แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา ท 33102 ภาษาไทย 6 หน่วยที่ ๒ สามัคคีเภทค าฉันท์ นางสาวสิริภา แสงสมัคร ต าแหน่งครู วิทยฐานะช านาญการ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนคณะราษฎรบ ารุง จังหวัดยะลา ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษายะลา
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การเขียนบันเทิงคดี กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย วิชาภาษาไทย ๖ รหัส ท ๓๓๑๐๒ ชื่อหน่วย สามัคคีเภทคำฉันท์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เรื่อง การเขียนบันเทิงคดี เวลา 3 คาบ สอนวันที่ 10-12 มกราคม ๒๕๖๖ ผู้สอน นางสาวสิริภา แสงสมัคร ๑. สาระที่ ๒ การเขียน ๒. มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว ในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้า อย่างมีประสิทธิภาพ 3. ตัวชี้วัด ม. ๔-๖/๔ ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบต่าง ๆ 4. สาระสำคัญ บันเทิงคดีเป็นงานเขียนสร้างสรรค์รูปแบบหนึ่งที่ว่าด้วยสารสนเทศหรือเหตุการณ์ซึ่งมิใช่ ข้อเท็จจริงแต่เป็นจินตนาการหรือทฤษฎีบางส่วนหรือทั้งหมด กล่าวคือ เป็นงานที่ผู้ประพันธ์แต่งขึ้น แม้บันเทิง คดีจะใช้หมายถึงสาขาหลักของงานวรรณกรรมอย่างหนึ่ง แต่ยังอาจหมายถึง งานละคร ภาพยนตร์หรือดนตรี ด้วยซึ่งการเขียนบันเทิงคดีนั้นควรเข้าใจถึงองค์ประกอบและวิธีเขียนบันเทิงคดีเพื่อให้การสร้างสรรค์งานเขียน นั้นมีคุณภาพ 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสามารถบอกลักษณะของบันเทิงคดีได้ ด้านกระบวนการ (P) - นักเรียนสามารถเขียนบันเทิงคดีประเภทเรื่องสั้นได้ ด้านคุณลักษณะ (A) - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - มุ่งมั่นในการทำงาน 6. สาระการเรียนรู้ 6.๑ ความหมายของบันเทิงคดี 6.๒ องค์ประกอบของบันเทิงคดี 6.3 ประเภทของการเขียนบันเทิงคดี 6.4 แนวทางการเขียนบันเทิงคดีประเภทเรื่องสั้น
7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 7.๑ ความสามารถในการคิด 7.๒ ความสามารถในการแก้ปัญหา 7.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ ๑ 1. ครูให้นักเรียนดูภาพเกี่ยวกับหนังสือประเภทบันเทิงคดีแล้วให้นักเรียนพิจารณาว่าภาพดังกล่าวเป็น งานเขียนในลักษณะใด จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันยกตัวอย่างหนังสือหรืองานเขียนประเภทบันเทิงคดี ที่นักเรียนชื่นชอบ คนละ ๑ เรื่อง แล้วทำแบบทดสอบก่อนเรียนการเขียนบันเทิงคดี ๒. นักเรียนเป็นกลุ่มโดยคละความสามารถ กลุ่มละ 4 คน แล้วเรียกกลุ่มนี้ว่า “กลุ่มบ้าน” แล้ว กำหนดหมายเลขประจำตัวให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มเป็นหมายเลข ๑-4 ตามลำดับ จากนั้นให้นักเรียนที่มี หมายเลขเดียวกันมารวมกลุ่มใหม่ เรียกว่า “กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ” 3. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนเรื่องการเขียนบันเทิงคดี 4. ครูให้นักเรียนกลุ่มผู้เชี่ยวชาญร่วมกันศึกษาความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับบันเทิงคดี จากหนังสือเรียน หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ ดังนี้ - กลุ่มหมายเลข ๑ ศึกษาความรู้เรื่องลักษณะและประเภทของบันเทิงคดี - กลุ่มหมายเลข ๒ ศึกษาความรู้เรื่ององค์ประกอบของการเขียนบันเทิงคดี - กลุ่มหมายเลข ๓ ศึกษาความรู้เรื่องแนวทางการเขียนบันเทิงคดี - กลุ่มหมายเลข 4 ศึกษาความรู้เรื่องแนวทางการเขียนบันเทิงคดีประเภทเรื่องสั้น 5). นักเรียนกลุ่มผู้เชี่ยวชาญร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ศึกษาโดยผลัดกันซักถามหากมี ข้อสงสัย และผลัดกันอธิบายหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจนสมาชิกในกลุ่มมีความเข้าใจชัดเจนตรงกัน 6. นักเรียนกลุ่มผู้เชี่ยวชาญแยกย้ายกันกลับเข้าสู่กลุ่มบ้าน แล้วนำความรู้ที่ได้จากการศึกษามาเล่าให้ เพื่อนในกลุ่มบ้านฟัง 7). ครูอธิบายความรู้เพิ่มเติมและยกตัวอย่างลักษณะและประเภทของบันเทิงคดี องค์ประกอบของ การเขียนบันเทิงคดี และแนวทางการเขียนบันเทิงคดีให้นักเรียนฟัง 8. นักเรียนทำใบงานเรื่องสรุปหลักการเขียนบันเทิงคดี 9. นักเรียนแต่ละกลุ่มยกตัวอย่างบันเทิงคดีที่นักเรียนสนใจ แล้ววิเคราะห์การเขียนบันเทิงคดี เรื่องนั้น ๆ ว่ามีวิธีการเขียนอย่างไร 10). ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคำตอบในใบงาน 11. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการวิเคราะห์การเขียนบันเทิงคดีหน้าชั้นเรียนสรุปเนื้อหาร่วมกัน คาบที่ ๒ 1. ครูสุ่มเรียกนักเรียนสองคนเพื่อตอบคำถามทบทวนความรู้เรื่องบันเทิงคดีที่เรียนไปในคาบที่ผ่านมา จากนั้นทบทวน เนื้อหาให้นักเรียนฟังอีกครั้ง ๒. นักเรียนรวมกลุ่มเดิม แล้วให้แต่ละคนอ่านตัวอย่างเรื่องสั้นในหนังสือเรียน หรือหนังสือที่ได้รับ รางวัล และเข้ารอบเรื่องสั้นซีไรต์ จากนั้นให้แต่ละกลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องสั้นที่อ่าน ๓. ครูอธิบายลักษณะเรื่องสั้น ประเภทเรื่องสั้นให้นักเรียนเข้าใจ
๔. นักเรียนศึกษาความรู้เกี่ยวกับตัวอย่างการเขียนบันเทิงคดีประเภทเรื่องสั้น เรื่องเพลงใบไม้ จากหนังสือเรียนหลักภาษาไทย ๕. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการเขียนเรื่องสั้น ๖. ครูและนักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ลักษณะเรื่องสั้น และประเภทของเรื่องสั้น จากตัวอย่างการเขียน บันเทิงคดีประเภทเรื่องสั้น แล้วทำใบงานเรื่องวิเคราะห์องค์ประกอบเรื่องสั้น ๗. ครูให้นักเรียนแต่ละคนเขียนเรื่องสั้น ๑ เรื่อง ในประเด็นที่สนใจลงในใบงาน เรื่อง เรื่องสั้นในใจ เมื่อเขียนเสร็จแล้วให้นำไปแลกกับเพื่อนในชั้นเรียนเพื่อให้วิพากษ์วิจารณ์งานเขียน เสร็จแล้วนำส่งครูตรวจ ๘. ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนสรุปเนื้อหาเรื่องการวิเคราะห์องค์ประกอบของเรื่องสั้นและให้นักเรียน เตรียมเขียน คาบที่ ๓ ๑. ครูยกตัวอย่างเรื่องสั้นให้นักเรียนเห็นแล้วให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เรื่องสั้นตามองค์ประกอบ อย่างง่าย ๒. นักเรียนฝึกเขียนเรื่องสั้น 1 เรื่อง ในประเด็นที่สนใจ จากนั้นนำงานเขียนของตนเองไปแลกเปลี่ยน กับเพื่อนในกลุ่ม ผลัดกันวิพากษ์วิจารณ์งานเขียนของแต่ละคน ๓. ครูขออาสาสมัครนักเรียนที่เขียนเสร็จแล้ว ประมาณ ๕-๖ คน ออกมานำเสนอผลงานการเขียน เรื่องสั้นให้เพื่อนและครูฟัง จากนั้นครูตรวจสอบความถูกต้อง ๔. ครูทบทวนเนื้อหาให้นักเรียนฟังอีกครั้งและให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนเรื่องการเขียน บันเทิงคดี จากนั้นเฉลยคำตอบร่วมกัน 9. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ๑. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน หลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ๒. ใบความรู้เรื่องบันเทิงคดี ๓. ตัวอย่างเรื่องสั้น ๔. แบบทดสอบก่อน – หลังเรียน ๕. ใบงานเรื่องสรุปหลักการเขียนบันเทิงคดี ๖. ห้องสมุด ๗. อินเทอร์เน็ต 10. การวัดและประเมินผล เครื่องมือ วิธีการวัด เกณฑ์การประเมิน ๑. แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน 2. แบบประเมินผลงาน 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียน รายบุคคล 4. แบบสังเกตการทำงานกลุ่ม 5. แบบประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ 6. แบบประเมินสมรรถนะของผู้เรียน 1. ตรวจแบบทดสอบ 2. ตรวจผลงานการเขียน 3. สังเกตพฤติกรรมการเรียนรายบุคคล 4. สังเกตการทำงานกลุ่ม 5. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6. ประเมินสมรรถนะของผู้เรียน 1. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 2. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 3. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 4. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 5. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป ๖. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป
