รายการวดั วธิ ีวัด เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
5) คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวนิ ยั ระดับคุณภาพ 2
ความรับผดิ ชอบ - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์
ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมนั่ คุณลกั ษณะ
ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์
8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
8.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนังสือเรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 เรื่อง ระบบคอมพวิ เตอร์
2) ใบงานที่ 3.2.1 เรอ่ื ง หลกั การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
3) ใบงานท่ี 3.2.2 เรอื่ ง ขน้ั ตอนการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์
4) เคร่ืองคอมพิวเตอร์
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอรเ์ นต็
ใบงานท่ี 3.2.1
เร่อื ง หลกั การทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์
คำช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นนำบัตรคำทก่ี ำหนดให้ไปเติมลงในหน่วยต่าง ๆ ตามหลกั การทำงานของระบบ
คอมพิวเตอร์
แป้นพมิ พ์ จอภาพ เมาส์ ลำโพง
ปรินต์เตอร์ เครอื่ งบันทึกเสียง แฟลชไดรฟ์ สแกนเนอร์
แรม ฮารด์ ดสิ ก์ รอม เมมโมรีการ์ด
แผน่ ซดี ี ซพี ยี ู ไมโครโฟน
หน่วยรับข้อมลู หน่วยประมวลผลกลาง หนว่ ยแสดงผลข้อมูล
................................. ………………………… ...................................
................................. ……………………….... ...................................
................................. ....................................
................................. หนว่ ยเกบ็ ข้อมูล ....................................
................................. ....................................
................................. ....................................
หนว่ ยความจำหลัก หน่วยความจำสำรอง
................................. .................................
................................. .................................
................................. .................................
................................. .................................
ใบงานที่ 3.2.1 เฉลย
เรอ่ื ง หลกั การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
คำช้แี จง : ให้นกั เรยี นนำบัตรคำที่กำหนดให้ไปเตมิ ลงในหน่วยตา่ ง ๆ ตามหลกั การทำงานของระบบ
คอมพวิ เตอร์
แปน้ พมิ พ์ จอภาพ เมาส์ ลำโพง
ปรินต์เตอร์ เครือ่ งบันทกึ เสียง แฟลชไดรฟ์ สแกนเนอร์
แรม ฮาร์ดดสิ ก์ รอม เมมโมรกี ารด์
แผน่ ซีดี ซีพยี ู ไมโครโฟน
หนว่ ยรบั ขอ้ มูล หน่วยประมวลผลกลาง หนว่ ยแสดงผลข้อมูล
แป้นพิมพ์ ซีพยี ู จอภาพ
เมาส์ ลำโพง
สแกนเนอร์ ปรินตเ์ ตอร์
เครื่องบนั ทกึ เสียง
ไมโครโฟน
หน่วยเก็บข้อมูล
หนว่ ยความจำหลกั หน่วยความจำสำรอง
แรม แฟลชไดรฟ์
รอม ฮารด์ ดสิ ก์
เมมโมรีการด์
แผน่ ซดี ี
ใบงานที่ 3.2.2
เร่อื ง ข้ันตอนการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์
คำชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นบอกขน้ั ตอนการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์ตามลำดบั ท่ถี ูกต้อง และอธิบายหนา้ ที่
การทำงานของแตล่ ะขนั้ ตอนโดยละเอยี ด
12
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
4 3
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
ใบงานที่ 3.2.2 เฉลย
เรอื่ ง ขัน้ ตอนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนบอกขั้นตอนการทำงานของระบบคอมพวิ เตอรต์ ามลำดบั ที่ถูกต้อง และอธบิ ายหนา้ ที่
การทำงานของแตล่ ะขัน้ ตอนโดยละเอียด
12
การรับข้อมูล คอมพิวเตอร์จะรับ การประมวลผลข้อมูล เป็นการนำ
ข้อมูลและคำสั่งจากผู้ใช้เข้าสู่เครื่อง ข้อมูลที่รับมาเก็บไว้ในหน่วยความจำ
ค อ ม พิ ว เต อ ร์ โด ย ผ่ าน อุ ป ก รณ์ แล้วจึงนำข้อมูลมาประมวลผลตาม
ฮาร์ดแวร์ต่างๆ เช่น แป้นพิมพ์ เมาส์ คำสง่ั
เป็นต้น
4 3
การแสดงผลข้อมูล เม่ือข้อมูลผ่าน การจัดเก็บข้อมูล เป็นการจัดเก็บ
การประมวลผลเรียบร้อยแล้ว จะ ข้อมูลโดยขณะที่มีการประมวลข้อมูล
แ ส ด ง ผ ล ลั พ ธ์ อ อ ก ม า ใน รู ป แ บ บ ท่ี นั้น จะใช้หน่วยความจำหลักในการ
มนุษย์เข้าใจผ่านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ จัดเก็บ และเมื่อต้องการเก็บข้อมูลไว้
ต่างๆ เช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์ เป็น ใช้งาน ในครั้งต่อไปจะจัดเก็บ ลง
ตน้ หนว่ ยความจำสำรอง
9. ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชอื่ .................................
( ................................ )
ตำแหนง่ .......
10. บนั ทกึ ผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่ีมปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี )
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
ลงชื่อ..............................................ผู้บนั ทึก
(นายดลพฤกษ์ ทนั เจรญิ )
ตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3
เทคโนโลยีการส่อื สาร
เวลา 4 ชว่ั โมง
1. ผลการเรยี นรู้
1. เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ การนำข้อมูลปฐมภูมิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์
ประเมนิ นำเสนอขอ้ มูลและ สารสนเทศไดต้ ามวัตถุประสงค์
2. เพื่อให้ผู้เรียนใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรม
อย่างง่าย เพื่อช่วยในการแก้ปัญหา
3. เพอื่ ให้ผ้เู รียนใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารอยา่ งรู้เทา่ ทันและรับผดิ ชอบตอ่ สังคม
4. เพ่ือให้ผู้เรียนนำความรู้ความเข้าใจใน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ
สังคมและการดำรงชีวติ
5. เพ่ือให้ผเู้ รียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ มีความสามารถในการแก้ปัญหาและมีทักษะ
ในการส่ือสาร มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ
6. เพ่ือให้ผู้เรียนเป็นผู้ท่ีมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีอยา่ งสร้างสรรค์
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายองคป์ ระกอบของการส่ือสารได้ถูกต้อง (K)
2. อธบิ ายสอ่ื กลางในการสื่อสารขอ้ มูลไดถ้ ูกต้อง (K)
3. อธบิ ายทิศทางในการส่ือสารขอ้ มูลได้ถูกตอ้ ง (K)
4. สืบค้นข้อมลู เกย่ี วกับเทคโนโลยกี ารส่อื สารได้ถูกต้อง (P)
5. สนใจใฝเ่ รยี นรู้ในการศกึ ษา (A)
3. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
- เทคโนโลยีการส่อื สาร
4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
ปัจจบุ นั เทคโนโลยีดา้ นการส่ือสารได้เข้ามามบี ทบาทต่อการดำรงชวี ติ ของมนุษยม์ ากขึน้
ซึ่งองค์ประกอบของการส่ือสารข้อมูลจะประกอบไปด้วยข้อมลู ข่าวสาร ผสู้ ่งสาร สื่อกลาง ผรู้ ับสาร และ
โปรโตคอล นอกจากน้นั สือ่ กลางในการสื่อสารขอ้ มูลผา่ นระบบเครอื ข่ายจะแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ
ส่ือกลางประเภทสายสัญญาณและสือ่ กลางประเภทไรส้ าย สำหรับระบบเครือข่ายในปจั จุบันจะแบง่ เปน็
เครือข่ายส่วนบคุ คล เครือข่ายท้องถน่ิ เครอื ข่ายระดบั เมือง และเครือขา่ ยระดบั ประเทศ
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ
- ทกั ษะการส่ือสาร 2. ใฝเ่ รยี นรู้
- ทักษะการแลกเปลี่ยนข้อมลู 3. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
2. ความสามารถในการคดิ
- ทักษะการคดิ วเิ คราะห์
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
- ทักษะการทำงานร่วมกัน
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
- ทกั ษะการสบื คน้ ข้อมูล
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
วธิ กี ารสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชว่ั โมงท่ี 1
ข้ันนำ
ข้นั ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement)
1. ครูทบทวนเนือ้ หาการเรยี นจากชัว่ โมงที่ผ่านมาเกี่ยวกบั หลักการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์
2. ครูทบทวนความรู้ของนักเรียนโดยตั้งคำถามวา่ “ปจั จบุ นั มเี ทคโนโลยใี ดทเ่ี ขา้ มาช่วยเหลอื ใน
การสอื่ สารบ้าง” โดยครูคอยบนั ทกึ คำตอบของนักเรียนลงบนกระดานหน้าชน้ั เรียน
(แนวตอบ : นักเรียนตอบตามประสบการณ์ของตนเอง โดยคำตอบข้ึนอยู่กบั ดุลยพนิ ิจของ
ครูผู้สอน เช่น โทรศพั ท์ คอมพวิ เตอร์ เปน็ ต้น)
3. ครูถามคำถามประจำหัวข้อวา่ “นกั เรียนร้หู รอื ไม่วา่ ข้อดีของการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ
ในการสือ่ สารนน้ั มีอะไรบา้ ง”
(แนวตอบ : นักเรยี นตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดยคำตอบขึ้นอยูก่ ับดลุ ยพินิจของ
ครผู ้สู อน เช่น ทำให้ได้รับรู้ข่าวสารตา่ ง ๆ ได้อย่างทนั ทว่ งที ประหยัดค่าใชจ้ า่ ยในการส่อื สาร
เป็นตน้ )
ขั้นสอน
ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
1. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ 3-4 คน หรอื ตามความเหมาะสม และให้แต่ละกลุม่ สืบค้นข้อมลู
จากอนิ เทอร์เน็ตที่เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ของตนเองเกีย่ วกับองค์ประกอบของการส่ือสารข้อมูล
โดยนกั เรยี นสามารถศึกษาเนื้อหา เรือ่ ง องคป์ ระกอบของการสือ่ สารขอ้ มูลได้จากหนงั สือเรยี น
(วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์ จากน้ันใหแ้ ต่ละกล่มุ
ออกมานำเสนอหน้าชนั้ เรียน พรอ้ มพดู คุยเพ่ือแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ กับเพอื่ นในช้ันเรยี น
2. ครูอธิบายเพิ่มเติมกบั นกั เรยี นเกี่ยวกับองค์ประกอบข้อมลู ข่าวสาร ซ่งึ เปน็ องค์ประกอบสำคญั
ของการสื่อสารข้อมูลวา่ “ขอ้ มูลขา่ วสารเปน็ ตัวเนือ้ หาของข้อมูล ซ่ึงมีได้หลายรูปแบบดังน้ี
1) ข้อความ (Text) เป็นข้อมูลท่อี ยู่ในรปู อกั ขระหรือเอกสาร
2) เสยี ง (Voice) เป็นเสียงท่ีมนษุ ยห์ รืออุปกรณบ์ างอย่างเป็นตวั สรา้ งขึ้นมา
3) รปู ภาพ (Image) เปน็ ข้อมูลทเ่ี ป็นรปู ภาพ เชน่ การสแกนภาพเขา้ คอมพิวเตอร์
ภาพถ่าย เป็นต้น
4) สื่อผสม (Multimedia) เป็นข้อมูลทผ่ี สมลักษณะของท้ังรูปภาพ เสยี ง และข้อความ
เข้าดว้ ยกนั โดยสามารถเคลอื่ นไหวได้”
3. นกั เรยี นศึกษาพฒั นาการของการสอื่ สารข้อมูลท่สี ามารถแบง่ ออกได้เปน็ 3 ยุคจากหนงั สอื เรยี น
4. ครูสุ่มนักเรียน 3 คนออกมาอภิปรายหน้าช้นั เรยี นเกีย่ วกับการสอื่ สารขอ้ มูลพร้อมยกตัวอยา่ ง
การสอ่ื สารในแตล่ ะยคุ ได้อย่างเหมาะสม
5. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามขอ้ สงสยั โดยครใู ห้ความรเู้ พิม่ เติมในส่วนนนั้
6. นกั เรยี นทำใบงานท่ี 3.3.1 เรือ่ ง องค์ประกอบของการสอื่ สารข้อมูล
7. ครสู ่มุ นกั เรียน 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าชน้ั เรยี น พร้อมกับอภิปรายรว่ มกนั ภายในห้องเรยี น
ชัว่ โมงที่ 2
ข้นั สอน
ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
8. ครูทบทวนเน้อื หาการเรยี นจากชวั่ โมงที่ผา่ นมาเกย่ี วกับองค์ประกอบของการส่ือสารข้อมูล และ
พัฒนาการของการสอ่ื สารขอ้ มลู
9. นักเรยี นศกึ ษาเน้ือหาเก่ยี วกับทศิ ทางการส่อื สารข้อมลู ท่สี ่ือสารขอ้ มูลจากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสาร
โดยผ่านตวั กลาง และสามารถจำแนกทิศทางการส่ือสารออกเปน็ 3 รูปแบบ
10. ครูสมุ่ นกั เรียน 3-4 คน ออกมาอธบิ ายเก่ยี วกับทิศทางการส่ือสารข้อมูลทง้ั 3 รปู แบบ
ตามท่นี กั เรียนได้ศกึ ษาจากหนงั สอื เรยี น ดังน้ี
1) การสอ่ื สารทศิ ทางเดียว
2) การส่ือสารกงึ่ สองทิศทาง
3) การสือ่ สารสองทิศทาง
11. นักเรียนทำใบงานที่ 3.3.2 เรื่อง ทิศทางการส่ือสารข้อมลู
12. ครสู ่มุ นักเรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าช้ันเรียน พรอ้ มกบั อภิปรายรว่ มกนั ภายในห้องเรียน
ช่วั โมงที่ 3
ข้นั สอน
ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
13. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม (กลมุ่ เดมิ ) เพ่อื ศกึ ษาเนอื้ หาเกี่ยวกับสื่อกลางของการส่ือสารข้อมูลผ่านระบบ
เครือข่าย และพิจารณาถึงข้อดี – ข้อเสียของประเภทสายสญั ญาณในแต่ละแบบจากหนงั สือเรยี น
ตามหัวขอ้ ดังตอ่ ไปนี้
1) สือ่ กลางประเภทสายสัญญาณ
1.1 สายคู่บดิ เกลียว
1.2 สายโคแอกเชยี ล
1.3 สายไฟเบอรอ์ อปติก
2) ส่อื กลางประเภทไรส้ าย
2.1 อินฟราเรด
2.2 คลื่นวทิ ยุ
2.3 ไมโครเวฟ
2.4 ดาวเทยี มส่ือสาร
14. ครูอธิบายเพ่ือเชอ่ื มโยงความรู้สู่ชีวติ ประจำวัน (Com Sci in Real Life) ว่า“สายคบู่ ดิ เกลียว
แบบ UTP ถูกผลิตข้ึนมาใช้งานกอ่ นแล้วจึงได้มกี ารพฒั นาเปน็ STP ซึ่งสาย UTP เรมิ่ แรก
ถูกนำมาใช้ในระบบโทรศพั ท์ แต่ปจั จบุ นั ถกู นำมาใช้เปน็ สัญญาณทีเ่ ชอื่ มตอ่ ในระบบเครือขา่ ย
ทอ้ งถน่ิ (LAN) และมีการกำหนดมาตรฐานไว้ โดยสายทีม่ ีมาตรฐานสูงจะสามารถส่งขอ้ มูล
ขนาดใหญ่ได้ และมีความเรว็ ในการส่งสงู แตก่ จ็ ะมีราคาแพงขน้ึ ตามลำดับ”
15. นักเรยี นพจิ ารณาคุณสมบัตแิ ละการนำไปใชง้ านของสื่อกลางประเภทสายสญั ญาณ
16. นกั เรียนศึกษาความรู้เสริมจากเน้ือหาเพอ่ื ขยายความรูข้ องผ้เู รยี น (Com Sci Focus)
เรือ่ ง หน่วยวัดความเร็วของคอมพิวเตอร์ ท่ีกลา่ วถงึ Gbps ทยี่ อ่ มากจากคำวา่ Gigabit
per second และ Mbps ท่ยี ่อมาจากคำว่า Megabit per second
ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
17. ครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ กบั นกั เรยี นเกี่ยวกับสอ่ื กลางของการส่ือสารขอ้ มูลผ่านระบบเครือข่ายว่า
“ส่อื กลางของการสื่อสารข้อมูลประกอบไปดว้ ย 2 ประเภท คอื
1) สือ่ กลางประเภทสายสญั ญาณ เป็นสอ่ื ที่อาศัยวสั ดุทจ่ี บั ต้องได้เปน็ ตวั ส่งผา่ น
สัญญาณ เชน่ สายทองแดง เป็นต้น ซง่ึ แบ่งออกเป็นสายคตู่ ีเกลยี ว (Twisted Pair)
สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) และสายไฟเบอร์ออปติก (Fiber-Optic)
2) สอื่ กลางประเภทไร้สาย เป็นสือ่ กลางประเภทท่ีไมใ่ ชว้ สั ดใุ ด ๆ ในการนำสัญญาณ
