The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผลงานทางวิชาการ
นายกิตติพล วิเชียรเชื้อ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tippawanrsc, 2022-04-18 01:58:13

2301-9005 วิชา การแกะสลักโฟม

ผลงานทางวิชาการ
นายกิตติพล วิเชียรเชื้อ

80

ลวดลาย หมายถงึ การรู้จักวางแผน กาหนดรปู แบบของ จดุ เส้น รูปรา่ ง รปู ทรงและสใี หเ้ กิด
ความแปลกใหม่ เหมาะกับการนาไปใชก้ ับผลิตภัณฑป์ ระเภทต่าง ๆ

ลวดลาย หมายถึง การสร้างสรรค์ จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง และสี ให้สอดคล้องกับสิ่งของ
เครอื่ งใชป้ ระเภทตา่ ง ๆ โดยคานึงถงึ กลุ่มเปา้ หมาย

ลวดลาย หมายถึง การนาองคป์ ระกอบในการสรา้ งงานในรูปแบบต่าง ๆ อย่างสวยงาม และ
เกิดประโยชน์ใช้สอยตามวัตถปุ ระสงค์

จากความหมายของการออกแบบ (Design) และลวดลาย (Decorative) เม่ือวิเคราะห์แล้ว
จะเหน็ ได้ว่า การออกแบบลวดลายมีความหมายได้ ดงั น้ี

การออกแบบลวดลาย หมายถึง การกาหนดความนกึ คดิ (Idea) ด้วยจดุ เส้น รูปรา่ ง รูปทรง
และสี เพื่อสรา้ งสรรค์ผลงาน ประกอบการสรา้ งผลงานประเภทต่าง ๆ

การออกแบบลวดลาย หมายถงึ การนาองคป์ ระกอบในการสร้างผลงาน มาสร้างสรรคใ์ หเ้ กิด
รูปแบบท่แี ปลกใหม่ตามสมัยนิยม สอดคล้องกับประโยชนใ์ ชส้ อย

การออกแบบลวดลาย หมายถึง การแสดงออกซึ่งความแปลกใหม่ ด้วยจุด เส้น รูปร่าง
รูปทรง และสี เพื่อประโยชน์ใช้สอย และความงดงาม ตามวัตถุประสงค์ของการสร้างผลงาน
ประเภทนั้น ๆ

สรุป การออกแบบลวดลาย หมายถึง การออกแบบเพ่ือใช้ในการตกแต่ง ประดับพื้นท่ี หรือ

วัสดตุ ่าง ๆ ใหม้ ีความสวยงาม เหมาะสมกลมกลนื มีความเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกัน โดยลวดลายเหลา่ น้ี
อาจจะมีความหมายชัดเจน หรือเป็นสัญลักษณ์ จะเห็นได้ว่าการออกแบบลวดลายไม่สามารถ
สรา้ งสรรคผ์ ลงานขึ้นมาได้โดยอิสระ ต้องคานึงถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้องด้วย เช่น สถานที่
พ้ืนท่ี ขนาด วัสดุ ส่ิงต่าง ๆ เหล่าน้ีจะเป็นตัวกาหนดให้การออกแบบลวดลาย อยู่ในขอบเขตตาม
วตั ถุประสงค์

3. แนวคดิ ในการออกแบบ

ลวดลายทม่ี นษุ ย์นามาออกแบบ เพือ่ สรา้ งสรรค์ผลงาน ลว้ นแลว้ แต่ไดร้ ับอทิ ธพิ ลมาจากสงิ่ ท่ี
อยู่รอบตัวแทบท้ังสิ้น บางลวดลายจะนาเอาสิ่งที่พบเห็นแสดงออกมาตรง ๆ โดยไม่ประยุกต์ หรือ
ดัดแปลง แต่บางลวดลายไดผ้ ่านกระบวนการคิด และกล่ันกรองมาอย่างเป็นระบบ เพ่ือให้ลวดลายท่ี
จะนามาใช้งาน มีความสมบูรณ์ที่สุด เนื่องจากมีลวดลายบางประเภท จะมีความหมายท่ีซ่อนเร้น
แอบแฝงอยู่ ลักษณะของลวดลายจะเป็นสัญลักษณ์ หรือปริศนาธรรม การเลือกใช้จึงควรรู้ถึง
ความหมาย และใช้อยา่ งเหมาะสม ซึง่ พอจะจาแนกลวดลายได้เปน็ 4 ประเภท ดังน้ี

3.1 ลวดลายจากธรรมชาติ (Natural Pattern)
วัชรพงศ์ หงส์สุวรรณ (2552 : 12) ได้ให้ความหมาย ของลวดลายจากธรรมชาติ หมายถึง
ลวดลายของส่ิงมีชีวิต วัตถุทั้งหลายที่อยู่ในธรรมชาติ และรูปร่าง รูปทรง ตามธรรมชาติน้ี ศิลปิน
มักจะไดแ้ นวความคิด หรือความประทบั ใจน้ันมาสร้างสรรค์ผลงานศลิ ปะทุกประเภท เชน่ จติ รกรรม
ประตมิ ากรรม ภาพพิมพ์ สถาปัตยกรรม เป็นต้น การมองเห็นรูปทรงของวัตถุต่าง ๆ ในธรรมชาติ
มีลักษณะเป็น 3 มิติ คอื มคี วามหนา แตก่ ารจะเอารูปทรงธรรมชาตินน้ั มาออกแบบให้เหน็ เป็น

81
ลวดลาย ซึง่ มลี ักษณะ 2 มิติ จึงต้องนามาตัดทอน เพื่อลดความซับซอ้ นลงบา้ ง ให้เห็นเฉพาะเส้นรอบ
นอกหรือ (Out Line) ของวตั ถเุ ท่านั้น

ลวดลายธรรมชาติ จาแนกออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท ดงั นี้
1. ลวดลายจากสิ่งที่มชี ีวติ
ลวดลายจากสิ่งที่มีชีวิต เช่น คน สัตว์ ถูกนามาออกแบบเป็นลวดลายในลักษณะที่

เหมอื นจริงบ้าง หรอื ถกู เพม่ิ เติม โดยผสมผสานจติ นาการ และความเชอื่ ใหด้ ูสง่าน่าเชื่อถือเข้าไปบ้าง
จากตัวอย่างภาพด้านล่าง เป็นการออกแบบลวดลาย โดยใช้แนวความคิดจากสิ่งมีชีวิต ได้แก่ ช้าง
เพื่อใช้สาหรบั เป็นแบบในการแกะสลักโฟมแบบนูนสูง

ภาพท่ี 3.5 การออกแบบลวดลายจากส่งิ มีชีวติ
ท่ีมา : ผลงานนักเรียน 2559

ภาพท่ี 3.6 งานแกะสลักโฟมลวดลายจากส่ิงมีชีวิต
ทม่ี า : กิตติพล วเิ ชยี รเชอื้ 2559

82
2. ลวดลายจากส่ิงท่ีไม่มีชีวิต เช่น ดอกไม้ ใบไม้ ต้นไม้ ภูเขา ดวงดาว ดวงอาทิตย์
พระจันทร์ เป็นต้น จากภาพตัวอย่างด้านล่าง เป็นการออกแบบลวดลาย โดยใช้แนวความคิดจาก
ส่งิ ไม่มีชีวิตธรรมชาตริ อบ ๆ ตัว ไดแ้ ก่ ดอกบัว ใบบัว ต้นหญา้ แมน่ ้า ทอ้ งฟา้ และดวงอาทิตย์ เพ่ือใช้
สาหรับเปน็ แบบในการแกะสลักโฟมแบบนูนต่า และนนู สงู

ภาพที่ 3.7 ออกแบบลวดลายจากสิ่งไมม่ ีชวี ติ
ท่ีมา : ผลงานนักเรยี น 2559

ภาพที่ 3.8 งานแกะสลักโฟมลวดลายจากส่ิงไม่มีมีชีวิต
ทม่ี า : กิตตพิ ล วเิ ชยี รเชือ้ 2559

จากแนวคิดในการออกแบบลวดลาย จากธรรมชาติ อาจใช้ลวดลายจากส่งิ มชี ีวิตอย่างเดียว
หรอื นามาประกอบกับลวดลายจากส่ิงไม่มีชีวิต ทาให้ลวดลายมีความสมดุลข้ึน โดยนามาออกแบบ
ลวดลาย สาหรับการแกะสลักโฟมในหลายรูปแบบ เช่น งานแกะสลักโฟมแบบฉลุลาย แบบนูนต่า
แบบนูนสูง และแบบลอยตวั เพ่ือนาไปใชป้ ระโยชน์ในงานหลายลักษณะ เช่นประดับตกแต่งอาคาร
ตกแตง่ สถานที่ และตกแตง่ สถาปัตยกรรม เปน็ ต้น

83

3.2 ลวดลายจากเรขาคณิต (Geometric Pattern)
วชั รพงศ์ หงส์สวุ รรณ (2552 : 12) ได้ใหค้ วามหมายของลวดลายเรขาคณติ หมายถึง ลวดลาย
ทเี่ กดิ จากการประกอบกันขององค์ประกอบรปู รา่ งเรขาคณติ ได้แก่ สามเหลย่ี ม สเ่ี หลีย่ ม วงกลม วงรี
ห้าเหลยี่ ม แปดเหลย่ี ม เปน็ ตน้

การออกแบบลวดลายสาหรับงานแกะสลกั โฟม โดยนารปู รา่ งเรขาคณิตมาทับซ้อนกัน หรือ
เก่ยี วกนั แล้วตดั ทอนบางส่วนของรูปรา่ ง และรูปทรงออก จดั วางตาแหน่งองค์ประกอบใหส้ มดุล โดย
เหมาะสาหรับการนาไปใช้ในการแกะสลักโฟมในรูปแบบฉลุลาย ประดับตกแต่งอาคารสถานที่
นทิ รรศการ และลวดลายตกแตง่ สถาปตั ยกรรม เป็นตน้

ภาพท่ี 3.9 ลวดลายจากเรขาคณิต
ที่มา : กิตติพล วิเชยี รเช้ือ 2558

3.3 ลวดลายจากลายไทย (Thai Painting Pattern)
ลายไทย เปน็ ศิลปะอกี ประเภทหน่ึงท่ีแสดงออกถึงเอกลักษณ์ ศิลปะประจาชาติไทยมีความ
งดงามวิจิตร และประณีต นับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สาคัญ และล้าค่าของชาติ ท่ีคนไทยทุกคน
ควรภาคภมู ใิ จ เอกลักษณ์ของลายไทยมีความอ่อนชอ้ ย และมีความโดดเด่น ลายไทย ถือกาเนิดจาก
รูปทรงธรรมชาติ เชน่ ดอกบัว ใบไม้ เปลวไฟ เป็นต้น การเขียนลายไทย ควรเร่ิมต้นเรียนรู้วิธีเขียน
ลวดลายพนื้ ฐาน เช่น กลมุ่ กระจังตาออ้ ย กระจังใบเทศ และลายบัวแบบต่าง ๆ เม่ือมีทักษะมากข้ึน
จงึ คอ่ ยพฒั นาเพอ่ื การศึกษา และเขียนลวดลายไทยข้ันสูงต่อไป

ภาพท่ี 3.10 ลวดลายไทย
ท่ีมา : กิตตพิ ล วิเชียรเชอื้ 2558

84

3.4 ลวดลายเชงิ สญั ลักษณ์
ลวดลายเชิงสัญลักษณ์ เป็นลวดลายที่เกิดจาก การนาลวดลายจากธรรมชาติ ลวดลาย
เรขาคณติ และลวดลายไทย มาออกแบบ และกาหนดเปน็ สัญลกั ษณ์ โดยรปู แบบน้ันจะมคี วามหมาย
นอกเหนือจากการตกแต่งเพอื่ ความสวยงามเพยี งอยา่ งเดียว โดยจะมีความหมายซอ่ นเร้นเป็นปริศนา
เพือ่ ใหผ้ ้พู บเห็นได้คิด และแปลความหมายตามหลักของศาสนาในแต่ละลัทธิ แต่ละนิกาย ซ่ึงล้วน
แล้วแต่เป็นมงคลแก่ชีวิตท้ังส้ิน เช่น อวยพรให้มีความสุข อายุยืน เจริญก้าวหน้าในอาชีพ ร่ารวย
ทรพั ย์สินเงินทอง หรือในบางศาสนาจะใช้สัญลกั ษณ์บอกเลา่ เร่ืองราวทางศาสนา

