The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาระบบควบคุมไฟฟ้าในงานอุตสาหกรรม

160


4.5.8.3 คลิ๊กเม้าส์ขวา เลื่อนแถบสีน้ำเงินลงมายังคำว่า Paste หรือจะใช้คีย์ลัด Ctrl + V ดัง

ภาพที่ 4.77


















ภาพที่ 4.77 แสดงขั้นตอนในการวาง

4.5.8.3 โปรแกรมที่คัดลอกจะถูกวางใน Network ที่ต้องการ ผู้ใช้สามารถแก้ไขอินพุต

เอาต์พุต ให้ถูกต้องต่อไป































ภาพที่ 4.78 แสดงโปรแกรมที่คัดลอก ใน Network ที่ต้องการ


4.5.9 การเคลียร์โปรแกรม (Clear)

161


ในการใช้งาน PLC บางครั้ง ผู้ใช้มีการ Download โปรแกรม PLC ติดต่อกันหลาย ครั้ง

อาจทำให้ PLC เกิดผิดพลาด RUN โปรแกรมผิดได้ ผู้ใช้สามารถป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นนี้ได้ โดยทำการ
Clear โปรแกรมที่อยู่ใน PLC ก่อนทำการ Download ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

4.5.9.1 คลิ๊กที่คำสั่ง PLC ใน Menu Bar และเลื่อนลงมาที่คำสั่ง Clear คลิ๊กเม้าส์ซ้าย 1

ครั้ง ดังภาพที่ 4.79























ภาพที่ 4.79 แสดงขั้นตอน การเคลียร์โปรแกรม (Clear)



4.5.9.2 จะปรากฏหน้าต่างคำสั่ง Clear ให้ผู้ใช้คลิ๊กที่ปุ่มคำสั่ง Clear โปรแกรมที่อยู่ใน PLC
จะถูกเคลียร์ทั้งหมด พร้อมทั้งโหมดการทำงานของ PLC จะอยู่ที่โหมด STOP ดังภาพที่ 4.80

162


ภาพที่ 4.80 แสดงหน้าต่างคำสั่ง Clear คลิ๊กเลือก Clear


4.5.10 การสั่งงานผ่าน Program Editor (Force)

ในการสั่งงานผ่าน Program Editor (Force) เป็นเสมือน การบังคับการควบคุม การทำงาน

ของตำแหน่ง หรือคำสั่งที่ต้องการสั่งงาน โดยการสั่งงานผ่าน Program Editor (Force) ต้องอยู่ในสภาวะ
RUN Mode เท่านั้น โดยมีขั้นตอนในการสั่งงานดังนี้

4.5.10.1 เมื่อออกแบบโปรแกรมเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ทำการ Compile,
Download, Run Mode และสั่ง Status Program (ทบทวนในหัวข้อ 4.5.1)

4.5.10.2 การสั่งงานผ่าน Program Editor (Force) ให้เลื่อนเม้าส์ไปชี้ คำสั่งที่

ต้องการสั่งงาน คลิ๊กเม้าส์ขวา เลื่อนลงมาที่คำสั่ง Force หรือเลื่อนเม้าส์ไปชี้ที่คำสั่ง Force บนแถบเครื่องมือ
แล้วคลิ๊กคำสั่ง ดังภาพที่ 4.81



































ภาพที่ 4.81 แสดงการสั่งงานผ่าน Program Editor (Force)


4.5.10.3 จะปรากฏหน้าต่างคำสั่ง Force ขึ้นมา พร้อมบอกตำแหน่ง ที่ต้องการบังคบการ
สั่งงาน และ สภาวะการควบคุม หากต้องการสั่งงาน ให้คลิ๊กที่คำสั่ง Force ดังภาพที่ 4.82

163
















ภาพที่ 4.82 แสดงหน้าต่างคำสั่ง Force คลิ๊กเลือก Force


4.5.10.4 สังเกต เมื่อสั่งคำสั่ง Force ตำแหน่งที่ถูกสั่งงาน จะมีสภาวะเป็น On

และมีภาพกุญแจบอก สภาวะการถูกควบคุมของตำแหน่งนั้น ๆ ดังภาพที่ 4.83
















ภาพที่ 4.83 แสดงคำสั่ง Force ตำแหน่งที่ถูกสั่งงาน
4.5.10.5 การยกเลิก การบังคับสั่งงาน (Unforce ) ให้เลื่อนเม้าส์ไปชี้ที่ตำแหน่งที่

ถูกควบคุม คลิ๊กเม้าส์ขวา เลื่อนลงมาที่คำสั่ง Unforce หรือ เลื่อนเม้าส์ไปชี้ที่ตำแหน่งที่ถูกควบคุม แล้วเลื่อน

เม้าส์ไปคลิ๊กที่คำสั่ง Unforce บนแถบเครื่องมือ ดังภาพที่ 4.84

164




































ภาพที่ 4.84 แสดงการยกเลิก การสั่งงาน (Unforce )


4.5.10.6 หากต้องการยกเลิก การสั่งงานทั้งหมด ให้เลื่อนเม้าส์ไปคลิ๊กที่ คำสั่ง Un

force All บนแถบเครื่องมือ ดังภาพที่ 4.85












ภาพที่ 4.85 แสดงการยกเลิก การสั่งงานทั้งหมด (Un force All)



4.6 กลุ่มคำสั่ง Bit Logic
การออกแบบโปรแกรม PLC นั้น จะมีกลุ่มคำสั่งให้ผู้ใช้ได้เลือกใช้มากมาย กลุ่มคำสั่งหนึ่งที่เป็นกลุ่ม

คำสั่งพื้นฐาน คือ กลุ่มคำสั่ง Bit logic โดยจะอยู่ในส่วนของ Instruction Tree เมื่อดับเบิ้ลคลิ๊กที่ Bit logic
จะปรากฏคำสั่งต่าง ๆ สำหรับใช้งานดังภาพที่ 4.86

165

































ภาพที่ 4.86 แสดงคำสั่ง Bit Logic


โดยกลุ่มคำสั่ง Bit logic จะมีคำสั่งให้ใช้งานการออกแบบโปรแกรมพื้นฐานตามตารางที่ 4.6 ดังนี้



สัญลักษณ์คำสั่ง ความหมาย : การทำงาน
คำสั่ง Normally Open เป็นคำสั่งหน้าสัมผัสปกติเปิด

(NO) การทำงาน หน้าสัมผัสจะเปลี่ยนสภาวะจากปกติเปิดเป็นสภาวะ


ปิด เมื่อมการเปลี่ยนแปลงสัญญาณอินพุตจาก 0 เป็น 1



คำสั่ง Normally Close เป็นคำสั่งหน้าสัมผัสปกติปิด
(NC) การทำงาน หน้าสัมผัสจะเปลี่ยนสภาวะจากปกติปิดเป็นสภาวะ

เปิด เมื่อมการเปลี่ยนแปลงสัญญาณอินพุตจาก 0 เป็น 1




เป็นคำสั่งที่หน้าสัมผัสทำงาน On ด้วยระยะ เวลา 1 Scan time

คำสั่ง Positive Transition เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงสัญญาณจาก Off เป็น On (ขอบขาขึ้น)
(P)

166


การทำงาน หน้าสัมผัสทำงาน On เป็นระยะเวลา 1 Scan time

เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงสัญญาณอินพุตจาก 0 เป็น 1 หรือจาก Off
เป็น On (หรือเรียกว่า ช่วงขอบขาขึ้น)



ตารางที่ 4.6 แสดงสัญลักษณ์ของกลุ่มคำสั่ง Bit logic


เป็นคำสั่งที่หน้าสัมผัส On ด้วยระยะเวลา 1 Scan time เมื่อเกิด

คำสั่ง Negative Transition การเปลี่ยนแปลงสัญญาณจาก On เป็น Off (ขอบขาลง)
(N) การทำงาน หน้าสัมผัสจะทำงาน (On) เป็นระยะเวลา 1 Scan

time เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงสัญญาณอินพุตจาก 1 เป็น 0 หรือ

จาก On เป็น Off (หรือที่เรียกว่า ช่วงขอบขาลง)

