คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม
รายวชิ า คอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 40 คาบ จำนวน 1.0 หน่วยกติ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คำอธิบายรายวิชา
ศกึ ษาเกย่ี วกับการจดั การขอ้ มูลและสารสารเทศ การใชซ้ อฟตแ์ วร์ในการจัดการข้อมลู และสารสนเทศ ศึกษา
เกยี่ วกับการประเมินความน่าเชื่อถอื ของขอ้ มูล การรู้เท่าทันส่อื ศกึ ษาเกี่ยวกบั การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและ
กฎหมายคอมพิวเตอร์ ศึกษาเกย่ี วกับแอปพลเิ คชัน เทคโนโลยี IoT และการพฒั นาแอปพลิเคชนั
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรูท้ ี่เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคดิ เผชญิ สถานการณ์การแกป้ ญั หา
วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ดว้ ยตนเองผ่านกระบวนการคดิ และปฏิบตั ิ
ผลการเรียนรู้
1. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นมีความรู้ ความเข้าใจในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
2. เพ่ือใหผ้ ูเ้ รียนมที ักษะการคิดเชงิ คำนวณ การคดิ วิเคราะห์ การแกป้ ัญหาเป็นข้นั ตอน และเปน็ ระบบ
3. เพอื่ ให้ผูเ้ รียนมีทกั ษะในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตวั และการสอ่ื สารเบื้องตน้ ในการ
แกป้ ัญหาท่ีพบในชวี ติ จรงิ ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
4. เพื่อให้ผเู้ รยี นนำความร้คู วามเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหมท่ ีเ่ กิดขึ้นไปใช้ให้เกิด
ประโยชนต์ อ่ สังคมและการดำรงชวี ิต
5. เพอ่ื ให้ผ้เู รยี นพฒั นากระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการ
ทักษะในการสือ่ สาร ความสามารถในการตัดสนิ ใจ
6. เพอื่ ให้ผู้เรยี นเปน็ ผู้มีจิตวิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มในการใชว้ ิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีอยา่ งสรา้ งสรรค์
รวมท้ังหมด 6 ผลการเรยี นรู้
โครงสร้างรายวชิ าเพ่ิมเติม คอมพิวเตอร์ ชัน้ ม.3
ลำดับท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา
1. การจดั การขอ้ มลู (ชม.)
และสารสนเทศ - เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นมี การรวบรวมข้อมูล เป็นขน้ั ตอนที่สำคัญท่สี ุด
2. ความรู้ ความเขา้ ใจ ของการจดั การขอ้ มูลและสารสนเทศ ดังนั้น 9
ความน่าเช่อื ถือ ในการใชเ้ ทคโนโลยี ควรมีความเข้าใจเกย่ี วกับลักษณะและประเภท
ของข้อมูล สารสนเทศ ของข้อมลู ตลอดจนวธิ กี ารรวบรวมข้อมลู 8
- เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นมี เพ่อื จะได้นำไปประยุกต์ใชไ้ ด้อย่างถูกต้องและ
ทักษะการคิดเชิง เหมาะสม
คำนวณ การคดิ
วเิ คราะห์ การ การประมวลผลข้อมูล เป็นการคำนวณหรอื
แก้ปัญหาเปน็ การเปรียบเทยี บ เพื่อใหข้ ้อมลู อยู่ในรปู แบบ
ข้นั ตอน และเปน็ ทเ่ี ป็นประโยชนต์ รงตามความต้องการ
ระบบ
การจดั การขอ้ มูลและสารสนเทศมีการนำ
เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนมที ักษะ ซอฟตแ์ วรต์ ่าง ๆ มาช่วยในการจัดการข้อมลู
ในการใช้เทคโนโลยี โดยมที ัง้ ซอฟตแ์ วรท์ ี่ใชใ้ นการรวบรวมข้อมูล
สารสนเทศ รักษา ซอฟต์แวรท์ ใี่ ช้ในการประมวลผลข้อมูล และ
ขอ้ มลู สว่ นตวั และ ซอฟตแ์ วรท์ ี่ใชใ้ นการนำเสนอขอ้ มลู
การสอื่ สารเบ้ืองต้น เพือ่ การจดั การข้อมลู และสารสนเทศ
ในการแก้ปญั หาท่ีพบ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ในชวี ิตจรงิ ได้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ การสืบค้นแหลง่ ข้อมลู เปน็ กระบวนการ
คน้ หาข้อมลู ตามท่ตี ้องการ โดยใช้เครื่องมือ
ต่าง ๆ อีกทงั้ ข้อมูลท่ีไดจ้ ะต้องมกี ารประเมิน
ความน่าเชอ่ื ถือของขอ้ มลู เพ่ือคดั เลือกข้อมูล
ท่ีได้จากการสบื ค้นขอ้ มลู ทีม่ ีคุณคา่ มคี วาม
น่าเช่อื ถือ เปน็ การพจิ ารณาเพื่อคดั เลือกจาก
แหล่งข้อมลู ต่าง ๆ ซ่ึงจากการประเมนิ ความ
น่าเช่ือถอื จะทำให้เราได้ข้อมลู ท่มี คี ุณคา่ และ
นำข้อมูลไปประยกุ ตใ์ ช้อย่างเหมาะสม
การรู้เท่าทันส่ือเป็นลักษณะสมรรถนะที่
ครอบคลุมทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ในส่วนท่ี
เกี่ ย ว ข้ อ ง กั บ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร เข้ า ถึ ง
ลำดับที่ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา
3. เทคโนโลยี (ชม.)
สารสนเทศ เพ่ือให้ผู้เรียนเปน็ ผ้มู ี สารสนเทศผ่านสื่อ และเทคโนโลยีดิจิทัล การ
4. จติ วิทยาศาสตร์ มี 7
แอปพลเิ คชัน คณุ ธรรม จรยิ ธรรม เลือก รับ วิเคราะห์ ประเมิน และนำข้อมูล
คา่ นยิ มในการใช้ 14
วทิ ยาศาสตร์และ ทไี่ ดร้ บั ไปใชใ้ นทางสรา้ งสรรค์
เทคโนโลยอี ย่าง
สรา้ งสรรค์ การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศโดย
คำนงึ ถึงความปลอดภยั ในการใช้งาน เชน่
- เพื่อใหผ้ ้เู รียนนำ การทำธุรกรรม ออนไลน์ การซ้ือสินค้าออนไลน์
ความรูค้ วามเข้าใจใน และการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งมี
วิชาวิทยาศาสตร์ จิตสำนกึ และจริยธรรมที่ดี คำนึงผลกระทบท่ี
และนำเทคโนโลยี อาจสง่ ผลต่อผู้อน่ื ภายใต้กฎหมายทีเ่ กีย่ วข้อง
ใหม่ที่เกิดข้นึ ไปใชใ้ ห้ กบั การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศหลายฉบับ
เกดิ ประโยชน์ตอ่ เช่น พระราชบญั ญัติว่าด้วยการกระทำความผดิ
สงั คมและการ เกย่ี วกับคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติว่าดว้ ย
ดำรงชวี ิต ธุรกรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ พระราชบญั ญัติ
- เพ่ือใหผ้ ู้เรยี น การรกั ษาความมนั่ คงปลอดภยั ไซเบอร์
โดยพระราชบญั ญตั ิวา่ ด้วยการกระทำความผดิ
เก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และ
พระราชบญั ญัตวิ า่ ด้วยการกระทำความผิดเก่ียว
คอมพิวเตอร์ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2560
หรือลิขสิทธิ์ เป็นผลงานทเ่ี กดิ จากการใชป้ ัญญา
ความร้คู วามสามารถในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน
ซ่ึงถอื วา่ เปน็ ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาประเภทหนึ่ง
ท่กี ฎหมายใหค้ วามคุ้มครอง
การทำให้อุปกรณห์ ลายตัวสามารถส่อื สาร
แลกเปล่ียนขอ้ มลู และทำงานรว่ มกนั ได้น้ัน
เรยี กว่า เทคโนโลยี IoT ต้องอาศยั
ความสามารถของ Smart Device ซงึ่ อปุ กรณ์
ที่มหี น่วยประมวลผล หรอื เซนเซอรภ์ ายในตัว
เพอ่ื ส่งข้อมลู ผา่ น Cloud Computing หรอื
Wireless Network เปน็ ตวั กลางในการรบั สง่
ขอ้ มูลภายในเครอื ขา่ ยเพ่ือประมวลผล และ
อาศยั Dashboard สำหรับแสดงผลและใช้
ลำดบั ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา
(ชม.)
พฒั นากระบวนการ ควบคุมการทำงานจากผูใ้ ช้
คดิ และจนิ ตนาการ แอปพลเิ คชนั เป็นโปรแกรมทีถ่ กู พัฒนาข้นึ
ความสามารถในการ มาเพื่ออำนวยในดา้ นต่าง ๆ มีการออกแบบมา
แกป้ ญั หาและการ เพ่ือใช้งานในหลายรปู แบบ ซ่ึงการพฒั นา
จดั การทักษะในการ โปรแกรมในปจั จบุ ันนิยมใช้โปรแกรมภาษา
สอื่ สาร ไพทอน (Python) เพราะเป็นภาษาท่อี ่านแลว้
ความสามารถในการ เข้าใจงา่ ย ไม่ซับซ้อน
ตัดสนิ ใจ
หมายเหตุ : 2 ช่ัวโมงท่หี ายไปให้ใช้สำหรับการสอบกลางภาคหรือการสอบปลายภาค ทงั้ นี้ยดื หยนุ่ ไดต้ ามดลุ ยพินิจของครผู ้สู อน
Pedagogy
ส่ือการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.3 ผู้จัดทำได้
ออกแบบการสอน (Instructional Design) ซึ่งเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้และเทคนิคการสอนท่ีเป่ียมด้วยประสิทธิภาพ
และมคี วามหลากหลายให้กับผู้เรียน เพื่อใหผ้ ้เู รียนสามารถบรรลุผลสัมฤทธต์ิ ามมาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวช้ีวัด รวมถึง
สมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนท่ีหลกั สูตรกำหนดไว้ โดยครูสามารถนำไปใช้สำหรับจัดการเรียนรู้
ในช้ันเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในรายวิชานี้ ได้นำวิธีการสอนและรูปแบบการสอนที่หลากหลายมาใช้ในการ
ออกแบบการสอน ดงั น้ี
กระบวนการเรยี นรู้
เลือกใช้วิธีการสอนโดยเน้นกระบวนการกลุ่ม (Group Process–Based Instruction) เนื่องจากเป็น
กระบวนการในการทำงานร่วมกันของบุคคลตั้งแต่ 2 คนข้ึนไป โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน และมีการดำเนินงาน
รว่ มกัน โดยผ้นู ำกลุ่มและสมาชิกกลุ่มต่างก็ทำหน้าท่ขี องตนอยา่ งเหมาะสม และมีกระบวนการทำงานทด่ี ี เพอ่ื นำกลุ่ม
ไปสูว่ ัตถปุ ระสงค์ท่กี ำหนดไว้
การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรยี นรู้กระบวนการทำงานกลุ่มท่ีดี จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดทักษะทางสังคม และขยาย
ขอบเขตของการเรียนรูใ้ ห้กวา้ งขวางขึ้น
เลือกใช้วิธีการสอนโดยใช้แนวคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking) เน่ืองจากเป็นกระบวนการ
เรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนใช้ทักษะมุ่งเน้นการคิดเชิงตรรกะมากขึ้น ซึ่งผู้เรียนจะสามารถอธิบายการคิดเชิงคำนวณอย่างเป็น
