The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ์Nittaya Konchum, 2022-09-10 11:55:38

เรื่อง ไฟฟ้า

แผนการจัดการเรียนรู้

150

คำถามท้ายกิจกรรม

ตอนที่ 1 ตัวต้านทานคงที่

1. วงจรไฟฟ้าทีไ่ ม่มตี ัวต้านทานคงทีแ่ ละวงจรไฟฟ้าท่มี ตี วั ต้านทานคงท่ี เม่ือตอ่ ครบวงจร
ผลทเี่ กดิ ขึ้นแตกต่างกนั อยา่ งไร
2. การสลบั ขาตวั ตา้ นทานคงทมี่ ผี ลต่อวงจรไฟฟ้าหรือไม่ อยา่ งไร
3. เมอ่ื เปล่ยี นตวั ตา้ นทานคงทที่ ่ีมขี นาดความต้านทานไฟฟ้าเพิ่มขน้ึ มีผลตอ่ วงจรไฟฟา้ อย่างไร
4. กิจกรรมตอนท่ี 1 สรปุ ได้วา่ อย่างไร

ตอนท่ี 2 ตัวต้านทานแปรค่าได้

1. การหมุนปุม่ ปรับค่าของตัวต้านทานแปรค่าได้ไปดา้ นหน่งึ มผี ลตอ่ ความตา้ นทานไฟฟ้าหรือไม่
ทราบไดอ้ ยา่ งไร
2. การหมนุ ปุ่มปรับคา่ ของตวั ต้านทานแปรค่าไดใ้ นทศิ ทางตรงกันข้าม ทำให้ความต้านทานไฟฟ้า
มีการเปล่ยี นแปลงตา่ งจากขอ้ 1 หรอื ไม่ ทราบไดอ้ ยา่ งไร
3. จากกจิ กรรมตอนที่ 2 สรุปไดว้ า่ อย่างไร
4. จากกจิ กรรมท้งั 2 ตอน สรุปไดว้ า่ อยา่ งไร

ส่อื การเรียนรู้แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 20: 151
แบบบันทกึ การคน้ คว้ากจิ กรรมที่ 6.7

แบบบนั ทึกการค้นคว้ากจิ กรรมที่ 6.7 ตัวต้านทานมีหน้าทอ่ี ะไร

ชื่อ-นามสกุล..........................................................................................ช้ัน.................เลขท.ี่ ..........กลมุ่ ท.่ี ...........

 ตารางบนั ทึกผลการทำกจิ กรรม ตอนท่ี 1 ตัวต้านทานคงท่ี
ตารางแสดง การเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้าและปริมาณกระแสไฟฟา้ เมื่อต่อตวั ต้านทานในวงจรไฟฟ้า

ความต้านทานไฟฟา้ ของ การเปลยี่ นแปลงของหลอดไฟฟา้ ปริมาณกระแสไฟฟ้า (A)

ตัวต้านทานในวงจรไฟฟ้า (Ω)
-

10 โอห์ม
10 โอห์ม (สลับขา)

30 โอห์ม
100 โอหม์

 ตารางบันทึกผลการทำกิจกรรม ตอนที่ 2 ตัวตา้ นทานแปรค่าได้
ตารางแสดง การเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้าและปริมาณกระแสไฟฟา้ เม่ือหมนุ ปุ่มปรบั คา่ ของ
ตัวตา้ นทานแปรคา่ ได้

การตอ่ ตัวตา้ นทาน ลกั ษณะการหมุน การเปลีย่ นแปลง ปรมิ าณกระแสไฟฟ้า
แปรคา่ ไดใ้ น ของหลอดไฟฟ้า
วงจรไฟฟา้ ............................................ ............................................
............................................ ............................................ ............................................
ตอ่ ขากลาง ............................................ ............................................ ............................................
และขารมิ ซา้ ย ............................................ ............................................
............................................ ............................................ ............................................
ต่อขากลาง ............................................ ............................................ ............................................
และขาริมขวา ............................................ ............................................
............................................ ............................................ ............................................
............................................

............................................
............................................

แนบท้ายแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 20: 152
การใหค้ ะแนนด้านกระบวนการ (P)

แนวทางบนั ทึกการค้นควา้ กิจกรรมที่ 6.7 ตัวตา้ นทานมีหนา้ ทีอ่ ะไร

 ตารางบันทึกผลการทำกิจกรรม ตอนที่ 1 ตัวตา้ นทานคงที่

ตารางแสดง การเปล่ียนแปลงของหลอดไฟฟ้าและปรมิ าณกระแสไฟฟ้าเมื่อต่อตัวตา้ นทานในวงจรไฟฟา้

ความต้านทานไฟฟ้าของ การเปลีย่ นแปลงของหลอดไฟฟา้ ปริมาณกระแสไฟฟ้า (A)

ตวั ต้านทานในวงจรไฟฟ้า (Ω) สว่าง 0.47
- สว่างลดลง 0.30
สว่างเทา่ กับเม่ือไม่ได้สลับขา 0.30
10 โอห์ม สวา่ งลดลงมาก 0.16
10 โอห์ม (สลบั ขา) ไม่สว่าง 0.06

30 โอห์ม
100 โอห์ม

 ตารางบนั ทึกผลการทำกิจกรรม ตอนท่ี 2 ตัวตา้ นทานแปรคา่ ได้

ตารางแสดง การเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้าและปรมิ าณกระแสไฟฟ้าเมอื่ หมนุ ปมุ่ ปรบั คา่ ของ
ตัวตา้ นทานแปรคา่ ได้

การต่อตวั ตา้ นทาน ลักษณะการหมุน การเปล่ียนแปลง ปรมิ าณกระแสไฟฟา้
แปรค่าไดใ้ น ของหลอดไฟฟา้ คา่ กระแสไฟฟ้าลดลง
วงจรไฟฟา้ หมุนไปทลี ะน้อยจนสุด คา่ กระแสไฟฟ้าเพ่ิมข้นึ
หลอดไฟฟ้าสวา่ งลดลง
ต่อขากลาง หมนุ กลับทลี ะน้อย จนไมส่ ว่าง ค่ากระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
และขาริมซา้ ย จนสดุ
หลอดไฟฟา้ จากไม่สวา่ ง คา่ กระแสไฟฟา้ ลดลง
ตอ่ ขากลาง หมนุ ไปทีละน้อยจนสุด มีความสว่างเพ่ิมขน้ึ
และขารมิ ขวา จนสว่างมาก
หมุนกลบั ทีละน้อย
จนสดุ หลอดไฟฟ้าจากไมส่ ว่าง
มีความสวา่ งเพิ่มขน้ึ
จนสว่างมาก
หลอดไฟฟา้ สวา่ งลดลง
จนไม่สว่าง

153

แนบทา้ ยแผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 20: การใหค้ ะแนนดา้ นความรู้ (K)

เฉลยใบกิจกรรมท่ี 6.7 ตัวต้านทานมีหน้าทอี่ ะไร

เฉลยคำถามท้ายกิจกรรม

ตอนท่ี 1 ตัวต้านทานคงที่

1. วงจรไฟฟา้ ที่ไมม่ ตี ัวต้านทานคงทแี่ ละวงจรไฟฟา้ ท่ีมีตัวต้านทานคงที่ เมอื่ ต่อครบวงจร ผลที่เกิดข้นึ แตกต่างกัน
อยา่ งไร

แนวคำตอบ วงจรไฟฟ้าที่มีตัวต้านทานคงที่มีปรมิ าณกระแสไฟฟ้าน้อยกว่าและหลอดไฟฟา้ สว่างลดลง
กวา่ วงจรไฟฟ้าท่ีไมม่ ีตัวตา้ นทานคงท่ี

2. การสลับขาตัวตา้ นทานคงทม่ี ีผลตอ่ วงจรไฟฟ้าหรือไม่ อย่างไร
แนวคำตอบ การสลับขาตวั ต้านทานคงท่ีไม่มผี ลตอ่ วงจรไฟฟา้ เนื่องจากเมื่อสลับขาของตวั ตา้ นทานคงที่

ปรมิ าณกระแสไฟฟ้าและความสว่างของหลอดไฟฟ้าเหมือนกบั เม่ือไมส่ ลบั ขาของตวั ตา้ นทานคงท่ี

3. เม่อื เปล่ียนตัวต้านทานคงทที่ ีม่ ีขนาดความตา้ นทานไฟฟา้ เพิ่มขน้ึ มีผลตอ่ วงจรไฟฟ้าอยา่ งไร
แนวคำตอบ เมื่อเปลี่ยนตัวต้านทานคงที่ทีม่ ีขนาดความต้านทานไฟฟ้าเพิม่ ข้ึน มผี ลตอ่ วงจรไฟฟ้า
โดยปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจรมีคา่ ลดลงและหลอดไฟฟ้ามคี วามสว่างลดลง

4. กจิ กรรมตอนท่ี 1 สรปุ ได้ว่าอยา่ งไร
แนวคำตอบ เม่ือต่อตวั ต้านทานคงทีแ่ บบอนุกรมในวงจรไฟฟา้ ทำให้ปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจรมี

ค่าลดลงและความสว่างของหลอดไฟฟ้าลดลง การสลับขาของตวั ต้านทานคงท่ีไม่มีผลตอ่ ปริมาณกระแสไฟฟ้า
ในวงจรไฟฟา้ และความสวา่ งของหลอดไฟฟ้า

154

แนบทา้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20: การใหค้ ะแนนดา้ นความรู้ (K)

เฉลยใบกิจกรรมท่ี 6.7 ตวั ต้านทานมีหน้าท่ีอะไร

เฉลยคำถามท้ายกจิ กรรม
ตอนที่ 2 ตัวต้านทานแปรคา่ ได้

1. การหมุนปุ่มปรับค่าของตัวต้านทานแปรค่าไดไ้ ปดา้ นหน่ึง มีผลต่อความตา้ นทานไฟฟ้าหรือไม่ ทราบได้
อยา่ งไร

แนวคำตอบ การหมุนปุ่มปรับค่าของตัวต้านทานแปรค่าไดไ้ ปด้านหนึง่ มีผลต่อความต้านทานไฟฟา้
โดยทำให้ความตา้ นทานไฟฟ้ามกี ารเปลย่ี นแปลง สังเกตได้จากการเปลย่ี นแปลงของปรมิ าณกระแสไฟฟา้ และ
ความสวา่ งของหลอดไฟฟา้ เชน่ ปริมาณกระแสไฟฟา้ ลดลงและหลอดไฟฟ้ามีความสว่างลดลง

2. การหมุนปุ่มปรับค่าของตวั ต้านทานแปรคา่ ไดใ้ นทศิ ทางตรงกันข้าม ทำใหค้ วามตา้ นทานไฟฟ้ามีการ
เปลยี่ นแปลงต่างจากข้อ 1 หรอื ไม่ ทราบได้อย่างไร

แนวคำตอบ เมอื่ หมุนปุ่มปรับค่าของตวั ต้านทานแปรค่าได้ในทิศทางตรงกันข้าม ความต้านทานไฟฟ้ามี
การเปลี่ยนแปลงต่างกับข้อ 1 โดยเปลี่ยนแบบตรงกันข้าม สังเกตได้จากการเปลี่ยนแปลงของปริมาณ
กระแสไฟฟ้าและความสว่างของหลอดไฟฟ้า เช่น ปริมาณกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นและหลอดไฟฟ้ามีความสว่าง
เพม่ิ ขึ้น

3. จากกจิ กรรมตอนที่ 2 สรุปได้วา่ อยา่ งไร
แนวคำตอบ เมื่อหมุนปุ่มปรับค่าความต้านทานไฟฟ้าของตัวต้านทานแปรค่าได้ที่ต่อแบบอนุกรมใน

วงจรไฟฟ้า ทำให้สามารถปรับค่าความต้านทานไฟฟ้าในวงจรให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงตามความต้องการได้อย่าง
ต่อเนื่อง ถ้าค่าความต้านทานไฟฟ้ามีค่ามากขึ้น จะทำให้หลอดไฟฟ้าสว่างลดลง ปริมาณกระแสไฟฟ้าจะมีค่า
น้อยลง แต่ถ้าหมุนปุ่มปรับค่าไปในทิศทางตรงกันข้าม ค่าความต้านทานไฟฟ้ามีค่าน้อยลง หลอดไฟฟ้าจะสว่าง
มากขึน้ และปรมิ าณกระแสไฟฟ้ากจ็ ะมีค่ามากขนึ้

4. จากกิจกรรมทัง้ 2 ตอน สรปุ ได้ว่าอยา่ งไร
แนวคำตอบ ตัวต้านทานทำหนา้ ทีค่ วบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจร โดยเมื่อค่าความต้านทานไฟฟา้

มากขึน้ ปริมาณกระแสไฟฟา้ จะนอ้ ยลง

155

แนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 20: เฉลยกจิ กรรมทบทวนความรกู้ ่อนเรยี น

เฉลยกิจกรรมทบทวนความรู้กอ่ นเรยี น จำนวน 2 ข้อ
หนงั สือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันม.3 เลม่ 2 สสวท. หนา้ 117

 1. เขียนเคร่อื งหมาย หนา้ ข้อความท่ีถูกต้อง และเขยี นเคร่ืองหมาย × หน้าข้อความทีไ่ มถ่ ูกตอ้ ง
 1.1 วงจรไฟฟ้าประกอบดว้ ยถ่านไฟฉายและหลอดไฟฟา้ ท่เี หมือนกนั

3 ดวง คือ a b และ c เมื่อหลอดไฟฟ้า b ขาด ถา้ วัดคา่ ความตา่ ง

ศกั ย์ไฟฟา้ คร่อมหลอดไฟฟ้า a และหลอดไฟฟ้า c ค่าความตา่ ง
ศักยไ์ ฟฟา้ ทว่ี ดั ได้แตกต่างกัน

ไมถ่ ูกต้อง เพราะหลอดไฟฟา้ ท้งั 3 ดวงทเี่ หมือนกนั จะมคี วาม

ตา้ นทานไฟฟ้า เทา่ กัน เมอ่ื หลอดไฟฟา้ b ขาด จะเสมือนหลอดไฟฟ้า a และ c ต่ออนุกรมกนั
กระแสไฟฟ้าเคลื่อนที่ผา่ นจะเทา่ กนั และจากความสมั พนั ธ์ V = IR เมอ่ื คา่ ความต้านทานไฟฟา้

และกระแสไฟฟ้าของหลอดไฟฟ้า a และ c เท่ากนั ทำใหค้ ่าความต่างศกั ย์ไฟฟ้าท่วี ัดคร่อม

หลอดไฟฟา้ a และ c เท่ากัน
 1.2 จากวงจรไฟฟ้าข้อ 1.1 ถา้ หลอดไฟฟ้า c ขาด เม่ือวัดคา่ กระแสไฟฟา้ ท่ีเคลื่อนท่ีผ่านหลอดไฟฟ้า

a และหลอดไฟฟา้ b คา่ กระแสไฟฟา้ ทีว่ ดั ได้มีคา่ เปน็ ศนู ย์
ถกู ตอ้ ง เพราะหลอดไฟฟา้ c ตอ่ เข้ากับหลอดไฟฟ้า a และ b แบบอนุกรม ถ้าหลอดไฟฟ้า c

ขาดก็จะทำใหว้ งจรไฟฟา้ เปน็ วงจรเปิด ไมม่ กี ระแสไฟฟา้ ในวงจร จึงไม่มีกระแสไฟฟา้ ผ่าน

หลอดไฟฟา้ a และ b
 2. เขียนเคร่ืองหมาย ✓ หนา้ วงจรไฟฟา้ ท่ีทำใหห้ ลอดไฟฟา้ สวา่ ง และเขียนเคร่อื งหมาย ×

หน้าวงจรไฟฟ้าท่ีทำให้หลอดไฟฟา้ ไม่สว่าง

156

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 21

เรือ่ ง ไดโอด รหัสวิชา ว23102 เวลา 2 ชวั่ โมง
รวม 22 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 6 ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ ไฟฟ้า ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรียนท่ี 2
มาตรฐาน ว 2.3
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สาระที่ 2 ชื่อสาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้ีวัด
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง

สสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ติ ประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับเสยี ง แสง และคลื่น
แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

ตัวชว้ี ัด
ว 2.3 ม.3/6 บรรยายการทำงานของชิ้นส่วนอิเลก็ ทรอนิกส์อย่างง่ายในวงจรจากข้อมลู ที่รวบรวมได้

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
1) ช้นิ สว่ นอเิ ลก็ ทรอนิกสม์ ีหลายชนิด เชน่ ตวั ตา้ นทาน ไดโอด ทรานซิสเตอร์ ตัวเกบ็ ประจุ โดยช้ินส่วน

แต่ละชนดิ ทำหน้าทแี่ ตกต่างกันเพอื่ ให้วงจรทำงานได้ตามต้องการ
2) ตัวต้านทานทำหน้าที่ควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า ไดโอดทำหน้าที่ให้กระแสไฟฟ้า

ผ่านทางเดียว ทรานซิสเตอร์ทำหน้าที่เป็นสวิตช์ปิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้าและควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้า ตัวเก็บ
ประจุทำหนา้ ทเ่ี กบ็ และคายประจุไฟฟ้า

