The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานประจำปี2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by selflearningjor1, 2021-04-20 05:39:17

รายงานประจำปี2563

รายงานประจำปี2563

Keywords: รายงานประจำปี2563

คาพิ พากษาศาลฎีกาท2ี่ 066/2563 (ต่อ)

เม่ือโจทก์ไดบ้ อกกล่าวบังคบั จานองและกาหนดเวลาให้ชาระหน้ีแกโ่ จทก์ภายใน 60
วัน นับแต่วันท่ีได้รับหนังสือโดยการประกาศหนังสือพิ มพ์ เมื่อครบกาหนดเวลา
ชาระหน้ีตามหนังสือ บอกกล่าวน้ันแล้วจาเลยไม่ชาระหน้ี โจทก์จึงมีสิทธิคิด
ดอกเบย้ี ผดิ นัดนับแตว่ ันที่ 18 ตุลาคม 2558 แต่ท่โี จทกข์ อดอกเบย้ี ผดิ นดั ในอัตรา
ร้อยละ 16 ต่อปี น้นั เหน็ ว่า เมอื่ พระราชกาหนดบริษทั บริหารสินทรพั ย์ พ.ศ. 2541
มาตรา 10 กาหนดว่า บริษัทบริหารสินทรัพย์อาจเรยี กเก็บดอกเบี้ยจากลกู หนี้ตาม
สัญญาเดิมได้ไม่เกินอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเดิม ณ วันท่ีรับโอนสินทรัพย์มา
แต่โจทก์ไม่มีเอกสารหลักฐานมาแสดงว่าในขณะท่ีมีการโอนสินทรัพย์นั้น อัตรา
ดอกเบ้ียผิดนัดตามสัญญาเดิมตามประกาศของธนาคารกรุงเทพฯพาณิชยการ
จากัด (มหาชน) เป็นอัตราเท่าใด จึงมิอาจกาหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดร้อยละ 16
ต่อปี ให้แก่โจทก์ตามขอได้ อย่างไรก็ตาม หนี้ตามสัญญากู้เงินดังกล่าวเป็นหน้ี
เงิน ซึ่งธนาคารกรุงเทพฯพาณิชยการ จากัด (มหาชน) สามารถคิดดอกเบี้ยต้น
เงินกู้ตามสัญญาได้ในอัตราร้อยละ 13.75 ต่อปี จึงพอถือได้ว่าเป็นกรณีที่เจ้าหน้ี
อาจเรียกดอกเบี้ยผิดนัดได้สูงกว่าร้อยละเจ็ดคร่ึงต่อปีโดยอาศัยเหตุอื่นอันชอบ
ด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 จึงให้จาเลยใน
ฐานะทายาทของนาย จ. ลูกหนี้ รับผิดในดอกเบี้ยผิดนัดอัตราร้อยละ 13.75 ต่อปี
นบั แต่วันที่ 18 ตุลาคม 2558 เปน็ ต้นไปจนกวา่ จะชาระเสรจ็ แกโ่ จทก์

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๙๘

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 2267/2563

การวิ นิ จฉั ยช้ี ขา ดข อ งศา ลต้ อ งพิ จ ารณ าฟังข้ อเ ท็ จจริ ง จ า ก
พยานหลักฐานทั้งมวลท่ีปรากฏในสานวน ศาลชั้นต้นมีคาสั่งยกคาร้องขอแก้ไข
เพิ่ มเติมคาให้การของจาเลยท่ี 1 และที่ 2 ก็มีผลเพี ยงว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ได้
ปรากฏข้ึนจากการกล่าวอ้างในคาให้การของจาเลยท่ี 1 และท่ี 2 เท่านั้น หากศาล
อุทธรณ์ภาค 1 เห็นว่าเพ่ื อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจาเป็นต้องฟงั ข้อเท็จจริง
ส่วนน้ีเพ่ื อให้วินิจฉัยช้ีขาดคดีได้ถูกต้องแท้จริงก็มีอานาจรับฟงั พยานหลักฐานอัน
เกย่ี วกับขอ้ เท็จจริงดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความแพ่ง มาตรา
87 (2)

พระครู อ. มีทายาทเหลืออยู่เพี ยงคนเดียวคือโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้
หน่ึงท่ีมีอานาจหน้าที่จัดการศพของพระครู อ. ได้แต่เม่ือตามสถานะของผู้ตายซ่งึ ได้
บวชเป็นพระภิกษุตั้งแต่อายุ 25 ปี และจาพรรษาอยู่ที่วัดจาเลยที่ 1 ตลอดมาจนถึง
แก่มรณภาพเม่ืออายุ 75 ปี หลังจากพระครู อ. ถึงแก่มรณภาพแล้วญาติพี่ น้อง
ของพระครู อ. รวมท้ังจาเลยท่ี 1 และท่ี 2 ได้ร่วมกันจัดงานสวดพระอภิธรรมศพ
เป็นเวลา 15 วนั โดยวัดจาเลยที่ 1 เปน็ ผู้ออกคา่ ใช้จ่ายแล้วบรรจุเก็บสังขารของพระ
ครู อ. ไว้บาเพ็ญกศุ ลทุกวันพระเป็นเวลา 100 วันพระ มปี ระชาชนศรัทธามาสกั การะ
สังขารของพระครู อ. เป็นจานวนมาก แสดงว่าพระครู อ. เป็นพระที่ประชาชน
เลื่อมใสศรัทธาจึงได้มีการเก็บสรีระสังขารไว้ในวัดจาเลยท่ี 1 เพ่ือให้พุ ทธศาสนิกชน
ได้กราบไหว้สักการะบูชา ยิ่งไปกว่าน้ัน การที่พระครู อ. ได้มีศรทั ธาอุทิศตนเพ่ืออยู่ใน
พุ ทธศาสนา การท่ีโจทก์เป็นผู้จัดการศพของพระครู อ. น่าจะไม่สอดคล้องกับความ
ศรัทธาของประชาชนผู้เล่ือมใสเคารพนับถือแก่พระครู อ. จึงเป็นการสมควรที่วัด
จาเลยที่ 1 จะเป็นผู้ดาเนินการเกี่ยวกับสรีระสังขารของพระครู อ. ต่อไป โดยไม่
จาต้องพิจารณาวา่ โจทก์หรอื วดั จาเลยท่ี 1 เป็นผ้ไู ดร้ ับมรดกของผ้ตู ายมากทีส่ ดุ

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๙๙

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 2478/2563

การที่ผู้เสียหายท้ังสามโอนเงินให้แก่จาเลย มิใช่เป็นผลโดยตรงจาก
การท่ีจาเลยหลอกลวงผู้เสียหายท้ังสาม ด้วยการยืนยันข้อเท็จจริงใดอันเป็นเท็จ
หรือปกปิดข้อความจริงซ่ึงควรบอกให้แจ้งแก่ผู้เสียหายท้ังสาม แต่เป็นการโอน
เงินให้แก่จาเลยด้วยความสมัครใจของตนเองเพราะประสงค์จะได้ผลตอบแทนทม่ี ี
จานวนมากกว่าปกติ ท้ังก่อนเกิดเหตุก็ปรากฏว่าจาเลยจ่ายผลประโยชน์ให้แก่
ผู้เสียหายที่ 1 จริง จาเลยเป็นผู้เข้าร่วมลงทุนกับนางสาว ก. โดยนาเงินท่ีมีผู้มา
ลงทุนไปส่งมอบให้นางสาว ก. และรับผลประโยชน์มาแจกจ่ายให้แก่ผู้มาร่วมลงทุน
จาเลยเองก็ได้รับความเสียหาย พฤติการณ์ดังกล่าวของจาเลยเป็นเพี ยงการ
ชักชวนให้ผู้เสียหายมาร่วมลงทุนด้วยเน่ืองจากได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจริง
จาเลยหาได้มีเจตนาท่ีหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสามแต่อย่างใด ทั้งไม่มีพฤติการณ์
ส่อพิ รุธท่ีแสดงให้เห็นชัดเจนว่าจาเลยฉ้อโกงผู้เสียหายท้ังสาม พยานหลักฐานท่ี
โจทก์นาสืบมาเก่ียวกับพฤติการณ์ของจาเลยจึงมีความสงสัยอยู่ตามสมควรว่า
จาเลยมเี จตนาในการกระทาความผิดฐานฉอ้ โกงหรอื ไม่

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๐๐

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 2760/2563

โจทกต์ กลงขายสิทธิเชา่ ซ้อื รถยนต์ตามฟอ้ งโดยมีข้อตกลงกบั จาเลย
ที่ 1 กับพวก ว่าจะต้องชาระเงินให้แก่โจทก์ 50,000 บาท และต้องเปลี่ยนช่ือผู้เช่า
ซื้อกับบรษิ ัทผู้ให้เช่าซ้ือเสียก่อน โจทกจ์ ึงจะมอบรถยนต์คันดังกล่าวให้ แต่จาเลยที่ 1
กบั พวกใชอ้ ุบายหลอกลวง โจทก์จงึ ยอมมอบรถยนต์ตามฟอ้ งให้แก่จาเลยที่ 1 กบั
พวกไป สาเหตทุ ี่ไม่ระบขุ อ้ ตกลงดังกล่าวในหนงั สือสญั ญาขายรถยนต์ให้ครบถ้วน
ตามท่ีตกลงกันนั้น เน่ืองจากเช่ือใจว่าจาเลยที่ 1 กับพวก จะต้องเปล่ียนชื่อผู้เช่าซ้ือ
กับบริษัทผู้ให้เช่าซ้ือจริง พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าโจทก์
หลงเชื่อตามที่จาเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันหลอกลวงว่าจาเลยท่ี 1 กับพวกมีเจตนา
ซื้อสิทธิเช่าซ้ือรถยนต์ตามฟอ้ งจากโจทก์จริง หาได้มีข้อเท็จจริงใดที่แสดงให้เห็น
ถึงพฤติการณ์ของโจทก์ว่าประสงค์เพี ยงเงิน 50,000 บาท โดยต้องการให้
รถยนตต์ ามฟอ้ งพ้นไปจากความรับผดิ ชอบของโจทก์ ท้งั โจทกย์ ังต้องรับผิดตาม
สัญญาเช่าซื้อรถยนต์กับบริษัทผู้ให้เช่าซ้ืออยู่ และอาจจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องหาก
มีผู้นารถยนต์ตามฟอ้ งไปกระทาความผิดโจทก์จึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยซ่ึงมี
อานาจฟอ้ งจาเลยได้

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๐๑

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 2810/2562

แม้ขณะผู้เสียหายท่ี 1 ถูกจับตัวเป็นเวลากลางคืน แต่ได้ความจากคา
เบิกความของผู้เสียหายที่ 1 ว่า มีแสงสว่างจากไฟหน้ารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยา
ริส ซ่ึงจอดขวางอยู่ด้านหน้าและไฟภายในรถของผู้เสียหายที่ 1 และได้ความจากคา
เบิกความของผูเ้ สยี หายที่ 1 ตอบทนายจาเลยที่ 1 ถามคา้ นวา่ ท่เี ห็นจาเลยท่ี 4 ที่ 5
และที่ 7 ภายในหอ้ งครัวก็เพราะมีการเปิดไฟในห้องครัวขณะมกี ารใช้เงนิ ผ้เู สียหาย
ที่ 1 แอบดูท้ังเวลากลางวันและกลางคนื ห้องผู้เสียหายท่ี 1 ถูกกักขงั มีผ้าม่านและ
หน้าต่าง เมื่อเปดิ ผ้าม่านและมองผ่านหน้าต่างจะเหน็ ห้องครวั ดงั นน้ั ผเู้ สยี หายท่ี 1
จึงมีโอกาสเห็นจาเลยท่ี 4 ที่ 5 และท่ี 7 ในระยะใกล้และนานพอสมควร โอกาสที่
ผู้เสียหายที่ 1 จะเห็นและจาหน้าจาเลยท่ี 4 ที่ 5 และที่ 7 ได้ย่อมมีมากแม้คาให้การ
ของจาเลยท่ี 1 ถึงท่ี 3 จาเลยท่ี 6 และที่ 8 จะมีลักษณะเป็นคาบอกเล่าและเป็นคา
ซดั ทอดของผ้รู ว่ มกระทาความผิดดว้ ยกัน แต่กฎหมายมิได้บญั ญตั ิห้ามมใิ ห้รับฟงั
พยานบอกเล่าและคาซัดทอดของผู้ร่วมกระทาความผิดด้วยกันเสียทีเดียว หาก
พิจารณาตามสภาพ ลักษณะ แหล่งที่มา และข้อเท็จจริงแวดล้อมของพยานบอก
เลา่ นนั้ นา่ เชื่อวา่ จะพิสจู นค์ วามจริงได้ ศาลย่อมมอี านาจรับฟงั พยานบอกเล่าและคา
ซัดทอด ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิ จารณาความอาญา มาตรา 226/3 วรรค
สอง (1) และมาตรา 227 วรรคหน่ึง สาหรับคาซัดทอดของจาเลยที่ 1 ก็มิได้ให้
ถ้อยคาในลักษณะของการปัดความรับผิด หากแต่ยอมรับว่าตนเป็นผู้กระทา
ความผิดด้วย น่าเช่ือว่าเป็นคาซัดทอดที่ให้การตามความเป็นจริง การที่จาเลยท่ี 4
และท่ี 5 กับพวก เดินทางไปจับตัวผู้เสียหายที่ 1 ด้วยกัน โดยจาเลยที่ 2 ซ่ีงเป็น
พวกของจาเลยที่ 4 และที่ 5 มีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย ชี้ชัดว่ามีเจตนาร่วมกันที่
พร้อมจะใช้อาวุธปืนดังกล่าวกระทาความผิดร่วมกับพวก ถือได้ว่าจาเลยท่ี 4 และ
ท่ี 5 ได้ร่วมครอบครองและพาอาวุธปืน ด้วย จาเลยท่ี 4 และท่ี 5 ย่อมมีความผดิ
ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวและกักขังผู้อ่ืน กับฐานร่วมกันมีอาวุธปืนติดตัวไปใน
เมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไมไ่ ดร้ ับใบอนญุ าตและโดยไม่มีเหตสุ มควร

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๐๒

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 2810/2562 (ตอ่ )

ตามที่ศาลช้ันต้นวินิจฉัย จาเลยที่ 7 สามารถเดิน เข้าออกบ้านดังกล่าวได้โดยไมม่ ี
ใ ค ร ห้ า ม ป ร า ม ซึ่ ง เ ป็ น ก า ร ผิ ด ป ก ติ วิ สั ย ท่ี ผู้ ก ร ะ ท า ค ว า ม ผิ ด จ ะ ต้ อ ง ป ก ปิ ด เ ป็ น
ความลับไม่ยอมให้บุคคลท่ีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนรู้เห็นเหตุการณ์ใกล้ชิด
เพราะอาจรู้เห็นการกระทาความผิดของตนได้โดยง่าย จากพฤติการณ์ดังกล่าว
แสดงว่าจาเลยท่ี 7 ต้องมีส่วนรู้เห็นและเก่ียวข้องกับการจับตัวผู้เสียหายที่ 1 มา
กักขังในลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทาเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าจาเลยท่ี 7 มีส่วน
ร่วมกับพวกยึดถือหรือพาอาวุธปืนเนื่องจากจาเลยท่ี 7 ไม่ได้ร่วมอยู่ด้วยในขณะ
จับตัวผู้เสียหายที่ 1 จาเลยที่ 7 จึงไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อ่ืน
ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง
หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร การริบ
ทรัพย์สินของกลางไม่เป็นการเพิ่ มเติมโทษจาเลย จึงไม่ต้องห้ามตามมาตรา 212
เม่อื ซองกระสนุ ปืนเป็นทรพั ย์สนิ ทีใ่ ชใ้ นการกระทาความผดิ จงึ ตอ้ งรบิ ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 33 (1)

