The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์ ชั้น ม3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ดลพฤกษ์ ทันเจริญ, 2020-10-12 07:15:46

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์ ชั้น ม3

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์ ชั้น ม3

12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......

ลงช่อื
(

ตำแหนง่

13. บนั ทึกผลหลังการสอน
 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การจัดการขอ้ มูลและสารสนเทศ เวลา 9 ชัว่ โมง

เรอ่ื ง การใชซ้ อฟตแ์ วร์ในการจดั การข้อมูลและสารสนเทศ เวลา 3 ช่วั โมง

รายวชิ า คอมพิวเตอร์ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3

1. ผลการเรียนรู้

1. เพื่อให้ผเู้ รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ

2. เพอ่ื ให้ผู้เรยี นมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคดิ วิเคราะห์ การแก้ปญั หาเปน็ ขั้นตอน และเป็น

ระบบ

3. เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นมที กั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ รักษาข้อมูลสว่ นตัว และการสอ่ื สารเบอื้ งต้น

ในการแกป้ ัญหาที่พบในชวี ิตจรงิ ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ

4. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นนำความรู้ความเขา้ ใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหมท่ ีเ่ กิดขึ้นไปใช้ใหเ้ กดิ

ประโยชน์ต่อสงั คมและการดำรงชวี ิต

5. เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนพัฒนากระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและการ

จดั การทกั ษะในการส่ือสาร ความสามารถในการตดั สนิ ใจ

6. เพอื่ ใหผ้ ู้เรียนเปน็ ผู้มีจติ วิทยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยมในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละ

เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์

2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. ใชซ้ อฟต์แวรท์ ่เี หมาะสมในการจดั การขอ้ มูลและสารสนเทศ และตรงวัตถุประสงค์การใช้งานได้ (K,P)

2. ตระหนักถงึ ขอ้ มลู ท่นี ำเสนอวา่ ไม่ควรส่งผลกระทบต่อผอู้ ่ืน (A)

3. สาระสำคัญ

การจัดการข้อมลู และสารสนเทศมีการนำซอฟต์แวรต์ า่ ง ๆ มาชว่ ยในการจดั การขอ้ มลู โดยมีทงั้

ซอฟต์แวรท์ ี่ใช้ในการรวบรวมข้อมลู ซอฟต์แวรท์ ่ีใชใ้ นการประมวลผลขอ้ มลู และซอฟต์แวร์ที่ใชใ้ นการ

นำเสนอข้อมลู เพ่ือการจดั การข้อมลู และสารสนเทศอยา่ งมีประสิทธภิ าพ

4. สาระการเรียนรู้

1. ซอฟตแ์ วรท์ ีใ่ ช้ในการรวบรวมข้อมลู

2. ซอฟต์แวรท์ ใี่ ช้ในการประมวลผลขอ้ มลู

3. ซอฟตแ์ วรท์ ี่ใชใ้ นการสรา้ งและนำเสนอข้อมูล

5. รปู แบบการสอน/วิธีการสอน

1. วธิ กี ารสอนโดยเนน้ กระบวนการกลมุ่ (Group Process–Based Instruction)

2. รปู แบบการสอนแบบการอภิปราย

6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน  ซอ่ื สัตย์ สจุ รติ
 ใฝเ่ รยี นรู้
 ความสามารถในการสอื่ สาร  มุ่งมนั่ ในการทำงาน
 ความสามารถในการคดิ  มีจิตสาธารณะ
 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทกั ษะ 4Cs

 ทกั ษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking)
 ทกั ษะการทำงานร่วมกัน (Collaboration Skill)
 ทกั ษะการสอ่ื สาร (Communication Skill)
 ทกั ษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
8. คุณลักษณะอันพึงประสงค์

 รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

 มวี ินัย

 อย่อู ยา่ งพอเพยี ง

 รักความเป็นไทย

9. การจดั กระบวนการเรียนรู้

ข้ันนำ (10 นาที)
1. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากคาบที่ผ่านมาในการรวบรวมข้อมูลนักเรียนใช้เครื่องมือใดในการรวบรวมข้อมูล

บา้ ง
(แนวคำตอบ ใช้แบบสอบถาม ใชโ้ ปรแกรม Excel ใช้ Google Forms)
2. ครูถามนักเรียนว่ากลุ่มท่ีใช้แบบสอบถาม หรือใช้วิธีการสัมภาษณ์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลน้ันต้องใช้
ระยะเวลาหน่งึ เพ่ือเกบ็ ข้อมลู ต่อกลุม่ ตัวอย่างหนึ่งคน หากมีวิธีท่ีจะลดเวลาในขั้นตอนนลี้ งเพอื่ เอาเวลาไปใช้
ในการทำงานข้นั ตอนอนื่ ท่ีอาจมปี ระโยชน์กว่าจะส่งผลดีต่อการทำงานหรือไม่ อยา่ งไร
(แนวคำตอบ ดีเพราะนำเวลาที่เหลือไปทำงานที่มีความซับซ้อนมากกว่า ดีเพราะลดเวลาในการรวบรวม
ขอ้ มลู อาจทำให้ได้ขอ้ มลู ทม่ี ากข้นึ เทา่ ตัว)
ขั้นสอน (40 นาที)
1. ครอู ธิบายว่าซอฟตแ์ วรท์ ใ่ี ช้ในการรวบรวมข้อมูลมีใหเ้ ลือกใช้งานหลากหลาย และมีความสำคัญในขนั้ ตอน
การรวบรวมข้อมูลท่มี ีปริมาณขอ้ มูลจำนวนมาก หรอื ต้องการความรวดเร็ว

2. ครูอธบิ ายเน้อื หาในหนังสอื เรียนวิชา เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 บริษทั หนา้ 18
เร่อื ง ซอฟต์แวร์ท่ีใชใ้ นการรวบรวมข้อมูล เพอื่ ใช้จดั เกบ็ รวบรวมข้อมลู ตามทต่ี ้องการ โดยมีซอฟตแ์ วร์ท่ี
น่าสนใจ ได้แก่ ซอฟต์แวรท์ ่ตี ิดต้ังอยบู่ นคอมพิวเตอร์ เช่น Microsoft word และซอฟต์แวรท์ ่ีใชง้ านผา่ น
อินเทอรเ์ นต็ เช่น Google Docs, Google Forms

3. ครยู กตวั อยา่ งซอฟตแ์ วร์ท่ีใชง้ านผา่ นอินเทอร์เน็ต คือ Google Forms เปน็ ซอฟตแ์ วร์ทีถ่ ูกใชง้ านอยา่ ง
แพร่หลาย ใช้งานงา่ ยและมปี ระโยชนใ์ นการทำงาน โดยครูใหน้ ักเรยี นทดลองเป็นผูต้ อบแบบสอบถามใน
กจิ กรรมต่อไป เพื่อเป็นตวั อย่างการจดั การขอ้ มูลและสารสนเทศ
1) ครใู ห้นกั เรยี นตอบแบบสอบถามใน Google Forms จากกจิ กรรม “อาชีพในอนาคต” ที่ครูเตรียมไว้ให้

2) ครูเปดิ แบบสอบถามจากกิจกรรม “อาชีพในอนาคต” จากนน้ั ไปที่แทบ็ “การตอบกลับ” และเปิดแท็บ
“ขอ้ มูลสรปุ ” เพื่อให้นักเรียนเห็นประโยชน์ ความสะดวกในการประมวลผลข้อมลู ดว้ ย Google Forms

3) ครอู ธิบายขั้นตอนการนำแผนภูมจิ าก Google Forms ไปใช้เพอ่ื การนำเสนอข้อมูล ซึ่งสามารถทำไดโ้ ดย
การคลกิ ที่ปมุ่ คดั ลอกแผนภูมทิ ่อี ยู่ทางขวาของหวั ข้อจากน้ันนำไปวางในโปรแกรมนำเสนอที่ต้องการ เช่น
PowerPoint, Google Slide, Keynote

4. ครสู อบถามนักเรียนวา่ จากตัวอย่างทีค่ รูใชง้ าน Google Forms นกั เรยี นคดิ ว่ามีข้อดีอย่างไรบา้ ง
(แนวคำตอบ ใชง้ านง่าย ประมวลผลใหท้ ันที นำแผนภูมิไปนำเสนองานไดท้ นั ที)

5. ครูอธบิ ายความสำคัญการเลือกใชซ้ อฟต์แวร์ท่เี หมาะกบั งาน และวัตถปุ ระสงค์ เชน่ ตัวอย่างการรวบรวบ
ขอ้ มูลครูเลือกใช้ Google Forms เนือ่ งจากสามารถประมวลผลข้อมลู ให้ได้ทันที และสามารถนำแผนภูมิไป
ใช้ในการนำเสนองานตอ่ ได้ จึงลดเวลาการทำงานได้มาก

6. ครใู หน้ กั เรยี นยกตวั อย่างโปรแกรมท่ีสามารถใช้โปรแกรมในการประมวลผลข้อมูล หรือการสร้างและ
นำเสนอข้อมูลได้
(แนวคำตอบ Microsoft Excel)

7. ครอู ธิบายเนือ้ หาในหนงั สือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วทิ ยาการคำนวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า19 เร่ือง
ซอฟตแ์ วรท์ ี่ใชใ้ นการประมวลผลขอ้ มูล และซอฟตแ์ วร์ท่ใี ช้สำหรับสร้างและนำเสนอข้อมูล

ขน้ั สอน (50นาที)
8. ครูสอบถามนักเรยี นวา่ จากคาบท่ีแล้วครูยกตวั อย่างการใชซ้ อฟต์แวร์ในการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ

พรอ้ มทั้งอธิบายเนอ้ื หาในหนงั สอื เรยี นเพ่ิมเตมิ นกั เรยี นคดิ วา่ ตนเองมีความถนัดในการใชซ้ อฟต์แวรใ์ ดเพ่ือ
ใช้ในการสรา้ งและนำเสนอขอ้ มูลบา้ ง
(แนวคำตอบ Keynote, PowerPoint, Google Slide)
9. จากกิจกรรมที่ครูให้นักเรียนหาข้อมูลว่าถ้าต้องการทำงาน 5 อาชีพในฝันนี้นักเรียนควรเรียนคณะอะไร
ค่าเฉลี่ยเทอมละเท่าไร รวบรวมข้อมูลอย่างน้อย 6 มหาวิทยาลัยข้ึนไป (แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ชั่วโมง
ท่ี 4) ในคาบเรียนนี้ให้นักเรียนนำข้อมูลที่รวบรวมข้อมูลและประมวลผลข้อมูลไว้ มาเตรียมนำเสนอทีละ
กลุม่ โดยใหแ้ ตล่ ะกล่มุ เลือกใชซ้ อฟตแ์ วร์ตามความถนัดและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ทจ่ี ะใชง้ าน

ขนั้ สอน (40นาที)
10. ครใู หแ้ ต่ละกลุ่ม นำเสนองานหนา้ ชั้นเรียน
11. ครสู อบถามนกั เรียนแตล่ ะกลุ่มวา่ จากการประมวลผลมีมหาวทิ ยาลยั ใดทีน่ ่าเรียนต่อบ้าง เพราะอะไร
ข้นั สรปุ (10นาที)
1. ครใู ห้นักเรยี นช่วยกนั สรุปประโยชนจ์ ากการนำขอ้ มลู มาประมวลผล

10. สื่อแหลง่ การเรียนรู้
1. หนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง การจัดการขอ้ มูลและสารสนเทศ
2. คอมพวิ เตอร์
3. ใบความรู้ เรื่อง การใช้ Google Forms

11. การวดั และการประเมินผล

11.1 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรม

จุดประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ เครื่องมือการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน
แบบประเมนิ การ เลอื กใช้ซอฟต์แวร์ที่
1. เลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่ ประเมนิ การนำเสนอ นำเสนออาชีพ เหมาะสมในการจัดการ
ขอ้ มูลและสารสนเทศ
เหมาะสมในการจัดการ อาชีพ แบบประเมินการ ตามวัตถุประสงคไ์ ด้ใน
นำเสนออาชีพ ระดับคุณภาพพอใช้ขน้ึ
ขอ้ มูลและสารสนเทศ ไปถือวา่ ผา่ น
ตระหนกั ถึงข้อมูลท่ี
ตามวตั ถุประสงคไ์ ด้ นำเสนอว่าไม่ควรส่งผล
กระทบตอ่ ผู้อื่นในระดับ
(K,P) คณุ ภาพพอใชข้ ึ้นไปถือ
ว่าผา่ น
2. ตระหนักถึงขอ้ มูลท่ี ประเมินการนำเสนอ
นำเสนอว่าไม่ควรส่งผล อาชพี
กระทบตอ่ ผู้อ่ืน (A)

11.2 การประเมินการนำเสนออาชีพ

ประเดน็ ในการประเมนิ 3 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1
2

1. การเลือกใช้ สามารเลอื กใช้ซอฟต์แวร์ สามารเลอื กใช้ซอฟตแ์ วร์ สามารเลือกใช้ซอฟต์แวร์

ซอฟต์แวร์ในการจัดการ ที่เหมาะสมกบั การใช้ ทเี่ หมาะสมกบั การใช้ ทเี่ หมาะสมกบั การใช้

