ข้นั สรุป
ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครูประเมนิ ผลนักเรยี นจากการสังเกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรยี น การทำกจิ กรรม
กล่มุ ด้วยความตั้งใจ และการทำใบงาน
2. ครตู รวจสอบความถูกต้องของผลลัพธ์การทำใบงานท่ี 2.3.1 และ ใบงานท่ี 2.3.2 ของนักเรยี น
3. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรปุ เก่ียวกบั รหัสควบคุม รหสั รปู แบบข้อมลู และตวั ดำเนินการ
7. การวัดและประเมนิ ผล
รายการวดั วิธวี ดั เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
7.1 ประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรม - ตรวจใบงานท่ี 2.3.1 - ใบงานท่ี 2.3.1
ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
การเรยี นรู้ ระดบั คุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
1) รหสั ควบคุมและรหสั รูปแบบ ระดบั คุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
ขอ้ มูล
2) ตัวดำเนนิ การ - ตรวจใบงานที่ 2.3.2 - ใบงานท่ี 2.3.2
3) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมิน
ผลงาน การนำเสนอผลงาน
4) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม
รายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล
5) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2
การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
6) คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตความมวี นิ ยั - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
ความรับผดิ ชอบ คุณลักษณะ
ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ ม่นั อนั พึงประสงค์
ในการทำงาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
8.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนังสือเรยี น (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2เรือ่ ง การออกแบบข้นั ตอนการทำงาน และ
การเขยี นโปรแกรมด้วยภาษา Python
2) ใบงานที่ 2.3.1 เร่อื ง รหสั ควบคมุ และรหสั รปู แบบข้อมลู
3) ใบงานที่ 2.3.2 เรื่อง ตวั ดำเนินการ
4) เคร่อื งคอมพิวเตอร์
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอรเ์ นต็
ใบงานท่ี 2.3.1
เรอ่ื ง รหสั ควบคุมและรหัสรปู แบบข้อมลู
คำช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นจงจบั คคู่ วามหมายกบั รหัสควบคมุ และรหัสรูปแบบข้อมลู ใหถ้ ูกต้อง โดยนำตัวอักษร
ทางด้านขวาของรหัสควบคมุ และรหสั รูปแบบข้อมูลมาจบั คู่กบั ความหมายทางด้านซ้าย
.............. 1. ขึ้นหนา้ ใหม่ A. %s
.............. 2. ตั้ง Tab ในแนวนอน B. \v
.............. 3. ลบตัวอักษรทางซ้ายมือ 1 ตวั อักษร C. \a
.............. 4. ขึ้นบรรทัดใหม่ D. %d
.............. 5. แสดงข้อมูลที่เปน็ เลขจำนวนเต็ม E. \f
.............. 6. เล่อื น Cursor ไปทางซ้ายมอื สดุ ของบรรทัด F. \b
.............. 7. แสดงข้อมูลทเี่ ปน็ เลขจำนวนจริง G. \r
.............. 8. ตั้ง Tab ในแนวต้ัง H. %f
.............. 9. แสดงข้อมูลที่เปน็ ตัวอักษร I. %u
.............. 10. แสดงเสียงทางลำโพง J. \n
K. \\
L. \t
ใบงานท่ี 2.3.1 เฉลย
เรอ่ื ง รหสั ควบคมุ และรหัสรปู แบบข้อมูล
คำช้แี จง : ให้นักเรยี นจงจับคูค่ วามหมายกบั รหัสควบคมุ และรหสั รปู แบบข้อมูลให้ถูกต้อง โดยนำตัวอักษร
ทางด้านขวาของรหัสควบคุมและรหสั รูปแบบข้อมลู มาจับคูก่ บั ความหมายทางด้านซ้าย
.......E....... 1. ขึ้นหนา้ ใหม่ A. %s
.......L....... 2. ตั้ง Tab ในแนวนอน B. \v
.......F....... 3. ลบตัวอักษรทางซ้ายมือ 1 ตัวอักษร C. \a
.......J....... 4. ขึ้นบรรทัดใหม่ D. %d
.......D....... 5. แสดงข้อมูลที่เปน็ เลขจำนวนเต็ม E. \f
.......G....... 6. เล่อื น Cursor ไปทางซา้ ยมอื สุดของบรรทดั F. \b
.......H....... 7. แสดงข้อมูลที่เปน็ เลขจำนวนจริง G. \r
.......B....... 8. ตั้ง Tab ในแนวตง้ั H. %f
.......A....... 9. แสดงข้อมูลที่เปน็ ตัวอักษร I. %u
.......C....... 10. แสดงเสยี งทางลำโพง J. \n
K. \\
L. \t
ใบงานที่ 2.3.2
เรื่อง ตัวดำเนนิ การ
คำชแ้ี จง : ให้นักเรียนหาผลลพั ธ์จากการคำนวณดังตอ่ ไปนี้
1. (3 * 4) + (6 / 2) – 7 ได้ผลลัพธเ์ ปน็
2. 10 % 3 ไดผ้ ลลัพธเ์ ป็น
3. 10 / 2 * 4 + 5 * 3 ได้ผลลพั ธ์เป็น
กำหนดให้ A = 10
B=7
C = 12
4. A > B ไดผ้ ลลพั ธเ์ ปน็
A > C ได้ผลลัพธ์เป็น
A != C ไดผ้ ลลพั ธเ์ ปน็
C <= B ได้ผลลัพธเ์ ปน็
5. (12 > 7) AND (25 < 39) ได้ผลลพั ธเ์ ป็น
6. (5 > (2 * 3)) OR ((8 / 2) >= 3) ไดผ้ ลลัพธ์เป็น
7. NOT (7 > 3) ได้ผลลัพธเ์ ป็น
ใบงานท่ี 2.3.2 เฉลย
เร่อื ง ตวั ดำเนินการ
คำช้แี จง : ให้นกั เรยี นหาผลลัพธจ์ ากการคำนวณดงั ต่อไปนี้
1. (3 * 4) + (6 / 2) – 7 ไดผ้ ลลัพธเ์ ปน็ 8
1
2. 10 % 3 ไดผ้ ลลัพธ์เป็น 35
3. 10 / 2 * 4 + 5 * 3 ได้ผลลพั ธ์เปน็ จรงิ
เท็จ
กำหนดให้ A = 10 จริง
B=7 เทจ็
C = 12 จริง
จริง
4. A > B ไดผ้ ลลัพธ์เปน็ เทจ็
A > C ไดผ้ ลลัพธเ์ ปน็
A != C ไดผ้ ลลพั ธเ์ ป็น
C <= B ได้ผลลัพธ์เปน็
5. (12 > 7) AND (25 < 39) ได้ผลลพั ธเ์ ปน็
6. (5 > (2 * 3)) OR ((8 / 2) >= 3) ไดผ้ ลลัพธเ์ ป็น
7. NOT (7 > 3) ได้ผลลัพธ์เป็น
9. ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชอื่ .................................
( ................................ )
ตำแหนง่ .......
10. บนั ทกึ ผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่ีมปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี )
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
ลงชื่อ..............................................ผู้บนั ทึก
(นายดลพฤกษ์ ทนั เจรญิ )
ตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 4
การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน (Python)
เวลา 2 ชัว่ โมง
1. ผลการเรียนรู้
1. เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ การนำข้อมูลปฐมภูมิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์
ประเมนิ นำเสนอขอ้ มลู และ สารสนเทศได้ตามวตั ถปุ ระสงค์
2. เพื่อให้ผู้เรียนใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรม
อยา่ งง่าย เพื่อช่วยในการแกป้ ัญหา
3. เพื่อให้ผูเ้ รยี นใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารอย่างรูเ้ ท่าทนั และรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม
4. เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ความเข้าใจใน วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ
สงั คมและการดำรงชวี ิต
5. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ มีความสามารถในการแก้ปัญหาและมี
ทกั ษะในการสือ่ สาร มคี วามสามารถในการตดั สินใจ
6. เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ท่ีมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีอยา่ งสรา้ งสรรค์
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายขนั้ ตอนในการเขียนโปรแกรมได้ถูกต้อง (K)
2. เขียนโปรแกรมโดยใช้ภาษาไพทอนไดถ้ ูกต้อง (P)
3. เหน็ ถึงประโยชน์และความสำคัญของการเขยี นโปรแกรมโดยใชภ้ าษาไพทอน (A)
3. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- ซอฟตแ์ วร์ที่ใช้ในการเขยี นโปรแกรม เชน่
Scratch, python, java, c
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ภาษาไพทอนเปน็ ภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชนดิ หนงึ่ ทเ่ี หมาะสำหรบั ผู้เริ่มตน้ เขียนโปรแกรม
ไปจนถงึ การประยุกตใ์ ชง้ านในระดบั สงู เนอ่ื งจากเป็นภาษาทมี่ ีโครงสรา้ งและไวยากรณ์ค่อนข้างง่าย
ไม่ซบั ซ้อน ทำให้ง่ายต่อความเขา้ ใจ
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการคิด 1. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ
- ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งม่นั ในการทำงาน
2. ความสามารถในการแก้ปัญหา
- ทกั ษะการแก้ปัญหา
- ทกั ษะการสงั เกต
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
- ทกั ษะการสืบคน้ ข้อมลู
6. กิจกรรมการเรียนรู้
วิธกี ารสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชวั่ โมงที่ 1
ขั้นนำ
ขน้ั ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement)
1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเก่ียวกับรหัสควบคุม รหัสรูปแบบข้อมูล และตัวดำเนินการ
ในภาษาไพทอน
2. ครสู อบถามความรเู้ ดิมของนกั เรียนวา่ “นกั เรียนเคยเขยี นโปรแกรมหรอื ไม่ และเคยใช้โปรแกรม
ใดในการเขียน นอกจากโปรแกรมทีน่ ักเรียนตอบมา นักเรยี นยังรู้จักโปรแกรมอื่นอีกหรือไม่”
(แนวตอบ : นักเรยี นตอบตามประสบการณ์ของตนเอง โดยคำตอบขน้ึ อยู่กบั ดลุ ยพินิจของ
ครผู ูส้ อน เช่น โปรแกรม Scratch, เขียนโปรแกรมใน Code.org เป็นต้น)