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ นักเรียนบรรยายหน้าท่ขี องไดโอดในวงจรไฟฟ้าได้
1) ด้านความรู้ (K) นกั เรยี นใช้ทกั ษะการสังเกต โดยการสงั เกตการทำงานของไดโอด
2) ด้านทักษะ (P) นกั เรียนตระหนักถึงความสำคญั ของการใช้อปุ กรณ์การทำกิจกรรมได้
3) ดา้ นเจตคติ (A)

4. คณุ ลกั ษณะผ้เู รยี น ซือ่ สตั ยส์ ุจรติ  มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
4.1 คุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์  ใฝ่เรยี นรู้  มีจติ สาธารณะ
รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ อย่อู ย่างพอเพยี ง

มวี ินัย รักความเป็นไทย

5. ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน
 ความสามารถในการส่ือสาร: นักเรยี นสามารถสือ่ สาร โดยการนำเสนอข้อมูลจากการสังเกต การ

ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการสบื คน้ ข้อมูล และการอภปิ ราย มาอธิบายเกย่ี วกับหน้าท่ีของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกสแ์ ตล่ ะชนิด

6. สาระการเรยี นรู้
เมื่อให้กระแสไฟฟ้าผ่านไดโอดในทิศทางหนึ่ง กระแสไฟฟ้าสามารถผ่านได้ แต่เมื่อสลับขาของไดโอด

กระแสไฟฟ้าจะไมส่ ามารถผ่านไดโอดน้นั ได้ ดงั นัน้ ไดโอด (diode) จงึ ทำหนา้ ท่ีให้กระแสไฟฟา้ ผ่านไดท้ างเดยี ว
ไดโอดทำมาจากสารกึ่งตัวนำ มีรูปร่างหลายลักษณะ ไดโอดเป็น

ชน้ิ สว่ นอเิ ล็กทรอนิกสท์ มี่ ขี วั้ ซึ่งทำใหก้ ระแสไฟฟา้ ผ่านไดท้ างเดียว โดย

157

กระแสไฟฟ้าจะผ่านได้เมื่อต่อขั้วบวกของไดโอดเข้าทางขั้วบวกของ

แหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า ซึ่งมีศักย์ไฟฟ้าสูง และต่อขั้วลบของไดโอดเข้าทางขั้วลบของ

แหล่งกำเนิดไฟฟ้าซึ่งมีศักย์ไฟฟ้าต่ำโดยขั้วบวกของไดโอดเรียกว่า ขั้วแอโนด

(anode) และขั้วลบของไดโอดเรียกว่า ขั้วแคโทด (Cathode) ทั้งนี้สังเกตขั้ว

ของไดโอดได้จากแถบคาดสีที่ปลายหนึ่งซึ่งแสดงขาลบ และขาด้านตรงข้ามคือ

ขาบวก สัญลักษณ์ของไดโอดในวงจรไฟฟ้าคือ ซึ่งจะใช้ลูกศร

สามเหลีย่ ม เพอื่ แสดงทศิ ทางของกระแสไฟฟ้าท่ผี ่านไดโอด โดยกระแสไฟฟ้าจะ

เคล่อื นท่ีจากขัว้ แอโนดไปยังขว้ั แคโทด ดงั ภาพ การใช้งานไดโอดจึงต้องต่อขั้วให้

ถกู ต้องตาม

นอกจากนี้ยังมีไดโอดที่สว่างได้เมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่าน เรียกว่า

ไดโอดเปล่งแสง (light emitting diode : LED) ใช้สัญลักษณ์ในวงจรไฟฟ้า

คือ โดยขั้วของไดโอดเปล่งแสง พิจารณาจากความยาวของขาหรือ

ขอบที่มีรอยบาก ดังภาพ 6.34 ขายาวเป็นขาบวกทีต่ อ่ จากขว้ั บวกหรอื ข้ัวแอโนด

และขาสั้นซึ่งอยู่ด้านเดียวกับขอบบากเป็นขาลบที่ต่อจากขั้วลบหรือขั้วแคโทด ภาพแสดง การระบุขาของ
ทั้งนี้การใช้งานไดโอดและไดโอดเปล่งแสงจะต้องใช้กับความต่างศักย์ไฟฟ้าท่ี ไดโอดเปล่งแสง
เหมาะสม

ไคโอดเปล่งแสงสามารถนำไปใช้บอกสถานะการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าและใช้เป็นตัวแสดงผลด้วย

เช่น แสดงสถานะการเปิดหรอื ปิดของคอมพวิ เตอร์ ใช้แสดงขอ้ ความหรือสัญลักษณ์ในป้ายโฆษณาและป้ายแสดง

ขอ้ มูลตา่ ง ๆ

ไคโอดเป็นชิน้ ส่วนอเิ ล็กทรอนิกส์ ท่ที ำหน้าท่ีให้กระแสไฟฟ้าเคลื่อนท่ีผา่ นทางเดียว ใชส้ ัญลักษณ์ในวงจร
ส่วนไคโอดทีใ่ ห้แสงสว่างออกมาเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเคล่ือนที่ผ่าน เรยี กว่า ไดโอดเปล่งแสง ใชส้ ญั ลักษณ์
ในวงจรคือ

7. กิจกรรมการเรียนรู้
ใชร้ ปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (2 ชวั่ โมง; 120นาท)ี
ขั้นท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที)
1) ครเู ช่อื มโยงไปสู่กิจกรรมท่ี 6.8 ไดโอดมหี นา้ ทอี่ ะไร โดยใชค้ ำถามวา่ นักเรยี นคดิ ว่าเราจะ

กำหนดให้มีกระแสไฟฟา้ ผา่ นหรอื ไมผ่ า่ นอุปกรณไ์ ฟฟ้าใดอุปกรณ์ไฟฟา้ หนงึ่ ในวงจรไฟฟ้า นอกจากสวติ ช์แล้วยงั มี
ชน้ิ ส่วนอิเล็กทรอนิกส์ใดที่ทำหน้าทน่ี ้ใี นวงจรไฟฟา้ (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง)

ข้นั ที่ 2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (50 นาที)
2) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา

พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 127 และครูตรวจสอบความ
เข้าใจการอา่ น โดยใชค้ ำถามดงั ตอ่ ไปนี้

158

ตอนท่ี 1 ไดโอด
- กจิ กรรมนเี้ ก่ยี วกับเรอ่ื งอะไร (หน้าท่ขี องไดโอดในวงจรไฟฟ้า)
- กิจกรรมนมี้ จี ุดประสงค์อะไร (สงั เกตและบรรยายการทำงานของไดโอดในวงจรไฟฟ้า)
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ต่อสวิตช์ สายไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า และ
ตัวต้านทานคงที่เข้ากับถ่านไฟฉายแบบอนุกรม สังเกตรูปร่างลักษณะของไดโอดแล้วต่อแทรกในวงจรไฟฟ้า
สลับขา ของไดโอดเพอื่ ตรวจสอบขว้ั วาดภาพวงจรไฟฟ้าเมอ่ื ต่อไดโอดแลว้ ทำให้หลอดไฟฟ้าสวา่ ง)
- นกั เรียนตอ้ งสงั เกตหรือรวบรวมข้อมลู อะไรบ้าง (นกั เรียนต้องสังเกตและบันทกึ ขอ้ มลู เกี่ยวกับ
การเปลี่ยนแปลงความสว่างของหลอดไฟฟ้า รูปร่างลักษณะของไดโอด การต่อไดโอดในวงจรไฟฟ้าทั้งวงจรที่
หลอดไฟฟ้าสว่างและไมส่ ว่าง)
- ขอ้ ควรระวงั ในการทำกจิ กรรมมอี ะไรบ้าง (เมอื่ อา่ นคา่ กระแสไฟฟา้ และสังเกตความเปลี่ยนแปลง
ของหลอดไฟฟ้าแล้วต้องยกสวิตช์ขึ้นทุกครั้งทันทีเพื่อไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าในวงจรเป็นเวลานาน ซึ่งจะทำให้
อปุ กรณ์ไฟฟ้าและชนิ้ สว่ นอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์เกิดความร้อนสูงหรอื เกดิ ความเสยี หาย)
3) ให้นักเรียนวางแผนการทำงานเพื่อต่อวงจรไฟฟ้า โดยครูสังเกตการต่อวงจรไฟฟ้าของ
นักเรียน หากนักเรียนมีขอ้ สงสัย ครูควรรวบรวมขอ้ มูลเหล่านัน้ เพื่อใช้ประกอบการอภิปรายหลงั การทำกิจกรรม
และยำ้ เตอื นข้อควรระวงั ในการทำกิจกรรมแก่นกั เรียน
4) ให้นักเรียนนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันอภิปราย
สรุปผลของกจิ กรรมโดยใช้คำถามทา้ ยกจิ กรรมเปน็ แนวทาง เพือ่ ใหไ้ ด้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า การตอ่ ไดโอดแบบ
อนุกรมในวงจรไฟฟ้าจะทำให้กระแสไฟฟ้าผา่ นได้หรือมีกระแสไฟฟ้าในวงจร เมื่อต่อขาที่มีแถบคาดสีเขา้ กบั ดา้ น
ที่ต่อกับขั้วลบของถ่านไฟฉายและต่อขาที่เหลือของไดโอดเข้ากับด้านที่ต่อกับขั้วบวกของถ่านไฟฉาย ถ้าต่อสลับ
ขาจะไมม่ ีกระแสไฟฟ้าในวงจร
5) นำเข้าสู่กิจกรรมที่ 6.8 ตอนที่ 2 ไดโอดเปล่งแสง โดยอาจใช้คำถามว่า นอกจากไดโอดที่
นักเรียนใช้งานอยู่ยังมีไดโอดอีกแบบ เมื่อกระแสไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านไดโอดจะเปล่งแสงออกมา เรียกว่า
ไดโอดเปล่งแสง นักเรียนคิดว่าไดโอดเปล่งแสงจะทำหน้าที่ต่างจากไดโอดหรือไม่ และไดโอดเปล่งแสงควบคุม
กระแสไฟฟ้าอย่างไร
6) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 128 และครูตรวจสอบความ
เขา้ ใจการอ่าน โดยใช้คำถามดงั ตอ่ ไปน้ี
ตอนที่ 2 ไดโอดเปล่งแสง
- กจิ กรรมนเ้ี ก่ียวกบั เร่ืองอะไร (หนา้ ทขี่ องไดโอดเปลง่ แสงในวงจรไฟฟา้ )
- กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (สังเกตและบรรยายการทำงานของไดโอดเปล่งแสงใน
วงจรไฟฟ้า)
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ต่อสวิตช์ สายไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า และ
ตัวต้านทานคงที่เข้ากับถ่านไฟฉายแบบอนุกรม สังเกตรูปร่างลักษณะและความยาวของขาไดโอดเปล่งแสงแล้ว
ตอ่ แทรกเขา้ ในวงจรไฟฟ้าสลับขาของไดโอดเปล่งแสงเพ่อื ตรวจสอบขั้ว)
- นักเรยี นตอ้ งสังเกตหรือรวบรวมข้อมลู อะไรบ้าง (นกั เรียนต้องสังเกตและบันทึกขอ้ มูลเกี่ยวกับ
การเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้า การเปลี่ยนแปลงของไดโอดเปล่งแสง รูปร่างลักษณะของไดโอดเปล่งแสง
การตอ่ ไดโอดเปล่งแสงในวงจรไฟฟา้ ท้งั วงจรที่ไดโอดเปลง่ แสงและหลอดไฟฟ้าสว่างและไม่สวา่ ง)

159

- ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมีอะไรบ้าง (เมื่ออ่านค่ากระแสไฟฟ้าและสังเกตความ
เปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้าแล้วต้องยกสวิตช์ขึ้นทุกครั้งทันทีเพื่อไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าในวงจรเป็นเวลานาน

ซึ่งจะทำให้อปุ กรณ์และชิน้ ส่วนอเิ ลก็ ทรอนิกส์เกิดความร้อนสงู หรือเกิดความเสียหาย)
ข้นั ที่ 3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (20 นาที)
7) ขณะทนี่ กั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ทำกจิ กรรม โดยครสู งั เกตการต่อวงจรไฟฟา้ ของนักเรียนแต่ละกลุ่ม

และให้คำแนะนำ หากนักเรียนมีข้อสงสัยครูควรรวบรวมปัญหา และข้อสงสัยที่พบจากการทำกิจกรรม
ของนักเรยี น เพื่อใช้เป็นขอ้ มูลประกอบการอภปิ รายหลงั จากการทำกจิ กรรม

ขั้นท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที)

8) ให้นักเรียนนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันอภิปราย
สรุปผลของกิจกรรมโดยใช้คำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า การต่อ
ไดโอดเปล่งแสงแบบอนุกรมในวงจรไฟฟ้าจะทำให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้หรือมีกระแสไฟฟ้าในวงจรเมื่อต่อขาสั้น

ของไดโอดเปล่งแสงซึ่งขอบจะมีรอยบาก เข้ากับด้านที่ต่อกับขั้วลบของถ่านไฟฉาย และต่อขายาวของ
ไดโอดเปลง่ แสงเขา้ กับด้านทตี่ อ่ กบั ขว้ั บวกของถ่านไฟฉาย ถา้ ต่อสลับขาจะไมม่ ีกระแสไฟฟา้ ในวงจร

ขั้นท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (20 นาที)

9) ครูและนักเรียนอภิปรายผลการทำกิจกรรมท่ี 6.8 หน้าท่ขี องไดโอดในวงจรไฟฟ้าเป็นอย่างไร

จะได้ขอ้ สรุปว่า
- ไดโอดเป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ทางเดียว ซึ่งการต่อไดโอดเข้าใน

วงจรไฟฟ้าต้องต่อขั้วหรือขาของไดโอดให้ถูกต้องกับขั้วของแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ถ้าสลับขาของไดโอดแล้ว
วงจรไฟฟา้ จะไมท่ ำงาน

- ไดโอด ทำหน้าที่ให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ทางเดียวซึ่งเป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีขั้ว

โดยขั้วบวกเรียกวา่ ข้วั แอโนด และขว้ั ลบเรียกวา่ ขวั้ แคโทด การเขยี นไดโอดในแผนภาพใชส้ ัญลักษณ์คอื
ส่วนไดโอดที่สวา่ งเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่าน เรียกว่า ไดโอดเปล่งแสง โดยขั้วของไดโอดเปล่งแสงพิจารณา
จากความยาวของขาและขอบบาก ซึ่งขาสั้นที่อยู่ด้านเดียวกับขอบบากคือขั้วลบขาตรงกันข้ามคือขั้วบวก

ไดโอดเปล่งแสงใช้สัญลักษณ์คือ ในการใช้งานไดโอดและไดโอดเปล่งแสงต้องต่อขั้วให้ถูกต้อง คือ

ต่อขั้วบวกของไดโอดเข้ากับขั้วบวกของแหล่งกำเนิดไฟฟ้าและต่อขั้วลบของไดโอดเข้ากับขั้วลบของแหล่งกำเนิด

ไฟฟา้

10) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมนิ (Rubrics Score)

8. ส่ือการเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้
8.1 อุปกรณ์ทำกจิ กรรม: จำนวน 8 รายการ ดังแสดงแนบไว้ในใบกจิ กรรมที่ 6.8

8.2 ใบกจิ กรรม: ใบกจิ กรรมที่ 6.8 ไดโอดมีหน้าท่อี ะไร

8.3 แบบบนั ทกึ กจิ กรรม: แบบบันทกึ การคน้ คว้ากิจกรรมที่ 6.8 ไดโอดมีหน้าท่ีอะไร

8.4 แหล่งเรยี นร้:ู หนงั สอื เรยี นรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3
เล่ม 2 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551

(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ

160

9. การวัดและการประเมนิ

ตวั ช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ วิธกี ารวัด เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์ทใ่ี ชใ้ นการประเมิน

1. บรรยายหน้าทขี่ องไดโอด - ตรวจการตอบคำถาม - คำถามท้ายกจิ กรรมที่ 6.8 - ไดไ้ ม่น้อยกวา่ 2 คะแนน

ในวงจรไฟฟ้าได้ ท้ายกิจกรรมท่ี 6.8 ไดโอดมีหน้าทอี่ ะไร ระดับคุณภาพดี ถือว่าผ่าน

(ด้านความรู้: K) จำนวน 8 ขอ้ การประเมินด้านความรู้

2. การใชท้ กั ษะสังเกต โดย - ตรวจการทำแบบ - แบบบนั ทกึ การค้นคว้า - ไดไ้ ม่น้อยกว่า 2 คะแนน

การสงั เกตการณท์ ำงานของ บนั ทกึ การคน้ คว้า กจิ กรรมที่ 6.8 ระดบั คุณภาพดี ถือวา่ ผา่ น

ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กิจกรรมที่ 6.8 ไดโอดมีหนา้ ท่อี ะไร ประเมนิ ด้านกระบวนการ

(ไดโอด) (ด้านกระบวนการ: P)

3. ตระหนกั ถึงความสำคัญ - สงั เกตการใชง้ าน - เกณฑ์การประเมินการใช้ - ไดไ้ มน่ ้อยกว่า 2 คะแนน

