30
ใบงาน หนว่ ยที่ 1
เร่ือง ความรู้พนื้ ฐานเก่ยี วกับการแกะสลกั โฟม
ใบงานที่ 2 แกะสลกั โฟมพ้ืนฐานดว้ ยเทคนคิ การตัด การปาด ตามแบบทีก่ าหนด
คาสงั่ ย่อย
ให้ผู้เรยี นแกะสลกั โฟมพืน้ ฐานลวดลายกรอบ ดว้ ยเทคนิคการตัดแนวดง่ิ ตรง แนวนอน และ
แนวเฉียง 45 องศา การปาดแนวคลื่นหรือลอนโค้ง ตามรูปแบบที่กาหนดให้ โดยใช้โฟมแผ่น
ขนาดกวา้ ง 3 นว้ิ ยาว 5 นว้ิ และหนา 2 นวิ้
เคร่ืองมือ/อุปกรณ์
1. มีดตดั โฟม
2. ไม้บรรทัด
3. ดินสอรา่ งแบบ
4. โฟมแผ่น หนา 2 นิ้ว
ลาดับขน้ั ตอนการปฏิบตั ิงาน
1. เตรียมเครอ่ื งมอื และอปุ กรณใ์ นการแกะสลกั โฟม
2. รา่ งภาพบนแผน่ โฟม
3. ตัดโฟมแนวตรงและแนวเฉยี งตามขนาด
4. ปาดโฟมแนวดง่ิ และแนวนอน
5. ปาดโฟมแนวเฉยี ง
6. ปาดโฟมแนวโค้งและแนวคล่ืน
7. เก็บทาความสะอาดเครอ่ื งมอื อุปกรณ์
เวลา........4.........ชวั่ โมง.....................นาที
31
ใบประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ าน หน่วยที่ 1
เรือ่ ง ความร้พู นื้ ฐานเก่ยี วกบั การแกะสลกั โฟม
ช่ืองาน แกะสลักโฟมรูปทรงพื้นฐานพน้ื ฐาน ดว้ ยการตัด การฉลุและการเกลา
ชอ่ื ผู้รับการประเมิน……………………………..…ช้ัน………….ห้อง…………………เลขท…่ี ……………..
ผู้ประเมิน แ ครูผสู้ อน เพือ่ นนกั เรยี น ประเมินตนเอง
ขอ้ ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน หมาย
ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ เหตุ
1 ปฏบิ ัติงานตามขนั้ ตอนได้ถกู ต้อง (3) (2) (1)
2 ใชเ้ ครอ่ื งมอื อุปกรณ์ในการปฏบิ ัติงานถูกตอ้ ง
3 ชนิ้ งานปฏิบัติถกู ตอ้ งสมบรู ณ์
4 ความประณีตสวยงามมคี วามคิดสรา้ งสรรค์
5 ช้ินงานเสรจ็ ตามเวลาทก่ี าหนด
รวม
รวมคะแนนทง้ั ส้ิน
คณุ ภาพของการปฏบิ ัตงิ าน
อยใู่ นระดบั ดี พอใช้ ต้องปรบั ปรงุ
ลงช่อื ……………………………………………
(……………………………………………….)
ผ้ปู ระเมนิ
แนวทางการให้คะแนน
เกณฑ์คณุ ภาพ
11-15 = ดี 6-10 = พอใช้ 0-5 = ต้องปรบั ปรงุ
1. ปฏบิ ตั ิงานตามข้นั ตอนได้ถกู ตอ้ ง
3 คะแนน หมายถงึ วางแผนการปฏิบัติงานไดถ้ กู ต้องครบถว้ นตามขนั้ ตอน
2 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ัติงานได้แต่ไมถ่ กู ตอ้ งครบถว้ นตามขนั้ ตอน
1 คะแนน หมายถงึ ปฏิบัติงานไม่ถูกต้องและไมค่ รบถว้ นตามข้ันตอน
2. ใชเ้ ครือ่ งมืออปุ กรณ์ในการปฏบิ ตั ิงานถกู ต้อง
3 คะแนน หมายถึง จดั เตรยี มและใชเ้ ครอื่ งมอื อุปกรณ์ถกู ต้องและจัดเกบ็ เรยี บรอ้ ย
2 คะแนน หมายถงึ ใชเ้ ครอ่ื งมืออุปกรณใ์ นการปฏิบตั งิ านได้แตไ่ มถ่ กู ต้อง
1 คะแนน หมายถงึ ใชเ้ ครอื่ งมอื อุปกรณ์ในการปฏบิ ัตงิ านไมถ่ กู ตอ้ ง
32
3. ช้ินงานปฏบิ ตั ิถูกต้องสมบรู ณ์
3 คะแนน หมายถงึ ช้ินงานปฏบิ ตั ถิ กู ตอ้ งสมบรู ณ์
2 คะแนน หมายถึง ช้นิ งานปฏบิ ตั ิถูกตอ้ งแต่ขาดความสมบูรณ์
1 คะแนน หมายถงึ ชน้ิ งานปฏิบัติไม่ถูกตอ้ งและไม่สมบรู ณ์
4. ความประณตี สวยงามมีความคิดสรา้ งสรรค์
3 คะแนน หมายถงึ ชน้ิ งานมคี วามประณตี สวยงามมีความคดิ สร้างสรรค์
2 คะแนน หมายถึง ชิ้นงานมคี วามประณีตสวยงามมคี วามคิดสรา้ งสรรค์บางสว่ น
1 คะแนน หมายถึง ชิน้ งานขาดความประณตี และขาดความคดิ สร้างสรรค์
5. ช้ินงานเสรจ็ ตามเวลาทก่ี าหนด
3 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ัตงิ านได้สาเรจ็ ตามเปา้ หมาย และตามเวลาทก่ี าหนด
2 คะแนน หมายถงึ ปฏิบัติงานไดส้ าเรจ็ ตามเป้าหมาย แตช่ ้ากว่าเวลาที่กาหนด
1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัตงิ านไม่สาเร็จตามเป้าหมาย
33
ใบประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน หน่วยท่ี 1
เรื่อง ความรพู้ น้ื ฐานเกี่ยวกบั การแกะสลกั โฟม
ช่ืองาน แกะสลกั โฟมพ้ืนฐานด้วยเทคนิค การตัด การปาด ตามแบบทก่ี าหนด
ชื่อผรู้ ับการประเมิน……………………………..…ชั้น………….หอ้ ง…………………เลขท…่ี ……………..
ผูป้ ระเมิน แ ครูผสู้ อน เพ่ือนนกั เรยี น ประเมินตนเอง
ขอ้ ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน หมาย
ดี พอใช้ ปรับปรงุ เหตุ
1 ปฏิบัตงิ านตามข้ันตอนได้ถูกต้อง (3) (2) (1)
2 ใช้เคร่อื งมอื อปุ กรณ์ในการปฏิบตั งิ านถกู ตอ้ ง
3 ชิน้ งานปฏบิ ตั ถิ ูกต้องสมบรู ณ์
4 ความประณีตสวยงามมคี วามคดิ สร้างสรรค์
5 ชน้ิ งานเสรจ็ ตามเวลาทกี่ าหนด
รวม
รวมคะแนนทงั้ สิ้น
คณุ ภาพของการปฏิบตั งิ าน
อยใู่ นระดบั ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรงุ
ลงชื่อ……………………………………………
(……………………………………………….)
ผปู้ ระเมิน
แนวทางการให้คะแนน
เกณฑค์ ณุ ภาพ
11-15 = ดี 6-10 = พอใช้ 0-5 = ตอ้ งปรับปรงุ
1. ปฏบิ ตั ิงานตามขัน้ ตอนได้ถูกต้อง
3 คะแนน หมายถงึ วางแผนการปฏิบตั ิงานไดถ้ กู ต้องครบถ้วนตามขน้ั ตอน
2 คะแนน หมายถึง ปฏิบัติงานไดแ้ ต่ไม่ถูกตอ้ งครบถ้วนตามข้ันตอน
1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัติงานไม่ถูกต้องและไมค่ รบถ้วนตามขนั้ ตอน
2. ใช้เครือ่ งมอื อปุ กรณ์ในการปฏบิ ัติงานถูกต้อง
3 คะแนน หมายถึง จดั เตรยี มและใชเ้ คร่ืองมืออปุ กรณ์ถูกตอ้ งและจัดเกบ็ เรยี บร้อย
2 คะแนน หมายถงึ ใช้เครื่องมอื อปุ กรณใ์ นการปฏิบตั งิ านไดแ้ ต่ไม่ถกู ต้อง
1 คะแนน หมายถึง ใชเ้ ครื่องมอื อุปกรณใ์ นการปฏิบตั งิ านไม่ถูกตอ้ ง
34
3. ช้ินงานปฏบิ ตั ิถูกต้องสมบรู ณ์
3 คะแนน หมายถงึ ช้ินงานปฏบิ ตั ถิ กู ตอ้ งสมบรู ณ์
2 คะแนน หมายถึง ช้นิ งานปฏบิ ตั ิถูกตอ้ งแต่ขาดความสมบูรณ์
1 คะแนน หมายถงึ ชน้ิ งานปฏิบัติไม่ถูกตอ้ งและไม่สมบรู ณ์
4. ความประณตี สวยงามมีความคิดสรา้ งสรรค์
3 คะแนน หมายถงึ ชน้ิ งานมคี วามประณตี สวยงามมีความคดิ สร้างสรรค์
2 คะแนน หมายถึง ชิ้นงานมีความประณีตสวยงามมีความคดิ สรา้ งสรรค์บางสว่ น
1 คะแนน หมายถึง ชิน้ งานขาดความประณตี และขาดความคดิ สร้างสรรค์
5. ช้ินงานเสรจ็ ตามเวลาทก่ี าหนด
3 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ัตงิ านได้สาเรจ็ ตามเปา้ หมาย และตามเวลาทก่ี าหนด
2 คะแนน หมายถงึ ปฏิบัติงานไดส้ าเรจ็ ตามเป้าหมาย แตช่ ้ากว่าเวลาที่กาหนด
1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัตงิ านไม่สาเร็จตามเป้าหมาย
35
แบบประเมินตนเอง
คาชี้แจง : ใหผ้ เู้ รียนปฏบิ ตั ิงานตามใบงานทกี่ าหนดแล้วให้คะแนนผลงานที่ปฏบิ ตั ิตามความเป็นจรงิ
โดยนาคะแนนมารวมกนั ทั้ง 2 ใบงาน หารด้วย 2 จะไดผ้ ลสรปุ ทั้งหมด
ใบงาน ดี ระดับคะแนน ต้องปรับปรุง
(11-15) (0-5)
ใบงานที่ 1 พอใช้
(15 คะแนน) (6-10)
ใบงานท่ี 2
(15 คะแนน)
รวมคะแนน
คะแนนรวมทั้งสนิ้
(เต็ม 30 คะแนน)
สรปุ ผลทง้ั 2 กิจกรรม = ……………………………………………………………………………………………………
ดี ( 11-15 คะแนน )
พอใช้ ( 6-10 คะแนน )
ต้องปรบั ปรงุ ( 0-5 คะแนน )
36
แบบประเมนิ คุณธรรมจริยธรรม
เร่ือง ความรู้พนื้ ฐานเกี่ยวกบั การแกะสลกั โฟม
คาชี้แจง 1. ใช้ประเมินผลการปฏิบัติงานของผเู้ รยี น
2. ระดับคะแนน 5 = มากทส่ี ุด 4 = มาก
3 = ปานกลาง 2 = นอ้ ย
1 = น้อยท่ีสุด
3. เกณฑ์การประเมิน 15 – 20 = มาก
8 – 14 = ปานกลาง
1 – 7 = นอ้ ย
กิจกรรม/ ความ หัวข้อประเมิน / ระดบั คะแนน ความพอเพยี ง คะแนน
ใบงานท่ี รับผดิ ชอบ พอประมาณ รวม
ความเชื่อมั่น ความคิด ความซือ่ สัตย์
1 2 ในตนเอง สรา้ งสรรค์ สุจริต 2 10
2
222
ลงช่อื ………………………………………
(………………………………………)
ผปู้ ระเมิน
37
สาระสาคัญ
การสร๎างสรรคผ์ ลงานแกะสลักโฟม เพื่อนาไปใช๎สอยให๎เกิดประโยชน์ โดยมีความประณีต
สวยงาม เชํน เพอ่ื ใช๎เปน็ งานประดบั ตกแตงํ งานพาณิชยศ์ ลิ ป์ หรือใชใ๎ นงานพิธตี ําง ๆ นอกจากสร๎าง
ช้ินงานแล๎ว ยังทาให๎ผู๎เรียนเกิดความสบายใจ มีสมาธิ ใช๎เวลาวํางให๎เกิดประโยชน์ และเป็นการ
เพมิ่ รายไดร๎ ะหวํางเรยี น ลดภาระคาํ ใช๎จาํ ยในครอบครวั
ในการสรา๎ งผลงานแกะสลักโฟมให๎มคี ุณภาพ จาเป็นตอ๎ งเลอื กใชว๎ ัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือ
อยํางเหมาะสม และถูกตอ๎ ง การรจ๎ู กั ใช๎ และดูแลรักษาอุปกรณ์ในการแกะสลักโฟม ทาให๎เกิดความ