คำสั่ง Output เป็นคำสั่งการแสดงผลของ Output

การทำงาน Output จะทำงาน เมื่อมีสัญญาณจากอินพตเข้าที่

Output Coil

คำสั่ง Set เป็นคำสั่งที่ใช้กระทำการ Set ค่าที่ต้องการ (bit) และย่านของ

ตำแหน่งที่สามารถ Set ได้คือ 1 – 255

การทำงาน เมื่อมีสัญญาณจากอินพุตเข้าที่คำสั่ง Set จะทำให้

คำสั่ง Set ทำงาน ไปกระทำการ Set bit ที่ตั้งค่าไว้ตามย่านของ
ตำแหน่ง (N)

คำสั่ง Reset เป็นคำสั่งที่ใช้ Reset ค่าที่ต้องการ(bit) และย่านของตำแหน่งที่
สามารถต้องการ Reset ได้ คือ 1 – 255

การทำงาน เมื่อมีสัญญาณจากอินพุตเข้าที่คำสั่ง Reset จะทำให้
คำสั่ง Reset ทำงาน ไปกระทำการ Reset bit ที่ตั้งค่าไว้ตามย่าน

ของตำแหน่ง (N)



ตารางที่ 4.6 (ต่อ) แสดงสัญลักษณ์ของกลุ่มคำสั่ง Bit logic


4.6.1 การใช้คำสั่ง Set (S) และการใช้คำสั่ง Reset (R)

167


คำสั่ง Set เป็นการสั่งให้ทำงาน และคำสั่ง Reset เป็นการสั่งให้หยุดทำงาน ตามรายละเอยด

จำนวนของจุด (N) โดยเริ่มต้นตามรายละเอียดของตำแหน่ง (bit) ผู้ใช้สามารถที่จะสั่ง Set และ Reset ตาม
รายละเอียดจำนวนของจุดได้ คือค่า 1 – 255 ถ้าใช้คำสั่ง Reset กับ Timer หรือ Counter จะมีผลทำให้ค่า

เวลาของ Timer และค่าการนับของ Counter ถูกเคลียร์ไปด้วย









ภาพที่ 4.87 แสดงคำสั่ง Set (S)










ภาพที่ 4.88 แสดงคำสั่ง Reset (R)






ตัวอย่างที่ 4.1 การใช้คำสั่ง Set (S) และการใช้คำสั่ง Reset (R)

การทำงานของโปรแกรม คือ เป็นการใช้คำสั่ง Set และ Reset ในการควบคุมการทำงานของ

เอาต์พุต โดยเริ่มต้น คือเมื่อมีสัญญาณอินพุต I0.0 ป้อนเขามา จะทำให้คำสั่ง Set ทำงาน ส่งผลให้เกิดการ

ทำงาน ตั้งแต่ตำแหน่งของเอาต์พุต Q bit 0 ทำงานและทำงานไปจนถึงจุดของ N ในที่นี้คือ 8 จุด หรือ

8 bit เพราะฉะนั้น จะเห็นการทำงานของเอาต์พุต Q0.0 จนถึง Q0.7 และเมื่อมีสัญญาณอินพุต I0.1

ป้อนเข้ามา จะทำให้คำสั่ง Reset ทำงาน ส่งผลให้ตั้งแต่ตำแหน่งของเอาต์พุต Q0.0 จนถึงตำแหน่งของ
เอาต์พุต Q0.7 หยุดทำงาน



คำสั่ง : จงออกแบบโปรแกรม ตาม Ladder Diagram ดังต่อไปนี้

168



















วิธีออกแบบโปรแกรม

1. เข้าโปรแกรม STEP 7 – Micro/WIN Version 4.0 แล้ว Communication เพื่อติดต่อสื่อสาร
ระหว่าง คอมพิวเตอร์ กับ PLC แล้วให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ Bit Logic ใน Instruction Tree จะปรากฏคำสั่ง

หน้าสัมผัสต่าง ๆ ที่ใช้ในการออกแบบโปรแกรมเบื้องต้น






























ภาพที่ 4.89 แสดงคำสั่งหน้าสัมผัสต่าง ๆ ที่ใช้ในการออกแบบโปรแกรมเบื้องต้น


ี่
2. ออกแบบโปรแกรมตามที่กำหนด จนถึงคำสั่ง Set (S) แล้วดับเบิ้ลคลิ๊กทคำสั่ง Set

169
































ภาพที่ 4.90 แสดงการเรียกใช้คำสั่งคำสั่ง Set (S) แล้วดับเบิ้ลคลิ๊กที่คำสั่ง Set



3. กำหนดรายละเอียด ในการใช้งานคำสั่ง Set โดยด้านบนใส่เอาต์พุตบิตเริ่มต้น คือQ0.0 และ
ี่
ด้านล่างใส่จำนวนจุดที่ต้องการให้ทำงานคือ 8 ออกแบบโปรแกรม ต่อไปจนครบตามทกำหนด แล้วทดลอง
การทำงานของโปรแกรม ตามขั้นตอน(ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)




















ภาพที่ 4.91 แสดงกำหนดรายละเอียด ในการใช้งานคำสั่ง Set

170




















ภาพที่ 4.92 แสดงโปรแกรมที่เสร็จสมบูรณ์ตามตัวอย่างที่ 4.1


4.6.2 การใช้คำสั่ง Positive Transition และคำสั่ง Negative Transition
คำสั่ง Positive Transition เป็นคำสั่งที่หน้าสัมผัสจะทำงาน เป็นระยะเวลา 1 Scan time

เมื่อได้รับสัญญาณเงื่อนไขสภาวะ On หรือการทำงานช่วงขอบขาขึ้น จากคอนแทคอินพุต

คำสั่ง Negative Transition เป็นคำสั่งที่หน้าสัมผัสจะทำงาน เป็นระยะเวลา 1 Scan time เมื่อ
ได้รับสัญญาณเงื่อนไขสภาวะ Off หรือการทำงานช่วงขอบขาลง จากคอนแทคอินพุต





ภาพที่ 4.93 แสดงคำสั่ง Positive Transition และ คำสั่ง Negative Transition


ตัวอย่างที่ 4.2 การใช้คำสั่ง Positive Transition และคำสั่ง Negative Transition

การทำงานของโปรแกรม คือ เมื่อสัญญาณอินพุต I0.0 มีสภาวะ ON หรือทำงาน (ช่วงขอบขาขึ้น) จะ


ทำให้คำสั่ง Positive Transition ทำงาน ส่งผลให้เอาต์พต Q0.0 ทำงาน ช่วงระยะเวลา 1 Scan time และ

เมื่อสัญญาณอินพุต I0.1 มีสภาวะ OFF หรือหยุดทำงาน (ช่วงขอบขาลง) ส่งผลให้เอาต์พต Q0.1 ทำงาน ช่วง
ระยะเวลา 1 Scan time
คำสั่ง : จงออกแบบโปรแกรม ตาม Ladder Diagram ดังต่อไปนี้

171




วิธีออกแบบโปรแกรม
1. เข้าโปรแกรม STEP 7 – Micro/WIN Version 4.0 แล้ว Communication เพอติดต่อสื่อสาร
ื่
ระหว่างคอมพิวเตอร์ กับ PLC ให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ Bit Logic ใน Instruction Tree จะปรากฏคำสั่ง

หน้าสัมผัสต่าง ๆ ที่ใช้ในการออกแบบโปรแกรมเบื้องต้น
ี่
2. ออกแบบโปรแกรมตามโปรแกรมทกำหนดจนถึงคำสั่ง Positive Transition แล้วดับเบิ้ลคลิ๊กท ี่
คำสั่ง Positive Transition



























ภาพที่ 4. 94 แสดงการใช้คำสั่ง Positive Transition



3. ออกแบบโปรแกรมต่อไป จนครบตามโปรแกรมที่กำหนด แล้วทดลองการทำงานของโปรแกรม
ตามขั้นตอน(ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)















ภาพที่ 4.95 แสดงการออกแบบโปรแกรมที่เสร็จสมบูรณ์ตามตัวอย่างที่ 4.2

172


















ภาพที่ 4.96 แสดงการทดลองการทำงาน


ตามที่กล่าวมาแล้วว่า คำสั่งทั้งสองนี้มีผลเพียง Scan time เดียว โดยคำสั่ง Positive Transition จะ

มีผลบริเวณขอบขาขึ้น และ Negative Transition จะมีผลบริเวณ ขอบขาลงของคอนแทคอินพุต ที่ออกแบบ