ของการใช้อุปกรณ์การทำ อปุ กรณ์ในกจิ กรรม งานอปุ กรณใ์ นกิจกรรม ระดบั คุณภาพดี ถือวา่ ผา่ น

กิจกรรมได้ (ดา้ นเจตคต:ิ A) ของนักเรยี น ของนักเรยี น การประเมนิ ดา้ นเจตคติ

9.1 เกณฑก์ ารประเมนิ ผลนักเรียน เกณฑ์การประเมนิ (Rubrics Score)

ประเด็นการประเมนิ ค่านำ้ หนัก แนวทางการให้คะแนน
คะแนน

การให้คะแนนตอบ 3 ตอบคำถามท้ายกจิ กรรมที่ 6.8 ถูกต้อง จำนวน 6-8 ขอ้
คำถามทา้ ย
กิจกรรมท่ี 6.8 2 ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมที่ 6.8 ถูกต้อง จำนวน 3-5 ข้อ

การให้คะแนนการบนั ทึก 1 ตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรมที่ 6.8 ถูกต้อง จำนวน 1-2 ขอ้ หรือไม่ถูกต้อง
แบบบันทกึ การค้นควา้
บันทึกผลการทำกิจกรรม จากการสังเกตการทำงานของชิน้ ส่วน
กจิ กรรมที่ 6.8
3 อเิ ลก็ ทรอนกิ สต์ ามความเปน็ จริง โดยไม่เพิ่มความคิดเหน็ ส่วนตัว และ
การใหค้ ะแนน
การใชง้ านอุปกรณ์ สอดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์การเรียนรทู้ ีถ่ กู ต้อง ชดั เจน

ในกิจกรรม 2 บันทกึ ผลการทำกิจกรรม จากการสังเกตการทำงานของชิ้นสว่ น
อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ตามความเปน็ จริง แต่ไมส่ อดคล้องกบั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1 บนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม จากการสงั เกตการทำงานของชิ้นสว่ น
อิเลก็ ทรอนกิ ส์ไมถ่ ูกต้องและไม่สอดคล้องกบั จุดประสงค์การเรยี นรู้

ใช้งานอปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ถูกวธิ ี หยบิ เคลื่อนย้ายอปุ กรณ์

3 อยา่ งระมัดระวัง ไม่หยอกลอ้ หรือแกล้งเพอื่ นขณะกำลังใช้งานอุปกรณ์

และหลงั การใชง้ านอุปกรณม์ ีการเก็บรักษาอย่างถูกวิธี

ใชง้ านอปุ กรณ์การทดลองในกิจกรรมได้ถกู วิธี หยิบ เคล่ือนยา้ ยอุปกรณ์

2 อย่างระมัดระวัง ไม่หยอกล้อหรอื แกลง้ เพื่อนขณะกำลังใชง้ านอปุ กรณ์
แตห่ ลงั การใชง้ านอุปกรณ์ไม่มีการเกบ็ รักษาอยา่ งถูกวิธี หรือไม่เกบ็ อุปกรณ์

เขา้ ตเู้ กบ็ อุปกรณต์ ามประเภทของอปุ กรณ์

ใชง้ านอุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมได้ แต่ขณะหยิบ เคลื่อนย้ายอปุ กรณ์หรือ

1 กำลังใชง้ านอุปกรณ์ จะหยอกล้อหรอื แกลง้ เพ่ือน อาจทำให้อุปกรณ์เสยี หายได้

และหลังการใช้งานอปุ กรณไ์ ม่มีการเก็บรักษาอยา่ งถูกวิธี

161

9.2 ระดบั คณุ ภาพ

คะแนนรวมเฉลีย่ 3.00 หมายถงึ ดมี าก
คะแนนรวมเฉลย่ี 2.00 - 2.99 หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉลีย่ 0.01 - 1.99 หมายถงึ พอใช้

ดงั น้ัน นักเรียนต้องไดค้ ะแนนเฉลี่ยทุกประเด็นการประเมิน ไมต่ ำ่ กวา่ 2.00 แสดงระดับ

คุณภาพ ดี ถือว่าผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ในแผนการจดั การเรยี นที่ 21

162

บันทึกหลังการสอน

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 ไฟฟ้า.... ...... ... ...

แผนการสอนเร่อื ง 21 ไดโอด

วนั ท.่ี ..............................เดือน...............................................................พ.ศ.................

1. สรปุ ผลการเรียนการสอน
1. นักเรยี นจำนวน....................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้...........คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.............
ไมผ่ า่ นจุดประสงค.์ ......................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.............

ไดแ้ ก.่ .................................................................................................
2. สรปุ ผลตามรายจดุ ประสงค์การเรียนรู้

2.1 นักเรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจ ( K)

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.2 นักเรยี นมคี วามรูเ้ กดิ กระบวนการ (P)

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.3 นักเรียนมีเจตคติ (A)

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ข้อเสนอแนะหลงั การจัดการเรยี นการสอน

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ............................................ครูผูส้ อน ลงชื่อ.............................................หัวหนา้ กลุ่มสาระ
() ()

ตำแหน่ง................................................... ลงช่ือ.............................................ผู้ช่วย/รองฯวิชาการ
…………./……………./………… ()

ลงชอื่ ............................................ผ้อู ำนวยการ
()

163

แบบบันทึกการประเมินคุณภาพการเรียนรขู้ องนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 3

รายวิชาวิทยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน (ว23102) หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 ไฟฟ้าI

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 21 เร่อื ง ไดโอด.

คำชแ้ี จง: ทำเครอื่ งหมาย ✓ ในช่องคา่ น้ำคะแนนแตล่ ะด้านตามจุดประสงค์การเรยี นรู้ โดยประเมนิ ตามเกณฑ์

(Rubrics Score)

เลข ชอ่ื -นามสกุล/ ดา้ นความรู้ (K) ด้านกระบวนการ (P) ดา้ นเจตคติ (A) คะแนนรวม
ท่ี รหสั นกั เรยี น คา่ นำ้ หนักคะแนน คา่ นำ้ หนักคะแนน คา่ น้ำหนักคะแนน
ระดับ
3 2 1 3 2 1 32 1 คุณภาพ

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

164

เลข ชอ่ื -นามสกุล/ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นกระบวนการ (P) ด้านเจตคติ (A) คะแนนรวม
ท่ี รหัสนกั เรียน คา่ นำ้ หนักคะแนน ค่าน้ำหนกั คะแนน ค่าน้ำหนักคะแนน
ระดับ
321 32 1 32 1 คุณภาพ

23

24

25

26

27

28

29

30

31

32

33

34

35

เกณฑ์การพิจารณาคุณภาพ หมายถึง ดีมาก
คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดี
คะแนนรวมเฉล่ีย 2.00 - 2.99 หมายถงึ พอใช้
คะแนนรวมเฉลยี่ 0.01 - 1.99

ตอ้ งไดค้ ะแนนเฉลีย่ ทกุ ประเด็นการประเมิน ไม่ตำ่ กว่า 2.00 แสดงระดับคุณภาพ ดี ขึ้นไปเท่าน้ัน
ถึงจะผ่านการเรยี นรู้ตามตัวชว้ี ัด

ผลการประเมนิ การเรยี นรขู้ องนักเรียน
ผเู้ รยี นท่ี ผ่าน ตัวชี้วัด
มจี ำนวน…………………………คน คิดเป็นรอ้ ยละ………………………………………………..
ผ้เู รยี นท่ี ไม่ผ่าน ตวั ช้วี ดั
มจี ำนวน…………………………คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ………………………………………………..
1)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
2)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
3)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................

165

สื่อการเรยี นรู้แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 21: ใบกจิ กรรมที่ 6.8

ใบกจิ กรรมท่ี 6.8 ไดโอดมีหน้าทอ่ี ะไร

หนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 เลม่ 2 ตามหลกั สตู รแกนกลาง
การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 127

กจิ กรรมที่ 6.8 ไดโอดมีหน้าทีอ่ ะไร?
จุดประสงค์
สงั เกตและบรรยายหน้าที่ของไดโอดในวงจรไฟฟา้
วัสดุอุปกรณ์
วสั ดุที่ใช้ต่อกลมุ่

1. สายไฟฟา้ 5 เส้น

2. ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 4 กอ้ น

3. กระบะถ่านแบบ 4 กอ้ น 1 อัน
4. สวิตช์แบบโยก 1 อนั

5. หลอดไฟฟา้ ขนาด 6 V พร้อมฐาน 1 ชุด

6. ตวั ตา้ นทานคงที่ขนาด 10 Ω 1 อนั
7. ไดโอดเบอร์ 1N4001 1 อนั

8. ไดโอดเปลง่ แสงสีแดง 1 อัน

วิธดี ำเนินกจิ กรรม ตอนท่ี 1 ไดโอด

1. ต่อวงจรไฟฟา้ ทป่ี ระกอบด้วยถ่านไฟฉาย 4 ก้อน สวติ ช์ สายไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า
และตัวต้านทานคงท่ี ดังภาพ กดสวิตซล์ ง เพือ่ ให้วงจรปิด สงั เกตการเปลีย่ นแปลง

ของหลอดไฟฟ้า บันทึกผลแล้วยกสวติ ชข์ ึ้น

ภาพการจดั อุปกรณ์ในกิจกรรม

2. สงั เกตรูปร่างลักษณะของไดโอด บนั ทึกผล
3. ตอ่ ไดโอดแทรกเข้าในวงจรไฟฟา้ แบบอนุกรม กดสวิตซ์ลงเพอื่ ให้วงจรปิด สงั เกต
การเปล่ยี นแปลงของหลอดไฟฟ้า บนั ทึกผลแลว้ ยกสวติ ชข์ ึน้
4. ทำซ้ำในข้อ 3 แตส่ ลับขาของไคโอด สงั เกตการเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟา้
บันทึกผล
5. วาดภาพวงจรไฟฟ้าทม่ี ีไดโอดทีท่ ำให้หลอดไฟฟ้าสว่าง

166

กิจกรรมที่ 6.8 ไดโอดมีหน้าทอ่ี ะไร?

ตอนท่ี 2 ไดโอดเปล่งแสง

1. ต่อวงจรไฟฟ้าที่ประกอบด้วยถา่ นไฟฉาย 4 ก้อน สวติ ซ์ สายไฟฟ้า หลอดไฟฟา้

และตวั ต้านทานคงที่ กดสวิตซล์ ง เพ่อื ให้วงจรปิด สังเกตผลการเปล่ียนแปลงของ

หลอดไฟฟา้ บนั ทกึ ผล แลว้ ยกสวิตซ์ขึน้

2. สังเกตรปู ร่างลักษณะและความยาวของขาไดโอดเปลง่ แสง บันทกึ ผล

3. ต่อไดโอดเปลง่ แสงแทรกเข้าในวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม กดสวิตซล์ ง เพ่ือให้วงจรปดิ

สงั เกตการเปลีย่ นแปลงของหลอดไฟฟา้ และไดโอดเปล่งแสง บันทกึ ผลแล้วยกสวิตซ์ขึ้น

4. ทำซำ้ ในข้อ 3 แตส่ ลับขาของไดโอดเปล่งแสง สังเกตการณ์เปลยี่ นแปลงของ

หลอดไฟฟา้ และไดโอดเปล่งแสง บนั ทึกผล

5. วาดภาพวงจรไฟฟ้าทีม่ ีไดโอดเปล่งแสงที่ทำให้หลอดไฟฟ้าสวา่ ง

การเตรยี มตัว ตอนที่ 1 ไดโอด

ลว่ งหนา้ สำหรับครู • ครคู วรตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าและช้ินส่วนอเิ ล็กทรอนิกส์ให้อยใู่ นสภาพพรอ้ มใช้งาน

• ครูควรทดลองต่อวงจรไฟฟ้าก่อนจัดกจิ กรรม เพ่ือตรวจสอบว่าวงจรไฟฟา้ ทีใ่ ชใ้ น

กิจกรรมต่ออย่างไรและวงจรไฟฟ้าทำงานได้ตามต้องการหรือไม่

ข้อควรระวัง ตอนท่ี 2 ไดโอดเปล่งแสง
• ครคู วรตรวจสอบอปุ กรณ์ไฟฟ้าและช้ินสว่ นอิเล็กทรอนิกส์ให้อยูใ่ นสภาพพรอ้ มใชง้ าน
• ครูควรทดลองต่อวงจรไฟฟ้าก่อนจดั กิจกรรม เพื่อตรวจสอบวา่ วงจรไฟฟ้าทีใ่ ชใ้ น
กจิ กรรมต่ออย่างไรและวงจรไฟฟา้ ทำงานไดต้ ามตอ้ งการหรือไม่
ตอนที่ 1 ไดโอด
• ครคู วรย้ำเตือนนกั เรยี นเม่ือสงั เกตการณเ์ ปลย่ี นแปลงของหลอดไฟฟา้ แลว้
ตอ้ งยกสวิตช์ขึน้ ทุกครงั้ ทันที เพ่อื ไม่ให้มกี ระแสไฟฟ้าในวงจรเป็นเวลานาน
เพราะจะทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าและชน้ิ ส่วนอเิ ลก็ ทรอนิกส์เกิดความรอ้ นสูง
ซงึ่ อาจทำใหเ้ สยี หายได้
ตอนท่ี 2 ไดโอดเปล่งแสง
• ครคู วรยำ้ เตือนนักเรยี นเมอื่ สงั เกตความเปล่ียนแปลงของหลอดไฟฟา้ และ
ไดโอดเปลง่ แสงแลว้ ต้องยกสวิตช์ขนึ้ ทุกครง้ั ทนั ทเี พือ่ ไมใ่ ห้มีกระแสไฟฟ้าในวงจรเป็น
เวลานาน เพราะจะทำให้อุปกรณไ์ ฟฟา้ และชน้ิ ส่วนอเิ ล็กทรอนกิ สเ์ กิดความร้อนสูง

167

ซึง่ อาจทำให้เสียหายได้

กิจกรรมที่ 6.8 ไดโอดมหี น้าท่อี ะไร?
ขอ้ เสนอแนะใน
ตอนท่ี 1 ไดโอด
การทำกจิ กรรม
• เม่อื ต่อไดโอดแทรกเขา้ ในวงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รมและวาดภาพลกั ษณะการต่อไดโอด

ในวงจรไฟฟา้ ครูควรแนะนำใหน้ กั เรยี นสังเกตการตอ่ ไดโอดและวิเคราะห์ขัว้ ไฟฟา้

ของแหล่งกำเนิดไฟฟ้าท่ีต่อกับขาของไดโอด เม่ือต่อไดโอดแล้วทำให้หลอดไฟฟ้าสว่าง

ตอนท่ี 2 ไดโอดเปล่งแสง

• เมือ่ ตอ่ ไดโอดเปล่งแสงแทรกเข้าในวงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมและวาดภาพลักษณะ

การตอ่ ไดโอดเปลง่ แสงในวงจรไฟฟ้า ครูควรแนะนำใหน้ ักเรียนสงั เกตการต่อ

ไดโอดเปลง่ แสงและวิเคราะห์ขวั้ ไฟฟ้าของแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้าท่ีตอ่ กับขาของ

ไดโอดเปลง่ แสง เมอ่ื ต่อไดโอดเปลง่ แสงแลว้ ทำใหห้ ลอดไฟฟ้าและไดโอดเปลง่ แสงสวา่ ง

คำถามทา้ ยกิจกรรม

ตอนท่ี 1 ไดโอด
1. การตอ่ วงจรไฟฟ้าตามข้อ 1 กระแสไฟฟ้ามีทิศทางการเคลื่อนทีอ่ ย่างไร
2. การเพ่ิมไดโอดเข้าไปในวงจรไฟฟา้ มกี ระแสไฟฟา้ ในวงจรหรือไม่ ทราบได้อยา่ งไร
3. การสลบั ขาไดโอดในวงจรไฟฟา้ มีกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้าหรือไม่ ทราบได้อยา่ งไร
4. การต่อไดโอดใหห้ ลอดไฟฟา้ สวา่ งทำได้อย่างไร
5. จากกจิ กรรม สรุปได้ว่าอย่างไร

ตอนที่ 2 ไดโอดเปล่งแสง
1. การตอ่ ไดโอดเปลง่ แสงให้หลอดไฟฟา้ สวา่ งทำไดอ้ ยา่ งไร
2. จากกจิ กรรมตอนท่ี 2 สรปุ ไดว้ ่าอยา่ งไร
3. จากกจิ กรรมท้ัง 2 ตอน สรปุ ได้ว่าอย่างไร

168

ส่ือการเรียนรู้แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 21: แบบบันทึกการค้นคว้ากจิ กรรมที่ 6.8

แบบบนั ทึกการค้นควา้ กจิ กรรมที่ 6.8 ไดโอดมีหน้าที่อะไร

ชอื่ -นามสกุล..........................................................................................ชน้ั .................เลขท.่ี ..........กลมุ่ ท.่ี ...........

 ผลการทำกจิ กรรม ตอนท่ี 1 ไดโอด
ตารางแสดง การเปล่ียนแปลงของหลอดไฟฟ้าเม่ือต่อไดโอดในวงจรไฟฟา้

การต่อไดโอดในวงจรไฟฟ้า การเปลีย่ นแปลงของหลอดไฟฟ้า

ไม่ต่อไดโอดในวงจรไฟฟ้า …………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………..