ปลอดภยั แกตํ นเอง ประหยัดทรพั ยากร และยงั เป็นการรักษาส่งิ แวดล๎อม
สาระการเรยี นรู้
1. วสั ดอุ ุปกรณ์ และเครอื่ งมอื ในการออกแบบ
2. วสั ดุอปุ กรณ์ และเครื่องมอื สาหรบั แกะสลกั โฟม
3. วสั ดุอุปกรณ์ และเครือ่ งมอื สาหรบั ตกแตํงโฟม
4. การบารุงรักษาวสั ดอุ ปุ กรณ์ และเครอื่ งมอื การแกะสลักโฟม
สมรรถนะประจาหน่วย
แสดงความร๎ูเกี่ยวกับการใช๎วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือ ในการปฏิบัติงานออกแบบ
การแกะสลักโฟม การตกแตํงสโี ฟม ลวดลายไทยพ้ืนฐานได๎ บารงุ รกั ษาเคร่อื งมือ และอปุ กรณ์ในงาน
แกะสลักโฟม ได๎อยํางถูกต๎อง และมีเจตคติที่ดีในการทางาน มีความเพียรพยายาม อดทน ใฝุร๎ู
มคี วามรับผดิ ชอบ
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกชนิดของวสั ดุอปุ กรณ์ และเครอ่ื งมือแกะสลักโฟมได๎
2. เตรยี มวสั ดอุ ปุ กรณ์ และเครอ่ื งมือแกะสลักโฟมได๎
3. ใช๎วสั ดอุ ุปกรณ์ และเครอ่ื งมอื ในงานแกะสลกั โฟมไดอ๎ ยาํ งถกู ต๎อง
4. สามารถแกะสลักโฟม ลวดลายไทยพน้ื ฐานได๎
3. บารุงรักษาวสั ดอุ ุปกรณ์ และเคร่ืองมอื การแกะสลักโฟมได๎อยํางถกู ตอ๎ ง
4. มเี จตคตทิ ี่ดใี นการทางาน มีความเพียรพยายาม อดทน สนใจ ใฝรุ ๎ู มคี วามรบั ผิดชอบ
38
ผังมโนทัศน์
หนว่ ยท่ี 2 วัสดุอปุ กรณ์ และเครอ่ื งมือการแกะสลกั โฟม
วัสดุอุปกรณ์ และเคร่ืองมือการแกะสลกั โฟม 1. วสั ดอุ ปุ กรณ์ และเครื่องมือในการออกแบบ
2. วสั ดอุ ุปกรณ์ และเคร่อื งมอื สาหรบั แกะสลัก
3. วสั ดุอุปกรณ์ และเครอ่ื งมือสาหรบั ตกแตงํ โฟม
39
แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยที่ 2
วสั ดุอปุ กรณแ์ ละเคร่ืองมือการแกะสลกั โฟม
คาชี้แจง จงทาเครอ่ื งหมายกากบาท (x) เลือกคาตอบทเี่ หน็ วําถูกต๎องทีส่ ดุ เพียงข๎อเดยี ว
1. วัสดุหมายถงึ ข๎อใด
ก. ของทีม่ ีราถูก
ข. ของท่ีมีความคงทน
ค. ของทม่ี อี ายใุ ช๎งานส้นั
ง. ของที่ใช๎แล๎วมีสภาพคงเดิม
2. ขอ๎ ใดคอื วัสดุ
ก. พํูกัน
ข. กระดาษ
ค. ไมบ๎ รรทัด
ง. มดี แกะสลัก
3. อุปกรณห์ มายถงึ ข๎อใด
ก. ของที่มอี ายใุ ชง๎ านสัน้
ข. เคร่ืองมือ เครื่องใช๎ เคร่ืองชวํ ย
ค. ของทใ่ี ชแ๎ ลว๎ แปรสภาพไปจากเดมิ
ง. นามาใชแ๎ ลว๎ สลายไปจากสภาพเดมิ
4. ข๎อใดคืออปุ กรณ์ และเครอื่ งมอื
ก. ดนิ สอ
ข. กาวลาแทก็ ซ์
ค. มีดแกะสลกั โฟม
ง. โฟมสาหรบั แกะสลัก
5. ดินสอชนิดใดมคี วามเขม๎ ของไส๎นอ๎ ยทส่ี ดุ
ก. 2 B
ข. 3 B
ค. 4 B
ง. 5 B
6. คณุ ลักษณะของสีไม๎คอื ข๎อใด
ก. ใชส๎ าหรับแรเงา
ข. ใชส๎ าหรบั เขยี นลวดงาย
ค. ใชส๎ าหรบั ตกแตงํ สีโฟม
ง. ใช๎สาหรับรํางภาพและระบสุ ี
40
7. ขอ๎ ใดคอื ขอ๎ ดขี องการใชป๎ ากกาลกู ล่ืนในการรํางภาพ
ก. ระบายไลํน้าหนกั ไดด๎ ี
ข. มีไสเ๎ ติมหมึกได๎ตลอดเวลา
ค. ลงรายละเอยี ดเนื้อหาไดด๎ ี
ง. เหมาะกบั การราํ งภาพและแรเงา
8. ขอ๎ ใดคอื ลกั ษณะของปากกาเคมี
ก. ตัวปากทาดว๎ ยโลหะ
ข. มไี สเ๎ ปน็ สหี ม๎ุ ดว๎ ยไม๎
ค. ปลายดา๎ นหนงึ่ แหลม อีกด๎านหน่งึ เป็นปากตัด
ง. ลงรายละเอียดเนอ้ื หาไดด๎ ี
9. อปุ กรณ์ในขอ๎ ใดใช๎สาหรบั ทาบเปน็ แนวเพอื่ ขดี เสน๎ ตรง
ก. ไม๎ฉาก
ข. กระดกู งู
ค. ไม๎บรรทัด
ง. ตลบั เมตร
10. วงเวยี นแบํงออกเปน็ กช่ี นดิ
ก. 1
ข. 2
ค. 3
ง. 4
11. กระดาษชนดิ ใดใช๎ในการทาสาเนา และคดั ลอกลาย
ก. กระดาษไข
ข. กระดาษสา
ค. กระดาษแข็ง
ง. กระดาษ 100 ปอนด์
12. มีดแกะสลักโฟมแบงํ ออกไดเ๎ ป็นกี่ชนิด
ก. 1
ข. 2
ค. 3
ง. 4
13. มดี ชนดิ ใดใชส๎ าหรับปาด และเกลาโฟม
ก. มีดคตั เตอร์
ข. มดี แกะสลักขนาดเลก็
ค. มีดขนาดใหญทํ ปี่ ระดษิ ฐจ์ ากมดี ทาครวั
ง. มดี ขนาดเลก็ ทปี่ ระดษิ ฐจ์ ากใบเลอื่ ยตัดเหลก็
41
14. มดี ชนิดใดมคี วามคมทั้งสองด๎านเหมาะสาหรับฉลลุ าย
ก. มีดคตั เตอร์
ข. มีดแกะสลักผลไม๎
ค. มดี ขนาดใหญํท่ปี ระดิษฐจ์ ากมีดทาครัว
ง. มดี ขนาดเลก็ ทป่ี ระดษิ ฐจ์ ากใบเลอ่ื ยตดั เหลก็
15. ขอ๎ ใดไม่ใช่วิธกี ารดูแลรกั ษามีดแกะสลักโฟม
ก. อยําใหม๎ ดี หลํนเพราะปลายจะป่นิ
ข. ควรมีปลอกมีดสวมหลงั การใชง๎ าน
ค. เช็ดใหแ๎ หง๎ และทานา้ มนั ปูองกนั สนมิ
ง. นาไปใชใ๎ นการทางานอื่น ๆ ไดต๎ ามปกติ
16. ข๎อใดไมใ่ ช่วัสดทุ ่ีใช๎สาหรบั การตํอโฟม
ก. ไมก๎ ลดั
ข. เข็มหมุด
ค. กาวลาแท็กซ์
ง. ไมเ๎ สยี บลกู ช้นิ
17. พูํกนั ท่ีมีขนแปรงอุม๎ นา้ ได๎มากคือชนิดใด
ก. พํกู นั กลม
ข. พูํกนั แบบ
ค. พํูกนั สีน้า
ง. พกํู ันสีน้ามัน
18. ข๎อใดไม่ใช่วิธกี ารเก็บรักษาพํกู นั ทถี่ กู ตอ๎ ง
ก. ใชก๎ าวลาแท็กซท์ าขนแปรง
ข. เก็บพกํู นั โดยเอาด๎ามพกูํ นั ลง
ค. ล๎างดว๎ ยนา้ สะอาดหรอื น้าอุนํ
ง. จัดขนพํกู ันใหเ๎ รียบเช็ดให๎แหง๎
19. ขอ๎ ใดคือสที ี่นยิ มใชใ๎ นการตกแตํงสโี ฟม
ก. ดินสอสี
ข. สีนา้ มัน
ค. สีโปสเตอร์
ง. สีน้าอะครีลกิ
20. ข๎อใดคือวิธีการตกแตงํ โฟมดว๎ ยกากเพชร
ก. ใชก๎ าวยางยึดติดกับโฟม
ข. ใช๎แว็กซ์เปน็ ตวั ยดึ ตดิ กับโฟม
ค. ใชก๎ าวลาแทก็ ซเ์ ป็นตวั ยดึ ติดกับโฟม
ง. ใช๎สนี า้ พลาสติกระบายแลว๎ โรยการเพชร
42
วสั ดุอปุ กรณ์ และเครื่องมอื การแกะสลักโฟม
วสั ดุอุปกรณ์ และเครื่องมือการแกะสลกั โฟม
วัสดุ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (พ.ศ. 2525 : 760) ได๎ให๎ความหมายไว๎วํา
วัสดุ หมายถึง ของใช๎ท่ีมีอายุการใช๎งานในระยะเวลาส้ัน ๆ เชํน กระดาษ ดินสอ สี กาวลาแท็กซ์
เปน็ ตน๎ ส่ิงหน่ึงส่งิ ใดกต็ าม ทนี่ ามาใชใ๎ นการสรา๎ งสรรค์นั้นมีการแปรสภาพออกไป หรือหมดไป เชํน
โฟม เป็นวสั ดุหลกั ในการแกะสลกั ซง่ึ จากเดมิ มีสภาพเป็นแผํน หรือเป็นก๎อนสี่เหลี่ยมเม่ือนามาผําน
กรรมวิธีการตัด การปาด การโกลน และการการฉลุ ก็จะแปรสภาพรูปรําง รูปทรง จากเดิมไป
บางคร้ังวสั ดุก็แปรสภาพสญู สลายไป เชํน กาวลาแท็กซ์ วัสดุที่เป็นน้าของเหลว นามาทาบนช้ินงาน
โฟม เมื่อแหง๎ สนิทกส็ ลายไปจนหมดจากสภาพเดิม
อุปกรณ์ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (พ.ศ. 2525 : 956) ได๎ให๎ความหมาย
อปุ กรณ์ หมายถึง เครอ่ื งมอื เคร่ืองใช๎ เครื่องชํวย เคร่ืองประกอบ เชนํ มีดแกะสลัก พกูํ ัน ไมบ๎ รรทดั
วัสดอุ ุปกรณ์ และเคร่ืองมอื นับเปน็ องค์ประกอบสาคัญ ในการสร๎างงานแกะสลักโฟม ฉะน้ันเพื่อให๎
ผู๎สร๎างงานสามารถเลือกใช๎วัสดุอุปกรณ์ และเคร่ืองมือได๎อยํางมีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์
จึงควรทาความเข๎าใจถึงคุณสมบัติ และคุณลักษณะของวัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือ การนาไปใช๎
การบารงุ รกั ษา โดยผเู๎ ขยี นได๎จดั หมวดหมํวู สั ดุอปุ กรณ์ และเคร่ืองมอื ไว๎ 3 ประเภทดังนี้
1. วัสดุอุปกรณ์ และเคร่อื งมอื ในการออกแบบ
2. วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมอื สาหรบั งานแกะสลกั โฟม
3. วัสดุอุปกรณ์ และเคร่ืองมือสาหรบั ตกแตงํ ในงานโฟม
1. วสั ดุอปุ กรณ์ และเคร่ืองมอื ในการออกแบบ
1.1 ดินสอ เป็นวัสดุเคร่ืองเขียนท่ีจาเป็นชนิดหน่ึงทาด๎วยวัตถุตําง ๆ ชนิดที่ไส๎ทาด๎วย
แกรไฟตผ์ สมดินเหนียว มีไม๎หม๎ุ เรยี กวําดนิ สอ หรือดนิ สอดา ถ๎าไสม๎ สี ตี ําง ๆ เรียกวํา ดินสอสี ถ๎าทา
จากหินชนวน เรียกวํา ดนิ สอหนิ ดินสอเปน็ วสั ดุท่มี ีความจาเป็นตงั้ แตํการออกแบบภาพรําง การรําง
ภาพบนงานโฟม ดินสอนั้นมใี ห๎เลอื กใช๎ตามความเขม๎ ของดนิ สอ โดยปกตจิ ะมีโคด๏ หรือตัวอักษรกากับ
อยบํู อกความเข๎ม หรือความดาของดินสอ เพ่ือให๎เหมาะกบั งานใช๎งาน
แบงํ ดินสอออกเปน็ 3 กลํุมใหญํ ๆ ดังนี้
1. ดนิ สอเขียนแบบ ไส๎ดนิ สอจะมคี วามแข็งคํอนขา๎ งมาก สีออํ น เหมาะกับการรํางภาพ
การออกแบบเขียนแบบ ความเข๎มของดินสอจะมีตัวเลขกากับ เชํน H, 2H, 3H, 4H, HB, ใช๎ในการ
การรํางภาพ หรอื งานเขียนแบบท่วั ๆ ไป
ภาพที่ 2.1 ดนิ สอสาหรบั เขียนแบบ (ดินสอกด)
ทีม่ า : กติ ติพล วเิ ชยี รเชือ้ 2559
43
2. ดนิ สอดา ดินสอดามคี วามอํอนของไส๎คอํ นขา๎ งมาก แตํมคี วามเขม๎ มาก ตัวเลขมากมี
ความเข๎มมากข้ึน เชํน 2B, 3B, 4B, 5B, จนถึง 6B, เหมาะกับงานวาดภาพ และแรเงาใช๎ในการรําง