3. ครถู ามคำถามกระตุน้ ความสนใจของนักเรียนว่า“นักเรียนเคยใช้โปรแกรมภาษาไพทอนมาช่วย
ในการเขยี นโปรแกรมหรอื ไม่”
(แนวตอบ : นักเรียนตอบตามประสบการณ์ของตนเอง)
4. ครอู ธิบายเพ่ือเชอื่ มโยงเข้าส่บู ทเรียนว่า“ปจั จุบนั มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทีเ่ หมาะสำหรับ
ผเู้ รม่ิ ตน้ เขยี นโปรแกรม ไปจนถงึ ประยุกตใ์ ชง้ านในระดับสงู เนอ่ื งจากเปน็ ภาษาที่มโี ครงสรา้ ง
และไวยากรณ์ค่อนข้างง่าย ไม่ซับซอ้ น ทำใหง้ ่ายต่อการทำความเขา้ ใจ เรียกว่า ภาษาไพทอน”
ขน้ั สอน
ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
1. นักเรียนแตล่ ะคนสืบค้นโปรแกรมท่ีใช้ในการเขียนภาษาไพทอน วธิ ีการดาวน์โหลดและติดต้ัง
ทเ่ี คร่ืองคอมพวิ เตอรข์ องตนเอง จากนั้นครสู ุ่มนกั เรียน 2-3 คน ออกมาอธบิ ายหน้าชน้ั เรียน
2. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนดาวน์โหลดและตดิ ต้งั โปรแกรม Mu จากเวบ็ ไซต์
http://codewith.mu/en/download ทเ่ี ครอื่ งคอมพิวเตอร์ของตนเอง โดยครคู อยให้
ความชว่ ยเหลืออย่างใกล้ชิด
3. นักเรียนสงั เกตและศึกษาสว่ นประกอบของโปรแกรม Mu จากหนังสือเรียน (วิทยาการ
คำนวณ) ม.2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง การออกแบบขัน้ ตอนการทำงาน และการเขยี น
โปรแกรมดว้ ยภาษา Python
ข้ันท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
4. ครอู ธิบายเพ่ือเช่อื มโยงความรู้ส่ชู ีวติ ประจำวัน (Com Sci in Real Life) เก่ียวกบั
การประยุกตใ์ ชง้ านภาษาไพทอนว่า“ภาษาไพทอนถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถทำงานได้
หลากหลาย โดยเฉพาะทำงานในลกั ษณะที่เปน็ Web Application ทีค่ ลา้ ยคลงึ กบั ภาษาอื่น ๆ
เช่น PHP JAVA ASP.NET แตเ่ นือ่ งจากภาษาไพทอนเป็นภาษาใหม่จึงมคี ุณสมบตั ิท่ีไดร้ ับ
การพฒั นาเพิ่มข้ึน”
ช่วั โมงที่ 2
ข้ันสอน
ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
5. ครทู บทวนเนอื้ หาการเรยี นเมื่อชว่ั โมงท่แี ล้วเกย่ี วกับวธิ ีการดาวนโ์ หลดและติดตัง้ โปรแกรมที่ใช้
ในการเขียนภาษาไพทอน และสว่ นประกอบของโปรแกรม Mu
6. นกั เรยี นศกึ ษาการใช้งานโปรแกรม Mu เบือ้ งต้นจากหนังสือเรยี น พร้อมใหน้ ักเรียนลงมือเขียน
โปรแกรมตามตวั อย่างชุดคำส่ังเพ่ือคำนวณหาผลลัพธ์ จากนัน้ ใหท้ ำการบันทึกงานที่เขียนไว้
ลงในโฟลเดอรง์ านของตนเอง
7. ครอู ธบิ ายความรู้เสริมจากเน้ือหาเพื่อขยายความรู้ของผ้เู รียน (Com Sci Focus) เรื่อง
การบนั ทกึ ชดุ คำส่ังภาษาไพทอนวา่ “การพฒั นาโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน ผ้เู ขียนโปรแกรมจะ
บันทกึ ชุดคำสง่ั ภาษาไพทอนเปน็ ไฟลืที่มนี ามสกุล .py เชน่ hello.py ซง่ึ ไฟลข์ องภาษาไพทอน
จะเรยี กว่า Module โดยภายใน Module จะประกอบไปด้วยตัวแปรและชดุ คำสง่ั ต่าง ๆ
มากมาย”
8. นักเรียนตรวจสอบคำส่งั การทำงานของโปรแกรม Mu เพื่อดูผลลพั ธท์ ไี่ ด้จากการเขยี นโปรแกรม
ทจ่ี ะแสดงในช่อง Running
9. ครูซักถามนักเรียนถึงผลลพั ธ์ทีแ่ สดงในชอ่ ง Running วา่ “ผลลัพธข์ องนกั เรยี นคนใดไมต่ รงตาม
หนงั สือเรยี นและเปิดโอกาสให้นักเรนี ภายในห้องเรยี นรว่ มกันหาแนวทางการแก้ไข”
10. ครอู ธิบายวธิ กี ารเรียกไฟลเ์ ดิมข้นึ มาแก้ไขหรือใชง้ านต่อวา่ “ในกรณีท่ีตอ้ งการเรยี กไฟลง์ าน
ท่เี คยบันทึก ให้นกั เรยี นคลิก Load เพื่อเรยี กใชง้ านไฟล์ เลือกไฟลท์ ตี่ ้องการ จากน้ันกด Open
กจ็ ะแสดงไฟล์เดิมขน้ึ มาใหแ้ ก้ไขหรือใชง้ านต่อ”
ข้นั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
11. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นซักถามข้อสงสัย และครใู ห้ความรเู้ พม่ิ เตมิ ในส่วนนน้ั
12. นักเรยี นทำใบงานท่ี 2.4.1 เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน โดยให้นักเรียน
ตอบคำถามจากสถานการณ์ที่กำหนดไว้ให้ถูกต้อง
Note
วัตถปุ ระสงค์ของกจิ กรรมเพ่อื ใหน้ กั เรยี น
- มที ักษะการสืบคน้ ข้อมูล โดยให้นกั เรยี นแต่ละคนสบื ค้นข้อมูลจากอินเทอร์เนต็
เพือ่ สบื เสาะหาความรู้ตามหวั ข้อที่ได้รับมอบหมาย
- มที กั ษะการสังเกต โดยให้นักเรยี นสังเกตส่วนประกอบของโปรแกรม Mu
จากหนังสอื เรียนเพื่อนำไปปรับใช้ในการเรยี นได้อย่างเหมาะสม
- มที กั ษะการคดิ วเิ คราะห์ โดยให้นักเรยี นพจิ ารณาเนื้อหาจากการสบื ค้นหรือศึกษา
ข้อมูลจากแหล่งข้อมลู ต่าง ๆ เช่น หนังสือเรียน อนิ เทอรเ์ น็ต เป็นตน้
- มีทักษะการแก้ปัญหา โดยนักเรียนสามารถแกป้ ญั หาเฉพาะหน้าท่ีอาจเกดิ ข้นึ จาก
การดาวนโ์ หลดและติดต้ังโปรแกรมท่ีใช้ในการเขยี นภาษาไพทอนได้
ขัน้ สรปุ
ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมนิ ผลนักเรยี นจากการสังเกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรยี น และ
การทำใบงาน
2. ครตู รวจสอบความถูกตอ้ งของผลการทำใบงานที่ 2.4.1 ของนักเรยี น
3. นกั เรียนและครูร่วมกันสรุปเกยี่ วกบั การเขยี นโปรแกรมด้วยภาษาไพทอนร่วมกัน
7. การวดั และประเมนิ ผล
รายการวัด วิธีวดั เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน
7.1 ประเมินระหวา่ งการจดั กิจกรรม - ตรวจใบงานที่ 2.4.1 - ใบงานที่ 2.4.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
การเรยี นรู้
1) การเขียนโปรแกรม
ดว้ ยภาษาไพทอน
2) พฤตกิ รรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2
รายบคุ คล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
3) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
ความรบั ผิดชอบ คุณลกั ษณะ
ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มน่ั อันพึงประสงค์
ในการทำงาน
8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรือ่ ง การออกแบบข้นั ตอนการทำงาน
และการเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษา Python
2) ใบงานท่ี 2.4.1 เร่ือง การเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอน
3) เครอ่ื งคอมพิวเตอร์
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอรเ์ นต็
ใบงานท่ี 2.4.1
เรอ่ื ง การเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอน
คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามจากสถานการณท์ ี่กำหนดไว้ให้ถกู ต้อง
สถานการณ์ :
ปรีชาต้องการเขียนโปรแกรมเพื่อคำนวณหาพนื้ ท่ีสามเหลี่ยม ซ่ึงมีส่วนฐานเท่ากับ 5 และส่วนสูงเท่ากบั 4 โดย
ให้นกั เรยี นกำหนดตัวแปรที่จะใช้ในการเกบ็ ส่วนฐาน สว่ นสูง และพ้ืนทที่ ี่คำนวณได้ตามความเหมาะสม จากน้ัน
ให้ตรวจสอบผลลัพธ์ และใหบ้ ันทึกไฟลเ์ กบ็ ไวใ้ นช่อื Triangle
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................. .................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
................................................................................................................................ ..............................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 2.4.1 เฉลย
เร่อื ง การเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษาไพทอน
คำชี้แจง : ใหน้ กั เรียนตอบคำถามจากสถานการณท์ กี่ ำหนดไวใ้ ห้ถกู ต้อง
สถานการณ์ :
ปรีชาต้องการเขียนโปรแกรมเพื่อคำนวณหาพนื้ ท่ีสามเหลี่ยม ซึ่งมีส่วนฐานเท่ากับ 5 และส่วนสูงเท่ากบั 4 โดย
ใหน้ ักเรียนกำหนดตัวแปรที่จะใชใ้ นการเกบ็ ส่วนฐาน ส่วนสูง และพ้ืนทที่ ีค่ ำนวณได้ตามความเหมาะสม จากน้ัน
ใหต้ รวจสอบผลลัพธ์ และให้บนั ทึกไฟล์เก็บไวใ้ นช่ือ Triangle
...1.....b..a..s..e....=....5........................................................................................................................................................
...2.....h..e..i.g..h...t..=....4......................................................................................................................................................
...3.....a..r.e...a...=.....5...*....b..a..s..e....*...h..e..i.g..h..t...........................................................................................................................
...4.....p..r..in...t.(.a...r.e..a..).....................................................................................................................................................
...O...u...t.p...u..t....ค..อื......1..0.................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................... ...
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
9. ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชอื่ .................................
( ................................ )
ตำแหนง่ .......
