The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วรรณคดีขุนช้างขุนแผน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 334 Nuttavadee, 2023-07-11 04:13:46

วรรณคดีขุนช้างขุนแผน

วรรณคดีขุนช้างขุนแผน

สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๔๔ ประวัติผู้แต่ง พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2311 – 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 ; ครองราชย์ 8 กันยายน พ.ศ. 2352 – 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367) เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นกษัตริย์ องค์ที่สองของสยาม ในสมัยราชวงศ์จักรี ปกครองระหว่าง พ.ศ. 2352 ถึง พ.ศ. 2367 ในปี พ.ศ. 2352 เจ้าฟ้าฉิมหรือกรมหลวงอิศรสุนทรพระราชโอรสองค์โตสืบราชบัลลังก์ต่อจากรัชกาลที่ 1 พระราชบิดาผู้สถาปนาราชวงศ์จักรีเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชสมัยของพระองค์ สงบสุขปราศจากความขัดแย้ง รัชสมัยของพระองค์เป็น “ยุคทองของวรรณคดี” เนื่องจากพระองค์ ทรงอุปถัมภ์กวีหลายคนในราชสำนักและพระองค์เองก็มีชื่อเสียงในฐานะกวีและศิลปิน กวีที่โดดเด่น ที่สุดในราชสำนักคือสุนทรภู่ ผลงานด้านวรรณกรรม ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้รับการยกย่องว่า เป็นยุคทอง ของวรรณคดีสมัยหนึ่งเลยทีเดียว ด้านกาพย์กลอนเจริญสูงสุด จนมีคำกล่าวว่า “ในรัชกาลที่ 2 นั้น ใครเป็นกวีก็เป็นคนโปรด”กวีที่มีชื่อเสียงนอกจากพระองค์เองแล้ว ยังมีกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (รัชกาลที่ 3) สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส สุนทรภู่ พระยาตรัง และ นายนรินทรธิเบศร์ (อิน) เป็นต้น พระองค์มีพระราชนิพนธ์ที่เป็นบทกลอนมากมาย ทรงเป็นยอดกวี ด้านการแต่งบทละครทั้งละครในและละครนอก มีหลายเรื่องที่มีอยู่เดิมและทรงนำมาแต่งใหม่ เพื่อ ให้ใช้ในการแสดงได้ เช่น รามเกียรติ์ อุณรุท และอิเหนา โดยเรื่องอิเหนานี้ เรื่องเดิมมีความยาวมาก ได้ทรงพระราชนิพนธ์ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเรื่องยาวที่สุดของพระองค์ วรรณคดีสโมสรในรัชกาล ที่ 6 ได้ยกย่องให้เป็นยอดบทละครรำที่แต่งดี ยอดเยี่ยมทั้งเนื้อความ ทำนองกลอนและกระบวน การเล่นทั้งร้องและรำ นอกจากนี้ยังมีละครนอกอื่น ๆ เช่น ไกรทอง สังข์ทอง ไชยเชษฐ์ หลวิชัยคาวี มณีพิชัย สังข์ศิลป์ชัย ได้ทรงเลือกเอาของเก่ามาทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใหม่บางตอน และยังทรง พระราชนิพนธ์บทพากย์โขนอีกหลายชุด เช่น ชุดนางลอย ชุดนาคบาศ และชุดพรหมาสตร์ ซึ่งล้วนมี ความไพเราะซาบซึ้งเป็นอมตะใช้แสดงมาจนทุกวันนี้


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๔๕ สาแหรกของตัวละตน


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๔๖ บทร้อยกรอง เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนแผนพานางวันทองหนี ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท คอยท่าช้าผิดหามาไม่ เยื้องย่างตามนางเข้าห้องใน สลดใจสงสารวันทองนัก แลเห็นนวลน้องเจ้าร้องไห้ ลมจับหลับไปยังมึนหนัก เสกนํ้าประพรมชโลมพักตร์ ด้วยพระเวทวิเศษศักดิ์ประสิทธี ลงฝ่ามือลูบลงตรงหลังน้อง วันทองฟื้นตื่นขึ้นจากที่ มาเลือกผ้าช้ากะไรใช่พอดี ลวงพี่ให้นั่งระวังคอย วันทองแก้เก้อพูดเพ้อพก กระทายหกตกหายทั้งไม้สอย ขุนแผนร้องว่าอย่าตะบอย พี่จะเหลาให้สักร้อยอย่าร้อนใจ ฯ ๏ วันทองก้มหน้าตาตะแคง นี่ใครแกล้งฤๅว่าหาไปไม่ สะบัดหน้าลุกมาด้วยขัดใจ ไปเถิดเร็วเร็วจะวิ่งตาม น้องเอ๋ยพี่ไม่เคยพื้นกระดาน คร้ามจ้านระวังตัวด้วยกลัวหนาม จะจูงมือรื้อรุดสะดุดชาม กระเบื้องจะปามเข้าหนาอย่าวิ่งเลย น่าแค้นแน่นใจกะไรหนอ เฝ้าแต่พ้อไปทีเดียวพ่อคุณเอ๋ย ว่าพลางย่างไปมิได้เงย ก็ล่วงเลยลัดออกนอกห้องนอน ฯ ๏ กลับเสียใจอาลัยขุนช้างเล่า นิจจาเจ้าหลับกลิ้งอยู่ไกลหมอน จะเย็นฉํ่าน้ำค้างขจายจร ใครจะซ้อนผ้าห่มให้ผัวรัก เห็นม่านขาดกลาดขวางอยู่กลางห้อง สองมือตีอกเพียงอกหัก จัณฑาลผลาญทำเจ็บช้ำนัก สะอื้นฮักฮักแล้วเดินมา ถึงหอกลางเกลื่อนกลาดด้วยทาสหญิง นอนกลิ้งนิ่งหลับไม่เงยหน้า ดูพลางทางคิดอนิจจา ถึงห้องแก้วกิริยายิ่งเศร้าใจ พี่จะลาไปแล้วเจ้าแก้วเอ๋ย สิ่งไรเคยทำเจ้าจำได้ ฝากขุนช้างด้วยช่วยปลอบใจ ข้าวปลาหาให้เหมือนพี่ยัง ถึงกรงนกขุนทองอยู่ทั้งคู่ นกโนรีแขวนอยู่ที่เตียงตั้ง นกเอ๋ยเคยเสียงเสนาะดัง ฟังชื่นเชยชมอารมณ์นาง ขุนช้างเรียกว่าแม่วันทอง สาลิกาเจ้าก็ร้องอย่างนั้นบ้าง แต่นี้เช้าเย็นจะเว้นวาง ครวญพลางทางตามขุนแผนมา ถึงกลางนอกชานละลานจิตร ตะลึงคิดลังเลดูเคหา แล้วชำเลืองเยื้องย่างถึงอ่างปลา ชะโงกหน้ามือช้อนมาชมชู กลมกลมสมอย่างตละปั้น บ้างว่ายหันเหวี่ยงหางกระทั่งหู ถึงกระถางต้นไม้ชายตาดู เป็นคู่คู่ชูช่ออรชร มะขามโพรงโค้งคู้เป็นข้อศอก ฝักกรอกแห้งเกราะกะเทาะล่อน จันทน์หอมจันทน์คณาจะลาจร มะลิซ้อนซ่อนชู้อยู่จงดี ลำดวนเอ๋ยจะด่วนไปก่อนแล้ว เกดแก้วพิกุลยี่สุ่นสี


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๔๗ จะโรยร้างห่างสิ้นกลิ่นมาลี จำปีเอ๋ยกี่ปีจะมาพบ ที่มีกลิ่นก็จะคลายหายหอม จะพลอยตรอมเหือดสิ้นกลิ่นตรลบ ที่มีดอกก็จะวายระคายครบ จะเหี่ยวแห้งเซาซบสลบไป ต้นน้อยๆ ลูกย้อยระย้าดี ตั้งแต่นี้จะไปชมต้นไม้ใหญ่ จะทิ้งเรือนไปร้างอยู่กลางไพร ยุงร่านริ้นไรจะตอมกาย รากไม้จะต่างหมอนนอนอนาถ ดาวดาษจะต่างไต้น่าใจหาย ลงบันไดใจเจียนจะขาดตาย น้ำตาตกกระจายพรั่งพรายลง ฯ ๏ ขุนแผนปลอบน้องอย่าร้องไห้ ไปหน่อยหนึ่งแล้วจะมาส่ง ไปเป็นเพื่อนพี่บ้างในกลางดง ชมหงส์เหมเล่นให้เย็นใจ ไปเดือนหนึ่งแล้วจะพากลับ ถ้วนเดือนแล้วจะรับเจ้าไปใหม่ จะร้องไห้ครวญครํ่าไปทำไม เขาอยู่เขาจะไร้เมื่อไรมี ข้างเขาสนุกบ้านเราสำราญไพร ข้างไหนจะปรีดิ์เปรมเกษมศรี เปลี่ยนมีเปลี่ยนจนคนละที ข้างไหนดีก็จะรู้อย่ารำคาญ ฯ ๏ หุบปากเสียบ้างเถิดพ่อเจ้า อย่ามาเฝ้ากวนใจให้ฟุ้งซ่าน ที่ไหนน้องจะไปได้ด้วยนาน จะแกล้งผลาญจริงแล้วฤๅอย่างไร ไม่มาใครเขาวอนให้มารับ พาไปแล้วจะกลับมาคืนให้ ให้ได้อายหลายซ้ำระกำใจ ไม่ไปแล้วไม่ไปอย่าวอนเลย ฯ ๏ พี่หยอกเล่นนิดหนึ่งก็ไม่ได้ ใจน้อยนี่กะไรวันทองเอ๋ย พี่รักใคร่พาไปจะชมเชย อย่านึกเลยที่จะคืนให้ใครชม ว่าพลางทางจูงสีหมอกม้า เบาะอานพานหน้าดูงามสม ดังจะปลิวลิ่วลอยไปตามลม อย่าปรารมภ์เลยนะเจ้ามาขี่ม้า ปลอบพลางทางกอดกระซิบบอก ม้าสีหมอกตัวนี้มีสง่า เนื้ออ่อนงอนง้อขอษมา อย่าให้สีหมอกม้ากระเดื่องใจ ฯ ๏ วันทองสองมือประนมมั่น พรั่นพรั่นกลัวม้าไม่เข้าใกล้ พี่สีหมอกของน้องอย่าจองภัย จะขอขี่พี่ไปทั้งผัวเมีย ขุนแผนพานางมาใกล้ม้า ลูบหลังอาชาให้เชื่องเสีย หยิบมือลูบม้าว่าปลอบเมีย ม้าเลียมือหวีดประหวั่นกลัว นี่อะไรตกใจไปเปล่าเปล่า นิจจาเจ้าช่างไม่เชื่อนํ้าใจผัว โดดขึ้นหลังม้าเถิดอย่ากลัว ประคองตัววันทองย่องเหยียบโกลน นางหวั่นหวั่นครั่นครามไม่ขึ้นได้ ขุนแผนกดสีหมอกไว้มิให้โผน ม้าดีฝีเท้าไม่ก้าวโจน นางกลัวตัวโอนเข้าแนบชิด สองมือกอดผัวให้ตัวแน่น ขุนแผนพริ้มยิ้มหยอกศอกสะกิด เบือนหน้าว่าเจ้าเข้ามาให้ชิด ขอจูบนิดหนึ่งแล้วจะรีบไป แล้วร้องสั่งนางพรายสิ้นทั้งห้า เร่งตามไปในป่าให้จงได้ สั่งแล้วขับม้าคลาไคล ออกไปทางประตูตาจอม ฯ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๔๘ ๏ ถึงวัดตะลุ่มโปงหนองนํ้า ข้ามโคกกำยานละหานหอม วันทองคลี่คลายค่อยวายตรอม กอดหม่อมขุนแผนแขนประคอง รีบรัดตัดทุ่งมุ่งมา ชักม้าเดินเดาะเหยาะย่อง พ้นสุพรรณไปดังใจปอง ถึงท้องนาแปลกแม่ชะแง้ไกล พ้นทุ่งมุ่งหมายเข้าชายเลาะ เป็นละเมาะละมาบเหมืองอยู่กว้างใหญ่ ถึงลำน้ำบ้านพลับเข้าฉับไว ฉงนใจชักม้าให้หยุดยืน จะข้ามอาชาจระเข้ร้าย ครั้นจะว่ายน้ำลึกมิใช่ตื้น แสนเวทนานางเมื่อกลางคืน ค่อยชื่นชื่นแล้วจะช้ำระกำใจ จะทำฉันใดดีเจ้าพี่เอ๋ย จะลุยเลยหลีกข้ามแม่น้ำได้ ในจิตรคิดตรึกรำลึกไป นึกได้แล้วเจ้าเรือจ้างมี บอกนางพลางขับสีหมอกม้า ครั้นถึงท่าร้องเรียกอยู่อึงมี่ ทำตะคอกขู่เข็ญให้เป็นที บัดนี้รับสั่งใช้ให้เรามา ไปสืบช้างทางโป่งโขลงจะสู่ เป็นช้างสำคัญอยู่ที่ในป่า ข้ามส่งจงพลันทันเวลา อย่าช้าบัดนี้จงเร็วไว ฯ ๏ ครานั้นมะถ่อธะบม เรือจ้างติดตมหาตื่นไม่ ได้ยินเสียงเรียกผงกตกใจ เอ๊ะใครมาเรียกทำไมแนะ มาแต่ข้างไหนใต้ฤๅเหนือ เรือจ้างติดตมแตมะแขะ ตอตำเข้าฤๅไรน้ำไหลแซะ เหยียบสองแคมแบะแล้วกรรมกู ฯ ๏ ฝ่ายว่าขุนแผนจึงร้องว่า เร็วเร็วรีบมาอย่าช้าอยู่ ข่าวช้างสารใหญ่ให้ไปดู เป็นการรับสั่งสูอย่านอนใจ ฯ ๏ มะถ่อธะบมได้ยินว่า ถือรับสั่งมาไม่นิ่งได้ แกผ้าลุยเลนผลักเบนไป โยกโยกไม่ไหวมันฝืดนัก กลับมาดันท้ายขยายปรูด โคลนฉูดกระจายปลายสะบัก ขึ้นเรือหนาวครันคางสั่นงัก ชักพายขยุ่มสุ่มตะรัง ถึงท่าเห็นม้ากับสองคน เขยื้อนก้นลุกเถ่อทำเป้อปั้ง แปลกใจเอ๊ะหลอกดอกกระมัง ลักผู้หญิงชาววังที่ไหนมา หลอกเราใช้เล่นให้เข็นเรือ ยกเงื้อพายแร่ทั้งแก้ผ้า วันทองน้องอายไม่ลืมตา หม่อมขาดูเอาเถิดอ้ายนอกทาง ขุนแผนร้องเบื่อมันเหลือเถน โจงกระเบนเสียก่อนเจ้าเรือจ้าง เงื้อพายย่องแย่งแข้งขากาง ล้างโคลนเสียก่อนจึงขึ้นมา มะถ่อธะบมก้มดูพุง ผ้านุ่งกูใครเอาไปหวา ทรุดนั่งแยงแย่แลดูตา สองฝ่ามือปิดตะบิดตะบัน แล้วเลื่อนตัวมาเอาผ้านุ่ง ฉวยผ้าพันพุงขมีขมัน หลอกใช้เราเล่นได้เห็นกัน ลักผู้หญิงของทั่นเจ้านายมา ฯ ๏ ขุนแผนเห็นช้าจะเสียการ โอมอ่านพระเวทคาถา โดดลงจากหลังอาชา ตรงหน้าก็เป่าไปทันใด


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๔๙ อ้อนวอนโดยดีพี่เรือคอย ข้ามส่งน้องหน่อยอย่าผลักไส ช่วยส่งให้ปลอดตลอดไป น้องจะแทนคุณให้ที่เหนื่อยแรง ว่าพลางทางถอดแหวนสอดก้อย ไข่มุกสุกย้อยระยับแสง ยื่นส่งไปให้มิได้แคลง จวนแจ้งข้ามส่งจงเร็วรา ฯ ๏ มะถ่อธะบมก้มดูแหวน ชะแง้แหงนหัวคากจนปากอ้า ลองมือถือล่อลออตา ห่อผ้าของดีตะลีตะลาน เร็วเร็วรีบมาช้าจะรุ่ง ข้ามทุ่งรีบไปให้พ้นบ้าน ผู้คนตื่นคลํ่าจะรำคาญ จะพาตัวดีฉานนี้พลอยตาย ฯ ๏ ขุนแผนหันหน้ามาหาน้อง ชวนเจ้าวันทองแล้วผันผาย เปลื้องเครื่องสีหมอกออกจากกาย จูงนางย่างกรายลงนาวา นั่งลงกระทงกลางข้างละริม แย้มยิ้มเรียงรอเข้าคลอหน้า จับสายถือมือชักสีหมอกมา อนิจจาพี่สีหมอกต้องว่ายน้ำ คุณพี่มี่กับน้องนี้เหลือแสน ได้คุมแค้นเคืองมาเวลาคํ่า ต้องบุกป่ามาเถื่อนเพื่อนกรากกรำ น้องจะอุปถัมภ์ให้พอแรง ครั้นถึงท่าทางเรือจ้างประทับ ปล่อยม้าร่าหรับขึ้นกลางแจ้ง เครื่องอานสารพัดจัดแจง วันทองน้องแบ่งช่วยเอาไป ครั้นถึงจึงผูกสีหมอกสรรพ ประจงจับโกลนแผงหนังข้างใส่ เบาะอานพานพู่ดูละไม อุ้มวันทองน้องให้ขึ้นขี่ม้า ประคองวันทองมิให้ตก ยกเท้ากระทืบแผงสนั่นป่า สีหมอกแล่นไล่จนลายตา เลยมาบ้านกล้วยยุ้งทะลาย ฯ ๏ เอาดาบถากต้นไม้ถ่านไฟเขียน อ้ายหัวเลี่ยนตามมาจะฉิบหาย ให้ม้นซ้อนกันมาตาขี่ยาย กูจะป่ายลงให้ใจริกริก ไม่ครือดาบหํ้าหั่นจะฟันฟาด ฉะฉาดขาดสิ้นลงดิ้นดิก จะผ่าอกยกกายหงายพลิก จิกสับฟันซ้ำให้หนำใจ ถึงจะเป็นความกันก็ไม่กลัว เมื่อตัวมันตายแล้วทำไมได้ ฟันเล่นเป็นไรก็เป็นไป ปู่ย่าอยู่ที่ไหนไปขุดมา อ้ายพี่น้องชายทรามทั้งสามคน ผีขอดตลอดกำด้นอ้ายชาติข้า แสนขลาดราทยาศรพระยา พี่จะฆ่าคนเดียวเจ้าคอยดู อันซึ่งจะถอยอย่าพึงนึก อ้ายหัวถึกตามมาพี่จะสู้ ทั้งล้านน้อยล้านใหญ่จะไล่พรู กรูมาพี่จะฆ่าให้ม้วยมิด มือซ้ายจะกอดวันทองมั่น มือขวาพี่จะฟันให้เป็นปลิด ให้ม้นกล้ามาสู้ลองดูฤทธิ์ ขุกคิดขึ้นมาเลือดตาแดง อัดอึดฮึดฮัดด้วยขัดใจ ชักฟ้าฟื้นได้ออกกวัดแกว่ง เงื้อง่าท่าทำกำลังแรง แทงนะแทงกันแล้วฟันฟัด ศอกวัดถูกอกเจ้าวันทอง โอ๊ยกรรมแล้วถูกน้องเข้าถนัด เจ้าวันทองร้องเอียงเพียงจะพลัด ขุนแผนกระหวัดวันทองไว้


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๕๐ อนิจจาพี่เผลอละเมอมัว ถูกตัวเจ้าเจ็บที่ตรงไหน อย่าถือโทษเลยหนอขออภัย พี่เคลิ้มไปจริงจริงเจ้าวันทอง คลึงเคล้าเย้ายีค่อยคลี่คลาย ชักม้าร่าสบายมาทั้งสอง พ้นสุพรรณไปได้ดังใจปอง พระจันทร์ผันผยองอยู่พร่างพร้อย ฯ ๏ ถึงเขาพระที่เคยเขามาไหว้ พระสุกนี่กะไรดังหิ่งห้อย ชี้บอกวันทองน้องน้อย พระจันทร์ฉายบ่ายคล้อยลงฉับพลัน รื่นรื่นชื่นรสเสาวคนธ์ ปนกับกลิ่มแก้มเกษมสันต์ หอมกลิ่นบุปผาสารพัน พระจันทร์ดั้นหมอกออกแดงดวง ส่องต้องบุปผชาติสะอาดช่อ อ่อนลออเกสรขจรร่วง น่ารักโกสุมเป็นพุ่มพวง โน้มหน่วงกิ่งเก็บให้วันทอง ทัดหูชูชมภิรมย์จิตร ขอดมดอกไม้นิดอย่าปิดป้อง พี่สูดแต่น้อยน้อยค่อยประคอง ไฮ้อย่าต้องของฉันจะชอกช้ำ พี่ต้องแต่เบาเบาดอกเจ้าพี่ พอยินดีหายระหวยเมื่อยามคํ่า อันตัวพี่ไม่มีจะหยามทำ นั่นช้ำเก่าเจ้าแกล้งพาโลกัน วันทองร้องไฮ้อะไรนี่ เชิงกระนี้เหน็บแนมแกมขยัน แสนงอนค่อนว่าสารพัน ไก่ขันแจ้วแจ้วจะรุ่งราง เสียงจิ้งหรีดกรีดกริ่งระงมไพร ลองไนหริ่งหริ่งอยู่รอบข้าง จักจั่นสนั่นเสนาะคราง เมื่อแสงทองส่องสว่างสุธาดล สกุณากาแกก็แซ่ซ้อง ชะนีร้องเหนี่ยวไม้ในไพรสณฑ์ เห็นแสงพระอาทิตย์ผิดพิกล วะโหวดโหวยเวียนวนว่าเลือดย้อย เสียงเย็นเห็นยะยวบอยู่ปลายไม้ ไหวไหวผัวโวยโหยละห้อย พอเห็นคนแล่นโลดกระโดดลอย ลูกน้อยตามแต้กลัวแม่ทิ้ง ฝูงลิงไต่กิ่งลางลิงไขว่ ลางลิงแล่นไล่กันวุ่นวิ่ง ลางลิงชิงค่างขึ้นลางลิง กาหลงลงกิ่งกาหลงลง เพกากาเกาะทุกก้านกิ่ง กรรณิกากาชิงกันชมหลง มัดกากากวนล้วนกาดง กาฝากกาลงทำรังกา เสือมองย่องแอบต้นตาเสือ ร่มหูกวางกวางเฝือฝูงกวางป่า อ้อยช้างช้างน้าวเป็นราวมา สาลิกาจับกิ่งพิกุลกิน เขาคุ่มกะลุมพูคูขันจ้อ นกกระทาปักก้อในไพรสินธุ์ คิริบูนบ่นบ้ากระพือบิน ขมิ้นจับโมงหมายอยู่ชายไพร ฯ ๏ ครั้นผ่านพ้นชายไพรใกล้ขอบหนอง เห็นนกตะกรุมโทนท่องอยู่ไหวๆ กระซิบบอกนางพลันนั่นเป็นไร ขุนช้างไล่มาแล้วเจ้าแลดู วันทองฟังแจ้งแสยงจิตร เหลียวชะแง้แลพิศอยู่เป็นครู่ เห็นแต่นกตะกรุมมันสุ่มปู ก็นิ่งอยู่มิได้ว่าประการใด อ่อนกดอกฤๅเจ้าวันทอง พี่คิดว่าผัวน้องมาตามไล่ ไม่ทันพิเคราะห์เพราะอยู่ไกล เข้าใกล้จึงรู้ว่านกตะกรุม


