วัฒนธรรมเมืองเพชร ซึ่งชุดนี้ไม่จัดจ�ำหน่าย จะแจกจ่าย ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะใช้ประโยชน์ ในด้านการจัดพิมพ์หนังสือได้รับเงินสนับสนุนจากบริษัท ปตท. จ�ำกัด (มหาชน) และผู้บริจาคทุนอีกจ�ำนวนมาก ในนามของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีขอขอบคุณทุกท่านและทุกหน่วยงานเป็นอย่างยิ่งที่ให้ การสนับสนุน เพื่อให้หนังสือ “พื้นภูมิเพชรบุรี” เป็นมรดกของเมืองเพชรบุรี และของประเทศชาติ และขออุทิศบุญกุศลให้ผู้มีคุณูปการต่อเมืองเพชร ทุกยุคทุกสมัย ท�ำให้ลูกหลานเพชรบุรีได้ภาคภูมิใจในความเป็นคน เมืองเพชรบุรีมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยความขอบคุณยิ่ง (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัต กลิ่นงาม) อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ภูมิสถาน 9


10 พื้นภูมิเพชรบุรี


ค�ำน�ำ เพชรบุรี เป็นดินแดนหนึ่งที่มีความเป็นมายาวนาน ข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และสถาปัตยกรรมชี้ให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองที่มีหลักฐานมาอย่างยาวนาน ส่วนหลักฐานทางโบราณคดีก็บ่งชี้ว่ามีร่องรอยของผู้คนเข้ามาใช้พื้นที่ในลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีมาตั้งแต่ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และมีพัฒนาการเรื่อยมาในวัฒนธรรมทวารดีสืบเนื่องมาจนถึงสมัย กรุงรัตนโกสินทร์ ดังปรากฏโบราณวัตถุสถานที่มีรูปแบบศิลปกรรมของแต่ละยุคสมัยกระจายอยู่ทั่วไป ในเขตเมืองเพชรบุรี สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือร่องรอยความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในเมืองนี้ มรดก ทางพุทธศิลป์ ได้สะท้อนความรุ่งเรืองของบ้านเมืองนี้ในด้านต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี โบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่เป็นมรดกตกทอดอยู่ในผืนแผ่นดินเมืองเพชรบุรี เป็นแหล่งศึกษา ให้เราได้เรียนรู้ความเป็นไปของผู้คนที่อาศัยหรือใช้ผืนแผ่นดินนี้ เพื่อความเข้าใจรากเหง้าของเหล่า ชาวเมืองเพชรและผู้คนบนผืนแผ่นดินนี้ ศึกษาผู้คนในแต่ละยุคสมัยผ่านงานสถาปัตยกรรมและ ศิลปกรรมแขนงต่าง ๆ อย่างไรก็ตามโบราณวัตถุสถาน ก็เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของวิถีชีวิตของผู้คน เหล่านั้น การเข้าใจผู้คน สังคมไม่ว่ายุคใด สมัยใด ต้องศึกษาให้รอบด้าน ในหลายปัจจัย แต่ด้วยเหตุที่ โบราณวัตถุสถาน เป็นสิ่งที่จับต้องได้ และมีอายุยืนยาวกว่าหลักฐานประเภทอื่น จึงเป็นเสมือนคลัง ความรู้ โดยเฉพาะสิ่งที่สร้างด้วยแรงศรัทธา ที่มีการรักษาสืบทอดกันจนถึงปัจจุบัน หากว่าคนรุ่นหลัง มิได้ตระหนักความส�ำคัญของมรดกเหล่านี้ ปล่อยปละละเลยให้เสื่อมสภาพ ถูกท�ำลาย และสูญหายไป ก็จะไม่เหลืออะไรไว้ให้คนรุ่นต่อไปได้ศึกษาเรียนรู้หรือภาคภูมิใจ ผู้เขียนหวังว่า หนังสือ “พื้นภูมิเพชรบุรี : ภูมิสถาน เล่มที่ ๘” จะเป็นสิ่งจุดประกายให้ผู้ที่สนใจ การศึกษาเรื่องราวของเมืองเพชรบุรีและสนใจความเป็นไปของผู้คนที่ช่วยกันสรรสร้างความเป็น เมืองเพชรจนถึงปัจจุบัน ให้ไปสืบค้นชิ้นส่วนทางประวัติศาสตร์ที่ยังขาดหายไม่ครบถ้วน มาเสริมต่อ ภาพของเมืองเพชรในแต่ละยุคสมัยให้มีความสมบูรณ์กระจ่างชัดยิ่งขึ้น และขอขอบพระคุณมหาวิทยาลัย ราชภัฏเพชรบุรี ที่ได้เปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมกับความภาคภูมิใจในครั้งนี้ในฐานะคนเมืองเพชร ด้วยความขอบคุณ นางสาวพยุง วงษ์น้อย ส�ำนักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี ภูมิสถาน 11


สารบัญ อาเศียรวาทราชสดุดี..................................................................................................... ๔ พื้นภูมิเพชรบุรีแห่งความภาคภูมิใจ..................................................................................๗ มรดกเมืองเพชรเพื่อแผ่นดินเกิด...................................................................................... ๙ ค�ำน�ำ...................................................................................................................... ๑๑ ก่อนเป็นเมืองเพชรบุรี คนก่อนประวัติศาสตร์ในลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรี................................................................. ๑๔ พื้นที่ต้นแม่น�้ำเพชรกับร่องรอยคนก่อนประวัติศาสตร์..........................................๑๗ คนก่อนประวัติศาสตร์ต้นแม่น�้ำเพชรบุรีกับชุมชนร่วมสมัย .................................... ๒๓ ร่องรอยคนก่อนประวัติศาสตร์ในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรี......................๒๔ ชุมชนลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีในเส้นทางการค้าสมัยทวารวดี.................................................๒๘ ศรีชัยวัชรบุรี ? เมืองท่าในกระแสวัฒนธรรมเขมรเฟื่องฟู............................................. ๓๙ เมืองเพชรบุรี เพชรบุรีเมืองแห่งพุทธศาสนา................................................................................๔๒ เมืองโบราณทางฝั่งตะวันออกของแม่น�้ำเพชรบุรี................................................ ๔๕ พื้นที่เมืองฝั่งตะวันตกแม่น�้ำเพชรบุรี................................................................ ๕๔ ชุมชนเก่าแก่ทางฟากตะวันตกของเมือง............................................................ ๖๑ เพชรบุรีในฐานะเมืองท่าและชุมทางในเส้นทางการค้าโพ้นทะเล...................................... ๖๔ ชุมชนลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีตอนกลางกับการค้าของป่า............................................. ๖๘ ชะอ�ำเมืองชุมทาง........................................................................................๗๐ บ้านแหลม-บ้านบางตะบูน-ปากประตูเมืองเพชรบุรี............................................๗๔ เพชรบุรีเมืองยุทธศาสตร์..................................................................................... ๗๗ เพชรบุรี เมืองพักผ่อนหย่อนใจ .............................................................................. ๙๕ เพชรบุรีในกระแสความเปลี่ยนแปลง....................................................................... ๘๑ มรดกสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่หลงเหลืออยู่ในย่านการค้าเดิม.................................. ๘๖ 12 พื้นภูมิเพชรบุรี


มรดกพุทธศิลป์ถิ่นเมืองเพชร : แรงศรัทธาที่ยืนยาว วัดใหญ่สุวรรณารามแหล่งรวมมรดกพุทธศิลป์.......................................................... ๙๐ เมืองเพชรในเส้นทางไหว้พระบาทลังกากับคติการบูชารอยพระพุทธบาทในเมืองเพชร........ ๙๔ ปูนปั้นวัดไผ่ล้อมเล่าเรื่องพระบาทลังกากับพุทธโฆษะนิทาน .................................. ๙๔ รอยพระพุทธบาทในจิตรกรรมฝาผนังอุโบสถวัดเกาะ........................................... ๙๘ พระพุทธบาทเขาลูกช้างกับความเชื่อเรื่องรอยพระพุทธบาท ............................... ๑๐๐ ที่กดประทับลงบนพื้นหิน พระนอนใหญ่ในเมืองเพชรบุรี.............................................................................. ๑๐๓ พระนอนใหญ่เชิงเขาสมน (วัดพระพุทธไสยาสน์).............................................. ๑๐๓ พระนอนในถ�้ำเมืองเพชรบุรี......................................................................... ๑๐๖ พระพุทธปฏิมาล�้ำค่าในเมืองเพชรบุรี..................................................................... ๑๑๑ หลักเสมาในเมืองเพชรบุรี...................................................................................๑๒๒ อุโบสถและวิหารที่ได้รับอิทธิพลตะวันตกในเมืองเพชรบุรี........................................... ๑๓๐ เสนาสนะที่ได้รับอิทธิพลตะวันตกในสมัยรัตนโกสินทร์................................................ ๑๓๒ พระมหากรุณาธิคุณแห่งราชจักรีวงศ์ต่อเมืองเพชรบุรี พระราชวังในเมืองเพชรบุรี.................................................................................. ๑๔๑ พระนครคีรี : พระนครเขา ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว.................... ๑๔๑ พระราชวังบ้านปืน พระประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว....... ๑๔๔ จากค่ายหลวงหาดเจ้าส�ำราญถึงพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน................................ ๑๔๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับแหล่งมรดกศิลปวัฒนธรรมเมืองเพชรบุรี..................... ๑๕๐ บรรณานุกรม ......................................................................................................... ๑๕๔ คณะกรรมการด�ำเนินการจัดพิมพ์หนังสือพื้นภูมิเพชรบุรี.................................................. ๑๕๙ รายนามผู้สนับสนุนในการพิมพ์หนังสือพื้นภูมิเพชรบุรี..................................................... ๑๖๐ ภูมิสถาน 13


ก่อนเป็นเมืองเพชร คนก่อนประวัติศาสตร์ในลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรี ลักษณะทางกายภาพของพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีนั้นมีรูปร่าง คล้ายสี่เหลี่ยม ส่วนที่กว้างที่สุดจากทิศตะวันตกเขตชายแดน ประเทศสหภาพพม่าไปจรดด้านตะวันออกสุดบริเวณแหลมผักเบี้ย มีระยะทางยาว ๑๐๓ กิโลเมตร ส่วนทางด้านเหนือตั้งแต่เขต ติดต่อกับอ�ำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ไปจนถึงใต้สุดจรดกับ อ�ำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีระยะทาง ๘๐ กิโลเมตร มี พื้นที่ราบประมาณหนึ่งในสามของพื้นที่จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่ จะอยู่ทางด้านตะวันออกของตัวจังหวัด ส่วนพื้นที่ในเขตเทือกเขา ตะวันตกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี จะเริ่มตั้งแต่ เขื่อนแก่งกระจานไปทางตะวันตกซึ่งเป็นเขตต้นน�้ำของแม่น�้ำ เพชรบุรี ลักษณะภูมิประเทศบริเวณนี้จะเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนลาด และลูกคลื่นลอนชัน สลับกับเขตเทือกเขาสูงไปจนถึงประเทศ สหภาพพม่า มีระดับความสูงจากระดับน�้ำทะเลเฉลี่ยมากกว่า ๓๐๐ เมตรขึ้นไป ส่วนที่ใกล้กับเขตแดนเป็นเขาสูงชันซึ่งเป็น สันปันน�้ำ ยอดเขาสูงสุดในบริเวณนี้ ได้แก่ ยอดเขาพะเนินทุ่ง มีความสูงจากระดับน�้ำทะเลประมาณ ๑,๒๐๗ เมตร 14 พื้นภูมิเพชรบุรี


ในส่วนของแม่น�้ำเพชรบุรี แม่น�้ำสายส�ำคัญของจังหวัด เพชรบุรีนั้น มีความยาวทั้งสิ้น ๑๙๐ กิโลเมตร ต้นก�ำเนิดอยู่ในเขต เทือกเขาตะวันตกตอนกลางใกล้กับพรมแดนติดกับประเทศพม่า เกิดจากล�ำห้วยสาขาหลายสายไหลมารวมกัน ประกอบด้วย ห้วยแยกแย ห้วยตอธิป ห้วยตะเกลโพ ห้วยอีแอด ห้วยตะเกลพาดู เป็นต้น แม่น�้ำเพชรบุรีในช่วงต้นนี้เนื่องจากสภาพพื้นที่สูงชัน มีที่ราบระหว่างหุบเขาน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นบริเวณลุ่มน�้ำแคบ ๆ ไหลไปตามหุบเขาลึกท�ำให้กระแสน�้ำที่ไหลผ่านกัดเซาะแผ่นดิน อย่างรุนแรง จึงเต็มไปด้วย น�้ำตก น�้ำโจน และเกาะแก่งที่มีทิวทัศน์ สวยงาม ตอนกลางของล�ำน�้ำเริ่มจากใต้เขื่อนแก่งกระจานลงไปจนถึง อ�ำเภอท่ายาง แม่น�้ำเพชรบุรีช่วงนี้เป็นแบบรูปตัวยูโดยไหลออกจาก เขื่อนไปทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ ลักษณะท้องน�้ำจะกว้างขึ้น มีการกัดเซาะในทางแนวกว้างมากกว่าทางลึก พื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งน�้ำ เริ่มมีอาณาบริเวณมากขึ้น ปรากฏที่ราบขั้นบันไดตลอดสองฝั่งล�ำน�้ำ ส่วนลุ่มน�้ำตอนล่างเริ่มตั้งแต่บริเวณใต้เขื่อนเพชรลงมาจนถึงตัว จังหวัดเพชรบุรีมีความยาวประมาณ ๓๘ กิโลเมตร ก่อนที่จะไหล แยกออกเป็น ๒ สายแล้วลงสู่ทะเลในเขตอ�ำเภอบ้านแหลม และ เขตติดต่อกับจังหวัดสมุทรสงคราม สภาพภูมิประเทศตอนต้น ของแม่น�้ำเพชรบุรี ตอนที่เป็น ที่ราบหุบเขาบริเวณ บ้านโป่งลึก-บางกลอย ภูมิสถาน 15