10. บนั ทกึ ผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่ีมปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี )
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
ลงชื่อ..............................................ผู้บนั ทึก
(นายดลพฤกษ์ ทนั เจรญิ )
ตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 5
การใช้งานฟังกช์ ันในโปรแกรมไพทอน
เวลา 4 ช่ัวโมง
1. ผลการเรยี นรู้
1. เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ การนำข้อมูลปฐมภูมิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์
ประเมิน นำเสนอข้อมูลและ สารสนเทศได้ตามวตั ถปุ ระสงค์
2. เพ่ือให้ผู้เรียนใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรม
อยา่ งงา่ ย เพื่อช่วยในการแก้ปญั หา
3. เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารอยา่ งรเู้ ทา่ ทันและรบั ผิดชอบต่อสงั คม
4. เพ่ือให้ผู้เรยี นนำความรู้ความเข้าใจใน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยไี ปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ
สงั คมและการดำรงชวี ิต
5. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ มีความสามารถในการแก้ปัญหาและมี
ทักษะในการส่อื สาร มคี วามสามารถในการตดั สนิ ใจ
6. เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ทีม่ ีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยอี ยา่ งสร้างสรรค์
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายการทำงานของฟังก์ชันคำส่งั แสดงผลทางหนา้ จอได้ถกู ต้อง (K)
2. อธิบายการทำงานของฟังก์ชนั คำส่ังรบั ข้อมลู ทางแป้นพมิ พ์ได้ถกู ต้อง (K)
3. เขียนโปรแกรมโดยใช้ฟงั ก์ชันคำสง่ั แสดงผลทางหน้าจอได้ถกู ต้อง (P)
4. เขียนโปรแกรมโดยใช้ฟงั ก์ชนั คำสง่ั รบั ข้อมูลทางแปน้ พิมพ์ได้ถูกต้อง (P)
5. เห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของการเขียนโปรแกรมโดยใช้ภาษาไพทอน (A)
3. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- ฟงั ก์ชนั
- การออกแบบและเขยี นโปรแกรมท่ีมีการใช้ตรรกะและฟงั ก์ชนั
- ซอฟต์แวรท์ ี่ใช้ในการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, python, java, c
- ตวั อยา่ งโปรแกรม เช่น โปรแกรมตัดเกรดหาคำตอบท้งั หมดของอสมการหลายตัวแปร
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ฟังก์ชนั ในโปรแกรมภาษาไพทอนแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ ฟังกช์ นั คำสงั่ แสดงผลทางหน้าจอ
หรอื ฟงั ก์ชัน print( ) และฟงั กช์ ันคำสัง่ รบั ข้อมูลทางแป้นพิมพ์ หรอื ฟังกช์ ัน input( )
5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียนและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการคิด 1. มีวินยั รบั ผดิ ชอบ
- ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2. ใฝ่เรียนรู้
2. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน
- ทักษะการสงั เกต
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
- ทักษะการสบื ค้นข้อมูล
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
วิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชวั่ โมงท่ี 1
ขนั้ นำ
ขน้ั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)
1. ครทู บทวนความร้เู ดมิ จากช่วั โมงที่แลว้ เก่ียวกบั การเขยี นโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน (Python)
2. ครูถามกระตนุ้ ความสนใจของนักเรยี นว่า“นักเรียนรจู้ กั ฟงั ก์ชนั คำส่งั ทใ่ี ช้ในการเขียนโปรแกรม
คำสงั่ ใดบ้าง และฟังกช์ นั คำสั่งเหลา่ นั้นทำหน้าที่อะไร”
(แนวตอบ : นักเรียนตอบตามประสบการณ์ของตนเอง โดยคำตอบขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ
ครผู สู้ อน เชน่ ฟงั ก์ชนั คำสั่งรับขอ้ มูลทางแปน้ พิมพ์ ฟงั ก์ชันคำสง่ั แสดงผลทางหน้าจอ เป็นตน้ )
ขั้นสอน
ขน้ั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
1. นักเรยี นแต่ละคนสืบคน้ เกี่ยวกบั ฟังก์ท่ีใช้ในโปรแกรมไพทอนตา่ ง ๆ ในอินเทอรเ์ นต็
ทเ่ี คร่อื งคอมพิวเตรอ์ของตนเอง จากนัน้ ครคู อยบนั ทึกผลการสืบคน้ ของนักเรียนลงบนกระดาน
หน้าชั้นเรียน
2. นักเรียนศึกษาเรื่องฟังกช์ นั คำส่ังแสดงผลทางหนา้ จอของโปรแกรมภาษาไพทอนทีม่ รี ูปแบบ
การใชง้ าน 2 รปู แบบจากหนังสอื เรยี น (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2
เรื่อง การออกแบบข้นั ตอนการทำงาน และการเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษา Python
3. ครูสมุ่ นักเรยี น 2-3 คน ออกมาอภปิ รายหนา้ ช้นั เรียนเกย่ี วกับเร่อื งทดี่ ำเนินการศึกษา
ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
4. ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ เพ่ือให้นักเรียนเข้าใจเพ่ิมขน้ึ เก่ยี วกับฟงั ก์ชัน print( )ว่า“ฟังกช์ นั print( )
จะมรี ปู แบบการใช้งานอยู่ 2 รูปแบบ ไดแ้ ก่ รปู แบบที่ 1 คือ print(ขอ้ มลู ) ซึ่งข้อมลู ที่อยใู่ น
วงเล็บสามารถเป็นไปได้ทั้งตัวเลข ตัวอักษร ตวั แปรหรือนพิ จน์ โดยขอ้ มลู ท่ีเป็นตัวอักษรจะตอ้ ง
มเี ครื่องหมายอัญประกาศ(“_”)คร่อมท่ีข้อมลู และหากมกี ารใช้งานหลายตวั แปรจะต้องใส่
เครือ่ งหมายจุลภาค (,) คน่ั ระหว่างตวั แปรเสมอ เช่น print(99), (“Wimolrat”), print(name)
เปน็ ต้น
5. เปิดโอกาสใหน้ ักเรียนสงั เกตตัวอย่างการใช้ print(ขอ้ มลู ) ทั้ง 3 รปู แบบและทำความเข้าใจ
กบั คำอธิบายการทำงานจากหนังสอื เรยี น ไดแ้ ก่
1) การแสดงข้อมลู ทเี่ ป็นนิพจน์ออกมาทางหน้าจอ
2) การแสดงข้อมูลทเ่ี ปน็ ตัวเลขหรอื ข้อความตามดว้ ยคำส่ัง print( )
3) การแดสงขอ้ มูลทเี่ กบ็ อยู่ในตวั แปรด้วยคำสั่ง print ( )
6. ครอู ธิบายความรเู้ สริมจากเน้ือหาเพื่อขยายความรู้ของผูเ้ รียน (Com Sci Focus) เรือ่ ง
การใสเ่ ครื่องหมาย “…..” ในโปรแกรมภาษาไพทอนวา่ “เคร่ืองหมาย “_” เรียกวา่ สญั ลักษณ์
ฟันหนู หรือ Double Quote โดยในโปรแกรมภาษาไพทอนจะใชส้ ัญลักษณน์ ค้ี รอบข้อมูลที่
เปน็ ข้อความเสมอ เช่น ถ้าตอ้ งการให้ตวั แปรแสดงคำว่า Hello ก็จะตอ้ งใช้คำสง่ั print(“Hello”)
หรอื ถ้าต้องการใหต้ วั แปร name เกบ็ ขอ้ มูลคำวา่ Panya กจ็ ะต้องใชค้ ำสัง่ name=“Panya”
เปน็ ตน้ แตถ่ า้ ต้องการใหโ้ ปรแกรมแสดงค่าตวั เลข หรอื กำหนดใหต้ วั แปรเก็บค่าตวั เลข จะ
ไมต่ ้องใส่สญั ลกั ษณ์ Double Quote เช่น ถา้ ต้องการใหโ้ ปแกรมแสดงตวั เลข 10 ให้ใชค้ ำสงั่
print(10) หรือถา้ ต้องการให้ตัวแปร old เกบ็ คา่ ตวั เลข 14 กใ็ ช้คำส่งั old = 14 เป็นตน้ ”
ชั่วโมงท่ี 2
ขั้นท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
7. ครูทบทวนความร้เู ดิมจากชว่ั โมงทีแ่ ลว้ เก่ยี วกับการใช้ print(ขอ้ มูล)
8. จากน้ันใหน้ กั เรียนลงมอื ปฏิบัตติ ามตัวอยา่ งในหนังสอื เรียนเพื่อทำความเขา้ ใจเก่ยี วกับเนื้อหา
มากยิง่ ข้ึน
9. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามข้อสงสยั และครูให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนน้ั
10. นกั เรยี นทำใบงานที่ 2.5.1 เรอ่ื ง การใชง้ านฟังก์ชนั คำส่งั แสดงผลทางหน้าจอ โดยใหน้ ักเรยี น
เขยี นโปรแกรมภาษาไพทอนตามขอ้ มูลทก่ี ำหนดให้
ชว่ั โมงที่ 3
ขน้ั สอน
ขั้นท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
11. ครสู ุ่มนกั เรยี น 4-5 คน ออกมาอภิปรายการทำใบงานจากชวั่ โมงที่ผา่ นมาหน้าชั้นเรียน
12. ครอู ธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้นกั เรียนเข้าใจเพิ่มมากข้นึ เก่ียวกับฟงั กช์ นั print( ) ในรูปแบบที่ 2
คอื print(“ข้อมูลท่ีมีการแทรกรหัสรูปแบบข้อมูล” ตำแหน่งรหสั รูปแบบข้อมลู ) ตามตัวอย่าง
ดังน้ี
name = “Wimolrat”
print(“My name is %s” %name)
13. จากน้นั ครอู ธิบายกับนักเรยี นว่า“จากโปรแกรมขา้ งตน้ สามารถอธิบายการทำงานไดด้ งั นี้
บรรทดั ที่ 1 สรา้ งและกำหนดค่าใหก้ ับตวั แปร name โดยกำหนดคา่ เปน็ ตัวอักษร
“Wimolrat” บรรทดั ท่ี 2 แสดงข้อความ “My name is Wimolrat” โดย“Wimolrat”
มากจากตัวแปร name ซง่ึ จะแสดงในรปู แบบตัวอักษร เน่ืองจากใช้รหสั รปู แบบ %s
แทรกไว้หลงั “My name is” และ %name คอื การกำหนดตวั แปร name ใหก้ บั รปู แบบ
%s”
14. ครอู ธิบายการทำงานของตวั อย่างการใช้ print(“ข้อมลู ที่มีการแทรกรหสั รูปแบบขอ้ มูล”
ตำแหนง่ รหัสรปู แบบข้อมูล) ในหัวขอ้ การใช้รหัสรปู แบบข้อมลู %s หลายตัวแปรร่วมกบั
ฟงั กช์ นั print( ) การใชร้ หัสรปู แบบข้อมูล %d หลายตวั แปรร่วมกบั ฟังก์ชัน print( ) และ
การใชร้ หสั รปู แบบข้อมลู %f ร่วมกบั ฟังก์ชัน print( ) ในหนังสือเรียน จากนนั้ ใหน้ ักเรียน
ลงมือปฏิบตั ติ าม
15. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรยี นซักถามขอ้ สงสัย และครูให้ความรู้เพม่ิ เตมิ ในส่วนนนั้
16. นกั เรียนทำใบงานที่ 2.5.2 เรอื่ ง การใชร้ หัสรปู แบบข้อมูลรว่ มกบั ฟงั ก์ชนั print ( )
โดยให้นักเรียนเขียนโปรแกรมภาษาไพทอนโดยใชร้ หัสรปู แบบขอ้ มูลร่วมกบั ฟังก์ชนั print( )
ตามข้อมลู ที่กำหนดให้
ชั่วโมงท่ี 4
ขั้นสอน
ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
17. ครทู บทวนเน้ือหาการเรยี นเมื่อชัว่ โมงทแี่ ลว้ เกยี่ วกับฟังก์ชนั print ( ) ในรูปแบบที่ 2 คือ
print(“ข้อมูลท่ีมกี ารแทรกรหัสรปู แบบข้อมูล” ตำแหนง่ รหัสรูปแบบข้อมูล)
18. ครสู มุ่ นกั เรยี น 4-5 คน ออกมาอภปิ รายการทำใบงานจากช่ัวโมงท่ผี ่านมาหน้าชน้ั เรียน
19. ครอู ธบิ ายรปู แบบการใช้งานคำสง่ั input ( ) ดังน้ี
ตวั แปร = input(ขอ้ ความ)
20. โดยครูอธิบายกับนักเรียนว่า“จากรปู แบบการใชง้ านดงั กล่าวของคำส่ัง input( )
กลา่ วไดว้ า่ ตวั แปร คือ ตวั แปรที่ใชเ้ ก็บข้อมลู ที่ไดร้ ับจากทางแป้นพมิ พ์
ข้อความ คือ ขอ้ ความประกอบการรบั ข้อมูล อาจเป็นเฉพาะข้อความหรือข้อความผสมตัวแปร
หรือนพิ จนก์ ็ได้เชน่ กัน”
21. ครอู ธิบายเพ่ิมเติมเพ่ือให้นกั เรียนเขา้ ใจเพิ่มข้นึ ว่า“ฟังก์ชัน input( ) เปน็ คำส่งั ท่ีใชร้ ับ
ข้อมูลทางแปน้ พิมพ์ โดยขอ้ มูลท่รี บั เข้ามาจะเป็นข้อมูลชนิดข้อความ หากต้องการรบั ข้อมลู
ชนดิ อ่ืน เช่น ตวั เลข จะต้องแปลงข้อมูลทเี่ ปน็ ข้อความทีร่ ับเข้ามาเป็นขอ้ มลู ชนิดอืน่ ก่อน”
22. นกั เรียนสงั เกตและศึกษาการใช้งานฟงั กช์ ันคำสัง่ รบั ข้อมลู ทางแปน้ พิมพ์จากหนงั สือเรยี น
