The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การจัดการประมง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Fish_KU, 2022-10-12 05:38:57

การจัดการประมง

การจัดการประมง

187

เอกสำรอำ้ งอิง

กรมประมง. 2563. สถติ ิการนาเข้า-ส่งออกสตั ว์นา. www.fisheries.go.th
ประกาศกรมประมง เรื่อง กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดทาหลักฐานเพ่ือการสืบค้นของผู้ผลิต

ผลิตภัณฑ์สัตว์นาหรือแปรรูปสัตว์นา พ.ศ. 2558. กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.
www.fisheries.go.th
พระราชกาหนดการประมงพ.ศ. 2558. ราชกิจจานุเบกษา. 2558. เล่มท่ี 132 , ตอนท่ี 108 ก , หน้า 1 - 45.
พระราชกาหนดการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560. ราชกิจจานุเบกษา. 2560. เล่มที่ 134, ตอนที่ 67 ก,
หนา้ 1 - 18.
ระเบยี บวา่ ด้วยการออกใบรับรองการปฏบิ ตั ิทางการเพาะเลียงสตั วน์ าที่ดสี าหรับการผลติ สัตว์นา (จี เอ พี) 2553
และฉบับเพิม่ เตมิ 2556 และ 2561. กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ www.fisheries.go.th

118888

189

ชอื่ นางสาวณาตยา ศรีจนั ทึก
วุฒิ วทิ ยาศาสตรมหาบัณฑติ (เศรษฐศาสตร์เกษตร)
ตำแหนง่ หัวหนา้ กลุ่มเศรษฐกิจการประมง
หนว่ ยที่เขียน ตอนท่ี 7.1

ชอื่ นายประพนั ธ์ โนระดี
วุฒิ เศรษฐศาสตรบณั ฑติ
ตำแหน่ง หัวหนา้ กลมุ่ วิเคราะห์การคา้ สินคา้ ประมงระหวา่ งประเทศ
หนว่ ยที่เขียน ตอนที่ 7.2

190

191

สนิ ค้าสตั วน์ ้าทเ่ี ขา้ สู่ตลาดเพ่อื การบริโภคภายในประเทศของไทย มาจากการเพาะเลี้ยงของเกษตรกร
การจับจากธรรมชาติของชาวประมง และการน้าเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งสามารถจ้าแนกตามประเภทของ
สัตว์น้าได้เป็นสัตว์น้าจืดและสัตว์ทะเล โดยสินค้าสัตว์น้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้าที่ผลิตเพื่อการบริโภคภาย
ในประเทศมโี ครงสร้างหรือวถิ ีการตลาดแตกต่างกัน เนื่องจากกิจกรรมทางการตลาดที่เกิดข้ึน ต้ังแต่เกษตรกร
หรือชาวประมงน้าสัตว์น้ามาจ้าหน่ายให้กับผู้รับซื้อสัตว์น้าไปจนถึงผู้บริโภคมีความแตกต่างกัน ท้ังในด้าน
ลักษณะทางกายภาพของสินค้าสัตว์น้า การก้าหนดราคาจ้าหน่าย แหล่งจ้าหน่าย การรักษาคุณภาพสัตว์น้า
การขนถ่ายสัตว์น้า และการส่งเสริมการตลาด นอกจากน้ีผู้ท่ีเก่ียวข้องในห่วงโช่อุปทานยังมีความซับซ้อน
ต่างกัน แมว้ ่าการบรหิ ารจดั การภายใตพ้ ระราชกา้ หนดการประมง พ.ศ. 2558 และทแี่ กไ้ ขเพิ่มเติม ก้าหนดให้
ด้าเนินการครอบคลุมสัตว์น้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้าทุกชนิดทุกและประเภทก็ตาม แต่การจัดการการตลาด
สินค้าสัตว์น้าตลอดท้งั ห่วงโซไ่ มส่ ามารถด้าเนนิ การได้ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ ดังนั้น ในระยะแรกผู้ประกอบการ
จึงมงุ่ เน้นด้าเนินการในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับสินค้าและผลิตภัณฑ์เพ่ือการส่งออก ในขณะที่สินค้าสัตว์น้าเพ่ือการ
ส่งออกและเพื่อจ้าหน่ายภายในประเทศส่วนใหญ่มาจากแหล่งเดียวกัน การจัดการการตลาดจะให้ความส้าคัญ
กับกิจกรรมหลักที่มีความส้าคัญ ซึ่งเป็นกิจกรรมการตลาดต้นทาง อาทิ การจัดการสถานที่จ้าหน่าย
แหลง่ จ้าหน่ายทสี่ ้าคญั ทา่ เทียบเรอื /สะพานปลา แพปลา และตลาดกลางค้าสัตวน์ ้า

อย่างไรก็ดี ทุกภาคส่วนต่างมุ่งหวังให้การบริหารจัดการสินค้าเพื่อการส่งออกจะขยายผลครอบคลุม
สินคา้ สัตว์น้าทงั้ หมด และเป็นแนวทางในการด้าเนินการให้ครอบคลุมทกุ กจิ กรรมตง้ั แต่ต้นทางถึงปลายทาง
เม่ือผู้บริโภคภายในประเทศตระหนกั ถงึ ความส้าคัญของทรัพยากรสัตว์น้าและการใส่ใจในสุขอนามัยมากขึ้น
ดังนั้นการจดั การการตลาดสนิ ค้าสตั ว์น้าเพ่อื การบริโภคภายในประเทศภายใต้บรบิ ทของพระราชกา้ หนดการ
ประมง พ.ศ. 2558 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม ในครั้งนี้จะขอกล่าวถึงกลุ่มสินค้าสัตว์น้าทะเลท่ีได้จากการจับ
จากเครื่องมือประมงพาณิชย์ และที่ได้จากการจบั จากเคร่ืองมือประมงพืน้ บ้าน มีรายละเอยี ดดังนี้

1. สินค้ำสัตว์ทะเลท่จี บั ได้จำกเครื่องมือประมงพำณิชย์
กิจกรรมทางการตลาดภายใต้ห่วงโซ่อุปทานสินค้าสัตว์ทะเลจากเครื่องมือประมงพาณิชย์

ส้าหรับการบริโภคภายในประเทศ ค่อนข้างมีความซับซ้อนและมีผู้ที่เก่ียวข้องต้ังแต่ต้นน้าจนถึงปลายน้า
ประกอบด้วย ผู้ประกอบการเรือประมง ผู้ประกอบกิจการท่าเทียบเรือ ผู้ประกอบกิจการแพปลาหรือผู้
รวบรวมหรือพ่อค้าคนกลาง (ผู้ค้าส่งและผู้ค้าปลีก) ผู้ประกอบการน้าเข้าผู้ประกอบการแปรรูปพ้ืนเมือง
ผปู้ ระกอบการห้องเยน็ และโรงงานแปรรูป ผู้ประกอบการร้านอาหาร และผู้บริโภค (ภาพที่ 7 - 1) ส้าหรับ
ผู้ท่ีมีบทบาทส้าคัญมากที่สุดในตลาด คือ แพปลา เนื่องจากแพปลาท้าหน้าที่เป็นคนกลางรับซ้ือสินค้า
จ้าหน่ายสินค้า และรับฝากขายสัตว์น้า ทั้งจากเรือประมงไทยและสินค้าสัตว์น้าน้าเข้าจากต่างประเทศ
พร้อมทงั้ เปน็ ผ้กู ้าหนดราคาจา้ หนา่ ยตามกลไกของตลาด

192

ภำพท่ี 7 - 1 ห่วงโซ่อุปทำนสินค้ำสัตว์ทะเลจำกเรือประมงพำณิชยส์ ำหรบั กำรบรโิ ภคภำยในประเทศ
สถานทีท่ ีเ่ ปน็ ตลาดส้าคัญในการซ้อื ขายและกระจายสินค้าสัตว์น้า ได้แก่ ท่าเทียบเรือประมง

หรอื ท่าขึน้ ปลา และตลาดกลางค้าสตั ว์นา้ ท่มี ีแพปลารับฝากขายสัตว์น้า ลักษณะของตลาดเป็นแบบกึ่งแข่งขัน
ก่งึ ผกู ขาด มีผ้ขู ายน้อยราย สว่ นใหญเ่ ปน็ แพปลาเจ้าประจ้า และมีผลก้าไรเป็นส่ิงจูงใจในการเข้าหรือออก
จากตลาด แตก่ ารเข้าสู่ตลาดไมง่ า่ ยนกั

เมอื่ พิจารณาถงึ หลักการวางแผนการตลาด 4P’s ซง่ึ มีองคป์ ระกอบส้าคัญ 4 ส่วน คือ ผลิตภัณฑ์
(Product) การกา้ หนดราคา (Price) ช่องทางการจัดจ้าหน่าย (Place) และการส่งเสรมิ การตลาด (Promotion)

1) ผลิตภณั ฑ์ (Product)
สินค้าสัตว์น้าสดท่ีน้าขึ้นท่าเทียบเรือประมงและมีการจ้าหน่ายให้กับผู้รับซ้ือหรือแพปลา

ณ ท่าเทียบเรือประมงแต่ละแห่ง มีลักษณะการจ้าหน่าย 2 รูปแบบหลัก ๆ คือ จ้าหน่ายให้กับผู้รับซื้อ
หรือแพปลาเจ้าประจ้าด้วยวิธีตกลงราคา และจ้าหน่ายด้วยวิธีการประมูล แพปลาประจ้าส่วนใหญ่ท้าหน้าท่ี
รับฝากขาย โดยแพปลาจะท้าการคัดแยกตามชนิด ขนาด และคุณภาพของสัตว์น้าใส่ภาชนะไว้
ด้วยแรงงานถูกกฎหมายที่มีความช้านาญ เพื่อความสะดวกในการจ้าหน่ายและขนย้าย ส่วนสัตว์น้าที่รอการ

193

ประมูลจะคัดแยกและกองไว้เพ่ือรอการประมูล เมื่อประมูลแล้ว จะน้าสัตว์น้าใส่ภาชนะและขนย้ายขึ้นรถ
ไปยงั ตลาดปลายทางหรอื เขา้ โรงงานแปรรูป (ภาพท่ี 7 - 2 – 7 - 4)

สินค้าสัตว์น้าสดที่มีการขนผ่านท่าเทียบเรือประมงและไม่ได้จ้าหน่ายสัตว์น้าที่ท่าเทียบ
เรือประมง จะมีการคัดแยกสัตว์น้าใส่ภาชนะไว้ต้ังแต่ในเรือ เพ่ือให้ง่ายต่อการประเมินปริมาณสัตว์น้า
แตล่ ะชนิด ส้าหรับกรอกลงสมุดบันทึกการท้าการประมง (Fishing Logbook) และเพื่อความสะดวกในการ
ขนย้ายขึ้นรถบรรทุกห้องเย็นไปขายยังตลาดปลายทาง แต่ไม่ได้คัดแยกละเอียดตามความต้องการของตลาด
โดยแพปลาจะมกี ารคัดแยกอีกคร้ังเพอ่ื จา้ หนา่ ยใหก้ บั ผู้รับซือ้

ชนิดของสัตวน์ ้าสดที่จา้ หน่ายมคี วามหลากหลาย ประกอบด้วย กลุ่มปลา กลุ่มกุ้ง กลุ่มหมึก
กลุ่มปู และอ่ืน ๆ สินค้าสัตว์น้าต้องมีคุณลักษณะท่ีส้าคัญ คือ คุณภาพดี สดใหม่ สะอาด และปลอดภัย
ต่อผู้บริโภค ซ่ึงคุณภาพหรือความสดใหม่ของสัตว์น้าข้ึนอยู่กับเคร่ืองมือที่ใช้ท้าการประมง วิธีการเก็บรักษา
และระยะเวลา ส่วนปริมาณสัตว์น้าแต่ละชนิดท่ีเข้าสู่ตลาดไม่แน่นอน ในช่วงแรกของการปรับตัวเข้าสู่
กระบวนการแก้ไขปัญหาการท้าประมง IUU ลดลง สินค้าขาดตลาด ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายส่งเสริม
การคา้ กับประเทศเพื่อนบ้าน จึงมีการน้าเข้าสัตว์น้าจากต่างประเทศ เม่ือปริมาณสัตว์น้าเข้าสู่สภาวะปกติ
ทา้ ใหเ้ กดิ อุปทานสว่ นเกนิ โดยเฉพาะหมกึ กลว้ ย ท้ังนี้ จากการน้าเข้าสินค้าสัตว์น้าท้าให้เกิดการเปรียบเทียบ
ในดา้ นการจดั การผลิตภัณฑ์ โดยสนิ คา้ สตั ว์น้าท่ีน้าเข้ามีความสดใหม่ มีการคัดแยกชนิดและขนาด พร้อมทั้ง
รวบรวมให้ได้ปริมาณตามที่ตลาดหรือโรงงานแปรรูปต้องการ เป็นการอ้านวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อ
และประเด็นส้าคัญคือราคาถูก จึงท้าให้ผู้ซื้อ พ่อค้าคนกลาง หรือโรงงานแปรรูป ให้ความสนใจสัตว์น้า
น้าเขา้ มากกวา่ สนิ คา้ สตั ว์นา้ ของไทย เน่อื งจากเป็นสินค้าที่สามารถทดแทนกันได้ ดังน้ันผู้ประกอบการประมง
พาณิชยต์ ้องพฒั นาเร่อื งการรวบรวม การคัดแยก และการบรรจสุ นิ ค้าใหพ้ รอ้ มจา้ หน่าย