 ผลการทำกิจกรรม ตอนที่ 2 ไดโอดเปล่งแสง

ลักษณะของไดโอดเปล่งแสง ตารางแสดง การเปลยี่ นแปลงของหลอดไฟฟ้าเม่ือต่อไดโอดในวงจรไฟฟ้า
เรยี กอีกช่อื วา่ การต่อไดโอดเปล่งแสง การเปลี่ยนแปลง การเปลย่ี นแปลง

........................................................ ในวงจรไฟฟา้ ของหลอดไฟฟา้ ของไดโอดเปล่งแสง

ไม่ต่อไดโอดเปล่งแสง ……………………….… ……………………….…
ในวงจรไฟฟ้า

……………………….… ……………………….…

ไดโอดเปลง่ แสงมีขา 2 ขา
ที่มีลักษณะ..................................

……………………….… ……………………….…

 คำถามท้ายกิจกรรม ตอนท่ี 1 ไดโอด
1. การตอ่ วงจรไฟฟ้าตามข้อ 1 กระแสไฟฟา้ มที ิศทางการเคลอ่ื นท่อี ย่างไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………

169

2. การเพมิ่ ไดโอดเขา้ ไปในวงจรไฟฟา้ มกี ระแสไฟฟา้ ในวงจรหรอื ไม่ ทราบได้อย่างไร
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. การสลบั ขาไดโอดในวงจรไฟฟ้า มีกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟา้ หรือไม่ ทราบได้อย่างไร
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. การต่อไดโอดใหห้ ลอดไฟฟ้าสวา่ งทำได้อย่างไร
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. จากกิจกรรม สรปุ ไดว้ า่ อย่างไร

ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………

 คำถามท้ายกจิ กรรม ตอนที่ 2 ไดโอดเปล่งแสง
1. การต่อไดโอดเปล่งแสงให้หลอดไฟฟา้ สวา่ งทำได้อย่างไร

ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. จากกิจกรรมตอนท่ี 2 สรปุ ไดว้ า่ อยา่ งไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. จากกิจกรรมทง้ั 2 ตอน สรุปได้วา่ อยา่ งไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………..

170

แนบทา้ ยแผนการจดั การเรียนรู้ที่ 21: การใหค้ ะแนนด้านกระบวนการ (P)

แนวทางบันทกึ การค้นคว้ากิจกรรมท่ี 6.8 ไดโอดมีหนา้ ท่ีอะไร

 ผลการทำกจิ กรรม ตอนท่ี 1 ไดโอด

ตารางแสดง การเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟา้ เม่ือต่อไดโอดในวงจรไฟฟ้า

การตอ่ ไดโอดในวงจรไฟฟ้า การเปลีย่ นแปลงของหลอดไฟฟา้

ไม่ต่อไดโอดในวงจรไฟฟ้า …………………………………สว่าง…………………………….

…………………………………สว่าง…………………………….

…………………………………ไมส่ ว่าง…………………………….

 ผลการทำกิจกรรม ตอนที่ 2 ไดโอดเปลง่ แสง

ลักษณะของไดโอดเปล่งแสง ตารางแสดง การเปลย่ี นแปลงของหลอดไฟฟา้ เม่ือตอ่ ไดโอดในวงจรไฟฟ้า

เรียกอกี ชือ่ ว่า การตอ่ ไดโอดเปลง่ แสง การเปล่ียนแปลง การเปลยี่ นแปลง

LED (Light emitting diode) ในวงจรไฟฟา้ ของหลอดไฟฟ้า ของไดโอดเปล่งแสง

ไมต่ ่อไดโอดเปลง่ แสง

ในวงจรไฟฟ้า …………สว่ า่ ง…….… ………………-……….…

…………ส่วา่ ง…….… …………สว่ ่าง…….…

ไดโอดเปลง่ แสงมีขา 2 ขา ……..ไมส่ ว่ ่าง…….… ……..ไมส่ ว่ ่าง…….…
ทีม่ ีลักษณะปลายขา2ข้างไมเ่ ทา่ กัน

แนบทา้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 21: 171
การใหค้ ะแนนดา้ นความรู้ (K)

เฉลยใบกจิ กรรมท่ี 6.8 ไดโอดมหี นา้ ทอ่ี ะไร

เฉลยคำถามท้ายกจิ กรรม

ตอนท่ี 1 ไดโอด
1. การตอ่ วงจรไฟฟา้ ตามข้อ 1 กระแสไฟฟ้ามีทศิ ทางการเคลือ่ นทอ่ี ย่างไร

แนวคำตอบ กระแสไฟฟ้ามีทิศทางการเคลอ่ื นที่จากข้วั บวกของถา่ นไฟฉายผา่ นหลอดไฟฟ้า แลว้ กลบั
เข้าสู่ขว้ั ลบของถา่ นไฟฉาย

2. การเพม่ิ ไดโอดเข้าไปในวงจรไฟฟา้ มีกระแสไฟฟ้าในวงจรหรือไม่ ทราบได้อย่างไร
แนวคำตอบ การตอ่ ไดโอดแทรกเขา้ ในวงจรไฟฟา้ อาจเกดิ 2 กรณีคือ กรณี 1 มีกระแสไฟฟ้าในวงจร

เนอ่ื งจากหลอดไฟฟา้ สว่าง โดยกระแสไฟฟา้ เคลื่อนทจ่ี ากขว้ั บวกของถ่านไฟฉายผ่านหลอดไฟฟ้า ไดโอด และ
ตัวตา้ นทานแล้วกลับเข้าสู่ขวั้ ลบของถ่านไฟฉาย กรณี 2 ไม่มกี ระแสไฟฟา้ ในวงจรเนอ่ื งจากหลอดไฟฟา้ ไม่สวา่ ง

3. การสลบั ขาไดโอดในวงจรไฟฟ้า มกี ระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟา้ หรอื ไม่ ทราบได้อยา่ งไร
แนวคำตอบ การสลบั ขาไดโอดในวงจรไฟฟา้ มีผลต่อกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าอาจเกดิ 2 กรณี คือ

กรณี 1 วงจรไฟฟ้าทมี่ ีกระแสไฟฟา้ และหลอดไฟฟ้าสวา่ งเปล่ยี นเปน็ ไมม่ ีกระแสไฟฟ้าในวงจรและหลอดไฟฟา้
ไมส่ วา่ ง กรณี 2 วงจรไฟฟ้าท่ีไมม่ ีกระแสไฟฟา้ และหลอดไฟฟ้าไม่สว่างเปล่ียนเป็นมีกระแสไฟฟ้าในวงจรและ
หลอดไฟฟา้ สว่าง

4. การต่อไดโอดให้หลอดไฟฟา้ สว่างทำได้อยา่ งไร
แนวคำตอบ การต่อไดโอดต่อแทรกเข้าในวงจรไฟฟ้าทำไดโ้ ดยตอ่ ขาทมี่ ีแถบคาดสเี ขา้ กับด้านที่ต่อกับ

ขัว้ ลบของถา่ นไฟฉาย และตอ่ ขาทเ่ี หลอื ของไดโอดเขา้ กับด้านท่ีตอ่ กับขัว้ บวกของถ่านไฟฉาย

5. จากกิจกรรมตอนที่ 1 สรุปไดว้ า่ อยา่ งไร
แนวคำตอบ การต่อไดโอดแบบอนกุ รมในวงจรไฟฟ้า ไดโอดจะยอมให้กระแสไฟฟ้าผา่ นได้หรอื

มกี ระแสไฟฟ้าในวงจร เมอื่ ต่อขาท่ีมีแถบคาดสีเข้ากับด้านที่ตอ่ กบั ข้ัวลบของถ่านไฟฉายและต่อขาท่ีเหลือ
ของไดโอดเข้ากับดา้ นที่ต่อกับขวั้ บวกของถ่านไฟฉาย ถ้าต่อสลบั ขาของไดโอดจะไมม่ ีกระแสไฟฟา้ ในวงจร

แนบทา้ ยแผนการจดั การเรียนรู้ที่ 21: 172
การใหค้ ะแนนดา้ นความรู้ (K)

เฉลยใบกจิ กรรมที่ 6.8 ไดโอดมีหนา้ ทีอ่ ะไร

เฉลยคำถามท้ายกิจกรรม

ตอนท่ี 2 ไดโอดเปลง่ แสง
1. การต่อไดโอดเปล่งแสงให้หลอดไฟฟ้าสวา่ งทำไดอ้ ย่างไร

แนวคำตอบ การตอ่ ไดโอดเปล่งแสงตอ่ แทรกเขา้ ในวงจรไฟฟ้า แลว้ ทำใหห้ ลอดไฟฟ้าสวา่ งทำได้
โดยตอ่ ขาสน้ั ซง่ึ มีขอบบากของไดโอดเปลง่ แสงเขา้ กบั ดา้ นท่ีตอ่ กับขว้ั ลบของถา่ นไฟฉายและตอ่ ขายาวของ
ไดโอดเปลง่ แสงเข้ากับดา้ นทต่ี ่อกับข้วั บวกของถ่านไฟฉาย

2. จากกิจกรรมตอนท่ี 2 สรปุ ไดว้ า่ อยา่ งไร
แนวคำตอบ การตอ่ ไดโอดเปลง่ แสงแบบอนุกรมในวงจรไฟฟ้า ไดโอดเปลง่ แสงจะยอมให้กระแสไฟฟา้

ผา่ นได้หรอื มีกระแสไฟฟ้าในวงจร เมือ่ ต่อขาสนั้ ของไดโอดเปลง่ แสงซงึ่ มขี อบบากเขา้ กบั ด้านท่ตี อ่ กับข้วั ลบของ
ถ่านไฟฉาย และตอ่ ขายาวของไดโอดเปลง่ แสงเข้ากบั ด้านที่ตอ่ กับขั้วบวกของถา่ นไฟฉาย

3. จากกจิ กรรมท้ัง 2 ตอน สรุปไดว้ า่ อยา่ งไร
แนวคำตอบ ไดโอดเป็นชิ้นส่วนอิเลก็ ทรอนกิ สท์ ี่ยอมใหก้ ระแสไฟฟา้ ผ่านได้ทางเดียว ซึง่ การตอ่ ไดโอด

เขา้ ในวงจรไฟฟ้าต้องต่อขั้วหรอื ขาของไดโอดให้ถูกตอ้ งกับข้ัวของแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ถ้าสลับขาของไดโอดแล้ว
วงจรไฟฟ้าจะไม่ทำงาน

173

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 22

เรื่อง ตัวเกบ็ ประจุ รหัสวิชา ว23102 เวลา 1 ชวั่ โมง
รวม 22 ช่วั โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ ไฟฟ้า ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรียนที่ 2
มาตรฐาน ว 2.3
กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สาระที่ 2 ชื่อสาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง

สสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ติ ประจำวนั ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณ์ทีเ่ กยี่ วข้องกับเสียง แสง และคล่ืน
แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมท้ังนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

ตัวช้วี ัด
ว 2.3 ม.3/6 บรรยายการทำงานของชิ้นส่วนอิเลก็ ทรอนิกส์อย่างงา่ ยในวงจรจากข้อมูลที่รวบรวมได้

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
1) ช้นิ ส่วนอิเล็กทรอนิกสม์ ีหลายชนิด เช่น ตัวต้านทาน ไดโอด ทรานซสิ เตอร์ ตัวเกบ็ ประจุ โดยช้ินส่วน

แตล่ ะชนิด ทำหนา้ ทแี่ ตกตา่ งกันเพอ่ื ให้วงจรทำงานไดต้ ามต้องการ
2) ตัวต้านทานทำหน้าที่ควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า ไดโอดทำหน้าที่ให้กระแสไฟฟ้า

ผ่านทางเดียว ทรานซิสเตอร์ทำหน้าที่เป็นสวิตช์ปิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้าและควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้า ตัวเก็บ
ประจทุ ำหน้าทเี่ กบ็ และคายประจไุ ฟฟ้า

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ นกั เรยี นบรรยายหนา้ ทข่ี องตวั เก็บประจุในวงจรไฟฟ้าได้
1) ด้านความรู้ (K) นกั เรียนใช้ทกั ษะการสงั เกต โดยการสงั เกตการทำงานของตวั เกบ็ ประจุ
2) ด้านทกั ษะ (P) นกั เรยี นตระหนักถึงความสำคญั ของการใช้อุปกรณ์การทำกจิ กรรมได้
3) ดา้ นเจตคติ (A)

4. คณุ ลกั ษณะผ้เู รยี น ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ  มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
4.1 คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์  ใฝเ่ รียนรู้  มจี ติ สาธารณะ
รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง

มวี ินยั รกั ความเปน็ ไทย

5. ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
 ความสามารถในการสือ่ สาร: นกั เรยี นสามารถส่ือสาร โดยการนำเสนอขอ้ มูลจากการสังเกต การ

ปฏบิ ัติกจิ กรรมการสบื ค้นข้อมูล และการอภิปราย มาอธิบายเกยี่ วกบั หนา้ ท่ีของช้ินสว่ นอเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ตล่ ะชนดิ

6. สาระการเรียนรู้
เมื่อต่อตัวเก็บประจุที่ยังไม่ได้ต่อกับถ่านไฟฉายเข้ากับไดโอดเปล่งแสงพบว่า ไดโอดเปล่งแสงไม่สว่าง

นั่นคือไม่มีประจุไฟฟ้าเก็บอยู่ในตัวเก็บประจุจึงไม่มีกระแสไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านไดโอดเปล่งแสง แต่เมื่อต่อตัวเก็บ
ประจุทีต่ อ่ กับถ่านไฟฉายแลว้ เข้ากับไดโอดเปลง่ แสงพบว่า ไดโอดเปลง่ แสงจะสว่างชวั่ ขณะหน่ึงแล้วดับลง น่ันคือ
เมื่อต่อตัวเก็บประจุกับถ่านไฟฉายจะมีประจุไฟฟ้าเก็บอยู่ในตัวเก็บประจุ และเมื่อต่อตัวเก็บประจุกับ
ไดโอดเปลง่ แสง ตัวเกบ็ ประจุจะคายประจไุ ฟฟ้าออกมา ทำให้มกี ระแสไฟฟ้าจากตัวเกบ็ ประจุเคลื่อนท่ีผ่านไปยัง

174

ไดโอดเปล่งแสง ดงั นั้น ตัวเก็บประจุ (capacitor) ทำหนา้ ทเี่ ก็บและคายประจุไฟฟ้า สัญลกั ษณ์ของตัวเก็บประจุ

ในวงจรไฟฟา้ คือ หรือ หรอื ความสามารถในการเกบ็ ประจไุ ฟฟ้าของตัวเก็บประจุ

เรียกว่า ความจุไฟฟ้า (capacitance) มีหน่วยเป็นฟารัด (F) โดยตัวเก็บประจุบางชนิดมีดความจุคงที่และบาง

ชนิดสามารถปรับค่าความจไุ ด้

โดยทว่ั ไปตวั เก็บประจุมีทั้งชนดิ มีขวั้ และชนดิ ไม่มีขั้ว ดังน้ันการต่อตัวเก็บประจใุ นวงจรไฟฟ้าจงึ ต้องต่อให้

ถูกขั้ว ซึ่งเราสามารถสังเกตขั้วของตัวเก็บประจุได้ เมื่อต่อตัวเก็บประจุเข้ากับแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ตัวเก็บประจุจะ

รับประจุไฟฟ้าเข้ามาเก็บในตัว เรียกว่า การประจุ (charging) และเมื่อนำลวดตัวนำหรือตัวต้านทานมาตอ่ คร่อม

ขั้วของตัวเก็บประจุที่มีประจุไฟฟ้าอยู่ ตัวเก็บประจุจะคายประจุไฟฟ้าออกมา เรียกว่า การคายประจุ

(dischagng) โดยตัวเก็บประจุสามารถนำมาใช้ในการเก็บประจุไฟฟ้าในอุปกณ์ตา่ ง ๆ เช่น ไฟให้แสงสว่างในห้อง

โดยสารรถยนด์ ซึ่งใช้ตัวเก็บประจุที่อยูใ่ นวงจรหน่วงเวลาทำใหไ้ ฟในห้องโดยสารสวา่ งอยู่เม่ือปดิ ประตรู ถ และใช้

ในแฟลชของกล้อง

ตวั เกป็ ระจุเป็นชิ้นส่วนอเิ ล็กทรอนกิ ส์ท่ีทำหน้าทเี่ กบ็ และคายประจไุ ฟฟ้า ใชส้ ญั ลกั ษณ์ในวงจรไฟฟา้ คือ
หรือ หรือ

7. กิจกรรมการเรียนรู้
ใช้รูปแบบการจัดการเรยี นการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (1 ชว่ั โมง; 60นาท)ี
ขัน้ ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที)
1) ครเู ช่ือมโยงไปสู่กิจกรรมที่ 6.9 ตวั เกบ็ ประจุมหี น้าที่อะไร โดยใชค้ ำถามว่า ชน้ิ ส่วน