โดยครูอธิบายการทำงานของตัวอย่างการใช้งานฟงั กช์ ันคำสัง่ รบั ขอ้ มูลทางแป้นพิมพใ์ นหัวข้อ
การใชง้ านฟังก์ชัน input( ) และการใช้งานฟังก์ชัน input( ) ร่วมกบั รหัสควบคมุ ข้อมลู
ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
23. ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นซักถามขอ้ สงสยั และครใู ห้ความรเู้ พิ่มเตมิ ในส่วนน้ัน
24. นักเรียนทำใบงานที่ 2.5.3 เรอื่ ง การใช้งานฟังกช์ นั คำสงั่ รับขอ้ มลู ทางแปน้ พิมพ์ โดยให้
นักเรียนเขียนโปรแกรมภาษาไพทอนโดยใช้ฟังกช์ ัน input ( ) รว่ มกับรหสั ควบคุมข้อมลู
ตามข้อมลู ที่กำหนดให้
Note
วตั ถุประสงค์ของกิจกรรมเพื่อใหน้ กั เรยี น
- มีทกั ษะการสบื คน้ ข้อมูล โดยให้นกั เรยี นแต่ละคนสืบคน้ ข้อมูลจากอินเทอรเ์ นต็
เพือ่ สืบเสาะหาความรู้ตามหัวขอ้ ที่ได้รับมอบหมาย
- มีทักษะการสงั เกต โดยให้นักเรียนสังเกตการใชง้ านฟงั กช์ ันในโปรแกรมไพทอนและ
ตวั อย่างการเขียนโปรแกรมภาษาไพทอนจากหนังสือเรยี น เพื่อนำไปปรับใช้ในการเรยี น
ไดอ้ ย่างเหมาะสม
- มีทักษะการคดิ วิเคราะห์ โดยใหน้ กั เรยี นพิจารณาเน้ือหาจากการสบื คน้ หรือศึกษา
ข้อมูลจากแหลง่ ข้อมูลตา่ ง ๆ เช่น หนังสือเรียน อนิ เทอรเ์ น็ต เปน็ ต้น
ขัน้ สรุป
ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมินผลนักเรยี นจากการสงั เกตการตอบคำถาม การนำเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น และ
การทำใบงาน
2. ครูตรวจสอบความถูกต้องของผลการทำใบงานท่ี 2.5.1 ใบงานที่ 2.5.2 และ ใบงานที่ 2.5.3
3. นกั เรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกบั การใช้งานฟงั กช์ นั ในโปรแกรมไพทอน
7. การวดั และประเมินผล วิธีวัด เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
รายการวดั - ตรวจใบงานที่ 2.5.1 - ใบงานท่ี 2.5.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
7.1 ประเมนิ ระหว่างการจัดกิจกรรม - ตรวจใบงานที่ 2.5.2 - ใบงานท่ี 2.5.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การเรยี นรู้
1) การใช้งานฟังกช์ นั คำส่ัง - ตรวจใบงานท่ี 2.5.3 - ใบงานที่ 2.5.3 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แสดงผลทางหน้าจอ
2) การใช้รหัสรูปแบบข้อมลู - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2
รว่ มกับฟังก์ชัน print( ) ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
3) การใชง้ านฟังกช์ ันคำสัง่ - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2
รับขอ้ มลู ทางแป้นพิมพ์ - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
4) การนำเสนอผลงาน การทำงานรายบุคคล - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2
- สังเกตความมวี ินัย คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
5) พฤติกรรมการทำงาน ความรบั ผิดชอบ อันพึงประสงค์
รายบุคคล ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งม่นั
ในการทำงาน
6) คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
8. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 เรือ่ ง การออกแบบขน้ั ตอนการทำงาน
และการเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษา Python
2) ใบงานท่ี 2.5.1 เร่ือง การใช้งานฟังกช์ นั คำสัง่ แสดงผลทางหน้าจอ
3) ใบงานที่ 2.5.2 เรอื่ ง การใชร้ หัสรปู แบบขอ้ มูลรว่ มกับฟังก์ชนั print( )
4) ใบงานที่ 2.5.3 เรื่อง การใชง้ านฟงั กช์ นั คำส่งั รับข้อมลู ทางแปน้ พมิ พ์
5) เครอื่ งคอมพิวเตอร์
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอรเ์ นต็
ใบงานท่ี 2.5.1
เร่อื ง การใช้งานฟังก์ชันคำสั่งแสดงผลทางหนา้ จอ
คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นเขยี นโปรแกรมภาษาไพทอน ตามข้อมูลที่กำหนดให้ ดังน้ี
1) ประกาศตัวแปรเก็บชื่อ และตัวแปรเก็บนามสกลุ ของนักเรยี น
2) ประกาศตัวแปรเก็บคะแนนวชิ าภาษาไทย 12 คะแนน ภาษาองั กฤษ 15 คะแนน สังคม 17
คะแนน วิทยาศาสตร์ 13 คะแนน และคณิตศาสตร์ 14 คะแนน
3) คำนวณหาค่าเฉลยี่ ของคะแนนทัง้ 5 วชิ า
4) แสดงผลชอ่ื นามสกลุ และคะแนนเฉล่ียท่ีได้
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................... .......
ใบงานท่ี 2.5.1 เฉลย
เร่อื ง การใช้งานฟังก์ชันคำสัง่ แสดงผลทางหนา้ จอ
คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นเขยี นโปรแกรมภาษาไพทอน ตามข้อมลู ที่กำหนดให้ ดงั น้ี
1) ประกาศตวั แปรเกบ็ ช่ือ และตัวแปรเกบ็ นามสกุลของนักเรยี น
2) ประกาศตัวแปรเกบ็ คะแนนวชิ าภาษาไทย 12 คะแนน ภาษาอังกฤษ 15 คะแนน สังคม 17
คะแนน วิทยาศาสตร์ 13 คะแนน และคณิตศาสตร์ 14 คะแนน
3) คำนวณหาคา่ เฉลยี่ ของคะแนนท้งั 5 วิชา
4) แสดงผลชื่อ นามสกลุ และคะแนนเฉลี่ยท่ไี ด้
..1......n..a..m....e....=....“..D...o..n..l..a..p..h...r.u..e...k..”.............................................................................................................................
..2......s..u..r.n...a..m....e...=....“..T...h..a..n...c..h..a..r..o..e..n...”.......................................................................................................................
..3......T..h..a...i..=....1..2........................................................................................................................................................
..4......E..n..g..l..is..h....=....1..5...................................................................................................................................................
..5......S..o..c..i.a..l...=....1..7.....................................................................................................................................................
..6......S..c..i.e..n...c..e...=....1..3........................................................................................................................................ ..........
..7......M...a..t..h....=...1...4......................................................................................................................................................
..8......a..v..g.._..s..c..o..r..e...=....(.t..h..a..i...+....e..n..g..l.i.s..h....+....s.o...c..i.a..l..+....s..c..i.e..n...c..e...+....m....a..t..h..)./..5.................................................................
..9......p..r..in...t.(..“..M...y....n..a..m....e....is..”..,...n..a..m....e..,...s..u..r.n...a..m....e..)............................................................................. .......................
..1...0.....p..r..i.n..t..(.“..M...y....s..c..o..r.e....i.s...“..,...a..v..g.._..s..c..o..r..e..)............................................................................................................
ใบงานท่ี 2.5.2
เรอื่ ง การใช้รหัสรปู แบบข้อมลู ร่วมกบั ฟังก์ชนั print( )
คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นเขียนโปรแกรมภาษาไพทอนโดยใช้รหสั รปู แบบข้อมูลรว่ มกบั ฟังก์ชัน print( ) ตามข้อมลู
ท่ีกำหนดให้ ดังน้ี
1) ประกาศตัวแปรเกบ็ ช่ือ และตัวแปรเก็บนามสกุลของนักเรยี น
2) ประกาศตัวแปรเก็บคะแนนสอบกลางภาค 32.5 และคะแนนสอบปลายภาค 35
3) หาผลรวมของคะแนนสอบกลางภาคกบั ปลายภาค
4) หาคะแนนเฉลยี่ ของคะแนนสอบกลางภาคกับปลายภาค
5) แสดงผลช่อื นามสกุล คะแนนรวม และคะแนนเฉลยี่ ที่ได้
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 2.5.2 เฉลย
เร่อื ง การใช้รหสั รูปแบบข้อมลู ร่วมกบั ฟังกช์ ัน print( )
คำชีแ้ จง : ให้นักเรยี นเขยี นโปรแกรมภาษาไพทอนโดยใช้รหสั รูปแบบข้อมูลร่วมกับฟังก์ชนั print( ) ตามข้อมลู
ทกี่ ำหนดให้ ดงั นี้
1) ประกาศตัวแปรเก็บช่ือ และตัวแปรเกบ็ นามสกุลของนักเรยี น
2) ประกาศตวั แปรเก็บคะแนนสอบกลางภาค 32.5 และคะแนนสอบปลายภาค 35
3) หาผลรวมของคะแนนสอบกลางภาคกับปลายภาค
4) หาคะแนนเฉลีย่ ของคะแนนสอบกลางภาคกบั ปลายภาค
5) แสดงผลชอ่ื นามสกลุ คะแนนรวม และคะแนนเฉลยี่ ท่ีได้
....1....n...a..m...e....=....“..W....i.m...o...l.”........................................................................................................................................
....2....s..u..r..n..a..m....e....=...“...R..a..k..t..h..a..i.”.................................................................................................................................
....3....m....i.d..t..e..r.m...._..s..c..o..r..e...=....3...2...5...............................................................................................................................
....4....f.i.n...a..l._..s..c..o...r.e...=....3...5..........................................................................................................................................
....5....t..o..t..a..l..=....m....i.d..t..e..r.m...._..s..c..o..r..e...+....f..in...a..l._..s..c..o...r.e.....................................................................................................
....6....a..v..g.._..s..c..o...r.e....=....(.m...i.d...t.e...r.m...._..s..c..o..r.e....+....f.i.n...a..l._..s..c..o..r..e..)../...2...................................................................................
....7....p...r.i.n..t..(.“..M....y...n..a..m....e....i.s...%...s....%...s..”...%....(.n...a..m...e...,..s..u..r..n..a..m....e..).).................................................................................
....8....p...r.i.n..t..(.“..M....y...t.o...t.a...l..s..c..o..r..e...i.s...%.....2..f.”....%....t.o...t.a..l.)..................................................................................................