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๕๑ หัวหูมันกะไรไม่มีขน หัวคนเช่นนี้ก็มีกลุ้ม ไฉนนกอย่างนี้จึงมีชุม มันเที่ยวสุ่มกุ้งกินอยู่ดิบดี พี่คิดว่าผัวนางวางมาตาม ผลีผลามชักม้าจะพาหนี มาจริงแล้วจะวิ่งไปไหนดี จวนตัวพี่ก็จะส่งเจ้าคืนไป ถ้าเขาเมตตาไม่ฆ่าฟัน ถ้อยความทั้งนั้นหาว่าไม่ ถ้าเขาฟ้องร้องหาศาลาใน พี่ก็จะแก้ไขไปตามบุญ จะให้การว่าไปธุระอื่น มิได้ขืนข่มเมียท่านตาขุน เมียท่านมารักข้าผลักรุน ฉวยฉุดยุดวุ่นแล้ววิ่งตาม เห็นข้าขี่ม้าวิ่งร้องไห้ วิงวอนว่าจะไปข้าได้ห้าม ฉวยหางม้ารั้งไม่ฟังความ จนข้ามบ้านพลับยี่แสมา ข้าเห็นเวทนาด้วยเหนื่อยใจ จึงรับให้ขี่ม้ามากับข้า วิงวอนให้ข้านอนด้วยรวดมา ข้าก็ไม่อยากยอมประเวณี ฯ ๏ เออจริงแล้วคะข้าคนชั่ว รักชู้ชังผัวเอาตัวหนี เพราะความรักเขาเฝ้ายวนยี ด้วยเสน่ห์ของเจ้าดีจึงติดใจ จะตามไปไยเล่าไม่สมคิด จะว่าดีแต่สักนิดก็หาไม่ อาภัพลับสูญเหมือนปูนไป ไปทำไมหยุดม้าข้าจะลง ฯ ๏ เอ๊ะจะโจนฤๅเจ้าขยับตัว ช่างกล้าไม่กลัวจะเดินหลง ทุ่งกว้างทางไกลมิใช่ตรง กลางดงเดินได้ฤๅไรนา มิเสียทีแก้วพี่มาติดตาม พี่จะให้สมความปรารถนา อนึ่งก็ได้กอดแอบแนบอกมา เมตตาขึ้นแล้วเจ้าวันทอง ถึงพูดไปใครจะเห็นว่าจริงด้วย เมื่อเมียท่านแร่รวยมาคล่องคล่อง จะแพ้ความก็ตามแต่ทำนอง ได้ถูกต้องเกินแล้วก็เหมือนจริง เป็นตายก็ตามแต่เวรา จะพาไปให้ตลอดเจ้ายอดมิ่ง กอดจูบลูบหลังไม่ชังชิง นิ่งเถิดรักแล้วอย่าเคืองใจ ฯ ๏ วันทองข่วนหยิกแล้วพลิกผลัก อย่ามารักเลยหาให้ชมไม่ จะให้ชํ้าเสียเปล่าเอาอะไร มิใช่ค่าจ้างที่ขี่ม้า พลอดเล่นต่างต่างทุกอย่างไป จะทำให้สาสมแก่นํ้าหน้า แกะมือถือน้องไว้ไยนา ไม่ตกม้าดอกนะหม่อมอย่ากอดเลย ฯ ๏ เห็นพรั่นพรั่นกันไว้สิกลับว่า เจ้าเจนม้าแล้วฤๅน้องวันทองเอ๋ย พี่กลัวเจ้าจะตกม้าขาไม่เคย เงยหน้าขึ้นเถิดอย่าเคืองใจ ว่าพลางทางขับม้าสีหมอก ให้ออกสะบัดย่างวางใหญ่ เหลียวหลังระวังวันทองไว้ สีหมอกแล่นไล่จนลายตา วิ่งลมออกหูวะวู่เวียน วันทองแอบแนบเนียนไม่เงยหน้า ฉวยฉุดหยุดรั้งมั่งเถิดรา ฟ้าผ่าเถิดจะตกม้าตายเสียแล้ว ไหนเล่าเจ้าว่าไม่กลัวตก เป็นไรมากอดอกอยู่แด่วแด่ว พาโลหยิกกันเล่นจนเป็นแนว ถึงแล้วถิ่นที่จะหยุดพัก ฯ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๕๒ ๏มาถึงเนินผาท่าต้นไทร นํ้าเปี่ยมสระใสสะอาดหนัก ที่ธารแก่งแรงไหลมาคักคัก เป็นชะงักชะง่อนผาน่าสำราญ บัวไสวใบบังระบุดอก เผยอออกกลิ่นชวยห้วยละหาน ต้นไม้สูงสะพรั่งบังริมธาร ที่ดอกบานแล้วก็หล่นละอองลง พระพายชายพัดมาเชยชื่น หอมรื่นรอบในไพรระหง จักจั่นสนั่นเสียงเสนาะดง รับวันทองน้องลงจากหลังม้า ปลดปล่อยสีหมอกให้กินนํ้า ขัดสีเสกซ้ำแล้วสาดหน้า ชักชวนวันทองน้องยา ผลัดผ้าโผลงในท้องธาร ว่ายกระทุ่มเที่ยวท่องในท้องนํ้า ผุดดำปรีดิ์เปรมเกษมสานต์ หัวระริกซิกซี้กันสำราญ บัวบานเกสรอ่อนลออ นํ้าใสไหลหลั่งศิลาลาด ใสสะอาดจริงจริงหนอเจ้าหนอ แสนสบายว่ายรี่เฝ้าคลีคลอ ระริกรี้หัวร่อแล้วหยอกเย้า ทำยื่นแขนแอ่นอ่อนให้เมียสี ไฮ้อะไรขยำขยี้ที่นั่นเล่า มิใช่การวานอย่ามาแกะเกา เปล่าดอกนั่นผงฤๅอะไร ติดเต้านมน้องอยู่ดำดำ ลูบคลำหัวร่ออ่อเป็นไฝ เอาน้ำสาดนมน้องคะนองใจ ไฮ้จู้จี้จ้านรำคาญจริง ฉันหนาวนักไม่อาบด้วยหม่อมได้ ขึ้นไปนั่งหัวร่ออยู่บนตลิ่ง ขุนแผนผลัดผ้าว่าเย็นจริง พาดพิงพาน้องเข้าร่มไทร ฯ ๏ จึงร้องสั่งโหงพรายกุมารทอง คอยสอดมองคนมาอย่าให้ใกล้ แล้วตัดตองมารองใต้ร่มไม้ ปูให้วันทองน้องทันที แล้วเปลื้องเครื่องคาดจากกายา ปลดผ้าประเจียดจบเกศี เสื้อย้อมว่านยาล้วนอย่างดี ประคำถมตุ้มปี่สะอิ้งรัด ไหมทองกรองถักเป็นอักษร สอดซ้อนเส้นด้ายสายเข็มขัด ตะกรุดโทนลงยาสารพัด ประจงจัดวางเสร็จสำเร็จพลัน อิงแอบแนบชิดสนิทน้อง ส้วมสอดกอดวันทองเกษมสันต์ จงษมาพระไทรเสียด้วยกัน เป็นกลางวันทั่นอยู่จะดูแคลน ฯ ๏ หม่อมเอ๋ยอย่าเพ่อเลยอย่างเช่นนั้น ไม่สิ้นวันดอกเจ้าจอมหม่อมขุนแผน น้องจะหนีไปไหนในดงแดน แสนรักสุดรักจึงหักมา สู้ทิ้งบ้านเรือนมาเพื่อนม้วย เอออวยดื้อดึงมาถึงป่า ความรักก็ประจักษ์อยู่แก่ตา ช่างไม่อายเทวดาพฤกษาไทร ถึงยากเย็นก็ให้เป็นกระท่อมทับ นี่จะหลับตาค้างอย่างไรได้ แม้นมิเอ็นดูน้องให้หมองใจ มิให้เก้ออยู่ก็ดูเอา ฯ ๏ มันขัดสนจนใจอยู่แล้วน้อง มุ้งม่านบ้านช่องที่ไหนเล่า ก็เหมือนกับเรื่องเดิมเริ่มของเรา นึกว่าเข้าไร่ฝ้ายเถิดน้องอา นี่ก็เป็นป่าระหงดงไม้ น่าสำราญบานใจเป็นหนักหนา เนื้อเย็นเห็นอกพี่เถิดรา เจ้าอย่าอับอายพระไทรทิพย์


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๕๓ ว่าพลางเกี่ยวกอดสอดกระสัน ฟ้าลั่นเกิดฝนหล่นเปรียะปริบ ต้องใบไทรย้อยหยอยหยอยยิบ แชกซิบซึมชุ่มชอุ่มใบ พระพายชายพัดสะบัดโบก ต้นโยกกิ่งก้านสะท้านไหว ทั้งสองคลึงเคล้าเย้ายวนใจ สำราญรื่นร่มไทรในพนา ฯ ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง สมสองต้องจิตรเป็นหนักหนา ได้ร่วมรสรักร้างที่ห่างมา เสนหาขุนแผนแสนอาวรณ์ นางหยิบใบยางมาต่างพัด โบกปัดยุงริ้นที่บินว่อน ปรนนิบัติมิให้ขัดอนาทร จนผัวนอนหลับสนิทด้วยเหนื่อยนัก นั่งอยู่ข้างผัวตัวคนเดียว ให้เปล่าเปลี่ยวเงียบเหงาเศร้าใจหนัก พอมนตร์หายคลายหลงพะวงรัก เห็นประจักษ์ทุกข์ร้อนก็ถอนใจ อนิจจาครานี้นะตัวกู มาอ้างว้างค้างอยู่ในป่าใหญ่ จะเป็นเหยื่อเสือสางที่กลางไพร เอาป่าไม้เป็นเรือนเหมือนป่าช้า นี่จะอยู่อย่างไรไม่เล็งเห็น ตายเป็นก็คงป่นอยู่กลางป่า มิได้คิดถึงตัวมัวจะมา ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เลย ขุนแผนพามาด้วยความรัก ก็ประจักษ์ใจจริงไม่นิ่งเฉย แต่ทุกข์ยากอย่างนี้ยังมิเคย อกเอ๋ยเกิดมาพึ่งจะพบ ไม่เคยเห็นก็มาเห็นอนาถนัก ไม่รู้จักก็มารู้อยู่เจนจบ ร่านริ้นบินต่ายระคายครบ ไม่เคยพบก็มาพบทุกสิ่งอัน ยังพรุ่งนี้นี่จะเป็นกะไรเล่า จะลำบากยิ่งกว่าเก่าฤๅไรนั่น คิดขึ้นมานํ้าตาตกอกใจตัน กลับหวั่นหวั่นหวนคะนึงถึงขุนช้าง นิจจาเอ๋ยเคยสำราญอยู่บ้านช่อง ถนอมน้องมิให้หน่ายระคายหมาง คลึงเคล้าเช้าเย็นไม่เว้นวาง อยู่กินก็สำอางลออออง ยามนอนเคยนอนบนเตียงตั้ง มุ้งบังยุงริ้นไม่บินต้อง ยามร้อนนอนเล่นบนเตียงทอง มีคนประคองคอยพัดวี อาบนํ้ามีคนเข้าเคียงขัด ผิวผัดขมิ้นผงประจงสี ส่องกระจกเงางามอร่ามดี ยาฟันสรรสีเป็นแสงยับ นํ้าหอมกล่อมกลิ่นดอกไม้กลั่น กระแจะจันทน์ผัดพริ้งทุกสิ่งสรรพ ผ้าผ่อนแพรพรรณสักพันพับ ลับสูญสิ้นไปมิได้ชม ตั้งแต่นี้มีแต่จะมัวหมอง สักหน่อยจะต้องกรองใบไม้ห่ม มาเกลือกกลั้วผงคลีธุลีลม นับวันยิ่งจะตรมระกำใจ นางสะท้อนถอนจิตรคิดถึงตัว เหลียวมาดูผัวเห็นหลับใหล จะเอนหลังมั่งเล่าก็เศร้าใจ จะวางกายลงกะไรล้วนกรวดทราย หยิบรากไม้มาวางลงต่างหมอน แลดูขอนจะหนุนก็ใจหาย คลำดินแข็งกระด้างระคางคาย เสียดายเอ๋ยเคยสุขสำราญเรือน สารพัดวิบัติไปหมดสิ้น ละถิ่นฐานนานดรมานอนเถื่อน แสงไฟไม่อยู่มาดูเดือน เหย้าเรือนทิ้งมาหาร่มไม้


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๕๔ อกเอ๋ยเกิดเข็ญเป็นสตรี พอที่จะเป็นสุขไม่สุขได้ ไม่รักอายร่ายชมภิรมย์ไป เพราะไม่ครองใจจึงได้แค้น เสียแรงรูปงามนามก็เพราะ ละมุนเหมาะใจชั่วนี้เหลือแสน ที่ดีดีสิ้นในดินแดน ชั่วเล่าใครจะแม้นก็ไม่มี ร่ำพลางทางสะท้อนถอนใจใหญ่ ง่วงเหงาเศร้าใจอยู่กับที่ เอาความรักหักหวนอยู่รวนรี ได้เสียทีทำกะไรไปตามเกิน จะเคืองขุ่นขุนแผนก็ไม่ได้ เขารักใคร่จริงจังไม่ห่างเหิน ไปจากกันนานช้าน่าจะเพลิน หมางเมินลูกเมียเขาก็มี สู้บากหน้ามาตามด้วยความรัก ลอบลักเข้าป่าพากันหนี ไม่กลัวความลามลุกคลุกคลี เอาชีวีแลกน้องวันทองมา จะทิ้งขว้างอย่างไรต้องไปด้วย จะมอดม้วยก็ตามแต่วาสนา นางทอดตัวกอดผัวแล้วโศกา ซบหน้านิ่งหลับระงับไป ฯ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๕๕ บทถอดความร้อยกรอง เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนแผนพานางวันทองหนี ขุนแผนรอนางวันทองเห็นไม่ออกมาสักทีจึงเข้ามาตามนางในห้อง เห็นนางวันทองร้องไห้ จนสลบไปก็สงสาร เสกน้ำมนต์ประพรมลูบหน้าลูบหลังจนนางฟื้น นางวันทองพูดแก้เก้อว่า ทำของหาย ขุนแผนบอกว่าจะหาให้ใหม่ ให้นางรีบไป เมื่อเดินออกนอกท้องนอน นางวันทองยังอาลัย ห่วงใยขุนช้างว่าจะไม่มีคนดูแล พอเห็นม่านขาดกองอยู่กับพื้นก็เจ็บช้ำจนสะอื้นไห้ผ่านห้อง นางแก้วกิริยา เอ่ยปากบอกฝากให้ช่วยดูแลหาข้าวหาปลาให้ขุนช้างด้วย ถึงกรงนกขุนทอง นกโนรี นางวันทองก็ครวญถึงนก พอถึงนอกชานนางวันทองลังเลที่จะจากบ้านของตน มองดูทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยความอาลัยอาวรณ์แล้วสั่งลาเรือน ถึงกลางนอกชานละลานจิต ตะลึงคิดลังเลดูเคหา แล้วชำเลืองเยื้องย่างถึงอ่างปลา ชะโงกหน้ามือช้อนมาชมชู กลมกลมสมอย่างตละปั้น บ้างว่ายหันเหวี่ยงหางกระทั่งหู ถึงกระถางต้นไม้ชายตาดู เป็นคู่คู่ชูช่ออรชร มะขามโพรงโค้งคู้เป็นข้อศอก ฝักกรอกแห้งเกราะกะเทาะล่อน จันทน์หอมจันทน์คณาจะลาจร มะลิซ้อนซ่อนชู้อยู่จงดี ลำดวนเอ๋ยจะด่วนไปก่อนแล้ว เกดแก้วพิกุลยี่สุ่นสี จะโรยร้างห่างสิ้นกลิ่นมาลี จำปีเอ๋ยกี่ปีจะมาพบ ที่มีกลิ่นก็จะคลายหายหอม จะพลอยตรอมเหือดสิ้นกลิ่นตรลบ ที่มีดอกก็จะวายระคายครบ จะเหี่ยวแห้งเซาซบสลบไป ต้นน้อยน้อยลูกย้อยระย้าดี ตั้งแต่นี้จะไปชมต้นไม้ใหญ่ จะทิ้งเรือนไปร้างอยู่กลางไพร ยุงร่านริ้นไรจะตอมกาย รากไม้จะต่างหมอนนอนอนาถ ดาดดาษจะต่างไต้น่าใจหาย ลงบันไดใจเจียนจะขาดตาย น้ำตาตกกระจายพรั่งพรายลง ฯ (หน้า ๓๖๒) ขุนแผนปลอบนางวันทองให้คลายเศร้าโศก หยอกเย้านางว่าจะพาไปเดือนหนึ่งแล้วจะ กลับมาส่งอีกเดือนมารับกลับไปใหม่ ให้นางได้เปลี่ยนสามีคนจน สามีคนรวยสลับกัน จะได้รู้ว่าใคร ดีกว่ากัน นางวันทองเอ็ดเอาว่าหากทำให้นางได้อายและเจ็บช้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างนี้ นางจะไม่ไปด้วย ขุนแผนบอกว่าหยอกเล่น อย่าใจน้อยไปเลย แล้วจูงม้าสีหมอกออกมา พานางวันทองขึ้นม้าออกจาก สุพรรณบุรีไปจนถึงลำน้ำบ้านพลับ ต้องข้ามไปอีกฝั่ง จะขี่ม้าข้ามไปก็กลัวจระเข้ จะว่ายไปน้ำก็ลึก ขุนแผนหลอกมะถ่อธะบม คนแจวเรือจ้างว่าพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งให้ขุนแผนไปสืบข่าวโขลงช้างป่า มะถ่อธะบมสงสัยว่าขุนแผนลักผู้หญิงของเจ้านายมาแล้วหลอกให้พายเรือข้ามฟากไปกระมัง ขุนแผน เห็นท่าไม่ดี เป่าคาถาให้คนแจวเรือจ้างเมตตาเอ็นดู พร้อมถอดแหวนก้อยฝังไข่มุกให้เป็นของกำนัล คนแจวเรือจ้างรีบพาขุนแผน นางวันทองข้ามฟากไป ส่วนม้าสีหมอกว่ายน้ำตามเรือไป พอขึ้นฝั่ง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๕๖ ก็ผูกม้าแล้วเดินทางต่อไปอีกหลายวันหลายคืน ผ่านหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน ผ่านป่า ที่อุดมสมบูรณ์ด้วย ต้นหมากรากไม้ สัตว์ป่านานาชนิด ฝูงลิงไต่กิ่งลางลิงไขว่ ลางลิงแล่นไล่กันวุ่นวิ่ง ลางลิงชิงค่างขึ้นลางลิง กาหลงลงกิ่งกาหลงลง เพกากาเกาะทุกก้านกิ่ง กรรณิกากาชิงกันชมหลง มัดกากากวนล้วนกาดง กาฝากกาลงทำรังกา เสือมองย่องแอบต้นตาเสือ ร่มหูกวางกวางเฝือฝูงกวางป่า อ้อยช้างช้างน้าวเป็นราวมา สาลิกาจับกิ่งพิกุลกิน เขาคุ่มกระลุมพูคูขันจ้อ นกกระทาปักก้อในไพรสิณฑ์ คิริบูนบ่นบ้ากระพือบิน ขมิ้นจับโมงหมายอยู่ชายไพร ฯ (หน้า ๓๖๘) ขุนแผนขี้ชวนให้นางวันทองชมธรรมชาติสองข้างทาง พลางพูดจายั่วหยอกล้อนางไป ตลอดทางอย่างสุขสำราญ จนถึงท่าต้นไทร เป็นเนินผามีธารน้ำไหลแรง ขุนแผนหยุดพักอาบน้ำ แล้วนอนพักกับนางวันทองกลางป่า นางวันทองใช้ใบยางพัดวีขุนแผนจนหลับสนิท นางนั่งอยู่คนเดียวกลางป่าเปลี่ยว เมื่อ มนต์สะกดคลายไป แรงเสน่หาคลายลง นางวันทองเริ่มประจักษ์ในความทุกข์ร้อนของตนจึงคร่ำครวญ ที่ตกมาอยู่กลางป่ากินนอนกลางป่า จะเป็นเหยื่อเสือสางเมื่อไรก็ไม่รู้ ร่านริ้นไรบินไต่ตอมจนคันระคาย ไปหมดทั้งตัว ความยากลำบากแบบนี้เกิดมาเพิ่งเคยพบ วันพรุ่งนี้จะยิ่งลำบากไปกว่าวันนี้หรือไม่ก็ไม่รู้ คิดแล้วนางก็หวนหาถึงความสุขสำราญที่บ้านขุนช้าง นิจจาเอ๋ยเคยสำราญอยู่บ้านช่อง ถนอมน้องมิให้หน่ายระคายหมาง คลึงเคล้าเช้าเย็นไม่เว้นวาง อยู่กินก็สำอางลออออง ยามนอนเคยนอนบนเตียงตั้ง มุ้งบังยุงริ้นไม่บินต้อง ยามร้อนนอนเล่นบนเตียงทอง มีคนประคองคอยพัดวี อาบน้ำมีคนเข้าเคียงขัด ผิวผัดขมิ้นประจงสี ส่องกระจกเงางามอร่ามดี ยาฟันสรรสีเป็นแสงยับ น้ำหอมกล่อมกลิ่นดอกไม้กลั่น กระแจะจันทน์ผัดพริ้งทุกสิ่งสรรพ ผ้าผ่อนแพรพรรณสักพันพับ ลับสูญสิ้นไปมิได้ชม ตั้งแต่นี้มีแต่จะมัวหมอง สักหน่อยจะต้องกรองใบไม้ห่ม มาเกลือกกลั้วผงคลีธุลีลม นับวันยิ่งจะตรมระกำใจ (หน้า ๓๗๓) นางวันทองทอดถอนใจในชะตากรรมของตนเอง เหลียวดูขุนแผนเห็นหลับสนิท นางจึง ทอดกายลงนอนกับพื้นดิน แต่ใจก็คิดอเนจอนาถในความลำบากกายของตน แล้วพลอยคิดโทษตนเอง ว่าใจชั่วจึงต้องเป็นทุกข์เช่นนี้


