โมทย์
วามรกั ทัง้ การเกีย้ วพาราสีกนั ในระยะแรก ๆ หรอื การ
นสุดความรกั สมัครสมาน
พบพานพศิ วาสไม่คลาดคลา
อพบศรสี วัสดิ์เป็นมัจฉา
ผกาโกสุมปทมุ ทอง
นราชสีห์สมสูเ่ ป็นคูสอง
นคู่ครองพิศวาสทุกชาตไิ ป
(พระอภยั มณี : สุนทรภู่)
นารีปราโ
ตัวอยา่ ง
เจา้ งามปลอดยอดรกั ของพลายแกว้
พ่สี ้ตู ายไม่เสยี ดายแก่ชีวี
พ่ผี ดิ พีก่ ็มาลแุ กโ่ ทษ
พ่ชี มโฉมโลมลูบดว้ ยใจงาม
โมทย์
ว ไดม้ าแลว้ แมอ่ ยา่ ขับใหก้ ลับหนี
แกว้ พีอ่ ย่าได้พร่าราพนั ความ
จงคลายโกรธแม่อย่าถือว่าหยาบหยาม
ทราบสวาทด้นิ ไปไม่ไยดี
(ขุนชา้ งขนุ แผน)
พิโรธวาท
พิโรธวาทัง (บทตดั พอ้ ) คอื การกล่าวข้อความ
จนถึงเรื่องใหญ่ ต้งั แต่ ไมพ่ อใจ โกรธ ตดั พอ้ ประช
เสียดสี และด่าว่าอยา่ งรุนแรง
ตวั อย่าง
คร้งั น้เี สียรักกไ็ ด้รู้
เปน็ ชายหมิ่นชายต้องอายคน
ทัง
มแสดงอารมณไ์ ม่พอใจ ต้งั แต่เรือ่ งเลก็ น้อยไป
ชดประชนั กระทบกระเทียบเปรียบเปรย
ถงึ เสยี ร้กู ไ็ ดเ้ ชาวน์ทีเ่ ฉาฉงน
จาจนจาจากอาลัยลาน
(เจ้าพระยาพระคลงั (หน))
พิโรธว
ตัวอย่าง
จะเจ็บจาไปถึงปรโลก ฤ
จะเกิดกฟ่ี า้ มาตรมตาย อ
ฮดึ ฮดั ขดั แคน้ แน่นใจ ต
เป็นชายดูดมู๋ าหมิ่นชาย
วาทัง
ฤๅรอยโศกรรู้ ้างจางหาย
อย่าหมายวา่ จะใหห้ วั ใจ
(อังคาร กลั ยาณพงศ)์
ตาแดงด่ังแสงไฟฟา้
มิตายกจ็ ะไดเ้ หน็ หนา้
(รามเกยี รต์ติ อนนารายณป์ ราบนนทก)
สัลลาปังค
สลั ลาปังคพไิ สย (บทโศก) คอื การกลา่ วขอ้ ค
การคร่าครวญ
ตัวอยา่ ง
ลาดวนเอ๋ยจะดว่ นไปกอ่ นแลว้
จะโรยรา้ งหา่ งกลิ่นมาลี
คพิไสย
ความแสดงอารมณ์โศกเศร้า อาลยั รัก
ทง้ั เกดแกว้ พกิ ลุ ยี่สุ่นสี
จาปเี อย๋ กีป่ ีจะมาพบ
(พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหล้านภาลยั )
สัลลาปังค
ตัวอยา่ ง
เคยหมอบใกลไ้ ด้กลิ่นสุคนธ์ตลบ
สิน้ แผน่ ดินสิ้นรสสคุ นธา
สีดาเอยถึงจะตาย
จงเอือ้ นโอษฐอ์ อกเจรจา
เจา้ ชายเนตรดูพีบ่ ้าง
เราจะรว่ มพระเพลิงกัน
คพิไสย
ละอองอบรสรืน่ ชื่นนาสา
วาสนาเราก็สิน้ เหมือนกลิน่ สคุ นธ์
(สุนทรภู่ : จากนริ าศภูเขาทอง)
จะวอดวายพระชนมา
จะจากแล้วจงส่ังกนั
ใหพ้ ี่สร่างซึ่งโศกศลั ย์
ในเขตขณั ฑ์พระคงคา