....9.....p...r.i.n..t..(.“..M....y...a..v..e..r..a..g..e....s.c..o...r.e....i.s...%.....2...f.”...%....a..v..g.._..s..c..o...r.e..)...................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 2.5.3
เรือ่ ง การใช้งานฟงั กช์ นั คำสั่งรับข้อมูลทางแป้นพมิ พ์
คำชแี้ จง : ให้นกั เรยี นเขยี นโปรแกรมภาษาไพทอนโดยใช้ฟงั กช์ นั input( ) รว่ มกบั รหัสควบคุมข้อมูล
ตามข้อมลู ท่ีกำหนดให้ ดงั นี้
1) รบั ชือ่ ของลูกค้าทางแปน้ พมิ พ์
2) รับช่ือสนิ คา้ ทางแป้นพิมพ์
3) รับราคาสนิ ค้าทางแป้นพิมพ์
4) คำนวณหา Vat 7% ของราคาสินค้า
5) คำนวณหาราคารวมของสินค้า
6) แสดงข้อมูลทง้ั หมดออกทางจอภาพ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ใบงานท่ี 2.5.3 เฉลย
เรื่อง การใชง้ านฟังกช์ นั คำสง่ั รบั ข้อมลู ทางแป้นพมิ พ์
คำช้ีแจง : ให้นกั เรียนเขยี นโปรแกรมภาษาไพทอนโดยใช้ฟังกช์ นั input( ) รว่ มกับรหัสควบคุมข้อมูล
ตามข้อมูลท่ีกำหนดให้ ดงั น้ี
1) รบั ช่ือของลูกค้าทางแป้นพิมพ์
2) รบั ชื่อสินคา้ ทางแป้นพิมพ์
3) รบั ราคาสนิ คา้ ทางแปน้ พิมพ์
4) คำนวณหา Vat 7% ของราคาสินค้า
5) คำนวณหาราคารวมของสินค้า
6) แสดงขอ้ มูลทงั้ หมดออกทางจอภาพ
..1....n...a..m....e...=....i.n..p...u..t..(.“..E..n...t.e...r..c..u...s..t.o..m....e..r...n...a..m...e....:..“...)............................................................................................
..2....p...r.o...d..u...c..t..=....i.n...p..u..t..(.“..E...n..t.e...r..p...r.o...d..u...c..t..n...a..m....e...:...“..)...........................................................................................
..3....p...r.i.c..e....=....i.n..p..u...t.(.“...E..n..t..e..r...p..r..i.c..e...:...“..)..................................................................................................................
..4....v...a..t..=....i.n...t.(.p...r.i.c..e..)...*...0..7......................................................................................................................................
..5....t..o..t..a..l..=....i.n...t.(.p...r.i.c..e..)...+....v..a..t................................................................................................................................
..6....p...r.i.n...t.(.“..C...u..s..t..o..m....e..r...:..%....s.”....%....n..a..m....e..)...............................................................................................................
..7....p...r.i.n...t.(.“..P...r.o...d..u..c..t...:...%...s..”....%...p...r.o..d...u..c..t..)..............................................................................................................
..8....p...r.i.n...t.(.“..P...r.i.c..e....:..%....d..”....%...p...r.i.c..e..).........................................................................................................................
..9....p...r.i.n...t.(.“..V...a..t...:..%.....2..f.”....%...v...a..t..............................................................................................................................
..1..0.....p..r.i.n...t.(.T...o..t..a..l..:...%....2...f.”...%....t..o..t.a...l.)......................................................................................................................
....................................................................................................................................................................... .......
..............................................................................................................................................................................
9. ความเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรือผูท้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ
ลงชอ่ื .................................
( ................................ )
ตำแหน่ง .......
10. บนั ทกึ ผลหลังการสอน
ดา้ นความรู้
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)
ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมท่ีมปี ัญหาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
ลงชอื่ ..............................................ผบู้ นั ทกึ
(นายดลพฤกษ์ ทนั เจริญ)
ตำแหนง่ ครูผูช้ ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 6
โครงสร้างการทำงานแบบเรียงลำดบั
เวลา 2 ชั่วโมง
1. ผลการเรยี นรู้
1. เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ การนำข้อมูลปฐมภูมิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์
ประเมิน นำเสนอข้อมลู และ สารสนเทศไดต้ ามวัตถุประสงค์
2. เพ่ือให้ผู้เรียนใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรม
อย่างง่าย เพ่ือชว่ ยในการแก้ปญั หา
3. เพื่อให้ผูเ้ รยี นใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารอย่างรู้เท่าทนั และรับผิดชอบตอ่ สงั คม
4. เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ความเข้าใจใน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยไี ปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ
สงั คมและการดำรงชวี ิต
5. เพ่ือให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ มีความสามารถในการแก้ปัญหาและมี
ทกั ษะในการส่อื สาร มีความสามารถในการตัดสินใจ
6. เพ่ือให้ผู้เรียนเป็นผู้ท่มี ีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายโครงสร้างการทำงานแบบเรยี งลำดบั ได้ถกู ต้อง (K)
2. เขยี นโปรแกรมการทำงานแบบเรยี งลำดับได้ถูกต้อง (P)
3. เหน็ ถงึ ประโยชน์และความสำคัญของการเขยี นโปรแกรมโดยใช้ภาษาไพทอน (A)
3. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
- การออกแบบอลั กอริทึม เพ่ือแก้ปัญหาอาจใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณในการออกแบบ เพ่ือให้การแก้ปัญหา
มีประสิทธภิ าพ
- การแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ข้ันตอนจะชว่ ยให้แก้ปญั หาได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
- ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น Scratch, python, java, c
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
โครงสร้างการทำงานแบบเรยี งลำดับ เปน็ ลักษณะของโปรแกรมทีม่ ีการทำงานเปน็ ลำดบั ขัน้ ตอน
ไลเ่ รียงลำดบั กันไปเป็นเหมือนเส้นตรง ไม่มีการข้ามข้นั ตอนการทำงาน รูปแบบการทำงานของโปรแกรม
มกั จะเปน็ เพียงแค่การกำหนดคา่ รบั ค่า คำนวณหรือประมวลผลท่ไี มส่ ลับซบั ซ้อนและแสดงผล
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการคิด 1. มวี นิ ยั รับผิดชอบ
- ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ 2. ใฝ่เรยี นรู้
2. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน
- ทกั ษะการสังเกต
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
- ทกั ษะการสืบค้นข้อมลู
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
วธิ ีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ช่วั โมงท่ี 1
ขั้นนำ
ขน้ั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1. ครถู ามคำถามประจำหวั ข้อกับนกั เรยี นว่า“นกั เรียนร้หู รือไม่ว่าโปรแกรมที่มโี ครงสรา้ ง
การทำงานแบบเรียงลำดบั ต่างจากโครงสรา้ งการทำงานแบบเลือกทำอย่างไร”
(แนวตอบ : นกั เรยี นตอบตามความคิดเหน็ ของตนเอง โดยคำตอบข้นึ อยกู่ บั ดุลยพนิ จิ ของ
ครูผสู้ อน)
2. ครูอธิบายเพื่อเชือ่ มโยงเข้าสู่บทเรยี นว่า“โปรแกรมคอมพิวเตอรท์ ีถ่ ูกสร้างหรอื พฒั นาขน้ึ มานน้ั
จะมีโครงสรา้ งการทำงานภายในโปรแกรมที่แตกตา่ งกัน บางโปรแกรมงา่ ยไม่ซบั ซอ้ น แต่
บางโปรแกรมมีกระบวนการที่ยากและซับซอ้ น ซึ่งได้แบ่งโครงสร้างการทำงานของโปรแกรม
ไดห้ ลายลกั ษณะ เช่น โครงสรา้ งการทำงานแบบเรยี งลำดบั โครงสร้างการทำงานแบบ
ไม่เรยี งลำดบั เป็นตน้ ”
ข้ันสอน
ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. ครสู ่มุ ถามนักเรยี น 3-4 คนวา่ “นกั เรยี นรูห้ รอื ไมว่ า่ โครงสรา้ งการทำงานแบบเรยี งลำดับ
มลี กั ษณะการทำงานอย่างไร”
(แนวตอบ : นักเรยี นตอบตามความคดิ เหน็ ของตนเอง โดยคำตอบขึน้ อยกู่ ับดลุ ยพนิ ิจของ
ครผู ้สู อน)
2. นกั เรียนสืบคน้ ข้อมลู และศกึ ษาเน้อื หาเรื่องโครงสร้างการทำงานแบบเรยี งลำดบั จากหนังสือ
เรยี น (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 เร่อื ง การออกแบบขัน้ ตอนการทำงาน
และการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Python หรอื จากอินเทอร์เน็ตที่เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ของ
ตนเอง
3. ครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ เพ่ือใหน้ กั เรียนเขา้ ใจเพ่ิมขน้ึ เกีย่ วกับการทำงานแบบเรยี งลำดบั ตามหนังสอื
เรยี นว่า“การทำงานแบบเรยี งลำดับ เปน็ ลักษณะของโปรแกรมที่มีการทำงานเปน็ ลำดบั ขน้ั ตอน
ไลเ่ รยี งลำดบั กันไปเหมือนเสน้ ตรง การเขียนโปรแกรมในลกั ษณะนี้จะไม่มีการขา้ มข้ันตอน หรอื
มกี ารตดั สนิ ใจเพ่อื ทจ่ี ะทำงานอย่างใดอย่างหนงึ่ จะมเี พยี งแค่การกำหนดคา่ รับค่า คำนวณ
หรือประมวลผลทไี่ มส่ ลบั ซับซ้อน และแสดงผลลัพธ์ออกมาเท่าน้นั ”
4. นักเรียนสงั เกตและศึกษาตัวอย่างที่ 1 เกี่ยวกบั การเขียนคำสัง่ ควบคุมโครงสรา้ งการทำงาน
แบบเรียงลำดบั ในหนังสือเรียน เพื่อเขยี นคำส่งั ให้แสดงผลการทำงานทางจอภาพ จากน้ันให้
นกั เรยี นลงมอื ปฏิบัติตามขัน้ ตอนการเขยี นโปรแกรม ดังนี้
1. การออกแบบขัน้ ตอนการทำงานของโปรแกรม ประกอบด้วย 3 ลกั ษณะ คอื
1.1 การออกแบบลำดับข้ันตอนการทำงานโดยใช้ภาษาธรรมชาติ
1.2 การออกแบบลำดับขน้ั ตอนการทำงานโดยใชร้ หสั จำลอง
1.3 การออกแบบลำดบั ข้ันตอนการทำงานโดยใชผ้ ังงาน
2. การเขียนคำส่งั ควบคุมการทำงานด้วยภาษาไพทอน
5. ครอู ธบิ ายการทำงานของโปรแกรมตามหนังสือเรยี นให้นักเรยี นเข้าใจเพิ่มมากข้ึน และอธิบาย
จุดสังเกตจากการเขียนโปรแกรมโดยใชค้ ำส่งั print( ) วา่ “การทำงานของโปรแกรมจะแสดงผล
ขอ้ มลู ที่อยู่ในเครื่องหมายอญั ประกาศ (“ ”) ของคำสัง่ print( ) และการใช้งานคำส่งั print( )
เมอื่ แสดงผลเรียบร้อยแล้วจะทำการขน้ึ บรรทัดใหม่ให้ 1 บรรทัด”
ช่วั โมงท่ี 2
ขั้นสอน
ขัน้ ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
