The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วรรณคดีขุนช้างขุนแผน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 334 Nuttavadee, 2023-07-11 04:13:46

วรรณคดีขุนช้างขุนแผน

วรรณคดีขุนช้างขุนแผน

สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๙๔ ๏ ครานั้นจึงท่านขรัวตาจู พิเคราะห์จับยามดูหาช้าไม่ ยามสูรย์ยามจันทร์ก็มั่นใจ เห็นไม่เป็นไรก็ว่ามา ทักทายตามที่ยามตรีเนตร ใครบอกเหตุโกหกอย่าเชื่อหวา ผัวเองมีชัยได้พารา ข้าศึกเป็นจุณวิจุณไป ได้ทั้งพัสดุเงินทอง ข้าวของผู้คนเป็นไหนไหน หน่อยหนึ่งก็จะมาอย่าตกใจ เอ็งอย่าเชื่อใครใครไปวุ่นวาย ฯ ๏ ครานั้นวันทองกับสายทอง พี่น้องได้ฟังทุกข์โศกหาย เช็ดน้ำตาล่อยล่อยค่อยสบาย กราบลาผันผายมาบ้านพลัน ครั้นถึงก็ขึ้นบนเคหา สองราปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ บอกแก่แม่เถ้าศรีประจัน ตามท่านทายนั้นทุกสิ่งไป ฉันออกไปหาท่านขรัวปู่ ท่านดูว่าหาเป็นไรไม่ หม่อมแก้วตีทัพกลับมีชัย ได้ทั้งครอบครัวตัวจวนมา ฯ ๏ ครานั้นท่านยายศรีประจัน สั่นหัวว่ากูไม่เชื่อหวา ทายตามยามเล่ห์เวลา มันจะสู้ตาเห็นได้อย่างไร อวดว่าดูแน่อุแหม่ลูก ลางทีมันหาถูกสักนิดไม่ เอ็งอย่าพาซื่อเชื่อถือไป ก็พวกไพร่ติดคุกอยู่ทุกคน เขาจะเก็บเอาไปเป็นหม้ายหลวง จะกอดเข่าเหงาง่วงลงครางร่น ไม่มีใครติดตามด้วยความจน ผ่อนปรนเสียเถิดอย่ารำคาญ ออแก้วใช่แม่ไม่รักใคร่ มันบรรลัยไม่กลับมาถึงบ้าน ขุนช้างมันชั่วแต่กระบาน ถึงหัวล้านหัวเหลืองเครื่องในดี ฯ ๏ วันทองได้ฟังคำแม่ว่า ดังจะฆ่าตัวตายให้เป็นผี ทอดตัวร้องไห้ไม่สมประดี แม่ว่าอย่างนี้ก็จนใจ เห็นแต่เงินทองของเขา หมูหมาก็จะเอามายกให้ ขรัวปู่ทายมาว่าเชือนไป แม่ไม่เอ็นดูแก่วันทอง ถึงคนไม่อายก็อายผี อายุสิบหกปีมีผัวสอง ถึงจะขืนยกให้ไม่ปรองดอง ผัวของข้ายังไม่เป็นไร เมื่อมดหมอทักทายว่าไม่ถูก โพธิ์ปลูกเป็นสำคัญนั้นเป็นใหญ่ จะไปดูให้แน่แท้แก่ใจ ถ้าหม่อมบรรลัยก็โพธิ์ตาย ฯ ๏ ศรีประจันฮึดฮัดให้ขัดใจ อย่าว่ายืดยาวไปอีฉิบหาย มึงจะให้กูก้อยพลอยวุ่นวาย จะรักอยู่เป็นหม้ายฤๅอย่างไร ถึงต้นโพธิ์ต้นไทรจะไปสืบ มิใช่ทางแค่คืบกูหาไปไม่ แม้นว่ายั่งยืนขืนขัดใจ กูจะให้ขุนช้างเสียวันนี้ ฯ ๏ วันทองได้ฟังคำแม่ว่า ทอดตัวโศกาอยู่กับที่ แผดร้องก้องไปใช่พอดี ฆ่าตีเสียเถิดไม่น้อยใจ เอากำเนิดเกิดใหม่ในชาติหน้า หาปรารถนาเข้าท้องเลยอิกไม่ ร้อยกัปแสนกัลป์แต่นั้นไป แม่เชื้ออะไรเป็นเช่นนี้


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๙๕ เห็นแต่สินทรัพย์สัปดน จะเอาคนไปยกให้กับผี จงฆ่าเสียให้ตายวายชีวี ตีอกชกหัวทอดตัวไป มันจะมาเมื่อไรไอ้หัวเกลี้ยง กูจะเอาไม้เสี่ยงลงให้ได้ แปร้นแปรดแผดเสียงเปรี้ยงเปรี้ยงไป กูไม่อยู่แล้วให้เป็นคน ฯ ๏ ศรีประจันเต้นหรับจับไม้แร่ โคตรแม่มึงกูตีให้ปี้ป่น ขอดค่อนเจรจาว่าซุกซน ขึ้นบนหอพลันงกงันไป ตีต้องวันทองร้องกรีดกรีด เน้นนีดลงสีข้างผางใหญ่ ตะแคงพลิกหยิกซ้ำให้หนำใจ แกหวดป่ายด้วยไม้จนเป็นแนว วันทองไม่ร้องขอโทษตัว ผัวตายก็จะตายตามผัวแก้ว อ้ายขุนช้างผมดกนกเค้าแมว เชื้อแถวหัวเกลี้ยงไม่เลี้ยงกัน ฯ ๏ ศรีประจันหยิกเอาที่ฝีปาก อิว่ายากมึงจะลายตลอดสัน เขาเป็นเศรษฐีมั่งมีครัน เขาจะตบเอาฟันมึงออกกอง ลิ้นกระด้างคางแข็งแกล้งว่าขาน หยาบช้าสามานย์อีจองหอง ได้ขุนช้างไว้เหมือนขุมทอง ร้องไปตีไปให้หลังพัง ฯ ๏ วันทองร้องไห้ไม่วายเถียง ตีลงส่งเสียงให้คลุ้มคลั่ง ที่จะตีให้หยุดสุดกำลัง แม่ไม่ฟังแล้วไม่ฟังกัน ต้นโพธิ์ปลูกไว้ไม่ไปดู ข้าจะอยู่ทำไมที่ไหนนั่น พรุ่งนี้พอแจ้งแสงตะวัน ตัวฉันจะลาแม่บรรลัย ฯ ๏ ศรีประจันได้ฟังวันทองว่า นึกสงสารขึ้นมาไม่ตีได้ กลัวจะผูกคอตายวุ่นวายไป อย่าร้องไห้ไปเลยนะลูกอา เจ้าจะไปดูโพธิ์ก็ตามใจ พรุ่งนี้จึงไปฟังแม่ว่า แม่ได้อุ้มท้องวันทองมา จะขืนขัดลูกยาไม่ต้องการ วันทองได้ฟังคำแม่ว่า เสียแรงมารดาเลี้ยงดูฉาน ถึงแม้นพ่อแก้วตายวายปราณ จะขืนให้ไอ้หัวล้านไม่ยอมใจ เมื่อปากมันมีแต่ขี้ฟัน ลูกจะนอนกับมันอย่างไรได้ เหมือนเอาตัวไปขว้างเสียกลางไพร แม่ไม่รักลูกแล้วฤๅนา ศรีประจันปลอบลูกให้ถูกใจ แม่มิอยากยกให้อย่าพักว่า แม่รักลูกแก้วดังแววตา จะขืนใจลูกยาไปทำไม ดึกดื่นอยู่แล้วแก้วแม่อา ฟังคำแม่ว่าอย่าร้องไห้ แกนอนกับวันทองที่ห้องใน ครั้นจะไปกลัวลูกผูกคอตาย ฯ ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนช้าง ความสมัครรักนางไม่เหือดหาย อยู่บ้านรำคาญใจไม่สบาย ลอบมาบ้านท่านยายศรีประจัน ได้ยินเสียงอึงคะนึงห้อง แกตีวันทองร้องสนั่น แล้วกลับยินยอมพร้อมใจกัน จะไปดูโพธิ์สำคัญที่มั่นใจ ขุนช้างฟังสังเกตตำแหน่งที่ แล้วรีบรี่กลับมาหาช้าไม่ ครั้นถึงบ้านเรียกหาพวกข้าไท สั่งให้ไปผูกเอาช้างมา


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๙๖ ขุนช้างวางขึ้นบนหลังช้าง จอบเสียมเตรียมวางมาหนักหนา รีบรัดตัดมุ่งข้ามทุ่งนา พอรุ่งถึงท่าบางลางพลัน ปลงช้างดูทางสังเกตได้ ก็รีบข้ามน้ำไปขมีขมัน พบโพธิ์ปลูกเรียงไว้เคียงกัน ใบนั้นเขียวพุ่มชอุ่มตา จับต้นกลางกระโชกโยกให้หนัก เดชะอารักษ์เขารักษา ด้วยพลายแก้วตั้งสัตย์ปฏิญา กันจอบเสียมมีดพร้าให้ผิดไป แต่ว่าต้นโพธิ์ยังอ่อนนัก โยกหนักใบหล่นไม่ทนได้ ใบหดเหี่ยวหยองดังต้องไฟ ขุนช้างกับบ่าวไพร่ก็กลับมา ฯ ๏ ครั้นรุ่งสว่างกระจ่างแสง สุริยาแจ่มแจ้งพระเวหา นวลนางวันทองผ่องโสภา วอนเตือนมารดาด้วยทันใด ยายศรีประจันร้องเรียกข้า เร็วเร็วเข้าหวาอย่าช้าได้ ดูข้าวปลาหมากพลูกูจะไป เรือแพอยู่ไหนไปถอยมา เฮ้ยพวกผู้ชายออกพายหัว แต่งตัวไวไวไอ้ชาติข้า แกลุกขึ้นเหน็บรั้งตั้งจังกา ด่าฉกโคตรแม่ออกแซ่ไป วันทองกับยายศรีประจัน ลงเรือพร้อมกันหาช้าไม่ ออกเรือเถิดหวาช้าอยู่ไย ข้าไทออกเรือพายเฝือมา ตุ๋มติ๋มก้าวก่ายพายตามเพลง โคลงเคลงเถียงกันอย่างไรหวา ยกพายไม่ทันหันมาว่า ฟ้าผ่าเถิดเอ๋ยเคยขี่ควาย แต่กระดิกพลิกขาก็รู้กัน ไปข้างนี้ข้างนั้นได้ง่ายง่าย พายเรือเบื่อใจเป็นจะตาย ถ่อพายไม่ถนัดผลัดไปมา ศรีประจันร้องด่านัยน์ตาชัน พายไม่พร้อมกันอ้ายชาติข้า ดีแต่จะโว้เว้เฮฮา กูปาลงด้วยถ่อให้คอพับ ประเดี๋ยวเบาประเดี๋ยวหนักขยักขย่อน โคลงเคลงจะนอนก็ไม่หลับ เถียงกันออกแซ่อีแม่ยับ แกจับไม้ใส่เปรี้ยงเถียงกันไป รีบเร่งตะเบ็งมาคืนกับวัน ถึงบางลางพลันหาช้าไม่ วาดเรือเข้าจอดทอดไว้ ข้าไทอาบน้ำดำอื้ออึง ฯ ๏ วันทองไปถึงไม่อาบน้ำ ขึ้นบกเดินรํ่าไปจนถึง เห็นใบโพธิ์ตกตีอกตึง ร้องอึงหวีดวิ่งไปเร็วไว ล้มราบกราบลงกับต้นโพธิ์ โอ้พ่อพลายตายแล้วไม่มาได้ เมียเห็นเที่ยงแท้แน่แก่ใจ โพธิ์ใบเหี่ยวสลดลงหลากตา ใต้ต้นหล่นลงยังสดสด เห็นปรากฏเที่ยงแท้แน่หนักหนา แน่แล้วพ่อแก้วมรณา เวราสิ่งไรมาตามทัน เขาบอกข่าวให้ยังไม่เชื่อ ทีนี้เหลือยั้งจิตรคิดอดกลั้น พ่อไม่ได้กลับมาเห็นหน้ากัน นับวันแต่จะช้ำระกำใจ เมียมีศัตรูอยู่รอบข้าง อ้ายขุนช้างแลเป็นศัตรูใหญ่ ถ้าแม้นพ่ออยู่ดีไม่มีภัย จะคุ้มครองน้องได้สารพัน


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๙๗ ถึงศัตรูคิดร้ายไม่หน่ายแหนง ดังกำแพงเพชรเจ็ดชั้นกั้น ทีนี้จะได้ใครป้องกัน แม่ศรีประจันเหมือนหลักปักขี้ควาย แต่ยังไม่รู้เห็นเลยสักอย่าง ยังยกให้ไอ้ขุนช้างเสียง่ายง่าย ชีวิตเมียไม่รอดเห็นวอดวาย พ่อตายคนเดียวเมียเปลี่ยวใจ อยู่ไปไอ้ขุนช้างจะเพียรขอ เมียจะตายตามพ่อหาอยู่ไม่ ร้องไห้จนซบสลบไป ยังแต่หัวใจอยู่ริกริก ล้มลงตรงใต้ต้นโพธิ์กลาง ปิ้มจะตายกายนางไม่กระดิก นานนานถอนใจเหงื่อไหลซิก แน่นิ่งอยู่ไม่พลิกซึ่งกายา ฯ ๏ ครานั้นท่านยายศรีประจัน ลูกสาวไปนานครันคอยหนักหนา คิดคิดผิดใจไม่เห็นมา ไม่รู้ว่าจะเป็นประการใด กลัวจะผูกคอล้มก้มคอตาย แกวุ่นวายตามมาหาช้าไม่ เห็นลูกนอนซบสลบไป ตกใจเข้ากอดเอาวันทอง เห็นนางแน่นิ่งไม่ติงกาย ใจคอแกหายร้องเรียกก้อง น้ำตาอาบหน้าอยู่ฟูมฟอง กอดลูกร้องไห้อกใจตัน วันทองเอ๋ยแม่วันทองเอ๋ย ไม่อออือออกมาเลยเรียกตัวสั่น อีเด็กเร็วหวามาช่วยกัน ข้าไททั้งนั้นก็วิ่งมา บ้างเข้าหนุนหลังบางร้องไห้ นวดคลำขยำไปบีบสองขา กดหว่างคิ้วไว้ให้ลืมตา ศรีประจันร้องว่าแต่เบาเบา ที่ขาตะไกรไยไม่ต้อง มือถือมะกรูดจ้องอยู่เปล่าเปล่า เต็มทีหนักหนาหวาชาวเรา กัดหัวแม่ตีนเข้าอือออกมา ศรีประจันเข้าปลอบหอบลงเรือ อ้ายเดื่อคํ้าพายออกจากท่า วันทองฟื้นตัวยังมัวตา โศกาครวญคร่ำมาตามคลอง โอ้พ่อร่วมห้องของเมียเอ๋ย ไม่ควรเลยที่จะพรากไปจากห้อง ตัวตายหายเสียงอยู่เชียงทอง ตัวของน้องนี้ก็คงตาย อาภัพเกิดมาชะตาชั่ว มีผัวประเดี๋ยวหนึ่งก็เป็นหม้าย จะเอามีดกรีดคอตามพ่อพลาย หมายเกิดชาติใหม่ได้พบกัน โอ้พ่อเจ้าประคุณของวันทอง พ่อทิ้งเรือนทิ้งห้องไปสู่สวรรค์ ทิ้งเมียเสียรักทุกสิ่งอัน แต่เปลวไฟก็ไม่ทันจะพาดตา ถึงกะไรได้ฟืนแต่สักดุ้น พอแทนคุณพ่อพลายก็ไม่ว่า เห็นแต่กระดูกใส่หม้อใหม่มา เมียเห็นเวทนาเป็นพ้นไป ครั้นจะว่ามิใช่ก็ใจกริ่ง จะสำคัญว่าจริงก็ไม่ได้ เพราะอ้ายขุนช้างมันจัญไร ถ้าคนอื่นเอามาให้จะเชื่อกัน โอ้ว่าอนิจจาวันทองเอ๋ย กะไรเลยวิบากจริงทุกสิ่งสรรพ์ เกิดมาอาภัพสารพัน แต่ยังน้อยน้อยนั้นก็พ่อตาย อยู่มากับแม่จนมีเรือน ไม่ล่วงวันทันเดือนก็เป็นหม้าย จะอยู่เป็นคนไม่พ้นอาย อ้ายฉิบหายรบกวนจนป่วนไป


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๙๘ ผัวตายทางไกลไม่ไปถึง เมียหามีที่พึ่งแห่งไรไม่ สุดจิตรที่จะคิดประการใด เหลืออาลัยเมียแล้วพ่อแก้วตา ฯ ๏ ศรีประจันสงสารรำคาญใจ น้ำตาหลั่งไหลลงอาบหน้า กอดวันทองร้องไห้ในนาวา โอ้ว่าพ่อพลายมาตายไป เลยร้องไห้ใหลเล่อเพ้อรำพัน ถึงผัวขวัญของแกที่ตักษัย เมียเคยปรนนิบัติไม่ขัดใจ รบกินไก่ต้มปลาร้าไม่ราวัน เมียจะตายตามผัวกลัวผีหลอก กลัวหายใจไม่ออกเมื่ออาสัญ จะโจนน้ำให้ตายไปตามกัน ก็กลัวจระเข้มันจะคาบไป เมียจะเชือดคอตายเสียหลายครั้ง แต่รอรั้งกลัวเจ็บไม่เชือดได้ จะผูกคอหาเชือกมาเตรียมไว้ เชือกก็ใหญ่กลัวจะรัดมัดต้นคอ โอ้พ่อออพิมของเมียแก้ว ตายแล้วกลัวจะไปไม่พบพ่อ จึงคิดแล้วคิดเล่าเฝ้ารีรอ กะไรพออยู่ไปให้ชรา แล้วแกกลับหวนระลึกนึกขึ้นได้ ออพลายแก้วแววไวตายแล้วหวา นี่จะทำอย่างไรเล่าอกอา อนิจจาออพลายมาตายไป วันทองฟังแม่เพ้อละเมอว่า ยิ่งโศกาสะอึกสะอื้นไห้ ศรีประจันงันงกตีอกใจ แกเผลอไผลรำพันด้วยฟั่นเฟือน คิดคิดขึ้นมาน่าแค้นใจ หัวอกใครเช่นนี้ไม่มีเหมือน เขาเลี้ยงกันแก่เถ้ากับเหย้าเรือน เพื่อนทุกข์เพื่อนยากไม่จากกัน นี่เนื้อแท้ว่ากรรมมาทำเข็ญ เพอิญเป็นให้วิโยคโศกศัลย์ มาอยู่กับวันทองได้สองวัน ยังไม่ทันจะรู้ว่าอย่างไร มีศึกเชียงทองต้องไปทัพ แม่ยังรับถ้อยคำจำไว้ได้ ออกปากฝากพิมพิลาไลย ด้วยเจ้าหมายใจจะกลับมา นางพิมร้องไห้พิไรรํ่า ศรีประจันบ่นพรํ่ารำพันว่า ทั้งแม่ลูกฟูมฟองนองนํ้าตา จนเรือจอดทอดท่ายังอาลัย ฯ ๏ ครานั้นจึงโฉมนางสายทอง อยู่ในห้องได้ยินเสียงร้องไห้ เปิดหน้าต่างเห็นเรือจอดบันได วิ่งลงไปหาน้องด้วยทันที วันทองร้องบอกกับสายทอง หัวน้องขาดเด็ดจริงแล้วพี่ โพธิ์กลางบางใบแทบไม่มี สองต้นยังดีประจักษ์ตา สายทองฟังน้องก็ตกใจ กลิ้งเกลือกเสือกไปไม่เงยหน้า พี่น้องร้องไห้กันสองรา อยู่ในนาวาจนรอนรอน สายทองปลอบว่าอย่าร้องไห้ แม่เอ๋ยขึ้นไปบนเรือนก่อน สายทองประคองเข้าห้องนอน ว่าวอนพูดจาด้วยอาลัย สายทองว่าพี่นี้มั่นหมาย ว่าหม่อมแก้วยังหาตายจริงๆ ไม่ ขรัวจูดูแจ้งไม่แคลงใจ ดูทีไรไม่ผิดแต่สักที เมื่อครั้งวันทองน้องเป็นไข้ ถ้าไม่ได้ขรัวจูก็เป็นผี ผลัดชื่อเสียใหม่สบายดี วานซืนนี้เธอยังว่าไม่เป็นไร