ระบบ หรือเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นลำดับข้ันตอน โดยการเข้าใจปัญหาและวิธีการในการแก้ปัญหาอย่างเป็น
ระบบ เพื่อให้ได้มาซึ่งวธิ ีการแกไ้ ขปัญหาท่ีทั้งมนุษย์และคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจรว่ มกันได้ ซึ่งประกอบด้วยลำดับ
การใช้ทักษะย่อย 4 ทักษะ ดังนี้
1 23 4
แนวคดิ การแยกยอ่ ย แนวคิดการจดจำรปู แบบ แนวคดิ เชงิ นามธรรม แนวคิดการออกแบบขั้นตอน
แบบ
1. แนวคดิ การแยกย่อย (Decomposition) เป็นการแตกปัญหาใหญ่ให้เป็นปัญหาย่อยท่ีมีขนาดเลก็ เพื่อให้
สามารถจดั การไดง้ า่ ยข้นึ
2. แนวคิดการจดจำรูปแบบ (Pattern Recognition) เป็นการกำหนดแบบแผนปัญหาย่อย ๆ จากปัญหา
ท่มี รี ูปแบบทห่ี ลากหลาย โดยปญั หาต่าง ๆ มักมคี วามคล้ายคลงึ กนั กลา่ วคือ เพือ่ ดูความเหมือน
ความแตกตา่ งของรูปแบบการเปลย่ี นแปลง ทำให้ทราบแนวโน้มเพ่อื ทำนาย ผลลัพธ์ขา้ งหนา้ ได้
3. แนวคิดเชิงนามธรรม (Abstraction) เป็นการมุ่งเน้นความสำคัญของปัญหาโดยไม่สนใจรายละเอียดท่ีไม่
จำเปน็ เพอ่ื ให้สามารถเขา้ ใจถงึ แกน่ แท้ของปัญหา ทกั ษะนเี้ ทยี บเทา่ กบั การคิดสงั เคราะห์ จนไดม้ าซึ่ง
แบบจำลอง เชน่ แบบจำลองทางคณิตศาสตรใ์ นรปู ของสมการหรือสูตร
4. แนวคดิ การออกแบบข้นั ตอน (Algorithm Design) เป็นการออกแบบข้ันตอนการแก้ปัญหาดว้ ยการคิด
เชงิ อัลกอริทมึ โดยนำไปใชใ้ นการแก้ปญั หาที่มีลกั ษณะแบบเดยี วกันได้ ทำใหท้ ราบข้ันตอนก่อนหลัง
เลือกใช้วธิ กี ารสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing) เนื่องจากเป็นกระบวนการทผี่ สู้ อน
ใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ท่ีกำหนด โดยการให้ผู้เรียนสวมบทบาทในสถานการณ์ซ่ึงมี
ความใกล้เคียงกับความเป็นจริง และแสดงออกตามความรู้สึกนึกคิดของตน และนำเอาการแสดงออกของผู้แสดง
ทงั้ ทางด้านความรู้ ความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมทส่ี ังเกตพบมาเป็นข้อมูลในการอภิปราย เพื่อให้ผ้เู รียนเกิดการ
เรยี นรู้ตามวตั ถุประสงค์
วิธีการสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ เป็นวิธีการท่ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้การเอาใจเขามาใส่ใจเรา
เกิดความเข้าใจในความรู้สึกและพฤติกรรมทั้งของตนเองและผู้อื่น หรือเกิดความเข้าใจในเร่ืองต่าง ๆ เก่ียวกับ
บทบาทสมมตทิ ี่ตนแสดง ซ่ึงการแสดงบทบาทสมมติใหม้ ีประสทิ ธิภาพประกอบไปด้วย 6 ข้นั ตอน ดังน้ี
1. การเตรียมการ เป็นการกำหนดวัตถุประสงค์เฉพาะให้ชัดเจน และสร้างสถานการณ์และบทบาทสมมติที่
จะช่วยสนองวตั ถุประสงคน์ น้ั โดยสถานการณ์และบทบาทสมมติทก่ี ำหนดขึ้นควรมคี วามใกล้เคยี งกับความเป็นจริง
2. การเริ่มบทเรียน ผู้สอนสามารถกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนได้หลายวิธี เช่น โยงประสบการณ์ใกล้ตัว
ผเู้ รียน หรอื ประสบการณ์ท่ีผ้เู รียนไดร้ ับจากการเรยี นคร้ังกอ่ น ๆ เขา้ สู่เรือ่ งทจี่ ะศกึ ษา
3. การเลือกผู้แสดง ควรเลือกผู้แสดงให้เหมาะสมกับบทบาท เพื่อช่วยให้การแสดงเป็นไปอย่างราบร่ืนตาม
วตั ถุประสงคไ์ ด้อย่างรวดเร็ว หรือเลือกผแู้ สดงท่มี ีลกั ษณะตรงกันข้ามกับบทบาททีก่ ำหนดให้เพ่ือช่วยใหผ้ ู้เรยี นคนนั้น
ได้รับประสบการณ์ใหม่ ได้ทดลองแสดงพฤติกรรมใหม่ ๆ และเกิดความเข้าใจในความรู้สึกและพฤติกรรมของผู้ท่ีมี
ลักษณะแตกตา่ งไปจากตน
4. การเตรียมผู้สังเกตการณ์ ผู้สอนควรเตรียมผรู้ ับชมและทำความเข้าใจกับผู้ชมว่า การแสดงบทบาทสมมติ
จดั ขนึ้ มใิ ช่มุง่ ท่คี วามสนกุ แต่มงุ่ ทจ่ี ะให้เกดิ การเรยี นรเู้ ปน็ สำคัญ
5. การแสดง เมอื่ ผู้สอนให้เรม่ิ การแสดงและสังเกตการแสดงอย่างใกลช้ ิด ไม่ควรมีการขัดการแสดงกลางคัน
นอกจากกรณีที่มีปัญหาเม่ือการแสดงออกนอกทาง ผู้สอนอาจจำเป็นต้องให้คำแนะนำบ้าง เมื่อการแสดงดำเนินไป
พอสมควรแล้ว ผสู้ อนควรตดั บท ยุติการแสดง ไม่ควรให้การแสดงยดื ยาว เย่ินเย้อ จะทำให้ผชู้ มเกดิ ความเบื่อหนา่ ย
6. การวิเคราะห์อภิปรายผลการแสดง เป็นข้ันตอนท่ีช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ท่ีชัดเจนตามวัตถุประสงค์
โดยให้ผู้เรียนอภิปรายความรู้ประเด็นต่าง ๆ ที่ได้จากการสังเกตการแสดง กรณีท่ีการอภิปรายเป็นไปอย่างมี
ประสิทธภิ าพ ผู้เรยี นเสนอแนะแนวคดิ และแนวทางอน่ื ๆ เพ่ิมเตมิ ทีแ่ ตกต่างไปจากเดมิ
เลือกใช้วิธีการสอนโดยใช้การอภิปรายกลุ่มย่อย (Small Group Discussion) เนื่องจากเป็นกระบวนการ
ที่ผู้สอนใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรยี นรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด โดยการจัดผู้เรียนเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ประมาณ
4-8 คน และให้ผู้เรียนในกลุ่มพูดคุยแลกเปล่ียนข้อมูล ความคิดเห็น และประสบการณ์ในประเด็นที่กำหนด และ
สรปุ ผลการอภปิ รายออกมาเป็นข้อสรปุ ของกลมุ่
การเรยี นรู้แบบใช้การอภิปรายกลุ่มย่อย จะช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรยี นร้อู ย่างทั่วถงึ มีโอกาส
แสดงความคิดเหน็ และแลกเปลีย่ นประสบการณ์ อนั จะชว่ ยให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรียนร้ใู นเรอ่ื งทเี่ รียนกวา้ งข้ึน
เลอื กใช้วิธกี ารสอนโดยใช้การบรรยาย (Lecture) เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ผ้สู อนใช้ในการช่วยให้ผเู้ รยี น
เกิดการเรียนรตู้ ามวัตถุประสงค์ท่ีกำหนด โดยการเตรียมเนื้อหาสาระ แล้วบรรยาย คือ พูด บอก เล่า อธิบายเนื้อหา
สาระหรอื ส่ิงที่ตอ้ งการสอนแกผ่ ู้เรียน และประเมนิ ผลการเรยี นรขู้ องผู้เรยี นดว้ ยวธิ ใี ดวธิ หี น่งึ
วิธีการสอนแบบการบรรยายจะเป็นวิธีการท่ีมุ่งช่วยให้ผู้เรียนจำนวนมากได้เรียนรู้เน้ือหาสาระหรือข้อความ
จำนวนมากพร้อม ๆ กันได้ในระยะเวลาที่จำกัด โดยอาศัยการเตรียมการท่ีดีของผู้สอนก่อนที่จะบรรยายแก่ผู้เรียน
และควรแสวงหาเทคนคิ ตา่ ง ๆ ทนี่ า่ สนใจ ทา้ ทายความคิด และเขา้ ใจไดง้ า่ ยประกอบการบรรยาย
เลือกใช้วิธีการสอนโดยเน้นการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning) เนื่องจากเป็นกระบวนการ
ที่ให้ผู้เรียนเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อย โดยมีสมาชิกกลุ่มท่ีมีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3-6 คน ช่วยกันเรียนรู้เพื่อ
ไปสู่เป้าหมายของกลมุ่ ซ่งึ มอี งค์ประกอบของการเรียนรูแ้ บบรว่ มมอื 5 ประการ ดังน้ี
1. การพึ่งพาและเก้อื กูลกนั (positive interdependence)
2. การปรกึ ษาหารอื กนั อยา่ งใกล้ชดิ (face-to-face promotive interaction)
3. ความรบั ผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิกแต่ละคน (individual accountability)
4. การใช้ทกั ษะการปฏสิ มั พันธ์ระหว่างบุคคลและทกั ษะการทำงานกลุ่มย่อย (interpersonal and small-
group skills)
5. การวเิ คราะหก์ ระบวนการกลมุ่ (group processing)
เทคนิคคู่คิด (think Pair Share) เป็นเทคนิคที่ให้ผู้เรียนจับคู่กัน 2 คน เพื่อแลกเปล่ียนหรือถ่ายทอดความรู้
ความเขา้ ใจ หรอื ความคดิ เห็นซงึ่ กนั และกนั ผา่ นการจัดการเรยี นรู้ทั้ง 3 ข้ันตอน คือ
ขนั้ ตอนท่ี 1 ครตู ง้ั ปัญหาหรอื คำถามเพอ่ื ให้นักเรยี นคดิ แนวทางการแก้ปัญหาหรือแนวคำตอบที่เป็นไปได้
ขั้นตอนท่ี 2 นักเรียนจับคู่กันเพื่อร่วมกันอภิปรายแลกเปล่ียนถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ หรือความคิดเห็น
ซึ่งกนั และกนั เพือ่ หาขอ้ สรุปท่ีกระชับของคู่ตนเอง
ขน้ั ตอนท่ี 3 ผเู้ รยี นนำเสนอขอ้ สรุปของคูต่ นเอง เพ่อื แลกเปลีย่ นความคดิ เห็นกับเพอื่ นร่วมช้ัน
เลือกใช้วธิ ีการสอนแบบการใช้คำถาม (Questioning Method) เนอื่ งจากเป็นกระบวนการทม่ี ่งุ พฒั นาทาง
ความคดิ ของผู้เรียน โดยผสู้ อนจะปอ้ นคำถามในลักษณะตา่ ง ๆ และให้ผู้เรียนใช้ความคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ หรือ
ประเมินคา่ คำถามน้นั เพอ่ื ท่ีจะตอบคำถามเหลา่ นั้นได้อย่างเหมาะสม
วธิ กี ารสอน (Teaching Method)
ผู้จัดทำเลือกใช้วิธีสอนท่ีหลากหลาย เช่น การอภิปราย การใช้สถานการณ์จำลอง การใช้เกม เพื่อส่งเสริม
การเรียนรู้ให้เกิดประสิทธิภาพมากท่ีสุด และยังมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกดิ องค์ความรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ โดยการคิด
และลงมือปฏบิ ตั ิ ซงึ่ จะชว่ ยใหผ้ ้เู รียนมีความรู้และเกิดทักษะท่คี งทน
เทคนคิ การสอน (Teaching Technique)
ผู้จัดทำเลือกใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายและเหมาะสมกับเรื่องที่เรียน เช่น การตั้งคำถาม การยกตัวอย่าง
การใช้ส่ือการเรียนรู้ที่น่าสนใจ เพื่อส่งเสริมวิธีการสอนและรูปแบบการสอนให้มีประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้ให้
มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข สามารถปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และสามารถฝึกทักษะการเรยี นรู้และทักษะการปฏบิ ัติเก่ยี วกับงานต่าง ๆ ในศตวรรษท่ี 21
*ทศิ นา แขมมณ,ี ศาสตรก์ ารสอน : องค์ความร้เู พอ่ื การจัดกระบวนการเรียนรูท้ ี่มีประสทิ ธภิ าพ (กรงุ เทพมหานคร : สำนกั พิมพจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ,
2562).