ภาพที่ 3.11 ออกแบบลวดลายหงส์คมู งั กร ภาพที่ 3.12 มงั กรสญั ลกั ษณข์ องฝ่ายชาย และหงส์ฝ่ายหญงิ
ท่มี า : กติ ตพิ ล วเิ ชียรเชอื้ 2558 ที่มา : กติ ตพิ ล วิเชยี รเช้ือ 2558

4. การออกแบบลวดลายฉลุ

พีนาลิน สาริยา (2549 : 133) ได้อธิบายไว้ว่า การออกแบบลวดลายแบบฉลุลาย พบว่ามี
การฉลุลวดลายบนวัสดตุ า่ ง ๆ ตง้ั แตส่ มัยโบราณ ดว้ ยกรรมวธิ ีแตกตา่ งกันไปในแตล่ ะชนชาติ ไม่ว่าจะ

เป็นการฉลุหยวก หรือกาบกล้วยเพื่อประดับตกแต่งพระเมรุมาศ การฉลุกระดาษเพื่อใช้ประดับ
ตกแต่ง ในงานประเพณีต่าง ๆ เป็นตน้

การฉลุลายโฟม ซ่ึงพบว่าในปัจจุบัน ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพ่ือใช้ประดับตกแต่ง

อาคารสถานที่ นิทรรศการ และลวดลายตกแตง่ สถาปัตยกรรมต่าง ๆ เน่ืองจากโฟม หาได้ง่ายราคา
ถูก น้าหนกั เบา ติดตัง้ ไดง้ ่าย และสามารถสร้างงานไดส้ ะดวก และรวดเรว็ ลวดลายฉลุ สามารถนาไป
ประยกุ ตใ์ ช้ประโยชน์ไดม้ ากมาย ไมว่ ่าจะเปน็ ตกแต่งอาคารบ้านเรอื น ตกแตง่ สถานที่ ขบวนรถแห่ใน

งานประเพณีต่าง ๆ ลวดลายฉลุ เป็นวิธีการแกะสลักโดยฉลุเอาพื้นออก ให้คงเหลือเฉพาะรูปงาน
โดยรวมจะเหน็ ความแตกตา่ งโดยมิตริ ะหว่างรูปกับพื้นที่ถูกฉลุออก เกิดความสวยงามระหว่างที่ว่าง
และชน้ิ งาน แต่ในทางเดียวกันลวดลายที่ออกแบบเฉพาะเพ่ืองานอนื่ ๆ ส่วนใหญ่ไม่สามารถนามาใช้

เป็นลวดลายฉลไุ ด้ ลวดลายฉลุมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากลวดลายอ่นื ๆ คือ จะต้องเป็นลวดลายทีม่ ี
ความสมดุล และเช่ือมต่อสัมพันธ์กันในทุกส่วนของลวดลาย ผลงานลวดลายฉลุท่ีแตกต่างไปจาก

85

ลวดลายอ่ืน ๆ ฉะน้ันแนวทางในการออกแบบลวดลายฉลุ จะต้องออกแบบใน 2 แนวคิดหลกั คือการ
ลวดลายคงไว้ และลวดลายนาออก ท่เี ชอื่ มต่อสัมพันธ์กนั

1. ลวดลายคงไว้ หมายถึง การออกแบบลวดลายฉลุในส่วนที่เป็นเนื้อโฟม ท่ีนามาทา
ลวดลาย มงุ่ ให้เกิดความโดดเด่น สะดุดตา ตามความต้ังใจของผู้ออกแบบลวดลาย และเป็นส่วนทึบ
แสงไมส่ ามารถลอดผา่ นได้

2. ลวดลายนาออก หมายถึง การออกแบบลวดลายฉลุในส่วนที่มีความโปร่ง แสงสามารถ
ลอดผ่านได้ เป็นสว่ นท่ีช่วยเสรมิ ให้ลวดลายคงไวม้ ีความชดั เจน โดดเด่นมากย่ิงขึน้

ภาพที่ 3.13 การออกแบบลวดลายฉลุ ภาพท่ี 3.14 แสดงถึงลวดลายนาออกและคงไว้
ทม่ี า : กิตติพล วิเชียรเชอื้ 2559 ทมี่ า : กติ ติพล วเิ ชียรเช้ือ 2559

ภาพท่ี 3.15 ลวดลายฉลุทคี่ งเหลือไว้ ภาพท่ี 3.16 ลวดลายที่เช่ือมต่อสมั พันธ์กนั
ที่มา : กติ ติพล วิเชยี รเชือ้ 2559 ทีม่ า : กิตติพล วเิ ชยี รเชื้อ 2559

86

5. การออกแบบลวดลายแบบนนู ตา่ (Bas Relief)

การออกแบบสาหรับใช้ในการแกะสลักลวดลายนูนต่า ซ่ึงเป็นงานประติมากรรมโฟมที่มี
ความนูนของรูปทรงประตมิ ากรรม กินเนื้อทีร่ ะวางอากาศสูงข้ึนมาจากฐานของระนาบไม่เกิน 1 ใน 5
สว่ นของความหนาในแนวลกึ ของรูปทรง และขนาดของชนิ้ งานในมุมนัน้ ๆ งานประเภทน้ี สามารถดู
ชนื่ ชมผลงานท่ีสมบูรณไ์ ดเ้ พียงด้านหนา้ ด้านเดียวเท่านัน้ ผ้อู อกแบบผลงานจะตอ้ งมภี าระรับผิดชอบ
ควบคุมความสูงของรูปทรงในแนวลึก ให้ได้ระยะ มิติ ท่ีสมบูรณ์ ถูกต้องตามหลักทัศนียภาพ ต้อง
พยามผลกั ระยะใหร้ ปู ทรงที่ต่ามากท่สี ุด แตด่ แู ล้วมีความรสู้ ึกกลมนูน เหมือนประติมากรรมลักษณะ
ลอยตวั ซง่ึ จะเห็นไดจ้ ากการออกแบบงานรปู เหรยี ญต่าง ๆ

ภาพที่ 3.17 ออกแบบลวดลายสาหรบั แกะสลักนูนตา่
ท่มี า : กิตตพิ ล วเิ ชยี รเช้ือ 2559

ภาพท่ี 3.18 แกะสลักโฟมนูนตา่ ดอกลลี าวดี
ทม่ี า : กิตติพล วิเชยี รเช้อื 2559

87

6. การออกแบบลวดลายแบบนูนสงู (High Relief)

การออกแบบสาหรับใช้ในการแกะสลกั ลวดลายนนู สูง ซ่ึงเป็นงานประตมิ ากรรม ท่ีมีความนูน
ของรปู ทรงประติมากรรม กินเน้ือท่ีระวางอากาศ สูงข้ึนมาจากฐานของระนาบต้ังแต่ 2 ถึง 4 ใน 5
ส่วนของความหนาในแนวลึกของรปู ทรง และขนาดของชน้ิ งานในมุมนั้น ๆ งานประเภทน้ีสามารถดู
ชื่นชมผลงานได้เพียง 3 มุม คือด้านตรง และด้านมุมเฉียงด้านข้างท้ังสองด้านเท่าน้ัน ผู้ออกแบบ
ผลงานจะต้องมีภาระรับผิดชอบควบคุมความสูงของรูปทรง ให้ได้สัดส่วนในแนวลึก ดูแล้วเหมือน
ประตมิ ากรรมลกั ษณะลอยตัว จะเห็นได้จากรูปปั้นลักษณะนูนสูงประดับฐานอนุสาวรีย์ท่ัวไป เช่น
อนุสาวรียป์ ระชาธิปไตย พระบรมอนุสาวรียพ์ ระเจ้าตากสินมหาราช เป็นตน้

ภาพท่ี 3.19 พระราชสาทสิ ฉายาลักษณ์ สมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช
ประติมากรรมแบบนูนสูง

ที่มา : กติ ตพิ ล วิเชยี รเชือ้ 2557

ภาพที่ 3.20 ออกแบบ และแกะสลักโฟมประตมิ ากรรมนูนสูง
ทม่ี า : ผลงานนักเรียน 2558

88

7. การออกแบบลวดลายแบบลอยตัว (Round Relief)

การออกแบบสาหรบั ใช้ในการแกะสลกั ลวดลายแบบลอยตวั เป็นงานประติมากรรมสามมิติ
จริงมคี วามนูนของรูปทรงประติมากรรมกินเนื้อท่ีระวางอากาศ สามารถดูช่ืนชมผลงานได้รอบด้าน
นยิ มใชอ้ อกแบบในการสรา้ งต้นแบบ หรือหุ่นจาลอง การออกแบบผู้สร้างสรรค์ผลงาน ตอ้ งออกแบบ
ภาพรา่ งท่ีแสดงให้เห็นรปู ทรง และเรื่องราวรอบด้าน คอื ดา้ นบน ดา้ นหน้า และดา้ นข้างอยา่ งถกู ตอ้ ง
สมบูรณ์ ตามขนาด และสัดส่วน โดยใช้มาตรส่วนในการย่อ และขยายแบบตามลักษณะงาน
สถาปัตยกรรม เช่น รปู ป้นั อนสุ าวรียพ์ ระนเรศวรมหาราช รูปปนั้ อนุสาวรีย์ชยั สมรภูมิ ฯลฯ

ภาพท่ี 3.21 การออกแบบสาหรับแกะสลักแบบลอยตัว ด้านหนา้ และด้านข้าง
ห่นุ จาลองแกะสลกั หิมะนานาชาติ 2014
ทม่ี า : กิตตพิ ล วิเชียรเชือ้ 2558

ภาพท่ี 3.22 การใชค้ อมพิวเตอร์สร้างภาพ 3 มติ ิ เสมอื นจรงิ
ชว่ ยในการออกแบบ มองเห็นรูปทรงรอบด้าน
ที่มา : กิตตพิ ล วิเชียรเชื้อ 2559

89

ภาพที่ 3.23 ออกแบบลวดลายแกะสลกั โฟมแบบลอยตวั หุ่นจาลองแกะสลักหิมะ
ทมี่ า : กิตตพิ ล วิเชยี รเชอ้ื 2558

ภาพท่ี 3.24 แกะสลักหมิ ะนานาชาติ 2014 ณ เมอื งฮารบ์ นิ สาธารณรัฐประชาชนจนี
ทม่ี า : กิตติพล วิเชยี รเชอ้ื 2557

90

สรปุ

การออกแบบทีด่ ี จะส่งผลให้ชนิ้ งานมคี วามสวยงาม เหมาะสม กลมกลืน มีความเป็นอันหนึ่ง
อันเดยี วกัน โดยอยภู่ ายใต้แนวคิดในการออกแบบ และจะส่งผลให้การสร้างชิ้นงานจริงเป็นไปด้วย
ความราบรื่น สามารถจาแนกแนวคิดในการออกแบบได้ ดังน้ี

1. แนวคดิ จากลวดลายธรรมชาติ ลวดลายของสง่ิ มีชีวิต และวตั ถทุ ง้ั หลายทอี่ ยใู่ นธรรมชาติ
ลวดลายจากส่ิงทมี่ ีชวี ติ ไดแ้ ก่ คน สัตว์ ตน้ ไม้ ใบไม้ ดวงดาว ดวงอาทิตย์ พระจันทร์ เป็นต้น

2. แนวคิดจากลวดลายเรขาคณิต ลวดลายที่เกิดจากการประกอบกันขององค์ประกอบ
รูปรา่ งเรขาคณิต ไดแ้ ก่ สามเหล่ียม สีเ่ หล่ียม วงกลม วงรี ห้าเหลีย่ ม แปดเหลี่ยม เปน็ ต้น

3. แนวคิดจากลวดลายไทย เอกลักษณ์ของลายไทยมีความอ่อนช้อย และมีความโดดเด่น
ลายไทยถอื กาเนิดจากรปู ทรงธรรมชาติ เช่น ดอกบัว ใบไม้ เปลวไฟ เป็นต้น การเขียนลายไทยควร
เริม่ ตน้ เรียนรู้วธิ เี ขียนลวดลายพ้ืนฐาน เช่น กลุ่มกระจงั ตาอ้อย กระจังใบเทศ และลายบวั แบบตา่ ง ๆ
เมอ่ื มีทักษะมากข้นึ จงึ ค่อยพฒั นาเพอ่ื การศึกษา และเขียนลวดลายไทยขั้นสงู ตอ่ ไป

4. แนวคิดจากลวดลายสญั ลักษณ์ เกิดจากการนาลวดลายจากธรรมชาติ ลวดลายเรขาคณติ
และลวดลายไทย มาออกแบบ และกาหนดเป็นสัญลักษณ์ โดยรูปแบบน้ันจะมีความหมาย
นอกเหนือจากการตกแตง่ เพ่ือความสวยงามเพียงอย่างเดียว โดยจะมีความหมายซ่อนเร้นเปน็ ปริศนา