ภาพโดยตรงบนแผนํ โฟมสามารถเนน๎ ลวดลายใหเ๎ หน็ เดํนชดั ขอ๎ ควรระวังไมคํ วรทาดินสอตกหลํนจาก
ทสี่ ูงกระแทกลงพืน้ ไสด๎ นิ สอดา๎ นในอาจหกั ไมสํ ะดวกในการนามาใช๎งาน และเป็นการสนิ้ เปลืองวัสดุ
ภาพท่ี 2.2 ดนิ สอสาดาสาหรบั ราํ งภาพ มีใหเ๎ ลือกตามความเขม๎ ของไส๎
ท่มี า : กติ ตพิ ล วิเชียรเชื้อ 2559
3. ดนิ สอสี ลกั ษณะเปน็ ดนิ สอท่ีมีไส๎เป็นสี หุ๎มด๎วยไม๎ นามาใช๎ในการรํางภาพบนโฟม
จะใช๎แทนดินสอ คอื ใชร๎ ํางแบบตวั อกั ษร หรอื ลวดลายกํอนตกแตํงสี นอกจากการราํ งภาพแล๎วยังเป็น
การระบุสี สะดวกในการตกแตํงสีโฟมอีกด๎วย ดินสอสีมีให๎เลือกใช๎ได๎ต้ังแตํ 12 สี ถึง 36 สี เหมาะ
และสะดวกตอํ การทางาน มีสีสนั สดใส และสามารถระบายไลํน้าหนักแสงเงาได๎ดี
ภาพที่ 2.3 ดินสอสี (สีไม๎)
ท่มี า : กติ ติพล วเิ ชียรเชื้อ 2559
44
1.2 ปากกา เป็นอปุ กรณ์สาหรบั ขดี เขียน ประกอบดว๎ ยตัวปาก และดา๎ ม ตัวปากมักทาดว๎ ย
โลหะ เป็นวัสดุที่ใช๎สาหรับการรํางภาพลงบนโฟม สามารถลงรายละเอียดของเนื้อหาได๎ดีกวํา
ดินสอ โดยเฉพาะลวดลายที่มีความละเอียดอํอน เพ่ือเน๎นลวดลาย หรือรูปภาพให๎มีความชัดเจน
การออกแบบดว๎ ยปากกา ต๎องเป็นลวดลายท่ีมีความถูกต๎องเสร็จเรียบร๎อย สามารถนาไปแกะสลัก
โฟมไดท๎ นั ที่
ปากกามหี ลายชนิดใหเ๎ ลอื กใช๎ตามความเหมาะสม ดงั น้ี
1. ปากกาลกู ล่นื มีไสบ๎ รรจหุ มกึ สาเรจ็ รปู ปลายไส๎มกั ทาด๎วยโลหะกลมเลก็ ๆ บางคร้ัง
ก็เรียกปากกาหมึกแห๎ง ใช๎สาหรับรํางภาพ หรือก็อปปี้ภาพลงบนงานโฟมเน่ืองจากปากกาลูกล่ืน
ปลายจะเล็ก เหมาะกบั ลวดลาย หรือภาพท่ีมรี ายละเอียดมาก ๆ
ภาพท่ี 2.4 ปากกาลกู ลน่ื สาหรบั รํางภาพบนโฟม
ท่มี า : กติ ติพล วเิ ชียรเชือ้ 2559
2. ปากกาเมจิก มีไส๎สาหรบั ใสนํ ้าหมกึ หรือหลอดบรรจุหมึก นา้ หมึกจะคอํ ย ๆ ไหลซึม
ออกมาที่ปลายปากกาเองโดยไมํต๎องจุ๎ม มีหลายสีให๎เลือกใช๎ตามความเหมาะสมกับชิ้นงาน เหมาะ
สาหรับการรํางภาพท่ีตอ๎ งการความเดํนชดั สามารถระบสุ สี าหรบั งานตกแตงํ โฟมได๎สะดวก เชํนใบไม๎
ใช๎สีเขียว ต๎นไม๎ ใช๎สีนา้ ตาล เป็นตน๎
ภาพท่ี 2.5 ปากกาเมจิก สาหรบั ราํ งภาพบนโฟม
ท่มี า : กติ ติพล วิเชียรเช้อื 2559
45
3. ปากกาเคมี มไี สส๎ าหรับใสํนา้ หมกึ หรอื หลอดบรรจุหมกึ น้าหมึกจะคํอย ๆ ไหลซึม
ออกมาที่ปลายปากกาเองเหมือนปากกาเมจิก ลักษณะปลายปากกามีสองด๎าน ด๎านหน่ึง
เปน็ ปลายแหลมอกี ด๎านเปน็ ปากตัดแบน สามารถเลือกใช๎ตามความเหมาะสมในการใช๎งาน นิยมใช๎
รํางภาพบนโฟมโดยตรง ทาให๎มองเหน็ ลวดลายชดั เจน
ภาพที่ 2.6 ปากกาเคมี สาหรับรํางภาพ
ท่ีมา : กิตตพิ ล วเิ ชยี รเชื้อ 2559
1.3 ไมบ้ รรทดั เป็นอปุ กรณ์ท่ีมีสาคัญชนิดหนึง่ ในงานแกะสลกั โฟม ใชส๎ าหรบั ทาบเป็นแนว
เพอ่ื ขีดเสน๎ ให๎ตรง มีหลายชนดิ และหลายขนาดใหเ๎ ลือกใช๎ ต้ังแตํขนาด 30 ซม. ถึง 120 ซม. เหมาะ
สาหรบั ทาบเปน็ แนวเพ่อื ขดี เส๎นใหต๎ รง และวดั ขนาดแบํงสัดสวํ นในงานแกะสลักโฟม เพ่อื ให๎ชิน้ งานมี
ขนาด และสัดสํวนตามที่ออกแบบไว๎ โดยเฉพาะงานแกะสลักทเ่ี กี่ยวกบั ตัวอกั ษร หรอื ตราสัญลักษณ์
ไมบ๎ รรทดั มคี วามจาเป็นอยาํ งย่งิ ทาให๎การสรา๎ งสรรค์ผลงานมีขนาด และสัดสํวนท่ถี ูกต๎อง
ภาพท่ี 2.7 ไม๎บรรทดั สาหรับกาหนดแนวเสน๎ ตรง
ทีม่ า : กติ ตพิ ล วเิ ชียรเชอ้ื 2559
46
1.4 ไมฉ้ าก 1 ชดุ มี 2 ขนาด คือฉากมุม 45 องศา และฉากมุม 30 องศา กับมุม 60 องศา
การใชง๎ านอาจใชค๎ กํู นั หรือใช๎คํกู บั ไม๎บรรทัด ในกรณีท่ีต๎องการออกแบบลวดลายที่ต๎องการมุมฉาก
เชํน งานทากรอบรูปท่ีต๎องการเข๎ามุม 45 องศา งานที่เสร็จสมบูรณ์ก็จะตํอเข๎ากันอยํางเรียบร๎อย
สวยงาม
ภาพที่ 2.8 ไม๎ฉากวดั องศา มมุ 45, 90, 30, 60 องศา
ที่มา : กติ ติพล วิเชยี รเช้ือ 2559
1.5 วงเวียน เครื่องมือสาหรับเขียนวงกลมสํวนโคง๎ ของวงกลม หรือกะระยะ ทาด๎วยโลหะ
มี 2 ขา ปลายข๎างหน่งึ แหลมปลายอีกขา๎ งหนึง่ มีดนิ สอ ชาํ งแกะสลักโฟมหากมีไวค๎ งมปี ระโยชน์ ไมํ
น๎อยโดยเฉพาะการออกแบบภาพราํ ง ที่ต๎องการเขียนวงกลม วงเวียนมดี ๎วยกนั 3 ชนิด ดงั นี้
1. วงเวยี นวดั ระยะ ปลายทงั้ สองดา๎ นเป็นเหล็กแหลม ใชว๎ ัดสดั สํวนซ้า ๆ ใหเ๎ ทํากัน
2. วงเวยี นดินสอ ลกั ษณะปลายด๎านหนึ่งเป็นเหล็กแหลมอีกด๎านหน่ึงเป็นปลายดินสอ
ใช๎สาหรบั รํางภาพวงกลม และหาสํวนโค๎ง
3. วงเวยี นปากกา ลักษณะของปลายวงเวยี นด๎านหนงึ่ เป็นเหลก็ แหลม อีกด๎านหน่ึงเปน็
ปลอกสาหรับใสปํ ากกา ใช๎สาหรับงานออกแบบภาพราํ งทีต่ อ๎ งการให๎ลวดลายเป็นเส๎นปากกา
ภาพที่ 2.9 วงเวยี นวัดระยะ วงเวียนดินสอ และวงเวียนปากกา
ทม่ี า : กติ ติพล วิเชยี รเชอ้ื 2559
47
การใช๎วงเวียน ควรให๎ปลายเหล็กกับปลายดินสอ หรือปากกาอยํูในระดับเดียวกัน เพ่ือให๎
หมนุ สรา๎ งวงกลมไดส๎ มา่ เสมอ ดินสอไมํควรแหลมเกินไป และไมํควรกดน้าหนักการหมุนมากเกินไป
อาจทาใหก๎ ระดาษสร๎างแบบ หรอื โฟมเป็นรูฉกี ขาดได๎ มผี ลใหว๎ งกลมไมสํ วยงาม
1.6 กระดาษ วัสดเุ ป็นแผํนบาง ๆ การทากระดาษมีมาแตโํ บราณ ทาจากใยเปลือกไม๎ ฟาง
หญ๎า หรือเศษผ๎า เป็นต๎น ใช๎เขยี น หรือพิมพ์หนงั สือ หรือหอํ ของ และอ่ืน ๆ กระดาษมีความจาเป็น
ไมนํ อ๎ ย ใช๎สาหรบั การออกแบบลวดลาย หรือรํางภาพกํอนที่แกะสลัก เปรียบเหมือนการสร๎างบ๎าน
ทต่ี ๎องอาศัยแบบแปลน จะทาให๎มีรากฐานที่มันคงแข็งแรง การทางานเป็นไปตามแบบท่ีกาหนดไว๎
ทั้งรปู แบบ และขนาด กระดาษมีหลายชนิดให๎เลือกใช๎ตามความเหมาะสม ดังน้ี
1. กระดาษเขียนแบบ เชํน กระดาษปรู๏ฟ กระดาษ 80 ปอนด์ กระดาษ 100 ปอนด์
ตัวเลขมากกระดาษจะมคี วามหนามาก เหมาะสาหรบั การออกแบบลวดลาย หรือภาพระบายสี
ภาพที่ 2.10 กระดาษสาหรับเขยี นแบบ
ทม่ี า : กิตติพล วิเชยี รเช้อื 2559
2. กระดาษไข เป็นกระดาษอาบไขที่ใช๎ในการทาแบบลวดลาย สามารถมาใช๎ในการ
ออกแบบลวดลายสาหรับแกะสลักโฟม ใช๎ทาสาเนา หรือคัดลอกลวดลายรูปภาพตําง ๆ เพ่ือให๎
ลวดลายมคี วามถกู ต๎องเหมือนต๎นแบบ และมีความสะดวกรวดเร็วขน้ึ
ภาพที่ 2.11 กระดาษไข ใชส๎ าหรบั คัดลอกลาย หรือรปู ภาพ
ที่มา : กติ ติพล วเิ ชยี รเชอื้ 2559
48
3. กระดาษแขง็ หรอื กระดาษโปสเตอรแ์ ข็ง มหี ลายชนิดให๎เลือกใชต๎ ามความเหมาะสม
เหมาะสาหรับงานที่ต๎องการสร๎างต๎นแบบ งานแกะสลักโฟมที่มีรูปแบบซ้า ๆ กัน เชํน ลายไทย
หรือแมํลายเพื่อนาไปประดบั ตกแตงํ สถานที่ ตกแตํงซ๎ุม และตกแตํงขบวนรถในงานประเพณีตําง ๆ
เป็นตน๎
ภาพที่ 2.12 ตัวอยํางการใชก๎ ระดาษแข็งทาแมํแบบลายไทย
ท่ีมา : กิตติพล วิเชยี รเชื้อ 2559
1.7 ยางลบ เปน็ วัสดุท่ที าจากยางไม๎ หรอื พลาสตกิ บางประเภท ทาเปน็ แทงํ หรอื เปน็ กอ๎ น
ใช๎ลบรอยดินสอ รอยหมึก เป็นต๎น ควรเลือกท่ีมเี นื้อนุมํ สีขาวสะอาด ไมํควรเลือกยางลบทมี่ เี นอ้ื แขง็
หรอื มสี ผี สมอยํู เมอื ลบจะทาใหส๎ กปรก กระดาษอาจเป็นริว้ รอยได๎
ภาพที่ 2.13 ยางลบทีม่ เี นอื้ สีขาวนํมุ
ท่ีมา : http://www.boatbook.co.th
49
1.8 กบเหลาดินสอ ใชส๎ าหรับเหลาดินสอให๎มีปลายแหลมคม เหมาะกับดินสอท่ีห๎ุมด๎วยไม๎
โดยเฉพาะไสด๎ นิ สอท่ีมีความแขง็ เชํน HB 2B และ 3B กบที่มคี ณุ ภาพดี จะสามารถเหลาดินสอให๎ไส๎
แหลมคมสม่าเสมอ
ภาพท่ี 2.14 กบเหลาดนิ สอ
ทม่ี า : กิตตพิ ล วเิ ชียรเชอ้ื 2559
2. วัสดอุ ปุ กรณ์ และเครื่องมอื สาหรบั งานแกะสลกั โฟม
2.1 มดี แกะสลัก เป็นอปุ กรณ์เครือ่ งมือหลกั ของชาํ งแกะสลกั โฟม ควรมคี วามคม และเบา
มือ มดี ๎ามจบั ที่ถนดั มือ ใบมีดเรยี วแหลม ไมํเปน็ สนมิ ใบมีดควรเปน็ เนอื้ สแตนเลสอยํางดี เพอ่ื ปูองกัน
การข้นึ สนมิ มดี ทใ่ี ชใ๎ นงานแกะสลกั โฟม สามารถแบงํ ออกไดเ๎ ปน็ 3 ประเภท ดังนี้
1. มดี แกะโฟมขนาดเลก็ ใบมีดแบนยาวปลายตดั เฉยี ง และแหลม คมมดี อยูํตรงปลาย
เฉียง มีด๎าม และมีความคมทั้งสองดา๎ น มคี ุณสมบตั ิในการแกะสลกั และฉลุลาย มีความยาว 4-5 น้ิว
สามารถตัดเดินหน๎าถอยหลัง และลวดลายที่ต๎องการความประณีต อาจประยุกต์มาจากมีดคว๎าน
ผลไม๎ท่ีมจี าหนํายตามท๎องตลาด หรือประดิษฐ์ข้ึนมาใช๎เองจากวัสดุเหลือใช๎ เชํน ใบเลื่อยตัดเหล็ก