ข้อมูลและสารสนเทศ รวบรวมข้อมูล หรือ รวบรวมข้อมูล หรอื รวบรวมขอ้ มูล หรอื

ประมวลผลข้อมูลตาม ประมวลผลขอ้ มลู ตาม ประมวลผลขอ้ มูลตาม

วัตถุประสงค์ทตี่ อ้ งการ วัตถปุ ระสงค์ที่ตอ้ งการ วตั ถุประสงค์พอใช้ได้

ได้ พอใช้ได้เป็นส่วนใหญ่ เพยี งบางส่วน

2. การเลือกใช้ สามารเลือกใช้ซอฟตแ์ วร์ สามารเลือกใช้ซอฟต์แวร์ สามารเลอื กใช้ซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวรใ์ นการ ในการนำเสนอขอ้ มูล ในการนำเสนอขอ้ มลู ในการนำเสนอขอ้ มูล
นำเสนอข้อมลู และ และสารสนเทศได้ตาม และสารสนเทศตาม และสารสนเทศพอใช้ได้
สารสนเทศ วัตถปุ ระสงค์ที่ต้องการ วัตถปุ ระสงค์พอใช้ได้ เพียงบางสว่ น

เปน็ ส่วนใหญ่

ประเดน็ ในการประเมิน 3 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1
3. การนำเสนอ มคี วามชดั เจนในการ 2 มีความชดั เจนในการ
ส่อื สาร ใชถ้ อ้ ยคำ ส่ือสาร ใชถ้ อ้ ยคำ
4. ตระหนักถึง เหมาะสมเขา้ ใจงา่ ย มีความชดั เจนในการ เหมาะสมเขา้ ใจง่าย
ผลกระทบต่อผูอ้ ่นื สามารถตอบคำถามได้ สอ่ื สาร ใช้ถ้อยคำ สามารถตอบคำถามได้
ทกุ ข้อ และรับฟังความ เหมาะสมเขา้ ใจงา่ ย เพียงบางส่วน และรบั ฟงั
คดิ เห็นของผู้อ่นื สามารถตอบคำถามได้ ความคดิ เห็นของผู้อ่ืน
ขอ้ มูลท่นี ำเสนอไมส่ ง่ ผล เป็นส่วนใหญ่ และรับฟงั ข้อมูลทนี่ ำเสนอไมส่ ่งผล
กระทบหรือใหร้ า้ ยผู้อน่ื ความคดิ เห็นของผู้อืน่ กระทบหรือใหร้ า้ ยผู้อืน่
ทัง้ ทางตรงและทางอ้อม ข้อมลู ทน่ี ำเสนอไมส่ ง่ ผล ทั้งทางตรงและทางอ้อม
กระทบหรือใหร้ า้ ยผู้อืน่ เพียงบางส่วน
ทง้ั ทางตรงและทางอ้อม
เป็นสว่ นใหญ่

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
10 – 12 ดี
9–6
นอ้ ยกวา่ 6 พอใช้
ปรบั ปรุง

11.3 แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

คำชแ้ี จง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ลงในช่อง

ที่ตรงกบั ระดับคะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อันพงึ ประสงคด์ า้ น 32 1

1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาตแิ ละรอ้ งเพลงชาติได้

กษัตรยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทีส่ ร้างความสามัคคีปรองดองและเปน็ ประโยชน์

ตอ่ โรงเรียน

1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา

1.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมที่เก่ียวกับสถาบนั พระมหากษตั ริย์ตามท่โี รงเรยี นจัดข้ึน

2. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ 2.1 ให้ขอ้ มูลทถี่ กู ต้องและเปน็ จริง

2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสิ่งท่ถี ูกตอ้ ง

3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของครอบครวั

มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจำวัน

4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชนแ์ ละนำไปปฏิบัตไิ ด้

4.2 รู้จกั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม

4.3 เช่ือฟังคำสั่งสอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ยง้

4.4 ตง้ั ใจเรยี น

5. อยอู่ ย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรพั ย์สินและสง่ิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั

5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คุณคา่

5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงนิ

6. มุง่ มัน่ ในการทำงาน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย

6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพ่ือให้งานสำเรจ็

7. รักความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สำนึกในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย

7.2 เหน็ คุณคา่ และปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย

8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครูทำงาน

8.2 รจู้ ักการดแู ลรักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น

และโรงเรยี น

ลงชอ่ื ..................................................ผู้ประเมนิ
............/.................../................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
พฤติกรรมที่ปฏิบัตชิ ัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 51-60 ดมี าก
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน 41-50 ดี
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางคร้ัง 30-40 พอใช้
ปรับปรงุ
ตำ่ กวา่ 30

ใบความรู้
เร่ือง การใช้ Google Forms
คำช้ีแจง : เอกสารนเ้ี ป็นตัวอยา่ งการใช้ Google Forms ในกิจกรรม อาชพี ในอนาคต
ให้นกั เรียนทำกจิ กรรมโดยตอบแบบสอบถามใน Google Forms ท่ีครูเตรียมไวใ้ ห้ จากนน้ั
ครูเปิดผลผลการแบบสอบถามในแถบคำสงั่ “การตอบกลับ” ในรูปแบบแผนภูมิ
ตัวอยา่ ง คำถามในแบบสอบถาม
1.อาชพี ท่ีอยากทำในอนาคต (ตัวอยา่ งตวั เลือก ครู ตำรวจ ทหาร โปรแกรมเมอร์ นกั บญั ชี ดารา
นกั แสดง นักร้อง )
2.ระดบั เงินเดือนทค่ี าดหวัง (ตัวอยา่ งตวั เลือก 20,000-40,000 / 40,000-60,000 / 60,000-80,000
/ 80,000-100,000 / มากกวา่ 100,000 )
3.บรษิ ัทที่อยากรว่ มงานดว้ ย (ตวั อย่างตวั เลอื ก Apple, Facebook, Google, Adidas )
ตวั อยา่ ง แบบสอบถาม

ตวั อย่าง แผนภมู ิจากการประมวลผลด้วยGoogle Forms

หมายเหตุ
1.สามารถศึกษาวิธีการสรา้ งแบบสอบถามด้วย Google Forms จากเอกสารตาม

ลิงค์http://km.cpd.go.th/pdf-bin/pdf_2117498769.pdf

12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......

ลงช่อื
(

ตำแหนง่

13. บนั ทึกผลหลังการสอน
 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2

ความนา่ เชื่อถอื ของข้อมลู

เวลา 8 ช่ัวโมง

1. ผลการเรียนรู้

1. เพอ่ื ใหผ้ ้เู รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

2. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมีทกั ษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ การแกป้ ัญหาเปน็ ขัน้ ตอน และเป็น

ระบบ

3. เพ่ือให้ผเู้ รียนมที กั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ รกั ษาข้อมลู ส่วนตวั และการส่อื สารเบ้ืองตน้

ในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชวี ิตจรงิ ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ

4. เพือ่ ให้ผู้เรยี นนำความรู้ความเข้าใจในวชิ าวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ท่เี กิดขึน้ ไปใชใ้ หเ้ กดิ

ประโยชนต์ อ่ สงั คมและการดำรงชีวติ

5. เพื่อใหผ้ เู้ รียนพฒั นากระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและการ

จัดการทักษะในการส่ือสาร ความสามารถในการตดั สนิ ใจ

6. เพ่ือให้ผู้เรยี นเป็นผู้มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตรแ์ ละ

เทคโนโลยอี ย่างสรา้ งสรรค์

2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

1) การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เชน่ ตรวจสอบและยนื ยันข้อมลู โดยเทยี บเคียงจากข้อมลู

หลายแหลง่ แยกแยะข้อมูลท่เี ป็นขอ้ เทจ็ จรงิ และข้อคิดเห็น หรือใช้ PROMPT

2) การสืบค้น หาแหล่งต้นตอของขอ้ มลู

3) เหตผุ ลวิบตั ิ (logical fallacy)

4) ผลกระทบจากขา่ วสารทผ่ี ิดพลาด

5) การรเู้ ทา่ ทนั ส่ือ เช่น การวเิ คราะหถ์ งึ จดุ ประสงค์ของข้อมลู และผู้ให้ข้อมลู ตีความ แยกแยะเนื้อหา

สาระของสื่อ เลือกแนวปฏิบตั ิไดอ้ ย่างเหมาะสมเมื่อพบข้อมูลต่าง ๆ

3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

การสืบคน้ แหลง่ ข้อมลู เป็นกระบวนการคน้ หาข้อมูลทต่ี ้องการ โดยใชเ้ ครื่องมือต่าง ๆ

แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ดงั น้ี

1. การสบื ค้นข้อมลู ดว้ ยมอื คือ การสืบค้นขอ้ มลู ดว้ ยเอกสาร หนังสอื ตำรา เป็นตน้

2. การสืบค้นขอ้ มูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ คอื การสืบค้นข้อมูลผ่านเทคโนโลยหี รืออุปกรณ์

คอมพิวเตอร์ เช่น การสืบคน้ ขอ้ มูลจากระบบฐานข้อมูล ขอ้ มลู ออนไลน์ เปน็ ตน้

การประเมนิ ความน่าเช่ือถือของข้อมลู เปน็ ขนั้ ตอนในการประเมินเพื่อคดั เลอื กข้อมูลท่ีได้

จากการสบื คน้ ข้อมลู ทีม่ ีคณุ ค่า มคี วามนา่ เชอื่ ถอื เป็นการพิจารณาเพื่อคดั เลือกจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ

ซ่งึ จากการประเมินความน่าเช่ือถือจะทำใหเ้ ราได้ข้อมลู ทม่ี ีคุณค่า และนำข้อมูลไปประยกุ ต์ใช้

อย่างเหมาะสม

การรู้เท่าทันสื่อเป็นลักษณะสมรรถนะท่ีครอบคลุมทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในส่วนท่ีเกี่ยวข้อง

กับความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศผ่านสื่อ และเทคโนโลยีดิจิทัล การเลือก รับ วิเคราะห์ ประเมิน

และนำขอ้ มูลทไี่ ดร้ ับไปใช้ในทางสรา้ งสรรค์

4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี นิ ัย

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. ม่งุ มัน่ ในการทำงาน

4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. มีจิตสาธารณะ

5. ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอื่ ง -

6. การวัดและการประเมินผล

รายการวดั วิธวี ัด เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
6.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ ประเมนิ ตามสภาพจริง
กอ่ นเรยี น ก่อนเรยี น
- แบบทดสอบก่อนเรยี น
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหัด(วิทยาการ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
เรอ่ื ง ความน่าเชื่อถือของ Exersice หน้า 19-21 คำนวณ) ม.3
ข้อมลู หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2
6.2 การประเมินระหว่างการจัด - ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 เรื่อง ความนา่ เชื่อถือ
กจิ กรรม เรือ่ ง คำไหนเร็ว ของขอ้ มูล
1) การสบื คน้ เพ่ือหา กว่ากัน
แหลง่ ขอ้ มลู - ใบงานที่ 2.1.1
- ตรวจแบบฝึกหดั เร่ือง คำไหนเร็ว
2) การประเมนิ Exersice หนา้ 21-23 กวา่ กัน
ความน่าเช่ือถือ
ของขอ้ มลู - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบประเมิน
Exercise หนา้ 24–26 แบบฝึกหัด

- ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหัด(วิทยาการ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
Exercise หน้า 26–27 คำนวณ) ม.3
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2
เรื่อง ความนา่ เชื่อถือ

รายการวัด วิธีวัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน

3) การรเู้ ท่าทนั สื่อ - ตรวจแบบฝกึ หัด ของข้อมลู

4) คุณลกั ษณะ Exercise หน้า 28
อันพึงประสงค์
- ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด(วิทยาการ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
6.3 การประเมนิ หลังเรียน
1) แบบทดสอบหลังเรยี น Exercise หน้า 29–31 คำนวณ) ม.3
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2
เรื่อง ความน่าเชื่อถือ ข้อ 1 – 4 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2
ของข้อมลู
2) การประเมนิ ชนิ้ งาน/ - ตรวจแบบฝกึ หดั เรือ่ ง ความนา่ เช่ือถือ
ภาระงาน (รวบยอด)
เร่อื ง - Activity หนา้ 32 ของขอ้ มลู

- สงั เกตความมีวนิ ยั - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2

ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมนั่ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์

ในการทำงาน และ อนั พงึ ประสงค์

มจี ติ สาธารณะ

- ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

หลงั เรยี น หลงั เรียน

- ตรวจช้ินงาน/ - แบบประเมนิ ชิน้ งาน/ - ระดับคณุ ภาพ 2

ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) ผา่ นเกณฑ์

7. กิจกรรมการเรียนรู้
นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 เร่ือง ความน่าเชอื่ ถอื ของข้อมูล

เร่อื งที่ 1 : การสบื คน้ เพ่ือหาแหลง่ ข้อมลู เวลา 2 ช่ัวโมง

วิธกี ารสอนแบบการอภิปราย

เทคนิคการสอนแบบค่คู ิด (Think Pair Share)

ขน้ั นำ (10 นาที)