การออกแบบในการแกะสลกั โฟมจาแนกได้ ดังน้ี
1. การออกแบบลวดลายสาหรบั แกะสลกั ลายฉลุ เปน็ วธิ ีการแกะสลักโดยฉลุเอาพื้นออกให้
คงเหลือเฉพาะรูปงาน โดยรวมจะเหน็ ความแตกตา่ งโดยมิติระหวา่ งรปู กับพ้ืนที่ถูกฉลุออก เกิดความ
สวยงามระหวา่ งทีว่ ่าง และชนิ้ งาน โดยลวดลายแบ่งออกเปน็ 2 ส่วน คือ
ลวดลายคงไว้ หมายถึง สว่ นทเ่ี ป็นเน้อื โฟมมุ่งใหเ้ กิดความโดดเด่น สะดดุ ตา และเปน็ ส่วนทบึ
แสงไม่สามารถลอดผา่ นได้ ลวดลายนาออก หมายถงึ ส่วนทมี่ ีความโปร่งแสงสามารถลอดผา่ นได้ เปน็
สว่ นท่ีชว่ ยเสรมิ ใหล้ วดลายคงไวม้ ีความชัดเจน โดดเดน่ มากยง่ิ ข้นึ
2. การออกแบบลวดลายสาหรับแกะสลักแบบนูนต่า (Bas Relief) เป็นการสร้างงาน
ประตมิ ากรรมที่มคี วามนนู ของรปู ทรง กนิ เน้ือที่ระวางในอากาศ สูงขึ้นมาจากฐานระนาบรองรับไม่
เกิน 1 ใน 5 ส่วน ของความหนาในแนวลึกของรูปทรง และขนาด ท่ีจะแกะสลักในมุมน้ัน ๆ งาน
แกะสลกั ประเภทน้ี สามารถชื่นชมผลงานท่สี มบูรณ์ ได้เพยี งดา้ นหนา้ เพียงด้านเดยี วเท่านนั้
3. การออกแบบลวดลายสาหรบั แกะสลักแบบนูนสูง (High Relief) เป็นการออกแบบให้มี
ความนูนของรูปทรงประติมากรรมกินเนื้อที่ระวางในอากาศ สูงข้ึนมาจากฐานระนาบรองรับต้ังแต่
2 ถึง 4 ใน 5 ส่วน ของความหนาในแนวลึกของรูปทรงและขนาดที่จะแกะสลัก งานประเภทน้ี
สามารถดชู มผลงานได้เพียง 3 มมุ คอื ดา้ นตรงและมมุ เฉียงด้านขา้ งท้ังสองด้าน
4. การออกแบบลวดลายสาหรับแกะสลักแบบลอยตัว (Round Relief) เป็นการออกแบบ
สาหรับเปน็ แนวทางในการสร้างสรรค์ผลงานแกะสลักโฟมแบบลอยตัว ซ่ึงเป็นลักษณะสามมิติจริง
มคี วามนูนของรูปทรงประตมิ ากรรมกินเน้อื ท่ใี นอากาศ สามารถมองดชู มไดร้ อบดา้ น

91

แบบฝกึ หดั หน่วยที่ 3
เรอื่ ง การออกแบบในงานแกะสลกั โฟม

จงเตมิ คาในชอ่ งวา่ งใหส้ มบูรณ์ (5 คะแนน)
1. การออกแบบลวดลายหมายถึง

………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. จงอธบิ ายแนวคิดในการออกแบบลวดลาย
………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………..

3. จงอธบิ ายหลกั การในการออกแบบลวดลายสาหรบั แกะสลักโฟมแบบฉลลุ าย
………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………..

4. จงอธบิ ายหลกั การในการออกแบบลวดลายสาหรับแกะสลักโฟมแบบนนู สงู
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………

5. จงอธิบายหลกั การในการออกแบบลวดลายสาหรับแกะสลกั โฟมแบบลอยตัว
………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………

92

แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยท่ี 3

การออกแบบลวดลายในงานแกะสลกั โฟม

คาช้ีแจง จงทาเครอื่ งหมายกากบาท ( x ) เลอื กคาตอบที่เห็นวา่ ถกู ตอ้ งทส่ี ดุ เพยี งข้อเดยี ว
1. ขอ้ ใดคอื จุดกาเนิดของการสร้างลวดลาย

ก. การเขียนลวดลายบนรา่ งกายและใบหนา้ มนุษย์
ข. ภาพเขยี นสภี าชนะดินเผา
ค. ภาพขดี เขียนบนแผน่ หนิ
ง. ภาพเขียนสีบนผนงั ถา้
2. ข้อใดคือความหมายของการออกแบบลวดลาย
ก. การเขยี นลวดลายไทย
ข. การเขยี นลวดจากเดมิ ที่มอี ยู่
ค. การสร้างสรรคผ์ ลงานทเ่ี น้นประโยชนใ์ ช้สอย
ง. การสร้างสรรคง์ านด้วย จุด เสน้ รปู ร่างรปู ทรง
3. ขอ้ ใดไมใ่ ช่องคป์ ระกอบของการออกแบบลวดลาย
ก. จุด
ข. เสน้
ค. รปู รา่ ง
ง. แสงและเงา
4. ข้อใดคอื ความหมายของ Natural Pattern
ก. ลวดลายเชงิ สญั ลกั ษณ์
ข. ลวดลายจากธรรมชาติ
ค. ลวดลายเรขาคณิต
ง. ลวดลายไทย
5. ข้อใดคือความหมายของ ลวดลายเรขาคณติ
ก. Natural Pattern
ข. Geometric Pattern
ค. Thai Painting Pattern
ง. Free From Pattern
6. ลวดลายไทยถอื กาเนดิ มาจากรปู ทรงในข้อใด
ก. รูปทรงอสิ ระ
ข. รูปทรงธรรมชาติ
ค. รูปทรงเรขาคณติ
ง. รูปทรงจากจนิ ตนาการ

93

7. ข้อใดคือความหมายของรปู ทรงเชิงสญั ลกั ษณ์

ก. เคร่ืองหมายการคา้

ข. ลวดลายไทยเอกลกั ษณ์ไทย

ค. ลวดลายท่มี คี วามหมายซอ่ นเร้น

ง. ลวดลายทป่ี ระกอบกนั จากธรรมชาติและเรขาคณติ
8. ข้อใดไม่ใช่ลกั ษณะของการออกแบบลวดลายฉลุ

ก. แสงสามารถลอดผา่ นลวดลายได้
ข. เอาส่วนทเี่ ป็นพน้ื ออกคงไว้เฉพาะรูป
ค. ลวดลายนนู ขึ้นมาจากพ้ืนระนาบเลก็ นอ้ ย
ง. ลวดลายทง้ั หมดมคี วามเก่ียวข้องและสมั พันธ์กัน
9. ข้อใดคือลักษณะของการออกแบบลวดลายนูนต่า
ก. ออกแบบเรื่องราวใหม้ องเห็นรอบด้าน
ข. ออกแบบลวดลายใหด้ ูเหมือนนนู สูงขึ้นมา
ค. ออกแบบลวดลายให้ดเู หมือนลอยตวั ข้นึ มา
ง. ออกแบบลวดลายใหเ้ หน็ เฉพาะเสน้ รอบนอก
10. การออกแบบที่ตอ้ งแสดงใหเ้ หน็ เน้อื หารอบด้านคอื ขอ้ ใด
ก. ลายฉลุ
ข. ลวดลายนูนต่า
ค. ลวดลายนูนสงู
ง. ลวดลายลอยตัว

94

ใบงาน หน่วยท่ี 3
การออกแบบลวดลายในงานแกะสลกั โฟม

ใบงานที่ 1 ออกแบบลวดลายสาหรับแกะสลกั โฟมแบบฉลุลาย โดยนาแนวคิดจากธรรมชาติ

คาส่ังย่อย
ใหผ้ ู้เรียนออกแบบลวดลายสาหรับฉลลุ าย โดยนาแนวคิดจากธรรมชาติ เช่น ภาพคน สัตว์

ใบไม้ ต้นไม้ ดอกไม้ เป็นต้น เพ่ือใช้สาหรับแกะสลักโฟม ด้วยเทคนิควิธีการตัด การปาด การฉลุ
โดยออกแบบให้ลวดลายสมั พันธ์เกีย่ วโยงทับซอ้ นกนั และตดั ทอนรายละเอยี ด แสดงใหเ้ ห็นเพียงเส้น
รอบนอก จานวน 4 แบบ และเลอื กรปู แบบทด่ี ที ่ีสุด นามาขยายพร้อมตดั เสน้ ดว้ ยปากกาเคมี
เคร่อื งมอื /อุปกรณ์

1. เคร่อื งมือพนื้ ฐานในการออกแบบ
2. กระดาษ 100 ปอนด์ ขนาด A 2
3. รปู ภาพ สาหรบั เปน็ แนวคิดในการออกแบบ
4. ปากกาเคมี
ลาดับขั้นตอนการปฏบิ ตั ิงาน
1. ศกึ ษาข้อมูลรูปภาพ และขอ้ มลู ในการออกแบบ
2. ร่างภาพแบบคร่าว ๆ จานวน 4 แบบ
3. นาเสนอภาพรา่ ง
4. ขยายแบบตามขนาดและมาตราส่วน
5. ตดั เส้นลวดลายด้วยปากกาเคมี
6. เกบ็ ทาความสะอาดเครือ่ งมืออุปกรณ์
เวลา........4...........ชวั่ โมง.....................นาที

95

ใบงาน หนว่ ยที่ 3
การออกแบบลวดลายในงานแกะสลกั โฟม

ใบงานท่ี 2 แกะสลักโฟมพน้ื ฐาน ลวดลายแนวคดิ จากธรรมชาติ พรอ้ มแกะสลกั ลวดลายกรอบ

คาสัง่ ย่อย
ให้ผู้เรียนแกะสลักโฟม ลวดลายแนวคิดจากธรรมชาติ ด้วยเทคนิควิธีการ ตัด การปาด

การฉลุ ตามรูปแบบที่ได้ออกแบบไว้ในใบงานท่ี 1 โดยใช้โฟมแผ่นบางเกรด A หนา 1/2 นิ้ว ขนาด
กว้าง 40 เซนติเมตร ยาว 60 เซนติเมตร พร้อมแกะสลกั ลวดลายกรอบ โดยใช้โฟมหนา 1 นิ้ว
เคร่อื งมือ/อุปกรณ์

1. โฟมเกรด B หนา 1/2 น้วิ ขนาดกว้าง 40 เซนตเิ มตร ยาว 60 เซนติเมตร
2. โฟมเกรด B หนา 1 นวิ้ ขนาดกวา้ ง 40 เซนติเมตร ยาว 60 เซนตเิ มตร
3. มดี แกะสลักโฟมทป่ี ระดิษฐจ์ ากใบเลือ่ ยตัดเหลก็
4. มีดคัตเตอร์
5. กาวลาแทก็ ซ์
6. ไม้เสยี บ
7. สีน้าพลาสตกิ สีขาว
ลาดบั ข้นั ตอนการปฏบิ ัติงาน
1. ขยายและร่างแบบลงบนโฟม
2. ตดั โฟมตามรปู แบบ
3. ประกอบโฟม ด้วยกาวลาแท็กซ์ และใช้ไม้เสยี บในการช่วยยึดตดิ เพอ่ื ความแขง็ แรง
4. รอจนกาวแหง้ สนทิ ระบายด้วยสรี องพ้นื สีขาว
5. ทาความสะอาดเกบ็ วสั ดุอุปกรณ์ และเครอื่ งมอื
เวลา........4...........ช่ัวโมง.....................นาที

96

ใบประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน หน่วยท่ี 3
เรอ่ื ง การออกแบบลวดลายในงานแกะสลกั โฟม

ช่อื งาน ออกแบบลวดลายแนวคิดจากธรรมชาติ
ชอื่ ผูร้ บั การประเมิน……………………………..…ชัน้ ………….หอ้ ง…………………เลขท…ี่ ……………..
ผูป้ ระเมิน แ ครูผูส้ อน เพ่ือนนักเรียน ประเมินตนเอง

ข้อท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน หมาย
ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ เหตุ
1 ปฏบิ ัตงิ านตามขน้ั ตอนได้ถูกตอ้ ง (3) (2) (1)
2 ใชเ้ คร่ืองมอื อุปกรณใ์ นการปฏบิ ัตงิ านถูกตอ้ ง
3 ช้ินงานปฏิบัติถูกตอ้ งสมบูรณ์
4 ความประณีตสวยงามมีความคิดสร้างสรรค์
5 ช้นิ งานเสร็จตามเวลาทกี่ าหนด

รวม
รวมคะแนนท้ังสิ้น

คณุ ภาพของการปฏิบัตงิ าน
อยใู่ นระดับ ดี พอใช้ ต้องปรบั ปรงุ

ลงชอ่ื ……………………………………………

(……………………………………………….)

