สภาวศิ วกร | Council of engineersสภาวิศวกร ขอ
วชิ า : Mechanics of Machinery
เนอื หาวชิ า : 253 : 1. Definition 1
ขอ้ ที 1 :
การสมั ผัสระหวา่ งผวิ ลกู สบู กบั กระบอกสบู จัดเป็ นคสู่ มั ผัสแบบ
1 : คสู่ มั ผัสเลอื นไหล (Sliding pairs)
2 : คสู่ มั ผัสเกลยี ว (Helical pairs)
3 : คสู่ มั ผัสทรงกระบอก (Cylindrical pairs)
4 : คสู่ มั ผัสทรงกลม (Spherical pairs)
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 2 :
การสมั ผัสระหวา่ งผวิ สลกั เกลยี วกบั แป้นเกลยี วจัดเป็ นคสู่ มั ผัสแบบ
1 : คสู่ มั ผัสเลอื นไหล (Sliding pairs)
2 : คสู่ มั ผัสเกลยี ว (Helical pairs)
3 : คสู่ มั ผัสทรงกระบอก (Cylindrical pairs)
4 : คสู่ มั ผัสทรงกลม (Spherical pairs)
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 3 :
การสมั ผัสระหวา่ งผวิ ของรองลนื แบบ journal กบั เพลาจัดเป็ นคสู่ มั ผัสแบบ
1 : คสู่ มั ผัสเลอื นไหล (Sliding pairs)
2 : คสู่ มั ผัสเกลยี ว (Helical pairs)
3 : คสู่ มั ผัสทรงกระบอก (Cylindrical pairs)
4 : คสู่ มั ผัสทรงกลม (Spherical pairs)
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 4 :
คสู่ มั ผัสเกลยี ว (Helical pairs) ไดแ้ กก่ ารสมั ผัสระหวา่ ง
1 : ผวิ ลกู สบู กบั กระบอกสบู
2 : ลอ้ รถยนตก์ บั พนื ถนน
3 : ฟันเฟืองคหู่ นงึ
4 : สลกั เกลยี วกบั แป้นเกลยี ว
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 5 :
คสู่ มั ผัสแบบ Lower pair คอื
1 : คสู่ มั ผัสทถี กู ยดึ ใหต้ ดิ กนั ทางเชงิ กลอยา่ งเดยี ว
2 : คสู่ มั ผัสระหวา่ งลกู บอลกบั เบา้
3 : คสู่ มั ผัสทสี มั ผัสกนั เป็ นพนื ที
4 : คสู่ มั ผัสทมี สี ว่ นสมั ผัสกนั เป็ นเสน้ หรอื จดุ
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 6 :
คสู่ มั ผัสทรงกลม ( Spherical Pairs) คอื
1 : คสู่ มั ผัสทถี กู ยดึ ดว้ ยแรงภายนอก หรอื แรงโนม้ ถว่ ง
2 : คสู่ มั ผัสทเี คลอื นทโี ดยหมนุ ไปพรอ้ มๆกบั การเคลอื นทไี ปตามแกนการหมนุ
3 : คสู่ มั ผัสระหวา่ งลกู บอลกบั เบา้
4 : คสู่ มั ผัสทมี สี ว่ นสมั ผัสกนั เป็ นพนื ที
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
อสงวนส ิทธ ิ
ขอ้ ที 7 :สภาวิศวกร ขอ
คสู่ มั ผัสแบบคขู่ นั สงู (Higher Pairs) คอื
1 : คสู่ มั ผัสทมี สี ว่ นสมั ผัสกนั เป็ นเสน้ หรอื จดุ
2 : คสู่ มั ผัสทมี สี ว่ นสมั ผัสกนั เป็ นพนื ที
3 : คสู่ มั ผัสทมี สี ว่ นสมั ผัสกนั เป็ นแบบเชงิ ไมบ่ งั คบั
4 : คสู่ มั ผัสทมี สี ว่ นสมั ผัสกนั อยสู่ ว่ นบนของกลไก
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 8 :
Prismatic pairs คอื
1 : คสู่ มั ผัสของสามเหลยี มปรซิ มึ
2 : คสู่ มั ผัสของลอ้ กลงิ โดยไมล่ นื ไถล
3 : คสู่ มั ผัสของกลไกทยี อมใหข้ อ้ ตอ่ หนงึ เคลอื นทไี ดโ้ ดยการหมนุ
4 : คสู่ มั ผัสของกลไกทยี อมใหข้ อ้ ตอ่ หนงึ เคลอื นทไี ดโ้ ดยเลอื นไถลไปมา
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 9 :
ขอ้ ใดเป็ นชนดิ ของการเคลอื นทแี บบ Plane Motion
1 : Translation Motion
2 : Spherical Motion
3 : Helical Motion
4 : Absolute Motion
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 10 :
ขอ้ ใดเป็ นชนดิ ของการเคลอื นทแี บบ Plane Motion
1 : Spherical Motion
2 : Rotation Motion
3 : Helical Motion
4 : Absolute Motion
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 11 :
ขอ้ ใดไมใ่ ชช่ นดิ ของการเคลอื นทแี บบ Plane Motion
1 : Translation Motion
2 : Rotation Motion
3 : Rectilinear Motion
4 : Absolute Motion
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 12 :
ขอ้ ใดไมใ่ ชช่ นดิ ของการเคลอื นทแี บบ Plane Motion
1 : Rectilinear Motion
2 : Curvilinear Motion
3 : Helical Motion
4 : Translation Motion
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 13 :
โซค่ เิ นแมตกิ (Kinematic chain) ในขอ้ ใดเป็ นโซค่ เิ นแมตกิ เชงิ บงั คบั (constrained kinematic chain)
อสงวนส ิทธ ิ
สภาวิศวกร ขอ
1:
2:
3:
4:
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 14 :
คําตอบขอ้ ใดไมถ่ กู ตอ้ ง
1:
คู่สมั ผสั ขนั ตาํ (Lower Pair)
2:
คู่สมั ผสั แบบทรงกระบอก (Cylindrical pairs)
3:
คู่สมั ผสั แบบทรงกลม (Spherical pairs)
ค4ู่ส:มั ผสั แบบปิ ด (Form-closed pairs)
อสงวนส ิทธ ิ
สภาวิศวกร ขอ
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
อสงวนส ิทธ ิ
ขอ้ ที 15 :
เมือแบ่งตามลกั ษณะของการเคลือนทีสมั พทั ธ์ คู่สมั ผสั ในรูปเป็นคู่สมั ผสั ชนิดใด
1:
คู่สมั ผสั 23 เป็นแบบหมุน(Tuning pair)
คู่สมั ผสั 12 เป็นแบบเลือน (Sliding pair)
2:
คู่สมั ผสั 23 เป็นแบบทรงกระบอก (Cylindrical pair)
คู่สมั ผสั 12 เป็นแบบเลือน (Sliding pair)
3:
คู่สมั ผสั 23 เป็นแบบคู่ขนั สูง
คู่สมั ผสั 12 เป็นแบบคู่ขนั ตาํ
4:
คู่สมั ผสั 23 เป็นคู่สมั ผสั ทีมีระดบั ขนั ความเสรีเป็น 1
คู่สมั ผสั 12 เป็นคู่สมั ผสั ทีมีระดบั ขนั ความเสรีเป็น 1
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 16 :
เมือแบ่งตามลกั ษณะการเคลือนทีสมั พทั ธ์ คู่สมั ผสั ในรูปเป็นคู่สมั ผสั ชนิดใด
1 : คสู่ มั ผัสแบบกลงิ พรอ้ มไถล
2 : คสู่ มั ผัสขนั สงู
3 : คสู่ มั ผัสแบบเลอื นไถล
4 : คสู่ มั ผัสแบบหมนุ
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 17 :
คสู่ มั ผัสเลอื นไหล (Sliding pairs) ไดแ้ กก่ ารสมั ผัสระหวา่ ง