1. ครสู อบถามนักเรียนวา่ หากต้องการทราบข้อมูลเร่ืองท่ีสนใจ นักเรียนมีวธิ ีการค้นหาข้อมูลได้อย่างไร และใช้
เคร่ืองมอื ใด
(แนวคำตอบ ค้นหาจากอินเทอร์เนต็ โดยใช้ google คน้ ดว้ ยตำราหรือหนงั สือ)

ขั้นสอน (30 นาท)ี

1. ครูอธิบายเนื้อหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) หน้า 25 ในอดีตการค้นหาข้อมูลส่วน
ใหญจ่ ะใช้วธิ ีการสืบค้นข้อมูลด้วยมือ เนื่องจากขอ้ มูลส่วนใหญ่อยู่ในหนังสือ เอกสาร ตำรา แตใ่ นยุคปจั จบุ ัน
คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เนต็ ถกู ใชง้ านอย่างแพร่หลาย ดงั นั้นวธิ กี ารสบื ค้นข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์จึง
เปน็ ท่นี ยิ ม

2. ครูอธิบายเนื้อหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) หน้า26 ข้อมลู ที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ตน้ัน
มีขนาดใหญ่ การสืบค้นจึงควรมีวิธีการหรือเคร่ืองมือเข้ามาช่วย เช่น กำหนดวัตถุประสงค์ของการสืบค้น
ประเภทของข้อมูลที่สามารถสืบค้นได้ อุปกรณ์และความรู้ท่ีใช้ในการสืบค้น บริการอินเทอร์เน็ต เคร่ืองมือ
หรือโปรแกรมสำหรบั สบื ค้น

3. ครูสนทนากับนักเรียนว่าอินเทอร์เน็ตที่มีท้ังประโยชน์และโทษ ครูถาม คำถามว่า “นักเรียนคิดว่า
อนิ เทอร์เนต็ ให้ประโยชนอ์ ยา่ งไรกบั ตัวนักเรยี นบา้ ง”
(แนวคำตอบ ใชใ้ นการสบื ค้นข้อมลู ได้รวดเรว็ ประหยดั เวลา ใชต้ ดิ ตอ่ สารสารกบั คนอนื่ )

4. จากน้นั ครูถามคำถามนกั เรียนว่า “แล้วคดิ วา่ อนิ เทอร์เน็ตมีโทษกับตวั นกั เรยี นหรือไม่ อยา่ งไร”
(แนวคำตอบ เลน่ มากไปเสยี การเรยี น)

4. ครูอธิบายเพ่ิมเติมในเน้ือหาประโยชน์และโทษของอินเทอร์เน็ตจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ
คำนวณ) หน้า 27 – 28

5. ครูให้นักเรียนดูแนวทางการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมีคุณธรรมและจริยธรรมในหนังสือ หน้า 29 และสรุป
แนวคิดเรื่องคณุ ธรรมและจรยิ ธรรมในการใช้อนิ เทอร์เน็ตรว่ มกนั

6. ครูยกตัวอย่างภาพเกี่ยวกับการโพสในโซเชียลเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ตให้
นักเรียนดู และใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ ว่าขอ้ ความทีโ่ พสเหมาะสมหรือไม่ อยา่ งไร

7. ครใู ห้นักเรียนทำแบบฝกึ หัด exersice ในแบบฝกึ หัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 19 – 21 ขอ้ 1 –

4 เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจ

ชว่ั โมงท่ี 2

ขน้ั สอน (40 นาท)ี

8. ครูสอบถามนักเรยี นวา่ หากตอ้ งการสืบคน้ ขอ้ มลู ผา่ นอินเทอรเ์ น็ตสามารถใช้เครื่องมือใดได้บา้ ง
(แนวคำตอบ Google, bing, yahoo)

9. ครูอธิบายเครอ่ื งมือสำหรับสบื ค้นข้อมูลผ่านอินเทอรเ์ น็ตจากหนงั สอื เรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ)
อจท. หน้า 30 – 32

10. ครูให้นักเรียนจับคู่เพื่อทำกิจกรรม “คำไหนเร็วกว่ากัน” กิจกรรมน้ีต้องการให้นักเรียนกำหนดคำสำคัญ
ของการสบื คน้ ขอ้ และสามารถประเมินความน่าเช่ือถือข้องแหล่งข้อมลู ได้

11. ครกู ำหนดใหน้ กั เรียนแต่ละคคู่ ้นหาคำตอบจากอนิ เทอร์เนต็ โดยมือถือ แทบ็ เล็ต หรือแล็ปทอ็ ป
12. ครถู ามนกั เรียนวา่ จากการทำกิจกรรมเพื่อคน้ หาข้อมลู ให้ไดเ้ รว็ ทส่ี ดุ นกั เรยี นไดแ้ นวคดิ อย่างไรบา้ ง
13. ครูถามนกั เรยี นต่อวา่ หากต้องการค้นหาข้อมูลท่ีสนใจ นักเรียนมกี ารวางแผน ข้ันตอน หรือเทคนิคอย่างไร

บ้าง
14. ครูอธิบายความสำคัญ ข้ันตอนการสืบค้นข้อมูลเพบนอินเทอร์เน็ต และเทคนิคการสืบค้นด้วย

Google.com จากหนงั สือเรยี นวชิ า เทคโนโลย(ี วทิ ยาการคำนวณ) หนา้ 33 – 36
15. จากนั้นครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า

21 – 23 ข้อ 5 – 8 เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจ

ข้ันสรปุ (10 นาท)ี

1. ครูสอบถามนักเรียนวา่ จากนไ้ี ปหากตอ้ งการสืบค้นข้อมลู ผ่านอนิ เทอร์เน็ตตอ้ งมีขนั้ ตอนอย่างไร
2. ครูใหน้ ักเรียนสรปุ เทคนคิ การคน้ หาขอ้ มลู ทน่ี กั เรียนไดเ้ รียนรูร้ ว่ มกนั

เร่ืองที่ 2 : การประเมนิ ความน่าเช่อื ถือของข้อมูล เวลา 4 ชั่วโมง

วิธกี ารสอนแบบการอภปิ ราย

วิธีการสอนแบบกระบวนการกล่มุ

ขน้ั นำ (10 นาท)ี

1. ครูถามนักเรียนว่าข้อมูล ข่าวสารในอินเทอร์เน็ตมีอยู่มากมายหากเราต้องการนำเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์
นกั เรียนมีวิธีการในการคดั เลอื กขอ้ มลู ทีน่ ่าเชื่อถืออย่างไร
(แนวคำตอบ ขอ้ มูลตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งาน แหลง่ ขอ้ มูลมคี วามนา่ เชอ่ื ถือ)

ขนั้ สอน (40 นาที)

1. ครูเปิดตัวอย่างข่าวให้นักเรียนดูจากน้ันให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ (มีตัวอย่างข่าว
อยู่ท้ายแผนการสอนชั่วโมงท่ี 1)

2. ครูถามนักเรยี นวา่ นกั เรียนใชเ้ กณฑใ์ ดในการประเมินความนา่ เชอื่ ถือของขอ้ มูลบ้าง
(แนวคำตอบ แหล่งที่มาของข่าวมีความน่าเชื่อถือ มีการระบุวันที่ในการเผยแพร่ อ้างอิงแหล่งที่มาของ
ข้อมูล)

3. ครูอธิบายเน้ือหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคํานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 37 – 40
เร่ือง หลักการประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล จากนั้นครูอธิบายการตรวจสอบความน่าเช่ือถือของ
แหล่งขอ้ มลู หนา้ 41 – 42

4. ครูนำตัวอย่างชุดข้อมูลหรือข่าวให้นักเรียนดูเพิ่มเติม จากน้ันให้ทุกคนช่วยกันประเมินความน่าเชื่อถือ (ครู
สามารถหาขา่ วทีส่ นใจให้เหมาะสมกับวยั ของนกั เรยี นได้ทางอนิ เทอรเ์ น็ต หรอื สื่อส่ิงพิมพต์ ่าง ๆได)้

5. จากน้ันครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 24-26
ขอ้ 1 – 4 เพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจ
ชั่วโมงที่ 2

ขนั้ ส1อ.น (50 นาท)ี

6. ครูสนทนากับนักเรียนว่า คาบที่แล้วเราประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลด้วยหลักการการประเมินความ
น่าเช่ือถือ และการตรวจสอบแหล่งท่ีมาของข้อมูล นอกจาก 2 วิธีนี้แล้ว ยังสามารถประเมินความ
นา่ เชอ่ื ถอื ของข้อมูลโดยใช้ PROMPT

7. ครูอธิบายวิธีการประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลโดยใช้ PROMPT ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี
(วทิ ยาการคํานวณ) ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 หน้า 43

8. จากน้ันครใู ห้นักเรียนทำแบบฝกึ หัด exersice ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 26 – 27

ข้อ 5 – 6 โดยใช้ PROMPT ในการวิเคราะหแ์ ละประเมินความน่าเชอ่ื ถอื ของข้อมูล

ชว่ั โมงท่ี 3

ขนั้ ส1อ.น (50 นาท)ี

9. ครูถามคำถามทบทวนนักเรยี นวา่ จากคาบท่ีแลว้
10. ครูนำภาพตัวอย่างการโพสข้อความบนเฟซบุ๊กให้นักเรียนดู และร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลว่าจากตัวอย่าง

ดังกล่าวนกั เรียนมีความคดิ เห็นอย่างไร (เปน็ ข่าวที่มีการใชเ้ หตผุ ลวบิ ตั )ิ
11. ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่าการสรูปเหมารวม เป็นตรรกะวิบัติท่ีเรียกว่า Appeal to Ignirance การแสดงความ

คิดเหน็ ต่างๆ บางเร่ืองไมม่ ใี ครทราบขอ้ มูลนั้น จนทำใหอ้ า้ งความไม่รเู้ พ่อื หาข้อเท็จจริงน้นั
12. จากน้ันครูอธิบายเน้ือหาเรื่องการใช้เหตุผลวิบัติ และยกตัวอย่างการใช้เหตุผลวิบัติ พร้อมผลกระทบที่

เกดิ ขึ้นจากตวั อยา่ งในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วทิ ยาการคาํ นวณ) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 หน้า 46-47
13. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 4-5 คน และให้แต่ละกลุ่มหาตัวอย่างการใช้เหตุผลวิบัติบนอินเทอร์เน็ต เพื่อ

วิเคราะห์ผลกระทบ หรือปัญหาท่ีอาจเกิดตามมาจากนั้นให้แต่ละกลุ่มเตรียมนำข้อมูลมาแบ่งปันหน้าชั้น
เรยี น (อาจเอกสารหรือPowerPoint มาประกอบ ) ในหัวขอ้ “เหตุผลวิบัติ และผลกระทบทเี่ กดิ ขน้ึ ” พร้อม
บันทึกลงในแบบฝึกหัดแบบฝึกหัด exersice ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 28 ข้อ 7-
8

ชวั่ โมงท่ี 4

ขั้นส1อ.น (40 นาท)ี

14. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากกิจกรรมที่ให้ไปเตรียมในการแบ่งปันข้อมูลจากคาบท่ีแล้ว นักเรียนเลือก
ยกตัวอยา่ งเหตผุ ลวิบตั ปิ ระเภทไหนบา้ ง
(แนวคำตอบ การละท้ิงข้อยกเว้น การสรปุ เหมารวม การอา้ งความไม่รู้ )

15. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาแบง่ ปันขอ้ มูลหนา้ ช้ันตามหัวข้อท่ีได้รับมอบหมาย จากน้ันให้นักเรียนกลุ่ม
อ่ืน ๆ ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของกลุ่มท่ีนำเสนอผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการใช้
เหตผุ ลวบิ ตั ิ

ข้ันสรปุ (10 นาที)

1. ครสู อบถามนักเรยี นว่าจากคาบที่ผา่ นมานักเรยี นไดม้ ุมมองในการใช้อินเทอร์เนต็ อย่างไรบ้าง
(แนวคำตอบ ข้อมูลท่ีเราอ่านอาจไม่ใช้ข้อมูลจริงทั้งหมดควรประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลก่อน
ตดั สนิ ใจเชื่อ ข่าวบางสำนกั มกี ารเขียนข่าวโดยใช้เหตผุ ลวบิ ัติเราควรอา่ นข่าวอย่างมีวิจารณญาณหรือคิดไต่
ตรองตามเนื้อหาที่ขา่ วเขียนไปด้วย)

เรื่องท่ี 3 : การรู้เท่าทนั สือ่ เวลา 2 ชัว่ โมง

วธิ กี ารสอนแบบการอภิปราย

ข้นั นำ (10 นาท)ี

1. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากคาบท่ีแล้ว ข้อมูลท่ีเราพบในอินเทอร์เน็ต นอกจากการประเมินความน่าเช่ือถือ
ของขอ้ มลู ก่อนนำไปใชง้ านแลว้ เรายังต้องคำนึงถึงด้านใดอกี บ้าง
(แนวคำตอบ การกล่นั แกลง้ คนอนื่ ดว้ ยสอื่ ออนไลน์ ลขิ สทิ ธิ์ของขอ้ มลู )