หรอื มดี ขนาดเล็ก ๆ มาเจยี รให๎เกดิ ความคมทั้งสองด๎าน แตํการเจียรต๎องมีความชานาญ และความ
ระมดั ระวงั เพราะเศษโลหะอาจกระเดน็ เขา๎ ตา ควรมอี ุปกรณ์ในการปูองกัน เชํน ใสํถุงมือ และสวม
แวนํ ตา
ภาพท่ี 2.15 มีดขนาดเล็ก ทาจากมีดแกะสลักผลไม๎ ภาพที่ 2.16 มดี ขนาดเลก็ ประดิษฐ์จากใบเล่อื ยตัดเหล็ก
ท่ีมา : กติ ติพล วเิ ชียรเชื้อ 2559 ทมี่ า : กติ ตพิ ล วิเชียรเชื้อ 2559
50
2. มีดแกะโฟมขนาดใหญ่ ประดษิ ฐ์มาจากมดี ขนาดกลางทว่ั ไปทใ่ี ช๎ในครวั เรือน ใบมีด
แบนยาวชนิดปลายแหลม ด๎ามทาด๎วยไม๎ หรือเขาสัตว์ ใช๎หั่น เฉือน ซอยผัก หรือเน้ือ เป็นต๎น
โดยการนามาเจียรใหม๎ คี วามคมทั้งสองดา๎ น มีไว๎สาหรับการข้นึ รูปด๎วยวธิ ีการปาด และการโกลน โดย
ใชใ๎ นงานแกะสลกั โฟมที่มีขนาดใหญํใหม๎ ีรูปรํางคราํ ว ๆ
ภาพที่ 2.17 มดี บางขนาดกลางและขนาดใหญํ
ทม่ี า : กติ ตพิ ล วเิ ชยี รเช้ือ 2559
ภาพท่ี 2.18 แสดงการนามดี มาเจียร ใหเ๎ กิดความคมทงั้ สองด๎าน
ทมี่ า : กิตติพล วิเชยี รเช้อื 2559
3. มดี คตั เตอร์ เหมาะสาหรับตดั กระดาษ เหลาดินสอ และงานอน่ื ๆ เป็นต๎น สามารถ
ถอดเปลี่ยนใบมีดได๎ นิยมใช๎สาหรับการตัด ฉลุลายโฟมบาง ๆ และการปาด ใบมีดมีลักษณะคม
ด๎านเดียว จึงมีข๎อจากัดไมํสามารถตัดได๎ท้ัง 2 ด๎าน แตํมีความคมมากกวํามีดชนิดอื่น มีให๎เลือกใช๎
ทงั้ ใบมดี ธรรมดา และแบบปลายเฉยี ง ใบมีดควรมีความคมอยํูเสมอ ควรหลีกเล่ียงการสัมผัสกับน้า
อาจทาให๎ใบมีดเกิดสนิม หมดความคม หลังเลิกใช๎ควรใช๎น้ามันหลํอล่ืนชโลมกํอนเก็บเข๎าท่ี
เพอ่ื เป็นการรกั ษาใบมดี
ภาพท่ี 2.19 มีดคตั เตอร์ขนาดเลก็ และขนาดใหญํ
ทม่ี า : กติ ตพิ ล วเิ ชยี รเชื้อ 2559
51
ภาพท่ี 2.20 ใบมีดคัตเตอร์แบบธรรมดา และแบบปลายเฉยี ง
ที่มา : กิตติพล วิเชยี รเชอื้ 2559
การดูแลรักษามดี แกะสลกั
1. เชด็ ใหแ๎ หง๎ อาจทาดว๎ ยนา้ มนั พชื ทับอกี คร้ังปอู งกันสนมิ
2. หา๎ มนามดี แกะสลกั ไปใชง๎ านผิดประเภท เพราะมีดแกะสลักต๎องการความคม
3. อยําให๎มดี แกะสลักหลํน เพราะจะทาให๎ปลายมีดบ่ิน
4. ควรมีปลอกมีดทส่ี ามารถดแู ลความคมได๎ เชนํ โฟม หรอื ซองหนงั
2.2 หินลับมีด ใชส๎ าหรับลบั มดี ใหม๎ คี วามคมควรเลือกเน้ือละเอยี ด ๆ เพ่ือจะได๎ไมํทาให๎มีด
สึกกรํอนเร็ว สามารถใช๎กระดาษทรายแทนได๎ การดูแลรักษาล๎างให๎สะอาดเช็ด และผึ่งให๎แห๎ง
หํอดว๎ ยผ๎านมุํ ๆ และอยาํ ใหห๎ นิ ลับมีดตกหลนํ
ภาพท่ี 2.21 หนิ ลับมดี แกะสลัก
ทีม่ า : กติ ติพล วเิ ชียรเช้ือ 2559
52
3. วัสดอุ ุปกรณ์ และเคร่ืองมือสาหรบั ตกแตง่ โฟม
การตกแตํงโฟม จะชํวยให๎งานโฟมมีความสวยงามตามความคิดสร๎างสรรค์ ในขั้นตอน
การตํอประกอบโฟม การติดต้ัง และการตกแตํงสีโฟม จึงต๎องอาศัยวัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือ
เข๎ามาชํวย ชํางแกะสลักจึงต๎องมีความรู๎ความเข๎าใจ และเลือกใช๎ว๎สดุอุปกรณ์ให๎เหมาะสม
กับการสร๎างสรรคผ์ ลงาน และร๎ูจกั วิธีการบารงุ รักษาอยํางถกู ตอ๎ ง
วัสดอุ ปุ กรณ์ และเคร่อื งมือสาหรบั ตกแตํงโฟม มดี ังนี้
3.1 เข็มหมดุ เปน็ วสั ดุท่ีมีหัวเปน็ ปมุ ใชก๎ ลดั กระดาษหรอื ผา๎ เปน็ ตน๎ เข็มหมดุ มีความจาเป็น
ในหลายลกั ษณะงาน เร่ิมต้งั แตกํ ารคดั ลอกลวดลายจากกระดาษต๎นแบบบนแผํนโฟม โดยการใช๎กด
หรือปกั ยดึ ตดิ ระหวํางแบบกบั โฟม ไมํให๎ต๎นแบบเคลื่อนระหวํางการลอกแบบ ให๎ยึดติตกัน ระหวําง
โฟมกับโฟม ในการประกอบช้นิ งานติดตง้ั โฟมระหวาํ งรอกาวแห๎งสนิท เพ่ือให๎โฟมไมํเคลื่อน และใช๎
สาหรบั ตดิ ตัง้ งานโฟมกับวัสดุอื่น ๆ เชํน ผา๎ มาํ น ฉากเวที เปน็ ตน๎
ภาพท่ี 2.22 เข็มหมดุ สาหรบั ยึดติดโฟม ภาพท่ี 2.23 การใชเ๎ ข็มหมดุ ยดึ ติดผา๎ มําน ฉากเวที
ท่มี า : กติ ติพล วิเชยี รเชือ้ 2559 ทีม่ า : กติ ติพล วเิ ชยี รเช้อื 2559
3.2 ไม้กลดั เปน็ วัสดทุ ี่มปี ลายแหลมท้งั 2 ขา๎ ง โดยสํวนมากทาด๎วยไม๎ไผํเหลาเล็ก ๆ หรือ
ก๎านมะพร๎าวตัดเป็นทํอนสั้น ๆ โดยท่ัวไปสาหรับใช๎แทงขัดกระทง หรือใบตองท่ีหํอขนม เป็นต๎น
ในงานแกะสลักโฟม ใช๎สาหรับเสียบยึดติดโฟมเข๎าด๎วยกัน หรือประกอบช้ินงานโฟมเข๎าด๎วยกัน
เพ่ือความแข็งแรง ไม๎กลัดมีให๎เลือกใช๎หลายขนาดตามความหนาของโฟม
ภาพท่ี 2.24 ไม๎กลัด (ไมเ๎ สียบลูกช้ิน)
ทม่ี า : กติ ตพิ ล วิเชียรเชื้อ 2559
53
3.3 กาวลาเท็กซ์ เป็นวัสดุที่ใช๎ประสาน ในรูปแบบน้าเหนียวข๎น คือสํวนผสมของเหลว
หรอื วสั ดุกง่ึ ของเหลว ทีส่ ามารถเช่ือมติด หรือประสานวัสดสุ องช้ินหรือหลาย ๆ ช้ิน ผนึกเข๎าด๎วยกัน
โดยเฉพาะในการแกะสลักโฟม มีความจาเป็นในการตํอ และประกอบช้ินงานโฟมเข๎าด๎วยกัน
ให๎มีความหนาตามสัดสํวนของชิ้นงาน เม่ือบํมโฟมจนกาวแห๎งสนิท จึงนามาแกะสลัก เมื่อ
กาวลาเทก็ ซแ์ ห๎งสนิท ก็จะมลี ักษณะใสเหมือนกาวใส จึงสามารถใช๎ในการตกแตงํ ผวิ โฟมให๎ดูแวววาว
งดงาม โดยนาโฟมที่ผํานการตกแตํงสีเสร็จแล๎วทาด๎วยกาวลาแท็กซ์ แล๎วปลํอยให๎กาวแห๎งสนิท
ชนิ้ งานจะใสมนั วาว สวยงาม และยงั สามารถปูองกันมด และแมลงกัดแทะ
ข้อควรระวัง อันตรายของกาวลาเท็กซ์ สารละลายท่ีผสมอยูํ เมื่อสูดดมระยะสั้น ๆ ทาให๎
เกิดอาการวิงเวียนหน๎ามืด มีผลกระทบตํอประสาทสํวนกลาง ทาให๎เสียการทรงตัว หากสูดดม
ระยะยาว ทาให๎โครโมโซมในเม็ดเลอื ดผิดปกติ จนถงึ ขน้ั เปน็ มะเร็งในเมด็ เลือด หญิงมีครรภ์อาจแท๎ง
หรอื ลูกออกมาพิการได๎ วธิ ีปอู งกนั คอื หลีกเลย่ี งการสูดดม และจัดใหม๎ กี ารระบายอากาศท่ดี ี
ภาพที่ 2.25 กาวลาเท็กซบ์ รรจขุ วด ขนาดตําง ๆ
ทีม่ า : กติ ติพล วเิ ชยี รเช้ือ 2559
3.4 กระดาษทราย เปน็ วัสดุในการขดั ตกแตงํ ผวิ โฟม มีสารขัดถูเคลือบไว๎บนหน๎ากระดาษ
ใช๎ขดั เพือ่ ตกแตํงผิวโฟมให๎เรียบเนียน กํอนที่จานาไปตกแตํงสี กระดาษทรายนิยมนามาใช๎สาหรับ
งานแกะสลกั โฟม เพื่อขัดผวิ ใหเ๎ รียบเนยี นจากรอํ งรอยแกะของมีดแกะสลกั โดยเฉพาะงานที่ต๎องการ
ความประณีต ให๎ผิวเหมือนจริงกํอนทาการตกแตํงสี กระดาษทรายมี 2 ประเภท ได๎แกํ กระดาษ
ทรายนา้ และการดาษทรายขัดไม๎ แตทํ นี่ ามาใช๎ในการตกแตงํ ผวิ โฟม นยิ มใช๎กระดาษทรายน้า เพราะ
มเี นอื้ ละเอยี ดไมํทาให๎ผวิ โฟมหลดุ ออกเปน็ เมด็ ๆ และมีรอยเวา๎ แหวงํ
กระดาษทรายน้า เป็นกระดาษทรายท่ีมีความละเอียดมากกวํากระดาษทรายธรรมดา
โดยมีตัวเลขบํงบอกถึงความละเอียดของเนื้อกระดาษทราย เชํน 180, 220, 280, 320, 400, 600
ยง่ิ ตวั เลขมากขน้ึ กระดาษทรายกจ็ ะมีเนอื้ ละเอยี ดมาก
วธิ ีการใช๎กระดาษทรายปรบั แตงํ ผวิ งาน ใชเ๎ บอร์หยาบขัดกํอน หลังจากน้ันใช๎เบอร์ละเอียด
ตามลาดบั ถ๎าสีติดกับกระดาษทรายจะทาไหก๎ ระดาษทรายไมํมคี วามคม ถ๎าช้ินงานโฟมท่ีต๎องการขัด
เป็นพื้นเรยี บ ให๎ตดั ไม๎หนา๎ สามยาวหนง่ึ คืบพันด๎วยกระดาษทรายแล๎วขัดมอื จะงาํ ยข้นึ
54
ภาพที่ 2.26 กระดาษทรายน้า
ที่มา : กิตติพล วเิ ชียรเช้อื 2559
ภาพท่ี 2.27 กระดาษทรายพนั บนไม๎ยาวหน่งึ คบื ภาพที่ 2.28 ขดั ตกแตํงผวิ โฟมด๎วยกระดาษทราย
ทีม่ า : กติ ตพิ ล วเิ ชียรเช้อื 2559 ทมี่ า : กติ ติพล วิเชียรเช้อื 2559
3.5 พู่กัน เปน็ อปุ กรณ์เคร่ืองเขียนหนังสือ หรือระบายสี ตอนปลายเป็นพํูทาด๎วยขนสัตว์
ใชส๎ าหรับระบายสีโฟม มที ัง้ ชนดิ พูกํ ันแบน และพํกู นั กลม การเลือกพํกู นั ต๎องเหมาะสมกับชนิดของสี
จะทาให๎สามารถสนองตอบความร๎ูสึก และอารมณ์ พํูกันแตํละชนิดมีลักษณะเฉพาะตัว ซ่ึงพํูกันที่ดี
จะได๎รับความพิถีพิถันในการเลือกขน เพื่อนามาทาพํูกันให๎เหมาะสมกับพํูกันแตํละประเภท
พูํกันสามารถแบํงออกได๎ 2 ประเภท ดังน้ี
1. พู่กนั สาหรบั สีนา้ มนั ควรมลี กั ษณะขนพูกํ ันทแี่ ข็ง เพราะต๎องสามารถรองรบั และทน
ตอํ ความหนา ความหนัก ของสนี า้ มนั ได๎ พรอ๎ มทั้งตอ๎ งมีแรงสปริงตวั คืนกลบั เขา๎ ทีเ่ ดมิ ได๎ดี ทาจากขน
สตั ว์ ขนหมู มีลักษณะขนท่แี ขง็ เป็นเส๎น ปลายขนจะแยกเปน็ แฉก สามารถรองรบั นา้ หนักของสี และ
มีแรงสปริงคนื ตัวได๎ดี
55
วิธที าความสะอาดพูํกันสนี ้ามนั
1. ใช๎ผา๎ เช็ดสีท่เี หลือคา๎ งทีข่ นพํกู ัน