ลักษณะพื้นที่ของแม่น�้ำเพชรบุรีตอนล่างมีลักษณะคล้าย กับลุ่มน�้ำตอนกลาง เริ่มมีการทับถมของตะกอนสองฝั่งล�ำน�้ำ มากขึ้นเกิดที่ราบน�้ำท่วมถึงซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์เป็นบริเวณ กว้าง ลักษณะสภาพภูมิประเทศที่แตกต่างกันนั้นเป็นปัจจัย ส่วนหนึ่งของการตั้งถิ่นฐานเพื่อใช้ทรัพยากรธรรมชาติในการ ด�ำรงชีพของมนุษย์ ดังนั้นในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีในปัจจุบัน มีการพบร่องรอยของผู้คนในอดีตในสภาพพื้นที่ที่แตกต่างกัน หลักฐานต่าง ๆ ที่พบสะท้อนภาพวิถีด�ำรงชีวิต ความเชื่อ ประเพณี ความนิยม เทคโนโลยี ในรูปแบบที่แตกต่างกันตามสภาพแวดล้อม ที่แต่ละชุมชนด�ำรงอยู่แต่ละห้วงเวลา แสดงถึงความเป็นมาของ ผู้คนในดินแดนลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีนี้ แผนที่แสดงต�ำแหน่งที่ตั้ง แหล่งโบราณคดีในเขต ต้นแม่น�้ำเพชรบุรี ภาพจากรายงานผลการวิจัย พัฒนาการของชุมชน ก่อนประวัติศาสตร์ต้นแม่น�้ำเพชรบุรี 16 พื้นภูมิเพชรบุรี


พื้นที่ต้นแม่น�้ำเพชรกับร่องรอยคนก่อนประวัติศาสตร์ เขตพื้นที่ทางด้านทิศตะวันตกของจังหวัดเพชรบุรี เป็นเขต ภูเขาสูงชันของเทือกเขาตะนาวศรี อันเป็นเขตต้นแม่น�้ำเพชรบุรีนั้น สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงชันสลับกับหุบเขา ในเขต หุบเขาจะมีล�ำน�้ำขนาดต่าง ๆ และที่ราบแคบ ๆ เป็นแนวยาวตลอด ล�ำน�้ำ ที่ราบหุบเขาส�ำคัญจะวางตัวในแนวตะวันตกเฉียงเหนือตะวันออกเฉียงใต้ แทรกขนานไปกับแนวเทือกเขาตะนาวศรี จาก การส�ำรวจในเขตพื้นที่ดังกล่าว พบร่องรอยกิจกรรมของคนก่อน ประวัติศาสตร์ กระจายอยู่ในพื้นที่แถบต้นแม่น�้ำเพชรบุรีหลายแห่ง ด้วยกัน ในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศแตกต่างกัน ในอ�ำเภอ แก่งกระจานและอ�ำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ได้แก่ เขตที่ราบ หุบเขาบ้านโป่งลึก-บางกลอย เขตเทือกเขาและที่ราบหุบเขา บ้านพุไทร เขตที่ราบสลับภูเขาลูกโดดบ้านหนองมะค่า เขตเทือกเขา ด่างใหญ่ เขาอ่างแก้วและเขาถ�้ำดิน เขตเทือกเขากระปุก เขตที่ราบหุบเขาต้นแม่น�้ำปราณบุรี และเขตเทือกเขาและที่ราบ หุบเขาเขาถ�้ำเสือ บริเวณที่พบร่องรอยกิจกรรมของผู้คนสมัยก่อน ประวัติศาสตร์ในพื้นที่ต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ที่เรียกว่าแหล่ง โบราณคดีนั้น แสดงให้เห็นถึงกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไปของ ผู้คนในการใช้พื้นที่หรือทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ สภาพภูมิประเทศแบบที่ราบ สลับเขาโดดบริเวณบ้านหนอง มะค่า ต�ำบลสองพี่น้อง อ�ำเภอ แก่งกระจาน ภูมิสถาน 17


ในเขตที่ราบหุบเขา แหล่งโบราณคดีส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนที่ลาดเชิงเขา หรือพื้นที่ราบ ลูกคลื่นลอนลาดแวดล้อมด้วยภูเขาหินปูนลูกโดด มีแหล่งน�้ำขนาดเล็กไหลผ่าน ซึ่งมักใช้ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย หรือที่ตั้งชุมชนขนาดเล็ก ได้แก่ แหล่งโบราณคดีบ้านหนองมะค่า และบ้านพุไทร อ�ำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี มีบางแหล่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น�้ำ เช่น แหล่งโบราณคดีบ้านถ�้ำเสือ อ�ำเภอแก่งกระจาน เป็นต้น พื้นที่เขตที่ราบหุบเขาใกล้กับแหล่งน�้ำส่วนใหญ่จะมีความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ ของป่า สมุนไพร และแร่ธาตุ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาศัยหากินของสัตว์นานาชนิดทั้งสัตว์ ป่าและสัตว์น�้ำ จึงเป็นแหล่งทรัพยากรหลักในการด�ำรงชีพของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ดังนั้นบริเวณเขตที่ราบหุบเขาใกล้แหล่งน�้ำบางแห่งจึงพบหลักฐานของการเป็นแหล่งซุ่มเพื่อ ล่าสัตว์ หรือแหล่งที่พักชั่วคราวในการเก็บของป่า ได้แก่ แหล่งโบราณคดีบ้านห้วยสัตว์ใหญ่ และบ้านโป่งลึก จังหวัดเพชรบุรี ถ�้ำหรือเพิงผา ที่คนก่อนประวัติศาสตร์ใช้ส�ำหรับเป็นที่พักอาศัยชั่วคราวนั้นจะมี ลักษณะเป็นถ�้ำค่อนข้างโปร่ง มีแสงสว่างส่องถึง และอากาศถ่ายเทได้สะดวก ลักษณะของ แหล่งโบราณคดีประเภทนี้มักจะใช้เพียงชั่วคราว หรือใช้ในเพียงบางฤดูกาลเท่านั้น ส�ำหรับ เป็นที่พักแรมในช่วงเวลาที่ออกหาของป่าหรือล่าสัตว์ ส่วนถ�้ำหรือเพิงผาที่ใช้ส�ำหรับเป็นที่ ประกอบพิธีกรรมการปลงศพนั้นค่อนข้างมีรูปแบบเฉพาะที่เอื้ออ�ำนวยเหมาะสมต่อ กิจกรรมดังกล่าว กล่าวคือ มีลักษณะเป็นโพรงถ�้ำแคบ ๆ อับทึบ มีซอกหลืบคูหาถ�้ำซับซ้อน บางซอกหลืบอาจจะอยู่สูงจากพื้นคูหาถ�้ำหลายเมตร มนุษย์หรือสัตว์ไม่สามารถขึ้นไป รบกวนได้ หรือเป็นคูหาที่อยู่ด้านในลึกสุดของถ�้ำ จากหลักฐานเท่าที่ปรากฏอยู่อาจสันนิษฐานในเบื้องต้นได้ว่ารูปแบบการตั้งถิ่นฐาน ของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในต้นแม่น�้ำเพชรบุรีนั้นมีการตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัยบนเขต พื้นราบหุบเขาใกล้กับแหล่งน�้ำ ในบางครั้งอาจมีการใช้ถ�้ำหรือเพิงผาเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว จากรูปแบบของเครื่องมือเครื่องใช้ ได้แก่ ขวานหินขัด ภาชนะดินเผา และเครื่องประดับ บ่งบอกถึงความเป็นชุมชนในกลุ่มสังคมเกษตรกรรม อย่างไรก็ตาม จากการศึกษายังไม่พบ หลักฐานการเพาะปลูกไม่ว่าจะเป็นข้าวหรือพืชผักอื่น ๆ แหล่งอาหารส่วนหนึ่งจึงน่าจะได้จาก การหาของป่า เช่น พืชผัก หน่อไม้ ผลไม้ สมุนไพร รวงผึ้ง ฯลฯ หรือการล่าสัตว์ป่า เช่น เก้ง กวาง ไก่ ฯลฯ การจับสัตว์น�้ำ เช่น เต่า หอยกาบ ฯลฯ แสดงถึงรูปแบบของการด�ำรงชีวิต ส่วนใหญ่ที่ยังต้องพึ่งพาทรัพยากรจากธรรมชาติเป็นส�ำคัญ ดังนั้นปัจจัยในเรื่อง ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรแร่ธาตุในพื้นที่ จึงน่าจะเป็น มูลเหตุหรือแรงจูงใจส�ำคัญของการตั้งถิ่นฐานในระยะเริ่มแรกของคนในเขตพื้นที่ต้นแม่น�้ำ เพชรบุรี 18 พื้นภูมิเพชรบุรี


ถ�้ำไทร บ้านพุไทร ต�ำบลห้วยแม่เพรียง อ�ำเภอแก่งกระจาน เป็นถ�้ำขนาดใหญ่ แสงส่องถึง อากาศถ่ายเท ได้สะดวกสามารถใช้ อยู่อาศัยได้ ชิ้นส่วนภาชนะดินเผาเนื้อหยาบ พบในถ�้ำไทร บ้านพุไทร แสดง ร่องรอยของผู้คนในเขตต้นแม่น�้ำ เพชรบุรี ขวานหินขัดและชิ้นส่วนก�ำไลหิน พบจากถ�้ำเขาพุประค�ำ ต�ำบล กลัดหลวง อ�ำเภอท่ายาง ภูมิสถาน 19


พิธีกรรมและความเชื่อ ของผู้คนในเขตต้นแม่น�้ำเพชรบุรี มีหลักฐานบ่งชี้ว่า คนก่อนประวัติศาสตร์ในเขตต้นแม่น�้ำเพชรบุรีมีการประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับการปลงศพ และการฝังสิ่งของเครื่องใช้เพื่อเป็นเครื่องเซ่นอุทิศให้กับคนตาย โดยมีรูปแบบการปลงศพ ๒ รูปแบบ คือ ๑. การประกอบพิธีกรรมการปลงศพโดยการขุดหลุมฝังร่างของคนตายร่วมกับ สิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้และเครื่องประดับ เช่น ภาชนะดินเผา ขวานหินขัด ก�ำไลหิน ก�ำไลเปลือกหอย เป็นต้น เพื่อเป็นเครื่องเซ่นอุทิศให้ผู้ตาย พบโครงกระดูกมนุษย์ร่วมกับ สิ่งของเครื่องใช้ในถ�้ำจากแหล่งโบราณคดีถ�้ำเขาพุประค�ำ และถ�้ำเขากระปุก จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งอาจจะเป็นหลักฐานของพิธีกรรมในการฝังศพสมัยก่อนประวัติศาสตร์รูปแบบหนึ่ง ๒. ประเพณีการปลงศพครั้งที่สอง การส�ำรวจแหล่งโบราณคดีหลายแห่งในเขต ต้นแม่น�้ำเพชรบุรี พบหลักฐานการปลงศพครั้งที่สอง ของกลุ่มคนก่อนประวัติศาสตร์ ในกลุ่มสังคมกสิกรรมที่ยังไม่ใช้เครื่องมือโลหะเมื่อราว ๓,๐๐๐-๑,๕๐๐ ปีมาแล้ว เป็นพิธีกรรม ที่มีการน�ำร่างของคนตายไปฝังไว้ชั่วคราวปล่อยให้เนื้อหนังเน่าเปื่อยไปก่อนแล้วจึงขุดกระดูก ขึ้นมาแยกเฉพาะส่วนส�ำคัญ เช่น กะโหลกศีรษะ ชิ้นส่วนแขนขา เป็นต้น จากนั้นจึงน�ำมา ประกอบพิธีฝังอีกครั้ง พร้อมกับภาชนะดินเผาที่จัดท�ำขึ้นมาเป็นพิเศษ เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องประดับ อาหาร และเครื่องสังเวย ฝังลงไปพร้อมกันเพื่อเป็นการอุทิศให้กับผู้ตาย หรือบางครั้งอาจน�ำไปไว้ตามถ�้ำหรือเพิงผา พิธีกรรมการปลงศพครั้งที่สองนี้ คงจะเป็น แบบแผนของชุมชนในเขตต้นแม่น�้ำเพชรบุรี เนื่องจากมีการพบหลักฐานของพิธีกรรม ดังกล่าวกระจายอยู่ทั่วไปในเขตพื้นที่ หลักฐานที่ส�ำคัญอีกกลุ่มหนึ่ง ได้แก่ แหล่งโบราณคดี ในถ�้ำเขตบ้านหนองมะค่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นถ�้ำของภูเขาหินปูนลูกโดดที่ตั้งสลับกันอยู่ในเขต พื้นที่ราบ หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการปลงศพจะคล้ายคลึงกัน คือจะพบในคูหาของถ�้ำ ที่เข้าถึงได้ยาก เป็นคูหาหรือซอกหลืบของถ�้ำที่อับทึบและแคบ มักจะพบชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ ปะปนอยู่กับชิ้นส่วนภาชนะดินเผาประเภทหม้อหรือไห ชิ้นส่วนกระดูกที่คัดแยกมาฝังร่วมกับ สิ่งของเครื่องใช้ที่ส�ำคัญส่วนหนึ่งน่าจะ ได้แก่ ฟันกราม เนื่องจากหลักฐานจากแหล่ง โบราณคดีถ�้ำไทร ๒ ได้พบฟันกราม กระจายปะปนอยู่ร่วมกับชิ้นส่วนภาชนะดินเผา 20 พื้นภูมิเพชรบุรี