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๐๓

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 3055/2563

ศาลชนั้ ต้นพิพากษาวา่ จาเลยมีความผดิ ตามคาส่ังหวั หนา้ รกั ษาความ
สงบแหง่ ชาติฉบับที่ 3/2558 เรื่อง การรกั ษาความสงบเรยี บร้อยและความมั่นคง
ของชาติ ข้อ 12 วรรคหน่ึง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคแรก
การกระทาของจาเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษ
ตามคาส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 3/2558 เรื่อง การรักษา
ความสงบเรียบร้อยและความม่ันคงของชาติ ข้อ 12 วรรคหนึ่ง ซ่ึงเป็นกฎหมาย
บทที่มีโทษหนักท่ีสุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จาคุก 2 เดือน และ
ปรับ 6,000 บาท โทษจาคุกให้รอการลงโทษไว้มีกาหนด 1 ปี ศาลอุทธรณ์
พิ พากษาแก้เป็นว่า ไม่ลงโทษจาคุกจาเลย และให้ยกฟอ้ งโจทก์ในความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคแรก เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไป
ตามคาพิ พากษาศาลช้ันต้น เป็นกรณีที่ศาลช้ันต้นพิ พากษาให้ลงโทษจาคุกจาเลย
ไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ เม่ือศาลอุทธรณ์
ยังคงลงโทษจาเลยไม่เกินกาหนดดังกล่าว ย่อมห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหา
ข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 สาหรับ
ฎกี าโจทกท์ ว่ี า่ โจทกข์ อฎกี าคดั ค้านเหตุผลในคาวนิ ิจฉัยของศาลอุทธรณใ์ นประเดน็
ข้อเท็จจริงตามท่ีจะกล่าวต่อไปนี้... และว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟงั ได้โดย
ปราศจากข้อสงสัยว่า การกระทาของจาเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 215 วรรคแรก เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตาม
บทบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว ศาลฎกี า ไมร่ บั วนิ จิ ฉยั

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๐๔

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 3077/2563

ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 799/2560 ของศาลชั้นต้น จาเลยท่ี 1 คดี
นี้เป็นโจทก์ในคดีดังกล่าว และโจทก์คดีน้ีเข้าเป็นโจทก์ร่วมฟอ้ งพันจ่าอากาศเอก จ.
เป็นจาเลยที่ 1 นาง พ. เป็นจาเลยท่ี 2 ให้รับผิดตามสัญญายืมและจานอง แต่คดีน้ี
โจทก์ฟอ้ งจาเลยท้ังสองให้รบั ผิดตามสญั ญาให้บริการจดทะเบยี นสิทธิและนิติกรรม
ละเมิด จงึ เป็นคนละประเดน็ ฟอ้ งโจทกไ์ มเ่ ป็นฟอ้ งซอ้ น

วันนดั ไถถ่ อนจานอง พันจา่ อากาศเอก จ. และนาง พ. เตรยี มเช็คระบุ
จานวนเงินไม่ตรงกับยอดเงิน และปรากฎว่า นางสาว ร. พนักงานของโจทก์ลง
ลายมือช่ือรับรองการแก้ไขแบบคาขอไถ่ถอนจานองจานวนยอดหนี้ แต่ไม่มีการ
แก้ไขยอดหน้ีในใบแจ้งยอดปิดบัญชี แต่จาเลยท่ี 2 ลูกจ้างของจาเลยท่ี ๑ กลับ
ไม่ได้ติดต่อผู้ช่วยหัวหน้าส่วนนิติกรรม 2 ซ่ึงเป็นผู้ส่งมอบงานให้จาเลยท่ี 1 ไปจด
ทะเบียนนิติกรรมไถ่ถอนจานอง ไม่ได้ติดต่อผู้ช่วยหัวหน้าส่วนบัญชีเงินกู้ซ่ึงเป็น
ผู้อนุมัติและรับรองยอดเปิดบัญชีเงินกู้ และไม่ตรวจสอบว่านางสาว ร. มีอานาจ
แก้ไขยอดหน้ีหรือไม่ เหตุใดยอดหนี้ในแบบคาไถ่ถอนจานองและใบแจ้งยอดปิดบัญชี
จึงแตกต่างกัน จาเลยที่ 2 ดาเนินการเกยี่ วกับการเงนิ ย่อมต้องมคี วามรอบคอบจาก
ประสบการณ์ แมโ้ จทก์ไมม่ ีระเบยี บปฏบิ ตั ิว่าใหย้ ดึ ถือฉบบั ใด จาเลยที่ 2 ไม่ไดป้ ฏิบตั ิ
หน้าท่ีด้วยความระมัดระวังเช่นผู้มีวิชาชีพควรพึ งกระทา จึงเป็นการปฏิบัติผิด
เงื่อนไข ข้อกาหนด วิธีการปฏิบัติในการจดทะเบียนนิติกรรมไถ่ถอนจานอง และ
เป็นการประมาทเลนิ เล่ออยา่ งรา้ ยแรง ทาใหโ้ จทกไ์ ดร้ ับความเสยี หาย จาเลยที่ 1 ใน
ฐานะนายจา้ งของจาเลยท่ี 2 จึงต้องร่วมรบั ผดิ

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๐๕

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 3192/2563

จาเลยท่ี 1 กู้ยืมเงินโจทก์ จาเลยที่ 2 และท่ี 3 ทาสัญญาค้าประกัน
ยอมรับผิดอย่างลูกหน้ีร่วม จาเลยร่วมเข้าทาสัญญารับประกันภัยและทาบันทึก
ข้อตกลงในโครงการประกนั ภัย ผูค้ า้ ประกันประเภทเงนิ กสู้ ามญั (เอม็ .โอ.ย)ู จาเลย
ร่วมเข้าทาสัญญาประกันการชาระหน้ีแทนจาเลยที่ 2 และท่ี 3 ในกรณีที่จาเลยท่ี 1
ไม่ชาระหน้ีตามสัญญากู้ยืมโดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ ข้อตกลงตามกรมธรรม์
ประกันภัยเป็นการกาหนดเอาความรับผิดของจาเลยที่ 2 ผู้ค้าประกันหรือผู้เอา
ประกันภัยในหน้ีซ่ึงจาเลยที่ 2 ต้องรับผิดชาระแก่โจทก์ผู้ให้กู้ตามสญั ญาคา้ ประกัน
เป็นเงื่อนไขในการชดใช้ ค่าสินไหมทดแทน โดยหากจาเลยท่ี 2 ต้องรับผิดตาม
สัญญาประกันแล้วจาเลยร่วมจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ในนามจาเลยที่
2 เง่ือนไขความรับผิดตามสัญญาดังกล่าวมีลักษณะเป็นนิติกรรมสัญญามิใช่นิติ
เหตุ สัญญาประกันภัยพิ พาทคดีน้ีจึงเป็นกรณีจาเลยร่วมตกลงจะใช้ค่าสินไหม
ทดแทนในเหตุอย่างอ่ืนในอนาคต มิใช่กรณีเมื่อเกิดวินาศภัยข้ึนจึงไม่เป็นสัญญา
ประกันวินาศภัย แต่กรณีการทาสัญญาประกันภัยในเหตุอย่างอ่ืนในอนาคตน้ัน
ประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิชย์หรือกฎหมายอื่นมิได้บัญญัติเรื่องอายุความไว้
จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 193/30 นับ
แต่เวลาที่โจทก์ในฐานะผู้รับประโยชน์อาจใช้สทิ ธิเรียกร้องตามสัญญาประกันภยั ได้
ตามมาตรา 193/12

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๐๖

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 3212/2563

จาเลยทาสัญญาให้บริการพื้ นท่ีจากโจทก์ล่วงหน้าต้ังแต่วันที่ 5
พฤษภาคม 2558 โดยมีกาหนดระยะเวลาแต่ละช่วงแน่นอน แม้โจทก์เพ่ิงทาสัญญา
ซื้อบริการพื้นท่กี ับบรษิ ัทเดอะมอลล์ กร๊ปุ จากดั ชว่ งท่ีสาม เมอ่ื วันที่ 27 กรกฎาคม
2558 หลงั จากทีจ่ าเลยแจ้งแกต่ ัวแทนโจทก์ว่าโจทก์ผิดสญั ญาและบอกเลิกสัญญา
ก็ตาม แต่การให้บริการพื้ นที่นั้นโจทก์หาจาต้องทาสัญญาซื้อบริการพ้ื นที่กับบริษัท
เดอะมอลล์ กรุป๊ จากดั กอ่ นทโ่ี จทก์ทาสัญญาให้บรกิ ารพื้นทก่ี ับจาเลยไม่ เม่ือจาเลย
ทาสัญญาให้บริการพื้ นที่จากโจทก์ล่วงหน้าต้ังแต่วันท่ี 5 พฤษภาคม 2558 โจทก์
จะทาสัญญากับบรษิ ทั เดอะมอลล์ กรุ๊ป จากดั เมื่อใดไมใ่ ช่สาระสาคญั คงคานึงเพียง
ว่าเมอ่ื ถึงกาหนดเวลาให้บริการพ้ืนที่ โจทก์ต้องสง่ มอบพ้ืนทบ่ี ริการให้แก่จาเลยตาม
สัญญาเท่านน้ั ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณารับฟงั ได้ว่า เม่อื ถึงกาหนดเวลาทร่ี ะบุใน
สัญญาโจทก์สามารถส่งมอบพ้ืนที่ให้แก่จาเลยได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิและหน้าที่ในฐานะ
เป็นผู้ให้บริการตามสัญญา จาเลยจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาแก่โจทก์ฝ่ายเดียวโดย
โจทก์ไม่ยินยอมหาได้ไม่ จาเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา การบอกเลิกสัญญาของ
จาเลยจงึ ไม่ชอบ

การที่จาเลยบอกเลิกสัญญาให้บริการพ้ื นท่ีช่วงที่สองและช่วงที่สาม
ทาใหโ้ จทก์ไม่ไดร้ ับค่าบรกิ ารพื้นท่ีช่วงที่สองและช่วงท่ีสามจากจาเลยตามทีไ่ ด้ตกลง
กันไว้ โจทก์จึงได้รับความเสียหายและมีสิทธิเรียกร้องจากจาเลยได้ การท่ีโจทก์
ประกอบธุรกิจให้บริการพื้ นท่ีแสดงสินค้าโดยซื้อพ้ื นท่ีของห้างสรรพสินค้ามา
ให้บริการ โดยเรียกเก็บค่าบริการจากผู้ใช้บริการพื้ นท่ีเพื่ อแสวงหากาไรค่าบริการ
ดังกล่าวเป็นค่าเสียหายตามธรรมดาที่เกิดขึ้นจากการผิดสัญญาของจาเลย จาเลย
จึงต้องใช้ชดใช้ค่าบริการช่วงที่สองและช่วงที่สามแก่โจทก์ และหน้ีดังกล่าวเป็นหนี้
เงินจาเลยจึงต้องชาระดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟอ้ ง
เปน็ ต้นไปจนกวา่ จะชาระเสรจ็ ตามท่โี จทก์มคี าขอด้วย

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๐๗

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 3465/2562

เดิมศาลช้ันต้นมีคาพิ พากษาโดยปรับบทกฎหมายท่ียกเลิกแล้ว
ลงโทษจาเลยท้ังสอง แต่เม่ือศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิ พากษายกคาพิ พากษาศาล
ช้ันต้น ให้ศาลชั้นต้นมีคาพิพากษาใหม่โดยให้มีผู้พิ พากษาครบองค์คณะ เท่ากับว่า
คาพิพากษาศาลช้ันต้นเดมิ ท่ีพิพากษามานั้นถูกยกเลิกโดยศาลอุทธรณ์ภาค 1 เม่ือ
ศาลช้ันต้นมีคาพิ พากษาใหม่โดยมีการปรับกฎหมายให้ถูกต้องตรงตามมาตราซึ่ง
โจทกอ์ ้างมาในฟอ้ งและมีผ้พู ิพากษาครบองค์คณะจึงชอบดว้ ยกฎหมายแล้ว

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๐๘

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 3474/2562

เม่ือนางสาว จ. มิได้เป็นผู้ซึ่งได้จดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็น
ทนายความและไม่ปรากฏว่าเป็นบุคคลผู้ซ่ึงอยู่ในข้อยกเว้นตามมาตรา 33 แห่ง
พระราชบัญญัติทนายความ การที่นางสาว จ. เรียงหรือเขียนฟอ้ งฎีกาให้โจทก์
จึงเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย คาฟอ้ งฎีกาของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ครบ
องค์ประกอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 215 ประกอบ
มาตรา 158 (7)

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๐๙

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 3520/2563

หากจาเลยทาร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยมีเจตนาท่ีจะเอาสร้อยข้อมือ
ทองคาของผู้เสียหาย หลังจากท่ีจาเลยใช้มือชกที่ต้นคอผู้เสียหายจนผู้เสียหายล้ม
ฟุ บลงกับพื้ น จาเลยก็สามารถท่ีจะกระชากสร้อยข้อมือทองคาของผู้เสียหายแล้ว
หลบหนีลงไปชั้นล่างได้ทันที ก่อนที่บุคคลที่อยู่ชั้นล่างจะได้ยินเสียงดังจนผิด
สั ง เ ก ต แ ล้ ว ขึ้ น ม า เ ค า ะ ป ร ะ ตู ห้ อ ง ใ ห้ เ ปิ ด ป ร ะ ตู แ ต่ ข้ อ เ ท็ จ จ ริ ง ก ลั บ ไ ด้ ค ว า ม ว่ า
หลังจากผู้เสียหายฟุ บลงกับพื้ น จาเลยใช้มือและเท้าทุบตีซ้อม ทาร้ายผู้เสียหาย
หลายครั้งนับไม่ถ้วน จึงอาจเป็นไปได้ว่าขณะที่จาเลยทาร้ายร่างกายผู้เสียหาย
จาเลยยงั ไมม่ ีเจตนาทจี่ ะเอาสรอ้ ยขอ้ มือทองคาของผเู้ สยี หายไป แตเ่ ปน็ เพราะจาเลย
รู้สึกโกรธที่ใช้บริการทางเพศกับผู้เสยี หายยงั ไม่เสรจ็ ผู้เสียหายกผ็ ละออกไปตามท่ี
จาเลยนาสืบก็เป็นได้ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนน้ีผู้เสียหายอาจจะปิดบังความจริง
บางอย่างไว้ จึงยังรับฟงั ไม่ได้ว่าจาเลย ทาร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยมีเจตนาเอา
สร้อยข้อมือทองคาของผู้เสียหายไป แต่การที่จาเลยกระชากเอาสร้อยข้อมือ
ทองคาของผู้เสียหายไปเป็นเจตนาท่ีเกิดขึ้นหลังจากท่ีจาเลยทาร้ายร่างกาย
ผู้เสียหายแล้ว การกระทาของจาเลยจึงมิได้เป็นการลักทรัพย์โดยใช้กาลัง
ประทุษร้าย อันจะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่เป็นการทาร้ายร่างกายผู้เสียหาย
จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตอนหนึ่ง และกระชากเอาสร้อยข้อมือทองคา
ของผู้เสียหายไปโดยฉกฉวยเอาซ่งึ หน้าอีกตอนหน่ึง แต่โจทก์มิได้บรรยายฟอ้ งวา่
จาเลยฉกฉวยเอาสร้อยข้อมือทองคาของผู้เสียหายไปซึ่งหน้า อันเป็นองคป์ ระกอบ
ฐานวิ่งราวทรัพย์ และคาขอท้ายฟอ้ งมิได้ขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์มาด้วย
จึงลงโทษฐานว่ิงราวทรัพย์ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิ จารณาความอาญา
มาตรา 192 วรรคสี่ ความผิดฐานชิงทรัพย์ท่ีโจทก์บรรยายฟอ้ งมารวมการกระทา
หลายอย่าง แต่ละอย่างอาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลย่อมลงโทษจาเลย
ฐานทาร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย และฐานลักทรัพย์ใน
เวลากลางคนื ได้