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๕๗ จะเอนหลังมั่งเล่าก็เศร้าใจ จะวางกายลงกระไรล้วนกรวดทราย หยิบรากไม้มาวางลงต่างหมอน แลดูขอนจะหนุนก็ใจหาย คลำดินแข็งกระด้างระคางคาย เสียดายเอ๋ยเคยสุขสำราญเรือน สารพัดวิบัติไปหมดสิ้น ละถิ่นฐานนานดรมานอนเถื่อน แสงไฟไม่อยู่มาดูเดือน เหย้าเรือนทิ้งมาหาร่มไม้ อกเอ๋ยเกิดเข็ญเป็นสตรี พอที่จะเป็นสุขไม่สุขได้ ไม่รักอายร่ายชมภิรมย์ไป เพราะไม่ครองใจจึงได้แค้น เสียแรงรูปงามนามก็เพราะ ละมุนเหมาะใจชั่วนี้เหลือแสน ที่ดีดีสิ้นในดินแดน ชั่วเล่าใครจะแม้นก็ไม่มี (หน้า ๓๗๓-๓๗๔) นางวันทองคิดแล้วให้อัดอั้นตันใจเพราะจะโกรธขุนแผนก็ไม่ได้เนื่องจากขุนแผนแสดงว่า รักใคร่จริงจัง จากกันไปนานแล้วก็ยังอุตส่าห์ตามมาด้วยความรัก ลักลอบพาหนีโดยไม่กลัวคดีความ เมื่อขุนแผนเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อนางเช่นนี้ นางวันทองคิดว่าทิ้งขว้างกันไม่ได้ ไปไหนก็จะต้องไป ด้วยกันจะถึงตายก็แล้วแต่วาสนาของตน เมื่อคิดได้แล้วนางวันทองก็กอดขุนแผนร้องไห้จนหลับไป


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๕๘ เอกสารอ้างอิง คริส เบเคอร์และผาสุก พงษ์ไพจิตร. (๒๕๕๖). ขุนช้างขุนแผน ฉบับวัดเกาะ. เชียงใหม่. ชิลค์เวอร์ม. รื่นฤทัย สัจจพันธุ์, รศ.ดร. (๒๕๔๔). เล่าเรื่องขุนช้าง ขุนแผน จากกลอนเสภาอมตะขุนช้าง ขุนแผน. กรุงเทพฯ : ธารปัญญา. _____________. (๒๕๕๐). เล่าเรื่องขุนช้าง ขุนแผน ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ : พิมพ์คำ. วชิรารัตน์ นิรันดร์เตชาภัทร. (๒๕๕๕). ขุนช้างขุนแผน ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ. กรุงเทพ: ไทยควอลิตี้บุ๊คส์. สำนักพิมพ์ศิลปาบรรณาคาร. (๒๕๕๕). เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน. กรุงเทพฯ : ศิลปาบรรณาคาร. สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๕๑). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๕๙ ตัวอย่าง แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๖๐ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ บูรณาการหน่วยที่ 2 เรื่อง เสภา ขุนช้างขุนแผน ตอน พลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม ชื่อวิชา ภาษาไทย 3 รหัส ท22101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เวลา 1 ชั่วโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัด ม.2/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ม.2/๒ จับใจความสำคัญสรุปความและอธิบายรายละเอียดจากเรื่องที่อ่าน ม.2/๓ เขียนผังความคิดเพื่อแสดงความเข้าใจในบทเรียนต่าง ๆ ที่อ่าน มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย อย่างเห็นคุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ม.2/๒ วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีวรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถิ่นที่อ่าน พร้อมยก เหตุผลประกอบ ม.2/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ม.2/4 สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ม.2/5 ท่องจำบทอาขยานตามที่กำหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ 2. สาระสำคัญ/แนวคิดหลักของการจัดการเรียนรู้ การอ่านจับใจความสำคัญ หมายถึง การอ่านที่มุ่งค้นหาสาระของข้อความหรือเรื่องราวต่าง ๆ ว่าข้อความหรือเรื่องราวนั้นเกี่ยวกับสิ่งใด มีเหตุการณ์ที่สำคัญอะไรบ้าง ส่วนใดเป็นใจความสำคัญและ ส่วนใดเป็นส่วนขยายใจความสำคัญของเรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญถือเป็นวิธีการที่ช่วยให้ผู้อ่าน สามารถแยกส่วนประกอบอื่น ๆ หรือที่เรียกว่า "พลความ" ของเรื่องได้ 3. สาระการเรียนรู้ เสภาขุนช้าง ขุนแผน ตอน พลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม 1. เรื่องย่อ 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์สุจริต ตัวอย่าง แผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการวรรณคดีท้องถิ่นจังหวัดสุพรรณบุรี


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๖๑ 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. รักความเป็นไทย 6. จุดประสงค์การเรียนรู้(K,P,A) 1. ความรู้เกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านเรื่อง เสภาขุนช้าง ขุนแผน ตอน พลายแก้วเป็นชู้ กับนางพิม (K) 2. สรุปใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่าน(P) 3. เห็นคุณค่าการอ่านบทร้อยกรอง (A) 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน ๑. ใบงาน 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) การเรียนแบบร่วมมือ (เพื่อนคู่คิด) ขั้นที่ 1 Think 1. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน 2. ครูชี้แจงนักเรียนว่าจะเรียนการอ่านจับใจความ จาก วรรณคดีเรื่องเสภาขุนช้างขุนแผน ตอน พลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม โดยให้นักเรียนอ่านศึกษาเรื่องราวความเป็นมาของวรรณคดี จาก เอกสารที่ครูแจกให้ 3. นักเรียนช่วยกันถอดคำประพันธ์ สรุปเหตุการณ์ตามลำดับที่เกิดขึ้น ขั้นที่ ๒ Pair 1. ให้นักเรียนทำใบงานที่ครูมอบหมายให้ ตามกระบวนการ Think Pair Chair กิจกรรมเพื่อนคู่คิด (เสนอความคิด และแลกเปลี่ยนความคิด) ประเด็นที่ ๑ “หากนักเรียนเป็นนางพิมพิลาไลยจะปฏิบัติตนอย่างไร เมื่อพลายแก้ว พูดจาแสดงความรักด้วย โดยที่มีนางสายทองพยายามช่วยเป็นแม่สื่อให้” ประเด็นที่ ๒ “นักเรียนคิดว่าการรักนวลสงวนตัวยังจำเป็นต่อผู้หญิงในปัจจุบันหรือไม่ ผู้หญิงในปัจจุบันควรมีคุณสมบัติหรือการปฏิบัติอย่างไร จึงจะเหมาะสม” ขั้นที่ 3 Share 1. ครูสุ่มนักเรียน 5-6 คน นำเสนอการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากใบงานที่ทำ 2. นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อหา และคุณค่าจากเรื่องที่อ่าน 3. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน 9. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง เสภาขุนช้าง ขุนแผน ตอน พลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม 2. ใบงาน 10. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑. แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน 2. แบบสังเกตพฤติกรรม


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๖๒ 11.บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ ผลการจัดการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ปัญหา/อุปสรรค ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................... ................. แนวทางแก้ไข ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ครูผู้สอน ……………………………………… (……………………………………………..) วันที่บันทึก ..........................................


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๖๓ เนื้อหาสาระวรรณคดีท้องถิ่น จังหวัดสุพรรณบุรี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๖๔ บทร้อยกรอง เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม ๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าเณรแก้ว พอแสงทองผ่องแผ้วพระเวหา คิดคะนึงถึงพิมนิ่มนวลตา ล้างหน้าแล้วก็นุ่งสบงพลัน ห่มดองครองคาดราตคด พร้อมหมดแบกบาตรแล้วผายผัน ดูทุกตรอกซอกละเมาะเสาะสำคัญ เข้าในเมืองสุพรรณด้วยทันใด มินานถึงบ้านท่าพี่เลี้ยง เดินเมียงชม้ายตาอัชฌาสัย เห็นม้าตั้งอยู่ยังไม่มีใคร ก็หยุดยืนสำรวมใจจะดูที ฯ ๏ครานั้นนางพิมนิ่มน้อง อยู่ในห้องกับนางสายทองพี่ จัดแจงข้าวปลาทารพี ยังไม่มีพระสงฆ์องค์ใดมา เปิดหน้าต่างนางพิมเจ้าแลดู เห็นเจ้าเณรยืนอยู่ไม่เงยหน้า ห่มดองครองแนบกับกายา สีกาสาว์จับเนื้อดังนวลจันทร์ เดชะพระเวทวิทยามนตร์ เพอิญดลใจพิมให้ป่วนปั่น ห่มผ้าคว้าขันข้าวบาตรพลัน กับสายทองพากันก้าวลงมา เปิดประตูอาดเดินนาดกราย เณรพลายได้ยินก็เงยหน้า พิมน้อยชม้อยพอปะตา ก็รู้ว่าเณรแก้วผู้แววไว หลบมิดสะกิดพี่สายทอง ไฮ้น้องนี้ไม่ลงไปใส่ได้ เห็นหน้าเณรพลายฉันอายใจ ส่งขันข้าวบาตรให้สายทองมา สายทองย่างย่องขยับยิ้ม นางพิมหลบเหลื่อมเข้าแอบฝา เณรแก้วประสิทธิ์วิทยา เป่ามหาละลวยลมประสมนาง บันดาลซ่านเสียวสวาดิพิม ยืนยิ้มปิ้มจะแล่นลงไปล่าง สายทองประคองขันข้าวบาตรพลาง วางลงยกมือไหว้เจ้าเณรพลาย เณรแก้วลดบาตรลงจากบ่า ฉันบุกมาบิณฑบาตจนพานสาย ไทยทานบ้านอื่นก็เรียงราย ไม่รักรับรีบหมายจำเพาะมา เป็นเหตุก็เพราะเทศน์เมื่อวานนี้ เจ้ากัณฑ์หนีนึกสำคัญว่าเคืองข้า จะใคร่แจ้งคดีที่สีกา ทั้งจะใคร่สนทนาด้วยพี่นาง สายทองยกของใส่บาตรเณร พ้นเพลแล้วนิมนต์มาบ้านบ้าง สงบกังวลไว้ในใจพลาง ใส่บาตรแล้วก็ย่างขึ้นบันได เณรแก้วคลาศแคล้วออกจากรั้ว แฝงตัวจะดูพิมพิสมัย นางพิมเยี่ยมหน้าทอดตาไกล แลไปนอกรั้วเห็นเณรพลาย เณรกอดบาตรชิดทำปริศนา นางพิมยิ้มหลบหน้าเข้ามาหาย เจ้าเณรเดินตามทางย่างกราย ไม่ว่างวายแต่คะนึงถึงพิมน้อย ยิ่งไกลบ้านก็ให้พล่านให้พลุ่งจิตร ยิ่งคิดคิดหลงเหลียวอยู่บ่อยบ่อย เอะสายสายทองจะปองคอย ก็รีบรอยมายังวัดป่าเลไลย


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๖๕ ยกบาตรไปอังคาสพระอาจารย์ คลานมาเปลื้องผ้าหาช้าไม่ ปรนนิบัติมิให้ขัดเคืองใจ ฉันแล้วเข้าในที่นอนครวญ ฯ ๏ ครานั้นนางพิมพิลาไลย กำเริบใจไหวหวั่นให้ปั่นป่วน เห็นสายทองใส่บาตรทำนาดนวล รีรวนรอช้าอยู่ว่าไร พยักหน้าสายทองเข้าห้องนอน อ้อนวอนกระซิบถามความสงสัย ไปใส่บาตรช้านานประการใด ข้าเห็นปากไบ่ไบ่กับเณรพลาย สายทองว่าพี่พูดอะไรมี ไปกินข้าวเสียกับพี่ตะวันสาย พร้อมกันปั่นฝ้ายให้สบาย ตะวันบ่ายพี่จะพาไปอาบน้ำ ถึงข้าวจะให้กินไม่ยินดี ไม่บอกจะเซ้าซี้ให้ยังคํ่า เห็นยืนยิ้มพรายพูดกันหลายคำ แต่เพียงนี้พี่ยังอำไม่บอกกัน เมื่อเปล่าๆ พี่จะเดาไปไหนได้ ถ้าจริงจะบอกให้ไม่เดียดฉันท์ เจ้ากูว่าแต่มานี่ไกลครัน แต่เท่านั้นเจ้ากูก็กลับไป เถอะแล้วไปเถิดไม่บอกข้า เบื้องหน้าคงจะรู้หามิดไม่ แล้วลุกออกจากห้องด้วยหมองใจ นางไม่กินข้าวด้วยสายทอง ต่างคนกินเสร็จสำเร็จอิ่ม นางพิมฉวยไนเข้าในห้อง ปั่นฝ้ายข้าไทอยู่ก่ายกอง จนบ่ายสองโมงแล้วก็เสร็จพลัน ต่างคนต่างจัดพัดด้าย สายทองเตือนน้องขมีขมัน ไปอาบน้ำให้สบายบ่ายลงครัน นางพิมว่าฉันไม่รักไป สายทองปลอบวอนชะอ้อนว่า ไปตีนท่าเถิดจะบอกอะไรให้ อย่ามาหลอกจะบอกฉันทำไม เต็มใจไว้เถิดแต่คนเดียว ข้าร้อนนะอย่างอนประชดให้ จะอาบนํ้าก็ไม่ไปเฝ้าโกรธเกรี้ยว เต็มใจอะไรข้าว่าไปเจียว เจ้ากูเกี้ยวข้าแล้วฤๅเณรพลาย ไม่ไปนะเจ้าอย่าเซ้าซี้ ไม่พอที่ที่จะช้าตะวันบ่าย สายทองจากห้องย่องเยื้องกราย บ่าวไพร่ทั้งหลายก็ตามมา อีไทอีพรมอีส้มแป้น อีแตนตามสายทองไปตีนท่า ลงอาบนํ้าดำเล่นเป็นโกลา เล่นหาเล่นไล่กันพัลวัน ฯ ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าเณรพลาย ตะวันชายบ่ายเยื้องพระสุริย์ฉัน แสนคะนึงถึงพิมนิ่มนวลจันทร์ ได้สำคัญไว้จากนางสายทอง ปานนี้พิมพี่จะลงท่า จะไปหาให้พบประสบสอง คิดแล้วหยิบผ้ามาห่มดอง ย่องลงบันไดไปสุพรรณ ถึงบ้านพิมเข้าพลันมิทันช้า ตรงลงไปท่าทันใดนั่น เข้าแอบซุ่มพุ่มไม้ได้สำคัญ พวกข้าไททั้งนั้นไม่เข้าใจ เห็นสายทองสีตัวอยู่ริมตลิ่ง เอาดินทิ้งแล้วกระแอมพยักให้ สายทองย่องมาหาไวไว ก็พากันหลีกไปให้ลับคน ครั้นถึงจึงนั่งลงทันใด ที่ร่มริมโศกใหญ่ข้างใต้ต้น เป็นเซิงซุ้มพุ่มรอบดูชอบกล เบื้องบนดอกย้อยระย้าบาน


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๖๖ เณรแก้วยิ้มแล้วจึงปราศรัย ขออภัยเถิดอย่าว่าข้าหักหาญ เณรน้องปองป่วนมิควรการ แต่ทนทุกข์ทรมานมาหลายวัน แสนยากที่จะพากจะเพียรผ่อน ให้หยุดหย่อนร้อนรนเป็นพ้นกลั้น มาพบพี่ก็เป็นที่สำคัญครัน ข้าหมายมั่นจะมอบชีวาลัย อันเณรน้องเหมือนกระต่ายหมายชมจันทร์ อยู่ดินฤๅจะดั้นขึ้นไปได้ แต่ตรอมตรอมผอมร่างก็บางไป ด้วยทางไกลกลางหาวเมื่อคราวปอง ได้องค์อินทร์แลจะสิ้นสำเร็จตรม จะได้ชมกระต่ายสวรรค์จันทร์ผยอง อินทราอุปมาเหมือนสายทอง พิมน้องเหมือนกระต่ายในวงจันทร์ มาพึ่งพิงถ้าไม่ทิ้งธุระน้อง คงเป็นสองกระต่ายชมสมสวรรค์ จะขอบคุณที่การุญให้ครามครัน กว่าชีวันฉันจะวอดชีวาวาย พี่เอ็นดูช่วยชูให้น้องชื่น ให้คลายคืนโศกแสนนั้นเสื่อมหาย เหมือนชุบชีพอย่าให้รีบถึงเรือนตาย เณรพลายนี้ไม่พลั้งไม่แพลงคำ แต่วันนี้จนพี่สายทองตาย น้องนี้หมายจะโอบอุ้มอุปถัมภ์ พูดไว้ฉันใดจงจดจำ กำหนดแน่อยู่ไม่พล้ำไม่พลั้งเลย ฯ ๏สายทองเมินหน้าว่าไม่ฟัง จะพาหลังลายแล้วพ่อแก้วเอ๋ย จะชักสื่อสู่หาข้าไม่เคย หมายเชยเห็นจะชวดแล้วน้องเณร ท่านเจ้าขุนมุลนายก็ร้ายกาจ ฉวยพลั้งพลาดสิจะฉาวเป็นกราวเขน ไปว่าวอนเกลือกหล่อนไม่อ่อนเอน เหมือนตระเวนตัวไว้ไม่ต้องการ ไหนจะด่าโด่งดังหลังจะลาย เณรพลายก็รำเล่นนอกม่าน ไม่ควรทำข้าไม่ทำให้รำคาญ มิใช่คนสำหรับวานของเณรพลาย จะเกรงบ้างเป็นไรกับสายทอง นินทาน้องให้พี่ฟังเล่นง่ายง่าย ได้เมตตาเถิดอย่าให้ข้าอาย ข้าตายเถอะเหมือนแกล้งมาฆ่ากัน แยบคายเอากระต่ายมากล่าวถ้อย ว่าพิมน้อยเหมือนกระต่ายในสวรรค์ จะพึ่งพักยักว่าสารพัน ไม่เคยเห็นกระต่ายจันทร์เป็นสองตัว ถ้าอินทราพากระต่ายให้หายโศก ทุกแหล่งโลกก็จะฉินว่าอินทร์ชั่ว ดวงจันทร์ผันผยองจะหมองมัว ข้ากลัวเสียแล้วเณรอย่าเจรจา เนื้อมิได้กินมั่งหนังมิได้ปู กระดูกจะแขวนคออยู่เหมือนตัวข้า เจ้าได้พิมก็จะยิ้มอยู่อัตรา ต้องถูกด่าก็จะอายแต่สายทอง เหมือนตีงูมิได้สู่กันแกงกัน กาเหยี่ยวเฉี่ยวบินไปคล่องคล่อง แต่นี้ไปพ่ออย่าได้คะนึงปอง มิใช่ของควรประคิ่นของกินตาย ฯ ๏ นิจจาไม่เวทนาสีกาพี่ ทุกวันนี้เณรน้องคะนึงหมาย รักพี่มิได้มีอารมณ์คลาย พี่สายทองทิ้งน้องเสียกลางทาง เด็ดปลียังมีซึ่งใยเยื่อ ได้มาพึ่งแล้วก็เผื่อฉันไว้บ้าง ได้พิมเชยฤๅจะเลยทิ้งพี่นาง ก็เหมือนอย่างหว่านข้าวลงในดิน ถึงนํ้าท่าฟ้าฝนจะแห้งแล้ง อย่านึกแหนงว่าจะสูญเสียหมดสิ้น แต่ชั้นชั่วถึงว่าตัวมิได้กิน นกหกผกผินได้เป็นทาน