ในโปรแกรมมการเปลี่ยนแปลงสภาวะ ดังภาพที่ 4.97 แสดง Timing Diagram



Input I0.0


Positive Transition

(Output Q0.0)


Negative Transition

(Output Q0.1)
1 Scan time


ภาพที่ 4.97 แสดง Timing Diagram ของ Positive Transition และ Negative Transition



4.6.3 การใช้คำสั่ง Jump to Label
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการกระโดดข้าม โปรแกรม ส่วนที่อยู่ระหว่างคำสั่ง Jump กับ Label

โดยในการกำหนดจำนวน สามารถกำหนดจุดได้สูงสุดถึง 256 จุด และที่สำคัญคำสั่ง Jump และ Label
จะต้องอยู่ในหน้าเดียวกัน โดยมีเงื่อนไขคือ เมื่อคำสั่ง Jump ทำงาน โปรแกรมซึ่งอยู่ระหว่างคำสั่ง Jump


และ Label จะยังคงสถานะ (ถ้า Output ทำงานอยู่ จะยังทำงานคาง) และเมื่อคำสั่ง Jump หยุดทำงาน
ทุกเงื่อนไขจะกลับสู่สภาวะปกติ

173









ภาพที่ 4.98 แสดง สัญลักษณ์คำสั่ง Jump to Label


ตัวอย่างที่ 4.3 การใช้คำสั่ง Jump to Label
คำสั่ง : จงออกแบบโปรแกรม ตาม Ladder Diagram ดังต่อไปนี้




การท างานของโปรแกรม คือ เมอค าส่ง Jump ยัง

ไม่ท างาน (I0.2 Off) การท างานของโปรแกรมทุก
Network จะยังท างานตามปกติ



แต่เมอค าส่ง Jump ท างาน (I0.2 On) จะท าให้
โปรแกรมซงอยูระหวาง ค าส่ง Jump และ Label (ตาม





ี่
โปรแกรม Network ท 3) จะคงค้างสภาวะการท างาน โดย
จะไม่ถูกประมวลผลการท างานจาก CPU และเมอค าส่ง





Jump หยุดท างานอกคร้ง (I0.2 Off ) การท างานของ
โปรแกรมทุก Network จะกลับมาท างานตามปกต ิ

174

























































วิธีออกแบบโปรแกรม

ื่
1. เข้าโปรแกรม STEP 7 – Micro/WIN Version 4.0 แล้ว Communication เพอติดต่อสื่อสาร
ระหว่าง คอมพิวเตอร์ กับ PLC ให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ Bit Logic ใน Instruction Tree จะปรากฏคำสั่ง
หน้าสัมผัสต่าง ๆ ที่ใช้ในการออกแบบโปรแกรมเบื้องต้น

ี่
2. ออกแบบโปรแกรมตามโปรแกรม ที่กำหนด จนถึงคำสั่ง Jump แล้วดับเบิ้ลคลิ๊กทคำสั่ง Jump
ดังภาพที่ 4.99

175










ภาพที่ 4.99 แสดงการใช้คำสั่ง jump



3. กำหนดค่าด้านบน ???? คำสั่ง jump เป็นค่า 0 ดังภาพที่ 4.100

























ภาพที่ 4.100 แสดงการกำหนดรายละเอียดคำสั่ง jump



4. ออกแบบโปรแกรมต่อไปจนถึงคำสั่ง Label ดังภาพที่ 4.101










ภาพที่ 4.101 แสดงการใช้คำสั่ง Label

5. เลือกคำสั่ง Label กำหนดค่าด้านบน ???? คำสั่ง Label เป็นค่า 0 แล้วออกแบบโปรแกรม

ต่อไปจนครบตามโปรแกรมทกำหนด ดังภาพที่ 4.102
ี่

176




























ภาพที่ 4.102 แสดงการกำหนดรายละเอียดคำสั่ง Label


6. ทดลองการทำงานของโปรแกรม ตามขั้นตอน(ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)









การท างานของ
โปรแกรมจะยัง

ท างานเปนปกต ิ


ถ้าค าส่ง JMP ยัง
ไม่ท างาน

177


ภาพที่ 4.103 แสดงการทดลองการทำงานของโปรแกรม

7. เมื่อ On Input I0.0










































ภาพที่ 4.104 แสดงการทดลองการทำงานของโปรแกรม



4.7 กลุ่มคำสั่งตัวตั้งเวลา (Timer)


คำสั่งตัวตั้งเวลาของเครื่อง PLC – SIEMENS SIMATIC S7 – 200 มีใช้งานอยู่ทั้งหมด 5 ชนิด คือ
TON, TONR, TOF, BGN_ITIME และ CAL_ITIME แต่ในที่นี้จะขอกล่าวถึงตัวตั้งเวลาที่นิยมใช้งานกัน

โดยทั่วไปเป็นแบบมาตรฐาน เพียง 3 แบบเท่านั้น คือ TON, TONR และ TOF


4.7.1 คำสั่ง TON (On – Delay Timer)

เป็นคำสั่งที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย หลักการทำงานของ TON คือเมื่อมีการส่งสัญญาณ
สภาวะ On ให้ อินพุตของ Timer Timer จะเริ่มนับเวลา เมื่อค่าเวลาในการนับมีคาเท่ากับค่าเวลาที่ตั้งไว้


178


(Preset Time : PT) คอนแทคช่วยของ Timer จะทำงาน เมื่อหยุดส่งสัญญาณให้กับอินพุตของ Timer

ค่าเวลาในการนับจะ Reset คอน-แทคช่วยจะกลับสู่สภาวะเดิม




4.7.1.1 ข้อกำหนดในการเรียกใช้ตัวตั้งเวลา ในการเรียกใช้งาน TON จะต้องระบุหมายเลข
ตัวตั้งเวลาให้ถูกต้อง เนื่องจาก TON แต่ละหมายเลขจะมีค่าความละเอียด (Resolution) แตกต่างกัน เช่น

ถ้าต้องการเรียกใช้งาน Timer ชนิด TON และต้องการค่าความละเอียด 3 ทศนิยมจะต้องเรียกใช้งาน Timer
หมายเลข T32 และ T96 เท่านั้น และในการตั้งค่าเวลาต้องกำหนดให้ถูกต้องเช่นเดียวกัน เช่น ต้องการตั้ง

เวลา 5 วินาที ของ TON หมายเลข T32 ต้องใส่ค่าตัวเลขในช่อง Preset Time เท่ากบ 5,000 จึงจะเท่ากับ

5 วินาที อีกทั้งในการใช้งานตัวตั้งเวลา ถ้ามีการเรียกใช้ Timer หมายเลขใดไปแล้ว จะเรียกใช้งานซ้ำไม่ได้

เช่น ในการจองพื้นที่ ใช้งานของ Timer จะมการจองพื้นที่เดียวกันทั้ง TON และ TOF ถ้า Timer
หมายเลข T32 ถูกจองพื้นที่ให้ใช้งานเป็น TON แล้ว TOF จะมาเรียกใช้งานหมายเลข 32 อีกไม่ได้
4.7.1.2 ชนิด / ค่าความละเอียด / ค่าสูงสุดในการตั้งเวลา / หมายเลข



ชนิด ค่าความละเอียด ค่าสูงสุดในการตั้งเวลา หมายเลขตัวตั้งเวลา
Timer Type Resolution Maximum Value Timer Number

TON 1 ms 32.767 s T32 , T96

10 ms 327.67 s T33-T36 , T97-T100
100 ms 3,276.7 s T37-T63 , T101-T255



ตารางที่ 4.7 แสดง ค่าความละเอียด ค่าสูงสุดในการตั้งเวลาและหมายเลขของตัวตั้งเวลา ชนิด TON


ตัวอย่างที่ 4.4 การใช้งาน คำสั่งตัวตั้งเวลา On – Delay Timer (TON)

179


คำสั่ง : จงออกแบบโปรแกรม ตาม Ladder Diagram ดังต่อไปนี้


I0.0 I0.1
Network 1 T32
TON

5000



T32 Q0.0
Network 2






วิธีออกแบบโปรแกรม

1. เข้าโปรแกรม STEP 7 – Micro/WIN Version 4.0 แล้ว Communication เพื่อติดต่อสื่อสาร

