1
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 12
เรื่อง กระแสไฟฟา้ รหัสวชิ า ว23102 เวลา 1 ช่ัวโมง
รวม 22 ชวั่ โมง
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ ไฟฟ้า ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2
มาตรฐาน ว 2.3
กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สาระที่ 2 ชื่อสาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
สสารและพลังงาน พลงั งานในชีวติ ประจำวัน ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณ์ท่เี ก่ียวข้องกับเสียง แสง และคล่ืน
แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทงั้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ตัวชวี้ ดั
ว 2.3 ม.3/3 ใช้โวลตม์ เิ ตอร์ แอมมเิ ตอร์ในการวดั ปรมิ าณทางไฟฟ้า
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
1) เมื่อต่อวงจรไฟฟ้าครบวงจรจะมีกระแสไฟฟ้าออกจากขั้วบวกผ่านวงจรไฟฟ้าไปยังขั้วลบของ
แหลง่ กำเนดิ ไฟฟา้ ซึง่ วดั ค่าได้จากแอมมิเตอร์
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรียนอธบิ ายวธิ ีการวัดค่ากระแสไฟฟา้ โดยใช้แอมมเิ ตอร์ได้
1) ดา้ นความรู้ (K) นกั เรียนใชท้ กั ษะการวัด โดยใชแ้ อมมิเตอร์วัดค่ากระแสไฟฟ้า
2) ด้านทักษะ (P) พร้อมระบุหนว่ ยของการวัดได้
นกั เรยี นตระหนกั ถึงความสำคญั ของการใช้อุปกรณ์การทำกิจกรรมได้
3) ดา้ นเจตคติ (A)
4. คุณลกั ษณะผ้เู รียน ซอ่ื สตั ย์สุจริต มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
4.1 คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ มีจติ สาธารณะ
รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ อย่อู ย่างพอเพียง
มีวินยั รกั ความเปน็ ไทย
5. ด้านสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
ความสามารถในการคิด: นกั เรียนสามารถคดิ โดยการวิเคราะห์และแปลความหมายข้อมลู ค่า
กระแสไฟฟ้าที่ไดจ้ ากเคร่ืองมือวัด
ความสามารถในการส่อื สาร: นกั เรียนสามารถสอ่ื สาร โดยนำเสนอข้อมลู ที่ไดจ้ ากการวัด
ค่ากระแสไฟฟ้า ลงในตารางบันทกึ ผล
6. สาระการเรยี นรู้
วงจรไฟฟา้ อยา่ งประกอบดว้ ยแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า สายไฟฟา้ และอุปกรณ์ไฟฟา้ เมอ่ื ตอ้ งการให้อุปกรณ์
ไฟฟ้าทำงาน ต้องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าเข้ากับแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งมีความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างขั้วบวกและขั้วลบ
จากนั้นเมื่อกดสวิตช์จะมีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าข้ึน โดยกระแสไฟฟ้าจะเคลื่อนที่จากขั้วบวก
ซึ่งมีศักย์ไฟฟ้าสูงกว่าผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้า แล้วกลับเข้ามายังขั้วลบซึ่งมีศักย์ไฟฟ้าต่ำกว่าจนครบวงจร ขณะที่
กระแสไฟฟ้าเคลื่อนท่ีพลังงานจากแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้าจะส่งผ่านสายไฟฟ้าไปยังอปุ กรณ์ไฟฟ้า ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้า
ทำงานได้ โดยเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานอื่น เช่น พลังงานแสง ดังภาพ นอกจากนั้นพลังงานไฟฟ้ายัง
เปล่ียนเป็นพลังงานเสียง พลังงานความรอ้ น พลงั งานกลได้อีกด้วย
2
ภาพแสดง การทำงานของวงจรไฟฟ้าในไฟฉาย
อ้างอิงจาก: หนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 เลม่ 2 ตามหลกั สูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หนา้ 65
กระแสไฟฟ้า (electric current) คือ ปริมาณประจุไฟฟ้าที่เคลื่อนที่ผ่านพื้นที่หน้าตัดของตัวนำ
ไฟฟ้าในหนึ่งหน่วยเวลา โดยเคลื่อนที่จากจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าสูงไปยังจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ำ กระแสไฟฟ้าแทนด้วย
สัญลักษณ์ I มหี นว่ ยเป็นแอมแปร์ (ampere : A)
การวัดค่ากระแสไฟฟ้าในวงจรจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า แอมมิเตอร์
(ammeter) การนำแอมมิเตอร์ไปใช้ทำได้ โดยต่อแอมมิเตอร์แทรกเข้าไปใน
วงจรแบบเรียงกันไป ณ จุดที่ต้องการวัดค่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งต้องต่อขั้วบวกและ
ขั้วลบของแอมมิเตอรให้ถูกต้อง โดยต่อข้ัวบวกของแอมมิเตอร์เข้าทางขั้วบวก
ของถ่านไฟฉาย ซ่งึ เป็นจดุ ท่มี ีศักย์ไฟฟา้ สูง และตอ่ ข้ัวลบของแอมมเิ ตอร์เข้าทาง
ขั้วลบของถ่านไฟฉาย ซึ่งเป็นจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ำ ขั้วบวกของแอมมิเตอร์มี
หลายขั้ว ซึ่งแต่ละขั้วจะรองรับกระแสไพฟสูงสุดที่ต่างกัน เช่น 2 100 500
มิลลิแอมแปร์ และ 5 แอมแปร์ ต้องเลือกขั้วบวกให้เหมาะสม เพื่อให้อ่านค่าได้
ถกู ตอ้ งแมน่ ยำ และไมเ่ กิดความเสียหายแกแ่ อมมเิ ตอร์ ภาพแสดง แอมมเิ ตอร์
ถ้าต้องการทราบค่าของกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า สามารถวัดค่ากระแสไฟฟ้าได้โดยต่อแอมมิเตอร์
แทรกเข้าไปในวงจร ณ ตำแหน่งที่ต้องการวัด การต่อแอมมิเตอร์ต้องพิจารณาขั้วให้ถูกต้อง โดยต่อขั้วบวกของ
แอมมิเตอร์เข้าทางขั้วบวกของถ่านไฟฉาย ซึ่งเป็นจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าสูง และต่อขั้วลบของแอมมิเตอร์เข้าทาง
ขว้ั ลบของถา่ นไฟฉายซง่ึ เปน็ จดุ ทม่ี ศี ักย์ไฟฟา้ ตำ่
ถ้าต่อสลับขั้วกันเข็มของแอมมิเตอร์จะเบนไปในทิศทางตรงกันข้าม
ซึ่งอาจทำให้แอมมิเตอร์เสียหายได้ นอกจากนี้ในการเริ่มต้นวัดแต่ละครั้ง
ต้องเลือกใช้ขั้วบวกที่รองรับกระแสไฟฟ้าสูงที่สุดก่อน เนื่องจากเราไม่ทราบว่า
ค่ากระแสไฟฟ้าในวงจรมีค่าเป็นเท่าใด ถ้าเริ่มต้นวัดโดยใช้ขั้วบวกที่รองรับ
กระแสไฟฟ้าสูงสุดที่มีขนาดน้อยกว่าค่ากระแสไฟฟ้าในวงจร อาจทำให้
แอมมิเตอร์เสียหายได้ แต่ถ้าวัดแล้วพบว่าเข็มไม่เบนหรือเบนเพียงเล็กน้อย
ให้เปลี่ยนขั้วบวกให้มีค่าน้อยลงทีละระดับจนสามารถอ่านค่าได้ ละเอียดขึ้น ภาพแสดง การต่อแอมมเิ ตอร์
ค่ากระแสไฟฟา้ ที่วัดไดม้ หี น่วยเป็นแอมแปร์ เพ่อื วัดค่ากระแสไฟฟา้
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ใชร้ ูปแบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (1 ชว่ั โมง; 60นาท)ี
ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) (10 นาที)
3
1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน เพื่อนำเข้าสู่หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง ไฟฟ้า โดยให้
นกั เรยี นดภู าพนำหนว่ ย (หนังสอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นม.3 เล่ม 2 สสวท.หนา้ 60)
จากนัน้ อภปิ รายรว่ มกัน โดยใช้ประเด็นคำถามดงั นี้
- จากภาพ นกั เรยี นสงั เกตเหน็ อะไร (นกั เรียนตอบตามความคดิ ของตนเอง เช่น สงั เกตเห็นช่าง
ไฟฟ้ากำลังซอ่ มแซมอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์หรอื อปุ กรณไ์ ฟฟ้า)
- นักเรียนคิดว่าภายในสมาร์ตโฟนประกอบด้วยอะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามความคิดของ
ตนเอง เชน่ หนา้ จอ กลอ้ งถ่ายรปู ลำโพง วงจรไฟฟา้ )
2) เชื่อมโยงเข้าสู่บทที่ 1 วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย โดยให้นักเรียนสังเกตภาพนำบท (หนังสือเรียน
รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นม.3 เล่ม 2 สสวท. หน้า 62) พร้อมทั้งให้นักเรียนอ่านเนื้อหา
นำบท และรว่ มอภิปรายเกย่ี วกบั การพัฒนาความรู้ความเขา้ ใจเรื่องไฟฟ้า โดยใชค้ ำถามตอ่ ไปนี้
- การคน้ พบความรเู้ รอ่ื งไฟฟา้ มมี าตั้งแต่เมื่อใด (ตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ)
- นักวิทยาศาสตร์แต่ละคนได้ค้นพบความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้านักเรียนรู้หรือไม่ว่านักวิทยาศาสตร์
เหล่านั้นได้แก่ใครบ้าง และสิ่งที่ค้นพบคืออะไร (ทาลีสค้นพบผลของไฟฟ้าสถิต เบนจามิน แฟรงคลิน พิสูจน์ว่า
ประจุไฟฟ้ามีอยู่จริง ไมเคิล ฟาราเดย์ อธิบายการเหนี่ยวนำไฟฟ้าด้วยสนามแม่เหล็กทำให้เกิดการสร้างไดนาโม
ทอมสั แอลวา เอดิสัน คิดคน้ หลอดไฟฟา้ ไดส้ ำเร็จ)
3) ใหน้ ักเรยี นสังเกตภาพนำเรื่อง ครกู ระตนุ้ ความสนใจโดยใช้คำถามดังนี้
- นักเรียนเคยเห็นปรากฏการณ์ในภาพนี้หรือไม่ ปรากฏการณ์นี้คืออะไร (นักเรียนตอบตาม
ความเข้าใจของตนเอง เชน่ ปรากฏการณฟ์ า้ แลบ ฟา้ ผ่า)
- นกั เรยี นคิดว่าปรากฏการณ์นเี้ กิดขึ้นได้อยา่ งไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น
เกิดจากการปลอ่ ยพลังงานไฟฟา้ ท่สี ะสมในเมฆ)
4) ให้นักเรียนทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียน (หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ช้ันม.3 เลม่ 2 สสวท. หน้า 64) จำนวน 5 ข้อ (เฉลยแนบท้ายแผนการจดั การเรยี นรู้)
5) ครูตรวจสอบการทำกิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียน ถ้าไม่ถูกต้องให้แก้ไขความเข้าใจ
คลาดเคลื่อนของนักเรียน ความรู้พื้นฐานเรื่องส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าที่ถูกต้องและเพียงพอที่จะเรียนเรื่อง
ปรมิ าณทางไฟฟ้าต่อไป
ข้ันท่ี 2 ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (20 นาที)
6) ให้นักเรียนอ่านเน้ือหาเก่ยี วกับวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย นิยามของกระแสไฟฟ้าและการวดั
กระแสไฟฟ้าในหนงั สือเรยี นหนา้ 65-66 ครูใช้คำถามเพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน ดังน้ี
- สว่ นประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายมีอะไรบา้ ง (แหลง่ กำเนิดไฟฟ้า สายไฟฟ้า และอุปกรณ์
ไฟฟา้ )
- กระแสไฟฟ้าเกดิ ขน้ึ ได้อย่างไร (กระแสไฟฟ้าเกดิ จากการเคลอ่ื นที่ของประจไุ ฟฟ้าผ่าน
พนื้ ทีห่ นา้ ตดั ของตัวนำไฟฟา้ จากจดุ ทีม่ ีศกั ย์ไฟฟา้ สูงไปยังจุดทมี่ ศี ักยไ์ ฟฟ้าต่ำ)
- กระแสไฟฟ้าคืออะไร (กระแสไฟฟ้าคือปรมิ าณประจุไฟฟ้าทเี่ คลื่อนทใี่ นตัวนำไฟฟ้าใน
หนึ่งหน่วยเวลา)
- อปุ กรณ์ที่ใช้วดั กระแสไฟฟ้าคืออะไร ใช้งานอย่างไร (อุปกรณท์ ใ่ี ชว้ ัดกระแสไฟฟ้าคอื
แอมมิเตอร์ ใชง้ านโดยการต่อสายไฟฟา้ เขา้ กบั ขวั้ ของแอมมิเตอร์ แล้วนำแอมมิเตอร์ไปต่อแทรกในวงจร ณ
จดุ ทต่ี ้องการวัด ให้ข้วั บวกของแอมมเิ ตอร์ต่อเข้าทางข้ัวบวกของถ่านไฟฉาย และขัว้ ลบของแอมมิเตอร์ต่อ
เขา้ ทางขวั้ ลบของถา่ นไฟฉาย)
4
7) ครเู ชอื่ มโยงเข้าสู่กิจกรรมท่ี 6.1 ใชแ้ อมมเิ ตอรว์ ัดกระแสไฟฟ้าได้อยา่ งไร โดยใชค้ ำถามว่า ใน
การใช้แอมมิเตอร์วัดค่ากระแสไฟฟ้าควรเลือกขั้วบวกให้เหมาะส มเพื่อให้อ่านค่าได้ถูกต้องแม่นยำและไม่เกิด
ความเสียหายแกแ่ อมมเิ ตอร์ไดอ้ ย่างไร (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
8) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 67 และครูตรวจสอบความ
เข้าใจการอ่าน โดยใช้คำถามดังต่อไปนี้
- กจิ กรรมนี้เกีย่ วกบั เรอื่ งอะไร (การใช้แอมมเิ ตอร์วดั กระแสไฟฟ้า)
- กิจกรรมนีม้ ีจดุ ประสงค์อะไร (วดั คา่ กระแสไฟฟ้าด้วยแอมมเิ ตอร์พรอ้ มระบุหนว่ ย)
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ต่อวงจรไฟฟ้า นำแอมมิเตอร์ต่อแทรกเข้าไปใน
วงจรไฟฟา้ แลว้ วัดคา่ กระแสไฟฟ้า)
- ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมอี ะไรบ้าง (ไม่นำแอมมิเตอร์ต่อกับถ่านไฟฉายโดยตรง เพราะ
จะทำให้แอมมเิ ตอร์เสยี หายได้)
- นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (นักเรียนต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงของ
หลอดไฟฟา้ ค่าของกระแสไฟฟา้ และสงั เกตขว้ั บวกของแอมมิเตอร์ทน่ี ักเรียนเลือกซ่งึ ทำให้อ่านค่าไดช้ ดั เจน)
9) ครูควรตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับการใช้แอมมิเตอร์ การเลือกขั้วบวกที่
รองรบั กระแสไฟฟ้าสงู สดุ และการอ่านค่าบนหน้าปัดก่อนปฏบิ ตั ิจริง
10) ขณะทนี่ ักเรียนแต่ละกลุ่มทำกจิ กรรม ครูเดนิ สังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่ม