2. ล๎างพูํกันดว๎ ยน้ามนั Turpentine หรอื นา้ มนั สน
3. ล๎างด๎วยน้าอํุนอีกครั้ง แลว๎ ล๎างด๎วยสบํูเหลวจนหมดคราบสี
4. ล๎างสบอูํ อก ดว๎ ยการล๎างกบั น้าก๏อกเปิดไหลอํอน ๆ โดยขยเ้ี บา ๆ ในฝาุ มือ
5. จดั ขนพํูกนั ใหเ๎ รียบรอ๎ ย เชด็ ด๎ามให๎แหง๎ แล๎ววางไวบ๎ นผ๎านุมํ ๆ
6. เก็บพกํู นั โดยเอาด๎ามพูกํ นั ลง
ภาพที่ 2.29 พกํู นั สาหรับสีน้ามัน
ที่มา : กติ ตพิ ล วเิ ชยี รเชื้อ 2559
2. พู่กนั สาหรับงานสนี ้า และสีอะครลี ิก ปลายพูํกันเป็นขนสังเคราะหท์ มี่ ีปลายขนสเี ข๎ม
และแหลมเป็นใยสังเคราะห์ทด่ี ที ่ีสดุ มคี วามยดึ หยํนุ สงู มีความคงทน มแี รงสปรงิ ตวั ที่ดี และออํ นพล้ิว
เปน็ ขนทีม่ คี ุณสมบัติเฉพาะตัว คือ สามารถอม๎ุ สไี ด๎มาก และมแี รงสปรงิ ตวั กลบั คืนสงู
วิธีทาความสะอาดพกํู ันสนี า้ และสีอะครลี กิ
1. ลา๎ งพกํู ันด๎วยนา้ สะอาดหรอื น้าอุํน
2. ลา๎ งดว๎ ยสบูเํ หลวอีกครั้ง
3. ล๎างสบอูํ อกดว๎ ยการล๎างกับน้ากอ๏ ก เปิดไหลอํอน ๆ โดยขยีเ้ บา ๆ ในฝาุ มือ
4. จัดขนพํกู ันใหเ๎ รียบรอ๎ ย เชด็ ด๎ามให๎แหง๎ แล๎ววางไว๎บนผา๎ นมํุ ๆ
5. เกบ็ พํกู นั โดยเอาด๎ามพํูกันลง
ภาพที่ 2.30 พกํู ันสาหรบั สีนา้ และสีอะครลี กิ
ท่มี า : กิตติพล วิเชยี รเชอ้ื 2559
56
3.6 สี คอื สิ่งที่ทาให๎ตาเหน็ เป็นขาว ดา แดง เขียว สที ใ่ี ช๎ในการตกแตํงโฟม มีให๎เลือกใช๎ได๎
หลายชนดิ ตามความเหมาะสมของลกั ษณะงาน โดยแบํงประเภทของสี ได๎ดังน้ี
1. สโี ปสเตอร์ (Poster Color) สีสาหรบั ระบายชนิดหน่งึ ทาขึน้ จากผงสชี นิดท่ีเรียกวํา
สฝี ุน ผสมกบั กาวหนังสัตว์ยางไม๎ หรือไขํแดงเน้ือสีคํอนข๎างข๎นเป็นสีน้าชนิดหนึ่งเน่ืองจากมีน้าเป็น
สํวนผสม นิยมบรรจุขวด มีคุณสมบัติ และการใช๎เหมือนกับสีน้าพลาสติก นิยมใช๎ในการเขียนภาพ
ท่เี ป็นงานต๎นแบบ หรืองานจติ รกรรมท่มี ีขนาดชนิ้ งานเล็ก ๆ เน่ืองจากสีมีราคาแพง และมีข๎อจากัด
ในการใช๎ คือ ไมํทนกับงานท่อี ยกูํ ลางแจ๎ง เมอ่ื ถกู น้าสีจะหลุดออกได๎ เมื่อจะใช๎ในการระบายภาพวาด
จะต๎องผสมนา้ กอํ น
การฝกึ เขียนสีโปสเตอร์ เพอื่ ให๎เกดิ ความชานาญมีทักษะ ต๎องรู๎จักสังเกตเห็นลักษณะของสี
และค๎นพบเทคนิคการระบายสีด๎วยตนเอง จากน้ันจึงใช๎เทคนิคการเขียนสีโปสเตอร์ มาเขียนภาพ
สอ่ื ความคดิ จินตนาการเป็นเร่ืองราว หรอื เหตกุ ารณต์ ําง ๆ ในงานตกแตงํ สีโฟมได๎ตามความต๎องการ
วิธีการใช้สีโปสเตอร์
1. เมือ่ ซ้ือสีโปสเตอรม์ าใหมํให๎เปดิ ขวด ใช๎ไม๎กวนสใี นขวดให๎ทว่ั จนสีเป็นเนื้อเดียวกัน
2. พกูํ นั สาหรับสโี ปสเตอร์ ใช๎ได๎ทงั้ ชนดิ ปลายกลม และปลายแบน ควรมขี นที่ออํ นนมุํ
3. จานสีทีใ่ ช๎ควรเปน็ จานสที ีม่ ีหลมุ กลมลึก ไมํควรใช๎จานสีที่เป็นชํองสี่เหล่ียม เพราะ
เวลา ทก่ี วนสีจะทาให๎สไี มํเข๎ากนั จานสีควรเป็นสีขาวจะชวํ ยใหผ๎ สมสไี มํผิดเพี้ยน
4. การผสมสีโปสเตอร์ ควรผสมน้าไมํให๎ข๎น หรือเหลวเกินไปแล๎วต๎องมีการกวนสีให๎
มาก ๆ ไมํวําจะใชส๎ ีใดควรมสี ขี าวผสมอยดูํ ว๎ ย จะทาให๎การระบายสีไดเ๎ รียบ และสวยงาม
5. ถ๎าต๎องการระบายสีโปสเตอรใ์ ห๎เกิดแสงเงา มวี ธิ รี ะบาย คอื ลงสีอํอนกํอนไปหาสีแกํ
หรอื ลงสีเขม๎ แลว๎ ไลํหาสอี อํ น แตวํ ธิ ที แ่ี นะนา คอื ใหส๎ ังเกตหาสกี ลางระบายสกี ลางนน้ั กํอน แล๎วจึงไลํ
เงาสเี ขม๎ สํวนแสงลงดว๎ ยสีอํอนเกลย่ี ให๎กลืนกนั
6. เมอ่ื ระบายสีเสรจ็ แลว๎ ควรใช๎แลคเกอรส์ เปรย์พนํ ทับ เพี่อความทนทาน และเงางาม
ภาพท่ี 2.31 สโี ปสเตอร์ ภาพท่ี 2.32 ตกแตงํ โฟมดว๎ ยสีโปสเตอร์
ทมี่ า : กติ ตพิ ล วเิ ชียรเชอื้ 2559 ทีม่ า : กติ ตพิ ล วเิ ชียรเชื้อ 2559
57
การดูแลรกั ษาสโี ปสเตอร์
เนื่องจากสโี ปสเตอรเ์ ปน็ สีท่แี ห๎งขอ๎ นข๎างเรว็ เมือ่ ใช๎เสรจ็ แลว๎ ควรพรมนา้ หรือหยอดน้าลงไป
ในขวดสี จะชํวยยืดอายุการใช๎งานให๎กับสีโปสเตอร์ ข๎อดีของสีโปสเตอร์ หาซื้อได๎งําย ราคาไมํแพง
นยิ มนามาสรา๎ งงานศลิ ปะ มีคุณสมบัติแห๎งเรว็ แตสํ ามารถใช๎นา้ มาละลายได๎ภายหลัง ทาความสะอาด
และเก็บรักษาได๎งาํ ย ข๎อเสียของสโี ปสเตอร์ สไี มคํ งทนเหมือนสนี ้าพลาสตกิ และสีอะครลี ิก ไมํทนตํอ
สภาพอากาศจึงเหมาะกับงานท่ีใชต๎ กแตํงภายในอาคาร มากกวาํ งานกลางแจง๎
2. สนี า้ พลาสติก สีสาหรบั ใชร๎ ะบายชนดิ หน่งึ ใช๎นา้ ผสมให๎ละลายกํอนจะใช๎ระบาย เป็นสี
ท่ีมีสํวนผสมของสารพลาสติกโพลีเมอร์ (Polymer) จาพวกอะครีลิก (Acrylic) หรือไวนิล (Vinyl)
มีคุณสมบตั แิ หง๎ เรว็ ติดแนนํ ทนนาน และกันนา้ ได๎ ยึดตดิ กับพื้นผวิ ได๎ดี สีน้าอะครลิ กิ เป็นสที ใ่ี ชท๎ าได๎
ท้ังภายใน และภายนอกอาคาร โดยสีที่ใช๎ทาภายนอกน้ันจะมีราคาแพงกวําสีทาภายใน สามารถ
ปอู งกนั สภาพอากาศท่ีอยูํภายนอก เชนํ กนั แดด กันฝน กันเช้อื รา ปัจจุบันนยิ มนามา เขียนภาพ และ
ระบายบนโฟม มีสีให๎เลือกใช๎หลากหลายสี นิยมใช๎เป็นสรี องพืน้ ในการตกแตงํ สีโฟม เมื่อระบายสีทับ
ซ๎อนกัน สเี กําจะไมหํ ลุดลอกออกมา ซ่งึ ตาํ งจากสีโปสเตอร์ มรี าคาถกู กวําสชี นดิ อนื่ ๆ ให๎สีสนั ท่ีสดใส
เกาะแนํนทนนาน สีนา้ พลาสตกิ แบงํ เปน็ 3 ชนิด คอื
1. สที าภายนอก เปน็ สีจริงท่ีใชส๎ าหรบั ทาทบั สวํ นผนงั ท่อี ยูภํ ายนอกบ๎าน หลงั จากทาสี
รองพ้นื แล๎ว เพ่ือใหเ๎ กิดสีตามโทนสที ี่ตอ๎ งการ สีภายนอกจึงต๎องมคี ุณสมบตั ิ ดังน้ี ทนตํอสภาพอากาศ
ความรอ๎ น แสงแดด แรงลม ความชื้น และภาวะสิ่งแวดล๎อมตําง ๆ ได๎ดี ปิดรอยแตกร๎าว รอยแตก
ลายงา ปอู งกนั น้าซมึ เน้อื สีลน่ื เป็นเงาไมํจับฝุนงาํ ย ปูองกนั เช้ือราตะไครํน้าไดด๎ ี
2. สที าภายใน เป็นสีจริงที่ใช๎สาหรบั ทาระบายทับสํวนผนังท่ีอยูํภายในบ๎าน หลังจาก
ทาสีรองพ้ืนแล๎วเพอื่ ใหเ๎ กดิ สีตามโทนสีที่ต๎องการ สีทาภายในจึงต๎องมีคุณสมบัติ ดังนี้ เน้ือสีมีความ
ละเอียดเป็นเงางาม สามารถเชด็ ทาความสะอาดสง่ิ ปนเปื้อน รอยดํางดา ได๎งําย และทนตํอแรงขัดถู
สามารถปอู งกนั เชือ้ รา แบคทเี รยี และคราบหมองคล้าท่ีเกิดจากเชื้อรา ปราศจากกล่ินฉุน กลิ่นสาร
ระเหยท่อี าจเป็นอันตรายตํอผ๎ูอาศัย หรือทาใหเ๎ กดิ กล่ินอันไมํพงึ ประสงค์
3. สีทารองพ้ืน เป็นผลิตภัณฑ์สาหรับใช๎ทารองพื้นในงานปูนท่ีฉาบเสร็จกํอนที่จะใช๎
สีทาภายนอก หรือสีทาภายในทาทบั ให๎เกิดสตี ามโทนสีทต่ี ๎องการ สปี ระเภทนีเ้ หมือนกบั สที าภายนอก
และสที าภายใน แตํตํางที่ชนิดของกาว และสํวนผสมที่มากกวํา ซึ่งจะมีลักษณะทนตํอสภาพความ
เป็นดํางได๎ดี
ภาพที่ 2.33 สีน้าพลาสติก ภาพที่ 2.34 ใช๎สนี ้าพลาสติกทารองพื้นโฟม
ท่ีมา : https://encrypted-tbn3. ท่ีมา : กติ ติพล วเิ ชียรเช้ือ 2559
58
3. สีอะครีลิก สามารถใช๎ระบายได๎หลากหลายพื้นผิว ไมํวําจะเป็นวัสดุประเภทโลหะ ไม๎
กระจก พลาสติก แก๎วคอนกรีต ผ๎า โฟม กระดาษ เป็นต๎น ด๎วยคุณสมบัติเดํนของสีอะครีลิก คือ
ความทบึ แสง หากเขียนอยํางหนา ๆ ด๎วยพูํกันหรือเกรียงผลที่ออกมา จะดูเหมือนสีน้ามัน ในทาง
ตรงกันขา๎ มหากนามาผสมน้าแล๎วเขียนอยํางบาง ๆ ลักษณะสีก็จะดูโปรํงใสเหมือนสีน้า จัดวําเป็นสี
อเนกประสงค์ท่แี หง๎ เร็วทันใจ เขียนทับไปมาได๎ แถมยังติดทนทานได๎ดีอีกด๎วย สอี ะครลี กิ สามารถแบงํ
ประเภทได๎ ดังน้ี
1. สีอะครลี กิ อิมัลชนั่ ชนิดทาอาคาร สามารถใช๎ทาบนผนังปูน ปูนฉาบ อิฐ ไฟเบอร์
ซเี มนต์ ไมเ๎ ทยี ม ไม๎เชอรํา เปน็ ตน๎ ซง่ึ จะมคี ุณสมบัตใิ นการยึดเกาะพ้นื ผิวได๎ดี เหมาะสาหรับใช๎ในการ
ตกแตงํ สีสันอาคารบ๎านเรอื น และการนามาใชใ๎ นการตกแตํงสโี ฟมดว๎ ย
2. สีอะครีลิก สาหรับงานศิลปะ เหมาะสาหรับการวาดภาพ งานศิลปะ งานตกแตํง
ช้ินวสั ดตุ ําง ๆ แตกตาํ งจากโปสเตอร์ และสีนา้ คอื เน้ือสีมีความเข๎มข๎นมากกวาํ
3. สีอะครลี ิก สาหรบั งานเขียนผา้ เหมาะสาหรบั งานเขยี นปาู ยอักษรโฟม ปาู ยโฆษณา
ปาู ยผา๎ เนือ้ สหี นามโี มเลกลุ ทีส่ ามารถแทรกซมึ ลงสํเู นอ้ื ผา๎ ได๎ดี ยึดเกาะได๎ดี ทนทานตํอสภาพอากาศ
ทนทานตํอความร๎อน และความชืน้ ไดด๎ ี
4. สอี ะครีลกิ สาหรับงานเขยี นปา้ ยไวนลิ และปา้ ยท่วั ไป เหมาะสาหรับการเขยี นปาู ย