ระหว่าง คอมพิวเตอร์ กับ PLC
2. เริ่มต้นการออกแบบโปรแกรมตามตัวอย่างที่ 4.4 (ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)

3. ออกแบบโปรแกรมตามขั้นตอน จนถึงคำสั่ง Timer ดับเบิ้ลคลิ๊กเม้าส์ซ้ายที่คำสั่ง Timer จะปรากฏ
คำสั่ง Timer ทั้ง 5 ชนิด ดังภาพที่ 4.105















ภาพที่ 4.105 แสดงขั้นตอนการเรียกใช้คำสั่ง Timer

4. เลื่อนเม้าส์ไปชี้ที่คำสั่ง TON คลิ๊กเม้าส์ซ้าย เพื่อเรียกใช้งานคำสั่ง TON คำสั่ง TON จะปรากฏเข้า
มาใน Main Program

180




ภาพที่ 4.106 แสดง การใช้คำสั่ง TON
5. กำหนดค่าหมายเลขของ Timer และค่าเวลาของ Timer (PT) โดยให้กำหนดค่าทั้งสองตาม

ตัวอย่างและออกแบบโปรแกรมต่อไปจนครบ เมื่อออกแบบโปรแกรมครบ ให้ทำการตรวจสอบความถูกต้อง

ของโปรแกรม(ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1) สังเกต ผลการตรวจสอบในช่อง Output Windows ว่ามี Error

หรือไม่ถ้ามีให้กลับไปแกไขโปรแกรมให้ถูกต้อง / ถ้าไม่มให้ทำตามขั้นตอนต่อไปคือการ Download แล้ว

ทดลองการทำงานของโปรแกรม(RUN)
6. หากต้องการดูสภาวะการทำงาน ของวงจร สามารถทำได้โดยการเลื่อนเม้าส์ไปชี้ที่คำสั่ง

Program Status บน Tool Bars คลิ๊กเม้าส์ซ้าย 1 ครั้ง วงจรจะปรากฏเป็นเส้นสีแสดงการทำงาน ทำให้

มองเห็นการทำงานของโปรแกรมชัดเจนยิ่งขึ้น (ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)






















ภาพที่ 4.107 แสดง เส้นสี แสดงการทำงาน

7. ทดลองการทำงานของโปรแกรม โดยโยกสวิตช์ I0.0 สังเกตการเปลี่ยนแปลงของ Timer Timer
จะเริ่มนับเวลา เมื่อครบตามค่าที่ตั้งไว้ คอนแทคช่วยจะเปลี่ยนสภาวะส่งผลให้เอาต์พุตทำงาน

181

























ภาพที่ 4.108 แสดงการทำงานของ TON


8. สังเกตค่าเวลาของ Timer จะนับไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหยุดการทำงาน Timer
























ภาพที่ 4.109 แสดง การเปลี่ยนแปลงค่าเวลาของ TON
9. เมื่อตัดสัญญาณออกจาก Timer (โยกสวิตช์ I0.0 ลง) โปรแกรมจะกลับสู่สภาวะเริ่มต้นใหม่


ี่
10. กรณีที่โปรแกรมที่ทำการทดลองถูกต้อง หรือโปรแกรมททำการทดลองผิดพลาด ต้องการแกไข
ในการกลับไปแกไขโปรแกรม สามารถทำได้ดังนี้คือต้องยกเลิกการทำงานของ Program Status ก่อน ทำได้

โดยการเลื่อนเม้าส์ไปชี้ที่ คำสั่ง Program Status คลิ๊กเม้าส์ซ้าย 1 ครั้ง

182
































ภาพที่ 4.110 แสดง ขั้นตอนในการกลับไปแก้ไขโปรแกรม



11. หน้าจอจะกลับเข้าสู่สภาพปกติ ขั้นตอนต่อไป คือ การเปลี่ยนโหมดเป็นโหมด STOP ทำได้โดย
การเลื่อนเม้าส์ไปชี้ที่คำสั่ง STOP คลิ๊กเม้าส์ซ้าย 1 ครั้ง

12. จะปรากฏหน้าต่าง STOP ขึ้นมา พร้อมกับคำถามว่าต้องการเปลี่ยนเป็นโหมด STOP หรือไม่ ถ้า
ต้องการให้ตอบ Yes ถ้าไม่ต้องการให้ตอบ No

11 เมื่อเปลี่ยนโหมดเป็นโหมด STOP เรียบร้อยแล้ว สามารถแกไขหรือเปลี่ยนแปลงวงจรได้ เมื่อ

แก้ไขเสร็จสมบูรณ์ ให้ทำตามขั้นตอน คือ การ Compile All, การ Download, การ RUN และ การ
Program Status ตามลำดับ



4.7.2 คำสั่ง TOF (Off – Delay Timer)
เป็นคำสั่งที่ใช้งานกันเฉพาะงาน หลักการทำงานของ TOF คือเมื่อมีการส่งสัญญาณสภาวะ

ON ให้ อินพุตของ Timer คอนแทคช่วยของ Timer จะทำงานทันที เมื่อหยุดส่งสัญญาณให้กับอินพุตของ

Timer Timer จะเริ่มนับเวลา เมื่อค่าเวลาในการนับมีค่าเท่ากับค่าเวลาที่ตั้งไว้ (Preset Time : PT) ค่า
เวลาในการนับจะ Reset คอนแทคช่วยจะกลับสู่สภาวะเดิม

4.7.2.1 ข้อกำหนดในการเรียกใช้ ตัวตั้งเวลา ในการเรียกใช้งาน TOF จะมีหมายเลขตัวตั้ง

เวลาเหมือนกันกับ TON ในการใช้งานจะต้องระบุหมายเลขตัวตั้งเวลาให้ถูกต้อง หากในโปรแกรมมการเรียกใช้

183


งานทั้ง TON และ TOF จะต้องใช้หมายเลขไม่ซ้ำกัน ในการใช้งาน TOF จะต้องดูรายละเอียดในการใช้งานให้


ถูกต้อง เนื่องจาก TOF แต่ละหมายเลขจะมีคาความละเอียด (Resolution) แตกต่างกัน เช่น ถ้าต้องการ
เรียกใช้งาน Timer ชนิด TOF และต้องการค่าความละเอียด 2 ทศนิยมจะต้องเรียกใช้งาน Timer หมายเลข

T33-T36 , T97-T100 เท่านั้น และในการตั้งค่าเวลาต้องกำหนดให้ถูกต้องเช่นเดียวกัน เช่น ต้องการตั้งเวลา

10 วินาที ของ TON หมายเลข T32 ต้องใส่ค่าตัวเลขในช่อง Preset Time เท่ากับ 1000 จึงจะเท่ากับ 10
วินาที อีกทั้งในการใช้งานตัวตั้งเวลา ถ้ามีการเรียกใช้ Timer หมายเลขใดไปแล้ว จะเรียกใช้งานซ้ำ

4.7.1.2 ชนิด / ค่าความละเอียด / ค่าสูงสุดในการตั้งเวลา / หมายเลข


ชนิด ค่าความละเอียด ค่าสูงสุดในการตั้งเวลา หมายเลขตัวตั้งเวลา

Timer Type Resolution Maximum Value Timer Number
TOF 1 ms 32.767 s T32 , T96

10 ms 327.67 s T33-T36 , T97-T100

100 ms 3276.7 s T37-T63 , T101-T255


ตารางที่ 4.8 แสดง ค่าความละเอียด ค่าสูงสุดในการตั้งเวลาและหมายเลขของตัวตั้งเวลา ชนิด TOF


ตัวอย่างที่ 4.5 การใช้งาน คำสั่งตัวตั้งเวลา Off – Delay Timer (TOF)

คำสั่ง : จงออกแบบโปรแกรม ตาม Ladder Diagram ดังต่อไปนี้


I0.1
Network I0.0 T101
1 TOF

50

T101 Q0.0
Network
2



วิธีออกแบบโปรแกรม

1. เข้าโปรแกรม STEP 7 – Micro/WIN Version 4.0 แล้ว Communication เพื่อติดต่อสื่อสาร

ระหว่าง คอมพิวเตอร์ กับ PLC
2. เริ่มต้นการออกแบบโปรแกรมตามตัวอย่างที่ 4.5 (ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)