ผูป้ ระเมิน

แนวทางการให้คะแนน

เกณฑค์ ุณภาพ
11-15 = ดี 6-10 = พอใช้ 0-5 = ตอ้ งปรบั ปรงุ

1. ปฏิบตั ิงานตามขนั้ ตอนไดถ้ กู ตอ้ ง
3 คะแนน หมายถงึ วางแผนการปฏบิ ัตงิ านไดถ้ กู ตอ้ งครบถ้วนตามข้นั ตอน
2 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ัติงานไดแ้ ตไ่ ม่ถกู ตอ้ งครบถ้วนตามขน้ั ตอน
1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัตงิ านไม่ถูกต้องและไมค่ รบถว้ นตามขัน้ ตอน

2. ใชเ้ ครอื่ งมอื อปุ กรณใ์ นการปฏบิ ตั งิ านถกู ตอ้ ง
3 คะแนน หมายถึง จัดเตรียมและใช้เครอื่ งมอื อปุ กรณ์ถกู ต้องและจดั เก็บเรียบร้อย
2 คะแนน หมายถงึ ใช้เคร่ืองมืออุปกรณ์ในการปฏบิ ัตงิ านไดแ้ ต่ไมถ่ ูกต้อง
1 คะแนน หมายถงึ ใช้เครื่องมอื อุปกรณ์ในการปฏบิ ัตงิ านไม่ถกู ต้อง

97

3. ชน้ิ งานปฏิบัตถิ กู ตอ้ งสมบรู ณ์
3 คะแนน หมายถงึ ชน้ิ งานปฏิบัติถูกตอ้ งสมบรู ณ์
2 คะแนน หมายถึง ชิ้นงานปฏบิ ัติถูกตอ้ งแตข่ าดความสมบูรณ์
1 คะแนน หมายถึง ชน้ิ งานปฏิบัติไมถ่ กู ต้องและไม่สมบรู ณ์

4. ความประณีตสวยงามมีความคดิ สร้างสรรค์
3 คะแนน หมายถึง ชิน้ งานมคี วามประณตี สวยงามมีความคดิ สร้างสรรค์
2 คะแนน หมายถึง ชน้ิ งานมีความประณีตสวยงามมีความคดิ สรา้ งสรรค์บางสว่ น
1 คะแนน หมายถึง ชิ้นงานขาดความประณตี และขาดความคดิ สร้างสรรค์

5. ชิ้นงานเสรจ็ ตามเวลาทก่ี าหนด
3 คะแนน หมายถึง ปฏิบัตงิ านไดส้ าเรจ็ ตามเปา้ หมาย และตามเวลาทก่ี าหนด
2 คะแนน หมายถึง ปฏิบัติงานไดส้ าเรจ็ ตามเป้าหมาย แตช่ ้ากว่าเวลาที่กาหนด
1 คะแนน หมายถึง ปฏิบัตงิ านไม่สาเรจ็ ตามเป้าหมาย

98

ใบประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน หน่วยท่ี 3
เรือ่ ง การออกแบบลวดลายในงานแกะสลกั โฟม

ช่อื งาน แกะสลกั โฟมลวดลายแนวคดิ จากธรรมชาติ พรอ้ มแกะสลกั ลวดลายกรอบ
ชือ่ ผรู้ ับการประเมิน……………………………..…ชัน้ ………….ห้อง…………………เลขท…ี่ ……………..
ผปู้ ระเมิน แ ครผู ู้สอน เพ่ือนนักเรยี น ประเมินตนเอง

ข้อท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน หมาย
ดี พอใช้ ปรับปรงุ เหตุ
1 ปฏบิ ตั งิ านตามขน้ั ตอนได้ถกู ตอ้ ง (3) (2) (1)
2 ใชเ้ คร่ืองมอื อปุ กรณใ์ นการปฏิบัตงิ านถูกตอ้ ง
3 ชิ้นงานปฏิบัติถกู ต้องสมบรู ณ์
4 ความประณีตสวยงามมคี วามคดิ สร้างสรรค์
5 ช้ินงานเสร็จตามเวลาทก่ี าหนด

รวม
รวมคะแนนท้ังสิ้น

คุณภาพของการปฏบิ ัตงิ าน
อยูใ่ นระดับ ดี พอใช้ ตอ้ งปรับปรงุ

ลงชื่อ……………………………………………

(……………………………………………….)

ผปู้ ระเมิน

แนวทางการใหค้ ะแนน

เกณฑ์คณุ ภาพ
11-15 = ดี 6-10 = พอใช้ 0-5 = ต้องปรบั ปรงุ

1. ปฏบิ ัติงานตามข้ันตอนได้ถกู ตอ้ ง
3 คะแนน หมายถงึ วางแผนการปฏิบัตงิ านไดถ้ กู ต้องครบถ้วนตามข้นั ตอน
2 คะแนน หมายถึง ปฏิบตั ิงานไดแ้ ต่ไมถ่ ูกต้องครบถว้ นตามขนั้ ตอน
1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัติงานไมถ่ ูกตอ้ งและไมค่ รบถว้ นตามขนั้ ตอน

2. ใช้เครอ่ื งมอื อุปกรณใ์ นการปฏิบตั งิ านถกู ต้อง
3 คะแนน หมายถึง จัดเตรยี มและใชเ้ ครอ่ื งมอื อปุ กรณ์ถกู ต้องและจัดเกบ็ เรยี บรอ้ ย
2 คะแนน หมายถึง ใชเ้ ครื่องมอื อุปกรณใ์ นการปฏบิ ัตงิ านไดแ้ ตไ่ ม่ถูกตอ้ ง
1 คะแนน หมายถึง ใช้เครือ่ งมืออปุ กรณ์ในการปฏิบัตงิ านไม่ถูกตอ้ ง

99

3. ช้ินงานปฏิบตั ิถูกตอ้ งสมบรู ณ์
3 คะแนน หมายถงึ ชน้ิ งานปฏิบัติถูกตอ้ งสมบรู ณ์
2 คะแนน หมายถึง ชิ้นงานปฏบิ ัติถูกตอ้ งแตข่ าดความสมบูรณ์
1 คะแนน หมายถึง ชน้ิ งานปฏิบัติไมถ่ กู ต้องและไม่สมบรู ณ์

4. ความประณีตสวยงามมีความคดิ สร้างสรรค์
3 คะแนน หมายถึง ชิน้ งานมคี วามประณตี สวยงามมีความคดิ สร้างสรรค์
2 คะแนน หมายถึง ชน้ิ งานมีความประณีตสวยงามมีความคดิ สรา้ งสรรค์บางสว่ น
1 คะแนน หมายถึง ชิ้นงานขาดความประณตี และขาดความคดิ สร้างสรรค์

5. ช้ินงานเสรจ็ ตามเวลาทก่ี าหนด
3 คะแนน หมายถึง ปฏิบัตงิ านไดส้ าเรจ็ ตามเปา้ หมาย และตามเวลาทก่ี าหนด
2 คะแนน หมายถึง ปฏิบัติงานไดส้ าเรจ็ ตามเป้าหมาย แตช่ ้ากว่าเวลาที่กาหนด
1 คะแนน หมายถึง ปฏิบัตงิ านไม่สาเรจ็ ตามเป้าหมาย

100

แบบประเมนิ ตนเอง

คาชแ้ี จง : ให้ผเู้ รยี น ปฏบิ ัตงิ านตามใบงานทกี่ าหนด แล้วใหค้ ะแนนผลงานท่ปี ฏบิ ัติ ตามความเปน็
จรงิ โดยนาคะแนนมารวมกนั ทง้ั 2 ใบงาน หารด้วย 2 จะไดผ้ ลสรปุ ทงั้ หมด

ใบงาน ดี ระดับคะแนน ต้องปรบั ปรงุ
(11-15) (0-5)
ใบงานท่ี 1 พอใช้
(15 คะแนน) (6-10)
ใบงานท่ี 2
(15 คะแนน)
รวมคะแนน
คะแนนรวมทัง้ สิ้น
(เตม็ 30 คะแนน)

สรปุ ผลทงั้ 2 กจิ กรรม = ……………………………………………………………………………………………………

ดี ( 11-15 คะแนน )

พอใช้ ( 6-10 คะแนน )

ตอ้ งปรบั ปรุง ( 0-5 คะแนน )

101

แบบประเมนิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม
เร่อื ง การออกแบบลวดลายในงานแกะสลกั โฟม

คาช้แี จง 1. ใชป้ ระเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงานของผเู้ รียน

2. ระดบั คะแนน 5 = มากทส่ี ดุ 4 = มาก

3 = ปานกลาง 2 = นอ้ ย

1 = น้อยท่ีสดุ

3. เกณฑ์การประเมิน 15 – 20 = มาก

8 – 14 = ปานกลาง

1 – 7 = นอ้ ย

กิจกรรม/ ความ หวั ข้อประเมิน / ระดับคะแนน ความพอเพียง คะแนน
ใบงาน รับผดิ ชอบ ความเช่อื มัน่ ความคิด ความซอ่ื สตั ย์ พอประมาณ รวม
ในตนเอง สร้างสรรค์ สุจรติ
1 2 2 10
2 222

ลงชอื่ ………………………………………
(………………………………………)

ผปู้ ระเมิน

102

สาระสาคัญ

การฉลุลาย เป็นวิธีการโดยฉลุเอาพื้นออก ให้คงเหลือเฉพาะรูปงานโดยรวม จะเห็นความ
แตกต่างโดยมิตริ ะหว่างรปู กับพืน้ ทีถ่ กู ฉลอุ อก เกิดความสวยงามระหวา่ งที่ว่าง และช้ินงาน ลวดลาย
ฉลมุ ีลกั ษณะพเิ ศษแตกต่างจากลวดลายอนื่ ๆ คอื จะต้องเป็นลวดลายท่ีมีความสมดุล และเชื่อมต่อ
สมั พนั ธก์ นั ทุกสว่ นของลวดลาย แนวทางในการออกแบบลวดลายฉลุ จะต้องออกแบบใน 2 แนวคิด
หลัก คือ การออกแบบลวดลายคงไว้ และลวดลายนาออกท่ีเชื่อมต่อสัมพันธ์กัน รวมถึงการเลือกใช้
วัสดอุ ุปกรณ์ และเครือ่ งมอื ให้เหมาะกับการแกะสลกั และการตกแตง่ สโี ฟม

สาระการเรยี นรู้

1. การแกะสลกั โฟมแบบฉลลุ าย
2. วสั ดอุ ปุ กรณ์ และเครอื่ มอื การแกะสลกั โฟมแบบฉลลุ าย
3. ขัน้ ตอนการแกะสลกั โฟมแบบฉลุลาย
4. การตกแต่งสโี ฟมแบบฉลลุ าย

สมรรถนะประจาหน่วย

แสดงความร้เู ก่ยี วกบั การแกะสลักโฟมแบบฉลุลาย การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือ
เลือกใชว้ ัสดใุ นการแกะสลกั ได้อย่างเหมาะสม ปฏิบัตงิ านแกะสลกั โฟมแบบฉลลุ าย การตกแต่งสีโฟม
ได้อยา่ งถูกตอ้ งสวยงาม และรจู้ กั การบารุงรกั ษาเครื่องมือ และอปุ กรณ์

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายลกั ษณะรปู แบบของการแกะสลักโฟมแบบฉลุลายได้
2. อธบิ ายวธิ ีใช้ และการบารงุ รักษาวสั ดอุ ุปกรณ์ และเคร่ืองมือได้อยา่ งถกู ต้อง
3. บอกขั้นตอน และวธิ ีการแกะสลักโฟมแบบฉลุลายไดอ้ ยา่ งถูกต้อง
4. เตรยี มวสั ดุและอุปกรณ์ในการแกะสลักโฟมแบบฉลลุ ายได้
5. สามารถแกะสลกั โฟมแบบฉลุลายได้
6. ตกแตง่ สีโฟมแบบฉลุลายได้
7. มคี วามซ่ือสตั ย์ สุจริต ในการปฏบิ ัติงาน

103

ผงั มโนทศั น์
หนว่ ยที่ 4 การแกะสลักโฟมแบบฉลลุ าย

การแกะสลกั โฟมลวดลายฉลุ 1. การแกะสลกั โฟมแบบฉลุลาย

2. วสั ดอุ ปุ กรณ์การแกะสลกั โฟมแบบฉลลุ าย
ลวดลาย
3. ขน้ั ตอนการแกะสลกั โฟมแบบฉลลุ าย