หมึกเป็นสัตว์ทะเลท่ีมีความส้าคัญทางเศรษฐกิจในจังหวัดระยอง หมึกที่จับได้จากเคร่ืองมือ
อวนครอบหมึกส่วนใหญ่เป็นหมึกกล้วยคุณภาพดี ชาวประมงน้าสัตว์น้าขึ้นท่าและจ้าหน่ายให้กับผู้รับซ้ือ
ในพ้ืนที่ดว้ ยการประมลู ราคาแยกตามขนาดและคุณภาพของหมึก ส่วนมากจะขายให้กับผู้ประกอบการแปรรูป
พ้ืนเมืองเพื่อท้าหมึกแห้งร้อยละ 90 ส่วนอีกร้อยละ 10 ขายเป็นหมึกสด ท้ังนี้ราคาขายหมึกสดค่อนข้างดี
และเป็นไปตามกลไกตลาด หรือข้ึนอยู่กับปริมาณหมึกที่ชาวประมงน้าข้ึนมาจ้าหน่าย เพราะแพปลาไม่มี
การนา้ เข้าหมึกสดจากนอกพืน้ ที่ แต่ชาวประมงประสบปญั หาด้านแรงงาน และการรักษาคุณภาพของหมึก
ให้คงความสดใหม่ ส่วนสัตว์น้าสดท่ีจับได้จากเคร่ืองมืออวนลากแผ่นตะเฆ่ขนาดไม่เกินสิบตันกรอส
ในภาคตะวันออก จะวางจ้าหน่ายสัตว์น้าท่ีท่าเทียบเรือให้กับพ่อค้าคนกลาง ร้านอาหาร และผู้บริโภค
ในพื้นท่ี ซ่ึงได้ราคาค่อนข้างดี เน่ืองจากสัตว์น้าคุณภาพดี สด ใหม่ ชาวประมงกลุ่มน้ีจึงไม่ได้รับผลกระทบ
จากการนา้ เขา้ สินค้าสัตวน์ ้าจากประเทศ

194

ภำพที่ 7 - 2 สนิ ค้ำสัตวน์ ำ้ ที่นำข้ึนท่ที ่ำเทียบเรือ เพอ่ื จำหนำ่ ยผำ่ นแพปลำด้วยวธิ ีตกลงรำคำ
ภำพที่ 7 - 3 สนิ ค้ำสัตว์นำ้ ทน่ี ำขึน้ ที่ท่ำเทยี บเรอื เพ่อื จำหนำ่ ยดว้ ยวธิ กี ำรประมูลรำคำ
ภำพท่ี 7 - 4 สนิ ค้ำสัตวน์ ้ำทจี่ ำหน่ำยตลำดปลำสหกรณป์ ระมงแมก่ ลอง

195

ส้าหรับผลิตภัณฑ์แปรรูปพื้นเมืองที่ผู้บริโภคนิยมและมีความส้าคัญทางเศรษฐกิจ อาทิ
หมกึ แห้ง ก้งุ แหง้ ปลาตากแห้ง เป็นสินค้าแปรรูปท่ีมีมูลค่าเพ่ิมไม่มากนัก ผู้ประกอบการแปรรูปจึงได้รับ
ส่วนต่างทางการตลาดไม่มาก โดยผู้ประกอบการแปรรูปจะให้ความส้าคัญกับการคัดเลือกวัตถุดิบส้าหรับ
การแปรรูป โดยเฉพาะหมึกสดทั้งด้านคุณภาพและราคา ผู้ประกอบการแปรรูปหมึกแห้งจังหวัดระยอง
จะซ้ือหมึกสดในพื้นท่ี เน่ืองจากมีคุณภาพดีกว่าหมึกสดท่ีมาจากแหล่งอื่น เพ่ือท้าการแปรรูปเป็นหมึกแห้ง
หลากหลายรูปแบบ เช่น หมึกเจาะตา หมึกแพ และหมึกหนัง เป็นต้น โดยจ้าหน่ายหมึกแห้งให้กับผู้ค้า
ในพื้นท่ีเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการจ้าหน่ายให้กับผู้ประกอบการแปรรูปหมึกปรุงรส และจ้าหน่าย
ทางออนไลน์บ้าง อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการแปรรูปประสบปัญหาขาดแคลนหมึกสดส้าหรับท้าหมึกแห้ง
และราคาค่อนข้างสูง ส่งผลให้จ้านวนผู้ประกอบการแปรรูปหมึกลดลง ต้นทุนในการท้าหมึกแห้งสูงข้ึน
และได้รบั ผลกระทบจากการน้าเขา้ หมึกแห้งมาจ้าหน่ายในพ้ืนที่

ปัจจุบันสินค้าสัตว์น้าที่จับได้จากเรือประมงพาณิชย์ของไทยจัดว่าเป็นสินค้าสัตว์น้าที่ถูก
กฎหมายทั้งหมด โดยกรมประมงมีการสุ่มตรวจสุขอนามัยสัตว์น้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้าจากตลาด รวมถึง
โรงงานแปรรูป เพ่ือให้มีความปลอดภัยกับผู้บริโภค และเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือหรือกิจการแพปลาหรือผู้จ้าหน่ายต้องออกหนังสือก้ากับการซื้อขายสัตว์น้า
(Marine Catch Purchasing Document : MCPD) ให้กับผู้ซ้ือ แต่ผู้บริโภคภายในประเทศยังไม่ให้
ความสา้ คัญมากนกั

2) กำรกำหนดรำคำ (Price)
ราคาสัตว์น้าสดมีการเปล่ียนแปลงตามกลไกของตลาดเป็นส้าคัญ โดยขึ้นอยู่กับอุปสงค์

และอุปทานในตลาด กล่าวคือ ราคาข้ึนอยู่กับปริมาณสัตว์น้าท่ีมีจ้าหน่ายในตลาดและความต้องการของ
ผู้ซื้อ หากสัตว์น้าชนิดนั้น ๆ มีปริมาณเข้าสู่ตลาดมากข้ึน ราคาจะปรับตัวลดลง โดยแพปลาหรือผู้รวบรวม
หรือพ่อค้าคนกลางเป็นผู้ก้าหนดราคา ท้ังการซ้ือขายด้วยวิธีตกลงราคาและการประมูล นอกจากน้ียังมี
ปัจจัยอื่นที่เป็นตัวก้าหนดราคาให้มีความแตกต่างกัน อาทิ คุณภาพสัตว์น้า ความสดใหม่ ชนิดของสัตว์น้า
และขนาดของสตั วน์ า้ ดังจะเหน็ ได้จากในช่วงแรกท่ีภาครฐั ดา้ เนินการปฏิรูปภาคการประมงของไทย เพื่อแก้ไข
ปญั หาการทา้ ประมง IUU ชาวประมงต้องมีการปรับตัว ส่งผลให้ปริมาณสัตว์น้าที่เข้าสู่ตลาดปลาสหกรณ์
ประมงแม่กลองลดลง ไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคและการแปรรูป ราคาสัตว์น้าปรับตัวสูงขึ้น
ในชว่ งเวลาตอ่ มาจึงมผี ู้ประกอบการน้าเข้าสินค้าสัตว์น้าจากเมียนมาร์เพิ่มมากข้ึน โดยมิได้ค้านึงถึงอุปสงค์
ภายในประเทศ ส่งผลให้มีอุปทานส่วนเกินในตลาดบางช่วง เกิดการแข่งขันด้านราคา แพปลาต้องปรับลด
ราคาสัตว์น้า เพื่อให้สามารถจ้าหน่ายสินค้าสัตว์น้าที่เข้าตลาดได้หมด ท้าให้ผู้ประกอบการประมงไทยได้รับ
ผลกระทบจากราคาตกต่้า ในขณะที่ผู้ซ้ือและผู้บริโภคมีทางเลือกในการซ้ือสินค้าเพิ่มมากขึ้น ส่วนแพปลา
หรือผู้รวบรวมหรือพ่อค้าคนกลางได้รับผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากได้รับส่วนเหลื่อมการตลาดค่อนข้างสูง
ดังนั้น ผู้ประกอบการประมงและแพปลาจึงต้องมีกลยุทธ์ในการค้าขายสินค้าสัตว์น้า ซ่ึงกลยุทธ์ท่ีนิยม
ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ การฝากแพปลาขาย การให้ส่วนลดกับผู้ซื้อ การขายเชื่อหรือให้เครดิต

196

และการต้งั ราคาใหม้ ีความแตกตา่ งกัน นอกจากนี้แพปลาต้องติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด และสามารถ
ปิดการขายให้ได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การน้าเข้าสินค้าสัตว์น้าต้องค้านึงถึงปริมาณความต้องการ
ของตลาดภายในประเทศ และสินค้าสัตว์น้าต้องมาจากการท้าประมงท่ีถูกกฎหมายเช่นเดียวกับสินค้าสัตว์น้า
ของไทย เพอ่ื ให้ความเปน็ ธรรมในการแข่งขนั

ส้าหรับราคาสัตว์น้าแปรรูปเบื้องต้นมีการเปลี่ยนแปลงตามกลไกของตลาด และราคา
ปัจจัยการผลิตหรอื วตั ถดุ บิ ที่ใช้ในการแปรรูป โดยราคาจะเปลย่ี นแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับราคาปัจจัย
การผลิต กลา่ วคือ หากราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงข้ึนจะท้าให้ราคาจ้าหน่ายสัตว์น้าแปรรูปเพ่ิมข้ึนด้วย ในกรณี
ที่ราคาวัตถุดิบเปล่ียนแปลงไม่มากนัก ผู้ประกอบการแปรรูปอาจไม่ปรับราคาจ้าหน่ายสัตว์น้าแปรรูป
เพิ่มขึ้น เพราะเกรงจะสูญเสียตลาด แต่จะควบคุมระดับของความช้ืนให้ยังคงน้าหนักเท่าเดิม ท้ังน้ี
ผู้ประกอบการแปรรูปก้าหนดราคาจ้าหน่ายตามรูปแบบของผลิตภัณฑ์และลักษณะของการขาย ซึ่งมีท้ัง
ราคาขายสง่ และขายปลกี โดยราคาขายสง่ จะกา้ หนดนา้ หนกั ขั้นตา่้ ในการซ้อื ขาย และพ่อค้าคนกลางจะได้
ส่วนเหลอ่ื มการตลาดจากการขายปลกี

3) สถำนทจ่ี ำหน่ำย/ช่องทำงกำรจดั จำหน่ำย (Place)
ท่าเทียบเรือประมงหรือท่าขึ้นปลาที่มีการจ้าหน่ายสัตว์น้า และตลาดกลางค้าสัตว์น้า

เป็นสถานท่ีกระจายสินค้าสัตว์น้าที่ส้าคัญ โดยมีแพปลาเป็นผู้ที่มีบทบาทส้าคัญในการจ้าหน่ายสินค้าสัตว์น้า
และผลิตภัณฑ์มากที่สุด เนื่องจากกิจกรรมการตลาดของสัตว์ทะเลที่จับได้จากเรือประมงพาณิชย์ของไทย
เริ่มต้นจากการน้าสัตว์น้ามาขึ้นท่ีท่าเทียบเรือประมงหรือสะพานปลา อาจเป็นท่าเทียบเรือประมงของ
องคก์ ารสะพานปลาหรอื ท่าเทียบเรือประมงของเอกชน โดยท่าเทียบเรือประมงต้องจดทะเบียนต่อกรมประมง
และท้าการบันทึกข้อมูลเรือประมงที่เข้ามาใช้บริการจอดเรือ ขนถ่ายสัตว์น้า และน้าสัตว์น้าหรือผลิตภัณฑ์
สัตว์น้าขึ้นท่าเทียบเรือประมง พร้อมทั้งจัดท้าหนังสือก้ากับการซื้อขายสินค้าสัตว์น้า (MCPD) ท้ังน้ี
ท่าเทียบเรือหรือสะพานปลาบางแห่งอาจมีแพปลาเอกชนเข้ามาจับจองพื้นท่ีในการขนถ่ายสัตว์น้าและซ้ือขาย
สัตว์น้า แต่บางแห่งอาจเป็นเพียงสถานท่ีข้ึนปลาและขนส่งไปจ้าหน่ายยังตลาดปลายทาง ซึ่งท่าเทียบเรือ
ประมงท่ีขึ้นทะเบียนต่อกรมประมงและผ่านสุขอนามัยในปี พ.ศ. 2562 มีจ้านวน 637 แห่ง ในจ้านวนน้ี
มี 30 แห่ง ที่เป็นท่าเทียบเรือส้าหรับบริการน้าและน้าแข็ง ดังน้ัน ในการบริหารจัดการท่าเทียบเรือ
แต่ละแห่งจึงให้ความส้าคัญกับการปรับปรุงมาตรฐานด้านโครงสร้าง สาธารณูปโภค ส่ิงอ้านวยความสะดวก
และสุขอนามัย รวมทั้งให้ความส้าคัญกับการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าสัตว์น้าที่เข้ามาขนถ่ายในบริเวณ
สะพานปลาและท่าเทียบเรือประมง เพ่ือให้มีความสะดวก สะอาด ปลอดภัย มีสุขอนามัยท่ีดีและมี
ประสทิ ธิภาพในการบริการ และมนั่ ใจวา่ สนิ คา้ สัตวน์ า้ ได้มาจากการทา้ ประมงทีถ่ ูกกฎหมาย

ท่าเทียบเรือประมงที่มีการจ้าหน่ายสินค้าสัตว์น้าและผลิตภัณฑ์ผ่านแพปลาในพ้ืนท่ี
และนอกพืน้ ที่ เพื่อจา้ หน่ายต่อให้กับผูซ้ ื้อ ได้แก่ ผู้ประกอบการแปรรูปพื้นเมือง ห้องเย็น/โรงงานแปรรูป
ผู้ค้าส่ง/ตัวแทน/นายหน้า ผู้ค้าปลีก ร้านอาหาร และผู้บริโภค โดยแพปลาได้รับค่าด้าเนินการจาก
การขายในกรณที ่ีรบั ฝากขายและหรือสว่ นเหล่ือมการตลาดจากการซือ้ ขาย

197

สินค้าสัตว์น้าท่ีน้าขึ้นผ่านท่าเทียบเรือโดยไม่มีการจ้าหน่าย ผู้ประกอบการประมงจะใช้
รถบรรทุกห้องเย็นขนถ่ายสินค้าสัตว์น้าจากท่าเทียบเรือประมงไปจ้าหน่ายยังตลาดปลายทาง อาทิ
ตลาดกลางสัตว์น้าจังหวัดสมุทรสาคร และตลาดปลาสหกรณ์ประมงแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม
ซึ่งเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าสัตว์น้าท่ีส้าคัญ เน่ืองจากการขนย้ายต้องค้านึงถึงความมีประสิทธิภาพ
ความถกู ต้อง ปลอดภยั รวดเรว็ และการรักษาคณุ ภาพสตั วน์ ้า (ภาพท่ี 7 - 5)