ซงึ่ จะไมม่ ีการกำหนดเสน้ ทางให้สัญญาณเดนิ ทาง เช่น คล่ืนไมโครเวฟ
คลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า เปน็ ต้น ซง่ึ แบ่งออกเปน็ คล่นื วทิ ยุ ไมโครเวฟ และดาวเทยี ม
สอ่ื สาร เป็นต้น”
18. นักเรียนทำใบงานที่ 3.3.3 เรอ่ื ง ส่ือกลางของการส่ือสารข้อมูล
19. ครสู ุ่มนกั เรียน 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าชน้ั เรียน พร้อมกับอภิปรายร่วมกนั ภายในห้องเรยี น
ชวั่ โมงท่ี 4
ขั้นสอน
ขัน้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
20. นักเรียนศึกษาเน้ือหาเก่ยี วกบั ประเภทของระบบเครือขา่ ยจากหนงั สือเรยี นตามหัวขอ้ ดงั ต่อไปนี้
1) เครือขา่ ยส่วนบุคคล
2) เครือขา่ ยสว่ นทอ้ งถน่ิ
3) เครอื ขา่ ยระดับเมือง
4) เครอื ข่ายระดับประเทศ
21. ครูสุ่มนักเรยี น 3-4 คน ออกมาอธิบายประเภทของระบบเครือขา่ ย ตามท่นี กั เรียนได้ศึกษาจาก
หนังสือเรียน
22. ครอู ธิบายเพื่อเช่ือมโยงความรู้สชู่ วี ิตประจำวนั (Com Sci in Real Life) เรื่อง ระบบเครือขา่ ย
ในสถานศึกษาวา่ “ระบบเครือขา่ ยในสถานศกึ ษาที่มีอาคารเรียนหลาย ๆ อาคาร ส่วนใหญม่ ักจะ
มีระบบ MAN ไวค้ อยเช่ือมตอ่ กับระบบ LAN ของแต่ละอาคารเข้าดว้ ยกัน”
23. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ เกย่ี วกับเครือขา่ ย WAN ซ่งึ เป็นประเภทหน่งึ ของระบบเครอื ข่ายวา่ “เครือข่าย
WAN สามารถแบ่งเปน็ ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1) เครือข่ายส่วนตัว (Private Network) เปน็ การจัดต้ังระบบเครอื ข่ายซงึ่ มีการใชง้ าน
เฉพาะองคก์ ร เช่น องคก์ รทม่ี ีสาขาอาจทำการสรา้ งระบบเครือข่าย เพ่ือเชอื่ มต่อ
ระหว่างสำนักงานใหญก่ ับสาขาทมี่ อี ยู่ เป็นตน้
2) เครือขา่ ยสาธารณะ (PDN: Public Data Network) เปน็ เครอื ข่ายจะมอี งค์กร
หนงึ่ เปน็ ผู้ทำหน้าทใ่ี นการเดินระบบเครือขา่ ย และให้บริการเช่าช่องทางการส่ือสาร
ใหก้ บั บริษทั ต่าง ๆ ทีต่ ้องการสร้างระบบเครือขา่ ย ซ่ึงจะนยิ มใช้กันมาก
เนอ่ื งจากมคี ่าใชจ้ ่ายตำ่ กว่าการจดั ต้งั เครือขา่ ยส่วนตวั สามารถใช้งานได้ทนั ทีโดยไม่
ต้องเสยี เวลาในการจดั ตัง้ เครือขา่ ยใหม่ รวมทั้งมีบริการใหเ้ ลือกอย่างหลากหลาย”
ขั้นที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
24. นักเรยี นทำใบงานท่ี 3.3.4 เรอ่ื ง ประเภทของระบบเครอื ขา่ ย
25. ครสู มุ่ นักเรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรียน พรอ้ มกบั อภปิ รายรว่ มกันภายในห้องเรยี น
Note
วตั ถปุ ระสงคข์ องกิจกรรมเพ่อื ใหน้ ักเรยี น
- มีทกั ษะการทำงานร่วมกันโดยใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทำงานหรอื การทำ
กิจกรรมเพอื่ ใหเ้ กิดการสอื่ สารและแลกเปล่ยี นขอ้ มูลรว่ มกันภายในกลมุ่
- มที ักษะการสืบคน้ ข้อมูล โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนสบื คน้ ข้อมูลจากอนิ เทอรเ์ น็ต
เพื่อสืบเสาะหาความรู้ตามหวั ขอ้ ท่ีไดร้ ับมอบหมาย
- มที ักษะการคิดวเิ คราะห์ โดยใหน้ ักเรียนพิจารณาเนื้อหาจากการสบื ค้นหรือศึกษา
ขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมูลตา่ ง ๆ เชน่ หนงั สอื เรียน อินเทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้
ขนั้ สรุป
ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการตอบคำถาม การนำเสนอหนา้ ชัน้ เรียน ความสนใจ
ในการเรยี น และการทำใบงาน
2. ครูตรวจสอบความถูกต้องของผลการทำใบงานท่ี 3.3.1, ใบงานที่ 3.3.2, ใบงานที่ 3.3.3
และใบงานที่ 3.3.4
3. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรุปเกี่ยวกับเทคโนโลยกี ารส่อื สารว่า“ในปจั จบุ นั เทคโนโลยเี ขา้ มามี
บทบาทสำคัญในการดำรงชวี ิตของมนุษย์มากข้ึน โดยเฉพาะในดา้ นการส่อื สาร ได้มกี ารพฒั นา
อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ เข้ามาช่วยเหลือในการส่ือสาร เชน่ โทรศพั ท์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น”
7. การวดั และประเมินผล
รายการวดั วธิ วี ัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
7.1 ประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรม - ตรวจใบงานท่ี 3.3.1 - ใบงานที่ 3.3.1
การเรียนรู้
1) องค์ประกอบของการส่ือสาร
ขอ้ มลู - ตรวจใบงานท่ี 3.3.2 - ใบงานท่ี 3.3.2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
2) ทศิ ทางการสื่อสารข้อมูล - ตรวจใบงานที่ 3.3.3 - ใบงานท่ี 3.3.3 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
3) ส่ือกลางของการส่ือสาร
- ตรวจใบงานท่ี 3.3.4 - ใบงานท่ี 3.3.4 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ขอ้ มลู - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2
4) ประเภทของระบบเครือข่าย ผ่านเกณฑ์
5) การนำเสนอผลงาน ผลงาน การนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2
- สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์
6) พฤติกรรมการทำงาน การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล
รายบุคคล
7) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2
รายการวัด วิธีวดั เครื่องมือ เกณฑ์การประเมนิ
8) คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
- สังเกตความมวี นิ ัย การทำงานกลุม่ ระดบั คุณภาพ 2
ความรบั ผดิ ชอบ - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์
คณุ ลกั ษณะ
ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมัน่ อันพึงประสงค์
ในการทำงาน
8. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนังสอื เรียน (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เร่ือง ระบบคอมพวิ เตอร์
2) ใบงานที่ 3.3.1 เร่ือง องค์ประกอบของการส่ือสารขอ้ มลู
3) ใบงานท่ี 3.3.2 เรอื่ ง ทิศทางการส่อื สารขอ้ มลู
4) ใบงานท่ี 3.3.3 เรื่อง สื่อกลางของการสื่อสารข้อมูล
5) ใบงานที่ 3.3.4 เรอ่ื ง ประเภทของระบบเครือขา่ ย
6) เครอื่ งคอมพิวเตอร์
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อินเทอรเ์ นต็
ใบงานที่ 3.3.1
เรื่อง องค์ประกอบของการสอ่ื สารขอ้ มูล
คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรยี นอธิบายความหมายองค์ประกอบของการส่ือสารข้อมูลท่ีกำหนดมาใหถ้ ูกตอ้ ง
Message ……………………………………………………………………………………
Sender ……………………………………………………………………………………
Medium ……………………………………………………………………………………
Receiver ……………………………………………………………………………………
Protocol ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 3.3.1 เฉลย
เรอื่ ง องคป์ ระกอบของการส่ือสารข้อมลู
คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนอธบิ ายความหมายองคป์ ระกอบของการสอ่ื สารข้อมูลทก่ี ำหนดมาให้ถูกตอ้ ง
Message ข…อ้ …เท…็จ…จ…ร…งิ ท…ี่ผ…ู้ส…ง่ ต…อ้ …ง…กา…ร…ถ่า…ย…ท…อ…ดไ…ป…ย…งั ผ…รู้ …ับ…ซ…ง่ึ อ…า…จ…แส…ด…ง……
Sender อ…อ…ก…ม…าโ…ด…ยภ…า…ษ…า…หร…ือ…ส…ัญ…ล…ักษ…ณ…์ต…า่ …ง…ๆ…ท…่ีผ…ู้ส…ง่ แ…ล…ะ…ผ…ู้รบั …เข…้า…ใจ…
Medium
Receiver ……………………………………………………………………………………
Protocol
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