และให้คำแนะนำ หากนักเรียนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการต่อวงจรไฟฟ้า การเปลี่ยนขั้วบวกของแอมมิเตอร์ และ
การอ่านค่ากระแสไฟฟ้าบนหน้าปัดของแอมมิเตอร์ ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหา และข้อสงสัยที่พบจากการทำ
กจิ กรรมของนกั เรยี นเพ่อื ใช้เปน็ ขอ้ มลู ประกอบการอภปิ รายหลงั จากการทำกจิ กรรม
ข้นั ที่ 3 ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (10 นาที)
11) นกั เรยี นบันทกึ การทำกิจกรรมลงในแบบบันทึกการคน้ คว้ากิจกรรมที่ 6.1 ใชแ้ อมมเิ ตอร์วัด
กระแสไฟฟ้าไดอ้ ย่างไร โดยสรุปผลของกจิ กรรมและตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรม เพ่อื ให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมวา่
แอมมิเตอร์เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดกระแสไฟฟ้าในวงจร โดยการต่อแทรกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวงจร ณ จุดที่
ต้องการวัดค่ากระแสไฟฟ้า โดยให้ต่อขั้วบวกของแอมมิเตอร์เข้าทางขั้วบวกของแหล่งกำเนิดไฟฟ้าซึ่งเป็นจุดที่มี
ศักย์ไฟฟ้าสูงและต่อขั้วลบของแอมมิเตอร์เข้าทางขั้วลบของแห ล่งกำเนิดไฟฟ้าซึ่งเป็นจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ำ
ค่ากระแสไฟฟ้าที่วัดได้มีหน่วยเป็นแอมแปร์ การเปลี่ยนขั้วบวกที่รองรับกระแสไฟฟ้าสูงสุดของแอมมิเตอร์ต้อง
เริม่ จากคา่ ทส่ี งู ท่สี ุดกอ่ นแลว้ จึงลดลงมาทคี่ ่าต่ำกวา่ จนอา่ นคา่ กระแสไฟฟา้ ได้ละเอียดขน้ึ
ขน้ั ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที)
12) นกั เรยี นเรียนร้เู พิ่มเติมในหนงั สือเรียนหน้า 68-70 จากน้นั รว่ มกันอภปิ รายเก่ียวกับการวัด
คา่ กระแสไฟฟา้ ดว้ ยแอมมเิ ตอร์ โดยใช้ประเดน็ คำถามเพมิ่ เตมิ ดังนี้
- เพราะเหตุใดการใช้แอมมิเตอร์วัดค่ากระแสไฟฟ้าจึงต้องเริ่มจากใช้ขั้วบวกที่รองรับ
กระแสไฟฟ้าที่มีค่าสูงสุดก่อนเสมอ (แนวคำตอบ เพราะเราไม่ทราบค่าของกระแสไฟฟ้าในวงจร ถ้าเริ่มต้นจาก
ขวั้ บวกทรี่ องรับกระแสไฟฟา้ สูงสดุ ที่มีค่าตำ่ กวา่ กระแสไฟฟา้ จรงิ ในวงจร จะทำให้แอมมิเตอร์เสียหายได้)
- ความต่างศักย์ไฟฟ้าคืออะไร (คือความแตกต่างของพลังงานไฟฟ้าระหว่างจดุ สองจุดต่อหน่วย
ประจ)ุ
5
- อุปกรณ์ที่ใช้วัดความต่างศักย์ไฟฟ้าคืออะไร ใช้งานอย่างไร (อุปกรณ์ที่ใช้วัดความต่าง
ศักย์ไฟฟ้าคือโวลต์มิเตอร์ ใช้งานโดยการต่อสายไฟฟ้าเข้ากับขั้วของโวลต์มิเตอร์ แล้วนำโวลต์มิเตอรไ์ ปต่อคร่อม
ระหว่างจุดสองจุดที่ต้องการวดั ให้ขั้วบวกของโวลตม์ ิเตอร์ต่อเข้าทางขั้วบวกของถา่ นไฟฉาย และขั้วลบของโวลต์
มิเตอร์ตอ่ เขา้ ทางขวั้ ลบของถา่ นไฟฉาย)
ข้นั ที่ 5 ข้นั ประเมิน (Evaluation) (10 นาที)
13) ครูและนักเรยี นอภิปรายผลการทำกิจกรรม ใช้แอมมเิ ตอร์วัดกระแสไฟฟ้าได้อยา่ งไร
จะได้ข้อสรุปว่า เมื่อต่อวงจรไฟฟ้าครบวงจรจะมีกระแสไฟฟ้าออกจากขั้วบวกผ่านวงจรไฟฟ้าไปยังขั้วลบของ
แหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า ซึ่งวดั คา่ ไดจ้ ากแอมมิเตอร์
14) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมนิ (Rubrics Score)
8. ส่ือการเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 อุปกรณ์ทำกจิ กรรม: 1) ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 2) กระบะถา่ นแบบ 4 ก้อน 3) สายไฟฟ้า
4) หลอดไฟฟ้าขนาด 6 V พร้อมฐาน 5) สวิตชแ์ บบโยก 6) แอมมเิ ตอร์
8.2 ใบกิจกรรม: ใบกิจกรรมท่ี 6.1 ใชแ้ อมมเิ ตอร์วัดกระแสไฟฟา้ ได้อยา่ งไร
8.3 แบบบนั ทกึ กจิ กรรม: แบบบันทกึ การคน้ ควา้ กิจกรรมท่ี 6.1 ใช้แอมมเิ ตอรว์ ดั กระแสไฟฟ้าได้อยา่ งไร
8.4 แหล่งเรยี นร:ู้ หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3
เล่ม 2 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551
(ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร
9. การวดั และการประเมนิ
ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ วิธกี ารวัด เครือ่ งมือวัด เกณฑ์ที่ใชใ้ นการประเมิน
- ตรวจการตอบคำถาม
1. อธิบายวธิ กี ารวดั คา่ - คำถามท้ายกจิ กรรมท่ี 6.1 - ได้ไมน่ ้อยกว่า 2 คะแนน
กระแสไฟฟ้า โดยใช้ ท้ายกิจกรรมท่ี 6.1 ใชแ้ อมมิเตอรว์ ดั ระดบั คุณภาพดี ถือว่า
แอมมเิ ตอร์ได้ กระแสไฟฟ้าได้อย่างไร ผา่ นการประเมิน
(ดา้ นความรู้: K) - ตรวจการทำแบบ จำนวน 3 ข้อ ดา้ นความรู้
บนั ทกึ การคน้ ควา้
2. การใช้ทักษะการวัด กิจกรรมที่ 6.1 - แบบบันทึกการค้นคว้า - ได้ไม่น้อยกวา่ 2 คะแนน
โดยใช้แอมมเิ ตอรว์ ัดคา่ กิจกรรมที่ 6.1 ระดับคุณภาพดี ถือวา่
กระแสไฟฟา้ พรอ้ มระบุ ใช้แอมมิเตอรว์ ดั ผา่ นการประเมิน
หน่วยของการวัดได้ กระแสไฟฟ้าได้อยา่ งไร ด้านกระบวนการ
(ดา้ นกระบวนการ: P)
- สังเกตการใช้งาน - เกณฑ์การประเมนิ การใช้ - ไดไ้ ม่น้อยกว่า 2 คะแนน
3. ตระหนักถึงความสำคัญ อุปกรณ์ในกิจกรรม งานอุปกรณ์ในกิจกรรม ระดับคุณภาพดี ถือว่า
ของการใช้อปุ กรณ์ ของนักเรียน ของนักเรียน ผา่ นการประเมิน
การทำกิจกรรมได้ ด้านเจตคติ
(ดา้ นเจตคต:ิ A)
6
9.1 เกณฑก์ ารประเมินผลนักเรยี น เกณฑ์การประเมนิ (Rubrics Score)
ประเดน็ การประเมิน ค่าน้ำหนัก แนวทางการให้คะแนน
คะแนน
การให้คะแนนตอบ 3 ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมที่ 6.1 ถูกต้อง จำนวน 3 ขอ้
คำถามท้าย 2 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ 6.1 ถูกต้อง จำนวน 2 ข้อ
กจิ กรรมท่ี 6.1 1 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ 6.1 ถกู ต้อง จำนวน 1 ข้อ หรือ ไมถ่ ูกต้อง
ประเดน็ การประเมิน ค่านำ้ หนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
การใหค้ ะแนนการบนั ทกึ คะแนน
แบบบันทกึ การคน้ คว้า บันทึกผลการทำกจิ กรรมการวัด จากการใชแ้ อมมเิ ตอรว์ ดั
3 คา่ ความกระแสไฟฟ้า พร้อมระบุหนว่ ยของการวดั ได้อย่างถูกต้อง
กจิ กรรมท่ี 6.1 2 ครบทุกประเดน็ สอดคล้องกับเน้อื หาในกจิ กรรม
1 บันทกึ ผลการทำกจิ กรรมการวดั จากการใช้แอมมิเตอรว์ ัด
การให้คะแนน 3 ค่าความกระแสไฟฟ้า พร้อมระบหุ นว่ ยของการวดั ไดถ้ ูกตอ้ ง
การใชง้ านอุปกรณ์ แตม่ ขี ้อผดิ พลาดบางส่วน ทีไ่ ม่สอดคล้องกบั เน้อื หาในกิจกรรม
2 บันทึกผลการทำกจิ กรรมการวดั จากการใช้แอมมิเตอรว์ ัด
ในกิจกรรม คา่ ความกระแสไฟฟ้า พร้อมระบุหนว่ ยของการวดั ได้ไม่ถกู ต้อง
1 มีข้อผดิ พลาด ที่ไม่สอดคลอ้ งกับเน้อื หาในกจิ กรรม
ใช้งานอปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ถกู วิธี หยิบ เคลื่อนยา้ ย
อปุ กรณ์อย่างระมัดระวัง ไม่หยอกลอ้ หรือแกลง้ เพ่ือนขณะกำลังใช้
งานอุปกรณ์ และหลังการใชง้ านอปุ กรณ์มกี ารเกบ็ รักษาอย่างถกู วิธี
ใช้งานอุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมได้ถกู วธิ ี หยบิ เคลอ่ื นย้าย
อปุ กรณ์อย่างระมดั ระวงั ไมห่ ยอกล้อหรือแกล้งเพ่ือนขณะกำลังใช้
งานอปุ กรณ์ แต่หลังการใช้งานอุปกรณ์ไม่มกี ารเก็บรกั ษาอย่างถูกวธิ ี
หรือไมเ่ ก็บอปุ กรณ์เข้าต้เู ก็บอุปกรณ์ตามประเภทของอุปกรณ์
ใช้งานอุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมได้ แต่ขณะหยิบ เคล่ือนย้าย
อปุ กรณห์ รือกำลงั ใชง้ านอุปกรณ์ จะหยอกลอ้ หรือแกลง้ เพ่ือน
อาจทำให้อปุ กรณ์เสียหายได้ และหลังการใช้งานอุปกรณ์ไม่มี
การเก็บรักษาอย่างถูกวิธี
9.2 ระดับคณุ ภาพ หมายถงึ ดีมาก
หมายถึง ดี
คะแนนรวมเฉลย่ี 3.00 หมายถงึ พอใช้
คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99
คะแนนรวมเฉลีย่ 0.01 - 1.99
ดังนัน้ นกั เรยี นตอ้ งได้คะแนนเฉลย่ี ทกุ ประเดน็ การประเมิน ไมต่ ำ่ กวา่ 2.00 แสดงระดับ
คณุ ภาพ ดี ถือวา่ ผ่านเกณฑ์การประเมินในแผนการจดั การเรียนที่ 12
7
บันทึกหลังการสอน
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 ไฟฟา้ .... ...... ... ...
แผนการสอนเรือ่ ง 12 กระแสไฟฟา้
วันท.่ี ..............................เดอื น...............................................................พ.ศ.................
1. สรปุ ผลการเรียนการสอน
1. นักเรียนจำนวน....................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้...........คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.............
ไมผ่ ่านจดุ ประสงค.์ ......................คน คิดเป็นร้อยละ.............
ไดแ้ ก.่ .................................................................................................
2. สรปุ ผลตามรายจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.1 นกั เรียนมีความรคู้ วามเข้าใจ ( K)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.2 นกั เรยี นมีความรู้เกดิ กระบวนการ (P)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.3 นกั เรยี นมเี จตคติ (A)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะหลงั การจดั การเรยี นการสอน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ.............................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระ
() ()
ตำแหน่ง................................................... ลงชื่อ.............................................ผูช้ ว่ ย/รองฯวิชาการ
…………./……………./………… ()
ลงชือ่ ............................................ผ้อู ำนวยการ
()
8
แบบบนั ทึกการประเมินคุณภาพการเรยี นรขู้ องนักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3
รายวชิ าวิทยาศาสตร์พ้นื ฐาน (ว23102) หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 ไฟฟ้าI
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 12 เรอื่ ง กระแสไฟฟา้ .
คำชแ้ี จง: ทำเครอื่ งหมาย ✓ ในช่องคา่ น้ำคะแนนแต่ละด้านตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ โดยประเมนิ ตามเกณฑ์
(Rubrics Score)
เลข ชอื่ -นามสกุล/ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นกระบวนการ (P) ด้านเจตคติ (A) คะแนนรวม
ที่ รหสั นักเรยี น คา่ น้ำหนกั คะแนน คา่ น้ำหนกั คะแนน ค่านำ้ หนกั คะแนน
ระดับ
3 2 1 3 2 1 32 1 คุณภาพ
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
9
เลข ชือ่ -นามสกุล/ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นกระบวนการ (P) ดา้ นเจตคติ (A) คะแนนรวม
ท่ี รหสั นักเรียน ค่าน้ำหนกั คะแนน ค่านำ้ หนกั คะแนน คา่ นำ้ หนักคะแนน
ระดับ
321 32 1 32 1 คุณภาพ
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
เกณฑก์ ารพจิ ารณาคุณภาพ หมายถึง ดมี าก
คะแนนรวมเฉลย่ี 3.00 หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉลีย่ 2.00 - 2.99 หมายถึง พอใช้
คะแนนรวมเฉลย่ี 0.01 - 1.99
ต้องได้คะแนนเฉลยี่ ทกุ ประเดน็ การประเมิน ไม่ต่ำกว่า 2.00 แสดงระดับคณุ ภาพ ดี ขึ้นไปเท่านั้น
ถึงจะผา่ นการเรียนรตู้ ามตวั ชี้วัด
ผลการประเมนิ การเรยี นรู้ของนกั เรียน
ผูเ้ รียนที่ ผ่าน ตัวชว้ี ดั
มจี ำนวน…………………………คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………………………………………………..
ผูเ้ รยี นที่ ไม่ผา่ น ตัวชวี้ ดั
มีจำนวน…………………………คน คิดเป็นร้อยละ………………………………………………..
1)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
2)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
3)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
10
สอ่ื การเรียนรู้แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 12: ใบกิจกรรมท่ี 6.1
ใบกจิ กรรมที่ 6.1 ใชแ้ อมมเิ ตอร์วดั กระแสไฟฟา้ ไดอ้ ย่างไร
หนงั สือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 เล่ม 2 ตามหลกั สูตรแกนกลาง
การศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร หน้า 67
กจิ กรรมท่ี 6.1 ใช้แอมมิเตอรว์ ดั กระแสไฟฟ้าได้อยา่ งไร?