ภำพที่ 7 - 5 กำรขนถ่ำยสตั วน์ ้ำจำกทำ่ เทียบเรือไปจำหน่ำยยงั ตลำดปลำยทำง
ตลาดกลางค้าสัตว์น้าเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าสัตว์น้า มีการจัดการตลาด

อย่างเปน็ ระบบ สะดวก สะอาด และปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการก้าหนดกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้เกิด
ความเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ย มกี ารก้าหนดเวลาปิดเปดิ ท้าการ และชว่ งเวลาเปดิ การขาย เมื่อสินค้าสัตว์น้า
เข้าสู่ตลาดกลาง จะจ้าหน่ายผ่านแพปลาเจ้าประจ้าให้กับผู้ซื้อ ได้แก่ ผู้ประกอบการแปรรูปพ้ืนเมือง
หอ้ งเย็น/โรงงานแปรรูป ผู้ค้าส่ง/ตัวแทน/นายหน้า ผู้ค้าปลีก และผู้บริโภค โดยแพปลาได้รับค่าด้าเนินการ
จากการขายในกรณที รี่ ับฝากขายและหรอื สว่ นเหล่อื มการตลาดจากการซอื้ ขาย (ภาพที่ 7 - 6)

ภำพท่ี 7 - 6 กำรจำหนำ่ ยสนิ คำ้ สัตว์นำ้ ณ ตลำดปลำสหกรณป์ ระมงแม่กลอง จงั หวดั สมุทรสงครำม

198

การน้าเข้าสินค้าสัตว์น้าจากต่างประเทศเพ่ือการบริโภคภายในประเทศเป็นการน้าเข้ามา
ทางรถ ทางเรือ และทางอากาศ โดยผู้ประกอบการน้าเข้าและจ้าหน่ายผ่านแพปลา ซึ่งแพปลาจะเป็น
ผู้กระจายสินค้าไปยังผู้ซ้ือท่ีเป็นแพปลาหรือพ่อค้าคนกลาง โรงงานแปรรูป ทั้งในและนอกพื้นท่ี ท้ังน้ี
การน้าเข้าตอ้ งปฏิบัติตามกฎหมายไทย

ปจั จุบนั ชอ่ งทางการจ้าหน่ายผลิตภัณฑ์สัตว์น้าที่น่าสนใจ คือ การซ้ือขายสินค้าผ่านทาง
ออนไลน์ เป็นช่องทางท่ีผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังตลาด
ประกอบกับมีระบบการขนส่งและการช้าระเงินท่ีสะดวก ช่วยเสริมให้การจ้าหน่ายผ่านทางออนไลน์
เป็นที่นิยมมากขึ้น

4) กำรส่งเสริมกำรตลำด (Promotion)
การส่งเสริมการตลาดสินค้าสัตว์น้าสดของแพปลา ส่วนใหญ่เป็นการเสนอขายตรงและ

การจูงใจ โดยการให้ส่วนลด เครดิต บริการขนส่ง และประชาสัมพันธ์ทางโซเชียล ซ่ึงเป็นการส่งเสริม
การตลาดในแนวทางเดิม ๆ ควรมีการปรับเปลี่ยนแนวคิดในการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคได้เห็นถึงคุณค่า
ของสนิ คา้ สัตวน์ ้าท่ีมาจากการทา้ ประมงถกู กฎหมาย และมีส่วนร่วมในการการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิง่ แวดล้อม

การจัดการตลาดภายในประเทศส้าหรับสินค้าสัตว์ทะเลจากเรือประมงพาณิชย์ให้มี
ประสิทธิภาพ ต้องน้าหลักการตลาดทั้ง 4 ส่วนมาใช้ร่วมกันอย่างเหมาะสม หรืออาจเรียกว่าส่วนผสม
ทางการตลาด (Marketing Mix) เนื่องจากการเปิดการค้าเสรีในภูมิภาคอาเซียนทา้ ให้มีการนา้ เข้าสินค้า
สัตว์น้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีคุณภาพทัดเทียมกันแต่ราคาถูกกว่าของไทย ประกอบกับผู้ประกอบการ
ใช้ระบบการสื่อสารท่ีอ้านวยความสะดวกในการติดต่อซื้อขายและระบบการขนส่งที่ดี ท้าให้สามารถกระจาย
สินค้าได้อย่างรวดเร็วและท่ัวถึง นอกจากน้ีผู้ซื้อยังมีอิสระในการเลือกซ้ือและมีความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
โดยพ่อคา้ คนกลางต้องการซอ้ื สนิ คา้ สตั วน์ ้าทมี่ รี าคาถูก และมกี ารคัดแยกไว้พร้อมสา้ หรับการจ้าหน่ายต่อไปยัง
ผู้บริโภค ร้านอาหาร หรือโรงงานแปรรูป จึงเกิดภาวการณ์แข่งขันสูงขึ้น ดังน้ันผู้ประกอบการประมง
หรอื แพปลาต้องมกี ารปรับตวั เพื่อให้สามารถแข่งขนั และรกั ษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ให้ได้

การเกิดปัญหาสินค้าสัตว์น้าล้นตลาดภายในประเทศและราคาตกต้่า อันเน่ืองมาจาก
อุปทานมากกว่าอุปสงค์ กล่าวคือ มีสินค้าเข้าสู่ตลาดมากกว่าความต้องการซ้ือของผู้บริโภค ท้าให้เกิด
อุปทานส่วนเกิน ซ่ึงการน้าเข้าสินค้าสัตว์น้าจากต่างประเทศเป็นปัจจัยหน่ึงที่ท้าให้เกิดอุปทานส่วนเกิน
ผู้ประกอบการต้องให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการแก้ไขปัญหา โดยแนวทางการแก้ไขปัญหา ควรมี
การศึกษาวิเคราะห์อุปสงค์และอุปทานสินค้าสัตว์น้าภายในประเทศให้ชัดเจน เพ่ือจะได้น้าเข้าสินค้า
สัตวน์ ้าทใี่ นปรมิ าณทีเ่ หมาะสม ดงั น้ี

- ศึกษาวเิ คราะหอ์ ปุ ทานสินคา้ สัตวน์ ้าภายในประเทศ
- ศึกษาวเิ คราะห์ความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคภายในประเทศ

199

- ศกึ ษาวเิ คราะหค์ วามตอ้ งการชนดิ สัตว์น้า ประเภทสตั วน์ ้า ขนาดสัตว์น้า และปริมาณ
สัตวน์ ้า เพื่อใช้เป็นวตั ถุดบิ ในการแปรรูปของผูป้ ระกอบการแปรรปู

สนิ คา้ และผลิตภณั ฑ์สตั ว์น้าทน่ี ้าเข้าจากต่างประเทศ ควรเป็นสินค้าท่ีมีความแตกต่างจาก
ของไทยหรือมีจ้าหน่ายในตลาดไม่มาก เพ่ือไม่เกิดปัญหาสินค้าล้นตลาด และส่งผลกระทบกับชาวประมงไทย
แต่ต้องค้านึงถงึ สินค้าและผลติ ภณั ฑ์ทส่ี ามารถทดแทนกันได้ด้วย

2. สนิ ค้ำสัตว์นำ้ ทะเลที่จบั ได้จำกเคร่อื งมอื ประมงพน้ื บ้ำน
การตลาดของสนิ ค้าสตั วน์ ้าทจ่ี บั จากเครือ่ งมือประมงพ้ืนบ้าน ส่วนใหญ่ลักษณะตลาดในแต่ละ

พื้นที่เป็นแบบผู้ค้าน้อยราย กล่าวคือ มีผู้รับซื้อหรือแพปลาท่ีรับซ้ือสินค้าสัตว์น้าจากชาวประมงจ้านวน
น้อยราย และผู้รับซื้อมีอ้านาจในการก้าหนดราคา เน่ืองจากชาวประมงมีข้อผูกพันกับผู้รับซ้ือหรือเป็น
เครือญาติ ลักษณะของตลาดมีการแขง่ ขันกนั บ้างพอสมควร

สัตว์น้าท่จี บั ไดจ้ ากเครื่องมือประมงพื้นบ้านมีลักษณะเด่น คือ ความสดใหม่ ปริมาณสัตว์น้า
ที่จบั ไดไ้ ม่มากนัก (ร้อยละ 9.3) เม่ือเปรียบเทียบกับปริมาณสัตว์ทะเลที่จับได้ท้ังหมด ส่วนใหญ่จ้าหน่าย
เป็นสตั ว์น้าสดเพอื่ การบรโิ ภคภายในประเทศ และไมม่ ีใบกา้ กับการซอื้ ขายสตั ว์น้า ยกเว้นสัตว์น้าจากเคร่ืองมือ
ประมงพื้นบ้านบางชนิดท่ีใช้เป็นวัตถุดิบเข้าโรงงานแปรรูปเพื่อการส่งออก เช่น หมึกกระดอง ต้องมีใบก้ากับ
การซือ้ ขายสตั วน์ า้ (ภาพท่ี 7 - 7)

ภำพที่ 7 - 7 สินคำ้ สัตว์น้ำสดที่จบั ได้จำกเครื่องมอื ประมงพื้นบำ้ น

200

ภำพท่ี 7 - 8 ลกั ษณะของสินค้ำสัตวน์ ้ำสดพรอ้ มปรงุ และสตั วน์ ้ำแปรรปู
ส้าหรับลกั ษณะของสัตว์น้าสดที่จ้าหน่ายมีการเปล่ียนไปเป็นแบบพร้อมปรุงเพ่ิมมากขึ้น สัตว์น้า
ที่มีราคาค่อนข้างสูงจะมีการแล่เน้ือหรือห่ันเป็นช้ิน และบรรจุภาชนะสุญญากาศแช่เย็นให้คงความสดใหม่
(ภาพที่ 7 - 8) เพ่ือตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคท่ีอยู่ห่างไกลหรือนักท่องเท่ียว สัตว์น้าบางส่วน
มีการแปรรูปเบื้องต้นเพื่อเพ่ิมมูลค่า เช่น หมึกแห้ง ปลาตากแห้ง โดยเฉพาะปลากุเราเค็มตากแห้งทาง
ภาคใต้ทไี่ ด้รบั ความนิยมจากผบู้ ริโภคและถกู ยกยอ่ งว่าเปน็ “ราชาแห่งปลาเค็ม” ท้ังน้ี ผลจากการบริหาร
จัดการท้าให้สัตว์น้ามีความชุกชุมมากข้ึน สินค้าสัตว์น้าที่ชาวประมงจับขึ้นมาจ้าหน่ายจึงมีปริมาณเพิ่มข้ึน
ขนาดใหญ่ขึ้น และมีความหลากหลาย สัตว์น้าบางชนิดท่ีค่อนข้างหายากกลับมีเพิ่มมากขึ้น เช่น
ปลาจาละเมด็ เทาในจังหวัดนครศรธี รรมราช
ชาวประมงพื้นบ้านน้าสินค้าสัตว์น้าท่ีจับได้ ข้ึนท่าเทียบเรือประมงประจ้าในชุมชนบริเวณริม
คลองหรือชายหาดท่ีเป็นจุดจอดเรือ เพื่อจ้าหน่ายให้กับผู้รับซ้ือ ได้แก่ แพปลา พ่อค้าคนกลาง พ่อค้า
ขายปลีก รา้ นอาหาร และผบู้ ริโภค ซึง่ ชาวประมงทีท่ ้าการประมงดว้ ยเครือ่ งมือบางชนดิ จะทา้ การปลดสัตว์น้า
ออกจากอวนบนฝั่งบริเวณท่าเทียบเรือ เช่น อวนจมกุ้ง และอวนจมปู (ภาพท่ี 7 - 9) โดยชาวประมง
จะขายสัตว์น้าสดให้กับแพปลาหรือผู้รับซื้อในพื้นที่เป็นส่วนมาก ชาวประมงในหลายพื้นที่มีการน้าสัตว์น้า
ไปจ้าหน่ายด้วยตนเองให้กับร้านอาหาร ผู้บริโภคในพ้ืนที่ ตลาดนัดหรือจุดซ้ือขายสัตว์น้า ท้าให้ชาวประมง
ขายสัตว์น้าไดร้ าคาดี ส่วนสัตว์น้าท่ีเข้าโรงงานแปรรูปจะจ้าหน่ายผ่านแพปลา ดังน้ันลักษณะการจ้าหน่าย
สัตว์น้าของชาวประมงสว่ นใหญ่จงึ เป็นการขายให้กบั เจ้าประจ้า และมีความสัมพันธ์เป็นในลักษณะของการ
พ่ึงพากันและกัน ซ่ึงอาจมีข้อผูกพันทางการเงินและไม่มีข้อผูกพัน ชาวประมงพื้นบ้านที่ขายสัตว์น้า
ให้เจ้าประจ้าแบบมีข้อผูกพันทางการเงิน จะได้รับเงินสดจากการขายสัตว์น้าหลังจากหักหน้ีแล้ว ทั้งน้ี
การหักหน้ีของผู้รับซ้ือไม่ได้หักทุกครั้งที่มีการซื้อขายสัตว์น้า กล่าวคือ ผู้รับซื้อสัตว์น้าหรือแพปลา
จะหักหนีจ้ ากชาวประมงพน้ื บา้ นในรอบบญั ชีที่มีรายได้มาก