1 : ผวิ ลกู สบู กบั กระบอกสบู
2 : ลอ้ รถยนตก์ บั พนื ถนน
3 : ฟันเฟืองคหู่ นงึ
4 : สลกั เกลยี วกบั แป้นเกลยี ว
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 18 :
ผวิ ของรองลนื แบบ journal กบั เพลา ไดแ้ กก่ ารสมั ผัสระหวา่ ง
1 : ผวิ ลกู สบู กบั กระบอกสบู
2 : ลอ้ รถยนตก์ บั พนื ถนน
3 : ฟันเฟืองคหู่ นงึ
4 : สลกั เกลยี วกบั แป้นเกลยี ว
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4สภาวิศวกร ขอ
ขอ้ ที 19 :
ระดบั ขนั ความเสร(ี Degree of freedom หรอื Mobility) ของกลไกคอื อะไร
1 : จํานวนตวั แปรทบี อกถงึ ตําแหน่งของชนิ สว่ นของกลไก
2 : จํานวนตวั ตน้ กําลงั ทนี อ้ ยทสี ดุ ทใี ชใ้ นการขบั เคลอื นกลไก แลว้ ทําใหก้ ลไกเคลอื นทไี ดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์
3 : จํานวนขอ้ ตอ่ (joint)ทงั หมดของกลไก
4 : จํานวนชนิ สว่ นหรอื ชนิ ตอ่ โยง(Link)ทงั หมดของกลไก
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 20 :
โดยทวั ไปการสมั ผสั ระหวา่ งลอ้ รถยนตก์ บั ถนนจะเป็นแบบ
1 : Sliding pair
2 : Journal bearing pair
3 : Helical pair
4 : Cylindrical pair
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
กขลอ้ ไทกีด2งั 1รูป:มีคู่สมั ผสั ชนิดใด
1 : คคคคูููู่่่่สสสสมมมมัััั ผผผผสสสสัััั ขเหขลนนััมือตสุนนาูงํ(((P(SLHilnoiidgwjiohneiegrnrtpj)poaaiinirr)t))
2 :
3 :
4 :
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขคิแอ้ นทเมี 2ต2ิกอ:ินเวอร์ชนั (Kinematic inversion) ของกลไก คือ
1 : การออกแบบใหก้ ลไกมีการเคลือนทีตามทีตอ้ งการ
2 : การเปลียนรูปร่างของกลไก โดยการเพิมความยาวของชินต่อโยง
3 : การเปลียนรูปแบบกลไกโดยการเพิมชินต่อโยงใหก้ บั กลไก
4 : การเปลียนรูปแบบกลไกโดยการสลบั ใหช้ ินต่อโยงแต่ละชินทาํ หนา้ ทีเป็นกราวด(์ หรือไม่มีการเคลือนที) โดยจาํ นวนชินต่อโยงยงั เท่าเดิมและมีคู่สมั ผสั
เหมือนเดิม
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขขอ้อ้ ใทดีเป2็3นก:ลไกกราช๊อฟ(Grashof mechanism)
กกกลลลไไไกกกแแวคพตั รนต้งโ(์สWทไกลaรtเtดาlฟอinร(k์P(aCagnerta)ongkrasplihd)er mechanism)
1 : กลไกแคร้งร็อกเกอร์ (Crank-rocker mechanism)
2 :
3 :
4 :
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขขอ้อ้ ใทดีค2ือ4คุณ: สมบตั ิของชินต่อโยง Coupler
มมมเชีีีกกกือาาามรรรตเเเคคค่อลลลกืืือออบั นนนชทททินีีีแแเปตบบ็่อนบบโแหเยลบงมือบทุนนหีหแ(มยTลุดนุrะaนอเnลิยงsือ(lา่ aGนงtเirดoo(Gnียu)วnedn()eRroatlaptiloanne)
1 : อสงวนส ิทธ ิ motion)
2 :
3 :
4 :
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 25 :
Motion ของ link 3 ในระบบ linkage ดงั รปู เป็ นแบบใดสภาวิศวกร ขอ
1: crttrrouaatrnnavsstiillloaainnttiieooannr atrnadnsrolattaitoionn
2:
3:
4:
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ชขินอ้ ตท่อี โ2ย6งใ:ดของกลไกในรูป ทีมีการเคลือนทีแบบ General plane motion กาํ หนดใหม้ ีคู่สมั ผสั แบบหมุนทีจุด A, B, C, D และ F
1 : ชินต่อโยง AB
2 : ชินต่อโยง BC
3 : ชินต่อโยง CD
4 : ไมม่ ี
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
กขาอ้รทสมัี 2ผ7สั ร:ะหวา่ งลอ้ รถยนตก์ บั ถนนในขณะเหยยี บหา้ มลอ้ เตม็ ที จะเป็นแบบ
1 : Sliding pair
2 : Journal bearing pair
3 : Helical pair
4 : Cylindrical pair
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
กขลอ้ ไทกีส2ีช8ิน:(four-bar mechanism) ทีชินส่วนขาเขา้ (input link) และขาออก (output link) สามารถหมุนไดค้ รบรอบทงั สองชิน เรียกวา่
1 : Crank-slider mechanism
2 : Drag link mechanism
3 : Rocker-crank mechanism
4 : Toggle mechanism
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
เนอื หาวชิ า : 254 : 2. Definition 2
ขอ้ ที 29 :
โครงสรา้ งสะพานพทุ ธจัดเป็ นโซค่ เิ นแมตกิ (Kinematic chain)
1 : แบบเปิด
2 : เชงิ บงั คบั
3 : แบบบงั คบั ไมไ่ ด ้
4 : แบบล็อก
อสงวนส ิทธ ิ
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4สภาวิศวกร ขอ
ขอ้ ที 30 :อสงวนส ิทธ ิ
โซค่ เิ นแมตกิ แบบล็อก (Locked kinematic chain) ไดแ้ ก่
1 : โครงสรา้ งสะพานพทุ ธ
2 : เพลาขอ้ เหวยี งเครอื งยนต์
3 : ชดุ เฟืองทด
4 : สายพานลําเลยี ง
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 31 :
ชดุ เฟืองทดเป็ นโซค่ เิ นแมตกิ (Kinematic chain)
1 : แบบล็อก
2 : เชงิ บงั คบั
3 : แบบเปิด
4 : แบบบงั คบั ไมไ่ ด ้
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 32 :
บานประตแู บบแกวง่ (Swinging door) จัดเป็ นโซค่ เิ นแมตกิ (Kinematic chain)
1 : แบบล็อก
2 : เชงิ บงั คบั
3 : แบบเปิด
4 : แบบปิด
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 33 :
กลไกทกี ําหนดการเคลอื นทขี องจดุ ๆหนงึ เรยี กวา่
1 : Path Generation
2 : Motion Generation
3 : Function Generation
4 : Change point Mechanism
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 34 :
กลไกทสี นใจกําหนดการเคลอื นทขี องกา้ นสง่ เชน่ ฝากระโปรงรถยนต์ เรยี กวา่
1 : Motion Generation
2 : Path Generation
3 : Function Generation
4 : Change point Mechanism
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 35 :
โครงสรา้ งแบบโซล่ ็อคชนดิ Statically determinate คอื
1 : โครงสรา้ งของลกู เบยี วและตวั ตาม
2 : Peaucellier Mechanism
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 36 :