จุดประสงค์
วสั ดอุ ุปกรณ์ วัดคา่ กระแสไฟฟ้าดว้ ยแอมมิเตอรพ์ ร้อมระบหุ น่วย
วธิ ีดำเนินกิจกรรม วสั ดทุ ่ใี ชต้ ่อกลมุ่
1. ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 2 ก้อน
2. กระบะถา่ นแบบ 4 กอ้ น 1 อัน
3. สายไฟฟ้า 4 เสน้
4. หลอดไฟฟ้าขนาด 6 V พร้อมฐาน 1 ชุด
5. สวิตชแ์ บบโยก 1 อัน
6. แอมมเิ ตอร์ 1 เคร่อื ง
1. ต่อวงจรไฟฟ้าที่ประกอบด้วยถ่านไฟฉาย 2 ก้อน
สวิตช์ สายไฟฟ้าและหลอดไฟฟ้า ดังภาพ กดสวิตช์
ลงให้วงจรปิด เพื่อทดสอบว่ามีกระแสไฟฟ้าในวงจร
หรือไม่ โดยสังเกตจากการเปลี่ยนแปลงของหลอด
ไฟฟา้ จากนนั้ ยกสวติ ชข์ ้ึนใหว้ งจรเปดิ ภาพการจดั อุปกรณ์ในกจิ กรรม
2. ต่อแอมมิเตอร์แทรกเข้าในวงจรไฟฟ้าโดยให้
สายไฟฟ้าที่ต่อกับขั้วลบของถ่านไฟฉายต่อเข้ากับ
ขั้วลบของแอมมิเตอร์ อีกเส้นหนึ่งต่อขั้วบวกของ
แอมมิเตอร์ที่รองรับกระแสไฟฟ้าสูงสุดเข้ากับ
อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ท่ตี ่อจากขวั้ บวกของถ่านไฟฉาย
ดังภาพ ภาพการจดั อปุ กรณใ์ นกจิ กรรม
3. กดสวิตช์ลงเพื่อใหว้ งจรปดิ อ่านคา่ ของกระแสไฟฟา้ บนแอมมเิ ตอร์ บันทึกผลแลว้
ยกสวิตซ์ข้ึน
4. เปล่ียนขั้วบวกของแอมมิเตอร์ โดยเปล่ยี นข้ัวบวกทร่ี องรับกระแสไฟฟ้าสูงสุดลดลง
มาท่ีคา่ ต่ำกวา่ จนอ่านค่าของกระแสไฟฟา้ บนแอมมเิ ตอร์ได้ละเอียดขนึ้ บันทึกผลแล้ว
ยกสวติ ช์ขนึ้ นำเสนอวธิ ีการและผลการวดั กระแสไฟฟา้
11
กิจกรรมที่ 6.1 ใช้แอมมิเตอรว์ ัดกระแสไฟฟ้าไดอ้ ย่างไร?
การเตรียมตัว • ครูควรตรวจสอบคณุ ภาพของอปุ กรณ์ไฟฟ้าให้อย่ใู นสภาพพร้อมใช้งาน
ลว่ งหนา้ สำหรับครู • ครูควรฝึกการใชแ้ ละการอา่ นคา่ จากแอมมิเตอรจ์ นเกิดความชำนาญ
ขอ้ ควรระวงั • ไม่นำแอมมเิ ตอรต์ ่อกบั ถา่ นไฟฉายโดยตรง เนื่องจากแอมมิเตอรเ์ ปน็ อปุ กรณท์ มี่ ี
ความตา้ นทานน้อย การต่อแอมมิเตอรก์ ับถ่านไฟฉายจะทำใหก้ ระแสไฟฟ้า
ปรมิ าณมาก เคลื่อนท่ีผา่ นแอมมิเตอร์ ซ่ึงอาจทำใหแ้ อมมิเตอรเ์ สยี หายได้
• การตอ่ ขั้วของแอมมิเตอร์ให้ต่อขัว้ บวกของแอมมิเตอร์เข้าทางขัว้ บวกของถ่านไฟฉาย
ซง่ึ เป็นจุดที่มีศกั ย์ไฟฟา้ สูง และต่อข้ัวลบของแอมมิเตอร์เขา้ ทางขว้ั ลบของถ่านไฟฉาย
ซง่ึ เปน็ จดุ ท่มี ีศกั ย์ไฟฟ้าตำ่ กว่า
• ก่อนกดสวิตช์ควรต่ออุปกรณไ์ ฟฟ้าให้ครบวงจร
• การตอ่ ข้วั บวกทร่ี องรับกระแสไฟฟ้าสูงสุดให้เรมิ่ ทข่ี ้ัวบวกที่มีค่าสงู สุดกอ่ น ดงั ภาพ
จากภาพเรมิ่ ต้นท่ขี ้ัวบวกท่ีมคี ่า 5A
ขอ้ เสนอแนะใน ภาพข้วั บวกและข้ัวลบของแอมมเิ ตอร์
การทำกจิ กรรม • ครูควรตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนในการตอ่ แอมมิเตอร์ การเลือกขั้วบวกที่
รองรบั กระแสไฟฟา้ สงู สุด การอา่ นค่าบนหนา้ ปัด ก่อนปฏบิ ตั จิ รงิ
• หากไม่มีแอมมเิ ตอรส์ ามารถใชม้ ลั ติมเิ ตอร์แทนได้ โดยปรบั สเกลไปในย่านวัด
กระแสไฟฟา้
คำถามทา้ ยกิจกรรม
1. ถา้ ตอ้ งการวดั คา่ กระแสไฟฟา้ จะตอ้ งต่อแอมมเิ ตอรเ์ ข้าไปในวงจรไฟฟา้ อย่างไร
2. เพราะเหตุใดจงึ ตอ้ งเปล่ียนขวั้ บวกทรี่ องรับกระแสไฟฟ้าสูงสุดของแอมมิเตอรจ์ ากค่ากระแสไฟฟา้ สูงสดุ
ลดลงมายังค่าทต่ี ำ่ กวา่
3. จากกจิ กรรม สรุปได้ว่าอยา่ งไร
สือ่ การเรียนรู้แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 12: 12
แบบบันทึกการค้นควา้ กจิ กรรมท่ี 6.1
แบบบันทกึ การค้นควา้ กจิ กรรมท่ี 6.1 ใชแ้ อมมิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้าได้อยา่ งไร
ช่อื -นามสกุล..........................................................................................ช้นั .................เลขท.ี่ ..........กล่มุ ท.่ี ...........
ตารางบันทึกผลการทำกิจกรรม
ตารางแสดง ค่ากระแสไฟฟ้าท่ีวดั ได้จากแอมมิเตอร์เมื่อต่อกับขั้วบวกท่ีรองรับกระแสไฟฟ้าสงู สดุ ต่างกัน
ขวั้ บวกทีร่ องรับกระแสไฟฟ้าสงู สดุ กระแสไฟฟ้า
5 A ………………..……………………………………………………………
500 mA ………………..……………………………………………………………
หมายเหตุ : ขวั้ บวกทีเ่ ลอื กข้นึ อย่กู ับแอมมิเตอร์ทีใ่ ช้ อาจแตกตา่ งกนั ไปตามรปู แบบของแอมมิเตอรแ์ ต่ละรุ่น
คำถามท้ายกิจกรรม
1. ถ้าต้องการวัดคา่ กระแสไฟฟา้ จะต้องต่อแอมมิเตอร์เขา้ ไปในวงจรไฟฟา้ อยา่ งไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เพราะเหตุใดจงึ ตอ้ งเปล่ยี นข้ัวบวกท่ีรองรับกระแสไฟฟา้ สงู สุดของแอมมเิ ตอรจ์ ากค่ากระแสไฟฟา้ สงู สดุ
ลดลงมายงั คา่ ทต่ี ำ่ กวา่
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. จากกิจกรรม สรปุ ไดว้ ่าอยา่ งไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แนบท้ายแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 12: 13
การให้คะแนนด้านกระบวนการ (P)
แนวทางบนั ทึกการค้นคว้ากิจกรรมท่ี 6.1 ใชแ้ อมมิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้าไดอ้ ย่างไร
ตารางบนั ทึกผลการทำกจิ กรรม
ตารางแสดง ค่ากระแสไฟฟ้าทีว่ ดั ได้จากแอมมิเตอร์เมือ่ ต่อกบั ข้ัวบวกทร่ี องรับกระแสไฟฟ้าสงู สดุ ตา่ งกัน
ขวั้ บวกที่รองรับกระแสไฟฟ้าสูงสุด กระแสไฟฟ้า
5A ………………..…………………0.3 A………………………………
………………..…290 mA หรอื 0.29 A…………………………
500 mA
หมายเหตุ : ข้วั บวกที่เลอื กขนึ้ อยูก่ ับแอมมิเตอร์ที่ใช้ อาจแตกตา่ งกันไปตามรปู แบบของแอมมิเตอร์แตล่ ะรุน่
แนบท้ายแผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 12: 14
การใหค้ ะแนนด้านความรู้ (K)
เฉลยใบกิจกรรมท่ี 6.1 ใช้แอมมิเตอร์วัดกระแสไฟฟา้ ได้อย่างไร
เฉลยคำถามท้ายกจิ กรรม
1. ถา้ ตอ้ งการวดั คา่ กระแสไฟฟ้าจะต้องตอ่ แอมมิเตอรเ์ ข้าไปในวงจรไฟฟ้าอยา่ งไร
แนวคำตอบ การวัดคา่ กระแสไฟฟา้ ทำได้โดยตอ่ แอมมิเตอร์แทรกเข้าไปเปน็ สว่ นหนึง่ ของวงจร ณ ตำแหนง่
ทีต่ อ้ งการวัดค่ากระแสไฟฟา้ โดยต่อขั้วบวกที่รองรบั กระแสไฟฟ้าสูงสุดของแอมมเิ ตอร์เข้าทางข้วั บวกของถ่านไฟฉาย
ซง่ึ เป็นจุดทม่ี ีศักย์ไฟฟ้าสูงและต่อขั้วลบของแอมมเิ ตอร์เขา้ ทางขว้ั ลบของถ่านไฟฉายซ่งึ เปน็ จุดทม่ี ศี ักย์ไฟฟ้าต่ำ
2. เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ้ งเปลี่ยนขว้ั บวกท่ีรองรับกระแสไฟฟา้ สงู สดุ ของแอมมิเตอรจ์ ากค่ากระแสไฟฟา้ สงู สดุ
ลดลงมายังค่าท่ตี ำ่ กว่า
แนวคำตอบ เพราะจะทำใหอ้ ่านคา่ ไดล้ ะเอยี ดขน้ึ กว่าเดิม และเนื่องจากเราไม่ทราบค่าของกระแสไฟฟ้า
ในวงจร ถา้ เรมิ่ ตน้ จากขวั้ บวกที่รองรับกระแสไฟฟ้าสูงสุดที่มคี า่ ตำ่ กว่ากระแสไฟฟ้าจรงิ ในวงจร จะทำให้
แอมมิเตอรเ์ สียหายได้
3. จากกิจกรรม สรุปไดว้ ่าอย่างไร
แนวคำตอบ แอมมเิ ตอร์เป็นเครอื่ งมือท่ีใช้วดั กระแสไฟฟา้ ในวงจร โดยการตอ่ แทรกเข้าไปเปน็ ส่วนหน่ึง
ของวงจร ณ จดุ ท่ีตอ้ งการวัดค่ากระแสไฟฟา้ โดยให้ต่อข้วั บวกของแอมมเิ ตอร์เขา้ ทางข้ัวบวกของแหล่งกำเนิด
ไฟฟ้าซง่ึ เป็นจุดทม่ี ีศักย์ไฟฟา้ สงู และตอ่ ขว้ั ลบของแอมมิเตอร์เข้าทางขั้วลบของแหลง่ กำเนิดไฟฟา้ ซ่งึ เป็นจุดท่มี ี
ศักย์ไฟฟ้าตำ่ คา่ กระแสไฟฟ้าท่ีวัดไดม้ ีหนว่ ยเปน็ แอมแปร์ การเปลย่ี นข้ัวบวกทร่ี องรบั กระแสไฟฟ้าสงู สุดของ
แอมมเิ ตอร์ต้องเร่ิมจากค่าท่สี ูงทส่ี ุดก่อนแล้วจงึ ลดลงมาท่ีค่าตำ่ กวา่ จนอ่านคา่ กระแสไฟฟ้าได้ละเอียดข้ึน
15
แนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 12: เฉลยกิจกรรมทบทวนความรูก้ ่อนเรยี น
เฉลยกจิ กรรมทบทวนความรู้กอ่ นเรียน จำนวน 5 ข้อ
หนังสอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นม.3 เล่ม2 สสวท. หนา้ 64-65
จากภาพ นำตวั เลขหนา้ อปุ กรณ์ไฟฟา้ ในวงจรไฟฟา้ อยา่ งง่ายเติมให้ตรงกับหนา้ ทีข่ องอุปกรณ์นัน้ ๆ
ให้ถูกต้อง
1. ถ่านไฟฉาย ………….2.............เปิดหรอื ปิดวงจรไฟฟา้
2. สวิตซ์ ………….1.............เป็นแหล่งกำเนิดพลงั งานไฟฟา้
3. สายไฟฟา้ ………….4.............เปล่ียนพลังงานไฟฟา้ เปน็ พลังงานแสง
4. หลอดไฟฟ้า………….3.............เชื่อมตอ่ ระหวา่ งแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า
และอปุ กรณ์ไฟฟา้
เขียนเคร่อื งหมาย ลอ้ มรอบข้อทถี่ ูกต้องทส่ี ุดเพยี งข้อเดยี ว
จากภาพ ตอ้ งต่อถ่านไฟฉายอยา่ งไร หลอดไฟฟ้าจึงสวา่ ง
แนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 12: 16
VDO ปฏบิ ตั กิ ารทางวทิ ยาศาสตร์สำหรบั ครูผ้สู อน
อา้ งอิงจาก https://ipst.me/9876
เวบ็ ไซต์คลังความรู้ SciMath สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
กระทรวงศึกษาธิการ เผยแพร่เมือ่ : วันที่ 27กุมภาพนั ธ์ 2562
สาธติ การทดลองเรือ่ ง การใชง้ านแอมมเิ ตอรท์ ำได้อย่างไร
ตัวอยา่ งการจัดกจิ กรรมการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ เพ่ือใหน้ ักเรียนหาคำตอบวา่ การใชง้ าน
แอมมิเตอร์ทำได้อย่างไร โดยให้นักเรียนใชแ้ อมมิเตอร์วัดค่ากระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า เหมาะสำหรบั นักเรียน
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น
ลิขสทิ ธิ์ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
ผแู้ ตง่ หรอื เจ้าของผลงาน สาขาวทิ ยาศาสตร์ภาคบังคับ
สาขาวชิ า/กลุ่มสาระวิชา วทิ ยาศาสตรท์ วั่ ไป
ระดบั ชน้ั ม.3
กลุ่มเป้าหมาย ครู
17
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 13
เร่อื ง ความต่างศักย์ไฟฟา้ รหัสวิชา ว23102 เวลา 2 ช่วั โมง
รวม 22 ช่วั โมง
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ ไฟฟ้า ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 2
มาตรฐาน ว 2.3
กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สาระที่ 2 ชื่อสาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วดั
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
สสารและพลังงาน พลังงานในชวี ติ ประจำวนั ธรรมชาตขิ องคล่นื ปรากฏการณ์ทเ่ี กย่ี วข้องกับเสยี ง แสง และคลื่น
แม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้ังนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชวี้ ดั
ว 2.3 ม.3/3 ใช้โวลต์มเิ ตอร์ แอมมเิ ตอร์ในการวดั ปริมาณทางไฟฟ้า
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
1) ค่าทบี่ อกความแตกต่างของพลังงานไฟฟา้ ต่อหนว่ ยประจรุ ะหว่างจดุ 2 จดุ เรยี กวา่ ความตา่ งศกั ย์
ซ่ึงวัดคา่ ได้จากโวลตม์ ิเตอร์
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรียนอธิบายวธิ ีการวดั คา่ ความตา่ งศักย์ไฟฟ้า โดยใช้โวลต์มเิ ตอร์ได้
1) ด้านความรู้ (K) นกั เรียนใช้ทกั ษะการวดั โดยใช้โวลตม์ เิ ตอร์วดั ค่าความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้า
2) ดา้ นทกั ษะ (P) พรอ้ มระบหุ น่วยของการวัดได้
นักเรียนตระหนกั ถึงความสำคญั ของการใช้อปุ กรณ์การทำกจิ กรรมได้
3) ดา้ นเจตคติ (A)
4. คณุ ลักษณะผ้เู รยี น ซ่ือสตั ย์สุจรติ มุง่ ม่นั ในการทำงาน
4.1 คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ มจี ติ สาธารณะ
รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ อย่อู ยา่ งพอเพียง
มีวินัย รักความเป็นไทย
5. ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
ความสามารถในการคิด: นกั เรียนสามารถคดิ โดยการวิเคราะห์และแปลความหมายข้อมูลคา่
ความต่างศักยไ์ ฟฟ้าที่ไดจ้ ากเครอ่ื งมือวดั
ความสามารถในการส่อื สาร: นกั เรียนสามารถสอื่ สาร โดยนำเสนอข้อมูลท่ีได้จากการวดั
ความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ลงในตารางบันทกึ ผล
18
6. สาระการเรยี นรู้
ศกั ย์ไฟฟา้ เป็นค่าของพลงั งานที่มีอยใู่ นประจุไฟฟา้ ซงึ่ จะ
มีผลต่อการเคลื่อนท่ีของกระแสไฟฟ้า เมื่อต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 2 จุดท่ี
มศี กั ยไ์ ฟฟ้าแตกต่างกัน จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าเคล่ือนท่ีจากจุดที่
มีศักย์ไฟฟ้าสูงผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าไปยังจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ำกว่า โดย
เปลี่ยนพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลังงานอื่น เช่น พลังงานแสง เรียกความ
แตกต่างระหว่าง 2 จุดว่า ความต่างศักย์ไฟฟ้า (voltage) โดย
ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าเป็นความแตกตา่ งของพลังงานระหวา่ งจุด 2 จุด
ต่อหน่วยประจุ แทนด้วยสัญลักษณ์ V มีหน่วยเป็นโวลต์ (volt : V)
ดังภาพ
ภาพแสดง ความต่างศักย์ไฟฟา้ ระหว่างจดุ A และจุด B
อา้ งองิ จาก: หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 เลม่ 2 ตามหลกั สตู ร
แกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร หนา้ 69
การวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าจะใช้โวลต์มิเตอร์ (voltmeter) ภาพแสดง โวลตม์ ิเตอร์
การต่อโวลต์มิเตอร์ต้องต่อคร่อมระหว่างจุดสองจุดที่ต้องการวัดค่าความต่าง
ศกั ย์ไฟฟา้ ซง่ึ ต้องต่อขว้ั บวกและข้ัวลบให้ถูกต้อง โดยตอ่ ขวั้ บวกของโวลต์มิเตอร์
เข้าทางขั้วบวกของถ่านไฟฉาย ซึ่งเป็นจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าสูง และต่อขั้วลบของ
โวลต์มิเตอร์เข้าทางขั้วลบของถ่านไฟฉาย ซึ่งเป็นจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ำ ขั้วบวก
ของโวลต์มิเตอร์มีหลายขั้ว ซึ่งแต่ละขั้วจะรองรับความต่างศักย์ไฟฟ้าสูงสุดที่
ต่างกัน เช่น 3 15 30 300 โวลต์ เราจะต้องเลือกขั้วบวกให้เหมาะสม เพื่อให้
อ่านค่าได้ถกู ตอ้ งแม่นยำและไมเ่ กดิ ความเสยี หายแก่โวลตม์ เิ ตอร์
โดยการศกึ ษาวิธกี ารใชเ้ คร่ืองมือวดั ความต่างศักยไ์ ฟฟ้า และวิธีตอ่ เคร่ืองมือวดั ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าใน
วงจรจากการทำกิจกรรม การวัดคา่ กระแสไฟฟา้ และความต่างศักย์ไฟฟา้ โดยมขี ัน้ ตอนการตอ่ วงจรดังนี้
19
ภาพแสดง: การวดั ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ โดยใชโ้ วลตม์ เิ ตอร์
(ทมี่ า: https://coggle.it/diagram/WKQYsvHuhQABTP8/t.)