โครงสร้างแผนการจัดการเรยี นร้รู
หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ วิธีสอน/วธิ กี ารจดั
แผนฯที่ 1 การรวบรวมข้อมลู กจิ กรรมการเรียนรู้
1. การจัดการขอ้ มูล 1. รปู แบบการสอน
และสารสนเทศ แบบการอภิปราย
2. วิธีการสอนแบบกระบวนกา
กลุ่ม (Group Process)
แผนฯท่ี 2 การประมวลผลขอ้ มลู 1. รูปแบบการสอน
แผนฯที่ 3 แบบการอภิปราย
การใชซ้ อฟตแ์ วร์
ในการจัดการข้อมลู 2. วธิ กี ารสอนแบบกระบวนกา
กลมุ่ (Group Process)
3. วธิ ีการสอนโดยใช้แนวคดิ
เชิงคำนวณ (Computation
Thinking)
1. รปู แบบการสอน
แบบการอภปิ ราย
2. วิธกี ารสอนแบบกระบวนกา
กลุ่ม (Group Process)
รายวิชาเพิม่ เติม คอมพิวเตอร์ ม.3
เวลา 40 ชั่วโมง
ทกั ษะทีไ่ ด้ การประเมนิ เวลา
1. ทักษะการทำงานร่วมกนั (ชัว่ โมง)
2. ทกั ษะการสอื่ สาร
าร 1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น 2
1. ทักษะการคดิ วิจารณญาณ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การจดั การขอ้ มลู
2. ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั
าร 3. ทักษะการสื่อสาร และสารสนเทศ
nal 2. ตรวจใบงานท่ี 1.1.1 เรือ่ ง อาชีพ
ในอนาคต
3. ตรวจแบบฝกึ หัดรายวิชาพน้ื ฐาน
วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1
เรื่อง การจดั การขอ้ มูลและสารสนเทศ
1. ตรวจแบบฝกึ หดั รายวชิ าพ้ืนฐาน 4
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1
เร่ือง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ
2. การประเมนิ การทำแบบฝกึ หดั
1. ทกั ษะการคดิ วิจารณญาณ 1. ประเมินการนำเสนออาชพี 3
2. ทักษะการทำงานร่วมกัน 2. ประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์
าร 3. ทักษะการสื่อสาร 3. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 การจดั การขอ้ มลู
และสารสนเทศ
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน/วธิ กี ารจัด
กจิ กรรมการเรียนรู้
2. ความน่าเชื่อถือ แผนฯที่ 1 การสืบค้น 1. รูปแบบการสอน
ของข้อมลู เพอื่ หาแหล่งข้อมลู แบบการอภิปราย
2. วิธกี ารสอนโดยเนน้ การเรยี น
แบบร่วมมอื (Collaborativ
learning) – เทคนคิ คู่คิด
(Think Pair Share)
แผนฯที่ 2 การประเมิน 1. รปู แบบการสอน
ความน่าเชือ่ ถือ แบบการอภปิ ราย
ของขอ้ มูล
2. วิธกี ารสอนแบบกระบวนกา
แผนฯท่ี 3 การร้เู ท่าทนั สือ่ กลุ่ม (Group Process)
1. รูปแบบการสอน
แบบการอภปิ ราย
ทักษะทไ่ี ด้ การประเมนิ เวลา
(ชั่วโมง)
1. ทกั ษะการส่ือสาร 4. ประเมินช้นิ งาน/ภาระงานรวบยอด
2. ทักษะการทำงานร่วมกนั เรื่อง - 2
นรู้
ve 1. ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 4
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 ความนา่ เชอ่ื ถอื 2
1. ทกั ษะการสอื่ สาร ของข้อมูล
2. ทักษะการทำงานรว่ มกนั
าร 2. ตรวจใบงานที่ 2.1.1 เรอื่ ง คำไหน
1. ทกั ษะการส่ือสาร เร็วกว่ากนั
2. ทักษะการทำงานรว่ มกัน
3. ตรวจแบบฝึกหดั รายวิชาพื้นฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ
คำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2
เร่ือง ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มูล
4. การประเมินการทำแบบฝกึ หดั
1. ตรวจแบบฝึกหัดรายวชิ าพน้ื ฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ
คำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2
เรอื่ ง ความนา่ เชื่อถือของข้อมูล
1. ตรวจแบบฝกึ หัดรายวชิ าพืน้ ฐาน
วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2
เร่อื ง ความนา่ เชอื่ ถอื ของข้อมลู
2. ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
3. ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 ความน่าเชอ่ื ถือ
ของข้อมลู
หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ วิธสี อน/วธิ ีการจดั
กจิ กรรมการเรียนรู้
3. เทคโนโลยีสารสนเทศ แผนฯท่ี 1 การใช้งานเทคโนโลยี 1. รปู แบบการสอน
สารสนเทศ แบบการอภปิ ราย
2. วิธกี ารสอนแบบการใชค้ ำถา
(Questioning Method)
แผนฯที่ 2 กฎหมายคอมพวิ เตอร์ 1. รูปแบบการสอน
และลิขสิทธ์ิ แบบการอภิปราย
2. วธิ กี ารสอนแบบกระบวนกา
กลมุ่ (Group Process)
ทกั ษะที่ได้ การประเมนิ เวลา
(ชว่ั โมง)
4. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
เร่อื ง -
1. ทักษะการสอ่ื สาร 1. ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 3
2. ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เทคโนโลยี
าม 3. ทกั ษะการคิดวจิ ารณญาณ สารสนเทศ
2. ตรวจใบงานท่ี 3.1.1 เรือ่ ง การซอ้ื สนิ ค้า
ออนไลน์อยา่ งปลอดภัย
3. ตรวจแบบฝกึ หดั รายวิชาพ้นื ฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ
คำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3
เรอ่ื ง เทคโนโลยีสารสนเทศ
1. ทกั ษะการส่ือสาร 1. ตรวจใบงานท่ี 3.2.1 เรือ่ ง ใครมคี วามผดิ 4
2. ทักษะการทำงานรว่ มกัน 2. ตรวจแบบฝกึ หดั รายวิชาพน้ื ฐาน
าร 3. ทักษะการคดิ วิจารณญาณ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ
คำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3
เรอ่ื ง เทคโนโลยสี ารสนเทศ
3. ประเมนิ การนำเสนอ Activity
4. ประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์
5. ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เทคโนโลยี
สารสนเทศ
6. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
เรื่อง -
หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ วธิ สี อน/วิธีการจัด
4. แอปพลเิ คชนั กิจกรรมการเรียนรู้
แผนฯท่ี 1 แนวคดิ และ 1. วิธีการสอนแบบการใช้คำถา
องค์ประกอบของ IoT (Questioning Method)
2. วิธีการสอนโดยใช้แนวคิด
เชิงคำนวณ (Computation
Thinking)
แผนฯที่ 2 ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใช้ 1. รปู แบบการสอน
ในการพฒั นา แบบการอภปิ ราย
แอปพลเิ คชนั
2. วิธกี ารสอนแบบกระบวนการ
กลมุ่ (Group Process)
3. วิธกี ารสอนโดยใช้การแสดง
บทบาทสมมติ (Role Playin
4. วธิ กี ารสอนโดยใชแ้ นวคิด
เชงิ คำนวณ (Computation
Thinking)
ทักษะทไ่ี ด้ การประเมนิ เวลา
าม 1. ทักษะการสอื่ สาร (ชั่วโมง)
1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น
2. ทักษะการทำงานรว่ มกนั หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 แอปพลเิ คชนั 4
3. ทักษะความคดิ สร้างสรรค์
nal 2. ตรวจแบบฝกึ หดั รายวิชาพ้ืนฐาน 4
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ
1. ทักษะการสอ่ื สาร คำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4
2. ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน เร่อื ง แอปพลเิ คชัน
ร 3. ทกั ษะความคดิ สร้างสรรค์
3. ประเมินการนำเสนองานกลมุ่
ng) 4. ประเมินแบบฝึกหดั เร่ือง เทคโนโลยี IoT
nal
(แนวคดิ และองคป์ ระกอบของ IoT)
5. ประเมนิ แบบฝึกหดั เรอ่ื ง เทคโนโลยี IoT
(การออกแบบแนวคดิ ในการพฒั นา
เทคโนโลยี IoT)
1. ตรวจแบบฝกึ หดั รายวิชาพนื้ ฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4
เรอื่ ง แอปพลเิ คชัน
2. ประเมินแบบฝกึ หดั เร่ือง แอปพลเิ คชัน
(ออกแบบการพัฒนาแอปพลิเคชนั )
3. ประเมินการนำเสนองานกลมุ่
(ออกแบบแนวคิดการพัฒนา
แอปพลเิ คชัน)
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ วิธสี อน/วธิ กี ารจัด
กจิ กรรมการเรยี นรู้
แผนฯที่ 3 ซอฟต์แวร์ทใ่ี ช้ 1. รูปแบบการสอนแบบบรรยา
ในการพฒั นา (Lecture)
แอปพลเิ คชนั (2) 2. วิธีการสอนโดยใชแ้ นวคดิ
เชิงคำนวณ (Computation
Thinking)
หมายเหตุ : 2 ช่วั โมงท่หี ายไปให้ใช้สำหรบั การสอบกลางภาคหรือการสอบปลายภาค ท้ังน
ทักษะทีไ่ ด้ การประเมิน เวลา
(ชัว่ โมง)
าย 1. ทักษะการสื่อสาร 1. ตรวจใบงานท่ี 4.3.1 เรื่อง ตวั แปรและ
2. ทักษะการทำงานร่วมกัน ตวั ดำเนินการ 6
3. ทักษะการคดิ วจิ ารณญาณ
2. ตรวจใบงานที่ 4.3.2 เร่อื ง การใช้คำสัง่
nal แสดงผลอินพุตและเอาต์พตุ
3. ตรวจใบงานท่ี 4.3.3 เรื่อง การทำงาน
แบบมีเง่อื นไข
4. ตรวจใบงานที่ 4.3.4 เร่อื ง การทำซำ้
5. ประเมนิ ชิ้นงาน (ออกแบบและ
เขียนโปรแกรมหรอื แอปพลเิ คชนั
ดว้ ยภาษา Python)
6. ประเมนิ การนำเสนอ
(ออกแบบและเขยี นโปรแกรมหรอื
แอปพลเิ คชันด้วยภาษา Python)
7. ประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
8. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 แอปพลเิ คชนั
9. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
เรอ่ื ง -
น้ียดื หยุ่นได้ตามดลุ ยพินจิ ของครผู ู้สอน
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1
การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ
เวลา 9 ชั่วโมง
1. ผลการเรียนรู้
1. เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ
2. เพื่อให้ผเู้ รียนมที ักษะการคิดเชงิ คำนวณ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหาเปน็ ข้นั ตอน และเปน็
ระบบ
3. เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นมีทักษะในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ รกั ษาขอ้ มลู ส่วนตวั และการส่อื สารเบื้องตน้
ในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชวี ิตจรงิ ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
4. เพอื่ ให้ผเู้ รยี นนำความรู้ความเขา้ ใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึน้ ไปใช้ให้เกดิ
ประโยชนต์ อ่ สงั คมและการดำรงชีวิต
5. เพอ่ื ให้ผ้เู รียนพฒั นากระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและการ
จัดการทกั ษะในการส่ือสาร ความสามารถในการตดั สินใจ
6. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นเปน็ ผมู้ จี ิตวิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ มในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละ
เทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์
2. สาระการเรยี นรู้
2.1 สาระการเรียนร้แู กนกลาง
1) การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมลู ปฐมภมู แิ ละทตุ ยิ ภมู ิ ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมนิ ผล
จะทำให้ได้สารสนเทศเพ่ือใชใ้ นการแก้ปัญหาหรือการตัดสินใจได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ
2) การประมวลผลเปน็ การกระทำกบั ข้อมลู เพื่อให้ได้ผลลพั ธท์ ี่มคี วามหมายและมีประโยชน์ตอ่
การนำไปใชง้ าน
3) การใชซ้ อฟตแ์ วร์หรอื บริการบนอินเทอรเ์ น็ตทีห่ ลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล
สร้างทางเลือก ประเมนิ ผล นำเสนอ จะช่วยใหแ้ กป้ ัญหาได้อยา่ งรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ
4) ตัวอย่างปัญหา เช่น การเลอื กโปรโมชันโทรศพั ท์ใหเ้ หมาะกับพฤติกรรมการใชง้ าน สินค้าเกษตร
ที่ตอ้ งการและสามารถปลูกได้ในสภาพดนิ ของท้องถ่นิ
3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การรวบรวมขอ้ มูล เปน็ ข้นั ตอนท่สี ำคญั ทีส่ ดุ ของการจัดการข้อมลู และสารสนเทศ ดังนน้ั ควร
มคี วามเข้าใจเก่ียวกบั ลักษณะและประเภทของข้อมูล ตลอดจนวธิ กี ารรวบรวมข้อมลู เพื่อจะได้นำไป
ประยุกตใ์ ช้ได้ อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับงานของตน หากพิจารณาถึงประเภทของข้อมูลสามารถแบง่ ได้
เป็น 2 กลุ่มตามแหลง่ ที่มาของข้อมลู ได้แก่ ขอ้ มูลปฐมภูมแิ ละขอ้ มูลทุตยิ ภมู ิ
การประมวลผลข้อมูล หมายถึง วธิ กี ารจดั การกับข้อมูลดว้ ยการ คำนวณหรือการเปรียบเทยี บ