เครื่องมือ เครื่องใช้ รูปแบบของเครื่องมือเครื่องใช้ที่พบจากแหล่งโบราณคดี ในเขตต้นแม่น�้ำเพชรบุรี มีความคล้ายคลึงกันหรือมีรูปแบบร่วมกันหลายอย่าง ถึงแม้ ต�ำแหน่งที่ตั้งของแหล่งโบราณคดีในบางเขตมีลักษณะภูมิประเทศแตกต่างกัน เช่น บางแห่ง เป็นที่ราบหุบเขา บางแห่งเป็นถ�้ำและเพิงผา จึงชวนให้เข้าใจว่าแหล่งโบราณคดีเหล่านี้ มีความสัมพันธ์ร่วมสมัยกัน เช่น แหล่งโบราณคดีในเขตเทือกเขาและที่ราบหุบเขาบ้านพุไทร แหล่งโบราณคดีในเขตที่ราบสลับภูเขาลูกโดดบ้านหนองมะค่า แหล่งโบราณคดีเขตที่ราบ หุบเขาบ้านห้วยแร่ และแหล่งโบราณคดีเขตที่ราบหุบเขาหุบผึ้ง เป็นต้น ในด้านความ คล้ายคลึงของเครื่องมือเครื่องใช้นั้นพบว่า คนก่อนประวัติศาสตร์ในเขตนี้มีการใช้เครื่องมือ หินขัดกันอย่างแพร่หลายทั้งขวานหินขัดแบบมีบ่าและไม่มีบ่า ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และ ขนาดใหญ่ ขวานหินขัดนั้นแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของเครื่องมือเครื่องใช้ที่ท�ำจากหิน ที่ส�ำคัญ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือให้สามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี ยิ่งขึ้น และมีความหลากหลายของรูปแบบเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นหลักฐานที่แสดงถึง การถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือการติดต่อสัมพันธ์ของคนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ขวานหินขัดยังใช้เป็นสิ่งของส�ำคัญที่อุทิศให้กับผู้ตายร่วมกับเครื่องมือเครื่องใช้อื่น ๆ ใน พิธีกรรมการปลงศพ ขวานหินขัดและผลึกแร่ พบจากถ�้ำบ้านห้วยส�ำโหรง บ้านหนองมะค่า ภูมิสถาน 21


รูปแบบของขวานหินขัดที่มีลักษณะคล้ายกัน เป็นต้นว่า ขวานหินขัดขนาดเล็กซึ่งพบจากแหล่ง โบราณคดีถ�้ำเขากระปุก อ�ำเภอท่ายางและบ้านหนอง มะค่า อ�ำเภอแก่งกระจาน ขวานหินขัดชนิดมีบ่า แบบขวานสั้น ซึ่งพบจากแหล่งโบราณคดีบ้านโป่งลึก ๑ ขวานยาวขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมูซึ่งพบ จากแหล่งโบราณคดีถ�้ำเขาพุประค�ำ อ�ำเภอท่ายาง และขวานยาวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ที่พบจาก แหล่งโบราณคดีถ�้ำเขาพุประค�ำและแหล่งโบราณคดี ถ�้ำเขากระปุก อ�ำเภอท่ายาง นอกจากรูปแบบของ ขวานหินขัดซึ่งมีความคล้ายคลึงกันในหลายชนิดแล้ว ภาชนะดินเผาที่พบในเขตต้นแม่น�้ำเพชรบุรีบางประเภท ยังมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันอีกด้วย เช่น หม้อดินเผา ก้นกลม ปากบาน ล�ำตัวมีสัน ซึ่งพบในแหล่งโบราณคดี ถ�้ำเขาพุประค�ำและถ�้ำเขากระปุก อ�ำเภอท่ายาง ขวานหินขัด และก�ำไลเปลือกหอย พบจากถ�้ำเขากระปุก อ�ำเภอท่ายาง หม้อดินเผาก้นกลม พบจากถ�้ำเขากระปุก 22 พื้นภูมิเพชรบุรี


คนก่อนประวัติศาสตร์ต้นแม่น�้ำเพชรบุรีกับชุมชนร่วมสมัย จากต�ำแหน่งที่ตั้งของพื้นที่เขตต้นแม่น�้ำเพชรบุรีนั้นอยู่ ระหว่างแผ่นดินใหญ่ (ภาคกลาง) กับคาบสมุทร (ภาคใต้) ซึ่งพื้นที่ ทั้งสองเขตนี้มีพัฒนาการของชุมชนมาตั้งแต่กลุ่มสังคมหาอาหาร จากธรรมชาติ เมื่อศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องประดับโบราณที่พบในพื้นที่เขตต้นแม่น�้ำเพชรบุรีกับโบราณ วัตถุที่พบในแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในพื้นที่ ภาคกลางและภาคใต้แล้ว พบว่ามีรูปแบบคล้ายคลึงกัน ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าน่าจะมีกลุ่มคนเข้ามาใช้พื้นที่นี้มาแล้วตั้งแต่ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย มีอายุประมาณ ๔,๕๐๐-๓,๐๐๐ ปี มาแล้ว โดยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มชุมชนขนาดเล็ก ๆ ตั้งบ้านเรือนอยู่ อาศัยบนเขตพื้นราบหุบเขาใกล้กับแหล่งอาหารหรือแหล่งน�้ำ ในบางครั้งอาจมีการใช้ถ�้ำหรือเพิงผาเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว จาก รูปแบบของเครื่องมือเครื่องใช้ ได้แก่ ขวานหินขัด ภาชนะดินเผา และเครื่องประดับ บ่งบอกถึงความเป็นชุมชนในกลุ่มสังคม เกษตรกรรม แต่ยังไม่พบหลักฐานการเพาะปลูก แหล่งอาหาร ส่วนหนึ่งจึงน่าจะได้จากการหาของป่า หรือการล่าสัตว์ป่า และ การจับสัตว์น�้ำ แสดงถึงรูปแบบของการด�ำรงชีวิตส่วนใหญ่ที่ยังต้อง พึ่งพาทรัพยากรจากธรรมชาติเป็นส�ำคัญ ดังนั้นความอุดมสมบูรณ์ ของทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรแร่ธาตุ จึงน่าจะเป็นมูลเหตุ แรงจูงใจส�ำคัญของการตั้งถิ่นฐานในระยะเริ่มแรกของคนในเขต พื้นที่ต้นแม่น�้ำเพชรบุรี ทั้งกลุ่มคนเหล่านี้ยังมีการติดต่อสัมพันธ์กับ ชุมชนอื่น ๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไป ในภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคใต้ด้วย และมีร่องรอยการใช้พื้นที่เพื่อการโลหกรรม ในช่วงเวลาต่อมา ภูมิสถาน 23


ร่องรอยคนก่อนประวัติศาสตร์ในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มแม่น�้ำ เพชรบุรี นอกจากพื้นที่ต้นแม่น�้ำเพชรบุรีแล้วยังมีหลักฐานการพบ โบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เช่น ขวานหินขัด ริมฝั่งแม่น�้ำ เพชรบุรีแถบบ้านท่าลาว บริเวณตอนกลางของลุ่มน�้ำ ส่วนพื้นที่ ตอนล่างของลุ่มน�้ำ ยังได้พบร่องรอยกิจกรรมของคนก่อน ประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน ได้แก่ แหล่งโบราณคดีบ้านหนองแฟบ อ�ำเภอท่ายาง พบโครงกระดูกมนุษย์ฝังอยู่ร่วมกับเครื่องใช้ เครื่อง ประดับ เช่น ภาชนะดินเผาขนาดเล็กที่ท�ำขึ้นเป็นพิเศษ ไม่ใช่ภาชนะ ดินเผาที่ใช้ในชีวิตประจ�ำวัน รูปแบบเป็นหม้อก้นกลม หม้อก้นกลม มีเชิง เครื่องมือเหล็กรูปทรงคล้ายมีดขอที่มีช่องเข้าด้าม กระพรวน ส�ำริด แหวนส�ำริด ลูกปัดหินอาเกต ลูกปัดหินคาร์เนเลียน และ ลูกปัดแก้ว อีกแห่งหนึ่งพบที่แหล่งโบราณคดีบ้านหนองงูเหลือม ต�ำบลนายาง อ�ำเภอชะอ�ำ พบโครงกระดูกมนุษย์ฝังอยู่ใต้เนินดิน มีการอุทิศสิ่งของเครื่องใช้เครื่องประดับให้กับผู้ตายด้วย เช่น ภาชนะขนาดเล็กที่ท�ำขึ้นเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน รูปแบบเป็นหม้อ ก้นกลม หม้อก้นกลมมีสัน ที่น่าสนใจ คือ พบภาชนะรูปชามหรือ ขันปากกว้าง ด้านในปั้นเป็นแกนโค้งยึดขวางไว้อยู่หนึ่งแกน สันนิษฐานว่า เป็นภาชนะที่ใช้ตามไฟ นอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วน ภาชนะส�ำริด เครื่องประดับส�ำริด ลูกปัดหินคาร์เนเลียนอีกด้วย สิ่งของ เครื่องใช้ เครื่องประดับ ที่เป็นของอุทิศให้ผู้ตาย พบจากแหล่งโบราณคดี บ้านหนองงูเหลือม อ�ำเภอชะอ�ำ ลูกปัดหินกึ่งมีค่า ได้แก่ อาเกต และคาร์เนเลียน พบจากแหล่ง ฝังศพบ้านหนองแฟบ แหล่งผลิตเครื่องประดับประเภทนี้ อยู่ในประเทศอินเดีย เครื่องมือเหล็กรูปทรงคล้ายตัวนก พบจากแหล่งโบราณคดีบ้านหนองแฟบ แสดงให้เห็นถึงการติดต่อระหว่างชุมชน ร่วมสมัย 24 พื้นภูมิเพชรบุรี


โบราณวัตถุที่พบจากแหล่งโบราณคดีทั้งสองแห่งนี้ มีรูปแบบคล้ายกับโบราณวัตถุ ที่พบในแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์หลายแห่งในภาคกลางของประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มแหล่งโบราณคดีในเขตเขาโดดในศูนย์บ�ำรุงพันธุ์สัตว์หนองกวาง จังหวัดราชบุรี จึงสันนิษฐานได้ว่า ทั้งสองบริเวณนี้เป็นแหล่งฝังศพของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ตอนปลายในสังคมกสิกรรม ที่มีการใช้เครื่องมือโลหะ อายุราว ๒,๐๐๐-๑,๘๐๐ ปีมาแล้ว ซึ่งมี ประเพณีการฝังอุทิศสิ่งของเครื่องใช้ให้กับผู้ตายและคงมีการติดต่อกับชุมชนอื่น ๆ ด้วย เนื่องจากพบเครื่องใช้ เครื่องประดับท�ำจากส�ำริด ซึ่งมีรูปแบบเดียวกับที่พบในแหล่งก่อน ประวัติศาสตร์แหล่งอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พบเครื่องมือเหล็กรูปทรงคล้ายมีดขอที่มีช่อง เข้าด้าม หรือที่นักวิชาการนิยมเรียกกันว่า “เครื่องมือเหล็กรูปทรงคล้ายตัวนก” ที่พบ แพร่หลายอยู่ในหลายพื้นที่ในประเทศไทย เครื่องมือเหล็กชนิดนี้มักจะพบในแหล่งที่มี การใช้เครื่องมือเหล็กเป็นจ�ำนวนมาก แบบของที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น และแหล่งชุมชน ก่อนประวัติศาสตร์เหล่านี้จะพัฒนาขึ้นเป็นบ้านเมืองขนาดใหญ่ในสมัยต่อมา ทั้งบริเวณ ทางฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของลุ่มแม่น�้ำเจ้าพระยา ทั้งยังพบในแหล่งที่พบหลักฐาน การโลหกรรม เช่น แหล่งถลุงและผลิตเครื่องมือเหล็กในเขตที่ราบสลับเขาโดดในจังหวัด ราชบุรี แหล่งวัตถุดิบที่น�ำมาใช้ในการผลิตโลหะส�ำริด เช่น แหล่งถลุงทองแดงสมัยก่อน ประวัติศาสตร์ในแถบเขาวงพระจันทร์ จังหวัดลพบุรี แหล่งเหมืองแร่ดีบุกในเขตเทือกเขา ตะนาวศรี จังหวัดราชบุรี ซึ่งพบหลักฐานการท�ำเหมืองแร่มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังพบแพร่หลายอยู่ในแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในเส้นทางคมนาคม สมัยโบราณ เช่น แหล่งโบราณคดีบ้านดอนตาเพชร จังหวัดกาญจนบุรี แหล่งโบราณคดี เขาสามแก้ว จังหวัดชุมพร ภาชนะดินเผาขนาดเล็ก เป็นของอุทิศให้ผู้ตาย พบ จากแหล่งโบราณคดี บ้านหนองแฟบ อ�ำเภอ ท่ายาง ภูมิสถาน 25