การวัดค่าความตา่ งศักย์ไฟฟ้าทำได้โดยตอ่ โวลต์มิเตอร์คร่อมระหว่างจุดสองจุดที่ตอ้ งการวัด การต่อ
โวลต์มเิ ตอร์ต้องพิจารณาขวั้ ให้ถูกต้อง โดยตอ่ ขวั้ บวกของโวลต์มิเตอรเ์ ข้าทางด้านข้ัวบวกของแหลง่ กำเนิดไฟฟ้า
ซ่ึงเป็นจดุ ที่มีศักย์ไฟฟ้าสูง และตอ่ ขั้วลบของโวลต์มิเตอร์เข้าทางด้านขั้วลบของแหล่งกำเนิดไฟฟ้าซึ่งเป็นจุดท่ีมี
ศักย์ไฟฟ้าต่ำ ถ้าต่อสลับขั้วกัน เข็มของโวลต์มิเตอร์จะเบนไปในทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งอาจทำให้โวลต์มิเตอร์
เสียหายได้ การเลือกใช้ขั้วบวกที่เหมาะสมในการวัดต้องใช้ขั้วบวกที่มีค่าสูงกว่าและใกล้เคียงกับค่าความต่าง
ศักย์ไฟฟ้าของแหล่งกำเนิดไฟฟ้า โดยทั่วไปเรามักจะทราบค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของแหล่งกำเนิดไฟฟ้า
ทำให้เราสามารถเลือกขว้ั บวกทเ่ี หมาะสมได้ แต่ในกรณที ีไ่ มท่ ราบใหเ้ ลอื กใชข้ ั้วบวกทีร่ องรับความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้า
ที่มีค่าสูงสุด เพราะถ้าเริ่มต้นวัดโดยใช้ขั้วบวกที่มีค่าน้อยกว่าค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจร อาจทำให้โวลต์
มิเตอร์เสยี หายได้ แต่ถา้ วัดแล้วพบวา่ เข็มเบนเพียงเลก็ น้อย ใหล้ ดขั้วบวกลงจนสามารถอ่านคา่ ได้
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ใชร้ ูปแบบการจดั การเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (2 ชวั่ โมง; 120นาท)ี
ขัน้ ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) (20 นาที)
1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน ครูสนทนาร่วมกับนักเรยี นโดยใช้คำถามกระตุ้นความคิด
ว่า วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายที่เราจะสามารถทำให้หลอดไฟ1ดวงติดได้ ต้องประกอบไปด้วยอุปกรณ์ส่วนใดบ้าง
(ประกอบด้วย 3 สว่ น คอื แหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า ตัวกลาง และหลอดไฟ)
2) นักเรียนเรียนรู้การใช้สถานการณ์จำลอง ชุดเครื่องมือต่อวงจรไฟฟ้า โดยใช้โปรแกรม
ออนไลน์ ตาม link ดงั นี้ https://phet.colorado.edu/sims/html/circuit-construction-kit-dc/latest/
circuit-construction-kit-dc_th.html เพื่อให้นักเรยี นทดลองการใชเ้ ครื่องมือวัดค่ากระแสไฟฟ้าและความต่าง
ศักยไ์ ฟฟ้าได้
ขนั้ ที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) (40 นาที)
3) ครูเช่ือมโยงเขา้ สู่กิจกรรมที่ 6.2 ใชโ้ วลต์มเิ ตอร์วัดความต่างศักย์ไฟฟา้ ได้อย่างไร โดยใช้
คำถามว่า ในการใช้โวลต์มิเตอรว์ ดั ค่าความตา่ งศักย์ไฟฟา้ จะเลือกขวั้ บวกใหเ้ หมาะสมเพือ่ ให้อ่านค่าได้ถูกต้อง
แม่นยำและไมเ่ กดิ ความเสียหายแกโ่ วลตม์ ิเตอร์ไดอ้ ย่างไร (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
4) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 71 และครูตรวจสอบความ
เข้าใจการอ่าน โดยใชค้ ำถามดังต่อไปน้ี
20
ตอนที่ 1 ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าระหวา่ งข้วั ของแหลง่ กำเนิดไฟฟา้
- กิจกรรมน้ีเกี่ยวกบั เรือ่ งอะไร (การวัดความต่างศกั ย์ไฟฟ้าระหว่างข้วั ของแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า)
- กจิ กรรมนี้มจี ุดประสงคอ์ ะไร (วดั คา่ ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าระหวา่ งข้ัวของแหลง่ กำเนิดไฟฟ้าด้วย
โวลต์มเิ ตอรพ์ รอ้ มระบุหนว่ ย)
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ใช้โวลต์มิเตอร์วัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของ
ถ่านไฟฉาย 1.5 โวลต์และแบตเตอร่ี 9 โวลต์ เปรียบเทยี บค่าทว่ี ัดไดก้ ับค่าที่ระบบุ นแหลง่ กำเนิดไฟฟ้า)
- นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (นักเรียนต้องสังเกตและบันทึกค่าความต่าง
ศักยไ์ ฟฟา้ ท่อี ่านไดจ้ ากโวลตม์ เิ ตอร์และค่าความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ทร่ี ะบุบนแหล่งกำเนดิ ไฟฟา้ )
5) ครูควรตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับการใช้แอมมิเตอร์ การเลือกขั้วบวกท่ี
รองรับกระแสไฟฟา้ สงู สดุ และการอ่านคา่ บนหน้าปดั ก่อนปฏบิ ตั ิจริง
6) นกั เรยี นดำเนินการต่อในตอนที่ 2 ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าระหวา่ งจุดสองจุดในวงจรไฟฟ้า
- กิจกรรมนเ้ี กี่ยวกับเรอื่ งอะไร (การวัดความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าระหวา่ งจุดสองจุดในวงจรไฟฟา้ )
- กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (วัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างจุดสองจดุ ในวงจรไฟฟ้าด้วย
โวลต์มเิ ตอร์พรอ้ มระบหุ นว่ ย)
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอยา่ งไร (ต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย จากนั้นนำโวลต์มิเตอร์
ต่อคร่อมหลอดไฟฟ้าในวงจร แลว้ วัดค่าความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ )
- นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (นักเรียนต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงของ
หลอดไฟฟา้ คา่ ของความต่างศักย์ไฟฟ้าท่ีอ่านได้จากโวลต์มเิ ตอร์)
7) ครูควรตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกยี่ วกับการต่อวงจรไฟฟ้า การเปล่ียนข้ัวบวกของ
โวลตม์ ิเตอร์ และการอ่านค่าความต่างศกั ย์ไฟฟ้าบนหนา้ ปัดของโวลต์มิเตอร์
8) ขณะที่นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม ครูเดินสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่ม
และให้คำแนะนำ หากนักเรียนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้โวลต์มิเตอร์ การเลือกขั้วบวกที่รองรับความต่าง
ศักย์ไฟฟ้าสูงสุด และการอ่านค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าบนหน้าปัดก่อนปฏิบัติจริง ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหา และ
ข้อสงสยั ที่พบจากการทำกิจกรรมของนกั เรียนเพ่ือใชเ้ ปน็ ข้อมูลประกอบการอภิปรายหลังจากการทำกิจกรรม
ขน้ั ท่ี 3 ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (20 นาที)
9) นกั เรยี นบันทึกการทำกิจกรรมลงในแบบบันทึกการคน้ คว้ากจิ กรรมที่ 6.2 ใช้โวลต์มิเตอร์วัด
ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าไดอ้ ยา่ งไร โดยสรุปผลและตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรม เพื่อใหไ้ ด้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า
ตอนที่ 1 ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าระหว่างขัว้ ของแหล่งกำเนิดไฟฟา้
- การวัดความต่างศักย์ไฟฟ้าด้วยโวลต์มิเตอร์ ต้องพิจารณาขั้วให้ถูกต้องโดยต่อขั้วบวกของ
แหล่งกำเนิดไฟฟ้าเข้ากับขั้วบวกของโวลต์มิเตอร์ และต่อขั้วลบของแหล่งกำเนิดไฟฟ้าเข้ากับขั้วลบของโวลต์
มิเตอร์ และต้องเลือกใช้ขั้วบวกที่รองรับความต่างศักย์ไฟฟ้าสูงสุดที่มากกว่าและใกล้เคียงกับค่าที่ระบุ
บนแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าที่วัดได้มีหน่วยเป็นโวลต์ และจะมีค่าใกล้เคียงกับค่าที่ระบุ
บนแหล่งกำเนิดไฟฟา้
ตอนท่ี 2 ความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ ระหวา่ งจุดสองจุดในวงจรไฟฟา้
- การวดั ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ด้วยโวลตม์ เิ ตอรต์ อ้ งพจิ ารณาขั้วให้ถูกตอ้ ง และตอ้ งเลอื กใชข้ ้วั บวก
ท่มี ีคา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ มากกว่าคา่ ทร่ี ะบุบนแหล่งจา่ ยไฟฟ้าค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าทีว่ ัดได้มีหนว่ ยเปน็ โวลต์
ขน้ั ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที)
10) นักเรยี นเรยี นรเู้ พ่ิมเตมิ ในหนังสอื เรียนหนา้ 73 จากนัน้ ร่วมกนั อภิปรายเกี่ยวกบั การวัดค่า
21
ความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ดว้ ยโวลตม์ ิเตอร์ และใช้คำถามระหว่างเรยี นเพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ
- ถ้านำโวลต์มิเตอร์วัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าโดยต่อขั้วของโวลต์มิเตอร์ที่ตำแหน่งเดียวกันใน
วงจรไฟฟ้าดังภาพ ค่าความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ ท่วี ัดได้จะเป็นเท่าใด เพราะเหตใุ ด
(แนวคำตอบ ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าที่วัดได้จะเป็นศูนย์ เนื่องจากวัดที่ตำแหน่งเดียวกัน
ศักย์ไฟฟ้าเทา่ กนั จงึ ไมม่ คี วามแตกตา่ งของศกั ย์ไฟฟ้า)
11) ครอู ธิบายเพมิ่ เตมิ โดยใชส้ อื่ วดี ิทศั น์เรือ่ ง แบบจำลองกระแสไฟฟ้าและความตา่ งศักย์ไฟฟ้า
ในวงจรไฟฟ้า (สืบค้นได้จาก ipst.me/10652) ซึ่งสามารถแสดงได้ด้วยแบบจำลองตัวอย่าง ลักษณะของ
กระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าทเ่ี กิดข้ึนในวงจรผ่านแบบจำลอง
ขั้นท่ี 5 ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (20 นาที)
12) ครูและนักเรียนอภิปรายผลการทำกิจกรรม การใช้โวลต์มิเตอร์วัดความต่างศักย์ไฟฟ้าจาก
กิจกรรมที่ 6.2 ทั้ง 2 ตอน จะได้ข้อสรุปว่า โวลต์มิเตอร์เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า โดยการ
ต่อคร่อมตำแหน่งที่ต้องการวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า ซึ่งต้องต่อขั้วของโวลต์มิเตอร์ให้ถูกต้อง และเลือกขั้วบวก
ที่ รองรับความต่างศักยไ์ ฟฟ้าสูงสดุ ให้เหมาะสม ค่าความต่างศกั ย์ไฟฟา้ ที่วดั ไดม้ หี นว่ ยเป็นโวลต์
13) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมิน (Rubrics Score)
8. สื่อการเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้
8.1 อปุ กรณ์ทำกจิ กรรม: 1) ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 2) กระบะถ่านแบบ 4 ก้อน
3) แบตเตอร่ขี นาด 9 V 4) สายไฟฟา้ 5) หลอดไฟฟ้าขนาด 6 V พรอ้ มฐาน
6) สวิตช์แบบโยก 7) โวลต์มเิ ตอร์
8.2 คลปิ วีดที ัศน:์ แบบจำลองกระแสไฟฟา้ และความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้า
8.3 สถานการณจ์ ำลอง: โปรแกรมออนไลน์ เรื่อง ชดุ เครอ่ื งมือต่อวงจรไฟฟ้า
(https://phet.colorado.edu/sims/html/circuit-construction-kit-
dc/latest/circuit-construction-kit-dc_th.html)
8.4 ใบกจิ กรรม: ใบกจิ กรรมท่ี 6.2 ใชโ้ วลตม์ ิเตอรว์ ัดความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ได้อยา่ งไร
8.5 แบบบันทกึ กจิ กรรม: แบบบันทกึ การค้นควา้ กจิ กรรมท่ี 6.2 ใช้โวลต์มเิ ตอรว์ ดั ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าได้อย่างไร
8.6 แหล่งเรยี นรู้: หนังสอื เรียนรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 เล่ม 2
ตามหลักสูตรแกนกลางฯ พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท.