(บทพากยร์ ามเกียรติ์ ตอนกาพย์นางลอย)
สรปุ เนือ้ หา
า/คาถาม
การวเิ คราะห์คุณค่าวรรณคดี
จากเร่ืองขุนช้างขุนแผน ตอน
ผู้สอน
ครูไพโรจน์ ขวญั คง
ครูสิริภา แสงสมัคร
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา
: คุณค่าด้านสังคม
นขุนช้างถวายฎกี า
คุณค่าด้านสัง
คุณค่าด้านสังคม คือการพจิ ารณาคุณค่าบทประ
ซ่ึงพจิ ารณาจากทรรศนะ แนวคดิ การให้คตเิ ตือนใจ การ
ขนบธรรมเนียมประเพณี โดยการสอดแทรกไว้ในบทประ
ตัวอย่าง
สิ่งใดในโลกล้วน อ
คงแต่บาปบุญยงั เ
คือเงาตดิ ตวั ตรัง
ตามแต่บาปบุญแล้
*** ผู้แต่งแสดงแนวคดิ เรื่องบาปบุญว่าติดตามตัวเราเห
ซึ่งเป็ นความเชื่อในทางพระพทุ ธศาสนา ทีม่ อี ทิ ธิพลต่อ
งคม คืออะไร
ะพนั ธ์ว่าผู้แต่งมีจุดประสงค์อย่างไรในการจรรโลงสังคม
รแสดงให้เห็นถึงชีวติ ความเชื่อ ค่านิยม วฒั นธรรม
ะพนั ธ์อย่างแนบเนียน
อนิจจัง
เท่ียงแท้
ตรึงแน่น อยู่นา
ก่อเกื้อรักษา
(ลลิ ติ พระลอ)
หมือนเงาตามตวั ใครทากรรมใดไว้ ย่อมได้รับผลกรรมน้ัน
อการดาเนินชีวติ ของคนในสังคมไทย
คุณค่าด้า
สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อเรื่องโชคชะตา การ
ตอนศึกกระหมังกหุ นิง ดงั ทท่ี ้าวกะหมังกหุ นิงให้โหรม
บดั น้ัน
รับรสพจนารถภูวไนย
เทยี บดูดวงชะตาพระทรงยศ
ท้งั ช้ันโชคโยคยามยาตรา
จึงทูลว่าถ้ายกวนั พรุ่งนี้
งดอย่อู ย่าเสดจ็ สักเจด็ วนั
านสังคม
รเชื่อเร่ืองคาทานาย ตัวอย่างจากเรื่องอเิ หนา
มาทานายก่อนจะยกทพั ไปเมืองดาหา
พระโหราราชครูผ้ใู หญ่
คลตี่ ารับขบั ไล่ไปมา
กบั โอรสถงึ ฆาตชันษา
พระเคราะห์ขัดฤกษ์พาสารพนั
จะเสียชัยไพรีเป็ นแม่นมน่ั
ถ้าพ้นน้ันกเ็ ห็นไม่เป็ นไร
(อเิ หนา)
คุณค่าด้า
สะท้อนเกยี่ วกบั ขนบธรรมเนียมประเพณี ตวั
จะออกศึก พระเจ้าหงสาวดที รงประสาทและให้โอวาทกา
ความรู้เกยี่ วกบั ตาราพชิ ัยสงคราม การจัดทพั การต้งั ทพั
โขลนทวารตดั ไม้ข่มนาม เพ่ือการสร้างขวญั กาลงั ใจแก่ท
ซ่ึงเป็ นพธิ ีบารุงขวญั ทหารก่อนออกศึกเหล่าทหารต่างฮึก
และประพรมนา้ พระพุทธมนต์ให้ ดงั นี้
“...พลนั ขยายพยหุ บาตรา คลาเข้าโขลน
ตามตารารับราชรณยทุ ธ์ โบกกบ่ธี ุชคลาพล ยลนาวาดาด
พนั ลกึ อธึกท้องแถวธาร...”