อิเล็กทรอนกิ สท์ ่ีสำคญั อีกชน้ิ ส่วนหนงึ่ คอื ตวั เก็บประจุ นักเรยี นคดิ วา่ ตัวเกบ็ ประจุมหี นา้ ทแ่ี ละทำงานอย่างไรใน
วงจรไฟฟ้า (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง)

ข้ันท่ี 2 ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration) (20 นาที)
2) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา

พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 131 และครูตรวจสอบความ
เขา้ ใจการอ่าน โดยใชค้ ำถามดังตอ่ ไปนี้

- กจิ กรรมนเ้ี ก่ียวกบั เร่อื งอะไร (หนา้ ทขี่ องตัวเกบ็ ประจใุ นวงจรไฟฟา้ )
- กิจกรรมนี้มีจุดประสงคอ์ ะไร (สังเกตและบรรยายหน้าทข่ี องตัวเกบ็ ประจุในวงจรไฟฟ้า)

- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (สังเกตรูปร่างลักษณะของตัวเก็บประจุ
ตรวจสอบประจุไฟฟ้าในตัวเก็บประจโุ ดยวดั ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าและต่อเข้ากบั ไดโอดเปล่งแสงต่อตัวเก็บประจุ
กับถ่านไฟฉายนาน 5 วินาที ตรวจสอบประจไุ ฟฟ้าในตัวเก็บประจุโดยวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าต่อตัวเก็บประจุ
เข้ากับถ่านไฟฉายอีกครั้ง แล้วต่อตัวเก็บประจุเข้ากับไดโอดเปล่งแสง ตรวจสอบประจุไฟฟ้า ในตัวเก็บประจุ
โดยวัดค่าความต่างศกั ย์ไฟฟ้า)

- นักเรยี นตอ้ งสังเกตหรอื รวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (นกั เรยี นต้องสังเกตและบนั ทึกขอ้ มลู เกี่ยวกับ
รูปร่างลักษณะของตัวเก็บประจุ ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของตัวเก็บประจุ การเปลี่ยนแปลงของไดโอดเปล่งแสง
ก่อนต่อและหลังต่อเข้ากับถ่านไฟฉาย วงจรไฟฟ้าที่แสดงการต่อตัวเก็บประจุกับถ่านไฟฉายและการต่อตัวเก็บ
ประจุกบั ไดโอดเปลง่ แสงท้ังทท่ี ำให้ไดโอดเปลง่ แสงสว่างและไมส่ ว่าง)

175

3) ขณะทน่ี กั เรยี นแต่ละกลุม่ ทำกจิ กรรม โดยครสู งั เกตการตอ่ วงจรไฟฟา้ ของนักเรยี นแต่ละกลุ่ม
และให้คำแนะนำ หากนักเรียนมีข้อสงสัยครูควรรวบรวมปัญหา และข้อสงสัยที่พบจากการทำกิจกรรม
ของนักเรยี น เพ่ือใช้เปน็ ข้อมลู ประกอบการอภิปรายหลังจากการทำกิจกรรม

ข้นั ท่ี 3 ขัน้ อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (10 นาที)
4) ให้นักเรียนนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันอภิปราย

สรุปผลของกิจกรรมโดยใช้คำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า ตัวเก็บประจุ
สามารถเก็บประจุไฟฟ้า เมื่อต่อเข้ากับถ่านไฟฉายและคายประจุไฟฟ้าเมื่อต่อเข้ากับไดโอดเปล่งแสง ทำให้
ไดโอดเปลง่ แสงสวา่ งได้

ขน้ั ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที)
5) ใหน้ ักเรียนเรยี นรเู้ พ่ิมเติมเกยี่ วกบั หนา้ ทข่ี องตัวเก็บประจใุ นวงจรไฟฟ้าโดยอ่านหนังสือเรียน

หน้า 132-133 และตอบคำถามระหว่างเรยี น จากนั้นร่วมกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั คำตอบของนกั เรียน
- จากกิจกรรมท่ี 6.9 จะเขยี นแผนภาพการต่อตัวเก็บประจุในวงจรไฟฟ้าขณะทมี่ ีการประจุและ

มีการคายประจุได้อย่างไร (แนวคำตอบ เราสามารถเขียนแผนภาพการต่อตัวเก็บประจุกับถ่านไฟฉายใน
วงจรไฟฟ้าขณะทม่ี กี ารประจไุ ด้ ดงั ภาพ

และแผนภาพการตอ่ ตวั เก็บประจกุ ับไดโอดเปลง่ แสงในวงจรไฟฟ้าขณะท่ีมีการคายประจไุ ด้ ดังภาพ)

ขั้นท่ี 5 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (10 นาที)
6) ครูและนักเรียนอภิปรายผลการทำกิจกรรมที่ 6.9 หน้าที่ของตัวเก็บประจุในวงจรไฟฟ้าเป็น

อยา่ งไร จะไดข้ ้อสรปุ วา่

- ตวั เกบ็ ประจทุ ำหน้าท่ีเก็บและคายประจุไฟฟ้า ซงึ่ ความสามารถในการเก็บประจุไฟฟ้าของตัว

เก็บประจเุ รยี กวา่ ความจไุ ฟฟ้า มหี นว่ ยเปน็ ฟารัด (F) ตัวเกบ็ ประจุในกิจกรรมเปน็ ชนิดมขี ว้ั ใชส้ ญั ลักษณ์ในวงจร

คือ หรือ หรือ เมื่อต่อตัวเก็บประจุเข้ากับแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ตัวเก็บประจุจะรับ

ประจุไฟฟ้ามาเก็บในตัว เรียกว่า การประจุ (charging) และเมื่อต่อลวดตัวนำหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน

อิเล็กทรอนิกส์เข้ากับตัวเก็บประจุที่ได้รับการประจุแล้ว ตัวเก็บประจจุ ะคายประจไุ ฟฟ้าออกมาเรียกว่า การคาย

ประจุ (discharging)

7) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์

การประเมนิ (Rubrics Score)

176

8. ส่ือการเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 อปุ กรณ์ทำกิจกรรม: จำนวน 6 รายการ ดังแสดงแนบไวใ้ นใบกิจกรรมท่ี 6.9

8.2 ใบกิจกรรม: ใบกจิ กรรมท่ี 6.9 ตวั เกบ็ ประจุมีหน้าทอ่ี ะไร

8.3 แบบบนั ทึกกิจกรรม: แบบบันทึกการค้นควา้ กิจกรรมท่ี 6.9 ตัวเก็บประจุมีหนา้ ที่อะไร

8.4 แหล่งเรยี นร:ู้ หนังสอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3
เลม่ 2 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551
(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

9. การวัดและการประเมนิ

ตัวชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ วิธีการวดั เครือ่ งมอื วดั เกณฑ์ทีใ่ ช้ในการประเมนิ
1. บรรยายหน้าทขี่ องตัว - ตรวจการตอบคำถาม - คำถามทา้ ยกิจกรรมท่ี 6.9
- ได้ไมน่ ้อยกวา่ 2 คะแนน
เกบ็ ประจุในวงจรไฟฟ้าได้ ทา้ ยกจิ กรรมท่ี 6.9 ตวั เกบ็ ประจุมีหน้าท่ีอะไร ระดบั คุณภาพดี ถือว่า
(ด้านความรู้: K) จำนวน 6 ขอ้ ผ่านการประเมิน
- ตรวจการทำแบบ ดา้ นความรู้
2. การใชท้ กั ษะสงั เกต โดย บนั ทกึ การค้นคว้า - แบบบนั ทกึ การค้นควา้
การสังเกตการณท์ ำงาน กจิ กรรมที่ 6.9 กิจกรรมที่ 6.9 - ไดไ้ ม่น้อยกว่า 2 คะแนน
ของช้นิ ส่วนอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ตัวเก็บประจุมหี นา้ ท่ีอะไร ระดบั คุณภาพดี ถือวา่
(ตวั เก็บประจุ) ผา่ นการประเมิน
ดา้ นกระบวนการ

(ด้านกระบวนการ: P) - สงั เกตการใชง้ าน - เกณฑก์ ารประเมนิ การใช้ - ไดไ้ ม่น้อยกวา่ 2 คะแนน
อุปกรณ์ในกิจกรรม งานอุปกรณ์ในกจิ กรรม ระดบั คุณภาพดี ถือว่า
3. ตระหนกั ถงึ ความสำคัญ ของนักเรยี น ของนักเรียน ผา่ นการประเมิน
ของการใช้อุปกรณ์ ด้านเจตคติ
การทำกิจกรรมได้
(ดา้ นเจตคต:ิ A)

9.1 เกณฑ์การประเมนิ ผลนักเรยี น เกณฑก์ ารประเมนิ (Rubrics Score)

ประเดน็ การประเมิน คา่ นำ้ หนกั แนวทางการให้คะแนน
คะแนน

การใหค้ ะแนนตอบ 3 ตอบคำถามท้ายกจิ กรรมท่ี 6.9 ถูกต้อง จำนวน 5-6 ข้อ
คำถามท้าย
กิจกรรมที่ 6.9 2 ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมที่ 6.9 ถกู ต้อง จำนวน 3-4 ขอ้

การใหค้ ะแนนการบันทึก 1 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.9 ถูกต้อง จำนวน 1-2 ขอ้ หรือไม่ถกู ต้อง
แบบบนั ทึกการคน้ ควา้
บันทึกผลการทำกิจกรรม จากการสังเกตการทำงานของช้นิ สว่ น
กจิ กรรมท่ี 6.9
3 อเิ ล็กทรอนิกสต์ ามความเป็นจริง โดยไมเ่ พิ่มความคิดเห็นส่วนตวั และ

สอดคล้องกบั จุดประสงค์การเรยี นรู้ท่ถี กู ต้อง ชัดเจน

2 บนั ทึกผลการทำกจิ กรรม จากการสงั เกตการทำงานของชน้ิ สว่ น
อิเลก็ ทรอนกิ สต์ ามความเปน็ จรงิ แต่ไม่สอดคล้องกบั จุดประสงค์การเรยี นรู้

1 บนั ทึกผลการทำกิจกรรม จากการสงั เกตการทำงานของช้ินส่วน
อิเลก็ ทรอนิกส์ไม่ถูกต้องและไมส่ อดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้

177

การให้คะแนน ใช้งานอปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ถกู วิธี หยิบ เคลอื่ นย้ายอุปกรณ์
การใชง้ านอุปกรณ์
3 อย่างระมดั ระวัง ไม่หยอกลอ้ หรือแกลง้ เพอ่ื นขณะกำลังใช้งานอปุ กรณ์
ในกิจกรรม
และหลงั การใช้งานอุปกรณม์ ีการเก็บรักษาอยา่ งถูกวิธี

ใชง้ านอปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ถกู วธิ ี หยบิ เคลื่อนยา้ ยอปุ กรณ์

2 อย่างระมดั ระวงั ไมห่ ยอกล้อหรือแกล้งเพอ่ื นขณะกำลังใช้งานอปุ กรณ์
แต่หลงั การใช้งานอุปกรณไ์ มม่ ีการเก็บรักษาอย่างถูกวธิ ี หรอื ไมเ่ กบ็ อปุ กรณ์

เขา้ ตู้เก็บอปุ กรณต์ ามประเภทของอปุ กรณ์

ใชง้ านอุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมได้ แต่ขณะหยิบ เคล่ือนยา้ ยอุปกรณ์

1 หรอื กำลังใชง้ านอปุ กรณ์ จะหยอกลอ้ หรือแกล้งเพ่ือน อาจทำใหอ้ ปุ กรณ์

เสยี หายได้ และหลงั การใชง้ านอปุ กรณ์ไม่มกี ารเก็บรักษาอย่างถูกวิธี

9.2 ระดับคุณภาพ

คะแนนรวมเฉลยี่ 3.00 หมายถึง ดมี าก
คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉล่ีย 0.01 - 1.99 หมายถงึ พอใช้

ดงั น้นั นกั เรียนตอ้ งได้คะแนนเฉลย่ี ทกุ ประเดน็ การประเมิน ไมต่ ่ำกว่า 2.00 แสดงระดับ

คณุ ภาพ ดี ถือว่าผา่ นเกณฑ์การประเมินในแผนการจดั การเรยี นที่ 22

178

บันทกึ หลังการสอน

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 ไฟฟ้า.... ...... ... ...

แผนการสอนเรอื่ ง 22 ตัวเก็บประจุ

วนั ท.่ี ..............................เดอื น...............................................................พ.ศ.................

1. สรุปผลการเรียนการสอน
1. นักเรียนจำนวน....................คน ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้...........คน คิดเปน็ ร้อยละ.............
ไมผ่ ่านจดุ ประสงค.์ ......................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.............

ได้แก.่ .................................................................................................
2. สรุปผลตามรายจุดประสงค์การเรยี นรู้

2.1 นักเรยี นมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ ( K)

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.2 นกั เรยี นมคี วามรู้เกิดกระบวนการ (P)

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.3 นกั เรียนมีเจตคติ (A)

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ข้อเสนอแนะหลงั การจดั การเรียนการสอน

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ............................................ครผู ูส้ อน ลงช่ือ.............................................หัวหน้ากลุม่ สาระ
() ()

ตำแหน่ง................................................... ลงช่ือ.............................................ผชู้ ่วย/รองฯวิชาการ
…………./……………./………… ()

ลงช่ือ............................................ผู้อำนวยการ
()

179

แบบบนั ทึกการประเมินคณุ ภาพการเรยี นรู้ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 3

รายวชิ าวิทยาศาสตร์พนื้ ฐาน (ว23102) หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ไฟฟา้ I

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22 เร่ือง ตวั เก็บประจุ .

คำชแ้ี จง: ทำเคร่ืองหมาย ✓ ในช่องค่านำ้ คะแนนแต่ละด้านตามจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยประเมนิ ตามเกณฑ์

(Rubrics Score)

เลข ชือ่ -นามสกุล/ ดา้ นความรู้ (K) ด้านกระบวนการ (P) ดา้ นเจตคติ (A) คะแนนรวม
ที่ รหสั นักเรียน คา่ น้ำหนักคะแนน คา่ นำ้ หนักคะแนน ค่านำ้ หนักคะแนน
ระดับ
3 2 1 3 2 1 32 1 คุณภาพ

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

180

เลข ชอ่ื -นามสกุล/ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นกระบวนการ (P) ด้านเจตคติ (A) คะแนนรวม
ท่ี รหัสนกั เรียน คา่ นำ้ หนักคะแนน ค่าน้ำหนกั คะแนน ค่าน้ำหนักคะแนน
ระดับ
321 32 1 32 1 คุณภาพ

23

24

25

26

27

28

29

30

31

32

33

34

35

เกณฑ์การพิจารณาคุณภาพ หมายถึง ดีมาก
คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดี
คะแนนรวมเฉล่ีย 2.00 - 2.99 หมายถงึ พอใช้
คะแนนรวมเฉลยี่ 0.01 - 1.99

ตอ้ งไดค้ ะแนนเฉลีย่ ทกุ ประเด็นการประเมิน ไม่ตำ่ กว่า 2.00 แสดงระดับคุณภาพ ดี ขึ้นไปเท่าน้ัน
ถึงจะผ่านการเรยี นรู้ตามตัวชว้ี ัด

ผลการประเมนิ การเรยี นรขู้ องนักเรียน
ผเู้ รยี นท่ี ผ่าน ตัวชี้วัด
มจี ำนวน…………………………คน คิดเป็นรอ้ ยละ………………………………………………..
ผ้เู รยี นท่ี ไม่ผ่าน ตวั ช้วี ดั
มจี ำนวน…………………………คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ………………………………………………..
1)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
2)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
3)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................

181

ส่อื การเรียนรู้แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 22: ใบกิจกรรมที่ 6.9

ใบกจิ กรรมท่ี 6.9 ตัวเก็บประจุมีหนา้ ท่ีอย่างไร

หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 เลม่ 2 ตามหลักสตู รแกนกลาง
การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 131

กิจกรรมท่ี 6.9 ตวั เก็บประจุมหี น้าที่อย่างไร?
จุดประสงค์ วัดคา่ กระแสไฟฟา้ ด้วยแอมมเิ ตอรพ์ ร้อมระบหุ นว่ ย
วัสดุอุปกรณ์
วัสดทุ ใี่ ชต้ ่อกลุม่
วิธีดำเนินกจิ กรรม
1. โวลต์มิเตอร์ 1 เคร่ือง

2. สายไฟฟา้ 2 เส้น

3. ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 2 กอ้ น

4. กระบะถา่ นแบบ 2 กอ้ น 1 อนั

5. ไดโอดเปล่งแสงสีเขียว 1 อัน

6. ตัวเก็บประจขุ นาด 470 μF 1 อนั

1. สังเกตรูปร่างลักษณะของตัวเก็บประจุ

บันทึกผล

2. วัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าคร่อมขาของ

ตัวเก็บประจุ โดยต่อขั้วลบของโวลต์มิเตอร์

กับขาที่มีแถบสีและต่อขั้วบวกของโวลต์

มเิ ตอร์กบั ขาอกี ขาหนงึ่ ของตัวเกบ็ ประจุ ภาพการจดั อปุ กรณ์ในกจิ กรรม

ดังภาพ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของโวลต์

มเิ ตอร์ บันทกึ ผล

3. ต่อตัวเก็บประจุกับไดโอดเปล่งแสง

โดยต่อขาด้านที่มีแถบสีเข้ากับขาแคโทดของ

ไดโอดเปล่งแสงและขาของตัวเก็บประจทุ ี่ ภาพการจัดอุปกรณใ์ นกิจกรรม

เหลือเข้ากบั ขาแอโนด ดังภาพ สงั เกตการเปลยี่ นแปลงของไดโอดเปลง่ แสงบันทกึ ผล

4. ต่อตัวเก็บประจุเขา้ กับถา่ นไฟฉาย 2 กอ้ น โดยต่อขาด้านทมี่ ีแถบสีเข้ากับขัว้ ลบของ

ถา่ นไฟฉาย และขาอีกด้านต่อกบั ขวั้ บวกของถ่านไฟฉาย เพ่ือใหว้ งจรปิดเป็นเวลานาน

5 วินาที

5. ทำซำ้ ในข้อ 2 อ่านค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า บันทึกผล

6. ทำซ้ำในข้อ 4 จากนัน้ ทำซ้ำในขอ้ 3 สงั เกตการเปลี่ยนแปลงของไดโอดเปลง่ แสง

บนั ทึกผล

182

7. วดั ค่าความต่างศักยไ์ ฟฟ้าคร่อมขาของตัวเก็บประจุอีครงั้ สงั เกตการเปลี่ยนแปลง
ของโวลตม์ เิ ตอร์ บันทึกผล

กิจกรรมที่ 6.9 ตัวเกบ็ ประจุมหี นา้ ท่ีอย่างไร?