คสู่ มั ผัสของ Camshaft กบั Valve ในเครอื งยนตเ์ ป็ นคสู่ มั ผัสแบบ
1 : Lower Pairs & Form- Closed Pairs
2 : Lower Pairs & Force-closed Pairs
3 : Higher Pairs & Form-closed Pairs
4 : Higher Pairs & Force-Closed Pairs
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 37 :สภาวิศวกร ขอ
ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ระเภทของการสง่ ผา่ นการเคลอื นที
1 : การสง่ ผา่ นการเคลอื นทแี บบสมั ผัสกนั โดยตรง
2 : การสง่ ผา่ นการเคลอื นทแี บบสมั ผัสกนั โดยออ้ ม
3 : การสง่ ผา่ นการเคลอื นทโี ดยอาศยั ชนิ ตอ่ โยงทยี ดื หดได ้
4 : การสง่ ผา่ นการเคลอื นทโี ดยอาศยั ชนิ ตอ่ โยงตวั กลาง
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 38 :
ขอ้ ใดคอื การสง่ ผา่ นการเคลอื นทโี ดยอาศยั ชนิ ตอ่ โยงทยี ดื หดได ้
1 : ลกู เบยี วและตวั ตาม
2 : กา้ นสบู และลกู สบู
3 : สายพาน
4 : coupling
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 39 :
ขอ้ ใดคอื การสง่ ผา่ นการเคลอื นทแี บบสมั ผัสกนั โดยตรง
1 : สายพาน
2 : ลกู เบยี วและตวั ตาม
3 : กา้ นสบู และลกู สบู
4 : coupling
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 40 :
ขอ้ ใดคอื การสง่ ผา่ นการเคลอื นทโี ดยอาศยั ชนิ ตอ่ โยงตวั กลาง
1 : coupling
2 : ลกู เบยี วและตวั ตาม
3 : กา้ นสบู และลกู สบู
4 : สายพาน
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 41 :
ขอ้ เหวยี ง (Crank) หมายถงึ ขอ้ ใด
1:
ขอ้ ตอ่ O2A ทสี ามารถหมนุ ไดร้ อบจดุ หมนุ ทอี ยกู่ บั ที O2
2:
1. ขอ้ ตอ่ O4B ทแี กวง่ ไปมารอบจดุ หมนุ O4
3:
ขอ้ ตอ่ AB ทสี ามารถหมนุ ไดร้ อบจดุ A และจดุ B
4:
ขอ้ ตอ่ O2O4 ทมี ี O2 และ O4 เป็ นจดุ หมนุ ทอี ยกู่ บั ทขี องกลไก 4-ขอ้ ตอ่
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 42 :
กา้ นสง่ (Coupler) หมายถงึ ขอ้ ตอ่ ในรปู ใด
อสงวนส ิทธ ิ
สภาวิศวกร ขอ
1 : ขอ้ ตอ่ 3
2 : ขอ้ ตอ่ 2
3 : ขอ้ ตอ่ 4
4 : ขอ้ ตอ่ 1
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 43 :
ขอ้ ใดเป็ นการแบง่ ชนดิ ของคสู่ มั ผัสตามลกั ษณะของพนื ผวิ ทสี มั ผัสกนั ของคสู่ มั ผัส
1 : คขู่ นั สงู และคขู่ นั ตํา
2 : คปู่ ิดโดยเชงิ กล และคปู่ ิดโดยแรง
3 : คสู่ มั ผัสแบบเลอื นไถล และแบบหมนุ
4 : คสู่ มั ผัสแบบกลงิ โดยไมไ่ ถล และกลงิ โดยมกี ารไถล
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 44 :
ขอ้ ใดเป็ นการแบง่ คสู่ มั ผัสตามลกั ษณะของการบงั คบั เชงิ กล
1 : คปู่ ิดโดยเชงิ กล และคปู่ ิดโดยแรง
2 : คขู่ นั สงู และคขู่ นั ตํา
3 : สมั ผัสแบบกลงิ โดยไมไ่ ถล และแบบกลงิ พรอ้ มไถล
4 : คสู่ มั ผัสแบบเกลยี ว และคสู่ มั ผัสทรงกระบอก
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 45 :
โซค่ เิ นแมตกิ แบบล็อก (Locked kinematic chain) ไดแ้ ก่
1 : ตวั ถงั รถยนต์
2 : เพลาขอ้ เหวยี งเครอื งยนต์
3 : ชดุ เฟืองทด
4 : สายพานลําเลยี ง
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 46 :
เพลาขอ้ เหวยี งรถยนตเ์ ป็ นโซค่ เิ นแมตกิ (Kinematic chain)
1 : แบบล็อก
2 : เชงิ บงั คบั
3 : แบบเปิด
4 : แบบบงั คบั ไมไ่ ด ้
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขกาอ้รทสมัี 4ผ7สั ร:ะหวา่ งไมช้ กั ของ slide rule เป็นแบบ
1: Sliding pair อสงวนส ิทธ ิ
2: JHCoyeullriicnnaadllripbcaeaialrrpinagir pair
3:
4:
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 48 :
Cam 2 เคลือนทีดว้ ยความเร็ว w2 P เป็น contact point ของ cam 2 และ follower 3สภาวิศวกร ขอ
TT' เป็น common tangent N' เป็น common normal Velocity of slide มีค่าเท่ากบั
1:
2:
3: -
4 : ศูนย์
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขกาอ้รทสมัี 4ผ9สั ร:ะหวา่ งรองเทา้ กบั พืนขณะกาํ ลงั เดิน เป็นแบบ
1 : Sliding pair
2 : Journal bearing pair
3 : Helical pair
4 : Cylindrical pair
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
กขาอ้รทเขี า้5ค0ู่ (K: inematic pairing) ระหวา่ งกระบอกสูบกบั ลูกสูบของเครืองยนตค์ ือ
1 : SJoliudrinnagl pbaeiarring pair
2 : CHyelliicnadlripcaailrpair
3 :
4 :
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
เนอื หาวชิ า : 255 : 3. Linkage 1
ขอ้ ที 51 :
กลไก 4 ขอ้ ตอ่ (Four bars linkage) ตวั หนงึ ประกอบดว้ ยขอ้ ตอ่ 4 ชนิ ทมี คี วามยาวดงั นี S เป็ นความยาวของขอ้ ตอ่ ทสี นั ทสี ดุ L เป็ นความยาวของ
ขอ้ ตอ่ ทยี าวทสี ดุ P และ Q เป็ นความยาวของขอ้ ตอ่ อกี 2 ขอ้ ทเี หลอื ถา้ กลไกชดุ นถี กู ประกอบให ้ S+L < P+Q โดยทขี อ้ ตอ่ สนั ทสี ดุ เป็ นแทน่
เครอื ง เราจะไดก้ ลไกแบบ
1 : ขอ้ เหวยี งคู่ (Double crank)
2 : ขอ้ เหวยี ง-แขนแกวง่ (Crank-Rocker)
3 : แขนแกวง่ คู่ (Double rocker)
4 : มจี ดุ เปลยี น
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 52 :
กลไก 4 ขอ้ ตอ่ (Four bars linkage) ตวั หนงึ ประกอบดว้ ยขอ้ ตอ่ 4 ชนิ ทมี คี วามยาวดงั นี S เป็ นความยาวของขอ้ ตอ่ ทสี นั ทสี ดุ L เป็ นความยาวของ
ขอ้ ตอ่ ทยี าวทสี ดุ P และ Q เป็ นความยาวของขอ้ ตอ่ อกี 2 ขอ้ ทเี หลอื ถา้ กลไกชดุ นถี กู ประกอบให ้ S+L < P+Q โดยทขี อ้ ตอ่ สนั ทสี ดุ เป็ นขอ้ ตอ่
ดา้ นขา้ ง เราจะไดก้ ลไกแบบ
1 : ขอ้ เหวยี งคู่ (Double crank)
2 : ขอ้ เหวยี ง-แขนแกวง่ (Crank-Rocker)
3 : แขนแกวง่ คู่ (Double rocker)