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๙๙ ซึ่งต้นโพธิ์กลางนั้นใบร่วง เห็นจะเป็นคนลวงหาเชื่อไม่ พี่กริ่งว่าขุนช้างทำจัญไร อ้ายหัวใสมันเอาหม้อกระดูกมา สอพลอขอแม่แม่ให้ปัน วันนั้นเราด่ามันหนักหนา เถียงกันอึงบ้านกับมารดา วอนว่าจะไปดูโพธิ์สำคัญ รุ่งขึ้นอ้ายจัญไรไม่เห็นตัว อ้ายชาติชั่วทำโพธิ์เป็นแม่นมั่น วันนี้เมื่อเย็นพี่เห็นมัน มาแอบอยู่ด้วยกันทั้งบ่าวนาย จงสงบความไว้ก่อนเถิดแม่ เห็นแน่เหมือนจิตรพี่คิดหมาย มาดแม้นหม่อมแก้วเธอล้มตาย ลางร้ายก็จะมีสักสิ่งอัน วันทองว่าพี่ว่าก็เห็นจริง แต่คิดกริ่งใจน้องยังนึกพรั่น คิดคิดยิ่งวิตกอกใจตัน สะอื้นอั้นจนหลับกับที่นอน ฯ ๏ ครั้นรุ่งขึ้นขาวรอบขอบฟ้า สกุณากู่ก้องร้องสลอน วันทองตื่นตาก็อาวรณ์ ปรับทุกข์ปรับร้อนกับสายทอง ถึงหม่อมแก้วตายจริงฤๅหาไม่ จะอาลัยอะไรกับข้าวของ แต่ผัวรักยังไม่ได้ครอบครอง น้องนึกจะอุทิศทำบุญไป มาดแม้นหม่อมแก้วรอดกลับมา ข้าวของก็คงหามาได้ใหม่ จะเอาของหม่อมแก้วแววไว ทำบุญส่งไปให้หมดตัว วันนี้จะไปวัดป่าเลไลย ทั้งจะได่ไล่เลียงกับท่านขรัว หมากพลูยังมีที่ในชั้ว ทูนหัวช่วยพาให้ข้าไป ว่าแล้วไปหาศรีประจัน รำพันบอกความสะอื้นไห้ บัดนี้ผัวลูกก็บรรลัย จะลาแม่ออกไปยังวัดพลัน ผ้าผ่อนของหล่อนที่เหลือไว้ เอาทำบุญส่งไปให้ผัวฉัน เงินทองเสื้อผ้าสารพัน ศรีประจันว่าไปเถิดแม่ไป การบุญสุนธรรม์แม่ไม่ว่า เจตนากรวดน้ำส่งไปให้ ของผีของสางเอาไว้ไย ถมไปเงินทองของขุนช้าง วันทองฟังว่าก็ขัดใจ สะบัดหน้าลุกไปจากหอขวาง เข้าห้องจัดของออกกองวาง พลางเรียกข้าคนให้ขนไป ครั้นแล้ววันทองกับสายทอง พี่น้องเดินมาหาช้าไม่ ครู่หนึ่งถึงวัดป่าเลไลย ขึ้นบันไดไปหาท่านอาจารย์ ขรัวจูแลดูเห็นวันทอง เอ๊ะอะไรขนของอลหม่าน ร้องไห้ร้องห่มออกซมซาน ที่บ้านใครเขาว่าเป็นอย่างไร ฯ ๏ ครานั้นวันทองกับสายทอง พี่น้องยกมือขึ้นกราบไหว้ ฉันดูโพธิ์ที่พิษฐานไว้ ใบร่วงหล่นไปประหลาดตา ครั้นจะว่าหม่อมแก้วไม่บรรลัย ก็กริ่งใจเห็นผิดอยู่หนักหนา ข้าวของทั้งนี้ที่เอามา หมายว่าจะอุทิศทำบุญไป มาดแม้นผัวฉันรอดตลอดมา ข้าวของคงจะหามาได้ใหม่ แต่ล้วนของหม่อมแก้วแววไว ทำบุญส่งให้จนสิ้นตัว ฯ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๐๐ ๏ ขรัวจูได้ฟังหัวเราะร่า จริงฤๅหวาเองคิดมิใช่ชั่ว ทำบุญส่งไปอย่าได้กลัว ช่วยผัวให้มาจงไวไว ว่าแล้วหยิบผ้าที่อย่างดี ห่อคัมภีร์ห่มพระทรงเครื่องให้ ผ้าผืนอัตลัดตัดธงไป เงินทองเอาไว้จะสร้างพระ แล้วแกจึงว่ากับวันทอง ของเอ็งโมทนาเอาเถิดหนะ พิษฐานให้ผัวมาเร็ววะ ขอให้ได้ปะกันพรุ่งนี้ วันทองหัวเราะทั้งน้ำตา เจ้าคุณขาว่ากะไรเมื่อตะกี้ ถ้าผัวฉันไม่ม้วยชีวี จะบนปลูกกุฎีถวายวัด จริงจริงฤๅหวาว่าให้แน่ กูจะแก้มาให้ไม่เคืองขัด ในเดือนนี้มิมาถ้าผิดนัด จงเอาไฟเผาวัดกูจริงจริง ฯ ๏ ครานั้นวันทองกับสายทอง พี่น้องได้ฟังขรัวทุกสิ่ง ท้าทายพนันมั่นคงจริง ค่อยสบายหายกริ่งบรรเทาทุกข์ ทั้งพวกข้าไทที่ตามมา ได้ฟังขรัวว่าก็เป็นสุข ค่อยเสื่อมสร่างโศกเศร้าบรรเทาทุกข์ พี่น้องลาลุกครรไลมา ครั้นมาถึงเรือนเข้าหาแม่ ข้าไทเซ็งแซ่อยู่พร้อมหน้า เล่าตามถ้อยคำท่านขรัวตา ศรีประจันร้องว่าไม่เชื่อใคร ขรัวตาแกเห็นกับสินบน ข้าวของเอ็งขนเอาไปให้ สอพลอพูดพอให้ชอบใจ กูไม่เชื่อใครใครสักนิดเลย ฯ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๐๑ บทถอดความร้อยกรอง เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน นางพิมเปลี่ยนชื่อวันทอง ขุนช้างลวงว่าพลายแก้วตาย กล่าวถึงนางพิมพิลาไลย เฝ้าคิดถึงพลายแก้ว ไม่เคยนอนหลับสนิทสักคืน มีอาการป่วย เพ้อคลั่งเป็นพัก ๆ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวเดินละเมอจากห้อง พูดจาเพ้อ ๆ เหมือนผีเข้า นางสายทองคอยดูแลปลอบโยน นางพิมก็ไม่รับฟัง เอาแต่รำพันว่าพลายแก้วจะกลับมา ไม่ทันดูใจเมียเสียแล้ว นางศรีประจันเห็นลูกสาวซูบ เศร้า คลุ้มคลั่ง ตามหมอมารักษากี่คนก็บอกอาการไข้ ไปต่าง ๆ นานา แต่ก็รักษาไม่หายสักหมอ ในที่สุดนางศรีประจันด่าว่าไล่หมอออกจากเรือนไปหมด เพราะเปลืองหมากเปลืองพลู กินเงินค่ารักษาไปมากมาย ลูกสาวก็ยังป่วยไข้อยู่เหมือนเดิม นางพิม บอกแม่ว่าอย่ารักษาเลยไม่หายดอก จะหายได้ก็ต่อได้เห็นหน้าพลายแก้ว ว่าแล้วก็ร้องไห้กอด นางสายทอง นางศรีประจันเห็นลูกอาการหนักเช่นนั้น คิดถึงหลวงตาวัดป่าเลไลยก์ขึ้นมาได้ ไปขอ ความช่วยเหลือให้ช่วยตรวจดวงชะตาราศีว่าเหตุใดจึงวิปริตดังผีเข้า รักษาเท่าไรไม่หาย หลวงตาจูดู ดวงแล้วบอกว่านางพิมเคราะห์ร้ายตกที่นั่งนางสีดาถูกทศกัณฑ์ลักพาไป ถึงไม่จากสามี ตัวก็จะต้อง ตาย แต่พอยักย้ายแก้เคราะห์ได้ ด้วยการเปลี่ยนชื่อเสีย ว่าแล้วหลวงตาก็ตั้งชื่อให้ใหม่ว่าวันทอง แล้ว อวยชัยให้พรให้มั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยเงินทอง โรคภัยไข้เจ็บหายไป นางศรีประจันดีใจยิ่งว่าลูกสาวไม่ตายแล้วกลับถึงบ้าน จัดพิธีรับขวัญผูกข้อมือ แล้ว เปลี่ยนชื่อเป็นนางวันทอง ในเวลาต่อมานางวันทองจึงกินข้าวกินปลาได้ นอนหลับไม่ละเมอเพ้อฝันอีก แล้วนางศรีประจันค่อยสบายใจที่ลูกสาวอ้วนท้วนขึ้นทุกวัน ฝ่ายขุนช้าง พอได้ข่าวว่านางวันทองหายไข้ พลายแก้วไปทัพแล้วก็หายไป ไม่ได้ข่าว ทั้งร้ายและดี แต่ขุนช้างเชื่อว่าพลายแก้วต้องตายในการรบจึงคิดขอนางวันทองมาเป็นเมียไว้ก่อน โดย จะหลอกนางศรีประจันว่าพลายตายแล้ว คิดแล้วสั่งบ่าวไพรรีบไปตามยายกลอย ยายสาย ให้เป็น เถ้าแก่ไปสู่ขอนางวันทองให้ เพราะพลายแก้วตายเสียในศึกเชียงใหม่ ไม่มีใครเหลือรอดกลับมาได้เลย ตอนนี้นางพิมเปลี่ยนชื่อเป็นนางวันทอง และหมอดูทายว่าจะได้ครองทรัพย์สินมหาศาล ยายกลอย ยายสาย ไม่รู้อุบายที่ขุนช้างหลอก หวังแต่จะได้เงินทองเป็นค่าจ้าง รีบ กลับมาอาบน้ำแต่งตัว ฝ่ายขุนช้างเลือกบ่าวที่ไว้ใจได้มาสั่งธุระให้ไปเก็บกระดูกผีในป่าช้าใส่หม้อใหม่ มาโดยเร็ว พอได้หม้อกระดูกผีขุนช้างก็แต่งตัวงดงาม ให้บ่าวถือหม้อกระดูก เดินตามไปพร้อมกับยาย เฒ่าแก่สองคนตรงไปบ้านนางศรีประจัน เมื่อนางศรีประจันถามว่ามีธุระเรื่องอะไรกันจึงมาหาถึงบ้าน ขุนช้างทำเป็นร้องไห้ครวญคราง ยื่นหม้อใส่กระดูกให้ตรงหน้า บอกว่าเป็นกระดูกพลายแก้ว ถูกพวกลาวเชียงใหม่แทงตาย เพราะเจ้าเชียงทองสองใจเข้าพวกกับเชียงใหม่ แล้วทำมาเป็น พวกพลายแก้ว พอตกกลางคืนหยุดทัพหลับนอน เจ้าเชียงทองย่องมาแทงจนพลายแก้วสิ้นใจ พวกไพร่ พลที่เดินทางมาถึงกรุงศรีอยุธยาหลายคนติดคุก ทหารคนหนึ่งชื่ออ้ายมากฝากหม้อกระดูกมาให้ ว่า แล้วขุนช้างก็รำพันเสียใจที่พลายแก้วไม่น่าอาสาไปตาย ทิ้งให้นางวันทองเป็นหม้ายเสียแต่ยังสาว นางศรีประจันได้ฟังคำขุนช้างก็เชื่อสนิทรีบส่งเสียงร้องเรียกนางวันทองลั่นบ้านให้มาฟัง เรื่อง นางวันทองอยู่ในห้องได้ยินเสียงขุนช้าง และได้ยินแม่ร้องไห้ก็ออกมา พอเห็นขุนช้างก็โกรธ ด่า


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๐๒ ขุนช้างว่าแกล้งใส่ร้าย แล้วเข้าห้องนอนร้องไห้เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี นางศรีประจันขอโทษขอโพย ขุนข้างว่าอย่าถือสาหาความนางพิมเพราะตั้งแต่เป็นไข้สันนิบาตมาแล้วอารมณ์ร้ายชอบด่าทอ เอ็ดตะโร ยายกลอย ยายสายเห็นได้ทีรีบกระซิบว่า ตามกฎหมายใครอาสาไปทัพ ถ้าตายในระหว่าง ทำศึก ลูกเมียจะถูกจับเป็นหม้ายหลวงไพร่พล ที่แตกแพ้มาจะถูกจับขังคุกหมด ถ้านางวันทองต้องเป็น หม้ายหลวงจะลำบากยากเย็นน่าเป็นห่วงมาก ควรจะยักย้ายถ่ายเทให้แต่งงานใหม่กับขุนช้างเสีย ขุนช้างจะได้เอาเงินไปช่วยแก้ไขไกล่เกลี่ยไม่ให้เกิดเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา นางศรีประจันได้ฟังแล้ว กลัวตัวสั่นงันงก คิดว่านางวันทองเป็นหม้ายผัวตายไม่มีที่พึ่ง ถ้า แต่งงานกับขุนช้างผู้มั่งมีจะได้พึ่งพาต่อไปในวันข้างหน้า แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าพลายแก้วตายแล้ว เกิดยังไม่ตายเบื้องหน้าจะมีเรื่องกันยุ่งใหญ่ ยายกลอย ยายสายรีบรับรองว่าพลายแก้วตายแน่แล้ว ไพร่พลก็ติดคุกอยู่ แต่ถ้า พลายแก้วรอดกลับมา ก็ไม่เห็นเป็นไร นางศรีประจันไม่ได้รู้เห็นด้วย หลวงก็มาปรับไหมเอาจากเถ้าแก่ เท่านั้น รีบตกลงให้แต่งงานปลายเดือนนี้เถิด ชักช้าจะมีภัย นางทองประศรีรับปากตกลง นางวันทองอยู่ในห้อง ได้ยินเขาตกลงเรื่องของตนกันง่าย ๆ แค้นใจลุกออกมาด่าข้าทาส บริวารกระทบไปถึงขุนช้างและเถ้าแก่ว่า วันทองชี้หน้าด่าประจาน แม่มึงอ้ายหัวล้านหาดีไม่ จะรู้สึกสำนึกบ้างเป็นไร เป็นบ่าวไพร่บ้านช่องไม่นำพา ดีแต่เที่ยวโกหกพกลม มันน่าตบให้ล้มจมขี้หมา ให้หมาฝูงถนัดพลัดเข้ามา มึงหลับตาเฝ้าประตูไม่ดูแล มันมาเที่ยวเยี่ยวขี้มีแต่เปื้อน อ้ายขี้เรื้อนเห่าระเบ็งเซ็งแซ่ อีตัวเมียก็บอนหอนแงแง ปล่อยโคตรแม่มึงไว้ให้อึงคะนึง ฯ (หน้า ๒๑๗) ยายกลอย ยายสายได้ยินนางวันทองด่า ทนฟังไม่ไหว นั่งหน้าบึ้ง แต่ขุนช้างทำไขสือ ไม่ได้ยิน แล้วชวนกันกลับ นางศรีประจันกำชับว่าอย่าลืมมาตามสัญญา นางวันทองก็ร้องด่าขี้ข้าต่อไป อีกเรื่อย ๆ ว่า งานการเช้าค่ำไม่นำพา เสียงเฮฮาที่ไหนไปนั่งพูด ลิ้นลมมึงดีอีขี้ข้า หัวหูดังกะลามะพร้าวขูด ชาติอีโกหกนกทิ้งทูด อีผักกูดต้มกะทิอุตริดี (หน้า ๒๑๗) ยายกลอย ยายสายรีบออกจากบ้าน ต่อว่าขุนช้างว่าไม่มาอีกแล้ว ให้เงินให้ทองเท่าไร ก็ไม่เอา ถูกนางวันทองขุดโคตรด่าไม่คุ้มกัน ขุนช้างปลอบนางเถ้าแก่ แล้วว่านางวันทองพูดเป็นปริศนา ให้เชิญนางเทพทองมาสู่ขอจะได้เป็นเมียไม่ต้องเสียใจ ผู้หญิงอย่างนางวันทองหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว พอขุนข้างและบริวารกลับไปแล้ว นางวันทองอยู่ในห้องคนเดียว ร้องไห้คร่ำครวญ ถึงพลายแก้ว ตัดพ้อว่าตายจริงหรือ ทำไมไม่ได้ฝันร้ายหรือมีลางร้ายให้รู้กันเลย พวกบ่าวไพร่ที่ไปด้วย ก็ไม่เห็นกลับมา คงจะเป็นอย่างเขาว่านายตายไพร่ติดคุก อยุธยาอยู่ไกลเหลือเกิน เกิดมาไม่เคยไป ไม่รู้


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๐๓ จะไปตามหาที่ไหน นางวันทองนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนพลายแก้วไปทัพ ได้ปลูกโพธิ์เสี่ยงทายไว้ด้วยกันที่ คลองบางลางพร้อมกับอธิษฐานว่า ถ้าพลายแก้วตาย ต้นโพธิ์ต้องตายไปด้วย คิดแล้วนางแค้นใจที่แม่ ไม่ยอมสืบสาวราวเรื่องดูให้รู้แน่ก่อน ยอมหลงเชื่อคำหลอกลวงของขุนช้างเอาง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่ พลายแก้วสั่งแล้วสั่งอีกด้วยความห่วงใย ตนเองมีบาปกรรมเหลือเกิน แต่งงานเข้าหอเพียงสองสามวัน ต้องพรากจากสามีเสียแล้ว พอเห็นนางสายทองเข้าห้องมา นางวันทองกอดนางสายทองร้องไห้บอกว่า จะขอลาตาย นางสายทองปลอบโยนน้อง เห็นว่าเป็นเล่ห์กลของขุนช้างที่พยายามเอานางวันทอง เป็นเมียให้ได้ ทั้งสองปรับทุกข์กันว่าจะทำอย่างไรดี ในที่สุดนางสายทองชวนนางวันทองไปหาหลวงตา วัดป่าเลไลยก์ เพราะตอนนี้นางทองประศรีหลับอยู่ เมื่อจัดหาหมากพลูแล้วทั้งสองก็ย่องลงจากเรือน ไปหาหลวงตาที่วัด พอประเคนหมากพลูแล้ว นางวันทองบอกหลวงตาด้วยความร้อนใจว่า พลายแก้ว ไปทัพยังไม่กลับมีข่าวร้ายมาว่าตายแล้วจะจริงหรือไม่ ให้หลวงตาช่วยตรวจดวงชะตาดู หลวงตาจูจับ ยามดูแล้ว บอกว่าพลายแก้วไม่เป็นอันตราย มีชัยชนะในการศึก ได้ข้าวของผู้คนจำนวนมากมาย สักพักหนึ่งก็จะกลับมาอย่าตกใจ คนบอกข่าวร้ายโกหก อย่าไปหลงเชื่อ นางวันทองกับนางสายทองฟังแล้วก็โล่งใจหายทุกข์ กลับบ้านไปบอกนางศรีประจัน ด้วยความดีใจ นางศรีประจันไม่เชื่อบอกว่าจับยามดูจะสู้ตาเห็นได้อย่างไร อย่าเชื่อถือไปเลย ถูกริบ เป็นหม้ายหลวงก็จะลำบาก ไม่มีใครติดตามไปช่วยได้ ให้แต่งงานกับขุนช้างเสีย นางวันทองฟังแม่ว่า แล้วอยากจะฆ่าตัวตายไปให้พ้น ทอดตัวร้องไห้ไม่เป็นสมประดี แล้วต่อว่าแม่ว่าอยากได้เงินทอง ของเขา ใครมาขอก็ยกให้ทั้งนั้น ขนาดหลวงตาทำนายดวงชะตายังไม่ยอมเชื่อ นางวันทองขอให้แม่ เมตตาด้วย อายุแค่ ๑๖ ปี มีผัวถึง ๒ คนไม่อายคนก็ต้องอายผี แม่จะยกให้คนอื่นได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ พลายแก้วยังมีชีวิตอยู่ เมื่อหาว่าหมอดูทำนายไม่ถูก ตอนพลายแก้วจะเดินทาง ได้ปลูกต้นโพธิ์ เสี่ยงทายไว้ด้วยกัน ว่าแล้วก็ชวนแม่ไปดูให้รู้แน่ เพราะถ้าพลายแก้วตายต้นโพธิ์ก็จะบรรลัยไปด้วย นางศรีประจันโมโห ด่าว่าลูกสาวว่าจะวุ่นวายไปทำไม อยากอยู่เป็นหม้ายหลวงหรือ ต้นโพธิ์ต้นไทรอยู่ที่ไหน ไม่ใช่ทางใกล้ ๆ ไม่ไปดูหรอก ถ้ายังขืนขัดใจแม่ จะยกให้ขุนช้างเสียวันนี้เลย พอฟังคำเม่ว่านางวันทองแผดเสียงร้องลั่นบอกแม่ให้ตายเสียเถิด เกิดใหม่อีกกี่ชาติ ไม่ขอมาเกิดเป็นลูก แม่ทองประศรีอีกเลย แม่เชื้ออะไรเป็นเช่นนี้ โลภเห็นแก่เงินทอง พยายาม ‘จะเอาคนไปยกให้กับผี’ ว่าแล้วนางวันทองก็ตีอกชกตัว กลิ้งเกลือกร้องไห้แผดเสียงบอกว่าให้แม่ฆ่าเสียให้ตายดีกว่า ไม่ขอมี ชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว นางศรีประจันลุกขึ้นด้วยความโกรธว่านางวันทองลามปามด่าถึงโคตรรีบขึ้นไป บนเรือนหอ เอาไม้ไล่ตีหวดซ้ายป่ายขวาแล้วตามหยิกซ้ำ นางวันทองไม่ร้องขอโทษสักคำ เอาแต่บอก ว่าดีแล้วจะได้ตายตามผัว แต่จะไม่ยอมอยู่กินกับขุนช้างหัวล้านแน่นอน นางศรีประจันได้ยิน ก็หยิกปาก ด่าว่าลูกที่ไปด่าขุนช้างแล้วหวดตีต่อไป นางวันทองร้องไห้ไปเถียงแม่ไปตลอดเวลา นางศรีประจันฟังลูกสาวลาตายก็สงสาร กลัวลูกจะผูกคอตาย จึงหยุดตี หันมาปลอบลูกว่าอย่าร้องไห้ ไปเลย จะไปดูต้นโพธิ์ก็ตามใจ แม่อุ้มท้องวันทองมาด้วยความรัก ไม่อยากขัดใจลูก นางวันทองบอกแม่ ว่า ถ้าแม่รักก็อย่าขืนใจยกให้ขุนช้าง นางศรีประจันปลอบโยนว่ารักลูกดังดวงใจ จะไม่ขัดใจ แล้ว ปลอบลูกพาไปเข้านอนด้วยกันเพราะกลัวนางวันทองผูกคอตาย กล่าวถึงขุนช้าง ลอบมาบ้านนางศรีประจันจึงได้ยินเสียงแม่ลูกด่าตีกันและได้ยิน เรื่องต้นโพธิ์เสี่ยงทาย เมื่อฟังจนจับความได้ว่าต้นโพธิ์ปลูกไว้ที่ใด ขุนช้างก็รีบกลับบ้านแล้วตามพวก