๑1. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ลงชื่อ..................................................ผู้ตรวจ (นายไพโรจน์ ขวัญคง) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/1) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ .....นักเรียนทุกคนบอกลักษณะของบันเทิงคดีได้ถูกต้อง ผ่านเกณฑ์ การประเมินในระดับดี... 1.2 ทักษะกระบวนการ ..... ครูปรับรูปแบบของการเขียนบันเทิงประเภทเรื่องสั้นโดยให้นักเรียนดู ตัวอย่างงานเขียน แล้วร่วมกันทำกิจกรรมการเขียนในเวลาเรียนเป็นกลุ่ม และนำเสนอตัวอย่างแทนซึ่งทุกคน ผ่านจุดประสงค์นี้ 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนทุกคนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นการทำงานผ่านเกณฑ์ การประเมินในระดับดีมาก 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ ... 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...ปรับรูปแบบการสอนในเรื่องการเขียนบันเทิงคดี ประเภทเรื่องสั้นเป็น การร่วมกันศึกษาตัวอย่างเรื่องสั้น และร่วมกันแต่งเรื่องสั้นง่ายๆ ในคาบเรียน 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ...................... ............................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/2) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ .....นักเรียนทุกคนบอกลักษณะของบันเทิงคดีได้ถูกต้อง ผ่านเกณฑ์ การประเมินในระดับดี... 1.2 ทักษะกระบวนการ ..... ครูปรับรูปแบบของการเขียนบันเทิงประเภทเรื่องสั้นโดยให้นักเรียนดู ตัวอย่างงานเขียน แล้วร่วมกันทำกิจกรรมการเขียนในเวลาเรียนเป็นกลุ่ม และนำเสนอตัวอย่างแทนซึ่งทุกคน ผ่านจุดประสงค์นี้ 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนทุกคนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นการทำงานผ่านเกณฑ์ การประเมินในระดับดีมาก 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ ... 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์- 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...ปรับรูปแบบการสอนในเรื่องการเขียนบันเทิงคดี ประเภทเรื่องสั้นเป็น การร่วมกันศึกษาตัวอย่างเรื่องสั้น และร่วมกันแต่งเรื่องสั้นง่ายๆ ในคาบเรียน 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ....................... ...........................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/3) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ .....นักเรียนทุกคนบอกลักษณะของบันเทิงคดีได้ถูกต้อง ผ่านเกณฑ์ การประเมินในระดับดี... 1.2 ทักษะกระบวนการ ..... ครูปรับรูปแบบของการเขียนบันเทิงประเภทเรื่องสั้นโดยให้นักเรียนดู ตัวอย่างงานเขียน แล้วร่วมกันทำกิจกรรมการเขียนในเวลาเรียนเป็นกลุ่ม และนำเสนอตัวอย่างแทนซึ่งทุกคน ผ่านจุดประสงค์นี้ 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนทุกคนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นการทำงานผ่านเกณฑ์ การประเมินในระดับดีมาก 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ ... 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...ปรับรูปแบบการสอนในเรื่องการเขียนบันเทิงคดี ประเภทเรื่องสั้นเป็น การร่วมกันศึกษาตัวอย่างเรื่องสั้น และร่วมกันแต่งเรื่องสั้นง่ายๆ ในคาบเรียน 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ........................ ..........................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/8) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ .....นักเรียนทุกคนบอกลักษณะของบันเทิงคดีได้ถูกต้อง ผ่านเกณฑ์ การประเมินในระดับดี... 1.2 ทักษะกระบวนการ ..... ครูปรับรูปแบบของการเขียนบันเทิงประเภทเรื่องสั้นโดยให้นักเรียนดู ตัวอย่างงานเขียน แล้วร่วมกันทำกิจกรรมการเขียนในเวลาเรียนเป็นกลุ่ม และนำเสนอตัวอย่างแทนซึ่งนักเรียน กลุ่มเก่งสามารถนำเสนอการเขียนได้ถูกต้อง ส่วนกลุ่มอ่อนยังดำเนินกิจกรรมอยู่ในระดับพอใช้ 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนกลุ่มเก่งทุกคนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นการทำงาน ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีมาก ส่วนนักเรียนกลุ่มอ่อนยังต้องปรับพฤติกรรมของการให้ความร่วมมือใน การทำงานกลุ่ม 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ ... 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...ปรับรูปแบบการสอนในเรื่องการเขียนบันเทิงคดี ประเภทเรื่องสั้นเป็น การร่วมกันศึกษาตัวอย่างเรื่องสั้น และร่วมกันแต่งเรื่องสั้นง่ายๆ ในคาบเรียน 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...สร้างความตระหนักในการทำงานกลุ่มร่วมกันให้แก่ผู้เรียน กลุ่มอ่อน ลงชื่อ......................... .........................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/10) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ .....นักเรียนทุกคนบอกลักษณะของบันเทิงคดีได้ถูกต้อง ผ่านเกณฑ์ การประเมินในระดับดี... 1.2 ทักษะกระบวนการ ..... ครูปรับรูปแบบของการเขียนบันเทิงประเภทเรื่องสั้นโดยให้นักเรียนดู ตัวอย่างงานเขียน แล้วร่วมกันทำกิจกรรมการเขียนในเวลาเรียนเป็นกลุ่ม และนำเสนอตัวอย่างแทนซึ่งนักเรียน กลุ่มเก่งสามารถนำเสนอการเขียนได้ถูกต้อง ส่วนกลุ่มอ่อนยังดำเนินกิจกรรมอยู่ในระดับพอใช้ 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนกลุ่มเก่งทุกคนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นการทำงาน ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีมาก ส่วนนักเรียนกลุ่มอ่อนยังต้องปรับพฤติกรรมของการให้ความร่วมมือใน การทำงานกลุ่ม 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ ... 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...ปรับรูปแบบการสอนในเรื่องการเขียนบันเทิงคดี ประเภทเรื่องสั้นเป็น การร่วมกันศึกษาตัวอย่างเรื่องสั้น และร่วมกันแต่งเรื่องสั้นง่ายๆ ในคาบเรียน 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...สร้างความตระหนักในการทำงานกลุ่มร่วมกันให้แก่ผู้เรียน กลุ่มอ่อน ลงชื่อ......................... .........................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/12) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ .....นักเรียนทุกคนบอกลักษณะของบันเทิงคดีได้ถูกต้อง ผ่านเกณฑ์ การประเมินในระดับดี... 1.2 ทักษะกระบวนการ ..... ครูปรับรูปแบบของการเขียนบันเทิงประเภทเรื่องสั้นโดยให้นักเรียนดู ตัวอย่างงานเขียน แล้วร่วมกันทำกิจกรรมการเขียนในเวลาเรียนเป็นกลุ่ม และนำเสนอตัวอย่างแทนซึ่งนักเรียน กลุ่มเก่งสามารถนำเสนอการเขียนได้ถูกต้อง ส่วนกลุ่มอ่อนยังดำเนินกิจกรรมอยู่ในระดับพอใช้ 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...นักเรียนกลุ่มเก่งทุกคนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นการทำงาน ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีมาก ส่วนนักเรียนกลุ่มอ่อนยังต้องปรับพฤติกรรมของการให้ความร่วมมือ ในการทำงานกลุ่ม 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ ... 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ...ปรับรูปแบบการสอนในเรื่องการเขียนบันเทิงคดี ประเภทเรื่องสั้นเป็น การร่วมกันศึกษาตัวอย่างเรื่องสั้น และร่วมกันแต่งเรื่องสั้นง่ายๆ ในคาบเรียน 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ...สร้างความตระหนักในการทำงานกลุ่มร่วมกันให้แก่ผู้เรียน กลุ่มอ่อน ลงชื่อ........................ ..........................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. (นายไพโรจน์ ขวัญคง) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ความเห็นของรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารวิชาการ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. (นางสาวเพริศพิศ คูหามุข) รองผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา ความเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษา ................................................................................................................................................................... ........... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. (นายนพปฎล มุณีรัตน์) ผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
ภาคผนวก