201

ภำพท่ี 7 - 9 ลักษณะกำรนำสตั ว์นำ้ ขน้ึ ทำ่ ของเคร่ืองมืออวนจมกุ้งและอวนจมปู
ราคาสัตว์น้าสดท่ีชาวประมงจ้าหน่ายเป็นไปตามกลไกของตลาดท้องถ่ิน หากปริมาณสัตว์น้า
เข้าสู่ตลาดน้อยจะส่งผลให้ราคาจะปรับตัวสูงข้ึน ในทางตรงกันข้ามถ้าสัตว์น้าเข้าสู่ตลาดปริมาณมาก
จะส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลง การก้าหนดราคาจ้าหน่ายสัตว์น้าชนิดเดียวกันของแพปลาแต่ละพ้ืนที่จะต่างกัน
แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วท่ีได้รับความนิยมจะขายสัตว์น้าได้ราคาดีกว่าแหล่งที่อยู่ห่างไกล และการเดินทางไม่สะดวก
ราคาสัตว์น้าสดบางชนิดเปล่ียนแปลงไปตามความต้องการของตลาดสัตว์น้าแปรรูป เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น
สัตว์น้าจะราคาสูงขึ้น ในทางกลับกันราคาสัตว์น้าแปรรูปอาจมีการเปล่ียนแปลงไปตามราคาสัตว์น้าสดที่น้ามา
แปรรปู
สนิ คา้ สตั ว์น้าจากเครื่องมือประมงพื้นบ้าน ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคนอกพื้นที่เพิ่มมากข้ึน
และหลายพื้นทม่ี กี ารจัดกจิ กรรมการสง่ เสริมดา้ นการตลาดสัตวน์ ้า และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพ่ือประชาสัมพันธ์
สินค้าและกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคท่ีอยู่ห่างไกล นอกจากนี้ยังมีการจ้าหน่ายสินค้าสัตว์น้าแปรรูป
ทางออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ชาวประมงยังมีความเสียเปรียบแพปลาค่อนข้างมาก และขาดอ้านาจต่อรอง
ราคา ซึ่งชาวประมงท่ีมีข้อผูกพันทางการเงินกับแพปลา จะขายสัตว์น้าได้ราคาต้่ากว่าชาวประมงท่ีไม่มี
ข้อผูกพัน เนื่องจากชาวประมงพ้ืนบ้านยังขาดแคลนสิ่งอ้านวยความสะดวก เช่น ตลาดกลางค้าสัตว์น้า
ระบบการคมนาคมและการขนส่ง แหล่งสินเชื่อดอกเบ้ียต่้าท่ีปราศจากเงื่อนไขการขายสัตว์น้า ข้อมูล
ข่าวสารดา้ นการตลาดและราคาสัตว์น้า เป็นตน้

202

203

กำรคำ้ สนิ ค้ำประมงของไทยในรอบ 10 ปี (2553 - 2562)

กำรสง่ ออก

ในช่วง 10 ปีท่ีผ่านมา ปริมาณการส่งออกมีแนวโน้มท่ีลดลงเฉล่ียร้อยละ 3 ต่อปี ปริมาณ 1.75
ล้านตันต่อปี โดยปี 2553 ปริมาณการส่งออกมากท่ีสุด 2.1 ล้านตัน ซ่ึงเป็นผลจากปริมาณการส่งออกกุ้ง
มีมากท่ีสุดในรอบ 10 ปี มีปริมาณมากถึง 419,946 ตัน และการส่งออกรวมลดลงอย่างต่อเน่ือง
ในปี 2560 ปริมาณการส่งออกเพียง 1.51 ล้านตัน ซ่ึงเป็นปริมาณการส่งออกท่ีต้่าสุดในรอบ 10 ปี
โดยปริมาณการส่งออกปี 2562 ปรมิ าณ 1.55 ล้านตนั ลดลงจากปี 2561 ร้อยละ 1 ส่วนมลู ค่าการส่งออก
ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 2 ต่อปี โดยในปี 2555 มูลค่าการส่งออกสูงสุด 264,419 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการ
ส่งออกทูน่ากระป๋องที่เพ่ิมขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยเกือบ 20,000 ล้านบาท และปี 2562 มูลค่าการส่งออก
ต้า่ ทีส่ ุด มมี ูลคา่ 197,590 ลา้ นบาท ลดลงร้อยละ 7 เมอื่ เปรียบเทียบกับปี 2561 (ภาพท่ี 7 - 10)

มูลคา่ : ลา้ นบาท ปรมิ าณ : ลา้ นตัน

300,000 2,500,000

250,000 2,000,000 ปริมาณ
200,000 1,500,000 มลู คา่
150,000 1,000,000
100,000 500,000

50,000

00

2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพท่ี 7 - 10 ปรมิ ำณและมลู คำ่ กำรสง่ ออกสนิ ค้ำประมงของไทย ปี 2553 - 2562

204

ตลำดส่งออกที่สำคัญ ไดแ้ ก่

1. ตลำดสหรัฐอเมริกำ ในรอบ 10 ปี (2553 - 2562) การสง่ ออกสนิ คา้ ประมงไปยังสหรัฐอเมรกิ า
มีสัดส่วนเฉล่ียร้อยละ 24 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าประมงท้ังหมด ในปี 2554 มูลค่าการส่งออกสูงสุด
74,732 ล้านบาท และในปี 2562 มลู คา่ ตา่้ สุด 40,266 ล้านบาท ท้าให้มูลค่าการส่งออกสินค้าประมง
ของไทยไปสหรัฐอเมริกาเฉลี่ย 53,945 ล้านบาทต่อปี หรือมูลค่าการส่งออกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 6 ต่อปี
โดยสนิ คา้ ประมงสง่ ออกหลกั ได้แก่ กงุ้ ทูน่ากระป๋อง และเนื้อปลาสดแชเ่ ย็นแช่แขง็

2. ตลำดญ่ีปุ่น ในรอบ 10 ปี (2553 - 2562) การส่งออกสินค้าประมงไปยังญ่ีปุ่นมีสัดส่วน
เฉลี่ยร้อยละ 20 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าประมงท้ังหมด ในปี 2555 มูลค่าการส่งออกสูงสุด 59,462
ล้านบาท และในปี 2562 มูลค่าต่้าสุด 39,639 ล้านบาท ท้าให้มูลค่าการส่งออกสินค้าประมงของไทย
ไปญ่ีปุ่นเฉล่ีย 46,505 ล้านบาทต่อปี หรือมูลค่าการส่งออกลดลงเฉล่ียร้อยละ 2 ต่อปี โดยสินค้า
ประมงสง่ ออกหลัก ไดแ้ ก่ ก้งุ เน้ือปลาสดแชเ่ ยน็ แช่แข็ง และทนู ่ากระป๋อง

3. ตลำดสหภำพยุโรป ในรอบ 10 ปี (2553 - 2562) การส่งออกสินค้าประมงไปยังสหภาพ
ยโุ รปมีสัดส่วนเฉลย่ี ร้อยละ 11 ของมลู คา่ การส่งออกสนิ ค้าประมงท้ังหมด ในปี 2554 มูลค่าการส่งออก
สงู สุด 37,587 ล้านบาท และในปี 2561 มลู ค่าต่้าสดุ 14,843 ล้านบาท ทา้ ให้มูลคา่ การส่งออกสินค้า
ประมงของไทยไปสหภาพยุโรปเฉลี่ย 25,848 ล้านบาทต่อปี หรือมูลค่าการส่งออกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 9
ต่อปี โดยสินคา้ ประมงส่งออกหลัก ไดแ้ ก่ ทนู ่ากระป๋อง หมึกสดแช่เยน็ แชแ่ ขง็ และกุ้งปรุงแตง่

4. ตลำดอำเซยี น ในรอบ 10 ปี (2553 - 2562) การส่งออกสินค้าประมงไปยังกลุ่มอาเซียน
มีสดั ส่วนเฉลยี่ รอ้ ยละ 7 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าประมงทั้งหมด ในปี 2560 มูลค่าการส่งออกสูงสุด
19,785 ล้านบาท และในปี 2553 มลู คา่ ต้่าสุด 11,951 ลา้ นบาท ท้าให้มูลค่าการส่งออกสินค้าประมง
ของไทยไปกลุ่มอาเซียนเฉล่ยี 15,966 ล้านบาทต่อปี หรือมูลค่าการส่งออกเพ่ิมข้ึนเฉล่ียร้อยละ 7 ต่อปี
โดยสินค้าประมงส่งออกหลัก ได้แก่ กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง ปลาสดแช่เย็นแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์อาหาร
ทะเลแปรรปู

ตลาดอาเซียนถือเป็นตลาดท่ีไทยส่งออกสินค้าประมงเพ่ิมมากขึ้น ถึงแม้ส่วนแบ่งตลาดจะมี
นอ้ ยกว่าประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป แต่แนวโน้มการส่งออกมีมากกว่าประเทศดังกล่าว
โดยเฉพาะตลาดสหภาพยุโรปแนวโน้มลดลงทุกปี และคาดว่าการส่งออกไปยังกลุ่มอาเซียนจะเข้ามา
ทดแทนการส่งออกไปสหภาพยุโรปที่ลดลง นอกจากน้ีการส่งออกสินค้าประมงของไทยไปสหรัฐอเมริกา
มีแนวโน้มลดลงดว้ ยเช่นกนั (ภาพที่ 7 - 11)

205

หนว่ ย : ล้านบาท ASEAN10
EU28
80,000 Japan
70,000 USA
60,000
50,000
40,000
30,000
20,000
10,000

0

2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพท่ี 7 - 11 มลู ค่ำกำรสง่ ออกสินค้ำประมงของไทย ปี 2553 - 2562 (แยกตำมตลำดทสี่ ำคญั )

สินค้ำประมงท่ีสำคญั 3 อันดบั แรก ไดแ้ ก่

1. กุ้งและผลิตภัณฑ์ รอบ 10 ปีที่ผ่านมา ปริมาณการส่งออกเฉลี่ย 250,566 ตันต่อปี มูลค่า
ส่งออกเฉลี่ย 74,707 ล้านบาทต่อปี หรือปริมาณลดลงร้อยละ 7 ต่อปี มูลค่าลดลงร้อยละ 6 ต่อปี
โดยปริมาณการส่งออกมากทีส่ ดุ ในปี 2553 ปรมิ าณ 419,946 ตัน ส่วนมูลค่ามากท่ีสุดในปี 2554 มีมูลค่า
109,342 ล้านบาท ส่วนปี 2557 ปริมาณการส่งออกน้อยที่สุด 167,057 ตัน และปี 2562 มูลค่า
การสง่ ออกน้อยที่สุด 52,197 ล้านบาท (ภาพที่ 7 - 12)

ปรมิ าณ (ตัน) มูลคา่ (ล้านบาท)

450,000 120,000 ปริมาณ
400,000 100,000 มูลค่า
350,000 80,000
300,000 60,000
250,000 40,000
200,000 20,000
150,000 0
100,000
50,000

0

2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพที่ 7 - 12 ปริมำณและมูลค่ำกำรสง่ ออกกุ้ง ปี 2553 - 2562

206

ตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกท่ีมีสัดส่วนการส่งออกกุ้งมากท่ีสุดในรอบ 10 ปี เฉล่ีย
รอ้ ยละ 40 ของมลู คา่ การส่งออกกงุ้ ท้ังหมด ปริมาณการส่งออกเฉล่ีย 96,528 ตันต่อปี มูลค่า 30,257
ล้านบาทต่อปี ปริมาณลดลงเฉล่ียร้อยละ 14 ต่อปี มูลค่าลดลงเฉลี่ยร้อยละ 18 ต่อปี โดยปี 2562
ปริมาณการส่งออกเหลือเพียง 43,215 ตัน เป็นปริมาณการส่งออกที่ต้่าที่สุดในรอบ 10 ปี เน่ืองจาก
สหรัฐอเมริกาหันไปน้าเข้าจากประเทศอินเดียเพ่ิมขึ้นเน่ืองจากราคาต้่ากว่าน้าเข้าจากไทย ส่งผลให้มูลค่า
ต่้าท่ีสดุ ในปี 2562 มีเพียง 14,719 ลา้ นบาท

การส่งออกไปญ่ีปุ่นมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 24 ปริมาณการส่งออกเฉลี่ย 53,245 ตันต่อปี
มูลค่าการส่งออกเฉลี่ย 17,570 ล้านบาทต่อปี โดยปริมาณลดลงเฉลี่ยร้อยละ 6 ต่อปี มูลค่าลดลง
ร้อยละ 4 ต่อปี ในปี 2555 ปริมาณการส่งออกสูงสุด 81,051 ตัน และมูลค่า 25,822 ล้านบาท
และในปี 2558 ปริมาณการสง่ ออกต่้าสดุ 37,416 ตนั มลู คา่ 13,556 ลา้ นบาท

การสง่ ออกไปยังสหภาพยุโรปมีสดั ส่วนเฉล่ียร้อยละ 9 ของมูลค่าการส่งออกกุ้งรวม ปริมาณ
การส่งออกเฉลย่ี 25,953 ตันต่อปี มูลค่าเฉล่ีย 7,659 ล้านบาท การส่งออกกุ้งไปยังสหภาพยุโรปลดลง
อย่างต่อเน่ือง ปริมาณลดลงเฉล่ียร้อยละ 22 ต่อปี มูลค่าลดลงเฉล่ียร้อยละ 28 ต่อปี เป็นผลจากการ
ตัดสิทธ์ิ GSP ในปี 2562 ท้าให้มูลค่าการส่งออกเหลือเพียง 1,914 ล้านบาท ต่้าที่สุดในรอบ 10 ปี
ท้าให้มีสดั สว่ นเพยี งรอ้ ยละ 4 ของมลู คา่ การส่งออกก้งุ ของไทย

การส่งออกไปยังกลุ่มอาเซียน (ส่วนใหญ่ส่งออกไปเวียดนาม มาเลเซีย) มีสัดส่วนเพิ่มข้ึน
ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 4 ต่อปี ปริมาณการส่งออกเฉลี่ย 18,069 ต่อปี มูลค่าเฉล่ีย
3,256 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้นเฉล่ียร้อยละ 26 ต่อปี มูลค่าเพ่ิมข้ึนร้อยละ 18 ต่อปี โดยปี 2560
มูลค่าการส่งออกมากมากที่สุดในรอบ 10 ปี มีมูลค่า 6,296 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 9 ของมูลค่า
การส่งออกกุง้ ท้งั หมด (ภาพท่ี 7 - 13 และ 7 - 14)

207

หนว่ ย : ตัน

250,000

200,000 USA
150,000 Japan
100,000 ASEAN10
50,000 EU28

0
2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพท่ี 7 - 13 ปรมิ ำณกำรส่งออกกุ้งของไทย ปี 2553 - 2562 (แยกตำมตลำดทส่ี ำคัญ)

หนว่ ย : ล้านบาท USA
Japan
60,000 ASEAN10
50,000 EU28
40,000
30,000
20,000
10,000

0
2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพที่ 7 - 14 มูลค่ำกำรส่งออกก้งุ ของไทย ปี 2553 - 2562 (แยกตำมตลำดทส่ี ำคัญ)