ส�ำหรับแหล่งโบราณคดีบ้านหนองแฟบและแหล่งโบราณคดีบ้านหนองงูเหลือม ต�ำแหน่งที่ตั้งอยู่ในเส้นทางคมนาคมระหว่างภาคกลางและภาคใต้ ชุมชนเหล่านี้คงเป็นชุมชน ที่พัฒนาขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว โดยมีการติดต่อกับชุมชนภายนอกเพื่อแลกเปลี่ยนเครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องประดับ และต่อมาเมื่อได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากภายนอก โดยเฉพาะ วัฒนธรรมจากอินเดีย ผสมผสานกับวัฒนธรรมท้องถิ่นแล้วคลี่คลายมาเป็นวัฒนธรรม ทวารวดี ซึ่งในบริเวณใกล้เคียงกับแหล่งโบราณคดีทั้งสองแห่งนี้ ก็พบหลักฐานร่องรอย ชุมชนทวารวดีหนาแน่นอยู่เป็นกลุ่ม ๆ เป็นชุมชนที่เลือกตั้งถิ่นฐานอยู่บนพื้นที่ราบ มีล�ำน�้ำ สาขาเชื่อมต่อกับแม่น�้ำเพชรบุรี และอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งทะเล สามารถใช้เส้นทางน�้ำ และทางบกติดต่อกับชุมชนใกล้เคียงทั้งยังสามารถติดต่อกับดินแดนที่อยู่ไกลออกไปได้ พัฒนาการของชุมชนในเขตลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรี นับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๔ เป็นต้นมา การติดต่อสัมพันธ์กันของกลุ่มชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะจากชุมชนในดินแดน ไทยกับชุมชนที่อยู่ห่างไกลออกไปในดินแดนทางด้านตะวันตกและตะวันออก เริ่มมีความส�ำคัญ มากขึ้น ทั้งนี้เนื่องมาจากผลของการติดต่อกันระหว่างจีนและอินเดีย๑ ประกอบกับ ความต้องการแสวงหาที่ตั้งถิ่นฐานท�ำมาหากิน รวมทั้งความต้องการสินค้าจากชุมชนต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุ สมุนไพร เครื่องเทศ และของป่า มีเพิ่มมากขึ้น ท�ำให้การติดต่อประสานสัมพันธ์กับโลกภายนอกเริ่มเพิ่มมากขึ้น ชาวอินเดีย ได้พากันเดินทางเข้ามายังดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อจุดประสงค์ต่าง ๆ กัน เช่น เพื่อตั้งถิ่นฐาน ท�ำการค้า หรือเผยแพร่ลัทธิความเชื่อศาสนา ปะปนอยู่กับชาวพื้นเมือง ส�ำหรับชาวจีนในดินแดนทางตะวันออกก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครองให้เดินทาง เพื่อท�ำการค้าเช่นเดียวกัน ส่งผลให้คาบสมุทรอินโดจีน และคาบสมุทรมลายูกลายเป็นเส้น ทางผ่าน หรือจุดแลกเปลี่ยนทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และหลักความเชื่อ ทางศาสนาที่ส�ำคัญในระยะเวลาต่อมา ในช่วงระยะเวลาแรกวิธีการเดินเรือยังพัฒนาไม่มากนัก การเดินทางจึงใช้วิธีการ เดินเรือผ่านคาบสมุทรแล้วใช้เส้นทางเลียบตามชายฝั่งทะเลอันดามันทางด้านตะวันตก และชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย เพื่อหลบมรสุมคลื่นลมต่าง ๆ ดังนั้นในการเดินทางแต่ละครั้ง จึงต้องใช้ระยะเวลายาวนาน ต่อมาเมื่อการค้าและเศรษฐกิจขยายตัว ความต้องการ แลกเปลี่ยนสินค้าของชุมชนตะวันตกกับตะวันออกมีเพิ่มมากขึ้น ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๐-๑๑ จึงมีการปรับเปลี่ยนวิธีการเดินทางใหม่ โดยใช้การเดินทางลัดข้ามคาบสมุทรมลายู ๑ ศักดิ์ชัย สายสิงห์, ผศ.ดร.ศิลปะทวารวดี วัฒนธรรมพุทธศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย (กรุงเทพฯ : เมือง โบราณ, ๒๕๔๗), หน้า ๒๔. 26 พื้นภูมิเพชรบุรี


ผ่านเส้นทางบกซึ่งมีเส้นทางข้ามคาบสมุทรถึง ๑๑ เส้นทาง๒ เหตุจากการติดต่อสัมพันธ์กัน ของชุมชนต่าง ๆ ที่มีเพิ่มมากขึ้นนี้ เป็นผลส�ำคัญที่ท�ำให้ชุมชนพื้นเมืองในดินแดนไทย โดยเฉพาะชุมชนที่ตั้งอยู่ในระหว่างเส้นทางการคมนาคมทางบกหรือทางน�้ำพัฒนาขึ้น อย่างรวดเร็ว เกิดการรวมกลุ่มเป็นชุมชนเมืองขนาดใหญ่ตามปากแม่น�้ำสายส�ำคัญ มีการแลกเปลี่ยนวิทยาการ คติความเชื่อ และวัฒนธรรมกับกลุ่มชนอื่น ๆ ที่เข้ามาติดต่อด้วย โดยเฉพาะชาวอินเดีย ท�ำให้เกิดการผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมกับวัฒนธรรม อินเดียที่ชาวพื้นเมืองได้เลือกรับมาใช้เป็นแบบแผนในการด�ำรงชีพ ทั้งลักษณะการด�ำรงชีพ เทคโนโลยีเครื่องมือเครื่องใช้ พิธีกรรม และความเชื่อทางศาสนา ซึ่งนักวิชาการเรียก รูปแบบวัฒนธรรมที่พัฒนาขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒–๑๖ ในดินแดนไทยนี้ว่า “วัฒนธรรม ทวารวดี” พื้นที่ในเขตลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีเป็นอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการได้ติดต่อ กับวัฒนธรรมที่สูงกว่าจากภายนอกเช่นกัน ท�ำให้ชุมชนในสังคมระดับหมู่บ้านที่อยู่อาศัย ด�ำรงชีพด้วยการกสิกรรม เลี้ยงสัตว์ เพาะปลูก และท�ำงานด้านโลหกรรมที่มีมาตั้งแต่ สมัยก่อนประวัติศาสตร์พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมเมืองที่มีการรวมกลุ่มกันของชุมชน ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มีการแบ่งสถานภาพทางสังคมของบุคคล คือ มีกลุ่มผู้ปกครอง ขุนนาง นักบวช พ่อค้า เกษตรกร และช่างฝีมือ ๒ Paul Wheatley. The Golden Khersonese. (Connecticut, 1973), PP 26. แผนที่แสดงต�ำแหน่งที่ตั้ง แหล่งโบราณคดีและโบราณ สถานวัฒนธรรมทวารวดี ในเขตลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรี ภาพจากร่องรอยวัฒนธรรม ทวารวดีในเขตลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรี และการศึกษาภาพประติมากรรม ปูนปั้นถ�้ำเขาน้อย จังหวัดเพชรบุรี ภูมิสถาน 27


ชุมชนลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีในเส้นทาง การค้าสมัยทวารวดี ในพื้นที่ลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีนั้น ไม่มีหลักฐาน การพบร่องรอยคูน�้ำคันดินของเมืองโบราณใน วัฒนธรรมทวารวดี แต่พบหลักฐานในวัฒนธรรม ทวารวดีที่ส�ำคัญ ได้แก่ ชิ้นส่วนธรรมจักรและ กวางหมอบ ศาสนวัตถุที่ส�ำคัญ อันเป็นสัญลักษณ์ แสดงเหตุการณ์ตอนพระพุทธเจ้าทรงแสดง ปฐมเทศนา ในบริเวณพื้นที่ที่ภายหลังมีหลักฐานว่า เป็นศูนย์กลางของชุมชนที่ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรม เขมร ทางฝั่งตะวันออกของแม่น�้ำเพชรบุรี ส่วน หลักฐานร่องรอยชุมชนในรูปของแหล่งโบราณคดี และโบราณสถาน ในวัฒนธรรมแบบทวารวดีนั้น พบกระจายอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี โดย เฉพาะในเขตที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น�้ำเพชรบุรี ปัจจุบัน ส�ำรวจพบทั้งสิ้น ๒๘ แห่ง จ�ำแนกออกตามลักษณะ ภูมิประเทศได้เป็น ๕ กลุ่ม ดังนี้ กังสดาลหรือระฆังหิน มักพบอยู่ในแหล่งชุมชน ทวารวดี ชิ้นนี้ปัจจุบันอยู่ที่วัดเพชรพลี ธรรมจักรศิลา พบบริเวณวัดค้างคาว (ร้าง) ในเขตเมืองเก่า ทางฝั่งตะวันออกของแม่น�้ำ เพชรบุรี 28 พื้นภูมิเพชรบุรี


ห้วยอ่างหินไหลผ่านเขาน้อย (เขาน้อยทรงอาบ) และ เขาถ�้ำรงค์ (เขาถ�้ำโรง) บริเวณนี้พบร่องรอยชุมชน ทวารวดีหนาแน่น ๑. โบราณสถานและชุมชนทวารวดีบริเวณที่ราบเชิงเขา บนขอบชายฝั่งทะเลเดิม ในเขตอ�ำเภอบ้านลาด ได้แก่ กลุ่มบ้าน หนองพระ ประกอบด้วย โบราณสถานบ้านหนองพระ โบราณสถาน เขาพระนอก และแหล่งโบราณคดีบ้านไร่ห้วย ๒. โบราณสถานและชุมชนทวารวดีบริเวณที่ราบลุ่มริม แม่น�้ำเพชรบุรีตอนกลาง ได้แก่ กลุ่มวังฆ้อง มีโบราณสถานวังฆ้อง เป็นศาสนสถานส�ำคัญ ๓. โบราณสถานและชุมชนทวารวดีบริเวณที่ราบลุ่มริม แม่น�้ำเพชรบุรีตอนล่าง ในเขตอ�ำเภอเมืองเพชรบุรี อ�ำเภอบ้านลาด และอ�ำเภอท่ายาง อันประกอบด้วย กลุ่มตัวเมืองเพชรบุรี กลุ่มบ้าน บ่อพราหมณ์ กลุ่มเนินดินแดง กลุ่มเขาน้อย (เขาน้อยทรงอาบ)- เขาถ�้ำรงค์ และกลุ่มเขากระจิว ประกอบด้วย โบราณสถานใน กลุ่มบ้านบ่อพราหมณ์ โบราณสถานเนินดินแดง โบราณสถาน เนินโพธิ์ใหญ่ แหล่งโบราณคดีหน้าวัดป่าแป้น แหล่งโบราณคดีบ้าน เขากระจิว แหล่งโบราณคดีบ้านใหม่ โบราณสถานบ้านมาบปลาเค้า โบราณสถานถ�้ำเขาน้อย โบราณสถานถ�้ำวัว โบราณสถานไร่ นายสุทิน หวานหนู และโบราณสถานไร่นายทรัพย์ ขาวปลั่ง ภูมิสถาน 29


๔. โบราณสถานและชุมชนทวารวดีในบริเวณที่ราบลุ่มแนวสันดอนทรายเก่า ในเขตอ�ำเภอเขาย้อย ได้แก่ กลุ่มบ้านหนองปรง ประกอบด้วยกลุ่มโบราณคดีหนองปรง และแหล่งโบราณคดีเขาพระ ๕. โบราณสถานและชุมชนทวารวดีในบริเวณที่ราบริมชายฝั่งทะเลในเขตอ�ำเภอ ท่ายางและอ�ำเภอชะอ�ำ ได้แก่ กลุ่มบ้านดอนเตาอิฐและกลุ่มทุ่งเศรษฐี ประกอบด้วย โบราณสถานบ้านดอนเตาอิฐ โบราณสถานทุ่งเศรษฐี โบราณสถานบ้านนายาง โบราณสถาน เขาจอมปราสาท โบราณสถานถ�้ำเขาตาจีน และแหล่งโบราณคดีบ้านโคกเศรษฐี หลักฐานทางด้านโบราณคดีที่ส�ำรวจพบบ่งชี้ว่าในช่วงสมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษ ที่ ๑๒–๑๖) มีชุมชนทวารวดีตั้งกระจายอยู่ทั่วไปในเขตที่ราบลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรี โดยสภาพ ภูมิประเทศที่ตั้งของชุมชนเกือบทั้งหมดอยู่ใกล้กับเส้นทางน�้ำที่สามารถเชื่อมต่อกับทะเลได้ เช่น กลุ่มเขาน้อย-เขาถ�้ำรงค์ (บ้านลาด) ตั้งอยู่ริมห้วยอ่างหิน กลุ่มเขากระจิว (ท่ายาง) ตั้งอยู่ริมละหานบอน เป็นต้น หรือตั้งอยู่บริเวณที่ราบริมชายฝั่งทะเล เป็นข้อสังเกต ประการหนึ่งที่อาจน�ำมาสนับสนุนได้ว่าชุมชนเหล่านี้พัฒนาขึ้นมาจากการเป็นจุดรวบรวม ส่งผ่านสินค้า จุดแวะพัก เมืองท่า หรือสถานีการค้าที่ส�ำคัญ และกลุ่มชุมชนแต่ละแห่ง มีหน้าที่แตกต่างกันไปตามสภาพภูมิประเทศที่ตั้ง แหล่งทรัพยากร และกิจกรรมของชุมชน ซึ่งสามารถสรุปเป็นภาพรวม ได้ดังนี้ ศาสนสถานทุ่งเศรษฐี ตั้งอยู่เชิงเขาจอมปราสาท อยู่ใกล้กับเส้นทางข้าม คาบสมุทรตอนบน และอยู่ในเส้นทางคมนาคม ทางทะเลด้วย 30 พื้นภูมิเพชรบุรี