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๖๗ ถ้าหม่อมพี่มีคุณแก่ฉันเล่า เห็นจะเปล่าเจียวฤๅน้องมาอยู่บ้าน คงจะแทนคุณพี่มิได้นาน ให้สมานเสมอพิมผู้นิ่มนวล เงินทองของกินสิ้นทั้งนั้น จะแบ่งปันคนละครึ่งพอกึ่งส่วน ปรานีน้องสายทองช่วยชักชวน พอได้พิมจะประมวลสินบนมา ถ้วนชั่งตั้งให้พี่สายทอง แต่สักเฟื้องหนึ่งน้องไม่ขอว่า คํ่าลงพี่จงสนทนา ถึงเวลาบิณฑบาตจะคอยฟัง ฯ ๏ รักจริงฤๅเจ้าเณรจะแกล้งรัก เห็นหนักนักนีดเน้นเข้าเป็นชั่ง ข้ากลัวแต่ได้คนสินบนยัง จะร้องทวงโด่งดังก็ใช่ที ถ้าจริงจังดังนั้นเจ้าเณรแก้ว มายื่นแมวยื่นหมูให้รู้ที่ เจ้ารักษาสัตย์ไว้ให้จงดี พรุ่งนี้เจ้าเณรมาฟังดู เณรแก้วรับคำแล้วอำลา สายทองกลับมาไม่หยุดอยู่ ข้าไทตามหลังมาพรั่งพรู เณรแก้วก็ไปสู่อารามพลัน ฯ ๏ ครั้นสิ้นแสงสุริยาทิพากร ศศิธรเลื่อนลิ่วปลิวสวรรค์ ดิเรกดาวขาวกระจ่างดังกลางวัน ทรงกลดจรจรัลกระจ่างดวง สายทองชวนน้องให้ชมจันทร์ ผิวพรรณไพโรจน์โชติช่วง ผ่องแสงแจ้งงามดังเงินยวง ไยจึงหวงกระต่ายไว้ในวงจันทร์ ร้อยปีก็มิได้จะไปไหน เหดุใดขังขึงอยู่รึงมั่น แต่เห็นมาไม่รู้ว่ากี่พันวัน ดูเดือนก็ยิ่งพรั่นอยู่ในใจ เหมือนหนึ่งเราพี่น้องทั้งสองคน จนเหมือนกระต่ายจันทร์ไม่ไปได้ ไร้คู่อยู่กับฟ้าสุราลัย กระต่ายไพรพรํ่าแลทุกเวลา พี่รักเจ้าฟักฟูมอุ้มประคอง จนพิมน้องจำเริญวัยขึ้นใหญ่กล้า ทั้งเป็นญาติเป็นทาสท่านช่วยมา กลัวอาญากลัวอายเสียดายตัว อนิจจาเกิดมาเสียทั้งชาติ เป็นอันขาดแล้วไม่รู้ว่าลูกผัว ดังแหวนทองผ่องศรีไม่มีมัว จนแต่หัวพลอยประดับประดาดี พี่รักเจ้าจึงเฝ้าลำบากนัก แม้นมิรักก็จะเตร่เที่ยวเร่หนี ถึงจับมาฆ่าเสียก็ตามที มิตายก็คงจะรอดตลอดไป ทั้งนี้พี่ยากก็เพราะเจ้า ด้วยยังหามีเหย้ามีเรือนไม่ พี่จึงต้องรักษาเป็นตาใจ คุณผู้ใหญ่ก็ชราลงทุกวัน เหมือนดังไม้ใกล้ฝั่งจะพังล้ม พี่ปรารมภ์ร้อนใจให้พรั่นพรั่น ถ้าสิ้นบุญคุณแม่ศรีประจัน สารพันจะกระจัดกระจายไป ชายหนุ่มก็จะกลุ้มกันดูถูก ด้วยว่าลูกนั้นหาพ่อหาแม่ไม่ พี่คิดพรํ่าคํ่าเช้าให้เศร้าใจ ฤๅกะไรแม่คิดดูแต่ดี ถ้าได้คู่สู่สมเมื่อแม่ยัง เห็นมั่งคั่งสืบสายเป็นเศรษฐี อายุคนนี้จะนานสักกี่ปี พี่ว่านี้แม่จะเห็นประการใด ฯ ๏ นางพิมพิลาไลยครั้นได้ฟัง ยังแน่นอนอยู่หาพลั้งหาพล้ำไม่ โต้ตอบคดีพี่เลี้ยงไป น้องนี้ไม่คิดเลยพี่สายทอง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๖๘ ธรรมดาเกิดมาเป็นสตรี ชั่วดีคงได้คู่มาสู่สอง มารดาย่อมอุตส่าห์ประคับประคอง หมายปองว่าจะปลูกให้เป็นเรือน อนึ่งเราเขาก็ว่าเป็นผู้ดี มั่งมีแม่มิให้ลูกอายเพื่อน จะด่วนร้อนก่อนแม่ทำแชเชือน ความอายจะกระเทือนถึงมารดา ถ้าสิ้นบุญคุณแม่มิได้แต่ง จะพลิกแพลงไปก็ตามแต่วาสนา จะด่วนร้อนก่อนแม่ไม่เข้ายา ใช่ว่าจะไร้ชายที่ชอบพอ ถ้ารูปชั่วตัวเป็นมะเร็งเรื้อน ไม่เทียมเพื่อนเห็นจะจนซึ่งคนขอ ถ้ารูปดีมีเงินเขาชมปรอ ไม่พักท้อเลยที่ชายจะหมายตาม อดเปรี้ยวกินหวานตระการใจ ลูกไม้ฤๅจะสุกไปก่อนห่าม มีแต่แป้งแต่งนวลไว้ให้งาม ร้อนใจอะไรจะถามทุกเวลา ทุกข์ใหญ่เหมือนไฟอยู่ในอก ไหม้หมกก็ไหม้อยู่ในหน้า ถ้ายามอยากอยู่เหมือนเรากินข้าวปลา ถึงกระนั้นจะว่าก็สมควร มาชมจันทร์เล่นด้วยกันสบายใจ พี่พูดอะไรเช่นนั้นให้ปั่นป่วน ถ้ารักนวลสงวนหน้าไว้ให้นวล อย่ามากวนข้าไม่พูดไม่พอใจ ฯ ๏ นึ่ใครกวนชวนแม่ให้มีผัว คิดถึงตัวใช่จะชักจะสื่อให้ ฤๅอยู่มาแต่ก่อนร่อนชะไร พี่ได้ว่ากล่าวอะไรมี หาวนอนไปนอนเสียเถิดฤๅ จูงมือพิมน้อยไปในที่ ส้วมสอดกอดรัดแล้วพัดวี นอนเถิดพี่จะกล่อมให้พิมนอน โอ้ว่าสงสารกุมารเอ๋ย กะไรเลยเตร็ดเตร่เที่ยวเร่ร่อน ไม่คิดยากหมายฝากชีวาวอน ต่างเมืองอุตส่าห์จรกระเจิงมา อกจะหักด้วยความรักไม่เหมือนคิด หมายมิตรก็ไม่สมปรารถนา จึงหลีกเลี่ยงเลยลัดเข้าวัดวา ทรมาบวชเบื่อระบมใจ อนึ่งวัดกับบ้านก็พานห่าง ไกลทางเที่ยวบิณฑบาตได้ พอเห็นสีกาแล้วกลับไป แสนอาลัยระลึกทุกเวลา พ้นเพลเณรน้อยเข้ามาเล่า ซบเซาซ่อนอยู่ที่หน้าท่า ไม่มีใครที่จะได้สนทนา แต่เวียนมามิได้เหนื่อยอนาถใจ เสียดายรูปซูบโศกด้วยแสนรัก จะปลํ้าปลักทนทุกข์ไปถึงไหน โอ้พิมนิ่มเนื้อนวลละไม นอนนะแม่นอนในที่นอนนาง โอละเห่โอละช้าพ่อเณรแก้ว หลับแล้วฤๅสายทองจะนอนบ้าง กล่อมพลางนางพัดให้พิมพลาง กางกรกอดพิมยิ้มละไม ฯ ๏ นางพิมว่าไฮ้พี่สายทอง กล่อมน้องเอาเณรมาใส่ให้ ลงไปใส่บาตรกันไม่ทันไร หลงใหลไปแล้วฤๅสายทอง เมื่อเช้าน้องถามไม่อยากรับ ไม่ทันจับเดี๋ยวนี้ออกให้คล่องคล่อง ไปอาบนํ้าเห็นจะพบสบทำนอง ล่องนํ้าฤๅจึงช้ากว่าทุกวัน อย่านอนใกล้ไปเสียให้พ้นมุ้ง ไม่ทันรุ่งข้าขี้คร้านทำนายฝัน แม่คุณต่อจะวุ่นวันนี้ครัน จะละเมอกอดกันให้ตกใจ ฯ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๖๙ ๏ สายทองฟังน้องทำหน้าขึง ฟ้าผึ่งเถอะมาเป็นเช่นนี้ได้ จริงจริงคะน่าชังฉันพลั้งไป มาจะเล่าความให้แม่พิมฟัง ไปอาบน้ำวันนี้เจ้าเณรแก้ว มาแอบพุ่มนมแมวอยู่ข้างหลัง รำคาญใจไฮ้ว่าเป็นน่าชัง มิแล้วดอกกระมังมาเย้ยกัน ถึงไม่เล่าก็เราไม่ทุกข์โศก พี่ไปพบก็เป็นโชคไม่เดียดฉันท์ แต่ใส่บาตรประหลาดในตาครัน พูดพูดแล้วก็ผันชม้อยมา แต่ปากยิ้มกริ่มกันกับสายทอง ทำทำนองหางตามาดูข้า แต่เทศน์อยู่เจ้ากูยังเล่นตา ข้าดูหน้าไม่ได้เจ้าเณรพลาย จริงจริงคะแต่ข้าเป็นผู้ใหญ่ ดูไม่ได้ตาแหลมนี่ใจหาย เหลือบไปปะตาข้านึกอาย แยบคายของเจ้ากูดูครันครัน เจ้ากูว่าสีกาหาทักไม่ เห็นว่าไร้ยากทรัพย์ถึงคับขัน เป็นเพื่อนเล่นเห็นหน้ามาด้วยกัน เมื่อกระนั้นน้อยๆ กับนวลนาง แต่เพียงยากจากบ้านสุพรรณไป ถึงกะไรก็จะทักสักคำบ้าง ทุกวันนี้จนใจมิได้พราง บ้านก็ไกลกับนางต้องค้างคืน ไม่ต้องการก็ไม่ซานมาถึงนี่ กาญจน์บุรีมีวัดอยู่ดาษดื่น อยู่ไม่ได้ดังไก่อันไกลครืน อุตส่าห์ฝืนฝ่ามาด้วยความรัก น้อยใจจนได้เทศนา ควรฤๅสีกาไม่รู้จัก เหลือทนแล้วจึงซนเข้ามาทัก แม้นจะผลักเสียแล้วก็ตามที ถึงคุณยายฝ่ายแม่ศรีประจัน ก็ชอบกันกับคุณแม่ทองประศรี ก็รู้เช่นเห็นทั่วว่าชั่วดี จงปรานีเณรแก้วผู้คนจน แม้นมินับรับเรื่องธุระรัก ขอพบพักตร์พิมพูดแต่สักหน สั่งมาว่าวอนให้ผ่อนปรน หมายกุศลเสี่ยงสร้างสำคัญมา เมื่อวันเทศน์สังเกตด้วยนิมิต ประจักษ์จิตแน่แน่วอยู่หนักหนา ว่าเหาะเหินเดินได้ในเมฆา เด็ดดวงดาราภิรมย์ชม กล้ำกลืนตื่นขึ้นยังเต็มปาก ก็หมายมากอยู่ว่าคิดคงจะสม จึงบุกบิณฑบาตมาซานซม ด้วยปรารมภ์จะใคร่รู้ว่าร้ายดี สั่งสอนมาให้วอนแม่พิมดู พอตรู่ตรู่จะมาให้ถึงนี่ พี่ขับขู่วุ่นวายเป็นหลายที ยังเซ้าซี้ว่าวอนให้ผ่อนปรน เป็นจนใจไม่รู้ที่จะคิด ครั้นพินิจดูก็เห็นจะเป็นผล แม้นจะล่อลวงเล่นพอเป็นกล กาญจน์บุรีฤๅจะด้นมาสุพรรณ เมื่อวันเทศน์สังเกตด้วยนิมิต ก็ดลจิตให้แม่พิมเพอิญฝัน ต่อจะคู่สู่สมภิรมย์กัน แม่นมั่นแม่อย่าแหนงอย่าแคลงใจ ฯ ๏ นางพิมพิลาไลยครั้นได้ฟัง ก็เพลี่ยงพลั้งตั้งจิตรพิสมัย ด้วยสมเนตรเณรแก้วผู้แววไว ดังเหล็กเพชรกรึงในสกลกาย ถึงสายทองจะมิปองเป็นเชิงชัก ก็คิดรักอยู่ไม่ร้างจะห่างหาย วันยังคํ่าคร่ำครวญถึงเณรพลาย พอสายทองมาพูดก็พึงใจ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๗๐ แต่มารยาหากพาให้บิดเบือน งำเงื่อนหาให้เห็นกระแสไม่ ทำปึ่งขึงข่มไว้ภายใน เป็นครู่ใหญ่จึงเยื้อนมาพาที ข้าขอบใจใจหายพี่สายทอง รักน้องสงวนน้องไว้ถ้วนถี่ อุ้มน้องมิให้ต้องเถ้าธุลี ปรานีสั่งสอนทุกสิ่งอัน ชั้นแต่เดินมิให้เมินไปดูอื่น นั่งยืนนอนสอนทุกสิ่งสรรพ์ เห็นใครพอใจน้องคอยป้องกัน ข้าหมายมั่นจะมอบชีวาลัย นี่ข้าทำไมให้สายทอง จึงชักน้องนำเณรประเคนให้ จะให้ดีฤๅให้ชั่วมายั่วใจ ฤๅว่าไปสื่อสารเป็นมารยา สมคบคิดกันกับเณรแก้ว มิแล้วแล้วฤๅจึงลามมาถึงข้า ส่วนใครช่างใครเป็นไรนา จะมาพากันเพ้อไปไยมี มิใช่ชายตายสิ้นทั้งดินดอน จะแค่นค่อนขอดน้องไปพ้องพี่ เขาจะหยันทั้งสุพรรณบุรี มิรู้ที่จะหลบหน้าไปแห่งไร พี่รักก็รักคนเดียวเถิด จะช่วยปิดดอกหาเปิดเนื้อความไม่ พิมรู้จะนิ่งอยู่แต่ในใจ อย่าสงสัยน้องเลยพี่สายทอง ฯ ๏ อนิจจาแม่พิมมาทิ่มตำ เจ็บชํ้าตลอดล้นจนขมอง ไม่ควรเลยจะเย้ยว่าสายทอง แม่เจ้าเอ๋ยคราวน้องนี้ฤๅเณร เป็นทาสฤๅจะอาจเข้าเทียมไท ก็เข้าใจอยู่ว่าเกลือกับพิมเสน เณรไม่รู้ฤๅจะจู่ลงลุยเลน ถึงจะแค่นเข้าประเคนก็คนจน แหวนตะกั่วนี้เหมือนตัวของสายทอง จะรับรองเรือนเพชรไม่เป็นผล แสนอาภัพยับทั่วทั้งตัวตน ร้อนรนก็เพราะรักรำคาญใจ ด้วยเห็นน้องของตัวนี้มัวหมอง สายทองเวทนาไม่นิ่งได้ ไม่มีข้อแล้วจะต่อเนื้อความไย แล้วไปเถอะทีนี้ไม่เจรจา คิดดูแต่ฝันนั้นเถิดน้อง จะได้ชมบัวทองก็เพราะข้า ถ้าสายทองหมองใจไม่นำพา มิต้องกินนํ้าตาก็ดูเอา ไปเบื้องหน้าหารือกับสายทอง ข้ามิร้องให้แซ่ถึงแม่เถ้า ให้ทรมาทารกรรมเสียทำเนา กลืนข้าวเป็นกลืนยาน้ำตาพราว ชั่วดีพี่ก็อาบน้ำร้อนก่อน แต่อ่อนอ่อนอุ้มเลี้ยงมาจนสาว อย่าพักเร้นคงจะเห็นกันสักคราว ถ้ามิฉาวก็มิใช่อีสายทอง ฯ ๏ หาหาขันจริงเจ้าจอมพี่ อย่าจูจี้เลยจะยอมให้คล่องคล่อง ไม่น่าขัดเลยจะแค่นเข้าปรองดอง ถึงไม่ผิดก็จะฟ้องให้แม่ตี นี่สินบนมาประดนเข้ากี่ชั่ง จึงมาตั้งคอขู่อยู่จู้จี้ จริงฤๅถือว่าเจ้าเณรดี ได้คำมั่นขันตีที่ไหนมา จึงปลงใจปลงเนื้อเชื่อเอาหมด เจ้ากูสบถฤๅว่าจริงไม่ทิ้งข้า จึงอวยเออเร่อรับมาเจรจา เบื้องหน้าแล้วจะเจ็บนํ้าใจจน จะเสียตัวก็เพราะกลัวจะเคืองข้อง ครั้นตรึกตรองดูก็เห็นไม่เป็นผล ขืนเชื่อคำเณรพลายจะอายคน ยิ่งคิดก็ยิ่งวนยิ่งเวียนใจ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๗๑ ถ้าเขาทิ้งเสียไม่จริงดังถ้อยคำ ฉันจะทำอะไรสายทองได้ ช้าช้าตรึกตราก่อนเป็นไร แคะไค้ค้อนติงดูจริงจัง ถ้าเหมือนปากมีขันหมากมาขอสู่ จะทำชู้น้องนี้กลัวจะร้อนหลัง เกิดชาติหนึ่งประมาทไม่จิรัง ถ้าเพลี่ยงพลั้งลงแล้วจะจนใจ ฯ ๏ โอ้แม่พิมนิ่มน้องของพี่เอ๋ย อย่ากลัวเลยพี่หาเป็นเช่นนั้นไม่ จะพะวงสงกาไปว่าไร เจ้าสายใจสุดที่รักของสายทอง ถ้าไม่ดีฤๅพี่จะชักพา ให้แก้วตาเสียตัวต้องมัวหมอง เห็นสมศักดิสมนวลควรจะครอง กับพิมน้องเนื้อสุพรรณกำภู จะเปรียบยศก็ปรากฏมีคนนับ จะเปรียบทรัพย์ก็เสมอสมานอยู่ แม้นจะชั่งตั้งใส่ในตราชู ก็ควรคู่สมสิ้นทุกสิ่งอัน พิศรูปสองรูปก็น่ารัก ชะอ้อนอ่อนวรพักตร์เจ้าเฉิดฉัน ดังอาทิตย์ชิดรถเข้าเคียงจันทร์ ถ้าได้กันแล้วเป็นบุญของสายทอง จะนั่งชมนอนชื่นทุกคืนวัน จะทำขวัญๆ ตาเจ้าทั้งสอง ให้นั่งเรียงเคียงกันบนเตียงทอง ยามร้อนจะประคองเข้าพัดวี หอห้องของพิมพิลาไลย จะตกแต่งตกไว้นักงานพี่ ฟูกหมอนที่นอนเตียงเรียบเรียงดี ให้มีฉากพับตั้งไว้บังบาน มุ้งแพรแลเลิศวิไลตา ระบายทองรจนาดูสะอ้าน พู่กลิ่นย้อยห้อยพวงสุมามาลย์ กระโถนพานหมากตั้งไว้เรียงราย เครื่องแป้งแต่งปริกประดับพลอย กระจกส่องคันฉ่องน้อยให้เฉิดฉาย จะนั่งพึ่งบุญพิมยิ้มสบาย กินนอนไม่ระคายระคางใจ อย่าเรรวนควรคู่อยู่แล้วน้อง จงปรองดองอย่าพะวงสงสัย สายทองนี้จะรองเป็นเกือกไป ให้สัญญาพิมได้นะดวงตา ถ้าเณรแก้วแววไวไม่คงสัตย์ ไพล่พลัดกลับกลายไปภายหน้า จะเรียกพี่ไยเล่าไม่เข้ายา จงตีด่าส่งไปเป็นคนครัว ให้ตักน้ำตำข้าวทุกเช้าเย็น เคี่ยวเข็ญอย่าให้ได้เงยหัว สับทำให้ระยำเสียทั้งตัว ชักชั่วแล้วจะเลี้ยงไปไยมี รุ่งเช้าเจ้าเณรมาบิณฑบาต สุดสวาดิลงไปใส่ด้วยพี่ จะนัดเณรเสียให้แจ้งแห่งคดี พรุ่งนี้ไปไร่ได้พบกัน พอได้พูดกับแม่พิมเสียสักพัก รับรักลงใจได้แม่นมั่น แล้วทีหลังตั้งปึ่งเสียทุกวัน แม้นขยั้นอยู่มิให้ผู้ใดมา ตกนักงานพี่เถิดทีหลัง ข้ามิพ้อให้น่าฟังก็จึงว่า นอนเถิดดึกแล้วนะแก้วตา มาพี่จะกอดให้พิมน้อย สัพยอกหยอกเย้าให้เจ้านอน ชะอ้อนออกชื่อเณรอยู่บ่อยบ่อย จนพิมปลงหลงคำด้วยสำออย เดือนก็คล้อยเคลื่อนดับระงับกาย ฯ ๏ ครั้นรุ่งแผ้วนภางค์สว่างภพ กระจ่างจบทั่วจังหวัดจำรัสฉาย จับแสงทินกรดูอ่อนพราย เสียงสกุณเกริ่นกรายขยับบิน