ข้นั สอน (40 นาท)ี

1. ครูถามนักเรียนว่าก่อนที่จะสามารถวิเคราะห์ และรู้เท่าทันส่ือได้ ควรมีพื้นฐานความรู้ ความสามารถด้าน
ใดบา้ ง
(แนวคำตอบ การใชค้ อมพิวเตอร์ ความสามารถในการคน้ หาข้อมลู ขา่ วสาร)

2. ครูอธิบายองค์ประกอบของการรู้เท่าทันส่ือจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคํานวณ) ช้ัน
มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 หนา้ 50-51

3. ครอู ธิบายท่ีมาของความสามารถในการรเู้ ท่าทันส่ือดจิ ิทลั และการรู้เท่าทนั สอ่ื ดิจิทลั 8 ดา้ น ในหนังสอื เรียน
วชิ า เทคโนโลยี(วิทยาการคาํ นวณ) ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 หนา้ 52

4. ครสู ุ่มนกั เรยี นยกตวั อย่างการรเู้ ทา่ ทนั ส่อื คนละดา้ น พรอ้ มยกตัวอย่าง
(แนวคำตอบ ด้านการปกป้องความเป็นส่วนตัวและข้อมูล ยกตัวอย่าง ไม่เปิดเผยข้อมูลท่ีอยู่ให้กับบุคคลที่
ไม่รู้จัก ไม่โพสต์ข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนลง Facebook โดยเฉพาะที่อยู่และเลขประจำตัวประชาชน
เป็นต้น)

5. ครูอธิบายหัวขอ้ “การรเู้ ท่าทนั สื่อ” ในหนังสอื เรยี นวชิ า เทคโนโลย(ี วทิ ยาการคํานวณ) ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3
หนา้ 53

6. จากน้ันครใู ห้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 29 – 31
ขอ้ 1 – 4
ช่วั โมงท่ี 2

ข้ันส2อ.น (40 นาท)ี

7. ครถู ามทบทวนนักเรียนโดยการถามคำถามวา่ ความสามารถในการร้เู ท่าทนั สือ่ ดิจทิ ลั มีก่ดี ้าน อะไรบา้ ง
(แนวคำตอบ การใช้อย่างปลอดภยั การป้องกนั ความเปน็ สว่ นตวั )

8. ครูถามนักเรยี นวา่ หากมีการใช้อนิ เทอรเ์ น็ตอย่างไมร่ ู้เทา่ ทนั จะสง่ ผลกระทบอะไรกบั ผ้อู ืน่ บา้ ง

(แนวคำตอบ ขอ้ มลู ที่เป็นเท็จ เกิดความไมป่ ลอดภัยต่อขอ้ มลู ส่วนบุคคล มกี ารละเมิดลขิ สิทธ์)ิ
9. ครูอธิบายความสำคัญของการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างรู้เท่าทัน และผลกระทบที่อาจเกดิ ขึ้นจากหนงั สือหนังสือ

เรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคํานวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 หน้า 55-57 เร่ืองการใช้ส่ือและปัญหาท่ีพบ
ในสอื่ ปจั จบุ ัน และเรื่องผลกระทบของข้อมลู ที่ผดิ พลาด
10. จากนั้นครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด Activity ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 32-33
วิเคราะหค์ วามน่าเชื่อถอื ของข้อมูล และประเมนิ ผลผลกระทบท่อี าจเกิดข้นึ หากข้อมูลผดิ พลาด

ขั้นสรปุ (10 นาท)ี

1. ครใู หน้ กั เรยี นร่วมกนั สรุปผลกระทบทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ จากการใช้อินเทอรเ์ น็ตอย่างไม่รู้เทา่ ทันส่ือ

8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
8.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1. หนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรอ่ื ง ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มูล
2. แบบฝึกหดั (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 เร่ือง ความนา่ เชอื่ ถือของข้อมูล
3. ใบงานท่ี 2.1.1 เร่อื ง คำไหนเร็วกว่ากัน
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอรเ์ นต็

แบบทดสอบกอ่ นเรียน

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1

คำชี้แจง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1.ขอ้ ใดจัดลำดบั การสบื คน้ ข้อมลู บนอนิ เทอรเ์ น็ต 5.ซนั ต้องการซื้อรถยนตค์ ันใหม่จงึ หาขอ้ มลู การเปดิ ตัวรถยนตร์ นุ่ ใหม่
จากเว็บไซต์ของค่ายรถยนต์โดยตรง
ได้ถกู ตอ้ ง ซันประเมินความนา่ เช่อื ของขอ้ มลู ตามขอ้ ใด
ก.ประเมนิ ระดบั เนือ้ หาของขอ้ มูล
ก.กำหนดวตั ถุประสงค์ > กำหนดประเภทของข้อมูล ข.ประเมนิ ความตรงตามความตอ้ งการของข้อมูล
ค.ประเมินความน่าเช่ือถอื และความทนั สมยั ของข้อมลู
> กำหนดคำสำคญั > ประเมินความน่าเชอ่ื ถือข้อมลู ง.ประเมินความความน่าเช่อื ถอื ของเคร่ืองมือในการสืบคน้
6.ข้อใดไม่ใช่วิธีการประเมินความน่าเชือ่ ถอื โดยใช้ PROMPT
ข.กำหนดวัตถปุ ระสงค์ > กำหนดคำสำคญั > กำหนด ก. กระบวนการ (Process)
ข. วัตถปุ ระสงค์ (Objectivity)
ประเภทของขอ้ มูล > ประเมนิ ความน่าเช่ือถือขอ้ มลู ค. พิสูจน์หหรือยืนยัน (Provenance)
ง. ทนั เหตุการณ์และเปน็ ปจั จบุ ัน (Timeliness)
ค.กำหนดคำสำคัญ > กำหนดวัตถปุ ระสงค์ > กำหนด 7.ข้อใดไม่ใชก่ ารใช้เหตผุ ลแบบวิบตั ิ
ก.การเจตนาฆา่ คอื อาชญากรรม ป๊อปถกู คนร้ายขู่ฆา่ เพ่อื กรรโชก
ประเภทของข้อมูล > ประเมินความน่าเช่ือถือขอ้ มูล ทรพั ยแ์ ต่ป๊อปตอ่ สู้และใช้ปนื ของคนร้ายยงิ เขา้ ท่ขี าปอ๊ ปจงึ เปน็
อาชญากร. วบิ ัติ
ง.กำหนดประเภทของข้อมลู > กำหนดคำสำคัญ ข.นักเรียนทเ่ี ขา้ เรียนในความรพู้ นื้ ฐานในปที ี่ผ่านมาจะสอบผา่ น
ดงั นน้ั เดก็ นักเรียนทกุ คนทเี่ ข้าเรยี นคาบความรูพ้ ื้นฐานในปนี ีจ้ ะสอบ
> กำหนดวัตถปุ ระสงค์ > ประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือ ผา่ น วิบัติ
ค.มิวมีฐานะทางบา้ นปานกลาง จึงขอใหศ้ ลิ ปินท่านอืน่ ไมค่ ดิ
ข้อมูล ค่าลขิ สิทธ์ิเวลานำเพลงศิลปนิ ทา่ นอ่ืนไปทำการแสดงเพ่อื ใหม้ ิวมี
รายได้เลี้ยงครอบครวั วิบัติ
2.คุณพอ่ ของเอมอายุมากแล้วเอมตอ้ งการหาเคร่ืองด่มื ง.วา่ นไดผ้ ลการเรียนทดี่ แี ละไดร้ างวลั จากพอ่ เนื่องจากพ่อสัญญาวา่
จะใหร้ างวลั ถา้ ว่านไมต่ ิดศูนย์วิชาใดเลย
ทเ่ี หมาะใหค้ ณุ พ่อด่ืม เอมจงึ ค้นหาขอ้ มูลบนอินเทอร์เนต็ ด้วยคำ 8.การพิจารณาการกระทำของตนเองว่ามีผลกระทบหรือผลลพั ธ์ตอ่
ผอู้ ืน่ อย่างไร เปน็ ลกั ษณะของการรู้เทา่ ทนั ส่อื ในข้อใด
วา่ เคร่ืองดื่มสขุ ภาพผสู้ งู อายุ พฤตกิ รรมของเอมตรงกับขน้ั ตอน ก. การสะทอ้ นคิด
ข. ความสามารถในการเขา้ ถึงสอื่
ใด ค. ความเข้าใจการประเมนิ ค่าสารสนเทศและเนอื้ หาในส่ือ
ง. การสร้าง การใชป้ ระโยชน์ และการเฝา้ ระวงั สารสนเทศและ
ก.กำหนดคำสำคัญสำหรบั สบื ค้นขอ้ มลู เนือ้ หาในส่ือ

ข.กำหนดประเภทของข้อมูลทจี่ ะสืบค้น

ค.กำหนดวัตถุประสงค์และหัวขอ้ การสืบค้นให้ชดั เจน

ง.ประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลท่ไี ดจ้ ากการสืบค้น

3.หากต้องการคน้ หารปู ภาพรถยนต์ Hybrid

ข้อใดใชเ้ ทคนคิ การคน้ หาข้อมลู ด้วย Google.com

ได้อย่างเหมาะสม

ก.รถยนต์ – Hybrid ข.รถยนต์ + Hybrid

ค.รถยนต์ “ Hybrid ” ง.รถยนต์ or Hybrid

4.ข้อใดไมใ่ ชห่ ลกั การในการประเมนิ ความนา่ เช่อื ถือของข้อมลู

ก.ประเมินระดบั เนอื้ หาของข้อมลู

ข.ประเมนิ ความตรงตามความต้องการของข้อมลู

ค.ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือและความทันสมัยของขอ้ มลู

ง.ประเมินความความนา่ เช่ือถอื ของเครือ่ งมอื ในการสืบคน้

9.ปอยต้องการโพสใบแจ้งคะแนนผลการเรยี นของตนเอง 10.ขอ้ ใดเป็นผลกระทบของข้อมูลท่ผี ิดพลาด
ลงเฟซบุ๊กปอยจึงนำปากสีเขม้ มาเขยี นปกปิดข้อมลู ทไ่ี ม่ ก. ฟา้ ใชแ้ ผน่ พบั เร่อื งโรคมะเรง็ จากโรงพยาบาลศิรริ าชมาเขยี น
เหมาะสมตอ่ การเปดิ เผยตอ่ ผอู้ ื่นทั้งแลว้ จึงถา่ ยรปู โพสต์ บล็อกและเผยแพร่
ลงเฟซบ๊กุ การกระทำของปอยเปน็ การรู้เท่าทนั สอ่ื ตามขอ้ ใด ข. กอ้ ยนำรูปภาพโปสเตอรเ์ ชญิ ชวนเข้าสมคั รเข้ารว่ มโครงการอาสา
ก. ความรู้เทา่ ทันข้อมลู ดิจิทลั ปลกู ปะการงั จาก UNESCO มาแชรห์ นา้ เฟสบุ๊กของตนเอง
ข. การปกปอ้ งความเป็นส่วนตวั และข้อมลู ค. หญิงอา่ นขอ้ มลู ปรมิ าณของจำนวนรถยนตส์ ่วนบคุ คลทเ่ี พม่ิ ขึน้
ค. การสร้างอัตลักษณส์ ว่ นตัวในโลกออนไลน์ อยา่ งตอ่ เนื่องจากเวบ็ ไซต์กรมการขนสง่ แลว้ มาเขยี นบทความตาม
ง. การใชข้ ้อมลู ดจิ ทิ ัลอยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละไมล่ ะเมดิ สทิ ธิ์ มมุ มองของตนเองและแชรบ์ นเฟซบ๊กุ
ง. ออยเหน็ ประกาศเตอื นที่หนา้ โรงพักเรือ่ งใหร้ ะวังขโมยในชว่ งปี
ใหม่เน่ืองจากพื้นที่ทตี่ ำรวจตอ้ งดแู ลมีบรเิ วณกวา้ งอาจทำใหด้ แู ล
ไมท่ วั่ ถงึ ออยจึงถ่ายรูปลงไลน์กลมุ่ ของหมบู่ า้ นตนเอง