บ…ุค…ค…ล…ก…ล…มุ่ …บ…ุคค…ล…ห…ร…ือ…อ…ปุ ก…ร…ณ…ท์ …่ีท…ำ…หน…า้…ท…่ีเป…็น…แ…ห…ล…่งก…ำ…เน…ดิ …
ข…อ…ง…ข้อ…ม…ูล…ข…า่ ว…ส…าร…ท…ีต่ …้อ…งก…า…รส…่ง…ไป…ย…งั …ผูร้…บั …ส…าร………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
ส…ิง่ …ท…ที่ …ำห…น…า้ …ท…่เี ป…น็ …ต…ัวก…ล…า…งใ…น…กา…ร…น…ำข…อ้ …ม…ูลข…า่ …ว…สา…ร………………
จ…า…ก…ผู้ส…่ง…ส…าร…ส…ง่ ไ…ป…ย…ังผ…้รู …ับ…สา…ร……………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
บ…คุ…ค…ล…ก…ล…ุม่ …บ…ุคค…ล…ห…ร…อื …อ…ปุ ก…ร…ณ…ท์ …ี่ท…ำ…หน…้า…ท…่เี ป…็น…ต…วั …รับ…ข…้อ…ม…ูล…
ท…ผี่…สู้ …่ง…สา…ร…ส่ง…ม…า…ให…้ …………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
ก…ฎ…ห…ร…อื ข…้อ…ต…ก…ลง…ท…ีใ่ …ชใ้…น…กา…ร…ส…่ือส…า…ร…ขอ้…ม…ูล…ท…จ่ี ะ…ท…ำ…ให…ผ้ …สู้ …่งส…า…ร…
แ…ล…ะ…ผ…ู้รบั …ส…า…รม…คี …ว…าม…เ…ข้า…ใจ…ต…ร…งก…นั ………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 3.3.2
เร่อื ง ทิศทางการสอื่ สารข้อมูล
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนพิจารณาการส่ือสารที่กำหนดให้ จากน้ันให้บอกว่าเป็นการสื่อสารแบบทิศทางใด และมี
ลักษณะการส่อื สารอย่างไร
ทิศทางการส่ือสาร ลักษณะการสื่อสาร
ทศิ ทางการส่ือสาร ลกั ษณะการส่อื สาร
ทศิ ทางการสอื่ สาร ลักษณะการสอ่ื สาร
ใบงานที่ 3.3.2 เฉลย
เรือ่ ง ทศิ ทางการสื่อสารข้อมูล
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนพิจารณาการส่ือสารท่ีกำหนดให้ จากนั้นให้บอกว่าเป็นการสื่อสารแบบทิศทางใด และมี
ลกั ษณะการส่อื สารอยา่ งไร
ทิศทางการสอ่ื สาร ลกั ษณะการสอ่ื สาร
ทิศทางเดียว เปน็ ทิศทางการส่ือสารที่ข้อมูลจะสง่ จากสถานทหี่ นง่ึ
ไปยงั อีกสถานทหี่ นึง่ โดยทข่ี ้อมูลจะไม่สามารถ
ส่งย้อนกลับมาได้
ทิศทางการส่ือสาร ลักษณะการสื่อสาร
สองทิศทาง เปน็ ทิศทางการสื่อสารทส่ี ามารถส่งขอ้ มูลสองทิศทาง
พรอ้ มกันได้
ทิศทางการส่ือสาร ลักษณะการสือ่ สาร
กึง่ สองทิศทาง เปน็ ทศิ ทางการส่ือสารที่สามารถส่งข้อมลู ไปและรับ
สองทศิ ทางได้ แต่ไม่สามารถสง่ ข้อมูลในเวลาเดียวกัน
ได้ ขณะที่เครือ่ งหน่ึงเป็นผูร้ บั อกี เครื่องจะเป็นผสู้ ่ง
ใบงานที่ 3.3.3
เรื่อง สอื่ กลางของการส่ือสารข้อมูล
คำชีแ้ จง : ให้นกั เรียนตอบคำถามต่อไปนใี้ ห้ถูกตอ้ ง
1. ใหน้ กั เรียนบอกขอ้ ดแี ละข้อเสียของส่ือกลางการสอ่ื สารข้อมูลดงั ต่อไปนี้
ส่ือกลาง ขอ้ ดี ข้อเสยี
สายคู่บิดเกลยี วแบบ STP
สายโคแอกเชยี ล
สายไฟเบอรอ์ อปตกิ
2. ถ้านกั เรยี นต้องการติดต้ังระบบเครอื ข่ายจากท่หี นง่ึ ไปยงั อีกทหี่ น่งึ ซึง่ มีระยะทางหา่ งกันประมาณ
10 กโิ ลเมตร นักเรยี นคิดว่าควรเลือกใช้สื่อกลางประเภทสายสญั ญาณใดในการส่ือสารข้อมูล เพราะเหตใุ ด
ใบงานท่ี 3.3.3 เฉลย
เร่ือง สือ่ กลางของการสอื่ สารขอ้ มลู
คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปนี้ใหถ้ กู ตอ้ ง
1. ให้นักเรียนบอกขอ้ ดีและข้อเสยี ของส่ือกลางการสือ่ สารขอ้ มูลดงั ต่อไปนี้
สอื่ กลาง ขอ้ ดี ข้อเสีย
ภาพสายคู่บิดเกลยี วแบบ STP - ส่งขอ้ มลู ดว้ ยความเรว็ สูงกว่า - มขี นาดใหญ่กว่าแบบไม่มฉี นวน
แบบไม่มีฉนวนหมุ้ หุ้ม
สายคบู่ ิดเกลียวแบบ STP - สามารถปอ้ งกันสญั ญาณรบกวน - ไมย่ ืดหยนุ่ ดดั โคง้ งอได้ไม่มาก
ไดด้ ี - ราคาแพงกว่าแบบไม่มฉี นวนหุม้
- ราคาถูก - ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอก
- มคี วามยดื หยุน่ ในการใชง้ าน ไดง้ า่ ย
- ตดิ ต้งั งา่ ยและมีน้ำหนกั เบา - ใช้ไดใ้ นระยะทางจำกัด
สายโคแอกเชยี ล
- สามารถบรรจุขอ้ มลู ได้จำนวน - เสน้ ใยแก้วนำแสงเปราะบาง
มาก แตกหกั งา่ ย
- มขี นาดเล็ก นำ้ หนักเบา - ไมส่ ามารถดัดโคง้ งอได้
- มีอายกุ ารใชง้ านนาน - ในการตดิ ต้ังต้องใชเ้ ครื่องมือ
สายไฟเบอร์ออปติก พิเศษ
2. ถา้ นักเรยี นตอ้ งการตดิ ต้ังระบบเครือขา่ ยจากท่หี นงึ่ ไปยังอีกท่ีหน่ึงซ่ึงมีระยะทางหา่ งกนั ประมาณ
10 กโิ ลเมตร นักเรียนคดิ ว่าควรเลอื กใช้สื่อกลางประเภทสายสัญญาณใดในการสือ่ สารข้อมูล เพราะเหตุใด
ควรใช้สายไฟเบอร์ออปติก เนื่องจากเป็นสายสัญญาณท่ีมีความเร็วสูงสุดถึง 100 Gbps ใช้เช่ือมตอ่ ระยะทาง
มากกว่า 2 กโิ ลเมตรได้
ใบงานที่ 3.3.4
เร่อื ง ประเภทของระบบเครือข่าย
คำชแี้ จง : ให้นกั เรียนตอบคำถามต่อไปนใ้ี ห้ถูกต้อง
1. จงจบั คูร่ ะบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์กบั ความหมายที่ถูกตอ้ งท่ีสดุ
.......... LAN A. ระบบเครือข่ายเช่ือมต่อคอมพวิ เตอร์กบั โทรศพั ทม์ ือถือ
.......... MAN B. เครอื ขา่ ยระยะใกล/้ ท้องถิ่น
.......... WAN C. เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ที่มีขนาดใหญ่ท่ีสดุ
.......... PAN D. เครือขา่ ยระยะหา่ งไกล/ระดบั ประเทศ
E. เครอื ขา่ ยขนาดกลางระดับจงั หวัด
2. จงเรยี งลำดับขนาดของเครอื ข่ายคอมพิวเตอรต์ อ่ ไปนี้ คอื MAN, LAN, WAN, PAN
จากเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ทมี่ ขี นาดเล็กท่สี ดุ ไปหาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีมีขนาดใหญ่ทสี่ ุด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ในกรณีทโี่ รงเรยี นของนักเรยี นมอี าคารเรียนเพียงอาคารเดียว ถา้ โรงเรียนต้องการติดตัง้ ระบบเครือขา่ ย
คอมพวิ เตอร์ นักเรียนคิดวา่ ควรตดิ ตงั้ ระบบเครือขา่ ยแบบใดจงึ จะเหมาะสมท่สี ุด และเครือข่ายนั้น
มีการทำงานอย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 3.3.4 เฉลย
เรื่อง ประเภทของระบบเครอื ข่าย
คำช้แี จง : ให้นกั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปน้ีใหถ้ ูกตอ้ ง
1. จงจบั คู่ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์กับความหมายที่ถูกต้องที่สดุ
....B...... LAN A. ระบบเครอื ขา่ ยเชือ่ มตอ่ คอมพิวเตอร์กบั โทรศพั ทม์ ือถือ
....C...... MAN B. เครอื ข่ายระยะใกล/้ ท้องถ่ิน
....D...... WAN C. เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ทม่ี ีขนาดใหญท่ ส่ี ุด
....A...... PAN D. เครอื ข่ายระยะหา่ งไกล/ระดบั ประเทศ
E. เครอื ขา่ ยขนาดกลางระดับจังหวดั
2. จงเรยี งลำดับขนาดของเครือขา่ ยคอมพิวเตอรต์ อ่ ไปนี้ คือ MAN, LAN, WAN, PAN
จากเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ทม่ี ขี นาดเลก็ ทสี่ ุดไปหาเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
PAN,….LAN,…..MAN,……WAN…………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ในกรณีที่โรงเรยี นของนักเรยี นมอี าคารเรียนเพียงอาคารเดียว ถ้าโรงเรียนตอ้ งการติดต้งั ระบบเครือขา่ ย
คอมพวิ เตอร์ นกั เรียนคดิ วา่ ควรตดิ ตัง้ ระบบเครือขา่ ยแบบใดจงึ จะเหมาะสมทสี่ ุด และเครือข่ายนนั้
มกี ารทำงานอยา่ งไร
ควรตดิ ตัง้ ระบบ LAN เพราะเปน็ การเช่อื มต่อเครือข่ายระยะใกลเ้ ชือ่ มโยงคอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณต์ ่างๆ ท่ีอย่ใู น
พน้ื ที่เดยี วกนั โดยใช้สายสญั ญาณเปน็ สื่อกลางการสือ่ สารขอ้ มูล
9. ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชอื่ .................................
( ................................ )
ตำแหนง่ .......