4. การตกแตง่ สีโฟมแบบฉลลุ าย

104

แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยท่ี 4
การแกะสลักโฟมแบบฉลุลาย

 คาชแ้ี จง จงทาเครอ่ื งหมายกากบาท (x) เลือกคาตอบทเี่ หน็ วา่ ถูกต้องท่ีสดุ เพยี งขอ้ เดยี ว
1. ข้อใดคอื ความหมายของการแกะสลกั โฟมแบบฉลลุ าย

ก. เป็นวธิ กี ารแกะสลกั แบบประติมากรรมนูนสงู
ข. เป็นวิธีการแกะสลกั แบบประติมากรรมนูนต่า
ค. เป็นวธิ ีการแกะสลักแบบประติมากรรมลอยตวั
ง. เป็นวิธกี ารแกะสลักโฟมโดยฉลเุ อาพ้ืนออกใหค้ งเหลือเฉพาะรูป
2. งานแกะสลกั ตกแตง่ พระเมรุนยิ มใชว้ ัสดชุ นดิ ใด
ก. โฟม
ข. ใบกลว้ ย
ค. กาบกล้วย
ง. ไม้เน้อื แขง็
3. โฟมชนิดใดเหมาะสาหรบั ใช้ในการฉลลุ าย
ก. ชนดิ บาง
ข. ชนิดหนา
ค. โฟมอัดก้อน
ง. โฟมอดั ขึ้นรปู
4. ข้อใดคือลักษณะของการแกะสลกั แบบลายฉลุ
ก. ลวดลายทกุ สว่ นเช่อื มต่อสัมพันธ์กนั
ข. ลวดลายสงู จากพื้น 1 ใน 5 ส่วน
ค. มพี ้ืนระนาบรองรบั
ง. มองไดร้ อบด้าน
5. ข้อใดคือวธิ กี ารตกแต่งสีโฟมที่ถูกตอ้ ง
ก. ขัดตกแตง่ ผวิ ทาสีรองพ้นื ระบายสจี รงิ
ข. ทาสีรองพ้ืน ขัดตกแต่งผิว ระบายสีจริง
ค. ระบายสีจรงิ ขดั ตกแตง่ ผิว ทาสรี องพื้น
ง. ขดั ตกแต่งผวิ ระบายสจี รงิ ทาสรี องพื้น
6. กาวชนิดใดใช้สาหรับงานแกะสลกั โฟม
ก. กาวยาง
ข. กาวร้อน
ค. กาวลาแท็กซ์
ง. กาวแปง้ เปียก

105

7. มดี แกะสลักชนดิ ใดเหมาะสาหรบั ฉลลุ ายโฟม
ก. มีดคตั เตอร์

ข. มดี ขนาดใหญ่
ค. มดี ขนาดกลาง

ง. มีดขนาดเล็กมคี มสองดา้ น
8. งานแกะสลกั แบบฉลลุ ายโฟมนิยมนาไปใชใ้ นงานใด

ก. งานป้ายตวั อกั ษร
ข. ทาแบบหุ่นจาลอง

ค. งานประดบั ตกแต่งสวน
ง. ประดบั ตกแตง่ ขบวนรถแห่
9. ขอ้ ใดไมใ่ ช่วิธีการออกแบบภาพรา่ งสาหรับลายฉลุ
ก. แสดงใหเ้ หน็ รอบดา้ น

ข. แสดงใหเ้ หน็ ส่วนทส่ี มั พนั ธ์กนั
ค. แสดงใหเ้ ห็นสว่ นท่นี าออกและคงไว้

ง. แสดงใหเ้ ห็นเส้นจรงิ พร้อมทจ่ี ะแกะสลกั
10. สีทีน่ ยิ มใชใ้ นการระบายสโี ฟมคอื ขอ้ ใด

ก. สเี มจกิ

ข. สนี ้ามัน
ค. สสี เปรย์เชอ้ื นา้ มัน

ง. สีน้าอะครลี กิ สโี ปสเตอร์

106

1. การแกะสลกั โฟมแบบฉลลุ าย

การแกะสลกั โฟมแบบฉลุลาย พบว่ามกี ารฉลุลวดลายบนวสั ดตุ ่าง ๆ ตั้งแต่สมัยโบราณ ด้วย
กรรมวิธีแตกตา่ งกันไปในแต่ละชนชาติ ไมว่ ่าจะเปน็ การฉลหุ ยวก หรอื กาบกล้วย เพื่อประดับตกแต่ง
เมรุ การฉลุกระดาษ และการฉลุโฟม ซึ่งพบว่า ในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพ่ือใช้ใน
การประดบั ตกแต่งอาคารสถานที่ ประกอบพธิ ีจดั งานรื่นเริงต่าง ๆ เนื่องจากโฟมหาได้ง่าย ราคาถูก
น้าหนักเบา ติดต้ังได้ง่าย และสามารถสร้างงานได้สะดวก และรวดเร็ว ลวดลายฉลุสามารถนาไป
ประยุกตใ์ ช้ประโยชน์ไดม้ ากมาย ไมว่ า่ จะเป็นตกแต่งอาคารสถานท่ี บา้ นเรอื น ตกแต่งสถานที่ขบวน
รถแห่ในงานประเพณีตา่ ง ๆ

พีนาลิน สาริยา (2549 : 133) กล่าวไว้ว่า ลวดลายฉลุ เป็นวิธีการแกะสลักโดยฉลุเอาพ้ืน
ออก ใหค้ งเหลือเฉพาะรูป งานโดยรวมจะเห็นความแตกต่างโดยมิติระหว่างรูปกับพ้ืนท่ีถูกฉลุออก
เกดิ ความสวยงามระหวา่ งท่วี า่ ง และชิ้นงาน แต่ในทางเดียวกัน ลวดลายที่ออกแบบเฉพาะเพ่ืองาน
อ่ืน ๆ ส่วนใหญ่ไม่สามารถนามาใช้เป็นลวดลายฉลุได้ ลวดลายฉลุมีลักษณะพิเศษแตกต่างจาก
ลวดลายอ่นื ๆ คอื จะต้องเป็นลวดลายทมี่ ีความสมดุล และเช่ือมต่อสัมพันธ์กันทุกส่วนของลวดลาย
ผลงานลวดลายฉลุแตกตา่ งไปจากลวดลายอนื่ ๆ ฉะน้นั แนวทางในการออกแบบลวดลายฉลุ จะต้อง
ออกแบบใน 2 แนวคิดหลัก คอื ออกแบบลวดลายคงไว้ และลวดลายนาออกทีเ่ ชอ่ื มตอ่ สัมพนั ธ์กนั

ลวดลายคงไว้ หมายถงึ การออกแบบลวดลายฉลุในสว่ นทเี่ ป็นเน้ือโฟม ที่นามาทาลวดลาย
มงุ่ ให้เกิดความโดดเด่น สะดุดตา ตามความตั้งใจของผู้ออกแบบลวดลาย และเป็นส่วนทึบ แสงไม่
สามารถลอดผ่านได้

ลวดลายนาออก หมายถึง การออกแบบลวดลายฉลใุ นส่วนทม่ี คี วามโปรง่ แสงสามารถลอด
ผา่ นได้ เปน็ ส่วนทีช่ ่วยเสรมิ ใหล้ วดลายคงไว้ ให้มคี วามชัดเจน โดดเด่น มากย่งิ ขึ้น

2. วัสดุอปุ กรณ์ และเคร่ืองมือการแกะสลกั โฟมแบบฉลุลาย

การเตรียมวัสดอุ ปุ กรณ์ และเครอ่ื งมอื ให้พรอ้ มกอ่ นลงมือปฏบิ ัตงิ าน ถอื วา่ เป็นสง่ิ สาคัญมาก
ทีช่ า่ งแกะสลกั ท่ีดี ควรบริหารจดั การใหเ้ ปน็ กจิ นสิ ยั ถา้ เคร่ืองมอื ดี วสั ดอุ ุปกรณ์ดี การทางานก็จะงา่ ย
และสะดวก เพ่ือความเข้าใจเรื่องเครื่องมือ และวัสดุอุปกรณ์ ผู้เขียนให้ผู้เรียนไปดูรายละเอียด
การเตรียมเครื่องมือ และวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ในบทท่ี 2 เร่ืองวัสดุอุปกรณ์ และเคร่ืองมือในการ
แกะสลกั โฟม สาหรับงานแกะสลักโฟมแบบฉลลุ ายมีวสั ดอุ ุปกรณ์ และเครอ่ื งมือ ดังน้ี

1. โฟมแผน่ หนา ½ นว้ิ
2. มดี คตั เตอร์
3. มดี ขนาดเล็ก
4. ดนิ สอรา่ งภาพ
5. สนี ้าพลาสติก
6. กาวลาแทก็ ซ์
7. พู่กัน และจานสี

107

3. ข้ันตอนการแกะสลกั โฟมแบบฉลลุ าย

3.1 การรวบรวมขอ้ มูล เป็นการรวบรวมข้อมูลด้านต่าง ๆ ของรูปแบบท่ีจะแกะสลัก เช่น
ภาพถา่ ยลวดลายทจี่ ะออกแบบ และแกะสลัก หรือสถานที่จริง เพื่อให้ได้รูปแบบข้อมูลในมุมต่าง ๆ
ให้ได้มากท่ีสุด บวกกับจนิ ตนาการของชา่ งแกะสลกั โดยแนวคดิ ในการออกแบบ ผู้เขียนให้ผู้เรียนไป
ศกึ ษารายละเอียดแนวคดิ ในการออกแบบ ในบทท่ี 3 เรื่องการออกแบบงานแกะสลกั โฟม

ภาพที่ 4.1 ลวดลายฉลตุ กแต่งสถาปัตยกรรม ภาพท่ี 4.2 ลวดลายฉลุดอกบัว
(วัดเลง่ เน่ยยี) (วดั เลง่ เนย่ ยี)

ทม่ี า : กิตติพล วิเชียรเชอ้ื 2559 ทมี่ า : กติ ตพิ ล วเิ ชียรเชื้อ 2559

3.2 การออกแบบภาพร่าง การแกะสลักโฟมเกือบทุกชนิด ช่างแกะสลักโฟมที่มี

ความสามารถ หรือมปี ระสบการณ์ ส่วนมากกอ่ นการแกะสลักจะวาดภาพ (Drawing) แบบท่ีจะแกะ
ก่อนลงมือแกะสลักจริง เพ่ือเป็นการเรียนรู้ ทาความเข้าใจเก่ียวกับรูปทรง เน้ือหา เรื่องราวท่ีจะ
แกะสลัก ซึ่งมีลกั ษณะ 2 มิติ ซึ่งจะช่วยให้การแกะสลักท่ีมีรูปทรงสามมิติจริง ถูกต้อง และรวดเร็ว

ยิง่ ขน้ึ ขนั้ ตอนการออกแบบ โดยใช้ดนิ สอดาร่างภาพบนกระดาษ เพื่อแสดงให้เห็นในมุมมองต่าง ๆ
โดยเฉพาะการออกแบบลวดลายฉลุ จะต้องแสดงให้เห็นส่วนท่ีคงไว้ ส่วนท่ีเอาออก และส่วนที่ต้อง
สัมพันธ์ยึดตดิ กัน เพ่ือจะไดแ้ บบร่างทส่ี มจรงิ

ภาพท่ี 4.3 ตวั อยา่ งงานออกแบบลวดลายฉลุ
ทมี่ า : กิตติพล วเิ ชยี รเช้ือ 2559

108
3.3 การขยายแบบร่างลงบนโฟม นาภาพรา่ งทไี่ ด้จากการออกแบบ มาขยายใหญ่เทา่ แบบ
จรงิ ท่ีจะแกะสลัก ใช้ปากกาสี หรือสีเมจิก เขียนบ่งบอกถึงลักษณะของลวดลายฉลุ ท่ีแสดงให้เห็น
สว่ นท่คี งไว้ และส่วนที่ตอ้ งฉลุออก เพ่ือจะไดด้ าเนนิ การฉลุลวดลายตอ่ ไป

ภาพที่ 4.4 แสดงการร่างภาพลวดลายบนโฟมสาหรับฉลลุ าย
ท่ีมา : กติ ติพล วิเชียรเชอื้ 2559