การเตรียมตัว • ครคู วรตรวจสอบอุปกรณไ์ ฟฟา้ และช้นิ สว่ นอิเล็กทรอนิกส์ให้อยู่ในสภาพพรอ้ มใชง้ าน

ลว่ งหนา้ สำหรับครู • ครคู วรเตรยี มตวั เกบ็ ประจโุ ดยให้ตัวเกบ็ ประจุคายประจุไฟฟ้าออกใหห้ มดก่อน
นำมาใชท้ ำกิจกรรม เช่น การนำขาของตัวเก็บประจุมาแตะกนั

• ครูควรทดลองต่อวงจรไฟฟา้ กอ่ นจัดกิจกรรม เพือ่ ตรวจสอบว่าวงจรไฟฟ้าทีใ่ ชใ้ น

กจิ กรรมต่ออย่างไรและวงจรไฟฟ้าทำงานไดต้ ามต้องการหรือไม่

ขอ้ ควรระวัง ไม่ควรใช้ไดโอดเปลง่ แสงสีแดง เพราะทนความต่างศักย์ไฟฟา้ ไดน้ ้อย
ข้อเสนอแนะใน
การทำกิจกรรม • ไดโอดเปล่งแสงทีส่ ามารถใช้ได้ควรมีความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ระหว่าง 2.2-3 โวลต์
• การวัดคา่ ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าคร่อมขาของตัวเกบ็ ประจุให้ได้คา่ ท่ีถกู ต้องและแมน่ ยำ
ครคู วรแนะนำให้นกั เรียนเลือกขว้ั บวกทรี่ องรับความต่างศักย์ไฟฟ้าสูงสุดทม่ี ีค่าใกล้เคยี ง
กบั คา่ ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าของแหลง่ กำเนิดไฟฟ้า

คำถามทา้ ยกจิ กรรม

1. เมอื่ นำตวั เก็บประจุทยี่ ังไมไ่ ดต้ ่อกบั ถา่ นไฟฉายมาวัดค่าความต่างศกั ย์ไฟฟา้ ค่าท่ีอ่านไดเ้ ปน็ อยา่ งไร
เพราะเหตใุ ด
2. เมอื่ นำตัวเก็บประจุทต่ี ่อกับถ่านไฟฉายแล้วมาวัดค่าความตา่ งศักย์ไฟฟ้า ค่าทอ่ี ่านได้เป็นอยา่ งไร
เพราะเหตุใด
3. เมอ่ื นำตวั เก็บประจุทตี่ อ่ กับถา่ นไฟฉายแลว้ มาต่อกับไดโอดเปลง่ แสง ไดโอดเปล่งแสงเกดิ การเปลีย่ นแปลง
อยา่ งไร เพราะเหตใุ ด
4. การตอ่ ตวั เก็บประจุให้ไดโอดเปล่งแสงสวา่ งทำได้อย่างไร
5. เมอื่ นำตัวเก็บประจุทต่ี อ่ กับไดโอดเปล่งแสงแล้วมาวดั คา่ ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้า คา่ ท่ีอ่านได้เปน็ อย่างไร
เพราะเหตุใด
6. จากกจิ กรรม สรุปได้ว่าอยา่ งไร

183

ส่ือการเรียนรู้แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 22: แบบบันทกึ การคน้ คว้ากจิ กรรมที่ 6.9

แบบบนั ทึกการค้นควา้ กิจกรรมท่ี 6.9 ตัวเก็บประจุมหี นา้ ที่อยา่ งไร

ชอ่ื -นามสกุล..........................................................................................ช้นั .................เลขท.ี่ ..........กลุ่มท.ี่ ...........

 บันทึกผลการทำกิจกรรม .................................... ....................................
ส่วนประกอบของตวั เก็บประจุ
- ตัวเก็บประจมุ ีขา 2 ขาที่มคี วามยาวไมเ่ ทา่ กัน

ตาราตงารคาวงาบมนั ตทา่ กึงศผกัลยกไ์าฟรทฟำ้ากขจิ อกงรตรัวมเก็บประจุและการเปลยี่ นแปลงของได..โ..อ..ด...เ..ป...ล...่ง..แ...ส...ง...ก...่อ...น..และหลังต่อถ่านไฟฉาย

การต่อตัวเก็บประจุกบั ถ่านไฟฉาย ค่าความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้า (V) การเปล่ยี นแปลงของไดโอดเปล่งแสง
กอ่ นต่อ
หลังต่อ

หมายเหตุ : การวัดคา่ ความต่างศกั ย์ไฟฟ้าคร่อมขาของตวั เกบ็ ประจุหลงั จากต่อกบั ไดโอดเปล่งแสงพบว่าอา่ นคา่ ได้ 0 โวลต์

 คำถามทา้ ยกจิ กรรม
1. เม่อื นำตัวเกบ็ ประจทุ ี่ยงั ไม่ได้ต่อกับถ่านไฟฉายมาวดั ค่าความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้า คา่ ทอ่ี ่านได้เป็นอยา่ งไร เพราะเหตใุ ด

ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เมอ่ื นำตัวเก็บประจุที่ตอ่ กบั ถา่ นไฟฉายแลว้ มาวัดคา่ ความตา่ งศักย์ไฟฟ้า คา่ ทอ่ี ่านได้เปน็ อยา่ งไร เพราะเหตใุ ด
ตอบ ………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. เมอื่ นำตัวเก็บประจุที่ต่อกับถ่านไฟฉายแลว้ มาต่อกบั ไดโอดเปลง่ แสง ไดโอดเปล่งแสงเกิดการเปลีย่ นแปลงอย่างไร
เพราะเหตุใด
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. การตอ่ ตวั เก็บประจใุ ห้ไดโอดเปล่งแสงสว่างทำไดอ้ ยา่ งไร
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. เมอ่ื นำตัวเกบ็ ประจุที่ตอ่ กบั ไดโอดเปล่งแสงแลว้ มาวดั คา่ ความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ คา่ ทอี่ ่านไดเ้ ปน็ อยา่ งไร เพราะเหตใุ ด
ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
6. จากกจิ กรรม สรุปได้วา่ อยา่ งไร

ตอบ ………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………

184

แนบทา้ ยแผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 22: การให้คะแนนด้านกระบวนการ (P)

แนวทางบันทึกการคน้ ควา้ กิจกรรมที่ 6.9 ตัวเก็บประจุมีหน้าทีอ่ ยา่ งไร

 บนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม ..........แถบส.ี ........... ............ขาสัน้ .........
สว่ นประกอบของตัวเก็บประจุ
- ตัวเก็บประจมุ ีขา 2 ขาที่มคี วามยาวไม่เทา่ กนั

...........ขายาว........

 ตารางบันทกึ ผลการทำกิจกรรม
ตาราง ความต่างศกั ย์ไฟฟา้ ของตัวเก็บประจแุ ละการเปล่ียนแปลงของไดโอดเปล่งแสง ก่อนและหลังต่อถา่ นไฟฉาย

การตอ่ ตวั เก็บประจกุ บั ถ่านไฟฉาย ค่าความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้า (V) การเปล่ียนแปลงของไดโอดเปลง่ แสง
กอ่ นต่อ 0 ไมส่ วา่ ง
หลงั ตอ่ 3
สว่างแลว้ ดับ

หมายเหตุ : การวดั คา่ ความต่างศักย์ไฟฟ้าคร่อมขาของตัวเก็บประจุหลังจากตอ่ กับไดโอดเปล่งแสงพบวา่ อ่านคา่ ได้ 0 โวลต์

แนบทา้ ยแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 22: 185
การใหค้ ะแนนดา้ นความรู้ (K)

เฉลยใบกจิ กรรมท่ี 6.9 ตวั เก็บประจมุ ีหนา้ ทีอ่ ย่างไร

เฉลยคำถามทา้ ยกิจกรรม

1. เมื่อนำตวั เก็บประจุทยี่ งั ไมไ่ ด้ตอ่ กบั ถ่านไฟฉายมาวัดค่าความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้า คา่ ท่ีอ่านไดเ้ ปน็ อยา่ งไร
เพราะเหตุใด

แนวคำตอบ ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าของตัวเกบ็ ประจุที่ยังไมไ่ ด้ต่อกับถา่ นไฟฉายมคี า่ เปน็ ศูนย์ เพราะ
ไม่มปี ระจุไฟฟ้าอยู่ในตัวเก็บประจุ
2. เมือ่ นำตวั เก็บประจุทต่ี ่อกับถ่านไฟฉายแล้วมาวัดค่าความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ค่าทีอ่ ่านได้เป็นอยา่ งไร
เพราะเหตุใด

แนวคำตอบ ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าของตัวเก็บประจทุ ่ตี ่อกับถา่ นไฟฉายมีค่าเท่ากับ 3 โวลต์ ซงึ่ มคี า่ เท่ากับ
ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าระหวา่ งข้ัวบวกและขว้ั ลบของถา่ นไฟฉาย 2 กอ้ น
3. เม่ือนำตัวเก็บประจุทีต่ อ่ กับถ่านไฟฉายแล้วมาต่อกบั ไดโอดเปล่งแสง ไดโอดเปล่งแสงเกดิ การเปล่ยี นแปลง
อยา่ งไร เพราะเหตุใด

แนวคำตอบ เม่ือนำตัวเก็บประจุท่ตี ่อกับถา่ นไฟฉายแล้วมาต่อกับไดโอดเปล่งแสง ไดโอดเปล่งแสง
จะสวา่ งแลว้ ดบั ลง เพราะมกี ระแสไฟฟ้าเคล่ือนทจี่ ากตัวเกบ็ ประจไุ ปยังไดโอดเปลง่ แสง
4. การตอ่ ตัวเก็บประจุใหไ้ ดโอดเปลง่ แสงสวา่ งทำได้อยา่ งไร

แนวคำตอบ การต่อตวั เกบ็ ประจุเข้ากับไดโอดเปลง่ แสงทำได้โดยตอ่ ขาทม่ี ีแถบสขี องตวั เกบ็ ประจุเขา้ กบั
ขัว้ แคโทดของไดโอดเปลง่ แสง และต่อขาท่ีเหลือของตัวเกบ็ ประจเุ ขา้ กบั ขาแอโนดของไดโอดเปล่งแสง
5. เมื่อนำตัวเก็บประจุที่ตอ่ กับไดโอดเปลง่ แสงแลว้ มาวดั ค่าความตา่ งศักย์ไฟฟา้ คา่ ท่ีอา่ นได้เปน็ อย่างไร
เพราะเหตุใด

แนวคำตอบ เมื่อนำตวั เก็บประจุที่ต่อกบั ไดโอดเปลง่ แสงแล้วมาวดั ค่าความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ค่าทไ่ี ด้
จะมคี ่าเป็นศูนย์ เพราะตวั เก็บประจคุ ายประจไุ ฟฟ้าใหแ้ กไ่ ดโอดเปลง่ แสง ทำให้ไม่มีประจไุ ฟฟา้ เหลอื อยู่ใน
ตัวเก็บประจุ
6. จากกจิ กรรม สรุปได้ว่าอย่างไร

แนวคำตอบ ตัวเก็บประจเุ ป็นชนิ้ สว่ นอิเลก็ ทรอนิกส์ที่เก็บประจุไฟฟา้ เม่อื ตอ่ ตวั เก็บประจกุ ับ
แหล่งกำเนดิ ไฟฟา้ และคายประจไุ ฟฟา้ ออกเมื่อต่อตวั เกบ็ ประจกุ บั ไดโอดเปลง่ แสงหรือชิ้นส่วนอเิ ล็กทรอนิกส์อ่ืน

186

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 23

เร่ือง ทรานซิสเตอร์ รหสั วิชา ว23102 เวลา 2 ช่ัวโมง
รวม 22 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ ไฟฟ้า ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรียนท่ี 2
มาตรฐาน ว 2.3
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สาระที่ 2 ช่ือสาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวช้ีวดั
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง

สสารและพลงั งาน พลงั งานในชีวติ ประจำวัน ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณ์ทเ่ี กี่ยวข้องกับเสยี ง แสง และคล่ืน
แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมท้ังนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์

ตัวชี้วดั
ว 2.3 ม.3/6 บรรยายการทำงานของชิน้ สว่ นอเิ ลก็ ทรอนิกส์อย่างง่ายในวงจรจากข้อมลู ที่รวบรวมได้

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
1) ช้ินสว่ นอิเลก็ ทรอนิกส์มีหลายชนิด เชน่ ตัวต้านทาน ไดโอด ทรานซิสเตอร์ ตวั เกบ็ ประจุ โดยช้ินส่วน

แต่ละชนดิ ทำหน้าท่แี ตกต่างกนั เพื่อใหว้ งจรทำงานได้ตามต้องการ
2) ตัวต้านทานทำหน้าที่ควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า ไดโอดทำหน้าที่ให้กระแสไฟฟ้า

ผ่านทางเดียว ทรานซิสเตอร์ทำหน้าที่เป็นสวิตช์ปิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้าและควบคุมปริมาณกระแสไฟฟ้า ตัวเก็บ
ประจทุ ำหนา้ ทีเ่ กบ็ และคายประจุไฟฟ้า

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรียนบรรยายหน้าทข่ี องทรานซิสเตอร์ในวงจรไฟฟา้ ได้
1) ดา้ นความรู้ (K) นกั เรียนใช้ทักษะการสงั เกต โดยการสงั เกตการทำงานของทรานซสิ เตอร์
2) ดา้ นทกั ษะ (P) นกั เรยี นตระหนักถึงความสำคญั ของการใช้อุปกรณ์การทำกิจกรรมได้
3) ดา้ นเจตคติ (A)

4. คณุ ลักษณะผ้เู รียน ซ่อื สตั ย์สุจรติ  มุ่งม่นั ในการทำงาน
4.1 คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์  ใฝ่เรยี นรู้  มีจติ สาธารณะ
รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ อยอู่ ย่างพอเพียง

มีวินยั รกั ความเปน็ ไทย

5. ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
 ความสามารถในการส่ือสาร: นักเรยี นสามารถส่อื สาร โดยการนำเสนอข้อมูลจากการสงั เกต การ

ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการสบื คน้ ข้อมูล และการอภปิ ราย มาอธิบายเก่ยี วกบั หนา้ ที่ของชน้ิ ส่วนอเิ ลก็ ทรอนิกส์แตล่ ะชนดิ
6. สาระการเรียนรู้

ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์นอกจากตัวต้านทาน ไดโอด และตัวเก็บ
ประจุแล้ว ยังมีทรานซิสเตอร์ซึ่งทำจากสารกึ่งตัวนำประกอบด้วยขา 3 ขา
คือ ขาเบส (bese: B) ขาอิมิตเตอร์ (emitter : E) และขาคอลเล็กเตอร์
(collector : C)