โฆษณา งานตกแตงํ ศลิ ปะในอาคาร จติ รกรรมฝาผนัง เนื้อสีเขม๎ ขน๎ มีคุณสมบัตใิ นการยดึ เกาะตัวได๎ดี
บนพืน้ ผิวหลากหลายประเภท พูกํ นั ที่เหมาะสาหรบั ใชร๎ ะบายสอี ะครีลกิ นั้น จะเป็นพํูกนั ชนดิ ท่ีทาจาก
ขนสัตว์ แตํก็ต๎องระมัดระวังพอสมควร เน่ืองจากสีอะครีลิก เป็นสีที่แห๎งตัวเร็ว ดังนั้น หากปลํอย
ให๎พํูกันแห๎ง สีก็จะเกาะติดจนล๎างออกยาก จึงควรรีบล๎างสีออกจากพํูกันด๎วยน้าอํุนทันทีเมื่อ
เลกิ ใชง๎ าน
ภาพท่ี 2.35 สีอะครีลิก ชนิดบรรจุหลอด
ท่ีมา : กิตติพล วิเชยี รเชื้อ 2559
59
4. สีทองอะครีลิก ผลิตจากสีอะคริลิกเรซ่ินแท๎ 100 % ผสมกับผงมุกทองคาเกรดพิเศษ
คณุ ภาพสงู สดุ ใหส๎ เี หลืองทองเดนํ สุกปลง่ั เป็นประกายระยิบระยับ เนื้อสีเรียบเนียน ยึดเกาะพ้ืนผิว
วัสดุได๎ดีเยี่ยม เหมาะสาหรับทาตกแตํงท้ังภายนอก และภายใน สามารถทาทับได๎ทุกพื้นผิว เชํน
พื้นผวิ ทองเหลือง อัลลอยด์ สังกะสี กัลวาไนท์ อลูมีเนียม สแตนเลส ดีบุก เหล็ก แก๎ว เซรามิก ไม๎
คอนกรีต ยิปซัม เป็นต๎น เหมาะสาหรับการลงรักปิดทอง และการตกแตํงสีโฟม ลักษณะเป็นสีที่
ทามาจากอะครีลิกเรซ่ินชนิดพิเศษ ผสมผงทองพิเศษจากอเมริกา ให๎สีทองสุกเปลํงปลั่ง ใช๎ได๎ทั้ง
ภายนอก และภายใน เน้ือสีมาก ให๎การยึดเกาะพ้ืนผิววัสดุได๎ดีเยี่ยม เงางาม ทนแดด ทนฝน
ทนการขีดขวํ น อยํไู ด๎ทนนานโดยไมหํ มองดา
การใช้งาน เหมาะสาหรับใช๎ในการตกแตํงสีโฟมให๎มีพ้ินผิวเหมือนทองคา เมื่อแกะสลัก
ลวดลายโฟมเรยี บร๎อยแล๎ว ใช๎กระดาษขดั ผิวให๎เรียบ ทาสีรองพื้นด๎วยสีอะครีลิกเพ่ืออุดร้ิวรอยพรุน
ของโฟม เมื่อสีรองพื้นแห๎งสนิทแล๎ว จึงนามาระบายสีอะครีลิกสีเหลืองอีกคร้ัง แล๎วจึงทาระบาย
สที องอะครีลิกทบั ลงไป ควรระบายสีอะครีลกิ ทองอยาํ งน๎อยสองคร้ัง เพ่อื ใหส๎ เี หลอื งทองเดนํ สุกปล่ัง
เปน็ ประกายระยบิ ระยบั
ภาพท่ี 2.36 สีอะครีลิกทอง ภาพท่ี 2.37 ตกแตงํ สีโฟมด๎วยสีอะครีลกิ ทอง
ที่มา : กิตตพิ ล วิเชยี รเช้ือ 2559 ทม่ี า : กิตติพล วิเชยี รเชือ้ 2559
5. สีสเปรย์ หรือเรียกอีกอยํางวํา สีพํน เป็นผลิตภัณฑ์สีที่ถูกบรรจุอยูํในภาชนะกระป๋อง
ภายใตแ๎ รงดนั ก๏าซ เม่อื เปิดใชง๎ าน สจี ะถูกปลํอยออกมาจากภาชนะดว๎ ยแรงดันกา๏ ซภายใน ผาํ นหัวฉีด
สเปรย์ ทาให๎เปน็ ละอองสกี ระจายตัวอยํางสมา่ เสมอ สีสเปรย์ทีม่ จี าหนํายในท๎องตลาด มีหลายชนิด
และ มสี ํวนผสมท่ีแตกตํางกัน โทนสีทั่วไปเป็นชนิดท่ีใช๎สํวนผสมของเม็ดสีเป็นหลัก ได๎แกํ สีเหลือง
สีแดง สีเขยี ว สีดา สีขาว สีนา้ เงิน สฟี ูา สชี มพู เปน็ ต๎น โทนสีโลหะเป็นชนิดพิเศษท่ีใช๎ผงโลหะผสม
ได๎แกํ สีอะลูมเิ นยี ม สที อง สตี ะก่วั สีโครเมยี ม สีเหลก็ เป็นตน๎
สีสเปรย์ แบํงได๎ 3 ประเภทดงั นี้
60
1. สที ่ีมนี ้าเป็นตวั ทาละลาย เป็นสสี เปรย์ชนิดกันนา้ ได๎ คอื เมื่อสีแห๎งสนิทแล๎วสามารถ
กันน้าไดไ๎ มลํ อกหลุด มีสีสนั สดใสให๎เลอื กใชท๎ ัง้ สธี รรมดา และสสี ะทอ๎ นแสง เปน็ ท่ีนยิ มใช๎สาหรับการ
ตกแตํงสโี ฟมในปัจจบุ นั โดยเฉพาะงานปาู ย และตัวอกั ษร เปน็ ต๎น
ภาพท่ี 2.38 สสี เปรยท์ ีมนี ้าเป็นตัวทาละลาย
ท่ีมา https://encrypted-tbn0.gstatic.com
2. สีที่มีทินเนอร์ หรือโซเวนเป็นตวั ทาละลาย มที ้งั ชนิดแบบแหง๎ ช๎า และแหง๎ เรว็ หาก
นามาพํนบนโฟม ถ๎าใช๎ไมํถูกวิธีจะโดนทนิ เนอรก์ ับนา้ มนั จาพวกเบนซิน หรืออชิโทน จะทาให๎โฟมละ
ลายได๎ แตํหากมีความจาเปน็ ตอ๎ งใช๎สีสเปรย์ทีม่ ีทนิ เนอร์กม็ ีวิธโี ดยการทาสีรองพื้นด๎วยสีน้าพลาสติก
รองพ้นื โฟมหนา ๆ กอํ น และพยามเลอื กสที ี่มคี วามเขม๎ มาก ๆ สด ๆ เชํน สฟี ูา สนี า้ เงิน สมี ํวง สเี ขียว
แกํสแี ดง หรือยห่ี อ๎ ท่พี ํนแล๎วไมํคอํ ยกัดโฟม การพนํ ตอ๎ งพํนหําง ๆ โฟม พนํ บาง ๆ แตพํ ํนหลาย ๆ ครั้ง
ภาพท่ี 2.39 สสี เปรยท์ มี ีทินเนอร์ทาละลาย
ทม่ี า : https://encrypted-tbn3.gstatic.com
61
3. สสี เปรย์สาหรับเคลอื บเงา หรอื แลคเกอรส์ เปรย์ เหมาะสาหรับเคลอื บเงา หลงั จาก
ตกแตํงสเี รยี บร๎อยแลว๎ พํนใหเ๎ กิดความเงางาม รกั ษาผวิ ไมใํ หห๎ ลุดลอก และปูองกนั มดแมลงกัดแทะ
ภาพที่ 2.40 สสี เปรย์สาหรับเคลอื บเงา
ทม่ี า : https://encrypted-tbn1.gstatic.com
วธิ กี ารใช้งาน
สีสเปรย์ ถูกบรรจอุ ยูใํ นภาชนะภายใต๎แรงดันของก๏าซ เม่ือเปิดใช๎ด๎วยการกดหัวสเปรย์
สีจะพุํงออกมาเปน็ ละอองฝอยขนาดเลก็ ๆ ภายใตแ๎ รงดนั กา๏ ซท่ีถกู ปลํอยออกมาการพนํ สสี เปรย์ ต๎อง
ใหม๎ รี ะยะหาํ งทเ่ี หมาะสม เพ่ือใหล๎ ะอองสกี ระจายตัวให๎ท่ัวถึง และละอองสีไมํจับตัวกันจนเป็นก๎อน
หรือหยดสี ซ่ึงมกั จะอยใํู นชวํ ง 20-30 เซนติเมตร จากพ้ืนผิววัสดุ ขณะใช๎ควรเขยํากํอนทุกครั้ง หรือ
เขยาํ กอํ นฉดี พนํ เพือ่ ใหภ๎ ายในขวดสเปรย์มีการกระจายตัว
ขอ้ ควรระวงั ในการใช้ และการเก็บรกั ษา
1. มคี วามไวไฟ และอาจเกิดไฟฟูาสถิตขณะใชง๎ านได๎
2. ประกอบดว๎ ยสารเป็นพิษ และสารกํอมะเร็งหลายชนิด โดยเฉพาะไซลีน (Xylene)
ทสี่ ามารถเข๎าสูํราํ งกายและสะสมในเลือดได๎
3. เป็นภาชนะที่มแี รงดนั อาจเกดิ การระเบิดไดห๎ ากถูกกระแทก หรือได๎รบั ความรอ๎ น
4. สามารถเปน็ อันตรายตอํ ระบบทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ผิวหนัง และทางตา
โดยทาใหเ๎ กิดการระคายเคอื ง และการอักเสบ
5. ควรสวมหนา๎ กากปอู งกนั ไอสารเคมี หรือผ๎าปิดจมูก ถุงมือ และแวํนตากันสารเคมี
ขณะใช๎งาน และควรใชง๎ านในบรเิ วณที่มีการระบายอากาศทดี่ ี
6. การจัดเก็บ ให๎ปิดฝาภาชนะบรรจุให๎สนิท และเก็บในที่อากาศถํายเทได๎สะดวก
เก็บใหห๎ ํางจากแสงแดด ความร๎อน ประกายไฟโดยตรง และห๎ามโยนภาชนะอยาํ งแรง
62
7. ขวดสีสเปรย์ที่ใชแ๎ ล๎ว ห๎ามทิ้งถงั ขยะท่วั ไปควรเก็บรวบรวม และสํงกาจัดให๎ถูกต๎อง
ตามกฎหมาย โดยเฉพาะในภาคอตุ สาหกรรมที่มีการใช๎ เพราะถือวําเปน็ ขยะอนั ตรายชนิดหน่ึงที่ทาง
กรมโรงงานบงั คบั ให๎กาจดั อยํางถูกสุขลกั ษณะ และเปน็ ไปตามประกาศของกรมโรงงาน
3.7 กากเพชร คอื ผงแวววาวคล๎ายกระจก สาหรบั โรยแตงํ เคร่ืองประดับ ทาใหร๎ ะยิบระยับ
สู๎แดด วิธกี ารใช๎ คอื ทากาวบนผวิ โฟมสวํ นทต่ี อ๎ งการโรยกากเพชร หรอื ใช๎สเปรยก์ าวฉีดใหท๎ ั่ว แล๎วโรย
ด๎วยกากเพชร ควรทาหลาย ๆ ชนั้ จะไดอ๎ อกมาสวย หรอื จะใชก๎ าวทาก็ได๎ แตใํ ชส๎ เปรยก์ าวจะงําย
กวาํ เมื่อต๎องการโรยกากเพชรชน้ั ตํอไป
ภาพที่ 2.41 กากเพชรหลากหลายสี
ทมี่ า : กิตติพล วเิ ชียรเชอื้ 2559
สรุป
วัสดุ หมายถึง ของใช๎ที่มีอายุการใช๎ในระยะเวลาสั้น ๆ เชํน กระดาษ ดินสอ เป็นต๎น หรือ
ส่ิงหน่ึงส่ิงใดก็ตามท่ีนามาใช๎ในการสร๎างสรรค์นั้น มีการแปรสภาพออกไป หรือหมดไป เชํน โฟม
เป็นวัสดุหลักในการแกะสลัก ซ่ึงจากเดิม มีสภาพเป็นแผํน หรือเป็นก๎อนสี่เหลี่ยม เม่ือนามาผําน
กรรมวิธี การตัด การฉลุ การปาด การโกลน กจ็ ะแปรสภาพรปู ราํ ง รูปทรง จากเดมิ ไป
บางครั้งวัสดุกแ็ ปรสภาพสญู สลายไป เชํน กาวลาแท็กซ์ วัสดุท่ีเป็นน้า ของเหลว เม่ือนามา
ทาบนชนิ้ งานโฟม เมื่อแห๎งสนทิ ก็สลายไปจนหมดจากสภาพเดิม
อุปกรณ์ หมายถึง เครอ่ื งมอื เครอื่ งใช๎ เคร่อื งชวํ ย เครอ่ื งประกอบ เป็นของใช๎ประจาเพ่ือเป็น
ประโยชน์แกกํ ารใชส๎ อย หรอื ในทางศิลปะ คอื สิง่ ท่ีนามาสรา๎ งสรรคผ์ ลงานแล๎วยังคงอยูไํ มเํ สอื่ มสลาย
หายไป เชํน มีดคตั เตอร์ มดี แกะสลกั เคร่ืองเจียร ไม๎บรรทดั เปน็ ตน๎
63
แบบฝึกหดั หนว่ ยท่ี 2
เรื่อง วัสดุอปุ กรณแ์ ละเครอื่ งมอื การแกะสลกั โฟม
จงเติมคาในช่องวา่ งให้สมบูรณ์ (5 คะแนน)
1. จงอธบิ ายความหมายของวัสดอุ ุปกรณ์ และเครื่องมอื
………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. วัสดุในการออกแบบมอี ะไรบ๎าง
………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..
3. มีดแกะสลักโฟมมีกป่ี ระเภทอะไรบา๎ ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..
4. วัสดุในการตกแตงํ สีในงานโฟมมอี ะไรบ๎าง
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. จงอธบิ ายวธิ ีการเกบ็ รกั ษามีดแกะสลกั โฟม
………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..