3.4 การฉลุลายโฟม นาโฟมขนิดบางท่ีได้วาดลวดลายไว้แล้ววางบนโต๊ะท่ีมีพื้นราบเรียบ
แลว้ ให้สว่ นของโฟมท่ตี ้องการฉลุลายย่นื ออกมาจากพื้นผิวโตะ๊ เล็กนอ้ ย เพื่อสะดวกในการฉลุ โดยใช้
มดี ขนาดเลก็ หรือคตั เตอร์ที่มีความคมตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นมีดทีป่ ระดษิ ฐจ์ ากใบเลอ่ื ยเหล็ก หรือมีด
แกะสลกั ผลไม้ จะไดผ้ ลงานการฉลทุ ี่มคี วามออ่ นหวานกว่าใช้มีดคัตเตอร์ เน่ืองจากใบมีดมีความคม
ท้ัง 2 ดา้ น จงึ สะดวกในการฉลุ สามารถฉลุได้ทงั้ สองทิศทาง ขนั้ ตอนการฉลุลาย มีดงั น้ี

1. ใช้มีดฉลุตามลายเส้นท่ีเป็นส่วนของพ้ืนท่ีไม่ต้องการให้หลุดออก โดยตั้งมีดให้ตรง
และต้งั ฉากกับพื้น เพื่อใหข้ อบลายมีความคมชัด ไมเ่ อยี ง หรือเฉียงไปมา

ภาพที่ 4.5 การฉลเุ อาส่วนที่เป็นพ้นื ออก
ที่มา : กิตติพล วิเชียรเช้อื 2559

109

2. ใชป้ ลายมีดตดั โฟมปาดลายแนว 45 องศา ให้มีระดับความกว้างความลึกเท่า ๆ กัน
ตลอดแนว

ภาพท่ี 4.6 แสดงการปาดโฟมแนว 45 องศา
ทีม่ า : กติ ติพล วิเชียรเชอื้ 2559

3. เก็บรายละเอยี ดของชิ้นงานใหส้ มบรู ณ์ สวยงาม พรอ้ มท่ีจะนาไปตกแต่งสตี ่อไป

ภาพท่ี 4.7 งานแกะสลักโฟมแบบฉลุลาย
พร้อมทจ่ี ะนาไปตกแตง่ สี
ที่มา : กิตตพิ ล วิเชียรเชอ้ื 2559

4. ขนั้ ตอนการตกแตง่ สใี นงานโฟม

เมอื่ ผา่ นกระบวนการแกะสลกั เรยี บรอ้ ยแลว้ อาจดเู หมอื นชิ้นงานยังเสร็จไม่เรียบร้อย เนื่อง
จากโฟมเปน็ วัสดุทมี่ สี ขี าว เมื่อนาไปใชใ้ นงานตา่ ง ๆ อาจดูไม่เหมาะกับงาน ดังน้ันการตกแต่งสีโฟม
เพื่อใหช้ ิน้ งานมีความโดดเด่น สวยงาม สามารถนาไปใช้งานได้ดี จึงต้องมีการตกแต่งให้เป็นไปตาม
ประโยชนใ์ ช้สอย การตกแตง่ สีในงานโฟม มีวิธกี ารทีห่ ลากหลาย โดยเนื้อหาในบทเรียนนี้ ผู้เขียนจะ
กล่าวถงึ การตกแต่งด้วยวธิ กี ารทา และระบายสี

การตกแตง่ สีงานโฟมดว้ ยการทา และระบายสี เป็นวิธีการทางด้านจิตรกรรม ท่ีใช้โฟมเป็น
พ้ืนผิวในการทาระบายสี สาหรับเทคนิคการทาระบายสี ไม่แตกต่างกับวัสดุอื่น ๆ แต่มีข้อจากัดตรง
ผวิ โฟมจะมีความขรุขระ ตอ้ งใชค้ วามพยายามในการระบายสใี หด้ เู รยี บสวยงาม

110

ขั้นตอนการทางาน
1. นาชิ้นงานโฟมที่แกะสลักเรียบรอ้ ยแลว้ มาทาระบายดว้ ยสีรองพ้นื ตามทไ่ี ดอ้ อกแบบไว้
2. รอจนสีรองพ้นื ท่ีทาระบายไว้แห้งสนทิ แลว้ จงึ นาช้นิ งานตกแต่งสี ทาระบายไล่น้าหนักสี
ใหม้ ีน้าหนักอ่อนเข้ม แตกตา่ งกัน
3. นาช้นิ งานแต่ละช้นิ มาทาด้วยกาวลาแท็กซ์ เพื่อประกอบชิน้ งานโฟมเข้าดว้ ยกัน บนโฟม
ขนาด 1/2 นวิ้ เพื่อเป็นฉาก หรอื พนื้ หลัง
4. เม่อื กาวลาแท็กซ์แหง้ สนทิ ดีแลว้ นามาตัดฉลุลายพน้ื หลังที่ไมต่ อ้ งการออก เมื่อเสร็จแล้ว
ก็สามารถนาผลงานไปใชป้ ระกอบในงานต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งสวยงาม

ภาพท่ี 4.8 นาช้นิ งานทแ่ี กะสลักโฟมเรยี บร้อยแล้ว
มาทาระบายด้วยสรี องพื้น
ทีม่ า : กติ ติพล วิเชียรเชอ้ื 2559

ภาพท่ี 4.9 เม่ือระบายสเี สร็จเรยี บรอ้ ยแลว้ รอ
จนสพี ื้นท่ีทาระบายไวแ้ ห้งสนทิ
ทม่ี า : กติ ตพิ ล วเิ ชยี รเชอื้ 2559

ภาพที่ 4.10 ใช้พู่กันแบนไล่น้าหนักสีใหม้ ีนา้ หนัก
อ่อนเข้มแตกต่างกัน
ทมี่ า : กิตตพิ ล วเิ ชยี รเช้อื 2559

111

ภาพท่ี 4.11 ระบายครบทัง้ ช้ินนามาวางเรยี งประกอบกัน
ทม่ี า : กติ ติพล วเิ ชียรเชอื้ 2559

ภาพท่ี 4.12 แสดงการประกอบชิ้นงานด้วยกาวลาแทก็ ซ์
ที่มา : กิตติพล วเิ ชียรเชอื้ 2559

ภาพที่ 4.13 ทากาวลาแท็กซ์ ประกอบชิน้ โฟมครบทกุ ช้ิน
แลว้ รอจนกาวแห้งสนิท
ที่มา : กติ ตพิ ล วเิ ชียรเชอื้ 2559

ภาพท่ี 4.14 ตดั ฉลพุ ื้นหลังท่ไี ม่ต้องการออก
โดยเว้นระยะขอบรอบภาพเทา่ ๆ กัน
ท่ีมา : กติ ตพิ ล วิเชียรเช้อื 2559
เท่าๆกัน

112

ภาพที่ 4.15 งานแกะสลักโฟมฉลุลาย โลโกใ้ นงานพิธีมงคลสมรส
ทีม่ า : กิตติพล วเิ ชยี รเช้ือ 2559

สรปุ

การออกแบบลวดลายฉลุ หมายถึง การแกะสลกั โฟมโดยฉลุเอาพ้นื ออกใหค้ งเหลอื เฉพาะรูป
งานโดยรวมจะเห็นความแตกต่างโดยมิติ ระหว่างรูปกับพื้นท่ีถูกฉลุออก เกิดความสวยงามระหว่าง
ทว่ี ่าง และชิน้ งาน

ลวดลายคงไว้ หมายถึง การออกแบบลวดลายฉลุในส่วนที่เป็นเน้ือโฟม ที่นามาทาลวดลาย
มุ่งให้เกิดความโดดเด่น สะดุดตา ตามความตั้งใจของผู้ออกแบบลวดลาย และเป็นส่วนทึบ แสงไม่
สามารถลอดผ่านได้

ลวดลายนาออก หมายถึง การออกแบบลวดลายฉลใุ นส่วนท่ีมีความโปร่ง แสงสามารถลอด
ผา่ นได้ เปน็ สว่ นท่ชี ่วยเสรมิ ใหล้ วดลายคงไวม้ ีความชดั เจน โดดเดน่ มากยง่ิ ข้นึ

113

แบบฝกึ หดั หนว่ ยที่ 4
เร่ือง การแกะสลกั โฟมแบบฉลุลาย

จงเติมคาในชอ่ งว่างให้สมบรู ณ์ (5 คะแนน)
1. จงอธิบายรูปแบบของลวดลายฉลุ

………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ลวดลายคงไวห้ มายถึง
………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ลวดลายนาออกหมายถึง
………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
4. จงอธบิ ายขนั้ ตอนในการฉลลุ ายโฟม
………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
5. จงอธิบายขนั้ ตอนในการตกแตง่ สีโฟม
………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………

114

แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ 4
การแกะสลกั โฟมแบบฉลลุ าย

 คาช้ีแจง จงทาเครอ่ื งหมายกากบาท (x) เลอื กคาตอบทเ่ี หน็ วา่ ถกู ตอ้ งทส่ี ดุ เพยี งขอ้ เดยี ว
1. มดี แกะสลกั ชนิดใดเหมาะสาหรบั ฉลลุ ายโฟม

ก. มีดคัตเตอร์
ข. มีดขนาดใหญ่
ค. มดี ขนาดกลาง
ง. มีดขนาดเลก็ มคี มสองด้าน
2. งานแกะสลักโฟมแบบฉลลุ ายนิยมนาไปใช้งานในข้อใด
ก. งานปา้ ยตวั อกั ษร
ข. ทาแบบหุ่นจาลอง
ค. งานประดับตกแต่งสวน
ง. ประดบั ตกแตง่ ขบวนรถแห่
3. ข้อใดไมใ่ ช่วิธีการออกแบบภาพรา่ งสาหรับลายฉลุ
ก. แสดงใหเ้ หน็ รอบดา้ น
ข. แสดงใหเ้ หน็ ส่วนท่สี มั พันธก์ ัน
ค. แสดงใหเ้ หน็ สว่ นทน่ี าออกและคงไว้
ง. แสดงใหเ้ ห็นเสน้ จรงิ พร้อมทจี่ ะแกะสลกั
4. สีท่ีนิยมใชใ้ นการระบายสีโฟมคือขอ้ ใด
ก. สเี มจกิ
ข. สนี า้ มัน
ค. สสี เปรยเ์ ชอ้ื น้ามัน
ง. สนี ้าอะครลี ิก สโี ปสเตอร์
5. ข้อใดคือความหมายของการแกะสลักโฟมแบบฉลลุ าย
ก. เป็นวธิ กี ารแกะสลักแบบประตมิ ากรรมนนู สงู
ข. เป็นวธิ ีการแกะสลกั แบบประตมิ ากรรมนูนต่า
ค. เป็นวิธกี ารแกะสลักแบบประตมิ ากรรมลอยตัว
ง. เปน็ วธิ ีการแกะสลกั โฟมโดยฉลเุ อาพน้ื ออกให้คงเหลอื เฉพาะรปู
6. ในสมยั โบราณในงานพธิ ีศพนิยมนาวัสดุชนิดใดมาใชใ้ นการฉลุลายตกแตง่ เมรุ
ก. หยวกกลว้ ย
ข. ไมเ้ น้อื แขง็
ค. กาบกลว้ ย
ง. โฟม

115

7. โฟมชนดิ ใดเหมาะสาหรบั ใช้ในการฉลลุ าย
ก. ชนิดบาง

ข. ชนดิ หนา
ค. โฟมอดั ก้อน

ง. โฟมอดั ขน้ึ รปู
8. ขอ้ ใดคือลกั ษณะของการแกะสลกั แบบลายฉลุ

ก. ลวดลายทกุ สว่ นเช่อื มตอ่ สมั พันธ์กัน
ข. ลวดลายสงู จากพื้น 1 ใน 5 ส่วน

ค. มีพนื้ ระนาบรองรบั
ง. มองไดร้ อบดา้ น
9. ขอ้ ใดคือวธิ ีการตกแต่งสโี ฟมท่ีถกู ตอ้ ง
ก. ขดั ตกแตง่ ผวิ ทาสรี องพืน้ ระบายสจี ริง

ข. ทาสีรองพ้ืน ขดั ตกแต่งผิว ระบายสจี ริง
ค. ระบายสจี รงิ ขัดตกแตง่ ผวิ ทาสรี องพ้ืน

ง. ขดั ตกแตง่ ผิว ระบายสจี รงิ ทาสรี องพน้ื
10. กาวชนดิ ใดใชส้ าหรับงานแกะสลักโฟม

ก. กาวยาง

ข. กาวร้อน
ค. กาวลาแท็กซ์

ง. การแปง้ เปียก

116

ใบงาน หนว่ ยท่ี 4
การแกะสลกั โฟมแบบฉลุลาย

ใบงานท่ี 1 แกะสลกั โฟมแบบฉลลุ าย ลวดลายประยกุ ต์ พรอ้ มตกแต่งสี

คาสัง่ ย่อย
ให้ผู้เรียน ออกแบบและแกะสลักโฟมแบบฉลุลาย ลวดลายประยุกต์ สาหรับใช้ในงานพิธี