ชุมชนทวารวดีที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่ม ริมแม่น�้ำเพชรบุรีตอนกลาง กลุ่มวังฆ้องในเขต อ�ำเภอแก่งกระจาน และบริเวณที่ราบเชิงเขา บนขอบชายฝั่งทะเลเดิมกลุ่มบ้านหนองพระ อ�ำเภอบ้านลาด สภาพภูมิประเทศต�ำแหน่งที่ตั้ง ของชุมชนทั้งสองแห่งนี้อยู่ใกล้กับพื้นที่ป่าเขา อันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติของ เขตต้นแม่น�้ำเพชรบุรีซึ่งอยู่ลึกเข้ามาในแผ่นดิน จึงสันนิษฐานว่าหน้าที่ส�ำคัญประการหนึ่งของ ชุมชนโบราณทั้งสองกลุ่ม คือ เป็นแหล่งชุมชน ที่รวบรวมทรัพยากรธรรมชาติ แร่ธาตุ หรือ ผลผลิตจากป่า แล้วส่งผ่านสินค้าต่อไปให้กับ เมืองท่า หรือสถานีการค้าที่ส�ำคัญที่ตั้งอยู่ใน เส้นทางการติดต่อค้าขายบริเวณริมชายฝั่งทะเล ชุมชนทวารวดีในบริเวณที่ราบลุ่มแนว สันดอนทรายเก่า กลุ่มหนองปรง อ�ำเภอเขาย้อย ชุมชนโบราณในกลุ่มนี้มีลักษณะพิเศษ ตรงที่ เป็นชุมชนของช่างฝีมือที่ช�ำนาญในด้านการ แกะสลักหิน ร่องรอยกิจกรรมที่พบในพื้นที่ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการผลิตประติมากรรม ละหานบอนเป็นแหล่งน�้ำส�ำคัญ ที่ไหลผ่านชุมชนบริเวณ เขากระจิว พื้นที่ราบไม่ไกลจากภูเขาในแนวสันดอนทรายเก่า ในเขตบ้านหนองจิก-หนองปรง อ�ำเภอเขาย้อย พบ ร่องรอยการเป็นแหล่งผลิตประติมากรรมหิน ภูมิสถาน 31


รูปเคารพ และเครื่องมือเครื่องใช้ที่ท�ำด้วยหิน กิจกรรมโดยรวมของ กระบวนการผลิตที่เกิดขึ้นในกลุ่มชุมชนนี้พบหลักฐานว่าในเขต เขาพระ ซึ่งอยู่ห่างจากหนองปรงออกไปทางทิศตะวันตก ระยะทาง ประมาณ ๔ กิโลเมตร พบหลักฐานการเป็นแหล่งวัตถุดิบแห่งหนึ่ง ที่น�ำมาใช้ท�ำประติมากรรมรูปเคารพ นอกจากนี้ยังพบร่องรอย หลักฐานการผลิตโกลน ประติมากรรม ธรรมจักร แท่นหินบด และ หินบดในพื้นที่แหล่งด้วย นอกจากนี้ยังมีภูเขาอีกหลายลูกที่อาจ เป็นแหล่งหินวัตถุดิบ เช่น เขาบุก เขามะเก็ก เป็นต้น ภูเขาเหล่านี้ เป็นต้นก�ำเนิดของล�ำห้วยหลายสายที่อาจใช้เป็นเส้นทางขนส่งหรือ ล�ำเลียงวัตถุดิบไปยังแหล่งโบราณคดีหนองปรง แหล่งผลิต ประติมากรรม และเครื่องมือเครื่องใช้ด้วยหินที่เป็นแหล่งขนาด ใหญ่ พบหลักฐานหินที่ถูกน�ำมาเป็นวัตถุดิบ สะเก็ดหินที่ถูกสกัด ออกมา โกลนพระพุทธรูป โกลนธรรมจักร โกลนหินบด แท่นหินบด หินลับ ชิ้นส่วนโกลนประติมากรรมจ�ำนวนมาก ส่วนใหญ่ท�ำจาก หินทรายสีเขียว หินโคลน และหินแอนดีไซด์ หลักฐานวิธีการสลัก ประติมากรรมหินขนาดใหญ่ที่พบจะสลักขึ้นรูปเป็น โกลนให้มีรูปร่างลักษณะตามต้องการ จากนั้นจึงส่งต่อไปยัง สถานที่ที่ประดิษฐานเพื่อสลักในรายละเอียดต่อไป ผลผลิตของ ชุมชนทวารวดีหนองปรงนี้แพร่หลายทั่วไปในเขตลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรี โกลนกวางหมอบ สัญลักษณ์ พุทธศาสนาคู่กับธรรมจักรพบเป็น จ�ำนวนมากร่วมกับโกลนศาสนวัตถุ อื่น ๆ บริเวณแหล่งโบราณคดี หนองปรง (บ้านหนองจิก) แสดง ให้เห็นว่าบริเวณนี้เป็นแหล่งผลิต รูปเคารพ 32 พื้นภูมิเพชรบุรี


และเมืองทวารวดีในเขตที่ราบลุ่มภาคกลาง ดังได้พบหลักฐาน โบราณวัตถุที่มีลักษณะเป็นโกลนประติมากรรมรูปเคารพทาง ศาสนาจากแหล่งโบราณคดีหลายแห่ง บางแห่งตั้งอยู่ใน เส้นทางคมนาคมทางน�้ำ เช่น แหล่งโบราณคดีบ้านท่าเรือ แหล่งโบราณคดีบ้านน้อย เป็นต้น จากการส�ำรวจพื้นที่แหล่งโบราณคดีเหล่านี้ไม่พบ หลักฐานของการเป็นแหล่งชุมชนหรือโบราณสถาน แต่ มีรูปแบบคล้ายกันคือ ตั้งอยู่ในเส้นทางน�้ำโบราณ จึงอาจ เป็นไปได้ว่าแหล่งโบราณคดีดังกล่าวเป็นเส้นทางในการขนส่ง ผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังพบโกลนประติมากรรมพระพุทธรูป และธรรมจักรจากอีกหลายแห่ง เช่น ในเขตตัวเมืองเพชรบุรี แหล่งโบราณคดีหน้าวัดป่าแป้น แหล่งโบราณคดีบ้านไร่ห้วย อ�ำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี เมืองนครปฐมโบราณ จังหวัดนครปฐม บ้านคูเมือง อ�ำเภออินทร์บุรี จังหวัด สิงห์บุรี ๓ เป็นต้น โกลนพระพุทธรูปยืนพบในเส้นทาง น�้ำเก่าแถบบ้านท่าเรือ อ�ำเภอ เขาย้อย แท่งหินสกัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม เป็น โกลนแท่นรองธรรมจักร พบใน เส้นทางน�้ำเก่าแถบบ้านท่าเรือ แผ่นหินสลักรูปคชลักษมี ที่ใช้ ในพิธีกรรมส�ำคัญของศาสนา พราหมณ์ พบว่าผลิตจากบริเวณ หนองปรง อ�ำเภอเขาย้อย ๓ ประอร ศิลาพันธุ์. ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับแหล่งผลิตประติมากรรม สมัยทวารวดีจากแหล่งโบราณคดีหนองจิก อ�ำเภอเขาย้อย จังหวัด เพชรบุรี เอกสารประกอบการเสวนาทางวิชาการโบราณคดีและ การจัดการทรัพยากรทางวัฒนธรรม ครั้งที่ ๑/๒๕๔๗ เรื่อง “โบราณคดี คาบสมุทรภาคใต้” จัดโดย ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ณ ห้อง ๓๐๔ อาคารหอประชุม มหาวิทยาลัย ศิลปากร วังท่าพระ วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๗ ภูมิสถาน 33


แหล่งโบราณคดีในเขตที่ราบลุ่มริมแม่น�้ำเพชรบุรีตอนล่าง ประกอบด้วย ๔ กลุ่ม คือ กลุ่มบ้านบ่อพราหมณ์ อ�ำเภอเมืองฯ กลุ่มเนินดินแดงและกลุ่มเขาน้อย-เขาถ�้ำรงค์ อ�ำเภอบ้านลาด และกลุ่มบ้านเขากระจิว อ�ำเภอท่ายาง กลุ่มชุมชนทวารวดีทั้งสี่ แห่งนี้มีขนาดใหญ่พบหลักฐานทางด้านโบราณคดีจ�ำนวนมาก ความหนาแน่นของแหล่งโบราณคดีแต่ละกลุ่มมีจ�ำนวนมาก โบราณสถานซึ่งเป็นศูนย์กลางของแต่ละชุมชนมีขนาดค่อนข้าง ใหญ่ เช่น โบราณสถานบ้านบ่อพราหมณ์ โบราณสถานเนินดินแดง โบราณสถานไร่นายทรัพย์ ขาวปลั่ง โบราณสถานบ้านมาบปลาเค้า โบราณสถานบ้านใหม่ เป็นต้น นอกจากนี้ยังน่าจะมีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกัน เนื่องจากตั้งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก และมีแม่น�้ำเพชรบุรี เป็นเส้นทางคมนาคมหลักที่สามารถติดต่อถึงกันได้ค่อนข้างสะดวก หลักฐานที่พบดังกล่าวแสดงถึงความส�ำคัญของพื้นที่แถบนี้ซึ่ง อาจอยู่ในฐานะของชุมชนที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายทางการค้า ที่ตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งทะเล ในเขตรอบนอกของเมืองขนาดใหญ่ เช่น เมืองคูบัว เมืองนครปฐมโบราณ เป็นต้น อันอาจจะเป็น ค�ำตอบหนึ่งของการไม่พบร่องรอยหลักฐานคูน�้ำคันดิน ที่แสดงถึง ความเป็นเมืองในสมัยทวารวดีในเขตลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรี แหล่งชุมชนทวารวดีในบริเวณที่ราบริมชายฝั่งทะเล กลุ่มบ้านดอนเตาอิฐ และกลุ่มทุ่งเศรษฐี สภาพภูมิประเทศที่ตั้ง ของแหล่งชุมชนทั้งสองกลุ่มอยู่ติดกับชายฝั่งทะเล และอยู่ใน เส้นทางการค้าเลียบตามชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยและเส้นทาง ข้ามคาบสมุทรมาเลย์ทางตอนเหนือ ดังนั้นกลุ่มชุมชนบริเวณนี้ จึงน่าจะมีความส�ำคัญในฐานะของการเป็นจุดแวะพัก จุดผ่านหรือ สถานีการค้าที่ส�ำคัญ การศึกษาถึงเรื่องราวคติความเชื่อ และศาสนาของคน ทวารวดีในเขตลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรี สามารถศึกษาได้จากหลักฐานทาง ด้านศิลปกรรมที่ปรากฏอยู่ตามโบราณสถานต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้อง กับศาสนาแทบทั้งสิ้น หลักฐานหนึ่งที่แสดงถึงการรับเอา พุทธศาสนาเข้ามาในพื้นที่แถบนี้คือ การพบพระพุทธรูปรุ่นเก่า ศิลปะอมราวดีหรืออนุราธปุระ (พุทธศตวรรษที่ ๘ - ๙) จากบริเวณ เศียรพระพุทธรูป ปูนปั้นประดับ ศาสนสถานทุ่งเศรษฐี อ�ำเภอชะอ�ำ เศียรเทวดา ปูนปั้นประดับ ศาสนสถานทุ่งเศรษฐี อ�ำเภอชะอ�ำ 34 พื้นภูมิเพชรบุรี


ช่องเขาในเขตอ�ำเภอปราณบุรี๔ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดเพชรพลี อ�ำเภอเมืองเพชรบุรี ซึ่งอาจจะเป็นรูปเคารพในศาสนาที่นักเดินทางน�ำติดตัวเข้ามา แสดงให้เห็นถึงการแพร่ของ วัฒนธรรมอินเดีย ผ่านเส้นทางข้ามคาบสมุทรมาเลย์ทางตอนเหนือข้ามเทือกเขาตะนาวศรี มายังชายฝั่งตะวันออกด้านอ่าวไทย ดังที่พบหลักฐานว่าในลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีมีการนับถือ พุทธศาสนาทั้งแบบเถรวาทและมหายาน หลักฐานที่พบในเมืองทวารวดีส่วนใหญ่แสดงถึงการยอมรับนับถือศาสนาพุทธ แบบเถรวาท ซึ่งมีต้นเค้ามาจากอินเดียและแพร่หลายมากในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๒ เนื่องจากได้พบการสร้างพระพุทธรูปที่มีอิทธิพลของศิลปะอินเดียแบบคุปตะ ธรรมจักร กวางหมอบ และศาสนสถานที่ก่อด้วยอิฐขึ้นเป็นจ�ำนวนมากตามเมืองโบราณต่าง ๆ หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับศาสนาที่พบในลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีแสดงถึงการนับถือพุทธศาสนา แบบเถรวาทของกลุ่มชนเช่นกัน มีการพบศาสนสถานก่ออิฐหลายแห่งรวมทั้งพระพุทธรูป ธรรมจักรและกวางหมอบที่เป็นสัญลักษณ์หมายถึงการแสดงปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้า ในเรื่องของการประกาศหลักธรรม และการเผยแพร่ทางพุทธศาสนา อันเป็นเรื่องราวของ พุทธศาสนาแบบเถรวาท ๔ สุนนท์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา. ชุมชนและสถาปัตยกรรมเพชรบุรี (สมัยทวารวดี-สมัยอยุธยา) (วารสารหน้าจั่ว ปีที่ ๑๑ ปีการศึกษา ๒๕๓๔ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร), หน้า ๓๔. ศาสนสถานทุ่งเศรษฐี มีการประดับตกแต่งด้วย ประติมากรรมปูนปั้นรูป พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ และลวดลายต่าง ๆ อย่าง อลังการ ภูมิสถาน 35