เฉลย

1. ก 2. ก 3. ข 4. ง 5. ค 6. ก 7. ง 8. ก 9. ข 10. ค

แบบทดสอบหลงั เรียน

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1

คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1.ซนั ตอ้ งการซอ้ื รถยนต์คนั ใหมจ่ ึงหาข้อมลู การเปิดตัวรถยนตร์ ่นุ 5.ขอ้ ใดจัดลำดบั การสบื คน้ ข้อมลู บนอนิ เทอร์เน็ต
ใหมจ่ ากเวบ็ ไซตข์ องคา่ ยรถยนต์โดยตรง ได้ถูกต้อง
ซันประเมนิ ความนา่ เช่ือของขอ้ มลู ตามขอ้ ใด ก.กำหนดวตั ถปุ ระสงค์ > กำหนดประเภทของข้อมูล
ก.ประเมินระดับเน้อื หาของข้อมูล
ข.ประเมินความตรงตามความตอ้ งการของขอ้ มูล > กำหนดคำสำคญั > ประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถอื ขอ้ มูล
ค.ประเมนิ ความนา่ เช่อื ถอื และความทนั สมยั ของขอ้ มลู ข.กำหนดวตั ถุประสงค์ > กำหนดคำสำคญั > กำหนด
ง.ประเมนิ ความความนา่ เช่ือถอื ของเครอ่ื งมอื ในการสืบค้น
2.ข้อใดเป็นผลกระทบของข้อมลู ทผ่ี ดิ พลาด ประเภทของข้อมลู > ประเมินความนา่ เช่ือถือข้อมลู
ก. ฟ้าใชแ้ ผ่นพบั เร่ืองโรคมะเร็งจากโรงพยาบาลศิริราชมาเขยี น ค.กำหนดคำสำคัญ > กำหนดวัตถปุ ระสงค์ > กำหนด
บลอ็ กและเผยแพร่
ข. ก้อยนำรูปภาพโปสเตอร์เชิญชวนเขา้ สมัครเขา้ รว่ มโครงการ ประเภทของข้อมูล > ประเมินความนา่ เช่อื ถอื ข้อมูล
อาสาปลูกปะการังจาก UNESCO มาแชรห์ น้าเฟสบุ๊กของตนเอง ง. กำหนดประเภทของข้อมลู > กำหนดคำสำคญั
ค. หญิงอ่านข้อมูลปรมิ าณของจำนวนรถยนต์ส่วนบคุ คลที่
เพมิ่ ขนึ้ อยา่ งตอ่ เนือ่ งจากเวบ็ ไซต์กรมการขนสง่ แล้วมาเขยี น > กำหนดวัตถุประสงค์ > ประเมนิ ความนา่ เช่ือถอื ข้อมลู
บทความตวามมมุ มองของตนเองและแชร์บนเฟซบ๊กุ 6.การพิจารณาการกระทำของตนเองวา่ มีผลกระทบหรอื ผลลัพธ์ต่อ
ง. ออยเหน็ ประกาศเตือนทห่ี นา้ โรงพกั เรอ่ื งใหร้ ะวังขโมยในชว่ ง ผู้อน่ื อยา่ งไร เป็นลักษณะของการรเู้ ท่าทนั สอ่ื ในขอ้ ใด
ปีใหมเ่ น่อื งจากพ้นื ทที่ ตี่ ำรวจต้องดแู ลมบี ริเวณกว้างอาจำทให้ ก. การสะทอ้ นคิด
ดแู ลไม่ทว่ั ถึง ออยจงึ ถา่ ยรูปลงไลนก์ ลุ่มของหมูบ่ ้านตนเอง ข. ความสามารถในการเข้าถึงสื่อ
3.คณุ พอ่ ของเอมอายุมากแล้วเอมตอ้ งการหาเครอื่ งด่มื ค. ความเขา้ ใจการประเมินค่าสารสนเทศและเนือ้ หาในสอื่
ท่เี หมาะใหค้ ณุ พ่อดื่ม เอมจึงค้นหาข้อมลู บนอนิ เทอรเ์ นต็ ด้วยคำ ง. การสรา้ ง การใช้ประโยชน์ และการเฝา้ ระวังสารสนเทศและ
ว่าเครอ่ื งด่ืมสุขภาพผู้สงู อายุ พฤตกิ รรมของเอมตรงกับขั้นตอน เนอื้ หาในสือ่
ใด 7.ปอยต้องการโพสใบแจง้ คะแนนผลการเรยี นของตนเองลงเฟซบ๊กุ
ก.กำหนดคำสำคัญสำหรับสบื คน้ ขอ้ มลู ปอยจงึ นำปากสีเข้มมาเขียนปกปดิ ขอ้ มูลท่ีไม่เหมาะสมต่อการ
ข.กำหนดประเภทของข้อมลู ทจ่ี ะสบื ค้น เปดิ เผยต่อผู้อ่ืนทัง้ แลว้ จงึ ถา่ ยรูปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก การกระทำของ
ค.กำหนดวัตถุประสงค์และหัวขอ้ การสบื คน้ ใหช้ ดั เจน ปอยเป็นการรเู้ ท่าทันสื่อตามขอ้ ใด
ง.ประเมนิ ความน่าเชอื่ ถอื ของข้อมลู ทีไ่ ดจ้ ากการสบื คน้ ก. ความรเู้ ทา่ ทันขอ้ มลู ดจิ ทิ ัล
4.ข้อใดไมใ่ ชว่ ธิ ีการประเมินความน่าเช่อื ถอื โดยใช้ PROMPT ข. การปกปอ้ งความเปน็ ส่วนตัวและขอ้ มลู
ก. กระบวนการ (Process) ค. การสรา้ งอัตลกั ษณส์ ่วนตวั ในโลกออนไลน์
ข. วตั ถุประสงค์ (Objectivity) ง. การใช้ขอ้ มูลดิจทิ ลั อยา่ งสร้างสรรคแ์ ละไมล่ ะเมดิ สทิ ธ์ิ
ค. พสิ ูจน์หหรอื ยนื ยัน (Provenance)
ง. ทันเหตกุ ารณ์และเปน็ ปัจจุบัน (Timeliness)

8.หากตอ้ งการค้นหารปู ภาพรถยนต์ Hybrid 10.ขอ้ ใดไมใ่ ช่การใชเ้ หตุผลแบบวบิ ัติ
ก.การเจตนาฆ่าคืออาชญากรรม ป๊อปถูกคนร้ายขู่ฆา่ เพอื่ กรรโชก
ข้อใดใชเ้ ทคนิคการคน้ หาข้อมูลด้วย Google.com ทรัพย์แต่ปอ๊ ปตอ่ สแู้ ละใชป้ ืนของคนร้ายยิงเขา้ ทข่ี าปอ๊ ปจึงเปน็
อาชญากร. วบิ ตั ิ
ได้อยา่ งเหมาะสม ข.นักเรียนที่เข้าเรียนในความร้พู ้ืนฐานในปที ผ่ี ่านมาจะสอบผา่ น
ดังน้ัน เด็กนกั เรียนทกุ คนทเี่ ข้าเรยี นคาบความรพู้ ื้นฐานในปนี ้จี ะสอบ
ก.รถยนต์ –Hybrid ข.รถยนต์ +Hybrid ผ่าน วบิ ัติ
ค.มวิ มีฐานะทางบ้านปานกลาง จงึ ขอใหศ้ ิลปนิ ท่านอืน่ ไม่คดิ
ค.รถยนต์ “Hybrid” ง.รถยนต์ or Hybrid ค่าลขิ สทิ ธ์เิ วลานำเพลงศิลปนิ ท่านอ่ืนไปทำการแสดงเพื่อใหม้ วิ มี
รายไดเ้ ล้ียงครอบครวั วิบัติ
9.ข้อใดไม่ใช่หลักการในการประเมนิ ความนา่ เช่ือถอื ของขอ้ มลู ง.วา่ นไดผ้ ลการเรยี นทดี่ แี ละไดร้ างวลั จากพอ่ เนื่องจากพ่อสัญญาว่า
จะใหร้ างวัลถ้าว่านไมต่ ิดศนู ย์วิชาใดเลย
ก.ประเมนิ ระดับเนื้อหาของข้อมลู

ข.ประเมนิ ความตรงตามความต้องการของขอ้ มูล

ค.ประเมินความน่าเช่ือถือและความทนั สมยั ของขอ้ มูล

ง.ประเมนิ ความความน่าเชื่อถอื ของเคร่ืองมือในการสืบค้น

เฉลย

1. ค 2. ค 3. ก 4. ก 5. ก 6. ก 7. ข 8. ข 9. ง 10. ง

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 ความนา่ เชื่อถือของขอ้ มูล เวลา 8 ชว่ั โมง

เรอื่ ง การสบื ค้นเพ่ือหาแหล่งข้อมูล เวลา 2 ชัว่ โมง

รายวิชา คอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3

1. ผลการเรยี นรู้

1. เพื่อใหผ้ ู้เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ

2. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นมีทักษะการคิดเชงิ คำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ การแกป้ ญั หาเปน็ ขน้ั ตอน และเป็น

ระบบ

3. เพ่ือใหผ้ ู้เรียนมที ักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมลู สว่ นตวั และการส่ือสารเบอ้ื งตน้

ในการแกป้ ญั หาท่ีพบในชีวติ จรงิ ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

4. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นนำความรู้ความเขา้ ใจในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นไปใชใ้ ห้เกดิ

ประโยชนต์ อ่ สังคมและการดำรงชวี ิต

5. เพอ่ื ให้ผเู้ รียนพฒั นากระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ

จัดการทกั ษะในการส่ือสาร ความสามารถในการตดั สนิ ใจ

6. เพือ่ ใหผ้ ู้เรียนเปน็ ผมู้ ีจิตวทิ ยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์และ

เทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. บอกขนั้ ตอนการสบื คน้ เพื่อหาแหล่งข้อมูลด้วยอินเทอรเ์ น็ตได้ (K)

2. ค้นหาขอ้ มลู ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ (P)

3. ค้นหาข้อมูลทมี่ ีความนา่ เชือ่ ถือและมีคุณค่าสำหรับการนำไปใชป้ ระโยชน์ได้ (P,A)

3. สาระสำคญั

การสืบค้นแหล่งข้อมูลเป็นกระบวนการค้นหาข้อมูลท่ีต้องการ โดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ แบ่งออกเป็น

2 ประเภท ดังน้ี

1. การสืบค้นขอ้ มูลดว้ ยมอื คอื การสบื ค้นข้อมูลด้วยเอกสาร หนังสือ ตำรา เป็นตน้

2. การสืบค้นข้อมูลด้วยระบบคอมพวิ เตอร์ คือ การสบื คน้ ข้อมลู ผา่ นเทคโนโลยหี รืออปุ กรณ์

คอมพวิ เตอร์ เช่น การสืบค้นขอ้ มลู จากระบบฐานข้อมลู ข้อมูลออนไลน์ เป็นต้น

4. สาระการเรียนรู้

1. การสืบคน้ ขอ้ มลู ด้วยระบบคอมพวิ เตอร์

2. ขน้ั ตอนการสืบคน้ เพ่อื หาแหล่งข้อมูลดว้ ยอนิ เทอร์เนต็

5. รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน

1. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย

2. วธิ กี ารสอนโดยเน้นการเรยี นร้แู บบร่วมมือ (Collaborative learning)

- เทคนิคคู่คดิ (Think Pair Share)  ซ่อื สตั ย์ สจุ รติ
 ใฝ่เรยี นรู้
6. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน  มุ่งมน่ั ในการทำงาน
 ความสามารถในการสื่อสาร  มีจติ สาธารณะ
 ความสามารถในการคดิ
 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. ทักษะ 4 Cs
 ทักษะการคิดวจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
 ทกั ษะการทำงานร่วมกนั (Collaboration Skill)
 ทักษะการส่ือสาร (Communication Skill)
 ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)

8. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
 รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
 มวี นิ ัย
 อยอู่ ย่างพอเพียง
 รักความเป็นไทย

9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้

ช่วั โมงที่ 1

1. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง ความน่าเช่ือถือของข้อมูล
เพือ่ วัดความรเู้ ดิมของนกั เรียนก่อนเข้าสู่กิจกรรม

ขั้นนำ (10 นาที)
1. ครูสอบถามนักเรียนว่าหากต้องการทราบข้อมูลเร่ืองที่สนใจ นักเรียนมีวธิ ีการค้นหาข้อมูลได้อย่างไร และใช้

เคร่ืองมอื ใด
(แนวคำตอบ ค้นหาจากอินเทอรเ์ น็ตโดยใช้ google ค้นดว้ ยตำราหรือหนงั สอื )
ข้นั สอน (30 นาท)ี
1. ครูอธิบายเนื้อหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) หน้า 25 ในอดีตการค้นหาข้อมูลส่วน
ใหญ่จะใช้วธิ ีการสบื ค้นข้อมูลดว้ ยมือ เนือ่ งจากข้อมูลส่วนใหญอ่ ย่ใู นหนังสือ เอกสาร ตำรา แต่ในยุคปัจจุบัน

คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตถูกใช้งานอย่างแพรห่ ลาย ดังน้ันวิธีการสบื ค้นข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์จึง
เป็นท่ีนยิ ม
2. ครอู ธิบายเนื้อหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) หน้า26 ข้อมูลท่ีมีอยู่ในอินเทอร์เน็ตนั้น
มีขนาดใหญ่ การสืบค้นจึงควรมีวิธีการหรือเคร่ืองมือเข้ามาช่วย เช่น กำหนดวัตถุประสงค์ของการสืบค้น
ประเภทของข้อมูลท่ีสามารถสืบค้นได้ อุปกรณ์และความรู้ที่ใช้ในการสืบค้น บริการอินเทอร์เน็ต เครื่องมือ
หรอื โปรแกรมสำหรบั สืบค้น
3. ครูสนทนากับนักเรียนว่าอินเทอร์เน็ตที่มีท้ังประโยชน์และโทษ ครูถามคำถามว่า “นักเรียนคิดว่า
อินเทอร์เนต็ ให้ประโยชนอ์ ยา่ งไรกับตวั นักเรียนบ้าง”
(แนวคำตอบ ใชใ้ นการสบื ค้นข้อมูลได้รวดเรว็ ประหยดั เวลา ใชต้ ดิ ต่อสารสารกับคนอืน่ )
4. จากนน้ั ครูถามคำถามนักเรียนวา่ “แล้วคดิ วา่ อินเทอร์เน็ตมีโทษกบั ตวั นกั เรยี นหรือไม่ อยา่ งไร”
(แนวคำตอบ เล่นมากไปเสยี การเรยี น)
5. ครูอธิบายเพ่ิมเติมในเน้ือหาประโยชน์และโทษของอินเทอร์เน็ตจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ
คำนวณ) หน้า 27 – 28
6. ครูให้นักเรียนดูแนวทางการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมีคุณธรรมและจริยธรรมในหนังสือ หน้า 29 และสรุป
แนวคดิ เรอื่ งคณุ ธรรมและจริยธรรมในการใชอ้ ินเทอร์เนต็ รว่ มกนั
7. ครูยกตัวอย่างภาพเกี่ยวกับการโพสในโซเชียลเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ตให้
นักเรยี นดู และให้นักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นวา่ ข้อความท่โี พสเหมาะสมหรือไม่ อยา่ งไร
ตวั อย่างขอ้ ความท่ีโพสลงโซเชยี ล

8. ครูให้นักเรียนทำแบบฝกึ หัด exersice ในแบบฝกึ หดั เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หนา้ 19 – 21 ขอ้ 1 –
4 เพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจ

ช่ัวโมงท่ี 2

ขนั้ สอน (40 นาที)
9. ครูสอบถามนักเรียนวา่ หากต้องการสืบค้นข้อมลู ผ่านอนิ เทอรเ์ น็ตสามารถใชเ้ ครือ่ งมอื ใดได้บา้ ง

(แนวคำตอบ Google, bing, yahoo)
10. ครูอธิบายเครื่องมือสำหรับสืบค้นข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ

คำนวณ) หนา้ 30 – 32
11. ครูให้นักเรียนจับคู่เพื่อทำกิจกรรม “คำไหนเร็วกว่ากัน” กิจกรรมนี้ต้องการให้นักเรียนกำหนดคำสำคัญ

ของการสบื คน้ ข้อ และสามารถประเมินความนา่ เชื่อถอื ข้องแหลง่ ข้อมลู ได้
12. ครกู ำหนดให้นักเรยี นแตล่ ะคู่ค้นหาคำตอบจากอนิ เทอรเ์ นต็ โดยมอื ถือ แทบ็ เล็ต หรอื แลป็ ท็อป
13. ครถู ามนักเรยี นวา่ จากการทำกจิ กรรมเพอื่ คน้ หาข้อมลู ให้ได้เร็วท่สี ดุ นักเรียนได้แนวคิดอยา่ งไรบ้าง
14. ครูถามนกั เรียนต่อวา่ หากต้องการค้นหาข้อมูลที่สนใจ นักเรียนมีการวางแผน ข้ันตอน หรือเทคนิคอย่างไร

บา้ ง
15. ครูอธิบายความสำคัญ ขั้นตอนการสืบค้นข้อมูลเพบนอินเทอร์เน็ต และเทคนิคการสืบค้นด้วย

Google.com จากหนังสือเรยี นวชิ า เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) หนา้ 33 – 36
16. จากน้ันครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 21 –

23 ข้อ 5 – 8 เพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจ
ขนั้ สรุป (10 นาท)ี
1. ครสู อบถามนักเรียนวา่ จากน้ไี ปหากตอ้ งการสบื คน้ ข้อมลู ผา่ นอนิ เทอร์เนต็ ตอ้ งมขี ้นั ตอนอย่างไร
2. ครูใหน้ ักเรยี นสรปุ เทคนิคการค้นหาขอ้ มูลท่ีนักเรียนได้เรยี นรู้รว่ มกัน

10. สือ่ แหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 เรอื่ ง ความน่าเชอ่ื ถือของขอ้ มูล
2. แบบฝึกหดั (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรื่อง ความน่าเชอื่ ถือของข้อมูล
3. ใบงานท่ี 2.1.1 เร่ือง คำไหนเรว็ กว่ากัน

11. การวดั และการประเมินผล

11.1 การประเมนิ ระหว่างการจดั กจิ กรรม

จุดประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เคร่ืองมือการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน
แบบฝกึ หดั (วทิ ยาการ ตอบคำถามแบบฝกึ หดั
1. บอกขัน้ ตอนการ ตรวจแบบฝึกหัด คำนวณ) ม.3 ได้ถูกต้อง 60% ขน้ึ ไป
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2
สืบคน้ เพื่อหา Exersice หนา้ 19 - 21 เรอ่ื ง ความน่าเชื่อถือ 1. คน้ หาขอ้ มูลไดต้ รง
ของขอ้ มลู หนา้ 19 - 21 ตามวตั ถปุ ระสงค์
แหลง่ ขอ้ มลู ดว้ ย 1. ใบงานท่ี 2.1.1 คุณภาพระดับพอใช้ขึ้น
เรอื่ ง คำไหนเร็วกว่ากนั ไป
อินเทอร์เนต็ ได้ (K) 2. แบบฝึกหดั (วทิ ยาการ 2. ตอบคำถาม
คำนวณ) ม.3 แบบฝึกหดั ได้ถกู ต้อง
2. ค้นหาขอ้ มลู ได้ตรง 1. ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 60% ข้ึนไป
ตามวตั ถปุ ระสงค์ (P) เร่อื ง คำไหนเร็วกวา่ กนั เรอ่ื ง ความนา่ เช่ือถือ
2. ตรวจแบบฝึกหัด ของข้อมลู หน้า 21–23 ค้นหาขอ้ มูลที่มีความ
Exersice หนา้ 21 - 23 3. แบบประเมิน น่าเชื่อถือ และมีคณุ คา่
แบบฝกึ หัด สำหรับการนำไปใช้
3. คน้ หาข้อมูลท่ีมีความ ตรวจใบงานที่ 2.1.1 ใบงานท่ี 2.1.1 ประโยชน์ได้ คณุ ภาพ
น่าเชือ่ ถือ และมีคณุ คา่ เร่อื ง คำไหนเร็วกวา่ กัน เรือ่ ง คำไหนเรว็ กวา่ กนั ระดับพอใชข้ ้ึนไป
สำหรบั การนำไปใช้
ประโยชนไ์ ด้ (P,A)

11.2 การประเมนิ แบบฝึกหัด

ประเดน็ ในการประเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน

3 21

1. คน้ หาข้อมลู สามารถกำหนดคำ สามารถกำหนดคำ สามารถกำหนดคำ

สำคญั ในการคน้ หา สำคัญในการค้นหา สำคัญในการคน้ หา

ข้อมูลไดต้ รงประเด็น ข้อมลู ได้ตรงประเดน็ เป็น ข้อมลู ไดเ้ พยี งบางสว่ น

และข้อมลู ที่ได้ สว่ นใหญ่ และข้อมลู ทไี่ ด้ และข้อมลู ท่ีได้

ครอบคลุมตาม ครอบคลุมตาม ครอบคลุมเพียงบางสว่ น

วตั ถุประสงค์ที่ตอ้ งการ วตั ถุประสงค์ทตี่ อ้ งการ เช่นกนั

2. แหลง่ ที่มาของข้อมลู แหล่งท่ีมาของขอ้ มลู มา แหลง่ ที่มาของข้อมูลมา แหลง่ ที่มาของขอ้ มลู มา
จากหลายแหลง่ และมี
ความน่าเชอ่ื ถือ ถูกต้อง จากหลายแหล่ง และมี จากหลายแหลง่ และมี
มีคณุ ค่าสำหรับการ
นำไปใช้ประโยชนไ์ ดจ้ รงิ ความน่าเชื่อถือ ถูกตอ้ ง ความนา่ เช่ือถือ ถูกตอ้ ง

มคี ุณค่าสำหรบั การ แตข่ ้อมลู อาจจะไม่

นำไปใชป้ ระโยชน์ไดจ้ ริง สามารถนำไปใช้

เป็นสว่ นใหญ่ ประโยชนไ์ ด้จริง

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
5–6 ดี
3–4
พอใช้
น้อยกว่า 3 ปรบั ปรงุ

ใบงานท่ี 2.1.1
เร่อื ง คำไหนเรว็ กว่ากัน

จุดประสงค์ 1. กำหนดคำสำคัญสำหรบั การสืบค้นขอ้ มูลได้
2. ประเมนิ ความน่าเช่อื ถอื ของข้อมูลที่ได้จากการสบื ค้นได้

ชื่อสมาชกิ 1…………………………………………………………………………………………………
2…………………………………………………………………………………………………

คำช้ีแจง ครใู หน้ ักเรียนจับคสู่ ืบค้นหาขอ้ มูลที่กำหนดให้ต่อไปนี้ โดยใช้อินเทอร์เนต็

1. การปอ้ งกนั ตวั เมอ่ื ไปเที่ยวทะเลแล้วพลาดว่ายนำ้ ไปโดนแมงกะพรุนจะแกป้ ัญหาอยา่ งไร
คำสำคัญในการคน้ หาขอ้ มลู ...................................................................................................... ..................
ขอ้ มูลทค่ี ้นหา............................................................................................................... ...............................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหล่งทีม่ าของขอ้ มลู ……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. เมอ่ื เป็นตะครวิ ขณะว่ายน้ำ จะเอาตวั รอดอย่างไร
คำสำคญั ในการคน้ หาข้อมูล...................................................................................................... ..................
ขอ้ มูลทคี่ น้ หา.................................................................................................. ............................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหลง่ ทม่ี าของขอ้ มูล……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

3. เม่อื ผู้หญิงโดนคกุ คามจากชายฉกรรจ์ ควรมีวิธีป้องกันตัวอยา่ งไร
คำสำคัญในการค้นหาข้อมลู ...................................................................................................... ..................
ข้อมลู ท่ีค้นหา.................................................................................................. ............................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหล่งท่ีมาของข้อมูล……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4. ถา้ เจอเหตุการณ์ทม่ี ีคนเป็นลมชัก จะต้องทำอยา่ งไรเป็นอนั ดับแรก
คำสำคัญในการค้นหาข้อมลู ........................................................................................................................
ข้อมูลที่คน้ หา............................................................................................................... ...............................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหล่งทมี่ าของขอ้ มลู ……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5. เมอื่ เป็นตะคริวขณะวา่ ยน้ำ จะเอาตัวรอดอย่างไร
คำสำคัญในการค้นหาขอ้ มลู ........................................................................................................................
ขอ้ มูลที่คน้ หา............................................................................................................... ...............................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหลง่ ทมี่ าของขอ้ มลู ……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ใบงานที่ 2.1.1 เฉลย
เรือ่ ง คำไหนเรว็ กวา่ กนั

จุดประสงค์ 1. กำหนดคำสำคัญสำหรับการสืบค้นข้อมลู ได้
2. ประเมินความน่าเชอ่ื ถอื ของข้อมลู ทไ่ี ดจ้ ากการสืบค้นได้

ช่ือสมาชกิ 1…………………………………………………………………………………………………
2…………………………………………………………………………………………………

คำชแี้ จง ครใู ห้นักเรียนจับคสู่ ืบค้นหาข้อมูลท่กี ำหนดใหต้ ่อไปนี้ โดยใช้อนิ เทอร์เนต็

1. การปอ้ งกนั ตัวเม่อื ไปเท่ยี วทะเลแล้วพลาดว่ายนำ้ ไปโดนแมงกะพรนุ จะแก้ปัญหาอย่างไร
คำสำคัญในการค้นหาขอ้ มูล...................................................................................................... ..................
ข้อมูลทค่ี น้ หา.................................................................................................. ............................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหล่งทมี่ าของขอ้ มลู ……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. เมอ่ื เปน็ ตะครวิ ขณะว่ายนำ้ จะเอาตัวรอดอยา่ งไร
คำสำคัญในการค้นหาขอ้ มลู ........................................................................................................................
ข้อมลู ท่คี ้นหา............................................................................................................... ...............................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหล่งท่ีมาของขอ้ มูล……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

3. เมื่อผหู้ ญิงโดนคุกคามจากชายฉกรรจ์ ควรมีวธิ ีป้องกันตวั อย่างไร
คำสำคัญในการคน้ หาข้อมูล...................................................................................................... ..................
ขอ้ มลู ท่ีค้นหา....................................................................... .......................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหลง่ ทม่ี าของขอ้ มลู ……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4. ถา้ เจอเหตุการณท์ ม่ี ีคนเป็นลมชกั จะต้องทำอยา่ งไรเป็นอนั ดบั แรก
คำสำคญั ในการค้นหาขอ้ มลู ...................................................................................................... ..................
ข้อมูลทคี่ น้ หา..............................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหลง่ ทมี่ าของขอ้ มลู ……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5. เมอื่ เปน็ ตะคริวขณะวา่ ยน้ำ จะเอาตวั รอดอยา่ งไร
คำสำคัญในการค้นหาขอ้ มลู ...................................................................................................... ..................
ข้อมูลทค่ี น้ หา.................................................................................................. ............................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหลง่ ทีม่ าของขอ้ มลู ……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......