4 : มจี ดุ เปลยี น
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
อสงวนส ิทธ ิ
ขอ้ ที 53 :
กลไก 4 ขอ้ ตอ่ (Four bars linkage) ตวั หนงึ ประกอบดว้ ยขอ้ ตอ่ 4 ชนิ ทมี คี วามยาวดงั นี S เป็ นความยาวของขอ้ ตอ่ ทสี นั ทสี ดุ L เป็ นความยาวของสภาวิศวกร ขอ
ขอ้ ตอ่ ทยี าวทสี ดุ P และ Q เป็ นความยาวของขอ้ ตอ่ อกี 2 ขอ้ ทเี หลอื ถา้ กลไกชดุ นถี กู ประกอบให ้ S+L < P+Q โดยทขี อ้ ตอ่ สนั ทสี ดุ เป็ นกา้ นสง่
เราจะไดก้ ลไกแบบ
1 : ขอ้ เหวยี งคู่ (Double crank)
2 : ขอ้ เหวยี ง-แขนแกวง่ (Crank-Rocker)
3 : แขนแกวง่ คู่ (Double rocker)
4 : มจี ดุ เปลยี น
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 54 :
กลไก 4 ขอ้ ตอ่ (Four bars linkage) ตวั หนงึ ประกอบดว้ ยขอ้ ตอ่ 4 ชนิ ทมี คี วามยาวดงั นี S เป็ นความยาวของขอ้ ตอ่ ทสี นั ทสี ดุ L เป็ นความยาวของ
ขอ้ ตอ่ ทยี าวทสี ดุ P และ Q เป็ นความยาวของขอ้ ตอ่ อกี 2 ขอ้ ทเี หลอื ถา้ กลไกชดุ นถี กู ประกอบให ้ S+L = P+Q โดยทขี อ้ ตอ่ สนั ทสี ดุ เป็ นกา้ นสง่
เราจะไดก้ ลไกแบบ
1 : ขอ้ เหวยี งคู่ (Double crank)
2 : ขอ้ เหวยี ง-แขนแกวง่ (Crank-Rocker)
3 : แขนแกวง่ คู่ (Double rocker)
4 : มจี ดุ เปลยี น
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 55 :
กลไก Double rocker ประกอบดว้ ย ขนาดดงั นี O2B = 3 cm BC = 1.5 cm CO4 = 3.2 cm O2O4 = 2.5 cm กา้ น O2B เป็ นตวั ขบั ตําแหน่งจดุ
ตายของตวั ขบั คอื
1 : 145.5 degree and 62.87 degree
2 : 34.5 degree and 117.13 degree
3 : 214.5 degree and 117.13 degree
4 : 34.5 degree and 297.13 degree
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 56 :
กลไก Double rocker ประกอบดว้ ย ขนาดดงั นี O2B = 3 cm BC = 1.5 cm CO4 = 3.2 cm O2O4 = 2.5 cm กา้ น O4C เป็ นตวั ตาม ตําแหน่งจดุ
ตายของตวั ตาม คอื
อสงวนส ิทธ ิ
สภาวิศวกร ขอ
1 : 89.06 degree and 34.6 degree
2 : 269.06 degree and 34.6 degree
3 : 89.06 degree and 24.6 degree
4 : 69.06 degree and 24.6 degree
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 57 :
จากรปู เสน้ สง่ ผา่ นการเคลอื นทคี อื ชนิ ตอ่ โยงใด
1 : ชนิ ตอ่ โยง 1
2 : ชนิ ตอ่ โยง 2
3 : ชนิ ตอ่ โยง 3
4 : ชนิ ตอ่ โยง 4
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 58 :
ตําแหน่งจดุ ตายของกลไก 4 ขอ้ ตอ่ คอื
1 : ตําแหน่งทขี อ้ ตอ่ กา้ นสง่ อยใู่ นระนาบ
2 : ตําแหน่งทกี า้ นสง่ อยใู่ นแนวเดยี วกนั กบั ตวั ตาม (ตวั ถกู ขบั )
3 : ตําแหน่งทดี า้ นขา้ งอยใู่ นแนวเดยี วกนั กบั ตวั ตาม (ตวั ถกู ขบั )
4 : ตําแหน่งทแี นวแทน่ เครอื งอยใู่ นแนวเดยี วกนั กบั ตวั ตาม (ตวั ถกู ขบั )
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 59 :
อสงวนส ิทธ ิ
กลไกในภาพมชี อื เรยี กวา่สภาวิศวกร ขอ
1 : Paralelligramอสงวนส ิทธ ิ
2 : Galloway
3 : Watt
4 : Stephenson
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 60 :
จากรปู ชนิ ตอ่ โยงใดบา้ งทเี ป็ นเสน้ สง่ ผา่ นการเคลอื นที
1 : ชนิ ตอ่ โยง 2 และ 4
2 : ชนิ ตอ่ โยง 2 ชนิ เดยี ว
3 : ชนิ ตอ่ โยง 3 และ 4
4 : ชนิ ตอ่ โยง 3 ชนิ เดยี ว
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 61 :
จากรปู เสน้ สง่ ผา่ นการเคลอื นทคี อื ชนิ ตอ่ โยงใด
1 : ชนิ ตอ่ โยง 1
2 : ชนิ ตอ่ โยง 2
3 : ชนิ ตอ่ โยง 3
4 : ชนิ ตอ่ โยง 4
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขจาอ้กทรูปี 6เ2สน้ :ส่งผา่ นการเคลือนทีคือชินต่อโยงใดสภาวิศวกร ขอ
1 : ชนิ ตอ่ โยง 2 และ 4
2 : ชนิ ตอ่ โยง 2 ชนิ เดยี ว
3 : ชนิ ตอ่ โยง 3 และ 4
4 : ชนิ ตอ่ โยง 3 ชนิ เดยี ว
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
กขาอ้รทแบี 6่ง3ชน:ิดของกลไก -ขอ้ ต่อ แบ่งไดเ้ ป็น 5 ชนิดในรูป s & l เป็นความยาวของขอ้ ต่อทีสนั ทีสุดและยาวทีสุด p และ q เป็นความยาวของขอ้ ต่อทีเหลือ เมือ s + l
= p + q กลไก -ขอ้ ต่อนีจะเป็นชนิดใด
1 : กลไกทมี จี ดุ เปลยี น (change point mechanism) เมอื ใหข้ อ้ ตอ่ ทสี นั ทสี ดุ อยทู่ ใี ดกไ็ ด ้
2 : กลไกแขนแกวง่ คู่ (double-rocker) เมอื ใหข้ อ้ ตอ่ ทสี นั ทสี ดุ เป็ นกา้ นสง่ (coupler)
3 : กลไกขอ้ เหวยี งแขนแกวง่ (crank-rocker) เมอื ใหข้ อ้ ตอ่ ทสี นั ทสี ดุ เป็ นดา้ นขา้ ง
4 : กลไกขอ้ เหวยี งคู่ (double-crank) เมอื ใหข้ อ้ ตอ่ ทสี นั ทสี ดุ เป็ นแทน่
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ข<กาอ้รpทแบ+ี 6่ง4ชqน:กิดลขไอกงก-ลขไอ้ กต่อ-นขีจอ้ ะตเ่อป็นแบชน่งไิดดใเ้ดป็น 5 ชนิดในรูป s & l เป็นความยาวของขอ้ ต่อทีสนั ทีสุดและยาวทีสุด p และ q เป็นความยาวของขอ้ ต่อทีเหลือ เมือ s + l
1 : กลไกขอ้ เหวยี งคู่ (double-crank)
2 : กลไกแขนแกวง่ คู่ (double-rocker)
3 : กลไกขอ้ เหวยี งแขนแกวง่ (crank-rocker)
4 : กลไกทมี จี ดุ เปลยี น (change point mechanism)
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 65 :
Coupler curve หมายถงึ เสน้ โคง้ ใด
1 : เป็ นสว่ นโคง้ ทไี ดจ้ ากจดุ บนกา้ นสง่ ลากไปบนระนาบทอี ยกู่ บั ที
2 : เป็ นสว่ นโคง้ ทไี ดจ้ ากจดุ บนขอ้ เหวยี งทลี ากไปบนระนาบทอี ยกู่ บั ที
3 : เป็ นสว่ นโคง้ ทไี ดจ้ ากจดุ บนขอบของวงลอ้ ทลี ากไปบนระนาบ เมอื วงลอ้ กลงิ ไปบนพนื ราบโดยไมม่ กี ารไถลทอี ยกู่ บั ที
4 : เป็ นสว่ นโคง้ ทเี กดิ จากจดุ บนขอ้ ตอ่ ใดขอ้ ตอ่ หนงึ ในกลไกกราชอฟ ทลี ากไปบนระนาบทอี ยกู่ บั ที