เพอ่ื ใหข้ อ้ มลู อยู่ในรูปแบบทเ่ี ปน็ ประโยชน์ตรงตามความต้องการ โดยการประมวลผลข้อมลู สามารถ
แบง่ ตามอปุ กรณท์ ใี่ ช้ได้ 3 ประเภท คือ การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ การประมวลผลขอ้ มลู ดว้ ย
เครื่องจักรกลและการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์
การจัดการข้อมลู และสารสนเทศมีการนำซอฟต์แวรต์ า่ ง ๆ มาชว่ ยในการจัดการข้อมลู โดยมีท้ัง
ซอฟต์แวร์ทใ่ี ชใ้ นการรวบรวมขอ้ มูล ซอฟต์แวรท์ ่ีใชใ้ นการประมวลผลขอ้ มูล และซอฟตแ์ วร์ท่ใี ชใ้ นการ
นำเสนอข้อมูล เพ่ือการจดั การข้อมลู และสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มวี ินยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 3. มุ่งมั่นในการทำงาน
4. มจี ิตสาธารณะ
5. ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง -
6. การวัดและการประเมินผล
รายการวัด วธิ วี ดั เครื่องมอื เกณฑ์การประเมนิ
6.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
- แบบทดสอบก่อนเรียน กอ่ นเรยี น กอ่ นเรียน
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1
เรอื่ ง การจัดการข้อมูลและ
สารสนเทศ
6.2 การประเมินระหวา่ งการจัด - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหัด(วิทยาการ ระดับคุณภาพ 2
กจิ กรรม Exercise หนา้ 3–6 คำนวณ) ม.3 ผา่ นเกณฑ์
1) การรวบรวมข้อมูล - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1
เร่อื ง อาชีพในอนาคต เรอื่ ง การจดั การ
(ขอ้ 1) ข้อมูลและสารสนเทศ
- ตรวจใบงานที่ 1.1.1 หนา้ 3–6
เรื่อง อาชีพในอนาคต - แบบประเมนิ ใบงาน
(ข้อ 3) ที่ 1.1.1 เร่ือง อาชีพ
- ประเมินการนำเสนอ ในอนาคต
เรื่อง การใช้เหตุผลเชิง
ตรรกะในชีวิตประจำวัน
2) การประมวลผลข้อมูล - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหดั (วิทยาการ ระดับคุณภาพ 2
Exercise หน้า 7–10 คำนวณ) ม.3 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หัด หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1
รายการวดั วธิ วี ัด เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
Activity หน้า 13
3) การใช้ซอฟตแ์ วร์ - การตอบคำถาม เรอื่ ง การจัดการ
ในการจัดการข้อมูล
และสารสนเทศ - ประเมินการนำเสนอ ขอ้ มูลและสารสนเทศ
อาชีพ
4) คณุ ลกั ษณะ - แบบประเมนิ
อันพงึ ประสงค์ - สงั เกตความมวี ินยั
ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มน่ั การทำแบบฝึกหัด
6.3 การประเมินหลังเรียน ในการทำงาน และ
1) แบบทดสอบหลังเรียน มจี ิตสาธารณะ - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 - ตรวจแบบทดสอบ
เรื่อง การจัดการข้อมูล หลังเรยี น การนำเสนออาชีพ ผา่ นเกณฑ์
และสารสนเทศ
2) การประเมินชิน้ งาน/ - ตรวจช้นิ งาน/ - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2
ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์
เรอ่ื ง - อนั พึงประสงค์
- แบบทดสอบ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
หลงั เรียน
- แบบประเมินชิ้นงาน/ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอื่ ง การจัดการขอ้ มูลและสารสนเทศ
เร่ืองที่ 1 : การรวบรวมข้อมูล เวลา 2 ชัว่ โมง
วธิ กี ารสอนแบบการอภปิ ราย
วธิ ีการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม
ข้ันนำ (10 นาท)ี
1. ครสู อบถามนักเรียนวา่ “ในภาคเรยี นทผี่ า่ นมา นักเรียนชอบวิชาไหนมากทส่ี ดุ เพราะอะไร”
(ครสู มุ่ ถามนกั เรยี น 4 – 5 คน)
2. จากนนั้ ครถู ามต่อว่า “คำถามทีค่ รูถามข้างตน้ เปน็ ลักษณะของข้อมลู ประเภทไหน”
(แนวคำตอบ ข้อมูลปฐมภูมิ)
ขน้ั สอน (30 นาที)
1. ครูทบทวนความรูน้ ักเรียน โดยการถามคำถาม ถ้าเราพิจารณาข้อมลู ตามแหลง่ ทม่ี าของขอ้ มลู สามารถแบ่ง
ขอ้ มูลได้ก่ปี ระเภท อะไรบา้ ง (นักเรียนได้เรยี นเรอ่ื ง การจัดการข้อมลู และสารสนเทศในระดับชน้ั ม.1)
(แนวคำตอบ 2 ประเภท คือ ขอ้ มลู ปฐมภูมิและข้อมลู ทตุ ิยภมู )ิ
2. ครูอธิบายกับนักเรียนวา่ ขอ้ มลู แต่ละประเภทมีลกั ษณะต่างกัน การรวบรวมข้อมูลจึงต่างกนั
3. ครูใหน้ ักเรยี นเปดิ ในหนังสือเรยี นวิชา เทคโนโลยี(วทิ ยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 หน้า 3 – 5 และ
อธบิ ายการรวบรวมข้อมลู ปฐมภูมิ สามารถทำไดด้ ังนี้ การสัมภาษณ์สว่ นบุคคล การสมั ภาษณ์ทางโทรศพั ท์
การใช้แบบสอบถาม และการสังเกต (ให้นักเรยี นศึกษาวิธกี ารรวบรวมข้อมลู ปฐมภมู ิเพ่มิ เติมในหนังสือเรียน
อจท. หนา้ 3 – 5)
4. ครูถามนักเรียนว่า ในตอนต้นชั่วโมงครถู ามเรื่องวชิ าท่ีนกั เรียนชอบมากที่สุด เพราะอะไร เปน็ การเก็บ
รวบรวมขอ้ มลู แบบใด
(แนวคำตอบ การสมั ภาษณส์ ว่ นบุคคล)
5. ครอู ธิบายการรวบรวมข้อมูลทตุ ิยภูมิ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี
3 หน้า 6 ในการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งทุติยภมู ิสามารถแบ่งออกได้ 2 รปู แบบ ไดแ้ ก่ ขอ้ มลู จาก
แหล่งข้อมูลภายในและขอ้ มูลจากแหล่งข้อมลู ภายนอก (ให้นักเรียนศึกษาวิธีการรวบรวมขอ้ มูลทุตยิ ภูมิ
เพ่มิ เติมในหนังสอื เรียน)
6. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบฝกึ Exercise ในหนงั สือแบบฝกึ หัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 3 – 6 เพ่ือ
ตรวจสอบความเขา้ ใจ
ชว่ั โมงท่ี 2
ขั้นสอน (40 นาที)
7. ครูสนทนากับนักเรยี นว่า “ในคาบท่ีแลว้ นักเรยี นรวู้ ่าตัวเองชอบวิชาอะไร คาบน้เี รามาจะมาดวู ่าสาขาที่
นักเรยี นอยากเรียนต่อและอาชีพที่อยากทำอนาคต จะสมั พันธก์ ันหรือไม่”
8. ครสู นทนากบั นักเรียนในการจดั การข้อมลู อย่างใดอย่างหนึ่ง เราต้องเลอื กวธิ ใี หเ้ หมาะสมกบั วัตถปุ ระสงค์ท่ี
เราจะใชง้ าน ตัง้ แต่เลอื กวิธกี ารรวบรวมขอ้ มูล วธิ กี ารประมวลผล และการนำเสนอข้อมูล จากนนั้ ครใู ห้
นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน
9. ครูแจกใบงานท่ี 1.1.1 เรื่อง อาชพี ในอนาคต ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มรวบรวมข้อมูลของนกั เรยี นช้ัน
มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 จำนวน 20 คน ข้ึนไป ตามหวั ข้อที่กำหนดให้ (กลุม่ ประชากรที่แตล่ ะกล่มุ รวบรวมขอ้ มูล
ไมค่ วรซ้ำกนั )
10. จากนั้นครใู หน้ ักเรยี นวางแผนวิธกี ารรวบรวมขอ้ มลู ทเี่ หมาะสม โดยนกั เรยี นสามารถเลอื กเพ่ือนต่างหอ้ งได้
ใช้คาบพักเท่ยี งในการรวบรวมขอ้ มูลกล่มุ เป้าหมายทนี่ ักเรียนตอ้ งการได้ เช่น นกั เรียนต่างห้อง เพื่อไม่ให้
กระทบการเรยี นของนักเรียนหอ้ งอื่น
ข้ันสรุป (10 นาท)ี
1. ครูใหน้ ักเรยี นร่วมกันอภิปรายถึงความสำคัญของวิธีการรวบรวมขอ้ มลู
2. ครสู นทนากับนักเรยี นวา่ ถ้านักเรยี นรวบรวมขอ้ มูลเสร็จแลว้ ขั้นตอนตอ่ ไปจะตอ้ งนำข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ไป
ประมวลผล ซึ่งในคาบถดั ไป เราจะมาเรยี นรู้เร่ือง การประมวลผลข้อมูล เพื่อใหข้ ้อมลู นั้นอยู่ในรูปแบบทมี่ ี
ประโยชน์และตรงตามวตั ถุประสงค์การใช้งาน
เรอื่ งที่ 2 : การประมวลผลข้อมูล เวลา 4 ชวั่ โมง
วธิ กี ารสอนแบบการอภิปราย
วิธกี ารสอนแบบกระบวนการกลุ่ม
เทคนิคตามแนวคิดเชงิ คำนวณ
ขน้ั นำ (10 นาที)
1. ครูสอบถามว่าจากการสำรวจข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างในคาบที่แล้ว แต่ละกลุ่มใช้วิธีการรวบรวมข้อมูลแบบ
ใดบ้าง
(แนวคำตอบ การสัมภาษณส์ ว่ นบุคคล การสมั ภาษณ์ทางโทรศพั ท์ การใชแ้ บบสอบถาม)
2. ครูสนทนากบั นักเรียนว่า เราสามารถนำขอ้ มูลนั้นมาใช้เลยไดห้ รอื ไม่
(แนวคำตอบ ได้แตไ่ มส่ ะดวกตอ่ การใชง้ าน เพราะฉะน้ันเราจะต้องนำข้อมูลมาประมวลผลกอ่ น)
ขน้ั สอน (40 นาท)ี
1. ครูอธิบายการประมวลผลข้อมูลในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3
หน้า 7 การประมวลผลข้อมูลเป็นวิธีการจัดการกับข้อมูล อาจเป็นการคำนวณหรือการเปรียบลักษณะต่าง
ๆ เพ่ือให้ข้อมูลน้ันอยู่ในรูปแบบที่มีประโยชน์ตรงกับจดุ ประสงค์ของผู้ใช้งาน ซ่ึงการประมวลผลข้อมูลแบ่ง
ออกตามอุปกรณ์ท่ีใช้ได้ 3 ประเภท คือ การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ การประมวลผลข้อมูลด้วย
เครือ่ งจกั รกล และการประมวลผลขอ้ มูลดว้ ยคอมพิวเตอร์
2. จากนั้นครูอธิบาย “การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ” ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้น
มธั ยมศึกษาปีที่ 3 หนา้ 7
3. ครูสนทนาว่าจากข้อมูลท่ีให้ไปรวบรวมข้อมูลในกิจกรรมอาชีพในฝัน ให้นักเรียนนำข้อมูล อาชีพที่อยากทำ
ในอนาคตมาจดั อนั ดบั โดยการนำขอ้ มลู ของกลุ่มตนเองมาจัดอนั ดับอาชีพท่มี คี นอยากทำมากทส่ี ุด 5 อันดบั
4. ครูให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนออาชีพ 5 อันดับแรกจากการรวบรวมข้อมูลของกลุ่มตนเอง (ระหว่างที่
นักเรยี นนำเสนอ ครจู ดขอ้ มูลของแต่ละกลุ่มบนกระดาน หรอื พมิ พ์ลงบนExcel)
5. ครูถามนักเรียนว่าวิธีการจัดการกับข้อมูลที่รวบรวมได้จากเพื่อน 20 คนในคาบท่ีแล้วเป็นการประมวลผล
ประเภทใด เพราะอะไร
(แนวคำตอบ การประมวลผลข้อมูลด้วยมอื เพราะขอ้ มลู น้อยคำนวณดว้ ยตนเองได้)
ชวั่ โมงที่ 2
ข้ันส1อ.น (50 นาท)ี
6. ครสู นทนากบั นกั เรยี นว่า คาบทผ่ี า่ นมานกั เรยี นได้ประมวลผลขอ้ มลู ด้วยมือ เราทราบอยแู่ ล้วว่าการ
ประมวลผลขอ้ มลู สามารถทำได้หลายวิธี จากนน้ั ครูอธบิ าย “การประมวลผลข้อมูลด้วยเคร่อื งจักรกล” ใน
หนังสอื เรยี นวชิ า เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 หนา้ 7
7. ครูยกตัวอย่างการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องจักรกล เช่น เคร่ืองคิดเลขในมินิมาร์ทที่เป็นเครื่องทำบัญชี
อาชพี นกั บญั ชที ่ตี อ้ งมกี ารคำนวณเกี่ยวกับเงินซง่ึ ต้องการความแม่นยำสูงจะมเี ครือ่ งทำบญั ชีเขา้ มาช่วยทำให้
การคำนวณแม่นยำมากขน้ึ โดยการทำงานของเคร่ืองกจ็ ะมฟี ังก์ช่ันต่าง ๆ ทสี่ ะดวกต่อการคำนวณตวั เลข
8. ครูตัง้ คำถามว่าหากข้อมลู ทีเ่ ราต้องการประมวลผลมจี ำนวนทีม่ ากขนึ้ จนไมส่ ามารถประมวลได้เอง เราจะมี
วธิ ีการแก้ปญั หาอยา่ งไร
(แนวคำตอบ ใช้คอมพิวเตอร์มาชว่ ยในการประมวลผลขอ้ มลู ทำให้ไดข้ อ้ มลู ท่ีรวดเร็ว)
9. ครูยกตัวอย่างว่าในแต่ละเทอมเราจะต้องตัดเกรด และในขั้นตอนการตัดเกรดมีคะแนนที่ต้องคำนวณหลาย
อย่าง ซ่ึงครูส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการประมวลผลข้อมูล จะแม่นยำกว่าและ
ประมวลผลเรว็ กวา่
10. ครูสอบถามว่านักเรียนทราบหรือไม่การประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอรม์ ีลำดับข้ันตอนออย่างไร (แนว
คำตอบ ขนั้ ตอนท่ี 1 การนำเขา้ ข้อมูล ขนั้ ตอนท่ี 2 การประมวลผลขอ้ มูล ขั้นตอนท่ี 3 การแสดงผล)
11. จากนั้นครูอธิบายลำดับการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ
คำนวณ) ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 8
12. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 7 – 10
เพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจ
ช่วั โมงที่ 3
ขน้ั ส1อ.น (50 นาที)
13. ครูอธิบายวิธีการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี 3 หน้า 9 – 10 ซึ่งวิธีการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ แบ่งเป็น 2 วิธี ดังนี้ การ
ประมวลผลแบบแบตช์ และการประมวลผลแบบอินเทอร์แอ็กทิฟ (ครูยกตัวอย่างในหนังสือเรียน แล้ว
ให้นักเรยี นศกึ ษาเพ่มิ เติมจากหนังสอื เรียน)
14. จากนั้นครูอธบิ ายเนื้อหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลย(ี วิทยาการคำนวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 11