22
9. การวัดและการประเมิน
ตวั ชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ วิธกี ารวัด เคร่ืองมือวัด เกณฑ์ท่ใี ช้ในการประเมนิ
1. อธบิ ายวธิ กี ารวัดคา่ - ตรวจการตอบคำถาม - คำถามทา้ ยกจิ กรรมที่ 6.2 - ได้ไมน่ ้อยกวา่ 2 คะแนน
ความต่างศักย์ไฟฟา้
โดยใช้โวลตม์ ิเตอรไ์ ด้ ทา้ ยกจิ กรรมที่ 6.2 ใช้โวลต์มิเตอร์วดั ความ ระดับคุณภาพดี ถือวา่
(ด้านความรู้: K) ต่างศกั ย์ไฟฟา้ ได้อย่างไร ผ่านการประเมิน
2. การใชท้ ักษะการวดั - ตรวจการทำแบบ จำนวน 4 ขอ้ ดา้ นความรู้
โดยใช้โวลตม์ เิ ตอร์วดั ค่า บันทกึ การค้นคว้า - แบบบนั ทกึ การคน้ ควา้ - ไดไ้ ม่น้อยกว่า 2 คะแนน
ความต่างศักย์ไฟฟา้ พร้อม กิจกรรมท่ี 6.2 กจิ กรรมที่ 6.2 ระดับคุณภาพดี ถือว่า
ระบุหน่วยของการวัดได้ ใช้โวลตม์ ิเตอรว์ ดั ความ ผ่านการประเมิน
(ดา้ นกระบวนการ: P) ต่างศักย์ไฟฟา้ ได้อย่างไร ด้านกระบวนการ
3. ตระหนกั ถงึ ความสำคญั
ของการใช้อปุ กรณ์ - สังเกตการใชง้ าน - เกณฑ์การประเมนิ การใช้ - ไดไ้ มน่ ้อยกว่า 2 คะแนน
การทำกิจกรรมได้ อุปกรณ์ในกิจกรรม งานอปุ กรณใ์ นกิจกรรม ระดับคุณภาพดี ถือว่า
(ด้านเจตคต:ิ A) ของนักเรียน ของนักเรยี น ผา่ นการประเมิน
ดา้ นเจตคติ
9.1 เกณฑก์ ารประเมนิ ผลนักเรยี น เกณฑ์การประเมิน (Rubrics Score)
ประเด็นการประเมนิ ค่านำ้ หนกั แนวทางการให้คะแนน
คะแนน
การให้คะแนนตอบ ตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรมท่ี 6.2 ถกู ต้อง จำนวน 3-4 ข้อ
คำถามทา้ ย 3 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.2 ถกู ต้อง จำนวน 2 ขอ้
กิจกรรมท่ี 6.2 2 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ 6.2 ถูกต้อง จำนวน 1 ข้อ หรือไมถ่ กู ต้อง
1 บันทึกผลการทำกิจกรรมการวดั จากการใช้โวลตม์ เิ ตอร์วดั
การใหค้ ะแนนการบนั ทึก คา่ ความต่างศักย์ไฟฟ้า พรอ้ มระบหุ น่วยของการวดั ได้อย่างถูกต้อง
แบบบนั ทกึ การคน้ คว้า 3 ครบทกุ ประเดน็ สอดคล้องกับเนอื้ หาในกจิ กรรม
บันทกึ ผลการทำกจิ กรรมการวัด จากการใชโ้ วลตม์ ิเตอรว์ ัด
กจิ กรรมท่ี 6.2 2 ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า พร้อมระบหุ นว่ ยของการวัดได้ถกู ต้อง
แต่มขี ้อผดิ พลาดบางสว่ น ที่ไม่สอดคล้องกับเนอ้ื หาในกจิ กรรม
1 บนั ทึกผลการทำกิจกรรมการวัด จากการใชโ้ วลต์มิเตอร์วัด
ค่าความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้า พรอ้ มระบุหนว่ ยของการวดั ได้ไม่ถกู ต้อง
มีข้อผิดพลาด ที่ไมส่ อดคลอ้ งกบั เนอ้ื หาในกจิ กรรม
23
ประเด็นการประเมนิ คา่ น้ำหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
คะแนน
การใหค้ ะแนน ใช้งานอปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ถกู วิธี หยิบ เคล่อื นยา้ ย
การใชง้ านอปุ กรณ์ 3 อุปกรณ์อย่างระมดั ระวงั ไมห่ ยอกลอ้ หรือแกลง้ เพ่ือนขณะกำลงั ใช้
งานอุปกรณ์ และหลังการใชง้ านอปุ กรณม์ กี ารเกบ็ รักษาอย่างถกู วธิ ี
ในกจิ กรรม 2 ใชง้ านอุปกรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ถกู วิธี หยบิ เคลื่อนย้าย
อุปกรณ์อยา่ งระมดั ระวงั ไมห่ ยอกล้อหรือแกล้งเพื่อนขณะกำลังใช้
1 งานอปุ กรณ์ แต่หลังการใช้งานอปุ กรณ์ไม่มกี ารเก็บรักษาอย่างถูกวธิ ี
หรอื ไมเ่ ก็บอุปกรณ์เขา้ ตเู้ ก็บอุปกรณ์ตามประเภทของอปุ กรณ์
ใช้งานอปุ กรณ์การทดลองในกิจกรรมได้ แต่ขณะหยบิ เคลื่อนยา้ ย
อปุ กรณ์หรือกำลังใช้งานอุปกรณ์ จะหยอกลอ้ หรือแกล้งเพ่ือน
อาจทำให้อุปกรณเ์ สยี หายได้ และหลังการใชง้ านอปุ กรณ์ไม่มี
การเกบ็ รักษาอย่างถูกวิธี
9.2 ระดับคณุ ภาพ หมายถงึ ดมี าก
หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถงึ พอใช้
คะแนนรวมเฉลย่ี 2.00 - 2.99
คะแนนรวมเฉล่ยี 0.01 - 1.99
ดงั น้ัน นกั เรยี นตอ้ งได้คะแนนเฉลยี่ ทกุ ประเดน็ การประเมิน ไม่ตำ่ กว่า 2.00 แสดงระดับ
คณุ ภาพ ดี ถือวา่ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ในแผนการจัดการเรยี นที่ 13
24
บันทกึ หลังการสอน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 ไฟฟา้ .... ...... ... ...
แผนการสอนเรื่อง 13 ความต่างศักยไ์ ฟฟ้า
วนั ท.่ี ..............................เดอื น...............................................................พ.ศ.................
1. สรุปผลการเรียนการสอน
1. นักเรยี นจำนวน....................คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู้...........คน คิดเปน็ ร้อยละ.............
ไม่ผา่ นจดุ ประสงค.์ ......................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.............
ได้แก.่ .................................................................................................
2. สรปุ ผลตามรายจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.1 นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ ( K)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.2 นกั เรยี นมคี วามรูเ้ กิดกระบวนการ (P)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.3 นกั เรียนมีเจตคติ (A)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะหลงั การจัดการเรียนการสอน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ ............................................ครผู ู้สอน ลงช่ือ.............................................หวั หน้ากลุ่มสาระ
() ()
ตำแหนง่ ................................................... ลงชื่อ.............................................ผชู้ ่วย/รองฯวิชาการ
…………./……………./………… ()
ลงชือ่ ............................................ผู้อำนวยการ
()
25
แบบบนั ทึกการประเมนิ คุณภาพการเรยี นรูข้ องนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 3
รายวิชาวิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน (ว23102) หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 ไฟฟา้ I
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 13 เรอ่ื ง ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้า .
คำชีแ้ จง: ทำเครอื่ งหมาย ✓ ในช่องคา่ นำ้ คะแนนแต่ละด้านตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ โดยประเมนิ ตามเกณฑ์
(Rubrics Score)
เลข ช่อื -นามสกุล/ ดา้ นความรู้ (K) ด้านกระบวนการ (P) ดา้ นเจตคติ (A) คะแนนรวม
ที่ รหสั นักเรยี น คา่ นำ้ หนกั คะแนน ค่านำ้ หนักคะแนน คา่ น้ำหนักคะแนน
ระดับ
3 2 1 3 2 1 32 1 คุณภาพ
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
26
เลข ช่ือ-นามสกุล/ ด้านความรู้ (K) ดา้ นกระบวนการ (P) ด้านเจตคติ (A) คะแนนรวม
ที่ รหัสนกั เรยี น คา่ น้ำหนักคะแนน ค่าน้ำหนกั คะแนน ค่านำ้ หนักคะแนน
ระดับ
321 32 1 32 1 คุณภาพ
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
เกณฑ์การพิจารณาคณุ ภาพ หมายถงึ ดมี าก
คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉลยี่ 2.00 - 2.99 หมายถงึ พอใช้
คะแนนรวมเฉลย่ี 0.01 - 1.99
ตอ้ งไดค้ ะแนนเฉลีย่ ทุกประเดน็ การประเมิน ไม่ต่ำกว่า 2.00 แสดงระดับคณุ ภาพ ดี ข้ึนไปเทา่ นัน้
ถึงจะผ่านการเรยี นรตู้ ามตวั ชี้วัด
ผลการประเมนิ การเรยี นร้ขู องนกั เรียน
ผเู้ รยี นท่ี ผา่ น ตวั ช้ีวัด
มีจำนวน…………………………คน คดิ เป็นร้อยละ………………………………………………..
ผ้เู รยี นท่ี ไมผ่ ่าน ตวั ชี้วดั
มีจำนวน…………………………คน คดิ เปน็ ร้อยละ………………………………………………..
1)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
2)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
3)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
ส่ือการเรียนรู้แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 13: 27
สอื่ วีดิทศั น์
คลิปวดี ีทัศน์: แบบจำลองกระแสไฟฟา้ และความตา่ งศักย์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟา้
สื่อวีดิทัศน์เรื่อง แบบจำลองกระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า เป็นสื่อประกอบการ
จัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจลักษณะของ
กระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าทเ่ี กิดขึน้ ในวงจรผ่านแบบจำลอง
แหล่งที่มา: เวบ็ ไซตอ์ า้ งองิ ipst.me/10652
เผยแพร่เมื่อ 2 กนั ยายน พ.ศ. 2562
(เจ้าของผลงาน สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.))
28
สอ่ื การเรยี นรู้แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 13: สถานการณ์จำลอง
สถานการณ์จำลอง โปรแกรมออนไลน์ เรอ่ื ง ชดุ เคร่ืองมือต่อวงจรไฟฟา้
โปรแกรมออนไลน์: https://phet.colorado.edu/sims/html/circuit-construction-kit-dc/latest/circuit-
construction-kit-dc_th.html
29
สือ่ การเรียนรู้แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 13: ใบกจิ กรรมที่ 6.2
ใบกจิ กรรมที่ 6.2 ใช้โวลต์มิเตอร์วดั ความต่างศกั ย์ไฟฟา้ ได้อย่างไร
หนังสือเรียนรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 เลม่ 2 ตามหลักสตู รแกนกลาง
การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หนา้ 71
กิจกรรมท่ี 6.2 ใชโ้ วลต์มิเตอรว์ ดั ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าไดอ้ ยา่ งไร?
จดุ ประสงค์
วสั ดอุ ปุ กรณ์ 1. วดั ค่าความต่างศักย์ไฟฟา้ ระหวา่ งขัว้ ของแหลง่ กำเนดิ ไฟฟา้ ด้วยโวลต์มเิ ตอร์
พรอ้ มระบุหนว่ ย
วธิ ีดำเนนิ กจิ กรรม 2. วดั ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างจุดสองจุดในวงจรไฟฟ้าด้วยโวลตม์ ิเตอร์
พร้อมระบุหน่วย
วสั ดทุ ่ีใชต้ ่อกลมุ่
1. ถา่ นไฟฉายขนาด 1.5 V 4 ก้อน
2. กระบะถ่านแบบ 4 กอ้ น 1 อัน
3. แบตเตอรี่ขนาด 9 V 1 กอ้ น
4. สายไฟฟา้ 5 เส้น
5. หลอดไฟฟ้าขนาด 6 V พร้อมฐาน 1 ชุด
6. สวติ ชแ์ บบโยก 1 อนั
7. โวลต์มเิ ตอร์ 1 เครอ่ื ง
ตอนท่ี 1 ความต่างศักยไ์ ฟฟ้าระหว่างขั้วของแหลง่ กำเนิดไฟฟา้
1. ตอ่ สายไฟฟา้ เสน้ หน่งึ ข้ากบั ขว้ั ลบของโวลต์มิเตอร์
อีกเส้นหนึ่งต่อกับขั้วบวกของโวลต์มิเตอร์ที่รองรับ
ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าที่มคี ่าสูงที่สุด ดงั ภาพ
2. นำถ่านไฟฉาย 1.5 โวลต์ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด
ไฟฟ้าต่อเข้ากับปลายสายไฟฟ้าทั้งสองเส้นที่ต่อ ภาพการจัดอปุ กรณใ์ นกจิ กรรม
จากโวลต์มิเตอร์ โดยให้สายไฟฟ้าจากขั้วบวกต่อ
เข้ากบั ข้ัวบวกของถ่านไฟฉาย สายไฟฟา้ จากขั้วลบ
ต่อเข้ากับขั้วลบของถ่านไฟฉายดังภาพ อ่านค่า
ความตา่ งศักย์ไฟฟ้า บนั ทกึ ผล
ภาพการจดั อปุ กรณใ์ นกจิ กรรม
30
กจิ กรรมที่ 6.2 ใชโ้ วลต์มิเตอร์วัดความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ได้อยา่ งไร?
3. เปล่ยี นขัว้ บวกทร่ี องรับความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าสงู สุดของโวลต์มเิ ตอร์ใหล้ ดลงมาที่
คา่ ต่ำกว่าจนอา่ นคา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าบนโวลตม์ เิ ตอร์ได้อยา่ งละเอียด บนั ทึกผล
ทกุ ครง้ั ทีเ่ ปลีย่ นขั้วบวกของโวลต์มิเตอร์
4. เปรยี บเทียบค่าความต่างศักยไ์ ฟฟ้าท่ีอา่ นได้จากโวลต์มเิ ตอร์กับค่าความต่าง
ศักยไ์ ฟฟา้ ท่ีระบบุ นถา่ นไฟฉาย
5. ร่วมกันอภปิ รายว่า ถ้าเปลี่ยนแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้าจากถา่ นไฟฉายเปน็ แบตเตอร่ี
9 โวลต์ จะวัดค่าความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าไดเ้ ทา่ ใด และมวี ธิ กี ารวัดอยา่ งไร
6.ทำกจิ กรรมเพ่ือตรวจสอบการวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟา้ ของแบตเตอรี่ 9 โวลต์
นำเสนอ
ตอนที่ 2 ความต่างศักยไ์ ฟฟ้าระหวา่ งจดุ สองจดุ ในวงจรไฟฟ้า
1. ตอ่ วงจรไฟฟา้ ที่ประกอบด้วยถา่ นไฟฉาย 4 กอ้ น สวติ ซ์
สายไฟฟ้าและหลอดไฟฟ้า ดังภาพ กดสวิตซ์ลงให้วงจร
ปิด เพื่อทดสอบว่ามีกระแสไฟฟ้าในวงจรหรือไม่โดย
สังเกตจากการเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้า จากน้ัน
ยกสวติ ชข์ ึ้นให้วงจรเปิด
2. ต่อสายไฟฟ้าเส้นหนึ่งเข้ากับขั้วลบของโวลต์มิเตอภรา์พการจัดอุปกรณใ์ นกิจกรรม
อีกเส้นหนึ่งต่อกับขั้วบวกของโวลต์มิเตอร์ โดยเลือก
ขั้วบวกที่รองรับความต่างศักย์ไฟฟ้าสูงสุดที่เหมาะสม
ซึ่งพิจารณาจากความต่างศักย์ไฟฟ้าของถ่านไฟฉาย
ดงั ภาพ
3. นำโวลต์มิเตอร์ต่อเข้ากับวงจรไฟฟ้าในข้อ 1 โดย ภาพการจัดอปุ กรณใ์ นกิจกรรม
ให้ปลายสายไฟฟ้าจากขั้วบวกของโวลต์มิเตอร์ต่อที่
ฐานหลอดไฟฟ้าที่ต่อกับทางขั้วบวกของถ่านไฟฉาย
และปลายสายไฟฟ้าจากขั้วลบของโวลต์มิเตอร์ต่อที่
ฐานหลอดไฟฟ้าที่ต่อกับทางขั้วลบของถ่านไฟฉาย
ดังภาพ
4. กดสวติ ซล์ ง เพ่อื ใหว้ งจรปิด อา่ นคา่ ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าบนโวลต์มิเตอร์ บันทึกผล
แล้วยกสวติ ช์ขึน้ ภาพการจัดอุปกรณใ์ นกจิ กรรม
การเตรยี มตวั • ครคู วรตรวจสอบคณุ ภาพของอปุ กรณ์ไฟฟา้ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใชง้ าน
ล่วงหนา้ สำหรับครู
• ครคู วรฝึกการใช้และการอ่านค่าจากโวลต์มเิ ตอรจ์ นเกดิ ความชำนาญ
31
กจิ กรรมที่ 6.2 ใชโ้ วลตม์ เิ ตอร์วัดความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ ไดอ้ ยา่ งไร?