208

2. ทนู ่ำกระป๋อง ในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา (2553 - 2562) การส่งออกเฉล่ีย 537,735 ตันต่อปี
มูลค่าเฉล่ีย 69,513 ล้านบาทต่อปี โดยปี 2557 ปริมาณการส่งออกสูงสุด 586,465 ตัน ส่วนปี 2555
มลู คา่ การสง่ ออกสูงสดุ 80,794 ล้านบาท ส่วนปี 2562 ปรมิ าณ 529,928 ตัน มูลค่า 67,204 ล้านบาท
ซ่ึงเป็นมูลค่าต้่าสุดในรอบ 7 ปี โดยปริมาณเฉล่ียไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนมูลค่าเพิ่มข้ึนเฉลี่ยร้อยละ 3 ต่อปี
(ภาพที่ 7 - 15)

ปรมิ าณ (ตัน) มูลค่า (ลา้ นบาท)

700,000 90,000

600,000 80,000
500,000 70,000
400,000 60,000
50,000
ปริมาณ
300,000 40,000 มลู ค่า
200,000 30,000
100,000 20,000
10,000

00

2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพท่ี 7 - 15 ปรมิ ำณและมลู ค่ำกำรส่งออกทูน่ำกระปอ๋ งของไทย ปี 2553 - 2562

การส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนมากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 20 ของมูลค่าการส่งออก
ทนู า่ รวมในรอบ 10 ปที ่ผี ่านมา ปริมาณการส่งออกเฉลี่ย 99,488 ตันต่อปี มูลค่าเฉลี่ย 13,944 ล้านบาท
ต่อปี โดยปริมาณการส่งออกไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนมูลค่าขยายตัวเพ่ิมข้ึนร้อยละ 4 ต่อปี โดยปี 2557
ปริมาณการส่งออกสูงสุด 106,939 ตัน ส่วนในปี 2555 มูลค่าการส่งออกสูงสุด 17,320 ล้านบาท
ปี 2562 ปริมาณการส่งออก 104,931 ตัน มูลคา่ 15,430 ลา้ นบาท

การส่งออกไปยังกลมุ่ แอฟรกิ ามีสดั ส่วนรอ้ ยละ 16 ปริมาณการส่งออกเฉลี่ย 103,529 ตันต่อปี
มูลค่าการส่งออก 11,205 ลา้ นบาทตอ่ ปี ปริมาณการสง่ ออกขยายตวั เพ่ิมขึ้นร้อยละ 2 ต่อปี มูลค่าขยายตัว
เพ่ิมร้อยละ 6 โดยปี 2557 ปริมาณการส่งออกสูงสุด 123,671 ตัน ส่วนปี 2555 มูลค่าการส่งออก
สงู สุด 15,245 ลา้ นบาท การส่งออกในปี 2562 ปรมิ าณการสง่ ออก 100,113 ตนั มลู ค่า 10,690 ล้านบาท

209

การส่งออกไปยังกลุม่ ตะวนั ออกกลางมีสัดส่วนร้อยละ 15 ปริมาณการส่งออกเฉลี่ย 81,590
ตนั ตอ่ ปี มลู คา่ 10,541 ลา้ นบาทต่อปี ปริมาณการส่งออกเพ่ิมข้ึนร้อยละ 5 ต่อปี มูลค่าขยายตัวเพิ่มข้ึน
ร้อยละ 9 ตอ่ ปี โดยปี 2562 ปริมาณการสง่ ออกสงู สดุ 96,836 มลู ค่า 12,180 ล้านบาท

การสง่ ออกไปยงั ออสเตรเลียมีสัดส่วนร้อยละ 9 ปริมาณการส่งออกเฉล่ีย 41,063 ตันต่อปี
มลู คา่ 6,352 ลา้ นบาทต่อปี ปริมาณการสง่ ออกลดลงรอ้ ยละ 1 ตอ่ ปี มูลค่าขยายตวั เพม่ิ ขนึ้ ร้อยละ 2 ตอ่ ปี
โดยปี 2557 ปริมาณการส่งออกสูงสุด 43,486 ตัน และในปี 2555 มูลค่าการส่งออกสูงสุด 7,341
ล้านบาท ส่วนปี 2562 ปริมาณสง่ ออก 37,744 ตัน มูลคา่ 5,678 ล้านบาท (ภาพที่ 7 - 16)

หนว่ ย : ล้านบาท USA
MIDDLE EAST15
20,000 AFRICA47
18,000 Australia
16,000 Japan
14,000
12,000
10,000
8,000
6,000
4,000
2,000

0
2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพที่ 7 - 16 มูลคำ่ กำรส่งออกทูนำ่ กระปอ๋ งของไทย ปี 2553 - 2562 (แยกตำมตลำดที่สำคญั )

3. หมึกสดแช่เย็นแชแ่ ข็ง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ปริมาณการส่งออกเฉล่ีย 54,290 ตันต่อปี
มลู คา่ เฉล่ีย 10,938 ลา้ นบาทต่อปี หรือปริมาณการสง่ ออกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี มูลค่าลดลงเฉล่ีย
ร้อยละ 1 ต่อปี โดยในปี 2553 ปริมาณการส่งออกสูงสุด 68,610 ตัน ปี 2555 มีมูลค่าการส่งออก
สูงสุด 12,841 ล้านบาท ส่วนปี 2562 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกต้่าสุดในรอบ 10 ปี มีปริมาณ
40,503 ตนั มูลค่า 9,367 ล้านบาท (ภาพที่ 7 - 17)

การส่งออกไปยังญ่ีปุ่นในรอบ 10 ปี มีสัดส่วนมากที่สุด เฉล่ียร้อยละ 34 ของมูลค่าปริมาณ
การส่งออกเฉลี่ย 11,538 ตันต่อปี มูลค่าเฉลี่ย 3,823 ล้านบาทต่อปี ปริมาณลดลงเฉลี่ยร้อยละ 8 ต่อปี
มลู ค่าลดลงร้อยละ 4 ต่อปี ในปี 2553 ปริมาณการส่งออกมากท่ีสุด 17,210 ตนั มลู คา่ สงู สุดในปี 2555

210

มีมูลค่า 5,902 ลา้ นบาท ส่วนการสง่ ออกในปี 2562 ปริมาณการส่งออกต่้าสุดในรอบ 10 ปี ปริมาณ
7,279 ตนั ส่วนมลู คา่ 2,720 ลา้ นบาท ต้่าสุดในรอบ 4 ปี

การส่งออกไปสหภาพยุโรปมีสัดส่วนเฉล่ียร้อยละ 33 ปริมาณการส่งออกเฉล่ีย 19,914 ตัน
ต่อปี มูลค่าเฉลี่ย 3,648 ล้านบาทต่อปี ปริมาณลดลงร้อยละ 8 ต่อปี มูลค่าลดลงร้อยละ 2 ต่อปี ในปี
2553 ปริมาณการส่งออกมากท่ีสุด 28,801 ตัน ปี 2557 มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 4,414 ล้านบาท
ในส่วนการส่งออกในปี 2562 ปริมาณและมูลค่าต่้าสุดในรอบ 10 ปี มีปริมาณ 12,538 ตัน มูลค่า
3,024 ล้านบาท

การสง่ ออกไปยังเกาหลีใต้สัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 10 ปริมาณการส่งออกเฉล่ีย 5,859 ตันต่อปี
มลู คา่ เฉล่ยี 1,118 ล้านบาทตอ่ ปี ปริมาณเพิ่มข้ึนรอ้ ยละ 15 ต่อปี มลู ค่าเพิ่มข้นึ รอ้ ยละ 24 ตอ่ ปี ปริมาณ
การส่งออกมากท่สี ดุ ในปี 2558 มีปริมาณ 8,544 ตัน สว่ นในปี 2561 มีมลู คา่ มากทีส่ ดุ มูลค่า 1,891
ล้านบาท การส่งออกในปี 2562 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกต้่าสุดในรอบ 5 ปี ปริมาณ 6,212 ตัน
มูลค่า 1,404 ลา้ นบาท (ภาพท่ี 7 - 18)

มูลคา่ (ลา้ นบาท) ปริมาณ (ตัน)

14,000 80,000

12,000 70,000 ปริมาณ
10,000 60,000 มูลคา่
8,000 50,000
6,000 40,000
4,000 30,000
2,000 20,000
10,000

00
2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพท่ี 7 - 17 ปรมิ ำณและมลู ค่ำกำรส่งออกหมึกสดแช่เยน็ แชแ่ ข็ง ปี 2553 - 2562

211

หน่วย : ลา้ นบาท EU28
Japan
7,000.00 South Korea
6,000.00 USA
5,000.00 ASEAN10
4,000.00
3,000.00
2,000.00
1,000.00

0.00
2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพท่ี 7 - 18 มูลค่ำกำรส่งออกหมกึ สดแช่เยน็ แชแ่ ข็ง ปี 2552 - 2562 (แยกตำมตลำดทสี่ ำคัญ)

กำรนำเข้ำ

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาปริมาณการน้าเข้าเฉล่ียปีละ 1,789,210 ตันต่อปี มูลค่า 103,064
ล้านบาทต่อปี ปริมาณเพิ่มข้ึนเฉลี่ยร้อยละ 7 ต่อปี มูลค่าเพ่ิมข้ึนเฉล่ียร้อยละ 3 ต่อปี โดยปี 2561
ปริมาณการน้าเข้าสูงสุด 2,145,985 ตัน มูลค่าน้าเข้า 132,964 ล้านบาท การน้าเข้าสินค้าประมงเริ่มมี
ผลกระทบในปี 2557 จากการห้ามท้าการประมงในอินโดนีเซียท้าให้สัตว์น้าท่ีเป็นวัตถุดิบลดลง ท้าให้
ผ้ปู ระกอบหันมาน้าเข้าสินค้าประมงจากพมา่ จนี และเวียดนามแทนการนา้ เข้าจากอินโดนเี ซีย (ภาพที่ 7 - 19)

มลู ค่า (ล้านบาท) ปริมาณ (ตัน)

140,000 2,500,000

120,000 2,000,000
100,000 1,500,000

80,000 ปริมาณ
มลู ค่า
60,000 1,000,000
40,000 500,000
20,000

00

2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพที่ 7 - 19 ปริมำณและมลู ค่ำกำรนำเขำ้ สินค้ำประมงของไทย ปี 2553 - 2562

212

การน้าเข้าจากกลุ่มอาเซียน (ส่วนใหญ่น้าเข้าจากเวียดนาม อินโดนีเซีย และ พม่า) รอบ 10 ปี
ที่ผ่านมา คดิ เปน็ รอ้ ยละ 27 ของปรมิ าณการนา้ เขา้ สินค้าประมงทั้งหมด และคิดเป็นร้อยละ 19 ของมูลค่า
การน้าเข้าสินค้าประมงทั้งหมด ปริมาณน้าเข้าเฉล่ีย 497,658 ตันต่อปี มูลค่า 19,777 ล้านบาทต่อปี
ปริมาณนา้ เข้าเพิ่มขนึ้ เฉลี่ยร้อยละ 7 ต่อปี มลู ค่าน้าเข้าเพิ่มข้ึนเฉลี่ยร้อยละ 9 ต่อปี การน้าเข้าในปี 2562
ลดลงจากปี 2561 เล็กน้อย โดยปริมาณ 651,941 ตัน มูลค่า 25,375 ล้านบาท สินค้าน้าเข้าหลัก
ได้แก่ เนอ้ื ปลาสดแช่เยน็ แชแ่ ข็ง ปลาสดแช่เยน็ แช่แขง็ และทูน่าสดแชเ่ ย็นแช่แข็ง

การน้าเข้าจากจีนมีสัดส่วนเฉล่ียร้อยละ 11 ปริมาณการน้าเข้าเฉล่ีย 178,922 ล้านบาทต่อปี
มูลค่าน้าเข้าเฉลี่ย 11,410 ล้านบาทต่อปี ปริมาณน้าเข้าเพ่ิมขึ้นร้อยละ 22 ต่อปี มูลค่าน้าเข้าเพ่ิมขึ้น
เฉล่ียร้อยละ 23 ต่อปี ในปี 2562 ปริมาณและมูลค่าการน้าเข้าน้าเข้าสูงสุดในรอบ 3 ปี ปริมาณ
211,232 ตัน มลู คา่ 14,636 ล้านบาท สนิ ค้าน้าเขา้ หลัก ไดแ้ ก่ หมึกสดแช่เย็นแช่แข็ง ทูน่าสดแช่เย็น
แช่แขง็ และปลาสดแช่เย็นแชแ่ ข็ง

การนา้ เขา้ จากไต้หวันเฉลยี่ ร้อยละ 9 ต่อปี ปริมาณน้าเข้าเฉลี่ย 157,079 ตันต่อปี มูลค่าน้าเข้า
เฉลี่ย 8,978 ล้านบาทต่อปี ปริมาณการน้าเข้าลดลงเฉล่ียร้อยละ 4 ต่อปี ส่วนมูลค่าไม่เปล่ียนแปลง
มากนกั ในปี 2562 ปริมาณการนา้ เขา้ 146,016 ตัน มูลค่า 8,289 ล้านบาท สินค้าประมงน้าเข้าหลัก
ได้แก่ ทูนา่ สดแชเ่ ยน็ แช่แขง็ และปลาสดแชเ่ ย็นแชแ่ ขง็

การน้าเข้าจากสหรฐั อเมรกิ าคดิ เปน็ ร้อยละ 8 ตอ่ ปี ปริมาณน้าเข้าเฉลี่ย 126,018 ตัน มูลค่า
น้าเข้าเฉล่ีย 8,144 ล้านบาทต่อปี มูลค่าลดลงเฉลี่ยร้อยละ 0.2 ต่อปี สินค้าประมงน้าเข้าหลัก ได้แก่
ทูน่าสดแช่เยน็ แช่แขง็ และปลาสดแชเ่ ยน็ แช่แขง็ (ภาพท่ี 7 - 20 และ 7 - 21)

213

หนว่ ย : ตัน

700,000 ASEAN10
600,000 China
500,000 Taiwan
400,000 Japan
300,000 South Korea
200,000 India
100,000