– 13 กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ มีวิธีในการประมวลผลหลายวิธี ได้แก่ 1) การ
คำนวณ 2) การจัดเรียงข้อมูล 3) การจัดกลุ่มข้อมูล 4) การสืบค้นข้อมูล 5) การรวบรวมข้อมูล 6) การ
สรุปผล 7) การทำรายงาน 8) การบันทึก 9) การปรับปรุงข้อมูล 10) การสำเนาข้อมูล 11) การสำรอง
ข้อมลู 12) การกขู้ ้อมลู 13) การสื่อสารขอ้ มลู 14) การบบี อัดขอ้ มูล
15. ครยู กตัวอย่างกรรมวิธใี นการประมวลผลขอ้ มูลด้วยคอมพวิ เตอรบ์ างข้อให้นักเรยี นฟัง
1) การคำนวณข้อมลู เชน่ การนำระดบั เกรดของแต่ละวิชามาคำนวณเพื่อหาเกรดเฉลี่ย
2) การจดั เรยี งขอ้ มูล เช่น การเรียงลำดับจากนอ้ ยไปมาก การเรยี งตัวอักษร
3) การจดั กลุ่มขอ้ มลู เช่น สรุปข้อมลู ผลการเรียนนกั เรยี นตามชั้นของนักเรยี น เชน่ เกรดเฉลยี่ นกั เรียนชั้น
มัธยมศึกษาปที ่ี 3
4) การสืบค้นข้อมูล เช่น ครูค้นหาข้อมลู ผลการเรยี นนกั เรยี นจากชอื่ คน้ หาข้อมลู นกั เรียจากรหัสนักเรียน
5) การรวมขอ้ มลู เช่น การนำประวัตกิ ารเขา้ แถวมารวมกบั ประวัตผิ ลการเรยี น
16. ครูสนทนากับนักเรียนว่าจากคาบเรียนที่แล้วเราพูดถึงข้ันตอนการประมวลผลข้อมูลมี 3 ข้ันตอน จากน้ัน
ให้นักเรียนศึกษารายละเอียดในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
หน้า 14 – 17
17. ครูต้ังคำถามว่า จากตัวอย่างในหนังสือเรียน หน้า 15 – 17 ให้นักเรียนยกตัวอย่างประโยชน์ของการ
ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ถ้าสมมติเราต้องการเก็บข้อมูลเพื่อทำโปรโมชันลูกค้าร้านสะดวกซื้อ
เราควรรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง ควรจัดกลุ่มข้อมูลแบบไหน ประมูลผลข้อมูลออกมาในรูปแบบใด เพื่อให้
ง่ายต่อการเรยี กใช้งาน ใหน้ กั เรียนตอบคำถามลงสมุด
(แนวคำตอบ สร้างแบบสอบถามเพ่ือให้ลูกค้ากรอกข้อมูลท่ีจำเป็นต้องใช้ เช่น ชื่อ – นามสกุล อายุ ท่ีอยู่
ปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์ e-mail ความสนใจต่าง ๆ เช่น สนใจผลิตภัณฑ์ความสวยความงาม สนใจ
ผลิตภัณฑ์สุภาพ เป็นต้น จากน้ันเรานำมาสร้างรหัสเพื่อง่ายต่อการค้นหา เช่น ลูกค้าที่สมัครคนแรกของ
รา้ น S ต้ังรหัสเป็น S620001 หมายถึงสมัครปี62คนท่ี0001 เป็นต้น แล้วนำมากลุ่มข้อมูล เช่น เขตพ้ืนที่
เดียวกัน กลุ่มช่วงอายุ กลุ่มความสนใจ เป็นต้น เวลาเรียกใช้งานสามารถพิมพ์ค้นหาตามคีย์เวิร์ด เช่น
ต้องการส่งe-mail จัดโปรโมชนั ความสวยความงามให้กับลูกค้าท่สี นใจผลติ ภัณฑ์ด้านน้ี เราสามารถสืบค้น
ไดจ้ ากท่ีเราจดั กลุ่มลกู ค้าไว้ )
18. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด Activity ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 13 เพื่อ
ตรวจสอบความเข้าใจ
ชั่วโมงท่ี 4
ข้นั ส1อ.น (40 นาที)
18. ครูสุ่มนักเรียนเพ่ือยกตัวอย่าง กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ในแต่ละวิธี เพื่อเป็นการ
ทบทวนความรคู้ าบทผ่ี ่านมา
19. ครูถามคำถามนักเรียนว่า ในการเลือกศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอุดมศึกษาเรา
ควรตอ้ งคำนึงขอ้ มูลด้านใดบา้ ง
(แนวคำตอบ วชิ าท่ีเราถนัด คณะท่ีเราสนใจใหส้ อดคลอ้ งกับอาชพี ทเี่ ราอยากทำ)
20. ครูสนทนากับนักเรียนวา่ จากข้อมูลท่ีนักเรียนจัดอันดับอาชีพที่มีคนอยากทำมากท่ีสุด 5 อันดับ (กิจกรรม
ในชั่วโมงที่ 1) ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลว่าถ้าทำงาน 5 อาชีพนี้นักเรียนควรเรยี นคณะอะไร ค่าเทอมเท่าไร
รวบรวมข้อมูลอย่างน้อย 6 มหาวิทยาลัยข้ึนไป จากนั้นหาค่าเฉลี่ยค่าเทอมว่าถ้าอยากทำอาชีพนี้ จะต้อง
เรียนคณะไหนและมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเท่าไรต่อเทอม (เพ่ือให้ให้นักเรียนได้เห็นความสำคัญการวางแผน
ค่าใชจ้ ่ายทจ่ี ะเกิดขึ้นในอนาคตในการเรียนคณะนนั้ ๆ)
21. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผน รวบรวมข้อมูล ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ (นักเรียน
สามารถเลอื กใชซ้ อฟตแ์ วร์ท่เี หมาะสมกับข้อมลู และความถนัดได้ เป็นความรู้ในระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1)
ขั้นสรุป (10 นาที)
1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายการประมวลผลข้อมูลแต่ละประเภท และวิธีการเลือกเครื่องมือในการ
ประมวลผลให้เหมาะสมกบั ขอ้ มูล
เรอื่ งท่ี 3 : การใช้ซอฟตแ์ วรใ์ นการจดั การขอ้ มลู และสารสนเทศ เวลา 3 ชั่วโมง
วธิ ีการสอนแบบการอภิปราย
วธิ กี ารสอนแบบกระบวนการกลุ่ม
ขั้นนำ (10 นาที)
1. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากคาบท่ีผ่านมาในการรวบรวมข้อมูลนักเรียนใช้เครื่องมือใดในการรวบรวมข้อมูล
บา้ ง
(แนวคำตอบ ใช้แบบสอบถาม ใชโ้ ปรแกรมExcel ใช้Google Forms)
2. ครูถามนักเรียนว่ากลุ่มท่ีใช้แบบสอบถาม หรือใช้วิธีการสัมภาษณ์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลน้ันต้องใช้
ระยะเวลาหน่ึงเพอื่ เก็บข้อมลู ต่อกล่มุ ตัวอย่างหน่ึงคน หากมีวธิ ีท่ีจะลดเวลาในข้ันตอนนล้ี งเพือ่ เอาเวลาไปใช้
ในการทำงานข้ันตอนอื่นทอ่ี าจมีประโยชน์กว่าจะส่งผลดตี ่อการทำงานหรือไม่ อย่างไร
(แนวคำตอบ ดีเพราะนำเวลาท่ีเหลือไปทำงานที่มีความซับซ้อนมากกว่า ดีเพราะลดเวลาในการรวบรวม
ข้อมูลอาจทำใหไ้ ดข้ ้อมลู ทีม่ ากขน้ึ เท่าตัว)
ข้ันสอน (40 นาที)
1. ครูอธบิ ายวา่ ซอฟต์แวรท์ ีใ่ ช้ในการรวบรวมข้อมลู มใี หเ้ ลือกใชง้ านหลากหลาย และมีความสำคญั ในขัน้ ตอน
การรวบรวมข้อมลู ที่มีปรมิ าณขอ้ มูลจำนวนมาก หรอื ต้องการความรวดเร็ว
2. ครอู ธบิ ายเน้อื หาในหนงั สือเรยี นวชิ า เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 หนา้ 18 เรือ่ ง
ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการรวบรวมขอ้ มูล เพื่อใชจ้ ดั เกบ็ รวบรวมข้อมลู ตามท่ีต้องการ โดยมีซอฟตแ์ วรท์ ่ีน่าสนใจ
ไดแ้ ก่ ซอฟตแ์ วรท์ ่ีตดิ ตั้งอย่บู นคอมพวิ เตอร์ เชน่ Microsoft word และซอฟตแ์ วร์ทใ่ี ช้งานผ่านอินเทอรเ์ นต็
เช่น Google Docs, Google Forms
3. ครูยกตัวอย่างซอฟตแ์ วรท์ ีใ่ ช้งานผา่ นอินเทอร์เน็ต คือ Google Forms เปน็ ซอฟต์แวร์ท่ถี กู ใช้งานอยา่ ง
แพรห่ ลาย ใช้งานงา่ ยและมปี ระโยชนใ์ นการทำงาน โดยครูใหน้ กั เรยี นทดลองเปน็ ผู้ตอบแบบสอบถามใน
กิจกรรมต่อไป เพอื่ เปน็ ตัวอย่างการจดั การขอ้ มลู และสารสนเทศ
4. ครสู อบถามนักเรียนว่าจากตัวอย่างท่คี รูใช้งาน Google Forms นกั เรยี นคิดว่ามีข้อดีอยา่ งไรบา้ ง
(แนวคำตอบ ใชง้ านงา่ ย ประมวลผลใหท้ นั ที นำแผนภมู ไิ ปนำเสนองานไดท้ นั ที)
5. ครอู ธิบายความสำคัญการเลือกใชซ้ อฟต์แวร์ท่เี หมาะกบั งาน และวตั ถุประสงค์ เชน่ ตัวอย่างการรวบรวบ
ขอ้ มลู ครเู ลือกใช้ Google Forms เนอ่ื งจากสามารถประมวลผลข้อมูลใหไ้ ด้ทันที และสามารถนำแผนภมู ิไป
ใชใ้ นการนำเสนองานตอ่ ได้ จึงลดเวลาการทำงานได้มาก
6. ครูใหน้ ักเรียนยกตัวอยา่ งโปรแกรมทสี่ ามารถใชโ้ ปรแกรมในการประมวลผลข้อมลู หรอื การสรา้ งและ
นำเสนอข้อมูลได้
(แนวคำตอบ Microsoft Excel)
7. ครอู ธบิ ายเนื้อหาในหนงั สือเรียนวชิ า เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า19 เร่อื ง
ซอฟต์แวรท์ ีใ่ ชใ้ นการประมวลผลขอ้ มูล และซอฟตแ์ วร์ทใ่ี ช้สำหรับสร้างและนำเสนอข้อมูล
ชว่ั โมงที่ 2
ขั้นส2อ.น (50 นาท)ี
8. ครสู อบถามนักเรียนวา่ จากคาบที่แล้วครยู กตวั อย่างการใชซ้ อฟต์แวรใ์ นการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ
พรอ้ มทัง้ อธบิ ายเนือ้ หาในหนงั สือเรียนเพ่ิมเตมิ นกั เรียนคิดวา่ ตนเองมีความถนดั ในการใชซ้ อฟต์แวร์ใดเพื่อ
ใชใ้ นการสรา้ งและนำเสนอข้อมลู บ้าง
(แนวคำตอบ Keynote, PowerPoint, Google Slide)
9. จากกิจกรรมที่ครูให้นักเรียนหาข้อมูลว่าถ้าต้องการทำงาน 5 อาชีพในฝันนี้นักเรียนควรเรียนคณะอะไร
คา่ เฉลีย่ เทอมละเท่าไร รวบรวมข้อมูลอย่างน้อย 6 มหาวิทยาลัยขึ้นไป (แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 ช่ัวโมง
ท่ี 4) ในคาบเรียนนี้ให้นักเรียนนำข้อมูลที่รวบรวมข้อมูลและประมวลผลข้อมูลไว้ มาเตรียมนำเสนอทีละ
กล่มุ โดยให้แต่ละกลมุ่ เลอื กใชซ้ อฟตแ์ วรต์ ามความถนัดและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ทจี่ ะใชง้ าน
ช่ัวโมงที่ 3
ขัน้ ส2อ.น (40 นาที)
10. ครูใหแ้ ตล่ ะกล่มุ นำเสนองานหนา้ ชนั้ เรยี น
11. ครูสอบถามนกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ว่าจากการประมวลผลมมี หาวิทยาลยั ใดทนี่ ่าเรียนต่อบ้าง เพราะอะไร
ขั้นสรปุ (10 นาที)
1. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกันสรุปประโยชนจ์ ากการนำขอ้ มลู มาประมวลผล
8. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 สื่อการเรียนรู้
1. หนังสือเรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 เร่อื ง การจดั การขอ้ มูลและสารสนเทศ
2. แบบฝึกหดั (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่อื ง การจัดการข้อมลู และสารสนเทศ
3. ใบความรู้ เร่ือง การใช้ Google Forms
4. ใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชพี ในอนาคต
5. คอมพิวเตอร์
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อินเทอร์เน็ต
แบบทดสอบก่อนเรยี น
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1
คำชแ้ี จง : ให้นักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดคือลักษณะของข้อมูลปฐมภมู ิ 6. ขอ้ ใดเป็นการประมวลผลแบบแบตซ์
ก. ธรุ กรรมการเงนิ ของเอทเี อม็
ก. ขอ้ มลู ที่เกบ็ รวบรวมด้วยตนเอง ข. ระบบคำนวณผลประกอบการรายปี
ค. ระบบแสดงความคดิ เห็นของเฟสบคุ
ข. ข้อมูลที่มีการรวบรวมไว้แล้วโดยผอู้ ืน่ ง. ระบบตรวจจับควันไฟและแจง้ เตือนไฟไหม้
ค. ขอ้ มลู ที่นำมาใช้จากงานวิจยั ของรฐั บาล 7. การเรยี งคะแนนสอบนักเรยี นจากมากไปน้อย
เปน็ ลักษณะการประมวลผลข้อมลู ดว้ ยคอมพวิ เตอร์แบบใด
ง. ข้อมูลท่เี ผยแพรจ่ ากกระทรวงสาธารณสุข ก. การคำนวณ
ข. การรวมขอ้ มลู
2. ขอ้ ใดคอื ลักษณะของขอ้ มูลทุตยิ ภูมิ ค. การจัดกลุ่มข้อมลู
ง. การจัดเรยี งขอ้ มลู
ก. ข้อมูลจากการสงั เกต
8. สถานการณ์ตอ่ ไปนี้เปน็ กรรมวธิ กี ารประมวลผลข้อมลู
ข. ขอ้ มูลจากการสมั ภาษณ์ ดว้ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบใด “บรรณารักษ์หอ้ งสมุด
จดั ลำดบั ประวตั กิ ารยืมหนังสอื ของนกั เรยี นจากข้อมลู
ค. ข้อมลู จากการสำรวจขอ้ มลู ในฐานข้อมลู ของระบบบันทึกของหอ้ งสมุด”
ก. การจัดกลมุ่
ง. ข้อมูลจำนวนผสู้ มัครสอบบรรจคุ รู ข. การคำนวณ
ค. การรวมข้อมลู
จากกระทรวงศึกษาธิการ ง. การจัดเรยี งข้อมลู
3. ข้อมลู ในขอ้ มูลจัดเปน็ ข้อมลู ปฐมภมู ิ 9. ข้อใดเป็นซอฟแวรท์ ต่ี ้องใช้งานผา่ นอนิ เทอรเ์ นต็
ก. Keynote
ก. บอลนำขอ้ มลู การเปรียบเทยี บสเปคมอื ถอื ข. SlideDog
ค. Microsoft Form
สองเครื่องจากเวบ็ ไซตม์ าศึกษา ง. OpenOffice Impress
ข. เจตไปขอข้อมลู สขุ ภาพของประชากรในอำเภอ 10. ขอ้ ใดคือตัวอย่างการใชง้ านโปรแกรม
Microsoft PowerPoint อย่างเหมาะสม
ท่ตี นเองอาศัยอย่มู าทำรายงาน ก. ใช้ทำรายงานสรุปผลโครงการ
ข. ใช้คำนวณและหาคา่ เฉลยี่ งานวิจัย
ค. เบลลด์ ูวีดีโอคลปิ เปรยี บเทยี บสลี ปิ คอลเลคชน่ั ค. ใชส้ รา้ งงาน และนำเสนองานตอ่ ทป่ี ระชมุ
ง. ใชจ้ ดั ทำตารางคำนวณ จดั เรยี งขอ้ มลู และสรปุ ผล
ใหมท่ ้งั 5 สี
ง. ตั้มเดนิ ทางไปสอบถามราคาคอนโดพรอ้ มส่วนลด
และโปรโมช่นั ตามโครงการทต่ี นเองชน่ื ชอบและ
นำข้อมูลกลับมาเปรียบเทียบเพอื่ ตดั สนิ ใจ
4. ขอ้ ใดเป็นการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์
ก. การคำนวณด้วยลกู คดิ .