ขอ้ เสนอแนะในการ ตอนท่ี 1 ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าระหวา่ งข้ัวของแหลง่ กำเนิดไฟฟ้า
ทำกจิ กรรม • ครคู วรทบทวนการต่อโวลต์มิเตอร์ การเลือกข้ัวบวกท่รี องรับความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้
สูงสดุ การอ่านค่าบนหนา้ ปัด จนม่ันใจวา่ สามารถให้คำแนะนำแกน่ ักเรียนได้
อย่างถูกต้อง
• ไมค่ วรใชถ้ ่านไฟฉายหรอื แบตเตอรท่ี เี่ ก็บไว้นานหรือผา่ นการใชง้ านมานานแลว้
เพอื่ ใหไ้ ด้ผลการทำกิจกรรมที่แมน่ ยำ
ตอนที่ 2 ความต่างศกั ย์ไฟฟ้าระหว่างจดุ สองจุดในวงจรไฟฟา้
• ครคู วรทบทวนการต่อโวลต์มิเตอร์ การเลือกขวั้ บวกทรี่ องรับความตา่ งศักย์ไฟฟา้
สูงสุด การอ่านค่าบนหนา้ ปัด จนม่นั ใจวา่ สามารถให้คำแนะนำแกน่ กั เรียนได้อย่าง
ถูกต้อง
• ครูควรทบทวนเร่อื งการตอ่ เซลล์ไฟฟา้ แบบอนกุ รม
• ไม่ควรใช้ถา่ นไฟฉายที่เกบ็ ไว้นานหรือผ่านการใช้งานมานานแล้ว เพ่อื ผลการทำ
กจิ กรรมท่ีแม่นยำ
คำถามท้ายกิจกรรม
ตอนที่ 1 ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าระหวา่ งขั้วของแหล่งกำเนดิ ไฟฟา้
1. คา่ ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าท่วี ัดได้จากโวลต์มิเตอร์และค่าทรี่ ะบุบนแหล่งกำเนิดไฟฟา้ เหมือนหรอื ต่างกันอยา่ งไร
2. จากกจิ กรรมตอนที่ 1 สรปุ ไดว้ ่าอยา่ งไร
ตอนท่ี 2 ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าระหว่างจุดสองจดุ ในวงจรไฟฟ้า
1. การใชโ้ วลตม์ ิเตอร์วัดค่าความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ ของหลอดไฟฟ้าทำไดอ้ ยา่ งไร
2. การเลอื กข้ัวบวกทีร่ องรบั ความต่างศักย์ไฟฟา้ สูงสุดของโวลต์มิเตอร์ทำไดอ้ ยา่ งไร
32
ส่ือการเรยี นรูแ้ ผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 13: แบบบันทึกการคน้ ควา้ กิจกรรมท่ี 6.2
แบบบนั ทกึ การค้นคว้ากิจกรรมที่ 6.2 ใช้โวลต์มเิ ตอร์วัดความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ ได้อย่างไร
ช่ือ-นามสกุล..........................................................................................ชั้น.................เลขท.ี่ ..........กลมุ่ ท.่ี ...........
ตารางบนั ทึกผลการทำกิจกรรม ตอนท่ี 1 ความต่างศักย์ไฟฟา้ ระหวา่ งขั้วของแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า
ตารางแสดง ค่าความต่างศักยไ์ ฟฟ้าของแหล่งกำเนดิ ไฟฟา้
แหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า คา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ (V)
บนฉลาก โวลต์มเิ ตอร์
ถา่ นไฟฉาย 1.5 โวลต์ ....................................................... .......................................................
แบตเตอร่ี 9 โวลต์ ....................................................... .......................................................
หมายเหตุ : คา่ ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ที่ระบบุ นฉลากอาจมีค่าต่างจากท่วี ดั ไดจ้ ากโวลตม์ ิเตอร์
อาจเป็นเพราะแหล่งกำเนิดไฟฟ้านน้ั ได้ผ่านการใช้งานหรอื เกบ็ ไว้เป็นเวลานาน
ตารางบนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม ตอนที่ 2 ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าระหว่างจดุ สองจุดในวงจรไฟฟ้า
ตารางแสดง ค่าความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ที่วดั ไดจ้ ากโวลต์มเิ ตอร์
ข้ัวบวกของโวลต์มิเตอร์ทเ่ี ลือก (V) ความต่างศักย์ไฟฟา้ ท่ีวดั ได้ (V)
....................................................... .......................................................
คำถามท้ายกิจกรรม
ตอนที่ 1 ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าระหวา่ งขั้วของแหล่งกำเนิดไฟฟา้
1. ค่าความต่างศักย์ไฟฟา้ ทวี่ ัดได้จากโวลต์มิเตอร์และคา่ ที่ระบบุ นแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้าเหมือนหรือต่างกันอยา่ งไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. จากกจิ กรรมตอนท่ี 1 สรปุ ได้ว่าอย่างไร
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ตอนท่ี 2 ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าระหว่างจดุ สองจุดในวงจรไฟฟา้
1. การใช้โวลต์มเิ ตอรว์ ดั คา่ ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าของหลอดไฟฟ้าทำได้อย่างไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. การเลอื กขว้ั บวกทรี่ องรบั ความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ สูงสดุ ของโวลต์มิเตอร์ทำไดอ้ ย่างไร
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
แนบทา้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13: การให้คะแนนด้านกระบวนการ (P)
แนวทางบันทึกการค้นควา้ กิจกรรมท่ี 6.2 ใชโ้ วลต์มิเตอร์วดั ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ไดอ้ ย่างไร
33
ตารางบันทกึ ผลการทำกิจกรรม ตอนท่ี 1 ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ระหวา่ งขั้วของแหล่งกำเนดิ ไฟฟา้
ตารางแสดง ค่าความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าของแหล่งกำเนิดไฟฟ้า
แหล่งกำเนดิ ไฟฟา้ คา่ ความต่างศักย์ไฟฟา้ (V)
ถา่ นไฟฉาย 1.5 โวลต์
แบตเตอร่ี 9 โวลต์ บนฉลาก โวลตม์ ิเตอร์
..........................1.5....................... .........................1.50.....................
...........................9........................ ...........................9.0.......................
หมายเหตุ : คา่ ความต่างศักยไ์ ฟฟ้าทร่ี ะบุบนฉลากอาจมีค่าต่างจากทีว่ ัดได้จากโวลตม์ ิเตอร์
อาจเป็นเพราะแหลง่ กำเนิดไฟฟ้านน้ั ได้ผ่านการใช้งานหรอื เกบ็ ไวเ้ ป็นเวลานาน
ตารางบนั ทึกผลการทำกิจกรรม ตอนท่ี 2 ความต่างศักย์ไฟฟา้ ระหว่างจดุ สองจดุ ในวงจรไฟฟ้า
ตารางแสดง ค่าความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าท่ีวดั ไดจ้ ากโวลต์มเิ ตอร์
ข้ัวบวกของโวลตม์ เิ ตอร์ทเ่ี ลือก (V) ความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ ท่ีวดั ได้ (V)
.......................15........................ ............................6.0....................
แนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 13: การให้คะแนนด้านความรู้ (K)
เฉลยใบกจิ กรรมที่ 6.2 ใช้โวลตม์ เิ ตอร์วัดความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ไดอ้ ย่างไร
34
เฉลยคำถามทา้ ยกจิ กรรม
ตอนท่ี 1 ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าระหวา่ งขั้วของแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า
1. ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าทว่ี ัดไดจ้ ากโวลตม์ เิ ตอรแ์ ละค่าท่รี ะบบุ นแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
แนวคำตอบ นกั เรียนตอบตามท่วี ดั ได้ อาจได้ค่าทเ่ี ท่ากันหรือแตกต่างกนั เล็กน้อย แตค่ วรจะได้คา่ ท่ี
ใกลเ้ คียงกนั
2. จากกจิ กรรมตอนที่ 1 สรุปไดว้ ่าอยา่ งไร
แนวคำตอบ คา่ ความต่างศักย์ไฟฟ้าทวี่ ัดไดจ้ ากโวลตม์ ิเตอรก์ ับคา่ ที่ระบุบนแหลง่ กำเนิดไฟฟา้ มคี า่ เท่ากนั
หรืออาจมีคา่ ตา่ งกันเลก็ น้อย
ตอนที่ 2 ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าระหว่างจดุ สองจดุ ในวงจรไฟฟา้
1. การใชโ้ วลตม์ เิ ตอร์วัดค่าความต่างศักยไ์ ฟฟ้าของหลอดไฟฟา้ ทำไดอ้ ย่างไร
แนวคำตอบ การวัดคา่ ความต่างศักย์ไฟฟา้ ของหลอดไฟฟ้าทำได้โดยการตอ่ โวลตม์ เิ ตอร์ครอ่ มหลอดไฟฟ้า
โดยต่อขว้ั บวกของโวลต์มเิ ตอรเ์ ข้ากบั หลอดไฟฟ้าดา้ นท่ตี ่อกบั ข้วั บวกของถ่านไฟฉาย และตอ่ ขวั้ ลบของโวลต์มิเตอร์
เข้ากับหลอดไฟฟ้าดา้ นที่ต่อกับขว้ั ลบของถ่านไฟฉาย
2. การเลอื กข้ัวบวกที่รองรับความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ สูงสุดของโวลตม์ เิ ตอรท์ ำได้อย่างไร
แนวคำตอบ เลอื กขั้วบวกทีม่ ีคา่ มากกว่าและใกล้เคยี งกบั ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของถา่ นไฟฉายขวั้ บวกของ
โวลต์มเิ ตอร์ท่เี ลอื ก (V) ความต่างศักย์ไฟฟา้ ทว่ี ัดได้ (V)
แนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 13: VDO ปฏบิ ตั ิการทางวิทยาศาสตร์สำหรบั ครผู ู้สอน
35
อา้ งอิงจาก https://ipst.me/9875
เว็บไซต์คลงั ความรู้ SciMath สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร เผยแพร่เมื่อ : วันท่ี 27กมุ ภาพนั ธ์ 2562
สาธติ การทดลองเรือ่ ง การใชง้ านแอมมิเตอรท์ ำได้อย่างไร
ตวั อยา่ งการจัดกิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เพ่ือให้นักเรียนหาคำตอบวา่ การใชง้ านโวลต์
มิเตอร์ทำได้อยา่ งไร โดยใหน้ กั เรยี นใชโ้ วลต์มิเตอรว์ ัดค่าความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้า เหมาะสำหรบั นักเรยี น
ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้
ลขิ สทิ ธ์ิ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
ผูแ้ ต่ง หรอื เจ้าของผลงาน สาขาวทิ ยาศาสตรภ์ าคบังคบั
สาขาวิชา/กลุม่ สาระวชิ า วทิ ยาศาสตร์ทั่วไป
ระดับชน้ั ม.3
กลมุ่ เป้าหมาย ครู
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 14
เร่อื ง ความสมั พนั ธ์ระหว่างความตา่ งศกั ย์ กระแสไฟฟ้า และความตา้ นทาน รหัสวชิ า ว23102 เวลา 2 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 6 ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ ไฟฟ้า รวม 22 ชวั่ โมง
36
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรียนท่ี 2
สาระที่ 2 ช่ือสาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.3
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
สสารและพลังงาน พลงั งานในชีวิตประจำวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณท์ ่เี กยี่ วขอ้ งกับเสยี ง แสง และคล่ืน
แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชีว้ ัด
ว 2.3 ม.3/1 วิเคราะห์ความสัมพันธร์ ะหวา่ งความตา่ งศกั ย์ กระแสไฟฟ้า และความตา้ นทาน และ
คำนวณปริมาณท่เี ก่ียวข้อง โดยใชส้ มการ V = IR จากหลักฐานเชิงประจักษ์
ว 2.3 ม.3/2 เขียนกราฟความสัมพนั ธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้า
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
1) ขนาดของกระแสไฟฟา้ มคี ่าแปรผนั ตรงกบั ความตา่ งศักย์ระหว่างปลายทงั้ สองของตัวนำ
โดยอัตราสว่ นระหว่างความตา่ งศักย์และกระแสไฟฟ้ามีค่าคงท่ี เรียกค่าคงทน่ี ว้ี ่า ความตา้ นทาน
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ นกั เรยี นอธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างความต่างศกั ย์ไฟฟา้ กระแสไฟฟา้
1) ดา้ นความรู้ (K) และความตา้ นทานในวงจรไฟฟา้ ได้
2) ดา้ นทกั ษะ (P) นกั เรยี นใช้ทักษะการทดลอง โดยออกแบบการทดลองปฏิบตั กิ ารทดลอง
และออกแบบตารางบนั ทกึ ผลการทดลองเกี่ยวกับความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง
3) ด้านเจตคติ (A) ความตา่ งศักย์ไฟฟา้ กบั กระแสไฟฟา้
นักเรยี นมีลกั ษณะจติ สาธารณะร่วมกบั ผู้อนื่
4. คุณลกั ษณะผู้เรยี น ซือ่ สตั ย์สจุ รติ ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
4.1 คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ มจี ติ สาธารณะ
รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ อยู่อย่างพอเพียง
มวี ินยั รกั ความเปน็ ไทย
5. ด้านสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
ความสามารถในการคิด: นักเรียนสามารถคิด โดยการวิเคราะห์และแปลความหมายข้อมูลจาก