านสังคม
วอย่างจากเร่ืองลลิ ติ ตะเลงพ่าย เม่ือพระมหาอปุ ราชา
ารสร้างขวญั กาลงั ใจแก่ทหารและความเดด็ ขาดในการรบ
พ ประเพณี และพธิ ีกรรมเกยี่ วกบั สงคราม เช่น พธิ ี
ทหาร ดงั ท่ปี รากฏในบทประพนั ธ์ที่กล่าวถงึ พธิ ีโขลนทวาร
กเหิมและมกี าลงั ใจเพราะมพี ระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์
นทวาเรศ สงฆ์สวดชเยศพทุ ธมนต์ ปรายประชลเฉลมิ ทพั
ดาษ ดูสระพราศสระพร่ัง คงั่ คบั ขอบคงคา แลมหาเหาฬาร์
(ลลิ ติ ตะเลงพ่าย)
คุณค่าด้า
วฒั นธรรมและประเพณตี ่าง ๆ ตัวอย่างจากเร
ด้านการครองเรือน
“ซึ่งเมตตาว่าจะเลยี้ งไว้เคยี งคู่
แต่อย่าให้ได้อายชายท้งั ปวง
การตฆี ้องร้องป่ าว
“แล้วตฆี ้องร้องป่ าวเหล่าทหา
หน่อนรินทร์สินสมุทรกพ็ ูดจา
านสังคม
ร่ืองพระอภยั มณี เช่น
พระคุณอยู่ข้าพเจ้าเท่าเขาหลวง
ค่อยหนักหน่วงอย่าเพ่อด่วนทาลวนลาม”
าร มาหมอบกรานเรียงรายท้งั ซ้ายขวา
ภปิ รายปราศรัยทว่ั ทุกตวั คน”
คุณค่าด้า
ความเช่ือต่าง ๆ ตัวอย่างจากเรื่องพระอภยั มณี เช่น
ความเช่ือเร่ืองเวทมนต์คาถา
จะล่มลาสาเภาเข้าไม่ได้
ด้วยเดชะเวทมนต์คนท้งั น้ัน
ความเช่ือในเร่ืองบาปบุญคุณโทษ
อย่าลุ่มหลงจงอุตส่าห์รักษาศีล ใ
อย่าฆ่าสัตว์ตดั ชีวิตคดิ อบุ าย
านสังคม
แลเห็นไฟล้อมเหมือนกบั เข่ือนขณั ฑ์
ประกอบกนั ผสี างให้ห่างตวั
ให้เพม่ิ ภญิ โญไปดงั ใจหมาย
จะจาตายตกนรกอเวจี
แบบฝกึ เรอ่ื งวเิ คราะ
จากเรอื่ งขนุ ช
ตอนขนุ ชา้ ง
ึกผู้ส
ครูไพโรจน
ครูสริ ภิ า
กลุ่มสาระการเร
โรงเรยี นคณะราษฎร
ะหค์ ุณคา่ ดา้ นสังคม
ชา้ งขนุ แผน
งถวายฎกี า
กสอน
น์ ขวญั คง
แสงสมคั ร
รยี นรภู้ าษาไทย
รบารงุ จังหวดั ยะลา
ให้นักเรียนพจิ ารณาว่าคาประพนั ธ์ต่อไป
เออน่ีเนื้อเคราะห์กรรมนามา
ฝ่ ายพ่อมบี ุญเป็ นขุนนาง
ปนีส้ ะท้อนคุณค่าด้านสังคมในเรื่องใด
าผดิ น่าอายมิตรหมองใจไม่หายหมาง
แต่แม่ไปแนบข้างคนจัญไร
ความเช่ือเกย่ี วกบั เรื่องกรรม
ให้นักเรียนพจิ ารณาว่าคาประพนั ธ์ต่อไปนีส้
ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสว่าง
จึงเซ่นเหล้าข้าวปลาให้พรายกนิ
ลงยนั ต์ราชะเอาปะอก
เป่ ามนตร์เบือ้ งบนชอุ่มมวั
จบั ดาบเคยปราบณรงค์รบ
ลงจากเรือนไปมไิ ด้ช้า
สะท้อนคุณค่าด้านสังคมในเร่ืองใด
จนั ทร์กระจ่างทรงกลดหมดเมฆสิ้น
เสกขมนิ้ ว่านยาเข้าทาตวั
หยบิ ยกมงคลขึน้ ใส่หัว
พรายยว่ั ยวนใจให้ไคลคลา
เสร็จครบบริกรรมพระคาถา
รีบมาถึงบ้านขุนช้างพลนั ฯ
ความเชื่อเก่ียวกบั ไสยศาสตร์
ให้นักเรียนพจิ ารณาว่าคาประพนั ธ์ต่อไป
จะใคร่ถบี ขุนช้างทก่ี ลางตวั
พลางนั่งลงนอบนบอภวิ นั ทน์
ปนีส้ ะท้อนคุณค่าด้านสังคมในเรื่องใด
ว นึกกลวั จะถูกแม่วนั ทองน่ัน