ข. การคำนวณด้วยเครื่องคิดเลข
ค. การคำนวณด้วยเครื่องทำบญั ชี
ง. การำคนวณดว้ ย Microsoft Excel
5. ข้อใดเป็นขนั้ ตอนแรกของลำดบั การประมวลผล
ข้อมลู
ก. การแสดงผล ข. การนำเข้าข้อมูล
ค. การวิเคราะห์ขอ้ มลู ง. การประมวลผลขอ้ มลู
เฉลย
1. ก 2. ง 3. ง 4. ง 5. ข 6. ข 7. ง 8. ง 9. ค 10. ค
แบบทดสอบหลงั เรยี น
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1
คำชแี้ จง : ให้นักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดคอื ลกั ษณะของข้อมลู ทุติยภมู ิ 6. ขอ้ ใดเป็นการประมวลผลแบบทันที
ก. ขอ้ มูลท่เี กบ็ รวบรวมด้วยตนเอง ก. ธุรกรรมการเงนิ ของเอทีเอม็
ข. ข้อมูลทมี่ กี ารรวบรวมไว้แลว้ โดยผูอ้ ื่น ข. ระบบคำนวณผลประกอบการรายปี
ค. ข้อมลู ที่นำมาใชจ้ ากงานวจิ ัยของรัฐบาล ค. ระบบแสดงความคดิ เหน็ ของเฟสบุค
ง. ขอ้ มูลที่เผยแพรจ่ ากกระทรวงสาธารณสุข ง. ระบบตรวจจับควนั ไฟและแจ้งเตือนไฟไหม้
2. ขอ้ ใดคอื ลกั ษณะของขอ้ มลู ปฐมภูมิ 7. การบวก ลบ คูณ หาร หาคา่ เฉลี่ยถือวา่ เป็นลกั ษณะ
ก. ข้อมูลทางด้านสถติ ติ ่าง ๆ การประมวลผลขอ้ มลู แบบใด
ข. ขอ้ มูลพนักงานภายในบรษิ ัท ก. การคำนวณ
ค. ขอ้ มูลทางการเงนิ เฉพาะบคุ คล ข. การรวมขอ้ มลู
ง. ขอ้ มูลจากการสังเกตขอ้ มลู ภายในชมุ ชน ค. การจัดกลมุ่ ข้อมลู
3. ขอ้ มลู ในขอ้ มูลจัดเป็นข้อมลู ทตุ ยิ ภูมิ ง. การจัดเรียงขอ้ มลู
ก. บอลนำข้อมลู การเปรยี บเทยี บสเปคมอื ถือ 8. สถานการณ์ตอ่ ไปนี้เป็นกรรมวธิ ีการประมวลผลข้อมลู
สองเครอ่ื งจากเวบ็ ไซตม์ าศกึ ษา ดว้ ยคอมพิวเตอรแ์ บบใด “การนำประวตั สิ ่วนตัวของ
ข. เจตไปขอขอ้ มลู สุขภาพของประชากรในอำเภอ นกั เรียนแต่คนละคน มาจัดทำประวตั ิทางการศึกษา
ท่ีตนเองอาศัยอย่มู าทำรายงาน ของโรงเรยี น”
ค. เบลลด์ ูวีดโี อคลิปเปรยี บเทยี บสลี ปิ คอลเลคชนั่ ก. การจัดกลมุ่ ข. การคำนวณ
ใหม่ทั้ง 5 สี ค. การรวมข้อมลู ง. การจดั เรยี งขอ้ มลู
ง. ต้มั เดินทางไปสอบถามราคาคอนโดพรอ้ มสว่ นลด 9. เบนตอ้ งการใชง้ านซอฟต์แวรใ์ นการรวบรวมข้อมูล
และโปรโมชัน่ ตามโครงการท่ตี นเองช่ืนชอบและ ผ่านอนิ เทอรเ์ นต็ เบนควรเลอื กใช้ซอฟต์แวรใ์ นข้อใด
นำข้อมูลกลับมาเปรียบเทียบเพื่อตัดสนิ ใจ ก. Keynote
4. การประมวลผลในขอ้ ใดไดร้ บั ความนยิ มมาก ข. SlideDog
ในปจั จุบัน ค. Microsoft Form
ก. การประมวลผลขอ้ มลู ด้วยมอื ง. OpenOffice Impress
ข. การประมวลผลข้อมลู ด้วยคอมพิวเตอร์ 10. ข้อใดคือตวั อย่างการใชง้ านโปรแกรม
ง. การประมวลผลข้อมลู ดว้ ยเครื่องคดิ เลข Microsoft Excel ได้อย่างเหมาะสม
ค. การประมวลผลขอ้ มลู ดว้ ยเคร่ืองจกั รกล ก. ใชท้ ำรายงานสรปุ ผลโครงการ
5. ข้นั ตอนสุดทา้ ยของลำดบั การประมวลผลข้อมลู คอื ขอ้ ใด ข. ใชค้ ำนวณและหาคา่ เฉลย่ี งานวจิ ยั
ก. การแสดงผล ข. การนำเขา้ ข้อมลู ค. ใชส้ รา้ งงาน และนำเสนองานตอ่ ทีป่ ระชุม
ค. การวเิ คราะห์ข้อมลู ง. การประมวลผลขอ้ มลู ง. ใช้จัดทำตารางคำนวณ จดั เรยี งขอ้ มูล และสรุปผล
เฉลย
1. ข 2. ง 3. ข 4. ข 5. ก 6. ค 7. ก 8. ค 9. ค 10. ง
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 1
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 การจดั การขอ้ มลู และสารสนเทศ เวลา 9 ชั่วโมง
เรื่อง การรวบรวมขอ้ มูล เวลา 2 ช่วั โมง
รายวชิ า คอมพวิ เตอร์ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3
1. ผลการเรียนรู้
1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรู้ ความเข้าใจในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
2. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นมีทกั ษะการคิดเชงิ คำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ การแกป้ ญั หาเป็นข้นั ตอน และเป็น
ระบบ
3. เพื่อให้ผู้เรียนมที กั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ รักษาข้อมลู ส่วนตัว และการสอ่ื สารเบอ้ื งต้น
ในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชีวติ จริงไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ
4. เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนนำความรู้ความเขา้ ใจในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหมท่ ่เี กิดขน้ึ ไปใชใ้ หเ้ กดิ
ประโยชน์ต่อสงั คมและการดำรงชีวติ
5. เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นพฒั นากระบวนการคิดและจนิ ตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ
จัดการทักษะในการส่ือสาร ความสามารถในการตดั สนิ ใจ
6. เพื่อใหผ้ เู้ รียนเป็นผู้มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมในการใช้วทิ ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกลกั ษณะและประเภทของข้อมูลได้ (K)
2. เลือกวิธกี ารรวบรวมข้อมลู ไดเ้ หมาะสมกับประเภทขอ้ มูลได้ (K,P)
3. ตระหนักถึงความสำคญั ของวธิ กี ารรวบรวมขอ้ มูล (A)
3. สาระสำคัญ
การรวบรวมข้อมูล เป็นขนั้ ตอนท่สี ำคัญทส่ี ดุ ของการจดั การข้อมลู และสารสนเทศ ดังน้นั ควรมคี วาม
เขา้ ใจเก่ียวกับลกั ษณะและประเภทของข้อมูล ตลอดจนวธิ กี ารรวบรวมขอ้ มลู เพ่ือจะได้นำไปประยุกตใ์ ช้ได้
อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับงานของตน หากพจิ ารณาถึงประเภทของข้อมลู สามารถแบง่ ได้เปน็ 2 กลุ่ม
ตามแหลง่ ท่มี าของข้อมลู ได้แก่ ขอ้ มลู ปฐมภมู ิและข้อมูลทตุ ิยภูมิ
4. สาระการเรียนรู้
1. การรวบรวมขอ้ มลู ปฐมภมู ิ
2. การรวบรวมข้อมลู ทตุ ยิ ภมู ิ
5. รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน
1. รูปแบบการสอนแบบการอภิปราย
2. วธิ ีการสอนโดยเน้นกระบวนการกลมุ่ (Group Process–Based Instruction)
6. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ซ่อื สตั ย์ สจุ ริต
ความสามารถในการส่ือสาร ใฝเ่ รียนรู้
ความสามารถในการคดิ มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
ความสามารถในการแก้ปัญหา มีจิตสาธารณะ
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. ทกั ษะ 4 Cs
ทักษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน (Collaboration Skill)
ทกั ษะการสือ่ สาร (Communication Skill)
ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)
8. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
มีวนิ ยั
อยอู่ ยา่ งพอเพียง
รักความเปน็ ไทย
9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้
ชัว่ โมงที่ 1
1. ครูให้นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การจัดการข้อมลู และสารสนเทศ เพื่อวดั
ความรูเ้ ดมิ ของนักเรียนก่อนเขา้ สกู่ จิ กรรม
ขั้นนำ (10 นาที)
1. ครสู อบถามนักเรียนว่า “ในภาคเรียนทผ่ี ่านมา นักเรียนชอบวชิ าไหนมากทีส่ ดุ เพราะอะไร”
(ครสู ่มุ ถามนักเรียน 4 – 5 คน)
2. จากน้นั ครถู ามตอ่ ว่า “คำถามท่คี รูถามข้างตน้ เป็นลกั ษณะของข้อมูลประเภทไหน”
(แนวคำตอบ ข้อมูลปฐมภูมิ)
ข้ันสอน (30 นาที)
1. ครูทบทวนความรู้นักเรียน โดยการถามคำถาม ถ้าเราพิจารณาข้อมูลตามแหลง่ ท่ีมาของขอ้ มลู สามารถแบง่
ข้อมลู ได้กป่ี ระเภท อะไรบา้ ง (นักเรียนได้เรยี นเรอ่ื ง การจัดการข้อมลู และสารสนเทศในระดบั ชั้นม.1)
(แนวคำตอบ 2 ประเภท คือ ขอ้ มูลปฐมภูมแิ ละข้อมูลทุติยภมู )ิ
2. ครูอธิบายกับนักเรียนว่าขอ้ มลู แตล่ ะประเภทมีลักษณะต่างกัน การรวบรวมข้อมลู จงึ ตา่ งกัน
3. ครูให้นกั เรยี นเปดิ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วทิ ยาการคำนวณ) ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 หนา้ 3 – 5 และ
อธบิ ายการรวบรวมข้อมลู ปฐมภมู ิ สามารถทำได้ดังนี้ การสัมภาษณ์สว่ นบุคคล การสัมภาษณ์ทางโทรศพั ท์
การใช้แบบสอบถาม และการสงั เกต (ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาวธิ ีการรวบรวมข้อมลู ปฐมภูมิเพิม่ เตมิ ในหนงั สือเรยี น
อจท. หน้า 3 – 5)
4. ครูถามนกั เรียนวา่ ในตอนตน้ ช่วั โมงครถู ามเรือ่ งวชิ าทีน่ กั เรียนชอบมากทส่ี ุด เพราะอะไร เป็นการเก็บ
รวบรวมขอ้ มูลแบบใด
(แนวคำตอบ การสัมภาษณส์ ว่ นบคุ คล)
5. ครอู ธบิ ายการรวบรวมข้อมูลทตุ ยิ ภมู ิ ในหนังสือเรยี นวชิ า เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่
3 หนา้ 6 ในการรวบรวมข้อมูลจากแหลง่ ทตุ ยิ ภูมสิ ามารถแบง่ ออกได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ ขอ้ มลู จาก
แหลง่ ข้อมลู ภายในและข้อมูลจากแหล่งข้อมลู ภายนอก (ให้นักเรียนศกึ ษาวิธกี ารรวบรวมขอ้ มูลทุตยิ ภูมิ
เพิม่ เติมในหนังสือเรียน หน้า 6)
6. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ Exercise ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) หน้า 3 – 6 เพอ่ื
ตรวจสอบความเขา้ ใจ
ชวั่ โมงท่ี 2
ข้นั สอน (40 นาที)
7. ครสู นทนากบั นักเรียนวา่ “ในคาบทแี่ ล้วนกั เรยี นรู้วา่ ตวั เองชอบวชิ าอะไร คาบน้ีเรามาจะมาดูว่าสาขาที่
นกั เรยี นอยากเรยี นตอ่ และอาชพี ทอ่ี ยากทำอนาคต จะสมั พันธก์ นั หรือไม่”
8. ครูสนทนากบั นักเรียนในการจดั การข้อมลู อย่างใดอยา่ งหน่งึ เราต้องเลือกวิธีใหเ้ หมาะสมกับวัตถุประสงคท์ ่ี
เราจะใช้งาน ตงั้ แต่เลอื กวิธีการรวบรวมขอ้ มูล วธิ ีการประมวลผล และการนำเสนอข้อมูล จากนนั้ ครใู ห้
นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 – 5 คน
9. ครแู จกใบงานที่ 1.1.1 เรอื่ ง อาชีพในอนาคต ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รวบรวมข้อมลู ของนักเรยี นชั้น
มัธยมศึกษาปที ี่ 3 จำนวน 20 คน ขึน้ ไป ตามหัวข้อท่ีกำหนดให้ (กลุ่มประชากรท่ีแต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมลู
ไม่ควรซ้ำกัน)
10. จากนนั้ ครใู ห้นักเรยี นวางแผนวิธีการรวบรวมข้อมลู ทีเ่ หมาะสม โดยนักเรียนสามารถเลอื กเพ่อื นตา่ งหอ้ งได้
ใช้คาบพักเท่ียงในการรวบรวมขอ้ มูลกลมุ่ เป้าหมายที่นักเรียนต้องการได้ เชน่ นกั เรียนต่างหอ้ ง เพอื่ ไม่ให้
กระทบการเรยี นของนักเรียนห้องอื่น
ขน้ั สรุป (10 นาที)
1. ครูให้นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายถงึ ความสำคญั ของวธิ ีการรวบรวมข้อมูล
2. ครูสนทนากับนกั เรยี นว่า ถ้านักเรยี นรวบรวมข้อมลู เสรจ็ แลว้ ขน้ั ตอนตอ่ ไปจะตอ้ งนำข้อมลู ท่รี วบรวมได้ไป
ประมวลผล ซึ่งในคาบถดั ไป เราจะมาเรยี นรู้เร่ือง การประมวลผลข้อมูล เพ่ือให้ข้อมูลนนั้ อยู่ในรูปแบบท่มี ี
ประโยชนแ์ ละตรงตามวัตถปุ ระสงคก์ ารใช้งาน