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๗๒ พระพายชายพัดเรณูร่อน ลอออ่อนรสสุคนธ์ตรลบกลิ่น รื่นรื่นชื่นชวยระรวยริน เจ้าเณรน้อยนึกถวิลประหวัดนาง นิ่งช้าเพลาจะแสงสาย ขยับกายลุกเลื่อนมาหน้าต่าง ล้างหน้านุ่งผ้าสบงพลาง ห่มดองแล้วก็ย่างลงบันได ถึงบ้านพิมเข้าพลันมิทันช้า สำรวมกิริยาให้ผ่องใส บริกรรมสำคัญมั่นในใจ หวังจะให้เจ้าพิมนั้นลงมา ฯ ๏ นางพิมพิลาไลยกับสายทอง อยู่ในห้องจัดแจงแต่งหา จะใส่บาตรเณรเช้าทั้งข้าวปลา บุหรี่หมากพลูยาหาครบครัน กลัวแม่จะเห็นสู้เร้นซ่อน เอาซองซ้อนเสียดซุกเสียใต้ขัน เณรพลายไยจึงช้ากว่าทุกวัน ผันเปิดหน้าต่างก็เห็นตัว หลบมิดสะกิดเจ้าสายทอง ดูเณรน้องช่างสำรวมราวกับขรัว ไม่ไปละข้าไหว้ฉันนี้กลัว ยิ้มหัวกระซิกกระซี้กัน สายทองเตือนน้องให้ลงไป นางพิมพิลาไลยประคองขัน แอบหลังบังวุ่นพัลวัน พรั่นพรั่นก้าวลงบันไดไป ทรุดนั่งตั้งขันลงวันทา ไม่อาจแลดูหน้าเจ้าเณรได้ เทปรำควํ่าขันประหวั่นใจ บุหรี่ใส่ปนปลาทั้งหมากพลู ก้มหน้าขึ้นมาบนบันได อกใจสะทึกสะเทื้อนอยู่ ครั้นถึงหอนั่งบังประตู นางสายทองเหลียวดูไม่มีใคร กระซิบเณรเพลแล้วอย่าบ่ายนัก จะพาพิมน้องรักออกไปไร่ รีบไปวัดวามาไวไว ไหนเล่าเจ้าเณรเอาเงินมา ฯ ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าเณรแก้ว ยิ้มแล้วตอบคำสายทองว่า ไม่ลืมคำดอกที่รํ่าเจรจา สำเร็จไร่ฝ้ายข้าจะแทนคุณ ถ้าได้แล้วเณรแก้วมิให้พี่ ไปตะโกนกุฎีให้ดังวุ่น ข้าก็บวชสวดเรียนจะเอาบุญ รับศีลครุ่นครุ่นไม่กลับกลาย ค่อยอยู่เถิดหนาจะลาก่อน แล้วจะย้อนไปไร่มิให้บ่าย สายทองย่องเยื้องชำเลืองกราย เณรพลายไปวัดป่าเลไลย ฯ ๏ นางพิมพิลาไลยกับสายทอง ทั้งสองกินข้าวปลาหาช้าไม่ อิ่มหนำสำราญบานใจ จึงพูดจาปราศรัยกับมารดา วันนี้ลูกจะไปที่ไร่เหนือ ฝ้ายเฝือแตกกระจายเสียหนักหนา ลูกจะออกไปดูกับหูตา จะไว้ใจกับข้าไม่ต้องการ มันลักจำแนกแจกจ่าย ซื้อขายกินเล่นไปทั้งบ้าน ลูกเห็นกับตามาช้านาน จะว่าขานมันก็ไม่ถนัดใจ ฯ ๏ ท่านยายศรีประจันครั้นได้ฟัง แกด่าดังยกโคตรเป็นไหนไหน อีขี้ชกฉกลักกูหนักไป ไวไวแม่พิมออกไปดู จับได้ใส่เอาด้วยไม้ตะบอง ให้มันร้องเป็นอ้ายเจ๊กที่ขายหมู ทั้งลักทั้งกินนินทากู เข้าหูบ่อยบ่อยอีร้อยกล ฯ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๗๓ ๏ นางพิมพิลาไลยได้ฟังแม่ เรียกข้าเซ็งแซ่อยู่สับสน ลุกมาวุ่นวายเป็นหลายคน แบกกระบุงวิ่งซนลงบันได นางพิมสายทองทั้งสองรา ลงจากเคหาหาช้าไม่ ข้าไทตามหลังสะพรั่งไป ถึงไร่เข้าพลันในทันที ยับยั้งนั่งพุ่มกระทุ่มใหญ่ มึงไปเถิดกูจะอยู่นี่ อย่าเผอเรอเพ้อไปให้ดีดี บ่ายสี่โมงมึงจึงกลับมา อีเม้าเต่าหับอีพลับเทศ อีตานเปรตอีควายฟังนายว่า ฉวยกระบุงแบกไปพอไกลตา ก็ร้องเพลงไก่ป่าเก็บฝ้ายพลาง ฯ ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าเณรแก้ว เพลแล้วหลีกเลี่ยงลงมาล่าง ห่อผ้ากระหวัดลัดลอดทาง ย่างเข้าวิหารสำราญใจ ครั้นถึงจึงนิมนต์ชีต้นมี ฉันหนีเจ้าคุณลงมาได้ ชีต้นเมตตาลาสึกไป กลับมาบวชใหม่ให้ฉันที ชีต้นตามใจไปเถิดหวา หาหมากมาฝากกูทั้งบุหรี่ เณรแก้วกราบกรานอัญชลี ลาเจ้าชีก็สึกด้วยทันใด จับผ้าคฤหัสถ์สะบัดคลี่ ผลัดแล้วจรลีหาช้าไม่ รีบก้าวสาวตีนไปไวไว ถึงไร่เข้าพลันทันที แอบพุ่มพฤกษานัยน์ตามอง พบนางสายทองผู้เป็นพี่ ยิ้มพยักทักไปด้วยไมตรี มาอยู่นี่นานแล้วฤๅพี่นาง สายทองเหลือบเห็นเจ้าพลายแก้ว สึกแล้วยังยืนอยู่ห่างห่าง ยิ้มเยื้อนเบือนบอกเจ้าพลายพลาง มาคอยค้างอยู่แต่กินข้าวเช้าแล้ว เหลียวๆ เขม้นไม่เห็นหน้า คิดว่าจะไม่มาเล่าเจ้าแก้ว เสียงแกรกแหวกไม้มาตํ้าแวว ถ้าช้าหน่อยก็จะแคล้วไม่พบกัน จะอยู่นี่ไม่ได้ใกล้หนทาง ไปซ่อนอยู่พลางตรงนั้นนั่น ต้นกระทุ่มพุ่มตํ่าเป็นสำคัญ จะพาพิมผายผันมาพูดจา ฯ ๏ ว่าแล้วเท่านั้นนางสายทอง เยื้องย่องย่างกลับไปลับหน้า เจ้าพลายหมายพุ่มชอุ่มตา นวยนาดยาตราทอดตาไป แทบต้นกระทุ่มพุ่มชัฏ หลีกลัดเริงรามหนามไหน่ ค่อยย่องตามช่องพนมไม้ เข้าใกล้เห็นพิมผู้ดวงตา นั่งร้อยบุปผชาติสะอาดโฉม งามประโลมน่ารักเป็นหนักหนา จะดูไหนเปล่งปลั่งทั้งกายา ดังนางฟ้าลอยฟ้อนชะอ้อนงาม จะใคร่ทักด้วยรักกำเริบทรวง ยังหนักหน่วงไม่เคยก็คิดขาม ปากสั่นหวั่นจิตรแต่คิดความ ขยับปากแล้วก็คร้ามประหม่าใจ เอาความรักหักจิตรที่คิดกลัว กระถดตัวย่างเยื้องมานั่งใกล้ เยื้อนยิ้มทักเจ้าพิมพิลาไลย สะดุ้งใจตัวแข็งด้วยความอาย มาจากบ้านนานแล้วฤๅไรขา อนิจจาแม่ออกมาเก็บฝ้าย บ่าวไพร่สะพรั่งทั้งหญิงชาย ลำบากกายต้องตามเขาออกมา


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๗๔ เสียดายนวลไม่ควรจะเผือดพักตร์ ลมชักชายแดดก็แผดกล้า เดินเหนื่อยเมื่อยมึนทั้งกายา แสนอุตส่าห์ยอดดีนี่กะไร พี่ติดตามมาด้วยความที่รักน้อง สายทองบอกบ้างฤๅหาไม่ ตั้งแต่วันเทศนายิ่งอาลัย ครวญใคร่มิได้เว้นอาวรณ์วาย ยามนอนตาตื่นทั้งสี่ยาม ดังไฟตามติดอยู่ไม่รู้หาย ร้อนโรคโศกเสียวอยู่เดียวดาย แม่สบายอยู่ฤๅประการใด ฯ ๏ นางพิมพิลาไลยได้ฟังว่า ตกประหม่าอกพรั่นหวั่นไหว ขวยเขินเมินอึ้งตะลึงไป ด้วยไม่เคยพูดเคยเจรจา จึงหลีกลดกระถดให้ห่างกัน นางผินผันหันเมินสะเทิ้นหน้า ชม้อยชม้ายชายดูแต่ห่างตา ไม่ตอบสั่งสนทนาประการใด ฯ ๏ โอ้ว่าแก้วแววตาของพี่เอ๋ย ไม่พูดเลยเคืองเข็ญเป็นไฉน เจ้างามปลื้มลืมแล้วไม่อาลัย จงคิดใคร่ครวญดูแต่เดิมมา เมื่อเด็กเด็กเล็กเล่นอยู่ด้วยกัน สารพันร่วมรักกันหนักหนา เมื่อเล่นขอปลูกหอกับแก้วตา พี่พาเจ้าหนีขุนช้างไป ขุนช้างตามพบมันรบพี่ พลั้งตีถูกน้องเจ้าร้องไห้ แก้วตามาประหม่าพี่ยาไย จงปราศรัยปรองดองสักสองคำ เสียแรงสั่งหวังใจกับสายทอง มาถึงน้องให้แจ้งที่ความขำ กลัวไยใช่พี่จะหยามทำ มิให้ชํ้าชอกเชื่อพี่เถิดรา ฯ ๏ นางพิมพิลาไลยครั้นได้ฟัง ถ้อยคำแต่หลังเจ้าพลายว่า ทุกสิ่งจริงใจแต่ไรมา เหลียวดูหน้าพลายแก้วแววไว ด้วยเป็นเพื่อนเรือนใกล้กันแต่ก่อน เสียงหล่อนพูดจาก็จำได้ ค่อยเหือดหายคลายพรั่นประหวั่นใจ ก็ตอบไปว่าฉันลืมพี่จริงจริง เมื่อวันเทศน์สังเกตก็รู้จัก ครั้นจะทักตัวน้องนี้เป็นหญิง อันน้ำใจใช่ว่าจะชังชิง แต่ตรึกกริ่งกลัวคนจะนินทา ซึ่งสั่งสายทองมาว่าไม่ทัก โกรธฉันนักฤๅจึงพ้อเอาต่อหน้า นี่สึกออกทำไมไปไหนมา จึงเดินตัดลัดป่ามาไร่น้อง ฤๅบวชเรียนเพียรได้วิชาแล้ว พี่พลายแก้วจะสึกไปบ้านช่อง ฤๅติดใจรักใคร่พี่สายทอง ต้นมะต้องต้นใหญ่พี่ไปดู ฯ ๏ เจ้าพลายแก้วฟังนางพลางตอบว่า ที่มาหานี้ด้วยมีธุระอยู่ สู้หลีกลี้หนีท่านสมภารครู ด้วยรู้ว่าแม่พิมจะออกมา ถึงกลับไปได้ผิดไม่คิดตัว ไม่กลัวที่จะต้องซึ่งโทษา พี่จะเล่าให้ฟังแต่หลังมา แจ้งจิตรกิจจาแต่จริงใจ เป็นกุศลดลถึงคะนึงหา จะอยู่ด้วยมารดานั้นไม่ได้ แสนทุกข์สุดทุกข์ระทมใจ ดังกองไฟฟอนฟอกอยู่ฟูมฟืน จึงคิดอ่านลาท่านมารดาบวช เร็วรวดรีบรัดไปวัดอื่น แต่สุพรรณไกลกันถึงข้ามคืน อุตส่าห์ฝืนท่องเที่ยวผู้เดียวมา


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๗๕ มาพบพิมแม่ไม่ยิ้มไม่เยื้อนทัก ยิ่งทุกข์นักแสนโทมนัสสา พบสายทองได้ช่องจึงเจรจา สั่งถึงแก้วแววตาค่อยคลายใจ พบพักตร์ครั้นจะทักเมื่อใส่บาตร ยังขยาดขยั้นนักไม่ทักได้ มาพบกันวันนี้ไม่มีใคร จะมอบไมตรีพิมผู้นิ่มนวล ใช่จะแกล้งแต่งล่อแต่พอได้ ที่จริงใจมั่นแม่นสักแสนส่วน ขอเป็นคู่อยู่กับน้องประคองนวล อย่ารัญจวนที่จะจากจะจืดจาง ฯ ๏ นิจจาเจ้ายังว่าเขาคนอื่นว่า เป็นเพื่อนเล่นเห็นหน้าไม่เกรงบ้าง มาผูกจิตรคิดร้ายทำลายทาง ครั้นน้องว่าจะระคางรำคาญใจ เป็นเพื่อนแล้วจะเชือนเข้าเป็นชู้ มิรู้ที่จะคิดอย่างไรได้ คิดว่าทักรักกันมาแต่ไร จึงเพ้อพาซื่อไปไม่สงกา ไม่งามนะข้าห้ามเจ้าพลายแก้ว ทีนี้แล้วไปทีหลังอย่าได้ว่า นั่งช้าข้าไทจะกลับมา ข้าจะลาแล้วลุกขึ้นทันใด ฯ ๏ พลายแก้วเยื้องย่างพลางปลอบ ซึ่งมิชอบคิดผิดจะคิดใหม่ เชิญนั่งลงก่อนอย่าเพ่อไป พี่ไม่แกล้งแต่งข้อมาล่อลวง อันความรักหนักแน่นแสนวิตก ระอาอกแทบเท่าภูเขาหลวง พรหมินทร์อินทร์จันทร์สิ้นทั้งปวง ก็บนบวงสิ้นฟ้าสุราลัย เชื้อเชิญเมินหน้าไม่มาช่วย เห็นคงม้วยไม่หมายผู้ใดได้ เว้นแต่เจ้าเยาวยอดผู้ร่วมใจ จะผลักพลิกแพลงให้บรรเทาลง ฯ ๏ พูดเพราะเสนาะในนํ้าใจเหลือ ไม่รู้เช่นก็จะเชื่อด้วยลมหลง คำวอนอ่อนระทวยให้งวยงง นี่คงตรงแล้วฤๅตรองมาพาที แต่แรกรักเพียงจักสู้ตายได้ ประโลมใจกว่าจะตายไม่หน่ายหนี จึงบุกป่าฝ่าดงพงพี เพราะไมตรีตรึงตรอมทุกเวลา อันมนุษย์แสนสุดที่โลภเหลือ ไม่ควรเชื่อตามความปรารถนา เหมือนของกินสิ้นไปทุกเวลา ต้องหาเปรี้ยวหาเกลือมาเจือจาน ต้มแกงแต่งเจียวทั้งปิ้งจี่ เซ้าซี้สารพันที่มันหวาน เลือกดิบเลือกสุกทุกประการ ถ้าซ้ำสิ่งใดนานก็เบื่อไป คิดดูเถิดนะเจ้าแต่เท่านั้น ยังไม่กลั้นกลืนเคี้ยวสิ่งเดียวได้ ประเวณีเป็นที่กำเริบใจ แต่ใหม่ใหม่มุ่งมอบชีวิตกัน อุปมาเหมือนผ้าที่นุ่งห่ม ซื้อใหม่ก็นิยมว่าเฉิดฉัน ยามขัดสนจนมาสารพัน ผืนนั้นนุ่งซํ้าประจำกาย ครั้นได้อื่นผืนใหม่เข้ามาผลัด ก็เหยาะหยัดซัดกรุยทำฉุยฉาย เป็นสองผืนชื่นจิตรคิดสบาย นุ่งห่มกรุยกรายทุกเวลา ก็เหมือนกันกับหมายไม่วายรัก ที่เก่าก่อนแล้วชักประเชิญหน้า ลงประเชิญแล้วก็เมินทุกเวลา ลงเป็นผ้าชุบอาบไม่เอื้อเฟื้อ แต่ซักซักฟาดฟาดจนขาดวิ่น จนเป็นชิ้นเช็ดใช้ไม่หลอเหลือ ถึงจะเย็บตะเข็บขาดไม่พาดเจือ ให้เป็นเนื้อเดิมได้ดังก่อนมา


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๗๖ เหมือนหญิงชายว่าจะตายด้วยกันได้ จะเห็นใจฤๅไม่จางไปข้างหน้า ลิ้นกับฟันอยู่ด้วยกันเป็นอัตรา ลางเวลาก็กระทบกระทั่งกัน เหมือนตัวเจ้ามาเฝ้ารำพันถึง มาหมายพึ่งพูดวอนให้ผ่อนผัน ก็คิดอยู่เอ็นดูเจ้าครันครัน ไม่หักหั่นอาลัยให้เด็ดดาย ไปสู่ขอต่อท่านผู้มารดา ถ้าเมตตาตามใจเจ้ามุ่งหมาย น้องจะยอมพร้อมใจไม่ระคาย แม้นว่าชายอื่นเอื้อมมาเจรจา ถึงคุณแม่จะมอบให้ครอบครอง ไม่ชอบใจน้องจะขอว่า จะขืนใจเอาแต่ใจของมารดา ก็จงฆ่าฟันเถิดไม่ขอตัว ถ้าเจ้าแก้วขอแล้วคุณแม่ให้ น้องดีใจให้พ่อมาเป็นผัว ทำชู้สู่หาข้านี้กลัว ความชั่วเขาติฉินไม่ยินดี เจ้าติดตามมาถามด้วยความรัก ก็ประจักษ์แจ้งใจอยู่ถ้วนถี่ จะอยู่ช้าว่าไรทำไมมี อย่าเซ้าซี้รํ่าบ่นสนทนา อนึ่งเล่าบ่าวไพร่จะมาเห็น จะเป็นเส้นเป็นลายไปภายหน้า เมื่อคล่องใจวันใดพ่อจึงมา ปรึกษาขอสู่ให้ควรการ ตะวันชายบ่ายเย็นลงถนัด ไปวัดเถิดน้องจะไปบ้าน อย่ารีรวนจวนคํ่าจะรำคาญ ขืนฟุ้งซ่านสืบไปจะได้อาย ฯ ๏ อนิจจาแก้วตาของพี่เอ๋ย กะไรเลยด่วนขับเสียง่ายง่าย พี่รักพิมปิ้มจะตีให้ตนตาย พึ่งเว้นวายวันนี้ได้พบน้อง กลับไปกว่าจะได้มาขอสู่ ยังไม่รู้ว่าจะได้ประสมสอง เกลือกท่านมารดามิปรองดอง ยิ่งไกลน้องนับวันจะจืดจาง งามปลื้มแม่จะลืมลงทุกวัน สารพันรวนเรจะเหห่าง ถึงประสบพบกันที่กลางทาง คงระคางไปไม่เหมือนแต่ก่อนมา ถ้ามั่นคงปลงใจว่ารักแก้ว แท้แล้วอย่าให้ห่างเสนหา ขอฝากดวงจิตรเจ้าจงเมตตา แต่ครั้งคราเดียวเถิดอย่าถือใจ ซึ่งเจ้าเปรียบเทียบคิดจิตรมนุษย์ หาสิ้นสุดความโลภลงได้ไม่ เหมือนของกินหารู้สิ้นไปเมื่อไร เป็นวิสัยสังเกตแก่ฝูงคน ถึงนั่นหน่อยนี่หน่อยอร่อยรส ปรากฏก็แต่ข้าวแลเป็นต้น ดุจความเสนหาจลาจล ร้อนรนก็ที่รักกำเริบใจ เหมือนผ้าเก่าเศร้าทรุดพิรุธนัก จะซ้ำซักเสียให้ขาดหาควรไม่ เป็นยกทองต้องตาก็อาลัย มิใช่ตาบัวปอกแลเมล็ดงา กว่าจะได้ห่มนุ่งบำรุงกาย มิใช่ง่ายต่อตามกันหนักหนา กับอนึ่งก็แพงแรงราคา ถึงเก่าแล้วก็อุตส่าห์ถนอมชม ประจงใส่หีบหอมถนอมไว้ เมื่อมีงานการใหญ่เป็นการสม จึงหยิบคลี่ด้วยเป็นที่คนนิยม แล้วอบรมกลิ่นฟุ้งจรุงใจ ถึงผ้าอื่นผืนใหม่ได้มามาก ก็นุ่งลากเสียดอกไม่ดีได้ ขอลานวลจวนคํ่าไม่ขืนใจ ทั้งอาลัยลำบากจะจากน้อง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๗๗ โลมลูบจูบชายสไบห่ม ขอชมนิดเถิดเจ้าอย่าเศร้าหมอง ช่างน่าชมสมควรเป็นนวลละออง นี่กรองเองฤๅเจ้าซื้อมาแห่งใด ฯ ๏ นางสะบัดปัดชายสไบห่ม อย่ามาชมเลยผ้าคุณแม่ให้ เลียมชมข่มเหงไม่เกรงใจ นี่อะไรเจ้าแก้วไม่ควรการ รักน้องสิจะปองให้เป็นผล กลางหนฤๅมารักทำหักหาญ ไม่รักแต่งดอกจึงแกล้งทำประจาน มาด่วนรานรีบได้แต่โดยใจ ให้เกรียมตรมจึงจะสมคะเนเจ้า ก็หมองเศร้าอยู่หาสู้สนิทไม่ เสียทีเจ้าแก้วก็แล้วไป อันจะได้พิมนั้นอย่าสงกา เหมือนข้าวดิบจะหยิบเข้าใส่ปาก กำลังอยากยังกรุบอยู่หนักหนา ไม่อร่อยดอกจงปล่อยเสียเร็วรา ทำขืนขัดใจข้าแล้วขาดกัน ฯ ๏ เจ้าเนื้อนิ่มพิมน้อยอนาทร มาตัดรอนแรกรักบากบั่น จงงดเงือดเหือดโกรธที่โทษทัณฑ์ พลางรับขวัญยอดสร้อยอย่าน้อยใจ พี่รักนุชสุจริตน้ำจิตรรัก ไม่หาญหักก่อนดอกแต่โดยได้ ผลักมือรื้อฉวยชายสไบ เพราะอาลัยกำเริบที่ในทรวง งดโทษพี่เถิดเจ้าจงเอาบุญ อย่าเคืองขุ่นคั่งแค้นเฝ้าแหนหวง นมเจ้างอนงามปลั่งดังเงินยวง ประโลมล่วงน้องหน่อยอย่าน้อยใจ พลางกอดน้องประคองขึ้นบนตัก จะแพลงผลักพลิกเลื่อนลงไปไหน แล้วเปลื้องปลดลดชายให้คลายใจ นางฉวยฉุดยุดไว้ไม่วางมือ ฯ ๏ อนิจจาว่าแล้วหาฟังไม่ จะฆ่าพิมเสียที่ไร่นี้แล้วฤๅ รักน้องกลางหนให้คนฦๅ อย่างนี้น้องไม่ถือว่ารักน้อง โดยชั่วถึงตัวมิได้แต่ง ก็จัดแจงน้องนี้มีหอห้อง พอควรการแล้วฉันจะปรองดอง มิให้ข้องขัดเคืองกระเดื่องใจ ตัวน้องมิใช่ของอันเคยขาย จะเรียงรายกลางหนหาควรไม่ พิเคราะห์ให้เหมาะก่อนเป็นไร กลับไปเถิดพ่อแก้วผู้แววตา อดข้าวดอกนะเจ้าชีวิตวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสนหา นางก้มอยู่กับตักซบพักตรา เฝ้าวอนว่าไหว้พลางพ่อวางพิม ฯ ๏ ประจงจูบลูบผมแล้วชมพักตร์ น่ารักนวลเนื้อเจ้านิ่มนิ่ม น้ำตาคลอเปี่ยมอยู่เรียมริม เจ้าเยือนยิ้มสักหน่อยเถิดกลอยใจ สงสารไหว้วอนให้ผ่อนวาง รักนางมิใคร่จะไกลได้ พี่จะหอบเสนหาลาไป เหลืออาลัยที่จะทรมาน หยิบมือพิมน้อยประทับทรวง แม่ดูดวงจิตรพี่ออกฟุ้งซ่าน เวลาคํ่าแม่จงจำสังเกตการ จะไปบ้านหาพิมพิลาไลย ช้อนคางพลางจูบประคองชม แนบเนื้อแนมนมเจ้าผ่องใส พวงพุ่มตูมตั้งยังเป็นไต อาลัยลูบโลมทั้งกายา จับมือถือนิ้วเจ้าพิมชม สวยสมสิบนิ้วเสนหา ซบพักตร์อยู่กับตักไม่เจรจา พี่จะลาแล้วแม่ผินมาดีดี ฯ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๗๘ ๏ ครานั้นอีข้าไทไปเก็บฝ้าย ตะวันบ่ายรำไรลงได้ที่ อีเต่าหับอีพลับกับอีปลี ยัดอัดกระบุงดีร้องเพลงมา สายทองระวังน้องอยู่ต้นทาง เห็นอีบ่าวเหย่าย่างมาข้างหน้า แกล้งร้องอึงให้ถึงเจ้าสองรา ไปหวาไปเหวยเฮ้ยจวนเย็น ฯ ๏ นางพิมกราบไหว้เจ้าพลายแก้ว มันมาแล้วไปเถิดมันจะเห็น พ่อจะมาฆ่าน้องเสียทั้งเป็น เอ็นดูเถิดพ่อไปเสียไวไว เจ้าพลายกอดพิมประทับไว้กับตัก เสียดายนักมิใคร่วางนางลงได้ เสียงบ่าวข้ามากระชั้นก็จนใจ ลุกขึ้นบังต้นไม้แล้วหลีกมา นางพิมลุกยืนขึ้นทันใด ฝ้ายลีเป็นกะไรอีเด็กหวา ตะวันเย็นเห็นจวนควรเวลา ออกจากพุ่มพฤกษาแล้วเดินไป สายทองเดินชิดสะกิดพิม หยอกยิ้มค่อยกระซิบปราศรัย แม่พิมพี่วันนี้เป็นไรไป หลังไหล่ล้วนต้องละอองดิน นางพิมยิ้มค้อนให้พี่เลี้ยง ส่งเสียงไปให้มันเข้าหูสิ้น จำเพาะจะว่าไปให้ได้ยิน ดีใจดังจะบินจะโบยไป เมื่อวานเห็นรำคาญไม่รู้วาย เดี๋ยวนี้หาเพื่อนตายเข้าไว้ได้ อย่าพักว่าเลยข้าไม่เป็นไร ปัดไถมหมองมัวไปนิดเดียว สายทองฟังน้องก็นิ่งยิ้ม นางพิมค้อนให้นัยน์ตาเขียว อีพวกข้าแบกฝ้ายตามนายเกรียว มาบัดเดี๋ยวถึงบ้านเข้าทันใด นางพิมสายทองทั้งบ่าวข้า ขึ้นบนเคหาหาช้าไม่ จวนคํ่าย่ำเย็นลงไรไร พอเก็บฝ้ายลีไว้ก็พลบพลัน สายทองชวนน้องเข้าห้องนอน ร่วมหมอนกระซิกเกษมสันต์ สัพยอกหยอกพิมนิ่มนวลจันทร์ เมื่อกลางวันเป็นอย่างไรอย่าได้พราง ฯ ๏ ครานั้นนางพิมพิลาไลย ค้อนให้พลิกแพลงตะแคงข้าง ปั่นป่วนข่วนหยิกสายทองพลาง เพราะพี่นางแนะนำให้ทำน้อง พอเห็นหน้าพูดจากันสองคำ กระโจนกอดคอปลํ้าเล่นคล่องคล่อง จะแกล้งให้น้องอายพี่สายทอง จะใคร่ร้องขึ้นให้ไร่ทลาย น้อยใจหนักหนาน้ำตาตก เป็นสองยกพลิกคว่ำให้จำหงาย ผ้าผ่อนฉวยฉุดให้หลุดกาย ถ้าตัวตายเสียก็ดีกว่าเป็นคน เนื้อแท้เขาจะปลํ้าทำเล่น ข้าแค้นใจไม่เห็นจะเป็นผล วันนี้จะเอามีดเข้ากรีดตน ให้วายชนม์เสียให้สิ้นที่อายใจ คิดนิดหนึ่งว่าพี่ได้เลี้ยงมา ฟ้าผ่าเถอะหาไม่แล้วที่ไหน จะบอกแม่ให้แซ่เซ็งไป ก็จะได้ดูหน้าพี่สายทอง เดชะบุญพอวุ่นก็เด็กมา ถ้าปะช้าเลยหนึ่งจะถึงสอง พูดจามีแต่ว่าไม่ปรองดอง เสียแรงพี่เลี้ยงน้องมาใจจาง หมายจะแหวะแตระฟันด้วยดาบกรด อัปยศตายด้วยดาบทองหลาง ยังสั่งซ้ำทำเผื่อเป็นเยื่อยาง ว่ากลางคืนวันนี้จะกลับมา