กราฟเพ่ืออธบิ ายความสัมพนั ธข์ องความต่างศักยไ์ ฟฟา้ กระแสไฟฟ้า และความตา้ นทาน
ความสามารถในการสื่อสาร: นักเรยี นสามารถส่อื สาร โดยการนำเสนอข้อมลู ท่ไี ด้จากการวัด
การทดลอง การคำนวณและการอภิปรายมาอธิบายความสมั พันธข์ องความตา่ งศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า
และความต้านทาน
6. สาระการเรยี นรู้
เมอื่ ต่อตวั นำไฟฟ้าทีม่ ลี ักษณะเป็นลวดตัวนำเสน้ หน่ึง ได้แก่ ลวดนิโครม ซ่งึ เป็นโลหะผสมระหวา่ งนกิ เกิล
กบั โครเมียมเข้ากบั สายไฟฟา้ และแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า ทำให้มีความต่างศักย์ไฟฟา้ ระหว่างปลายลวดตัวนำทัง้ สอง
ด้านและมีกระแสไฟฟา้ ผ่านลวดตวั นำนั้น ดังภาพน้นั มีความสมั พนั ธ์กัน
ลวดนโิ ครม
กระแสไฟ ้ฟาที่ผ่านลวด ัตวนำ (A) 37
ภาพแสดง วงจรไฟฟ้าทตี่ ่อกับลวดตวั นำกระแสไฟ ้ฟาท่ีผ่านลวด ัตวนำไฟ ้ฟา (A)
อา้ งองิ จาก: หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 เล่ม 2 ตามหลกั สูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร หน้า 74
เม่ือต่อลวดตัวนำเขา้ กบั แหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า ปลายท้ังสองของลวดตัวนำจะมคี วามตา่ งศักย์ไฟฟ้า ทำให้มี
กระแสไฟฟ้าในลวดตวั นำน้ัน ถ้าความต่างศกั ย์ไฟฟา้ ของปลายทั้งสองของลวดตัวนำเปลีย่ นไป กระแสไฟฟ้าที่
ผา่ นลวดตวั นำน้ันจะมีค่าเปล่ียนไปดว้ ย โดยเมื่อเขียนกราฟความสัมพันธร์ ะหวา่ งความต่างศกั ย์ไฟฟา้ และ
กระแสไฟฟา้ จะได้กราฟเส้นตรงผ่านจดุ กำเนิด ดังภาพ
ภาพแสดง กราฟความสัมพันธ0ร์ ะหวค่าวางมคต่าวงศาักมยไ์ ตฟฟ่าา้ งคศร่อักมลยวดไ์ ตฟัวนฟำ ้า(Vแ) ละกระแสไฟฟ้าของลวดตัวนำ
กราฟระหว่างกระแสไฟฟ้า (I) และความต่างศักย์ไฟฟ้า (V) เป็นกราฟเส้นตรง แสดงว่าถ้าความต่าง
ศักย์ไฟฟ้าเพิ่ม กระแสไฟฟา้ ก็จะเพม่ิ ตาม โดยที่อตั ราสว่ นระหว่างความต่างศกั ย์ไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ มีคา่ คงท่ี
V = คา่ คงท่ี
I
เรียกค่าคงท่นี ี้ว่า ความตา้ นทานไฟฟา้ (resistance) มีสัญลักษณเ์ ปน็ R มีหนว่ ยเป็นโวลตต์ ่อแอมแปร์
หรอื โอหม์ (ohm : Ω) จากความสัมพันธ์ของกระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ไฟฟ้า และความตา้ นทานไฟฟ้า
สามารถเขียนแสดงความสมั พันธ์ใหมใ่ นรปู สมการได้วา่
V =R
I
หรอื
V = IR
ถา้ เปลี่ยนตวั นำไฟฟ้าที่มีความตา้ นทานไฟฟา้ ต่างๆกัน จะพบว่าอตั ราส่วนระหว่างค่าความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้ากับกระแสไฟฟ้า
กจ็ ะต่างกนั ดว้ ย ดงั ภาพ
ตัวนำไฟฟา้ 1
ตัวนำไฟฟ้า 2
ตวั นำไฟฟา้ 3
0 ความต่างศักย์ไฟฟา้ คร่อมลวดตวั นำไฟฟ้า (V)
38
ภาพแสดง กราฟความสัมพันธร์ ะหวา่ งความต่างศกั ย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟา้
ของตัวนำไฟฟ้าที่มีความตา้ นทานไฟฟา้ ต่างกนั
จากความสัมพนั ธ์ของสมการ V = IR สามารถนำไปใช้ในการคำนวณหาความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้า กระแสไฟฟา้
และความต้านทานไฟฟา้ ได้
ตัวอย่างการคำนวณค่าความต้านทานไฟฟา้
เมอื่ ต่อแอมมิเตอรแ์ ละโวลตม์ ิเตอรเ์ ขา้ กับวงจรไฟฟ้า ค่าท่ีอ่านได้
จากมิเตอรท์ ั้งสองเปน็ ดงั ภาพ ลวดตวั นำนม้ี คี วามต้านทานไฟฟา้ เท่าใด
แนวคิด: จากภาพ จะไดว้ า่ ความต่างศักย์ไฟฟา้ ของลวดตัวนำ V = 4.5 V
และกระแลไฟฟ้า I = 300 mA หรอื 0.3 A
จากความสัมพันธ์ V = IR สามารถหาความตา้ นทานไฟฟา้ ได้เปน็
4.5 V = (0.3 A) R
4.5 =R
0.3
R = 15 Ω ดงั นัน้ คา่ ความต้านทานไฟฟ้าของลวดตวั นำเท่ากบั 15 โอห์ม
จากกฎของโอห์ม
จอร์จ ไซมอน โอห์ม(George Simon Ohm) นักฟิสิกส์ ชาวเยอรมันได้ค้นพบความสัมพันธ์
ระหว่างปริมาณของไฟฟ้าทั้ง 3 ตัว คือ ระหว่างกระแสไฟฟ้า (I) แรงดันไฟฟ้า (E) และตัวต้านทาน (R) และได้
สรุปค่าความสัมพันธ์ ดังกล่าวไว้ว่า “กระแสไฟฟ้านั่นวงจรไฟฟ้านั้น จะแปรผัน ตรงกับ แรงดันของแหล่งจ่าย
ไฟฟ้าแตจ่ ะแปรผกผนั กบั คา่ ความต้านทานในวงจรไฟฟา้ ” ดงั สมการ
I= E
R
เมือ่ I = กระแสไฟฟ้า มีหนว่ ยเปน็ แอมป์แปร์ (A)
E = แรงดันไฟฟ้า มหี น่วยเปน็ โวลต์ (V)
R = ความต้านทาน มีหน่วยเปน็ โอหม์ ()
กฎของโอห์มอธิบายได้ว่ากระแสไฟฟา้ ในวงจรจะมีค่าเพิ่มขึ้นถา้ แรงดนั ทแี่ หล่งจ่าย มีค่าเพ่ิมขึ้น
และในทางกลับกันถ้าแหล่งจ่ายไฟฟ้ามีค่าคงที่ กระแสไฟฟ้าจะมีค่าลดลง เมื่อค่าความต้านทานในวงจรไฟฟ้ามี
คา่ มากขึน้ ความสัมพันธ์ตามกฎของโอหม์ อาจเขยี น ในรปู สามเหล่ยี ม ดงั รูป
39
ภาพแสดง สามเหลย่ี มหาคา่ ความสมั พันธ์ตามกฎของโอห์ม
จากกฎของโอหม์ สามารถนำมาคำนวณหาค่าความต้านทานไฟฟา้ แบบอนุกรมและขนานได้ดังน้ี
R1 R2
1) การต่อตัวต้านทานแบบอนุกรม
จากกฎของ โอห์ม จะได้ว่า IR = I1R1 + I2R2
แต่ I = I1 = I2
R = R1 + R2 1
2) การต่อตัวตา้ นทานแบบขนาน R1
จากกฎของ โอห์ม จะได้ว่า V = +V1 V2 R2
R R1 R2
แต่ V = V1 = V2
1 11 2
R= +R1 R 2
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ใชร้ ปู แบบการจัดการเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (2 ชวั่ โมง; 120นาท)ี
ข้นั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) (20 นาที)
1) ครสู นทนารว่ มกับนักเรียนโดยใช้คำถามกระตนุ้ ความคิดว่า จากความสมั พันธ์กฏของโอห์มมี
ความสัมพันธ์อะไรบ้าง มีสูตรการคำนวณอะไร (จอร์จ ไซมอน โอห์ม(George Simon Ohm) นักฟิสิกส์
ชาวเยอรมนั ไดค้ ้นพบความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณของไฟฟ้าท้ัง 3 ตวั คอื ระหวา่ งกระแสไฟฟ้า (I) แรงดันไฟฟ้า
(EหรือV) และตัวต้านทาน (R) และได้สรุปค่าความสัมพันธ์ ดังกล่าวไว้ว่า “กระแสไฟฟ้านั่นวงจรไฟฟ้าน้ัน
จะแปรผัน ตรงกบั แรงดนั ของแหลง่ จ่ายไฟฟ้าแตจ่ ะแปรผกผันกับคา่ ความตา้ นทานในวงจรไฟฟ้า”ความสัมพันธ์
ประกอบดว้ ย 3 สว่ น คอื กระแสไฟฟา้ แรงดนั ไฟฟา้ และความต้านทานไฟฟา้ สูตร I = E/R, E = IxR, R = E/I)
ขน้ั ท่ี 2 ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) (40 นาที)
2) ครเู ช่อื มโยงเขา้ สกู่ ิจกรรมท่ี 6.3 กระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าของตัวนำไฟฟา้ มี
ความสมั พันธ์กนั อยา่ งไร โดยใช้คำถามว่า คา่ กระแสไฟฟ้าที่ผา่ นลวดตัวนำและความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ครอ่ มลวด
ตวั นำนน้ั มคี วามสัมพันธก์ นั หรือไม่ อย่างไร (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
3) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 75 และครูตรวจสอบความ
เข้าใจการอา่ น โดยใชค้ ำถามดงั ต่อไปน้ี
- กจิ กรรมน้เี ก่ียวกับเรื่องอะไร (ความสมั พันธร์ ะหว่างกระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าของ
ลวดนิโครม)
- กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (วิเคราะห์และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้าที่ผ่าน
ลวดนโิ ครมและความต่างศกั ย์ไฟฟา้ คร่อมลวดนโิ ครมโดยใชก้ ราฟ)
40
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ต่อลวดนิโครมกับสวิตช์และถ่านไฟฉายให้เป็น
วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ต่อโวลต์มิเตอร์และแอมมิเตอร์เพื่อวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของลวดนิโครมและ
ค่ากระแสไฟฟ้าที่ผ่านลวดนิโครม บันทึกค่าปริมาณทางไฟฟ้าเมื่อใช้ถ่านไฟฉาย 1 2 3 และ 4 ก้อน ตามลำดับ
เขยี นกราฟและวเิ คราะหค์ วามสมั พันธข์ องกระแสไฟฟา้ และความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าของลวดนิโครม)
-ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมีอะไรบ้าง (เมื่ออ่านค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้า
แลว้ ต้องยกสวิตช์ขึ้นทุกครง้ั ทันที เพือ่ ไม่ใหม้ ีกระแสไฟฟ้าในวงจรเปน็ เวลานาน ซ่งึ จะทำใหล้ วดนิโครมร้อน และ
ค่าที่วัดได้จะมีความคลาดเคลื่อน นอกจากนี้ต้องระวังไม่ให้ขดลวดนิโครมแตะกันเพราะจะทำให้เกิดไฟฟ้า
ลัดวงจร)
- นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (นักเรียนต้องสังเกตค่ากระแสไฟฟ้าและ
ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ของลวดนิโครมเม่ือใชถ้ ่านไฟฉาย 1 2 3 และ 4 กอ้ น ตามลำดบั )
4) ขณะที่นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม ครูเดินสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่ม
และให้คำแนะนำ หากนักเรียนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการต่อวงจรไฟฟ้า การต่อแอมมิเตอร์และโวลต์มิเตอร์
การเปลี่ยนขั้วบวกของแอมมิเตอร์และโวลต์มิเตอร์ การอ่านค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าบนหน้าปัด
และการเขียนกราฟ แสดงความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้า ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหา
และขอ้ สงสยั ที่พบจากการทำกจิ กรรม เพ่ือใชเ้ ป็นขอ้ มูลประกอบการอภิปรายหลงั จากการทำกจิ กรรม
ข้นั ที่ 3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (20 นาที)
5) นักเรียนบนั ทึกการทำกจิ กรรมลงในแบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมท่ี 6.3 กระแสไฟฟ้าและ
ความต่างศักย์ไฟฟ้าของตัวนำไฟฟ้ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร โดยสรุปผลและตอบคำถามท้ายกิจกรรม เพื่อให้
ไดข้ อ้ สรปุ จากกิจกรรมวา่ ค่ากระแสไฟฟ้าและความตา่ งศักย์ไฟฟ้าทีผ่ ่านลวดนโิ ครมมีความสัมพันธ์แบบเชิงเส้น
โดยเมื่อค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าเพิ่ม ค่ากระแสไฟฟ้าจะเพิ่มตาม เมื่อเขียนกราฟระหว่างความต่างศักย์ไฟฟ้าและ
กระแสไฟฟา้ จะไดก้ ราฟเสน้ ตรงผ่านจุดกำเนดิ
ขน้ั ที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที)
6) ให้นักเรียนเรียนรู้เพิ่มเติมโดยอ่านเนื้อหาในหนังสือเรียนหน้า 76-77 แล้วร่วมกันอภิปราย
เกี่ยวกับความสัมพนั ธร์ ะหว่างกระแสไฟฟ้า ความต่างศกั ย์ไฟฟ้า และความต้านทานไฟฟา้ ของตัวนำไฟฟ้า เพ่อื ให้
ได้ข้อสรุปว่า ในตัวนำไฟฟ้าหนึ่ง เมื่อความต่างศักย์ไฟฟ้าของตัวนำมีค่ามากข้ึน กระแสไฟฟ้าจะมีค่าเพิ่มข้ึน
โดยอัตราส่วนระหว่างความต่างศักย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าของตัวนำไฟฟ้าจะมีค่าคงที่ เรียกว่าความต้านทาน
ไฟฟ้า เขียนความสัมพนั ธไ์ ดด้ งั สมการ V = IR จากน้นั ใชค้ ำถามระหว่างเรียนเพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ
7) นักเรียนตอบคำถามชวนคิด จำนวน 3 ข้อ (หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร หนา้ 79) (เฉลยแนบทา้ ยแผนการจัดการเรยี นรู้)
ข้นั ท่ี 5 ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (20 นาที)
8) นักเรยี นตรวจสอบการทำคำถามชวนคิดและแบบบนั ทึกการคน้ คว้า สง่ ตามกำหนดท่ีวางไว้
9) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมิน (Rubrics Score)
8. ส่ือการเรยี นรู้/แหล่งเรียนรู้
8.1 อปุ กรณ์ทำกจิ กรรม: 1) ถา่ นไฟฉายขนาด 1.5 V 2) กระบะถา่ นแบบ 4 ก้อน 3) สายไฟฟา้
4) ลวดนิโครมเบอร์ 26 ความยาว 1 m 5) สวิตช์แบบโยก
41
6) แอมมิเตอร์ 7) โวลต์มิเตอร์
8.2 ใบกจิ กรรม: ใบกจิ กรรมท่ี 6.3 กระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าของตัวนำไฟฟ้า
มคี วามสัมพันธก์ นั อย่างไร
8.3 แบบบันทึกกิจกรรม: แบบบันทึกการค้นควา้ กจิ กรรมท่ี 6.3 กระแสไฟฟา้ และความตา่ งศักย์ไฟฟ้า
ของตัวนำไฟฟ้ามีความสมั พันธก์ นั อยา่ งไร
8.4 แหลง่ เรียนรู้: หนังสอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 เลม่ 2
ตามหลกั สูตรแกนกลางฯ พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท.