ส�ำหรับพุทธศาสนาแบบมหายานในเขตลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรี นั้นได้พบหลักฐานจากโบราณสถานทุ่งเศรษฐี อ�ำเภอชะอ�ำ จังหวัด เพชรบุรี ที่เป็นโบราณสถานขนาดใหญ่มีการประดับตกแต่ง ส่วนฐานศาสนสถานด้วยภาพประติมากรรมปูนปั้นต่าง ๆ ส่วนหนึ่ง ในจ�ำนวนนั้นเป็นรูปพระโพธิสัตว์วัชรปาณี ๕ ซึ่งในคติมหายาน ถือว่าเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือผู้ที่นับถือให้พ้นทุกข์ และหลักฐาน จากกลุ่มโบราณสถานเขตเขาน้อย-เขาถ�้ำรงค์ที่ส่วนใหญ่เป็น ศาสนสถานที่ตั้งอยู่ในถ�้ำประกอบกับหลักฐานทางประติมานวิทยา และรูปแบบศิลปกรรมของภาพประติมากรรมปูนปั้นพุทธประวัติ ตอนเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ ที่ปรากฏอยู่บนผนังถ�้ำเขาน้อย อ�ำเภอ บ้านลาด จังหวัดเพชรบุรีนั้น น่าจะได้รับคติความเชื่อจาก พุทธศาสนาฝ่ายมหายานที่เจริญรุ่งเรืองอยู่ในอินเดียภาค ตะวันออกเฉียงเหนือภายใต้การอุปถัมภ์ของราชวงศ์ปาละในราว พุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๖ ซึ่งคล้ายคลึงกับชุมชนทางภาคใต้ ของประเทศไทย ๕ ศาสตราจารย์ ดร. ผาสุข อินทราวุธ. บรรยายเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย เรื่อง “ทุ่งเศรษฐีแหล่งโบราณคดีส�ำคัญ ของเมืองเพชร” ณ หอประชุมภูมิแผ่นดิน มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, ๒ เมษายน ๒๕๔๘ ถ�้ำเขาน้อยหรือเขาน้อยทรงอาบ ต�ำบลถ�้ำรงค์ มีประติมากรรมปูนปั้น ภาพพุทธประวัติบนผนังถ�้ำ ประติมากรรมปูนปั้นภาพ พุทธประวัติบนผนังถ�้ำ เขาน้อย 36 พื้นภูมิเพชรบุรี


พระวิษณุทรงสวมหมวก ทรงกระบอก ๔ กร จากวัดธ่อ เป็นแบบเทวรูปโบราณ พระวิษณุทรงสวมหมวก ทรงกระบอก ๔ กร จากวัดธ่อ เป็นแบบเทวรูปโบราณ คล้ายกับพระวิษณุที่พบจาก อ�ำเภอเวียงสระ นอกจากถ�้ำเขาน้อยแล้ว ในลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรียังพบร่องรอย การดัดแปลงถ�้ำธรรมชาติให้เป็นศาสนสถานเพื่อใช้ในการประกอบ พิธีกรรม บางแห่งมีร่องรอยส่อเค้าว่ามีการก่อสร้างสถาปัตยกรรม สถูปเจดีย์ขึ้นในถ�้ำ อาทิเช่น โบราณสถานถ�้ำวัว อ�ำเภอบ้านลาด โบราณสถานถ�้ำเขาตาจีน อ�ำเภอชะอ�ำ ในอินเดียนั้นอาคารสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “เจติยสถาน”๖ คือ สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ดัดแปลงถ�้ำธรรมชาติ ด้วยการสลักเป็นอาคารเลียนแบบสถาปัตยกรรมเครื่องไม้ ด้าน ในสุดของคูหาประดิษฐานสถูป มีพื้นที่ว่างส�ำหรับประกอบพิธีกรรม นั้น ได้รับความนิยมมากมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๓ - ๖ ช่วง สมัยคุปตะ ต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๔ ส�ำหรับดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งได้รับอิทธิพล พุทธศาสนาจากอินเดีย เช่น กัมพูชา เวียดนาม พม่า รวมถึงใน ดินแดนประเทศไทยพบหลักฐานการดัดแปลงถ�้ำธรรมชาติ เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม ที่มีการตกแต่งด้วยภาพสลักรูปประติมากรรมเช่นเดียวกัน ซึ่ง ศาสนสถานในถ�้ำที่พบในเขตลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีนั้น ก็น่าจะได้รับ อิทธิพลมาจากอินเดียแต่ได้ปรับเปลี่ยนผสมผสานกับคติความเชื่อ ท้องถิ่นจนมีรูปแบบของตนเอง มีการตกแต่งผนังถ�้ำด้วย ประติมากรรมปูนปั้นเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ หรือร่องรอยสถูป เจดีย์ที่พบภายในถ�้ำ อาจถูกสร้างขึ้นเนื่องจากจุดประสงค์เพื่อ การประกอบพิธีกรรมหรือเพื่อการเคารพบูชา เป็นการปรับเปลี่ยน ถ�้ำธรรมชาติให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชุมชน คล้ายกับที่ได้พบ หลักฐานจากศาสนสถานในถ�้ำสมัยทวารวดีหลายแห่งในประเทศไทย เช่น ถ�้ำพระโพธิสัตว์ อ�ำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ถ�้ำฤๅษี เขางู ถ�้ำฝาโถ ถ�้ำจีน ถ�้ำจาม อ�ำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ถ�้ำคูหา อ�ำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น ศาสนสถานใน ถ�้ำเกือบทั้งหมดที่พบนั้นเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนานิกายมหายาน ทั้งสิ้น ๖ ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ทวารวดี : ศิลปกรรมยุคแรกเริ่มในดินแดนไทย. (เอกสารค�ำสอนรายวิชา ๓๑๗ ๔๐๓ ศิลปะในประเทศไทยตั้งแต่พุทธศตวรรษ ที่ ๖-๑๔ ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๓) หน้า ๖๕. ภูมิสถาน 37


กลุ่มคนบางกลุ่มในลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีอาจนับถือศาสนา พราหมณ์ เนื่องจากมีหลักฐานการพบประติมากรรมรูปเคารพ พระวิษณุทรงสวมหมวกทรงกระบอกจากวัดธ่อในเขตตัวเมือง เพชรบุรี๗ จ�ำนวน ๒ องค์ องค์หนึ่งลักษณะคล้ายกับพระวิษณุ ที่พบจากอ�ำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก�ำหนดอายุ อยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๑ - ๑๓ นอกจากนี้ยังพบแผ่นหิน สลักรูปคชลักษมี โกลนพระหัตถ์ของพระนารายณ์ถือก้อนดิน (ธรณี) หรือโกลนพระหัตถ์ท้าวกุเวร ถือผลมะนาว จากแหล่ง โบราณคดีหนองปรงในเขตอ�ำเภอเขาย้อยด้วย แต่เนื่องจาก แหล่งโบราณคดีดังกล่าวเป็นแหล่งผลิตจึงไม่อาจยืนยันได้อย่าง ชัดเจนว่ามีการนับถือศาสนาพราหมณ์ในชุมชนกลุ่มนี้ ดังนั้นจึงอาจกล่าวเป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่าชุมชน ทวารวดีในเขตลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีที่เจริญขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษ ที่ ๑๒-๑๖ นี้ เป็นผลมาจากการติดต่อค้าขายเป็นส�ำคัญ ทั้งนี้ เนื่องจากที่ตั้งของชุมชนทวารวดีเพชรบุรีอยู่ในต�ำแหน่งเส้นทาง การค้าที่ส�ำคัญทั้งทางบกและทางทะเล อันได้แก่ เส้นทางลัด ข้ามคาบสมุทรมาเลย์ทางตอนเหนือ เส้นทางการเดินเรือเลียบ ชายฝั่ง และเส้นทางการเดินเรือน�้ำลึก นอกจากนี้ยังมีเส้นทางที่ สามารถใช้ติดต่อกับดินแดนภายในได้โดยสะดวกผ่านแม่น�้ำ และ ล�ำน�้ำสาขาต่าง ๆ รวมทั้งเส้นทางบกที่เป็นแนวสันทรายโบราณ เชื่อมต่อไปยังบรรดาเมืองโบราณต่าง ๆ ในเขตที่ราบภาคกลาง เช่น เมืองคูบัว จังหวัดราชบุรี เมืองนครปฐมโบราณ เมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ดังนั้นชุมชนทวารวดีในเขตลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรี จึงเป็นจุดผ่าน จุดแวะพัก เมืองท่าหรือสถานีการค้าที่ส�ำคัญ แห่งหนึ่งในสมัยทวารวดี ประติมากรรมปูนปั้น รูปบุคคลประดับศาสนสถาน ทุ่งเศรษฐี มีหน้าตาคล้ายคนจีน ศีรษะบุคคลสวมหมวกแขก ปูนปั้นประดับศาสนสถาน ทุ่งเศรษฐี ๗ สุนนท์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา. เรื่องเดิม, ๒๕๓๔ หน้า ๓๔. 38 พื้นภูมิเพชรบุรี


ศรีชัยวัชรบุรี ? เมืองท่าในกระแสวัฒนธรรม เขมรเฟื่องฟู ต่อมาเมื่อวัฒนธรรมเขมรโบราณมีอิทธิพลในดินแดน ประเทศไทย ชุมชนหรือบ้านเมืองในลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีก็ได้รับ อิทธิพลวัฒนธรรมเขมรโบราณเช่นเดียวกัน มีการพบร่องรอย คูเมืองและก�ำแพงเมือง อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น�้ำเพชรบุรีใน (ในเขตต�ำบลช่องสะแก อ�ำเภอเมืองเพชรบุรี) มีผังเป็น รูปสี่เหลี่ยมที่ใกล้จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ความยาวของแนว คูเมืองก�ำแพงเมืองแต่ละด้านกว่า ๑ กิโลเมตร เมืองนี้ใช้แม่น�้ำ เพชรบุรีเป็นคูเมืองด้านทิศตะวันตก ลักษณะของผังเมืองที่เป็นรูป สี่เหลี่ยมแบบสม�่ำเสมอเป็นเมืองที่มีอายุหลังสมัยทวารวดี มัก พบมากในช่วงที่ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมเขมรโบราณลงมาจนถึง สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น แต่ร่องรอยของเมืองได้ถูกท�ำลาย ไปมากแล้ว อย่างไรก็ตามหลักฐานที่หลงเหลือให้เห็นที่ชัดเจนที่สุด ศาสนสถานกลางเมือง เพชรบุรีทางฝั่งตะวันออก ของแม่น�้ำเพชรบุรี เป็น ปราสาทขนาดใหญ่ ก่อด้วย ศิลาแลง ภูมิสถาน 39


ได้แก่ ศาสนสถานที่วัดก�ำแพงแลง ที่มีลักษณะเป็นปราสาท ขนาดใหญ่ ก่อด้วยศิลาแลง ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น ล้อมรอบ ด้วยก�ำแพงศิลาแลง และพบรูปเคารพที่ส�ำคัญ คือ พระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี แต่พบเพียงส่วนพระเศียร และชิ้นส่วน พระวรกายท่อนบน (เพียงเล็กน้อยเท่านั้น) ที่มีรูปพระพุทธรูป ปางสมาธิองค์เล็ก ๆ ประดับเรียงเป็นแถว อันเป็นลักษณะ ที่เหมือนกับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีที่พบในที่อื่น ๆ ได้แก่ สระโกสินารายณ์ ราชบุรี ๑ องค์ ปราสาทเมืองสิงห์ กาญจนบุรี ๑ องค์ และถ�้ำใหญ่คูหาสวรรค์ ลพบุรี ๒ องค์ และ ประเทศกัมพูชา ๒ องค์ นอกจากพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เปล่งรัศมี ๘ กรแล้ว ยังพบพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ๔ กร ใน บริเวณใกล้เคียงกันด้วย จากลักษณะทางสถาปัตยกรรมโดยรวม รวมทั้งลักษณะเด่นบางประการ เช่น หน้าต่างหลอกแบบลูกกรง มะหวดที่สลักทึบครึ่งหนึ่ง ให้เห็นลูกกรงมะหวดเพียงครึ่งเดียว อันเป็นลักษณะศิลปะบายนที่เด่นชัด รวมทั้งประติมากรรม รูปเคารพก็เป็นศิลปะเขมรแบบบายน ท�ำให้กล่าวได้ว่า โบราณสถาน ที่วัดก�ำแพงแลงนี้ เป็นพุทธสถานในลัทธิมหายาน ที่ได้อิทธิพล ศิลปะเขมรโบราณแบบบายน มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ในจารึกปราสาทพระขรรค์ สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ได้กล่าวถึงหัวเมืองต่าง ๆ ๒๓ แห่ง ที่ได้ทรงประดิษฐาน พระไชยพุทธมหานาถไว้ ซึ่งมีอยู่ ๖ เมือง ที่นักวิชาการสันนิษฐาน ว่าอยู่ในดินแดนประเทศไทยปัจจุบัน คือ ลโวทยปุระ สุวรรณปุระ สัมพูกปัฏฏนะ ชัยราชบุรี ศรีชัยสิงห์บุรี และศรีชัยวัชรบุรี ซึ่ง เมืองศรีชัยวัชรบุรีนั้น น่าจะหมายถึงเมืองเพชรบุรี นั่นเอง ซึ่ง เมืองเหล่านี้ล้วนมีร่องรอยโบราณสถานในวัฒนธรรมเขมรโบราณ เช่นเดียวกัน เช่น ลโวทยปุระ คือ เมืองลพบุรี มีพระปรางค์ สามยอด สัมพูกปัฏฏนะ คือเมืองโบราณที่สระโกสินารายณ์ ราชบุรี มีโบราณสถานจอมปราสาท ชัยราชบุรี คือเมืองราชบุรี มี ศาสนสถานในวัดมหาธาตุ ศรีชัยสิงห์บุรี คือเมืองโบราณที่ปราสาท เมืองสิงห์ มีปราสาทเมืองสิงห์เป็นศาสนสถานส�ำคัญ ส่วน ศรีชัยวัชรบุรี คือเมืองเพชรบุรี นั้นมีโบราณสถานปราสาท ก�ำแพงแลง เป็นศาสนสถานส�ำคัญ เศียรพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เปล่งรัศมี พบบริเวณศาสนสถาน ที่วัดก�ำแพงแลง 40 พื้นภูมิเพชรบุรี