0

2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพท่ี 7 - 20 ปรมิ ำณกำรนำเข้ำสินคำ้ ประมงของไทย ปี 2553 - 2562 (แยกตำมตลำดทส่ี ำคัญ)

หนว่ ย : ลา้ นบาท

30,000

25,000 ASEAN10
20,000 China
15,000 Taiwan
10,000 SOUTH AMERICA12
5,000 India
EFTA
0
2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพที่ 7 - 21 มูลคำ่ กำรนำเข้ำสนิ ค้ำประมงของไทย ปี 2553 - 2562 (แยกตำมตลำดทสี่ ำคัญ)

สนิ คำ้ ประมงนำเข้ำทสี่ ำคัญ ไดแ้ ก่

1. ทูน่ำสดแชเ่ ย็นแช่แข็ง ในรอบ 10 ปีทผ่ี า่ นมานา้ เข้าเฉลย่ี 747,549 ตนั ตอ่ ปี มูลค่า 41,665
ล้านบาทต่อปี ปริมาณและมูลค่าเพ่ิมขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 2 ต่อปี โดยในปี 2553 ปริมาณน้าเข้าสูงสุด
831,008 ตนั ส่วนปี 2555 มลู ค่าการน้าเขา้ สงู สดุ 51,610 ลา้ นบาท ในปี 2562 ปริมาณ 732,219 ตัน
มลู ค่า 37,181 ลา้ นบาท (ภาพที่ 7 - 22)

214

ปริมาณ (ตนั ) มูลคา่ (ล้านบาท)

60,000 900,000 ปริมาณ
50,000 800,000 มลู ค่า
40,000 700,000
30,000 600,000
20,000 500,000
10,000 400,000
300,000
0 200,000
100,000
0

2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพท่ี 7 - 22 ปรมิ ำณและมลู ค่ำกำรนำเข้ำทนู ่ำสดแชเ่ ยน็ แช่แข็งของไทย ปี 2553 - 2562

การน้าเขา้ จากไตห้ วนั มีมูลค่ามากทีส่ ุดในรอบ 10 ปีทีผ่ า่ นมา ปริมาณน้าเข้าเฉล่ีย 149,242
ตันต่อปี มูลค่าการน้าเข้าเฉล่ีย 8,640 ล้านบาทต่อปี มีสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 21 ของมูลค่าการน้าเข้าทูน่า
สดแช่เย็นแช่แข็งทงั้ หมด โดยปรมิ าณนา้ เขา้ เพม่ิ ข้ึนเฉลย่ี รอ้ ยละ 4 ตอ่ ปี มลู คา่ การน้าเขา้ ไม่มีการเปลยี่ นแปลง
โดยในปี 2553 ปริมาณการน้าเข้ามากท่ีสุดในรอบ 10 ปี ปริมาณ 215,285 ตัน ปี 2555 มีมูลค่า
มากที่สดุ 11,629 ล้านบาท ส่วนในปี 25562 ปริมาณ 137,864 ตนั มูลค่า 7,874 ลา้ นบาท

การน้าเข้าจากสหรัฐอเมริกา ปริมาณน้าเข้าเฉล่ีย 93,488 ตันต่อปี มูลค่าการน้าเข้าเฉล่ีย
4,807 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นร้อยละ 12 ปริมาณน้าเข้าลดลงร้อยละ 8 ต่อปี มูลค่าการน้าเข้าลดลง
ร้อยละ 4 ตอ่ ปี โดยปี 2557 ปริมาณการน้าเข้าสูงสุด 111,759 ตัน และมีมูลค่าสูงสุด 7,229 ล้านบาท
ส่วนในปี 2562 ปริมาณ 49,294 ตนั มลู คา่ 2,369 ลา้ นบาท เป็นปรมิ าณและมลู ค่าต่า้ สดุ ในรอบ 10 ปี

การน้าเข้าจากเกาหลีใต้ ปริมาณน้าเข้าเฉลี่ย 81,320 ตันต่อปี มูลค่าน้าเข้าเฉล่ีย 4,239
ล้านบาทต่อปี คิดเป็นร้อยละ 10 ปริมาณและมูลค่าน้าเข้าเพ่ิมขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี โดยปริมาณการน้าเข้า
สงู สุดในปี 2562 น้าเขา้ 104,711 ตนั มลู คา่ 4,560 ลา้ นบาท (ภาพท่ี 7 - 23)

215

หน่วย : ล้านบาท

250,000

200,000 Taiwan
150,000 South Korea
100,000 Micronesia (Truk)
50,000 Kiribati
USA

0
2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพที่ 7 - 23 มูลคำ่ กำรนำเขำ้ ทนู ำ่ สดแชเ่ ยน็ แช่แข็งประมงของไทย ปี 2553 - 2562
(แยกตำมตลำดที่สำคัญ)

2. ปลำสดแชเ่ ยน็ แชแ่ ข็ง ในรอบ 10 ปี ท่ีผ่านมาปริมาณการน้าเข้าเฉล่ีย 655,296 ตันต่อปี
มูลค่าเฉล่ีย 26,978 ล้านบาทต่อปี โดยปริมาณน้าเข้าเพ่ิมข้ึนเฉลี่ยร้อยละ 3 ต่อปี ส่วนมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ
7 ตอ่ ปี โดยปี 2561 ปริมาณน้าเข้าสูงสุด 764,082 ตัน มูลค่า 35,141 ล้านบาท ชนิดปลาที่น้าเข้ามาก
ในกล่มุ นี้ ได้แก่ ปลาแมคเคอเรล ปลาแซลมอน ปลาซารด์ นี และปลาทะเลอน่ื ๆ (ภาพท่ี 7 - 24)

มูลค่า (ลา้ นบาท) ปรมิ าณ (ตนั )

40,000 900,000 ปริมาณ
35,000 800,000 มูลค่า
30,000 700,000
25,000 600,000
20,000 500,000
15,000 400,000
10,000 300,000
5,000 200,000
100,000
0 0

2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพท่ี 7 - 24 ปริมำณและมลู คำ่ กำรนำเขำ้ ปลำสดแชเ่ ย็นแช่แข็งของไทย ปี 2553 - 2562

216

การน้าเข้าในรอบ 10 ปที ่ผี ่านมา การน้าเข้าจากกลุ่มอาเซียนมีมูลค่ามากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ
17 ของมูลค่าการน้าเข้าปลาสดแช่เย็นแช่แข็งทั้งหมด ปริมาณน้าเข้าเฉล่ีย 242,586 ตันต่อปี มูลค่า
การน้าเข้าเฉลี่ย 4,544 ล้านบาทต่อปี ปริมาณเพ่ิมขึ้นเฉล่ียร้อยละ 6 ต่อปี มูลค่าเพ่ิมขึ้นร้อยละ 5 ต่อปี
(ส่วนใหญ่เป็นการน้าเข้าจากพม่า เวียดนามและมาเลเซีย) ในปี 2562 ปริมาณน้าเข้า 270,578 ตัน
ส่วนใหญน่ ้าเขา้ ปลาทะเลอน่ื ๆ ปลาแมคเคอเรล และปลาน้าจดื

การนา้ จากกลุ่มเอฟต้า (ไอซแ์ ลนด์ นอร์เวย์ สวทิ เซอร์แลนด์) คิดเป็นร้อยละ 15 ปริมาณ
นา้ เขา้ เฉลย่ี 25,085 ลา้ นบาท มูลค่าการนา้ เขา้ เฉล่ยี 4,005 ล้านบาทต่อปี ปริมาณเพ่มิ ขึน้ ร้อยละ 10 ตอ่ ปี
มูลคา่ เพ่มิ ข้ึนรอ้ ยละ 12 ต่อปี ในปี 2562 ปรมิ าณน้าเขา้ 34,784 ตัน มูลค่า 6,444 ล้านบาท ซ่งึ ปรมิ าณ
และมูลค่าการน้าเข้าสูงสดุ ในรอบ 10 ปี ส่วนใหญน่ า้ เขา้ ปลาแซลมอน ปลาเทราซ์ และปลาแมคเคอเรล

การน้าเข้าจากกลุ่มอเมริกาใต้ คิดเป็นร้อยละ 11 ปริมาณน้าเข้าเฉล่ีย 15,016 ตันต่อปี
มูลค่าการน้าเข้าเฉล่ีย 2,950 ล้านบาทต่อปี ปริมาณน้าเข้าเพ่ิมขึ้นเฉล่ียร้อยละ 5 ต่อปี มูลค่าเพ่ิมขึ้น
เฉล่ียร้อยละ 8 ต่อปี ในปี 2562 ปริมาณน้าเข้า 15,058 ตัน มูลค่า 2,950 ล้านบาท ส่วนใหญ่น้าเข้า
ปลาแซลมอนและปลาเทราซ์

การน้าเข้าจากอินเดีย คิดเป็นร้อยละ 14 ปริมาณการน้าเข้าเฉล่ีย 53,305 ตันต่อปี มูลค่า
การนา้ เขา้ เฉลี่ย 2,673 ล้านบาทต่อปี ปริมาณเพิ่มข้ึนเฉลี่ยร้อยละ 8 ต่อปี มูลค่าเพิ่มขึ้นเฉล่ียร้อยละ 14
ต่อปี ในปี 2562 ปริมาณและมูลค่าลดลงมากถึงร้อยละ 62 เม่ือเทียบกับปี 2561 ส่วนใหญ่น้าเข้า
ปลาแมคเคอเรลและปลาทะเลอืน่ ๆ (ภาพท่ี 7 - 25 และ 7 - 26)

หน่วย : ตนั

350,000

300,000 ASEAN10
250,000 Japan
200,000 Pakistan
150,000 EFTA
100,000 India
50,000 SOUTH AMERICA

0
2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพท่ี 7 - 25 ปริมำณกำรนำเข้ำปลำสดแชเ่ ยน็ แช่แขง็ ประมงของไทย ปี 2553 - 2562
(แยกตำมตลำดท่ีสำคัญ)

217

หน่วย : ลา้ นบาท ASEAN10
EFTA
7,000 India
6,000 Japan
5,000 Pakistan
4,000 SOUTH AMERICA
3,000
2,000
1,000

0
2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพท่ี 7 - 26 มูลคำ่ กำรนำเข้ำปลำสดแชเ่ ยน็ แช่แข็งประมงของไทย ปี 2553 - 2562
(แยกตำมตลำดท่ีสำคัญ)

3.หมกึ สดแช่เย็นแชแ่ ข็ง ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ปริมาณการน้าเข้าเฉล่ีย 122,894 ตันต่อปี
มลู คา่ 8,753 ล้านบาทต่อปี โดยปริมาณเพ่ิมข้ึนเฉลี่ยร้อยละ 13 ต่อปี ส่วนมูลค่าเพ่ิมข้ึนเฉลี่ยร้อยละ 16
ต่อปี ปี 2558 ปริมาณน้าเข้าสูงสุด 178,862 ตัน ส่วนปี 2562 มูลค่าสูงสุด 13,582 ล้านบาท
(ภาพที่ 7 - 27)

มูลคา่ (ล้านบาท) ปรมิ าณ (ตัน)

16,000 200,000 ปรมิ าณ
14,000 180,000 มูลคา่
12,000 160,000
10,000 140,000
8,000 120,000
6,000 100,000
4,000 80,000
2,000 60,000
40,000
0 20,000
0

2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพที่ 7 - 27 ปริมำณและมูลคำ่ กำรนำเข้ำหมกึ สดแชเ่ ย็นแชแ่ ขง็ ของไทย ปี 2553 - 2562

218

การน้าเข้าจากจีนสัดส่วนมากท่ีสุดสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 20 ของมูลค่าการน้าเข้ารวม ในรอบ
10 ปีท่ีผ่านมา ปริมาณน้าเข้าเฉล่ีย 39,074 ตันต่อปี มูลค่าน้าเข้าเฉล่ีย 2,823 ล้านบาทต่อปี ปริมาณ
น้าเข้าเฉล่ียเพ่ิมข้ึนร้อยละ 54 ต่อปี มูลค่าน้าเข้าเพ่ิมขึ้นเฉล่ียร้อยละ 52 ต่อปี โดยการน้าเข้าเพิ่มขึ้น
อย่างมากในปี 2555 ปริมาณการน้าเข้าเพียง 6,472 ตัน แต่ปี 2558 น้าเข้ามากถึง 96,602 หรือ
เพิ่มขึ้นกว่า 15 เท่า หลังจากน้ันแนวโน้มปริมาณการน้าเข้าหมึกสดแช่เย็นแช่แข็งลดลง ในปี 2562
ปริมาณ 41,367 ตัน

การน้าเข้าจากอินเดีย สัดส่วนเฉล่ียร้อยละ 20 ของมูลค่าการน้าเข้ารวม ในรอบ 10 ปี
ที่ผ่านมา ปริมาณน้าเข้าเฉล่ีย 15,905 ตันต่อปี มูลค่าน้าเข้าเฉลี่ย 1,722 ล้านบาทต่อปี ปริมาณน้าเข้า
เฉลี่ยเพ่ิมข้ึนร้อยละ 14 ต่อปี มูลค่าน้าเข้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 20 ต่อปี โดยปี 2562 น้าเข้าสูงสุด
ในรอบ 10 ปี ปริมาณ 29,324 ตัน มลู คา่ 3,375 ลา้ นบาท

การน้าเขา้ กลุ่มอเมริกาใต้ (เปรูและซิลี) สัดส่วนเฉล่ียร้อยละ 19 ของมูลค่าการน้าเข้ารวม
ในรอบ 10 ปที ีผ่ า่ นมา ปรมิ าณน้าเขา้ เฉลี่ย 33,924 ตันตอ่ ปี มูลค่าน้าเข้าเฉล่ีย 1,570 ล้านบาทต่อปี
ปริมาณน้าเข้าเฉลี่ยเพิ่มข้ึนร้อยละ 12 ต่อปี มูลค่าน้าเข้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 21 ต่อปี โดยปี 2562
น้าเขา้ สงู สดุ ในรอบ 3 ปี ปริมาณ 33,869 ตนั มูลค่า 2,383 ลา้ นบาท