184


3. ออกแบบโปรแกรมตามขั้นตอน จนถึงคำสั่ง Timer ดับเบิ้ลคลิ๊กเม้าส์ซ้ายที่คำสั่ง Timer จะปรากฏ

คำสั่ง Timer ทั้ง 5 ชนิด
4. เลื่อนเม้าส์ไปชี้ที่คำสั่ง TOF คลิ๊กเม้าส์ซ้าย เพอเรียกใช้งานคำสั่ง TOF
ื่
คำสั่ง TOF จะปรากฏเข้ามาใน Main Program













ภาพที่ 4.111 แสดง การใช้คำสั่ง TOF


5. กำหนดค่าหมายเลขของ Timer และค่าเวลาของ Timer (PT) โดยให้กำหนดค่าทั้งสองตาม

ตัวอย่างและออกแบบโปรแกรมต่อไปจนครบ เมื่อออกแบบโปรแกรมครบ ให้ตรวจสอบความถูกต้องของ

โปรแกรม(ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1) สังเกตผลการตรวจสอบในช่อง Output Windows ว่ามี Error หรือไม่
ถ้ามีให้กลับไปแก้ไขโปรแกรมให้ถูกต้อง / ถ้าไม่มให้ทำตามขั้นตอนต่อไปคือการ Download แล้วทดลอง

การทำงานของโปรแกรม(RUN)

6. หากต้องการดูสภาวะการทำงาน ของวงจร สามารถทำได้โดยการเลื่อนเม้าส์ไปชี้ที่คำสั่ง
Program Status บน Tool Bars

7. ทดลองการทำงาน โดยการโยกสวิตช์ I0.0 สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของ Timer คอน-แท
คช่วย จะเกิดการเปลี่ยนสภาวะทันที ส่งผลให้เอาต์พุตทำงาน แต่สังเกต Timer จะยังไม่เริ่มนับเวลา จนกว่า

จะตัดสัญญาณออกจากเอาต์พุต Timer

185
























ภาพที่ 4.112 แสดงการทดลองการทำงาน




















8. เมื่อโยกสวิตช์ I0.0 ลง สังเกตการเปลี่ยนแปลงค่าเวลาที่เอาต์พุตของ Timer

186
























ภาพที่ 4.113 แสดง การเปลี่ยนแปลงค่าเวลาของ TOF


9. ค่าเวลาของ Timer จะนับไปเรื่อย ๆ จนค่าที่นับมีค่าเท่ากับค่าที่ตั้งไว้ จะสั่งให้คอนแทคช่วยของ
Timer กลับสู่สภาวะปกติ โปรแกรมจะกลับสู่สภาวะเริ่มต้นใหม่


























ภาพที่ 4.114 แสดงขั้นตอนการทำงานของ TOF



10. หากโปรแกรมที่ทำการทดลองผิดพลาด ต้องการแกไขสามารถทำได้(ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)เมื่อ
แก้ไขเสร็จสมบูรณ์ ให้ทำตามขั้นตอน คือ การ Compile All, การ Download, การ RUN และ การ Program
Status ตามลำดับ



4.7.3 คำสั่ง TONR (Retentive On – Delay Timer)

187


เป็นคำสั่งที่ใช้งานกันเฉพาะงาน หลักการทำงานของ TONR จะมีลักษณะการทำงานคล้ายกับ

TON จะแตกต่างกันบางจุด คือเมื่อมีการส่งสัญญาณสภาวะ ON ให้ อินพุตของ Timer และ Timer จะเริ่ม
นับเวลา หากในช่วงเลาที่ TONR กำลังนับเวลา หาก หยุดส่งสัญญาณให้กับอินพุตของ Timer ค่าเวลาในการ

ื่
นับของ Timer จะหยุดและค้างเวลาตำแหน่งที่หยุดเอาไว้ และเมอส่งสัญญาณสภาวะ ON ให้ อินพุตของ
Timer อีกครั้ง เวลาในการนับของ TONR จะเริ่มนับจากตำแหน่งที่หยุด และ เมื่อค่าเวลาในการนับมีค่า
เท่ากับค่าเวลาที่ตั้งไว้ (Preset Time, PT) คอนแทคช่วยของ Timer จะทำงาน เมื่อหยุดส่งสัญญาณให้กับ


อินพุตของ Timer ค่าเวลาในการนับของ Timer จะหยุดและค้างเวลาอก จะไม่สามารถ Reset ได้ ในการ
ื่
Reset ค่าจะต้องใช้คำสั่ง Reset จากภายนอก เพอใช้ Reset ค่าของ TONR เมื่อ TONR โดน Reset ค่าเวลา
ในการนับจะ Reset คอนแทคช่วยจะกลับสู่สภาวะเดิม


4.7.3.1 ข้อกำหนดในการเรียกใช้ ตัวตั้งเวลา ในการใช้งานจะต้องระบุหมายเลขตัวตั้งเวลา

ให้ถูกต้อง เนื่องจาก TONR จะมีกลุ่มหมายเลขที่แตกต่างจากของ TON และ TOF หมายเลขของตัวตั้งเวลา
แต่ละหมายเลขจะมีค่าความละเอียด (Resolution) แตกต่างกัน เช่น ถ้าต้องการเรียกใช้งาน Timer ชนิด

TONR และต้องการค่าความละเอียด 3 ทศนิยมจะต้องเรียกใช้งาน Timer หมายเลข T0 และ T64

เท่านั้น และในการตั้งค่าเวลาต้องกำหนดให้ถูกต้องเช่นเดียวกัน เช่น ต้องการตั้งเวลา 5 วินาที ของ TON
หมายเลข T32 ต้องใส่ค่าตัวเลขในช่อง Preset Time เท่ากับ 5,000 จึงจะเท่ากับ 5 วินาที อีกทั้งในการใช้

งานตัวตั้งเวลา ถ้ามีการเรียกใช้ Timer หมายเลขใดไปแล้ว จะเรียกใช้งานซ้ำไม่ได้


4.7.3.2 ชนิด / ค่าความละเอียด / ค่าสูงสุดในการตั้งเวลา / หมายเลข



ชนิด ค่าความละเอียด ค่าสูงสุดในการตั้งเวลา หมายเลขตัวตั้งเวลา
Timer Type Resolution Maximum Value Timer Number

TONR 1 ms 32.767 s T0 , T64

10 ms 327.67 s T1 – T4 , T65 –
T68

100 ms 3276.7 s T5 – T31 , T69 –T95


ตารางที่ 4.9 แสดง ค่าความละเอียด ค่าสูงสุดในการตั้งเวลาและหมายเลขของตัวตั้งเวลา ชนิด TONR

188


ตัวอย่างที่ 4.5 การใช้งาน คำสั่งตัวตั้งเวลา Retentive On – Delay Timer (TONR)

คำสั่ง : จงออกแบบโปรแกรมตาม Ladder Diagram ดังต่อไปนี้


วิธีออกแบบโปรแกรม


I0.1
Network I0.0 T1
1 TONR


500

T1 Q0.0
Network
2





I0.2 T1

Network R
3
1


1. เข้าโปรแกรม STEP 7 – Micro/WIN Version 4.0 แล้ว Communication เพื่อติดต่อสื่อสาร

ระหว่าง คอมพิวเตอร์ กับ PLC

2. เริ่มต้นการออกแบบโปรแกรมตามตัวอย่างที่ 4.5 (ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)
3. ออกแบบโปรแกรมตามขั้นตอน จนถึงคำสั่ง Timer ดับเบิ้ลคลิ๊กเม้าส์ซ้ายที่คำสั่ง Timer จะปรากฏ

ื่
คำสั่ง Timer ทั้ง 5 ชนิด เลื่อนเม้าส์ไปชี้ที่คำสั่ง TONR คลิ๊กเม้าส์ซ้าย เพอเรียกใช้งานคำสั่ง TONR และ
คำสั่ง TONR จะปรากฏเข้ามาใน Main Program















ภาพที่ 4.115 แสดง การใช้คำสั่ง TONR

189




4. จะมีค่าที่ต้องกำหนดคือ ค่าหมายเลขของ Timer และคาเวลาของ Timer (PT) ให้กำหนดค่าทั้ง

สองตามโปรแกรมตัวอย่างและออกแบบโปรแกรมต่อไป จนถึงคำสั่ง Reset (N : bit)จะต้องกำหนด ค่า