ใบความรู้ เรื่องการเขียนบันเทิงคดี ความหมายของบันเทิงคดี บันเทิงคดี (Ficttion) หมายถึง เรื่องสมมติที่สร้างขึ้นมาอย่างมีจินตนาการและอารมณ์ มุ่งให้ ความเพลิดเพลินเป็นใหญ่ แต่ก็ให้ความรู้ด้วย มีหลายรูปแบบ เช่น เรื่องสั้น นวนิยาย บทละคร ฯลฯ บันเทิงคดีจึงเป็นงานเขียนที่ผู้เขียนมีเจตนาให้ผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลินจากการอ่านโดยมีเกร็ดความรู้ ข้อคิด คติธรรม และประสบการณ์ชีวิตแทรกอยู่ในเรื่องนั้นๆ การเขียนบันเทิงคดีนั้น ผู้เขียนจะต้องมีจินตนาการ มีความสามารถคิดเรื่องที่สนุกน่าสนใจ มีศิลปะ ในการใช้ภาษา มีประสบการณ์ มีความเข้าใจชีวิต มีความรู้รอบตัวในศาสตร์ต่างๆ อย่างดี จึงจะเขียน บันเทิงคดีได้น่าอ่านและมีสารประโยชน์ องค์ประกอบของบันเทิงคดี บันเทิงคดีมีองค์ประกอบที่สำคัญ ๖ ประการ คือ ๑. สารัตถะของเรื่อง (Theme) ๒. โครงเรื่อง (Plot) ๓. ตัวละคร (Character) ๔. บทสนทนา (Dialoque) ๕. ฉาก (Setting) ๖. บรรยากาศ (Atmosphere) แต่ละองค์ประกอบ สามารถอธิบายได้ดังนี้ ๑. สารัตถะของเรื่อง (Theme) หรือเรียกว่า “แก่นเรื่อง” หรือ “แนวคิดของเรื่อง” หมายถึง ความคิด สำคัญของเรื่อง หรือเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอแก่ผู้อ่าน ๒. โครงเรื่อง (Plot) คือ เหตุการณ์ที่จัดเรียงลำดับและเป็นเหตุเป็นผลกัน เหตุการณ์หนึ่งเป็นผลให้ เกิดเหตุการณ์หนึ่ง หรือหลายๆ เหตุการณ์สืบตามมา โครงเรื่องที่ดีจะต้องเกิดจากความขัดแย้ง การเขียนโครงเรื่องนั้น หากเรื่องใดไม่เกิดความขัดแย้ง เหตุการณ์ต่าง ๆ ราบรื่นไปหมด เรื่องนั้นก็เป็น เพียงเรื่องเล่าจืดชืดไม่น่าสนใจ ความขัดแย้งจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ การเขียน เรื่องโดยทั่วไปมีวิธีการดังนี้ ๒.๑ การเปิดเรื่อง (The Opening) คือ การเริ่มเรื่อง เหมือนกับส่วนนำเรื่องในการเขียนสาระคดี เป็นส่วนที่กระตุ้นจูงใจ สร้างความสนใจให้ผู้อ่าน การเปิดเรื่องโดยทั่วไป มีวิธีการดังนี้ ๒.๑.๑ เปิดเรื่องโดยการบรรยายฉาก ๒.๑.๒ เปิดเรื่องโดยการบรรยายตัวอักษร ๒.๑.๓ เปิดเรื่องโดยการบรรยายเหตุการณ์ ๒.๑.๔ เปิดเรื่องโดยการใช้บทสนทนา ๒.๑.๕ เปิดเรื่องโดยการใช้ตัวละครเล่าเรื่อง ๒.๒ การผูกปม (Complication) คือ การสร้างข้อขัดแย้งให้เกิดขึ้นกับตัวละครหรือเหตุการณ์ใน เรื่อง เป็นการนำปัญหาหรืออุปสรรคมาเสนอ เพื่อให้ตัวละครได้แสดงปฏิกิริยาต่อปัญหา และหาทางออก การ ผูกปมหรือขัดแย้งจะต้องมีความน่าสนใจสมเหตุสมผล ท้าทายความรู้สึกอารมณ์ของผู้อ่าน ๒.๓ การหน่วงเรื่อง (Suspense) คือ การดำเนินเรื่องโดยให้ตัวละครแสดงพฤติกรรมต่างๆ ในการ แก้ปัญหาหรือต่อสู้กับอุปสรรค พฤติกรรมของตัวละครควรจะมีความเข้มข้นโดยลำดับ เพื่อนำไปสู่สุดยอดของ
เรื่อง ถ้าผู้เขียนเสนอเหตุการณ์หรือพฤติกรรมของตัวละครไปเรื่อยๆ โดยขาดความเข้มข้นตามลำดับเหตุการณ์ ถือว่าเป็นการหน่วงเรื่องที่น่าเบื่อ ไม่มีความกระชับในการดำเนินเรื่อง ๒.๔ จุดสุดยอด (Climax) คือ จุดที่เข้มข้นที่สุดของเหตุการณ์ หรือเป็นเงื่อนงำของเนื้อเรื่อง เป็น ยอดที่สุดของอารมณ์และความสนใจ จุดสุดยอดที่ดีจะต้องสร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับผู้อ่าน ๒.๕ การคลายปม (Denovement) คือ การขยายความลับหรือคลี่คลายปัญหาของเรื่อง ให้ผู้อ่าน เข้าใจเหตุการณ์หรือปมปัญหาต่างๆ การคลี่คลายปมปัญหาจะต้องมีความสมเหตุผล ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ ข้อเท็จจริง แสดงความคิดที่แยบยล มิใช่คลี่คลายปมแบบตื้นเขิน หรือขาดเหตุผล ๒.๖ การปิดเรื่อง (Close หรือ Conclusion) คือ การจบเรื่องเหมือนส่วนสรุปของการเขียนสาร คดี การปิดเรื่องที่ดีมีศิลปะจะต้องสร้างความประทับใจให้แก่ผู้อ่าน ซึ่งการปิดเรื่องโดยทั่ว ๆ ไป มีดังนี้ ๒.๖.๑ การปิดเรื่องแบบธรรมดา ๒.๖.๒ ปิดเรื่องแบบหักมุม ๒.๖.๓ ปิดเรื่องแบบทิ้งปัญหาให้ผู้อ่านขบคิด ๓. ตัวละคร (Character) คือ ตัวบุคคล สัตว์หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ผู้เขียนสร้างขึ้นให้มีบทบาทมีชีวิต มี วิญญาณ แสดงพฤติกรรมต่างๆ เพื่อให้เหตุการณ์ดำเนินไป ตามเรื่องราวที่วางไว้ ซึ่งผู้เขียนควรคำนึงถึงตัว ละครในสิ่งใดต่อไปนี้ ๓.๑ ประเภทของตัวละคร ซึ่งแบ่งออกตามบทบาทความสำคัญในการดำเนินเรื่องได้ ๒ ประเภท คือ ๓.๑.๑ ตัวเอกของเรื่อง (Main Character) คือ ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในการ ดำเนินเรื่อง เป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง ตัวละครเอกอาจเป็นคน สัตว์เทพเจ้า ภูตผีปีศาจ หรือ สิ่งสมมติใด ๆ ก็ได้ เพศหรือวัยใดก็ได้ มีอุปนิสัยดีหรือไม่ดีก็ได้ สิ่งที่สำคัญก็คือ ต้องเป็นตัวดำเนินเรื่อง ๓.๑.๒ ตัวประกอบ (Minor Character) คือ ตัวละครที่มีบทบาทรองลงไปจาก ตัวเอกของเรื่อง เป็นตัวละครที่ช่วยให้การดำเนินเรื่องของตัวเอก ดำเนินไปอย่างเหมาะสมตามเหตุการณ์ ในเรื่อง ๓.๒ ลักษณะนิสัยของตัวละคร โดยทั่วไปมี ๒ ลักษณะ คือ ๓.๒.๑ ตัวละครที่เป็นแบบตายตัว (Typed Character) คือ ตัวละครที่มีลักษณะ ปรากฏเด่นชัดเพียงด้านเดียว แสดงนิสัยเพียงแง่มุมเดียว ดีอย่างเดียว หรือร้ายอย่างเดียว เป็นการสร้างตัว ละครอย่างง่ายๆ ซึ่งผู้อ่านมักคาดเดาการกระทำของตัวละคร และเหตุการณ์ของเรื่องได้ง่าย ๓.๒.๒ ตัวละครที่มีลักษณะซับซ้อน (Wellrounded Charater) คือ ตัวละครที่มี ลักษณะซับซ้อน เข้าใจยาก สร้างได้ยากกว่าตัวละครแบบตายตัว มีลักษณะสมจริงเหมือนคนในชีวิตจริง ซึ่งมีทั้งส่วนดีและส่วนบกพร่อง ต้องติดตามศึกษาโดยละเอียด จึงสามารถเข้าใจได้ ตัวละครประเภทนี้มักมี การเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนานิสัยใจคอ ตลอดจนทัศนคติได้เมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆ มากระทบ ในตอนต้นเรื่อง อาจเป็นคนดี ต่อมาอาจกลายเป็นคนเลว เพราะมีปัจจัยเหตุปัจจัยบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวละครแบบนี้จะ ทำให้เรื่องน่าสนใจ มีคุณค่าและชวนติดตาม ๓.๓ การตั้งชื่อตัวละคร ควรตั้งให้เหมาะสมกับเพศ วัย สถานะ บทบาท และหน้าที่ของ ตัวละครในเรื่อง ตัวละครที่เป็นตัวเอก ควรตั้งชื่อที่ฟังง่าย คมคาย น่าสนใจ ตัวละครที่เป็นชาวบ้านใช้ชื่อว่า ลุง วิษณุ พ่อเฒ่าศรุต หรือคุณยายพวงแข ก็ฟังดูขัดแย้งไม่เหมาะกับตัวละคร
๓.๔ การกำหนดบุคลิกของตัวละคร ต้องให้สอดคล้องกับเพศ วัย สถานะ บทบาท และ หน้าที่ของตัวละคร และสอดคล้องกับการดำเนินเรื่อง เช่น สร้างให้ตัวเอกรูปร่างหน้าตาดี มีความคิด มีความ กล้าหาญ สร้างให้ตัวประกอบที่เป็นคนจนรูปร่างผอม ซูบซีด ขี้โรค ซื่อ มักขลาดเขลา แต่ถ้าสร้างให้ตัวเอกมี รูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ ทะลึ่ง หลุกหลิก และขี้ขลาด หรือคนจนรูปร่างอ้วนท้วม ผิวผ่อง พูดจาฉะฉาน ก็ไม่ เหมาะสมกับเหตุผลและข้อเท็จจริง ๔. บทสนทนา (Dialoque) คือ คำพูดของตัวละครแต่ละตัว บทสนทนานับเป็นองค์ประกอบสำคัญ ของเรื่องบันเทิงคดีได้ประการหนึ่ง เพราะช่วยให้ผู้อ่านได้ทราบถึง แนวคิดของผู้แต่ง ทราบถึงบุคลิกลักษณะ ของตัวละคร ข้อขัดแย้งระหว่างตัวละคร ภูมิหลังและรายละเอียดต่างๆ ได้ โดยที่ผู้แต่งไม่ต้องบรรยาย หรือ พรรณนาความให้ยืดยาว นอกจากนี้ยังทำให้ผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลินไปพร้อมกันด้วย บทสนทนาที่ดีควรมีลักษณะดังนี้ ๔.๑ มีความสมจริง คือ สมจริงตามเพศ วัย อาชีพ สถานะ บทบาท และหน้าที่ของตัวละคร ถ้าตัวละครเป็นผู้ดี มีการศึกษาก็ควรใช้ภาษาที่สุภาพ ตัวละครที่เป็นชาวบ้านมีการศึกษาน้อย อยู่ในสถานะ และสังคมที่ไม่ดีก็ใช้ภาษาที่เป็นภาษาตลาดได้ตามความเหมาะสม ๔.๒ ช่วยดำเนินเรื่อง คือ บทสนทนาของตัวละครจะช่วยให้ผู้อ่านรู้ว่าตัวละครจะทำอะไร และเหตุการณ์ดำเนินไปอย่างไร โดยไม่ต้องบอกด้วยการบรรยายตรงๆ ในฉาก ช่วยให้การดำเนินเรื่องกระชับ ไม่ยืดยาด เป็นวิธีการดำเนินเรื่องที่แนบเนียน ไม่สร้างความเบื่อหน่ายให้กับผู้อ่าน ๔.๓ ช่วยบอกลักษณะนิสัยของตัวละคร ด้วยการสอดแทรกลักษณะนิสัยของตัวละคร ลงไปในบทสนทนา ช่วยให้เรื่องกระชับโดยไม่ต้องบรรยายลักษณะตัวละครตรงๆ ๔.๔ มีจุดมุ่งหมายและสารประโยชน์ บทสนทนาแต่ละวรรคแต่ละตอน ต้องมีจุดมุ่งหมาย ว่า ให้ตัวละครสนทนาในเรื่องใด เพื่ออะไร มีเนื้อหาที่เป็นสารประโยชน์สะท้อนความคิดของผู้เขียนหรือ ความคิดของเรื่อง โดยอาศัยตัวละครเป็นผู้พูด อย่าสร้างบทสนทนาโดยเด็ดขาด จุดมุ่งหมายและสารประโยชน์ เพราะจะทำให้เรื่องน่าเบื่อ ๔.๕ บทสนทนาต้องอยู่ในเครื่องหมายคำพูด และมีคำอธิบายประกอบบทสนทนาตาม สมควร คำบรรยายประกอบบทสนทนา ควรมีคุณค่าในการเสริมบรรยากาศของการสนทนานั้นๆ ช่วยในการ เน้นบุคลิกลักษณะของตัวละคร หรือช่วยในการดำเนินเรื่อง ไม่ควรเขียนคำบรรยายตื้นๆ ซึ่งรู้ได้เข้าใจดีอยู่แล้ว การเขียนคำบรรยายประกอบการสนทนานั้น ควรเขียนให้พอเหมาะ ไม่จำเป็นต้องเขียนบรรยายทุกถ้อยคำ ที่ ตัวละครพูด ควรเปิดโอกาสให้ผู้อ่านได้ใช้จินตนาการบ้างตามสมควร ๕. ฉาก (Setting) คือ การบรรยายภาพสถานที่ เวลา และสภาพแวดล้อมที่ปรากฏในเหตุการณ์ของ เรื่อง เป็นการสร้างอารมณ์จินตนาการให้กับผู้อ่าน ช่วยให้ผู้อ่านเพลิดเพลิน มีอารมณ์ร่วมกบตัวละคร และคาด เดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องได้ การบรรยายฉาก ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริง มีความถูกต้องสมจริง มีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์ มีความแจ่มชัดเป็นระเบียบ ไม่สับสน ใช้ภาษาประณีตด้วยภาพพจน์และโวหารต่าง ๆ อย่างเหมาะสม โดยทั่วไปมักนิยมใช้พรรณนาโวหาร ๖. บรรยากาศ (Atmosphere) คือ การบรรยายอารมณ์ความรู้สึก องค์ประกอบต่างๆ ของฉากและ ตัวละคร เพื่อสร้างอารมณ์ความรู้สึกแก่ผู้อ่าน