6. นกั เรียนสังเกตและศึกษาตวั อย่างที่ 2 เกยี่ วกับการเขยี นคำส่ังควบคุมโครงสรา้ งการทำงาน
แบบเรียงลำดับในหนงั สือเรียน เพอื่ เขียนคำสง่ั คำนวณหาอัตราแลกเปล่ียนเงนิ ไทยเป็น
เงนิ ดอลลาร์ จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นลงมือปฏบิ ัตติ ามขัน้ ตอนการเขยี นโปรแกรม ดังนี้
1. การออกแบบขน้ั ตอนการทำงานของโปรแกรม ประกอบด้วย 3 ลกั ษณะ คือ
1.1 การออกแบบลำดบั ข้นั ตอนการทำงานโดยใชภ้ าษาธรรมชาติ
1.2 การออกแบบลำดับขั้นตอนการทำงานโดยใชร้ หสั จำลอง
1.3 การออกแบบลำดบั ข้นั ตอนการทำงานโดยใชผ้ งั งาน
2. การเขยี นคำสง่ั ควบคุมการทำงานด้วยภาษาไพทอน
ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
7. ครูอธิบายการทำงานของโปรแกรมตามหนังสือเรียนใหน้ ักเรียนเข้าใจเพ่ิมมากขึ้น และอธิบาย
จดุ สงั เกตจากการเขียนโปรแกรมวา่ “การใช้เครื่องหมายเทา่ กบั ( = ) เปน็ การนำข้อมูลหรือผล
ที่ได้ทางฝ่ังขวาของเครอ่ื งหมายมาเก็บไว้ในตวั แปรทางฝงั่ ซา้ ยของเครอ่ื งหมาย เช่น
- score = 25 หมายถึง ให้นำขอ้ มลู 25 มาเกบ็ ในตวั แปร score
- area = width * length หมายถงึ ให้นำคา่ ทเ่ี กบ็ ไว้ในตัวแปร width มาคณู กับค่าที่
เก็บในตัวแปร length แลว้ นำผลที่ได้ไปเก็บไว้ในตวั แปร area
และการใช้ %.2f เป็นการกำหนดรูปแบบการแสดงผลตัวเลขจำนวนจรงิ หรอื ตัวเลขทศนิยม
โดยกำหนดใหแ้ สดงจำนวนทศนิยม 2 ตำแหน่ง โดยจะสงั เกตจำนวนของตำแหนง่ ของทศนยิ ม
ได้จากตัวเลขหลังจดุ ในทนี่ ี้คือเลข 2 แตถ่ ้าต้องการใหแ้ สดงทศนิยม 4 ตำแหน่ง ก็จะเลอื กใช้
%.4f เป็นตน้ ”
ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
8. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสยั และครูให้ความรเู้ พ่ิมเติมในสว่ นนั้น
9. นักเรียนทำใบงานท่ี 2.6.1 เรือ่ ง การเขียนโปรแกรมการทำงานแบบเรยี งลำดบั
Note
วัตถปุ ระสงค์ของกิจกรรมเพือ่ ใหน้ ักเรียน
- มีทกั ษะการสบื คน้ ข้อมลู โดยให้นักเรียนแต่ละคนสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
เพอ่ื สืบเสาะหาความรู้ตามหัวขอ้ ที่ได้รบั มอบหมาย
- มีทกั ษะการสงั เกต โดยให้นักเรยี นสงั เกตการเขยี นคำสงั่ ควบคมุ โครงสร้างการ
ทำงานแบบเรียงลำดับตามขั้นตอนการเขียนโปรแกรมจากหนงั สอื เรียนเพื่อนำไปปรับใช้
ในการเรยี นได้อยา่ งเหมาะสม
- มที ักษะการคดิ วเิ คราะห์ โดยใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาเนื้อหาจากการสืบคน้ หรือศึกษา
ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ เช่น หนงั สือเรยี น อินเทอรเ์ น็ต เปน็ ต้น
ข้ันสรุป
ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครูประเมนิ ผลนักเรยี นจากการสงั เกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรียน และการทำ
ใบงานท่ี 2.6.1
2. ครตู รวจสอบความถูกต้องของผลการทำใบงานท่ี 2.6.1
3. นกั เรยี นและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับโครงสร้างการทำงานแบบเรยี งลำดบั ว่า“โครงสรา้ ง
การทำงานแบบเรียงลำดบั เป็นลกั ษณะของโปรแกรมทีม่ ีการทำงานเปน็ ลำดบั โดยการ
ไลเ่ รียงลำดบั กนั ไปเหมือนเส้นตรงจากบนลงล่าง ดังนนั้ รูปแบบการทำงานของโปรแกรม
มกั จะเปน็ เพียงแค่การกำหนดค่า รบั คา่ คำนวณหรือประมวลผลทไ่ี ม่สลับซบั ซ้อนและ
แสดงผล”
7. การวดั และประเมินผล
รายการวดั วธิ ีวัด เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
7.1 ประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรม - ตรวจใบงานท่ี 2.6.1 - ใบงานท่ี 2.6.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
การเรียนรู้
1) การเขียนโปรแกรม
การทำงานแบบเรยี งลำดับ
2) พฤตกิ รรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2
รายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
3) คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ - สังเกตความมีวนิ ยั - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
ความรับผดิ ชอบ คุณลักษณะ
ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มั่น อันพึงประสงค์
ในการทำงาน
8. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง การออกแบบขน้ั ตอนการทำงาน
และการเขยี นโปรแกรมด้วยภาษา Python
2) ใบงานที่ 2.6.1 เร่ือง การเขยี นโปรแกรมการทำงานแบบเรียงลำดบั
3) เคร่อื งคอมพวิ เตอร์
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องคอมพวิ เตอร์
2) อนิ เทอร์เนต็
ใบงานที่ 2.6.1
เร่ือง การเขียนโปรแกรมการทำงานแบบเรยี งลำดับ
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมและเขียนโปรแกรมภาษาไพทอน
เพ่ือคำนวณหาสว่ นลดของสินคา้ โดยใหแ้ สดงผลดังนี้
***********************************************************
การคำนวณส่วนลดการซื้อสนิ ค้า
***********************************************************
ชื่อสนิ คา้ : <<input>>
ราคา : <<input>>
จำนวนที่ซอื้ : <<input>>
รวมราคาสินค้า : <<output>>
สว่ นลด 10% : <<output>>
***********************************************************
ราคาสุทธิ : <<output>>
***********************************************************
1. การออกแบบขน้ั ตอนการทำงานของโปรแกรม รหัสจำลอง
ภาษาธรรมชาติ
การออกแบบลำดบั ข้นั ตอนการทำงานโดยใชผ้ งั งาน
START
2. การเขียนคำส่งั ควบคุมการทำงานดว้ ยภาษาไพทอน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 2.6.1 เฉลย
เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมการทำงานแบบเรยี งลำดับ
คำชี้แจง : ให้นักเรียนออกแบบข้ันตอนการทำงานของโปรแกรมและเขียนโปรแกรมภาษาไพทอน
เพ่ือคำนวณหาส่วนลดของสนิ ค้า โดยใหแ้ สดงผลดังนี้
***********************************************************
การคำนวณสว่ นลดการซือ้ สนิ ค้า
***********************************************************
ช่ือสนิ คา้ : <<input>>
ราคา : <<input>>
จำนวนท่ซี ื้อ : <<input>>
รวมราคาสินคา้ : <<output>>
สว่ นลด 10% : <<output>>
***********************************************************
ราคาสุทธิ : <<output>>
***********************************************************
1. การออกแบบขน้ั ตอนการทำงานของโปรแกรม
ภาษาธรรมชาติ รหสั จำลอง
1. เรม่ิ ทำงาน 1. START
2. นำเข้าข้อมูลชือ่ สินค้า 2. INPUT product
3. นำเข้าขอ้ มลู ราคาสนิ คา้ 3. INPUT price
4. นำเขา้ ขอ้ มูลจำนวนสนิ ค้า 4. INPUT amount
5. คำนวณหาราคารวมสนิ ค้า = ราคา * จำนวน 5. COMPUTE total = price * amount
6. แสดงราคารวมสินคา้ 6. OUTPUT total
7. คำนวณหาส่วนลดสินคา้ = ราคารวม * 10% 7. COMPUTE discount = total * 10%
8. แสดงส่วนลดสนิ คา้ 8. OUTPUT discount
9. คำนวณหาราคาสุทธิ = ราคารวม – ส่วนลดสินคา้ 9. COMPUTE netprice = total – discount
10. แสดงราคาสุทธิ 10. OUTPUT netprice
11. จบการทำงาน 11. STOP
การออกแบบลำดับขนั้ ตอนการทำงานโดยใชผ้ ังงาน
START
product
price
amount
total = price * amount
total
discount = total *.1
discount
netprice = total - discount
netprice
STOP
2. การเขียนคำสงั่ ควบคุมการทำงานดว้ ยภาษาไพทอน
1..............p..r..i.n..t.(..“..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..”..)...................................................
2..............p..r..i.n..t.(..“...................ก...า..ร..ค..ำ..น...ว..ณ...ส..่ว..น...ล..ด...ก..า..ร..ซ..ือ้...ส..นิ...ค..้า..”..)..............................................................................
3..............p..r..i.n..t.(..“..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..”..)...................................................
4..............p..r..o..d...u..c..t...=....i.n..p..u...t.(..“..ช..อื่..ส...ิน..ค...้า...:...”..)...........................................................................................................
5..............p..r..i.c..e...=....f.l..o..a..t..(.i.n..p...u..t.(..“..ร..า..ค..า..ส...นิ ..ค...้า...:..”...).)..................................................................................................
6..............a..m....o..u...n..t...=....i.n..t.(..in...p..u...t.(.“...จ..ำ..น...ว..น..ส...ิน..ค...้า...:..”..)..).............................................................................................
7..............t.o...t.a..l...=....p..r..i.c..e...*...a..m....o...u..n..t........................................................................................................................
8... ...........p..r..i.n..t.(..“..ร..ว..ม..ร..า..ค...า..ส..นิ ...ค..า้ ...:...%....2...f..บ...า..ท..”....%....t.o...t.a..l.)........................................................................................
9..............d..i.s..c..o..u...n..t...=....t.o...t.a...l..*....1.............................................................................................................................
1..0............p..r..i.n..t.(..“..ส..ว่..น...ล..ด....1..0..%.....:...%....2...f..บ...า..ท..”....%....d..i.s..c..o..u...n..t..)...................................................................................
1..1............n..e...t.p...r.i.c..e...=....t..o..t..a..l..–....d..i.s..c..o...u..n..t................................................................................................................
1..2............p..r..i.n..t.(..“..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..”..)............................................ .......
1..3............p..r..i.n..t.(..“..ร..า..ค..า..ส..ุ.ท..ธ..ิ..:..%.....2..f..บ...า..ท...”...%....n..e...t.p...r.i.c..e..)..........................................................................................
1..4............p..r..i.n..t.(..“..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..”..)...................................................
.......................................................................................................................................................... ....................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
9. ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชอื่ .................................
( ................................ )
ตำแหนง่ .......