ตำแหน่งที่ต้องการ Reset และค่าจำนวนที่ต้องการ Reset (N)
































(ก) (ข)
ภาพที่ 4.116 (ก) แสดงการกำหนดค่าตำแหน่งที่ต้องการ Reset และ (ข) ค่าจำนวนที่ต้องการ Reset



13. ทดลองการทำงาน โดยการโยกสวิตช์ I0.0 สังเกตการเปลี่ยนแปลงของ Timer

190


































ภาพที่ 4.117 แสดงการทดลองการทำงาน


ิ่
14. Timer จะเริ่มนับค่าเวลาเพมขึ้นเรื่อย ๆ ลองโยกสวิตช์ I0.0 ลง ในจังหวะที่ Timer ยังนับค่าเวลา
ไม่ครบตามค่าเวลาที่ตั้งไว้ จะสังเกตเห็นว่าค่าเวลาของ Timer จะไม่ Reset แต่จะจำค่าเวลาที่หยุดไว้

191


ภาพที่ 4.118 แสดง การเปลี่ยนแปลงค่าเวลาของ TONR

15. เมื่อโยกสวิตช์ I0.0 ขึ้นอีกครั้ง Timer จะเริ่มนับค่าเวลาต่อจากช่วงเวลาที่หยุดไว้และจะนับค่าจน

ครบตามคาเวลาที่ตั้งไว้ คอนแทคช่วยของ Timer จะเปลี่ยนสภาวะ ส่งผลให้เอาต์พุตทำงาน

































ภาพที่ 4.119 แสดงขั้นตอนการทำงานของ TONR

16. สังเกตค่าเวลา Timer จะไม่ Reset แม้จะตัดสัญญาณออกจากคอยล์ Timer หากต้องการ Reset

ค่าเวลาของ Timer จะต้องโยนค่า Reset ภายนอก เข้าที่ตำแหน่ง Timer ในที่นี้คือการโยกสวิตช์ I0.2 ขึ้น เพื่อ
สั่ง Reset ค่าเวลาของ Timer T1จากภายนอก โปรแกรมจะกลับสู่สภาวะเริ่มต้นใหม่อกครั้ง


192



































ภาพที่ 4.120 แสดงขั้นตอนการ Reset ของ TONR


4.8 กลุ่มคำสั่งตัวนับจำนวน (Counter)

คำสั่งตัวนับจำนวนของเครื่อง PLC – SIEMENS SIMATIC S7 – 200 มีใช้งานอยู่ทั้งหมด 6 ชนิด
คือ CTU, CTD, CTUD, HDEF, HSC และ PLS แต่ในทีนี้ จะขอกล่าวถึง ตัวนับจำนวนที่นิยมใช้งานกัน

โดยทั่วไป มีเพียง 3 แบบเท่านั้น คือ CTU, CTD และ CTUD


4.8.1 ข้อกำหนดในการเรียกใช้จำนวน
ในการเรียกใช้งานตัวนับจำนวน จะต้องระบุหมายเลข ตัวนับจำนวน ให้ถูกต้อง เนื่องจาก

ตัวนับถ้ามีการเรียกใช้หมายเลขใดไปแล้ว จะเรียกใช้งานซ้ำไม่ได้ ตัวนับจำนวนจะสามารถระบุหมายเลขได้

ตั้งแต่หมายเลข 0 – 255 และระบุค่าจำนวนนับได้ตั้งแต่ ค่า 0 – 32,767 ค่า


4.8.1 คำสั่งตัวนับจำนวนแบบนับขึ้น CTU (Counter Up)

คำสั่ง Counter Up จะประกอบด้วย 2 Input คือ Count Up Input (CU) และ
Reset Input (R) ในการเรียกใช้งานคำสั่ง Count Up จะต้องระบุตำแหน่งของ Counter ด้วยว่าเป็น

Counter ตัวที่เท่าไร (ค่า Cxxx สามารถระบุหมายเลขได้ตั้งแต่ หมายเลข 0 – 255) และ มีค่าในการนับ

เป็นจำนวนเท่าไร (ค่า Preset Value : PV สามารถตั้งค่าการนับได้ตั้งแต่ 0 – 32,767 ค่า)

193


ตัวอย่างที่ 4.6 การใช้งาน คำสั่งตัวนับจำนวนแบบนับขึ้น CTU (Counter Up)

คำสั่ง : จงออกแบบโปรแกรม ตาม Ladder Diagram ดังต่อไปนี้
























วิธีออกแบบโปรแกรม

1. เข้าโปรแกรม STEP 7 – Micro/WIN Version 4.0 แล้ว Communication
2. เริ่มต้นการออกแบบโปรแกรมตามตัวอย่างที่ 4.6 (ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)

3. ให้ออกแบบโปรแกรมตามตัวอย่าง จนถึงคำสั่ง Counterให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ชุดคำสั่ง Counter จะ

ปรากฏคำสั่ง Counter ขึ้นมา














ภาพที่ 4.121 แสดง การใช้คำสั่ง Counter



4. ให้เลื่อนเม้าส์ชี้ที่คำสั่ง CTU คลิ๊กเม้าส์ซ้าย 1 ครั้ง จะปรากฏคำสั่ง CTU ใน Main Program
5. เครื่องหมาย ???? ด้านบน ให้ระบุค่า ตัวที่ของ Counter (จากตัวอย่างเป็น Counter C0)

เครื่องหมาย ???? ในส่วน PV ให้ระบุค่าจำนวนนับของ Counter (จากตัวอย่างตั้งค่าการนับ 5

ครั้ง) จากนั้น ออกแบบโปรแกรม ตามตัวอย่างที่ 4.6 จนครบ

194















(ก) (ข)
ภาพที่ 4.122 แสดง การใช้คำสั่ง CTU และ การกำหนดค่าใช้งาน คำสั่ง CTU































ภาพที่ 4.123 แสดง โปรแกรมตามตัวอย่างที่ 4.4


6. หากโปรแกรมที่ทำการทดลองผิดพลาด ต้องการแก้ไขสามารถทำได้(ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)เมื่อ

แก้ไขเสร็จสมบูรณ์ ให้ทำตามขั้นตอน คือ การ Compile All, การ Download, การ RUN และ การ

Program Status ตามลำดับ
7. ทดลองการทำงาน โดยการโยกสวิตช์ I0.0 สังเกต ค่าการนับของ Counter จะเริ่มนับที่ 0 และ

นับขึ้นเรื่อย ๆ ตามจังหวะการโยกสวิตช์ I0.0 และต้องทำการโยกสวิตช์ I0.0 เป็นจำนวน 5 ครั้ง เพื่อให้คำสั่ง
Counter ทำงาน ส่งผลให้เอาต์พุต Q0.0 ทำงานด้วย

195



























ภาพที่ 4.124 แสดงการทดลองการทำงาน


8. โยกสวิตช์ I0.1 เพื่อ ยกเลิกการทำงานของ Counter (Reset)






























ภาพที่ 4.125 แสดงการทดลองการทำงาน


4.8.3 คำสั่งตัวนับจำนวนแบบนับลง CTD (Counter Down)
คำสั่ง Counter Down จะประกอบด้วย 2 Input คือ Count Down Input (CD) และ

Load Input (LD) ซึ่งการทำงานของ Load Input จะมีการทำงานเหมือนกันกับ Reset Input จะแตกต่าง

196


กันเฉพาะที่ชื่อสำหรับเรียกขา Input เท่านั้น ในการเรียกใช้งานคำสั่ง Count Down จะต้องระบุตำแหน่ง

ของ Counter ด้วยว่าเป็น Counter ตัวที่เท่าไร (ค่า Cxxx สามารถระบุหมายเลขได้ตั้งแต่ หมายเลข
0 – 255) และ มีค่าในการนับ เป็นจำนวนเท่าไร (ค่า Preset Value : PV สามารถตั้งค่าการนับได้ตั้งแต่ 0

– 32767 ครั้ง)

ตัวอย่างที่ 4.7 การใช้งาน คำสั่งตัวนับจำนวนแบบนับลง(Counter Down)
คำสั่ง : จงออกแบบโปรแกรม ตาม Ladder Diagram ดังต่อไปนี้





























วิธีออกแบบโปรแกรม

1. เข้าโปรแกรม STEP 7 – Micro/WIN Version 4.0 แล้ว Communication
2. เริ่มต้นการออกแบบโปรแกรมตามตัวอย่างที่ 4.7 (ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)