ลงช่อื
(

ตำแหนง่

13. บนั ทึกผลหลังการสอน
 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 2

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 ความนา่ เช่อื ถือของข้อมลู เวลา 8 ชั่วโมง

เร่ือง การประเมนิ ความน่าเช่ือถือของขอ้ มูล เวลา 4 ชว่ั โมง

รายวิชา คอมพวิ เตอร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3

1. ผลการเรยี นรู้

1. เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

2. เพ่ือให้ผูเ้ รยี นมที ักษะการคิดเชงิ คำนวณ การคดิ วิเคราะห์ การแก้ปญั หาเปน็ ขน้ั ตอน และเป็น

ระบบ

3. เพอ่ื ให้ผเู้ รียนมที กั ษะในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ รักษาขอ้ มูลส่วนตวั และการส่อื สารเบื้องต้น

ในการแก้ปญั หาที่พบในชีวติ จริงไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ

4. เพ่ือใหผ้ เู้ รียนนำความรู้ความเขา้ ใจในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยใี หม่ที่เกิดขึน้ ไปใชใ้ ห้เกิด

ประโยชนต์ ่อสงั คมและการดำรงชวี ติ

5. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ

จัดการทกั ษะในการส่ือสาร ความสามารถในการตดั สนิ ใจ

6. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นเป็นผู้มีจติ วทิ ยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มในการใช้วิทยาศาสตร์และ

เทคโนโลยีอยา่ งสรา้ งสรรค์

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. บอกหลกั การการประเมนิ ความน่าเช่ือถือของขอ้ มลู ได้ (K)

2. ประเมินความนา่ เชื่อถือของข้อมูลได้ (P)

3. คำนึงถงึ ผลกระทบท่ีเกิดขึ้นจากการใชเ้ หตุผลวิบัตไิ ด้ (A)

3. สาระสำคญั

การประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล เป็นข้ันตอนในการประเมินเพื่อคัดเลือกข้อมูลที่ได้จากการ

สืบค้นข้อมูลที่มีคุณค่า มีความน่าเช่ือถือ เป็นการพิจารณาเพื่อคัดเลือกจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ซ่ึงจากการ

ประเมินความนา่ เชอื่ ถือจะทำให้เราไดข้ ้อมูลที่มคี ุณค่า และนำขอ้ มลู ไปประยุกต์ใช้อยา่ งเหมาะสม

4. สาระการเรยี นรู้

1. หลกั การประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล

2. การตรวจสอบความน่าเชือ่ ถอื ของข้อมูล

3. การประเมนิ ความน่าเช่ือถือของข้อมูลโดยใช้PROMPT

4. เหตุผลวิบัติ

5. รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน

1. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย

2. วธิ กี ารสอนโดยเนน้ กระบวนการกลุ่ม (Group Process–Based Instruction)

6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น  ซ่อื สตั ย์ สจุ รติ
 ความสามารถในการส่ือสาร  ใฝ่เรยี นรู้
 ความสามารถในการคดิ  มุง่ ม่ันในการทำงาน
 ความสามารถในการแก้ปัญหา  มีจิตสาธารณะ
 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. ทักษะ 4 Cs
 ทักษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking)
 ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั (Collaboration Skill)
 ทักษะการส่อื สาร (Communication Skill)
 ทักษะความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking)

8. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
 รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์

 มีวินัย

 อยู่อย่างพอเพยี ง

 รกั ความเป็นไทย

9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้

ชว่ั โมงท่ี 1

ขน้ั นำ (10 นาท)ี
1. ครูถามนักเรียนว่าข้อมูล ข่าวสารในอินเทอร์เน็ตมีอยู่มากมายหากเราต้องการนำเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์

นกั เรียนมวี ธิ ีการในการคัดเลือกข้อมูลที่นา่ เชอ่ื ถืออย่างไร
(แนวคำตอบ ข้อมลู ตรงกับวตั ถปุ ระสงคก์ ารใช้งาน แหล่งขอ้ มูลมคี วามน่าเชื่อถอื )
ข้ันสอน (40 นาที)
1. ครูเปิดตัวอย่างข่าวให้นักเรียนดูจากน้ันให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ (มีตัวอย่างข่าว
อยทู่ า้ ยแผนการสอนชั่วโมงที่ 1)
2. ครูถามนักเรยี นว่านกั เรยี นใชเ้ กณฑ์ใดในการประเมินความน่าเช่อื ถือของข้อมูลบา้ ง
(แนวคำตอบ แหล่งที่มาของข่าวมีความน่าเช่ือถือ มีการระบุวันท่ีในการเผยแพร่ อ้างอิงแหล่งที่มาของ
ขอ้ มูล)

3. ครูอธิบายเน้ือหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคํานวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 หน้า 37 – 40
เร่ือง หลักการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล จากนั้นครูอธิบายการตรวจสอบความน่าเช่ือถือของ
แหล่งขอ้ มลู หนา้ 41 – 42

4. ครูนำตัวอย่างชุดข้อมูลหรือข่าวให้นักเรียนดูเพ่ิมเติม จากน้ันให้ทุกคนช่วยกันประเมินความน่าเช่ือถือ (ครู
สามารถหาข่าวที่สนใจให้เหมาะสมกับวยั ของนักเรยี นได้ทางอินเทอรเ์ น็ต หรือสอ่ื สิง่ พิมพ์ตา่ ง ๆได)้

5. จากนั้นครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 24-26
ข้อ1 – 4 เพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจ

(ตัวอย่างข่าวในข้นั สอนขอ้ 1)
แหล่งที่มา ไทยรัฐออนไลน์( https://www.thairath.co.th/news/foreign/1712348 )

ชว่ั โมงที่ 2

ข้นั สอน (50 นาที)
6. ครูสนทนากับนักเรียนว่า คาบท่ีแล้วเราประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลด้วยหลักการการประเมินความ

น่าเชื่อถือ และการตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล นอกจาก 2 วิธีนี้แล้ว ยังสามารถประเมินความ
น่าเชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู โดยใช้ PROMPT
7. ครูอธิบายวิธีการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลโดยใช้ PROMPT ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี
(วิทยาการคํานวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 43
8. จากน้ันครูให้นักเรียนทำแบบฝกึ หัด exersice ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 26 – 27
ขอ้ 5 – 6 โดยใช้ PROMPT ในการวิเคราะห์และประเมนิ ความนา่ เชื่อถอื ของข้อมูล

ชว่ั โมงท่ี 3

ขน้ั สอน (50 นาท)ี
9. ครูถามคำถามทบทวนนักเรียนว่าจากคาบทแ่ี ล้วนักเรียนได้วธิ ีการประเมินความน่าเชอ่ื ถือของข้อมูลอย่างไร

บา้ ง
10. ครูนำภาพตัวอย่างการโพสข้อความบนเฟซบุ๊กให้นักเรียนดู และร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลว่าจากตัวอย่าง

ดงั กลา่ วนักเรยี นมีความคิดเห็นอย่างไร (เป็นขา่ วทีม่ ีการใชเ้ หตุผลวิบัติ)

(ตัวอยา่ งข่าวเหตผุ ลวิบตั ิ)

แหลง่ ที่มา เพจข่าว
หมายเหตุ ช่ือบคุ คลเปน็ นามสมมติ

11. ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่าการสรูปเหมารวม เป็นตรรกะวิบัติท่ีเรียกว่า Appeal to Ignirance การแสดงความ
คิดเห็นต่างๆ บางเรื่องไมม่ ใี ครทราบข้อมูลนน้ั จนทำให้อ้างความไม่ร้เู พ่ือหาข้อเท็จจริงนน้ั

12. จากนั้นครูอธิบายเน้ือหาเรื่องการใช้เหตุผลวิบัติ และยกตัวอย่างการใช้เหตุผลวิบัติ พร้อมผลกระทบที่
เกดิ ขึน้ จากตัวอยา่ งในหนงั สือเรยี นวิชา เทคโนโลยี(วทิ ยาการคาํ นวณ) ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 หนา้ 46-47

13. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 4-5 คน และให้แต่ละกลุ่มหาตัวอย่างการใช้เหตุผลวิบัติบนอินเทอร์เน็ต เพ่ือ
วิเคราะห์ผลกระทบ หรือปัญหาท่ีอาจเกิดตามมาจากนั้นให้แต่ละกลุ่มเตรียมนำข้อมูลมาแบ่งปันหน้าชั้น
เรยี น (อาจเอกสารหรือPowerPoint มาประกอบ ) ในหัวข้อ “เหตผุ ลวิบัติ และผลกระทบทเ่ี กดิ ขึ้น” พร้อม
บนั ทึกลงในแบบฝึกหัดแบบฝึกหัด exersice ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 28 ข้อ 7-
8
ชัว่ โมงท่ี 4

ข้ันสอน (40 นาท)ี
14. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากกิจกรรมท่ีให้ไปเตรียมในการแบ่งปันข้อมูลจากคาบท่ีแล้ว นักเรียนเลือก

ยกตวั อยา่ งเหตผุ ลวิบตั ปิ ระเภทไหนบา้ ง
(แนวคำตอบ การละทิง้ ข้อยกเวน้ การสรุปเหมารวม การอา้ งความไม่รู้ )
15. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาแบง่ ปันข้อมูลหนา้ ช้ันตามหัวข้อที่ได้รับมอบหมาย จากน้ันให้นักเรยี นกลุ่ม
อื่น ๆ ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของกลุ่มที่นำเสนอผลกระทบท่ีเกิดขึ้น จากการใช้
เหตผุ ลวิบัติ

ข้นั สรุป (10 นาท)ี
1. ครสู อบถามนกั เรียนวา่ จากคาบที่ผา่ นมานักเรยี นได้มุมมองในการใช้อนิ เทอร์เนต็ อย่างไรบา้ ง

(แนวคำตอบ ข้อมูลที่เราอ่านอาจไม่ใช้ข้อมูลจริงทั้งหมดควรประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลก่อน
ตัดสนิ ใจเชื่อ ข่าวบางสำนกั มกี ารเขียนข่าวโดยใช้เหตุผลวิบัตเิ ราควรอา่ นข่าวอย่างมีวิจารณญาณหรือคิดไต่
ตรองตามเน้ือหาทขี่ า่ วเขยี นไปดว้ ย)

10. สือ่ แหลง่ การเรียนรู้

1. หนงั สอื เรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 เรอื่ ง ความน่าเช่ือถอื ของขอ้ มลู

2. แบบฝกึ หดั (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง ความน่าเชือ่ ถอื ของข้อมูล

11. การวดั และการประเมินผล

11.1 การประเมินระหวา่ งการจัดกจิ กรรม

จดุ ประสงค์ วิธกี ารประเมิน เครื่องมอื การประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ

1. บอกหลกั การการ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั (วทิ ยาการ บอกหลักการการ

ประเมนิ ความนา่ เช่ือถือ Exercise หนา้ 24 – 26 คำนวณ) ม.3 ประเมินความน่าเชอ่ื ถือ

ของขอ้ มูลได้ (K) หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 ของข้อมูลได้ถูกต้อง
เรื่อง ความนา่ เช่ือถือ 60% ขน้ึ ไป

ของข้อมลู หน้า 24–26

2. ประเมินความ ตรวจแบบฝึกหดั แบบฝกึ หัด (วทิ ยาการ สามารถประเมินความ

น่าเชอ่ื ถือของข้อมลู ได้ Exercise หนา้ 26 – 27 คำนวณ) ม.3 นา่ เชอ่ื ถือของข้อมูลได้

(P) หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ถกู ต้อง 60% ขนึ้ ไป
เรือ่ ง ความนา่ เช่ือถือ

ของข้อมลู หนา้ 26–27

3. คำนึงถึงผลกระทบท่ี ตรวจแบบฝกึ หดั แบบฝึกหัด (วทิ ยาการ คำนงึ ถึงผลกระทบท่ี

เกิดขนึ้ จากการใช้เหตุผล Exercise หน้า 28 คำนวณ) ม.3 เกดิ ขนึ้ จากการใชเ้ หตผุ ล

วิบัติได้ (A) หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 วิบตั ไิ ด้
เรือ่ ง ความนา่ เชื่อถือ

ของข้อมลู หนา้ 28

12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......