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๑๐

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 3643/2563

แม้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 (เดมิ ) จะ
บัญญัติให้ลูกหน้ีตามคาพิ พากษาเป็นผู้หน่ึงท่ีเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่
ทรัพย์สินรวมอยู่ด้วย แต่ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินน้ัน ตามประมวลกฎหมาย
วิธพี ิจารณาความแพ่ง มาตรา 306 (เดมิ ) บัญญตั ใิ ห้เจ้าพนกั งานบังคับคดีแจ้งวัน
ข า ย ทอด ต ล า ด แ ก่ บร ร ด า ผู้ มี ส่ วนไ ด้ เ สี ย ในก า ร บั งคั บคดี แ ก่ ท รั พ ย์ สิ น ที่ จ ะ ข า ย
ทอดตลาดซ่ึงทราบได้ตามทะเบียนหรือโดยประการอ่ืนเท่าน้ัน บุคคลผู้มีส่วนได้เสีย
ตามความหมายของมาตราน้ีย่อมหมายความเฉพาะลูกหนี้ตามคาพิ พากษาซ่ึงมีชื่อ
ตามทะเบียนในทรัพย์สินท่ีจะขายทอดตลาด ส่วนลูกหน้ีตามคาพิพากษาคนอื่นซึ่งมิใช่
เจ้าของทรัพย์สินที่จะขายไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินท่ีเจ้า
พนักงานบังคับคดีจะต้องแจ้งการขายทอดตลาดให้ทราบ คาว่าผู้มีส่วนได้เสียตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 (เดมิ ) และมาตรา 306 (เดิม)
จึงมีนัยต่างกัน คดีน้ีเจ้าพนักงานบังคับคดีดาเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินของ
จาเลยท่ี 1 มิใช่ทรัพย์สินของจาเลยที่ 2 จาเลยที่ 2 จึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการ
บั ง คั บ ค ดี แ ก่ ท รั พ ย์ สิ น ที่ จ ะ ข า ย ท อ ด ต ล า ด เ จ้ า พ นั ก ง า น บั ง คั บ ค ดี
จึงไม่จาต้องแจ้งการขายทอดตลาดให้จาเลยที่ 2 ทราบ การที่เจ้าพนักงานบังคับ
คดีขายทอดตลาดทรัพย์สินตามวันเวลาและสถานท่ีที่กาหนดไว้ในประกาศที่ได้แจ้ง
แกจ่ าเลยท่ี 1 จึงเป็นการขายทอดตลาดโดยชอบแล้ว

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๑๑

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 3817/2563

ตามสาเนารายงานประจาวัน ระบุข้อความแต่เพี ยงว่า จาเลย
กับพวกรวม 3 คน ไปพบพนักงานสอบสวนกรณีที่รุมทาร้ายโจทก์ สาเหตุ
เนื่องจากโจทก์ไปพู ดคุยเกี่ยวกับเรื่องเงินจานวน 600,000 บาท ท่ีจาเลยเอาไป
แต่ยังไมไ่ ด้ใช้คืน จาเลยยอมรบั ว่าเมอ่ื ประมาณเดือนมีนาคมและพฤษภาคม 2560
ได้เอาเงินจานวน 600,000 บาท (เดือนละ 300,000 บาท) จากโจทก์ไปจริง
โดยมีข้อแลกเปล่ียนและพู ดคุยกันว่าจะให้เข้าไปทางานในบริษัทของโจทก์
ตอบแทนเงินจานวนดังกล่าว แต่ภายหลังมีปัญหาข้อขัดแย้งกันจึงไม่ได้ร่วมงาน
กันแล้วโจทก์ทวงถามขอเงินคืนมาตลอดและยังไม่ได้ข้อสรุปก็มาเกิดเหตุขึ้น
เสียก่อน แสดงว่าจาเลยรบั ว่าได้รับเงินจานวน 600,00 บาท จากโจทก์เพ่ือตอบ
แทนการเข้าทางานในบริษัทของโจทก์เท่านั้น จาเลยไม่ได้รับว่ากู้ยืมเงินโจทก์
ดังนั้นเม่ือสาเนารายงานประจาวันไม่มีข้อความใดที่ทาให้เข้าใจได้ว่าจาเลยยืมเงิน
โจทก์และตกลงจะใชค้ ืน สาเนารายงานประจาวันจงึ ไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมตาม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่ง ท่ีโจทก์จะฟอ้ งร้องให้
บงั คับคดีได้

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๑๒

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 3833/2563

จาเลยอยู่ในเหตุการณ์ท่ีห้องประชุมของโรงแรม กลุ่มคนร้ายแนะนา
จาเลยว่าเป็นผู้จัดการใหญ่ และจาเลยเป็นผู้ช้ีแจงรายละเอียดของการไปทางานที่
สาธารณรัฐเกาหลี ห้างหุ้นส่วนจากัด ก. นาย ป. นางสาว บ. และจาเลย ไม่ได้รับ
อนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพ่ื อไปทางานในต่างประเทศ ไม่ได้จดทะเบียนเป็น
ลูกจ้างหรือตัวแทนจัดหางานของบริษัทจัดหางานให้คนหางานเพื่ อไปทางานใน
ต่างประเทศ ไม่เป็นกรรมการ หุ้นส่วนหรือผู้จัดการของนิติบุคคลซ่ึงเป็นผู้รับ
อนุญาตจัดหางาน หรือของนิติบุคคลซ่ึงถูกเพิกถอนใบอนุญาตจัดหางานหรอื อยู่
ในระหว่างใช้สิทธิอุทธรณ์คาสั่งดังกล่าว ซ่ึงตามพฤติการณ์แห่งคดีบ่งชี้ได้ว่า
จาเลยกับพวกมีเจตนาร่วมสมคบกันเพื่ อหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหายต่าง ๆ
โดยใชว้ ิธีการวางแผนเปน็ กระบวนการและแบ่งหนา้ ทีก่ ันทาเปน็ ข้ันตอนมาตงั้ แตต่ ้น
จนสาเร็จผล แมจ้ ะไม่ปรากฏว่าจาเลยได้รับเงินจากผเู้ สยี หายตา่ ง ๆ ไปด้วยหรอื ไม่
กต็ าม ข้อเทจ็ จรงิ รบั ฟงั ไดโ้ ดยปราศจากสงสัยว่า จาเลยเป็นคนร้ายที่ร่วมกบั พวก
หลอกลวงผูเ้ สียหายว่า สามารถหางานในต่างประเทศไดแ้ ละโดยการหลอกลวงดัง
วา่ น้ัน ไดเ้ งนิ ไปจากผเู้ สยี หายดังกลา่ ว อันเปน็ ความผิดตามพระราชบัญญัตจิ ัดหา
งานและคมุ้ ครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 91 ตรี

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๑๓

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 3840/2563

ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ มาตรา 434 ที่
กาหนดให้ผู้ครองโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างจาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่ อความ
เสียหายท่ีเกิดขึ้นเพราะเหตุท่ีโรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างก่อสร้างไว้ชารุดบกพร่อง หรือ
บารุงรักษาไม่เพี ยงพอ เว้นแต่ผู้ครองได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเพ่ื อปัดปอ้ งมิให้
เกิดความเสียหายแล้ว เจ้าของต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนใช้บังคับตลอดถึงความ
บกพร่องในการปลูกหรือค้าจุนต้นไม้หรือกอไผ่ด้วย เม่ือได้ความว่าจาเลยเป็นผู้บริหาร
จัดการพ้ื นท่ีจอดรถ โดยจาเลยเข้าครอบครองพื้ นที่ดังกล่าวในฐานะผู้เช่าที่ดิน ลักษณะ
ทางกายภาพของพื้ นที่เช่าเป็นลานจอดรถแบบโล่ง 2 ลาน มีต้นไม้ใหญ่ปลูกอยู่โดยรอบ
การท่ีจาเลยรับมอบพื้ นท่ีดังกล่าวมาบริหารจัดการเป็นการดูแลลานจอดรถซ่ึงมีต้นไม้
ใหญ่จานวนมาก การยึดถือครอบครองพ้ื นท่ีเช่าในลักษณะเช่นน้ีย่อมรวมถึงไม้ยืนต้นที่
ปลูกไว้ด้วย การตรวจตราดูแลต้นไม้ในลานจอดรถ เพื่ อมิให้ก่อความเสียหายหรือเป็น
อันตรายแก่การให้บริการพ้ื นท่ีจอดรถอยู่ในความรับผิดชอบของจาเลยโดยตรง จาเลย
จึงต้องบารุงรักษาและดูแลค้าจุนต้นไม้ให้อยู่ในสภาพที่ม่ันคงแข็งแรงเพี ยงพอ เพ่ื อ
ไม่ให้เป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินในพ้ื นท่ีเช่าซึ่งจาเลยให้บริการจอดรถโดยเรียก
เก็บค่าตอบแทน ต้นไม้ใหญ่ที่หักลงมาทับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัย เมื่อพิ จารณาลา
ต้นตรงท่ีหักโค่น ปรากฏว่ามีสีดาเหมือนรอยผุของเนื้อไม้ และก่ิงไม้ด้านที่ลาต้นมีรอยสี
ดาเป็นกิ่งท่ีแห้งเปล่า ไม่ได้แตกใบเช่นอีกด้าน หากจาเลยตรวจตราตามสมควรก็น่าจะ
สังเกตเห็นและต้องดูแลป้องกันมิให้ต้นไม้ที่ลาต้นเร่ิมผุหักล้มก่อให้เกิดอันตราย แต่
จาเลยไม่ไดด้ าเนินการเพื่อปดั ปอ้ งมิให้เกิดเสียหายเช่นน้นั ส่วนท่วี นั เกิดเหตุมพี ายุฝนตก
หนักและลมพั ดแรง ส่ิงปลูกสร้างและต้นไม้อื่น ๆ ท่ีอยู่ในบริเวณเดียวกันไม่ได้หักโค่น
หรือได้รับความเสียหายจากพายุฝนดังกล่าว สภาพการณ์แสดงว่า พายุที่เกิดข้ึนเปน็ ไป
ตามฤดูกาล ไม่ได้มคี วามรุนแรงถึงขนาดท่ีจะก่อพิ บตั ิภยั อันไม่อาจจะหลกี พ้นได้ และหาก
จาเลยได้ดูแลค้าจุนหรือตัดแต่งต้นไม้เพ่ื อป้องกันการโค่นล้ม ความเสียหายก็จะไม่
เกิดข้ึน การที่เกิดความเสียหายในกรณีนี้เป็นเพราะจาเลยไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตาม
สมควร จาเลยในฐานะผู้ครองต้นไม้ท่ีก่อให้เกิดความเสียหาย จาต้องชดใช้ค่าสินไหม
ทดแทนเพื่อความเสียหายท่เี กิดขนึ้

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๑๔

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 3859/2563

นาย ส. ฟอ้ งคดีน้ีในฐานะเป็นตัวแทนโจทก์ มิได้ฟอ้ งเป็นการส่วนตัวในฐานะที่
นาย ส. เป็นเจ้าของร่วมและกรรมการโจทก์ จึงต้องพิ จารณาอานาจฟอ้ งของโจทก์ตาม
พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 และข้อบังคับของโจทก์ซึ่งตามข้อบังคับของโจทก์
กาหนดให้ผู้จัดการนิติบุคคลเป็นตัวแทนของโจทก์ปฏิบัติการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ
โจทก์และตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ ให้มีอานาจทานิติกรรมกับบุคคลอื่น และดาเนินการแจ้ง
ความร้องทุกข์ ใช้สิทธิเรียกร้องหรือดาเนินคดีตามกฎหมายทั้งทางแพ่ งและอาญา
ประนีประนอมยอมความท้ังทางแพ่ งและทางอาญากับผู้ที่ทาการละเมิดต่ออาคารชุดหรือทรัพย์
ส่วนกลางของอาคารชุด รวมทั้งดาเนินการบังคับคดีตามกฎหมาย ข้อบังคับของโจทก์
ดังกล่าวสอดคล้องกับพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 35 และมาตรา 36 (3)
ท่ีบัญญัติให้นิติบุคคลอาคารชุดมีผู้จัดการคนหน่ึงและให้ผู้จัดการเป็นผู้แทนนิติบุคคลอาคาร
ชุด ดังนั้น การฟอ้ งร้องดาเนินคดีแก่ผู้ท่ีกระทาละเมิดต่อโจทก์จึงเป็นหน้าท่ีของผู้จัดการ
โจทก์หาใช่เป็นหน้าท่ีของเจ้าของร่วมหรือกรรมการโจทก์ไม่ นาย ส. เป็นเพียงเจ้าของร่วมและ
กรรมการโจทก์ มิได้เป็นผู้จัดการโจทก์ รวมทั้งไม่ได้รับมอบอานาจจากโจทก์ให้ฟอ้ งร้อง
ดาเนินคดีน้ี ทั้งไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายหรือข้อบังคับของโจทก์ให้เจ้าของร่วมหรือ
กรรมการโจทก์ฟอ้ งร้องดาเนินคดีแทนโจทก์ได้ หากนาย ส. เห็นว่าจาเลยท้ังสี่ร่วมกันทา
ละเมดิ ต่อโจทก์โดยจาเลยที่ 1 ถงึ ที่ 3 รว่ มกันจา่ ยค่าชดเชยการเลิกจ้างให้แก่จาเลยที่ 4 โดยมิ
ชอบ นาย ส. ต้องแจ้งให้โจทก์เป็นผู้ดาเนินการ การท่ีนาย ส. เคยมีหนังสือแจ้งให้จาเลยท่ี 1
ในฐานะผู้จัดการโจทก์ฟอ้ งร้องดาเนินคดีแก่จาเลยที่ 2 และที่ 3 ถือได้ว่าเป็นการแจ้งเรื่องให้
โจทก์ดาเนินการแล้ว แต่จาเลยท่ี 1 เพิ กเฉย อันเป็นการกระทาที่เป็นปฏิปักษ์ต่อผลประโยชน์
ของโจทก์ ถือได้ว่าประโยชน์ได้เสียของนิติบุคคลขัดกับประโยชน์ได้เสียของผู้แทนของนิติ
บุคคลในเร่ืองดังกล่าว ในกรณีเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายที่จะยกมาปรับใช้ได้ ท้ังไม่ปรากฏว่ามี
จารีตประเพณีแห่งท้องถ่ินในกรณีเช่นน้ี จึงต้องอาศัยเทียบบทกฎหมายท่ีใกล้เคียงอย่างยิ่ง
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 4 โดยนาย ส. ในฐานะเจ้าของรว่ มและกรรมการ
ต้องร้องขอให้ศาลแต่งต้ังตัวเองหรือบุคคลใดบุคคลหน่ึงเป็นผู้แทนเฉพาะการเพื่ อฟอ้ งร้อง
ตลอดจนการดาเนินการอ่ืนท่ีเก่ียวข้องตามข้อบังคับของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่ งและ
พาณิชย์ มาตรา 75 แต่นาย ส. มิได้ดาเนินการร้องขอให้ศาลแต่งตั้งตนเองเป็นผู้แทนโจทก์
เฉพาะการตามประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ มาตรา 4 ประกอบมาตรา 75 แต่นาย ส.
ในฐานะเจ้าของรว่ มและกรรมการโจทก์ฟอ้ งคดแี ทนโทกเ์ สียเอง จงึ ไมม่ ีอานาจฟอ้ ง

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๑๕

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 3859/2563 (ตอ่ )

เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการชาระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จึงให้คา
พิ พากษามีผลถึงจาเลยท่ี 4 ซ่ึงมิได้ฎีกาและไม่ได้รับอนุญาตให้ฎีกาด้วย ตาม
ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 ประกอบมาตรา 252

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๑๖

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 4050/2563

ประมวลกฎหมายวิธีพิ จารณาความแพ่ ง มาตรา 47 เป็นบทบัญญัติท่ีใช้
สาหรับกรณีท่ีมีการทาหนังสือมอบอานาจเท่าน้ัน แม้ในวรรคสี่จะบัญญัติว่าบทบัญญัติ
ในมาตรา 47 วรรคหน่ึง ถึงวรรคสามดังกล่าวให้ใช้บังคับแก่ใบสาคัญและเอกสารอื่น ๆ
ทานองเช่นว่ามาน้ีซึ่งคู่ความจะต้องย่ืนต่อศาล ก็มีความหมายเพี ยงให้นาบทบัญญัติ
ดังกล่าวมาใชก้ ับเอกสารที่มีลักษณะเดียวกนั กับใบมอบอานาจเท่าน้ัน หามีความหมายถึง
เอกสารทุกฉบับท่ีออกจากต่างประเทศต้องผ่านการรับรองโดยโนตารีปับลิกไม่ ทั้งใน
วรรคสองของมาตรา 47 ก็เป็นกรณีเม่ือศาลมีเหตุอันสงสัยหรือเมื่อคู่ความอีกฝ่ายยื่น
คาร้องแสดงเหตุอันสมควรสงสัยว่าใบมอบอานาจที่ย่ืนต่อศาลไม่ใช่ใบมอบอานาจอัน
แท้จรงิ และศาลมีคาสัง่ ให้ปฏิบัติตามมาตรา 47 วรรคสาม แต่คดีนโี้ จทก์เปน็ ผู้ลงลายมือ
ชื่อท้ายคาฟอ้ งเอง มิได้จัดทาหนังสือมอบอานาจแต่อย่างใด ดังน้ี กรณีไม่อาจนา
บทบัญญัติ มาตรา 47 ประกอบพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลแขวงและวิธีพิ จารณาความ
อาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 มาใชบ้ งั คับกับคดนี ้ี

มาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติกาหนดความผิดเก่ียวกับห้างหุ้นส่วน
จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจากัด บริษัทจากัด สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. 2499 ก็มิได้บัญญัติ
ให้เจ้าหน้ี มีความหมายถึงเฉพาะบุคคลท่ีชนะคดีและคดีถึงที่สุดแล้วเท่าน้ัน แต่หมายถึง
เจ้าหนี้ซ่ึงจะใช้สิทธิเจ้าหน้ีที่มีต่อนิติบุคคลดังกล่าวบังคับการชาระหนี้จากนิติบุคคลนั้นใช้
หรอื น่าจะใช้สทิ ธทิ างศาลให้ชาระหน้ีด้วย การท่ีบรษิ ทั ท. โอนทรพั ยส์ ินและกิจการทั้งหมด
ไปให้ บริษัท อ. ย่อมเป็นเหตุให้บริษัท ท. ไม่อาจประกอบธุรกิจได้ต่อเนื่องจากไม่มี
ทรัพย์สิน ท้ังการโอนทรัพย์สินและกิจการดังกล่าวก็เป็นการโอนภายในกลุ่มบุคคล
เดียวกัน เนื่องจากบริษัท ท. ผู้โอน และบริษัท อ. ผู้รับโอน มีผู้ถือหุ้นและกรรมการใน
บริษัทเปน็ บุคคลในครอบครัวของจาเลยที่ 1 ถึงท่ี 3 ท้ังส้ิน แสดงให้เห็นว่าเป็นการโอน
โดยสมยอมกนั การท่บี ริษทั ท. โดยจาเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ซ่งึ เปน็ กรรมการ ได้โอนทรัพย์สิน
และกิจการทง้ั หมดรวมทั้งบัตรส่งเสริมการลงทนุ ใหบ้ ริษัท อ. เปน็ การกระทาโดยมีเจตนา
พิ เศษเพ่ื อมิให้โจทก์ได้รับชาระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนการกระทาของจาเลยที่ 1 ถึงที่ 3
จึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติกาหนดความผิดเก่ียวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน
หา้ งห้นุ สว่ นจากดั บริษัทจากัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 40

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๑๗

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 4215/2563

โจทกเ์ ป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ เมอ่ื โจทก์ชาระค่าซ่อมรถยนต์ทโ่ี จทก์รับ
ประกันภัยเพื่ อชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย โจทก์ย่อมเข้ารับช่วง
สิทธิของผู้เอาประกันภัยที่มีอยู่ในมูลหนี้ต่อจาเลยท้ังสอง ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้
ต้องรับผิดต่อผู้เอาประกันภัยตามประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ มาตรา 880
วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 226 วรรคหนึ่ง สิทธิของโจทก์ย่อมเป็นเช่นเดียวกับผู้
เอาประกันภัย โดยเม่ือผู้เอาประกันภัยมีสิทธิฟอ้ งในมูลละเมิดภายในกาหนดอายุ
ความ 1 ปี นับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึ งต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ตาม
ประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่ง โจทก์ในฐานะผู้รับช่วง
สิทธิจากผู้เอาประกันภัยก็ต้องฟ้องคดีภายในกาหนด 1 ปี นับแต่วันท่ีผู้เอา
ประกันภยั รถู้ งึ การละเมิดและร้ตู วั ผู้จะพึงต้องใชค้ ่าสนิ ไหมทดแทนเชน่ กัน

โจทก์นาคดีมาฟอ้ งวันที่ 28 สิงหาคม 2561 เกินกาหนดไป 1 วัน ฟอ้ ง
โจทก์จึงขาดอายุความ เมื่อโจทก์ฟอ้ งให้จาเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดในมูลความ
แห่งคดีอันเป็นการชาระหน้ีซึ่งแบ่งแยกจากกันมิได้ แม้จาเลยที่ 1 ขาดนัดย่ืน
คาให้การแต่จาเลยท่ี 2 ผู้เป็นคู่ความร่วมกันได้ให้การต่อสู้ในเรื่องอายุความไว้ การ
ด าเนิ นกระบวนพิ จา รณาซึ่ งได้ ท าโดยจ าเลย ท่ี 2 ถื อว่ าได้ ท าโดยจ าเล ย
ที่ 1 ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59 (1) และแม้จาเลย
ที่ 1 มไิ ด้ฎีกาแต่เม่ือฟอ้ งโจทก์ขาดอายคุ วาม ศาลฎีกายอ่ มมีอานาจพิพากษาให้มีผล
ถึงจาเลยท่ี 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 (1) ประกอบ
มาตรา 252 ทแี่ ก้ไขใหม่

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๑๘

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 4223/2562

โ จ ทก์ ฟ้องว่ า จ าเ ล ย ลักเ งิ นสด 196,791 บาท ข องบริ ษั ท ซ.
ผู้ เ สี ย ห า ย ซ่ึ ง เ ป็ น น า ย จ้ า ง ข อ ง จ า เ ล ย เ ห็ น ว่ า จ า เ ล ย ลั ก ท รั พ ย์ น า ย จ้ า ง
แม้พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเร่ืองร้ายแรง แต่จาเลยพยายามบรรเทาผลร้ายโดยนา
เงินสดมาชดใช้ให้ผู้เสียหายจนครบถ้วนแล้ว การที่ผู้เสียหายแถลงว่าในคดีอาญา
ให้อยู่ในดุลพินจิ ของศาล นา่ เชือ่ ว่า ผเู้ สียหายไม่ติดใจดาเนนิ คดอี าญากบั จาเลยอกี
ตอ่ ไปแล้ว เนื่องจากถ้าผู้เสยี หายยังตดิ ใจดาเนนิ คดีอาญากบั จาเลยอยผู่ ู้เสยี หายก็
ต้ อ ง แ ถ ล ง ม า ใ ห้ ชั ด เ จ น เ มื่ อ ไ ม่ ป ร า ก ฏ ว่ า จ า เ ล ย เ ค ย ไ ด้ รั บ โ ท ษ จ า คุ ก ม า ก่ อ น
และจาเลยก็ไม่เคยถูกฟอ้ งคดีอาญากับจาเลยไม่เคยมีประวัติเก่ียวข้องกับยาเสพ
ติดให้โทษ อีกทั้งเจ้าพนักงานคุมประพฤติก็รายงานมาว่าจาเลยอยใู่ นวิสัย ท่ีจะคุม
ความประพฤติได้ เม่ือพิ จารณาประกอบกับปัจจุบันน้ี ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 56 ได้เปิดกว้างให้รอการลงโทษได้มากข้ึน กรณีเห็นสมควรรอการลงโทษ
ให้จาเลย

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๑๙

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 4281/2562

ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทาความผิดเกี่ยวกับยา
เสพติด ด้วยการเปิดบัญชีเงินฝากเพื่ อให้ผู้กระทาความผิดโอนเงินค่ายาเสพติดเข้าฝาก
และเบกิ ถอนออกไปเชน่ น้ี ยอ่ มเปน็ การยากทีโ่ จทก์จะนาสืบด้วยประจกั ษ์พยาน เพราะเป็น
เรื่องท่ีอยู่ในความรู้เห็นของกลุ่มผู้กระทาความผิดโดยเฉพาะ ดังนั้น จาต้องอาศัยพยาน
พฤติเหตุแวดล้อมกรณีมาประกอบโจทก์ มีร้อยตารวจโท จ. และร้อยตารวจโท ก. เป็น
พยานเบิกความสรุปได้ว่า ภายหลังจากมีการจับกุม นาย ป. ในข้อหามีเมทแอมเฟตามีน
ไว้ในครอบครองเพื่ อจาหน่ายแล้วพยานทั้งสองได้ร่วมกันสืบสวนขยายผล สอบปากคา
นาย ป. ได้ความว่า รับเมทแอมเฟตามีนจากนาย ช. ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง และ
นาย ห. เม่ือขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ลูกค้าแล้ว ลูกค้าจะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากท่ีได้
เปิดไว้หลายบัญชี รวมท้ังบัญชีของจาเลยด้วย ซึ่งนาย ป. จ้างให้เปดิ บัญชีไว้รับโอนค่า
ยาเสพติดให้ญาติของนาย ช. และนาย ห. พบใบโอนเงินจากบัญชีของจาเลยเข้าบัญชี
ของนางสาว ว. ที่ภริยานาย ช. และบัญชีของนางสาว ย. ภริยานาย ห. ตรวจสอบ
โทรศัพท์เคลื่อนท่ีของนาย ป. พบว่า มีการส่งข้อความให้บุคคลอื่นโอนเงนิ เข้าบัญชขี อง
จาเลย และมีบันทึกหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนท่ีของจาเลยไว้ด้วย โจทก์มีนางสาว ส.
ภริยานาย ป. มาเบิกความสนับสนุนว่าในช่วงเวลาเกิดเหตุ พยานอย่กู ินเปน็ สามีภริยากับ
นาย ป. ขณะนาย ป. ถกู จับกุมเจา้ พนักงานตารวจยึดยาเสพติดของกลางได้ในบ้านที่พั ก
อาศัยอยู่ด้วยกัน นาย ป. ให้จาเลยซ่ึงเป็นเพ่ื อนกันเปิดบัญชีเงินฝากพร้อมทาบัตร
เอทีเอ็มไว้ให้เพื่ อรับโอนเงินค่ายาเสพติดจากลูกค้า แล้วใช้บัตรเอทีเอ็มเบิกถอนเงินโอน
ไปให้เจ้าของยาเสพติด เม่ือพยานโจทก์ทั้งสามปากเบิกความถึงการกระทาความผดิ ของ
จาเลยได้สอดคล้องเช่ือมโยงกันเป็นลาดับ โดยยืนยันตรงกันว่าการเปิดบัญชีเงินฝาก
ของจาเลยกระทาขนึ้ เพ่ือรับโอนเงนิ คา่ ยาเสพติดของนาย ป. ซ่งึ ในชน้ั สอบสวนพยานทั้ง
สามก็ให้การไว้ในทานองเดียวกันโดยไม่ปรากฏข้อพิ รุธ นางสาว ส. เปน็ เพ่ื อนกับจาเลย
ในคดีที่นางสาว ส. ถูกฟอ้ งในข้อหาสมคบกับนาย ป. กระทาความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
นางสาว ส. ก็ได้ให้การรับสารภาพจึงไม่มีเหตุท่ีจะให้การและเบิกความซัดทอดจาเลย เจ้า
พนักงานตารวจยึดสมุดเงินฝากและบตั รเอทีเอ็มของจาเลยได้จากนางสาว ส. มิใชย่ ดึ ได้
จากนาย ป. โดยตรง แต่ในช่วงเวลา เกดิ เหตุบคุ คลทงั้ สองอยูก่ นิ เปน็ สามภี ริยากัน

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๒๐

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 4281/2562 (ต่อ)

นางสาว ส. เบิกความยืนยันว่า นาย ป. ให้จาเลยซ่ึงเปน็ เพื่ อนกันเปิดบัญชีเงินฝากไว้ให้
และเก็บไว้ในรถยนต์ท่ีนางสาว ส. กับนาย ป. ใช้ร่วมกัน แล้วนาย ป. ใช้บัญชีเงินฝาก
ของจาเลยรับโอนเงินค่ายาเสพติดจากลูกค้า เจ้าพนักงานตารวจยึดโทรศัพท์เคลื่อนท่ีได้
จากนาย ป. เ ป็ น ข อ ง ก ล า ง ด้ ว ย แ ล ะ ต ร ว จ ส อ บ พ บ ว่ า มี ก า ร บั น ทึ ก ห ม า ย เ ล ข
โทรศัพทเ์ คลื่อนท่ีของจาเลยไว้ด้วย แสดงใหเ้ ห็นว่าจาเลยรู้จักคุ้นเคยกับนาย ป. จริงอีก
ท้งั ไดค้ วามวา่ ในโทรศัพท์เคล่ือนที่ของนาย ป. มกี ารพู ดคุยทางแอปพลิเคชันไลน์แจ้งให้
บุคคลอ่ืนโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของจาเลยอย่างชัดเจน นับแต่วันท่ีจาเลยเปิดบัญชี
เงินฝากถึงวันที่นาย ป. ถูกจับกุม รวมเวลา 2 เดือนเศษ มีการโอนเงินเข้าฝากและถอน
ออกจากบัญชีของจาเลยสูงถงึ เกอื บ 300,000 บาท บางวนั มกี ารเคลอื่ นไหวทางบัญชี
หลายคร้ังเป็นพิ รุธ เม่ือประมวลพยานหลักฐานของโจทก์และพฤติการณ์แห่งคดีเข้า
ด้วยกันแล้ว มีน้าหนักม่ันคงรับฟงั ได้ว่าจาเลยสนับสนุนการกระทาความผิดเกี่ยวกับยา
เสพติดของนาย ป. ด้วยการเปิดสมุดบัญชีเงินฝากเพ่ื อให้นาย ป. ใช้รับโอนเงินค่ายา
เสพติดจากลูกค้าจริงตามฟอ้ ง การกระทาความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือช่วยเหลือ
ผู้กระทาความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อหรือขณะกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติ
มาตรการในการปราบปรามผู้กระทาความผิดเก่ียวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 6
วรรคหน่ึง (1) ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น จึงต้องระวางโทษ
จาเลยเชน่ เดยี วกับนาย ป. จาเลย เมื่อขอ้ เท็จจรงิ ได้ความว่าการกระทาความผิดของนาย
ป. ตอ้ งด้วยบทกาหนดโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66
วรรคสาม พิ พากษาแก้เป็นว่า จาเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการ
ปราบปรามผู้กระทาความผิดเก่ียวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง (1)
ประกอบพระราชบญั ญัตยิ าเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) (ท่ีแก้ไข
ใหม่), 66 วรรคสาม

หมายเหตุ การปรับบทลงโทษน้ี น่าจะนาไปใช้กับการปรับบทต าม
พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทาความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.
2534 มาตรา 8 วรรคสอง ทต่ี ้องประกอบกับความผิดทไ่ี ด้กระทาลง

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๒๑

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 4316/2563

พั นตารวจโท ส. กับเจ้าพนักงานตารวจชุดจับกุมได้จับนาย ณ.
พร้อมยึดเมทแมเฟตามีน 1,122 เม็ด และเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ด 3.2 กรัม
เป็นของกลาง ณ ที่บ้านของนาย ณ. นาย ณ. เบิกความเป็นพยานโจทก์ถึง
ข้อเท็จจริงเก่ียวกับพฤติกรรมการกระทาความผิดของจาเลยสอดคล้องตรงกัน
กับบันทึกการจับกุมนาย ณ. ตลอดจนคาให้การของนาย ณ. ในช้ันจับกุมและช้ัน
สอบสวน วา่ เมทแอมเฟตามีนของกลางท้ังหมดเป็นของจาเลยนามาฝากนาย ณ.
ไว้ แม้นาย ณ. มาเบิกความเป็นพยานต่อหน้าศาลโดยตรงก็ตาม แต่คาเบิกความ
ของนาย ณ. ตลอดจนคาให้การในชั้นจับกุมและช้ันสอบสวนล้วนมีลักษณะเป็นคา
ซัดทอดของผู้ร่วมกระทาความผิด พันตารวจโท ส. พร้อมเจ้าพนักงานตารวจชุด
จับกุม ไม่พบเห็นจาเลยอยู่ที่บ้านเกิดเหตุ และเจ้าพนักงานตารวจชุดจับกุมก็ไม่มี
คนใดท่ีเห็นจาเลยหลบหนีออกจากบ้านเกิดเหตุ ทั้งท่ีบ้านเกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้น
เดียวยกพ้ื นสูงแม้มีห้องเก็บของอยู่ใต้ถุนบ้านก็ตาม นอกจากนี้ตามคาเบิกความ
ของพั นตารวจโท ส. ว่าตอนจับกุมนาย ณ. ได้สอบถามนาย ณ. ซึ่งอ้างว่าขณะ
เจ้าพนักงานตารวจเข้ามาจาเลยก็ยังอยู่กับนาย ณ. ซึ่งแตกต่างจากท่ีนาย ณ.
เบิกความว่า เมื่อเจ้าพนักงานตารวจขึ้นมาหานาย ณ. บนบ้าน สอบถามว่าจาเลย
อยู่ที่ไหนเน่ืองจากมีสายลับแจ้งว่าจาเลยกับนาย ณ. ร่วมกันจาหน่ายยาเสพติด
นาย ณ. ตอบว่าจาเลยไม่ได้อยู่บ้าน พยานโจทก์จึงขัดแย้งเป็นพิรุธให้เกิดข้อควร
สงสัยอยู่ว่า จาเลยเกี่ยวข้องกับเมตแอมเฟตามีนของกลางดังที่นาย ณ. กล่าว
อา้ งตอ่ เจ้าหน้าทต่ี ารวจจรงิ หรอื ไม่ เมือ่ โจทก์ไม่มีพยานโจทก์คนใดเห็นจาเลยอยู่ใน
ท่ีเกิดเหตุเลยในวันที่จับกุมนาย ณ. ลาพั งคาซัดทอดของนาย ณ.เพี ยงประการ
เดียวซึง่ ลว้ นเป็นพยานบอกเลา่ จงึ ไม่เพียงพอฟงั ลงโทษจาเลยได้