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๐๔ ข้าไทให้ผูกช้าง จากนั้น ขึ้นช้างเตรียมจอบเสียม รีบรัดข้ามทุ่งนาตรงไปคลองบางลาง พอไปถึง เห็นต้นโพธิ์ผูกเรียงเคียงกันอยู่ ใบเขียวชอุ่มเป็นพุ่มสวย ขุนช้างจับต้นกลางโยกให้ต้นถอนรากขึ้นมา แต่เทวดาอารักษ์ดูแลรักษาไว้ตามที่พลายแก้วตั้งสัตย์ปฏิญาณ จึงฉุดถอนขุดโค่นอย่างไรก็ไม่ได้ แต่ ต้นโพธิ์ยังอ่อนนัก ถูกโยกหนัก ๆ ใบก็ร่วงหล่นที่เหลือก็เหี่ยวแห้ง ขุนช้างกับบริวารจึงกลับมา พอรุ่งแจ้ง นางวันทองเร่งแม่ลงเรือไปดูต้นโพธิ์ที่คลองบางลาง เดินทางหนึ่งวันหนึ่งคืน จึงถึง พอจอดเรือพักให้อาบน้ำอาบท่า นางวันทองใจร้อนเดินบกต่อไปทันที พอถึงบริเวณที่ปลูก ต้นโพธิ์ เห็นต้นโพธิ์ใบเหี่ยว โคนต้นมีใบร่วงหล่นก็ร้องหวีด รีบวิ่งไปกราบแล้วทอดตัวร้องไห้รำพันว่า พลายแก้วตายแน่แล้ว ต้นโพธิ์จึงเหี่ยวสลดลงเช่นนี้ นางวันทองครวญคร่ำรำพันถึงพลายแก้วว่า ขาดพลายแก้วก็เหมือนไร้ที่พึ่ง เพราะไม่มีผู้คุ้มครองปกป้องให้พ้นอันตราย แม่ศรีประจันก็พึ่งไม่ได้ เพราะยกให้ขุนช้างเสียง่าย นางวันทองไม่อยากมีชีวิตอยู่ จะตายตามพลายแก้ว ร้องไห้แล้วก็สลบ อยู่ตรงโคนต้นโพธิ์นั้นเอง นางศรีประจันเห็นลูกสาวไปนานไม่กลับมา กลัวจะผูกคอตายออกตามหา พบ นางวันทองนอนสลบอยู่ ตกใจร้องเรียกน้ำตาอาบหน้า แล้วเรียกบริวารให้มาช่วยกัน ข้าไททั้งหลาย ช่วยกันแก้ไขให้ฟื้นแล้วพาลงเรือกลับบ้านนางวันทองร้องไห้ฟูมฟายมาตลอดทาง นางศรีประจัน สงสารลูก ร้องไห้ตามไปด้วย แล้วเกิดเลอะเลือนเลื่อนเปื้อนไป คิดถึงสามีที่ตายไปแล้วของตนรำพันว่า เมียจะตายตามผัวกลัวผีหลอก กลัวหายใจไม่ออกเมื่ออาสัญ จะโจนน้ำให้ตายไปตามกัน ก็กลัวจระเข้มันจะคาบไป เมียจะเชือดคอตายเสียหลายครั้ง แต่รอรั้งกลัวเจ็บไม่เชือดได้ จะผูกคอหาเชือกมาเตรียมไว้ เชือกก็ใหญ่กลัวจะรัดมัดต้นคอ (หน้า ๒๒๗) นางวันทองฟังแม่ละเมอเพ้อพกก็ยิ่งสะอื้นไห้ นางศรีประจันตกใจตีอกชกตัว รำพันถึง พลายแก้วว่าเป็นกรรมจึงทำให้ต้องไปทัพ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งแต่งงานเพียงสองวัน ก่อนไปก็ฝากฝังไว้มากมาย เพราะคาดหมายว่าจะได้กลับมา แล้วทั้งแม่ทั้งลูกก็ร้องไห้ฟูมฟายกันจนกระทั่งเรือมาถึงบ้าน นางสายทองได้ยินสียงว่ามากันแล้วรีบลงไปรับ นางวันทองบอกให้นางสายทองฟัง เรื่องต้นโพธิ์แล้วก็กอดคอร้องไห้กันอีก นางสายทองปลอบแล้วพาขึ้นเรือน นางสายทองบอก นางวันทองว่าตนเชื่อว่าพลายแก้วยังไม่ตาย หลวงตาจูก็ทำนายไว้เรื่องต้นโพธิ์ใบร่วงน่าจะเป็นฝีมือ ขุนช้าง เพราะขุนช้างหัวใสยังเอาหม้อกระดูกมาหลอกนางศรีประจันได้ นางสายทองบอกว่าเมื่อวาน เห็นขุนช้างกับพวกมาแอบซุ่มอยู่แถวบ้านน่าจะเป็นตัวการ ให้นางวันทองสงบอกสงบใจไว้ก่อน ถ้า พลายแก้วตายจริงควรต้องมีลางบอกเหตุ นางวันทองฟังนางสายทองพูดจามีเหตุผลก็เห็นด้วย พอรุ่งเช้า นางวันทองปรึกษานางสายทองว่าจะอุทิศข้าวของของพลายแก้วทำบุญ ไปให้หมด ถ้ารอดชีวิตกลับมาได้ ค่อยหาซื้อเอาใหม่ จึงไปบอกแม่ว่าจะไปทำบุญให้พลายแก้วที่วัด ป่าเลไลยก์กับนางสายทอง พอถึงวัดสองคนพากันไปหาหลวงตาจู หลวงตาเห็นร้องไห้กันมา ถามว่ามี เรื่องอะไรนางวันทองและนางสายทองบอกว่า ไปดูต้นโพธิ์พิษฐานแล้ว ปรากฏว่าใบเฉาเหี่ยวร่วง เห็นจะหมายว่าพลายแก้วตายแล้ว จึงนำข้าวของมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ หลวงตาจูฟังแล้ว ก็หัวเราะ บอกว่าทำบุญก็ดีจะได้ส่งผลให้พลายแก้วกลับมาไวขึ้น ว่าแล้วหยิบผ้าห่อพระคัมภีร์ บางผืน


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๐๕ ก็ห่มพระ ส่วนเงินทองเอาไว้สร้างพระและอนุโมทนาสาธุ บอกให้นางวันทองอธิษฐานให้พบปะ พลายแก้วในวันรุ่งขึ้นเสียเลย นางวันทองได้ฟังคำหลวงตาก็หัวเราะทั้งน้ำตา บอกว่าถ้าพลายแก้ว ไม่ตายจะปลูกกุฏิพระถวายวัด หลวงตาบอกว่าในเดือนนี้พลายแก้วต้องมาแน่ ถ้าไม่มาให้เอาไฟมาเผา วัดได้เลย นางวันทองกับนางสายทองได้ฟังหลวงตาพูดท้าทายเช่นนี้ ค่อยสบายใจคลายทุกข์ พวกบ่าวไพร่ ที่ตามมาวัดก็สบายใจไปด้วย เมื่อกลับมาบ้านบ่าวไพร่ช่วยกันเล่าถ้อยคำของหลวงตาให้ นางศรีประจันฟัง แต่นางศรีประจันกลับร้องว่าไม่เชื่อหรอก หลวงตาเห็นแก่สินบนข้าวของที่นำไปให้ ละสิถึงพูดเอาใจ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๐๖ เอกสารอ้างอิง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๐๗ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้างได้นางแก้วกิริยา สำหรับระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มาตรฐานและตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาใน การดำเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอ่าน ม.4-6/2 ตีความ แปลความ และขยายความเรื่องที่อ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้า อย่างมีประสิทธิภาพ ม.4-6/4 ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบต่าง ๆ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ม.4-6/4 มีวิจารณญาณในการเลือกเรื่องที่ฟังและดู มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ พลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ม.4-6/๔ แต่งบทร้อยกรอง มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ม.4-6/2 วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเชื่อมโยงกับการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และ วิถีชีวิตของสังคมในอดีต สาระการเรียนรู้ 1. ตำนานเสภา 2. ตำนานขุนช้างขุนแผน 3. ประวัติผู้แต่ง 4. สาแหรกของตัวละคร 5. บทร้อยกรอง 6. บทถอดความร้อยกรอง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๐๘ เนื้อหาสาระวรรณคดีท้องถิ่น จังหวัดสุพรรณบุรี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๐๙ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้างได้นางแก้วกิริยา สำหรับระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มาตรฐานและตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาใน การดำเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอ่าน ม.4-6/2 ตีความ แปลความ และขยายความเรื่องที่อ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้า อย่างมีประสิทธิภาพ ม.4-6/4 ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบต่าง ๆ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ม.4-6/4 มีวิจารณญาณในการเลือกเรื่องที่ฟังและดู มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ พลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ม.4-6/๔ แต่งบทร้อยกรอง มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ม.4-6/2 วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเชื่อมโยงกับการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และ วิถีชีวิตของสังคมในอดีต สาระการเรียนรู้ 1. ตำนานเสภา 2. ตำนานขุนช้างขุนแผน 3. ประวัติผู้แต่ง 4. สาแหรกของตัวละคร 5. บทร้อยกรอง 6. บทถอดความร้อยกรอง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๑๐ ตำนานเสภา พระนิพนธ์ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประเพณีการขับเสภามีแต่ครั้งกรุงเก่า แต่จะมีขึ้นเมื่อใด แลเหตุใดจึงเอาเรื่องขุนช้าง ขุนแผนมาแต่งเป็นกลอนขับเสภา ทั้ง ๒ ข้อนี้ยังไม่พบอธิบายปรากฏเป็นแน่ชัด แม้แต่คำที่เรียกว่า “เสภา” คำนี้ มูลศัพท์จะเป็นภาษาใด แลแปลว่ากะไร ก็ยังสืบไม่ได้ความ คำ “เสภา” นี้ นอกจาก ที่เรียกการขับร้องเรื่องขุนช้างขุนแผนอย่างเราเข้าใจกัน มีที่ใช้อย่างอื่นแต่เป็นชื่อเพลงปี่พาทย์ เรียกว่า “เสภานอก” เพลงหนึ่ง “เสภาใน” เพลงหนึ่ง “เสภากลาง” เพลงหนึ่ง ชวนให้สันนิษฐานว่า “เสภา” จะเป็นชื่อลำนำที่เอามาใช้เป็นทำนองขับเรื่อง ขุนช้างขุนแผน แต่ผู้ชำนาญดนตรีกล่าวยืนยันว่า ลำนำ ที่ขับเสภาไม่ได้ใกล้กับเพลงเสภาเลย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นอันยังแปลไม่ออก ว่าคำที่ว่า “เสภา” นี้จะแปล ความกะไร แต่มีเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในหนังสือต่างๆบ้าง ข้าพเจ้าเคยได้สดับคำผู้หลักผู้ใหญ่เล่ามาบ้าง สังเกตเห็นในกระบวนกลอนแลถ้อยคำที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเสภาบ้าง ประกอบกับความสันนิษฐาน เห็นมีเค้าเงื่อนพอจะคาดคะเนตำนานของเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนได้อยู่ ข้าพเจ้าจะลองเก็บเนื้อความ มาร้อยกรองแสดงโดยอัตโนมัติ ประกอบด้วยเหตุผลซึ่งจะชี้แจงไว้ให้ปรากฏแก่ท่านทั้งหลาย ถ้าว่าโดยประเพณีของการขับเสภา ถึงไม่ปรากฏเหตุเดิมแน่นอน ก็พอสันนิษฐานได้ว่า มูลเหตุคงเนื่องมาแต่เล่านิทานให้คนฟัง อันเป็นประเพณีมีมาแต่ดึกดำบรรพ์ทีเดียว แม้ในคัมภีร์ สารัตถสมุจจัยซึ่งแต่งมากว่า ๗๐๐ ปี ยังกล่าวในตอนอธิบายเหตุแห่งมงคลสูตรว่า ในครั้ง พระพุทธกาลนั้น ตามเมืองในมัชฌิมประเทศ มักมีคนไปรับจ้างเล่านิทานให้ฟังกันในที่ชุมนุมชน เช่น ที่ศาลาพักคนเดินทาง เป็นต้น เกิดแต่คนทั้งหลายได้ฟังนิทาน จึงโจษเป็นปัญหากันขึ้นว่าอะไร เป็นมงคล เป็นปัญหาแพร่หลายไปจนถึงเทวดาไปทูลถามพระพุทธองค์ จึงได้ทรงแสดงมงคลสูตร ประเพณีการรับจ้างเล่านิทานให้คนฟังดังกล่าวมานี้ แม้ในสยามประเทศก็มีมาแต่โบราณ จนนับเป็น การมหรสพอย่างหนึ่ง ซึ่งมักมีในการงาน เช่นงานโกนจุก ในตอนค่ำเมื่อพระสวดมนต์แล้ว ก็หาคน ไปเล่านิทานให้แขกฟังเป็นประเพณีมาเก่าแก่ แลยังมีลงมาจนถึงในชั้นกรุงรัตนโกสินทร์นี้ ขับเสภาก็ คือเล่านิทานนั้นเอง และประเพณีมีเสภาก็มีในงานอย่างเดียวกับที่เล่านิทานนั้น จึงเห็นว่าเนื่องมาจาก เล่านิทาน ขับเสภาผิดกับเล่านิทานแต่เอานิทานมาผูกเป็นกลอน สำเนียงที่เล่าใช้ขับเป็นลำนำ และ ขับกันเฉพาะเรื่องขุนช้างขุนแผนเรื่องเดียว เสภาผิดกับเล่านิทานที่เป็นสามัญอยู่แต่เท่านี้ ถ้าจะลอง สันนิษฐานว่า เหตุใดจึงมีคนคิดขับเสภาขึ้นแทนเล่านิทาน ก็ดูเหมือนพอจะเห็นเหตุได้ คือเพราะเล่า นิทานฟังกันมานานๆ เข้าออกจะจืด จึงมีคนคิดจะเล่าให้แปลก โดยกระบวนแต่งเป็นบทกลอนว่าให้ คล้องกัน ให้น่าฟังกว่าที่เล่านิทานอย่างสามัญประการหนึ่ง เมื่อเป็นบทกลอนจึงว่าเป็นทำนองลำนำ ตามวิสัยการว่าบทกลอน ให้ไพเราะขึ้นกว่าเล่านิทานอีกประการหนึ่ง ข้อที่ขับแต่เรื่องขุนช้างขุนแผน เรื่องเดียวนั้น คงจะเป็นด้วยนิทานเรื่องขุนช้างขุนแผน เป็นเรื่องที่ชอบกันแพร่หลายในครั้งกรุงเก่า ยิ่งกว่านิทานเรื่องอื่นๆ ด้วยเป็นเรื่องสนุกจับใจ แลถือกันว่าเป็นเรื่องจริง จึงเกิดขับเสภาขึ้นด้วย ประการฉะนี้


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๑๑ ตำนานขุนช้างขุนแผน เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ได้มีเนื้อความปรากฎในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า ว่าพระราชวงศ์ของพระเจ้าอู่ทองได้ครองราชสมบัติในกรุงศรีอยุธยาตามลำดับหลายพระองค์ จนถึง พระเจ้าแผ่นดินทรงพระนามว่าพระพันวษา ภาษาพม่าเรียกว่า พระเจ้าวาตะถ่อง แปลว่าสำลีพันหนึ่ง มีพระมเหสีทรงพระนามว่า สุริยวงศาเทวี มีพระราชโอรสองค์หนึ่งมีพระนามว่า พระบรมกุมาร ต่อมา พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนะหุตล้านช้าง ปรารถาจะเป็นพันธมิตรกับกรุงศรีอยุธยา จึงส่งพระราชธิดา องค์หนึ่ง มีพระชนมายุ ๑๖ พรรษา มาถวายพระพันวษา ระหว่างทางได้ถูกพระเจ้าโพธิสารราชกุมาร พระเจ้านครเชียงใหม่ ไม่ต้องการให้กรุงศรีสัตนาคนะหุต มาเป็นมิตรกับกรุงศรีอยุธยาจึงส่งกำลังเข้า แย่งชิงพระราชธิดาไปได้สมเด็จพระพันวษาทราบเรื่องก็ทรงพระพิโรธ สั่งให้ยกทัพไปตีนครเชียงใหม่ ในการนี้ จำต้องหาผู้ที่มีฝีมือในการรบไปทำการ พระหมื่นศรีมหาดเล็ก ได้กราบทูลให้ใช้ขุนแผน ซึ่งต้องโทษอยู่ในคุกให้เป็นแม่ทัพหน้ายกไปตีเมืองเชียงใหม่ ขุนแผนก็รับอาสาพร้อมกับถวายทัณฑ์บน ว่าถ้าทำการไม่สำเร็จก็จะขอถวายชีวิต พระพันวษาจึงตั้งให้ขุนแผนเป็นแม่ทัพ ถืออาญาสิทธิ์คุม กองทัพไทย ไปตีนครเชียงใหม่เมื่อกองทัพยกไปถึงเมืองพิจิตร ได้ไปขอดาบเวทวิเศษ (ดาบฟ้าฟื้น)กับ ม้าวิเศษ (ม้าสีหมอก) ที่ฝากเจ้าเมืองพิจิตรไว้คืนมาเพื่อนำไปใช้ในการศึกเมื่อกองทัพถึงเชียงใหม่ ฝ่ายเชียงใหม่ได้ทำการต่อสู้เป็นสามารถ แต่สู้ไม่ได้ขุนแผนเข้านครเชียงใหม่ได้ พระเจ้านครเชียงใหม่ หนีไป ขุนแผนจึงจับอัครสาธุเหวี มเหสีเจ้าเชียงใหม่กับพระราชธิดานามว่าเจ้าแว่นฟ้าทองพร้อมสนม น้อยใหญ่ของพระเจ้านครเชียงใหม่ไว้ และให้เชิญนางสร้อยทอง ราชธิดาพระเจ้าล้านช้าง พร้อมทั้ง มเหสีและราชธิดาพระเจ้านครเชียงใหม่ที่จับไว้ได้เลิกกองทัพกลับมาถวายพระเจ้ากรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระพันวษาได้โปรดเกล้าๆ ให้พระเจ้าเชียงใหม่กลับมาครองเมืองเชียงใหม่ตามเดิม เพื่อความสงบสุขของสมณชีพราหมณ์และราษฎรชาวเมืองเชียงใหม่ และให้พระราชทานบำเหน็จ รางวัลแก่ขุนแผนและกำลังพลกองทัพโดยทั่วหน้า ทรงตั้งนางสร้อยทองเป็นพระมเหสีซ้าย นางแว่นฟ้า เป็นสนมเอก ส่วนมเหสีพระเจ้านครเชียงใหม่ ทรงส่งคืนให้พระเจ้านครเชียงใหม่ ส่วนบรรดาข้าคน ชาวล้านช้างและชาวเชียงใหม่ก็ให้ตั้งถิ่นฐานทำมาหากินในกรุงศรีอยุธยา ฝ่ายขุนแผนเมื่อเห็นว่าตนชราภาพแล้ว จึงนำดาบเวทวิเศษของตนถวายสมเด็จ พระพันวษา พระองค์ทรงรับไว้เป็นพระแสงทรงสำหรับพระองค์และทรงพระราชทานว่าพระแสงปราบศัตรู แลทรงตั้งนามพระขรรค์แต่ครั้งพระยาแกรกนั้นว่าพระขรรค์ไชยศรี สมเด็จพระพันวษาทรงครองราชย์ได้ ๒๕ พรรษา เสด็จสวรรคตเมื่อพระชนมายุ ๔0 พรรษา จากหลักฐานดังกล่าว เรื่องขุนช้างขุนแผน เป็นเรื่องที่เกิดในแผ่นดินสมเด็จ พระรามาธิบดีที่ ๒ (พระเชษฐ) พระโอรสสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถระหว่าง พ.ศ. ๒๐๓๔ - พ.ศ. ๒๐๗๒


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๑๒ ประวัติผู้แต่ง พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2311 – 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 ; ครองราชย์ 8 กันยายน พ.ศ. 2352 – 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367) เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นกษัตริย์ องค์ที่สองของสยามในสมัยราชวงศ์จักรี ปกครองระหว่าง พ.ศ. 2352 ถึง พ.ศ. 2367 ในปี พ.ศ. 2352 เจ้าฟ้าฉิมหรือกรมหลวงอิศรสุนทรพระราชโอรสองค์โตสืบราชบัลลังก์ต่อจากรัชกาลที่ 1 พระราชบิดาผู้สถาปนาราชวงศ์จักรีเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชสมัยของพระองค์ สงบสุข ปราศจากความขัดแย้ง รัชสมัยของพระองค์เป็น “ยุคทองของวรรณคดี” เนื่องจากพระองค์ ทรงอุปถัมภ์กวีหลายคนในราชสำนักและพระองค์เองก็มีชื่อเสียงในฐานะกวีและศิลปิน กวีที่โดดเด่น ที่สุดในราชสำนักคือสุนทรภู่ ผลงานด้านวรรณกรรม ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้รับการยกย่องว่า เป็นยุคทอง ของวรรณคดีสมัยหนึ่งเลยทีเดียว ด้านกาพย์กลอนเจริญสูงสุด จนมีคำกล่าวว่า “ในรัชกาลที่ 2 นั้น ใครเป็นกวีก็เป็นคนโปรด”กวีที่มีชื่อเสียงนอกจากพระองค์เองแล้ว ยังมีกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (รัชกาลที่ 3) สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส สุนทรภู่ พระยาตรัง และ นายนรินทรธิเบศร์ (อิน) เป็นต้น พระองค์มีพระราชนิพนธ์ที่เป็นบทกลอนมากมาย ทรงเป็นยอดกวี ด้านการแต่งบทละครทั้งละครในและละครนอก มีหลายเรื่องที่มีอยู่เดิมและทรงนำมาแต่งใหม่เพื่อให้ ใช้ในการแสดงได้ เช่น รามเกียรติ์ อุณรุท และอิเหนา โดยเรื่องอิเหนานี้ เรื่องเดิมมีความยาวมาก ได้ ทรงพระราชนิพนธ์ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเรื่องยาวที่สุดของพระองค์ วรรณคดีสโมสรในรัชกาลที่ 6 ได้ยกย่องให้เป็นยอดบทละครรำที่แต่งดี ยอดเยี่ยมทั้งเนื้อความ ทำนองกลอนและกระบวนการเล่น ทั้งร้องและรำ นอกจากนี้ยังมีละครนอกอื่น ๆ เช่น ไกรทอง สังข์ทอง ไชยเชษฐ์ หลวิชัยคาวี มณีพิชัย สังข์ศิลป์ชัย ได้ทรงเลือกเอาของเก่ามาทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใหม่บางตอน และยังทรงพระราชนิพนธ์ บทพากย์โขนอีกหลายชุด เช่น ชุดนางลอย ชุดนาคบาศ และชุดพรหมาสตร์ ซึ่งล้วนมีความไพเราะ ซาบซึ้งเป็นอมตะใช้แสดงมาจนทุกวันนี้