ภาพแสดง การระบุขาของทรานซสิ เตอร์

187

การต่อทรานซิสเตอร์เข้าไปในวงจรไฟฟ้า ถ้าค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างขาเบสและขาอิมิตเตอร์
ไม่เหมาะสม ทรานซสิ เตอร์จะไม่ทำงาน ทำใหว้ งจรไฟฟ้าเปิดจึงไมม่ ีกระแสไฟฟา้ ในวงจรนน้ั ไดโอดเปลง่ แสงจึงไม่
สว่าง แต่ถ้าป้อนกระแสไฟฟ้าให้เคลื่อนที่ผ่านขาเบส เมื่อปรับค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างขาเบสและขา
อิมิตเตอร์ให้เหมาะสม โดยมีคา่ ความต่างศักย์ไฟฟ้าค่าหนึ่ง ทรานซสิ เตอร์จะเร่มิ ทำงน ทำให้วงจรไฟฟ้าเป็นวงจร
ปิดจึงมีกระแสไฟฟ้าในวงจรน้ัน ไดโอดเปล่งแสงจึงสว่างดังนั้นทรานซิสเตอร์ (transistor) ทำหน้าที่ควบคุมการ
ปิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้าเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านขาเบส โดยมีความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างขาเบสและขา
อมิ ติ เตอรท์ ี่เหมาะสม โดยทว่ั ไปทรานซิสเตอรจ์ ะเร่ิมทำงานท่ีความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างขาเบสและขาอิมิตเตอร์
ประมาณ 0.65 โวลต์ ซึ่งที่ค่าความต่างศักยไ์ ฟฟ้านี้ กระแสไฟฟ้าที่เคลื่อนท่ีผ่านขาเบสจะมีปริมาณเพยี งเล็กน้อย
ในที่นี้ตัวต้านทานแปรค่าได้ จะทำหน้าที่ปรับค่าความตา่ งศักย์ไฟฟ้าระหว่างขาเบสและขาอิมิตเตอร์ให้เหมาะสม
และจำกัดปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ผ่านขาเบส เมื่อทรานซิสเตอร์ทำงานจะสามารถควบคุมการปิดหรือเปิด
วงจรไฟฟ้าทมี่ กี ระแสไฟฟา้ ปริมาณมากใหเ้ คลอื่ นทผ่ี ่านขาคอลเลก็ เตอรแ์ ละอิมติ เตอร์ได้

ทรานซิสเตอร์แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดเอ็นพีเอ็น (NPN) เช่น ทรานซิสเตอร์เบอร์ BC547 และ
ชนดิ พีเอ็นพี (PNP) เชน่ ทรานซิสเตอร์เบอร์ BC557 ซึ่งทรานซสิ เตอรท์ ั้งสองชนดิ ใชส้ ญั ลกั ษณ์ในวงจร สัญลกั ษณ์
ของทรานซิสเตอรจ์ ะแสดงทิศทางของกระแสไฟฟา้ โดยทรานซสิ เตอรช์ นดิ เอน็ พเี อ็นกระแสไฟฟา้ จะเคล่ือนท่ีออก
จากทรานซสิ เตอร์ทางขาอมิ ิตเตอร์ สว่ นทรานซิสเตอร์ชนิดพเี อ็นพีกระแสไฟฟ้าจะเคล่ือนท่เี ข้าทรานซิสเตอร์ทาง
ขาอมิ ติ เตอร์

โดยทัว่ ไปทรานซิสเตอร์เปน็ ช้ินส่วนอิเล็กรอนิกส์พ้นื ฐานทสี่ ามารถไปประยุกต์ใช้ในวงจรไฟฟ้าพื้นฐานได้
มากมาย เช่น เครื่องขยายเสียงที่ใช้วงจรขยายเสียง ไฟกะพริบจราจรที่ใช้วงจรไฟกะพริบ ไฟถนนที่วงจรสวิตช์
ทำงานด้วยแสง ตลอดจนเครือ่ งวัดความชน้ื ในดนิ ท่ีใชว้ งจรตรวจสอบความช้ืน

ทรานซิสเตอร์เปน็ ข้ึนส่วนอเิ ลก็ ทรอนกิ สท์ ่ีทำหน้าทีเ่ ป็นสวติ ช์อัตโนมตั ปิ ิดหรือเปดิ วงจรไฟฟ้าและควบคุม
ปรมิ าณกระแสไฟฟ้าแบ่งเปน็ 2 ชนดิ คอื

ชนิดเอ็นพเี อน็ ใชส้ ัญลกั ษณใ์ นวงจรไฟฟ้าคอื

ชนดิ พีเอน็ พี ใชส้ ญั ลกั ษณ์ในวงจรไฟฟ้าคือ

การออกแบบวงจรไฟฟ้าให้ทำงานได้ตามตอ้ งการในบางครง้ั จำเป็นต้องใชช้ น้ิ ส่วนอเิ ล็กทรอนิกส์หลายช้ิน
พร้อมกันจึงมีการประดิษฐ์วงจรรวม (integrated circuit) หรือเรียกว่า ไอซี (IC) ซึ่งภายในจะมีวงจรหรือส่วน
ของวงจรขนาดเล็กที่รวบรวมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น ทรานซิสเตอร์ ไดโอด ตัวต้านทานลงบนชิพ
(chip) ที่สร้างจากซิลิกอน โดยไอซีหนึ่งๆ อาจมีวงจรที่ประกอบด้วยขึ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพียงไม่กี่ชิ้นส่วนไป
จนถึงหลายร้อยขึ้นส่วนแต่ใช้พื้นที่น้อย เราจึงนำไอซีมาต่อในวงจรไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ เช่น
วดี ิโอเกมส์ สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์

จากการเรียนรู้ที่ผ่านมาจะพบว่า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีหลายชนิด เช่น ตัวต้านทาน ไดโอด
ตัวเก็บประจุ ทรานซิสเตอร์ โดยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แต่ละชนิดทำหน้าที่แตกต่างกัน บางชนิดมีข้ัว บางชนิด
ไมม่ ีขว้ั ดังนั้นการต่อวงจรไฟฟ้า เพอื่ ใช้งานต้องเลือกใชช้ ิ้นสว่ นอิเล็กทรอนิกส์ให้เหมาะสมตามหน้าที่ของช้ินส่วน
น้ัน ๆ และตอ้ งต่อวงจรใหถ้ ูกตอ้ งจงึ จะสามารถทำใหว้ งจรไฟฟ้าทำงานได้ตามตอ้ งการ

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ใชร้ ูปแบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (1 ชวั่ โมง; 60นาท)ี
ขั้นท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement) (10 นาที)

188

1) ครเู ชอ่ื มโยงไปสกู่ ิจกรรมท่ี 6.10 ทรานซิสเตอร์มีหน้าท่ีอะไร โดยร่วมกนั อภปิ รายว่า
นอกจากตวั ตา้ นทาน ไดโอด และตวั เก็บประจแุ ลว้ ยงั มชี นิ้ สว่ นอิเลก็ ทรอนิกส์อีกชนดิ หนึง่ เรียกว่า ทรานซิสเตอร์
ซึ่งประกอบด้วยขา 3 ขา คือ ขาเบสหรือขา B ขาอมิ ิตเตอร์หรือขา E และขาคอลเลก็ เตอร์หรอื ขา C นกั เรียนคิด
วา่ ทรานซสิ เตอร์มีหนา้ ท่ีอะไรในวงจรไฟฟ้าและทำงานอยา่ งไร (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)

ข้ันที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) (20 นาที)
2) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชา

พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 131 และครูตรวจสอบความ
เข้าใจการอ่าน โดยใช้คำถามดงั ต่อไปนี้

- กจิ กรรมนเ้ี ก่ียวกับเรือ่ งอะไร (หน้าทขี่ องทรานซสิ เตอร์ในวงจรไฟฟ้า)
- กิจกรรมนี้มจี ุดประสงคอ์ ะไร (สงั เกตและบรรยายหนา้ ที่ของทรานซิสเตอร์ในวงจรไฟฟา้ )
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ต่อสวิตช์ ตัวต้านทาน ไดโอดเปล่งแสง และ
ถ่านไฟฉายแบบอนุกรมต่อทรานซิสเตอร์แทรกในวงจรไฟฟ้าให้ขาคอลเล็กเตอร์ต่อกับขาแคโทดของ
ไดโอดเปล่งแสง ขาเบสและอิมิตเตอร์ต่อกับขั้วลบของถ่านไฟฉาย ตรวจสอบการทำงานของทรานซิสเตอร์
เมื่อป้อนกระแสไฟฟ้าผ่านที่ขาเบส ตรวจสอบการทำงานเริ่มต้นของทรานซิสเตอร์เมื่อควบคุมค่าความต่าง
ศกั ย์ไฟฟ้าระหว่างขาเบสและขาอิมิตเตอรด์ ว้ ยตัวต้านทานแปรค่าได้ แลว้ หมนุ ป่มุ ปรบั ค่าของตัวต้านทานแปรค่า
ไดเ้ พอ่ื ใหค้ วามตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าระหวา่ งขาเบสและขาอมิ ติ เตอร์เพ่ิมทลี ะ 0.1 โวลต)์
- นกั เรียนตอ้ งสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (นักเรยี นต้องสงั เกตและบนั ทึกข้อมลู เก่ียวกับ
การเปลี่ยนแปลงของไดโอดเปล่งแสงของวงจรไฟฟ้าทั้งที่ไม่ต่อและต่อทรานซิสเตอร์ ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า
ระหว่างขาเบสและขาอมิ ติ เตอรเ์ มื่อหมุนปุ่มปรบั คา่ ของตัวตา้ นทานแปรค่าได้ท่ีทำให้ทรานซิสเตอร์ทำงาน)
- ข้อควรระวังในการทำกิจกรรมมีอะไรบ้าง (เมื่ออ่านค่ากระแสไฟฟ้าและสังเกตความ
เปลี่ยนแปลงของไดโอดเปล่งแสงแล้วต้องยกสวิตช์ขึ้นทุกครั้งทันทีเพื่อไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าในวงจรเปน็ เวลานาน
ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เกิดความร้อนสูงหรือเกิดความเสียหาย และระวังไม่ให้ลวด
ตวั นำของสายไฟฟา้ ท่ตี อ่ กบั ขาของตัวต้านทานแปรค่าไดแ้ ตะกนั เพราะจะทำใหเ้ กิดไฟฟ้าลัดวงจร)
3) ขณะท่ีนักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม โดยครูสังเกตการต่อวงจรไฟฟ้า การใช้งานโวลต์
มิเตอร์ และการอ่านค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของนักเรยี นของนักเรียนแต่ละกลมุ่ และใหค้ ำแนะนำ หากนักเรียนมี
ข้อสงสยั ครคู วรรวบรวมปญั หา และข้อสงสัยท่ีพบจากการทำกจิ กรรมของนกั เรียน เพอื่ ใช้เปน็ ขอ้ มูลประกอบการ
อภปิ รายหลังจากการทำกจิ กรรม
ขั้นท่ี 3 ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (10 นาที)
4) ให้นักเรียนนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันอภิปราย
สรุปผลของกจิ กรรมโดยใชค้ ำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ไดข้ ้อสรุปจากกิจกรรมว่า ทรานซิสเตอร์ทำ
หน้าที่เสมือนเป็นสวิตช์อัตโนมัติปิดหรอื เปิดวงจรไฟฟา้ และควบคุมกระแสไฟฟ้าให้เคล่ือนที่จากขาคอลเลก็ เตอร์
ไปขาอิมิตเตอรไ์ ด้ หากมีกระแสไฟฟ้าปริมาณนอ้ ยคา่ หนึ่งเคล่ือนที่ผ่านขาเบสไปขาอิมติ เตอร์ หรือทรานซิสเตอร์
จะเริ่มทำงานเมือ่ มีความต่างศกั ย์ไฟฟา้ ระหว่างขาเบสและขาอิมติ เตอรป์ ระมาณ 0.65 โวลต์
ขนั้ ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาที)
5) ให้นกั เรียนเรียนรเู้ พ่ิมเติมเก่ียวกบั หนา้ ที่ของตัวเก็บประจใุ นวงจรไฟฟ้าโดยอ่านหนังสือเรียน
หน้า 132-133 และตอบคำถามระหวา่ งเรยี น จากนั้นรว่ มกันอภปิ รายเกีย่ วกับคำตอบของนักเรยี น

189

- จากกิจกรรมที่ 6.10 จะเขียนแผนภาพการต่อทรานซิสเตอร์ในวงจรไฟฟ้าในขณะที่
ทรานซิสเตอร์ทำงานได้อย่างไร (แนวคำตอบ เราสามารถเขียนแผนภาพการต่อทรานซิสเตอร์ในวงจรไฟฟ้า
ขณะทีท่ รานซิสเตอร์เริ่มทำงานได้ ดงั ภาพ

ข้นั ท่ี 5 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (10 นาที)
6) ครูและนักเรียนอภิปรายผลการทำกิจกรรมที่ 6.10 หน้าที่ของทรานซิวเตอร์ในวงจรไฟฟ้า

เป็นอยา่ งไร จะไดข้ อ้ สรปุ ว่า

- ทรานซิสเตอร์ทำหน้าที่ควบคุมการปิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้าเมื่อกระแสไฟฟ้าปริมาณน้อย
เคลอ่ื นทีผ่ า่ นขาเบส ขณะเดียวกนั ก็ทำหน้าทค่ี วบคุมกระแสไฟฟา้ ที่มีปรมิ าณมากใหเ้ คล่ือนที่ผา่ นขาคอลเล็กเตอร์
และขาอิมติ เตอร์

- ทรานซิสเตอร์จะเร่ิมทำงาน เม่อื ความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างขาเบสและขาอมิ ิตเตอร์หรือสาย
รว่ มหรอื กราวด์ประมาณ 0.65 โวลต์

- ทรานซสิ เตอร์แบ่งเปน็ 2 ชนิด คือ ชนดิ เอ็นพเี อน็ และชนิดพีเอ็นพี ใชส้ ญั ลกั ษณ์ในวงจรไฟฟ้า
ดังภาพ

- สัญลักษณ์ของทรานซิสเตอร์ที่ขาอิมิตเตอร์จะมีลูกศรแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของ
กระแสไฟฟ้า โดยทรานซิสเตอร์ชนิดเอ็นพีเอ็น กระแสไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ออกจากขาคอลเล็กเตอร์เข้าไปยังขา
อิมิตเตอร์ หรืออาจกล่าวได้ว่ากระแสไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ออกทางขาอิมิตเตอร์ ส่วนทรานซิสเตอร์ชนิดพีเอ็นพี
กระแสไฟฟา้ จะเคลอื่ นที่ออกจากอิมติ เตอร์เข้าไปยังขาคอลเล็กเตอร์ หรืออาจกล่าวได้ว่ากระแสไฟฟา้ จะเคล่ือนที่
เขา้ ทางขาอมิ ติ เตอร์

7) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์
การประเมนิ (Rubrics Score)

8. ส่ือการเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 อปุ กรณ์ทำกจิ กรรม: จำนวน 10 รายการ ดังแสดงแนบไว้ในใบกจิ กรรมที่ 6.10

8.2 ใบกจิ กรรม: ใบกิจกรรมท่ี 6.10 ทรานซิสเตอร์มหี นา้ ท่ีอะไร

8.3 แบบบันทกึ กจิ กรรม: แบบบนั ทึกการค้นควา้ กิจกรรมที่ 6.10 ทรานซิสเตอร์มีหน้าทีอ่ ะไร

8.4 แหลง่ เรียนร:ู้ หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 3
เล่ม 2 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ

190

9. การวดั และการประเมิน

ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ วธิ กี ารวดั เครอื่ งมอื วัด เกณฑ์ที่ใชใ้ นการประเมนิ

1. บรรยายหน้าท่ขี อง - ตรวจการตอบคำถาม - คำถามท้ายกจิ กรรมที่ 6.10 - ไดไ้ มน่ ้อยกว่า 2 คะแนน

ทรานซิสเตอร์ในวงจรไฟฟ้า ทา้ ยกิจกรรมท่ี 6.10 ทรานซิสเตอร์มหี น้าที่ ระดบั คุณภาพดี ถือวา่

(ดา้ นความรู้: K) อะไรจำนวน 4 ขอ้ ผ่านการประเมิน
ด้านความรู้

2. การใช้ทกั ษะสงั เกต โดย - ตรวจการทำแบบ - แบบบันทึกการค้นควา้ - ได้ไมน่ ้อยกวา่ 2 คะแนน

การสังเกตการณท์ ำงานของ บันทึกการคน้ คว้า กิจกรรมที่ 6.10 ระดับคุณภาพดี ถือวา่

ชนิ้ สว่ นอเิ ล็กทรอนิกส์ กจิ กรรมที่ 6.10 ทรานซสิ เตอร์มีหน้าท่ีอะไร ผ่านการประเมิน

(ทรานซิสเตอร์) ด้านกระบวนการ

(ด้านกระบวนการ: P)

3. ตระหนกั ถึงความสำคัญ - สังเกตการใช้งาน - เกณฑ์การประเมินการใช้ - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน

ของการใช้อุปกรณ์ อุปกรณ์ในกิจกรรม งานอปุ กรณใ์ นกิจกรรม ระดับคุณภาพดี ถือวา่

การทำกจิ กรรมได้ ของนักเรยี น ของนักเรียน ผ่านการประเมิน

(ด้านเจตคต:ิ A) ดา้ นเจตคติ

9.1 เกณฑ์การประเมินผลนักเรียน เกณฑ์การประเมิน (Rubrics Score)

ประเดน็ การประเมิน ค่านำ้ หนัก แนวทางการให้คะแนน
คะแนน

การใหค้ ะแนนตอบ 3 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.10 ถูกต้อง จำนวน 4 ข้อ
คำถามท้าย
2 ตอบคำถามท้ายกจิ กรรมท่ี 6.10 ถกู ต้อง จำนวน 3 ข้อ
กิจกรรมที่ 6.10
การใหค้ ะแนนการบนั ทึก 1 ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมที่ 6.10 ถูกต้อง จำนวน 1-2 ข้อ หรอื ไม่ถกู ต้อง
แบบบนั ทึกการคน้ ควา้
บนั ทึกผลการทำกิจกรรม จากการสงั เกตการทำงานของช้ินส่วน
กจิ กรรมที่ 6.10
3 อิเล็กทรอนิกสต์ ามความเปน็ จรงิ โดยไม่เพ่ิมความคิดเหน็ สว่ นตัว และ
การใหค้ ะแนน
การใชง้ านอุปกรณ์ สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงค์การเรียนร้ทู ่ีถูกต้อง ชัดเจน