10. สือ่ แหลง่ การเรียนรู้
1. หนงั สือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่อื ง การจดั การขอ้ มลู และสารสนเทศ
2. แบบฝึกหดั (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรือ่ ง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ
3. ใบงานท่ี 1.1.1 เร่อื ง อาชีพในอนาคต
11. การวัดและการประเมนิ ผล
11.1 การประเมินระหว่างการจัดกิจกรรม
จุดประสงค์ วธิ ีการประเมิน เคร่ืองมอื การประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
1. บอกลกั ษณะและ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝึกหดั (วิทยาการ บอกลักษณะและ
ประเภทของข้อมูลได้ (K) Exercise หน้า 3–6 คำนวณ) ม.3 ประเภทของข้อมลู ได้
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 ถูกต้อง 60% ข้ึนไป
เรื่อง การจดั การข้อมูล
และสารสนเทศ
หน้า 3–6
2. เลือกวิธกี ารรวบรวม ตรวจใบงานท่ี 1.1.1 แบบประเมนิ ใบงานท่ี เลอื กวธิ กี ารรวบรวม
ข้อมูลได้เหมาะสมกับ เร่ือง อาชีพในอนาคต 1.1.1 เรือ่ ง อาชีพใน ขอ้ มูลได้เหมาะสมกบั
ประเภทข้อมลู ได้ (K,P) (ขอ้ 1) อนาคต ประเภทข้อมูลได้ในระดับ
คณุ ภาพพอใชข้ นึ้ ไปถอื วา่
ผา่ น
3. ตระหนักถงึ ตรวจใบงานท่ี 1.1.1 แบบประเมนิ ใบงานท่ี อธิบายวิธกี ารรวบรวม
ความสำคัญของวิธกี าร เรอ่ื ง อาชีพในอนาคต 1.1.1 เรอ่ื ง อาชพี ใน ขอ้ มลู ว่ามปี ระโยชน์กับ
รวบรวมขอ้ มลู (A) (ข้อ 3) อนาคต การรวบรวมขอ้ มลู ที่
ต้องการไดช้ ัดเจน ใน
ระดบั คุณภาพพอใช้ขน้ึ
ไปถือวา่ ผ่าน
11.2 การประเมนิ ใบงานท่ี 1.1.1 เรอ่ื ง อาชีพในอนาคต
ประเดน็ ในการประเมนิ 3 เกณฑ์การให้คะแนน 1
2 สามารถเลือกวิธกี าร
รวบรวมข้อมลู ให้
1. การเลือกวิธีการ สามารถเลือกวิธีการ สามารถเลอื กวิธกี าร เหมาะสมกับ
วตั ถปุ ระสงค์การใช้งาน
รวบรวมขอ้ มลู รวบรวมขอ้ มูลให้ รวบรวมข้อมูลให้ และเหมาะกบั กลมุ่
ตัวอยา่ งเพยี งบางส่วน
เหมาะสมกับ เหมาะสมกับ
วตั ถปุ ระสงค์การใชง้ าน วตั ถปุ ระสงค์การใช้งาน
และเหมาะกบั กลมุ่ และเหมาะกับกลุ่มเป็น
ตวั อย่าง ส่วนใหญ่
2. เหตผุ ลการเลอื กวิธี สามารถบอกเหตุของ สามารถบอกเหตุของ สามารถบอกเหตุของ
รวบรวมข้อมลู การเลอื กวิธรี วบรวม การเลอื กวธิ รี วบรวม การเลือกวิธีรวบรวม
ขอ้ มลู ได้สมเหตุสมผล ขอ้ มลู ได้สมเหตสุ มผล ขอ้ มูลไดส้ มเหตุสมผล
เปน็ ส่วนใหญ่ เพยี งบางสว่ น
3. ความสำคญั ของ อธิบายวธิ กี ารรวบรวม อธิบายวิธีการรวบรวม อธบิ ายวิธกี ารรวบรวม
วิธีการรวบรวมขอ้ มูล ข้อมลู ว่ามีประโยชนก์ บั ขอ้ มลู วา่ มปี ระโยชนก์ บั ขอ้ มลู ว่ามีประโยชนก์ ับ
การรวบรวมข้อมูลที่ การรวบรวมข้อมูลท่ี การรวบรวมขอ้ มูลท่ี
ตอ้ งการได้ชดั เจน ต้องการได้ชดั เจนเป็น ตอ้ งการไดเ้ พียงบางสว่ น
ส่วนใหญ่
เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ
ระดับคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ดี
8–9
5–7 พอใช้
ปรับปรุง
นอ้ ยกว่า 5
ใบงานท่ี 1.1.1
เรอื่ ง อาชีพในอนาคต
คำช้แี จง : ให้นกั เรยี นแต่ละกล่มุ รวบรวมข้อมลู ทเ่ี กีย่ วข้องกับการเรยี นและอาชพี ทอ่ี ยากทำในอนาคต
อยา่ งน้อย 20 คน
1. วธิ ีการรวมข้อมูล (อาจมากกว่า 1 วิธ)ี พร้อมเหตผุ ล
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………...................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ข้อมูลที่เก่ยี วข้อง
สาขาท่ีอยากเรียน คณะท่อี ยากเรียน อาชพี ที่อยากทำใน
ชอ่ื – สกลุ หอ้ ง ต่อในระดับมัธยม ตอ่ ในระดบั อนาคต
ตอนปลาย ปรญิ ญาตรี
3. วธิ ีการรวบรวมข้อมูลชว่ ยใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจส่งิ ที่ค้นหาอย่างไร
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
4. ภาคผนวก (ถ้ามี)
........................................................................................................................ ......................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................ ......................
............................................................................................................. .................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................. .................................
................................................................................................. .............................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ใบงานที่ 1.1.1 เฉลย
เรือ่ ง อาชีพในอนาคต
คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ รวบรวมข้อมูลท่เี กีย่ วข้องกับการเรยี นและอาชีพที่อยากทำในอนาคต
อยา่ งน้อย 20 คน
1. วธิ กี ารรวมขอ้ มลู (อาจมากกวา่ 1 วธิ )ี พร้อมเหตผุ ล
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………...................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ขอ้ มูลที่เก่ยี วขอ้ ง สาขาที่อยากเรยี น คณะทอ่ี ยากเรยี น อาชพี ที่อยากทำใน
ชือ่ – สกลุ
หอ้ ง ต่อในระดับมัธยม ต่อในระดับ อนาคต
ตอนปลาย ปรญิ ญาตรี
3. วิธกี ารรวบรวมขอ้ มูลช่วยใหน้ ักเรียนเขา้ ใจสง่ิ ที่ค้นหาอย่างไร
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................... ...............................
.................................................................................................... ..........................................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................... ..........................................
4. ภาคผนวก (ถา้ ม)ี
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงช่อื
(
ตำแหนง่
13. บนั ทึกผลหลังการสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))
ปัญหา/อุปสรรค
แนวทางการแก้ไข
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 2
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 การจัดการข้อมลู และสารสนเทศ เวลา 9 ชว่ั โมง
เร่ือง การประมวลผลข้อมลู เวลา 4 ช่ัวโมง
รายวชิ า คอมพิวเตอร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3
1. ผลการเรยี นรู้
1. เพอ่ื ให้ผเู้ รียนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ
2. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นมีทักษะการคิดเชงิ คำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ การแกป้ ัญหาเป็นข้ันตอน และเปน็
ระบบ
3. เพือ่ ให้ผู้เรยี นมีทกั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาขอ้ มูลสว่ นตวั และการส่อื สารเบอื้ งตน้
ในการแก้ปญั หาท่ีพบในชีวิตจริงไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ
4. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นนำความรู้ความเขา้ ใจในวชิ าวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ทเ่ี กิดข้นึ ไปใชใ้ หเ้ กดิ
ประโยชนต์ อ่ สังคมและการดำรงชวี ติ
5. เพ่อื ใหผ้ ู้เรียนพฒั นากระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ
จดั การทักษะในการส่ือสาร ความสามารถในการตดั สินใจ
6. เพ่ือให้ผเู้ รยี นเป็นผมู้ จี ิตวิทยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยมในการใชว้ ิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกประเภทของการประมวลผลข้อมลู ได้ (K)
2. เลือกวิธกี ารประมวลข้อมลู ที่เหมาะสมกบั ประเภทของข้อมลู ได้ (K,P)
3. ยกตัวอยา่ งประโยชนข์ องการประมวลผลขอ้ มลู ท่ีเหมาะสมกบั ประเภทของข้อมลู (A)
3. สาระสำคัญ
การประมวลผลข้อมูล หมายถงึ วิธกี ารจดั การกับข้อมูลด้วยการ คำนวณหรือการเปรยี บเทยี บ เพ่ือให้
ข้อมลู อยใู่ นรปู แบบที่เป็นประโยชน์ตรงตามความต้องการ โดยการประมวลผลข้อมลู สามารถแบ่งตาม
อุปกรณ์ทใ่ี ช้ได้ 3 ประเภท คือ การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ การประมวลผลขอ้ มลู ดว้ ยเครอ่ื งจักรกล และ
การประมวลผลข้อมลู ด้วยคอมพิวเตอร์
4. สาระการเรียนรู้
1. การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ
2. การประมวลผลข้อมลู ดว้ ยเครื่องจักร
3.การประมวลผลข้อมูลดว้ ยคอมพิวเตอร์
5. รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน
1. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย
2. วิธกี ารสอนโดยเนน้ กระบวนการกลุ่ม (Group Process–Based Instruction)
3. วธิ ีการสอนโดยใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking)
6. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ซ่ือสตั ย์ สุจริต
ความสามารถในการสื่อสาร ใฝ่เรยี นรู้
ความสามารถในการคดิ มงุ่ ม่ันในการทำงาน
ความสามารถในการแกป้ ัญหา มีจติ สาธารณะ
ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทักษะ 4Cs
ทักษะการคดิ วจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
ทักษะการทำงานร่วมกัน (Collaboration Skill)
ทักษะการส่อื สาร (Communication Skill)
ทกั ษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์
มีวินยั
อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง
รกั ความเป็นไทย
9. การจัดกระบวนการเรียนรู้
ชวั่ โมงที่ 1
ข้ันนำ (10 นาที)
1. ครูสอบถามว่าจากการสำรวจข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างในคาบที่แล้ว แต่ละกลุ่มใช้วิธีการรวบรวมข้อมูล
แบบใดบ้าง
(แนวคำตอบ การสมั ภาษณส์ ่วนบคุ คล การสมั ภาษณ์ทางโทรศัพท์ การใชแ้ บบสอบถาม)
2. ครูสนทนากบั นักเรียนวา่ เราสามารถนำขอ้ มูลน้ันมาใชเ้ ลยไดห้ รือไม่
(แนวคำตอบ ไดแ้ ต่ไม่สะดวกต่อการใช้งาน เพราะฉะนน้ั เราจะตอ้ งนำขอ้ มูลมาประมวลผลก่อน)
ข้นั สอน (40นาที)
1. ครูอธิบายการประมวลผลข้อมูลในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3
หน้า 7 การประมวลผลข้อมูลเป็นวิธีการจัดการกับข้อมูล อาจเป็นการคำนวณหรือการเปรียบลักษณะต่าง
ๆ เพื่อให้ข้อมูลน้ันอยู่ในรูปแบบท่ีมีประโยชน์ตรงกับจดุ ประสงค์ของผู้ใช้งาน ซ่ึงการประมวลผลข้อมูลแบ่ง
ออกตามอุปกรณ์ที่ใช้ได้ 3 ประเภท คือ การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ การประมวลผลข้อมูลด้วย
เคร่อื งจกั รกล และการประมวลผลขอ้ มูลดว้ ยคอมพวิ เตอร์
2. จากนั้นครูอธิบาย “การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ” ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ช้ัน