10. บนั ทกึ ผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่ีมปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี )
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
ลงชื่อ..............................................ผู้บนั ทึก
(นายดลพฤกษ์ ทนั เจรญิ )
ตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 7
โครงสร้างการทำงานแบบเลือกทำ
เวลา 4 ช่วั โมง
1. ผลการเรยี นรู้
1. เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ การนำข้อมูลปฐมภูมิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์
ประเมิน นำเสนอข้อมลู และ สารสนเทศได้ตามวัตถปุ ระสงค์
2. เพื่อให้ผู้เรียนใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรม
อยา่ งง่าย เพอ่ื ชว่ ยในการแก้ปญั หา
3. เพ่ือให้ผเู้ รียนใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารอย่างรู้เทา่ ทนั และรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม
4. เพ่ือให้ผู้เรยี นนำความรู้ความเข้าใจใน วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยไี ปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ
สังคมและการดำรงชีวิต
5. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ มีความสามารถในการแก้ปัญหาและมี
ทกั ษะในการสอื่ สาร มคี วามสามารถในการตัดสนิ ใจ
6. เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ท่มี ีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายโครงสรา้ งการทำงานแบบเลอื กทำได้ถกู ตอ้ ง (K)
2. เขยี นโปรแกรมการทำงานแบบเลือกทำได้ถกู ตอ้ ง (P)
3. เห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของการเขียนโปรแกรมโดยใชภ้ าษาไพทอน (A)
3. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มกี ารใช้ตรรกะและฟงั กช์ นั
- การออกแบบอัลกอริทมึ เพ่ือแก้ปัญหาอาจใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการออกแบบ เพื่อให้การ
แก้ปัญหามปี ระสทิ ธิภาพ
- การแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ขั้นตอนจะช่วยใหแ้ ก้ปญั หาได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
- ซอฟต์แวร์ท่ีใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เช่น Scratch, python, java, c
- ตวั อย่างโปรแกรม เชน่ โปรแกรมตัดเกรดหาคำตอบทัง้ หมดของอสมการหลายตัวแปร
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
โครงสรา้ งการทำงานแบบเลอื กทำ เปน็ ลักษณะการทำงานของโปรแกรมทต่ี ้องมีการตัดสินใจ หรือ
ตอ้ งมีการพสิ จู น์ตรวจสอบผ่านเง่อื นไข แบง่ ออกเปน็ 3 แบบ คือ แบบ Single Selection แบบ Double
Selection และแบบ Multiple Selection
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี นิ ัย รับผิดชอบ
- ทักษะการส่ือสาร 2. ใฝเ่ รยี นรู้
2. ความสามารถในการคดิ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน
- ทักษะการคิดวเิ คราะห์
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา.
- ทักษะการสังเกต
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
- ทกั ษะการสืบค้นขอ้ มูล
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
วธิ กี ารสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชัว่ โมงท่ี 1
ขัน้ นำ
ขั้นที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement)
1. ครูทบทวนความรเู้ ดิมจากชวั่ โมงทผี่ า่ นมาเกย่ี วกับโครงสร้างการทำงานแบบเรียงลำดับ
2. ครูอธิบายเพ่ือเช่ือมโยงเขา้ สู่บทเรียนวา่ “โครงสรา้ งการทำงานแบบเลอื กทำ เปน็ ลกั ษณะการ
ทำงานของโปรแกรมท่มี ีกระบวนการทำงานท่จี ะต้องมีการตัดสินใจหรือต้องมีการพสิ ูจน์
ตรวจสอบผา่ นเง่อื นไขใด ๆ โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 รปู แบบ คือ
1. แบบ Single Selection
2. แบบ Double Selection
3. แบบ Multiple Selection”
3. ครูสุม่ ถามนักเรยี น“นักเรยี นรู้หรือไม่ว่าการทำงานแบบเลอื กทำมีการทำงานอย่างไร”
(แนวตอบ : นกั เรียนตอบตามความคดิ เห็นของตนเอง โดยคำตอบข้นึ อยูก่ บั ดลุ ยพนิ ิจของ
ครผู ูส้ อน)
ข้ันสอน
ขัน้ ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. นักเรยี นสบื คน้ ข้อมลู และศกึ ษาเนอ้ื หา เร่ือง การทำงานแบบ Single Selection จาก
หนังสอื เรยี น (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง การออกแบบขนั้ ตอนการ
ทำงาน และการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Python หรือสบื ค้นเพม่ิ เติมจากอินเทอร์เน็ตท่ี
เครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง โดยให้นกั เรียนสงั เกตการเขียนผังงานและคำสง่ั ภาษาไพทอน
2. ครูอธบิ ายเพิ่มเติมเพ่ือใหน้ ักเรียนเขา้ ใจเพิ่มมากขึ้นเก่ยี วกับการทำงานแบบ Single Selection
ว่า“การทำงานแบบ Single Selection เปน็ การทำงานของโปรแกรมทตี่ ้องมีการพิสจู นเ์ ง่ือนไข
1 ครงั้ และหากผลของการพิสจู น์เงอื่ นไขเป็นจรงิ จะทำตามคำสัง่ ที่กำหนดให้ แต่ถา้ ผลของการ
พิสูจน์เง่อื นไขเปน็ เทจ็ ก็จะไม่ทำงานใด ๆ”
3. นกั เรยี นศึกษาความรูเ้ สริมจากเนอื้ หาเพอ่ื ขยายความรขู้ องผู้เรยี น (Com Sci Focus) เร่อื ง
การใช้งานคำสั่งเงื่อนไข if วา่ “คำสั่งการทำงานภายใต้เงอื่ นไข If จะต้องอยู่ในย่อหนา้ ใหม่ โดย
คำสงั่ การทำงานใดก็ตามถา้ ต้องการใหอ้ ย่ภู ายใต้การทำงานของ if เดียวกัน จะต้องย่อหนา้ ใหม่
ทุกคร้งั และการทำงานของ if จะจบเม่อื ไม่มีการต่อยอ่ หน้าใหม่”
4. นกั เรียนสังเกตและศึกษาตวั อยา่ งการเขียนคำสัง่ ควบคุมโครงสร้างการทำงานแบบ Single
Selection ในหนงั สือเรียนเพ่ือตรวจสอบตัวเลขที่ผ้ใู ชป้ ้อนทางแป้นพมิ พว์ ่าเป็นเลขคู่ จากนั้น
ใหน้ กั เรยี นลงมือปฏบิ ัติตามโดยออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม และเขยี นคำส่งั
ควบคุมการทำงานดว้ ยภาษาไพทอน
5. ครสู ุ่มนกั เรียน 8 คนเพ่ืออธบิ ายการทำงานของโปรแกรมตามหนังสอื เรยี นให้นักเรยี นเข้าใจ
เพมิ่ มากข้นึ
6. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามข้อสงสัย และครใู ห้ความรเู้ พิ่มเตมิ ในสว่ นนนั้
7. นักเรียนทำใบงานที่ 2.7.1 เรื่อง การทำงานแบบ Single Selection โดยใหน้ ักเรยี น
ออกแบบขัน้ ตอนการทำงานของโปรแกรมและเขียนโปรแกรมภาษาไพทอนตามการทำงาน
แบบ Single Selection
ชว่ั โมงท่ี 2
ข้ันสอน
ข้นั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
8. ครทู บทวนเน้ือหาการเรยี นเมื่อช่วั โมงทแี่ ล้วเกี่ยวกับโครงสร้างการทำงานแบบ Single
Selection
9. นกั เรยี นศกึ ษาการทำงานแบบ Double Selection จากหนงั สือเรียนหรือสืบค้นจาก
อนิ เทอร์เน็ตท่ีเครอื่ งคอมพิวเตอรข์ องตนเอง โดยให้นักเรยี นสงั เกตการเขียนผังงานและ
คำสัง่ ภาษาไพทอน
10. ครูอธิบายเพิ่มเตมิ เพื่อให้นกั เรียนเขา้ ใจเพ่ิมมากขนึ้ เก่ยี วกบั การทำงานแบบ Double
Selectionวา่ “การทำงานแบบ Double Selection เป็นการทำงานของโปรแกรมทต่ี ้องมี
การพสิ จู นเ์ งื่อนไข 1 คร้ัง และหากผลของการพสิ จู น์เง่ือนไขเปน็ จริง จะทำตามคำสงั่ ที่อยตู่ ่อ
จากเงอ่ื นไข แตถ่ า้ ผลของการพิสูจน์เง่ือนไขเปน็ เท็จจะทำตามคำสงั่ ท่ีอยตู่ ่อจากคำสั่ง else”
11. นกั เรยี นศึกษาความรเู้ สริมจากเน้อื หาเพอ่ื ขยายความรขู้ องผ้เู รียน (Com Sci Focus) เรือ่ ง
การใช้งานคำสัง่ เง่ือนไข if - else ว่า“คำสั่งการทำงานภายใตเ้ ง่ือนไข else จะตอ้ งอยู่ในย่อ
หนา้ ใหม่ โดยคำสงั่ การทำงานใดกต็ ามถ้าต้องการให้อยูภ่ ายใต้การทำงานของ else เดยี วกัน
จะต้องย่อหนา้ ใหมท่ ุกคร้ัง และการทำงานของ else จะจบเมื่อไมม่ ีการตอ่ ย่อหน้าใหม่
เชน่ เดียวกบั การทำงานของ if”
12. นักเรยี นสงั เกตและศึกษาตัวอยา่ งการเขยี นคำสงั่ ควบคุมโครงสรา้ งการทำงานแบบ Double
Selection ในหนังสือเรยี นเพื่อคำนวณส่วนลดราคาสนิ ค้าตามเงอื่ นไขทก่ี ำหนดให้ จากนั้น
ให้นักเรยี นลงมือปฏบิ ตั ติ ามโดยออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมและเขยี นคำสง่ั
ควบคมุ การทำงานดว้ ยภาษาไพทอน
13. ครสู มุ่ นักเรียน 13 คน เพ่ืออธิบายการทำงานของโปรแกรมตามหนังสอื เรยี นให้นักเรียนเข้าใจ
เพิ่มมากข้ึน
14. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรยี นซักถามขอ้ สงสัย และครูให้ความรเู้ พิม่ เติมในส่วนน้ัน
15. นกั เรียนทำใบงานที่ 2.7.2 เรอ่ื ง การทำงานแบบ Double Selection โดยให้นกั เรียน
ออกแบบขน้ั ตอนการทำงานของโปรแกรม และเขยี นโปรแกรมภาษาไพทอนตามการทำงาน
แบบ Double Selection
ชว่ั โมงที่ 3
ขนั้ สอน
ข้นั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
16. ครูทบทวนเน้อื หาการเรยี นเมื่อชวั่ โมงทแี่ ล้วเก่ียวกบั โครงสร้างการทำงานแบบ Double
Selection
17. นกั เรยี นศกึ ษาการทำงานแบบ Multiple Selection จากหนงั สอื เรยี นหรอื สืบค้นจาก
อนิ เทอร์เน็ตท่เี คร่อื งคอมพิวเตอร์ของตนเอง โดยให้นกั เรยี นสังเกตการเขียนผังงานและคำสง่ั
ภาษาไพทอน
18. ครอู ธิบายเพิ่มเติมเพ่ือให้นักเรียนเขา้ ใจเพิ่มมากขึ้นเก่ยี วกับการทำงานแบบ Multiple
Selection ว่า“การทำงานแบบ Multiple Selection เป็นการทำงานของโปรแกรมทตี่ อ้ งมี
การพิสจู นเ์ ง่ือนไขหลายเงื่อนไข โดยการพิสูจนจ์ ะเริ่มจากเงื่อนไขแรกกอ่ น หากผลของ