ในกิจกรรม 2 บันทกึ ผลการทำกิจกรรม จากการสงั เกตการทำงานของชิ้นสว่ น
อเิ ล็กทรอนกิ สต์ ามความเปน็ จริง แตไ่ มส่ อดคล้องกับจดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1 บันทกึ ผลการทำกิจกรรม จากการสงั เกตการทำงานของชิ้นส่วน
อิเลก็ ทรอนกิ ส์ไม่ถูกต้องและไม่สอดคล้องกบั จุดประสงค์การเรยี นรู้

ใช้งานอปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมได้ถกู วิธี หยิบ เคลอ่ื นยา้ ยอปุ กรณ์

3 อยา่ งระมัดระวัง ไมห่ ยอกล้อหรอื แกล้งเพือ่ นขณะกำลังใช้งานอปุ กรณ์

และหลงั การใชง้ านอุปกรณม์ ีการเก็บรักษาอย่างถูกวธิ ี

ใชง้ านอุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมได้ถกู วธิ ี หยบิ เคล่ือนยา้ ยอุปกรณ์

2 อยา่ งระมดั ระวงั ไมห่ ยอกลอ้ หรอื แกลง้ เพอื่ นขณะกำลงั ใชง้ านอุปกรณ์
แต่หลังการใช้งานอปุ กรณ์ไม่มีการเกบ็ รักษาอยา่ งถูกวิธี หรือไม่เก็บอปุ กรณ์

เข้าตู้เก็บอปุ กรณ์ตามประเภทของอุปกรณ์

191

ใช้งานอุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมได้ แต่ขณะหยบิ เคล่ือนยา้ ยอุปกรณ์หรอื
1 กำลังใชง้ านอุปกรณ์ จะหยอกลอ้ หรอื แกลง้ เพื่อน อาจทำให้อุปกรณ์เสยี หายได้

และหลังการใชง้ านอปุ กรณ์ไม่มีการเก็บรักษาอย่างถกู วิธี

9.2 ระดบั คุณภาพ

คะแนนรวมเฉล่ยี 3.00 หมายถงึ ดมี าก
คะแนนรวมเฉลยี่ 2.00 - 2.99 หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉล่ยี 0.01 - 1.99 หมายถงึ พอใช้

ดังนน้ั นกั เรยี นตอ้ งไดค้ ะแนนเฉล่ียทุกประเดน็ การประเมิน ไม่ตำ่ กว่า 2.00 แสดงระดับ

คณุ ภาพ ดี ถือวา่ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ในแผนการจัดการเรยี นท่ี 23

192

บันทกึ หลังการสอน

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 ไฟฟา้ .... ...... ... ...

แผนการสอนเรอื่ ง 23 ทรานซสิ เตอร์

วนั ท.่ี ..............................เดอื น...............................................................พ.ศ.................

1. สรุปผลการเรียนการสอน
1. นักเรียนจำนวน....................คน ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้...........คน คิดเปน็ ร้อยละ.............
ไมผ่ ่านจดุ ประสงค.์ ......................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.............

ได้แก.่ .................................................................................................
2. สรุปผลตามรายจุดประสงค์การเรยี นรู้

2.1 นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจ ( K)

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.2 นกั เรยี นมคี วามร้เู กดิ กระบวนการ (P)

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.3 นกั เรียนมีเจตคติ (A)

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ขอ้ เสนอแนะหลงั การจัดการเรียนการสอน

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ............................................ครูผู้สอน ลงช่ือ.............................................หวั หนา้ กลุม่ สาระ
() ()

ตำแหน่ง................................................... ลงช่ือ.............................................ผชู้ ่วย/รองฯวิชาการ
…………./……………./………… ()

ลงช่ือ............................................ผู้อำนวยการ
()

193

แบบบนั ทกึ การประเมนิ คณุ ภาพการเรียนรขู้ องนกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3

รายวิชาวิทยาศาสตร์พนื้ ฐาน (ว23102) หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ไฟฟา้ I

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 23 เรือ่ ง ทรานซสิ เตอร์.

คำช้แี จง: ทำเคร่ืองหมาย ✓ ในช่องค่านำ้ คะแนนแต่ละด้านตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยประเมินตามเกณฑ์

(Rubrics Score)

เลข ชื่อ-นามสกุล/ ด้านความรู้ (K) ด้านกระบวนการ (P) ด้านเจตคติ (A) คะแนนรวม
ที่ รหสั นกั เรยี น ค่านำ้ หนักคะแนน คา่ นำ้ หนกั คะแนน คา่ น้ำหนกั คะแนน
ระดับ
3 2 1 3 2 1 32 1 คุณภาพ

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

194

เลข ชอ่ื -นามสกุล/ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นกระบวนการ (P) ด้านเจตคติ (A) คะแนนรวม
ท่ี รหัสนกั เรียน คา่ นำ้ หนักคะแนน ค่าน้ำหนกั คะแนน ค่าน้ำหนักคะแนน
ระดับ
321 32 1 32 1 คุณภาพ

23

24

25

26

27

28

29

30

31

32

33

34

35

เกณฑ์การพิจารณาคุณภาพ หมายถึง ดีมาก
คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดี
คะแนนรวมเฉล่ีย 2.00 - 2.99 หมายถงึ พอใช้
คะแนนรวมเฉลยี่ 0.01 - 1.99

ตอ้ งไดค้ ะแนนเฉลีย่ ทกุ ประเด็นการประเมิน ไม่ตำ่ กว่า 2.00 แสดงระดับคุณภาพ ดี ขึ้นไปเท่าน้ัน
ถึงจะผ่านการเรยี นรู้ตามตัวชว้ี ัด

ผลการประเมนิ การเรยี นรขู้ องนักเรียน
ผเู้ รยี นท่ี ผ่าน ตัวชี้วัด
มจี ำนวน…………………………คน คิดเป็นรอ้ ยละ………………………………………………..
ผ้เู รยี นท่ี ไม่ผ่าน ตวั ช้วี ดั
มจี ำนวน…………………………คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ………………………………………………..
1)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
2)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
3)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................

195

สื่อการเรยี นรู้แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 23: ใบกจิ กรรมท่ี 6.10

ใบกิจกรรมที่ 6.10 ทรานซสิ เตอรม์ หี น้าที่อะไร

หนังสอื เรียนรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 เล่ม 2 ตามหลกั สตู รแกนกลาง
การศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หนา้ 134

กจิ กรรมท่ี 6.10 ทรานซิสเตอรม์ ีหนา้ ท่ีอะไร?
จุดประสงค์
วัสดอุ ุปกรณ์ วัสดทุ ่ใี ชต้ ่อกลุ่ม

วิธดี ำเนินกจิ กรรม 1. โวลตม์ ิเตอร์ 1 เคร่ือง

2. สายไฟฟ้า 13 เส้น

3. ถา่ นไฟฉายขนาด 1.5 V 4 กอ้ น

4. กระบะถา่ นแบบ 4 ก้อน 1 อัน

5. สวิตช์แบบโยก 1 อัน

6. ทรานซสิ เตอร์ชนดิ NPN เบอร์ BC547 1 อัน

7. ตวั ต้านทานคงท่ีขนาด 330 Ω 1 อัน

8. ตวั ตา้ นทานคงที่ขนาด 20 kΩ 1 อนั

9. ตวั ต้านทานแปรค่าได้ขนาด 10 kΩ 1 อัน

10. ไดโอดเปล่งแสงสเี ขยี ว 1 อัน

1. ตอ่ วงจรไฟฟ้าทีป่ ระกอบด้วยถา่ นไฟฉาย 4 ก้อน สวิตซ์ สายไฟฟา้ ตัวตา้ นทานคงที่

ขนาด 330 โอห์ม และไดโอดเปลง่ แสง ดงั ภาพ กดสวิตซล์ งเพื่อใหว้ งจรปิด สงั เกตการ

เปล่ียนแปลงของไคโอดเปลง่ แสงบันทกึ ผลแล้วยกสวติ ซ์ข้นึ

2. นำทรานซิสเตอรต์ ่อแทรกเข้าในวงจรไฟฟ้า โดยให้ขาคอลเล็กเตอร์เข้ากับขา

แคโทดของไคโอดเปล่งแสง จากนนั้ ต่อขาเบสและขาอมิ ติ เตอรเ์ ขา้ กับข้ัวลบของ

ถ่านไฟฉายที่จุด ก ให้เป็นสายร่วม ดังภาพ กดสวติ ซ์ลงเพื่อใหว้ งจรปดิ สังเกตการ

เปล่ียนแปลงของไคโอดเปล่งแสง บนั ทึกผล แลว้ ยกสวิตซข์ ้ึน

ภาพการจัดอปุ กรณ์ในกิจกรรม (1) ภาพการจัดอุปกรณใ์ นกจิ กรรม (2)

196

กจิ กรรมท่ี 6.10 ทรานซสิ เตอร์มีหน้าทอ่ี ะไร?

3. นำตัวต้านทานคงที่ ขนาด 20 กิโลโอห์ม

ต่อขนานเข้ากับวงจรโดยปลายดา้ นหนึ่ง

ต่อเข้ากับจุด ข และปลายอีกด้านหนึง่ ต่อเข้า

กับขาเบสของทรานซิสเตอร์ เพื่อป้อน

กระแสไฟฟ้าที่ขาเบส ดังภาพ กดสวิตซ์ลง

เพื่อให้วงจรปิด สังเกตการเปลี่ยนแปลงของ ภาพการจัดอปุ กรณ์ในกจิ กรรม
ไดโอดเปลง่ แสง บันทกึ ผล แล้วยกสวิตซข์ นึ้

4. ต่อตัวต้านทานแปรค่าได้ 10 กิโลโอห์ม ภาพการจดั อปุ กรณ์ในกิจกรรม
แทรกในวงจรโดยต่ออนุกรมกับตัวต้านทาน
คงท่ี 20 กิโลโอหม์ ดงั ภาพ กดสวิตซล์ งเพื่อให้
วงจรปิดหมุนปุ่มปรับค่ากลับไปกลับมา
สังเกตการเปลี่ยนแปลงของไดโอดเปล่งแสง
บนั ทกึ ผล แลว้ ยกสวติ ซข์ ึน้

5. ต่อโวลตม์ ิเตอรค์ ร่อมระหวา่ งขาเบสและขาอมิ ิตเตอรข์ องทรานซิสเตอร์ กดสวติ ซ์
ลงเพ่ือใหว้ งจรปดิ จากน้ันหมุนปุ่มปรับค่าของตวั ต้านทานแปรคา่ ได้ใหเ้ ข็มของโวลต์
มเิ ตอร์ขี้เรม่ิ ต้นที่ 0 แล้วหมุนปรบั ค่าความต้านทานไฟฟ้าทีละน้อย จนไดโอดเปลง่ แสง
เรมิ่ เปล่งแสง อา่ นค่าความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้า บนั ทึกผล แลว้ ยกสวิตซข์ นึ้

ภาพการจดั อปุ กรณ์ในกิจกรรม

การเตรยี มตัว • ครูควรเตรยี มทรานซิสเตอร์ใหม้ ีจำนวนมากกวา่ ทกี่ ำหนดในกจิ กรรม เพราะขาของ
ลว่ งหนา้ สำหรับครู ทรานซสิ เตอรห์ ักงา่ ย

• ครคู วรตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าและช้ินสว่ นอิเล็กทรอนิกส์ใหอ้ ยใู่ นสภาพพร้อมใช้งาน

197

• ครูควรทดลองต่อวงจรไฟฟา้ กอ่ นจัดกจิ กรรม เพ่ือตรวจสอบวา่ วงจรไฟฟา้ ทใ่ี ชใ้ น

กจิ กรรมต่ออย่างไรและวงจรไฟฟ้าทำงานได้ตามตอ้ งการหรือไม่

กจิ กรรมท่ี 6.10 ทรานซิสเตอรม์ หี น้าท่ีอะไร?

ข้อควรระวงั การต่อวงจรไฟฟ้าข้อ 1-3 มีจุดประสงค์เพื่อตรวจสอบว่าทรานซิสเตอร์จะทำงาน
เมื่อมีกระแสไฟฟ้าปริมาณเล็กน้อยเคลื่อนที่ผ่านขาเบส และการต่อวงจรไฟฟ้าข้อ 4
มีจดุ ประสงคเ์ พอ่ื ตรวจสอบวา่ ทรานซิสเตอร์จะทำงานเมื่อความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่าง
ขาเบสและขาอมิ ติ เตอร์เปน็ เท่าใด
• ครูควรยำ้ เตอื นนกั เรยี นเมือ่ สังเกตความเปล่ยี นแปลงของไดโอดเปลง่ แสงแล้วตอ้ ง

ยกสวติ ชข์ ึน้ ทุกคร้ังทนั ทีเพื่อไมใ่ หม้ กี ระแสไฟฟ้าในวงจรเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้

อปุ กรณ์ไฟฟา้ และช้นิ สว่ นอเิ ล็กทรอนิกส์เกิดความรอ้ นสูงซงึ่ อาจทำใหเ้ สียหายได้

• เนอ่ื งจากขาของทรานซสิ เตอร์อยชู่ ดิ กนั ครูควรย้ำเตือนให้นกั เรียนระวงั ไม่ใหล้ วด

ตวั นำของสายไฟฟา้ ที่ต่อกบั ขาของทรานซิสเตอรแ์ ตะกัน เพราะจะทำใหเ้ กดิ ไฟฟ้า

ลดั วงจร

• ครูควรย้ำเตือนนักเรยี นไม่ควรดดั ขาของทรานซสิ เตอรไ์ ปมาเน่อื งจากขาของ

ทรานซิสเตอร์หักง่าย

198

ขอ้ เสนอแนะใน • ก่อนตอ่ ทรานซิสเตอรแ์ ทรกในวงจรไฟฟ้า ครคู วรแนะนำใหน้ ักเรยี นสังเกตและ
การทำกิจกรรม วิเคราะห์ขาของทรานซสิ เตอร์เพ่อื ใหก้ ารต่อวงจรไฟฟ้าถกู ต้อง
• ครสู ามารถใชท้ รานซิสเตอร์เบอร์ BC546 BC548 BC549 หรอื BC550 แทน
ทรานซิสเตอร์ เบอร์ BC547 ได้

คำถามท้ายกจิ กรรม

1. วงจรไฟฟา้ ที่ไมม่ ีทรานซสิ เตอร์และวงจรไฟฟา้ ที่มีทรานซิสเตอร์ในวิธีการดำเนินกจิ กรรมขอ้ 2 มผี ลให้
ไดโอดเปลง่ แสงมีการเปล่ียนแปลงแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อย่างไร
2. เมอื่ ต่อตวั ตา้ นทานคงที่ 20 กโิ ลโอห์มเขา้ ในวงจรไฟฟ้าและตอ่ เข้าทข่ี าเบสของทรานซสิ เตอร์ มผี ลตอ่
ไดโอดเปลง่ แสงหรือไม่ อย่างไร ทำไมจึงเปน็ เชน่ นัน้
3. การปรับตัวต้านทานแปรคา่ ไดม้ ีผลตอ่ คา่ ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าคร่อมขาเบสและขาอิมติ เตอร์ และมีผลต่อ
การเปล่งแสงของไดโอดเปล่งแสงอยา่ งไร
4. จากกจิ กรรม สรุปไดว้ า่ อยา่ งไร

199

สื่อการเรียนรู้แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 23: แบบบันทึกการค้นคว้ากจิ กรรมท่ี 6.10

แบบบันทึกการคน้ ควา้ กจิ กรรมที่ 6.10 ทรานซิสเตอร์มหี นา้ ทอ่ี ะไร

ช่อื -นามสกุล..........................................................................................ช้ัน.................เลขท.่ี ..........กลมุ่ ท.ี่ ...........

 ตารางบนั ทึกผลการทำกจิ กรรม

ตารางแสดง การเปล่ียนแปลงของไดโอดเปลง่ แสงในวงจรไฟฟ้า

การต่อวงจรไฟฟ้า การเปล่ยี นแปลงของไดโอดเปลง่ แสง

…………………………………………………………………….

…………………………………………………………………….

…………………………………………………………………….

ตารางแสดง การเปลี่ยนแปลงของไดโอดเปล่งแสงในวงจรไฟฟ้าเม่ือความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าคร่อมระหว่างขาเบสและ

ขาอิมติ เตอร์ของทรานซิสเตอรเ์ พม่ิ ขน้ึ

ความต่างศกั ย์ระหว่าง การเปลย่ี นแปลงของ หมายเหตุ
ขาเบสเทยี บกับสายร่วม (V) ไดโอดเปล่งแสง

0

0.1

0.2

0.3

0.4

0.5

0.6

0.7


Click to View FlipBook Version