10. บนั ทกึ ผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่ีมปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี )
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
ลงชื่อ..............................................ผู้บนั ทึก
(นายดลพฤกษ์ ทนั เจรญิ )
ตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4
การประยกุ ต์ใช้งานและการแก้ปัญหาเบ้ืองต้น
เวลา 2 ชัว่ โมง
1. ผลการเรยี นรู้
1. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ การนำข้อมูลปฐมภูมิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์
ประเมนิ นำเสนอขอ้ มูลและ สารสนเทศได้ตามวัตถุประสงค์
2. เพ่ือให้ผู้เรียนใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรม
อยา่ งงา่ ย เพื่อชว่ ยในการแก้ปญั หา
3. เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารอยา่ งร้เู ท่าทนั และรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม
4. เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ความเข้าใจใน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ
สังคมและการดำรงชีวติ
5. เพื่อให้ผ้เู รียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ มีความสามารถในการแก้ปัญหาและมีทักษะ
ในการส่อื สาร มคี วามสามารถในการตัดสินใจ
6. เพ่ือให้ผู้เรียนเป็นผู้ท่ีมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีอยา่ งสร้างสรรค์
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายประเภทของคอมพิวเตอร์ไดถ้ ูกต้อง (K)
2. แก้ไขปัญหาทเ่ี กิดจากการใชง้ านระบบคอมพิวเตอร์ในเบื้องต้นได้ (P)
3. แก้ไขปัญหาท่เี กิดจากการใช้งานด้านซอฟต์แวรใ์ นเบ้ืองต้นได้ (P)
4. สนใจใฝ่เรียนรูใ้ นการศกึ ษาและประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ (A)
3. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- การประยุกต์ใชง้ านและการแกป้ ญั หาเบ้ืองตน้
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ประเภทของคอมพิวเตอร์ในปัจจบุ ันแบ่งไดเ้ ปน็ 5 ประเภท ไดแ้ ก่ Super Computer,
Mainframe Computer, Personal Computer, Workstation Computer และ Wearable
Computer สำหรับการใชง้ านคอมพวิ เตอรน์ ัน้ ผู้ใช้ควรทราบถึงปัญหาและการแก้ไขปัญหาในการใชง้ าน
ทเี่ กดิ ขนึ้ ซ่ึงส่วนใหญแ่ ล้วจะเป็นปญั หาทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มีวนิ ัย รับผิดชอบ
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
- ทกั ษะการส่ือสาร 2. ใฝเ่ รียนรู้
- ทกั ษะการแลกเปล่ียนข้อมูล 3. มุ่งมั่นในการทำงาน
2. ความสามารถในการคิด
- ทักษะการคิดวเิ คราะห์
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
- ทักษะการสงั เกต
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
- ทักษะการทำงานรว่ มกนั
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- ทกั ษะการสืบคน้ ขอ้ มลู
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
วิธีการสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชวั่ โมงที่ 1
ขน้ั นำ
ข้ันท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement)
1. ครทู บทวบความรู้เดมิ จากชัว่ โมงทผี่ ่านมา
2. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม (กลมุ่ เดมิ ) และใหค้ น้ หาว่าคอมพวิ เตอรแ์ บง่ ออกเปน็ ก่ีประเภท และแต่ละ
ประเภทเหมาะกบั การทำงานประเภทใด จากนนั้ ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ ออกมานำเสนอหน้าชน้ั เรยี น
พรอ้ มพูดคุยแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ กบั เพอ่ื นรว่ มช้นั
ขนั้ สอน
ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
1. นักเรียนศกึ ษาประเภทของคอมพิวเตอร์ทีแ่ บ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ
1) Super Computer
2) Mainframe Computer
3) Personal Computer
4) Workstation Computer
5) Wearable Computer
จากหนังสือเรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรอ่ื ง ระบบคอมพิวเตอร์
หรอื สบื คน้ เพ่ิมเติมจากอนิ เทอรเ์ นต็
ทเี่ ครอ่ื งคอมพิวเตอร์ของตนเองโดยให้นกั เรยี นพจิ ารณาถงึ ลกั ษณะการทำงานและการใช้งาน
2. ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ยี วกบั การใช้งานระบบคอมพวิ เตอรว์ า่ “นอกจากจะมีการแบง่ ประเภท
ของคอมพิวเตอรอ์ อกเป็น 5 ประเภทแลว้ ยังสามารถแบ่งประเภทคอมพิวเตอรต์ าม
วัตถปุ ระสงค์ของการใช้งานได้อกี คือ
1) คอมพิวเตอรเ์ พ่ืองานเฉพาะกิจ (Special Purpose Computer) หมายถึง
เครื่องประมวลผลข้อมูลทถ่ี ูกออกแบบตัวเคร่ืองและโปรแกรมควบคมุ ให้ทำงาน
อย่างใดอยา่ งหน่งึ เป็นการเฉพาะ โดยทวั่ ไปมักใช้ในงานควบคมุ อุตสาหกรรม
ท่เี นน้ การประมวลผลแบบรวดเรว็ เชน่ เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ควบคุมสญั ญาณไฟ
จราจร คอมพิวเตอร์ควบคมุ ลิฟต์ หรือคอมพวิ เตอร์ควบคมุ ระบบอัตโนมตั ิ
ในรถยนต์ เป็นตน้
2) คอมพวิ เตอรเ์ พื่องานอเนกประสงค์ (General Purpose Computer) หมายถึง
เครอ่ื งประมวลผลข้อมูลท่ีมีความยดื หยนุ่ ในการทำงาน โดยได้รบั การออกแบบให้
สามารถประยุกต์ใช้ในงานประเภทตา่ ง ๆ ได้ โดยระบบจะทำงานตามคำสั่งใน
โปรแกรมท่ีเขยี นข้ึนมา เช่น ใชเ้ ครือ่ งน้ีในงานประมวลผลคะแนนนักเรียน
เกี่ยวกบั ระบบการตัดเกรด หรือสามารถใชใ้ นการคำนวณเงินเดือนได้ เป็นตน้ ”
3. นกั เรียนทำใบงานที่ 3.4.1 เรื่อง ประเภทของคอมพวิ เตอร์
4. ครสู มุ่ นกั เรียน 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ชัน้ เรียน พรอ้ มกับอภปิ รายรว่ มกนั ในห้องเรียน
ชวั่ โมงท่ี 2
ข้ันสอน
ข้ันท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
5. ครูทบทวนเน้ือหาการเรยี นเม่ือช่วั โมงทแ่ี ลว้ เก่ยี วกับการใช้งานระบบคอมพวิ เตอร์
6. ครูถามกระตุ้นความคดิ ของนักเรยี นวา่ “ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของนักเรียนเสียหรือมปี ัญหา
นักเรียนสามารถแก้ไขเองไดห้ รอื ไม่”
(แนวตอบ : นกั เรยี นแสดงความคิดเห็นตามประสบกาณณ์ของตนเอง)
7. นกั เรียนศึกษาเนื้อหา เร่ือง ปัญหาและการแก้ไขการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ จากหนังสอื เรียน
และสังเกตปัญหาทเ่ี กิดขึน้ และการแก้ปัญหาจากตัวอยา่ งในหนังสอื เรยี น
ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
8. ครสู ุ่มนักเรียน 3-4 คน ออกมาอธิบายถงึ ปญั หาทีเ่ กิดกับคอมพวิ เตอร์และวธิ ีการแกป้ ัญหา
คอมพวิ เตอร์ทน่ี ักเรียนพบในเบ้อื งต้น พร้อมกบั อภิปรายร่วมกนั ในชั้นเรียน
9. ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมเก่ียวกับปญั หาและการแก้ไขการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์วา่ “นอกจากจะมี
ปัญหาดา้ นฮาร์ดแวรแ์ ละซอฟตแ์ วรแ์ ล้ว ยังมีปญั หาด้านไวรัสทเี่ กดิ ขึ้นกบั คอมพิวเตอร์ ดงั นั้น
ถ้าพบวา่ คอมพวิ เตอร์ทำงานช้าลงกว่าปกติ คอมพิวเตอร์หยุดการตอบสนองหรือติดขดั บ่อยครง้ั
คอมพวิ เตอร์ขดั ข้องแลว้ เรมิ่ ใหมท่ ุกสองสามนาที โปรแกรมประยุกต์ในคอมพิวเตอรท์ ำงาน