นอกจากนี้ยังพบพระพุทธรูป นาคปรกที่วัดธ่อ อ�ำเภอเมือง จังหวัด เพชรบุรี จ�ำนวน ๒ องค์ องค์หนึ่ง พระพักตร์เป็นเหลี่ยม พระโอษฐ์ หนาแบะ มีอิทธิพลศิลปะเขมร โบราณ แต่อีกองค์หนึ่งนั้นพระพักตร์ รูปไข่แบบศิลปะอยุธยา ในช่วงเวลานี้เมืองเพชรบุรี น่าจะมีฐานะเป็นเมืองท่าค้าขายเช่น เดียวกับเมืองราชบุรีที่เป็นเมือง ร่วมสมัยกัน มีการพบหลักฐาน เครื่องถ้วยชามจีนในแหล่งโบราณคดี หลายแห่ง เช่น ที่วัดมหาธาตุ บริเวณ เขากระจิว โบราณสถานทุ่งเศรษฐี โดยพบภาชนะดินเผาสมัยราชวงศ์สุ้ง มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๙ แสดงให้เห็นถึงการติดต่อกับจีนได้ เป็นอย่างดี พระพุทธรูปนาคปรกพบที่ วัดธ่อ อ�ำเภอเมืองเพชรบุรี ตลับทรงแตงหอมสมัยราชวงศ์สุ้ง พบบริเวณใกล้เขากระจิว อ�ำเภอ ท่ายาง ภูมิสถาน 41


เมืองเพชรบุรี เพชรบุรีเมืองแห่งพุทธศาสนา การพัฒนาของบ้านเมืองในดินแดนลุ่มแม่น�้ำเพชรบุรีคงต่อเนื่องมาโดยตลอด และเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีผู้ปกครองมียศสูง จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เป็นต้นว่า ค�ำให้การชาวกรุงเก่าได้กล่าวถึงเมืองเพชรบุรีไว้ว่า เชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าชาติราชา ได้ครองราชสมบัติในพระนครสิงห์บุรีต่อไป ทรงพระนามว่าพระอินทราชา อยู่มาพระองค์ทรง เห็นว่า พระมเหสีของพระองค์ไม่มีราชโอรส จึงสถาปนาพระอนุชาของพระองค์ทรงพระนาม ว่า พระเจ้าอู่ทองขึ้นเป็นอุปราช ครั้นอยู่มาพระอินทราชาเสด็จไปซ่อมแปลงเมืองเพชรบุรี เป็นนครหลวง๑ จากบันทึกของลาร์ลูแบร์ได้กล่าวถึงกษัตริย์เมืองเพชรบุรีไว้ว่า ปฐมกษัตริย์สยาม ทรงพระนามว่าพระปฐมสุริยเทพนรไทยสุวรรณบพิตร ครองนครชัยบุรี พ.ศ. ๑๓๐๐ สืบราชสันตติวงศ์มาสิบชั่วกษัตริย์ องค์สุดท้ายทรงพระนามว่า พญาสุนทรเทพมหาเทพราช โปรดฯ ให้ย้ายเมืองหลวงตั้งชื่อใหม่ว่า ธาตุนครหลวง ในปี พ.ศ. ๑๗๓๑ กษัตริย์องค์ที่ ๑๒ สืบต่อมาจากพญาสุนทรฯ ทรงพระนามว่า พระพนมไชยศิริ พระองค์โปรดให้ราษฎรไปอยู่ ณ เมืองนครไทยทางตอนเหนือของเมืองพิษณุโลก ส่วนพระองค์เองไปสร้างเมืองใหม่ ชื่อ พิบพลี ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น�้ำสายหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น�้ำเจ้าพระยา มีพระมหากษัตริย์ สืบต่อมา ๔ ชั่วกษัตริย์จนถึงองค์สุดท้าย ทรงพระนามว่ารามาธิบดี ได้สร้างเมืองสยามขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๑๘๙๔ ๒ อย่างไรก็ตามหลักฐานทางด้านนี้เป็นต�ำนานที่เล่าสืบต่อกันมา แต่ก็ตรงกันหลายทาง ชี้ให้เห็นว่าเมืองเพชรบุรี เป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง ซึ่งต่อมาในช่วงที่คนไทยรวบรวมกันเป็น ปึกแผ่น โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่สุโขทัย มีหลักฐานที่กล่าวถึงเมืองเพชรบุรีในศิลาจารึกหลัก ที่ ๑ ว่า “… เบื้องหัวนอน รอดคนที พระบาง แพรก สุพรรณภูมิ ราชบุรี เพชรบุรี ศรีธรรมราช ฝั่งทะเลสมุทรเป็นที่แล้ว…” ๓ ข้อความในจารึกช่วงนี้เป็นการกล่าวถึงเมือง ๑ ศิลปากร, กรม. ค�ำให้การชาวกรุงเก่า ค�ำให้การขุนหลวงหาวัด และพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับ หลวงประเสริฐอักษรนิติ์. (นครหลวงฯ : คลังวิทยา, ๒๕๑๕) หน้า ๔๖ ๒ สมบูรณ์ แก่นตะเคียนและคณะ. สมุดเพชรบุรี ๒๕๒๕. (กรุงเทพฯ : เรือนแก้วการพิมพ์, ๒๕๒๕) หน้า ๙๔๓ ศิลปากร, กรม. จารึกสมัยสุโขทัย. (กรุงเทพฯ : ๒๕๒๖) หน้า ๒๐ 42 พื้นภูมิเพชรบุรี


ในอาณาเขตของสุโขทัยที่อยู่ทางใต้ จากข้อความในจารึกแสดงให้เห็นว่า เพชรบุรีมีฐานะ เป็นเมือง ที่น่าจะมีความส�ำคัญใกล้เคียงกับเมืองต่าง ๆ ที่ถูกกล่าวถึงในจารึก เช่น สุพรรณภูมิ ราชบุรี และนครศรีธรรมราช ร่องรอยของวัฒนธรรมในช่วงก่อนสมัยอยุธยาในดินแดนเพชรบุรีนี้ มีโบราณสถาน โบราณวัตถุหลายอย่าง ที่บ่งบอกว่ามีความแตกต่างไปจากโบราณสถาน โบราณวัตถุแบบ ศิลปะอยุธยา ซึ่งนักวิชาการหลายท่านมักเรียกว่าเป็นศิลปะแบบก่อนอยุธยา เช่น พระพุทธ รูปประธานวัดสระตะพาน เรียกว่า พระสุวรรณเขตหรือพระศรีสรรเพ็ชญ์สัตพันพาน กับหลัก เสมาของวัดนี้ ซึ่งเป็นเสมาขนาดใหญ่และหนา จ�ำหลักจากหินทรายสีแดง สลักลายตรง ส่วนโคนและยอดเสมาเป็นลายคล้ายกันแต่กลับข้างกัน เสมารูปแบบดังกล่าวยังพบอยู่ในวัด บริเวณใกล้เคียงกับวัดสระตะพาน เช่น วัดใหม่ร้าง วัดเพชรพลี วัดก�ำแพงแลง โดยอาจจะน�ำ ไปจากวัดสระตะพานก็เป็นได้ ๔ นอกจากนี้ยังมีหลักเสมาบางชิ้นที่ไม่ทราบที่มา เก็บรักษาอยู่ ตามวัดต่าง ๆ มีรูปแบบเก่าไปกว่าเสมาแบบที่นิยมในสมัยอยุธยา เช่น หลักเสมาที่วัดโพพระ ใน รูปทรงคล้ายอาคารทรงปราสาท จ�ำหลักจากหินทรายสีแดง หลักเสมาหนา จึงสลักลวดลายด้านข้างมากกว่าด้านกว้าง ส่วนยอดเป็นคล้ายซุ้มบันแถลงหรือหน้าบัน อาคาร๕ ส่วนหลักเสมาที่วัดมหาธาตุยังมีข้อกังขาอยู่ว่าเป็นศิลปะในช่วงใด วัสดุ ขนาดและ รูปทรงนั้น เป็นแบบที่นิยมในสมัยอยุธยา โดยสลักจากหินทรายแดง แต่รูปบุคคลและ ลวดลาย ดูเหมือนมีอิทธิพลศิลปะแบบเขมรโบราณ ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณที่เป็นที่ตั้งเมืองเพชรบุรี โบราณทางฝั่งตะวันออกของแม่น�้ำเพชรบุรี ๔ ขณะส�ำรวจพบจ�ำนวน ๑๒ ชิ้น หากที่วัดสระตะพาน เป็นหลักเสมาปักคู่ แสดงว่ายังหายไปบางส่วน แต่หากปักเพียง หลักเดียว แสดงว่า มีวัดอื่นอีกที่ปักหลักเสมารูปแบบเดียวกับเสมาวัดสระตะพาน และเป็นวัดร่วมสมัยกัน ภูมิสถาน 43


จากหลักฐานทางด้านศาสนสถาน ศาสนวัตถุที่ปรากฏ อยู่ดังกล่าวแล้ว แสดงให้เห็นว่าช่วงเวลาก่อนการสถาปนา กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในเมืองเพชรบุรีมีร่องรอย การประดิษฐานพระพุทธศาสนาอยู่ก่อนหน้าแล้ว โดย เฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพุทธศาสนาแบบเถรวาทจากลังกา เข้ามายังดินแดนคาบสมุทรมาเลย์ ดังเช่น ที่เมือง นครศรีธรรมราช เผยแพร่ขึ้นไปยังกรุงสุโขทัยราชธานี และแพร่หลายมากขึ้น ในช่วงเวลานี้เมืองเพชรบุรีก็มี หลักฐานของการนับถือพระพุทธศาสนาอย่างแพร่หลายแล้ว พระสุวรรณเขตหรือพระศรีสรรเพชญ์สัตตพันพาน เดิมอยู่ที่วัดสระตะพานกลางเมืองโบราณเพชรบุรี ปัจจุบันประดิษฐานเป็นพระประธานองค์ด้านใน พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร หลักเสมาของพระอุโบสถ วัดสระตะพาน ปัจจุบันอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ๕ การท�ำยอดเสมาหยัก พบในหลักเสมาเขมร วัดร้างด้านใต้ของปราสาทบายน เมืองพระนคร กัมพูชา 44 พื้นภูมิเพชรบุรี


เมืองโบราณทางฝั่งตะวันออกของแม่น�้ำเพชรบุรี สภาพภูมิประเทศบริเวณที่เป็นที่ตั้งเมืองเพชรบุรีทางฝั่งตะวันออกของแม่น�้ำ เพชรบุรี เป็นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น�้ำและปากแม่น�้ำ ไปจนถึงที่ราบชายฝั่งทะเล มีล�ำน�้ำ สายสั้น ๆ หลายสายเชื่อมต่อกัน เดิมล�ำน�้ำเหล่านี้บางสายใช้เป็นเส้นทางติดต่อกัน ระหว่างหมู่บ้านและเข้าออกเมืองเพชรบุรีได้ เช่น ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีคลอง ท่าแร้ง คลองมอญ คลองบางขุนไทร ทางทิศตะวันออก เช่น คลองสัง คลองบางจาน คลองพี่เลี้ยง คลองบางแก้ว คลองดอนแตง เป็นต้น ในพื้นที่ศูนย์กลางเมือง ที่มีร่องรอยของก�ำแพงเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ล้อมรอบ เป็นบริเวณพื้นที่ศูนย์กลางของเมืองเดิมในวัฒนธรรมเขมร ภาพของเมืองเก่า ในบริเวณนี้เมื่อเกือบร้อยปีที่แล้วเห็นได้จากเอกสารเรื่อง ระยะทางสมเด็จพระมหาสมณเจ้า เสด็จตรวจคณะสงฆ์ ในมณฑลราชบุรี พ.ศ. ๒๔๕๘ ดังนี้ “ต�ำบลที่ตั้งเมืองเพชรบุรีนี้ มีซากแห่งของก่อสร้างเหลืออยู่ ทั้งของก่อสร้างที่ยังรักษาอยู่ได้ส่อความว่าเป็นเมือง เก่าแก่ ปูนเดียวกันกับเมืองสุโขทัยและลพบุรี เป็นเมืองถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน เหมือนกัน มีของก่อสร้างเป็นชิ้นเป็นอันมากหลาย ส่อว่าได้เคยเป็นพระนครหลวง ในแถบนี้ปูนหนึ่งฯ .....มีวัดเป็นอันมากอยู่ติด ๆ กันไป เช่นวัดในกรุงเก่า และวัดในเมือง นครศรีธรรมราชแต่ประหลาดที่ยังรักษาอยู่ได้มากไม่ทรุดโทรม และร้างเหมือนวัด ในสองเมืองนั้น อุโบสถและวิหารก่ออิฐ กุฏิฝากระดานมุงกระเบื้องเป็นพื้น พระเจดีย์ ไม่มีเป็นพื้น...” ๖ เมื่อพิจารณาจากภูมินามสถาน ประกอบกับหลักฐานทางด้านโบราณ วัตถุสถานที่พบทางฝั่งตะวันออกของแม่น�้ำเพชรบุรี เป็นต้นว่า นาม วัดวัง ต�ำบล บ้านหน้าพระลาน ถนนหน้าพระลาน (ถนนโพธิ์การ้องในปัจจุบัน) บอกนัยของการเป็น สถานที่ส�ำคัญในอดีต กล่าวคือน่าจะเป็นที่ตั้งพระราชวังของกษัตริย์ที่ปกครองเมือง เพชรบุรี ส�ำหรับหลักฐานด้านโบราณวัตถุสถานนั้นที่ส�ำคัญ คือ มีศาลหลักเมือง ซึ่ง บริเวณนี้ในอดีต น่าจะเป็นชุมชนใหญ่ เป็นที่ตั้งตัวเมืองเพชรบุรีเดิม ในต�ำนานเมือง เพชรบุรี ของพระยาปริยัติธรรมธาดา (แพ ตาละลักษมณ์) ได้กล่าวถึงบริเวณที่ตั้ง ศาลหลักเมืองไว้ว่า “หลักเมืองตามบาลีเรียก อินทขีละ แปลว่า เสาปะโคนหิน ชาวเพชรบุรี เองพากันเรียกศาลเจ้าหลักเมือง คือเสาประตูเมืองนั้นโดยมาก แต่นักปราชญ์โบราณคดี ได้ตรวจสถานที่เขตเมือง อันเป็นภายนอกภายในแล้วลงความเห็นว่า เสาหลักเมืองตั้งอยู่ที่ ศาลเจ้าสามโรง มีระยะใกล้วัดพระยาเสด็จ หรือพระยาพระเสด็จ อันเป็นระยะกันกับ ๖ กรมการศาสนา. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ฉบับกรมการศาสนา เล่ม ๒. บันทึก พระประวัติการออกตรวจคณะสงฆ์พระราชด�ำริ พระราชด�ำรัส และระยะทางเสด็จอย่างละเอียด ตอน ระยะทางสมเด็จ พระมหาสมณเจ้า เสด็จตรวจคณะสงฆ์ในมณฑลราชบุรี พ.ศ. ๒๔๕๘. (พระนคร : โรงพิมพ์การศาสนา กรมการศาสนา, ๒๕๑๐) หน้า ๓๑๕ - ๓๑๖. ภูมิสถาน 45