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๒๒

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 4320/2562

จากคาเบิกความของผู้เสียหาย ไม่ปรากฏว่าจาเลยที่ 3 ซึ่งเป็นคนที่น่ัง
ซ้อนรถจักรยานยนต์เป็นคนกลางไปกับจาเลยท่ี 1 และที่ 2 ได้กระทาอย่างไรที่แสดงให้
เหน็ ว่ามลี ักษณะร่วมกระทาความผดิ กับจาเลยที่ 1 และที่ 2 พฤตกิ ารณ์ท่ีจาเลยท่ี 1 และท่ี
2 กระทาความผิดก็เกิดโดยไม่ปรากฏวา่ มีการวางแผนกนั ล่วงหน้ามาก่อนว่าจะร่วมกันไป
กระทาความผดิ พยานหลักฐานโจทก์นอกจากน้ีคงมีเพี ยงคารบั สารภาพชั้นจับกมุ ว่าร่วม
กระทาความผิดกับจาเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งต้องห้ามมิให้รับฟงั ตามประมวลกฎหมายวิธี
พิ จารณาความอาญา มาตรา 84 วรรคท้าย แม้จาเลยท่ี 3 จะเขียนคาให้การรับสารภาพ
ดังกล่าวตามบันทึกคารับสารภาพเอกสารหมาย จ.13 ด้วยลายมือตนเอง และโจทก์มี
ดาบตารวจ ว. ผู้จับกุมจาเลยท้ังสามเบิกความรับรองว่าจาเลยท้ังสามเป็นผู้เขียน
ข้อความด้วยตนเอง และลงลายมือช่ือทา้ ยบันทึกต่อหนา้ พนักงานตารวจ ผู้เสียหาย ท้ัง
มีญาติจาเลยอยู่ด้วย แต่ดาบตารวจ ว. ก็เบิกความตอบโจทก์ถามติงยอมรับว่าการทา
บันทึกดังกล่าวกระทาต่อหน้าเจ้าพนักงานตารวจผู้อื่น พยานไม่มีส่วนรู้เห็น นอกจากนั้น
ตามบันทึกคารับสารภาพเอกสารหมาย จ.13 ก็มีเพี ยงลายมือชื่อของจาเลยที่ 3 เท่านั้น
หามีลายมือชื่อของญาติของจาเลยท่ี 3 หรือผู้เสียหายดังที่ดาบตารวจ ว. เบิกความ ทา
ให้มีเหตุน่าระแวงว่าการทาบันทึกคารับสารภาพดังกล่าวจะกระทาต่อหน้าญาติของจาเลย
ที่ 3 จริงหรือไม่ ข้อความที่กล่าวถึงนาย ช. ผู้เสียหายนั้นก็ใช้สรรพนามว่าผู้เสียหาย ซ่ึง
เปน็ สรรพนามท่ีใช้เรยี กผทู้ ่ไี ด้รับความเสียหายตามกฎหมาย จึงไมน่ ่าเช่ือว่าจาเลยที่ 3 จะ
ใช้ถ้อยคาได้ถูกต้องหากเจ้าหน้าที่ผู้จัดทาไม่ได้บอกหรือแนะนา ลาพั งเพี ยงคาให้การรับ
สารภาพดังกล่าว แม้จะกระทาข้ึนโดยมิได้มีการขู่เข็ญ จูงใจ และสอดคล้องกับคาเบิก
ความของผู้เสียหายและดาบตารวจ ว. หรือสอดคล้องกับคาให้การซัดทอดของจาเลยที่
1 และท่ี 2 ดังท่ีโจทก์ฎีกา ก็ไม่มีน้าหนักแน่นเพี ยงพอให้รับฟงั ได้โดยปราศจากข้อสงสัย
ว่า จาเลยท่ี 3 ร่วมกระทาความผิดกับจาเลยที่ 1 และที่ 2 คดีไม่อาจรับฟงั ได้ว่าจาเลยที่
3 รว่ มกระทาความผิดกับจาเลยท่ี 1 และท่ี 2 การกระทาของจาเลยที่ 1 และท่ี 2

จึงเปน็ เพียงความผดิ ฐานชงิ ทรพั ย์มใิ ช่ปลน้ ทรัพย์

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๒๓

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 4330/2562

จาเลยท่ี 1 ซง่ึ เป็นลกู จ้างของจาเลยท่ี 2 ขับรถหัวลากและรถพ่วงท่ีมีจาเลยท่ี
3 เป็นผู้รับประกันภัยถึงที่เกิดเหตุซ่ึงเป็นทางโค้งขณะเสพสารเสพติดเป็นเหตุให้ตู้คอนเทน
เนอร์ท่ีบรรทุกมาบนรถพ่ วงหล่นลงไปทับรถยนต์ตู้ ซ่ึงมีนาย ณ. เป็นผู้ขับ และโจทก์เป็น
ผู้รับประกันภัย โจทก์ชาระค่าสินไหมทดแทนให้แก่ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ผู้รับ
ประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยโจทก์ฟอ้ งคดีน้ีซึ่งการนับระยะเวลาอายุความต้องอยู่ใน
บังคับของหลักท่ัวไปตามประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ มาตรา 193/3 วรรคสอง ซึ่ง
กาหนดมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลาน้ันรวมเข้าด้วยกัน จึงเร่ิมนับอายุในวันรุ่งข้ึน คดีน้ีเกิด
เหตุละเมิดในวันท่ี 3 กุมภาพันธ์ 2557 โดยผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึ่งต้องใช้
ค่าสินไหมทดแทนในวันดังกล่าว การนับอายุความต้องเริ่มนับตั้งแต่วันท่ี 4 กุมภาพั นธ์
2557 และจะครบกาหนด 1 ปี ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 โจทก์ฟอ้ งจาเลยทั้งสามวันที่ 3
กุมภาพั นธ์ 2558 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ นอกจากคดีนี้นาย ป. และนาย อ. ร่วมกัน
เปน็ โจทกย์ น่ื ฟอ้ งจาเลยท้ังสามในคดีน้ีเป็นจาเลยโดยนาย อ. เปน็ ผู้เชา่ ซ้ือรถยนตต์ หู้ มายเลข
ทะเบียน 14 – 7585 กรุงเทพมหานคร จากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย แล้วนาไปทา
สัญญาประกอบการรถโดยสารประจาทางรถตู้โดยสารปรบั อากาศกับองค์การขนส่งมวลชน
กรุงเทพ ต่อมานาย อ. ตกลงขายรถยนต์ตู้คันดังกล่าวพร้อมเส้นทางประกอบการรถยนต์
โดยสารให้แก่ นาย ป. และให้ผ่อนชาระค่าเช่าซื้อกับธนาคารต่อไป โดยนาย ป. ฟอ้ งคดี
ดงั กล่าวเพื่อเรยี กรอ้ งค่าเสยี หายประกอบดว้ ย คา่ ซือ้ รถยนตต์ สู้ ว่ นท่ีเกิน 750,000 บาท ที่
โจทก์ชาระแก่ผู้รับประโยชน์ไปและค่าเส้นทางประกอบการรถยนต์โดยสารจากนาย อ. ค่าเช่า
ซอ้ื ทน่ี าย ป. ผอ่ นชาระใหแ้ กธ่ นาคารในนามของนาย อ. ค่าขาดประโยชน์จากการทามาหาได้ค่า
ผลประโยชน์ท่ีต้องชาระให้แก่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ค่ารถยกและท่ีจอดเก็บซากรถ
ตลอดจนค่าใช้จ่ายอ่ืน ๆ ส่วนนาย อ. เรียกร้องค่าเสียหายประกอบด้วยค่าเช่าซื้อค้างชาระท่ี
ต้องจ่ายให้แก่ธนาคารนอกเหนือจากส่วนที่ธนาคารได้รับชดใชค้ ่าสินไหมทดแทนจากโจทกใ์ น
คดนี ้ี คา่ สินไหมทดแทนท่จี าเลยท่ี 3 ชาระให้แกโ่ จทก์ทัง้ สองในคดดี ังกล่าวจึงเป็นคา่ เสยี หาย
สว่ นทอ่ี ยู่นอกเหนือจากท่ีโจทก์ชดใช้ให้แกธ่ นาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จงึ ไม่อาจนาเงินที่
จาเลยที่ 3 ชาระในคดีดงั กลา่ วมาหักลบกับคา่ สินไหมทดแทน ที่โจทกช์ ดใชแ้ ก่ธนาคารแล้วรับ
ช่วงสิทธมิ าฟอ้ งเปน็ คดนี ีไ้ ด้

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๒๔

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 4373/2562

มูลหนี้ตามเช็คพิ พาทเกิดจากการท่ีจาเลยกู้เงินโจทก์ แต่เมื่อโจทก์
ทวงถามให้จาเลยชาระหน้ี จาเลยไม่สามารถชาระหนี้ให้โจทก์ จาเลยจึงออกเช็ค
พิพาทให้โจทก์ โดยโจทก์รเู้ ห็นเหตกุ ารณ์ตั้งแต่จาเลยประสงค์ขอเปิดบัญชีกระแส
รายวันกับธนาคารยูโอบี จากัด (มหาชน) สาขาสุขุมวิท 26 จาเลยกลับไปเอา
เอกสารท่ีอพาร์ตเมนต์ของจาเลยแล้วเดินทางไปขอเปิดบัญชีกระแสรายวันที่
ธนาคารยูโอบี จากัด (มหาชน) สาขาเมกาบางนา แทน อันเป็นข้อบ่งชี้ชัดว่า ขณะ
จาเลยออกเช็คพิพาทให้แก่โจทก์นั้น น่าเช่ือว่าโจทก์ทราบฐานะการเงินของจาเลย
ดีกว่า จาเลยไม่มีเงินเพียงพอท่ีจะใช้หน้ีได้ เมื่อหนังสือสัญญากู้เงินตามกฎหมาย
ใหม่เอกสารหมาย จ.1 มีผลบังคบั จาเลยในทางแพ่งอยู่แลว้ แตโ่ จทกก์ ย็ ังตอ้ งการ
ให้มีผลดีย่ิงขึ้นจึงให้จาเลยออกเช็คพิ พาทส่ังจ่ายเงินไว้ด้วยเพราะหากเรียกเก็บ
เงินตามเช็คพิ พาทไม่ได้ จาเลยก็อาจมีความผิดทางอาญาซ่ึงจะเป็นผลให้จาเลย
ต้องขวนขวายหาเงินมาใช้โจทก์ให้จงได้ จาเลยจึงตกอยู่ในภาวะท่ีถูกโจทก์บีบ
บังคับให้จาต้องออกเช็คพิ พาท โจทก์รับเช็คพิ พาทไว้จากจาเลยเพื่ อเป็นประกัน
การชาระหน้ีตามหนังสือสัญญากู้เงินตามกฎหมายใหม่เอกสารหมาย จ.1 และเพ่ือ
ใช้เช็คพิ พาทดาเนินคดีอาญาแก่จาเลยในการบีบบังคับให้จาเลยชาระหน้ีตาม
หนังสือสัญญากู้เงินตามกฎหมายใหม่ดังกล่าว จึงจะถือว่าจาเลยออกเช็คโดย
เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คออกเช็คในขณะที่ไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึ ง
ให้ใชเ้ งินได้ หรอื ออกเช็คให้ใชเ้ งนิ มีจานวนสงู กว่าจานวนเงินท่ีมีอยใู่ นบญั ชีหาได้ไม่
จาเลยจึงไมม่ ีความผดิ ตามท่โี จทก์ฟอ้ ง

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๒๕

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 4518/2562

โจทก์มีร้อยตารวจเอก ป. และร้อยตารวจตรี ถ. เจ้าพนักงานตารวจ
เบิกความทานองเดีนวกันว่า ถนัดได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีคนร้ายขนเมทแอม
เฟตามีนโดยใช้รถเก๋ง สีขาว จนกระท่ังเวลา 3.30 นาฬิ กา มีรถเก๋ง ย่ีห้อโตโยต้า
สีขาว แล่นผ่านจดุ สกัด พยานทั้งสองเรียกให้จอดตรวจคน้ จาเลยที่ 1 เป็นคนขับ
จาเลยท่ี 4 นัง่ ขา้ งคนขบั จาเลยท่ี 2 และที่ 3 น่ังดา้ นหลงั ตรวจค้นภายในรถยนต์
พบกระเปา๋ สนี า้ ตาลแบบสะพายวางอย่ทู ่ีเบาะน่งั ดา้ นหลังตรงกลางระหวา่ งจาเลยที่
2 และท่ี 3 ภายในกระเป๋ามีเมทแอมเฟตามีน 907 เม็ด แบง่ บรรจใุ นถงุ พลาสติกสี
ดา 5 ใบ และเมทแอมเฟตามีน ชนดิ เกล็ดสีขาว 1 ถงุ จาเลยที่ 1 ใหก้ ารรับสารภาพ
จาเลยท่ี 2 ถึงท่ี 4 ให้การปฏิเสธว่าเพี ยงแต่นั่งรถมากับจาเลยที่ 1 โดยไม่แจ้ง
รายละเอยี ด จากการตรวจสอบประวัติจาเลยที่ 1 และที่ 2 มปี ระวตั ิกระทาความผิด
เก่ียวกับยาเสพติดให้โทษมาก่อน และจาเลยที่ 1 และท่ี 4 เคยถูกฟอ้ งคดีร่วมกัน
ฟอกเงิน จาเลยท้ังส่ีถูกตรวจค้นจับกมุ เป็นเวลา 3.30 นาฬิ กา เป็นเวลากลางดึก
ไม่ใช่เวลาที่คนปกติทั่วไปจะสญั จรหรือเดินทางไปติดต่อธุรกิจกบั ผ้ใู ด การที่จาเลย
ท่ี 1 นาเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ดและชนิดเกล็ดสีขาวซ่ึงมีปริมาณคานวณเปน็ สาร
บริสุทธ์ิมากถึง 67.055 กรัม เดินทางจากอาเภอลาลูกกา จังหวัดปทุมธานี ผ่าน
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าไปในเขตอาเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ย่อมเป็น
ภารกิจหลักที่ต้องเร่งรีบดาเนินการให้เสร็จส้ินโดยเร็ว ไม่ใช่แชเชือนเที่ยวแวะดูไก่
ชนตามบ้านผู้อ่ืน ทั้งต้องกระทาการอย่างระมัดระวัง ปกปิดเป็นความลับ ไม่ให้
ผู้อื่นล่วงรู้ความลับน้ี เพราะอาจทาให้เสื่อมเสียอิสรภาพถูกเจ้าพนักงานตารวจ
ตรวจค้นจับกุม การท่ีจาเลยที่ 1 ยอมให้จาเลยที่ 2 ถึงท่ี 4 ร่วมเดินทางไปด้วย
ทั้งยังวางกระเป๋าสีน้าตาลซึ่งภายในมีเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ดและชนิดเกล็ดสี
ขาวของกลางปริมาณมากไว้ที่เบาะน่ังด้านหลังระหว่างจาเลยท่ี 2 และท่ี 3 โดย
เปิดเผย แสดงวา่ จาเลยท่ี 1 มีความไว้วางใจจาเลยท่ี 2 ถึงท่ี 4 เป็นอย่างมาก และ
ยอมให้จาเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ร่วมรู้เหน็ การส่งมอบยาเสพตดิ ใหโ้ ทษของกลาง

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๒๖

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 4518/2562 (ตอ่ )