ลงช่อื
(

ตำแหนง่

13. บนั ทึกผลหลังการสอน
 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 ความน่าเชือ่ ถอื ของข้อมลู เวลา 8 ชัว่ โมง

เรอ่ื ง การรู้เท่าทนั สือ่ เวลา 2 ช่วั โมง

รายวชิ า คอมพวิ เตอร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3

1. ผลการเรยี นรู้

1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ ความเข้าใจในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ

2. เพอื่ ใหผ้ ้เู รียนมที ักษะการคิดเชิงคำนวณ การคดิ วิเคราะห์ การแกป้ ัญหาเปน็ ขนั้ ตอน และเปน็

ระบบ

3. เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ รกั ษาข้อมูลส่วนตัว และการส่อื สารเบอ้ื งต้น

ในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชวี ติ จริงได้อย่างมีประสิทธภิ าพ

4. เพือ่ ให้ผเู้ รยี นนำความร้คู วามเขา้ ใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยใี หม่ที่เกิดขึน้ ไปใชใ้ ห้เกิด

ประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวติ

5. เพื่อให้ผเู้ รียนพฒั นากระบวนการคิดและจนิ ตนาการ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและการ

จัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ

6. เพือ่ ให้ผเู้ รยี นเป็นผูม้ จี ติ วทิ ยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละ

เทคโนโลยอี ย่างสรา้ งสรรค์

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. บอกความหมายการรู้เทา่ ทันสื่อดจิ ทิ ัลและการรู้เทา่ ทันสือ่ ได้ (K)

2. วิเคราะห์ความน่าเชอ่ื ถือ และประเมนิ ผลกระทบของข้อมูลจากข่าวสารทผี่ ิด

เพ่ือการใชง้ านอย่างรูเ้ ท่าทันได้ (P,A)

3. สาระสำคัญ

การรู้เท่าทันสื่อเป็นลักษณะสมรรถนะที่ครอบคลุมทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับ

ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศผ่านสื่อ และเทคโนโลยีดิจิทัล การเลือก รับ วิเคราะห์ ประเมินและนำ

ข้อมูลทไี่ ด้รบั ไปใช้ในทางสรา้ งสรรค์ โดยองค์ประกอบการรู้เท่าทันสือ่ มดี งั น้ี

1) ความสามารถในการเข้าถึงสือ่

2) ความเขา้ ใจการประเมนิ ค่าสาระสนเทศเนอื้ หาในสอ่ื

3) การสรา้ ง การใช้ประโยชน์ และการเฝ้าระวงั สาระสนเทศและเนื้อหาในส่อื

4) การสะทอ้ นคดิ

4. สาระการเรยี นรู้

1. องคป์ ระกอบการร้เู ท่าทนั ส่อื

2. การรเู้ ท่าทนั สอ่ื ดจิ ทิ ัลและการรูเ้ ท่าทันส่ือ

3. การใช้สอ่ื และปญั หาทพ่ี บในส่ือปจั จบุ ัน

4. ผลกระทบของข้อมูลที่ผดิ พลาด  ซือ่ สตั ย์ สจุ ริต
5. รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน  ใฝ่เรียนรู้
 ม่งุ มัน่ ในการทำงาน
1. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย  มีจติ สาธารณะ
6. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น

 ความสามารถในการส่อื สาร
 ความสามารถในการคดิ
 ความสามารถในการแก้ปัญหา
 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
 ทกั ษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking)
 ทักษะการทำงานรว่ มกัน (Collaboration Skill)
 ทกั ษะการส่อื สาร (Communication Skill)
 ทกั ษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
8. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
 รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์

 มวี ินัย

 อยอู่ ย่างพอเพียง

 รกั ความเป็นไทย

9. การจดั กระบวนการเรียนรู้

ช่วั โมงที่ 1

ข้นั นำ (10 นาที)
1. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากคาบที่แล้ว ข้อมูลที่เราพบในอินเทอร์เน็ต นอกจากการประเมินความน่าเช่ือถือ

ของขอ้ มลู กอ่ นนำไปใชง้ านแล้วเรายังต้องคำนึงถึงด้านใดอีกบ้าง
(แนวคำตอบ การกลนั่ แกลง้ คนอืน่ ด้วยสอ่ื ออนไลน์ ลิขสิทธิ์ของขอ้ มลู )
ขั้นสอน (40 นาที)
1. ครูถามนักเรียนว่าก่อนท่ีจะสามารถวิเคราะห์ และรู้เท่าทันส่ือได้ ควรมีพ้ืนฐานความรู้ ความสามารถด้าน
ใดบา้ ง
(แนวคำตอบ การใช้คอมพวิ เตอร์ ความสามารถในการคน้ หาขอ้ มูลข่าวสาร)
2. ครูอธิบายองค์ประกอบของการรู้เท่าทันสื่อจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคํานวณ) ชั้น
มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 หนา้ 50-51

3. ครอู ธบิ ายท่ีมาของความสามารถในการรเู้ ท่าทันส่ือดิจิทัล และการรู้เท่าทันส่ือดจิ ิทัล 8 ด้าน ในหนังสือเรียน
วิชา เทคโนโลย(ี วทิ ยาการคํานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 หน้า 52

4. ครสู ุ่มนักเรยี นยกตัวอย่างการรเู้ ท่าทนั ส่อื คนละดา้ น พร้อมยกตวั อยา่ ง
(แนวคำตอบ ด้านการปกป้องความเป็นส่วนตัวและข้อมูล ยกตัวอย่าง ไม่เปิดเผยข้อมูลท่ีอยู่ให้กับบุคคลท่ี
ไม่รู้จัก ไม่โพสต์ข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนลง Facebook โดยเฉพาะที่อยู่และเลขประจำตัวประชาชน
เป็นตน้ )

5. ครูอธบิ ายหัวขอ้ “การรู้เท่าทนั สื่อ” ในหนังสอื เรยี นวิชา เทคโนโลย(ี วิทยาการคํานวณ) ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 3
หน้า 53

6. จากนั้นครใู ห้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 29 – 31
ขอ้ 1 – 4

ชวั่ โมงท่ี 2
ขัน้ สอน (40 นาท)ี
7. ครถู ามทบทวนนกั เรียนโดยการถามคำถามว่า ความสามารถในการรู้เทา่ ทันสื่อดิจิทัลมีก่ดี ้าน อะไรบ้าง

(แนวคำตอบ การใช้อย่างปลอดภัย การป้องกันความเปน็ สว่ นตวั )
8. ครถู ามนักเรยี นว่าหากมกี ารใชอ้ ินเทอร์เน็ตอย่างไม่รเู้ ท่าทัน จะส่งผลกระทบอะไรกับผู้อื่นบา้ ง

(แนวคำตอบ ข้อมลู ทเี่ ปน็ เท็จ เกิดความไมป่ ลอดภยั ตอ่ ข้อมูลสว่ นบคุ คล มกี ารละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์)
9. ครูอธิบายความสำคัญของการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างรู้เท่าทัน และผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้นจากหนงั สือหนังสือ

เรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคํานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 55-57 เร่ืองการใช้ส่ือและปัญหาที่พบ
ในส่ือปจั จบุ นั และเรื่องผลกระทบของขอ้ มูลท่ผี ิดพลาด
10. จากน้ันครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด Activity ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 32-33
วิเคราะห์ความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมลู และประเมนิ ผลผลกระทบทอ่ี าจเกิดขน้ึ หากข้อมูลผิดพลาด
ขัน้ สรุป (10 นาที)
1. ครูให้นักเรยี นร่วมกนั สรปุ ผลกระทบทอ่ี าจเกิดขนึ้ จากการใช้อินเทอรเ์ น็ตอยา่ งไมร่ ู้เท่าทันสื่อ

10. สื่อแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี น (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 เร่ือง ความน่าเชือ่ ถอื ของขอ้ มลู
2. แบบฝึกหัด (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 เร่อื ง ความน่าเช่ือถอื ของข้อมลู

11. การวัดและการประเมินผล

11.1 การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรม

จดุ ประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ เคร่อื งมือการประเมนิ เกณฑ์การประเมิน

1. บอกความหมายการ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝึกหดั (วทิ ยาการ บอกความหมายการ

รู้เทา่ ทันสอ่ื ดจิ ิทลั และ Exercise หน้า 29 – 31 คำนวณ) ม.3 รูเ้ ท่าทนั สือ่ ดจิ ิทัลและ

การรเู้ ท่าทนั ส่ือได้ (K) ข้อ 1 – 4 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การรู้เท่าทนั ส่ือได้

เรอ่ื ง ความนา่ เช่ือถือ ถกู ต้อง 60% ขึ้นไป

ของข้อมูลหนา้ 29 – 31

ขอ้ 1 – 4

2. วเิ คราะหค์ วาม ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัด (วิทยาการ วเิ คราะห์ความน่าเชอ่ื ถือ

น่าเช่อื ถือ และ Activity หนา้ 32 คำนวณ) ม.3 และประเมินผลกระทบ

ประเมินผลกระทบของ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 ของขอ้ มูลจากข่าวสารท่ี

ข้อมลู จากขา่ วสารที่ผดิ เรอื่ ง ความนา่ เชื่อถือ ผดิ เพ่อื การใชง้ านอย่าง

เพ่อื การใชง้ านอยา่ งร้เู ท่า ของข้อมูล หนา้ 32 รเู้ ท่าทันได้ถูกต้อง 60%

ทนั ได้ (P,A) ข้นึ ไป

11.2 แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

คำชแ้ี จง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ลงในช่อง

ที่ตรงกบั ระดับคะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อันพงึ ประสงคด์ า้ น 32 1

1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาตแิ ละรอ้ งเพลงชาติได้

กษัตรยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทีส่ ร้างความสามัคคีปรองดองและเปน็ ประโยชน์

ตอ่ โรงเรียน

1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถอื ปฏบิ ตั ิตามหลกั ศาสนา

1.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมที่เก่ียวกับสถาบนั พระมหากษตั ริย์ตามท่โี รงเรยี นจัดข้ึน

2. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ 2.1 ให้ขอ้ มูลทถี่ กู ต้องและเปน็ จริง

2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสิ่งท่ถี ูกตอ้ ง

3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของครอบครวั

มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจำวัน

4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชนแ์ ละนำไปปฏิบัตไิ ด้

4.2 รู้จกั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม

4.3 เช่ือฟังคำสั่งสอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้

4.4 ตง้ั ใจเรยี น

5. อยอู่ ย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรพั ย์สินและสง่ิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั

5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คุณคา่

5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงนิ

6. มุง่ มัน่ ในการทำงาน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย

6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพื่อให้งานสำเรจ็

7. รักความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สำนึกในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย

7.2 เหน็ คุณคา่ และปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย

8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครูทำงาน

8.2 รจู้ ักการดแู ลรักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น

และโรงเรยี น

ลงชอ่ื ..................................................ผู้ประเมนิ
............/.................../................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
พฤติกรรมที่ปฏิบัตชิ ัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 51-60 ดมี าก
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน 41-50 ดี
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางคร้ัง 30-40 พอใช้
ปรับปรงุ
ตำ่ กวา่ 30

12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......

ลงช่อื
(

ตำแหนง่

13. บนั ทึกผลหลังการสอน
 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3

เทคโนโลยีสารสนเทศ

เวลา 7 ชั่วโมง

1. ผลการเรยี นรู้

1. เพื่อใหผ้ ูเ้ รยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ

2. เพอ่ื ใหผ้ ้เู รียนมีทกั ษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวเิ คราะห์ การแก้ปญั หาเป็นข้ันตอน และเป็น

ระบบ

3. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนมที ักษะในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ รกั ษาขอ้ มูลส่วนตวั และการสอื่ สารเบอื้ งตน้

ในการแก้ปญั หาที่พบในชวี ิตจรงิ ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ

4. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนนำความรู้ความเขา้ ใจในวชิ าวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ท่ีเกิดขึน้ ไปใชใ้ หเ้ กิด

ประโยชนต์ อ่ สงั คมและการดำรงชวี ิต

5. เพอ่ื ให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคดิ และจนิ ตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ

จดั การทกั ษะในการส่ือสาร ความสามารถในการตดั สินใจ

6. เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นเปน็ ผู้มจี ิตวิทยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มในการใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละ

เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์
2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
1) การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เชน่ การทำธรุ กรรมออนไลน์ การซ้ือสนิ ค้า
ซ้ือซอฟต์แวร์ คา่ บริการสมาชิก ซอื้ ไอเท็ม
2) การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งมคี วามรับผิดชอบ เชน่ ไม่สรา้ งข่าวลวง ไมแ่ ชร์ข้อมูล
โดยไม่ตรวจสอบข้อเทจ็ จรงิ
3) กฎหมายเกีย่ วกับคอมพิวเตอร์
4) การใชล้ ิขสิทธ์ิของผู้อน่ื โดยชอบธรรม (fair use)

3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศโดยคำนงึ ถงึ ความปลอดภัยในการใช้งาน เช่น การทำธรุ กรรม

ออนไลน์ การซ้ือสินคา้ ออนไลน์ และการใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งมจี ติ สำนึก และจรยิ ธรรมทด่ี ี
คำนึงผลกระทบท่ีอาจส่งผลต่อผู้อืน่

กฎหมายทีเ่ กย่ี วข้องกบั การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศหลายฉบับ เช่น พระราชบญั ญตั ิว่าด้วย

การกระทำความผดิ เกยี่ วกบั คอมพิวเตอร์ พระราชบญั ญตั วิ ่าด้วยธรุ กรรมทางอเิ ล็กทรอนิกส์

พระราชบญั ญตั ิการรกั ษาความม่ันคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยพระราชบญั ญตั ิว่าด้วยการกระทำความผิด

เก่ียวกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2550 และพระราชบัญญัติวา่ ด้วยการกระทำความผิดเก่ยี วคอมพิวเตอร์

(ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2560


Click to View FlipBook Version