9. การวดั และการประเมิน
ตัวชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ วธิ กี ารวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑ์ทใ่ี ช้ในการประเมนิ
1. อธิบายความสมั พนั ธ์ - ตรวจการตอบ - คำถามท้ายกจิ กรรมท่ี 6.3 - ได้ไมน่ ้อยกวา่ 2 คะแนน
ระหว่างความต่างศกั ย์ไฟฟ้า คำถามท้าย กระแสไฟฟา้ และความ ระดับคุณภาพดี ถือวา่
กระแสไฟฟา้ และความ กจิ กรรมที่ 6.3 ตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าของตัวนำ ผ่านการประเมิน
ต้านทานในวงจรไฟฟ้าได้ ไฟฟ้ามีความสมั พันธ์กนั ด้านความรู้
(ด้านความรู้: K) อย่างไร จำนวน 5 ข้อ
2. การใช้ทกั ษะการทดลอง - ตรวจการทำแบบ - แบบบันทกึ การคน้ คว้า - ไดไ้ มน่ ้อยกว่า 2 คะแนน
โดยออกแบบตารางบนั ทกึ ผล บนั ทึกการคน้ คว้า กิจกรรมท่ี 6.3กระแสไฟฟ้า ระดบั คุณภาพดี ถือว่า
เกย่ี วกบั ความสมั พันธค์ วาม กิจกรรมที่ 6.3 และความต่างศักย์ไฟฟา้ ผ่านการประเมิน
ต่างศักย์ไฟฟ้ากบั กระแสไฟฟ้า ของตัวนำไฟฟา้ มี ดา้ นกระบวนการ
(ดา้ นกระบวนการ: P) ความสัมพันธก์ ันอยา่ งไร
3. คุณลกั ษณะการมี - สงั เกตพฤติกรรม - เกณฑ์การประเมนิ ได้ไม่นอ้ ยกว่า 2 คะแนน
จิตสาธารณะ การเรียนรรู้ ว่ มกบั คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดับคุณภาพดี ถือว่าผา่ น
(ด้านเจตคต:ิ A) ผูอ้ ื่น ดา้ นการมีจติ สาธารณะ การประเมนิ ดา้ นเจตคติ
9.1 เกณฑก์ ารประเมินผลนักเรยี น เกณฑก์ ารประเมิน (Rubrics Score)
42
ประเดน็ การประเมนิ ค่านำ้ หนกั แนวทางการให้คะแนน
คะแนน
การให้คะแนนตอบ ตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรมที่ 6.3 ถกู ต้อง จำนวน 4-5 ข้อ
คำถามท้าย 3 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ 6.3 ถูกต้อง จำนวน 2-3 ข้อ
กิจกรรมที่ 6.3 2 ตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรมท่ี 6.3 ถกู ต้อง จำนวน 1 ขอ้ หรือไม่ถกู ต้อง
1
ประเดน็ การประเมิน ค่าน้ำหนัก แนวทางการให้คะแนน
การให้คะแนนการบนั ทึก คะแนน
แบบบันทกึ การค้นคว้า บนั ทึกผลการทำกิจกรรม มีการออกแบบการทดลอง ปฏิบตั กิ ารทดลอง
3 ออกแบบตารางบนั ทึกผลการทดลอง และแสดงกราฟความสัมพันธ์
กิจกรรมท่ี 6.3 เกย่ี วกบั ความสัมพันธร์ ะหวา่ งความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้ากบั กระแสไฟฟ้าได้
2 อย่างถูกต้องเหมาะสม ครบทุกประเด็น สอดคล้องกบั เนื้อหาในกจิ กรรม
การให้คะแนนพฤติกรรม บันทกึ ผลการทำกจิ กรรม มีการออกแบบการทดลอง ปฏิบตั กิ ารทดลอง
คณุ ลักษณะการมีจิต 1 ออกแบบตารางบันทึกผลการทดลอง และแสดงกราฟความสัมพนั ธ์
สาธารณะ เกยี่ วกบั ความสัมพันธร์ ะหวา่ งความต่างศักย์ไฟฟา้ กบั กระแสไฟฟ้าได้
3 ถกู ต้อง แตม่ ีขอ้ ผดิ พลาดบางสว่ น ทีไ่ ม่สอดคล้องกับเน้อื หาในกิจกรรม
บนั ทึกผลการทำกิจกรรม มีการออกแบบการทดลอง ปฏิบัตกิ ารทดลอง
2 ออกแบบตารางบันทึกผลการทดลอง และแสดงกราฟความสัมพันธ์
เกยี่ วกบั ความสัมพนั ธ์ระหว่างความตา่ งศักย์ไฟฟ้ากบั กระแสไฟฟ้าได้ไม่
1 ถูกต้อง มีข้อผดิ พลาด ท่ไี ม่สอดคล้องกบั เน้ือหาในกิจกรรม
1) ดแู ลรกั ษาอปุ กรณท์ างวิทยาศาสตรแ์ ละทรพั ยส์ นิ ภายในหอ้ งเรยี น
ของนักเรียนทกุ คร้ังหลงั การใช้งาน
2) มีจิตอาสาช่วยเหลือการทำงานกลุม่ รว่ มกบั ผู้อื่น จึงไม่เกิดปัญหา
ภายในกลมุ่
1) ดแู ลรักษาอปุ กรณท์ างวิทยาศาสตรแ์ ละทรัพย์สินภายในหอ้ งเรียน
แตเ่ กิดอบุ ตั ิเหตุ ทำให้อปุ กรณ์เสียหาย
2) ไม่มจี ติ อาสาและไม่ชว่ ยเหลือการทำงานกลุ่ม ทำใหเ้ กิดปัญหา
ภายในกลมุ่ แต่สามารถแก้ปัญหาได้
1) ไมด่ ูแลอุปกรณ์ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละและทรพั ย์สนิ ภายในหอ้ งเรยี น
หลังการใชง้ าน
2) ไม่มจี ิตอาสาและไม่ช่วยเหลอื การทำงานกล่มุ ทำใหเ้ กิดปญั หา
ภายในกลุม่
9.2 ระดบั คุณภาพ หมายถงึ ดมี าก
คะแนนรวมเฉล่ยี 3.00
43
คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉลย่ี 0.01 - 1.99 หมายถึง พอใช้
ดังนน้ั นักเรยี นตอ้ งได้คะแนนเฉล่ียทกุ ประเด็นการประเมิน ไมต่ ำ่ กวา่ 2.00 แสดงระดับ
คุณภาพ ดี ถอื ว่าผ่านเกณฑ์การประเมินในแผนการจัดการเรยี นท่ี 14
บนั ทกึ หลังการสอน
44
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 ไฟฟา้ .... ...... ... ...
แผนการสอนเรื่อง 14 ความสมั พันธ์ระหว่างความต่างศักย์ กระแสไฟฟ้า และความต้านทาน
วันท.่ี ..............................เดือน...............................................................พ.ศ.................
1. สรปุ ผลการเรียนการสอน
1. นกั เรยี นจำนวน....................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้...........คน คิดเป็นรอ้ ยละ.............
ไม่ผ่านจุดประสงค.์ ......................คน คดิ เป็นร้อยละ.............
ได้แก.่ .................................................................................................
2. สรุปผลตามรายจดุ ประสงค์การเรียนรู้
2.1 นักเรียนมคี วามรูค้ วามเข้าใจ ( K)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.2 นักเรยี นมคี วามรเู้ กดิ กระบวนการ (P)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.3 นกั เรียนมเี จตคติ (A)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะหลังการจดั การเรียนการสอน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ ............................................ครผู ู้สอน ลงชื่อ.............................................หวั หนา้ กลุ่มสาระ
() ()
ตำแหนง่ ................................................... ลงช่ือ.............................................ผ้ชู ว่ ย/รองฯวิชาการ
…………./……………./………… ()
ลงชื่อ............................................ผ้อู ำนวยการ
()
แบบบันทึกการประเมินคุณภาพการเรียนรู้ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3
รายวชิ าวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (ว23102) หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 ไฟฟา้ I
45
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 14 เรอื่ ง ความสมั พันธ์ระหว่างความต่างศักย์ กระแสไฟฟ้า และความตา้ นทาน.
คำชีแ้ จง: ทำเครอื่ งหมาย ✓ ในช่องคา่ น้ำคะแนนแต่ละด้านตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ โดยประเมินตามเกณฑ์
(Rubrics Score)
เลข ชือ่ -นามสกุล/ ด้านความรู้ (K) ด้านกระบวนการ (P) ดา้ นเจตคติ (A) คะแนนรวม
ที่ รหัสนักเรยี น คา่ นำ้ หนักคะแนน ค่านำ้ หนกั คะแนน ค่าน้ำหนกั คะแนน
ระดับ
3 2 1 3 2 1 32 1 คุณภาพ
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
ด้านความรู้ (K) ด้านกระบวนการ (P) ดา้ นเจตคติ (A) ค
ะ
รแ
ะน
ดัน
รุควบณ
46
เลข ชอื่ -นามสกุล/ คา่ น้ำหนกั คะแนน คา่ นำ้ หนกั คะแนน คา่ น้ำหนกั คะแนน
ที่ รหัสนกั เรยี น 3 2 1 3 2 1 3 2 1
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
เกณฑ์การพจิ ารณาคณุ ภาพ หมายถึง ดมี าก
คะแนนรวมเฉลีย่ 3.00 หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉล่ยี 2.00 - 2.99 หมายถึง พอใช้
คะแนนรวมเฉลี่ย 0.01 - 1.99
ตอ้ งไดค้ ะแนนเฉลี่ยทกุ ประเด็นการประเมนิ ไม่ต่ำกว่า 2.00 แสดงระดับคุณภาพ ดี ข้ึนไปเท่านั้น
ถึงจะผา่ นการเรยี นรู้ตามตัวช้วี ดั
ผลการประเมินการเรยี นรู้ของนักเรียน
ผูเ้ รยี นที่ ผ่าน ตัวชว้ี ัด
มีจำนวน…………………………คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………………………………………………..
ผเู้ รียนท่ี ไม่ผา่ น ตวั ชว้ี ดั
มีจำนวน…………………………คน คิดเปน็ ร้อยละ………………………………………………..
1)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
2)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
3)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
สือ่ การเรยี นรู้แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 14: ใบกจิ กรรมที่ 6.3
47
ใบกจิ กรรมท่ี 6.3 กระแสไฟฟ้าและความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าของตัวนำไฟฟา้ มีความสัมพันธก์ นั อยา่ งไร
หนังสือเรยี นรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หนา้ 75
กจิ กรรมท่ี 6.3 กระแสไฟฟา้ และความต่างศักย์ไฟฟา้ ของตวั นำไฟฟ้ามคี วามสัมพนั ธก์ ันอย่างไร?
จดุ ประสงค์
วสั ดุอุปกรณ์ วเิ คราะห์และอธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟ้าทผี่ ่านลวดนิโครมและ
ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าคร่อมลวดนโิ ครมโดยใชก้ ราฟ
วิธีดำเนนิ กิจกรรม
วสั ดุทใ่ี ช้ต่อกลุ่ม
1. ถา่ นไฟฉายขนาด 1.5 V 4 ก้อน
2. กระบะถา่ นแบบ 4 ก้อน 1 อนั
3. สายไฟฟ้า 6 เสน้
4. ลวดนโิ ครมเบอร์ 26 ความยาว 1 m 1 เส้น
5. สวติ ช์แบบโยก 1 อนั
6. แอมมเิ ตอร์ 1 เครอ่ื ง
7. โวลต์มิเตอร์ 1 เครอ่ื ง
1. ต่อวงจรไฟฟ้าท่ีประกอบด้วยถ่านไฟฉาย
1 ก้อน สวิตช์ สายไฟฟ้า ลวดนิโครมยาว
1 เมตร ที่ขดเป็นเกลียวและแอมมิเตอร์
มาต่อเรียงกัน แล้วต่อโวลต์มิเตอร์คร่อม
ปลายท้งั สองของลวดนิโครม ดงั ภาพ ภาพการจดั อุปกรณ์ในกจิ กรรม
2. กดสวิตซล์ ง เพ่ือใหว้ งจรปิด อา่ นค่ากระแสไฟฟา้ และความต่างศักยไ์ ฟฟ้า บันทกึ ผล
แลว้ ยกสวิตช์ขนึ้ ทำซำ้ ข้อ 1-2 โดยเพิม่ ถา่ นไฟฉายทลี ะกอ้ นโดยตอ่ เรียงกันไปแบบ
อนกุ รมจนครบ 4 ก้อน
4. เขียนกราฟแสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งค่ากระแสไฟฟา้ ท่ีผา่ นลวดนโิ ครมและ
ความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ คร่อมลวดนิโครม โดยให้ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าเป็นแกนนอน
และกระแสไฟฟ้าเป็นแกนตงั้
5. รว่ มกันวเิ คราะห์และอภปิ รายความสมั พันธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟ้าแลความต่าง
ศกั ย์ไฟฟา้ ของลวดนโิ ครม นำเสนอ
กิจกรรมท่ี 6.3 กระแสไฟฟา้ และความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าของตวั นำไฟฟ้ามคี วามสัมพนั ธ์กนั อย่างไร?
48
การเตรียมตวั • ครูควรตรวจสอบคณุ ภาพของอุปกรณ์ไฟฟา้ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใชง้ าน
ล่วงหน้าสำหรบั ครู • ครคู วรฝกึ การใช้และการอา่ นคา่ จากแอมมิเตอร์และโวลต์มเิ ตอรจ์ นเกิดความชำนาญ
ข้อควรระวงั • เม่อื อา่ นค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าแล้วตอ้ งยกสวิตชข์ ้ึนทุกครั้งทันที
เพอ่ื ไมใ่ ห้มกี ระแสไฟฟา้ ในวงจรเปน็ เวลานาน ซ่ึงจะทำใหล้ วดนิโครมร้อน และคา่ ท่ีวัด
ไดจ้ ะมีความคลาดเคล่ือน
• ระวงั ไม่ใหข้ ดลวดนิโครมแตะกันเพราะจะทำใหเ้ กิดการลัดวงจร
ข้อเสนอแนะใน • ครคู วรทบทวนการใชง้ านแอมมเิ ตอรแ์ ละโวลตม์ เิ ตอร์จนม่ันใจวา่ สามารถให้
การทำกจิ กรรม คำแนะนำแก่นักเรยี นได้อย่างถกู ต้อง
• เน่ืองจากกิจกรรมนใี้ ช้ลวดนิโครมยาว 1 เมตร ครูควรแนะนำใหน้ ักเรียนเตรยี ม
ลวดนิโครมใหเ้ ป็นเกลยี ว โดยการพนั ลวดนิโครมรอบดนิ สอหรือปากกา ดงั ภาพ
เพ่ือความสะดวกในการทำกิจกรรม
ภาพการพันลวดนโิ ครมให้เปน็ เกลยี ว
คำถามท้ายกจิ กรรม
1. เมื่อเพ่ิมจำนวนถ่านไฟฉายในวงจรไฟฟา้ คา่ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ ระหวา่ งปลายทง้ั สองของลวดนโิ ครมเปน็ อยา่ งไร
2. เมอื่ เพ่ิมจำนวนถา่ นไฟฉายในวงจรไฟฟา้ ค่ากระแสไฟฟา้ ท่ผี ่านลวดนิโครมเปน็ อยา่ งไร
3. ค่ากระแสไฟฟา้ ที่ผ่านลวดนโิ ครมและความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ คร่อมลวดนิโครมมคี วามสมั พนั ธก์ นั อยา่ งไร
ทราบได้อย่างไร
4. อตั ราส่วนระหวา่ งความต่างศักย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าที่วัดได้แต่ละคร้งั มคี า่ เปน็ อย่างไร
5. จากกิจกรรม สรุปได้ว่าอยา่ งไร
สือ่ การเรยี นรู้แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 14: แบบบันทึกการค้นคว้ากจิ กรรมที่ 6.3
49
แบบบนั ทึกการค้นควา้ กิจกรรมที่ 6.3 กระแสไฟฟ้าและความตา่ งศักย์ไฟฟ้าของตัวนำไฟฟ้า
มีความสัมพนั ธ์กนั อยา่ งไร
ช่ือ-นามสกุล..........................................................................................ชั้น.................เลขท.่ี ..........กลุ่มท.่ี ...........
ตารางบนั ทึกผลการทำกิจกรรม
ตารางแสดง ค่าความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ครอ่ มลวดนิโครมและค่ากระแสไฟฟา้ ทผ่ี ่านลวดนโิ ครม
จำนวนถ่านไฟฉาย 1.5 ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าครอ่ ม กระแสไฟฟ้าท่ผี ่าน
โวลต์ (ก้อน) ลวดนิโครม (V) ลวดนิโครม (A)
1
………………………………………….. …………………………………………..
2
………………………………………….. …………………………………………..
3
………………………………………….. …………………………………………..
4
………………………………………….. …………………………………………..
กราฟความสัมพันธ์ระหวา่ งความตา่ งศักย์ไฟฟ้าคร่อมลวดนโิ ครมและคา่ กระแสไฟฟา้ ทผ่ี ่านลวดนโิ ครม
กระแสไฟ ้ฟา ี่ทผ่านลวด ินโครม (แอมแปร์)
0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000
0
01 23 456
แนบท้ายแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1ค4ว:ามตา่ งศักย์ไฟฟ้าคร่อมลวดนิโครม (โวกลาตร์)ใหค้ ะแนนด้านกระบวนการ (P)
(แอมแปร)์