ดงั กลา่ วแก่ผอู้ ื่น หากไมใ่ ชพ่ วกเดียวกันแล้วก็คงไม่กระทาการเชน่ นั้น พฤติการณ์
จึงน่าเช่ือว่าจาเลยท่ี 2 ถึงที่ 4 ร่วมรู้เห็นถึงการท่ีจาเลยท่ี 1 มียาเสพติดให้โทษ
ของกลางและมีส่วนร่วมในการท่ีจะนายาเสพติดให้โทษดังกล่าวไปส่งมอบให้ผู้อื่น
ที่จาเลยท่ี 2 ถึงท่ี 4 นาสืบว่าจาเลยที่ 1 แวะรับเมทแอมเฟตามีนจากลูกน้องของ
นาย ส. ระหวา่ งทางไปอาเภอปา่ โมก ลกู น้องของนาย ส. นาเมทแอมเฟตามีนชนิด
เม็ดและชนิดเกลด็ สขี าวมาให้ เกินจากทีจ่ าเลยที่ 1 ส่ังซือ้ กด็ ี จาเลยที่ 1 และท่ี 2 ไป
อาเภอปา่ โมกเพื่อดูและซอ้ื ไกช่ นจากคนรักของจาเลยท่ี 4 กด็ ี ซ่งึ จาเลยที่ 4 นั่งรถ
มาด้วยเพ่ือบอกทางไปร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการนา้ มันนั้น ลว้ นเป็นข้อเท็จจริง
ที่เพิ่ มข้ึนมาเพ่ื อใช้เป็นเหตุอ้างอิงถึงการท่ีจาเลยที่ 2 ถึงที่ 4 นั่งโดยสารมาใน
รถยนต์ของจาเลยท่ี 1 ซึ่งนายาเสพติดโทษจานวนมากติดตัวมาด้วยเท่าน้ันไม่มี
น้าหนักหกั ลา้ งพยานหลักฐานโจทก์

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๒๗

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 4524/2562

ปัญหาการครอบครองอยู่ที่ใคร จึงมีความสาคัญในการวินิจฉัยว่า
การเอาไปจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์และยักยอก การท่ีโจทก์บรรยายฟอ้ งว่า
จาเลยทัง้ สองรว่ มกนั กระทาความผดิ โดยทุจริตต่อโจทกห์ ลายบทหลายกรรม โดย
จาเลยที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการ โจทก์ได้รับมอบหมายให้ครอบครองจัดการ
ทรัพย์สินโจทก์ มีอานาจลงลายมือชื่อเบิกถอนเงินเพ่ือชาระหน้ีโจทก์ตามกฎหมาย
จาเลยที่ 1 กระทาผิดหน้าท่ีของตนสั่งจ่ายเช็คขีดคร่อมและเช็คเงินสด 11 ฉบับ
จากบัญชโี จทกใ์ หจ้ ่ายเขา้ บัญชจี าเลยท่ี 2 หรอื แก่ผูถ้ ือและจาเลยท่ี 2 เปน็ ผู้ถอื เช็ค
ไปถอนเงินจาเลยท้ังสองร่วมกันลักทรัพย์และเบียดบังเอาทรัพย์สินเป็นเงินใน
บัญชีของโจทก์ในฐานะนายจ้าง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
22, 83, 90, 91, 334, 335 (7) (11), 352, 353 แสดงว่า โจทก์เองก็ไม่ทราบว่า
ความจริงเป็นอย่างไร เป็นฟอ้ งท่ีขัดกันเองและขัดต่อลกั ษณะความผิดเป็นฟอ้ งท่ี
ขาดองค์ประกอบความผดิ ฐานลกั ทรพั ยแ์ ละยกั ยอก ไม่ชอบดว้ ยประมวลกฎหมาย
วิธีพิ จารณาความอาญา มาตรา 158 (5) การท่ีศาลจะมีอานาจพิ พากษาลงโทษ
จาเลยตามข้อเท็จจริงท่ีได้ความแตกต่างกับฟอ้ งตามมาตรา 192 ได้น้ัน จะต้อง
เป็นเรื่องท่ีคาฟอ้ งของโจทก์ได้บรรยายมาถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา 158 (1)
ถึง (7) เสียก่อน หากเป็นฟอ้ งท่ีไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลจะต้องพิ พากษายก
ฟอ้ งโดยไม่ต้องพิจารณาการสืบพยานของคู่ความแต่อย่างใดตามกรณีดังกล่าว
ศาลย่อมไม่มอี านาจพิพากษาลงโทษจาเลยตามขอ้ เท็จจริงทีพ่ ิจารณาได้ความตาม
ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ได้

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๒๘

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 4580/2562

ในคดีผู้บริโภคการใช้สิทธิของผู้ประกอบธุรกิจจะต้องกระทาด้วยความ
สุจริตโดยคานึงถึงมาตรฐานทางการค้าที่เหมาะสมภายใต้ระบบธุรกิจที่เป็นธรรมตาม
มาตรา 12 บทบัญญัตมิ าตราน้ี จึงวางมาตรฐานในเร่ืองความสุจริตของผู้ประกอบธุรกิจ
ไว้สูงกว่าบุคคลทั่วไปท่ีระดับของความสุจริตของผู้ประกอบธุรกิจน้ันจะต้องคานึงถึง
มาตรฐานทางการค้าท่ีเหมาะสมภายใต้ระบบธุรกิจท่ีเป็นธรรม คดีน้ีโจทก์เป็นผู้ประกอบ
ธุรกิจและดาเนินกิจการธนาคารพาณิชย์ เม่ือตามสัญญากู้กรุงไทยธนวัฏเอกสารหมาย
จ.6 กาหนดให้นาย ส. ผู้ตายชาระดอกเบ้ียเปน็ รายเดอื นทุก ๆ เดือน ติดต่อกันภายในวนั
ส้ินสุดของเดือน อันเป็นหนี้ท่ีมีกาหนดเวลาชาระท่ีแน่นอน และข้อ 7 กาหนดว่าถ้าผู้กู้ผิด
นัดข้อหนึ่งข้อใดหรือส่วนใดแห่งสัญญานี้ให้ถือว่าผิดนัดท้ังหมด ผู้กู้ยอมให้ผู้ให้กู้เรียก
หน้ีทั้งหมดคืนได้ทันที... ดังน้ี แม้หน้ีตามสัญญากู้กรุงไทยธนวัฏโจทก์อาจใช้สิทธิ
เรียกร้องได้ภายใน 10 ปี แต่หากโจทก์จะใช้สิทธิบังคับการชาระหนี้เม่ือนาย ส. ผู้ตายผิด
นัดตั้งแต่วันท่ี 1 มกราคม 2541 ก็ย่อมสามารถกระทาได้ทันที การที่โจทก์ละเลยเพิ กเฉย
ปล่อยเวลาผา่ นไปถึงเกอื บ 18 ปี จนจานวนดอกเบี้ยเกินกว่าเงินต้นเกือบถึง 3 เทา่ ท้งั ที่
หนี้เงนิ กู้กรุงไทยธนวัฏมีกาหนดชาระท่ีแน่นอน โจทกไ์ ม่มพี ยานหลักฐานมาแสดงวา่ ได้ทา
การตรวจสอบหรือติดตามให้นาย ส. ผู้ตายหรือทายาทชาระหนี้ภายในเวลาอันสมควร
และไม่นาสืบหรือแสดงเหตุผลที่ดาเนินการฟอ้ งร้องจาเลยในฐานะผู้ค้าประกันล่าช้า ถึง
เกือบ 18 ปี หลังจากท่ีสัญญาเลิกกัน อันเป็นภาระการพิ สูจน์ของผู้ประกอบกิจการตาม
พระราชบัญญัติวิธีพิ จารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 29 พฤติการณ์ดังกล่าว
ของโจทก์จึงเปน็ การกระทาท่ีแสดงให้เห็นว่า โจทก์ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจอาศัยสิทธิที่มี
อยู่ตามสัญญาหรือกฎหมายเป็นช่องทางให้โจทก์ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยผิดนัดแต่
เพี ยงฝ่ายเดียว การกระทาของโจทก์ย่อมไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิด้วยความสุจริตโดย
คานึงถึงมาตรฐานทางการค้าที่เหมาะสมภายใต้ระบบธุรกิจ ท่ีเป็นธรรม ศาลฎีกาย่อมมี
อานาจใช้ดุลพิ นิจกาหนดให้โจทก์ไม่ได้รับชาระดอกเบ้ียทั้งอัตราปกติและผิดนัดของหนี้
เงินต้น โดยผลของบทบัญญัติดังกล่าวหลังจากนาย ส. ผู้ตายผิดนัดได้แม้โจทก์จะมี
สิทธิได้รบั ตามกฎหมายก็ตาม

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๒๙

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 4908/2562

โจทก์ร่วมได้ฟอ้ งจาเลยใหช้ ดใชเ้ งนิ ซง่ึ เป็นมูลหนี้ตามเช็คพิพาทในคดี
น้ี ตามคดีแพ่ ง ของศาลจังหวัดนนทบุรี ต่อมาโจทก์ร่วมและจาเลยทาสัญญา
ประนีประนอมยอมความกัน ศาลจังหวัดนนทบุรีพิ พากษาตามยอมคดีถึงท่ีสุดไป
แล้วผลของสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทาให้สิทธิ ของโจทก์ร่วมท่ีจะ
เรยี กรอ้ งใหจ้ าเลยชาระเงนิ ตามมลู หน้ีในเช็คพิพาทเป็นอนั ระงับสิ้นไป ตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 852 โจทก์ร่วมคงมสี ิทธิเรียกร้องให้จาเลยชาระ
หนี้แก่ตนตามสัญญาประนีประนอมยอมความเท่าน้ัน แม้จาเลยจะไม่ชาระหนี้ตาม
สัญญาประนีประนอมยอมความนั้น โจทก์ร่วมก็ไม่มีสิทธิท่ีจะเรยี กร้องให้จาเลยรบั
ผิดในมูลหนี้ตามเช็คพิ พาทได้อีก หนี้ท่ีจาเลยได้ออกเช็คพิ พาทเพ่ื อใช้เงินจึงเป็น
อันสิ้นผลผูกพั นไปก่อนศาลมีคาพิ พากษาถึงท่ีสุด คดีจึงเป็นอันเลิกกันตาม
พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกดิ จากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 สิทธิ
ข อ ง โ จ ท ก์ ใ น ก า ร น า ค ดี อ า ญ า ม า ฟ ้อ ง ย่ อ ม ร ะ งั บ ไ ป ต า ม ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย วิ ธี
พิ จารณาความอาญา มาตรา 39 แม้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความมี
ข้อความว่า “หากชาระหนี้ครบถ้วนโจทก์ จะถอนฟอ้ งคดีเช็คในมูลหนี้เดียวกันน้ี
ให้กับจาเลย” โดยไม่มีข้อความใดแสดงว่าโจทกร์ ่วมตกลงระงับขอ้ พิพาทหรอื สละ
สิทธิในการดาเนินคดีอาญาแก่จาเลยแตอ่ ย่างใดกต็ าม แต่กรณดี ังกล่าวเป็นคนละ
กรณีกันกับคดีอาญาเลิกกันตามท่ีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด
อันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 ซ่ึงเป็นกรณีที่มูลหน้ีที่ผู้กระทา
ความผิดได้ออกเชค็ เพื่อใชเ้ งนิ น้นั ได้สนิ้ ผลผูกพันไปก่อนศาลมีคาพิพากษาถึงทสี่ ดุ
ในคดีอาญา อันเป็นอีกกรณีหน่ึงที่ไม่ใช่การยอมความกัน ตามประมวลกฎหมาย
วธิ ีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2)

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๓๐

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 4940/2562

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิ จารณาความอาญา มาตรา 124 วรรค
หนง่ึ และวรรคสอง ผู้เสียหายจะร้องทกุ ขต์ ่อพนกั งานฝา่ ยปกครองหรือตารวจ ซ่ึง
มีตาแหน่งหน้าท่ีรองหรือเหนือพนักงานสอบสวนและเป็นผู้ซ่ึงมีหน้าท่ีรักษาความ
สงบเรียบรอ้ ยตามกฎหมายก็ได้ และเป็นหนา้ ที่ของพนักงานสอบสวน ผ้รู บั คารอ้ ง
ทุกข์ไว้จะต้องส่งคาร้องทุกข์ไปยังพนักงานสอบสวน จึงเห็นได้ว่ากฎหมายมิได้
บังคับให้ร้องทุกข์เฉพาะต่อเจ้าพนักงานผู้มีอานาจสอบสวนเสมอไป โดยเหตุนี้
พนักงานสอบสวนในท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง ซึ่งแม้จะมิได้มีอานาจทาการสอบสวนใน
คดใี ดเลยก็ยังมอี านาจรบั การร้องทุกขใ์ นคดีนั้นได้

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๓๑

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 5027/2562

ตามฟอ้ งโจทก์ อาวุธปืนที่จาเลยมีไว้ในครอบครองและพกติดตัวไป
ในทางสาธารณะนั้น ไม่ทราบชนิดและขนาด และไม่ทราบว่ามีเครื่องหมายทะเบียน
ของเจ้าพนักงานประทับไว้หรือไม่ เมื่อจาเลยให้การรับสารภาพ ศาลช้ันต้นจึง
ใช้ดุลพินิจรับฟอ้ งข้อเท็จจริงในทางเป็นคุณแก่จาเลยว่า อาวุธปืนที่จาเลยมีและใช้
น้ันเป็นอาวุธปืนมีหมายเลขทะเบียนของผู้อ่ืนได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตาม
กฎหมาย และลงโทษจาเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุ
ระเบิด ดอกไม้เพลิง และส่ิงเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7 , 72 วรรคสาม
ซ่ึงชอบแล้ว การมีอาวุธปืนของจาเลยจึงไม่มีสภาพร้ายแรงนัก สาหรับการพา
อาวุธปืน บริเวณท่ีเกิดเหตุเป็นบ่อทรายร้างมีน้าท่วมขัง ไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ใน
ระยะ 3 ถึง 4 กิโลเมตร โดยรอบบ่อเป็นทุ่งนาหลายพั นไร่ ถนนเป็นทางเข้าออก
เพ่ื อขนพื ชผลทางการเกษตรเท่าน้ัน เหตุคดีนี้เกิดตอนประมาณ 5 นาฬิ กา ไม่มี
ผู้คนสญั จร บอ่ นา้ ท่เี กดิ เหตุกวา้ งใหญ่ ไม่ปรากฏข้อเท็จจรงิ วา่ จาเลยยิงลงบ่อนา้
อยู่ใกล้ไกลผู้เสียหายเพียงใดและไม่ปรากฏว่ามาจากสาเหตุใด แม้รับฟงั ว่าการยิง
อาวุธปืนเป็นการขู่เข็ญผู้เสียหายเป็นเหตุให้เกิดความกลัวหรือความตกใจเพราะ
จาเลยรับสารภาพ จาเลยก็ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าตกใจกลัวแก่ผู้เสียหาย
อันเป็นค่าเสียหายต่อจิตใจไปจนผู้เสียหายพอใจแล้ว จึงสมควรรอการลงโทษ
จาคกุ ใหจ้ าเลย