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๑๓ สาแหรกของตัวละตน


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๑๔ บทร้อยกรอง เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้างได้นางแก้วกิริยา ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิฦๅดีไม่มีสอง ข้าศึกนึกกลัวขนหัวพอง คล่องแคล่วแกล้วกล้าวิชาดี จำเดิมแต่ลาวทองต้องจากอก ให้วิตกขุ่นข้องหมองศรี ข้าใช้ไทยลาวสาวสาวมี ไม่ยินดีด้วยใครอาลัยนาง นอนเดียวเปลี่ยวใจไม่มีคู่ ทุกฤดูตรอมใจให้หมองหมาง หน้าร้อนร้อนใจดังไฟฟาง หน้าฝนฟ้าครางรำพึงครวญ หน้าลมลมแล่นตลอดจิตร ปกปิดผ้าห่มยิ่งโหยหวน จากเมียเสียใจให้รัญจวน เสียดายนวลลับหน้าไปกว่าปี เพลากลางคืนสะอื้นอ้อน จะหลับนอนขุ่นข้องยิ่งหมองศรี พลิกกลับก็ไม่หลับสนิทดี สักกี่ปีลาวทองน้องจะมา ได้ยินเรไรร้องอยู่ริมเรือน สะเทือนจิตรคิดถึงที่ในป่า จำเดิมแต่ได้น้องลาวทองมา พี่ชี้ชวนแก้วตาให้ชมไพร อกเอ๋ยไม่เคยจะจากน้อง สงสารห้องเยือกเย็นหาเห็นไม่ ที่นอนหมอนน้องหมองมัวไป ฤๅลาวทองน้องไข้จึงขุ่นมัว อัจกลับดับมากว่าปีแล้ว น้องแก้วจะรำพึงคิดถึงผัว หมอนข้างขวางกลิ้งไปไกลตัว ดังผัวเมียเราพรากไปจากกัน เครื่องแป้งแห้งหอมไม่มีติด คันฉ่องป้องปิดก็แตกลั่น มุ้งกางค้างขาดลงพาดพัน น้ำมันสิ้นกลิ่นตรลบเจ้าอบปรุง เจ็บใจดังใครยิงด้วยปืนพิษ คะนึงคิดครํ่าครวญจนจวนรุ่ง ปานฉะนี้ลาวทองน้องอยู่กรุง จะสะดุ้งตื่นตั้งแต่โศกา ให้น้อยจิตรเจ็บใจไม่นอนหลับ พลิกกลับเปิดมุ้งเที่ยวมองหา ดุเหว่าแว่วแจ้วเสียงสำเนียงมา ผวาเปิดประตูห้องให้หมองใจ ไม่เห็นนางย่างขึ้นบนหอน้อย พระจันทร์ฉายบ่ายคล้อยจำรัสไข สว่างเวิ้งวงบ้านสงสารใจ ใบไทรต้องลมระงมเย็น เย็นฉํ่าน้ำค้างค้างใบไทร จากเมียเสียใจไม่เล็งเห็น โอ้น้ำค้างเหมือนนางน้ำตากระเด็น เช้าเย็นยามนอนจะนอนนึก ยามกินก็จะกินแต่นํ้าตา เฝ้าครวญครํ่ารํ่าหาเวลาดึก จะแสนคิดเช้าคํ่าเฝ้ารำลึก ตรึกแล้วเคืองขุ่นให้มุ่นใจ โอ้ว่ากรรมทำไว้ไฉนหนอ มาเกิดก่อวิปริตผิดไปได้ จะมีมิตรก็ให้เชือนผิดเพื่อนไป หย่อนให้กลับเหิมข่มเหงทำ แสนแค้นเคืองใจไอ้ขุนช้าง ใจกระด้างกระเดื่องคิดให้ผิดสํ่า มันชิงวันทองไปอ้ายใจดำ แต่สักคำมิได้ว่าให้เคืองใจ มิหนำยังซํ้าทูลยุแยง เสียดแทงเอาลาวทองมันทำได้


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๑๕ ไม่แก้แค้นก็จะแค้นคุ้งบรรลัย เอออะไรเห็นรักกลับหักราน สุภาษิตท่านประดิษฐ์ประดับแต่ง ว่าใครคดก็เอาแข็งเข้าต่อต้าน ถ้าใครซื่อซื่อต่อจนวายปราณ นี่มันพาลเพื่อนผิดประเพณี ตามกรรมจะระยำด้วยอาญา ไปเบื้องหน้าเป็นไฉนให้รู้ที่ ตัวกูก็ฦๅชาว่าคนดี พรุ่งนี้จะไปยังสุพรรณ จะผ่าแผ่แล่อกดูให้ได้ ทำให้สมแค้นเป็นแม่นมั่น จะลักวันทองไปยังไพรวัน คิดแล้วก็ดั้นเดือดทะยาน พลุ่งพลุ่งเมื่อไรรุ่งจะรีบไป อุระร้อนราวกับไฟมาเผาผลาญ พอเช้าตรู่เตรียมเสร็จสำเร็จการ มายังบ้านมารดาด้วยทันใด ฯ ๏ ทองประศรีตำหมากยกสากแหงน โอ้พ่อแผนของแม่จะไปไหน แต่เช้าผิดเพลาพ่อมาไย อกใจริกริกแม่รำคาญ ฯ ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพ ก้มกราบมารดาแล้วว่าขาน แต่ลูกตรอมใจมาเป็นช้านาน เหลือจะทานทนแล้วจึงมาลา ลูกจะไปแก้เผ็ดอ้ายขุนช้าง ให้สิ้นอย่างสาสมแก่น้ำหน้า จะพาวันทองดั้นอรัญวา ถ้าตามมาลูกจะฟันให้บรรลัย ฯ ๏ ทองประศรีฟังพลางทางปลอบ ตอบว่าแม่เห็นหาควรไม่ แม่นี้คิดเกลียดรังเกียจใจ มันสิ้นไร้แล้วฤๅทั้งบุรี ถ้างามรูปงามใจแม่ไม่ห้าม ควรตามแล้วก็ตามให้เต็มที่ นี่งามรูปแต่ใจมันไม่ดี อย่างนี้มันไม่น่าจะติดตาม วันทองหมองแม้นเหมือนแหวนเพชร แตกเม็ดกระจายสิ้นเป็นสองสาม จะผูกเรือนก็ไม่รับกับเรือนงาม แม่จึงห้ามหวงเจ้าเพราะเจ็บใจ ฯ ๏ ขุนแผนตอบคำท่านมารดา แม่ว่าตามเที่ยงหาเถียงไม่ จะว่าชั่วก็ชั่วทุกสิ่งไป ต่อคิดใคร่ครวญดูจึงเห็นดี เมื่อเกิดหึงวันถึงสุพรรณพบ ก็แจ้งจบอยู่ว่าใจไม่หน่ายหนี นางเล่าความตามจริงทุกสิ่งมี ลูกเสียทีถือโทษกระทำโพย แล้วหุนหันมาเสียจากห้อง วันทองร้องไห้ไม่วายโหย ผูกคอโยนโจนเจ็บสะอื้นโอย ระบมโบยเจ็บชํ้าระกำใจ ถึงอย่างนั้นก็ยังมั่นในความหลัง จะชิงชังเฉยลูกหาเป็นไม่ สายทองบอกจริงทุกสิ่งไป ข้อนั้นลูกไม่ได้คะนึงคิด ลาวทองน้องนอนอยู่ในห้อง ลูกก็ลืมวันทองเสียสนิท มันแกล้งพรากเมียให้เสียมิตร ขอลองฤทธิให้ฦๅฝีมือกัน แม่จงอวยชัยให้ลูกแก้ว ไปแล้วมีชัยอย่าได้พรั่น ถึงจะยกทัพตามสักสามพัน ลูกจะฟันให้เป็นภัศม์ธุลีลง ฯ ๏ ทองประศรีสุดห้ามก็ตามใจ จึงอวยชัยให้ลูกดังประสงค์ ให้พ่อเรืองฤทธิไกรในณรงค์ พ่อจงสำเร็จดังความคิด


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๑๖ ไปพบวันทองที่ห้องนอน ให้เขาหย่อนยอมใจไปสนิท เจ้าอย่าหลงเล่ห์ลมมัวชมชิด สำเร็จกิจแล้วก็กลับมาเรือนตน ฯ ๏ ขุนแผนรับพรอภิวาท คำประสาทประสิทธิสถาผล กำเริบฤทธิยินดีโดยมงคล ประทักษิณสามหนแล้วลามา ขึ้นหอพระนารายณ์ระงับจิตร เอาเทียนติดธูปถวายทั้งซ้ายขวา ลงหินฝนจันทน์น้ำมันทา ใครเห็นกายาให้ยวนใจ สอดสนับเพลาม่วงดวงวิหค นุ่งยกแย่งทองผ่องใส รอยจีบกลีบกระหวัดรัดละไม เสื้อสั้นชั้นในล้วนเลขยันต์ เสื้อนอกดอกช่อฉลุทอง ตระพองทับเจียระบาดคาดมั่น แหวนถักพระพิรอดสอดพัน สังวาลคั่นเครื่องสลับกับผมพราย จับประเจียดประจุประจงโพก ได้มหาสิทธิโชคสำคัญหมาย จบจับฟ้าฟื้นแล้วยืนกราย บ่ายเลี่ยงผีหลวงกาละไทย ลงบันไดไปขึ้นสีหมอกม้า เรียกโหงพรายมาทั้งน้อยใหญ่ ออกจากกาญจน์บุรีรี่เข้าไพร โหงพรายตามไปเป็นโกลา ตัดมาห้วยโรงหนองตะพาน ข้ามธารจระเข้แล้วเข้าป่า ถึงหนองน้ำบ้านพลับระยับตา รีบมาใกล้บ้านขุนช้างนั้น ตัดไม้ปลูกศาลขึ้นสรรพเสร็จ สำเร็จบัตรพลีขมีขมัน จุณเจิมเฉลิมแป้งกระแจะจันทน์ จุดธูปเทียนพลันทันฤกษ์พาร ชุมนุมเทวดาวราฤทธิ์ ตั้งจิตรแจ้งสัตย์อัธิษฐาน ขอเชิญเทพไทได้เป็นพยาน ข้าจะผลาญขุนช้างผู้อมิตร มันชิงเมียข้ามาไว้ชม ขอเดชะจะสะดมให้สมจิตร ถ้าแม้นข้าเสียสัตย์วิบัติมิตร ขออย่าให้สมคิดที่ทำการ ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพจับฟ้าฟื้น ขยับยืนใจเหี้ยมกำแหงหาญ ดูดาวเด่นสะดวกทั้งลมปราณ ก็ขับม้าร่าทะยานผยองไป มาถึงบ้านขุนช้างเข้ากลางแปลง เป็นเขื่อนแขงคูรอบขอบโตใหญ่ ผู้คนนั่งยามตามไฟ ก็กดสีหมอกไว้จะดูที ฯ ๏ จะกล่าวถึงพวกพรายนายขุนช้าง ห้านางเที่ยวรายอยู่รอบที่ บอกกันทันใดว่าไพรี เราไล่ตีต่อยทำให้หนำใจ ว่าพลางเผ่นโผนโจนตวาด เอาทรายสาดดินทิ้งวิ่งไล่ ห้อยหัวตัวแกว่งอยู่กวัดไกว แลบลิ้นหลอกให้ละลานตา ฝ่ายว่าพวกพรายนายขุนแผน ทะลึ่งแล่นทุ่มทิ้งด้วยหินผา โผนผาดฟาดด้วยตำแยยา กล้าต่อกล้าแข็งต่อแข็งแรงณรงค์ ฯ ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท รุ่งฤทธิ์พริ้งเพริศระเหิดระหง ชักฟ้าฟื้นพลันยรรยง ซัดข้าวสารส่งให้เสื่อมแรง แล้วแก้ห่อข้าวหอมที่ย้อมว่าน เหวี่ยงหว่านต้องปวดดังกรวดแข็ง พรายทั้งห้ากายาก็เยาะแยง เฟี้ยมแฝงเข้าแอบดูอาการ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๑๗ เห็นหนุ่มน้อยหน้านวลควรชม ทั้งอาคมเจนใจประจักษ์จ้าน จึงแปลงกายให้เหมือนนางอยู่งาน เดินผ่านให้พอพบประสบกัน เดินเดินเมินเมียงแล้วถอยหลัง จนกระทั่งถูกตัวทำกลัวพรั่น คมค้อนงอนถามเนื้อความพลัน มายืนกั้นกีดทางอยู่ทำไม ฯ ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท แจ้งจิตรว่าพรายแปลงหาแคลงไม่ ขยับยืนยิ้มพรายภิปรายไป พี่มิใช่ชายพาลชำนาญลัก มีธุระมาปะพอเป็นโชค ด้วยร้อนโรครึงรุมกลุ้มใจหนัก คลายทุกข์ที่มาถามเนื้อความทัก แรกรักรีรอแต่พอควร พี่นี้คือผัวเจ้าวันทอง ขุนช้างพาน้องมาสู่สงวน จากเมียเสียใจให้รัญจวน พอพบนวลทั้งห้านาริน เอ็นดูเถิดช่วยเปิดประตูให้ จะขอบใจเจ้าให้ถึงขนาดสิ้น ว่าพลางเป่ามนตร์ให้ยลยิน กินหมากคนละคำอย่าอำพราง ฯ ๏ นางพรายทั้งหลายได้ฟังว่า เมินหน้าเฟี้ยมแฝงตะแคงข้าง ยิ้มเยื้อนเบือนตอบเนื้อความพลาง ว่าขุนช้างท่านได้บำรุงมา ซึ่งท่านขุนช้างกระทำผิด ไม่ควรคิดสอพลอมาพลอยว่า ที่รักพรายว่าหมายจะเมตตา มารยาดอกเห็นไม่เป็นการ ขุนช้างเลี้ยงข้ามาดิบดี ควรที่จะทดแทนพระคุณท่าน นี่จะไม่มีรักไปหักราน นานไปจะไม่สมอารมณ์นึก ท่านก็ไม่ขัดสนจนพราย มากมายตามพรูอยู่มิตรึก แรกรักจะรำพันให้ครั่นครึก เหลือลึกแล้วที่ลมละลานใจ ฯ ๏ แน่ะเจ้าอย่าบ่นเป็นคนงอน เป็นคนฤๅจะค่อนบำรุงให้ ถึงรักจะรู้จักทำอะไร ได้แต่ชมรูปเล่นอยู่รวยรวย ถ้าแม้นเจ้ากลับเป็นมนุษย์แท้ แน่แล้วพี่จะสมสู่ด้วย สุดที่จะบำรุงให้รุ่งรวย เอ็นดูด้วยช่วยชี้ที่วันทอง ว่าพลางทางจับข้าวสารซัด พรายกระจัดหลีกหนีไปทั้งผอง ชักสีหมอกไปดังใจปอง ถึงท้องคูข้ามไปตามคัน ขับพรายร่ายเวทสะกดคน นอนกรนหลับเพ้อมะเมอฝัน ลิ่มกลอนถอนถอดตลอดกัน ชักสีหมอกผันผยองมา เกลื่อนกล่นคนนั่งระวังบ้าน ซมซานโงกหงับไม่เงยหน้า ที่ทำการถือขวานยืนจังกา ผ่าถูกดินปุบฟุบหลับกรน ที่หุงข้าวเผาปลายังคาเตา หลงเอาฝาละมีเข้าจี้ก้น งุบหัวลงนอนไม่ร้อนรน ปากบ่นอู้อ้าหลับตาเซอะ หลงปลุกเพื่อนกันหั่นกัญชา มือเช็ดขี้ตาอยู่จำเปรอะ หม้อข้าวเดือดแฉะแฟะเฟอะ นั่งเงอะหงายแหงนแอ่นหลับไป ดูเป็นสมเพชเวทนา ชักสีหมอกมาหาช้าไม่ ล่วงเข้าสองชั้นเป็นหลั่นไป ผู้คนหลับใหลอยู่ซบเซา


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๑๘ ผ้าผ่อนล่อนลุ่ยหลุดละเมอ หลงเพ้อปีนป่ายขึ้นปลายเสา ดื่มเหล้าเข้าปากแล้วรากเมา ถือถ้วยเหล้าล่อแล่ร้องพาดควาย ล่วงเข้าชั้นสามข้ามคู หรุบหรู่แสงเดือนไม่เด่นหงาย ผู้คนหลับคลํ่าไม่กลํ้ากราย น่าสบายบ้านเรือนศรพระยา เรือนนี้แล้วสิอ้ายเต่าเผา โตเปล่าล้านเลี่ยนเตียนหนักหนา ปลูกต้นไม้พุ่มชอุ่มตา เบิกบานบุษบาอรชร รุ่งขึ้นพรุ่งนี้อ้ายขุนช้าง จะนอนครางอิดออดกอดแต่หมอน เอาวันทองของกูมาแนบนอน วันนี้กูจะค่อนให้สมแค้น แล้วลงยันต์ปิดหน้าม้าสีหมอก อย่าออกลำพองคะนองแล่น บังเงาเสาอยู่อย่าดูแคลน สั่งม้าแล้วก็แล่นไปสั่งพราย สะกดให้หลับหมดทั้งเคหา ต่อกูเตือนว่าจึงผันผาย สั่งพลางร่ายมนตร์สนธยาย ปรายข้าวสารซัดบริกรรม ทิ้งข้ามหลังคาเรือนสะเทื้อนหวาด ฝูงปิศาจรักษาออกคลาคลํ่า ผู้คนบ่นเพ้อมะเมอคลำ ซ้ำซัดมะนาวทิ้งสะท้านเรือน พรึงรอดออดอ่อนกลอนลั่น ขวัญขุนช้างนั้นไปสู่เถื่อน กอดวันทองฝันอยู่ฟั่นเฟือน ก็เขยื้อนเหยียบไม้ขึ้นหยุดยืน ฯ ๏ โจนลงกลางชานร้านดอกไม้ ของขุนช้างปลูกไว้อยู่ดาษดื่น รวยรสเกสรเมื่อค่อนคืน ชื่นชื่นลมชายสบายใจ กระถางแถวแก้วเกดพิกุลแกม ยี่สุ่นแซมมะสังดัดดูไสว สมอรัดดัดทรงสมละไม ตะขบข่อยคัดไว้จังหวะกัน ตะโกนาทิ้งกิ่งประกับยอด แทงทวยทอดอินพรมนมสวรรค์ บ้างผลิดอกออกช่อขึ้นชูชัน แสงพระจันทร์จับแจ่มกระจ่างตา ยี่สุ่นกุหลาบมะลิซ้อน ซ่อนชู้ชูกลิ่นถวิลหา ลำดวนกวนใจให้ไคลคลา สาวหยุดหยุดช้าแล้วยืนชม ถัดถึงกระถางอ่างน้ำ ปลาทองว่ายคลํ่าเคล้าคลึงสม พ่นน้ำดำลอยถอยจม น่าชมชักคู่อยู่เคียงกัน บ้างแหวกจอกออกช่องภูเขาเคียง วัดเหวี่ยงแว้งหางระเหิดหัน บ้างกินไคลไล่เคล้าพัลวัน ถัดนั้นแอกไถละไมงอน กะดึงพรวนล้วนสักหลาดทับ ดาวประดับดวงเด่นดูสลอน สลักเสลาเกลาเกลี้ยงอรชร เชือกใช้ไว้ซ้อนสลับกัน เครื่องม้าดาดาษจังหวะวาง เครื่องช้างสารพัดจะจัดสรร ขอครํ่าด้ามพลองทองพัน ถัดนั้นย่างเยื้องชำเลืองมา สะเดาะดาลบานเบิกลับแลบัง เห็นฝูงสาวสะพรั่งอยู่พร้อมหน้า พ้นเหล่าสาวนอนสลอนมา ถึงห้องแก้วกิริยาเข้าทันใด ฯ ๏ เจ้าร่างน้อยนอนนิ่งบนเตียงตํ่า คมขำงามแชล่มแจ่มใส คิ้วคางบางงอนอ่อนละไม รอยไรเรียบรับระดับดี