ไมถ่ ูกตอ้ ง เป็นตน้ ซง่ึ ปญั หาดังกล่าวนอ้ี าจเกิดจากการมีไวรสั ท่ฝี ังอยใู่ นคอมพิวเตอร์ ดังน้ันจึง
ควรตดิ ตั้งโปรแกรมตรวจสอบไวรสั และหมัน่ ตรวจสอบอยเู่ สมอเพอื่ ความปลอดภัยของขอ้ มูล”
ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
10. นักเรยี นทำกิจกรรมทส่ี อดคล้องกบั เน้ือหา โดยการตอบคำถามเพอื่ พฒั นาความรู้และทักษะ
การเรียนรู้ (Com Sci Activity) เกย่ี วกบั ระบบคอมพิวเตอร์ลงในสมดุ ประจำตวั
11. นกั เรียนทำใบงานท่ี 3.4.2 เร่อื ง การแก้ปญั หาคอมพิวเตอร์
12. ครสู มุ่ นักเรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าช้ันเรียน พร้อมกับอภิปรายรว่ มกันภายในห้องเรยี น
Note
วตั ถปุ ระสงค์ของกิจกรรมเพือ่ ให้นักเรยี น
- มีทกั ษะการทำงานรว่ มกันโดยใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทำงานหรอื การทำ
กจิ กรรมเพอ่ื ใหเ้ กิดการสอื่ สารและแลกเปล่ียนขอ้ มลู รว่ มกันภายในกลมุ่
- มีทักษะการสืบค้นข้อมลู โดยให้นักเรียนแตล่ ะคนสืบค้นข้อมลู จากอนิ เทอรเ์ น็ต
เพื่อสืบเสาะหาความรตู้ ามหัวขอ้ ที่ได้รบั มอบหมาย
- มที กั ษะการสงั เกต โดยใหน้ ักเรยี นสังเกตปญั หาที่เกิดขึน้ ด้านฮาร์ดแวร์และดา้ น
ซอฟตแ์ วรพ์ ร้อมวธิ กี ารแก้ไขปัญหาจากหนังสือเรียนเพื่อนำไปปรบั ใช้ในการเรยี นได้อย่าง
เหมาะสม
- มที กั ษะการคิดวิเคราะห์ โดยใหน้ ักเรียนพจิ ารณาเน้ือหาจากการสบื ค้นหรือศึกษา
ขอ้ มูลจากแหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ เชน่ หนงั สอื เรยี น อินเทอร์เน็ต เป็นต้น
ขั้นสรุป
ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมนิ ผลนกั เรียนจากการสังเกตการตอบคำถาม การนำเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น และ
การทำใบงาน
2. ครูตรวจสอบความถูกต้องของผลการทำใบงานท่ี 3.4.1 และ ใบงานท่ี 3.4.2
3. นกั เรยี นและครูร่วมกันสรปุ เก่ียวกับการประยุกต์ใช้งานและการแกป้ ัญหาเบอ้ื งต้น
4. นกั เรียนตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจดว้ ยตนเองจากหนังสือเรยี น โดยพจิ ารณาขอ้ ความว่าถกู
หรอื ผดิ หากนักเรยี นพิจารณาขอ้ ความไม่ถกู ต้องใหน้ ักเรยี นกลับไปทบทวนเน้ือหาตามหัวข้อท่ี
กำหนดให้
5. นักเรยี นทำแบบฝึกหดั ประจำหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 โดยใหบ้ นั ทกึ ลงในสมุดประจำตวั และ
ทำชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอ่ื ง ระบบคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจ และ
นำมาส่งในชว่ั โมงถดั ไป
6. นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เร่อื ง ระบบคอมพิวเตอร์ เพอื่ วดั ความรู้
ทีน่ กั เรียนไดร้ ับหลงั จากผ่านการเรียนรู้
7. การวดั และประเมินผล
รายการวัด วธิ วี ดั เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน
7.1 ประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรม - ตรวจใบงานที่ 3.4.1 - ใบงานที่ 3.4.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การเรยี นรู้
1) ประเภทของคอมพวิ เตอร์
2) การแกป้ ญั หาคอมพวิ เตอร์ - ตรวจใบงานท่ี 3.4.2 - ใบงานท่ี 3.4.2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
3) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2
ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
4) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2
รายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
5) พฤติกรรมการทำงานกล่มุ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2
การทำงานกล่มุ การทำงานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์
6) คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - สงั เกตความมวี ินัย - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์
7.2 การประเมินหลงั เรียน ความรบั ผดิ ชอบ อันพงึ ประสงค์
1) แบบทดสอบหลงั เรียน ประเมินตามสภาพจริง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มน่ั - แบบทดสอบหลังเรียน
เร่ือง ระบบคอมพิวเตอร์ ในการทำงาน
2) การประเมินช้นิ งาน - ตรวจแบบทดสอบ
/ภาระงาน (รวบยอด) หลงั เรียน
เร่อื ง ระบบคอมพวิ เตอร์
- ตรวจชน้ิ งาน/ภาระ - แบบประเมนิ ชิน้ งาน ระดบั คุณภาพ 2
งาน (รวบยอด) /ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์
8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนังสือเรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 เร่ือง ระบบคอมพวิ เตอร์
2) ใบงานที่ 3.4.1 เรือ่ ง ประเภทของคอมพิวเตอร์
3) ใบงานที่ 3.4.2 เรื่อง การแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์
4) เครอ่ื งคอมพิวเตอร์
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งคอมพวิ เตอร์
2) อินเทอร์เนต็
ใบงานที่ 3.4.1
เรื่อง ประเภทของคอมพิวเตอร์
คำชีแ้ จง : ให้นกั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปนี้ให้ถูกต้อง
1. คอมพิวเตอร์ที่ถูกนำไปใชใ้ นองค์กรขนาดใหญ่ คือ
2. คอมพิวเตอร์ที่มขี นาดใหญ่ มีน้ำหนกั มาก และมรี าคาแพง คือ
3. คอมพวิ เตอร์ท่ีเหมาะสำหรับงานดา้ นกราฟิก สถาปตั ยกรรม วศิ วกรรม คือ
4. คอมพวิ เตอรท์ ีท่ ำงานเก่ียวขอ้ งกบั ตัวจบั การเคล่ือนไหว การหาตำแหนง่ คอื
5. คอมพวิ เตอรช์ นิดทีน่ ยิ มใช้ในสำนักงานมากที่สดุ คอื
จงนำตวั อกั ษรทางด้านขวามอื มาเตมิ ลงในช่องว่างหน้าข้อความดา้ นซา้ ยมือที่สัมพนั ธ์กนั
.......... 1. รับข้อมูลเข้าส่เู คร่อื งคอมพิวเตอร์ A. Microsoft Excel
.......... 2. อุปกรณ์ที่เก็บข้อมูลไว้ใช้ในภายหลงั B. Microsoft Access
.......... 3. ประมวลผลข้อมลู ท่ีผู้ใชป้ ้อนเข้ามา C. Super Computer
.......... 4. โปรแกรมที่ใช้ในการคำนวณ D. Mainframe Computer
.......... 5. โปรแกรมที่ใช้สำหรับนำเสนอรายงาน E. Input Unit
.......... 6. โปรแกรมที่ช่วยรักษาหน้าจอ F. Wearable Computer
.......... 7. โปรแกรมจดั การไฟลใ์ นเคร่อื ง G. PageMaker
.......... 8. โปรแกรมท่ชี ว่ ยจัดการฐานข้อมูล H. Screen Saver
.......... 9. คอมพิวเตอรท์ ี่มีราคาแพงที่สดุ I. File Manager
.......... 10. คอมพิวเตอรท์ ี่ใช้จบั เซ็นเซอร์ J. Secondary Storage
K. Central Processing Unit
L. Microsoft PowerPoint
M. Workstation Computer
ใบงานท่ี 3.4.1 เฉลย
เร่ือง ประเภทของคอมพิวเตอร์
คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนตอบคำถามตอ่ ไปน้ใี ห้ถกู ต้อง
1. คอมพิวเตอร์ที่ถกู นำไปใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ คือ Mainframe Computer
2. คอมพวิ เตอร์ทม่ี ีขนาดใหญ่ มนี ำ้ หนักมาก และมรี าคาแพง คือ Super Computer
3. คอมพิวเตอร์ที่เหมาะสำหรบั งานด้านกราฟิก สถาปตั ยกรรม วิศวกรรม คอื Workstation Computer
4. คอมพวิ เตอร์ทท่ี ำงานเกย่ี วข้องกบั ตัวจับการเคลอื่ นไหว การหาตำแหน่ง คือ Wearable Computer
5. คอมพวิ เตอร์ชนิดทน่ี ิยมใช้ในสำนักงานมากทีส่ ุด คือ Personal Computer
จงนำตวั อักษรทางดา้ นขวามอื มาเตมิ ลงในช่องวา่ งหนา้ ขอ้ ความดา้ นซ้ายมือทีส่ ัมพันธ์กนั
.....E..... 1. รบั ข้อมลู เขา้ สู่เคร่ืองคอมพิวเตอร์ A. Microsoft Excel