64
แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยที่ 2
วสั ดุอุปกรณแ์ ละเครอ่ื งมอื การแกะสลกั โฟม
คาช้ีแจง จงทาเครอื่ งหมายกากบาท (x) เลือกคาตอบทเี่ หน็ วาํ ถกู ต๎องที่สดุ เพยี งข๎อเดยี ว
1. สิ่งทน่ี ามาใช๎แลว๎ แปรสภาพไปจากเดมิ ไมคํ งทนคอื ขอ๎ ใด
ก. เครื่องชวํ ย
ข. เครื่องมือ
ค. อปุ กรณ์
ง. วัสดุ
2. ข๎อใดไม่ใช่วัสดุ
ก. มีดแกะสลักโฟม
ข. โฟมแกะสลกั
ค. ไม๎เสยี บ
ง. กาว
3. อุปกรณ์ตามพจนานุกรม ฉบับราชบณั ฑติ ยสถานหมายถงึ
ก. เคร่ืองมอื เครอ่ื งใช๎
ข. เครื่องชํวย เครื่องประกอบ
ค. ของทใี่ ชแ๎ ล๎วแปรสภาพไปจากเดมิ
ง. ถูกทั้งขอ๎ ก และ ข
4. ข๎อใดไมใ่ ช่อปุ กรณ์ และเครอื่ งมอื ในงานแกะสลักโฟม
ก. สี
ข. พํูกนั
ค. ไมบ๎ รรทดั
ง. มดี แกะสลกั โฟม
5. ดนิ สอชนิดใดมคี วามเขม๎ ของไส๎มากท่ีสุด
ก. H B
ข. 2 H
ค. 2 B
ง. EE
6. ดนิ สอชนดิ ใดมีไส๎เปน็ สหี ม๎ุ ด๎วยไม๎
ก. ดินสอเขียนแบบ
ข. ดินสอหิน
ค. ดินสอดา
ง. ดินสอสี
65
7. ปากกาชนิดใดนยิ มใช๎สาหรบั คดั ลอกลวดลายลงบนโฟม
ก. ปากกาสปดี บอลค์
ข. ปากกาลกู ลื่น
ค. ปากกาเมจกิ
ง. ปากกาเคมี
8. ปากกาชนดิ ใดมีปากสองด๎าน ด๎านหนง่ึ แหลมอกี ด๎านเปน็ ปากตดั แบน
ก. ปากกาสปดี บอลค์
ข. ปากกาลูกลื่น
ค. ปากกาเมจกิ
ง. ปากกาเคมี
9. อุปกรณ์ชนดิ ใดใช๎สาหรบั การหาคาํ ของมมุ หรือองศา
ก. ไม๎ที
ข. ไมฉ๎ าก
ค. กระดูกงู
ง. ไม๎บรรทัด
10. ข๎อใดไม่ใช่ประโยชนข์ องวงเวยี น
ก. ใช๎วดั ระยะสัดสํวนทซี่ ้า ๆ
ข. ใช๎สาหรับสรา๎ งภาพวงกลม
ค. ใช๎สาหรบั สร๎างรปู ทรงอสิ ระ
ง. ใชส๎ าหรับลงเสน๎ ปากการูปวงกลม
11. กระดาษแขง็ นยิ มนามาใชป๎ ระโยชนใ์ นข๎อใด
ก. ออกแบบ
ข. เขยี นแบบ
ค. คัดลอกแบบ
ง. สร๎างต๎นแบบ
12. ใบมีดคตั เตอร์มีกี่ชนิด
ก. 1
ข. 2
ค. 3
ง. 4
13. มีดแกะลกั ขนาดใหญทํ ปี่ ระดิษฐ์จากมีดทาครวั มคี ุณสมบตั ทิ ่ดี ีในขอ๎ ใด
ก. การตัดโฟมให๎ขาด
ข. การแกะสลักลวดลาย
ค. การฉลลุ วดลายทม่ี คี วามละเอยี ด
ง. การปาด และเกลาโฟมใหม๎ ีรปู รํางคราํ ว ๆ
66
14. การนาใบเลือ่ ยตดั เหลก็ มาเจยี รใหค๎ มทัง้ สองดา๎ นมีคณุ สมบตั ิทด่ี ใี นขอ๎ ใด
ก. การตัด
ข. การปาด
ค. การโกลน
ง. การฉลลุ าย
15. ข๎อใดคอื ความปลอดภัยในการใชม๎ ีดแกะสลกั
ก. อยําให๎มดี หลํนเพราะปลายจะปนิ่
ข. ควรมีปลอกมีดสวมหลงั การใชง๎ าน
ค. เชด็ ใหแ๎ ห๎งและทาน้ามันปูองกนั สนิม
ง. หา๎ มนาไปใชผ๎ ิดประเภท เพราะมีดจะไมํคม
16. กาวชนิดใดที่ใช๎สาหรบั การตอํ โฟม
ก. กาวรอ๎ น
ข. กาวยางน้า
ค. กาวลาแท็กซ์
ง. กาวแปงู เปยี ก
17. พกํู ันที่มขี นแปรงแข็งมแี รงสปรงิ ตัวคนื กลับไดด๎ ีคอื ชนดิ ใด
ก. พกํู ันสนี ้า
ข. พํกู นั กลม
ค. พํกู ันแบบ
ง. พกูํ ันสีน้ามนั
18. ขอ๎ ใดคือวิธีการเกบ็ รกั ษาพูกํ นั สนี า้ ที่ถูกต๎อง
ก. ลา๎ งด๎วยนา้ มนั สน
ข. เก็บพกูํ ันโดยเอาขนแปรงลง
ค. เก็บพกูํ นั โดยเอาด๎ามพํกู ันลง
ง. ล๎างด๎วยนา้ มนั Turpentine
19. สชี นิดใดไมนํ ยิ มนามาใช๎สาหรับงานแกะสลกั โฟม
ก. สนี ้ามนั
ข. สีโปสเตอร์
ค. สนี า้ อะครลี กิ
ง. สีทองอะครลี กิ
20. วสั ดทุ ่ีมีผงแวววาวคล๎ายกระจกใชส๎ าหรับโรยตกแตงํ โฟมคอื ข๎อใด
ก. ผงเงิน
ข. กากเพชร
ค. ผงทองคา
ง. สีทองอะครีลกิ
67
ใบงาน หน่วยท่ี 2
วสั ดุอปุ กรณ์ และเคร่อื งมอื การแกะสลกั โฟม
ใบงานที่ 1 แกะสลักโฟม ลวดลายไทยพืน้ ฐาน ลายกระจงั ตาอ๎อย
คาสงั่ ย่อย
ให๎ผ๎ูเรียน แกะสลกั โฟมลวดลายไทยพน้ื ฐาน ลายกระจงั ตาอ๎อย ด๎วยเทคนคิ การตัดตรง การ
ตัดเฉยี ง 45 องศา และการปาด ตามรปู แบบท่กี าหนดให๎ โดยใชโ๎ ฟมแผํน หนา 1 นิว้ ขนาด กวา๎ ง 30
เซนตเิ มตร ยาว 30 เซนตเิ มตร
เคร่อื งมือ/อุปกรณ์
1. มีดตดั โฟมขนาดเล็ก
2. มีดคัตเตอร์
3. โฟม หนา 1 น้ิว
4. ดินสอ
5. ไมบ๎ รรทัด
ลาดับขัน้ ตอนการปฏบิ ัติงาน
1. เตรียมเครอ่ื งมอื และอปุ กรณใ์ นการแกะสลกั
2. ราํ งภาพลวดลายไทยบนกระดาษ
3. ขยายแบบราํ งลงบนโฟม
4. แกะสลักโฟม ดว๎ ยเทคนคิ การฉลุ ตัดตรง ตัดเฉยี ง และการปาด
5. เก็บทาความสะอาดเครื่องมอื และอุปกรณ์
เวลา........4...........ช่วั โมง.....................นาที
68
ใบงาน หนว่ ยท่ี 2
วัสดุอปุ กรณ์ และเครื่องมอื การแกะสลกั โฟม
ใบงานที่ 2 แกะสลักโฟมลวดลายไทยพื้นฐาน ลายประจายาม
คาสั่งยอ่ ย
ให๎ผู๎เรียน แกะสลักโฟมลวดลายไทยพ้ืนฐาน ลายประจายาม ด๎วยเทคนิคการตัดตรง
การตัดเฉียง 45 องศา และการปาด โดยใช๎โฟมแผํน หนา 1 นิ้ว ขนาด กว๎าง 30 เซนติเมตร ยาว
30 เซนตเิ มตร
เคร่ืองมือ/อุปกรณ์
1. มดี ตดั โฟมขนาดเลก็
2. มีดคตั เตอร์
3. โฟม หนา 1 นวิ้
4. ดนิ สอ
5. ไม๎บรรทัด
ลาดบั ขั้นตอนการปฏิบตั ิงาน
1. เตรียมเครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ในการแกะสลกั
2. รํางภาพลวดลายไทยบนกระดาษ
3. ขยายแบบรํางลงบนโฟม
4. แกะสลกั โฟม ด๎วยเทคนิคการฉลุ ตดั ตรง ตัดเฉียง และการปาด
5. เก็บทาความสะอาดเครื่องมือ และอุปกรณ์
เวลา........4...........ชั่วโมง.....................นาที
69
ใบงาน หนว่ ยที่ 2
วัสดอุ ปุ กรณ์ และเครื่องมอื การแกะสลกั โฟม
ใบงานท่ี 3 แกะสลักโฟมลวดลายไทยพน้ื ฐาน ลายกนกเปลว
คาสงั่ ยอ่ ย
ให๎ผู๎เรียน แกะสลกั โฟมลวดลายไทยพนื้ ฐาน ลายกนกเปลว ดว๎ ยเทคนคิ การตัดตรง การ
ตดั เฉยี ง 45 องศา และการปาด ตามรปู แบบทก่ี าหนดให๎ โดยใชโ๎ ฟมแผนํ หนา 1 นิว้ ขนาด กว๎าง 20
เซนติเมตร ยาว 40 เซนติเมตร
เครอื่ งมอื /อปุ กรณ์
1. มีดตัดโฟมขนาดเลก็
2. มีดคตั เตอร์
3. โฟมแผํนหนา 1 นว้ิ
4. ดนิ สอ
5. ไมบ๎ รรทดั
ลาดบั ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
1. เตรยี มเครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ในการแกะสลกั
2. ราํ งภาพลวดลายไทยบนกระดาษ
3. ขยายแบบราํ งลงบนโฟม
4. แกะสลกั โฟม ดว๎ ยเทคนิคการฉลุ ตดั ตรง ตดั เฉียง และการปาด
5. เกบ็ ทาความสะอาดเครื่องมือ และอปุ กรณ์
เวลา........4...........ชวั่ โมง.....................นาที
70
ใบประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน หนว่ ยท่ี 2
เรื่อง วัสดอุ ปุ กรณ์ และเครอ่ื งมือในการแกะสลกั โฟม
ช่ืองาน แกะสลกั โฟมลวดลายไทยพ้นื ฐาน
ช่อื ผรู้ ับการประเมิน……………………………..…ชนั้ ………….หอ๎ ง…………………เลขท…่ี ……………..
ผ้ปู ระเมิน แ ครูผูส๎ อน เพือ่ นนกั เรียน ประเมินตนเอง
ขอ๎ ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน หมาย
ดี พอใช๎ ปรบั ปรงุ เหตุ
1 ปฏบิ ัตงิ านตามขน้ั ตอนไดถ๎ กู ต๎อง (3) (2) (1)
2 ใชเ๎ ครือ่ งมอื อุปกรณใ์ นการปฏิบัตงิ านถูกตอ๎ ง
3 ชน้ิ งานปฏิบัตถิ ูกต๎องสมบูรณ์
4 ความประณีตสวยงามมีความคิดสร๎างสรรค์
5 ชนิ้ งานเสร็จตามเวลาทก่ี าหนด
รวม
รวมคะแนนทั้งสิ้น
คุณภาพของการปฏิบตั งิ าน
อยํใู นระดบั ดี พอใช๎ ต๎องปรบั ปรงุ
ลงช่อื ……………………………………………
(……………………………………………….)
ผ๎ูประเมิน
แนวทางการใหค้ ะแนน
เกณฑค์ ุณภาพ
11-15 = ดี 6-10 = พอใช๎ 0-5 = ต๎องปรบั ปรงุ
1. ปฏบิ ตั ิงานตามข้ันตอนไดถ๎ กู ตอ๎ ง
3 คะแนน หมายถงึ วางแผนการปฏบิ ตั ิงานไดถ๎ ูกต๎องครบถ๎วนตามข้ันตอน
2 คะแนน หมายถึง ปฏิบัตงิ านได๎แตํไมํถูกตอ๎ งครบถว๎ นตามขัน้ ตอน
1 คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั งิ านไมถํ กู ต๎องและไมํครบถ๎วนตามขั้นตอน
2. ใช๎เคร่อื งมืออุปกรณ์ในการปฏบิ ัตงิ านถูกตอ๎ ง
3 คะแนน หมายถงึ จดั เตรียมและใชเ๎ คร่ืองมอื อปุ กรณ์ถกู ต๎องและจัดเก็บเรียบร๎อย
2 คะแนน หมายถึง ใชเ๎ ครอื่ งมืออุปกรณ์ในการปฏบิ ตั งิ านไดแ๎ ตํไมํถกู ต๎อง
1 คะแนน หมายถึง ใชเ๎ คร่อื งมืออปุ กรณใ์ นการปฏบิ ตั ิงานไมถํ กู ตอ๎ ง
71
3. ชน้ิ งานปฏิบัตถิ กู ตอ๎ งสมบรู ณ์
3 คะแนน หมายถงึ ชน้ิ งานปฏิบัติถูกตอ๎ งสมบรู ณ์
2 คะแนน หมายถึง ชิ้นงานปฏบิ ัติถูกตอ๎ งแตขํ าดความสมบูรณ์
1 คะแนน หมายถึง ชน้ิ งานปฏิบัติไมถํ กู ต๎องและไมํสมบรู ณ์
4. ความประณีตสวยงามมีความคดิ สร๎างสรรค์
3 คะแนน หมายถึง ชิน้ งานมคี วามประณตี สวยงามมีความคดิ สร๎างสรรค์
2 คะแนน หมายถึง ชน้ิ งานมีความประณีตสวยงามมีความคิดสรา๎ งสรรค์บางสวํ น
1 คะแนน หมายถึง ชิ้นงานขาดความประณตี และขาดความคดิ สร๎างสรรค์
5. ชิ้นงานเสรจ็ ตามเวลาทก่ี าหนด
3 คะแนน หมายถึง ปฏิบัตงิ านไดส๎ าเรจ็ ตามเปาู หมาย และตามเวลาทก่ี าหนด
2 คะแนน หมายถึง ปฏิบัติงานไดส๎ าเรจ็ ตามเปูาหมาย แตํช๎ากวําเวลาที่กาหนด
1 คะแนน หมายถึง ปฏิบัตงิ านไมํสาเรจ็ ตามเปูาหมาย
72
แบบประเมนิ ตนเอง
คาชแี้ จง : ให๎ผเ๎ู รียนปฏบิ ัติงานตามใบงานทก่ี าหนดแลว๎ ใหค๎ ะแนนผลงานท่ีปฏบิ ัติตามความเป็นจรงิ
โดยนาคะแนนมารวมกนั ทงั้ 2 ใบงาน หารดว๎ ย 2 จะไดผ๎ ลสรปุ ทงั้ หมด
ใบงาน ดี ระดับคะแนน ต๎องปรบั ปรงุ
(11-15) (0-5)
ใบงานที่ 1 พอใช๎
(15 คะแนน) (6-10)
ใบงานท่ี 2
(15 คะแนน)
ใบงานท่ี 3
(15 คะแนน)
รวมคะแนน
คะแนนรวมทงั้ ส้นิ
(เตม็ 45 คะแนน)
สรปุ ผลทง้ั 2 กจิ กรรม = ……………………………………………………………………………………………………
ดี ( 11-15 คะแนน )
พอใช๎ ( 6-10 คะแนน )
ต๎องปรบั ปรุง ( 0-5 คะแนน )
73
แบบประเมนิ คณุ ธรรมจริยธรรม
เรอื่ ง วัสดุอปุ กรณ์ และเครอื่ งมือในการแกะสลกั โฟม
คาช้แี จง 1. ใช๎ประเมนิ ผลการปฏิบัติงานของผเ๎ู รียน
2. ระดับคะแนน 5 = มากทส่ี ุด 4 = มาก
3 = ปานกลาง 2 = น๎อย
1 = นอ๎ ยทสี่ ดุ
3. เกณฑก์ ารประเมนิ 15 – 20 = มาก
8 – 14 = ปานกลาง
1 – 7 = นอ๎ ย
กจิ กรรม/ ความ หวั ขอ๎ ประเมิน / ระดบั คะแนน ความพอเพียง คะแนน
ใบงาน รบั ผดิ ชอบ ความเชอ่ื มน่ั ความคดิ ความซอ่ื สัตย์ พอประมาณ รวม
ในตนเอง สร๎างสรรค์ สจุ ริต