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๑๙ ผมเปลือยเลื้อยประลงจนบ่า งอนปลายเกศาดูสมศรี ที่นอนน้อยน่านอนอ่อนดี มีหมอนข้างคู่ประคองเคียง กระจกแจ่มจัดใส่คันฉ่องน้อย ไม้สอยซ่นงางามเกลี้ยง ฉากบังจัดตั้งไว้ข้างเตียง อัฒจันทร์ตั้งเรียงในห้องน้อย ห้องแคบอุตส่าห์แอบไม่แออัด รู้จักจัดเครื่องเรือนไว้ใช้สอย ทั้งกระโถนขันน้ำแลจอกลอย ดูน้อยน้อยงามรับกับรูปคน เอะใจมิใช่เจ้าวันทอง ฤๅพี่น้องนึกแหนงแคลงฉงน ท่วงทีก็มิใช่เป็นคนจน เครื่องกินก็พิกลดูผิดนัก ฤๅจะเป็นเมียน้อยอ้ายขุนช้าง ไยไม่วางห้องชมให้สมศักดิ์ พิเคราะห์ดูหน้านวลควรจะรัก ถ้าชายชมก็จะชักให้นวลคลาย คิดพลางทางแอบเข้าแนบน้อง ต้องเต้านึกชมอารมณ์หมาย เอนอิงพิงทับแล้วขับพราย ร่ายลมละลวยลงให้ลานใจ ฯ ๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา นิทราระงับหลับใหล สะดุ้งตื่นฟื้นตัวก็ตกใจ เอ๊ะใครหนอน่าอัศจรรย์ นึกนึกจะใคร่ร้องต้องอาคม ในอารมณ์ระริกรัวกลัวพรั่น ถอยถดลดลงจากเตียงพลัน ดูคมสันรูปทรงใช่ชายทราม แฝงหน้านิ่งนึกอยู่ในฉาก ขยับปากคิดคิดก็เกรงขาม นิ่งอยู่จะไม่รู้ซึ่งข้อความ แข็งขืนอารมณ์ถามไปทันที หม่อมขาดีฉันว่าอย่าว่าพ้อ นี่ใครล่อจึงได้หลงมาถึงนี่ ดูรูปร่างบางเอี่ยมสะอาดดี กิริยาพาทีใช่คนพาล ฯ ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท นิ่งคิดฟังเสียงสำเนียงหวาน แจ่มแจ้วกระจ่างเป็นกังวาน ตัวพี่คือทหารชาญณรงค์ พระผู้จอมจักรพาลประทานนาม ชื่อขุนแผนแสนสงครามตามประสงค์ มาหาเจ้าวันทองต้องจำนง ด้วยขุนช้างพาลงมาโลมเลี้ยง อันขุนช้างกับพี่ก็เป็นมิตร มันผิดเมียเสียน้ำสบถเบี่ยง พี่คิดว่าวันทองเฝ้ามองเมียง ต่อนั่งเคียงลงจึงรู้ว่าผิดตัว ไม่แผกผิดกันสักนิดเจียวนะน้อง พี่คิดว่าวันทองจึงต้องทั่ว ได้ลักจูบลูบไล้ไม่คิดกลัว ผิดตัวเกินแล้วอย่าโกรธา ขออภัยเถิดมิใช่เจ้าวันทอง นิจจาน้องอย่าสะเทินเมินหน้า นี่เจ้าเป็นอะไรกันอย่าฉันทา จึงมาอยู่เคหาของขุนช้าง ฯ ๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา เสนหานิ่งนึกอางขนาง นี่ขุนแผนแม่นใจจึงไม่พราง แบบบางน้อยน้อยน่าเอ็นดู แช่มแช่มช้าช้าน่ารักใคร่ เป็นไรหนอวันทองจึงมิอยู่ เรืองฤทธิประสิทธิ์ประสาทครู ถึงขุนช้างจะสู้คงเสียตัว เที่ยวเล่นทุกห้องคะนองฤทธิ์ คิดคิดขนพองสยองหัว ครั่นคร้ามขามจิตรสะดุ้งกลัว นี่ผัวเจ้าวันทองแล้วแน่ใจ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๒๐ ครั้นจะมิบอกความที่ถามหา แค้นขึ้นมาก็จะพาลพาโลให้ จะสู้รบหลบหนีไปแห่งไร จะพลอยเสียเบี้ยใบ้ไปลอยลม คิดแล้วจึงว่าช่างน่าหัว มาหลงตัวหลงห้องไม่เห็นสม แค้นนักที่มาลักมาลอบชม มายกยอให้นิยมเหมือนเย้ยกัน เต่าเตี้ยดอกอย่าต่อให้ตีนสูง มิใช่ยูงจะมาย้อมไม่เห็นขัน หิ่งห้อยฤๅจะแข่งแสงพระจันทร์ อย่าปั้นน้ำให้หลงตะลึงเงา ข้าทาสีดอกมิใช่เจ้าวันทอง ดูแต่ห้องน้อยนอนเถิดนะเจ้า มิใช่ที่ประสงค์อย่าหลงเดา ข้าเจ้าลูกท่านสุโขทัย บิดาต้องจำระยำยาก ขายฝากดีฉานให้ท่านใช้ เป็นเงินสิบห้าบิดาเอาไป ตัวฉันไซร้ชื่อแก้วกิริยา เป็นไทยอย่าเอาใจมาคบทาส ฉันไม่อาจเอื้อมนั่งเสมอหน้า ที่โกรธแค้นแทนกันแต่ก่อนมา ก็แก้แค้นตามประสาท่านผู้ดี ฯ ๏ น้อยฤๅพูดจาช่างน่ารัก เสนาะนักนํ้าคำเจ้าเสียดสี ปิ้มจะกลืนชื่นใจในวาที สงสารด้วยยังไม่มีคู่ภิรมย์ แม้นชายใดได้อยู่เป็นคู่ครอง จะแนบน้องเชยชิดสนิทสนม พี่จะอยู่สู้รักไม่แรมชม มิใช่ลมลวงน้องอย่าหมองใจ อย่าว่าแต่เจ้ายากอยู่สิบห้า ถึงห้าชั่งพี่ก็หามาช่วยได้ บุญหลังได้สร้างมาปางใด เผอิญให้จำเพาะพบประสบนาง ว่าพลางทางแอบแนบชิด ปลื้มจิตรอย่าสะเทินเมินหมาง แก้ห่อเงินมอบแล้วปลอบพลาง อย่าระคางเคืองใจได้เอ็นดู ฯ ๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา เมินหน้าซ่อนซบหลบอยู่ ปัดป้องมิให้ต้องเข้าชมชู รู้แล้วว่ารักว่าปรานี เงินทองกองเกวียนจะโกยให้ ฉันขอบใจบุญคุณเหนือเกศี ยังคิดคำบิดาเป็นราคี ท่านปรานีซ้ำสั่งสารพัน ถึงยากจนก็ให้ทนเสงี่ยมจิตร อย่าพลั้งผิดปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ รักหลังระวังโพยโบยรัน แม่นมั่นรับสัตย์กับบิดา ถ้าหม่อมรักฉันแท้ไม่ทอดทิ้ง อย่าด่วนชิงเชิญงดให้งามหน้า อย่าให้น้องหมองสัตย์ที่สัญญา เชิญไปว่ากับคุณพ่อแต่พอควร หม่อมรักใช่ฉันจักไม่รักตอบ จะลักลอบกลัวผิดสักพันส่วน รักตัวกลัวอายเสียดายนวล สุดสงวนอยู่แล้วอย่าวอนเลย ฯ ๏ น้องเอ๋ยเพราะน้อยฤๅถ้อยคำ หวานฉํ่าจริงแล้วเจ้าแก้วเอ๋ย เจ้าเนื้อหอมพร้อมชื่นดังอบเชย เงยหน้ามาจะว่าไม่อำพราง ได้ชมชิดเข้าสนิทอย่างนี้แล้ว ขอเชิญแก้วกิริยาเมตตาบ้าง พี่จะมอบเสน่ห์ไว้ที่ในนาง อย่าระคางข้องแค้นระคายเคือง ถ้าพี่ลวงน้องให้หมองสัตย์ จงวิบัติเกิดเข็ญให้เป็นเนื่อง สารพัดวิชาสง่าเปลือง เจ้าเนื้อเหลืองดังทองมาทาบทับ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๒๑ ว่าพลางทางเปลื้องเครื่องคาด แขวนพาดฉากลงประจงจับ อุ้มนางวางตักสะพักรับ ก็ทอดทับระทวยลงดังท่อนทอง พระพายชายพัดบุปผาชาติ เกสรสาดหอมกลบตรลบห้อง ริ้วริ้วปลิวชายสไบกรอง พระจันทร์ผันผยองอยู่ยับยับ พระอาทิตย์ชิงดวงพระจันทร์เด่น ดาวกระเด็นใกล้เดือนดาราดับ หิ่งห้อยพร้อยไม้ไหวระยับ แมลงทับท่องเที่ยวสะเทือนดง ฯ ๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา เสนหาปลื้มใจใหลหลง ความรักให้ระทวยงวยงง เอนแอบอ่อนลงด้วยความรัก สะอึกสะอื้นอ้อนแล้วถอนใจ น้ำตาไหลซกซกลงตกตัก แค้นใจที่มาไล่ข่มเหงนัก แล้วจะลักวันทองไปเที่ยวไพร ตัวท่านจะสำราญระริกรื่น ข้านี้นับคืนคอยละห้อยไห้ เพลินป่าพ่อจะมาต่อปีไร ขุนช้างก็จะไล่พาโลตี ท่านจะมาหากันนั้นต่างหาก กรรมวิบากพามาไม่พอที่ ให้พะวังกังขาเป็นราคี ทำทีควักค้อนด้วยงอนใจ ฯ ๏ ขุนแผนรับขวัญอย่าพรั่นจิตร พี่หาลืมคิดความหลังไม่ แสนสงสารสุดสวาดิเพียงขาดใจ นับแต่วันนี้ไปจนวันตาย มิวันหนึ่งก็วันหนึ่งคงถึงห้อง ประสมสองเกษมสุขให้โศกหาย ชื่นจิตรเจ้าจงคิดเพทุบาย ถ่ายถอนตัวเสียให้เป็นไทย ว่าพลางทางถอดซึ่งแหวนเพชร ประคองเช็ดน้ำตาอย่าร้องไห้ ชมแหวนแทนพลางสว่างใจ สอดใส่นิ้วน้อยให้นางดู กอดคอชะลอเคลื่อนออกจากห้อง สอดประคองอกประทับสะทึกอยู่ มิใคร่เขยื้อนยกแขนประคองชู เอ็นดูด้วยช่วยชี้ที่วันทอง ฯ ๏ นางแก้วกิริยายิ่งอาลัย แข็งใจชี้แจงตำแหน่งห้อง ตรงนี้แน่ะแลไปอย่าเมินมอง ล่วงสองชั้นเข้าไปห้องใน แสงอัจกลับตามอร่ามเรือน คนเกลื่อนนอนนั่งระวังไสว เอ็นดูน้องเถิดอย่าไปเลยเป็นไร เหมือนหนึ่งใจเมียจะขาดด้วยคิดกลัว เจ้าแก้วกิริยาอย่าอาวรณ์ ขวัญอ่อนเจ้าไม่เคยเห็นฤทธิผัว ไม่แกล้วกล้าฤๅจะมาได้แต่ตัว ชั่วแล้วดอกจะละวันทองทิ้ง ขวัญข้าวเจ้าไปนอนเสียเถิดน้อง หับห้องเสียให้มิดสนิทนิ่ง เย้ายวนกวนใจไม่ไปจริง นิ่งนะพี่จะเข้าไปห้องใน ปลอบพลางวางน้องแล้วย่องเยื้อง ชำเลืองแลวันทองอยู่ห้องไหน บังลับแลแลลับวับวาบใจ แสนอาลัยเหลือที่จะรีรอ นางแก้ววิ่งตามด้วยความรัก จักแหล่นลืมฉันเสียเจียวหนอ แคลงเรือนเพื่อนฤๅจึงรื้อรอ ถัดหอเข้าไปหน่อยก็นั่นเอง ฯ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๒๒ ๏ ขุนแผนเหลียวมาเห็นหน้าแก้ว เจ้าบอกแล้วไม่พิเคราะห์ให้เหมาะเหมง เห็นช่องแล้วอย่าร้องให้ครื้นเครง เกรงผิดจึงชะงักฉงนใจ ดึกแล้วแก้วพี่ยังมินอน อย่าอาวรณ์เลยพี่ไม่ช้าได้ ว่าพลางพานางเข้าห้องใน ปลอบให้นอนเหนือที่นอนน้อย กอดประทับมิใคร่หลับลงเลยหนอ ประคองคอเขยื้อนขยดถอย เห็นหลับๆ กลับขยิบกะปริบกะปรอย จนเหงื่อย้อยลงแล้วไม่หลับนอน ว่าพลางทางเป่าพระเวทฤทธิ์ ให้สนิทล้มหลับลงกับหมอน ลุกเลี่ยงหลีกมายิ่งอาวรณ์ หยุดยืนยั้งสะท้อนสะทึกใจ เห็นพลิกตัวกลัวเจ้าจะคว้าหา กลับมากอดน้องให้นอนใหม่ แต่กอดแล้วกอดเล่าเคล้าคลึงไป เห็นหลับใหลสิ้นสมประดีนาง วางน้องย่องย่างออกจากเตียง พลิกหมอนข้างเคียงประคองข้าง จากห้องย่องเหยียบแต่เบาบาง พลางผูกใบดาลสำราญใจ ฯ ๏ เดินถือฟ้าฟื้นขึ้นหอกลาง ของขุนช้างสร้างขึ้นไว้ใหม่ใหม่ หอนั่งตั้งฉากพับไว้ ขุนทองกรงทองใส่สะอาดตา กระจกใหญ่ใส่รูปฝรั่งนั่ง นัยน์ตาตั้งค้อนคมดูสมหน้า ชมพลางทางเดินเพลิดเพลินมา รีบเร่งเร็วหาเจ้าวันทอง เห็นทาสหญิงนอนกลิ้งหอกลางหลับ สะเดาะฉับเดินเข้าไปในห้อง เครื่องแก้วแพรวพรายอยู่ก่ายกอง ฉากสองชั้นม่านมูลี่มี ม่านนี้ฝีมือวันทองทำ จำได้ไม่ผิดนัยน์ตาพี่ เส้นไหมแม้นเขียนแนบเนียนดี สิ้นฝีมือแล้วแต่นางเดียว เจ้าปักเป็นป่าพนาเวศ ขอบเขตเขาคลุ้มชอุ่มเขียว รุกขชาติดาษใบระบัดเรียว พริ้งเพรียวดอกดกระดะดวง ปักเป็นมยุราลงรำร่อน ฝ่ายฟ้อนอยู่บนยอดภูเขาหลวง แผ่หางกางปีกเป็นพุ่มพวง ชะนีหน่วงเหนี่ยวไม้ชม้อยตา ปักเป็นหิมพานต์ตระหง่านงาม อร่ามรูปพระสุเมรุภูผา วินันตกหัศกันเป็นหลั่นมา การวิกอิสินธรยุคุนธร อากาศคงคาชลาสินธุ์ มุจลินท์ห้าแถวแนวสลอน ไกรลาศสะอาดเอี่ยมอรชร ฝูงกินนรคนธรรพ์วิทยา ลงเล่นน้ำดำดั้นอโนดาต ใสสะอาดเยือกเย็นเห็นขอบผา หมู่มังกรล่อแก้วแพรวพรายตา ทัศนารำลึกถึงวันทอง ห้ำหั่นฟันม่านผลาญสับ ระยำยับย่างเข้าไปชั้นสอง น่ารักปักเอี่ยมลออออง น้องเอ๋ยช่างฉลาดลํ้ามนุษย์ เจ้าปักเป็นพระลอดิลกโลก ถึงกาหลงทรงโศกกำสรดสุด แสนคะนึงถึงองค์อนงค์นุช พระทรงเสี่ยงสายสมุทรมาเป็นลาง แสนคะนึงถึงองค์พระเจ้าแม่ พระลอแลน้ำแดงดังแสงฝาง ละลักษณวดีไว้โดยปรางค์ คะนึงนางพระพี่น้องทั้งสององค์