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๓๒

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 5054/2562

ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาสาเร็จรูปมีข้อกาหนดว่า
โจทก์จะต้องสั่งซ้ือลูกไก่ อาหารสัตว์ ยาและเวชภัณฑ์จากบริษัทในเครือของจาเลย เม่ือ
โจทก์เลี้ยงไก่จนโต โจทก์ต้องขายให้แก่จาเลยในราคาที่ต่ากว่าท่ีจาเลยรับซ้ือจากผู้เล้ียงไก่
อิสระหรือราคาตามท้องตลาด เห็นว่าสัญญาซ้ือขายสินค้าท้ัง 3 ฉบับเป็นสัญญาซื้อขาย
สินค้าล่วงหน้าแบบประกันราคาที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในวงธุรกิจการเลี้ยงไก่เนื้อโดยมีเนื้อหาของ
สัญญาที่ต้องการให้เกษตรกรผู้ทาฟาร์มเล้ียงไก่ประกันราคาเป็นผู้ซ้ือสินค้าท่ีเป็นปัจจัยใน
การผลิตคือลูกไก่และอาหารไก่จากผู้รับประกันเพื่ อเลี้ยงไก่ให้โตเป็นไก่ใหญ่แล้วนาผลผลิต
คือไก่ใหญ่ท่เี ล้ียงได้ทั้งหมดมาขายคืนให้แก่ผรู้ ับประกันตามที่ท้ังสองฝ่ายตกลงกาหนดราคา
ทแี่ น่นอนไว้ล่วงหนา้ โดยกาหนดราคาซอ้ื ขายที่แน่นอนท้งั ปัจจัยการผลติ และผลผลิต สาหรบั
ปัจจัยการผลิตนั้นเพื่ อให้เกษตรกรไม่ต้องใช้เงินทุนจานวนมากโดยผู้รับประกันได้ให้
เกษตรกรซ้ือลูกไก่และอาหารไก่รวมทั้งยาและเวชภณั ฑ์เป็นเงินเชื่อไปก่อนและผู้รับประกันจะ
ให้เกษตรกรนาเงินค่าสินค้าดังกล่าวไปชาระโดยหักบัญชีกับเงินค่าไก่ใหญ่ที่เกษตรกรนามา
ขายคืนให้แก่ผู้รับประกันทีละรุ่น ๆ ไป จึงแตกต่างจากผู้เลี้ยงไก่อิสระที่เกษตรกรจะเลือกซื้อ
ลูกไก่และอาหารไก่จากผู้ขายรายใดก็ได้ และสามารถท่ีจะนาไก่ท่ีเลี้ยงได้ไปขายให้แก่ผู้ซื้อราย
ใดก็ได้เช่นเดียวกนั เกษตรกรเหล่าน้ันจะต้องใช้เงินลงทุนจานวนมากเพื่อซื้อปัจจัยการผลติ
โดยเฉพาะอาหารไก่ท่ีมีราคาค่อนขา้ งสูงและมักจะเป็นการขายเงินสด หากชว่ งใดไก่ใหญ่ขาด
ตลาดราคาไก่ใหญ่อิสระก็จะมีราคาสูงกว่าราคาไก่ใหญ่ประกันมาก แต่ราคาลูกไก่อิสระและ
อาหารไก่อิสระก็จะปรับสูงขึ้นมากตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ในทางกลับกันถ้าหากช่วงใดไก่
ใหญ่ล้นตลาด ราคาไก่ใหญ่อิสระจะมีราคาลดลง ซึ่งบางครั้งก็ลดต่ากว่าราคาไกใ่ หญ่ประกัน
มากเช่นเดียวกัน การเลี้ยงไก่ประกันตามสัญญาที่โจทก์ทากับจาเลย โจทก์จะได้รับประโยชน์
โดยสามารถซอ้ื ลูกไก่ อาหารไกแ่ ละขายไกใ่ หญ่ไกใ่ นราคาท่แี น่นอนโดยไมต่ ้องใช้เงินลงทุนสูง
ดังน้ัน สัญญาซ้ือขายไก่เน้ือเอกสารหมาย ล.3 จึงมีวัตถุประสงค์ให้โจทก์มีกาไรและเป็นข้อ
สัญญาที่ทาให้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ดังนั้น สัญญาซ้ือขายไก่เนื้อที่
โจทก์ทากับจาเลยไม่ถือว่าเป็นข้อตกลงที่มีลักษณะหรือมีผลให้โจทก์ปฏิบัติหรือรับภาระเกิน
กว่าวิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติซ่ึงเป็นการท่ีจาเลยได้เปรียบโจทก์เกินสมควร อัน
จะเปน็ ผลทาให้สญั ญาดังกลา่ วเปน็ ขอ้ สัญญาท่ไี ม่เป็นธรรม

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๓๓

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 5202/2562

โจทก์บรรยายฟอ้ งไว้ชัดแจ้งว่า จาเลยที่ 1 เป็นบุคคลคนเดียวกับ
จาเลยในคดีอาญาหมายเลขดา 721/2561 และ 722/2561 ของศาลช้ันต้น และคา
ขอท้ายฟ้องได้ขอให้นับโทษคดีน้ีต่อจากโทษของจาเลยท่ี 1 ในคดีดังกล่าว
หลังจากศาลช้ันต้นอ่านอธิบายฟอ้ งท้ังหมดให้จาเลยท่ี 1 ฟงั จาเลยที่ 1 ให้การรับ
สารภาพตลอดข้อกล่าวหาตามบันทึกคาฟอ้ งคารับสารภาพเอกสารในสานวน ท้ัง
ความก็ปรากฏต่อศาลชั้นต้นว่า คดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้น ศาลช้ันต้นได้มีคา
พิ พากษาจาคุกจาเลยที่ 1 แล้ว เป็นคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 666/2561 และ
667/2561 ของศาลชน้ั ต้น เช่นนี้ ศาลชนั้ ต้นย่อมมีอานาจในการใชด้ ุลพินจิ นับโทษ
ต่อไดเ้ พราะข้อเทจ็ จรงิ ดงั กลา่ วปรากฏต่อศาลเอง

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๓๔

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 5222/2562

จาเลยท่ี 2 ไม่ได้ร่วมรู้เห็นท่ีจะพานาย อ. หลบหนีมาก่อน เหตุที่
ยินยอมขับรถพานาย อ. ออกจากศูนย์ฟ้ นื ฟู สมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดเน่ืองจาก
นาย อ. ข่มขู่ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดนั้นเอง จาเลยท่ี 2 อาจไม่ทราบ
ว่านายอภิเดชใช้อาวุธอะไรข่มขู่ หากขัดขืนหรือกระทาการดงั ท่ีโจทก์กล่าวอ้างแลว้
นาย อ. จะทาร้ายหรือมีอันตรายประการใดแก่จาเลยที่ 2 หรือไม่ ท้ังนาย อ. ให้
นางสาว ว. ไปเอาบัตรประจาตัวประชาชนของจาเลยท่ี 2 จากเจ้าหน้าท่ี ไม่ได้ให้
จาเลยที่ 2 ไปเอาเอง จาเลยท่ี 2 ยังอยู่ภายใต้การข่มขู่ของจาเลยท่ี 2 ไม่อาจถือ
ได้ว่ามีเจตนาท่ีจะไม่แจ้งเหตุแก่เจ้าหน้าที่ เม่ือเจ้าหน้าท่ีขับรถติดตามมาทัน จาเลย
ที่ 2 ก็ยินยอมจอดรถโดยดีไมไ่ ดข้ ดั ขนื การที่ถูกนาย อ. ข่มขู่แลว้ ขับรถพานาย อ.
ออกจากศูนยฟ์ ้ นื ฟูสมรรถภาพผ้ตู ดิ ยาเสพตดิ ในขณะที่จาเลยท่ี 2 ไมท่ ราบว่านาย
อ. มีอาวุธร้ายแรงประการใดหรือไม่ ยังไม่อาจรับฟงั โดยปราศจากสงสัยได้ว่า
จาเลยที่ 2 ร่วมกระทาความผิด

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๓๕

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 5332/2562

ศาลช้ันต้นไต่สวนแล้วมีคาสั่งว่า ท่ีดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 2196 ตาบลบึงบาใต้
(คลอง 10 ออก) อาเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ตกเป็นกรรมสิทธ์ิของผู้ร้องตามประมวล
กฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ มาตรา 1382 หลังจากคดีถึงที่สุด ผู้ร้องจดทะเบียนขายฝากท่ีดิน
ดังกล่าวมีกาหนด 1 ปี ก่อนครบกาหนดผู้ร้องไถ่ถอนการขายฝากแล้วจดทะเบียนโอนขายที่ดิน
ดังกล่าวให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 ผู้คัดค้านท่ี 1 ยื่นคาร้องว่า ผู้คัดค้านท่ี 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ใน
ที่ดินพิ พาทตามโฉนดที่ดินเลขท่ี 2196 การส่งหมายนัดและสาเนาคาร้องขอแสดงกรรมสิทธ์ิใน
ที่ดินให้แก่ผู้คัดค้านท่ี 1 เป็นไปโดยมิชอบผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธ์ิในท่ีดินพิ พาท ขอให้พิ จารณาคดี
ใหม่ และมีคาสั่งเพิ กถอนการจดทะเบียนได้กรรมสิทธิ์ในท่ีดินพิ พาทของผู้ร้องกับเพิ กถอนนิติ
กรรมการจะทะเบียนต่อมาทั้งหมด พร้อมท้ังย่ืนคาร้องขอให้เรียกผู้คัดคา้ นท่ี 2 ซ่ึงเป็นผู้รับโอน
ที่ดินพิ พาทจากผู้ร้องเข้ามาเป็นคูค่ วามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57
(3) ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว จึงมีคาส่ังให้เพิ กถอนกระบวนพิ จารณานับแต่การส่งหมายนัดและ
สาเนาคารอ้ งขอใหแ้ กผ่ คู้ ัดคา้ นท่ี 1 และกระบวนพิจารณาหลงั จากน้นั ตลอดจนคาส่ังทีใ่ หท้ ่ีดนิ ตก
เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ใหผ้ ู้ร้องนาสง่ หมายนัดและสาเนาคารอ้ งขอใหแ้ กผ่ ู้คัดค้านท่ี 1 ใหม่

ผู้ร้องเป็นผู้ย่ืนคาแถลงขอให้ปิดหมายและศาลชั้นต้นอนุญาตตามขอให้
ปิดหมายแต่เจ้าหน้าที่ศาลผู้ส่งหมายนาสาเนาคาร้องและหมายนัดไต่สวนไปในตู้รับจดหมาย ซึ่ง
อยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารมิใช่หน้าห้องพักของผู้คดั ค้านที่ 1 เพราะห้องพั กของผู้คัดคา้ นท่ี 1
อยู่บริเวณชั้นท่ี 5 ของอาคาร การปิดหมายมีความหมายอยู่ในตัววา่ ต้องปิดในท่ีเปิดเผยแลเห็น
ได้ชัดและง่าย เพื่ อให้ผู้ถูกปิดหมายทราบวา่ มีคาร้องขอและหมายนัดจากศาล กรณีนี้จึงเปน็ การ
ขัดคาสั่งศาล ต้องถือว่าการส่งหมายนดั และสาเนาคาร้องขอให้แก่ผู้คัดค้านท่ี 1 ไม่ชอบ ปรากฏ
อีกว่านาย ย. บิดาของผู้ร้องเป็นพี่ ชายของมารดาผู้คัดค้านท่ี 1 ข้ออ้างท่ีว่าไม่รู้ที่อยู่ที่แท้จริง
ของผู้คัดค้านที่ 1 มาใช้วิธีส่งหมายนัดและสาเนาคาร้องขอแก่ผู้คัดค้านท่ี 1 ตามท่ีอยู่ในทะเบียน
ราษฎร์แทน เพ่ื อไม่ให้ผู้คัดค้านท่ี 1 ทราบเร่ืองและมาคัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งเพิ กถอนกระบวน
พิ จารณาต้ังแต่การส่งหมายนัดและสาเนาคาร้องขอแล้วให้ส่งหมายใหม่ ดาเนินกระบวน
พิ จารณาใหม่ จึงถูกต้องและเป็นธรรมแลว้ ทั้งผู้ร้องและผู้คดั ค้านที่ 2 ต่างได้ยื่นคาคัดคา้ นและ
ยกประเด็นเร่ืองการขอเพิ กถอนกระบวนการพิ จารณาท่ีผิดระเบียบว่าผู้คัดค้านที่ 1 ย่ืนล่วงพ้ น
ระยะเวลาท่กี ฎหมายกาหนดแล้วแตศ่ าลช้นั ตน้ เม่อื ไต่สวนแล้วก็มคี าสง่ั

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๓๖

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 5332/2562 (ตอ่ )

โดยมิได้วินิจฉัยเร่ืองผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคาร้องเกินกาหนดตามที่กฎหมายบัญญัติ
หรือไม่ เท่ากับศาลชั้นต้นใช้ดุลพิ นิจของตนเองเม่ือไต่สวนแล้ว เห็นว่ามีกระบวน
พิ จารณาท่ีผิดระเบียบเกิดขึ้นทาให้การดาเนินคดีไม่เป็นไปด้วยความยุติธรรม อัน
เป็นการใช้อานาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิ จารณาความแพ่ ง มาตรา 27 วรรค
แรก ซึ่งไม่มีเงื่อนไขใดบังคับ แม้จะเร่ิมต้นด้วยคาร้องของผู้คัดค้านที่ 1 ก็ตาม ก็
หาตัดสิทธิการใช้อานาจของศาลในการเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบยี บนน้ั
แต่อย่างใดไม่ กระบวนพิ จารณาของศาลอันเป็นกฎหมายวิธีสบัญญัติมี
วัตถุประสงค์มุ่งให้คู่ความต่อสู้คดีกันอย่างเป็นธรรม หรือกล่าวอีกนัยหน่ึงคือ
กระบวนพิ จารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิ จารณาความแพ่ งเป็นเพี ยงวิถีทาง
ไปสเู่ ป้าหมายคอื ความยตุ ิธรรม หาใชต่ วั ความยุติธรรมเองไมแ่ ละไม่มีวตั ถุประสงค์
ใหค้ ู่ความฝ่ายใดฝา่ ยหน่ึงอาศยั กระบวนพิจารณามาเป็นเหตุใหไ้ ดเ้ ปรียบเสยี เปรียบ
จนเป็นผลให้ต้องชนะหรือแพ้ โดยไม่พิจารณาเนื้อหาของคดี คดีฟงั ไม่ได้ว่าผู้ร้อง
ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิ พาทโดยการครอบครองปรปักษ์ ส่วนผู้คัดค้านที่ 2 เป็น
ผรู้ บั โอนจากผรู้ อ้ งจึงไมม่ สี ทิ ธิดีกว่าผรู้ อ้ ง

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๓๗

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 5569/2562

โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้งแล้วว่า จาเลยที่ 1 เป็นบุคคลคน
เดียวกับจาเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดาท่ี 721/2561 หมายเลขแดงที่
666/2561 ของศาลชั้นต้น และคาขอท้ายฟอ้ งได้ขอให้นับโทษจาเลยที่ 1 ในคดีน้ี
ต่อจากโทษของจาเลยที่ 1 ในคดีดังกล่าว หลังจากศาลช้ันต้นอ่านอธิบายฟอ้ งให้
จาเลยที่ 1 ฟงั จาเลยที่ 1 ใหก้ ารรบั สารภาพตามคาใหก้ ารท่ศี าลบันทึกไว้ เมอ่ื ความ
ปรากฏต่อศาลชั้นต้นว่า คดีดังกล่าวท่ีโจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้น ศาลชั้นต้นได้มีคา
พิ พากษาจาคุกจาเลยที่ 1 แล้วเป็นคดีอาญาหมายเลขแดงท่ี 666/2561 เช่นนี้
ศาลชั้นต้นย่อมมีอานาจในการใช้ดุลพิ นิจนับโทษต่อได้เพราะข้อเท็จจริงดังกล่าว
ปรากฏตอ่ ศาลเอง