1 2 2 10
2 222
3
ลงชอื่ ………………………………………
(………………………………………)
ผป๎ู ระเมนิ
74
สาระสาคญั
การออกแบบลวดลาย นับเป็นผลงานของมนุษย์ ท่ีแฝงไว้ด้วยศิลปวัฒนธรรมอันประณีต
ละเอียดอ่อน บ่งบอกถึงความแปลกใหม่ ท่ีสะสมจากประสบการณ์สิ่งแวดล้อม อันก่อให้เกิด
เอกลักษณ์ของชุมชน เช้ือชาติ ของบุคคลในแต่ละสังคม และเป็นสื่อที่สามารถศึกษาถึงวิถีชีวิต
วฒั นธรรม ประเพณใี นเชิงประวัติศาสตร์ได้ทางหนึ่ง การออกแบบลวดลายจึงมีความสาคัญในการ
สร้างงานแทบทกุ ประเภท โดยเฉพาะการออกแบบลวดลายในการแกะสลักโฟม ในบทเรียนนี้ ผูเ้ ขียน
จะไดก้ ลา่ วถึง ความเป็นมาของการออกแบบลวดลาย ความหมายของการออกแบบลวดลาย แนวคิด
ในการออกแบบ และการออกลวดลายรูปแบบฉลุลาย แบบนูนตา่ แบบนนู สูง และแบบลอยตัว
สาระการเรยี นรู้
1. ความเป็นมาของการออกแบบลวดลาย
2. ความหมายของการออกแบบลวดลาย
3. แนวคดิ ในการออกแบบลวดลาย
4. การออกแบบลวดลายแบบฉลุ
5. การออกแบบลวดลายแบบนูนตา่
6. การออกแบบลวดลายแบบนูนสูง
7. การออกแบบลวดลายแบบลอยตัว
สมรรถนะประจาหนว่ ย
แสดงความรู้เก่ียวกับหลักการออกแบบลวดลาย ความเป็นมา และความหมายของ
การออกแบบลวดลาย แนวคิดในการออกแบบลวดลาย สามารถออกแบบ และแกะสลักโฟมแบบฉลุ
แบบนนู ตา่ แบบนูนสงู และแบบลอยตัวได้
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกความเปน็ มาของการออกแบบลวดลายได้
2. บอกความหมายของการออกแบบลวดลายได้
3. อธิบายแนวคิดในการออกแบบลวดลายได้
4. ออกแบบลวดลายสาหรบั ฉลุ นนู ต่า นูนสูง และลอยตัวได้
5. แกะสลักลวดลายแบบฉลุ แบบนนู ต่า แบบนูนสงู และแบบลอยตัวได้
6. มคี วามรบั ผิดชอบ และเห็นคณุ ค่าความสาคญั ในการออกแบบลวดลาย
75
ผงั มโนทศั น์
หน่วยท่ี 3 การออกแบบลวดลายในงานแกะสลกั โฟม
การออกแบบลวดลายในงานแกะสลกั โฟม 1. ความเปน็ มาของการออกแบบลวดลาย
2. ความหมายของการออกแบบลวดลาย
ลวดลาย
3. แนวคิดในการออกแบบลวดลาย
4. การออกแบบลวดลายฉลุ
5. การออกแบบลวดลายแบบนนู ตา่
6. การออกแบบลวดลายแบบนนู สงู
7. การออกแบบลวดลายแบบลอยตวั
76
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยที่ 3
การออกแบบลวดลายในงานแกะสลกั โฟม
คาชี้แจง จงทาเคร่อื งหมายกากบาท (x) เลือกคาตอบทเี่ หน็ วา่ ถูกต้องทีส่ ุดเพยี งข้อเดยี ว
1. ข้อใดคือจดุ กาเนดิ ของการสรา้ งลวดลาย
ก. การเขียนลวดลายบนรา่ งกายและใบหน้ามนุษย์
ข. ภาพเขยี นสภี าชนะดนิ เผา
ค. ภาพขดี เขียนบนแผ่นหิน
ง. ภาพเขียนสบี นผนงั ถา้
2. ขอ้ ใดคอื ความหมายของการออกแบบลวดลาย
ก. การเขียนลวดลายไทย
ข. การเขยี นลวดจากเดมิ ทม่ี ีอยู่
ค. การสรา้ งสรรคผ์ ลงานท่ีเนน้ ประโยชนใ์ ช้สอย
ง. การสร้างสรรค์งานดว้ ย จุด เสน้ รปู ร่างรปู ทรง
3. ขอ้ ใดไมใ่ ช่องคป์ ระกอบของการออกแบบลวดลาย
ก. จุด
ข. เสน้
ค. รูปรา่ ง
ง. แสงและเงา
4. ขอ้ ใดคือความหมายของ Natural Pattern
ก. ลวดลายเชิงสญั ลกั ษณ์
ข. ลวดลายจากธรรมชาติ
ค. ลวดลายเรขาคณติ
ง. ลวดลายไทย
5. ข้อใดคือความหมายของลวดลายเรขาคณติ
ก. Natural Pattern
ข. Geometric Pattern
ค. Thai Painting Pattern
ง. Free From Pattern
6. ลวดลายไทยถือกาเนิดมาจากรปู ทรงในขอ้ ใด
ก. รปู ทรงอสิ ระ
ข. รูปทรงธรรมชาติ
ค. รปู ทรงเรขาคณติ
ง. รูปทรงจากจินตนาการ
77
7. ข้อใดคือความหมายของรปู ทรงเชงิ สญั ลกั ษณ์
ก. เคร่ืองหมายการคา้
ข. ลวดลายไทยเอกลกั ษณไ์ ทย
ค. ลวดลายทม่ี คี วามหมายซอ่ นเร้น
ง. ลวดลายทป่ี ระกอบกนั จากธรรมชาตแิ ละเรขาคณติ
8. ข้อใดไม่ใช่ลกั ษณะของการออกแบบลวดลายฉลุ
ก. แสงสามารถลอดผ่านลวดลายได้
ข. เอาสว่ นทเี่ ปน็ พน้ื ออกคงไว้เฉพาะรูป
ค. ลวดลายนูนข้ึนมาจากพ้นื ระนาบเลก็ นอ้ ย
ง. ลวดลายทงั้ หมดมีความเก่ียวข้องและสัมพนั ธ์กัน
9. ขอ้ ใดคือลักษณะของการออกแบบลวดลายนูนต่า
ก. ออกแบบเร่ืองราวใหม้ องเห็นรอบด้าน
ข. ออกแบบลวดลายใหด้ ูเหมอื นนนู สงู ข้ึนมา
ค. ออกแบบลวดลายใหด้ เู หมอื นลอยตัวขน้ึ มา
ง. ออกแบบลวดลายใหเ้ ห็นเฉพาะเสน้ รอบนอก
10. การออกแบบลวดลายทีต่ อ้ งแสดงใหเ้ หน็ เนอ้ื หารอบด้านคอื ขอ้ ใด
ก. ลายฉลุ
ข. ลวดลายนูนต่า
ค. ลวดลายนนู สงู
ง. ลวดลายลอยตัว
78
1. ความเป็นมาของการออกแบบลวดลาย
การออกแบบลวดลาย มปี ระวตั คิ วามเปน็ มาทย่ี าวนานพรอ้ ม ๆ กับววิ ัฒนาการของมนุษย์มา
ตงั้ แต่ยุคกอ่ นประวตั ิศาสตร์ การตอ่ สแู้ กง่ แยง่ ช่วงชงิ พืน้ ท่ีในการดารงชีวิต การล่าสัตว์เพื่อหาอาหาร
ประทงั ชีพ ตลอดจนความหวาดกลวั ในสิ่งลล้ี ับเหนือธรรมชาติ ทาให้เกิดการค้นหาส่ิงยึดเหน่ียวที่จะ
สร้างขวญั และกาลังใจให้เข้มแขง็ พร้อมทจ่ี ะเผชิญกบั สง่ิ ตา่ ง ๆ ส่ิงเหลา่ นี้จึงกอ่ ใหเ้ กิดการสร้างสรรค์
ผลงานศิลปะต่าง ๆ ขนึ้ มา
กอ่ นท่ีมนุษย์จะมพี ฒั นาการ จนสามารถสร้างผลงานศิลปะได้หลากหลายข้ึนนั้น เชื่อกันว่า
การสรา้ งลวดลายบนรา่ งกายใบหน้าของมนษุ ยน์ ้นั เป็นจุดเรมิ่ ต้นของการออกแบบลวดลายกอ่ นท่จี ะ
นาไปใช้พื้นผิวของวสั ดุอื่นภายหลัง เพราะความต้องการในการกระต้นุ จติ ใจให้ฮึกเหิม สร้างความน่า
กลัว และนา่ เกรงขาม เป็นยุทธวิธีหน่ึงท่ีจะลดทอนขวัญกาลังใจของคู่ต่อสู้ ในปัจจุบันก็ยังมีชนเผ่า
พน้ื เมืองบางกลุม่ ในเอเชีย แอฟรกิ า ออสเตรเลีย อเมริกา และอนิ เดีย ออกแบบลวดลายบนร่างกาย
เพ่ือใช้ในพิธีกรรมตามความเช่ืออยู่ หลังจากนั้นจึงเกิดการขูดขีดเส้นสายต่าง ๆ ลงบนอาวุธ และ
เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ จนเกิดการออกแบบลวดลายเขียนสีบนผนังถ้า และเพิงผา จากการขุด
ค้นพบผลงานต่าง ๆ ของมนษุ ย์ก่อนประวัตศิ าสตร์ทว่ั โลก บง่ บอกใหร้ ถู้ งึ ความสามารถ ในการคิดค้น
และการสร้างสรรคผ์ ลงานศิลปะต่าง ๆ ขน้ึ มาปลุกปลอบจิตใจ การขีดเขียนสี หรือ การทาลวดลาย
บนพ้ืนหนิ จะถกู เรยี กโดยรวมว่า ศิลปะถ้า (Cave art) หรือ ศลิ ปะบนหิน (Rock art)
ในประเทศไทยได้มีการค้นพบภาพเขียนสีในหลายจังหวัด เช่น ที่ผาแต้ม อาเภอโขงเจียม
จังหวัดอุบลราชธานี ถ้าเขาจันทร์งาม อาเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชาสีมา วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ
เคร่อื งใช้ เครอ่ื งประดบั ได้แก่ เครอ่ื งป้ันดินเผาจากแหล่งโบราณคดบี า้ นเชยี ง เป็นตน้
ในวงการประวัตศิ าสตรศ์ ลิ ป์ไดย้ กยอ่ งใหอ้ ยี ปิ ต์ กรีก และโรมัน เปน็ ยุคที่มนุษย์มีพัฒนาการ
ทางศิลปะถงึ จุดสงู สุด เปน็ ตน้ แบบให้กบั ศิลปะในยุคตอ่ มาจนถงึ ปัจจบุ นั
จากท่ีกล่าวมาแล้ว ส่ิงที่มนุษย์ได้เรียนรู้พัฒนาด้านต่าง ๆ น้ัน เรียกว่า การออกแบบ
(Design) ซงึ่ เปน็ คุณลกั ษณะพเิ ศษของมนษุ ย์ท่แี ตกตา่ งจากสัตวส์ ายพันธุอ์ ืน่ ๆ ในโลก การออกแบบ
เปน็ การสร้างสรรคส์ ิง่ ใหม่ ๆ ข้ึน หรือคิดปรบั ปรงุ แก้ปัญหา เพ่ือพัฒนาของเก่าให้สามารถใช้งานได้
ดกี ว่าเดิม ซึง่ มคี วามสาคญั ต่อการดารงชวี ิตมนษุ ยเ์ ปน็ อย่างมากต้งั แต่อดตี จนถึงปัจจุบัน
(นัชชา แสงพยับ. 2555. https://www.nachchasangpayab102.blogspot.com)
ภาพท่ี 3.1 ภาพเขียนมนุษย์ตา่ งดาว ผาแต้ม ภาพท่ี 3.2 ภาพเขียนถา้ ฝา่ มือแดง
จงั หวัดอบุ ลราชธานี ประเทศอาเจนตนิ ่า
ที่มา : https://orangemarmaladebooks.com ท่ีมา : https://board.postjung.com/657651.html
สบื ค้นเม่ือ 5 เมษายน 2558 สบื ค้นเมื่อ 5 เมษายน 2558
79
ภาพที่ 3.3 ภาพเขียนสวี ัวปา่ ถ้าอัลตามรี า ภาพท่ี 3.4 ลวดลายเครือ่ งป้นั ดินเผา ศลิ ปะบ้านเชียง
ทีม่ า : https://writer.dek-d.com/ ทมี่ า : https://w.pantip.com/cafe/gallery
/topic/G7529924/G7529924.html
historyteacherp/story/viewlongc.php?id=1050712 สบื คน้ เมอ่ื 5 เมษายน 2558
สืบคน้ เมื่อ 5 เมษายน 2558
2. ความหมายของการออกแบบลวดลาย
เพ่ือให้ผู้อ่านได้เข้าใจความหมายอย่างชัดเจน และหลากหลายในแต่ละแง่มุมตามที่มี
การศึกษาค้นคว้าแนะแนวทางเบื้องต้น ในการออกแบบลวดลาย เพ่ือนามาประยุกต์ใช้ในการ
ออกแบบงานแกะสลกั โฟมได้อยา่ งเหมาะสมสอดคลอ้ งกับประเภทของงาน ที่ต้องใช้ลวดลายในการ
แกะสลักในรปู แบบต่าง ๆ เช่น แบบฉลุลาย แบบนนู ตา่ แบบนนู สูง และแบบลอยตัว
พีนาลิน สาริยา (2549 : 3,4,5) ได้อธิบายความหมาย การออกแบบลวดลาย ไว้ว่าการ
ออกแบบลวดลาย ใช้ภาษาอังกฤษว่า Decorative Design หรืออาจใช้คาว่า Ornament Design
พบว่า ท้งั สองคามีความหมายเหมือนกัน หรือคล้ายคลึงกัน คือ Decorative หมายถึง การตกแต่ง
Ornament หมายถึง สง่ิ ประดับตกแต่ง และ Design หมายถงึ การออกแบบ
การออกแบบ หมายถึง การรู้จักวางแผน กาหนดขั้นตอนในการสร้างงาน อย่างเหมาะสม
สวยงาม เพื่อประโยชน์ใชส้ อยในรปู แบบตา่ ง ๆ
การออกแบบ หมายถงึ การกาหนดความนึกคิด (Idea) ตามประเภทของวัตถุประสงค์การ
สรา้ งผลงาน โดยสอดคลอ้ งกับคณุ สมบตั ขิ องวสั ดทุ ่นี ามาใช้
การออกแบบ หมายถงึ การปรับปรงุ เปล่ยี นแปลงของเดิมทที่ ีอยแู่ ลว้ ใหเ้ กดิ ความแปลกใหม่
สวยงาม และมปี ระโยชน์ใชส้ อยมากยงิ่ ขนึ้
การออกแบบ หมายถงึ การสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาใหม่ โดยไม่ลอกเลียนแบบของเดิมท่ีมอี ยู่
ทัง้ ที่เกิดเองในธรรมชาติ และมนษุ ย์สร้างขึ้น
การออกแบบ หมายถึง การแสดงออกซึ่งความคิดแปลกใหม่ เพื่อประโยชน์ใช้สอย และ
ความงามตามวัตถุประสงค์ของการสร้างผลงานในแตล่ ะประเภท
ลวดลาย หมายถึง การกาหนดองค์ประกอบให้เกิดเป็นภาพ ตามความคิดสร้างสรรค์ของ
ผูส้ รา้ งผลงาน
ลวดลาย หมายถึง การนาองค์ประกอบในการสร้างผลงาน มาจัดวางอย่างเหมาะสมเพ่ือ
ประโยชนใ์ นการใชส้ อย และความงาม