ประเภทของการเขียนบันเทิง การเขียนบันเทิงอาจแบ่งได้หลายประเภทดังนี้ การเขียนนิทาน นิทาน คือ เรื่องเล่าสืบต่อกันมา เป็นวรรณกรรมที่เก่าแก่ที่สุด กล่าวกันว่านิทานมีกำเนิดพร้อม ๆ กับ ครอบครัวของมนุษยชาติ มูลเหตุที่มาแต่เริ่มแรก คงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแล้วเล่าสู่กันฟัง มีการเพิ่มเติมเสริม แต่งให้พิสดารมากยิ่งขึ้น จนห่างไกลจากเรื่องจริง กลายเป็นนิทานไป การเขียนนิทาน เป็นการเขียนจากจินตนาการ ผู้เขียนจะต้องมีศิลปะในการเขียน โดยเขียนให้สนุกและ มีคุณค่าแก่ผู้อ่าน องค์ประกอบของนิทาน ๑. แนวคิดหรือแกนของเรื่อง หรือสารัตถะของเรื่อง แนวคิดของเรื่องนิทาน มักเป็นองค์ประกอบ พื้นฐาน ง่ายไม่ลึกซึ้งนัก เช่น แนวคิดเรื่องแม่เลี้ยงข่มแหงลูกเลี้ยง การทำความดีจะได้ผลดีตอบสนอง ๒. โครงเรื่องของนิทาน มักสั้น กะทัดรัด เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เป็นลักษณะเรื่องเล่าธรรมดา โดย ดำเนินเรื่องไปตามลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง ๓. ตัวละคร ไม่ควรมีหลายตัว เพราะเป็นเรื่องสั้น ๆ จะน่าอ่านกว่า เรื่องยาวๆ ตัวละครอาจเป็นคน สัตว์ เทพเจ้า นางฟ้า มนุษย์ อมนุษย์ ฯลฯ ๔. ฉาก เป็นภาพจินตนาการที่ผู้เขียนสร้างขึ้น ให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ๕. ถ้อยคำหรือบทสนทนาที่ตัวละครในเรื่องพูดกัน ควรใช้ภาษาที่กะทัดรัด เข้าใจง่ายสนุกสนานชวน ติดตาม ๖. คติชีวิต นิทานที่ดีต้องมีข้อคิดเกี่ยวกับชีวิต สังคม และวัฒนธรรม เพื่อเป็นการปลูกฝังคุณธรรมแก่ ผู้อ่าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เยาว์ ดังนั้น ในตอนท้ายของนิทานมักสรุปคติชีวิตให้เป็นเครื่องเตือนใจผู้อ่านด้วย การเขียนนวนิยาย นวนิยายเป็นเรื่องสมมติที่เขียนอย่างสมจริง มีโครงเรื่องซับซ้อน เสนอแนวคิดได้กว้างขวางกว่าเรื่อง สั้น มีตัวละครหลายตัว ดำเนินเรื่องได้ยาว ให้รายละเอียดของฉากและตัวละครได้มากกว่าเรื่องสั้น ซึ่งชนิด ของนวนิยายอาจจำแนกได้ดังนี้ ๑. นวนิยายสำรวจโลก ๒. นวนิยายเชิงประวัติศาสตร์ (อิงประวัติศาสตร์) ๓. นวนิยายลูกทุ่ง ๔. นวนิยายใช้ฉากในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ๕. นวนิยายมหัศจรรย์ ๖. นวนิยายชีวประวัติหรืออัตชีวประวัติ ๗. นวนิยายแนวจิตวิทยา ๘. นวนิยายมนุษยธรรม ๙. นวนิยายนักสืบและอาชญากรรม ๑๐. นวนิยายโรแมนติก ๑๑. นวนิยายระหว่างชาติ ๑๒. นวนิยายชีวิตครอบครัว
องค์ประกอบของนวนิยาย ๑. แนวคิดของแกนของเรื่อง ๒. โครงเรื่องมีลักษณะซับซ้อน ๓. ตัวละคร ๔. ฉาก ๕. ถ้อยคำหรือบทสนทนา การเขียนเรื่องสั้น เรื่องสั้นเป็นวรรณกรรมประเภทหนึ่ง ที่พัฒนาขึ้นจากอิทธิพลของงานเขียนทางประเทศตะวันตก โดยเขียนขึ้นจากจินตนาการซึ่งมีความสมจริง (Realistic) มีขนาดสั้น ใช้ตัวละครน้อย ดำเนินเรื่องรวดเร็ว และมีจุดมุ่งหมายเดียว เรื่องสั้นออกเป็น ๔ ชนิด คือ ๑. เรื่องสั้นชนิดผูกเรื่อง (Plot story) ๒. เรื่องสั้นชนิดเพ่งเล็งที่จะแสดงลักษณะของตัวละคร (Charater Story) ๓. เรื่องสั้นชนิดที่ถือฉากเป็นส่วนสำคัญ (Atmosphere Story) ๔. เรื่องสั้นชนิดที่แสดงแนวความคิดเห็น (Theme Story) องค์ประกอบของเรื่องสั้น ๑. แนวคิดหรือแกนของเรื่อง ๒. โครงเรื่องต้องมีลักษณะกะทัดรัด ๓. ตัวละคร ๔. ฉากต้องมีความสมจริง ๕. ถ้อยคำหรือบทสนทนา การเขียนเรื่องสั้นนั้น ผู้เขียนจะเลือกเขียนในแนวใดก็ขึ้นอยู่กับความถนัด ประสบการณ์ อุปนิสัย และอารมณ์จินตนาการ เพราะแต่ละคน ย่อมมีความแตกต่างกัน จงสำรวจตัวเองด้วยการอ่านงานเขียนให้ กว้างขวาง หลายแบบ หลายแนว หลายผู้เขียน แล้วจะพบว่าเราชอบแนวใด จากนั้นก็ลองเขียนเลียนต้นแบบ ในเบื้องต้น เมื่อเห็นว่าสามารถทำได้อย่างนั้น ก็ค่อยพัฒนางานและสร้างเอกลักษณ์ของตนเองขึ้นมาใหม่ การเขียนบทละคร บทละครเป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้นเพื่อใช้ในการแสดงละคร มีองค์ประกอบเช่นเดียวกับการเขียนเรื่องสั้น หรือนวนิยาย แต่ต่างกันที่วัตถุประสงค์ คือ บทละครนั้นแต่งขึ้นเพื่อการแสดง แต่เรื่องสั้นและนวนิยายแต่งขึ้น เพื่อการอ่าน เรื่องสั้นหรือนวนิยายบางเรื่อง อาจดัดแปลงมาเป็นบทละครได้ บทละครนั้นมีมากมายหลายชนิด เช่น บทละครรำ อันได้แก่ บทละครชาตรี บทละครนอก บทละคร ใน บทละครพันทาง บทละครดึกดำบรรพ์ นอกจากนี้ยังมีบทละครร้อง บทละครพูด บทละครโทรทัศน์ และบทภาพยนตร์ เป็นต้นในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะบทละครพูด เพื่อเป็นแนวทางที่จะศึกษาและพัฒนาการ เขียน บทละครประเภทอื่นๆ ต่อไป องค์ประกอบของบทละครพูด ๑. แนวคิดหรือแกนของเรื่อง ๒. โครงเรื่อง ๓. ตัวละคร
๔. ฉาก ๕. บทสนทนา ๖. บรรยากาศของเรื่อง
แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องการเขียนบันเทิงคดี จงทำเครื่องหมาย หน้าข้อความที่ถูก และทำเครื่องหมาย หน้าข้อความที่ผิด ..................... ๑. เรื่องสมมติที่สร้างขึ้นมาอย่างมีจินตนาการและอารมณ์ มุ่งให้ความเพลิดเพลินเป็นใหญ่ ..................... ๒. บันเทิงคดีเป็นงานเขียนที่ผู้เขียนมีเจตนาให้ผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลินโดยมีเกร็ดความรู้ ข้อคิด คติธรรมและประสบการณ์ชีวิตแทรกอยู่ในเรื่องนั้นๆ ..................... ๓. “แก่นเรื่อง” หรือ “แนวคิดของเรื่อง” คือตอนจบของเรื่อง .................... ๔. การวางโครงเรื่องที่ดีต้องเกิดจากความขัดแย้ง ..................... ๕ Complication คือ การสร้างข้อขัดแย้งให้เกิดขึ้นกับตัวละครหรือเหตุการณ์ในเรื่อง ..................... ๖. การคลายปม เป็นจุดที่เข้มข้นที่สุดของเหตุการณ์ หรือเป็นเงื่อนงำของเนื้อเรื่อง ..................... ๗. ตัวเอกของเรื่อง (Main Character) คือ ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินเรื่องซึ่งต้อง เป็นคนเท่านั้น ..................... ๘. ลักษณะนิสัยของตัวละคร โดยทั่วไปมี ๒ ลักษณะ ..................... ๙. บทสนทนาที่ดีควรมีลักษณะที่ดีต้องมีความสมจริง ช่วยในการดำเนินเรื่องและบอกลักษณะ นิสัยของตัวละคร ..................... ๑๐. การบรรยายฉาก ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริง มีความถูกต้องสมจริง มีความสัมพันธ์ กับเหตุการณ์ มักใช้บรรยายโวหาร
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องการเขียนบันเทิงคดี จงทำเครื่องหมาย หน้าข้อความที่ถูก และทำเครื่องหมาย หน้าข้อความที่ผิด ..................... ๑. เรื่องสมมติที่สร้างขึ้นมาอย่างมีจินตนาการและอารมณ์ มุ่งให้ความเพลิดเพลินเป็นใหญ่ ......... ............ ๒. บันเทิงคดีเป็นงานเขียนที่ผู้เขียนมีเจตนาให้ผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลินโดยมีเกร็ดความรู้ ข้อคิด คติธรรมและประสบการณ์ชีวิตแทรกอยู่ในเรื่องนั้นๆ ......... ............ ๓. “แก่นเรื่อง” หรือ “แนวคิดของเรื่อง” คือตอนจบของเรื่อง .................... ๔. การวางโครงเรื่องที่ดีต้องเกิดจากความขัดแย้ง ..................... ๕ Complication คือ การสร้างข้อขัดแย้งให้เกิดขึ้นกับตัวละครหรือเหตุการณ์ในเรื่อง ..................... ๖. การคลายปม เป็นจุดที่เข้มข้นที่สุดของเหตุการณ์ หรือเป็นเงื่อนงำของเนื้อเรื่อง ..................... ๗. ตัวเอกของเรื่อง (Main Character) คือ ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินเรื่องซึ่ง ต้องเป็นคนเท่านั้น ..................... ๘. ลักษณะนิสัยของตัวละคร โดยทั่วไปมี ๒ ลักษณะ ..................... ๙. บทสนทนาที่ดีควรมีลักษณะที่ดีต้องมีความสมจริง ช่วยในการดำเนินเรื่องและบอก ลักษณะนิสัยของตัวละคร ..................... ๑๐. การบรรยายฉาก ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริง มีความถูกต้องสมจริง มีความสัมพันธ์กับ เหตุการณ์ มักใช้บรรยายโวหาร
ใบงาน เรื่องสรุปหลักการเขียนบันเทิงคดี คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคิด แสดงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับบันเทิงคดี
เฉลยใบงาน เรื่อง สรุปหลักการเขียนบันเทิงคดี คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคิด แสดงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับบันเทิงคดี (ตัวอย่าง) (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) บนัเทิง คดี ลักษณะบันเทิงคดี - สนุกสนาน เพลิดเพลิน - ส่งเสริมสติปัญญา - มีข้อคิดคติเตือนใจ - ริเริ่มสร้างสรรค์ - ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม - ใช้ถ้อยคำสำนวนโวหารไพเราะ เหมาะสม แนวทางการเขียน บันเทิงคดี - การเปิดเรื่อง - การดำเนินเรื่อง - การปิดเรื่อง - การสร้างตัวละคร - การสร้างลักษณะนิสัยของ ตัวละคร - แนวคิด - ฉาก - กลวิธี - ภาษา ประเภทของบันเทิงคดี - นวนิยาย - เรื่องสั้น องค์ประกอบของการเขียนบันเทิงคดี - โครงเรื่อง - ตัวละคร - แนวคิด หรือแก่นของเรื่อง - ฉาก - กลวิธี - ภาษา - ถ้อยค ำส ำนวนโวหำร
ผลการประเมินการทำแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องการเขียนบันเทิงคดี คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนแล้วขีด ✓ ลงในช่องคะแนนที่ตรงกับ พฤติกรรมตามรายการที่สังเกต ที่ ชื่อ - สกุล คะแนนเต็ม ๑๕ คะแนน ระดับ ผลการประเมิน คะแนนที่ได้ ผ่าน ไม่ผ่าน ระดับคุณภาพ เป็นดังนี้ คะแนน 12 – 1๕ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๙ - ๑๑ หมายถึง ดี คะแนน 5 - ๘ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๐ - 4 หมายถึง ปรับปรุง ผลการประเมิน ระดับดี จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับพอใช้ จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับปรับปรุง จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. เกณฑ์การประเมิน ระดับ “ดี” ขึ้นไป คือ ผ่าน สรุปผลการประเมิน ผ่าน จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ไม่ผ่าน จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ลงชื่อ ..................................................... ผู้ประเมิน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร)
เกณฑ์การให้คะแนนแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องการเขียนบันเทิงคดี เกณฑ์การให้คะแนน ระดับคะแนน เลือกคำตอบถูกต้อง ได้ข้อละ ๑ คะแนน (๑๕ ข้อ) ๑๕ เลือกคำตอบไม่ถูกต้องหรือไม่ตอบทุกข้อ ๐ ระดับคุณภาพ เป็นดังนี้ คะแนน 12 – 1๕ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๙ - ๑๑ หมายถึง ดี คะแนน 5 - ๘ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๐ - 4 หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การประเมิน ระดับ “ดี” ขึ้นไป คือ ผ่าน
แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนแล้วขีด ✓ ลงในช่องคะแนนที่ตรงกับรายการประเมิน ที่ ชื่อ รายการประเมิน รวม ผลการ ประเมิน ความ รับผิดชอบ การรับฟัง ความคิดเห็น การแสดง ความคิดเห็น ความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ เสียสละ ผ่าน ไม่ผ่าน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16 ระดับคุณภาพ เป็นดังนี้ คะแนน ๑๓ - ๑๖ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๙ - ๑๒ หมายถึง ดี คะแนน ๕ - ๘ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ หมายถึง ปรับปรุง ผลการประเมิน ระดับดีมาก จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับดี จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับพอใช้ จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับปรับปรุง จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. เกณฑ์การประเมิน ระดับ “ดี” ขึ้นไป คือ ผ่าน สรุปผลการประเมิน ผ่าน จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. ไม่ผ่าน จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. ลงชื่อ ..................................................... ผู้ประเมิน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร)
เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรมการทำงานเป็นรายบุคคล ประเด็นการประเมิน พฤติกรรม/ระดับคะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ ความรับผิดชอบ ทำงานตามที่ได้รับ มอบหมายได้ สำเร็จตาม วัตถุประสงค์ ตรงเวลา และมี ผลงานที่ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ ทำงานตามที่ได้รับ มอบหมายได้ สำเร็จตาม วัตถุประสงค์ ตรงเวลา แต่ผลงานยังไม่ดี เท่าที่ควร ทำงานตามที่ได้รับ มอบหมายได้แต่ไม่ ตรงต่อเวลาและ ผลงานยังไม่ดีนัก ทำงานที่ได้รับ มอบหมายได้แต่ ต้องอาศัยคำสั่ง และผลงานไม่ดี การรับฟังความคิดเห็น เคารพ การตัดสินใจ ให้เกียรติในความ คิดเห็นและรับฟัง ความคิดเห็น ของผู้อื่นทุกครั้ง เคารพ การตัดสินใจ ในความคิดเห็น และรับฟังความ คิดเห็นของผู้อื่น เคารพ การตัดสินใจ ในความคิดเห็น และรับฟังความ คิดเห็นของผู้อื่น บ้าง ไม่ค่อยรับฟัง ความคิดเห็น ของผู้อื่น การแสดงความคิดเห็น แสดงความคิดเห็น ต่อที่เป็นประโยชน์ สำหรับการเรียน และมีความ สร้างสรรค์ทุกครั้ง แสดงความ คิดเห็นต่อที่เป็น ประโยชน์สำหรับ การเรียนและมี ความสร้างสรรค์ อย่างสม่ำเสมอ แสดงความคิดเห็น ต่อที่เป็นประโยชน์ สำหรับการเรียน และมีความ สร้างสรรค์บ้าง แสดงความคิดเห็น ต่อที่เป็นประโยชน์ สำหรับการเรียน บ้าง ความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ เสียสละ มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ และเสียสละต่อ ผู้อื่นและปฏิบัติ อย่างสม่ำเสมอ สามารถเป็น แบบอย่างที่ดีแก่ ผู้อื่น มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ และเสียสละต่อ ผู้อื่นและปฏิบัติ อย่างสม่ำเสมอ มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ และเสียสละต่อ ผู้อื่นแต่ยังปฏิบัติ ไม่สม่ำเสมอ มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ และเสียสละ ต่อผู้อื่นบ้าง
แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนแล้วขีด ✓ ลงในช่องคะแนนที่ตรงกับรายการประเมิน ที่ ชื่อกลุ่ม รายการประเมิน รวม ผลการ ประเมิน กระบวนการ ทำงานกลุ่ม การรับฟัง ความคิดเห็น การแสดง ความคิดเห็น ความสามัคคี ผ่าน ไม่ผ่าน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16 ระดับคุณภาพ เป็นดังนี้ คะแนน ๑๓ - ๑๖ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๙ - ๑๒ หมายถึง ดี คะแนน ๕ - ๘ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ หมายถึง ปรับปรุง ผลการประเมิน ระดับดีมาก จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับดี จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับพอใช้ จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับปรับปรุง จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. เกณฑ์การประเมิน ระดับ “ดี” ขึ้นไป คือ ผ่าน สรุปผลการประเมิน ผ่าน จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ไม่ผ่าน จำนวน ………….คน คิดเป็นร้อยละ …………. ลงชื่อ ..................................................... ผู้ประเมิน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร)
เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ประเด็นการประเมิน พฤติกรรม/ระดับคะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ กระบวนการทำงานกลุ่ม วางแผน การทำงานตามที่ ได้รับมอบหมายได้ สำเร็จตาม วัตถุประสงค์ ตรงเวลา และมี ผลงานที่ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ วางแผน การทำงานตามที่ ได้รับมอบหมายได้ สำเร็จตาม วัตถุประสงค์ ตรงเวลา แต่ผลงานยังไม่ดี เท่าที่ควร ทำงานตามที่ได้รับ มอบหมายได้ แต่ไม่ตรงต่อเวลา และผลงาน ยังไม่ดีนัก ขาดการวางแผน ในการทำงาน และผลงานไม่ดี เท่าที่ควร การรับฟังความคิดเห็น เคารพ การตัดสินใจ ให้เกียรติในความ คิดเห็นและรับฟัง ความคิดเห็น ของผู้อื่นทุกครั้ง เคารพ การตัดสินใจ ในความคิดเห็น และรับฟังความ คิดเห็นของผู้อื่น เคารพ การตัดสินใจ ในความคิดเห็น และรับฟังความ คิดเห็นของผู้อื่น บ้าง ไม่ค่อยรับฟัง ความคิดเห็น ของผู้อื่น การแสดงความคิดเห็น แสดงความคิดเห็น ที่เป็นประโยชน์ สำหรับการเรียน และมีความ สร้างสรรค์ทุกครั้ง แสดงความ คิดเห็นที่เป็น ประโยชน์สำหรับ การเรียนและมี ความสร้างสรรค์ อย่างสม่ำเสมอ แสดงความคิดเห็น ที่เป็นประโยชน์ สำหรับการเรียน และมีความ สร้างสรรค์บ้าง แสดงความคิดเห็น ที่เป็นประโยชน์ สำหรับการเรียน บ้าง ความสามัคคี มีความเป็น อันหนึ่ง อันเดียวกัน แบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ โดยยุติธรรม มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ และเสียสละต่อกัน มีความเป็น อันหนึ่ง อันเดียวกัน แบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ ค่อนข้าง ขาด ความเป็น อันหนึ่ง อันเดียวกัน แบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ ไม่ทั่วถึง ขาดความเป็น อันหนึ่งอัน เดียวกัน แบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ ไม่เสมอภาค
แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนแล้วขีด ✓ ลงในช่องคะแนนที่ตรงกับ พฤติกรรมตามรายการที่สังเกต ที่ ชื่อ-สกุล รายการประเมิน รวม ผลการ ประเมิน มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่น ในการทำงาน ผ่าน ไม่ผ่าน ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๙ เกณฑ์การประเมิน ๗ – ๙ คะแนน หมายถึง ดี ๔ – ๖ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑ – ๓ คะแนน หมายถึง ปรับปรุง ผลการประเมิน ระดับดี จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับพอใช้ จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับปรับปรุง จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. เกณฑ์การประเมิน ระดับ “ดี” ขึ้นไป คือ ผ่าน สรุปผลการประเมิน ผ่าน จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. ไม่ผ่าน จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. ลงชื่อ ..................................................... ผู้ประเมิน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร)
เกณฑ์การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รายการประเมิน ๓ ๒ ๑ มีวินัย ขณะเรียนปฏิบัติตาม ข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบของห้องเรียน ไม่รบกวนบุคคลอื่น มีสมาธิในการปฏิบัติงาน ขณะเรียนปฏิบัติตาม ข้อตกลง กฎเกณฑ์ กติกาที่ได้ตกลงกัน ไม่รบกวนบุคคลอื่น ขณะเรียนปฏิบัติตาม ข้อตกลง กฎเกณฑ์ กติกาที่ได้ตกลงกันบ้าง ใฝ่เรียนรู้ ตั้งใจเรียน เอาใจใส่และมี ความเพียรพยายามใน การเรียนรู้ และเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ ต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ ตั้งใจเรียน เอาใจใส่และมี ความเพียรพยายามใน การเรียนรู้ และเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ ต่าง ๆ บ่อยครั้ง ตั้งใจเรียน เอาใจใส่และมี ความเพียรพยายามใน การเรียนรู้ และเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ ต่าง ๆ บางครั้ง มุ่งมั่นในการทำงาน มีความตั้งใจ อดทน พยายามในการทำงาน ที่ได้รับมอบหมาย และไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรค เพื่อให้งานสำเร็จ มีความตั้งใจ อดทน พยายามในการทำงาน ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้งานสำเร็จ มีความตั้งใจ พยายาม ในการทำงานที่ได้รับ มอบหมาย
แบบประเมินสมรรถนะของผู้เรียน คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนแล้วขีด ✓ ลงในช่องคะแนนที่ตรงกับรายการประเมิน ที่ ชื่อ-สกุล รายการประเมิน รวม ผลการ ประเมิน ความสามารถ ในการสื่อสาร ความสามารถ ในการคิด ความสามารถใน การใช้ทักษะ ชีวิต ผ่าน ไม่ผ่าน ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๙ เกณฑ์การประเมิน ๗ – ๙ คะแนน หมายถึง ดี ๔ – ๖ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๑ – ๓ คะแนน หมายถึง ปรับปรุง ผลการประเมิน ระดับดี จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับพอใช้ จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. ระดับปรับปรุง จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. เกณฑ์การประเมิน ระดับ “ดี” ขึ้นไป คือ ผ่าน สรุปผลการประเมิน ผ่าน จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. ไม่ผ่าน จำนวน …………. คน คิดเป็นร้อยละ …………. ลงชื่อ ..................................................... ผู้ประเมิน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร)
เกณฑ์การประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน รายการประเมิน ๓ ๒ ๑ ความสามารถ ในการสื่อสาร พูดถ่ายทอดความรู้ความ เข้าใจจากสารที่อ่าน ฟัง ดู ด้วยภาษาของตนเอง ได้อย่างคล่องแคล่ว ชัดเจน พูดถ่ายทอดความรู้ความ เข้าใจจากสารที่อ่าน ฟัง หรือ ดู ด้วยภาษาของ ตนเองได้อย่างชัดเจน แต่ขาดความคล่องแคล่ว พูดถ่ายทอดความรู้ความ เข้าใจจากสารที่อ่าน ฟัง หรือ ดู ด้วยภาษา ของตนเองได้บ้าง ความสามารถ ในการคิด ระบุหลักการสำคัญ แนวคิดหรือความรู้ที่ ปรากฏในข้อมูลต่าง ๆ ที่พบเห็นได้อย่างถูกต้อง และครบถ้วน ระบุหลักการสำคัญ แนวคิดหรือความรู้ที่ ปรากฏในข้อมูลต่าง ๆ ที่พบเห็นได้อย่างถูกต้อง แต่ไม่ครบถ้วน ระบุหลักการสำคัญ แนวคิดหรือความรู้ที่ ปรากฏในข้อมูลต่าง ๆ ที่พบเห็นได้อย่างถูกต้อง เป็นบางส่วนและ ไม่ครบถ้วน ความสามารถ ในการใช้ทักษะชีวิต นำความรู้/ทักษะและ เทคนิควิธีต่าง ๆ มาใช้ สร้างสรรค์งานอย่างเป็น ระบบและ มีประสิทธิภาพ นำความรู้/ทักษะและ เทคนิควิธีต่าง ๆ มาใช้ สร้างสรรค์งานอย่างเป็น ระบบแต่ขาด ประสิทธิภาพ นำความรู้/ทักษะและ เทคนิควิธีต่าง ๆ มาใช้ สร้างสรรค์งานได้ แต่ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่สำเร็จในเวลา ที่กำหนด
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่องการประเมินงานเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย วิชาภาษาไทย ๖ รหัส ท ๓๓๑๐๒ ชื่อหน่วย สามัคคีเภทคำฉันท์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เรื่อง การประเมินงานเขียน เวลา 3 คาบ สอนวันที่ ผู้สอน นางสาวสิริภา แสงสมัคร ๑. สาระที่ ๒ การเขียน ๒. มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว ในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้า อย่างมีประสิทธิภาพ 3. ตัวชี้วัด ม. ๔-๖/๕ ประเมินงานเขียนของผู้อื่นแล้วนำมาพัฒนางานเขียนของตนเอง 4. สาระสำคัญ การประเมินคุณค่าเรื่องสั้นและการประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ เป็นการศึกษาวิเคราะห์งานเขียน ทั้งด้านแนวคิด การใช้ภาษา กลวิธีการแต่ง รวมถึงคุณค่าที่ได้รับจากงานเขียน เพื่อนำไปใช้ประเมินงานเขียนที่ ได้อ่าน และนำไปใช้พัฒนางานของตนเอง 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ ( K ) - นักเรียนบอกองค์ประกอบของการประเมินงานเขียนได้ ด้านกระบวนการ ( P ) - นักเรียนประเมินคุณค่าของงานเขียนได้ ด้านคุณลักษณะ ( A ) - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - มุ่งมั่นในการทำงาน ๖. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๖.๑ ความสามารถในการคิด ๖.๒ ความสามารถในการแก้ปัญหา ๖.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 7. สาระการเรียนรู้ 7.1 องค์ประกอบของการประเมินคุณค่างานเขียน
8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ ๑ : วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ขั้นนำ ขั้นที่ ๑ กระตุ้นความสนใจ (Engagement) ๑. นักเรียนดูตัวอย่างงานเขียนประเภทเรื่องสั้นและกวีนิพนธ์ที่ครูกำหนดให้ จากนั้นร่วมกันพูดคุย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานเขียนว่าจะมีวิธีการประเมินงานเขียนเหล่านี้ได้อย่างไร จึงจะทราบว่าเป็น งานเขียนที่เขียนได้ดี ๒. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น ครูจึงแจ้งให้นักเรียนทราบว่างานเขียนแต่ละชนิดจะมีประเด็น ของการประเมินว่างานนั้น ๆ มีคุณค่าอย่างไร ซึ่งนักเรียนจะได้เรียนรู้ในคาบนี้ ๓. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องการประเมินคุณค่างานเขียน ขั้นสอน ขั้นที่ ๒ สำรวจค้นหา (Exploration) ๑. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๔ คน คละกันตามความสามารถ จากนั้นให้แต่ละกลุ่มอ่านตัวอย่าง เรื่องสั้นจากเอกสารประกอบการสอน ๒. ครูสุ่มเรียกนักเรียน ๒-๓ กลุ่ม นำเสนอแนวทางการประเมินคุณค่าเรื่องสั้นโดยเพื่อนนักเรียน ร่วมกันแสดงความคิดเห็นและครูให้ข้อเสนอแนะ ขั้นที่ ๓ อธิบายความรู้(Explanation) ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มจับคู่กันเป็น ๒ คู่ ให้แต่ละคู่ร่วมกันศึกษาความรู้เรื่องการประเมินคุณค่า เรื่องสั้นจากหนังสือเรียน ๔. นักเรียนแต่ละคู่นำความรู้ที่ได้จากการศึกษามาอธิบายให้เพื่อนอีกคู่หนึ่งภายในกลุ่มฟัง ผลัดกัน ซักถามหากมีข้อสงสัย และผลัดกันอธิบายจนทุกคนมีความเข้าใจชัดเจนตรงกัน แล้วร่วมกันสรุปความรู้ เกี่ยวกับการประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ขั้นที่ ๔ ขยายความเข้าใจ (Elaboration) ๕. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทำใบงาน เรื่องสรุปความรู้การประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ขั้นที่ ๕ ตรวจสอบผล (Evaluation) 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอผลงานโดยครูและเพื่อนกลุ่มอื่นร่วมกันแสดงความคิดเห็น และให้ข้อเสนอแนะ ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เรื่องการประเมินคุณค่าเรื่องสั้น คาบที่ ๒ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ครูสุ่มเรียกนักเรียนสองคนเพื่อตอบคำถามทบทวนความรู้เรื่องการประเมินคุณค่างานเขียนประเภทเรื่องสั้นที่เรียนไป ในคาบที่ผ่านมา จากนั้นทบทวนเนื้อหาให้นักเรียนฟังอีกครั้ง ขั้นสอน ๑. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสั้นตามความสนใจ แล้วนำข้อมูลมาประเมินค่า เรื่องสั้นลงในใบงานเรื่องประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ๒. ครูสุ่มเรียกนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานในใบงาน โดยครูและเพื่อนนักเรียนเป็น