การพิสจู น์เงื่อนไขเปน็ จริง จะทำตามคำส่งั ทก่ี ำหนดให้ และไม่พสิ ูจน์เงื่อนไขต่อไป แต่ถา้ ผล
ของการพิสจู น์เง่ือนไขเป็นเทจ็ จะตอ้ งพิสจู นเ์ ง่ือนไขอื่นต่อไป ซ่ึงจะมีการทำงานในลักษณะ
ดังกล่าวไปเรื่อย ๆ จนกระท่งั ถงึ เงือ่ นไขสุดทา้ ยท่ีไมต่ ้องพิสูจน์ เนือ่ งจากถา้ ไมม่ เี ง่ือนไขใด
เปน็ จรงิ เลย ก็จะตรงกบั เงื่อนไขสดุ ทา้ ยโดยอตั โนมัติ”
19. นักเรยี นสงั เกตและศึกษาตวั อย่างการเขยี นคำสงั่ ควบคุมโครงสรา้ งการทำงานแบบ Multiple
Selection ในหนงั สือเรียนเพ่ือคำนวณเกรดโดยการป้อนคะแนนซงึ่ เป็นเลขจำนวนเตม็ ทาง
แปน้ พมิ พแ์ ล้วแสดงผลเกรดออกทางหน้าจอตามเง่ือนไขที่กำหนดให้ จากนนั้ ให้นกั เรยี นลงมอื
ปฏิบตั ิตามโดยออกแบบขัน้ ตอนการทำงานของโปรแกรมและเขยี นคำส่งั ควบคุมการทำงาน
ด้วยภาษาไพทอน
20. ครสู มุ่ นกั เรยี น 16 คนเพื่ออธิบายการทำงานของโปรแกรมตามหนังสือเรียนให้นักเรียนเข้าใจ
เพ่มิ มากข้นึ
ชัว่ โมงที่ 4
ขั้นท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
21. ครทู บทวนโครงสรา้ งการทำงานของโปรแกรมทั้ง 3 รูปแบบคือ โครงสร้างการทำงานแบบ
Single Selection Double Selection และ Multiple Selection
22. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนภายในชั้นเรียนอภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกับโครงสรา้ งการทำงานของ
โปรแกรมและใหน้ กเั รยี นซักถามขอ้ สงสัย และครใู ห้ความรู้เพม่ิ เตมิ ในสว่ นนั้น
ข้ันท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
23. นักเรยี นทำกจิ กรรมท่สี อดคล้องกับเนื้อหา โดยใหผ้ ้เู รยี นฝึกปฏิบตั ิเพ่ือพัฒนาความรู้และทกั ษะ
การเรยี นรูใ้ นศตวรรษที่ 21 จากหนงั สือเรยี น
Note
วัตถปุ ระสงค์ของกิจกรรมเพ่ือให้นกั เรยี น
- มีทกั ษะการสื่อสารรว่ มกบั เพ่อื นในช้ันเรียนเกี่ยวกับโครงสร้างการทำงานของ
โปรแกรม
- มีทักษะการสบื ค้นข้อมลู โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนสบื ค้นข้อมูลจากอินเทอรเ์ นต็
เพ่ือสบื เสาะหาความรตู้ ามหัวขอ้ ท่ีได้รับมอบหมาย
- มที กั ษะการสงั เกต โดยใหน้ ักเรยี นสังเกตการเขยี นคำสัง่ ควบคุมการทำงานแบบ
Single Selection Double Selection และ Multiple Selection จากหนงั สอื เรยี น
เพ่อื นำไปปรับใช้ในการเรียนไดอ้ ย่างเหมาะสม
- มีทักษะการคิดวเิ คราะห์ โดยให้นกั เรียนพจิ ารณาเนื้อหาจากการสบื คน้ หรือศึกษา
ข้อมลู จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น หนงั สอื เรียน อนิ เทอร์เน็ต เป็นต้น
ขั้นสรุป
ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครูประเมนิ ผลนักเรียนจากการสงั เกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรียน และ
การทำใบงาน
2. ครูตรวจสอบความถูกต้องของผลลัพธ์การทำใบงานที่ 2.7.1 และ ใบงานที่ 2.7.2
3. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรปุ เกี่ยวกบั โครงสร้างการทำงานแบบเลอื กทำวา่ “โครงสรา้ งแบบเลือก
ทำเปน็ ลกั ษณะการทำงานของโปรแกรมทม่ี ีกระบวนการทำงานทจี่ ะต้องมีการตัดสินใจ หรอื
ต้องมีการพิสจู น์ ตรวจสอบผ่านเง่ือนไขใด ๆ”
4. ครูทบทวนคำถามประจำหวั ข้อกบั นักเรยี นวา่ “นกั เรยี นรู้หรือไมว่ ่าโปรแกรมท่ีมีโครงสรา้ งการ
ทำงานแบบเรียงลำดบั ต่างจากโครงสรา้ งการทำงานแบบเลอื กทำอยา่ งไร”
(แนวตอบ : นักเรยี นตอบตามประสบการณ์ของตนเอง โดยคำตอบขึน้ อยู่กบั ดลุ ยพนิ ิจของ
ครูผู้สอน เชน่ โครงสร้างการทำงานแบบเรยี งลำดับเป็นการทำงานแบบเส้นตรงไปข้างหนา้ ไมม่ ี
การยอ้ นกลบั แต่โครงสรา้ งการทำงานแบบเลือกทำ เป็นการทำงานแบบที่จะต้องมีการตัดสินใจ
หรอื ตอ้ งมกี ารรพสิ ูจน์ ตรวจสสอบผ่านเง่ือนไขใด ๆ เสยี กอ่ น เปน็ ต้น)
5. นักเรียนตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจด้วยตนเองจากหนังสือเรียน โดยพิจารณาขอ้ ความว่าถกู
หรอื ผิด หากนกั เรยี นพจิ ารณาขอ้ ความไม่ถูกตอ้ งให้นกั เรียนกลับไปทบทวนเน้ือหาตามหัวข้อที่
กำหนดให้
6. ครมู อบหมายใหน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หดั ประจำหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 โดยใหบ้ นั ทกึ ลงในสมดุ
ประจำตัว และทำช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอื่ ง การออกแบบข้นั ตอนการทำงาน และ
การเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษา Python เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี น และนำมาสง่
ในชัว่ โมงถัดไป
7. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 เรือ่ ง การออกแบบข้นั ตอนการทำงาน
และการเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษา Python เพ่ือวัดความรูท้ ่ีนกั เรียนไดร้ ับหลงั จากผา่ น
กระบวนการเรยี นรู้
7. การวัดและประเมินผล
รายการวัด วธิ ีวดั เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ
7.1 ประเมนิ ระหว่างการจัดกิจกรรม - ตรวจใบงานท่ี 2.7.1 - ใบงานที่ 2.7.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การเรียนรู้
1) การทำงานแบบ Single
Selection
2) การทำงานแบบ Double - ตรวจใบงานที่ 2.7.2 - ใบงานท่ี 2.7.2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
Selection
3) พฤตกิ รรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2
รายบคุ คล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
4) คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - สงั เกตความมวี ินัย - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
ความรบั ผดิ ชอบ คุณลักษณะ
ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มั่น อันพึงประสงค์
ในการทำงาน
รายการวดั วธิ ีวดั เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
- แบบทดสอบหลังเรียน ประเมินตามสภาพจรงิ
7.2 การประเมินหลงั เรียน - ตรวจแบบทดสอบ
- แบบประเมนิ ชิน้ งาน ระดบั คุณภาพ 2
1) แบบทดสอบหลงั เรียน หลงั เรียน /ภาระงาน (รวบยอด) ผา่ นเกณฑ์
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2
เร่อื ง การออกแบบขนั้ ตอน
การทำงาน และการเขยี น
โปรแกรมด้วยภาษา Python
2) การประเมนิ ชิน้ งาน - ตรวจช้ินงาน/ภาระ
/ภาระงาน (รวบยอด) งาน (รวบยอด)
เรื่อง การออกแบบขนั้ ตอน
การทำงาน และการเขียน
โปรแกรมดว้ ยภาษา Python
8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี น (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง การออกแบบข้ันตอนการทำงาน
และการเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษา Python
2) ใบงานท่ี 2.7.1 เรอ่ื ง การทำงานแบบ Single Selection
3) ใบงานที่ 2.7.2 เร่ือง การทำงานแบบ Double Selection
4) เครือ่ งคอมพิวเตอร์
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งคอมพวิ เตอร์
2) อนิ เทอร์เนต็
ใบงานท่ี 2.7.1
เร่อื ง การทำงานแบบ Single Selection
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนออกแบบข้ันตอนการทำงานของโปรแกรมและเขียนโปรแกรมภาษาไพทอน เพื่อ
ตรวจสอบอายุ ถ้าอายุ 1-15 ปี ใหแ้ สดงขอ้ ความว่า คุณยังเปน็ เด็กอยู่ และให้แสดงผลดงั น้ี
***********************************************************
การตรวจสอบอายุ
***********************************************************
ชอ่ื นักเรียน : <<input>>
อายุ : <<input>>
***********************************************************
คุณยังเป็นเดก็ อยู่ หรอื ไม่แสดงข้อมูลใดๆ
***********************************************************
1. การออกแบบข้นั ตอนการทำงานของโปรแกรม รหสั จำลอง
ภาษาธรรมชาติ
การออกแบบลำดบั ข้นั ตอนการทำงานโดยใชผ้ งั งาน
START
2. การเขียนคำส่งั ควบคุมการทำงานดว้ ยภาษาไพทอน
..............................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................... ...........
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................... ........................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................... .....................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 2.7.1 เฉลย
เรื่อง การทำงานแบบ Single Selection
คำชี้แจง : ให้นักเรียนออกแบบข้ันตอนการทำงานของโปรแกรมและเขียนโปรแกรมภาษาไพทอน เพื่อ
ตรวจสอบอายุ ถา้ อายุ 1-15 ปี ใหแ้ สดงขอ้ ความว่า คุณยังเปน็ เดก็ อยู่ และให้แสดงผลดังน้ี
***********************************************************
การตรวจสอบอายุ
***********************************************************
ช่อื นกั เรียน : <<input>>
อายุ : <<input>>
***********************************************************
คณุ ยังเปน็ เด็กอยู่ หรือไมแ่ สดงขอ้ มลู ใดๆ
***********************************************************
1. การออกแบบข้นั ตอนการทำงานของโปรแกรม
ภาษาธรรมชาติ รหสั จำลอง
1. เรม่ิ ทำงาน 1. START
2. นำเข้าข้อมลู ชือ่ นกั เรียน 2. INPUT name
3. นำเข้าข้อมลู อายุ 3. INPUT age
4. ตรวจสอบอายุวา่ อายนุ ้อยกว่าหรอื เทา่ กบั 15 4. IF (age<=15) THEN
จรงิ หรอื ไม่ 5. OUTPUT “คณุ ยังเปน็ เด็กอยู่”
5. ถ้าจรงิ ให้แสดงข้อความ “คุณยงั เปน็ เด็กอยู่” 6. STOP
6. ถ้าไม่จริง ให้จบการทำงาน