มงคลสมรส พรอ้ มตกแตง่ สโี ฟม ดว้ ยสีน้าพลาสติก โดยใช้โฟมแผ่นเกรด A หนา 1 น้ิว ขนาด กว้าง
60 เซนตเิ มตร สูง 60 เซนตเิ มตร
เครอ่ื งมอื /อุปกรณ์

1. โฟม เกรด A หนา 1 นวิ้ ขนาดกวา้ ง 60 สงู 30 เซนติเมตร
2. มีดแกะสลักโฟมขนาดเล็ก
3. สนี ้าพสาสติก
4. จานสี และพกู่ ัน
5. กาวลาแทก็ ซ์
ลาดบั ขั้นตอนการปฏิบตั ิงาน
1. ร่างแบบลงบนโฟม
2. ตดั โฟมตามรูปแบบ
3. ระบายสรี องพื้น
4. รอจนสรี องพน้ื แห้งสนิท ระบายด้วยสนี า้ พลาสตกิ
5. ประกอบโฟม ด้วยกาวลาแท็กซ์
6. พ่นเคลือบชนิ้ งาน ดว้ ยแลคเกอร์สเปรย์
7. เก็บทาความสะอาดเครอ่ื งมือ และอุปกรณ์
เวลา........4...........ชว่ั โมง.....................นาที

117

ใบงาน หน่วยท่ี 4
การแกะสลักโฟมแบบฉลุลาย

ใบงานที่ 2 การแกะสลักโฟมแบบฉลลุ าย ลวดลายประยุกต์ พร้อมตกแตง่ สโี ฟม ดว้ ยสอี ะครลี ิกทอง

คาสงั่ ย่อย
ใหผ้ เู้ รียน ออกแบบและแกะสลักโฟมแบบฉลลุ ายลวดลายประยุกต์ ปา้ ยชือ่ สัญลักษณใ์ นงาน

พธิ ีมงคลสมรส พร้อมตกแต่งโฟมดว้ ยสอี ะครีลิกทอง โดยใช้โฟมแผ่น เกรด A หนา 1 น้ิว ขนาดโฟม
กวา้ ง 60 เซนตเิ มตรสงู 60 เซนตเิ มตร
เครอ่ื งมอื /อปุ กรณ์

1. โฟม เกรด A หนา 1 น้วิ ขนาดกว้าง 60 สูง 30 เซนติเมตร
2. มดี แกะสลักโฟม
3. สนี า้ พสาสติก
4. สีอะครลี กิ ทอง
5. กาวลาแทก็ ซ์
6. จานสี และพกู่ ัน
ลาดับขนั้ ตอนการปฏบิ ัติงาน
1. รา่ งแบบลงบนโฟม
2. ตัดโฟมตามรูปแบบ
3. ระบายสรี องพนื้ ด้วยสเี หลือง
4. รอจนสรี องพ้ืนแหง้ สนิท ระบายสีดว้ ยสอี ะครีลิกทอง
5. ประกอบโฟม ด้วยกาวลาแท็กซ์
6. เกบ็ ทาความสะอาดเคร่อื งมอื และอปุ กรณ์
เวลา........4...........ชว่ั โมง.....................นาที

118

ใบประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ าน หนว่ ยที่ 4
เรอื่ ง การแกะสลกั โฟมแบบฉลลุ าย

ชอื่ งาน แกะสลักโฟมแบบฉลลุ าย ลวดลายประยกุ ต์ พร้อมตกแตง่ สีโฟม
ชื่อผรู้ บั การประเมิน……………………………..…ชั้น………….หอ้ ง…………………เลขท…่ี ……………..
ผปู้ ระเมิน แ ครผู ู้สอน เพื่อนนักเรยี น ประเมินตนเอง

ขอ้ ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน หมาย
เหตุ
ดี พอใช้ ปรับปรงุ

(3) (2) (1)

1 ปฏิบัตงิ านตามขั้นตอนไดถ้ ูกต้อง

2 ใช้เคร่ืองมอื อปุ กรณใ์ นการปฏบิ ัตงิ านถูกตอ้ ง

3 ช้นิ งานปฏบิ ตั ิถกู ตอ้ งสมบรู ณ์

4 ความประณีตสวยงามมีความคดิ สร้างสรรค์

5 ชน้ิ งานเสร็จตามเวลาทก่ี าหนด

รวม

รวมคะแนนทั้งสน้ิ

คุณภาพของการปฏิบัตงิ าน

อยูใ่ นระดบั ดี พอใช้ ตอ้ งปรับปรงุ

ลงช่ือ……………………………………………

(……………………………………………….)

ผ้ปู ระเมิน

แนวทางการใหค้ ะแนน

เกณฑค์ ุณภาพ
11-15 = ดี 6-10 = พอใช้ 0-5 = ตอ้ งปรับปรงุ

1. ปฏบิ ตั งิ านตามข้ันตอนได้ถกู ต้อง
3 คะแนน หมายถึง วางแผนการปฏบิ ตั งิ านได้ถูกต้องครบถว้ นตามข้ันตอน
2 คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั งิ านได้แตไ่ มถ่ กู ต้องครบถ้วนตามขนั้ ตอน
1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั งิ านไมถ่ ูกตอ้ งและไม่ครบถ้วนตามขั้นตอน

2. ใช้เครอ่ื งมอื อปุ กรณใ์ นการปฏบิ ตั งิ านถกู ต้อง
3 คะแนน หมายถงึ จดั เตรียมและใช้เครอ่ื งมอื อุปกรณ์ถกู ต้องและจดั เกบ็ เรยี บรอ้ ย
2 คะแนน หมายถึง ใช้เครอ่ื งมืออปุ กรณใ์ นการปฏบิ ตั ิงานได้แตไ่ ม่ถูกตอ้ ง
1 คะแนน หมายถึง ใช้เคร่ืองมืออปุ กรณ์ในการปฏบิ ัติงานไมถ่ กู ต้อง

119

3. ช้ินงานปฏบิ ัติถูกต้องสมบูรณ์
3 คะแนน หมายถึง ชิน้ งานปฏบิ ัติถูกต้องสมบรู ณ์
2 คะแนน หมายถงึ ช้นิ งานปฏบิ ตั ถิ กู ตอ้ งแตข่ าดความสมบูรณ์
1 คะแนน หมายถงึ ช้ินงานปฏบิ ัตไิ ม่ถกู ตอ้ งและไมส่ มบรู ณ์

4. ความประณตี สวยงามมคี วามคิดสรา้ งสรรค์
3 คะแนน หมายถึง ชิ้นงานมีความประณีตสวยงามมีความคดิ สรา้ งสรรค์
2 คะแนน หมายถงึ ช้นิ งานมีความประณีตสวยงามมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์บางสว่ น
1 คะแนน หมายถึง ชน้ิ งานขาดความประณีตและขาดความคิดสรา้ งสรรค์

5. ชิ้นงานเสรจ็ ตามเวลาทก่ี าหนด
3 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ตั ิงานได้สาเร็จตามเป้าหมาย และตามเวลาท่กี าหนด
2 คะแนน หมายถึง ปฏิบัติงานได้สาเร็จตามเป้าหมาย แต่ชา้ กวา่ เวลาท่กี าหนด
1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั งิ านไมส่ าเรจ็ ตามเปา้ หมาย

120

ใบประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ าน หน่วยที่ 4
เร่อื ง การแกะสลกั โฟมแบบฉลุลาย

ชือ่ งาน การแกะสลกั โฟมแบบฉลลุ ายลวดลายประยุกต์ พรอ้ มตกแต่งโฟมดว้ ยสีอะครลี กิ ทอง
ช่อื ผ้รู บั การประเมิน……………………………..…ชนั้ ………….ห้อง…………………เลขท…่ี ……………..
ผูป้ ระเมิน แ ครผู สู้ อน เพอื่ นนกั เรียน ประเมนิ ตนเอง

ข้อที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน หมาย
ดี พอใช้ ปรับปรงุ เหตุ
1 ปฏิบัตงิ านตามขน้ั ตอนได้ถกู ตอ้ ง (3) (2) (1)
2 ใชเ้ ครอ่ื งมอื อุปกรณใ์ นการปฏิบัติงานถูกตอ้ ง
3 ชน้ิ งานปฏิบตั ิถกู ต้องสมบรู ณ์
4 ความประณตี สวยงามมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์
5 ชน้ิ งานเสรจ็ ตามเวลาทกี่ าหนด

รวม
รวมคะแนนทั้งสิน้

คุณภาพของการปฏบิ ตั งิ าน
อยู่ในระดบั ดี พอใช้ ต้องปรบั ปรุง

ลงชอื่ ……………………………………………

(……………………………………………….)

ผูป้ ระเมิน

แนวทางการให้คะแนน

เกณฑค์ ุณภาพ
11-15 = ดี 6-10 = พอใช้ 0-5 = ต้องปรบั ปรงุ

1. ปฏิบัตงิ านตามขน้ั ตอนไดถ้ กู ตอ้ ง
3 คะแนน หมายถึง วางแผนการปฏบิ ัตงิ านไดถ้ ูกต้องครบถ้วนตามข้ันตอน
2 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัตงิ านไดแ้ ต่ไมถ่ ูกต้องครบถว้ นตามขั้นตอน
1 คะแนน หมายถึง ปฏิบัตงิ านไมถ่ ูกตอ้ งและไม่ครบถ้วนตามขั้นตอน

2. ใชเ้ คร่อื งมอื อุปกรณใ์ นการปฏบิ ตั งิ านถกู ตอ้ ง
3 คะแนน หมายถึง จดั เตรยี มและใชเ้ ครอื่ งมอื อุปกรณ์ถกู ตอ้ งและจดั เกบ็ เรียบร้อย
2 คะแนน หมายถงึ ใชเ้ คร่อื งมืออปุ กรณใ์ นการปฏบิ ตั ิงานไดแ้ ต่ไมถ่ ูกตอ้ ง
1 คะแนน หมายถึง ใชเ้ ครอ่ื งมืออปุ กรณ์ในการปฏบิ ัติงานไม่ถูกต้อง

121

3. ชิ้นงานปฏบิ ัติถูกต้องสมบูรณ์
3 คะแนน หมายถึง ชิน้ งานปฏบิ ัติถูกต้องสมบรู ณ์
2 คะแนน หมายถงึ ช้นิ งานปฏบิ ตั ถิ กู ตอ้ งแตข่ าดความสมบูรณ์
1 คะแนน หมายถงึ ช้ินงานปฏบิ ัตไิ ม่ถกู ตอ้ งและไมส่ มบรู ณ์

4. ความประณีตสวยงามมคี วามคิดสรา้ งสรรค์
3 คะแนน หมายถึง ชิ้นงานมีความประณีตสวยงามมีความคดิ สรา้ งสรรค์
2 คะแนน หมายถงึ ช้นิ งานมีความประณีตสวยงามมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์บางสว่ น
1 คะแนน หมายถึง ชน้ิ งานขาดความประณีตและขาดความคิดสรา้ งสรรค์

5. ชน้ิ งานเสรจ็ ตามเวลาทก่ี าหนด
3 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ตั ิงานได้สาเร็จตามเป้าหมาย และตามเวลาท่กี าหนด
2 คะแนน หมายถึง ปฏิบัติงานได้สาเร็จตามเป้าหมาย แต่ชา้ กวา่ เวลาท่กี าหนด
1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั งิ านไมส่ าเรจ็ ตามเปา้ หมาย

122

แบบประเมินตนเอง

คาช้แี จง : ให้ผ้เู รยี นปฏบิ ตั ิงานตามใบงานท่ีกาหนดแล้วใหค้ ะแนนผลงานที่ปฏบิ ตั ิตามความเป็นจรงิ
โดยนาคะแนนมารวมกัน ทงั้ 2 ใบงาน หารด้วย 2 จะไดผ้ ลสรปุ ท้ังหมด

ใบงาน ดี ระดับคะแนน ตอ้ งปรับปรุง
(11-15) (0-5)
ใบงานที่ 1 พอใช้
(15 คะแนน) (6-10)
ใบงานท่ี 2
(15 คะแนน)
รวมคะแนน
คะแนนรวมทัง้ สนิ้
(เต็ม 30 คะแนน)

สรปุ ผลทง้ั 2 กิจกรรม = ……………………………………………………………………………………………………

ดี ( 11-15 คะแนน )

พอใช้ ( 6-10 คะแนน )