วัดเณรเจ็ดขวบ” ๗ ซึ่งในบริเวณศาลเจ้าส�ำโรง สามโรงหรือโคกตลาดนี้ มีร่องรอย หลักฐานของความเจริญรุ่งเรืองในอดีต อันได้แก่วัดร้างเป็นจ�ำนวนมากล้วนแต่เป็น วัดส�ำคัญ พบโบราณวัตถุสถานเป็นจ�ำนวนมาก แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ในปัจจุบันได้ถูก เคลื่อนย้ายไปจากแหล่งสูญหายไปเกือบหมด วัดเหล่านั้นได้แก่ วัดวัง เป็นวัดส�ำคัญ อยู่ติดกับวัดไผ่ล้อม คืออยู่ทางทิศตะวันออกของวัดพระทรงในปัจจุบัน ในแนวเดียวกับ วัดวังตรงไปทางทิศตะวันออก มีวัดพระยาเสด็จ๘ วัดกุฎีทอง พบพระพุทธรูปประธาน และพระสาวกหินทรายแดงศิลปะอยุธยา ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่ปรางค์ประธาน วัดก�ำแพงแลง๙ วัดเณรเจ็ดขวบ วัดสัตตพันพาน๑๐ มีพระพุทธรูปหล่อจากโลหะขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง ๙ ศอกเศษ ถูกอัญเชิญไปเป็นพระประธานวัดบวรนิเวศวิหารและเสมา หินทรายแดงขนาดใหญ่ ติดกับวัดสัตตพันพานทางทิศตะวันออกมีวัดวิหารเขียน ถัดออกไปมีวัดชีมูตร (ชีมูฎ) บริเวณพื้นที่โดยรอบวัดวังภายในเขตแนวก�ำแพงเมือง ยังมีวัดร้างและวัดเก่าแก่ ที่อยู่สืบเนื่องมานาน แต่สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ได้รับการเปลี่ยนแปลงไปอยู่อีกเป็นจ�ำนวน มาก แสดงถึงความเป็นบ้านเป็นเมืองที่อยู่สืบเนื่องมาโดยตลอด อาทิ ทางเหนือวัดวัง มีวัดไผ่ล้อม ผนังอุโบสถตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นงดงาม พร้อมด้วยพระประธาน ปูนปั้นและพระพุทธรูปหินทรายแดงศิลปะอยุธยาอีกหลายองค์ วัดหัวสนามหรือ วัดในไก่เตี้ย อยู่ติดกับวัดไผ่ล้อมถัดไปทางทิศเหนือ พบพระพุทธรูปหล่อโลหะปางมารวิชัย พระบาทขวามี ๖ นิ้ว ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดใหญ่สุวรรณาราม ถัด ขึ้นไปจากวัดหัวสนามทางทิศเหนือ คือ วัดใหญ่สุวรรณาราม เป็นวัดที่รวมสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมแขนงต่าง ๆ สมัยกรุงศรีอยุธยา ทางทิศเหนือของวัดใหญ่ มีวัดวิหาร (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น วัดพรหมวิหาร) ติดกันมีวัดไตรโลก ยังเหลือหลักเสมาหินทรายแดง ๗ สมบูรณ์ แก่นตะเคียน. เรื่องเดิม หน้า ๒๓๕๘ ในระยะทางสมเด็จพระมหาสมณเจ้าเสด็จตรวจคณะสงฆ์ ในมณฑลราชบุรี พ.ศ. ๒๔๕๘, บรรยายว่า “มีวิหารเป็นที่ ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาหลายองค์ช�ำรุดแล้วทั้งนั้น” ก่อนหน้านี้ในจดหมายเหตุระยะทางไปมณฑลราชบุรี ร.ศ. ๑๒๑ (พ.ศ. ๒๔๔๕) พระนิพนธ์สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ทรงกล่าวว่า “ได้ไปแวะดูวัดพระยาเสด็จอีกแห่งหนึ่ง เขาว่ามีลายเขียน แต่ไม่มีเสียแล้วผนังพัง..” ๙ เดิมยังพอเห็นว่ามีอาณาเขตกว้างขวาง มีถาวรวัตถุขนาดใหญ่ เช่น อุโบสถ ปรักหักพัง มีพระพุทธรูปหินทราย เจดีย์ เสมา และก�ำแพงวัดเป็นหลักฐานแสดงความยิ่งใหญ่ ดูในวัดร้างจากเส้นทางไปวัดพระรูป โดยบุญมี พิบูลย์สมบัติ (วัดพระรูป.เพชรบุรี: เพชรภูมิการพิมพ์, ๒๕๔๐), หน้า ๑๕๒. ๑๐ ในระยะทางสมเด็จพระมหาสมณเจ้าเสด็จตรวจคณะสงฆ์ ในมณฑลราชบุรี พ.ศ. ๒๔๕๘, บรรยายว่า “ที่วัดสระตะพาน มีซากอุโบสถใหญ่พังลงหมดแล้ว เหลือแต่เสาบางต้น มีใบสีมาใหญ่ เป็นศิลาแลงแท่นหนาทิ้งอยู่ตามนั้น ส่อว่าที่นั้น เป็นอุโบสถ ได้ยินว่าพระประธานองค์ใหญ่ในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ที่สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวัง มหาศักดิ์พลเสพในรัชกาลที่ ๓ ทรงเชิญมาจากเมืองนี้ เดิมสถิตอยู่ที่วัดสระตะพานนี้ พิจารณาขนาดแห่งอุโบสถก็พอ สมกัน ตรัสขอผู้ว่าราชการเมืองให้ส่งใบสีมาวัดนั้นคู่หนึ่งเข้ามาถวายที่วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อจะได้เอาไว้เป็นเครื่องหมาย เนื่องด้วยพระพุทธรูปองค์ใหญ่ฯ” 46 พื้นภูมิเพชรบุรี


วัดใหญ่สุวรรณาราม แหล่งรวมศิลปกรรม สมัยอยุธยาหลายแขนง ๑๑ วัดโพธารามนี้เป็นวัดที่มารดาเจ้าพระยาภาณุวงศ์ ปฏิสังขรณ์๑๒ ตั้งอยู่ริมทางรถไฟใกล้บ้านนามอญ เดิมเป็นที่ตั้งของอ�ำเภอคลองกระแชง เมื่อส�ำรวจกรุยทางรถไฟสายใต้ผ่านเมือง เพชรบุรี ตรงกับที่ตั้งอ�ำเภอนี้ประกอบกับมีการก่อสร้างศาลากลางขึ้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น�้ำ จึงได้ย้ายที่ตั้งอ�ำเภอ ไปอยู่ในแนวเดียวกับศาลากลาง ดูในวัดชีสระอินทร์ (บุญมี พิบูลย์สมบัติ : ๒๕๔๔ หน้า ๒๘) ปัจจุบันคือตลาดเทศบาล ดูในพระดีศรีเมืองเพชร (บุญมี พิบูลย์สมบัติ : ๒๕๔๘ หน้า ๔๔) ๑๓ ในพระราชหัตถเลขาเมื่อคราวเสด็จประพาสมณฑลราชบุรี ในปีระกา พ.ศ. ๒๔๕๒ ของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ระบุว่าท่านผู้หญิงอู่ ภรรยาเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ปฏิสังขรณ์ก่อนเวลาจะตาย ในจดหมายเหตุระยะทางไปมณฑลราชบุรี กล่าวว่า มารดาเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์หรือตัวท่านเองปฏิสังขรณ์ ศิลปะอยุธยาเป็นหลักฐานอยู่ หลังวัดวิหารมีวัดท่าน�้ำร้าง มีพระพุทธรูปและพระสาวกจ�ำหลักจากหินทรายสีแดงศิลปะอยุธยา ทางทิศตะวันออกของวัดใหญ่ มีวัดโพธิ์การ้อง ทางทิศตะวันตก วัดใหญ่มีวัดโพธาราม๑๑ ถัดไปทางทิศเหนือเป็นวัดอินทราราม๑๒ ซึ่งเป็นวัดคู่กัน ทางทิศใต้วัดโพธารามมีวัดอุทัย๑๓ หลักฐาน ที่เหลืออยู่คือพระประธาน พระสาวกจ�ำหลักจากหินทรายสีแดง และเสมาหินทรายศิลปะอยุธยา ภูมิสถาน 47


ทางทิศตะวันออกในแนวตรงกันกับวัดวัง มีวัดก�ำแพงแลง ถัดไปทางตะวันออกเป็น วัดลั่นทมและวัดศาลาลิง ถัดลงไปทาง ทิศใต้จากกลุ่มวัดลั่นทม ในแนวเดียวกันกับ วัดวิหารเขียน ทางทิศตะวันออกมีวัดปีบ หลักฐานที่ยังเหลือให้เห็น ได้แก่ หลักเสมา หินทรายแดงและเจดีย์ทรงกลมหรือทรงระฆัง ศิลปะอยุธยา ส่วนพระประธานและพระสาวก ยืนถูกซ่อมเปลี่ยนสภาพไปแล้ว ติดกับวัดปีบ ทางทิศตะวันออกมีวัดนาค หลักฐานความ เก่าแก่ที่เหลืออยู่ คือ เสมาหินทรายแดงศิลปะ อยุธยาและพระประธานปูนปั้นขนาดใหญ่แต่ได้ รับการซ่อมแซมหลายครั้งแล้ว วัดปีบ วัดสมัยอยุธยาอีกวัด หนึ่งในเมืองเพชร มีเจดีย์ ศิลปะอยุธยาและหลักเสมา ที่ยังเป็นของดั้งเดิม วัดนาคก่อนบูรณะใน พ.ศ. ๒๕๓๙ 48 พื้นภูมิเพชรบุรี


ทางด้านทิศใต้ของวัดวัง มีวัดค้างคาว (ปัจจุบัน เป็นที่ตั้งสนามชี ในวัดสนามพราหมณ์) พบชิ้นส่วน พระพุทธรูปจ�ำหลักจากหินทรายสีแดง วัดใหม่ร้างอยู่ทาง ทิศตะวันตกของวัดเพชรพลี ที่วัดใหม่ร้างมีพระประธาน ปูนปั้นขนาดใหญ่ ส่วนที่วัดเพชรพลี (พริบพรี, พฤชพฤๅ) มีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง (บูรณะเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒ ไม่ทราบ รูปทรงเดิม) และเสมาเป็นเสมาหินทรายแดงแบบอยุธยา ตอนปลาย วัดสามพิหารอยู่ระหว่างวัดเพชรพลีกับ วัดสนามพราหมณ์ ทางทิศตะวันออกของวัดเพชรพลี มีวัดปากน�้ำ เดิมพบพระพุทธรูปหินทรายแดงในบริเวณนี้ หลายองค์ ถัดออกไปทางทิศตะวันออกมีวัดวิหารน้อย ซึ่งตั้งอยู่ชิดก�ำแพงเมือง ริมคลองวัดเกาะ เหลือเพียง พระประธานองค์ใหญ่ที่มีการปฏิสังขรณ์แล้ว ส่วนทางทิศตะวันตกถัดจากวัดใหม่และวัดค้างคาว คือ วัดสนามพราหมณ์ ซึ่งเป็นวัดเก่าที่ได้รับการปฏิสังขรณ์ ใหม่ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือมีวัดลาด๑๔ หลักฐานความ เก่าแก่คือเสมาศิลปะอยุธยาและพระพุทธรูปหินทราย ในพระอุโบสถ ทางด้านทิศใต้ใกล้กับก�ำแพงเมืองด้าน ทิศใต้ ริมคลองวัดเกาะซึ่งเป็นคูเมืองด้านทิศใต้ มีวัดป้อม และวัดเกาะ ซึ่งมีพระอุโบสถและจิตรกรรมฝาผนังศิลปะ อยุธยา ระบุ พ.ศ. ไว้ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีวัดร้าง เช่น วัดท้ายตลาด วัดวิหารโบสถ์พราหมณ์ ๑๕ เป็นต้น ส่วนวัดที่ยังอยู่สืบเนื่องมา เช่น วัดพระทรง วัดชีประเสริฐ (วัดชีปะเกิด) วัดแรก ที่อาจเป็นวัดเก่ามาก่อน เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง วัดเพชรพลี อุโบสถวัดลาด หันหน้าลงแม่น�้ำเพชรบุรี ๑๔ ในแผนที่กรมแผนที่ส�ำรวจ พ.ศ. ๒๔๕๒ - ๒๔๕๓ จัดพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ เขียน วัดราช ในระวางโฉนดที่ดินเก่า เขียนว่า วัดราช บ้านหน้าพระลาน ๑๕ ดูรายละเอียดเรื่องวัดร้างต่าง ๆ ใน วัดพระรูป. วัดร้างจากเส้นทางวัดพระรูป โดยบุญมี พิบูลย์สมบัติ. (เพชรบุรี : เพชรภูมิการพิมพ์, ๒๕๔๐) หน้า ๑๓๒-๑๕๖. ภูมิสถาน 49


Click to View FlipBook Version