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
อสงวนส ิทธ ิ
ขอ้ ที 66 :สภาวิศวกร ขอ
จากโซค่ เิ นแมตกิ เชงิ บงั คบั 4 ขอ้ ตอ่ จากการสบั เปลยี น (inversion) จะไดก้ ลไกทงั หมดกชี นดิ
1 : 4 ชนดิ
2 : 2 ชนดิ
3 : 3 ชนดิ
4 : 1 ชนดิ หรอื เหมอื นเดมิ
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 67 :
กลไก 4 ขอ้ ตอ่ (Four bars linkage) แบบขอ้ เหวยี งคู่ ของ Grafshof ตอ้ งมขี อ้ ตอ่ สนั ทสี ดุ เป็ น
1 : แทน่ เครอื ง
2 : ขอ้ เหวยี ง
3 : กา้ นสง่
4 : ตวั ตาม
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 68 :
กลไก 4 ขอ้ ตอ่ (Four bar linkage) แบบขอ้ เหวยี ง-แขนแกวง่ ของ Grafshof ตอ้ งมขี อ้ ตอ่ สนั ทสี ดุ เป็ น
1 : แทน่ เครอื ง
2 : ขอ้ เหวยี ง
3 : กา้ นสง่
4 : ตวั ตาม
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขLอ้inทkีa6g9e ใ:นรูป คือ
1 : PSacnottot-gRraupsshell linkage
2 : HPeoaeukceenllsielirn-Lkaipgkein linkage
3 :
4 :
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 70 : linkage ดงั รูป ในตาํ แหน่งเสน้ ประ ขอ้ link 3 (A' B' ) และ link 4 (B' O4) อยใู่ นแนวเสน้ ตรงเดียวกนั จะเกิด dead point ขึนเมือ
Four – bar
1 : 04 อยใู่ นแนวเสน้ ตรงเดียวกนั อสงวนส ิทธ ิ
2 : link ใด ๆ กไ็ ด้ 2 links อยใู่ นแนวเสน้ ตรงเดียวกนั
3 : เมือ link 2 เป็น oscillator
4 : เมือ link 4 เป็น oscillator
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
Lขiอ้nทkaีg7e1ใน: รูป คือ
สภาวิศวกร ขอ
1 : Scott-Russell linkage
2 : Pantograph
3 : Peaucellier-Lipkin linkage
4 : Hoekens linkage
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
กขลอ้ ไทกีใ7น2รูป: คือ
1 : Scott-Russell linkage
2 : Pantograph
3 : Offset crank-slider
4 : Hoekens linkage
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
เนอื หาวชิ า : 256 : 4. Linkage 2
ขอ้ ที 73 :
กลไก 4 ขอ้ ตอ่ ในรปู มขี นาด O2A = 15 mm, AB = 32 mm, O4B = 30 mm และ O2O4 = 25 mmถา้ O2A เป็ นตวั ขบั ตําแหน่งขดี จํากดั ( มมุ
O4O2A) เป็ น
1 : 65.5
2 : 83.3
3 : 49.6
4 : 114.5
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 74 :
กลไก 4 ขอ้ ตอ่ ในรปู มขี นาด O2A = 15 mm, AB = 32 mm, O4B = 30 mm และ O2O4 = 25 mmถา้ O2A เป็ นตวั ขบั ตําแหน่งขดี จํากดั (มมุ
O2O4B) เป็ น
อสงวนส ิทธ ิ
สภาวิศวกร ขอ
1 : 100.6O
2 : 130.5O
3 : 65.5O
4 : 114.5O
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 75 :
กลไก 4 ขอ้ ตอ่ ในรปู มขี นาด O2A = 15 mm, AB = 32 mm, O4B = 30 mm และ O2O4 = 25 mmถา้ O4B เป็ นตวั ขบั ตําแหน่งจดุ ตาย (มมุ
O2O4B) เป็ น
1 : 100.6O
2 : 130.5O
3 : 65.5O
4 : 114.5O
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 76 :
กลไก 4 ขอ้ ตอ่ ในรปู มขี นาด O2A = 15 mm, AB = 32 mm, O4B = 30 mm และ O2O4 = 25 mmถา้ O4B เป็ นตวั ขบั ตําแหน่งจดุ ตาย (มมุ
O4O2A) เป็ น
1 : 65.5O
2 : 83.3O
3 : 49.6O
4 : 114.5O
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 77 :
กลไก ชนดิ 4 ขอ้ ตอ่ มคี า่ ตามรปู a = 1.5 cm b = 3.0 cm c = 3.2 cm ฐานหา่ งกนั = 2.5 cm จงหาตําแหน่งขดี จํากดั ของตวั ขบั a
อสงวนส ิทธ ิ
สภาวิศวกร ขอ
1 : 34.51 degree และ 89.06 degree
2 : 34.6 degree และ 89.05 degree
3 : 47 degree และ 104.037degree
4 : 34.51 degree และ 104.037 degree
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 78 :
กลไก ชนดิ 4 ขอ้ ตอ่ มคี า่ ตามรปู a = 1.5 cm b = 3.0 cm c = 3.2 cm ฐานหา่ งกนั = 2.5 cm จงหาตําแหน่งขดี จํากดั ของตวั ตาม b
1 : 62.9 Degree และ 145.5 Degree
2 : 117.13 Degree และ 34.6 Degree
3 : 34.6 Degreeและ 104.5 Degree
4 : 104.6 Degreeและ 34.4 Degree
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 79 :
กลไก ชนดิ 4 ขอ้ ตอ่ มคี า่ ตามรปู a = 2 cm b = 3.5 cm c = 3.2 cm ฐานหา่ งกนั = 2.5 cm จงหาตําแหน่งขดี จํากดั ของตวั ตาม b
1 : 12.87 degree to 119.21 degree
2 : 60 degree to 160 degree
3 : 79 degree to 13 degree
4 : 60.79 degree to 167.13 degree
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 80 :
กลไก ชนดิ 4 ขอ้ ตอ่ มคี า่ ตามรปู a = 2 cm b = 3.5 cm c = 3.2 cm ฐานหา่ งกนั = 2.5 cm จงหาตําแหน่งขดี จํากดั ของตวั ขบั a
อสงวนส ิทธ ิ
สภาวิศวกร ขอ
1 : 215.98 degree to 139.46 degree
2 : 35.98 degree to 139.46 degree
3 : 35.98 degree to 319.46 degree
4 : 215.98 degree to 319.46 degree
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 81 :
จากรปู ใหช้ นิ ตอ่ โยง 2 เป็ นตวั ขบั และชนิ ตอ่ โยง 4 เป็ นตวั ตาม จะไดม้ มุ Transmission คอื มมุ ระหวา่ งชนิ ตอ่ โยงใด
1 : ชนิ ตอ่ โยง 3 กบั ชนิ ตอ่ โยง 4
2 : ชนิ ตอ่ โยง 1 กบั ชนิ ตอ่ โยง 2
3 : ชนิ ตอ่ โยง 2 กบั ชนิ ตอ่ โยง 3
4 : ชนิ ตอ่ โยง 4 กบั ชนิ ตอ่ โยง 1
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 82 :
จากรปู ใหช้ นิ ตอ่ โยง 4 เป็ นตวั ขบั และชนิ ตอ่ โยง 2 เป็ นตวั ตาม จะไดม้ มุ Transmission คอื มมุ ระหวา่ งชนิ ตอ่ โยงใด
1 : ชนิ ตอ่ โยง 3 กบั ชนิ ตอ่ โยง 1
2 : ชนิ ตอ่ โยง 2 กบั ชนิ ตอ่ โยง 3
3 : ชนิ ตอ่ โยง 3 กบั ชนิ ตอ่ โยง 4
4 : ชนิ ตอ่ โยง 2 กบั ชนิ ตอ่ โยง 4
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 83 :
อสงวนส ิทธ ิ