3. ให้ออกแบบโปรแกรมตามโปรแกรมตัวอย่าง จนถึงคำสั่ง Counterให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ชุดคำสั่ง
Counter จะปรากฏคำสั่ง Counter ขึ้นมา

4. ให้เลื่อนเม้าส์ชี้ที่คำสั่ง CTD คลิ๊กเม้าส์ซ้าย 1 ครั้ง จะปรากฏคำสั่ง CTD ใน Main Program

เครื่องหมาย ???? ด้านบน ให้ระบุ ค่า ตัวที่ของ Counter (จากตัวอย่างเป็น Counter C0)
เครื่องหมาย ???? ในส่วน PV ให้ระบุค่า จำนวนนับของ Counter (จากตัวอย่างตั้งค่าการนับ 5 ครั้ง)

197



















(ก) (ข)

ภาพที่ 4.126 (ก) แสดง การใช้คำสั่ง CTDแล ะ (ข) แสดงการกำหนดค่าใช้งาน คำสั่ง CTD


5. ออกแบบโปรแกรม ตามตัวอย่าง จนครบ





























ภาพที่ 4.127 แสดง ขั้นตอนในการออกแบบโปรแกรม


6. หากโปรแกรมที่ทำการทดลองผิดพลาด ต้องการแกไขสามารถทำได้(ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)เมื่อ

แก้ไขเสร็จสมบูรณ์ ให้ทำตามขั้นตอน คือ การ Compile All, การ Download, การ RUN และ การ Program
Status ตามลำดับ

7. ทดลองการทำงาน โดยการโยกสวิตช์ I0.0 สังเกต ค่าการนับของ Counter จะเริ่มนับที่ 5 (ใน

กรณีทค่าการนับไม่เท่ากับ 5 ให้โยกสวิตช์ Reset ก่อน) และนับลงเรื่อย ๆ ตามจังหวะการโยกสวิตช์ I0.0 และ
ี่

198


ต้องทำการโยกสวิตช์ I0.0 เป็นจำนวน 5 ครั้ง เพื่อให้ คำสั่ง Counter ทำงาน ส่งผลให้เอาต์พุต Q0.0 ทำงาน

ด้วย



























ภาพที่ 4.128 แสดงการทดลองการทำงาน
8. โยกสวิตช์ I0.1 เพื่อ ยกเลิกการทำงานของ Counter (Reset)


























ภาพที่ 4.129 แสดงการทดลองการทำงาน


4.8.4 คำสั่งตัวนับจำนวนแบบนับขึ้นและนับลง CTUD (Counter Up – Down )

คำสั่ง CTUD จะประกอบด้วย 3 Input คือ Count Up Input (CU), Count Down

Input (CD) และ Reset Input (R) ซึ่งการทำงานของแต่ละInput จะมีการทำงานเหมือนกับ CTU และ

199


CTD ที่ผ่านมา ในการเรียกใช้งานคำสั่ง Count Up – Down จะต้องระบุตำแหน่งของ Counter ด้วยว่าเป็น

Counter ตัวที่เท่าไร (ค่า Cxxx สามารถระบุหมายเลขได้ตั้งแต่ หมายเลข 0 – 255) และ มีค่าในการนับ
เป็นจำนวนเท่าไร (ค่า Preset Value, PV สามารถตั้งค่าการนับได้ตั้งแต่ 0 – 32767 ครั้ง)



ตัวอย่างที่ 4.8 การใช้งานคำสั่งตัวนับจำนวนแบบนับขึ้นและนับลง (Counter Up – Down )
คำสั่ง : จงออกแบบโปรแกรมตาม Ladder Diagram ดังต่อไปนี้




























วิธีออกแบบโปรแกรม
1. เข้าโปรแกรม STEP 7 – Micro/WIN Version 4.0 แล้ว Communication

2. เริ่มต้นการออกแบบโปรแกรมตามตัวอย่างที่ 4.8 (ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)
3. ให้ออกแบบโปรแกรมตามโปรแกรมตัวอย่าง จนถึงคำสั่ง Counterให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ชุดคำสั่ง

Counter จะปรากฏชุดคำสั่ง Counter ขึ้นมา

4. เลื่อนเม้าส์ชี้ที่คำสั่ง CTUD คลิ๊กเม้าส์ซ้าย 1 ครั้ง จะปรากฏคำสั่ง CTUD ใน Main Program
เครื่องหมาย ???? ด้านบน ให้ระบุ ค่า ตัวที่ของ Counter (จากตัวอย่างเป็น Counter C0)

เครื่องหมาย ???? ในส่วน PV ให้ระบุค่า จำนวนนับของ Counter (จากตัวอย่างตั้งค่าการนับ 5

ครั้ง)

200





















(ก) (ข)

ภาพที่ 4.130 (ก) แสดง การใช้คำสั่ง CTUD และ (ข) แสดง การกำหนดค่าใช้งาน คำสั่ง CTUD


5. ออกแบบโปรแกรม ตามตัวอย่าง จนเสร็จสมบูรณ์































ภาพที่ 4.131 แสดงโปรแกรมที่เสร็จสมบูรณ์

6. หากโปรแกรมที่ทำการทดลองผิดพลาด ต้องการแกไขสามารถทำได้(ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)เมื่อ

แก้ไขเสร็จสมบูรณ์ ให้ทำตามขั้นตอน คือ การ Compile All, การ Download, การ RUN และ การ Program

Status ตามลำดับ

7. ทดลองการทำงาน โดยการโยกสวิตช์ I0.0 สังเกต ค่าการนับของ Counter จะเริ่มนับที่ 0 เมื่อ
โยก สวิตช์ I0.0 ค่าการนับของ Counter จะนับเพมขึ้น เมื่อค่าการนับมีค่าเท่ากับ 5 หรือมากกว่า 5 คำสั่ง
ิ่
Counter จะทำงาน เมื่อที่โยกสวิตช์ I0.1 ค่าการนับของ Counter จะนับลดลง ในกรณีที่ค่าการนับยังมีค่า

201


เท่ากับ 5 หรือมากกว่า 5 Counter จะยังคงทำงานอยู่ แต่ถ้าเมอไรค่าการนับของ Counter ลดต่ำลงกว่า 5
ื่
คำสั่ง Counter จะหยุดการทำงาน



































ภาพที่ 4.132 แสดงการทดลองการทำงาน


8. โยกสวิตช์ I0.1 เพื่อ ยกเลิกการทำงานของ Counter (Reset)

202

































ภาพที่ 4.133 แสดงการทดลองการทำงาน



4.9 การใช้กลุ่มคำสั่งเคลื่อนย้ายข้อมูล (Move)
คำสั่ง Move เป็นคำสั่งที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายข้อมูล มีให้ใช้งานหลายคำสั่ง ตามขนาดของข้อมูล เป็น

การย้ายข้อมูลจากทางด้านอนพุต (IN) ไปยังด้านเอาต์พุต (OUT) โดยไม่เปลี่ยนแปลงค่าของข้อมูล ในตอน

เคลื่อนย้าย คำสั่ง Move แบ่งตามขนาดของข้อมูลคือ
4.9.1 Move Byte (MOV_B)

ื่


เปนการเคลอนย้ายข้อมูล ขนาด 8 บตแบบ Byte มขนาดของข้อมูล 0 –
255 โดยย้ายข้อมูลจากทางด้านอินพุต (IN) ไปยังด้านเอาต์พุต (OUT)

ื่
ี่
โดยไม่เปลยนแปลงค่าของข้อมูล ในตอนเคลอนย้าย เหมาะส าหรบการย้าย


ข้อมูล เชน IB0, SMB28,VB100


4.9.2 Move Word (MOV_W)

เปนการเคลอนย้ายข้อมูล ขนาด 16 บตแบบ Word โดยมขนาดของข้อมูล


ื่

0 – 65,535 โดยย้ายข้อมูลจากทางด้านอินพต (IN) ไปยังด้านเอาต์พุต

ื่
ี่
(OUT) โดยไม่เปลยนแปลงค่าของข้อมูล ในตอนเคลอนย้าย เหมาะ



ส าหรบการย้ายข้อมูล เชน ค่า Preset Time ของ Timer และค่า Preset
Value ของ Counter, VW