การน้าเข้าจากกลุ่มอาเซียน มีสัดส่วนเฉล่ียร้อยละ 11 ปริมาณน้าเข้าเฉลี่ย 17,939 ตัน
ตอ่ ปี มูลคา่ เฉล่ีย 975 ลา้ นบาทต่อปี ปริมาณเพ่ิมข้ึนเฉลี่ยร้อยละ 24 ต่อปี มูลค่าเพ่ิมข้ึนเฉล่ียร้อยละ
25 ต่อปี โดยปี 2562 น้าเข้าสูงสุดในรอบ 10 ปี ปริมาณ 39,018 ตัน มูลค่า 1,925 ล้านบาท
(ภาพท่ี 7 - 28)

หนว่ ย : ลา้ นบาท

6,000

5,000

4,000 ASEAN10
3,000 China
2,000 India
1,000 SOUTH AMERICA12

0
2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562

ภำพที่ 7 - 28 มูลค่ำกำรนำเขำ้ หมึกสดแชเ่ ยน็ แช่แขง็ ประมงของไทย ปี 2553 - 2562
(แยกตำมตลำดที่สำคัญ)

219

ประมำณกำรกำรค้ำสินคำ้ ประมงปี 2563

เศรษฐกิจโลกปี 2563 มีแนวโน้มความผันผวนเนื่องจากนโยบายการกีดกัดทางการค้าระหว่าง
สหรัฐอเมริกากับจีน รวมทั้งเศรษฐกิจของของโลกจีนมีแนวโน้มชะลอตัวจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า
ในส่วนของการส่งออกสินค้าประมงของไทยน่าจะลดลง 5 - 10% คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกประมาณ
178,000 - 189,000 ลา้ นบาท ซึ่งเป็นมูลคา่ การสง่ ออกที่ตา้่ สดุ ในรอบ 20 ปี โดยมีองค์ประกอบที่สา้ คญั ดังน้ี

1. ผลผลิตกุง้ ภำยในประเทศ การแกป้ ัญหาโรคตายด่วนเร่ิมประสบผลส้าเร็จ แต่เกษตรกร
ยงั เล้ยี งก้งุ ยังชะลอหรือไมก่ ล้าเลี้ยงกุง้ หนาแนน่ แบบเดมิ รวมท้งั สภาพอากาศท่ีไม่เหมาะสมในบางพ้ืนท่ีประสบ
กับปัญหาน้าท่วมท้าให้ผลผลิตเสียหาย หากไม่สามารถเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น มูลค่าการส่งออกสินค้าประมง
ในภาพรวมจะลดลง นอกจากน้ีราคายังเป็นปัจจัยส้าคัญในการเล้ียงกุ้ง หากแนวโน้มราคายังต่้าเกษตรกร
ยังไม่ตัดสินใจลงเลีย้ งกงุ้ โดยราคาก้งุ ในตลาดโลกยังอยใู่ นระดบั ตา่้

2. มำตรกำรของประเทศคคู่ ำ้ ปจั จุบนั ประเทศคคู่ ้าได้ออกมาตรการทบี่ ังคบั ให้ประเทศผู้ส่งออก
ด้าเนินการต่าง ๆ เช่นประเทศสหรัฐอเมริกาออกระเบียบ SIMP ซึ่งมีผลกับสินค้าประมงน้าเข้าสหรัฐอเมริกา
13 ชนิด จะต้องจัดเก็บข้อมูลไว้เพ่ือตรวจสอบหากมีการร้องเรียนหรือมีข้อสงสัย รวมทั้งระเบียบว่าด้วย
การนา้ เขา้ สินค้าสตั วน์ ้าเพือ่ คุ้มครองสตั วท์ ะเลที่เลย้ี งลูกดว้ ยนม (MARINE MAMMAL PROTECTION ACT :
MMPA) ซ่ึงจะมีผลบังคับในปี 2565 แต่ผู้ส่งออกอาจจะมีความกังวลว่าจะส่งผลต่อการส่งออกสินค้าประมง
เน่อื งจากสหรัฐอเมรกิ าเปน็ ตลาดส่งออกที่สา้ คญั ของไทย

3. ค่ำเงินบำท ค่าเงินบาทท่ีแข็งค่ามากในปัจจุบัน จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้า
โดยเฉพาะหากค่าเงินของประเทศคู่แข่งไม่แข็งค่าเหมือนกับไทย จะท้าให้สินค้าของไทยมีราคาแพงขายได้
ยากข้ึน ความสามารถในการแขง่ ขันจะลดลง แตจ่ ะมีผลดกี บั ผูน้ า้ เข้าสินค้าจะมตี ้นทุนที่ต้า่ ลง

4. ผลผลิตประมงจำกกำรจับ จากมาตรการทีเ่ ขม้ งวดในการจับสัตว์น้าภายในประเทศ จะมีผล
ต่อปริมาณวัตถุดิบในการส่งออกสินค้าประมง โดยมีบางส่วนอาจจ้าเป็นต้องน้าเข้าวัตถุดิบมาแปรรูป ท้าให้
เสยี เปรยี บคูแ่ ข่งท่ไี มต่ อ้ งนา้ เข้าวัตถดุ ิบมาผลติ เพือ่ การสง่ ออก

5. ระยะเวลำในกำรยับยั้งโรคระบำดโควิด - 19 หากยืดเย้ือจะส่งผลกระทบต่อการส่งออก
สนิ คา้ ประมงของไทย โดยเฉพาะการสง่ ออกกงุ้ มชี วี ติ และกุง้ สดแชเ่ ย็นไปจนี

220

221

ชอื่ นายธรี วฒั น์ สัมภวมานะ
วฒุ ิ M.Sc. (Aquaculture and Aquatic Resources Management)

Asian Institute of Technology (AIT)
ตำแหน่ง ผู้อา้ นวยการศูนยว์ จิ ัยและพฒั นาการเพาะเลีย้ งสตั ว์น้าจดื

อดุ รธานี
หน่วยที่เขียน บทที่ 8

222

ควำมรว่ มมือดำ้ นกำรประมงกับตำ่ งประเทศ

ประเทศไทยในฐานะท่ีเป็นรัฐสมาชิกสหประชาชาติ ได้ก้าหนดนโยบายการใช้ประโยชน์ทรัพยากร
ทางทะเลให้เกิดความสมดุลระหว่างทรัพยากรสัตว์น้า ส่ิงแวดล้อมทางทะเล เศรษฐกิจ สวัสดิภาพทางสังคม
ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังมีบทบาทและหน้าท่ีสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการ
ปฏิบัติตามพันธกรณีและความตกลงระหว่างประเทศ รวมทั้งกฎระเบียบด้านการประมงภายใต้กรอบ
ความร่วมมือพหุภาคี องค์กรระหว่างประเทศ และองค์กรบริหารจัดการประมงระดับภูมิภาค (RFMOs)
เพ่อื การบริหารจดั การประมงทีม่ ีความยงั่ ยนื โดยสอดคลอ้ งและเปน็ ไปตามเง่ือนไขหรือข้อตกลงทีม่ ีรว่ มกนั

ควำมรว่ มมือภำยใต้กรอบพหภุ ำคีและองคก์ รระหวำ่ งประเทศ

ความรว่ มมือพหภุ าคี เปน็ ความร่วมมือหรอื ความตกลงระหว่างหลาย ๆ ประเทศ ตง้ั แต่ 3 ประเทศ
ขึ้นไป หรือเป็นความร่วมมอื หรอื ความตกลงที่เกิดขน้ึ ภายใตอ้ งค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ ซึ่งเป็นความร่วมมือ
ระหวา่ งประเทศสมาชกิ หรือประเทศทีเ่ ขา้ ร่วมด้าเนนิ การขององค์การระหว่างประเทศน้นั ๆ ทงั้ น้ี ประเทศไทย
ไดเ้ ข้าร่วมเปน็ สมาชิกความร่วมมือพหุภาคแี ละองคก์ รระหวา่ งประเทศท่ีสา้ คัญ ๆ ไดแ้ ก่

1. องคก์ ำรอำหำรและเกษตรแห่งสหประชำชำติ (Food and Agriculture Organization
of the United Nations : FAO) ในฐานะที่เป็นประเทศสมาชิกของ FAO ประเทศไทยได้ให้การรับรอง
และถือปฏิบตั ติ ามจรรยาบรรณการท้าประมงอย่างรับผิดชอบ (Code of Conduct for Responsible
Fisheries) ซึง่ กา้ หนดหลกั เกณฑแ์ ละมาตรการเกี่ยวกับการอนรุ กั ษ์และการบรหิ ารจดั การประมงหลากหลายมิติ
รวมท้ังให้ความส้าคัญในด้านความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่น ความม่ันคงทางอาหาร เศรษฐกิจ สังคม
ส่งิ แวดลอ้ ม ฯลฯ ตลอดจนให้การยอมรบั แนวทางปฏบิ ัติโดยสมคั รใจเพอื่ ความมั่นคงอยา่ งย่งั ยืนของการประมง
ขนาดเล็กในบริบทของความม่ันคงด้านอาหารและการขจัดความยากจน (FAO Voluntary Guidelines for
Securing Small - scale Fisheries in the Context of Food Security and Poverty Eradication,
FAO SSF Guidelines) และการเข้ารว่ มเป็นภาคีวา่ ดว้ ยมาตรการรฐั เจา้ ของท่า (FAO Port State Measures
Agreement : PSMA) เพอื่ รว่ มมอื ในการตอ่ ต้านการทา้ ประมงทีผ่ ดิ กฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคมุ

2. สมำคมประชำชำติแหง่ เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ หรืออำเซียน (Association of Southeast
Asian Nations : ASEAN) ประเทศไทยได้ลงนามร่วมกับประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ในแผนปฏิบัติการ
ระดับภมู ิภาคเพ่ือส่งเสริมแนวปฏิบัติด้านการประมงยั่งยืนภายในปี ค.ศ. 2030 (ASEAN - SEAFDEC Resolution
and Plan of Action on Sustainable Fisheries for Food Security for the ASEAN Region
Towards 2030) และใหค้ วามรว่ มมือดา้ นการจัดการประมงระดับภูมิภาคอาเซียนหลากหลายมิติท้ังในระดับ
นโยบายและระดบั ปฏบิ ัติการ

223

3. ศูนย์พัฒนำกำรประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asian Fisheries
Development Center : SEAFDEC) ประเทศไทยเป็นผู้ริเริ่มเสนอก่อต้ัง SEAFDEC เมื่อปี พ.ศ. 2509
และได้รับเกียรติให้เป็นท่ีตั้งของส้านักเลขาธิการและส้านักงานฝ่ายฝึกอบรม โดยมีผู้แทนจากกรมประมง
ประเทศไทย ท้าหน้าที่เป็นเลขาธิการ SEAFDEC นับตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน และได้ให้ความ
รว่ มมอื ในการเข้ารว่ มโครงการระดบั ภูมภิ าคหลายโครงการ เช่น โครงการฟ้ืนฟแู หลง่ ทอ่ี ยอู่ าศัยสตั วน์ ้าในพ้ืนที่
อ่าวไทย โครงการส้ารวจทรัพยากรสัตว์น้า โครงการจัดการประมงชายฝั่ง โครงการเทคโนโลยีการท้าประมง
อย่างรับผิดชอบ โครงการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้าอย่างยั่งยืน โครงการต่อต้านการท้าประมงที่ผิด
กฎหมาย ขาดการรายงาน และไรก้ ารควบคุมระดับภูมิภาค ฯลฯ

4. แผนปฏิบัติกำรระดับภูมิภำคเพื่อต่อต้ำนกำรทำกำรประมง IUU (Regional Plan of
Action – IUU : RPOA - IUU) ประเทศไทยเป็นส่วนหน่ึงของ RPOA - IUU ซ่ึงประกอบด้วย เป็นความ
ริเริ่มของ 11 ประเทศสมาชิก ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไน กัมพูชา ติมอร์ตะวันออก - เลสเต อินโดนีเซีย
มาเลเซีย ปาปัวนิวกินี ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม เพ่ือสนับสนุนแนวทางการประมงที่มีความ
รับผิดชอบและต่อต้านการท้าประมง IUU ในระดับภูมิภาค โดยมีกิจกรรมท่ีส้าคัญ ได้แก่ การแลกเปลี่ยน
ฐานขอ้ มูลเรือประมง การแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ด้านการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวังการท้าประมง (Monitoring,
Control, and Surveillance : MCS) ความรว่ มมือในการสืบสวนสอบสวนการทา้ ประมง IUU ฯลฯ

นอกจากน้ี กรมประมง ประเทศไทย ยังได้ร่วมมือกับต่างประเทศภายใต้กรอบความร่วมมือ
พหภุ าคีและองค์กรระหวา่ งประเทศต่าง ๆ เพอื่ แสดงเจตนารมณ์ทีด่ ี และมสี ว่ นร่วมกับนานาประเทศในการ
แลกเปลีย่ นความคิดเหน็ และข้อมูลขา่ วสาร รวมถึงเข้ารว่ มกจิ กรรมโครงการต่าง ๆ เพือ่ ประโยชน์ในการบริหาร
จัดการประมงทยี่ ่งั ยืน ทงั้ ในระดบั ประเทศ ระดบั ภมู ิภาค และระดับสากล ทั้งน้ี กรอบความร่วมมือพหุภาคี
และองค์กรระหวา่ งประเทศส้าคัญ ๆ ที่กรมประมงเข้าร่วม ได้แก่ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย - แปซิฟิค
(APEC) ความรว่ มมือทางวชิ าการและเศรษฐกจิ แหง่ ภมู ภิ าคอ่าวเบงกอล (BIMSTEC) สมาคมความร่วมมือ
แห่งภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย (IORA) องค์การการค้าโลก (WTO) องค์การข่ายงานศูนย์เพาะเล้ียงสัตว์น้า
แห่งเอเชียและแปซิฟิก (NACA) คณะกรรมาธิการแม่น้าโขง (MRC) องค์การระหว่างประเทศด้านข่าวสาร
การตลาดสนิ ค้าสัตวน์ ้าแหง่ เอเชยี และแปซิฟกิ (INFOFISH) ฯลฯ

224

ควำมรว่ มมือกับองคก์ ำรบริหำรจดั กำรประมงระดบั ภูมภิ ำค (RFMOs)