จากรปู ใหช้ นิ ตอ่ โยง 2 เป็ นตวั ขบั และชนิ ตอ่ โยง 4 เป็ นตวั ตาม จะไดม้ มุ Transmission คอื มมุ ระหวา่ งชนิ ตอ่ โยงใดสภาวิศวกร ขอ
1 : ชนิ ตอ่ โยง 1 กบั ชนิ ตอ่ โยง 2
2 : ชนิ ตอ่ โยง 3 กบั ชนิ ตอ่ โยง 4
3 : ชนิ ตอ่ โยง 2 กบั ชนิ ตอ่ โยง 3
4 : ชนิ ตอ่ โยง 4 กบั ชนิ ตอ่ โยง 1
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขจาอ้กทรูปี 8ใ4หช้ :ินต่อโยง 4 เป็นตวั ขบั แลว้ ชินต่อโยง 2 เป็นตวั ตาม จะไดม้ ุม Transmission คือมุมระหวา่ งชินต่อโยงใด
1 : ชนิ ตอ่ โยง 3 กบั ชนิ ตอ่ โยง 4
2 : ชนิ ตอ่ โยง 1 กบั ชนิ ตอ่ โยง 2
3 : ชนิ ตอ่ โยง 2 กบั ชนิ ตอ่ โยง 3
4 : ชนิ ตอ่ โยง 4 กบั ชนิ ตอ่ โยง 1
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขตาํอ้ แทหีน8่ง5ข:องกลไก -ขอ้ ต่อในรูป คือตาํ แหน่งใด เมือขอ้ ต่อ 2 เป็นตวั ขบั
1 : ตําแหน่งขดี จํากดั
2 : ตําแหน่งจดุ เปลยี น
3 : ตําแหน่งจดุ ตาย
4 : ตําแหน่งทใี หม้ มุ สง่ ทอดทเี ล็กทสี ดุ
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ตขาํอ้ แทหีน8่ง6ข:องกลไก -ขอ้ ต่อในรูป คือตาํ แหน่งใด เมือขอ้ ต่อ 4 เป็นตวั ขบั
อสงวนส ิทธ ิ
สภาวิศวกร ขอ
1 : ตําแหน่งจดุ ตายอสงวนส ิทธ ิ
2 : ตําแหน่งจดุ เปลยี น
3 : ตําแหน่งขดี จํากดั
4 : ตําแหน่งทใี หม้ มุ สง่ ทอดทเี ล็กทสี ดุ
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขกลอ้ ไทกีเ8ลื7อน:ขอ้ เหวยี งในรูป ตาํ แหน่งขีดจาํ กดั หมายถึงตาํ แหน่งใด
1 : เมอื ขอ้ ตอ่ 2 เป็ นตวั ขบั ตําแหน่งขดี จํากดั เป็ นตําแหน่งทขี อ้ ตอ่ 2 และขอ้ ตอ่ 3 มาอยใู่ นแนวเสน้ ตรงเดยี วกนั
2 : เมอื ขอ้ ตอ่ 4 เป็ นตวั ขบั ตําแหน่งขดี จํากดั เป็ นตําแหน่งทขี อ้ ตอ่ 2 และขอ้ ตอ่ 3 มาอยใู่ นแนวเสน้ ตรงเดยี วกนั
3:
เมอื ขอ้ ตอ่ 2 เป็ นตวั ขบั ตําแหน่งขดี จํากดั หมายถงึ ตําแหน่งทขี อ้ ตอ่ 2 เคลอื นทมี าอยใู่ นตําแหน่งทที ํามมุ ฉากกบั AoB
4:
เมอื ขอ้ ตอ่ 4 เป็ นตวั ขบั ตําแหน่งขดี จํากดั หมายถงึ ตําแหน่งทขี อ้ ตอ่ 2 เคลอื นทมี าอยใู่ นตําแหน่งทที ํามมุ ฉากกบั AoB
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
กขลอ้ ไทกีเ8ลื8อน:ขอ้ เหวยี งในรูป ตาํ แหน่งจุดตายของกลไกหมายถึงตาํ แหน่งใด
1 : เมอื ขอ้ ตอ่ 4 เป็ นตวั ขบั ตําแหน่งจดุ ตายเป็ นตําแหน่งทขี อ้ ตอ่ 2 และขอ้ ตอ่ 3 มาอยใู่ นแนวเสน้ ตรงเดยี วกนั
2 : เมอื ขอ้ ตอ่ 2 เป็ นตวั ขบั ตําแหน่งจดุ ตายเป็ นตําแหน่งทขี อ้ ตอ่ 2 และขอ้ ตอ่ 3 มาอยใู่ นแนวเสน้ ตรงเดยี วกนั
3:
เมือขอ้ ต่อ 4 เป็นตวั ขบั ตาํ แหน่งจุดตายเป็นตาํ แหน่งทีขอ้ ต่อ 2 เคลือนทีมาอยใู่ นตาํ แหน่งทีทาํ มุมฉากกบั AoB
4:
เมือขอ้ ต่อ 2 เป็นตวั ขบั ตาํ แหน่งจุดตายเป็นตาํ แหน่งทีขอ้ ต่อ 2 เคลือนทีมาอยใู่ นตาํ แหน่งทีทาํ มุมฉากกบั AoB
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 89 :
กลไก 4 ขอ้ ตอ่ ในรปู มขี นาด O2A = 20 mm, AB = 32 mm, O4B = 30 mm ลแ O2O4 = 25 mm ถา้ O2A เป็ นตวั ขบั ตําแหน่งขดี จํากดัสภาวิศวกร ขอ
(<O4O2A) เป็ น
1 : 114.5๐
2 : 83.3๐
3 : 49.6๐
4 : 23.1๐
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 90 :
กลไก 4 ขอ้ ตอ่ ในรปู มขี นาด O2A = 20 mm, AB = 32 mm, O4B = 30 mm และ O2O4 = 25 mm ถา้ O2A เป็ นตวั ขบั ตําแหน่งขดี จํากดั
(<O2O4B) เป็ น
1 : 23.1๐
2 : 130.5๐
3 : 137.6๐
4 : 114.5๐
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขกอ้ลทไกี 9ข1า้ ง:ล่างเป็นกลไกทีมีการเคลือนทีแบบ
1: DCDrroaaugnb-klli-enr-okrcokcekrer อสงวนส ิทธ ิ
2: Slider-crank
3:
4:
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขเพอ้ ือทใีห9เ้2กิด: double cranking และป้องกนั ไม่ใหเ้ กิด locking ใน Four – bar linkage ดงั รูป เงือนไขหนึงทีป้องกนั ไม่ใหเ้ กิด locking คือสภาวิศวกร ขอ
1 : (O4B – O2O4) + O2A > ABอสงวนส ิทธ ิ
2 : (O4B – O2O4) + O2A < AB
3 : (O4B – O2O4) + O2A = AB
4 : (O4B – O2O4) + O2A ≤ AB
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขกลอ้ ไทกีข9า้ 3งล:่างเป็นกลไกทีมีการเคลือนทีแบบ
1 : Drag-link
2 : Crank-rocker
3 : Double-crank
4 : Slider-crank
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
กขลอ้ ไทกีส9ีช4ิน:(four-bar mechanism) มีความยาวดา้ นทงั สีดงั นี r1 = 5 cm, r2 = 17 cm, r3 = 10 cm, และ r4 = 11 cm ถา้ ชินส่วน r1 ถูกยดึ เป็นพืน (ground) กลไกนีมีรูป
แบบการเคลือนทีอยา่ งไร
1 : Crank-rocker
2 : Double-rocker
3 : Double-crank
4 : Slider-crank
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
เนอื หาวชิ า : 257 : 5. Linkage 3
ขอ้ ที 95 :
กลไกทใี ชใ้ นการเชอื มตอ่ เพลา 2 เสน้ ทขี นานและเยอื งกนั เล็กนอ้ ยคอื
1 : Watt’s six-bar
2 : Scotch yoke
3 : Peaucellier mechanism
4 : Oldham coupling
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 96 :
กลไกใดทไี มใ่ ช ้ Toggle effect
1 : Peaucellier mechanism
2 : Stone crusher
3 : Vise-grip pliers
4 : Punch pressสภาวิศวกร ขอ
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 97 :
กลไกใดทดี ดั แปลงเป็ นเครอื งเขยี นรปู วงรไี ด ้
1 : Watt’s six-bar
2 : Scotch yoke
3 : Peaucellier mechanism
4 : Whitworth mechanism
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 98 :
กลไกใดไมใ่ ชก่ ลไกไปชา้ กลบั เร็ว
1 : Whitworth mechanism
2 : Crank-shaper mechanism
3 : Peaucellier mechanism