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๓๘

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 5661/2562

โจทก์มีร้อยตารวจโท บ. และดาบตารวจ อ. เจ้าพนักงานตารวจผู้
ร่วมจับกุมเป็นพยานเบิกความตรงกันว่า พยานทงั้ สองเข้าจบั กุมจาเลยกับนาย ธ.
และนาย ฉ. ได้ในขณะร่วมกันน่ังล้อมวงเสพยาเสพติดอยู่ในห้องโถงกลางบ้านที่
เกิดเหตุ ซ่ึงพบกระเป๋าแบบผู้หญิงลายสลับสีวางอยู่กลางวง 1 ใบ ภายในบรรจุ
เมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ดและชนิดเกล็ดใสของกลางสอดคล้องกับคาเบิกความ
ของนาย ธ. พยานจาเลยซ่งึ รับวา่ มเี มทแอมเฟตามนี ชนดิ เม็ดและชนิดเกลด็ ใสของ
กลางอยู่ในกระเป๋าใบดังกล่าวไว้เพ่ือเสพ ดาบตารวจ อ. เบิกความว่าขณะพยาน
เข้าทาการตรวจค้น พยานกับเจ้าหน้าท่ีทหารอีกคนหน่ึงเดินเข้าไปก่อน เห็นจาเลย
ซึ่งน่ังอยู่ในวงกาลังวางกระเป๋าท่ีบรรจุเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ดและชนิดเกล็ดใส
ของกลางไวก้ ลางวง ดงั นั้นทีร่ อ้ ยตารวจโท บ. ซง่ึ ตามเขา้ ไปในภายหลงั เบิกความ
ว่าเห็นกระเป๋าใบดังกล่าววางอยู่กลางวงจึงสมเหตุผล ชั้นสอบสวนจาเลยให้การ
รับสารภาพ ตามบันทึกคาให้การโดยมีข้อเท็จจริงเก่ียวกับเหตุการณ์ และการ
กระทาความผิดในรายละเอียดสอดคล้องกับคาให้การช้ันสอบสวนของนาย ธ. ว่า
จาเลยกับนาย ธ. ไปพักอาศัยอยู่ท่ีบ้านที่เกดิ เหตขุ องนาย ส. พี่ชายนาย ธ. ตั้งแต่
วันท่ี 19 พฤษภาคม 2560 กอ่ นเกดิ เหตุประมาณ 5 วนั ซง่ึ ตลอดเวลาทพ่ี ักอาศยั
อยู่ท่ีบ้านของนาย ส. จะนาเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ดและชนิดเกล็ดใสมาเสพ โดย
มีนาย ฉ. แวะเวียนมาเสพด้วยเป็นประจาทุกวัน ในวันเกิดเหตุขณะจาเลยกับนาย
ธ. เสพยาเสพติดโดยวางเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ดและชนิดเกล็ดใสของกลางไว้
กับพ้ื นใกล้ๆ ตัว ปรากฏว่ามีเจ้าพนักงานตารวจและเจ้าหน้าท่ีทหารเข้าตรวจค้น
จับกุม สอดคล้องกบั ขอ้ เท็จจริงทพ่ี ยานโจทก์ผู้รว่ มจับกุมทั้งสองเบิกความ โจทก์
มีพั นตารวจโท น. พนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความยืนยันว่า พยานได้
สอบปากคาจาเลยและนาย ธ. ไว้ตามบันทึกคาให้การพยานหลักฐานของโจทก์
เชือ่ มโยงสอดคลอ้ งมนี ้าหนกั มน่ั คงใหร้ ับฟงั ได้ว่า จาเลยรว่ มกบั นาย ธ. มเี มทแอม
เฟตามีนชนดิ เม็ดและชนิดเกล็ดใสของกลางไวใ้ นครอบครองจริง

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๓๙

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 5688/2562

โจทก์บรรยายมาในฟอ้ ง ข้อ 1.1 ว่า จาเลยให้บุคคลผู้มีชื่อจานวน
หลายคนกู้ยืมเงินโดยให้กู้ยืมเงินไปเป็นจานวนต้นเงินแตกต่างกันไป โดยคิด
ดอกเบ้ยี รอ้ ยละ 20 บาทตอ่ เดอื น หรือร้อยละ 240 บาทต่อปี ซึ่งเป็นการใหบ้ ุคคล
อ่ืนยืมเงินโดยคิดดอกเบ้ียเกินอัตราท่ีกฎหมายกาหนดไว้ และขอให้ลงโทษจาเลย
ตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 มาตรา 4 จึงเป็น
การบรรยายฟ้องท่ีครบองค์ประกอบความผิดฐานเรียกดอกเบ้ียเกินอัตราที่
กฎหมายกาหนดแล้ว ส่วนรายช่ือบุคคลผู้กู้ยืมมิใช่องค์ประกอบความผิดท่ีโจทก์
จะต้องกล่าวมาในฟอ้ งเม่ือจาเลยให้การรับสารภาพ แสดงว่าจาเลยเข้าใจข้อหา
ตามฟอ้ งไดด้ ี จึงมใิ ช่ฟอ้ งที่ขาดองคป์ ระกอบความผดิ

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๔๐

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 5702/2562

แม้โจทกแ์ ละจาเลยทง้ั สามจดทะเบียนจานองทีด่ นิ พรอ้ มส่ิงปลูกสร้าง
บนท่ีดินเม่ือวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 ก่อนพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิ มเติม
ประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ (ฉบับท่ี 20) พ.ศ. 2557 มีผลใช้บังคับ คือ
เมื่อวันท่ี 12 กุมภาพั นธ์ 2558 ก็ตาม แต่ผู้รับจานอง ก็ต้องปฏิบัติตามประมวล
กฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ มาตรา 728 วรรคหน่ึง ที่แก้ไขใหม่ ซ่ึงบัญญัติว่า
“เม่ือจะบังคับจานองน้ัน ผู้รับจานองต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังลูกหน้ีก่อนว่า
ให้ชาระหน้ีภายในเวลาอันสมควรซ่ึงต้องไม่น้อยกว่าหกสิบวันนับแต่วันท่ีลูกหนี้
ได้รับคาบอกกล่าวนั้น...” เม่ือโจทก์มีหนังสือทวงถามและบอกกล่าวบังคับจานอง
ลงวันที่ 13 กันยายน 2559 ซ่ึงกาหนดระยะเวลาให้จาเลยท้ังสามชาระหนี้และไถ่
ถอนจานองให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันนับแต่วันท่ีได้รับหนังสือทวงถามและบอก
กล่าวบังคับจานองดังกล่าว น้อยกว่าหกสิบวันซ่ึงเป็นกาหนดระยะเวลาท่ีระบุไว้
ชัดเจนแน่นอนแล้ว จึงนาระยะเวลา 30 วัน ตามหนังสือบอกกล่าวบังคับจานอง
ไปรวมกับระยะเวลาหลังจากน้ันจนถึงวันฟอ้ งว่า เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าหกสิบ
วันแลว้ หาไดไ้ ม่

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๔๑

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 5798/2562

คาว่าทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงมีการให้คาจากัดความตามแผนพั บ
เอกสารหมาย จ.2 และตารางกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.1 หมายถึง
ทุพพลภาพถึงขนาดไม่สามารถประกอบหน้าที่การงานใด ๆ ในอาชีพประจาและ
อาชีพอื่น ๆ ได้โดยสิ้นเชิงตลอดไป แม้นาย ว. จะเบิกความว่า นาย ว. สามารถ
วินิจฉัยและประเมินว่านาย น. ทุพพลภาพเน่ืองจากเน้ือเยื่อที่ต้นขาหลุดหายไป
จานวนมาก นาย น. จึงไม่สามารถเดินด้วยตนเองได้ และก่อนที่นาย น. ถึงแก่
ความตาย นาย น.สามารถยืนพยุงตัวได้โดยใช้ไม้ค้าที่มีลักษณะ 4 ขา และปรากฏ
ตามรายงานการตรวจศพเอกสารหมาย จ.8 ว่าสาเหตุการตายโดยตรงของนาย
น. คือมะเร็งตับ เช่นนี้จึงยังไม่อาจรับฟงั ได้ว่านาย น.ประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์
ชนได้รับบาดเจ็บเป็นเหตุให้ต้องทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงตามท่ีกาหนด ใน
กรมธรรม์ประกนั ภัย โจทก์จึงไม่มีสทิ ธิเรียกร้องให้จาเลยท่ี 2 ใช้ค่าสินไหมทดแทน
ในกรณีทุพพลภาพถาวรสิน้ เชิง ส่วนที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ได้ความจากคาเบกิ
ความของนาย ว. แพทย์ผู้ตรวจรักษาว่าในการรักษาตัวท่ีโรงพยาบาลธนบุรีน้ัน
เส้นประสาทตาด้านซ้ายของนาย น. ได้รับบาดเจ็บทาให้ตาด้านซ้ายของนาย น.
มองไม่เห็น จาเลยท่ี 2 ไม่ได้โต้แย้งและหักล้างข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นอย่างอ่ืน
จึงต้องฟงั ว่าสายตาข้างซ้ายของนาย น. บอดสนิทและไม่มีทางรักษาให้หายได้
ตลอดไปแล้ว แล้ววินิจฉัยให้จาเลยท่ี 2 รับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีการ
สูญเสียสายตาหน่ึงข้าง 60 เปอร์เซ็นต์ ของจานวนเงินท่ีเอาประกันภัย ตาม
พระราชบัญญัติวิธีพิ จารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 39 ประกอบมาตรา
40 นั้น กรณีเป็นไปตามข้อตกลงความคุ้มครองตามแผ่นพั บเอกสารหมาย จ.2
และตารางกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย ล.1 แม้คาขอของโจทก์จะไม่ได้ขอไว้
แต่ก็ถือได้การสูญเสียดวงตาเป็นค่าเสียหายส่วนหน่ึงที่โจทก์จะได้ค่าสินไหม
ทดแทน จากจาเลยท่ี 2 ตามกรมธรรม์ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาน้ัน ศาลฎีกาเห็น
พ้องดว้ ย

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๔๒

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 6105/2562

ผู้ถูกกล่าวหามิใช่นายประกันที่ขึ้นทะเบียนไว้ต่อศาลเรียกเงินจาก
ภรยิ าผู้ต้องหาจานวน 500,000 บาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวผตู้ อ้ งหา แลว้ ตดิ ตอ่
ให้นายประกันท่ีขึ้นทะเบียนไว้ขอปล่อยช่ัวคราวผู้ต้องหาแทน โดยผู้ถูกล่าวหาได้
ผลประโยชน์จากการนี้เป็นการเรียกรับผลประโยชน์ในศาล เป็นการไม่เคารพ
สถาบันศาลและมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของศาลจึงเป็นเรื่องร้ายแรงสมควร
ลงโทษให้รู้สึกเข็ดหลาบ ท่ีศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนให้จาคุกผู้ถูกกล่าวหามี
กาหนด 1 เดือน น้ัน เหมาะสมกับความผิดแล้ว ท่ีศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอ
การลงโทษจาคุกใหแ้ ก่ผถู้ กู กล่าวหาน้ันศาลฎีกาเหน็ พ้องด้วย

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หน้า | ๑๔๓

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 6254/2562

ที่จาเลยฎีกาว่า การกระทาของจาเลยไม่ครบองค์ประกอบความผิด
ตามที่โจทก์ฟอ้ งและเปน็ การกระทาที่ขาดเจตนานั้น เห็นว่า ความผิดฐานช่วยใหผ้ ้ทู ี่
หลบหนีจากการคุมขังตามอานาจของศาล ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้า
พนักงานผู้มีอานาจสืบสวนคดีอาญาเพ่ื อไม่ให้ถูกจับกุม มีระวางโทษจาคุกไม่เกิน
สามปี หรือปรับไม่เกินหกหม่ืนบาท เม่ือจาเลยให้การรับสารภาพ โจทก์ไม่ต้อง
สืบพยานประกอบคารบั สารภาพตามฟอ้ ง ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความ
อาญา มาตรา 176 วรรคหน่ึง ศาลจงึ รบั ฟงั ข้อเทจ็ จรงิ ได้วา่ จาเลยกระทาความผดิ
ตามฟ้อง จาเลยจะฎีกาโต้แย้งเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ฎีกาของจาเลยจึงเป็น
ข้อเท็จจริงที่ยกขึ้นใหม่และขัดแย้งกับคาให้การรับสารภาพของจาเลยและเป็น
ข้อเท็จจริงท่ีไม่ได้ยกข้ึนว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกา
ตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนง่ึ

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๔๔

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 6397/2562

แม้คดีส่วนอาญาฟงั ได้ว่า จาเลยใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ซึ่งเป็นผู้ร้องและเป็นการกระทาละเมิดต่อผู้รอ้ งกต็ าม แต่ท่ีผู้ร้องขอให้จาเลยชดใช้
ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าซ่อมรถและค่าเส่ือมราคาน้ัน เห็นว่า การท่ีผู้เสียหายจะมี
สิทธิย่ืนคาร้องขอให้บังคับจาเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 นั้น ค่าสินไหมทดแทนจะตอ้ งเปน็ ความเสยี หาย
ท่ีเกิดจากการกระทาความผิดที่พนักงานอัยการโจทก์ฟอ้ งรอ้ งเทา่ น้ัน ผู้เสียหายจะ
เรียกร้องคา่ สินไหมทดแทนจากความเสียหายที่เกดิ จากการกระทาความผดิ ท่ไี มถ่ ูก
ฟอ้ งไม่ได้ เมอื่ คดนี ้พี นักงานอัยการโจทก์ไม่ไดฟ้ อ้ งขอให้ลงโทษจาเลยในความผิด
ฐานทาให้เสียทรัพย์ซึ่งเกิดแก่รถยนต์ของผู้ร้อง ผู้ร้องจะเรียกร้องเอาค่าสินไหม
ทดแทนจากความเสยี หายท่เี กดิ ขึ้นแกร่ ถยนตด์ งั กลา่ วไม่ได้

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๔๕

คาพิ พากษาศาลฎกี าที่ 6408/2562

โจทก์บรรยายฟอ้ งวา่ จาเลยไดบ้ งั อาจมีกระสุนปนื เลก็ กลขนาด .223
(5.56 มม.) จานวน 20 นัด อันเป็นเครื่องกระสุนปืนท่ีมีชนิดและขนาดนอกจากท่ี
กาหนดตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี 11 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในมาตรา 55
แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ข้อ 3 ท่ีนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้
เนื่องจากเป็นกระสุนปืนที่ผลิตขึ้นมาเพ่ือใช้กับปืนกลเล็ก ขนาด .223 (5.56 มม.)
อันมิใช่อาวุธปืนตามข้อ 2 แห่งกฎกระทรวง ฉบับท่ี 11 (พ.ศ. 2522) ออกตาม
ความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ ใช้ยิงทา
อันตรายแก่ชีวิตและวัตถุได้ไว้ในครอบครองของจาเลย และไม่ได้รับการยกเวน้ ใด
ๆ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยโจทก์อ้างกฎหมายและกฎกระทรวงที่ถือว่า
เป็นความผิดไว้ในฟอ้ งนั้น เป็นการบรรยายฟอ้ งถึงการกระทาที่อ้างว่าจาเลยได้
กระทาความผิดพอสมควรที่จาเลยเข้าใจ ข้อหาและครบองค์ประกอบความผิดแล้ว
เม่อื จาเลยใหก้ ารรบั สารภาพ ศาลยอ่ มพิพากษาลงโทษจาเลยได้

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๔๖

คาพิ พากษาศาลฎีกาที่ 6901/2562

โจทก์จดทะเบียนตั้งบริษทั ตัง้ แตป่ ี 2538 โดยมีนาย ป. เป็นกรรมการ
มาโดยตลอดจนถงึ วนั ท่ี 6 พฤษภาคม 2558 แตบ่ างช่วงเวลามบี ุคคลอืน่ รว่ มเป็น
กรรมการด้วย บริษัทโจทก์มีหุ้นจานวน 10,000 หุ้น นาย ป. ถือหุ้นจานวน
6,400 หุ้น กับมีนางสาว ล. เป็นผู้ถือหุ้นจานวน 3,500 หุ้น ในการจัดตั้งบริษัท
นั้นก็เพ่ื อดาเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ของบริษัทแล้วนาผลกาไรที่ได้มาแบ่งปัน
ให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยมีกรรมการผู้มีอานาจเป็นผู้ดาเนินกิจการแทนบริษัท การที่นาย
ป. เป็นกรรมการผู้บริหารและควบคุมดูแลกิจการของโจทก์มาโดยตลอด ก็อาจ
เนื่องจากนาย ป. เป็นผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทและเป็นผู้ถือหุ้นจานวนมากท่ีสุด แต่การ
บริหารกิจการของโจทก์ก็ต้องเป็นไปเพื่ อประโยชน์ในทางการค้าของโจทก์หาใช่จะ
ดาเนินการเพ่ื อประโยชน์ส่วนตัวของนาย ป. เพี ยงคนเดียวไม่ นาย ป. จึงไม่
สามารถท่ีจะนาเงินหรือทรัพย์สินของโจทก์ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวอย่างใดก็ได้
ฉะน้ันที่นาย ป. นาเงินของโจทก์ไปชาระค่ารถยนต์ท่ีซ้ือให้แก่จาเลยจึงเป็นการ
กระทานอกเหนือจากการบริหารกิจการของโจทก์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่
โจทก์ จาเลยมีตาแหน่งเป็นพนักงานบัญชีของโจทก์ย่อมรู้ถึงสถานะทางการเงิน
ของโจทก์ จาเลยได้รับทราบมาแต่แรกแล้วว่าเงินที่นาย ป. นามาซ้ือรถยนต์คัน
ดังกลา่ วเปน็ เงนิ ของโจทก์ นาย ป. นาเงนิ ของโจทก์ไปซอื้ รถยนตค์ นั พิพาท โจทก์
จึงมีสิทธิติดตามเอาคืนรถยนต์คันดังกล่าวจากจาเลยได้ตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 1336

รายงานประจาปี ๒๕๖๓ หนา้ | ๑๔๗


Click to View FlipBook Version