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๒๓ ปู่เจ้าท้าวใช้ให้ไก่แก้ว มาล่อแล้วพระลอไล่เตลิดหลง ถึงสวนพระยิ่งแสนกำสรดทรง ปักเป็นองค์พระเพื่อนพระแพงทอง สู่สวนพิศวาสประพาสโฉม พระลอโลมเสพสุขประสมสอง พี่เลี้ยงเคียงข้างคอยประคอง นางรื่นนางโรยรองบาทบงสุ์ มิเสียแรงใจเจ้าวันทองเอ๋ย กะไรเลยโลภรักขุนช้างหลง กลุ้มกลัดตัดม่านสะบั้นลง ฉีกฉะหวะวงแล้วเหวี่ยงไป ถึงม่านชั้นสามดูงามพริ้ม ฝีมือพิมเจ้าทำพี่จำได้ ยืนพิศม่านน้องต้องติดใจ ฉลาดนักปักไว้เป็นคาวี จรดลด้นดั้นอรัญเวศ ถึงกรุงจันตประเทศบุรีศรี สังหารผลาญหมู่สกุณี เลือดอินทรีแดงสาดลงดาษดิน ปักเป็นลงเล่นในคงคา กับโฉมจันทร์สุดาอันเฉิดฉิน ลอยเส้นเกศาในวาริน หอมกลิ่นผมตรลบผอบทอง ปักเป็นเถ้าทัศประสาทใจกล้า มาลวงพานางพรากไปจากห้อง ถวายท้าวเมืองอื่นให้ชื่นครอง กระทบเรื่องวันทองให้เคืองใจ อีเถ้าศรีประจันผู้มารดา เหมือนอีเถ้าใจกล้าหาผิดไม่ ดูพระยาก็ให้ชังยิ่งคลั่งใจ เหมือนไอ้ขุนช้างชิงวันทองกู พระยาก็ไม่ยากมากหมื่นนาง ขุนช้างเป็นเศรษฐีมีถมอยู่ ดูม่านพล่านใจดังไฟวู จู่จับฟ้าฟื้นฟันระยำ สับบั่นหั่นย่อยลงร้อยทบ ฟันตรลบม่านมุ้งไม่เป็นสํ่า เห็นขุนช้างกางกอดอยู่กำยำ ทะมื่นดำดาลเดือดเสียดายนาง วันทองน้องน้อยหนึ่งเท่านั้น จะเคียงมันก็ไม่ถึงสักครึ่งข้าง เงื้อดาบจะใคร่ฟาดให้ขาดกลาง ง้างหัวมาจะสับให้ยับลง ฯ ๏ กุมารทองป้องปัดสกัดดาบ ประนมกราบขอโทษยิ่งโกรธส่ง ถีบต่อยเตะตกจากเตียงลง กุมารตรงยึดขวางไม่วางมือ งดก่อนผ่อนพ่ออย่าเพ่อฆ่า ไม่กลัวอาญาเจ้าชีวิตฤๅ ขุนแผนแค้นกัดกรามคำรามฮือ เอออือกูไม่กลัวแล้วอาญา มันทำแค้นพ่อก็พอแรง กูจะแล่งอกออกเอาดาบผ่า ถอยไปใช่การอย่านำพา ฆ่าเสียที่ลับจับเอาใคร กุมารทองห้ามว่าอย่าให้ตาย เอาแต่พอเจ็บอายเลือดตาไหล ฟันฆ่าเทวดามักดลใจ จับได้เนื้อความลามกระจาย ฯ ๏ ขุนแผนคลายแค้นพิโรธจิตร ยืนพิศวันทองแล้วใจหาย มืดมิดช่างไม่คิดเสียดายกาย อายบ้างก็ไม่มีเท่าขี้เล็บ ลอยหน้ามาอยู่กับชู้ช้าง กระเบนกรางหน้าผากไม่อยากเจ็บ ปักม่านเท้าแขนแอ่นเอวเย็บ ซ่อนตะเข็บน้อยน้อยน่าเอ็นดู สมรูปเจ้าแล้วฤๅไรนั้น พัวพันช่างไม่พิศดูหัวหู ชอบใจใหม่แล้วมาลืมกู เคียงคู่ชะควรกันสุดใจ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๒๔ จะดูแก้มแก้มก็หมองไปหมดสิ้น นวลขมิ้นดอกนวลเนื้อหามีไม่ จะดูนมนมก็น่วมหลวมทรวงไป จะหาไตแต่สักนิดไม่มีเลย เสียงามไปกว่าก่อนนางงอนรถ สุดจะอดแล้วนะเจ้าวันทองเอ๋ย ถ้ามิว่าจะชะล่าชะเลยเคย ขยับเงยเงื้อดาบสะดุดพราย ฮึดฮัดวัดเหวี่ยงกุมารทอง อย่าปัดป้องกูจะฆ่าให้ฉิบหาย กุมารยึดดาบง้างไม่วางวาย คิดเสียดายทิ้งดาบกระเดื่องใจ โอ้เจ้าวันทองของพี่เอ๋ย ไม่เห็นเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ได้ เสียยศเสียศักดิสักเท่าไร ดังดวงแก้วไปได้กับวานร คายอมจมฝุ่นแล้วเหวี่ยงฟัด จะใคร่ตัดรูปรอยสักร้อยท่อน ให้ทานแร้งกากินที่ดินดอน ฟันฟอนอ้ายขุนช้างให้สาใจ ทั้งนี้เพราะอีศรีประจันเอง ไม่เกรงดาบกูดูหมิ่นได้ ชอบเชือดเนื้ออีแม่แล่อกใจ แคะได้เอาพริกกะเกลือพรม จับหัวขุนช้างขอดตลอดขวัญ หยิกควั่นหยอกหยอยเหมือนหอยขม น้ำมันปั้นปีกจำเปาะกลม ดูเป็นร่มระย้าพระยามอญ จับรวบกันเข้าจะเกล้าจุก อ้ายขี้คุกกลางโล่งออกล่อนจ้อน หวีไว้ไปล่ปลิวเป็นปีกงอน เอาแหนบถอนไรจุกเข้าสองนิ้ว เอาไม้ม้วนสำลีเข้าหวีโหย่ง อ้ายตายโหงโล่งเปล่าอ้ายเหาหิว เอามินหม้อล่อทาเป็นปลาซิว เขียนกริวขึ้นขี่ที่ต้นคอ ที่ต้นขาเขียนปลาเทโพผุด เขียนเขียนแล้วก็หยุดยืนหัวร่อ ถีบตกเตียงคว่ำดำมอซอ เอาหม้อผูกคอเข้าสองใบ ทำขุนช้างแล้วก็ย่างขึ้นบนเตียง เคียงนางพลางทอดถอนใจใหญ่ โอ้เจ้าวันทองหมองมัวไป ลูบไล้อ่อนอุ่นละมุนมือ มือพี่อย่างนี้ดอกควรต้อง กับเนื้อน้องนุ่มนิ่มควรจะถือ ถนอมรักหนักนิดหนึ่งไม่ครือ แต่อุ้งมือค่อยประทับดังทองเปลว นิจจาเจ้าเศร้าซีดทั้งเนื้อนม บีบระบมเอาแล้วอ้ายห่าเหว เตะขุนช้างผางเข้าหว่างเอว อ้ายลิงเลวดีแล้วแต่รายเมา ฮึดฮัดจะใคร่ตัดศีรษะขว้าง กุมารขวางอย่าฆ่าเลยพ่อเจ้า สับทำแต่พอหนำน้ำใจเรา ฆ่าเขาความผิดจะติดตัว ฟังพรายคลายโกรธพิโรธจิตร ยืนพิศวันทองยิ่งชังผัว ขับพรายร่ายมนตร์ให้ฟื้นตัว เจ้าตื่นขึ้นดูผัวสักหน่อยรา ฯ ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง หลับต้องมนตร์มึนยังมืดหน้า สะดุ้งตกใจตื่นไม่ลืมตา ผวากอดขุนแผนนิ่งไม่ติงตัว ขวัญหายกายสั่นระรัวริก ปลุกหยิกคิดว่าขุนช้างผัว เล่าความฝันมาประหม่ากลัว ว่าทูนหัวสุมไฟไว้ในมุ้ง เปลวปลาบวาบพลุ่งขึ้นปลายจาก ไหม้มากหลายตับลงยับยุ่ง ต้องตัวผัวไหม้ทั้งไส้พุง น้องสะดุ้งโดดกลิ้งลงกลางแปลง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๒๕ เรืองเริงเพลิงผลาญม่านหมอนฟูก ถูกน้องพุพองเป็นหลายแห่ง ไม่มึใครจะช่วยดับวับวาบแรง ตัวน้องนึกแสยงสยดใจ เชิญช่วยทำนายให้น้องที เช่นนี้น้องหาเคยจะฝันไม่ จะเกิดเหตุเภทพาลประการใด กอดแอบแนบไว้ไม่ลืมตา ฯ ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนแผน ขัดแค้นคำนางพลางตอบว่า ฝันนี้ดีดอกเจ้าพี่อา แก้วตาอย่าสลดระทดใจ เจ้าฝันว่าไฟฟอนฟูกหมอนม่าน จะมีท่านผู้อื่นเอามาให้ อันซึ่งว่าครวญคร่ำรํ่าพิไร จะเกลียดไกลคนชั่วที่มัวเมา ฝันว่าร้องไห้จะได้ชม ของรักตกตมจะคืนเข้า ที่ร้อนโรคโศกสร่างจะบางเบา มิตรเก่าจะประคองวันทองน้อย พี่กับเนื้อเย็นจะเป็นสุข อย่าทุกข์พรั่นขวัญข้าวอย่าเศร้าสร้อย ว่าพลางช้อนคางให้เพลินพลอย ขอจูบหน่อยเถิดเจ้าอย่าเศร้าใจ ฯ ๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา ฟังเสียงเจรจาไม่จำได้ เสียงกระเส่ากระซิบยิ่งเสียวใจ ลูบไล้อกอ่อนสะเอวบาง นิ่มนิ่มเนื้อน้อยประหลาดนัก ครั่นจะทักเกรงผิดให้คิดหมาง แคลงคลำอกเลี่ยนตลอดคาง หอมกระแจะจันทน์นางยิ่งแหนงใจ ขุนช้างบางแบบอย่างนื้ฤๅ แต่ข้อมือเกินกำหารอบไม่ ผวาตื่นฟื้นตัวด้วยตกใจ คว้าไปก็ปะเจ้าขุนช้าง ทูนหัวผัวรักไม่ลืมตา ทำไมมานอนกลิ้งอยู่พื้นล่าง ปลุกสั่นหวั่นไหวนํ้าใจนาง นํ้าตาพรูพรูพร่างลงพรายตา ฯ ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนแผน ขัดแค้นคำนางพลางตอบว่า วันทองน้องรักเจ้าพี่อา ลืมตาดูบ้างก็เป็นไร พี่มิใช่ผู้ร้ายชายโจร อย่าเพ่อโผนแผดร้องไปข้างไหน สั่นปลุกลุกขึ้นทำไมใคร อย่าจำใจให้ลุกไม่ลุกเลย คนหลับกลับสั่นขึ้นให้ฟื้น คนตื่นนี้ไม่เตือนทำเชือนเฉย เกลียดชังอย่างไรฤๅไม่เคย เงยหน้ามาทักอย่าผลักแพลง นิจจาเจ้าวันทองน้องพี่อา พี่จำหน้าเนื้อน้องได้ทุกแห่ง นิจจาใจช่างกะไรมาแปลกแปลง เอามือคลำแล้วยังแคลงอยู่คลับคล้าย เจ้าลืมนอนซ่อนพุ่มกระทุ่มตํ่า เด็ดใบบอนช้อนน้ำที่ไร่ฝ้าย พี่เคี้ยวหมากเจ้าอยากพี่ยังคาย แขนซ้ายคอดแล้วเพราะหนุนนอน เจ้ามาได้ผัวดีมีทรัพย์มาก มาลืมเรือนเพื่อนยากแต่เก่าก่อน หลงเชิงขุนช้างช่างชะอ้อน กอดท่อนซุงสักสำคัญคน ถ้ามันตื่นขึ้นเห็นพี่จูบเจ้า ตายเปล่าคอพี่นี้ขาดป่น สั่นปลุกลุกจริงสิพี่จน ลุกขึ้นได้ไล่ชนพี่ตายจริง ฯ ๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา ฟังว่าสะดุ้งใจไหวกริ่ง เจ็บจิตรตละพิษปืนยายิง ช่างค่อนติงเสียดซ้ำให้แสบใจ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๒๖ รื้อเรื่องไร่ฝ้ายกระจายวุ่น นี่ขุนแผนแม่นแล้วหาใครไม่ ดึงดื้อถือตัวไม่กลัวใคร มีแต่ฤทธิแล้วจะไล่พาโลทำ นิ่งอยู่ดูช่างประชันประชด เหลืออดว่าเล่นไม่เป็นสํ่า เป็นไรก็เป็นไปตามกรรม จะเหยียบยีให้ระยำไม่อยากกลัว นึกพลางทางหันเข้าสั่นปลุก ลุกขึ้นเถิดเจ้าจอมหม่อมผัว ควํ่าหน้าหลับตาช่างลืมตัว ไม่กลัวฤๅพระกาลกาญจน์บุรี ว่าพลางนางปัดพานหมากหก นํ้าตาตกลุกไปเสียจากที่ ยืนบังฉากแค้นแสนทวี ชะดีแล้วเจ้าข้าขอบใจ ความสัตย์สารพัดจะสัจจัง ที่แท้ถังดอกหาใช่สัดไม่ นํ้าลายคายขากจากปากไป กลับกลํ้ากลืนได้เจ้าดีจริง ฯ ๏ ขุนแผนแค้นคำแล้วตอบนาง ชะช่างพิไรได้ทุกสิ่ง เปรี้ยงแปร้นแสนคมคารมจริง อย่านิ่งนะวันนี้ได้ฟังกัน เมื่อกี้ว่าใครไม่มีสัตย์ สารพัดเหน็บแนมแกมขยัน แสนงอนค่อนว่าสารพัน สัตย์ที่ถือมือมั่นจึงพลาดพลัด อันตัวเจ้าแลเสียสัตย์วิบัติคิด พี่จึงติดตามทวนมาสวนสัด เจ้าเจนตวงท่วงทีดีสันทัด ป้องปัดปาดหมุนละมุนตา ขุนช้างได้นางมาสอบสวน เจ้าจึงทวนถูกสัดยี่สิบห้า แสนคมคารมเติบเจรจา มาเชิดหน้าลอยนวลให้กวนใจ ไม่อดสูปลุกชู้ขึ้นชิงผัว จะกลัวบ้างสักนิดหามีไม่ สั่นปลุกลุกขึ้นทำไมใคร มารองให้ชมขวัญกี่วันแล้ว ไม่อิ่มอกอิ่มใจบ้างเจียวฤๅ ยังขืนดื้อถือปัดว่าดวงแก้ว มิฟังก็หลังจะเป็นแนว ยังดิ้นแด่วโดดเดือดไม่รู้ตัว ฯ ๏ วันทองหมองคำที่ค่อนแค้น เหลือแสนเจ็บแสบสมองหัว ว่าได้ว่าไปให้ใครกลัว ตกว่าชั่วเจ้าจึงซ้ำกระหนํ่าเน้น นี่เส้นผมกลมน้อยเสียนักอีก ซีกเดียวเจ้ายังจักได้เจ็ดเส้น แสนงอนค่อนว่านัยน์ตาเป็น เช่นนี้เกิดมาไม่เคยพบ มาชี้หน้าด่าข้าว่าไรฤๅ มาขึ้นไม้ขึ้นมืออยู่หรบหรบ ความหลังข้ายังจำไว้ได้ครบ เจ้าเรียกให้เมียตบไม่เกรงใจ ทั้งแขวนหนังสือด่าสารพัด ตัดรอนค่อนว่าหาเลี้ยงไม่ จะฉีกเชือดอีเถ้าแม่แล่อกใจ ว่าไม่เลี้ยงแล้วเหมือนกากี แสนแค้นที่เจ้าแขวนหนังสือด่า ค่อนว่าสัปดนจนป่นปี้ ในตัวล้วนแต่ชั่วไม่มีดี จี้ไชไค้แคะแกะเลือดปู ห้ามหวงขุนช้างมิให้รัก อัปลักษณ์ขายหน้ามิให้อยู่ มารดานํ้าตาลงพรูพรู จึงสู้ส่งให้เขาข้างนี้ เขาจึงได้ทีทำระยำเยิน เมื่อได้เกินแล้วอย่ากลับมาจู้จี้ ได้เสียตัวเพราะผัวไม่ไยดี ถ้ามีเมตตาบ้างมิเป็นไร


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๒๗ ยามโปรดเจ้าโลดดังจะเหาะ ได้เมียเหมาะแล้วหาว่าไรไม่ สอนให้เมียด่าว่าวุ่นไป ลูบไล้โลมเล่นตละรำ นี่ลาวทองจากห้องไปแล้วฤๅ จึงดึงดื้อเดือดมาเวลาคํ่า ไม่ตามใจขัดใจจึงเพ้อพำ นี่อดน้ำแล้วสิเลี้ยวมากินตม ฯ ๏ เพราะคำรํ่าค่อนงอนสะบัด แม่ผลัดชื่อให้ก็เห็นสม ชื่อว่าวันทองต้องนิยม นานไปแก้มกับนมจะเป็นทอง เออกระนั้นสิเจ้าอย่าให้ว่า ให้หลับตาชมเซอะอยู่ในห้อง ตามใจให้เจ้าทำตามลำพอง ครั้นว่าบ้างแล้วก็ร้องไม่เคยพบ แต่กระนั้นยังไม่ได้กับใจนาง ปล่อยหางแล้วก็เปรื่องกระเดื่องจบ รื้อเรื่องความหลังตั้งสมทบ ข้าเรียกให้ใครตบจึงเจรจา แค้นขุ่นวุ่นฉาวกับลาวทอง โดดจากเรือร้องทำหยามหน้า แปรดแปร้นแค้นขัดสะบัดมา เหลือว่าอยู่แล้วแต่วันนั้น เป็นใจใครมั่งจะไม่แค้น ผิดเจ้าจะแล่นไปไหนนั่น เพราะยังเมตตาไม่ฆ่าฟัน โกรธกันจริงแต่ยังไม่ตัดรอน จากไปสองคืนคืนมาเรือน เจ้าช้างเถื่อนกอดประทับไว้กับหมอน แค้นใจตละไฟมาไหม้ฟอน แต่วันนอนอยู่วันนั้นก็เจียนตาย ถ้าเอากฤชนีดเน้นให้เป็นผี ปานนี้ก็จะสูญเป็นเถ้าหาย ถึงโกรธก็ยังรักยังเสียดาย จึงคลายโทษหลังยั้งหยุดคิด รุ่งเช้าเฝ้าเรียกให้ออกมา เจ้าไม่แลดูหน้าแต่สักหนิด ก็ยังอักอ่วนใจอาลัยมิตร กลับบิดใส่โทษทุกสิ่งอัน หนังสืออะไรข้าได้แขวน ไม่รักแล้วก็แค่นมาเสกสรร ที่รักนั้นแลหากไม่ว่ากัน ลายมือของทั่นเจ้าจอมช้าง ชู้ชอบใจเจ้าเฝ้ายุแยง เสียดแทงสอดใส่ได้ทุกอย่าง บ้านเราก็หนักปักริมทาง ถอนขว้างฉีกทิ้งเสียถมไป เจ้าหากติดบ่วงมันลวงหลง เมื่อเข้ากรงแล้วจะดิ้นไปไหนได้ จึงพลอยเหินห่างระคางใจ คิดไปทั้งนี้นี่เนื้อเคราะห์ มันพอกับเรื่องนางกากี เจ้าปักษีขุนช้างพานางเหาะ พี่เหมือนคนธรรพ์สรรจำเพาะ อย่าฉอเลาะเลยเจ้าจะคืนวัง มิเสียทีพี่ขอบน้ำใจรัก เห็นประจักษ์แจ้งจริงมาแต่หลัง มาหาเห็นหน้าเหมือนชิงชัง ยังจะซ้ำปลุกชู้ให้ลองฤทธิ์ ชิจิตรชะใจวันทองเอ๋ย กะไรเลยตัดได้ไปเป็นปลิด ขาดเม็ดเด็ดเรือไม่เผื่อคิด ม้าลาเล็ดลิดอยู่อลวน จากเบี้ยเสียสองเพราะต้องคาด ฟันฟาดเบี้ยหงายกระจายป่น ม้าก้าวยาวเรือก็เหลือทน เมื่อพี่จนแล้วจะไล่แต่รายโคน คิดมาก็น่าน้อยใจนัก อัปลักษณ์เหมือนนิยายเขาเล่นโขน สีดาเดียวเปลี่ยวใจไปกับโจร พระรามโทนเที่ยวท่องระทมใจ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๒๘ ถ้าเจ้าซื่อครองสัตย์สุจริต นิดหนึ่งเหมือนสีดาหาว่าไม่ นี่เสียศีลสุดสิ้นทุกสิ่งไป ไหนเล่าเจ้าว่าแต่เดิมที ว่าสู้ตายมิให้ชายอื่นต้อง ว่าจะครองอารมณ์แต่ตัวพี่ ไยมานิ่งให้มันเคล้าเย้ายวนยี นี่ชู้ฤๅมิใช่ให้ว่ามา ทำแต่เท่านั้นก็เหลือแสน ยังจะแค่นปลุกมันขึ้นฟันฆ่า หอกดาบอยู่ไหนไปเอามา อย่านะจะตื่นขึ้นทันที ถ้ามันตื่นขึ้นเห็นพี่จูบเจ้า ตายเปล่าขาดเด็ดแล้วคอพี่ ทำได้ทำไปเป็นไรมี คนดีมันไม่สิ้นเลยทุกวัน หญิงสามร้อยกลมารยา บุราณท่านว่าไม่เสกสรร ได้ความตามหาพึ่งมาทัน จะปั้นรูปไว้ดูให้เจนใจ ไว้เป็นแบบฉบับตำรับมี ว่ารูปดีใจคดหาตรงไม่ ตาดำกล่อมกลมทั้งคมใน จำได้สิ้นแล้วทั้งกายา ฯ ๏ เจ็บใจไม่น้อยทั้งถ้อยคำ ทิ่มตำแดกดันรำพันว่า แค้นคำนํ้าตาลงคลอตา สะบัดหน้าแน่ะเจ้าไม่จำคำ วันวิวาทกันกับลาวทอง แผดร้องโรมโรมพิไรรํ่า กั้นกางขวางไว้มิให้ทำ ซ้ำไล่จะฟันให้บรรลัย แค้นใจข้าจึงไปผูกคอตาย สายทองมาบอกยังด่าให้ ขึ้นช้างพานางลาวทองไป ดังพระสุธนได้มโนรา ข้านอนกับขุนช้างก็จริงอยู่ แต่ได้สู้รบกันเป็นหนักหนา เสียตัวชั่วใช่จะตื่นตา เพราะพรายเขาเข้ามาสะกดไว้ ถ้าผัวเมตตามาปกป้อง วันทองฤๅใครจะทำได้ เจ้าลอยช้อนเอาปลาที่หน้าไซ เพราะใจของเจ้าไม่เมตตา ขึ้นช้างไปกับนางลาวทองน้อย ข้านี้ตั้งตาคอยละห้อยหา หม่อมเมียเหนี่ยวไว้มิให้มา แค่นจะมีหน้าว่าไม่สมคำ ยังจะมาปั้นรูปเป็นตำรา สามร้อยมารยาช่างว่าร่ำ เมื่อกระนั้นเป็นไรจึงไม่ทำ ไม่ลืมตาขึ้นคลำให้เต็มใจ รู้แล้วว่าข้าชั่วจึงไม่เลี้ยง ใครหาเถียงทัดทานว่าดีไม่ ตามประสาคนชั่วจึงกลัวไกล คนดีแล้วใครจะไม่รัก ได้อายด้วยหลงมาเป็นผัว มืดมัวลามกดังตกปลัก เพราะยาแฝดแปดปนระคนนัก มาคบชั่วแล้วจึงชักให้เสียชาย เมื่อแรกเจ้ายังรักอยู่กับข้า ขอษมาเสียเถิดฝ้าพึ่งจะหาย ตละต้องของใส่ที่ในกาย นวลหน้าฝ้าลายอยู่มอมแมม แต่เพียงไปได้กับเจ้าลาวทอง ผ่องดังเพชรรัตน์กระจัดแจ่ม ผิวผ่องตละทองประกับแกม นี่เหลาะแหละลอมแลมเข้ามาไย อีวันทองชั่วชาติอุบาทว์แล้ว พ่อพลายแก้วจะเลี้ยงมันไหนได้ มานั่งใกล้ไม่กลัวตัวจัญไร โอ๊ยโดดไปมั่งแล้วกระมังนา


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๒๙ ไม่พอที่ที่หม่อมจะกินเดน มันนอกเกณฑ์ดอกไม่สมเสมอหน้า อย่าวนเวียนระไวอยู่ไปมา เหมือนปล่อยนกปล่อยกาให้ปลอดไป จะต้องการเงินทองสักสองสัด น้องไม่ขัดดอกจะสู้ทูนหัวให้ ฤๅเสียเจ้าลาวทองจึงหมองใจ จะหาให้กอดเล่นอย่าเป็นทุกข์ ชอบใจจะเอาไทยฤๅเอาลาว ที่สาวสาวจะเอามวยฤๅไรจุก น้องไหว้กราบกรานอย่ารานรุก อย่ามาคลุกเคล้าน้องจะหมองมัว ฯ ๏ แสนคมคารมนี้เปรี้ยงเปรี้ยง แง่งอนซ้อนเสียงมิใช่ชั่ว แค้นนักว่าปลอมมอมแมมมัว ระวังหัวจงดีเดี๋ยวนี้แล้ว มาลอยหน้าท้าเล่นอยู่หรบหรบ คารมจบจัดจ้านออกแจดแจ้ว ว่าได้ดังใครไม่รู้แกว หว่านแล้วล้อมเล่าเจ้ากระบวน เห็นว่าจนเงินทองข้องขัด มาเยาะหยัดเย้ายีว่าถี่ถ้วน อย่าลอยหน้าว่านักจะหักนวล อย่ามาสวนสอบคำให้ช้ำใจ รู้แล้วว่าชู้เจ้าเศรษฐี มั่งมีเงินทองจะกองให้ เงินทองจะพร่องไปเมื่อไร ช่างว่าได้พูดพรํ่าจะทำคุณ ขุนแผนนี้มันแกนทุกสิ่งอัน ของกำนัลไม่มีใครเกื้อหนุน ผัวเจ้ามีทรัพย์นับพันดุลย์ เป็นเจ้าคุณอยู่แล้วแต่ผัวนาง ยังจะขอลูกสาวคนอื่นให้ ช่างพิไรตะบอยนี้ร้อยอย่าง จะหาคนอื่นยัดแก้ขัดพลาง เจ้าจะกอดขุนช้างสบายใจ อันตัวเจ้าจะละอย่าพึงคิด ถึงนางในดุสิตไม่เปลี่ยนให้ ความเดือดจะเหือดไปเมื่อไร ถ้ามิได้เป็นจะเอาตาย อันตัวเจ้าเราจะละอย่าพึงนึก ลึกเสียละที่จะเปลี่ยนให้ง่ายง่าย ว่าได้ว่าไปไม่มีอาย ตัวชั่วกลับกลายว่าผีอำ ถึงว่าเราอยู่ไกลเข้าใจหมด ช่างโป้ปดทำเล่นไม่เป็นสํ่า แม่เจ้าเข้าด้วยช่วยกระทำ เข้าปลํ้าส่งให้กับขุนช้าง ผีพรายมันบอกแก่เราสิ้น ตัวดิ้นแต่ใจไม่แหห่าง ความรักจริงใจไม่จืดจาง อย่าพรางเลยมาจะพาไป ถึงเสียตัวชั่วช้ามาแต่หลัง ก็ชั่งเถิดข้อนั้นหาว่าไม่ จวนรุ่งเวลาจะคลาไคล ไม่ไปฤๅจะฟาดให้ขาดกลาง ฯ ๏ ข่มเหงเล่นเถิดทำไมเล่า ช่างมาเฝ้าตะบอยได้ร้อยอย่าง เสียตัวชั่วเพราะหลับกลับว่าพราง พรายของเจ้าช่างจับพิรุธ ดิ้นร้องตละเรือนจะหักร่วง ลุกทะลวงแล่นไปมันไล่ฉุด ปะแม่ตีรํ่ากระหนํ่ารุด อีพรายมุดเข้ามาเห็นว่าเป็นใจ ด้วยตัวเป็นหญิงก็นิ่งจน จะซุกซนไปหาผู้ใดได้ จึงเสียตัวชั่วเพราะเขาขืนใจ ไอ้ผีปากบอนช่างค่อนครบ ช่างมาพิไรใส่ความ จะเอาหนามทุเรียนเข้าซ้อนตบ ผีไม่มีสัตย์อ้ายบัดซบ ให้สลบลงสาแก่น้ำใจ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๓๐ ที่ว่ามิได้เป็นจะเอาตาย ป่ายลงเถิดเจ้าหากลัวไม่ พูดก็ไม่เห็นสิ่งที่จริงใจ จะอยู่ไปก็ไม่จิรังการ อย่าขบฟันหันฮึกอยู่เปล่าเปล่า เอาสิเป็นไรไม่สังหาร ฟาดฟันบั่นเสียให้วายปราณ ผลักกรานหยิกข่วนไม่ละกัน ฯ ๏ ประเดี๋ยวนี้ดอกนะอย่าทำไป เงื้อดาบจะใคร่เข้าห่ำหั่น จริงจริงแล้วฤๅดื้อดึงดัน ฟันนะเป็นไรก็เป็นไป ปากกล้าด่าพรายเปรียบกระทบ มิสลบลงกับที่ก็มิใช่ มารับกลับไปก็ไม่ไป ไม่กลัวแล้วฤๅไรมายื้อยุด ไม่ไปไม่ฟังกันในวันนี้ ห่อฝ่ามือตีกระชากฉุด เงื้อดาบจะใคร่ฟาดให้ม้วยมุด ฉุดชู้อยู่ได้ดู๋ดูเอา ว่าพลางทางเป่าละลวยลง ตรงหน้าวันทองให้ต้องเจ้า แกว่งฟ้าฟื้นอยู่อย่าดูเบา เร็วเข้าลุกมาจะด่วนไป ฯ ๏ วันทองต้องลมละลวยเป่า เคลิ้มเขลาคลายแค้นไม่ผลักไส ระวังตัวกลัวดาบวับวาบใจ เงื้อดาบขึ้นทีไรก็หวีดร้อง นี่อะไรเช่นนี้พ่อคุณเอ๋ย อย่ากวนใจนักเลยจะหาของ รู้ฤๅว่าจะไปจะได้สำรอง แหวนทองเงินผ้าจะหาไป ยิ่งสะบัดก็ยิ่งรัดข้อมือแน่น สองแขนจะขาดกลางหาวางไม่ เงื้อง่าจะมาฆ่าข้าทำไม จะไปดีดีแล้วจงวางมือ ฯ ๏ แสนเอยแสนคม คารมนี้หย่อนลงแล้วฤๅ เปรี้ยงแปร้นแค้นขัดสะบัดมือ ดีก็ดื้อไปอิกซิจะขอฟัง จะไปเลือกผ้าจะมาฤๅ เป่ามนตร์ใส่มือแล้วลูบหลัง พี่รักเจ้าจริงจริงไม่ชิงชัง หยอกมั่งก็มีแต่โกรธา ฯ ๏ วันทองต้องลมก็ลืมแค้น เท้าแขนก้มเคียงเข้าเรียงหน้า ฉันบอกทั่นฤๅว่าฉันไม่ไคลคลา หาผ้าผ่อนก่อนจึงค่อยไป ว่าพลางลุกย่างเข้าในห้อง หาของค้นลูกกุญแจไข เปิดหีบหอมฟุ้งจรุงใจ ล้วนใหม่ใหม่ไหมด้ายมีหลายพรรณ หยิบหยิบแล้วก็จีบประจงพับ หับหีบไขต่อขมีขมัน ผ้าหอมย้อมสีระยับมัน น้ำมันจันทน์ประทิ่นกลิ่นขจร เช็ดหน้าผ้าไหมฝรั่งห่อ ไขต่อหีบทองเถือกสลอน เพชรนิลมรกตอรชร พิรอดร่อนเรือนเพชรพะพรายตา เก็บรอมห้อมห่อผ้าห่มแน่น ช้านักขุนแผนจะคอยท่า คิดพลางลุกย่างขยับมา ห่อผ้าพาดปากกระทายน้อย ฯ ๏ มาถึงเตียงเคียงข้างขุนช้างหลับ พอมนตร์เสื่อมนางกลับหวนละห้อย จะจากเจ้าเหมือนดังว่าวขาดลมลอย อย่าหมายคอยเลยว่าเมียจะเป็นตัว ก้มกอดเท้าผัวเห็นมัวนิ่ง โอ้สิ้นบุญจริงพ่อทูนหัว จะปลุกสักเท่าไรไม่ไหวตัว มานอนมัวทิ้งเมียเสียอย่างไร