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๗๙ ว่าพลางทางปิดประตูผาง หน้าต่างลิ่มขัดให้แน่นหนา มีดถือไว้กับมือไม่เคลื่อนคลา น้องแค้นดังเลือดตาจะหยดย้อย วันนี้ถ้ามาแล้วอย่าแคลง แม้นมิแทงแล้วจึงว่าอีพิมถ่อย ไปจากห้องน้องเถิดอย่าพูดพลอย วันนี้คอยยังรุ่งไม่หลับนอน ฯ ๏ สายทองปลอบน้องอย่าแค้นขึ้ง รำพึงดูให้แน่ในใจก่อน อันความเสนหาอาวรณ์ ย่อมแรงร้อนรึงรุมกลุ้มในใจ เจ้าพลายแก้วก็ยังหนุ่มกำดัดนัก จะรั้งรักรอรีที่ไหนได้ ซึมซาบอาบเอิบกำเริบใจ ด้วยยังไม่เคยพบกระษัตรี การชายความอายนี้น้อยนัก ยอดรักแม่จงฟังคำพี่ อันใจหญิงถึงกำหนดในโลกีย์ ก็ยังมีมารยาอยู่ในใจ แม่อย่าด่วนควรถือว่าหยาบช้า อันเจรจาหาทิ้งที่จริงไม่ สัญญาเบื้องหน้ายังว่าไว้ แม่จงพิเคราะห์ใคร่ดูเถิดรา เจ้าพลายแก้วเป็นชายบริสุทธิ์ ผ่องผุดยังไม่มีที่กังขา แม่ก็พรหมจารีศรีโสภา แต่รุ่นมาไม่มีใครแผ้วพาน พึ่งมาประสบพบพลายแก้ว เพียงนี้แล้วฤๅจะผลักหักหาญ ให้เคล้าคลึงถึงสองไม่ต้องการ เป็นมลทินจะประจานอยู่ในใจ ถึงได้อื่นมาชื่นอารมณ์เจ้า ถ้าพบเก่าจะเอาหน้าไปไว้ไหน ขึ้นชั่วจะติดตัวจนตายไป แม่อย่าได้ด่วนเด็ดเสียเดียวดาย หยุดยกที่วิตกไว้เสียก่อน อดนอนพรุ่งนี้จะตื่นสาย กลัวท่านแม่คุณจะวุ่นวาย เจ้าพลายที่ไหนจะกล้ามา นอนเถิดน้องพี่จะไปนอนบ้าง ว่าแล้วเยื้องย่างมาเคหา ถึงห้องของตัวก็นิทรา นางพิมตรึกตรายิ่งตรอมใจ โอ้ว่าแก้วแววตาของพิมเอ๋ย จะล่วงเลยลืมแล้วฤๅไฉน ฤๅเคืองน้องข้องแค้นระคางใจ จึงทิ้งไว้ว้าเหว่อยู่เอกา มิรักน้องก็แต่แรกอย่ารักน้อง ทำให้หมองแล้วจะเมินไม่มาหา ยังจดจำถ้อยคำที่สัญญา ว่าจะมาถึงห้องที่พิมนอน ยามหนึ่งถึงแล้วพ่อแก้วเอ๋ย ไม่มาเลยใจน้องนี้ค่อนค่อน แต่นอนตรึกนึกหายิ่งอาวรณ์ พระจันทรจรดับก็หลับไป ฯ ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว ไปวัดคํ่าแล้วหาบวชไม่ คอยดูฤกษ์เวลาจะคลาไคล ประมาณได้สักสองยามปลาย ดวงเดือนเลื่อนเด่นดาวระยับ ยืนขยับเพ่งพิศเมฆฉาย ช่วงขาวดุจดาวประกายพราย แต่งกายประกอบพร้อมทุกประการ พิเคราะห์ดูหลาวเหล็กแลผีหลวง ปลอดห่วงดวงใจก็ฮึกหาญ สูรย์จันทร์แม่นยำด้วยชำนาญ ย่างเท้าก้าวผ่านไปตามทิศ ฯ ๏ มาถึงบ้านนางพิมหาช้าไม่ เสกข้าวสารหว่านไปให้หลับสนิท สะเดาะกลอนถอนลั่นทุกชั้นชิด ที่บานปิดก็เปิดออกทันใด


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๘๐ จึงกลิ้งครกเหยียบยืนขึ้นบนเรือน ไม่กระเทือนย่องมาหาช้าไม่ หมายสำคัญมั่นคงตรงไป เข้าในห้องพิมด้วยฉับพลัน อัจกลับแสงกระจ่างสว่างห้อง มีข้าวของโตกพานทั้งเชี่ยนขัน เครื่องแป้งแต่งไว้ดูงามครัน อัฒจันทร์สมศักดิจำหลักลาย คันฉ่องรองรับกระจกส่อง เครื่องทองตั้งไว้ดูเฉิดฉาย พานหมากเครื่องนากมีมากมาย ม่านสายสอดหูแล้วห้อยกาง น่ารักปักไหมเอาทองถม สวยสมฝีมือพิมงามกระจ่าง เป็นเรื่องศิลป์สุริยาเมื่อพานาง ข้ามแนวน้ำกว้างก็พลัดกัน รัตนานางอุ้มสิงหรัด ท่องเที่ยวแถวพนัสพนาสัณฑ์ ถึงศาลาดาบสทศธรรม์ อภิวันท์วอนว่าพระอาจารย์ อาศัยแล้วให้ชุบสิงหรา อำลาลุล่วงจากสถาน กับพี่น้องสองราชกุมาร มาอยู่บ้านตายายค่อยคลายใจ ปักพระศิลป์เธอเที่ยวแสวงหา จะพบนางรัตนาก็หาไม่ จนพลบคํ่ายํ่าแสงอโณทัย อาศัยสวนเจ้าท้าวกุตา น้องเอ๋ยกะไรเลยฉลาดลํ้า ไม่ชอกช้ำฝีมือเจ้าเหลือหา ประจงรูดม่านน้องย่องเยื้องมา เปิดมุ้งเห็นหน้าเจ้าพิมนอน สนิทหลับรับขวัญเจ้าทั้งหลับ ดังยิ้มรับให้พี่รีบมาร่วมหมอน โฉมแชล่มแก้มยิ้มพริ้มเพรางอน งามเนตรเมื่อเจ้าค้อนพี่ยามชม คอคางบางแบบกะทัดรัด เล็บยาวขาวขัดดูงามสม ไม่พร่องบกอกนางอล่างนม ค่อยผงมสงวนต้องประคองทรวง เลื่อนลดแก้สะกดให้พิมตื่น เป่าต้องน้องก็ฟื้นสงบง่วง เจ้าอย่าแหนงแคลงจิตรว่าพี่ลวง ดวงใจแม่จงตื่นขึ้นเถิดรา ฯ ๏ นางพิมนิ่มนวลนอนสนิท กระทั่งนิดก็ฟื้นตื่นผวา พลิกกายชายเนตรชำเลืองมา เห็นหน้าพลายแก้วแววไว คิดพรั่นหวั่นใจชม้ายค้อน ดูดู๋กลอนขัดอยู่จู่มาได้ นี่เนื้อว่าข่มเหงไม่เกรงใจ แต่กลางไร่ไม่สามาถึงเรือน แต่เพียงนั้นยังว่าไม่น่าแค้น จวนเจียนจักแหล่นจะอายเพื่อน รบให้ขอต่อแม่ทำแชเชือน กลบเกลื่อนว่ากล่าวให้กลับกลาย คิดว่ารักฤๅที่หักมาถึงบ้าน อย่าสมานเลยข้าแค้นไม่รู้หาย แต่ที่ไร่เจ้ายังปลํ้าทำให้อาย ใยฝ้ายเกลือกคันไปทั้งตัว มือหนักชักยื้อทำหยาบหยาม งามหน้าน่ารับมาเป็นผัว สมสู่อยู่บ้านดีฉันกลัว ตัวมิตายก็หลังคงเลือดย้อย เพียงจับมือถือแขนก็แสนเจ็บ คมเล็บเลือดเหยาะลงเผาะผอย แต่หยอกกันสารพันเป็นริ้วรอย เชิญถอยไปเสียเถิดไม่ไยดี ฯ ๏ เจ้างามปลอดยอดรักของพลายแก้ว ได้มาแล้วแม่อย่าขับให้กลับหนี พี่สู้ตายไม่เสียดายแก่ชีวี แก้วพี่อย่าเพ่อพรํ่ารำพันความ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๘๑ พี่ผิดพี่ก็มาลุแก่โทษ จงคลายโกรธแม่อย่าถือว่าหยาบหยาม พี่ชมโฉมโลมลูบด้วยใจงาม ทรามสวาดิดิ้นไปไม่ไยดี รอยเล็บแม่จึงเจ็บด้วยจับต้อง ติดข้องเพราะเจ้าปัดสลัดพี่ ค้อนควักผลักพลิกแล้วหยิกตี ถ้อยทีถูกข่วนแต่ล้วนเล็บ ติดตามมาด้วยความพี่รักน้อง กลัวจะหมองต้องเนื้อเจ้าจะเจ็บ ไหนผืนผ้ามาพี่จะชุนเย็บ ที่ตะเข็บขาดไปจะให้ดี ขอพี่ดูชูมือมาสักหน่อย เจ็บน้อยฤๅมากกว่าแขนพี่ จับจูบลูบแผลที่ไหนมี เย้ายีหยอกยั่วให้ยวนใจ ฯ ๏ นี่ใครวอนให้มาถามฤๅ ถึงเจ็บมือก็หาเชิญเจ้ามาไม่ จะดูแลแผลน้องไปทำไม ใครเจ็บก็ใครรักษาตัว มาจับมือถือแขนเอาง่ายง่าย ไม่มีอายทำเล่นเช่นเมียผัว ที่นี่เรือนมิใช่ไร่ข้าไม่กลัว ถึงดีชั่วเพื่อนบ้านพยานมี ยังเซ้าซี้มิไปให้พ้นห้อง มาจู้จี้นี้ก็ร้องให้อึงมี่ ไม่วางแขนแค้นใจใช่พอดี จะทำทีเหมือนที่ไร่ไม่ได้แล้ว ฯ ๏ ไม่เมตตาก็ฆ่าเสียเถิดน้อง กระทุ้งห้องร้องไปให้แจ้วแจ้ว จงเอามีดมากรีดให้เป็นแนว อย่านึกเลยพลายแก้วจะกลัวตาย อึงแซ่หม่อมแม่จะมาจับ ผิดก็ยับอยู่กับที่ไม่หนีหาย จะกอดพิมนิ่มนางไม่ห่างกาย ตามแต่สายสุดสวาดิจะปรานี ว่าพลางทางกอดกระหวัดรัด อย่าสะบัดเลยไม่พ้นฝีมือพี่ ทั้งสองแก้มแย้มยวนให้ยินดี ขอจูบทีเถิดเจ้าจงเมตตา ฯ ๏ ประเดี๋ยวจับประเดี๋ยวจูบเฝ้าลูบชม แก้มกับนมนี่เจ้าซื้อมาฤๅขา ทำเล่นเหมือนเป็นเชลยมา ฟ้าผ่าเถอะไม่ยั้งไม่ฟังกัน จะหยิกเท่าไรก็ไม่เจ็บ ฉวยเล็บมาจะหักให้สะบั้น อุยหน่าอย่าทำที่สำคัญ ฟาดฟันเอาเถิดไม่น้อยใจ ทำเล็บหักเหมือนไม่รักพี่จริงจัง ถึงเงินชั่งหนึ่งหารักเท่าเล็บไม่ เข้าชิดสะกิดพิมยิ้มละไม อุ้มแอบอกไว้ด้วยปรีดา เอนอิงพิงประทับลงกับหมอน สะอื้นอ้อนอ่อนแอบลงแนบหน้า กระเดือกเสือกดิ้นอยู่ไปมา เกิดมหาเมฆมืดโพยมบน ฮือฮืออื้อเสียงพายุพัด กลิ้งกลัดเกลื่อนกลุ้มชอุ่มฝน เป็นห่าแรกแตกพยับโพยมบน ไม่ทานทนทั่วกระทั่งทั้งแดนไตร ฯ ๏ ครานั้นนางพิมนิ่มนวล ยียวนด้วยความพิสมัย เสนหารึงรุมกลุ้มใจ สนิทแนบหน้าในที่นอนนาง พัดวีวอนพลอดแล้วกอดแก้ว ไม่คลาศแคล้วเคลื่อนคลาไปห่างข้าง ซับเหงื่อด้วยเนื้อสไบบาง กระแจะจวงจันทน์นางละลายทา ของหวานวอนให้เจ้าแก้วกิน คอยประคิ่นโต๊ะตั้งทั้งซ้ายขวา ให้หมากพลูบุหรี่ด้วยปรีดา แล้วซุบซิบสนทนาเสนาะใน