......J.... 2. อปุ กรณ์ท่ีเกบ็ ขอ้ มูลไว้ใชใ้ นภายหลงั B. Microsoft Access
......K.... 3. ประมวลผลขอ้ มลู ทีผ่ ู้ใช้ปอ้ นเขา้ มา C. Super Computer
.....A..... 4. โปรแกรมทใ่ี ช้ในการคำนวณ D. Mainframe Computer
......L.... 5. โปรแกรมท่ใี ชส้ ำหรับนำเสนอรายงาน E. Input Unit
......H.... 6. โปรแกรมทีช่ ่วยรักษาหน้าจอ F. Wearable Computer
......I...... 7. โปรแกรมจดั การไฟลใ์ นเคร่อื ง G. PageMaker
......B.... 8. โปรแกรมท่ีช่วยจัดการฐานข้อมูล H. Screen Saver
.....C..... 9. คอมพวิ เตอรท์ ีม่ รี าคาแพงทส่ี ดุ I. File Manager
......F..... 10. คอมพวิ เตอรท์ ่ีใช้จับเซน็ เซอร์ J. Secondary Storage
K. Central Processing Unit
L. Microsoft PowerPoint
M. Workstation Computer
ใบงานที่ 3.4.2
เรอ่ื ง การแกป้ ญั หาคอมพิวเตอร์
คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนใ้ี หถ้ ูกต้อง
1. ถา้ นักเรยี นเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วมีไฟเข้าเคร่อื ง แตห่ น้าจอไม่ตดิ นกั เรียนคดิ ว่าเปน็ เพราะสาเหตุใด
และมีวิธีการแก้ไขอยา่ งไร
สาเหตุ วธิ กี ารแกไ้ ข
2. ถา้ นักเรยี นเปิดเครอ่ื งแล้วหน้าจอไมต่ ิด และมีเสียงร้อง (Beep) หลายๆ ครง้ั นักเรยี นคดิ ว่าเป็นเพราะ
สาเหตุใด และมีวิธกี ารแก้ไขอยา่ งไร
สาเหตุ วธิ กี ารแกไ้ ข
3. ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของนักเรียนมีอาการดังน้ี คือ ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมา
ทำงาน ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึ้น เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ ไฟล์ข้อมูลหรือ
โปรแกรมท่ีเคยใช้อยูห่ ายไป เครื่องทำงานช้าลง เคร่ืองรีสตาร์ทเองโดยไมไ่ ดส้ ง่ั หรือระบบหยุดทำงานโดย
ไม่ทราบสาเหตุ นกั เรียนคิดว่าเป็นเพราะสาเหตใุ ด และมวี ธิ ีการแกไ้ ขอย่างไร
สาเหตุ วิธกี ารแก้ไข
ใบงานท่ี 3.4.2 เฉลย
เร่อื ง การแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์
คำชแ้ี จง : ให้นักเรยี นตอบคำถามตอ่ ไปนี้ใหถ้ ูกตอ้ ง
1. ถ้านกั เรยี นเปดิ เคร่ืองคอมพิวเตอร์แล้วมีไฟเขา้ เครื่อง แต่หน้าจอไม่ตดิ นกั เรยี นคิดว่าเปน็ เพราะสาเหตุใด
และมีวิธีการแก้ไขอยา่ งไร
สาเหตุ วิธกี ารแกไ้ ข
ไม่ได้ต่อสายไฟระหว่างจอภาพกับตัวเครื่อง ตรวจสอบการต่อสายไฟระหว่างจอภาพกับตัวเคร่ือง หรือ
หรือสายไฟของจอภาพหลวม ตรวจสอบสายไฟของจอภาพกับเตา้ เสยี บว่าหลวมหรือไม่
2. ถา้ นักเรียนเปดิ เครือ่ งแลว้ หน้าจอไมต่ ดิ และมเี สียงร้อง (Beep) หลายๆ ครงั้ นักเรยี นคิดวา่ เปน็ เพราะ
สาเหตใุ ด และมีวิธกี ารแก้ไขอยา่ งไร
สาเหตุ วิธกี ารแกไ้ ข
- การ์ดจอภาพเสียบไมแ่ นน่ สกปรก หรือเสีย 1. เปิดตัวเคร่ืองคอมพิวเตอรด์ ึงการ์ดจอหรือ RAM ออกมา
- RAM เสียบไม่แนน่ สกปรก หรอื เสีย ทำความสะอาดโดยใช้ยางลบถูคราบสกปรกบริเวณขา
ทองแดงแลว้ ใสก่ ลับเขา้ ไปใหม่
2. ในกรณีที่แก้ไขตามข้อ 1 แล้วยังใช้ไม่ได้ ควรติดต่อช่าง
หรือผู้ทส่ี ามารถแกไ้ ขปญั หาได้
3. ถ้าเคร่ืองคอมพิวเตอร์ของนักเรียนมีอาการดังนี้ คือ ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมข้ึนมา
ทำงาน ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึ้น เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ ไฟล์ข้อมูลหรือ
โปรแกรมที่เคยใช้อยหู่ ายไป เครอื่ งทำงานช้าลง เครื่องรีสตาร์ทเองโดยไม่ไดส้ ง่ั หรอื ระบบหยุดทำงานโดย
ไม่ทราบสาเหตุ นกั เรียนคิดวา่ เปน็ เพราะสาเหตใุ ด และมีวธิ กี ารแก้ไขอย่างไร
สาเหตุ วธิ ีการแก้ไข
เครอื่ งติดไวรสั เรียกใช้โปรแกรมตรวจสอบไวรัส หรือถ้ายังไม่มีโปรแกรม
ตรวจสอบไวรัส ควรติดต้ังโปรแกรมตรวจสอบไวรัสใน
เครือ่ ง และทำการตรวจสอบไวรสั อยู่เสมอ
ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
เร่ือง ระบบคอมพวิ เตอร์
คำช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามตอ่ ไปให้ให้ถกู ต้อง
1. ใหน้ ักเรียนยกตัวอย่างข้อมูลทส่ี ามารถนำมาใช้ในการส่อื สารข้อมลู ในชีวิตประจำวันได้ตามลกั ษณะข้อมูล
ในตารางตอ่ ไปนี้
ลกั ษณะของขอ้ มลู ตัวอยา่ งข้อมูล
ตัวอกั ษร
ตวั เลข
เสียง
รูปภาพ
สื่อผสม
2. ให้นักเรียนพิจารณาบัตรคำที่กำหนดให้ จากนั้นนำบัตรคำไปเติมลงในตารางสื่อกลางในการส่อื สารขอ้ มูล
ใหถ้ ูกตอ้ งตามประเภทของส่อื กลางนนั้ ๆ
อนิ ฟราเรด สายโคแอกเชียล คล่นื วิทยุ สาย UTP
คลน่ื ไมโครเวฟ สายใยแก้วนำแสง สาย STP ดาวเทียม
ส่ือกลางในการส่ือสารขอ้ มลู
ส่อื กลางประเภทสายสัญญาณ ส่อื กลางประเภทไรส้ าย
ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เฉลย
เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์
คำชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามต่อไปให้ให้ถูกตอ้ ง
1. ใหน้ ักเรยี นยกตัวอย่างข้อมลู ท่ีสามารถนำมาใชใ้ นการสอื่ สารขอ้ มลู ในชีวติ ประจำวันได้ตามลักษณะข้อมลู
ในตารางตอ่ ไปนี้
ลกั ษณะของข้อมูล ตวั อยา่ งข้อมลู
ตัวอกั ษร หนงั สอื เรยี น ป้ายบอกรายการอาหารในโรงอาหาร
ตัวเลข คะแนน ราคาอาหาร
เสียง เสียงประกาศ เสยี งเพลง
รูปภาพ ภาพกจิ กรรมของโรงเรยี น ภาพคณุ ครู
สื่อผสม วดี โี อแนะนำโรงเรียน มิวสิควีดีโอ
2. ให้นักเรียนพิจารณาบัตรคำที่กำหนดให้ จากนั้นนำบัตรคำไปเติมลงในตารางส่ือกลางในการสอ่ื สารขอ้ มูล
ให้ถูกตอ้ งตามประเภทของสอ่ื กลางน้ัน ๆ
อนิ ฟราเรด สายโคแอกเชียล คลนื่ วิทยุ สาย UTP
คลื่นไมโครเวฟ สายใยแก้วนำแสง สาย STP ดาวเทียม
สอ่ื กลางในการสือ่ สารขอ้ มูล
สื่อกลางประเภทสายสัญญาณ สื่อกลางประเภทไร้สาย
สายโคแอกเชยี ล อินฟราเรด
สาย UTP คล่ืนวทิ ยุ
สายใยแก้วนำแสง คลน่ื ไมโครเวฟ
สาย STP ดาวเทียม
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
คำชี้แจง: ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดับคะแนน
ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32
1 ความถกู ตอ้ งของเนอื้ หา
2 ความคิดสร้างสรรค์
3 วิธีการนำเสนอผลงาน
4 การนำไปใช้ประโยชน์
5 การตรงต่อเวลา
รวม
ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./...................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรุง
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
คำช้ีแจง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี
ตรงกบั ระดับคะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32
1 การแสดงความคดิ เหน็
2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ ่ืน
3 การทำงานตามหนา้ ท่ีท่ไี ดร้ ับมอบหมาย
4 ความมีน้ำใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............/.................../................
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
คำช้ีแจง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่
ตรงกับระดับคะแนน
การแสดง การทำงาน การมี
ความ ตามท่ีได้รบั
ลำดับที่ ชื่อ–สกลุ คิดเห็น การยอมรับ มอบหมาย ความมีนำ้ ใจ ส่วนรว่ มใน รวม
ของนกั เรียน ฟงั คนอน่ื การปรับปรงุ 15
คะแนน
ผลงานกลมุ่
321321321321321
ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน
............./.................../...............