203





4.9.3 Move Double Word (MOV_DW)

เปนการเคลอนย้ายข้อมูล ขนาด 32 บตแบบ Double Word มขนาดของ



ื่
ข้อมูล 0 – 4,294,967,295 โดยย้ายข้อมูลจากทางด้านอินพต(IN) ไป

ยังด้านเอาต์พุต(OUT) โดยไม่เปลยนแปลงค่าของข้อมูล ในตอน
ี่

ี่
ื่

เคลอนย้าย เหมาะส าหรับการย้ายข้อมูลทมีค่าของข้อมูลสง ๆ


4.9.4 Move_Real (MOV_R)
เปนการเคลอนย้ายข้อมูลจรง ขนาด 32 บตแบบ Real ชนดของข้อมูลเปน


ื่



แบบ Double Word เปนการย้ายข้อมูลจากทางด้านอินพุต (IN) ไปยัง

ี่
ื่
ด้านเอาต์พุต (OUT) โดยไม่เปลยนแปลงค่าของข้อมูล ในตอนเคลอนย้าย


เหมาะส าหรบการย้ายข้อมูลจรง







จากคำอธิบายเรื่องคำสั่ง Move จะขอยกตัวอย่างการออกแบบ




โปรแกรมควบคุม โดยใช้คำสั่ง Move Word ร่วมกับ Timer เพื่อให้เข้าใจการนำคำสั่ง Move ไปใช้งาน
ควบคุมจริง




ตัวอย่างที่ 4.9 การใช้งานคำสั่งเคลื่อนย้ายขอมล (Move)


การทำงานของโปรแกรม คือ เมื่อสั่ง Run โปรแกรม ค่า Preset Time เริ่มต้นของ Timer จะมีค่า

เท่ากับค่าของ VW0 เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านอนพุต อินพุต I0.0 มีสภาวะ On จะทำให้คำสั่ง
Move_W ทำงาน คำสั่ง Move_W จะทำการเคลื่อนย้ายข้อมูลเท่ากับ 10 ไปไว้ที่ห้อง VW0 ทำให้ค่า

Preset Time ของ Timer จะมีค่าเท่ากบ 10 ด้วยเช่นกันและหากอินพุต I0.1 มีสภาวะ On จะทำให้คำสั่ง


204


Move_W ทำงาน คำสั่ง Move_W จะทำการเคลื่อนย้ายข้อมูลเท่ากับ 20 ไปไว้ที่ห้อง VW0 ทำให้ค่า


Preset Time ของ Timer จะมีค่าเท่ากบ 20
คำสั่ง : จงออกแบบโปรแกรม ตาม Ladder Diagram ดังต่อไปนี้












































วิธีออกแบบโปรแกรม
1. เข้าโปรแกรม STEP 7 – Micro/WIN Version 4.0 แล้ว Communication

2. เริ่มต้นการออกแบบโปรแกรมตามตัวอย่างที่ 4.9 (ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)
3. ให้ออกแบบโปรแกรมตามโปรแกรมตัวอย่าง จนถึงคำสั่ง MOV_W ให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ชุดคำสั่ง

205

























ภาพที่ 4.134 แสดงการเรียกใช้คำสั่ง MOV_W

4. ใส่ค่าข้อมูลเท่ากับ 10 ทางด้าน Input (IN) และ VW0 ทางด้าน Output (Out)



















ภาพที่ 4.135 แสดงการกำหนดรายละเอียดของคำสั่ง MOV_W



5. ออกแบบโปรแกรมต่อไป จนถึง คำสั่ง MOV_W ในแถวที่ 2 กำหนดค่าทางด้าน IN เป็น 20
และทางด้าน OUT เป็น VW0 แล้วออกแบบโปรแกรมต่อไปจนครบ ตามที่กำหนด

206






















ภาพที่ 4.136 แสดงการกำหนดรายละเอียดของคำสั่ง MOV_W


6. ทดลองการทำงานของโปรแกรม ตามขั้นตอน(ทบทวนจากหัวข้อ 4.5.1)



















ค่าเร่มต้นของ VW0

จะมค่าเท่ากับ 0









ภาพที่ 4.137 แสดงการทดลองการทำงานของโปรแกรม



7. เมื่ออินพุต I0.1 มีสภาวะ On จะเคลื่อนย้ายข้อมูลเท่ากับ 10 มาไว้ในห้อง VW0 จะทำให้ค่า
Preset Time ของTimer ตั้งเป็นค่า VW0 เพราะฉะนั้นจะมีค่าเท่ากับ 10 ไปด้วย

207
























ื่

เมออินพุต I0.1 มสภาวะ On
ค่าของ VW0 จะมีค่าเท่ากับ
10



ภาพที่ 4.138 แสดงการทดลองการทำงานของโปรแกรมเมื่อ I0.1 มีสภาวะ On



8. เมื่ออินพุต I0.2 มีสภาวะ On จะเคลื่อนย้ายข้อมูลเท่ากับ 20 มาไว้ในห้อง VW0 จะทำให้ค่า
Preset Time ของTimer ตั้งเป็นค่า VW0 เพราะฉะนั้นจะมีค่าเท่ากับ 20 ไปด้วย

208
























ื่

เมออินพุต I0.2 มสภาวะ On
ค่าของ VW0 จะมีค่าเท่ากับ
20









ภาพที่ 4.139 แสดงการทดลองการทำงานของโปรแกรมเมื่อ I0.2 มีสภาวะ On


4.10 กลุ่มคำสั่งเปรียบเทียบข้อมูล (Compare)

คำสั่ง Compare เป็นคำสั่งที่ใช้ในการเปรียบเทียบข้อมูล ระหว่างค่า 2 ค่า โดยแบ่งตามขนาดของ
ข้อมูล คำสั่ง Compare แบ่งตามขนาดของข้อมูลคือ



4.10.1 Compare Byte







เปนค าส่งทใช้ในการเปรยบเทยบข้อมล ระหวางค่า 2 ค่า






(ค่า IN1 กับค่า IN2) ขนาด 8 บต สภาวะของค าส่ง จะมสภาวะ On
ต่อเมอการเปรยบเทยบค่าทั้ง 2 ค่านั้น ถกต้อง






209







4.10.2 Compare Integer









เปนค าส่งทใช้ในการเปรยบเทยบข้อมล ระหวางค่า 2 ค่า ( ค่า



ื่
IN1 กับค่า IN2) ขนาด 16 บต สภาวะของค าส่ง จะมสภาวะ On ต่อเมอ



การเปรยบเทยบค่าทั้ง 2 ค่านั้น ถกต้อง
เหมาะส าหรบการเปรยบเทยบข้อมูล ค่า Preset Time ของ Timer และ




ค่า Preset Value ของ Counter

4.10.3 Compare Double Integer









เปนค าส่งทใช้ในการเปรยบเทยบข้อมล ระหวางค่า 2 ค่า




(ค่า IN1 กับค่า IN2) ขนาด 32 บต สภาวะของค าส่ง จะมสภาวะ On
ต่อเมอการเปรยบเทยบค่าทั้ง 2 ค่านั้น ถกต้อง








4.10.4 Compare Real
เปนค าส่งทใช้ในการเปรยบเทยบข้อมล ระหวางค่า 2 ค่า








(ค่า IN1 กับค่า IN2) เปนจ านวนจรง สภาวะของค าส่ง จะมสภาวะ On




ต่อเมอการเปรยบเทยบค่าทั้ง 2 ค่านั้น ถกต้อง







จากเรื่องคำสั่ง Compare จะยกตัวอย่างการออกแบบโปรแกรมควบคุม โดยใช้คำสั่งเปรียบเทียบ
ข้อมล (Compare Integer) ร่วมกับ Timer ในการเปรียบเทียบค่าการหน่วงเวลาของ Timer ในการ

สั่งงานให้ Output ทำงาน

ตัวอย่างที่ 4.10 การใช้งานคำสั่งเปรียบเทียบข้อมูล Compare
การทำงานของโปรแกรม คือ เมื่ออินพุต I0.0 มีสภาวะ On จะทำให้ Output Q0.0 มีสภาวะ On
และคำสั่ง Timer ทำงาน เริ่มนับเวลา โดยเริ่มนับจากค่า 0 – Maximum (32,767) และการทำงานใน


Click to View FlipBook Version