ตอ้ งปรบั ปรงุ ( 0-5 คะแนน )

123

แบบประเมนิ คณุ ธรรมจริยธรรม
เรือ่ ง การแกะสลกั โฟมแบบฉลุลาย

คาชแ้ี จง 1. ใช้ประเมินผลการปฏิบัตงิ านของผเู้ รยี น

2. ระดับคะแนน 5 = มากทส่ี ุด 4 = มาก

3 = ปานกลาง 2 = น้อย

1 = นอ้ ยท่สี ุด

3. เกณฑ์การประเมิน 15 – 20 = มาก

8 – 14 = ปานกลาง

1 – 7 = น้อย

กิจกรรม/ ความ หวั ข้อประเมิน / ระดบั คะแนน ความพอเพยี ง คะแนน
ใบงาน รบั ผิดชอบ พอประมาณ รวม
ความเช่อื มนั่ ความคิด ความซ่อื สตั ย์
1 2 ในตนเอง สร้างสรรค์ สุจรติ 2 10
2
222

ลงช่อื ………………………………………

(………………………………………)
ผปู้ ระเมิน

124

สาระสาคัญ

การศึกษารูปแบบของงานแกะสลักโฟมแบบนูนต่า หลักการออกแบบ การเตรียมวัสดุ
อปุ กรณ์ และเคร่ืองมือ ปฏิบตั งิ านการแกะสลักโฟมแบบนูนต่า การตกแต่งสีในรูปแบบต่าง ๆ ตาม
ข้ันตอน และวธิ กี าร รู้จักการบ่ารงุ รักษาวัสดอุ ปุ กรณ์ และเครือ่ งมืออย่างถูกต้อง

สาระการเรยี นรู้

1. ลักษณะรูปแบบของการแกะสลักโฟมแบบนนู ตา่
2. วสั ดุอุปกรณ์ และเครอื่ งมอื การแกะสลักโฟมแบบนนู ต่า
3. ขั้นตอนการแกะสลักโฟมแบบนูนตา่
4. ขน้ั ตอนการตกแตง่ สใี นงานโฟม

สมรรถนะประจาหน่วย

แสดงความรเู้ กี่ยวกับหลกั การแกะสลกั โฟมแบบนนู ต่า การเตรียมวัสดอุ ปุ กรณ์และเครอื่ งมอื
การเลอื กใชว้ สั ดุอุปกรณ์ และเคร่ืองมอื ในการแกะสลกั โฟมแบบนนู ต่า ปฏิบัติงานแกะสลักโฟมแบบ
นูนต่า รปู แบบตา่ ง ๆ ได้ และรจู้ กั การบ่ารงุ รกั ษาวสั ดอุ ุปกรณ์ และเครอื่ งมอื อยา่ งถกู ตอ้ ง

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธบิ ายลกั ษณะรปู แบบของงานแกะสลกั โฟม แบบนูนตา่ ได้
2. บอกข้นั ตอน และวิธกี ารแกะสลักโฟมแบบนูนต่าได้
3. บอกวัสดุอุปกรณ์ และเคร่ืองมอื ทีใ่ ชใ้ นการแกะสลักโฟมแบบนนู ตา่ ได้
4. เตรียมวัสดอุ ปุ กรณ์ และเคร่อื งมือในการแกะสลกั โฟมแบบนนู ตา่ ได้
5. สามารถแกะสลกั โฟมแบบนนู ต่าได้
6. ตกแต่งสโี ฟมแบบนูนตา่ ได้
7. มีความเชอ่ื มนั ในตนเองในการปฏบิ ัตงิ าน

125

ผงั มโนทศั น์
หน่วยท่ี 5 การแกะสลักโฟมแบบนนู ต่า

การแกะสลักโฟมแบบนูนตา่ 1. การแกะสลักโฟมแบบนนู ต่า

2. วสั ดุอปุ กรณ์การแกะสลกั โฟมแบบนนู ตา่
ลวดลาย
3. ขัน้ ตอนการแกะสลักโฟมแบบนูนตา่

4. ขนั้ ตอนการตกแต่งสใี นงานโฟม

126

แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยท่ี 5
การแกะสลกั โฟมแบบนนู ต่า

 คา่ ชีแ้ จง จงท่าเครอื่ งหมายกากบาท (x) เลอื กคา่ ตอบทเี่ ห็นวา่ ถูกตอ้ งทส่ี ดุ เพยี งขอ้ เดียว
1. ขอ้ ใดคอื ลกั ษณะของงานแกะสลกั โฟมแบบนนู ต่า

ก. มองไดเ้ พยี งดา้ นเดยี ว
ข. มองไดร้ อบด้าน
ค. มองได้ 2 ด้าน
ง. มองได้ 3 ดา้ น
2. ขอ้ ใดคอื ความหมายของการแกะสลักโฟมแบบนนู ต่า
ก. สูงขึน้ มาจากฐานระนาบรองรับไมเ่ กนิ 1 ใน 5 ส่วน
ข. สูงขึ้นมาจากฐานระนาบรองรับไมเ่ กิน 2 ใน 5 สว่ น
ค. สูงขน้ึ มาจากฐานระนาบรองรับไมเ่ กิน 3 ใน 5 ส่วน
ง. สงู ขน้ึ มาจากฐานระนาบรองรบั ไมเ่ กนิ 4 ใน 5 ส่วน
3. ประตมิ ากรรมนูนต่าคอื ข้อใด
ก. Cave art
ข. Bas Relief
ค. High Relief
ง. Round Relief
4. การเฉือนโฟมออกบาง ๆ คือเทคนิคการแกะสลักในข้อใด
ก. การฉลุ
ข. การแกะ
ค. การปาด
ง. การโกลน
5. ขนาดโฟมท่ีเหมาะในการนา่ มาแกะสลักแบบนนู ต่าคอื ข้อใด
ก. 1 นวิ้
ข. 3 นว้ิ
ค. 5 นว้ิ
ง. 8 นิว้
6. มีดแกะสลักทเี่ หมาะกบั การแกะสลักโฟมแบบนูนตา่ คอื ข้อใด
ก. มีดที่ประดษิ ฐจ์ ากใบเลอื่ ย
ข. มีดขนาดกลาง
ค. มีดคตั เตอร์
ง. มีดท่าครวั

127

7. การตกแต่งโฟมทเี่ นน้ ใหด้ ูเหมอื นจริงตามธรรมชาตคิ ือวธิ ีการในข้อใด
ก. การฉีดพน่
ข. การปดั ทอง
ค. การทาระบาย
ง. การเคลอื บเงา

8. สสี ่าหรบั ทารองพื้นเพอื่ อดุ รอยพรนุ ของโฟมคือขอ้ ใด
ก. สนี า่้ พลาสติก
ข. สีโปสเตอร์
ค. สีนา้่ มนั
ง. สนี า่้

9. ขอ้ ใดคือวธิ กี ารฉีดพน่ แลคเกอรส์ เปรย์บนโฟมทถ่ี กู ตอ้ ง
ก. ไกลโ้ ฟมมากทส่ี ุด
ข. ห่างจากโฟม 1 ฟุต
ค. หา่ งจากโฟม 2 ฟตุ
ง. หา่ งจากโฟม 3 ฟุต

10. สีชนิดใดนยิ มใช้สา่ หรบั ทารองพืน้ โฟม
ก. สฝี ุ่น
ข. สีน่า้
ค. สีโปสเตอร์
ง. สีน่้าอะครลี กิ

128

1. การแกะสลกั โฟมแบบนูนต่า (Bas Relief)

การแกะสลกั โฟมแบบนนู ต่า เป็นการสรา้ งงานประตมิ ากรรม ทม่ี คี วามนนู ของรูปทรงกินเน้ือ
ที่ระวางในอากาศ สงู ขนึ้ มาจากฐานระนาบรองรับไม่เกิน 1 ใน 5 ส่วนของความหนาในแนวลึกของ
รูปทรง และขนาดที่จะแกะสลักในมุมน้ัน ๆ งานแกะสลักโฟมประเภทนี้ สามารถช่ืนชมผลงาน
ที่สมบูรณ์ได้เพยี งดา้ นหน้าเพียงด้านเดียวเท่าน้ัน ผู้ออกแบบผลงาน จึงจะต้องควบคุมความสูงของ
รปู ทรงในแนวลกึ ใหไ้ ดร้ ะยะมีมติ ิทส่ี มบูรณ์ถูกต้อง ตามหลักทศั นียภาพ การผลักระยะให้รูปทรงที่ต่า
ท่ีสุดดูแล้วให้มีความรสู้ ึก กลม นูน เหมอื นประตมิ ากรรมแกะสลักโฟมแบบนนู สงู

ภาพท่ี 5.1 ตวั อย่างการแกะสลักโฟมแบบนนู ต่า
ท่มี า : กิตติพล วเิ ชยี รเชือ้ 2559

2. วัสดุอุปกรณ์ และเครอ่ื งมือการแกะสลักโฟมแบบนูนต่า

การเตรียมวัสดอุ ปุ กรณ์ และเคร่ืองมืออาจมีเพิ่มมากข้ึนจากการแกะสลักโฟมแบบฉลุลาย
เนอ่ื งจากวธิ ใี นการแกะสลัก อาจต้องใช้เทคนิควิธีการท่ีหลากหลายวิธีรวมกัน เช่น การตัด การฉลุ
การแกะ การปาด และการโกลน โดยเฉพาะมีดแกะสลักโฟม ควรมีหลายขนาด เช่น มีดขนาดเล็ก
มีดขนาดใหญ่ หรือมีดคัตเตอร์ เนือ่ งจากโฟมมีความหนาเพิ่มมากข้ึน เพื่อให้เหมาะกับเทคนิค และ
วธิ ีการฉลุ การแกะ การตัด การปาด และการโกลน การตกแตง่ โฟมในบทเรียนนี้ เปน็ วธิ ีการระบายสี
ในลักษณะงานจิตรกรรมเหมือนจริง เช่น การทา การระบาย การวาด รวมไปถึงการปัดทอง เพ่ือ
ความเข้าใจเรื่องเครอ่ื งมือ และวัสดอุ ุปกรณ์ ให้นกั เรยี นไปดูรายละเอียดการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ และ
เครื่องมือ ในบทเรยี นท่ี 2 เรื่องวสั ดอุ ปุ กรณ์ และเครือ่ งมือในการแกะสลกั โฟม

129

วสั ดอุ ุปกรณ์ และเคร่ืองมือ มดี งั น้ี
1. โฟมแผน่ ชนิดบาง 1-2 น้ิว
2. มดี ขนาดเล็กทปี่ ระดษิ ฐจ์ ากใบเลือ่ ย หรือมีดแกะสลักผลไม้
3. มีดแกะสลักขนาดกลาง
4. มีดคตั เตอร์
5. กระดาษทรายนา่้
6. ดินสอรา่ งภาพ
7. สนี ้า่ อะครลี ิก
8. สอี ะครีลกิ ทอง
9. กาวลาแทก็ ซ์
10. พู่กัน และจานสี
11. แวก็ ซ์
12. ไมบ้ รรทัด
13. ไมก้ ลัด หรือไม้เสียบ

3. ข้นั ตอนการแกะสลกั โฟมแบบนนู ต่า

ข้ันตอนการแกะสลกั โฟมแบบนนู ตา่ มีดงั นี้
3.1 การออกแบบและร่างภาพ การออกแบบลวดลายเนื้อหาหรือเรื่องราวโดยน่ารูปแบบ
และแนวคิดจากรปู ทรงธรรมชาติ รูปทรงเรขาคณิต หรอื รปู ทรงในเชิงสัญลกั ษณ์ มาจัดองค์ประกอบ
ถา่ ยทอดเร่อื งราวของภาพในลักษณะ งานประตมิ ากรรมแบบนูนต่า ในบทเรียนน้ี ผู้เขียนได้อธิบาย
ข้ันตอนในการแกะสลัก โดยน่าแนวคิดจากธรรมชาติ ภาพดอกบัว และพระอาทิตย์ ธรรมชาติที่
อุดมสมบูรณ์สวยงาม โดยเลือกใช้โฟมหนา 1 น้ิว ขนาด 60 เซนติเมตร ยาว 120 เซนติเมตรเพื่อ
นา่ ไปใชใ้ นการประดบั ตกแตง่ บ้าน อาคารสถานท่ี โรงแรม เปน็ ตน้

ภาพที่ 5.2 การออกแบบรา่ ง วางองค์ประกอบตามเน้ือหาที่กา่ หนดลงบนกระดาษ

3.2 การายแบบร่างลงบนโทฟมี่ มา : กิตติพล วเิ ชียรเชอ้ื 2559


Click to View FlipBook Version