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๓๑ นี่จะทำฉันใดให้พ่อรู้ ว่าขุนแผนเขาจู่เข้ามาได้ เขาจะฆ่าฟันน้องจึงต้องไป มิใช่นอกใจแล้วหลีกลี้ คิดพลางนางจึงเขียนหนังสือ เล่าความตามซื่อเป็นถ้วนถี่ เขียนเสร็จพับปิดสนิทดี เหน็บไว้ที่ฝาเรือนของผัวรัก แล้วปลุกสั่นซ้ำเรียกพ่อช้างเอ๋ย กะไรเลยหลับเหลือที่หลับหนัก ฤๅผีพรายร้ายรองคะนองทัก น้องรักจักถวายพลีการ เต่าพล่าปลายำจะทำให้ เป็ดไก่เหล้าเข้มทั้งของหวาน เทียนเงินเทียนทองของตระการ ขอให้ท่านผัวรักข้าตื่นตัว นางพรายได้ฟังนํ้าลายไหล อยากเป็ดอยากไก่มิใช่ชั่ว กุมารทองร้องห้ามด้วยความกลัว หัวเด็ดเดี๋ยวนี้อย่าโลเล นางพรายรู้ตัวกลัวกุมาร ทะยานถีบขุนช้างจนห่างเห ยึดขาคร่าแขนให้แอ่นเปร ซวนเซหลับไปไม่รู้ตัว วันทองกอดผัวเห็นมัวนิ่ง สิ้นบุญจริงแล้วพ่อทูนหัว หวั่นไหวใจนางระริกรัว ก็มืดมัวลมจับหลับผอยไป ฯ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๓๒ บทถอดความร้อยกรอง เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้างได้นางแก้วกิริยา กล่าวถึงขุนแผนถูกพรากนางลาวทองไปนานกว่าปีแล้ว คิดถึงนางลาวทองแล้ว ยิ่ง แค้นใจที่ขุนช้างเป็นเพื่อนทรยศ จึงตั้งใจจะไปสุพรรณบุรีผ่าอกขุนช้างล้างแค้นแล้วลักนางวันทอง เข้าป่า พอรุ่งเช้า ขุนแผนบอกความตั้งใจของตนกับนางทองประศรี นางได้ฟังจึงห้ามปรามไว้ บอกว่า ทั้งเมืองไม่มีผู้หญิงแล้วหรือ นางวันทองรูปงามแต่ใจชั่ว ไม่ควรตามตัวกลับมาเป็นเมียอีก วันทองหมองแม้นเหมือนแหวนเพชร แตกเม็ดกระจายสิ้นเป็นสองสาม จะผูกเรือนก็ไม่รับกับเรือนงาม แม่จึงห้ามหวงเจ้าเพราะเจ็บใจ ฯ (หน้า 334) ขุนแผนตอบว่าจะว่านางวันทองชั่วก็ชั่วจริง แต่มาใคร่ครวญดูแล้วตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง หึงกัน นางวันทองเล่าความจริงทุกอย่าง ตนเองเสียอีกที่ถือโทษโกรธนางหุนหันทิ้งมา นางสายทอง เล่าให้ฟังว่า นางผูกคอตายเพราะยึดมั่นในความรักที่มีต่อตนจริง ๆ ตอนนั้นมีนางลาวทองอยู่ก็ลืม เรื่องนางวันทองไป แต่ตอนนี้ถูกขุนช้างกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานาจะต้องแก้แค้นให้ได้ขอให้แม่อวยชัยให้ พรด้วย นางทองประศรีฟังแล้วไม่รู้จะทัดทานอย่างไร จึงอวยพรให้สำเร็จสมความปรารถนา ขุนแผน รับพรแม่แล้วก็มาจุดธูปเทียนบูชาพระ ฝนแก่นจันทน์เอาน้ำมันทาเพื่อให้คนเห็นคนรัก แล้ว แต่งตัวสวยงาม ใส่เสื้อยันต์ สวมแหวนพระพิรอด คล้องสังวาลเครื่องรางของขลังทั้งหลาย โพกผ้า ประเจียด คว้าดาบฟ้าฟื้นลุกขึ้นดูทิศ แล้วบ่ายหน้าไม่ให้ถูกทิศผีหลวงและทิศพระกาล แล้วขึ้นม้า สีหมอกควบขี่เข้าป่า มีโหงพรายน้อยใหญ่ตามไปด้วย พอถึงบ้านพลับซึ่งอยู่ใกล้บ้านขุนช้าง ขุนแผน ตัดไม้ปลูกศาลเพียงตา ถวายเครื่องบัตรพลีเจิมแป้งกระแจะจันทน์ จุดธูปเทียนบูชา ว่าคาถาชุมนุม เทวดาแล้วอธิษฐานขอให้เทพไทเป็นพยาน เสร็จแล้วคว้าดาบฟ้าฟื้น ดูดวงดาว สังเกตลมปราณแล้ว ขี่ม้าสีหมอกตรงเข้าบ้านขุนช้าง ฝ่ายพวกผีพรายของขุนช้างซึ่งมี ๕ นาง คอยดูแลรักษาบ้าน เห็นศัตรูเข้ามาก็สำแดงฤทธิ์ ห้อยหัวแลบลิ้นปลิ้นตา ผีพรายของขุนแผนเข้าต่อสู้ด้วยฤทธิ์พอ ๆ กัน ขุนแผนชัดข้าวสารใส่ ซ้ำด้วย ข้าวหอมย้อมว่าน ผีพรายโดนเข้าก็ปวดแปลบ ผีพรายแอบดูเห็นเป็นหนุ่มรูปงามจึงแปลงร่างเป็นสาว น้อยรูปสวยมาพูดจาเชิญชวน แต่ขุนแผนรู้ว่าเป็นผีพรายจึงพูดจาดีด้วยบอกจุดมุ่งหมายที่มาแล้วขอให้ ช่วยเหลือ นางพรายบอกว่าช่วยไม่ได้เพราะต้องทดแทนบุญคุณขุนช้าง ขุนแผนเอาข้าวสารเสกชัดให้ นางพรายกระจัดกระจายหนีไป แล้วขุนแผนจึงขับม้าสีหมอกเข้าถึงตัวบ้าน สะกดคนในบ้านให้หลับ ต้องผ่านด่านเข้าไปถึงสามชั้นจึงถึงเรือนขุนช้าง ขุนแผนลงยันต์ปิดหน้าม้าสีหมอกให้บังเงาเสาไว้ สั่ง ผีพรายสะกดคนในบ้านให้หลับให้หมด ร่ายมนต์โปรยข้าวสารข้ามหลังคาเรือนไล่ผีบ้านผีเรือนออกไป ให้หมด จากนั้นขุนแผนบุกขึ้นไปบนชานบ้านซึ่งขุนช้างตกแต่งไว้สวยงามด้วยไม้ดัด ไม้กระถาง เขามอ อ่างปลา เครื่องมือช่าง เครื่องช้าง เครื่องม้าและอาวุธต่าง ๆ นานา


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๓๓ โจนลงกลางชานร้านดอกไม้ ของขุนช้างปลูกไว้อยู่ดาษดื่น รวยรสเกสรเมื่อค่อนคืน ชื่นชื่นลมชายสบายใจ กระถางแถวแก้วเกดพิกุลแกม ยี่สุ่นแซมมะสังดัดดูไสว สมอรัดดัดทรงสมละไม ตะขบบ่อยคัดไว้จังหวะกัน ตะโกนาทิ้งกิ่งประกับยอด แทงทวยทอดอินพรมนมสวรรค์ บ้างผลิดอกออกช่อขึ้นชูชัน แสงพระจันทร์จับแจ่มกระจ่างตา ยี่สุนกุหลาบมะลิซ้อน ซ่อนชู้ชูกลิ่นถวิลหา ลำดวนกวนใจให้ไคลคลา สาวหยุดหยุดช้าแล้วยืนชม ถัดถึงกระถางอ่างน้ำ ปลาทองว่ายคล่ำเคล้าคลึงสม พ่นน้ำดำลอยถอยจม น่าชมชักคู่อยู่เคียงกัน บ้างแหวกจอกออกช่องภูเขาเคียง วัดเหวี่ยงแว้งหางระเหิดหัน บ้างกินไคลไล่เคล้าพัลวัน ถัดนั้นแอกไถละไมงอน กะดึงพรวนล้วนสักหลาดทับ ดาวประดับดวงเด่นดูสลอน สลักเสลาเกลาเกลี้ยงอรชร เชือกใช้ไว้ช้อนสลับกัน เครื่องม้าดาดาษจังหวะวาง เครื่องช้างสารพัดจะจัดสรร ขอคร่ำด้ามพลองทองพัน ถัดนั้นย่างเยื้องชำเลืองมา (หน้า ๓๓๙) ขุนแผนสะเดาะกลอนเข้าไปในตัวบ้าน เห็นสาวๆ นอนอยู่หลายคนเดินหลีกเข้าไปใน ห้องหนึ่ง พบสาวน้อยสวยงามนอนหลับอยู่ในห้องที่ตกแต่งไว้สวยงามเป็นระเบียบ เจ้าร่างน้อยนอนนิ่งบนเตียงต่ำ คมขำงามแชล่มแจ่มใส คิ้วคางบางงอนอ่อนละไม รอยไรเรียบรับระดับดี ผมเปลือยเลื้อยประลงจนบ่า งอนปลายเกศาดูสมศรี ที่นอนน้อยน่านอนอ่อนดี มีหมอนข้างคู่ประคองเคียง กระจกแจ่มจัดใส่คันฉ่องน้อย ไม้สอยซ่นงางามเกลี้ยง ฉากบังจัดตั้งไว้ข้างเตียง อัฒจันทร์ตั้งเรียงในห้องน้อย ห้องแคบอุตส่าห์แอบไม่แออัด รู้จักจัดเครื่องเรือนไว้ใช้สอย ทั้งกระโถนขันน้ำแลจอกลอย ดูน้อยน้อยงามรับกับรูปคน (หน้า ๓๔๐) ขุนแผนไม่รู้ว่าสาวน้อยในห้องเป็นใคร แต่ก็อิงแอบแนบนาง คลายสะกดแล้วเป่าลม ละลวยให้นางพึงใจ นางแก้วกิริยาตกใจตื่น ถามว่าเป็นใครขุนแผนแนะนำตนและบอกจุดประสงค์ว่า ตั้งใจมาหานางวันทอง แต่เข้ามาดูใกล้ ๆ จึงรู้ว่าผิดตัว ขุนแผนชมว่ารูปร่างหน้าตาเหมือนกับนางพิม ราวกับพิมพ์เดียวกัน นางแก้วกิริยาซึ่งเริ่มเสน่หาในตัวขุนแผนก็มีมารยาหญิง ตัดพ้อว่าขุนแผนไม่ต้อง ยกยอเหมือนเย้ยกันเพราะตนเป็นคนต่ำต้อย ไม่เท่าเทียมนางวันทอง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๓๔ เต่าเตี้ยดอกอย่าต่อให้ตีนสูง มิใช่ยูงจะมาย้อมไม่เห็นขัน หิ่งห้อยฤๅจะแข่งแสงพระจันทร์ อย่าปั้นน้ำให้หลงตะลึงเงา (หน้า ๓๔๑) นางแก้วกิริยาบอกขุนแผนว่าตนเป็นลูกสาวพระยาสุโขทัย บิดาเอามาขายฝากไว้กับ ขุนช้างเป็นเงิน ๑๕ ตำลึง ขุนแผนฟังแล้วสงสารและดีใจที่นางยังไม่มีคู่จึงบอกรักและแก้ห่อเงินมอบให้ นางแก้วกิริยาบ่ายเบี่ยงว่าถ้ารักจริงให้ไปสู่ขอจากพระยาสุโขทัย มาลักลอบรักกันนั้นไม่สมควร ขุนแผนอุ้มนางขึ้นบนตัก โอ้โลมรำพันรักแล้วได้นางแก้วกิริยาเป็นภรรยา บทอัศจรรย์ ตอนนี้พรรณนาไว้อย่างไพเราะงดงามว่า พระพายชายพัดบุปผาชาติ เกสรสาดหอมกลบตรลบห้อง ริ้วริ้วปลิวชายสไบกรอง พระจันทร์ผันผยองอยู่ยับยับ พระอาทิตย์ชิงดวงพระจันทร์เด่น ดาวกระเด็นใกล้เดือนดาราดับ หิ่งห้อยพร้อยไม้ไหวระยับ แมลงทับท่องเที่ยวสะเทือนดง ฯ (หน้า ๓๔๓) ขุนแผนรับขวัญนางด้วยแหวนเพชร สั่งเสียให้นางหาทางไถ่ถอนตัวให้เป็นไทแล้วให้ช่วย ชี้ทางไปห้องนางวันทอง จากนั้นขุนแผนกล่อมให้นางนอน เป่ามนต์ให้หลับสนิทแล้วจึงลุกมาห้อง นางวันทอง ขุนแผนเดินถือดาบฟ้าฟื้นก้าวขึ้นหอกลางที่ขุนช้างสร้างขึ้นใหม่ ผ่านบริเวณหอนั่ง ซึ่งมี ฉากพับไว้ มีกรงนกขุนทองและมีรูปฝรั่งนั่งทำตาค้อนคมใส่กรอบกระจกบานใหญ่ ทาสหญิงหลายคน นอนหลับอยู่กลางหอกลางขุนแผนเดินเข้าไปในห้อง เห็นม่านสามชั้นที่นางวันทองปักไว้เป็นเรื่องราว ในวรรณคดีอย่างประณีตงดงาม ม่านชั้นที่หนึ่งปักเป็นป่าหิมพานต์ ม่านนี้ฝีมือวันทองทำ จำได้ไม่ผิดในตาพี่ เส้นไหมแม้นเขียนแนบเนียนดี สิ้นฝีมือแล้วแต่นางเดียว เจ้าปักเป็นป่าพนาเวศ ขอบเขตเขาคลุ้มชอุ่มเขียว รุกขชาติดาดใบระบัดเรียว พริ้งเพรียวดอกดกระดะดวง ปักเป็นมยุราลงรำร่อน ฝ่ายฟ้อนอยู่บนยอดภูเขาหลวง แผ่หางกางปีกเป็นพุ่มพวง ชะนีหน่วงเหนี่ยวไม้ชม้อยตา ปักเป็นหิมพานต์ตระหง่านงาม อร่ามรูปพระสุเมรุภูผา วินันตกหัศกันเป็นหลั่นมา การวิกอิสินธรยุคุนธร อากาศคงคาชลาสินธุ์ มุจลินท์ห้าแถวแนวสลอน ไกรลาสสะอาดเอี่ยมอรชร ฝูงกินนรคนธรรพ์วิทยา ลงเล่นน้ำดำดั้นอโนดาต ใสสะอาดเยือกเย็นเห็นขอบผา หมู่มังกรล่อแก้วแพรวพรายตา ทัศนารำลึกถึงวันทอง (หน้า ๓๔๕-๓๔๖)


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๓๕ ขุนแผนเห็นแล้วโกรธแค้น ฟันม่านขาดกระจุย แล้วเข้าไปพบม่านชั้นที่สอง เป็นเรื่องพระลอ เจ้าปักเป็นพระลอดิลกโลก ถึงกาหลงทรงโศกกำสรดสุด แสนคะนึ่งถึงองค์อนงค์นุช พระทรงเสี่ยงสายสมุทรมาเป็นลาง แสนคะนึงถึงองค์พระเจ้าแม่ พระลอแลน้ำแดงดังแสงฝาง ละลักษณวดีไว้โดยปรางค์ คะนึงนางพระพี่น้องทั้งสององค์ ปู่เจ้าท้าวใช้ให้ไก่แก้ว มาล่อแล้วพระลอไล่เตลิดหลง ถึงสวนพระยิ่งแสนกำสรดทรง ปักเป็นองค์พระเพื่อนพระแพงทอง สู่สวนพิศวาสประพาสโฉม พระลอโลมเสพสุขประสมสอง พี่เลี้ยงเคียงข้างคอยประคอง นางรื่นนางโรยรองบาทบงสุ์ (หน้า ๓๔๖) ขุนแผนเห็นแล้วนึกถึงนางวันทองว่าโลภรักขุนช้าง ฟันม่านชั้นสองขาดสะบั้นไป เข้าถึงม่านชั้นสาม ขุนแผนพินิจดูฝีมือนางวันทอง ปักเป็นเรื่องคาวี จรดลด้นดั้นอรัญเวศ ถึงกรุงจันตประเทศบุรีศรี สังหารผลาญหมู่สกุณี เลือดอินทรีแดงสาดลงดาดดิน ปักเป็นลงเล่นในคงคา กับโฉมจันทร์สุดาอันเฉิดฉิน ลอยเส้นเกศาในวาริน หอมกลิ่นผมตรลบผอบทอง ปักเป็นเฒ่าทัศประสาทใจกล้า มาลวงพานางพรากไปจากห้อง ถวายท้าวเมืองอื่นให้ชื่นครอง กระทบเรื่องวันทองให้เคืองใจ (หน้า ๓๔๖-๓๔๗) ดูม่านปักเป็นวรรณคดีเรื่องคาวี ตอนยายเฒ่าทัดประสาทลวงนางจันทร์สุดาไปให้ ท้าวสันนุราชแล้ว ขุนแผนขัดเคืองใจว่าเหมือนเรื่องของตนที่นางศรีประจันช่วยขุนช้างให้ได้ นางวันทอง คิดแล้วโกรธฟันม่านชั้นที่สามขาดยับอีกเช่นกัน บุกเข้าไปตลบมุ้งขึ้น เห็นขุนช้างนอนกอด นางพิมก็ยิ่งเสียดาย เงื้อดาบฟ้าฟื้นขึ้นจะฟันให้ขาดสองท่อน กุมารทองปัดดาบออกไปแล้วประนม กราบขอโทษแทนนางวันทอง ขุนแผนยิ่งโกรธจัด ถีบต่อยเตะลงจากเตียง กุมารทองเข้ายึดมือไว้ เตือน ให้คิดถึงพระอาญา พูดจาปลอบโยนว่าอย่าถึงกับฆ่าฟันให้ตาย เอาแค่ให้เจ็บอายก็พอแล้ว ขุนแผน ค่อยคลายความโกรธ ยืนดูนางวันทองแล้วใจหายแสนเสียดายที่ตกเป็นเมียขุนช้าง เกิดความแค้น ประดังขึ้นมาจนเงื้อดาบจะฟาดฟันอีก สลับกันไป ในที่สุด แกล้งประจานขุนช้าง เล่นหัวขุนช้างซึ่งมีผม ไม่มากทำเป็นผมปีก ผมจุก หวีไพล่เป็นปีกงอน เอาแหนบถอนไรผม เอาไม้ม้วนสำลีทำหวีโหย่ง เอา ดินหม้อทา เขียนรูปปลาชิวที่หัวล้าน เขียนรูปเต่าที่ต้นคอ เขียนรูปปลาเทโพที่ต้นขาเขียนเสร็จมายืน หัวร่อแล้วถีบขุนช้างตกเตียงลงมา เอาหม้อดินผูกคอไว้อีกสองใบ แกล้งประจานขุนช้างแล้ว ขุนแผนก็นั่งเคียงนางวันทองบนเตียง พิศดูนางก็ยิ่ง แสนเสียดาย ลูบมือลูบแขนด้วยความรักแล้วก็ยิ่งโกรธขุนช้างลุกขึ้นไปเตะเข้าที่กลางลำตัว ฮึดฮัดจะ