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๘๒ ถ้อยทีถ้อยมีเสนหา กำเริบรสกามาหมื่นไหม้ ฟักฟูมอุ้มแอบด้วยอาลัย ต่างมิใคร่จะสนิทนิทรา พระจันทร์แจ่มกระจ่างนภากาศ เทวราชเร่งราชรถา สถิตในทิพรัตน์ลีลามา จับแสงดาราดิเรกราย สกุณากาไก่สนั่นก้อง นํ้าค้างต้องบุปผชาติแย้มขยาย แมลงภู่เคล้าเกสรขจรจาย พระสุริย์ฉายเร่งรีบรถทะยาน เผยอแย้มแจ่มกระจ่างสว่างทิศ สะดุ้งจิตรกล่าวเกลี้ยงด้วยคำหวาน จะลาพิมนิ่มสนิทคิดรำคาญ ปิ้มปานจะตายจากพรากพิมไป พอคํ่ายํ่าแสงสุริยา พี่จะมามั่นคงอย่าสงสัย ค่อยอยู่เถิดแก้วตาจะลาไป ใจพี่นี้จะขาดลงรอนรอน ฯ ๏ ครานั้นนางพิมพิลาไลย ถอนใจสะอึกสะอื้นอ้อน ระทวยทอดกอดแก้วยิ่งอาวรณ์ พ่อมานอนให้พิมนี้ตรอมใจ ก็สาสมที่อารมณ์เราโฉดชั่ว รักตัวแล้วหารักสบายไม่ เช้าคํ่าจะรํ่าโศกเสมอไป สักเมื่อไรจะหายวายรำคาญ รักพิมพิมรักพี่พลายแก้ว รักแล้วปลูกรักมาหักหาญ มาหักต้นโค่นทิ้งทรมาน โอ้รักก็จะรานไปแรมไกล แม่ตีฤๅพี่สายทองด่า จะปรึกษาปรารภกับใครได้ ถึงทรวงร้อนเหมือนนอนในกองไฟ พ่ออยู่ไกลไหนจะแจ้งซึ่งกิจจา พ่ออยู่วัดขัดเคืองขึ้นข้างบ้าน สุดที่พิมจะด้านออกไปหา คํ่าแล้วพ่อแก้วจงกลับมา ให้เห็นหน้าทุกคืนพอชื่นใจ ฯ ๏เจ้าพลายแก้วปลอบแล้วลูบประโลม พี่รักโฉมหาให้ห่างระคางไม่ ไก่แก้วขันแจ้วจะจำไกล อย่าเสียใจพี่จะมาหาทุกคืน พอพลบจะหลบมาโลมน้อง ถึงแห่งห้องให้หายโศกสะอื้น จากพิมปิ้มพี่นี้ต้องปืน ขยับยืนส่งพี่พอพ้นเรือน ปลอบพลางทางโอบกระหวัดอุ้ม ฟักฟูมฟายน้ำตาหน้าเฝื่อน ถึงประตูหรุบรู่ด้วยแสงเดือน นี่เนื้อเหมือนกรรมวิบากระบมใจ แสงทองส่องฟ้ามาเหลืองเหลือง จะย่างเยื้องจากนางไม่ย่างได้ ทรุดนั่งพะวังพะว้าด้วยอาลัย ประโลมจูบลูบไล้ไม่สมประดี ปิดประตูอยู่เถิดนะน้องเอ๋ย อย่าโศกเลยลุกเลื่อนออกจากที่ แสนสวาดิไม่น้อยร้อยทวี ยิ่งเหลียวหลังยิ่งมีอาลัยลาน พิมน้อยละห้อยหับประตูแล้ว พลายแก้วแข็งใจไปจากบ้าน ถึงวัดลัดหนีท่านสมภาร นมัสการชีต้นให้บวชพลัน ฯ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๘๓ บทถอดความร้อยกรอง เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม พอรุ่งเช้า เณรแก้วรีบล้างหน้า นุ่งสบง ห่มจีวร คาดรัดประคดแล้วอุ้มบาตรเดินเข้าเมือง สุพรรณบุรี ลัดเลาะตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ ในที่สุดมาถึงบ้านท่าพี่เลี้ยง เห็นมีม้านั่งตั้งอยู่ เตรียมใส่บาตร แต่ยังไม่มีใครลงมาจึงยืนสำรวมรออยู่ ฝ่ายนางพิมจัดเตรียมของใส่บาตรอยู่ในห้องกับนางสายทอง เห็นว่ายังไม่มีพระมา แต่เมื่อเปิด หน้าต่าง เห็นเณรแก้วยืนก้มหน้าสำรวมนิ่ง สีผ้ากาสาวพัสตร์จับเนื้อเรื่อเรืองเปล่งปลั่ง ประกอบกับ อำนาจวิทยามนต์ นางพิมเห็นแล้วปั่นป่วนรัญจวนใจ รีบห่มผ้าคว้าขันข้าว และเร่งนางสายทอง ลง ไปใส่บาตร พอนางเปิดประตูเดินนวยนาดลงไป เณรแก้วได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นพอสบตากัน นางพิมใจเต้นขวยเขิน หันหลบเข้าหลังนางสายทอง แล้วสะกิดพี่เลี้ยง ยื่นขันข้าวให้ บอกให้ออกไปใส่ บาตรแทน นางพิมหลบเข้าแอบข้างฝา เณรแก้วรีบเป่าคาถามหาละลวย ทำให้นางพิมปั่นป่วน ซ่านเสียว จนใคร่จะรีบแล่นลงไปข้างล่าง นางสายทองประคองขันข้าวลงมาใส่บาตร เณรแก้วรับบาตร แล้วพูดว่าเจาะจงมารับบาตรที่บ้านนี้โดยเฉพาะ ทั้ง ๆ ที่โยมบ้านอื่นรอใส่บาตร เป็นเพราะเกิดเหตุ ระหว่างเทศน์เมื่อวันวาน เจ้าของกัณฑ์หนีกลับมาก่อน เณรกังวลว่าโกรธเคืองด้วยเรื่องใด ใคร่จะได้ พูดคุยด้วยให้รู้แจ้ง นางสายทองจึงตอบว่า หลังเพลแล้วนิมนต์เณรมาที่บ้าน แล้วรีบขึ้นเรือนเณรแก้ว ออกจากรั้วบ้านแล้วก็ยังแฝงตัวยืนดูนางพิมอยู่ เมื่อนางพิมเปิดหน้าต่างออกดู เห็นเณรแก้วกอดบาตร ไว้แนบแน่นเป็นปริศนา นางพิมจึงยิ้มแล้วรีบหลบหน้าเข้ามา ระหว่างเณรแก้วเดินกลับวัด ใจคอ เลื่อนลอยคอยคิดถึงนาง หันหลังเหลียวหาไปตลอดทาง เมื่อถึงวัด เณรแก้วรีบปรนนิบัติท่านอาจารย์ ให้ฉันเสร็จแล้วเข้าไปนอนคร่ำครวญถึงนางพิม ฝ่ายนางพิม ตั้งแต่เห็นหน้าเณรแก้ว จิตใจปั่นป่วนหวั่นไหว พอเห็นนางสายทองใส่บาตรเสร็จ แล้วเดินนวยนาดอยู่ ยิ่งขัดใจ รีบพยักหน้าเรียกให้นางสายทองเข้ามาหาในห้องนอน กระซิบต่อว่า ต่อขานว่าทำไมจึงตักบาตรช้านัก เห็นปากขยับพูดคุยกับเณรอยู่ คุยเรื่องอะไรกัน นางสายทองบอกว่า ไม่ได้คุยกัน แล้วเตือนให้นางพิมไปกินข้าว เสร็จแล้วจะได้ปั่นฝ้าย ตอนบ่ายจะไปอาบน้ำด้วยกัน นางพิมเซ้าซี้ถามเท่าไร นางสายทองไม่บอก นางพิมโกรธไม่ยอมกินข้าวกับนางสายทองเหมือนทุกวัน พอนางพิมกินข้าวเสร็จก็มานั่งปั่นฝ้ายในห้องกับพวกบ่าวจนถึงบ่ายสองโมง นางสายทองชวนนางพิม ไปอาบน้ำ นางพิมยังงอนอยู่ นางสายทองชักชวนเท่าไรก็ไม่ยอมไปด้วย นางสายทองจึงไปอาบน้ำ พร้อมด้วยบ่าวไพร่อีกหลายคน ข้างเณรแก้ว พอตกบ่าย คิดว่าปานนี้นางพิมคงกำลังอาบน้ำอยู่ที่ท่าน้ำและคิดถึงคำที่ นางสายทองบอกไว้ จึงออกจากวัดไปบ้านนางพิมแล้วตรงไปตีนท่าทันที เณรแก้วแอบซุ่มดูเห็นบ่าว ไพร่และนางสายทองกำลังอาบน้ำ จึงเอาก้อนดินโยนใส่และกระแอมให้สัญญาณ นางสายทองรีบ กระวีกระวาดมาหาพากันไปนั่งในที่ลับตา ใต้ต้นโศกใหญ่ใบหนาเป็นซุ้ม เณรแก้วสารภาพว่า เกิดความปั่นป่วน ทุกข์ทรมานใจ เพราะรักนางพิม จึงอยากให้นางสายทองเป็นผู้ช่วยเหลือ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๘๔ ให้ความปรารถนาครั้งนี้ลุล่วง หากนางสายทองเอ็นดูให้ความช่วยเหลือก็เหมือนหนึ่งชุบชีวิตให้ฟื้น เณรแก้วจะไม่ลืมบุญคุณจนตลอดชีวิตและจะดูแลอุปถัมภ์นางสายทองตลอดไป เณรแก้วกล่าวกับ นางสายทองเป็นอุปมาอุปไมยไว้อย่างน่าฟังว่า เณรแก้วเปรียบเหมือนกระต่ายหมายขึ้นไป ชมดวงจันทร์จะทำสำเร็จได้เช่นนั้นต้องมีเทพอุปถัมภ์ นางสายทองจึงเปรียบเหมือนพระอินทร์ หาก นางสายทองช่วยเป็นธุระในเรื่องนี้ พระจันทร์ก็จะมีกระต่ายให้เห็นถึง ๒ ตัว อันเณรน้องเหมือนกระต่ายหมายชมจันทร์ อยู่ดินฤๅจะดั้นขึ้นไปได้ แต่ตรอมตรอมผอมร่างก็บางไป ด้วยทางไกลกลางหาวเมื่อคราวปอง ได้องค์อินทร์แลจะสิ้นสำเร็จตรม จะได้ชมกระต่ายสวรรค์จันทร์ผยอง อินทราอุปมาเหมือนสายทอง พิมน้องเหมือนกระต่ายในวงจันทร์ มาพึ่งพิงถ้าไม่ทิ้งธุระน้อง คงเป็นสองกระต่ายชมสมสวรรค์ จะขอบคุณที่การุญให้ครามครัน กว่าชีวันฉันจะวอดชีวาวาย (หน้า ๖๔) นางสายทองโวยวายไม่ยอมช่วยเหลือเป็นแม่สื่อให้ เพราะหากถูกจับได้จะได้รับการลงโทษ แรงมาก ทั้งถูกด่าว่า ทั้งถูกเฆี่ยนตีหลังลาย ส่วนเณรแก้วไม่เดือดร้อนด้วย เหมือนคนรำอยู่นอกม่าน ไม่รู้ว่าคนอยู่ข้างหลังม่านวุ่นวายอย่างไร นางสายทองยังประชดว่าที่เณรแก้วเปรียบเรื่องกระต่าย กับดวงจันทร์ก็แยบคายดี แต่หากพระอินทร์ช่วยกระต่าย พระอินทร์จะถูกด่าว่าทำให้พระจันทร์ มัวหมอง ดังนั้น เรื่องนี้นางสายทองไม่ขอเกี่ยวข้อง เพราะทำไปประโยชน์ก็ตกแก่ผู้อื่น ตนเองไม่ได้ ประโยชน์แถมอาจจะเดือดร้อนอีกด้วย เหมือนคำพังเพยที่ว่า ‘เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รอง เอากระดูก มาแขวนคอ’ หรือเหมือน ‘ตีงูให้กากิน’ เณรแก้วควรล้มเลิกความคิดเรื่องนี้เสีย เนื้อมิได้กินมั่งหนังมิได้ปู กระดูกจะแขวนคออยู่เหมือนตัวข้า เจ้าได้พิมก็จะยิ้มอยู่อัตรา ต้องถูกด่าก็จะอายแต่สายทอง เหมือนตีงูมิได้สู่กันแกงกิน กาเหยี่ยวเฉี่ยวบินไปคล่องคล่อง แต่นี้ไปพ่ออย่าได้คะนึงปอง มิใช่ของควรประคิ่นของกินตาย ฯ (หน้า ๖๕) เณรแก้วยังไม่ยอมถอย ตัดพ้อว่าตนรักนางสายทอง นางสายทองจะมาทอดทิ้งเสียกลางคันได้ อย่างไร เด็ดปลียังเหลือใย ตนบากหน้ามาขอพึ่งเช่นนี้นางสายทองจะไม่มีเยื่อใยเจียวหรือ หากได้ นางพิมแล้ว จะไม่ละเลยทอดทิ้งเหมือนอย่างหว่านข้าวลงในดิน แม้จะแห้งแล้งอย่างไรก็คงมีงอก ออกมาบ้างหรือหากไม่ได้กิน ก็เป็นทานแก่นกกา ใช่ว่าจะสูญไปเสียหมด ดังนั้นเมื่อมาอยู่ร่วมบ้าน เดียวกัน ถึงอย่างไรก็ต้องได้ตอบแทนพระคุณ ได้แบ่งปันกันเช่นที่ให้แก่นางพิม จากนั้นเณรแก้วก็รุก ต่อไปอีกว่าจะตอบแทนนางสายทองเป็นเงินหนึ่งชั่ง หากช่วยเป็นสื่อรักกับนางพิมจนสำเร็จ เณรแก้ว จะรอฟังข่าวคืบหน้าเวลาบิณฑบาต


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๘๕ นางสายทองถามย้ำให้แน่ใจอีกว่าเณรแก้วรักจริงหรือแกล้งรัก เรื่องสินบนพูดจริงหรือไม่ เกรงว่าพอได้สมใจก็จะลืมสินบน หากเณรแก้วจริงจังให้รักษาคำพูดไว้ พรุ่งนี้มาฟังคำตอบ เณรแก้วได้ ฟังจึงกลับวัดด้วยความสบายใจ ส่วนนางสายทองพาบ่าวไพร่กลับบ้าน พอตกค่ำ ท้องฟ้าสว่างกระจ่างใสด้วยพระจันทร์ทรงกลด นางสายทองชวนนางพิมให้ออกมา ชมจันทร์ พร้อมทั้งแสดงวาทะโน้มน้าวใจนางพิมว่าน่าสงสารกระต่ายที่ถูกขังอยู่ในดวงจันทร์เป็นหลาย ร้อยปี เราสองพี่น้องก็เหมือนกระต่ายบนดวงจันทร์ที่ไร้คู่อยู่สูงบนท้องฟ้า มีกระต่ายป่าคอยชะเง้อหา อยู่แต่เอื้อมไม่ถึง นางสายทองชี้แจงให้ฟังว่าได้เฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูจนนางพิมเติบโตเป็นสาว เพราะเป็น ทั้งญาติเป็นทั้งข้ารับใช้ ความที่รักนางพิมจึงคอยดูแลไม่เที่ยวเตร่หนีหาย นางสายทองจึงไม่มีโอกาส ออกเรือนซึ่งนับว่าเสียชาติเกิด อนิจจาเกิดมาเสียทั้งชาติ เป็นอันขาดแล้วไม่รู้ว่าลูกผัว ดังแหวนทองผ่องศรีไม่มีมัว จนแต่หัวพลอยประดับประดาดี (หน้า 66) ยิ่งนางศรีประจันชราลงทุกวันเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง นางสายทองยิ่งกังวลใจว่าหากสิ้นบุญ นางศรีประจันแล้ว ชายหนุ่มทั้งหลายจะกลุ้มรุมกันดูถูกนางพิมเพราะไม่มีพ่อแม่คุ้มหัว นางสายทองจึง บอกให้นางพิมคิดให้ดี ถ้ามีคู่ครองเสียแต่ตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะได้สืบชาติตระกูลฐานะของพ่อแม่ เป็นเกียรติสืบไป นางพิมฟังแล้วยังไม่คล้อยตาม โต้แย้งว่าธรรมดาเกิดมาเป็นผู้หญิงต้องมีคู่ครองอยู่แล้ว เพราะ พ่อแม่เลี้ยงดูมา ย่อมจะปลูกฝังให้เป็นฝั่งเป็นฝาให้สมหน้าตาฐานะของพ่อแม่ ฉะนั้นจะรีบร้อนไปทำไม เกิดมีเรื่องมีราว จะทำให้พ่อแม่อับอายขายหน้า หากแม่สิ้นบุญไปก่อนโดยยังไม่ได้แต่งงานก็แล้ว แต่วาสนา แต่จะให้รีบร้อนมีคู่ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เพราะใช่ว่านางพิมรูปชั่ว ขี้ริ้วขี้เหร่ ไร้ผู้ชายหมายปอง ยิ่งรูปสวยรวยทรัพย์ยิ่งมีคนรุมล้อม ฉะนั้น ‘อดเปรี้ยวไว้กินหวาน’ ดีกว่า เรื่องอะไรจะ ‘ชิงสุก เสียก่อนห่าม’ จากนั้นนางพิมก็บอกว่าเป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว ห้ามนางสายทองพูดกวนใจให้ รีบร้อนมีคู่ครองอีก ฟังนางพิมตัดบทเช่นนี้แล้ว นางสายทองรีบพูดกลบเกลื่อนเอาใจแล้วชวนเข้านอน พัดวีให้ แล้วเห่กล่อมเป็นเรื่องราวของกุมารน้อยต่างเมืองที่อกหักเพราะไม่สมหวังในความรักจึงบวชทรมาน ตัวเอง วันหนึ่งมาบิณฑบาตพบสีกากลับไปแล้วก็ทุกข์ใจอาลัยรักอยู่ทุกวันทุกคืน พอพ้นเพล เณรน้อย จึงมาคอยอยู่ที่หน้าท่า แต่ไม่พบใครที่จะสนทนาด้วย ได้แต่เวียนไปเวียนมาจนซูบผอมด้วยตรอมใจ กล่อมจบเพลงแล้ว นางสายทองก็นอนกอดนางพิมไว้ นางพิมต่อว่าต่อขานว่าเอาเรื่องเณรมากล่อมให้ฟังทำไม จับได้แล้วว่าเห็นจะเพราะคุยกัน ตอนใส่บาตร แล้วนัดหมายให้มาพบกันตอนอาบน้ำกระมัง นางพิมอารมณ์เสียไล่นางสายทองออกจาก มุ้ง บอกว่าเดี๋ยวนางสายทอง ฝันเลอะเทอะ แล้วละเมอกอดให้ตกใจนางสายทองจึงถือโอกาส เล่าเรื่องราวของเณรแก้วให้ฟังว่า เณรแก้วมาพบและฝากนางสายทองให้บอกนางพิมว่า ทำไมนางพิม


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๘๖ ไม่ยอมทักทายสักคำ ทั้ง ๆ ที่เป็นเพื่อนเล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก คงจะเห็นว่าเณรแก้วยากจนไร้ทรัพย์ และทั้งที่กาญจนบุรีมีวัดอยู่มากมาย แต่เณรแก้วสู้อุตส่าห์มาถึงสุพรรณบุรีเพราะรักนางพิม จึงน้อยใจที่ได้เทศน์ให้นางพิมฟังแล้ว นางไม่ทักทายปราศรัยด้วยเลย อีกอย่างแม่ศรีประจันก็ ชอบพอกับแม่ทองประศรีต่างคุ้นเคยกันอย่างดี รู้เช่นเห็นชาติกันว่าเป็นคนดีหรือคนชั่ว หากนางพิม ยังปรานีก็อยากพบหน้าพูดคุยด้วยสักหน เมื่อวันเทศน์เกิดนิมิตฝันว่าได้เหาะไปบนท้องฟ้า เด็ดดวงดาวมาชื่นชม จึงตั้งใจจะดั้นด้นมาบิณฑบาตถึงที่บ้าน เพราะอยากรู้ว่าเป็นฝันร้ายหรือฝันดี นางสายทองบอกว่าพยายามห้ามปรามแล้วแต่ไม่สำเร็จ พิเคราะห์ดูอีกที เห็นว่าเณรแก้วคงไม่ได้พูดจา หลอกเล่น อีกอย่างในวันเทศน์ นางพิมก็เกิดนิมิตฝันเหมือนกัน คงจะเป็นเนื้อคู่กันแน่นอน นางพิมซึ่งนับแต่สบตากับเณรแก้วก็เหมือนมีเหล็กเพชรปักตรึงในใจอย่างมั่นคง หัวจิตหัวใจ เต็มไปด้วยความรักความคิดถึงที่มีต่อเณรแก้ว เมื่อได้ยินนางสายทองพูดเช่นนั้นก็ชอบใจแต่ด้วยมารยา หญิงจึงทำกิริยาปั้นปึ่งเก็บงำความรู้สึกของตนเอาไว้ แกล้งว่ากล่าวนางสายทองว่ามีอะไรกับเณรแก้ว แล้วกระมัง จึงสมคบกันทำตนเป็นแม่สื่อชักนำเธอให้เณรแก้วอีกคนรึ ใช่ว่าผู้ชายเหลือเพียงคนเดียว เสียเมื่อไร จึงต้องรักผู้ชายคนเดียวกับพี่สาวให้คนเขาเย้ยหยันทั้งสุพรรณบุรี นางสายทองได้ฟังนางพิมพูดจาทิ่มตำเอาอย่างนั้นก็เสียใจมาก รีบออกตัวว่าตนเป็นแค่ทาส ไม่อาจทำตัวเท่าเทียมเจ้านาย เณรแก้วเองคงไม่ปรารถนาจะยุ่งกับคนชั้นบ่าว เหมือนเอา ‘พิมเสนมา แลกกับเกลือ’ นางสายทองเปรียบเหมือนแหวนตะกั่ว ไม่คู่ควรที่จะรองรับเพชรน้ำงาม การที่นาง เข้ามาวุ่นวายในเรื่องนี้ เพราะเห็นนางพิมทุกข์ใจ เวทนาอยากช่วยน้องให้มีสุข นางพิมเคยฝันว่า นางสายทองเด็ดบัวทองถวายให้ ดังนั้นหากนางสายทองไม่ช่วยเป็นธุระให้หรือนำความไปบอก นางศรีประจัน นางพิมเองจะต้องกินน้ำตาต่างข้าว นางพิมประชดอีกว่านางสายทองรับสินบนเณรแก้วมากี่ชั่งจึงมาพูดขู่เอาเช่นนี้ แน่ใจหรือว่า เณรแก้วสาบานว่าจะไม่ทอดทิ้งนางพิม นี่ไปเออออรับปากเขามาพูดจา ต่อไปเบื้องหน้าหาก เณรแก้วทอดทิ้ง นางพิมจะทำอะไรนางสายทองได้ ดังนั้นหากเณรแก้วรักจริง ให้แต่งขันหมากมาสู่ขอ ตามประเพณีจะดีกว่ามาลักลอบเป็นชู้เช่นนี้เป็นการประมาท หากเพลี่ยงพล้ำไปจะเสียทั้งตัวเจ็บทั้งใจ นางสายทองปลอบโยนนางพิมว่าไม่ต้องกลัว นางสายทองรักนางพิมสุดใจ ถ้าเณรแก้วเป็นคน ไม่ดี จะชักพามาให้น้องเสียตัวมัวหมองทำไม นี่เป็นเพราะเห็นว่าเหมาะสมกันทั้งศักดิ์ตระกูล ทั้งฐานะ และรูปร่างหน้าตางดงามสมกัน หากนำขึ้นตาชั่งก็มีน้ำหนักเสมอกันทุกอย่าง นับว่าเป็นเนื้อคู่กันอย่าง แท้จริง นางพิมจะต้องมีความสุขเป็นที่สุด นางสายทองจะขอพึ่งใบบุญเป็นข้ารับใช้ตลอดไป หากวัน ข้างหน้าเณรแก้วไม่รักษาสัจจะ นางพิมไม่ต้องมาเรียกนางสายทองเป็นพี่อีกต่อไป ให้ส่งลงไปเป็นคน ครัว ให้ตักน้ำตำข้าวทุกเช้าเย็น ให้ทำงานหนักไม่มีวันได้เงยหัวหรือเฆี่ยนตีให้แตกยับไปทั้งตัว ก็ได้ ว่า แล้วนางสายทองก็นัดแนะว่าพรุ่งนี้เณรแก้วมาบิณฑบาต ให้นางพิมลงไปใส่บาตรด้วย นาง สายทองจะนัดแนะให้เณรแก้วไปพบนางพิมที่ไร่ฝ้ายจะได้พูดจากันให้ชัดเจน นางพิมเออออ ตามคำของนางสายทอง จากนั้นนางสายทองก็ชวนให้นางพิมเข้านอน พอฟ้าสางสว่างทั่วกัน นกร้องเซ็งแซ่ ลมพัดอ่อน ๆ เย็นสบาย หอมกลิ่นดอกไม้อบอวล เณร แก้วลืมตาตื่นก็คิดถึงนางพิม พอล้างหน้าห่มจีวรเสร็จอุ้มบาตรตรงไปบ้านนางพิม