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครัง้
เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
คำชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดับคะแนน
คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อันพึงประสงค์ด้าน 32 1
1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้
กษัตริย์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่สี ร้างความสามัคคีปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ ่อ
โรงเรยี น
1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏิบตั ิตามหลกั ศาสนา
1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีเก่ียวกับสถาบันพระมหากษตั ริยต์ ามท่โี รงเรียนจัดขึน้
2. ซอื่ สัตย์ สจุ ริต 2.1 ให้ข้อมลู ท่ีถูกต้องและเป็นจริง
2.2 ปฏิบตั ิในส่งิ ทถี่ ูกต้อง
3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว
มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ ิจกรรมตา่ งๆ ในชีวิตประจำวัน
4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รู้จักใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ และนำไปปฏบิ ัติได้
4.2 รู้จกั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม
4.3 เชื่อฟังคำส่งั สอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้
4.4 ตงั้ ใจเรียน
5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพย์สินและสิ่งของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั
5.2 ใช้อุปกรณ์การเรยี นอย่างประหยัดและรู้คุณค่า
5.3 ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงนิ
6. มุง่ ม่ันในการทำงาน 6.1 มีความต้ังใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเร็จ
7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนุรกั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย
7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย
8. มีจติ สาธารณะ 8.1 รู้จกั ช่วยพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน
8.2 รจู้ กั การดแู ลรกั ษาทรพั ยส์ มบัตแิ ละส่ิงแวดล้อมของหอ้ งเรียนและ
โรงเรียน
ลงช่ือ..................................................ผู้ประเมนิ
............/.................../................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 51–60 ดีมาก
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิชดั เจนและบอ่ ยคร้งั ให้ 1 คะแนน 41–50 ดี
พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติบางครั้ง 30–40 พอใช้
ต่ำกวา่ 30 ปรับปรุง
แบบประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
อภปิ รายองค์ประกอบและหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการส่ือสาร เพ่อื ประยุกต์ใช้งาน
หรือแก้ปญั หาเบือ้ งตน้
รายการ ดีมาก (4) เกณฑก์ ารประเมิน (ระดับคุณภาพ) ปรับปรงุ (1) ระดบั
ประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) คณุ ภาพ
1. ข้อมลู ในการสอ่ื สาร บอกข้อมลู ในการ บอกข้อมูลในการ บอกขอ้ มูลในการ ไม่สามารถบอกข้อมลู ท่ี ดมี าก
สื่อสารได้ถูกต้องดีมาก สอื่ สารไดถ้ กู ต้องดี ส่ือสารได้ถกู ต้องพอใช้ ใช้ในการส่ือสารได้
2. ส่ือกลางของข้อมูล ดี
ถกู ตอ้ ง
3. หนา้ ทก่ี ารทำงาน พอใช้
4. ความสมบรู ณข์ องผลงาน แยกประเภทของ แยกประเภทของ แยกประเภทของ ไมส่ ามารถแยกประเภท
5. ส่งงานตรงเวลา สอ่ื กลางของขอ้ มูล สอ่ื กลางของข้อมูลได้ดี สือ่ กลางของขอ้ มูล ของสอื่ กลางของข้อมูล ปรับปรงุ
ไดด้ มี าก ไดพ้ อใช้ ได้
บอกหน้าทก่ี ารทำงาน บอกหน้าที่การทำงาน บอกหน้าทีก่ ารทำงาน ไม่สามารถบอกหนา้ ที่
ไดถ้ กู ตอ้ งดมี าก ไดถ้ กู ต้องดี ได้ถูกต้องพอใช้ การทำงานไดถ้ กู ต้อง
ผลงานมีความครบถ้วน ผลงานมคี วามครบถ้วน ผลงานมคี วามครบถว้ น ผลงานมคี วามครบถ้วน
สมบรู ณ์ดมี าก สมบูรณค์ ่อนข้างดี สมบรู ณด์ เี ป็นบางสว่ น สมบรู ณน์ ้อย
สง่ ภาระงานภายในเวลา สง่ ภาระงานชา้ กวา่ สง่ ภาระงานช้ากว่า ส่งภาระงานช้ากวา่
กำหนด 2 วนั กำหนดเกนิ 3 วนั ข้ึนไป
ทก่ี ำหนด กำหนด 1 วนั
เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
16 - 20 ดมี าก
12 - 15 ดี
6 - 11 พอใช้
1 - 5 ปรบั ปรุง
9. ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชอื่ .................................
( ................................ )
ตำแหนง่ .......
10. บนั ทกึ ผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่ีมปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี )
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
ลงชื่อ..............................................ผู้บนั ทึก
(นายดลพฤกษ์ ทนั เจรญิ )
ตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย
หน่วยการเรยี นรท้ ี่ 4
การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย
เวลา 8 ช่ัวโมง
1. ลการเรยี นร้
1.
2.
3.
4.
5.
6.
2. สาระการเรียนร้ ฏ้
2.1 สาระการเรยี นรแ้ กนกลาง ึ
1)
้
2)
3) ์
4) ำ
3. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ำำ ึ้
ึ้ ้
้้ ้ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ซึ ็
้
4. สมรรถนะสำคัญของ เ้ รียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคัญของ เ้ รียน
1. 1.
สมรรถนะสำคัญของ เ้ รียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
- 2. ฝ่
- 3. ำ
2.
-
3.
-
4.
-ำ
5.
-
5. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
-้ / ()
6. การวดั และการประเมนิ ล
รายการวัด วิธีวดั เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
-้ 2
6.1 ้ / - ้ / / ()
ฑ
() ()
6.2 - -
-
4
6.3 - 4.1.1 - 4.1.1 60 ฑ
1)
2) ฏ ้- 4.2.1 - 4.2.1 60 ฑ
3) - 4.3.1 - 4.3.1 60 ฑ
4) 4.4.1 - 4.4.1 60 ฑ
์-
รายการวัด วธิ ีวดั เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมิน
5) ำ -ำ - 2
6) ฤ ำ
7) ฤ ำ -ฤ ำ ฑ
ำ -ฤ 2
8) ึ
-ฤ ำ ฑ
6.4 ำ -ฤ 2
1)
4 - ำ ฑ
ฝ่ - 2
ำ ฑ
ึ
-
-
7. กิจกรรมการเรียนร้ 4
ำ
เร่อื งท่ี 1 : การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ 2 ชั่วโมง
5Es (5Es Instructional Model)
้ำ 4
ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1. ำ
2. ำ “นกั เรียนคิดว่าปัญหาที่เกิดจากการใช้
เทคโนโลยมี ีอะไรบ้าง”
3. ้ ำ ำ “นักเรียนรู้หรือไม่ว่าเราสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาของ
การถกู ขโมยขอ้ มูลหรอื หลอกลวงใหห้ ลงเชื่อจากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศได้อย่างไรบ้าง”
้ ึ ึ
ำ ็
ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. 3-4 ็ ้
้
้ 3-4 ( ้
ึำ ) ิ
ึำ
ำ
2.
้
3. ิ ซ
ึ
4. ้
้
5. ้
ึึ
6. ำ
้
ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความร้ (Explanation)
7. ำ (Com Sci in Real Life)
8. ำ
้
ขั้นที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
ำ
9. ิ ซ
10. ำ 4.1.1
ำ
11. 2-3 ำ้
ำำ
้
ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบ ล (Evaluation) ำ ำ
1. 4.1.1
ำ
2.
3.
เร่อื งที่ 2: การปฏิบตั ติ นเมอ่ื พบเนอ้ื หาที่ไม่เหมาะสม 2 ชั่วโมง
5Es (5Es Instructional Model)
้ำ
ขั้นที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement)
ำำ “ นักเรยี นพบว่าระหว่างใช้งาน
อินเทอร์เนต็ อยู่แลว้ มีขอ้ ความขึ้นมาว่า“คุณคือผโู้ ชคดี” นกั เรียนควรทำอยา่ งไร”
้
ข้นั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. 3-4 ึ้ ๆ
ำ
็้ ็
็ ้
2. ำ้ ้
ๆ
้ ้
้ๆ
3. ้
้
ำ้ ซำ้
้
4.
ฏ้
5. ิ ซ ้
6. ้
็
7. ึ ้ ฏ
ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความร้ (Explanation)
8. ฏ
9. ิ ซ
ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
10. ำ 4.2.1
11. 2-3 ำ
้ ำ ำ ำ
ำ
ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบ ล (Evaluation)
1.
็
2. ำ 4.2.1
3. ฏ ้ ๆ
็
เร่ืองที่ 3: ความรบั ดิ ชอบตอ่ การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ 2 ชว่ั โมง
5Es (5Es Instructional Model)
้ำ
ขน้ั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1. ำ ำ “เม่ือต้องใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับผู้อ่ืน จะต้องทำอย่างไร
เพื่อรักษาความเปน็ ส่วนตัว และไมส่ รา้ งความเดอื ดรอ้ นตอ่ สว่ นรวม”
2.
้
ขั้นที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. 3-4 ึ
้ ึำ ำ
2. ำ
3. ึ ้ (Com Sci Focus) Log in
Password ำ
4. ึ
5. ิ ซ ้ึ
6. ็
้
7. 3-4 ( ) ึ
ึ้
็
ำ
8. ำ
ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความร้ (Explanation)
9.
ขั้นท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
10. ำ 4.3.1
11. 2-3 ำ ้
12. ิ ซ ้
้
ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบ ล (Evaluation) ำ ำ ้ ำ
1. ำ
้
2. ำ 4.3.1
3.
เร่อื งที่ 4: ทรพั ย์สนิ ทางปญั ญา 2 ชว่ั โมง
5Es (5Es Instructional Model)
้ำ
ข้ันท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1. ำ ำ “นักเรียนอยากสรา้ งส่ิงใดท่ีจะเป็นลิขสิทธ์ิของตนเองบ้างหรือไม่
และเพราะเหตใุ ดจงึ ตอ้ งมลี ขิ สทิ ธ์เิ ปน็ ของตนเอง”
2.
้
ขัน้ ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. 3-4 ึ ๆำ
9
์ซึ ฎ ์ ๆ
2. ำ ซึ ์ ์ ์
์
้ ำ (Com Sci in Real Life)
ำึ ำ ำ
3. ึ
์
4. ึ
ำ
์
5. ิ ซ ้
ำำ
6. ำ 4.4.1 ์
์ ึ
7. ้
8. 3-4 ( ์
)
9. ำ
ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความร้ (Explanation) ์
10. ำ