น สะอืน้ อ้นั อกแค้นนา้ ตาคลอ
ค่านิยมเกย่ี วกบั การมีสัมมาคารวะ
ให้นักเรียนพจิ ารณาว่าคาประพนั ธ์ต่อไป
ฝันว่าพลดั ไปในไพรเถื่อน
ลดเลยี้ วเท่ียวหลงในดงรัง
ปนีส้ ะท้อนคุณค่าด้านสังคมในเรื่องใด
เลื่อนเปื้ อนไม่รู้ทกี่ ลบั หลงั
ยงั มีพยคั ฆ์ร้ายมาราวี
ความเช่ือเร่ืองความฝัน
ให้นักเรียนพจิ ารณาว่าคาประพนั ธ์ต่อไป
คราน้ันวนั ทองเจ้าพลายงาม
ขุนแผนเรียกวนั ทองเข้าห้องใน
สีขีผ้ งึ้ สีปากกนิ หมากเวท
นา้ มนั พรายนา้ มันจนั ทน์สรรเสกปน
แล้วทาผงอทิ ธิเจเข้าเจิมพกั ตร์
เสกกระแจะจวงจนั ทน์นา้ มนั ทา
ปนีส้ ะท้อนคุณค่าด้านสังคมในเร่ืองใด
ได้ฟังความคร้ามคร่ันหวนั่ ไหว
ไม่ไว้ใจจึงเสกด้วยเวทมนตร์
ซึ่งวิเศษสารพดั แก้ขัดสน
น เคยคุ้มขงั บงั ตนแต่ไรมา
คนเห็นคนทกั รักทุกหน้า
เสร็จแล้วกพ็ าวนั ทองไป
ความเชื่อเกยี่ วกบั ไสยศาสตร์
ให้นักเรียนพจิ ารณาว่าคาประพนั ธ์ต่อไป
ว่าหญิงชั่วผวั ยงั คราวละคนเดยี ว
หนักแผ่นดนิ กจู ะอยู่ไย
ปนีส้ ะท้อนคุณค่าด้านสังคมในเร่ืองใด
ว หาตามตอมกนั เกรียวเหมือนมึงไม่
อ้ายไวยมงึ อย่านับว่ามารดา
ค่านิยมเกยี่ วกบั ผู้หญิงต้องมสี ามคี นเดยี ว
สรุปเน้ือห
หา/คาถาม
แบบทดสอบเร่ืองค
โด
ครูไพโรจน
ครูสิริภา แ
กล่มุ สาระการเร
โรงเรียนคณะราษฎร
คุณค่าด้านสังคม
ดย
น์ ขวญั คง
แสงสมัคร
รียนรู้ภาษาไทย
รบารุง จงั หวดั ยะลา
ให้นักเรียนเลือกคาตอบทถี่ ูกต้องทสี่
๑. ข้อใดไม่ใช่การพจิ ารณาคุณค่าของวรรณคดที เ่ี
ก. ขนบธรรมเนียมประเพณี
ข. วถิ ชี ีวติ ความเป็ นอยู่
ค. ความงดงามของการใช้คา
ง. ความเชื่อในเรื่องต่าง ๆ
สุด
เกยี่ วกบั “คุณค่าด้านสังคม”
ให้นักเรียนเลือกคาตอบทถี่ ูกต้องทสี่
๒. “คุณค่าด้านสังคม” สอดแทรกอยู่ในองค์ปร
ก. บทสนทนา
ข. พฤตกิ รรมตัวละคร
ค. สถานที่ ฉาก เวลา
ง. บทสนทนา ฉาก เวลา พฤติกรรมตัวล
สุด
ระกอบใดของวรรณกรรม
ละคร
ให้นักเรียนเลือกคาตอบทถี่ ูกต้องทสี่
๓. ทุกคาตอบเป็ นผลจากการอ่านเพ่ือวเิ คราะห์และสังเค
ก. เจนอ่านขุนช้างขุนแผนแล้วบอกได้ว่าผู้คนสมยั ร
ข. นุ่นอ่านขุนช้างขุนแผนแล้วบอกได้ว่ากลอนเสภา
ค. โบอ่านขุนช้างขุนแผนแล้วบอกได้ว่าสมยั รัชกาล
ง. วาเลนไทน์อ่านขุนช้างขุนแผนแล้วบอกได้ว่าการ
สุด
คราะห์ความรู้ด้านสังคม ยกเว้น....บุคคลในข้อใด
รัชกาลที่ ๓ มกี ารขับเสภาเป็ นมหรสพ
ามลี กั ษณะคล้ายกลอนสุภาพ
ลท่ี ๓ นิยมแต่งกลอนเสภา
รขบั เสภานิยมใช้ "กรับ" ขยบั ให้จังหวะ
ให้นักเรียนเลือกคาตอบทถ่ี ูกต้องทสี่
๔. "วรรณคดี คือกระจกเงาสะท้อนภาพสังคมใน
นักเรียนจะทราบได้อย่างไรว่า"สมัยน้ัน".... ใน
ก. อ่านประวตั ผิ ู้แต่ง
ข. อ่านคานา/เร่ืองย่อ
ค. อ่านจากช่ือเรื่อง
ง. อ่านท้งั เร่ือง