องค์การบริหารจัดการประมงระดับภูมิภาค (RFMOs) จึงได้ถูกจัดต้ังขึ้นเพ่ือบริหารจัดการการท้า
ประมงในพื้นทมี่ หาสมุทรตา่ ง ๆ ทวั่ ทุกภมู ภิ าคของโลก ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การ
บริหารจัดการประมงระดับภูมิภาคส้าคัญ ๆ 2 องค์กร ได้แก่ คณะกรรมาธิการปลาทูน่าแห่งมหาสมุทร
อินเดีย (Indian Ocean Tuna Commission : IOTC) และภาคีความตกลงว่าด้วยการประมงในมหาสมุทร
อินเดียตอนใต้ (Southern Indian Ocean Fisheries Agreement : SIOFA) โดยได้รับสิทธิในฐานะ
ประเทศสมาชิก ในการอนุญาตให้กองเรือประมงที่ถือสัญชาติไทยสามารถท้าประมงและขนถ่ายสัตว์น้า
ในพ้ืนที่ดังกล่าว ภายใต้เง่ือนไขและข้อตกลงท่ีก้าหนด และกรมประมงยังได้รับสิทธิในการส่งผู้แทนเข้าร่วม
การประชุมประจ้าปี เพ่ือมีส่วนร่วมในการพิจารณาแนวทางการจัดการประมงและรายงานมาตรการต่าง ๆ
เพอ่ื ปอ้ งกนั การทา้ ประมง IUU ในพ้นื ทีท่ ้าประมงดังกลา่ ว นอกจากนี้ ประเทศไทยไดใ้ ห้ความรว่ มมอื ในฐานะ
ประเทศที่ไม่ใช่ภาคี (Cooperating Non - Member) ของคณะกรรมาธิการประมงแห่งมหาสมุทรแปซิฟิก
ตะวันตกและตอนกลาง (Western and Central Pacific Fisheries Commission, WCPFC)
คณะกรรมาธิการเพ่ือการอนุรักษ์ปลาทูน่าในมหาสมุทรแอตแลนติก (International Commission for the
Conservation of Atlantic Tuna, ICCAT) และคณะกรรมาธิการเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรในทะเล
แอนตาร์กติก (Commission for the Conservation of Antarctic Marine Living Resources,
CCAMLR) เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่ดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านการน้าเข้า - ส่งออกสินค้าสัตว์น้า
ทจ่ี ับไดจ้ ากพนื้ ที่รบั ผิดชอบของ RFMOs ดังกล่าว เพื่อป้องกันการน้าเข้า - ส่งออกสินค้าสัตว์น้าที่เกี่ยวข้องกับ
การท้าประมง IUU และสนับสนุนการจัดการประมงทรัพยากรสตั ว์นา้ ระดบั สากลทีย่ งั่ ยืน

กำรใหส้ ัตยำบรรณกฎหมำยหลกั ระดับสำกล

เพอื่ แสดงความรับผดิ ชอบในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ รฐั เจ้าของธง รัฐชายฝ่งั รัฐเจ้าของท่า
และรัฐตลาด ประเทศไทยไดใ้ ห้สตั ยาบันต่อกฎหมายระดับสากลท่ีเกี่ยวข้องกับการประมงและส่ิงแวดล้อม
หลายฉบับ ไดแ้ ก่ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าดว้ ยกฎหมายทะเล (UNCLOS) จรรยาบรรณการท้าประมง
อย่างรับผิดชอบ (Code of Conduct for Responsible Fisheries) อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลาย
ทางชวี ภาพ (CBD) อนุสัญญาวา่ ดว้ ยการคา้ ระหวา่ งประเทศซ่ึงชนิดสตั ว์ป่าและพืชปา่ ทใี่ กล้สูญพันธุ์ (CITES)
อนุสัญญาว่าด้วยพ้ืนท่ีชุ่มน้า (Ramsar) อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(FCCC ) และพิธีสารเกยี วโต (Kyoto Protocol) ข้อตกลงสหประชาชาติวา่ ดว้ ยประชากรของสตั ว์น้าเกี่ยวกบั
การอนุรักษ์และจัดการประชากรของสัตว์น้าชนิดพันธุ์ที่ข้ามเขตและอพยพย้ายถ่ินไกล (UN Fish stock
Agreement) ความตกลงวา่ ดว้ ยมาตรการรัฐเจา้ ของท่า (FAO - PSMA)

225

เอกสำรอำ้ งอิง

แผนการบริหารจดั การประมงทะเลของประเทศไทย นโยบายแห่งชาติดา้ นการจัดการประมงทะเล พ.ศ. 2558 - 2562.
2558. กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. 125 หนา้ .

Thailand National Plan of Action to Prevent, Deter and Eliminate, Illegal, Unreported
Fishing (Thailand NPOA - IUU) 2015 - 2019. 2015. Department of Fisheries,
Ministry of Agriculture and Cooperatives, Thailand. 44 pages.

226

227

ช่อื นายนิวัติ สธุ มี ีชัยกุล
วฒุ ิ วท.บ. (ประมง) มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

พบ.ม. (รัฐประศาสนศาสตร์) สถาบนั บณั ฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์
ตำแหน่ง อดีตอธิบดีกรมประมง
หนว่ ยทีเ่ ขียน บทที่ 9

228

บทสรปุ

การเปลี่ยนแปลงกฎหมายประมงของไทย จากพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาเป็น
พระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เร่ิมจากผลกระทบของการทาการประมง
ท่ีเกินศักย์การผลิต (Over fishing) และการทาการประมงแบบไม่รับผิดชอบ เกิดการแย่งชิงทรัพยากร
ประมง และประเทศเพื่อนบ้านเริ่มมีการตระหนัก และหวงแหนทรัพยากรของตนเอง อีกทั้งองค์กรระหว่าง
ประเทศ เช่น องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization,
FAO) และสหภาพยุโรป (EU) ได้เน้นถึงความสาคัญของการทาประมงที่ไม่ถูกต้อง การสืบย้อนกลับ
ของการใช้ทรัพยากรสัตว์น้านั้นว่าได้มาจากแหล่งใด และมีระบบติดตามเรือ ป้องกันการเข้าไปทาการ
ประมงในพ้ืนท่ีห้ามจับสัตว์น้า เพื่อปกป้องทรัพยากรสัตว์น้า พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490
มีเพียง 6 หมวด และบทเฉพาะกาล ซึ่งมีเรื่องการประมงการจับสัตว์น้าจากธรรมชาติ ไม่มีระบบ
การบริหารจัดการทรัพยากรประมงอย่างชัดเจน มีรูปแบบการดูแลทรัพยากรโดยอานาจจากส่วนกลาง ไม่มี
การกระจายอานาจ และการบริหารจดั การประมงพนื้ บา้ นก็ยงั ไม่มีความชัดเจน

ประเทศไทยจัดได้ว่าเป็นประเทศที่มีผลจับสัตว์น้ามาก โดยมีผลผลิตจากการจับสัตว์น้าอยู่ใน
1 ใน 10 ของโลก และสามารถส่งออกนารายได้เขา้ ส่ปู ระเทศ ปี 2538 ผลผลิตสัตว์น้าที่ได้จากการจับ
มีมูลค่าถึง 98.7 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.87 ของผลผลิตมวลรวมของภาคการเกษตร หรือร้อยละ
1.27 ของผลผลิตมวลรวมของประเทศ ปี 2549 ผลผลิตการประมงทะเลในปี 2538 - 2547 อยู่ระหว่าง
2.6 - 2.8 ลา้ นตัน ผลผลิตส่วนใหญ่ได้จากเคร่ืองมือท่ีมีประสิทธิภาพ เช่น อวนลาก อวนลอย อวนรุน
อวนล้อม มเี รือประมงไม่น้อยกว่า 16,432 ลา ผลผลิตส่วนใหญ่ขายสตู่ ลาดโลก นาเงินตราเข้าสู่ประเทศ
ในปี 2549 ประเทศไทยได้ดุลการคา้ สัตว์นา้ 154,151.9 ลา้ นบาท

การทาประมง IUU Fishing ย่อมาจาก Illegal Unreported and Unregulated หรือการ
ทาการประมงผดิ กฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคมุ เป็นนิยามที่ FAO บัญญัติข้ึน และทั่วโลก
หันมาให้ความสนใจเรื่องการทาการประมงผิดกฎหมาย แม้แต่ในทะเลหลวง เกิน 200 ไมล์ทะเล มีองค์กร
การบริหารจัดการประมงระดับภูมิภาค (Regional Fisheries Management Organization, REMOS)
เพ่ือบริหารจดั การประมง ซึ่งประเทศเจา้ ของธงเรือประมงต้องเปน็ ผรู้ ับผิดชอบตง้ั แตจ่ ดทะเบียน ออกใบอนุญาต
ทาการประมง ควบคุมพฤติกรรมของเรือประมง โดย FAO เป็นองค์กรท่ีผลักดันประเทศเจ้าของธงเป็น
ผู้รับผิดชอบ ต่อต้านการทาประมง IUU และทาแผนการปฏิบัติการระดับชาติเพื่อการป้องกัน ยับยั้ง
และขจัดการทาประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม โดยกาหนดเป็นกฎหมายและ
บังคับใช้กฎหมาย ประเทศไทยได้รับผลจาก EU ผลักดันให้มีการดาเนินการแก้ไขปัญหา IUU Fishing
ของประเทศไทยโดย EU

229

เริม่ มี EU Regulation No. 1005/2008 มผี ลบงั คบั ตง้ั แต่มกราคม 2553 โดยไทยได้รับใบเหลือง เพื่อเป็น
การเตือนตั้งแต่เมษายน 2558 และไทยเริ่มมีการปรับปรุงกฎหมาย การจัดทาแผนงานการจัดการประมง
ระดบั ชาติ สรา้ งระบบการควบคมุ และตรวจสอบ บงั คบั ใชก้ ฎหมายอยา่ งเคร่งครัด และมีระบบตรวจสอบ
ยอ้ นกลับเพ่อื ออกใบรบั รองการจับสตั ว์นา้ และส่งออกไปยุโรป

การมีพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 และทแี่ ก้ไขเพม่ิ เติม พ.ศ. 2560 ทาให้เกิดระบบ
ควบคุม และมีโทษค่อนข้างรุนแรง บางระเบียบมีโทษถึง 30 ล้านบาท มีระบบติดตามเรือ (Vessel
Monitoring System, VMS) ซง่ึ จะทาให้ทราบถึงพฤติกรรมของเรือ มีการจัดตั้งศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือ
เขา้ - ออก (PIPO) ใน 22 จังหวัดชายทะเล เพือ่ ตรวจสอบเรือเข้าออก บุคคลทวั่ ไปจะคิดวา่ เรื่องการจัดการ
ประมงภายใต้ พระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 เป็นเรื่องของการจับสัตว์น้า แต่ในกฎหมายยังกาหนด
เร่ืองการเพาะเลี้ยงสัตวน์ ้าควบคมุ และกาหนดครอบคลุมไปถึงการนาผลผลิตสัตว์น้าไปแปรรูป และในโรงงาน
ต้องมแี รงงานท่มี สี วัสดภิ าพที่ดี ในกฎหมายยังมีค่าปรับและปิดโรงงานได้อีกด้วย ตามหมวด 8 สุขอนามัย
ของสตั ว์นา้ หรอื ผลิตภณั ฑ์สตั วน์ ้า มาตรา 99

การจัดการดา้ นประมงต้องอาศัยความรู้ทางวิชาการประมง และพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558
มาใช้ในการบริหารจดั การ จะทาใหก้ ารทางานเกิดประสทิ ธภิ าพ ปกป้องการประกอบอาชีพ อาจจะทาให้เกิด
ผลลพั ธท์ ีด่ ีภายหลัง หากไดม้ คี วามรคู้ วามเข้าใจทถี่ ูกต้องตามบริบทใหม่ ๆ ของประเทศไทย

ในพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 และท่แี ก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2560 ได้ตรากฎหมายขึ้น
เพ่อื ประโยชนใ์ นการกาหนดนโยบายและกากบั ดแู ลการบริหารจัดการดา้ นการประมง และการอนุรักษ์ทรัพยากร
สตั ว์นา้ ตามหลกั ธรรมมาภบิ าล และสง่ เสริมการมสี ่วนร่วมของผ้มู ีสว่ นเกย่ี วข้อง เพื่อให้เกิดความเหมาะสม
และทาให้การประมงยั่งยืน ซึ่งกาหนดนโยบายระดับชาติ ในมาตรา 13 โดยมีการบอกถึงวัตถุประสงค์
เพื่อกาหนดนโยบาย การกากับดูแล การบริหารส่งเสริมและแก้ไขปัญหาอุปสรรคตลอดห่วงโซ่การประมง
จนไปถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่อง มีการกระจายอานาจจากส่วนกลางไปยังส่วนภูมิภาค โดยมีมาตรา 26
มีคณะกรรมการประมงประจาจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพ่ือแก้ไขปัญหาในการใช้
ทรพั ยากรอยา่ งยง่ั ยนื ในพระราชกาหนดการประมง ได้ให้ความสาคัญของประมงพ้ืนบ้าน ซ่ึงไม่เคยมีกฎหมาย
และในพระราชบัญญัตกิ ารประมง พ.ศ. 2490 ก็ไมม่ ีรายละเอียดเหมือนกับพระราชกาหนดการประมง

การสืบค้น ซ่งึ ตราไวใ้ นมาตรา 90 ถือว่าเป็นเรอื่ งใหม่ ซง่ึ สตั ว์นา้ ท่ีได้จากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้า
สามารถสืบค้นได้ ถ้าหากถูกกาหนดเป็นสัตว์น้าควบคุมในมาตรา 76 และต้องทาเอกสารกากับการซื้อขาย
สัตว์น้าตามมาตรา 91 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในกรณีเกิดปัญหาข้ึนระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ (ผู้บริโภค) ทั้งใน
ประเทศและตา่ งประเทศ ในอดีตเรามักจะใช้กฎหมายโรคระบาดสัตว์ของกรมปศุสัตว์ ในการกากับดูและ
กฎหมายของสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในกรณีเกิดการปนเปื้อนสารต้องห้ามต่าง ๆ
แต่ในพระราชกาหนดฉบบั น้ี กรมประมงมรี ะเบยี บปฏบิ ตั ิในการดาเนินการครบถ้วนชัดเจน


Click to View FlipBook Version