ผู้ตรวจสอบความถูกต้องและให้ข้อเสนอแนะ จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การประเมิน คุณค่าเรื่องสั้น ขั้นสรุป ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนสรุปเนื้อหาเรื่องการการประเมินคุณค่างานเขียนประเภทเรื่องสั้น คาบที่ ๓ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ๑. ครูยกตัวอย่างกวีนิพนธ์ให้นักเรียนเห็นแล้วให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ลักษณะของกวีนิพนธ์ว่ามี ความโดดเด่นอย่างไร ๒. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่ากวีนิพนธ์แต่ละชนิดนั้นล้วนมีความไพเราะและความโดดเด่นที่ แตกต่างกัน แต่ในการวิเคราะห์ประเมินค่านั้นก็สามารถทำได้ตามประเด็นของการประเมินค่าซึ่งจะได้ศึกษาใน คาบนี้ ขั้นสอน ๑. นักเรียนรวมกลุ่มเดิม จากคาบที่ ๑ แล้วร่วมกันศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ จากหนังสือเรียน หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม ห้องสมุด และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ ๒. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปการประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ จัดทำเป็นแผนผังความคิด ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทำใบงาน เรื่อง สรุปความรู้การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ ๔. นักเรียนแต่ละคนนำผลงานในใบงาน มาสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กันภายในกลุ่ม แล้วช่วยกันสรุป เป็นผลงานของกลุ่ม ๕. ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานที่หน้าชั้นเรียน จากนั้นครูอภิปรายเกี่ยวกับการ นำเสนอผลงานของแต่ละกลุ่ม แล้วช่วยกันจัดระเบียบข้อมูล ๖. นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนสรุปข้อมูลส่งครูเพื่อคัดเลือกผลงานดีเด่น จากนั้นนำผลงานที่คัดเลือกมา ติดป้ายนิเทศ เพื่อเป็นตัวอย่าง ๗. นักเรียนแต่ละคนเลือกอ่านกวีนิพนธ์ตามความสนใจแล้วทำใบงานเรื่องประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ ขั้นสรุป ครูทบทวนเนื้อหาให้นักเรียนฟังอีกครั้งและให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนเรื่องการประเมินค่า งานเขียนจากนั้นเฉลยร่วมกัน 9. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ๑. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน หลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ๒. ใบงาน เรื่อง สรุปความรู้การประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ๓. ใบงาน เรื่อง ประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ๔. ใบงาน เรื่อง สรุปความรู้การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ ๕. ใบงาน เรื่อง ประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ ๖. แบบทดสอบก่อน – หลังเรียน ๗. ห้องสมุด ๘. อินเทอร์เน็ต
10. การวัดและประเมินผล ๑1. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................... ........................... ....................................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................... ......................................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ..................................................ผู้ตรวจ (นายไพโรจน์ ขวัญคง) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา เครื่องมือ วิธีการวัด เกณฑ์การประเมิน ๑. แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน 2. แบบประเมินการทำใบงาน 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียน รายบุคคล 4. แบบสังเกตการทำงานกลุ่ม 5. แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ 6. แบบประเมินสมรรถนะของผู้เรียน 1. ตรวจแบบทดสอบ 2. ตรวจใบงาน 3. สังเกตพฤติกรรมการเรียนรายบุคคล 4. สังเกตการทำงานกลุ่ม 5. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6. ประเมินสมรรถนะของผู้เรียน 1. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 2. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 3. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 4. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป 5. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป ๖. ได้ระดับ “ดี”ขึ้นไป
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/1) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกองค์ประกอบของการประเมินงานเขียนได้ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก... 1.2 ทักษะกระบวนการ ..นักเรียนประเมินค่างานเขียนได้ถูกต้องตามหลักการประเมินผ่านเกณฑ์ ในระดับดีและดีมาก... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ..นักเรียนผ่านการประเมินคุณลักษณะด้านการมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงานอยู่ในระดับดีมาก... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ - 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ - 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ............................... ...................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/2) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.2 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกองค์ประกอบของการประเมินงานเขียนได้ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก... 1.2 ทักษะกระบวนการ ..นักเรียนประเมินค่างานเขียนได้ถูกต้องตามหลักการประเมินผ่านเกณฑ์ ในระดับดีและดีมาก... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ..นักเรียนผ่านการประเมินคุณลักษณะด้านการมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงานอยู่ในระดับดีมาก... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ - 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ - 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ........................ ..........................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/3) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.3 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกองค์ประกอบของการประเมินงานเขียนได้ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก... 1.2 ทักษะกระบวนการ ..นักเรียนประเมินค่างานเขียนได้ถูกต้องตามหลักการประเมินผ่านเกณฑ์ ในระดับดีและดีมาก... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ..นักเรียนผ่านการประเมินคุณลักษณะด้านการมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงานอยู่ในระดับดีมาก... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ - 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ - 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ.......................... ........................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/8) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.4 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกองค์ประกอบของการประเมินงานเขียนได้ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก... 1.2 ทักษะกระบวนการ ..นักเรียนประเมินค่างานเขียนได้ถูกต้องตามหลักการประเมินผ่านเกณฑ์ ในระดับดีและดีมาก... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ..นักเรียนผ่านการประเมินคุณลักษณะด้านการมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงานอยู่ในระดับดีมาก... 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ - 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ - 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ......................... .........................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/10) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.1 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกองค์ประกอบของการประเมินงานเขียนได้ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก ดี... 1.2 ทักษะกระบวนการ ..นักเรียนประเมินค่างานเขียนได้ถูกต้องตามหลักการประเมินผ่านเกณฑ์ ในระดับดีและดีมาก ส่วนนักเรียนที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมจึงไม่ผ่านการประเมิน... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ..นักเรียนผ่านการประเมินคุณลักษณะด้านการมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงานอยู่ในระดับดีมาก ดี 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ ...นักเรียนที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมในการจัดการเรียนการสอนเรื่องการ ประเมินค่างานเขียนยังไม่ได้รับการประเมินให้ผ่าน แต่ทั้งนี้ยังให้โอกาสนักเรียนในการติดตามย้อนหลัง 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ..ครูจัดการเรียนการสอนซ่อมเสริมให้แก่นักเรียนเพื่อให้นักเรียนได้ ทบทวนเนื้อหาและเรียนรู้เพิ่มเติม และติดตามภาระงานของนักเรียนที่ไม่ได้ร่วมกิจกรรม 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ..กรณีของการไม่ติดตามการเรียนของนักเรียนที่ขาดเรียนบ่อย ครูได้ติดต่อกับทางครูประจำชั้นและเพื่อนๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้นักเรียนได้ดำเนินการและติดตามภาระงาน ต่าง ๆ... ลงชื่อ.......................... ........................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ (ม.๖/12) 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1.5 ความรู้ความสามารถ ...นักเรียนบอกองค์ประกอบของการประเมินงานเขียนได้ผ่านเกณฑ์ ในระดับดีมาก ดี และนักเรียนกลุ่มอ่อนมีผลการประเมินในระดับพอใช้ ทั้งนี้ครูให้โอกาสในการปรับคะแนนให้ ดีขึ้น... 1.2 ทักษะกระบวนการ ..นักเรียนกลุ่มปานกลางและกลุ่มเก่งประเมินค่างานเขียนได้ถูกต้องตาม หลักการประเมินผ่านเกณฑ์ในระดับดีและดีมาก ส่วนนักเรียนกลุ่มอ่อนยังประเมินไม่ถูกตามหลักการประเมิน ต้องอธิบาย ยกตัวอย่าง และปรับสื่อที่ง่ายเพื่อให้นักเรียนได้ทำตามความสามารถ... 1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ..นักเรียนผ่านการประเมินคุณลักษณะด้านการมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน 2. ปัญหาและอุปสรรค 2.1 ความรู้ความสามารถ - 2.2 ทักษะกระบวนการ ...ครูอธิบาย ยกตัวอย่าง และให้เรียนรู้จากสื่อต่าง ๆ เพิ่มเติมสำหรับ นักเรียนกลุ่มอ่อนที่ยังประเมินงานเขียนไม่ถูกต้องตามหลักการประเมิน ... 2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข 3.1 ความรู้ความสามารถ - 3.2 ทักษะกระบวนการ ..ครูลงเนื้อหากิจกรรมการเรียนรู้เพิ่มเติมในห้องเรียนออนไลน์ Google Classroom เพื่อให้นักเรียนเข้าไปทบทวนเนื้อหาและเรียนรู้เพิ่มเติม... 3.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ลงชื่อ.......................... ........................ผู้สอน (นางสาวสิริภา แสงสมัคร) ครูโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. (นายไพโรจน์ ขวัญคง) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ความเห็นของรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารวิชาการ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. (นางสาวเพริศพิศ คูหามุข) รองผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
ความเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. (นายนพปฎล มุณีรัตน์) ผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
ภาคผนวก
แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องการประเมินคุณค่างานเขียน คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว ๑. ข้อใดไม่ใช่การประเมินคุณค่างานเขียน ก. เป็นการตัดสินคุณค่างานเขียน ข. เป็นการวิเคราะห์แยกแยะรายละเอียดเรื่องที่อ่าน ค. เป็นการพิจารณางานอย่างมีวิจารณญาณและมีเหตุผล ง. เป็นการใช้ความรู้สึกและความคิดเห็นส่วนตัววิจารณ์งา ๒. การประเมินคุณค่างานเขียน ควรพิจารณาถึงประเด็นใด เป็นสำคัญ ก. วิธีการเปิดและปิดเรื่อง ข. สาระสำคัญหรือแนวคิดของผู้เขียน ค. ประสบการณ์และความรู้ของผู้เขียน ง. วัตถุดิบที่ใช้เป็นข้อมูลในการเขียนเรื่อง ๓. แก่นเรื่องเปรียบเสมือนหัวใจของเรื่องเพราะเหตุใด ก. เพราะแก่นเรื่องช่วยกำหนดแนวคิดของผู้เขียน ข. เพราะแก่นเรื่องช่วยควบคุมเนื้อหาของแก่นเรื่อง ค. เพราะแก่นเรื่องช่วยในการวางโครงเรื่องและ องค์ประกอบอื่นๆ ง. เพราะแก่นเรื่องช่วยให้ผู้อ่านทราบได้ว่าผู้เขียน ต้องการสื่อถึงเรื่องใด ๔. การใช้ถ้อยคำที่มีชั้นเชิงอย่างมีศิลปะและมีนัยทาง ความหมายแฝงอยู่หมายถึงสิ่งใด ก. โวหาร ข. จินตภาพ ค. อัตลักษณ์ ง. ภาพพจน์ ๕. ข้อใดเป็นประเด็นของการประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ก. แนวคิด กลวิธีการนำเสนอ การใช้ภาษา คุณค่าของเรื่อง ข. การตั้งชื่อเรื่อง แก่นเรื่อง สำนวนภาษา การเล่าเรื่อง ค. โครงเรื่อง บทสนทนา ข้อคิดของเรื่อง บรรยากาศ ง. ลักษณะตัวละคร วิธีการดำเนินเรื่อง ฉาก เนื้อหา ๖. ข้อใดไม่ใช่รูปแบบของวิธีการที่ผู้แต่งใช้เพื่อเล่าเรื่อง เหตุการณ์ ก. การดำเนินเรื่องแบบสลับไปมา ข. การดำเนินเรื่องทวนเข็มนาฬิกา ค. การดำเนินเรื่องตามเข็มนาฬิกา ง. การดำเนินเรื่องโดยคำนึงถึงแก่นเรื่อง ๗. ข้อใดไม่ใช่ประเด็นของการศึกษาความงามด้านการประพันธ์ ก. กลวิธี ข. เนื้อหา ค. ภาพพจน์ ง. การจัดวางคำ ๘. ข้อใดกล่าวถึงการประเมินคุณค่าเรื่องสั้นไม่ถูกต้อง ก. พิจารณาความสมเหตุสมผลในการนำเสนอ ข. พิจารณาเฉพาะองค์ประกอบของเรื่องสั้นให้ครบถ้วน ค. นำประวัติของผู้เขียนพิจารณาและประเมินงานเขียน ง. พิจารณาภาษาที่ใช้ว่ามีลีลาเฉพาะและเหมาะกับเนื้อเรื่อง ๙. การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ควรใช้หลักเกณฑ์ในข้อใด ก. ความถูกต้องด้านฉันทลักษณ์เป็นหลัก ข. คุณค่าของกวีนิพนธ์และกลวิธีการประพันธ์ ค. การนำเสนอทรรศนะและความงามของบทกวี ง. การสร้างจินตนาการและการแสดงตัวตนของกวี ๑๐.วิธีการประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ที่ถูกต้องคือข้อใด ก. น้ำเสียงและอารมณ์ของกวีที่ซ่อนอยู่ในกวีนิพนธ์ ข. การร้อยเรียงเนื้อหาให้ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ค. ปฏิภาณของกวีที่ใช้คำซ้ำหลายแห่งภายในบท ง. ความสร้างสรรค์ในการนำเสนอคำประพันธ์แบบใหม่ๆ
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การประเมินคุณค่างานเขียน ๑. ง ๒. ข ๓. ค ๔. ก ๕. ก ๖. ง ๗. ข ๘. ค ๙. ข ๑๐. ก
แบบทดสอบหลังเรียน เรื่องการประเมินคุณค่างานเขียน คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว ๑. การประเมินคุณค่างานเขียน ควรพิจารณาถึงประเด็นใด เป็นสำคัญ ก. วิธีการเปิดและปิดเรื่อง ข. สาระสำคัญหรือแนวคิดของผู้เขียน ค. ประสบการณ์และความรู้ของผู้เขียน ง. วัตถุดิบที่ใช้เป็นข้อมูลในการเขียนเรื่อง ๒. ข้อใดไม่ใช่การประเมินคุณค่างานเขียน ก. เป็นการตัดสินคุณค่างานเขียน ข. เป็นการวิเคราะห์แยกแยะรายละเอียดเรื่องที่อ่าน ค. เป็นการพิจารณางานอย่างมีวิจารณญาณและมีเหตุผล ง. เป็นการใช้ความรู้สึกและความคิดเห็นส่วนตัววิจารณ์งาน ๓. แก่นเรื่องเปรียบเสมือนหัวใจของเรื่องเพราะเหตุใด ก. เพราะแก่นเรื่องช่วยกำหนดแนวคิดของผู้เขียน ข. เพราะแก่นเรื่องช่วยควบคุมเนื้อหาของแก่นเรื่อง ค. เพราะแก่นเรื่องช่วยในการวางโครงเรื่องและ องค์ประกอบอื่นๆ ง. เพราะแก่นเรื่องช่วยให้ผู้อ่านทราบได้ว่าผู้เขียน ต้องการสื่อถึงเรื่องใด ๔. การใช้ถ้อยคำที่มีชั้นเชิงอย่างมีศิลปะและมีนัยทาง ความหมายแฝงอยู่หมายถึงสิ่งใด ก. โวหาร ข. จินตภาพ ค. อัตลักษณ์ ง. ภาพพจน์ ๕. ข้อใดเป็นประเด็นของการประเมินคุณค่าเรื่องสั้น ก. แนวคิด กลวิธีการนำเสนอ การใช้ภาษา คุณค่าของเรื่อง ข. การตั้งชื่อเรื่อง แก่นเรื่อง สำนวนภาษา การเล่าเรื่อง ค. โครงเรื่อง บทสนทนา ข้อคิดของเรื่อง บรรยากาศ ง. ลักษณะตัวละคร วิธีการดำเนินเรื่อง ฉาก เนื้อหา ๖. ข้อใดไม่ใช่รูปแบบของวิธีการที่ผู้แต่งใช้เพื่อเล่าเรื่อง เหตุการณ์ ก. การดำเนินเรื่องแบบสลับไปมา ข. การดำเนินเรื่องทวนเข็มนาฬิกา ค. การดำเนินเรื่องตามเข็มนาฬิกา ง. การดำเนินเรื่องโดยคำนึงถึงแก่นเรื่อง ๗. ข้อใดไม่ใช่ประเด็นของการศึกษาความงามด้านการประพันธ์ ก. กลวิธี ข. เนื้อหา ค. ภาพพจน์ ง. การจัดวางคำ ๘. ข้อใดกล่าวถึงการประเมินคุณค่าเรื่องสั้นไม่ถูกต้อง ก. พิจารณาความสมเหตุสมผลในการนำเสนอ ข. พิจารณาเฉพาะองค์ประกอบของเรื่องสั้นให้ครบถ้วน ค. นำประวัติของผู้เขียนพิจารณาและประเมินงานเขียน ง. พิจารณาภาษาที่ใช้ว่ามีลีลาเฉพาะและเหมาะกับเนื้อเรื่อง ๙. วิธีการประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ที่ถูกต้องคือข้อใด ก. น้ำเสียงและอารมณ์ของกวีที่ซ่อนอยู่ในกวีนิพนธ์ ข. การร้อยเรียงเนื้อหาให้ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ค. ปฏิภาณของกวีที่ใช้คำซ้ำหลายแห่งภายในบท ง. ความสร้างสรรค์ในการนำเสนอคำประพันธ์แบบใหม่ๆ ๑๐. การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ควรใช้หลักเกณฑ์ในข้อใด ก. ความถูกต้องด้านฉันทลักษณ์เป็นหลัก ข. คุณค่าของกวีนิพนธ์และกลวิธีการประพันธ์ ค. การนำเสนอทรรศนะและความงามของบทกวี ง. การสร้างจินตนาการและการแสดงตัวตนของกวี