มัธยมศึกษาปที ่ี 3 หนา้ 7
3. ครูสนทนาว่าจากข้อมูลที่ให้ไปรวบรวมข้อมูลในกิจกรรมอาชีพในฝัน ให้นักเรียนนำข้อมูล อาชีพที่อยากทำ
ในอนาคตมาจัดอันดับ โดยการนำข้อมูลของกลุ่มตนเองมาจัดอันดับอาชีพที่มีคนอยากทำมากที่สุด 5
อันดบั
4. ครูให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนออาชีพ 5 อันดับแรกจากการรวบรวมข้อมูลของกลุ่มตนเอง (ระหว่างท่ี
นักเรยี นนำเสนอ ครูจดขอ้ มูลของแต่ละกลมุ่ บนกระดาน หรอื พิมพล์ งบนExcel)
5. ครูถามนักเรียนว่าวิธีการจัดการกับข้อมูลท่ีรวบรวมได้จากเพ่ือน 20 คนในคาบท่ีแล้วเป็นการประมวลผล
ประเภทใด เพราะอะไร
(แนวคำตอบ การประมวลผลขอ้ มูลด้วยมือ เพราะข้อมลู นอ้ ยคำนวณดว้ ยตนเองได้)
ช่วั โมงท่ี 2
ข้นั สอน (50 นาที)
6. ครสู นทนากับนกั เรยี นว่า คาบทผ่ี ่านมานักเรียนไดป้ ระมวลผลข้อมลู ด้วยมอื เราทราบอยู่แล้วว่าการ
ประมวลผลข้อมูลสามารถทำได้หลายวิธี จากนั้นครูอธบิ าย “การประมวลผลข้อมลู ด้วยเครื่องจกั รกล” ใน
หนังสือเรยี นวชิ า เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 หน้า 7
7. ครูยกตัวอย่างการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องจักรกล เช่น เคร่ืองคิดเลขในมินิมาร์ทที่เป็นเครื่องทำบัญชี
อาชีพนักบัญชีท่ีต้องมีการคำนวณเกี่ยวกับเงินซ่ึงต้องการความแม่นยำสูงจะมีเคร่ืองทำบัญชีเข้ามาช่วยทำ
ใหก้ ารคำนวณแม่นยำมากขนึ้ โดยการทำงานของเครือ่ งก็จะมีฟงั กช์ ั่นต่าง ๆ ท่สี ะดวกต่อการคำนวณตวั เลข
8. ครตู ัง้ คำถามวา่ หากข้อมลู ทเี่ ราตอ้ งการประมวลผลมจี ำนวนที่มากข้ึน จนไม่สามารถประมวลไดเ้ อง เราจะมี
วิธีการแกป้ ัญหาอยา่ งไร
(แนวคำตอบ ใช้คอมพวิ เตอรม์ าชว่ ยในการประมวลผลขอ้ มลู ทำใหไ้ ดข้ อ้ มูลที่รวดเร็ว)
9. ครูยกตัวอย่างว่าในแต่ละเทอมเราจะต้องตัดเกรด และในข้ันตอนการตัดเกรดมีคะแนนท่ีต้องคำนวณหลาย
อย่าง ซึ่งครูส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการประมวลผลข้อมูล จะแม่นยำกว่าและ
ประมวลผลเรว็ กวา่
10. ครสู อบถามวา่ นักเรยี นทราบหรอื ไม่การประมวลผลข้อมลู ด้วยคอมพิวเตอร์มีลำดบั ข้ันตอนออยา่ งไร
(แนวคำตอบ ข้นั ตอนท่ี 1 การนำเขา้ ข้อมลู ข้ันตอนที่ 2 การประมวลผลขอ้ มลู ข้นั ตอนที่ 3 การแสดงผล)
11. จากน้ันครูอธิบายลำดับการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วทิ ยาการ
คำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 หน้า 8
12. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 7–10 เพ่ือ
ตรวจสอบความเขา้ ใจ
ชัว่ โมงที่ 3
ขน้ั สอน (50 นาที) (ตอ่ )
13. ครูอธิบายวิธีการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 9 – 10 ซ่ึงวิธีการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ แบ่งเป็น 2 วิธี ดังน้ี การ
ประมวลผลแบบแบตช์ และการประมวลผลแบบอินเทอร์แอ็กทิฟ (ครูยกตัวอย่างในหนังสือเรียน แล้ว
ใหน้ ักเรียนศึกษาเพม่ิ เติมจากหนงั สอื เรยี น)
14. จากนั้นครูอธิบายเน้ือหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลย(ี วิทยาการคำนวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 11
– 13 กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ มีวิธีในการประมวลผลหลายวิธี ได้แก่ 1) การ
คำนวณ 2) การจัดเรียงข้อมูล 3) การจัดกลุ่มข้อมูล 4) การสืบค้นข้อมูล 5) การรวบรวมข้อมูล 6) การ
สรุปผล 7) การทำรายงาน 8) การบันทึก 9) การปรับปรุงข้อมูล 10) การสำเนาข้อมูล 11) การสำรอง
ขอ้ มลู 12) การกู้ขอ้ มลู 13) การสื่อสารขอ้ มูล 14) การบีบอดั ข้อมูล
15. ครูยกตัวอยา่ งกรรมวธิ ีในการประมวลผลขอ้ มูลดว้ ยคอมพวิ เตอรบ์ างข้อให้นักเรียนฟัง
1) การคำนวณขอ้ มลู เชน่ การนำระดบั เกรดของแต่ละวิชามาคำนวณเพ่อื หาเกรดเฉล่ยี
2) การจัดเรียงข้อมูล เช่น การเรียงลำดับจากน้อยไปมาก การเรียงตวั อกั ษร
3) การจัดกลุ่มข้อมลู เช่น สรุปข้อมลู ผลการเรยี นนกั เรียนตามชน้ั ของนกั เรยี น เชน่ เกรดเฉลย่ี นกั เรยี นช้ัน
มธั ยมศึกษาปีท่ี 3
4) การสืบคน้ ขอ้ มูล เช่น ครคู น้ หาข้อมลู ผลการเรียนนักเรยี นจากชือ่ ค้นหาข้อมลู นกั เรียจากรหสั นักเรยี น
5) การรวมข้อมูล เช่น การนำประวตั กิ ารเขา้ แถวมารวมกบั ประวัติผลการเรยี น
16. ครูสนทนากับนักเรียนว่าจากคาบเรียนท่ีแล้วเราพูดถึงขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลมี 3 ข้ันตอน จากน้ัน
ให้นักเรียนศึกษารายละเอียดในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3
หน้า 14 – 17
17. ครตู ้ังคำถามว่า จากตัวอย่างในหนังสอื เรียน อจท. หน้า 15 – 17 ให้นักเรียนยกตวั อย่างประโยชน์ของการ
ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ถ้าสมมติเราต้องการเก็บข้อมูลเพ่ือทำโปรโมชันลูกค้าร้านสะดวกซื้อ
เราควรรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง ควรจัดกลุม่ ข้อมูลแบบไหน ประมูลผลข้อมลู ออกมาในรูปแบบใด เพ่ือให้
ง่ายตอ่ การเรียกใช้งาน ให้นกั เรยี นตอบคำถามลงสมดุ
(แนวคำตอบ สร้างแบบสอบถามเพ่ือให้ลูกค้ากรอกข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ เช่น ชื่อ – นามสกุล อายุ ท่ีอยู่
ปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์ e-mail ความสนใจต่าง ๆ เช่น สนใจผลิตภัณฑ์ความสวยความงาม สนใจ
ผลิตภัณฑ์สุภาพ เป็นต้น จากน้ันเรานำมาสร้างรหัสเพื่อง่ายต่อการค้นหา เช่น ลูกค้าที่สมัครคนแรกของ
รา้ น S ต้ังรหัสเป็น S620001 หมายถึงสมัครปี62คนท่ี0001 เป็นต้น แล้วนำมากลุ่มข้อมูล เช่น เขตพ้ืนท่ี
เดียวกัน กลุ่มช่วงอายุ กลุ่มความสนใจ เป็นต้น เวลาเรียกใช้งานสามารถพิมพ์ค้นหาตามคีย์เวิร์ด เช่น
ต้องการส่งe-mail จดั โปรโมชนั ความสวยความงามใหก้ บั ลกู ค้าทสี่ นใจผลติ ภัณฑ์ดา้ นน้ี เราสามารถสืบค้น
ได้จากท่ีเราจดั กลุม่ ลูกค้าไว้ )
18. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด Activity ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 13 เพ่ือ
ตรวจสอบความเข้าใจ
ชั่วโมงท่ี 4
ขั้นสอน (40 นาที)
18. ครูสุ่มนักเรียนเพื่อยกตัวอย่าง กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ในแต่ละวิธี เพื่อเป็นการ
ทบทวนความร้คู าบทผี่ า่ นมา
19. ครูถามคำถามนักเรียนว่า ในการเลือกศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอุดมศึกษาเรา
ควรตอ้ งคำนึงข้อมลู ดา้ นใดบา้ ง
(แนวคำตอบ วิชาท่เี ราถนดั คณะที่เราสนใจให้สอดคล้องกับอาชีพท่ีเราอยากทำ)
20. ครูสนทนากับนักเรียนวา่ จากข้อมูลที่นกั เรียนจัดอันดับอาชีพที่มีคนอยากทำมากท่ีสุด 5 อันดับ (กิจกรรม
ในช่ัวโมงท่ี 1) ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลว่าถ้าทำงาน 5 อาชีพน้ีนักเรียนควรเรยี นคณะอะไร ค่าเทอมเท่าไร
รวบรวมข้อมูลอย่างน้อย 6 มหาวิทยาลัยขึ้นไป จากน้ันหาค่าเฉล่ียค่าเทอมว่าถ้าอยากทำอาชีพน้ี จะต้อง
เรียนคณะไหนและมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเท่าไรต่อเทอม (เพื่อให้ให้นักเรียนได้เห็นความสำคัญการวางแผน
ค่าใชจ้ ่ายทจ่ี ะเกิดข้ึนในอนาคตในการเรยี นคณะน้ัน ๆ)
21. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผน รวบรวมข้อมูล ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ (นักเรียน
สามารถเลอื กใช้ซอฟต์แวรท์ เ่ี หมาะสมกับข้อมูลและความถนดั ได้ เปน็ ความรใู้ นระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1)
ข้ันสรุป (10 นาที)
1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายการประมวลผลข้อมูลแต่ละประเภท และวิธีการเลือกเคร่ืองมือในการ
ประมวลผลให้เหมาะสมกับข้อมลู
10. สอ่ื แหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สือเรียน (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอื่ ง การจดั การขอ้ มูลและสารสนเทศ
2. แบบฝกึ หดั (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ
3. คอมพิวเตอร์
11. การวัดและการประเมินผล
11.1 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กจิ กรรม
จุดประสงค์ วธิ ีการประเมนิ เครอ่ื งมือการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
บอกลักษณะและ
1. บอกประเภทของการ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัด (วิทยาการ ประเภทของข้อมูลได้
ถกู ต้อง 60% ข้นึ ไป
ประมวลผลข้อมูลได้ (K) Exercise หนา้ 7–10 คำนวณ) ม.3
เลือกวิธีการรวบรวม
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 ขอ้ มลู ไดเ้ หมาะสมกับ
ประเภทข้อมลู ได้ใน
เรือ่ ง การจดั การข้อมลู ระดับคุณภาพพอใช้ขึ้น
ไปถือวา่ ผ่าน
และสารสนเทศ
เห็นความสำคญั ของ
หนา้ 7–10 วธิ ีการรวบรวมข้อมูล ใน
ระดบั คุณภาพพอใช้ขึ้น
2. เลอื กวิธกี ารประมวล ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด (วทิ ยาการ ไปถือว่าผ่าน
ขอ้ มลู ท่ีเหมาะสมกบั Activity หนา้ 13 คำนวณ) ม.3
ประเภทของข้อมูลได้ หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1
(K,P) เร่อื ง การจัดการข้อมลู
และสารสนเทศ
หน้า 13
2. แบบประเมิน
3. ยกตวั อย่างประโยชน์ การตอบคำถาม (ใน 1. แบบประเมิน
ของการประมวลผล แผนการสอน ช่วั โมงที่ 3
ข้อมูลท่ีเหมาะสมกบั ข้อ17)
ประเภทของข้อมูล (A)
11.2 การประเมินการทำแบบฝึกหัด
ประเดน็ ในการประเมิน 3 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1
2 สามารถเลือกอุปกรณ์
1. การเลือกวิธีการ สามารถเลอื กอุปกรณ์ เหมาะสมกบั ข้อมลู ได้
สามารถเลือกอปุ กรณ์ แต่วธิ ีการประมวลผล
ประมวลผลข้อมูล และวธิ ีการประมวลผล และวิธีการประมวลผล ข้อมูลอาจไมต่ รงตาม
ขอ้ มลู ท่ีเหมาะสมกบั วตั ถุประสงค์การใช้งาน
ขอ้ มูลท่ีเหมาะสมกับ ขอ้ มูล วตั ถุประสงค์การ เพยี งบางส่วน
ใชง้ านไดส้ ว่ นใหญ่
ข้อมลู วัตถุประสงค์การ
ใช้งานได้
2. ยกตวั อย่างประโยชน์ สามารถยกตัวอยา่ ง สามารถยกตัวอย่าง สามารถยกตวั อย่าง
ของการประมวลผล ประโยชนข์ องการ ประโยชน์ของการ ประโยชน์ของการ
ขอ้ มลู ท่ีเหมาะสมกับ ประมวลผลข้อมูลที่ ประมวลผลข้อมูลที่ ประมวลผลขอ้ มูลที่
ประเภทของข้อมูล เหมาะสมกบั ประเภท เหมาะสมกบั ประเภท เหมาะสมกับประเภท
ของข้อมลู ได้ เขยี น ของข้อมลู ได้ เปน็ ส่วน ของข้อมลู ได้เพยี ง
อธิบายชดั เจน ใหญ่ บางสว่ น
เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
5–6 ดี
3–4
พอใช้
น้อยกว่า 3 ปรบั ปรงุ