4 : Off-set slider crank mechanism
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 99 :
ในการออกแบบขอ้ เหวยี งคู่ ( Double Crank) มขี อ้ ตอ่ A,B,C และD มคี วามยาว เทา่ กบั 5,7,10 และ 12 cm.จะตอ้ งใชส้ ว่ นใดเป็ นฐานของกลไก
ชนดิ นี
1:A
2:B
3:C
4:D
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 100 :
ในการออกแบบขอ้ เหวยี ง แขนแกวง่ ( Crank-rocker) มขี อ้ ตอ่ A,B,C และD มคี วามยาว เทา่ กบั 5,10,10 และ 12 cm. ขอ้ ตอ่ A จะตอ้ งอยทู่ ใี ด
1 : แทน่ เครอื ง
2 : กา้ นสง่
3 : ดา้ นขา้ ง
4 : ทไี หนกไ็ ด ้
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 101 :
กลไกดงั ภาพ ใชป้ ระโยชนใ์ นการ
1 : เขยี นเสน้ ตรง
2 : เขยี นวงรี
3 : ลอกรปู แบบ
4 : ลากเสน้ เกอื บตรง
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 102 :
อสงวนส ิทธ ิ
กลไกดงั รปู ใชใ้ นอปุ กรณอ์ ะไร สภาวิศวกร ขอ
1 : เครอื งตอกหมดุ อสงวนส ิทธ ิ
2 : เครอื งบดหนิ
3 : เครอื งรดนํา
4 : เครอื งฉายภาพยนตร์
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 103 :
จากรปู ชนิ ตอ่ โยง 3 จะมชี อื เรยี กวา่ อะไร
1 : Connecting Rod
2 : Crank
3 : Cam
4 : Piston
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 104 :
จากรปู ชนิ ตอ่ โยง 3 จะมชี อื เรยี กวา่ อะไร
1 : Coupling
2 : Gear
3 : Slider
4 : Cam
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 105 :
จากรปู ชนิ ตอ่ โยง 2 จะมชี อื เรยี กวา่ อะไรสภาวิศวกร ขอ
1 : Connecting Rod
2 : Crank
3 : Cam
4 : Piston
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขจาอ้กทรูปี 1ช0ิน6ต:่อโยง 1 จะมีชือเรียกวา่ อะไร
1 : Piston
2 : Connecting Rod
3 : Crank
4 : Coupling
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขตาํอ้ แทหีน1่ง0ข7อง:กลไก -ขอ้ ต่อทีเห็น เป็นตาํ แหน่งอะไร
1 : ตําแหน่งทใี หม้ มุ สง่ ทอดทเี ล็กทสี ดุ
2 : ตําแหน่งจดุ ตายของกลไก
3 : ตําแหน่งจดุ เปลยี นของกลไก
4 : ตําแหน่งขดี จํากดั ของกลไก
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 108 :
มมุ สง่ ทอดในกลไก 4-ขอ้ ตอ่ หมายถงึ
1 : มมุ ทกี า้ นสง่ กบั ขอ้ ตอ่ ตวั ถกู ขบั หรอื ตวั ตามกระทํากนั และตอ้ งเป็ นมมุ ทเี ล็กกวา่
2 : มมุ ทกี า้ นสง่ กบั ขอ้ ตอ่ ตวั ถกู ขบั หรอื ตวั ตามกระทํากนั และตอ้ งเป็ นมมุ ทใี หญก่ วา่
3 : มมุ ทกี า้ นสง่ กบั ขอ้ ตอ่ ทเี ป็ นตวั ขบั กระทํากนั และตอ้ งเป็ นมมุ ทเี ล็กกวา่
4 : มมุ ทกี า้ นสง่ กบั ขอ้ ตอ่ ทเี ป็ นตวั ขบั กระทํากนั และตอ้ งเป็ นมมุ ทใี หญก่ วา่
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
อสงวนส ิทธ ิ
ขอ้ ที 109 : -ขอ้ ต่อ ทีมีการส่งทอดการเคลือนทีเหมือนกนั ทุกประการกลไกทางขวามือสามารถเปลียนมาเป็นกลไกซา้ ยมือไดด้ ว้ ยวธิ ีการใด
ในรู ปเป็ นกลไก
สภาวิศวกร ขอ
1 : การเปลยี นรปู ทรง
2 : การขยายคสู่ มั ผัส
3 : เปลยี นขอ้ ตอ่ ทเี ป็ นแทน่
4 : เปลยี นชนดิ ของคสู่ มั ผัส 34
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 110 :
กลไกกราชอฟ หมายถงึ
1 : กลไก 4-ขอ้ ตอ่ ทคี วามยาวของดา้ นทสี นั ทสี ดุ รวมกบั ความยาวของดา้ นทยี าวทสี ดุ เทา่ กบั หรอื นอ้ ยกวา่ ดา้ นทเี หลอื รวมกนั
2 : กลไก 4-ขอ้ ตอ่ ทคี วามยาวของดา้ นทสี นั ทสี ดุ รวมกบั ความยาวของดา้ นทยี าวทสี ดุ นอ้ ยกวา่ ดา้ นทเี หลอื รวมกนั เทา่ นัน
3 : กลไก 4-ขอ้ ตอ่ ทมี ดี า้ นทยี าวทสี ดุ เป็ นแทน่ และดา้ นทสี นั ทสี ดุ เป็ นขอ้ เหวยี ง
4 : กลไก 4-ขอ้ ตอ่ ทมี ตี ําแหน่งจดุ เปลยี น
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 111 :
Whitworth mechanism เป็ นกลไก
1 : ทใี ชเ้ ชอื มตอ่ เพลา 2 เสน้ ทขี นานและเยอื งกนั เล็กนอ้ ย
2 : ทใี ช ้ Toggle effect ทํางาน
3 : ชว่ ยในการเขยี นแบบ
4 : ในงานเครอื งไสโลหะ
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 112 :
Universal joint เป็ นกลไก
1 : ทใี ชเ้ ชอื มตอ่ เพลา 2 เสน้ ทขี นานและเยอื งกนั เล็กนอ้ ย
2 : ทใี ช ้ Toggle effect ทํางาน
3 : ชว่ ยในการเขยี นแบบ
4 : ในงานเครอื งไสโลหะ
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขกอ้ลทไกี 1ใน13รูป:คือ
1: FFPCloeeynunwdrtr-uhibfleauuermgllailngkoagveernor
2:
3:
4:
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 114 : อสงวนส ิทธ ิ O2 ทาํ ให้ slider P เคลือนที ขึน – ลง ใน slot hole 3 และทาํ ให้ yoke 4 เกิดการเคลือนที motion ของ yoke 4 เป็ นแบบใด
link 2 เคลือนทีเป็นวงกลมรอบจุด
สภาวิศวกร ขอ
1: rseimcipplreochaatrimononmicotmioontion
2: lliinneeaarr cinotnesrmtanitttevnetlomcoittyiomnotion
3:
4:
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขกลอ้ ไทกีใ1น1ร5ูปค:ือ
1 : Centrifugal governor
2 : PFFeloynuwdr-uhbleauermllinkage
3 :
4 :
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 116 :
กลไกในรูปคือ
1 : CWCrrhaannitkkw-soshlritadhpeerr
2 : Four-bar linkage
3 :
4 :
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
เนอื หาวชิ า : 258 : 6. Degree of Freedom 1
ขอ้ ที 117 :
กลไกทเี ป็ นโซค่ เิ นแมตกิ เชงิ บงั คบั ตอ้ งมี Degree of freedom เป็ น
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
อสงวนส ิทธ ิ
ขอ้ ที 118 :
กลไกแบบ 5-ขอ้ ตอ่ โดยทวั ไปมี Degree of freedom เป็ น
1:0
2:1
3:2
4:3สภาวิศวกร ขอ