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๘๗ ฝ่ายนางพิมและนางสายทองจัดของใส่บาตรอยู่บนเรือน มีข้าวปลาอาหาร บุหรี่หมากพลู ครบครัน พอเปิดหน้าต่างเห็นเณรแก้ว รีบประคองขันข้าวเดินแอบหลังนางสายทองลงไป เวลา ใส่บาตร นางพิมเขินอายไม่กล้ามองหน้าเณรแก้ว ใส่ของทุกอย่างปนกันลงไปในบาตรหมด แล้วรีบ ขึ้นเรือนไปแอบนั่งใจสั่นด้วยความสะทกสะเทิ้น นางสายทองเหลียวดูเห็นไม่มีใครแถวนั้น รีบกระซิบ นัดแนะให้เณรแก้วไปพบนางพิมที่ไร่ฝ้ายตอนบ่าย พร้อมกับทวงเงินที่สัญญากันไว้ เณรแก้วยืนยันว่าหากสำเร็จจะตอบแทนนางสายทองแน่นอน ไม่ให้ไปตะโกนทวงที่กุฏิให้อาย คนหรอก จากนั้นยืนยันว่าจะไปพบนางพิมที่ไร่ฝ้ายตอนบ่าย หลังจากนางพิมและนางสายทองกินข้าวเช้าเสร็จ บอกกับนางศรีประจันว่าจะออกไปเก็บฝ้าย ในไร่ เพราะฝักแก่ฝ้ายแตกกระจายแล้ว นางพิมจะไปคุมงานเอง ไม่อยากไว้ใจบ่าวไพร่ กลัวมันลักไป จำหน่ายจ่ายแจกเหมือนที่ทำกันเป็นประจำ จับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็ว่าขานกันไม่ถนัดปาก นางศรีประจันได้ฟังนางพิมว่า รีบไล่ให้นางพิมไปควบคุมการเก็บฝ้ายกำชับว่าถ้าเห็นใคร ลักขโมยฝ้ายให้ตีเสียด้วยตะบอง นางพิมและนางสายทองพาบ่าวไพร่แบกกระบุงตะกร้าเข้าไปไร่ฝ้าย พอถึงก็นั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่สั่งข้าทาสให้กระจายกันไปเก็บฝ้าย พอบ่ายสี่โมงให้กลับมา เพลานั้น เณรแก้วถือห่อผ้าหลบท่านเจ้าอาวาส ลัดเลาะเข้าในวิหารแล้วนิมนต์ ชีต้นสึกให้ กลับมาจึงจะบวชใหม่ เมื่อสึกแล้วผลัดผ้าแต่งตัวแบบคฤหัสถ์ แล้วรีบเดินตัดตรงเข้าไร่ฝ้าย เห็นนางสายทองก็ร้องเรียก นางสายทองบอกให้หลบไปอยู่แถวต้นกระทุ่ม จะไปตามนางพิมมาพูดคุย ด้วย พลายแก้วชุ่มตัวอยู่คอยมองนางพิม เมื่อเห็นนางนั่งร้อยดอกไม้อยู่ก็ออกมานั่งใกล้ พูดจา แสดงความรักต่อนาง นางพิมได้ฟัง ตกประหม่าอกสั่นขวยเขินเพราะไม่เคยพูดจากัน ได้แต่กระถดถอย หนีไปนั่งห่าง ๆ ไม่พูดไม่จา ได้แต่ชม้อยชำเลืองดูด้วยหางตา พลายแก้วได้โอกาสเท้าความหลังว่า เมื่อครั้งเป็นเพื่อนเล่นยามเด็ก เคยเล่นเป็นผัวเป็นเมียกันกับขุนช้างด้วยอีกคน พลายแก้วชวนคุย ปลอบใจนางไม่ให้ประหม่า บอกแต่ว่าจะขอคุยด้วยเพียงสองสามคำ นางพิมฟังแล้วค่อยหายตื่นเต้น ตอบกลับไปว่าเมื่อวันเทศน์ก็สังเกตว่าเคยรู้จัก แต่จะทักทาย ก็อายว่าเป็นผู้หญิง กลัวคนจะเก็บไปนินทา ใช่ว่าจะรังเกียจชิงชัง นางพิมถามต่อว่าเหตุใดจึงสึก เล่าเรียนวิชาจบแล้วจะกลับบ้านหรืออย่างไร หรือถ้าผูกใจรักใคร่กับนางสายทองก็ให้พลายแก้วไปหา ที่ต้นมะต้องต้นใหญ่ พลายแก้วตอบว่าสู้อุตส่าห์หลบหนีพระอาจารย์เพราะจะมาพบนางพิมเมื่อกลับไปวัดถึงจะ โดนทำโทษก็ไม่กลัว จากนั้นพลายแก้วเล่าความให้ฟังอีกว่าคงเป็นบุญกุศลแต่ปางบรรพ์ ทำให้ พลายแก้วคำนึงหานางพิม จนอยู่กับมารดาไม่ได้ ขอออกบวช แล้วท่องเที่ยวศึกษามาจนถึงสุพรรณบุรี พอพบนางพิมนางกลับไม่ทักทาย ต้องทนทุกข์ใจแสนสาหัส พอดีพบนางสายทอง จึงสบโอกาส สั่งความถึงนางพิม ที่นัดหมายมาพบกันในวันนี้ก็ต้องการบอกรักและขอครองคู่กับนางพิมด้วยใจมั่นคง ขอให้นางพิมเชื่อมั่นว่ารักจริง ไม่มีวันจืดจาง นางพิมทำเป็นต่อว่า ว่าเป็นเพื่อนกันทำไมพูดจาไม่เกรงใจกัน เป็นเพื่อนแล้วจะมาเป็นคู่รักได้ อย่างไร นางพิมลุกขึ้นลาบอกว่า เดี๋ยวบ่าวไพร่กลับมาเห็นเข้า พลายแก้วรีบปลอบโยน ขอให้นาง อยู่ก่อน พูดย้ำว่าไม่ได้หลอกลวง ตอนนี้ตนมีปัญหาความรัก ทำให้หนักใจราวกับอกถูกทับด้วย


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๘๘ เขาหลวงบนบานศาลกล่าวขอให้เทวดาอารักษ์มาช่วย ท่านก็ไม่ยอมช่วย คงจะต้องตายเพราะความรัก เป็นแน่แท้ เห็นแต่นางพิมคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยบรรเทาทุกข์ลงได้นางพิมตัดพ้อว่าพลายแก้วพูดจา ไพเราะปากหวานเหลือเกิน ถ้าไม่รู้เห็นจะเชื่อด้วยหลงลมปาก นางถามย้ำว่าที่พูดมานี้เป็นสัตย์จริง หรือว่าคิดไตร่ตรองมาแล้วว่าจะพูดอย่างไร เพราะผู้ชายยามแรกรักก็รู้ลำบากทุกอย่างให้ได้นางมา แม้ ชีวิตก็ไม่อาลัย แต่มนุษย์มักจะโลภมาก ได้อย่างหนึ่งก็แสวงหาอย่างอื่นเรื่อยไป เหมือนของกินสิ้นไปทุกเวลา ต้องหาเปรี้ยวหาเกลือมาเจือจาน ต้มแกงแต่งเจียวทั้งปิ้งจี่ เซ้าซี้สารพันที่มันหวาน เลือกดิบเลือกสุกทุกประการ ถ้าซ้ำสิ่งใดนานก็เบื่อไป (หน้า 79) จากนั้น นางพิมยังเปรียบเทียบความรักความใคร่กับผ้านุ่งห่มให้พลายแก้วฟังอย่างคมคายอีก ว่า เวลารักกันใหม่ ๆ ก็มุ่งมอบชีวิตให้กันเหมือนมีผ้านุ่งผ้าห่มผืนใหม่ก็หวงแหนทะนุถนอม แม้ยาม ขัดสนก็นุ่งซ้ำซากอยู่ผืนเดียว แต่พอได้ผ้าผืนใหม่มารวมเป็นสองผืน ผืนที่เก่ากว่าก็ต้องซ่อมแซมปะชุน ลงต้องเย็บชุนก็ไม่ใช้นุ่งห่มไว้อวดคนแล้ว เอาไปใช้เป็นผ้าอาบน้ำ ถึงตอนนั้นก็ใช้งานอย่างไม่ทะนุ ถนอม ใช้เช็ดถูซักฟาดจนขาดวิ่นจนไม่อาจเป็นผ้าเนื้อดีได้ดังเดิม ประเวณีเป็นที่กำเริบใจ แต่ใหม่ใหม่มุ่งมอบชีวิตกัน อุปมาเหมือนผ้าที่นุ่งห่ม ซื้อใหม่ก็นิยมว่าเฉิดฉัน ยามขัดสนจนมาสารพัน ผืนนั้นนุ่งซ้ำประจำกาย ครั้นได้อื่นผืนใหม่เข้ามาผลัด ก็เหยาะหยัดชัดกรุยทำฉุยฉาย เป็นสองผืนชื่นจิตคิดสบาย นุ่งห่มกรุยกรายทุกเวลา ก็เหมือนกันกับหมายไม่วายรัก ที่เก่าก่อนแล้วชักประเชิญหน้า ลงประเชิญแล้วก็เมินทุกเวลา ลงเป็นผ้าชุบอาบไม่เอื้อเฟื้อ แต่ชักชักฟาดฟาดจนขาดวิ่น จนเป็นชิ้นเช็ดใช้ไม่หลอเหลือ ถึงจะเย็บตะเข็บขาดไม่พาดเจือ ให้เป็นเนื้อเดิมได้ดังก่อนมา เหมือนหญิงชายว่าจะตายด้วยกันได้ จะเห็นใจฤๅไม่จางไปข้างหน้า ลิ้นกับฟันอยู่ด้วยกันเป็นอัตรา ลางเวลาก็กระทบกระทั่งกัน (หน้า 80) เมื่อตัดพ้อต่อว่าแล้ว นางพิมบอกกับพลายแก้วว่าตนมีใจให้พลายแก้วขอให้พลายแก้วจัดการ สู่ขอกับแม่ให้ถูกต้อง นางจะยินยอมพร้อมใจ เพราะหากแม่ยกนางให้เป็นคู่ครองของชายอื่นที่ นางไม่รัก นางจะไม่ยินยอมเด็ดขาด จะเอาตัวไปฆ่าฟันก็ไม่ว่า ดังนั้น ถ้านางศรีประจันยกให้พลายแก้ว นางพิมจะดีใจอย่างยิ่ง แต่การลักลอบเป็นชู้แบบนี้จะเป็นที่ติฉินนินทา นางพิมยังบอกพลายแก้วอีกว่า สะดวกวันไหนให้ไปสู่ขอเถิด วันนี้จวนค่ำมืดแล้ว บ่าวไพร่กลับจากเก็บฝ้ายมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่อง พูดจาอื้อฉาวให้อับอายเสียเปล่า ๆ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๘๙ พลายแก้วยังเว้าวอนต่อไปอีกว่า ถ้าไปสู่ขอแล้วแม่ไม่ให้จะต้องพลัดพรากจากนางไป นับวัน นางพิมก็จะลืม ถึงจะพบกันทีหลัง นางพิมคงจะไม่มีเยื่อใยเหมือนแต่ก่อน ดังนั้น ถ้าปลงใจว่ารัก พลายแก้วก็ขอให้มั่นคง เพราะพลายแก้วจะฝากหัวใจไว้กับนางเพียงผู้เดียว ที่นางพิมเปรียบเทียบว่า มนุษย์มีความโลภ แสวงหาของกินรสแปลก ๆ ไม่รู้เบื่อ แต่อย่างไรก็ต้องมีข้าวเป็นหลัก ส่วนที่เปรียบ ความรักกับผ้าเก่านั้น หากเป็นผ้ายกทองราคาแพงหายาก ถึงเก่าก็ต้องเอาใส่หีบไม้หอมถนอมไว้ อย่างดี เวลามีงานใหญ่สมเกียรติจึงจะหยิบออกมานุ่งห่ม ส่วนผ้าผืนอื่นที่ได้มาใหม่ เอาไว้ใส่นุ่งลากถู อย่างไรก็ได้ ว่าแล้วพลายแก้วทำจูบผ้าสไบ แล้วเอ่ยขอชมดูสักนิด นางพิมรีบปัดชายสไบ ทำเสียงดุว่าพลายแก้วลวนลามให้ได้อายอย่างนี้แปลว่าไม่ได้รักจริงหวัง แต่งงาน แล้วเตือนว่าอย่าใจเร็วด่วนใจ จะเหมือนรับประทานข้าวดิบยังแข็งกรุบอยู่ไม่อร่อย จากนั้นขู่ ว่าถ้าขืนขัดใจอีกไม่ต้องมีไมตรีต่อกัน พลายแก้วเห็นนางพิมทำเสียงขู่ก็ปลอบโยน แต่ฉวยชายสไบจนเลื่อนหลุด แล้วอุ้มนางขึ้นบน ตัก กอดรัดเล้าโลมนางพิมอยู่ไม่วางมือ นางพิมจึงใช้ไม้อ่อน พูดจาเว้าวอนให้พลายแก้วอดใจไม่รุกเร้า จนเลยเถิด อนิจจาว่าแล้วหาฟังไม่ จะฆ่าพิมเสียที่ไร่นี่แล้วฤๅ รักน้องกลางหนให้คนลือ อย่างนี้น้องไม่ถือว่ารักน้อง โดยชั่วถึงตัวมิได้แต่ง ก็จัดแจงน้องนี้มีหอห้อง พอควรการแล้วฉันจะปรองดอง มิให้ข้องขัดเคืองกระเดื่องใจ ตัวน้องมิใช่ของอันเคยขาย จะเรียงรายกลางหนหาควรไม่ พิเคราะห์ให้เหมาะก่อนเป็นไร กลับไปเถิดพ่อแก้วผู้แววตา อดข้าวดอกนะเจ้าชีวิตวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา นางก้มอยู่กับตักซบพักตรา เฝ้าวอนว่าไหว้พลางพ่อวางพิม ฯ (หน้า 82-83) พลายแก้วได้ฟังน้ำคำของนางพิมและเห็นน้ำตาของนางก็ใจอ่อนยอมปล่อยตัว โดยบอกว่าจะ หอบความรักจากนางไปอย่างทรมาน แต่จะไปหานางพิมที่บ้านในตอนค่ำ นัดแนะแล้วพลายแก้วก็ยัง กอดจูบลูบไล้นางพิมไปทั่วทั้งตัว พอดีได้เวลา พวกข้าไทที่ไปเก็บฝ้ายพากันเดินกลับมา ส่งเสียงร้องเพลงเจื้อยแจ้ว นางสายทองซึ่งคอยดูต้นทาง ร้องเอะอะให้สัญญาณนางพิม นางพิมจึงไหว้ขอให้พลายแก้วไปเสียก่อน จะมีคนเห็น เมื่อพลายแก้วหลบไปแล้ว นางพิมเดินออกมาสมทบกับนางสายทองและบ่าวไพร่ แล้วพา กันเดินกลับบ้าน พอตกค่ำ นางสายทองชวนนางพิมเข้าห้องนอน แล้วกระซิบสัพยอกนางพิมให้เล่าความ ที่เกิดขึ้นที่ไร่ฝ้าย นางพิมเล่าให้ฟังว่าถูกพลายแก้วลวนลามแค้นใจนักอยากเอามีดแทงตัวตาย แต่คิด เสียดายว่านางสายทองเลี้ยงดูมา พลายแก้วยังสั่งความอีกว่าจะมาหาคืนนี้ จึงปิดประตูหน้าต่างขัดลิ่ม ให้แน่นหนา หากมาจะเอามีดแทงเสียให้ตาย ว่าแล้วก็ไล่นางสายทองออกจากห้องนอน นางสายทอง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๙๐ รู้ที่ท่ามารยาของนางพิม ปลอบโยนว่าเป็นธรรมดาที่พลายแก้วกำลังหนุ่มแน่น มีความรักล้นอก ก็แสดงออกอย่างไม่อายฟ้าอายดิน ขอให้นางพิมอย่าคิดว่าเป็นเรื่องหยาบช้า เพราะพลายแก้วสัญญา ว่าจะแต่งงานด้วย พลายแก้วเป็นชายบริสุทธิ์ นางพิมเป็นสาวพรหมจรรย์ถูกเนื้อต้องตัวกันแล้วเป็นมลทินติดตัวก็ไม่ควรตัดรอน เพราะหาก ไปมีคู่ใหม่ เมื่อพบคู่รักเก่าแล้วจะทำหน้าอย่างไร แล้วนางสายทองก็ปลอบนางพิมให้นอนให้สบาย พลายแก้วไม่กล้ามาดอก พูดจบ นางสายทองก็กลับไปนอนที่ห้องของตัว เมื่อนางสายทองไปแล้ว นางพิมเปลี่ยนท่าที จากโกรธเกรี้ยวเป็นคร่ำครวญว่าเหตุใดพลายแก้วไม่มาหาตามที่สัญญาเอาไว้ ฝ่ายพลายแก้วคอยดู ฤกษ์ผานาที ได้เวลาสองยาม พระจันทร์ลอยเด่น ท้องฟ้ากระจ่าง ดวงดาวเป็นประกาย ดู หลาวเหล็ก ผีหลวงและสูรย์จันทร์ เห็นพร้อมดีทุกประการแล้ว ออกจากวัดตรงไปบ้านนางพิม พอไปถึง เสกข้าวสารสะกดให้คนในบ้านหลับสนิทและสะเดาะกลอนประตูให้เปิด กลิ้งครกมาต่อขา ปีนขึ้นเรือนได้อย่างเงียบกริบไร้สรรพเสียง พลายแก้วตรงเข้าห้องนอน นางพิมซึ่งตามไฟไว้สว่าง มองเห็นเชี่ยนหมาก ขัน พาน เครื่องแป้ง คันฉ่อง เครื่องทอง เครื่องนาก มากมายจัดไว้เป็นระเบียบงดงาม ถัดเข้าไปมีม่านกั้น ปักด้วยไหมและทองถมด้วยฝีมือของ นางพิมอย่างงดงาม เป็นเรื่องราวในวรรณคดีเรื่องศิลป์สุริยา ตอนพระศิลป์พลัดจากนางรัตนาตอนข้าม แม่น้ำใหญ่ นางรัตนาอุ้มพระโอรสท่องเที่ยวไปในป่าจนมาขออาศัยอยู่ที่อาศรมพระฤษีตอนพระฤษี ชุบสิงหราให้เป็นคน ตอนพี่น้องสองกุมารลาพระฤษีไปตามหาพ่อพักอาศัยบ้านตายาย และตอน พระศิลป์สุริยาตามหานางรัตนา ดังกวี พรรณนาไว้ น่ารักปักไหมเอาทองถม สวยสมฝีมือพิมงามกระจ่าง เป็นเรื่องศิลป์สุริยาเมื่อพานาง ข้ามแนวน้ำกว้างก็พลัดกัน รัตนานางอุ้มสิงหรัด ท่องเที่ยวแถวพนัสพนาสัณฑ์ ถึงศาลาดาบสทศธรรม์ อภิวันท์วอนว่าพระอาจารย์ อาศัยแล้วให้ชุบสิงหรา อำลาลุล่วงจากสถาน กับพี่น้องสองราชกุมาร มาอยู่บ้านตายายค่อยคลายใจ ปักพระศิลป์เธอเที่ยวแสวงหา จะพบนางรัตนาก็หาไม่ จนพลบค่ำย่ำแสงอโณทัย อาศัยสวนเจ้าท้าวกุตา (หน้า ๘๗) พลายแก้วรูดม่านเข้าไปในห้องชั้นใน เห็นนางพิมนอนอยู่ในมุ้ง เปิดมุ้งเห็นนางหลับสนิท ก็ได้ แต่ชื่นชมความงามของนางที่เห็นใกล้ชิดกระจ่างตา จากนั้นพลายแก้วแก้มนตร์สะกดปลุกให้นางตื่น เมื่อนางพิมตื่นเห็นหน้าพลายแก้วก็ต่อว่าด้วยมารยาหญิงว่า พลายแก้วลวนลามตั้งแต่อยู่ที่ไร่ยังไม่ สาแกใจ ตามมาข่มเหงถึงบนเรือน จนเนื้อตัวเป็นริ้วรอยไปทุกแห่ง พลายแก้วเข้ามากอดปลอบ ประโลมให้หายโกรธเคือง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๙๑ พี่ผิดพี่ก็มาลุแก่โทษ จงคลายโกรธแม่อย่าถือว่าหยาบหยาม พี่ชมโฉมโลมลูบด้วยใจงาม ทรามสวาทดิ้นไปไม่ไยดี รอยเล็บแม่จึงเจ็บด้วยจับต้อง ติดข้องเพราะเจ้าปัดสลัดพี่ ค้อนควักผลักพลิกแล้วหยิกตี ถ้อยทีถูกข่วนแต่ล้วนเล็บ ติดตามมาด้วยความพี่รักน้อง กลัวจะหมองต้องเนื้อเจ้าจะเจ็บ ไหนผืนผ้ามาพี่จะชุนเย็บ ที่ตะเข็บขาดไปจะให้ดี ขอพี่ดูชูมือมาสักหน่อย เจ็บน้อยฤๅมากกว่าแขนพี่ จับจูบลูบแผลที่ไหนมี เย้ายีหยอกยั่วให้ยวนใจ ฯ (หน้า ๘๘) จากนั้นพลายแก้วก็ออดอ้อนเล้าโลมจนได้นางพิมเป็นภรรยา หนุ่มสาวทั้งสองต่างพึงใจ ในเสน่หาซึ่งกันและกัน เฝ้าพูดจาด้วยคำหวานและแสดงความรักต่อกันจนกระทั่งรุ่งสาง พลายแก้ว จำต้องกลับไปวัด ก่อนที่คนในบ้านจะตื่น หนุ่มสาวทั้งสองจึงเอาแต่เฝ้าเวียนกอดจูบร่ำลากันหลายพัก หลายครากว่าจะตัดใจจากกันด้วยความอาลัยแทบหัวใจจะขาดรอนรอน หลังจากพลายแก้วสัญญาว่า จะมาหานางพิมทุกคืน


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๙๒ ใบงาน เรื่องขุนช้างขุนแผน ตอน พลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กิจกรรมเพื่อนคู่คิด (เสนอความคิด และแลกเปลี่ยนความคิด) ประเด็นที่ ๑ “หากนักเรียนเป็นนางพิมพิลาไลยจะปฏิบัติตนอย่างไร เมื่อพลายแก้วพูดจาแสดง ความรักด้วย โดยที่มีนางสายทองพยายามช่วยเป็นแม่สื่อให้” (ระบุเป็นข้อ) ในความคิดของฉัน ร่วมกันคิดกับเพื่อนด้านข้าง ๑ คน ได้ความว่า ... แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนคนอื่น ๆ ได้ ความว่า... สรุปความรู้ที่ได้ดังนี้ ตัวอย่าง แผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการวรรณคดีท้องถิ่นจังหวัดสุพรรณบุรี


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๙๓ ประเด็นที่ ๒ “นักเรียนคิดว่าการรักนวลสงวนตัวยังจำเป็นต่อผู้หญิงในปัจจุบันหรือไม่ ผู้หญิง ในปัจจุบันควรมีคุณสมบัติหรือการปฏิบัติอย่างไร จึงจะเหมาะสม” (ระบุเป็นข้อ) ในความคิดของฉัน ร่วมกันคิดกับเพื่อนด้านข้าง ๑ คน ได้ความว่า... แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนคนอื่น ๆ ได้ ความว่า... สรุปความรู้ที่ได้ดังนี้


Click to View FlipBook Version