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๓๖ ตัดหัวเสีย กุมารทองร้องห้ามพ่อว่าอย่าฆ่าเลย เดี๋ยวจะมีความผิดติดตัว ขุนแผนคิดได้จึงคลายโทสะ ร่ายมนต์ถอนสะกดนางวันทอง นางวันทองสะดุ้งตื่น แต่ยังมืดหน้าตามัวอยู่ ผวากอดขุนแผนคิดว่าเป็นขุนช้าง นางเล่า ให้ฟังว่า ฝันร้าย ฝันว่าขุนช้างสุมไฟไว้ในมุ้ง ไฟลุกไหม้ลามไปถึงหลังคา ติดตับจากหล่นลงมาไหม้ ขุนช้าง รวมทั้งม่านหมอนฟูกนางวันทองเองก็ถูกไฟพุพองหลายแห่ง ไม่มีใครช่วยดับไฟเลยสักคน นางขอให้ทำนายฝันให้ที่ขุนแผนฟังแล้วก็ประชดให้ว่า ฝันดีหรอกอย่ากังวลไปจะได้ของรักกลับคืน ที่ ทุกข์โศกโรคภัยก็จะหาย จะอยู่เย็นเป็นสุข นางวันทองได้ฟังเสียงยังจำไม่ได้ แต่เมื่อลูบคลำไปตามเนื้อ ตามตัว รู้สึกว่าไม่ใช่ขุนช้างนางผวาตื่นด้วยความตกใจ คว้าได้ตัวขุนช้างพอดี ตกใจร้องไห้เขย่าตัวปลุก ด้วยความสงสัยว่าเหตุใดมานอนกลิ้งอยู่ที่พื้น ขุนแผนเห็นนางวันทองผวาไปหาขุนช้าง แล้วร้องไห้คร่ำครวญก็เคืองแค้น บอกว่าให้ลืม ตาดูบ้าง ตนไม่ใช่ผู้ร้ายจะผวากลัวหนีไปไหน มัวไปปลุกขุนช้างให้ลุกทำไม คนหลับไปมัวปลุกให้ตื่น ส่วนคนที่ตื่นอยู่แล้วกลับทำเมินเฉย เกลียดชังหรืออย่างไรจึงไม่ยอมพูดด้วย แล้วขุนแผนก็ตัดพ้อว่า นิจจาเจ้าวันทองน้องพี่อา พี่จำหน้าเนื้อน้องได้ทุกแห่ง นิจจาใจช่างกระไรมาแปลกแปลง เอามือคลำแล้วยังแคลงอยู่คลับคล้าย เจ้าลืมนอนซ่อนพุ่มกระทุ่มต่ำ เด็ดใบบอนซ้อนน้ำที่ไร่ฝ้าย พี่เคี้ยวหมากเจ้าอยากพี่ยังคาย แขนซ้ายคอดแล้วเพราะหนุนนอน เจ้ามาได้ผัวดีมีทรัพย์มาก มาลืมเรือนเพื่อนยากแต่เก่าก่อน หลงเชิงขุนช้างช่างชะอ้อน กอดท่อนซุงสักสำคัญคน (หน้า ๓๕๑) นางวันทองได้ฟังการเท้าความหลังถึงไร่ฝ้าย สะดุ้งตกใจว่าเป็นขุนแผนแน่แล้ว คิดในใจ ว่าขุนแผนช่างประชดประชัน ปล่อยให้ย่ำยีไปเป็นไรก็เป็นกัน แล้วหันไปเขย่าปลุกขุนช้างอีก เมื่อ ขุนช้างไม่ตื่นสักที นางก็ไปยืนอยู่หลังฉากด้วยความแค้นใจ ต่อว่าขุนแผนว่า เป็นคนไม่รักษาความสัตย์ ความสัตย์สารพัดจะสัจจัง ที่แท้ถังดอกหาใช่สัดไม่ น้ำลายคายขากจากปากไป กลับกล้ำกลืนได้เจ้าดีจริง ฯ (หน้า ๓๕๑) ขุนแผนโต้ว่านางวันทองต่างหากเป็นผู้เสียสัตย์ แต่มีเล่ห์กลมารยาตบตาคนอื่นได้ นางวันทองเจ็บแสบแค้นใจ รีบโต้กลับไปว่า ขุนแผนว่าได้ก็ว่าไป เพราะเป็นคนพูดจาโกหกหลอกลวง อยู่แล้ว นี่เส้นผมกลมน้อยเสียนักอีก ซีกเดียวเจ้ายังจักได้เจ็ดเส้น (หน้า ๓๕๒) นางวันทองยังพ้อว่าที่ขู่จะลงไม้ลงมือนั้น จำได้ดีว่าขุนแผนเคยเรียกนางลาวทองให้มา ช่วยตบตี และยังทำหนังสือด่าไว้สารพัดว่านางวันทองชั่วจนไม่มีดี ทำให้ต้องเสียตัวเป็นเมียขุนช้าง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๓๗ เวลารักก็แสนจะดี แต่พอมีเมียใหม่ก็สอนให้ด่าเมียเก่า แล้วพูดประชดว่า นี่นางลาวทองไม่อยู่ หรืออย่างไร จึงกลับมาหาตน เหมือน‘อดน้ำแล้วสิเลี้ยวมากินตม’ จากนั้นทั้งสองก็ตัดพ้อต่อว่าต่อปากต่อคำกันอีกนาน ขุนแผนเปรียบเรื่องของตนว่า เหมือนกับเรื่องกากี ที่พญาครุฑพานางกากีเหาะหนีขึ้นสวรรค์ขุนแผนเป็นคนธรรพ์ที่ติดตามมาหา แล้วเปรียบว่าเหมือนเล่นหมากรุก นางวันทองไม่เมตตา ตัดขุนแผนได้เด็ดขาดเหมือนนางวันทอง กินเรือ กินเม็ด กินม้า กินเบี้ยสองต่อ แล้วยังหงายเบี้ยอีก ซ้ำยังเอาม้าย่างยาวไปกดเรือ ทำให้ขุนแผน จนเดินตาไม่ได้ แล้วจะไล่กินโคนอีก ขุนแผนยังเปรียบเรื่องของตนกับวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ว่า หาก นางวันทองซื่อสัตย์เหมือนนางสีดาสักนิดก็จะดี แต่เดิมนางเคยบอกว่าจะไม่ให้ชายอื่นแตะต้อง จะ ครองตัวไว้ให้ขุนแผนคนเดียว แต่แล้วกลับมีชู้ หญิงร้อยมารยาเช่นนี้ ควรปั้นรูปไว้ให้ดูกันว่าเป็น คนสวยแต่ใจคด เมื่อถูกด่ามากมายเช่นนี้ นางวันทองจึงตอบโต้ชี้แจง ในที่สุดขุนแผนบังคับให้ นางวันทองไปด้วยกัน มิเช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย นางวันทองไม่ยอม ผลักไสหยิกข่วน ท้าทายให้ขุนแผน ลงดาบ ขุนแผนเป่ามนต์มหาละลวย ทำให้นางวันทองเชื่อฟังคำขุนแผน เก็บผ้าผ่อนเพื่อจะตามไป เมื่อ เดินผ่านเตียงเห็นขุนช้างหลับอยู่ พอดีมนต์เสื่อม นางอาลัยขุนช้าง ผวาเข้าไปกอดเท้าไว้ พยายามปลุก ให้ขุนช้างตื่นเพื่อจะบอกว่ามิใช่นอกใจ แต่ขุนแผนจะฆ่าฟันจึงจำต้องไป คิดแล้วนางก็เขียน เล่าเนื้อความทุกอย่างไว้เป็นจดหมายเหน็บไว้ที่ฝาเรือน นางวันทองพยายามเขย่าตัวปลุกขุนช้างให้ตื่น อีกครั้ง พร้อมติดสินบนผีพรายด้วยเครื่องเซ่นอย่างดี แต่ขุนช้างไม่ยอมตื่น นางวันทองกอดสามีไว้แล้ว หน้ามืดหมดสติไป


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๓๘ เอกสารอ้างอิง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๓๙ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนแผนพานางวันทองหนี สำหรับระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มาตรฐานและตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาใน การดำเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอ่าน ม.4-6/3 วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อ่านในทุก ๆ ด้าน อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้า อย่างมีประสิทธิภาพ ม.4-6/5 ประเมินงานเขียนของผู้อื่นแล้วนำมาพัฒนางานเขียนของตนเอง มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ม.4-6/5 พูดในโอกาสต่าง ๆ พูดแสดงทัศนะ โต้แย้ง โน้มน้าวใจ และเสนอแนวคิดใหม่ด้วย ภาษาถูกต้องเหมาะสม มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ พลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ม.4-6/๔ แต่งบทร้อยกรอง มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ม.4-6/3 วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและวรรณกรรม ใน ฐานะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ม.4-6/4 สังเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง สาระการเรียนรู้ 1. ตำนานเสภา 2. ตำนานขุนช้างขุนแผน 3. ประวัติผู้แต่ง 4. สาแหรกของตัวละคร 5. บทร้อยกรอง 6. บทถอดความร้อยกรอง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๔๐ เนื้อหาสาระวรรณคดีท้องถิ่น จังหวัดสุพรรณบุรี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๔๑ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนแผนพานางวันทองหนี สำหรับระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มาตรฐานและตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาใน การดำเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอ่าน ม.4-6/3 วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อ่านในทุก ๆ ด้าน อย่างมีเหตุผล มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้า อย่างมีประสิทธิภาพ ม.4-6/5 ประเมินงานเขียนของผู้อื่นแล้วนำมาพัฒนางานเขียนของตนเอง มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ม.4-6/5 พูดในโอกาสต่าง ๆ พูดแสดงทัศนะ โต้แย้ง โน้มน้าวใจ และเสนอแนวคิดใหม่ด้วย ภาษาถูกต้องเหมาะสม มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ พลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ม.4-6/๔ แต่งบทร้อยกรอง มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ม.4-6/3 วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและวรรณกรรม ใน ฐานะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ม.4-6/4 สังเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง สาระการเรียนรู้ 1. ตำนานเสภา 2. ตำนานขุนช้างขุนแผน 3. ประวัติผู้แต่ง 4. สาแหรกของตัวละคร 5. บทร้อยกรอง 6. บทถอดความร้อยกรอง


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๔๒ ตำนานเสภา พระนิพนธ์ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประเพณีการขับเสภามีแต่ครั้งกรุงเก่า แต่จะมีขึ้นเมื่อใด แลเหตุใดจึงเอาเรื่องขุนช้าง ขุนแผนมาแต่งเป็นกลอนขับเสภา ทั้ง ๒ ข้อนี้ยังไม่พบอธิบายปรากฏเป็นแน่ชัด แม้แต่คำที่เรียกว่า “เสภา” คำนี้ มูลศัพท์จะเป็นภาษาใด แลแปลว่ากะไร ก็ยังสืบไม่ได้ความ คำ “เสภา” นี้ นอกจาก ที่เรียกการขับร้องเรื่องขุนช้างขุนแผนอย่างเราเข้าใจกัน มีที่ใช้อย่างอื่นแต่เป็นชื่อเพลงปี่พาทย์ เรียกว่า “เสภานอก” เพลงหนึ่ง “เสภาใน” เพลงหนึ่ง “เสภากลาง” เพลงหนึ่ง ชวนให้สันนิษฐานว่า “เสภา” จะเป็นชื่อลำนำที่เอามาใช้เป็นทำนองขับเรื่อง ขุนช้างขุนแผน แต่ผู้ชำนาญดนตรีกล่าวยืนยันว่า ลำนำ ที่ขับเสภาไม่ได้ใกล้กับเพลงเสภาเลย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นอันยังแปลไม่ออก ว่าคำที่ว่า “เสภา” นี้จะแปล ความกะไร แต่มีเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในหนังสือต่างๆบ้าง ข้าพเจ้าเคยได้สดับคำผู้หลักผู้ใหญ่เล่ามาบ้าง สังเกตเห็นในกระบวนกลอนแลถ้อยคำที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเสภาบ้าง ประกอบกับความสันนิษฐาน เห็นมีเค้าเงื่อนพอจะคาดคะเนตำนานของเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนได้อยู่ ข้าพเจ้าจะลองเก็บเนื้อความ มาร้อยกรองแสดงโดยอัตโนมัติ ประกอบด้วยเหตุผลซึ่งจะชี้แจงไว้ให้ปรากฏแก่ท่านทั้งหลาย ถ้าว่าโดยประเพณีของการขับเสภา ถึงไม่ปรากฏเหตุเดิมแน่นอน ก็พอสันนิษฐานได้ว่า มูลเหตุคงเนื่องมาแต่เล่านิทานให้คนฟัง อันเป็นประเพณีมีมาแต่ดึกดำบรรพ์ทีเดียว แม้ในคัมภีร์ สารัตถสมุจจัยซึ่งแต่งมากว่า ๗๐๐ ปี ยังกล่าวในตอนอธิบายเหตุแห่งมงคลสูตรว่า ในครั้ง พระพุทธกาลนั้น ตามเมืองในมัชฌิมประเทศ มักมีคนไปรับจ้างเล่านิทานให้ฟังกันในที่ชุมนุมชน เช่น ที่ศาลาพักคนเดินทาง เป็นต้น เกิดแต่คนทั้งหลายได้ฟังนิทาน จึงโจษเป็นปัญหากันขึ้นว่าอะไร เป็นมงคล เป็นปัญหาแพร่หลายไปจนถึงเทวดาไปทูลถามพระพุทธองค์ จึงได้ทรงแสดงมงคลสูตร ประเพณีการรับจ้างเล่านิทานให้คนฟังดังกล่าวมานี้ แม้ในสยามประเทศก็มีมาแต่โบราณ จนนับเป็น การมหรสพอย่างหนึ่ง ซึ่งมักมีในการงาน เช่นงานโกนจุก ในตอนค่ำเมื่อพระสวดมนต์แล้ว ก็หาคน ไปเล่านิทานให้แขกฟังเป็นประเพณีมาเก่าแก่ แลยังมีลงมาจนถึงในชั้นกรุงรัตนโกสินทร์นี้ ขับเสภาก็ คือเล่านิทานนั้นเอง และประเพณีมีเสภาก็มีในงานอย่างเดียวกับที่เล่านิทานนั้น จึงเห็นว่าเนื่องมาจาก เล่านิทาน ขับเสภาผิดกับเล่านิทานแต่เอานิทานมาผูกเป็นกลอน สำเนียงที่เล่าใช้ขับเป็นลำนำ และ ขับกันเฉพาะเรื่องขุนช้างขุนแผนเรื่องเดียว เสภาผิดกับเล่านิทานที่เป็นสามัญอยู่แต่เท่านี้ ถ้าจะลอง สันนิษฐานว่า เหตุใดจึงมีคนคิดขับเสภาขึ้นแทนเล่านิทาน ก็ดูเหมือนพอจะเห็นเหตุได้ คือเพราะเล่า นิทานฟังกันมานานๆ เข้าออกจะจืด จึงมีคนคิดจะเล่าให้แปลก โดยกระบวนแต่งเป็นบทกลอนว่าให้ คล้องกัน ให้น่าฟังกว่าที่เล่านิทานอย่างสามัญประการหนึ่ง เมื่อเป็นบทกลอนจึงว่าเป็นทำนองลำนำ ตามวิสัยการว่าบทกลอน ให้ไพเราะขึ้นกว่าเล่านิทานอีกประการหนึ่ง ข้อที่ขับแต่เรื่องขุนช้างขุนแผน เรื่องเดียวนั้น คงจะเป็นด้วยนิทานเรื่องขุนช้างขุนแผน เป็นเรื่องที่ชอบกันแพร่หลายในครั้งกรุงเก่า ยิ่งกว่านิทานเรื่องอื่นๆ ด้วยเป็นเรื่องสนุกจับใจ แลถือกันว่าเป็นเรื่องจริง จึงเกิดขับเสภาขึ้นด้วย ประการฉะนี้


สำนักงานเขตพื้นท ี่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุร ี ๑๔๓ ตำนานขุนช้างขุนแผน เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ได้มีเนื้อความปรากฎในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า ว่าพระราชวงศ์ของพระเจ้าอู่ทองได้ครองราชสมบัติในกรุงศรีอยุธยาตามลำดับหลายพระองค์ จนถึง พระเจ้าแผ่นดินทรงพระนามว่าพระพันวษา ภาษาพม่าเรียกว่า พระเจ้าวาตะถ่อง แปลว่าสำลีพันหนึ่ง มีพระมเหสีทรงพระนามว่า สุริยวงศาเทวี มีพระราชโอรสองค์หนึ่งมีพระนามว่า พระบรมกุมาร ต่อมา พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนะหุตล้านช้าง ปรารถาจะเป็นพันธมิตรกับกรุงศรีอยุธยา จึงส่งพระราชธิดา องค์หนึ่ง มีพระชนมายุ ๑๖ พรรษา มาถวายพระพันวษา ระหว่างทางได้ถูกพระเจ้าโพธิสารราชกุมาร พระเจ้านครเชียงใหม่ ไม่ต้องการให้กรุงศรีสัตนาคนะหุต มาเป็นมิตรกับกรุงศรีอยุธยาจึงส่งกำลังเข้า แย่งชิงพระราชธิดาไปได้สมเด็จพระพันวษาทราบเรื่องก็ทรงพระพิโรธ สั่งให้ยกทัพไปตีนครเชียงใหม่ ในการนี้ จำต้องหาผู้ที่มีฝีมือในการรบไปทำการ พระหมื่นศรีมหาดเล็ก ได้กราบทูลให้ใช้ขุนแผน ซึ่งต้องโทษอยู่ในคุกให้เป็นแม่ทัพหน้ายกไปตีเมืองเชียงใหม่ ขุนแผนก็รับอาสาพร้อมกับถวายทัณฑ์บน ว่าถ้าทำการไม่สำเร็จก็จะขอถวายชีวิต พระพันวษาจึงตั้งให้ขุนแผนเป็นแม่ทัพ ถืออาญาสิทธิ์คุม กองทัพไทย ไปตีนครเชียงใหม่เมื่อกองทัพยกไปถึงเมืองพิจิตร ได้ไปขอดาบเวทวิเศษ (ดาบฟ้าฟื้น)กับ ม้าวิเศษ (ม้าสีหมอก) ที่ฝากเจ้าเมืองพิจิตรไว้คืนมาเพื่อนำไปใช้ในการศึกเมื่อกองทัพถึงเชียงใหม่ ฝ่ายเชียงใหม่ได้ทำการต่อสู้เป็นสามารถ แต่สู้ไม่ได้ขุนแผนเข้านครเชียงใหม่ได้ พระเจ้านครเชียงใหม่ หนีไป ขุนแผนจึงจับอัครสาธุเหวี มเหสีเจ้าเชียงใหม่กับพระราชธิดานามว่าเจ้าแว่นฟ้าทองพร้อมสนม น้อยใหญ่ของพระเจ้านครเชียงใหม่ไว้ และให้เชิญนางสร้อยทอง ราชธิดาพระเจ้าล้านช้าง พร้อมทั้ง มเหสีและราชธิดาพระเจ้านครเชียงใหม่ที่จับไว้ได้เลิกกองทัพกลับมาถวายพระเจ้ากรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระพันวษาได้โปรดเกล้าๆ ให้พระเจ้าเชียงใหม่กลับมาครองเมืองเชียงใหม่ตามเดิม เพื่อความสงบสุขของสมณชีพราหมณ์และราษฎรชาวเมืองเชียงใหม่ และให้พระราชทานบำเหน็จ รางวัลแก่ขุนแผนและกำลังพลกองทัพโดยทั่วหน้า ทรงตั้งนางสร้อยทองเป็นพระมเหสีซ้าย นางแว่นฟ้า เป็นสนมเอก ส่วนมเหสีพระเจ้านครเชียงใหม่ ทรงส่งคืนให้พระเจ้านครเชียงใหม่ ส่วนบรรดาข้าคน ชาวล้านช้างและชาวเชียงใหม่ก็ให้ตั้งถิ่นฐานทำมาหากินในกรุงศรีอยุธยา ฝ่ายขุนแผนเมื่อเห็นว่าตนชราภาพแล้ว จึงนำดาบเวทวิเศษของตนถวายสมเด็จ พระพันวษา พระองค์ทรงรับไว้เป็นพระแสงทรงสำหรับพระองค์และทรงพระราชทานว่าพระแสงปราบศัตรู แลทรงตั้งนามพระขรรค์แต่ครั้งพระยาแกรกนั้นว่าพระขรรค์ไชยศรี สมเด็จพระพันวษาทรงครองราชย์ได้ ๒๕ พรรษา เสด็จสวรรคตเมื่อพระชนมายุ ๔0 พรรษา จากหลักฐานดังกล่าว เรื่องขุนช้างขุนแผน เป็นเรื่องที่เกิดในแผ่นดินสมเด็จ พระรามาธิบดีที่ ๒ (พระเชษฐ) พระโอรสสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถระหว่าง พ.ศ. ๒๐๓๔ - พ.ศ. ๒๐๗๒


Click to View FlipBook Version