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 119 :
โครงสรา้ งสะพานเป็ นโซค่ เิ นแมตกิ ทมี ี Degree of freedom เป็ น
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 120 :
กลไกแบบ 4-ขอ้ ตอ่ โดยทวั ไปมี Degree of freedom เป็ น
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 121 :
จงหาคา่ Degree of Freedom ของกลไกดงั ภาพ
1:2
2:3
3:4
4:0
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 122 :
จงหาคา่ Degree of Freedom ของกลไกดงั ภาพ
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 123 :
จงหาคา่ Degree of Freedom ของกลไกดงั ภาพ
อสงวนส ิทธ ิ
สภาวิศวกร ขอ
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 124 :
Degree of freedom มชี อื เรยี กอกี ชอื วา่ อะไร
1 : No.of joints
2 : Mobility
3 : No.of links
4 : Mobilisation
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 125 :
ลกู เบยี วทมี กี ารเคลอื นทแี บบกลงิ และไถลพรอ้ มกนั จะมคี า่ Degree of Freedom เทา่ ไร
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 126 :
ลกู เบยี วทมี กี ารเคลอื นทแี บบกลงิ โดยไมไ่ ถล จะมคี า่ Degree of Freedom เทา่ ไร
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 127 :
หมดุ ทมี กี ารเคลอื นทแี บบ pure rotation จะมคี า่ Degree of Freedom เทา่ ไร
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 128 :
ลกู สบู ทมี กี ารเคลอื นทแี บบ pure sliding จะมคี า่ Degree of Freedom เทา่ ไร
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
อสงวนส ิทธ ิ
ขอ้ ที 129 :สภาวิศวกร ขอ
รอยตอ่ หรอื คสู่ มั ผัสใดทมี รี ะดบั ขนั ความเสรี f = 2
1 : รอยตอ่ 23
2 : รอยตอ่ 13
3 : รอยตอ่ 12
4 : รอยตอ่ 13 และ 23
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 130 :
ให ้ J1 เป็ นจํานวนรอยตอ่ ทมี รี ะดบั ขนั ความเสรเี ป็ น 1 และ J2เป็ นจํานวนรอยตอ่ ทมี รี ะดบั ขนั ความเสรเี ป็ น 2 กลไกในรปู จะมี J1 และ J2 เทา่ ใด
1:
J1 = 3 , J2 = 1
2:
J1 = 2 , J2 = 2
3:
J1 = 1 , J2 = 3
4:
J1 = 4 , J2 = 0
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขกลอ้ ไทกีท1ีเ3ห1็นม:ีระดบั ขนั ความเสรีเท่าใด
1:1
2:2
3:0
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 132 :
ขอ้ ตอ่ ทเี คลอื นทอี สิ ระในระนาบจะมรี ะดบั ขนั ความเสรี F เทา่ ใด
1:F=3
2:F=2
3:F=4
4:F=0
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 133 :
กลไกทมี ี Degree of freedom เป็ น 0 ไดแ้ ก่
อสงวนส ิทธ ิ
1 : ทปี ัดนําฝนสภาวิศวกร ขอ
2 : โครงสรา้ งสะพาน
3 : ชดุ กระบอกสบู ไฮดรอลกิ
4 : ชดุ เฟืองทด
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 134 :
กลไกทมี ี Degree of freedom เป็ น 1 ไดแ้ ก่
1 : ทปี ัดนําฝน
2 : โครงสรา้ งสะพาน
3 : ตวั ถงั รถโดยสารประจําทาง
4 : กลไก 5 ขอ้ ตอ่
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขกอ้ลทไกี 1ใน35รูป:มีค่า Degree of freedom เท่ากบั
1: 0
2: 1
3: 2
4: 3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขP2อ้ เทป็นี 1r3e6vo:lute joint เชือม 2 links เขา้ ดว้ ยกนั ระบบ link ดงั กล่าว มี degree of freedom เท่ากบั
1: 3
2:4
3:5
4:6
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 137 :
จากกลไกดงั รูป จงหาระดบั ขนั ความเสรี(Degree of freedom หรือ Mobility)
1:1
2:2
3:3
4:0
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
อสงวนส ิทธ ิ
ขกลอ้ ไทกีด1งั 3ร8ูป :จงหาระดบั ขนั ความเสรี(Degree of freedom หรือ Mobility)สภาวิศวกร ขอ
1:1
2:2
3:3
4:0
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
กขลอ้ ไทกีด1งั 3ร9ูป :จงหาระดบั ขนั ความเสรี(Degree of freedom หรือ Mobility)
1:1
2:2
3:3
4:0
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
โขคอ้ รทงสี 1ร4้าง0ส:ะพานพระพทุ ธยอดฟ้ามีค่า Degree of freedom เท่ากบั
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
กขลอ้ ไทกีใ1น4ร1ูปม:ีค่า Degree of freedom เท่ากบั
1 : -1
201
2 :
3 :
4 :
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
เนอื หาวชิ า : 259 : 7. Degree of Freedom 2
ขอ้ ที 142 :
กลไกดงั แสดงในรปู มี Degree of freedom เป็ น
1:0 อสงวนส ิทธ ิ
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2สภาวิศวกร ขอ
ขอ้ ที 143 :
กลไกดงั แสดงในรปู มี Degree of freedom เป็ น
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 144 :
กลไกดงั แสดงในรปู มี Degree of freedom เป็ น
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 145 :
กลไกดงั แสดงในรปู มี Degree of freedom เป็ น
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 146 :
อสงวนส ิทธ ิ
กลไกดงั แสดงในรปู มี Degree of freedom เป็ นสภาวิศวกร ขอ
1:3
2:0
3:1
4:2
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 147 :
กลไกดงั แสดงในรปู มี Degree of freedom เทา่ กบั เทา่ ไหร่ ถา้ ขอ้ ตอ่ 4 เชอื มตดิ กบั ลกู กลงิ 3
1:1
2:2
3:3
4:4
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 148 :
อสงวนส ิทธ ิ
คมี ลอ๊ คตามรปู มคี า่ Degree of freedom เทา่ กบั เทา่ ไร (ถา้ ไมน่ ับถงึ น๊อตปรับตงั )สภาวิศวกร ขอ
1:1
2:2
3:3
4:4
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 149 :
คมี ล็อคดงั แสดงในรปู มี Degree of freedom เป็ นเทา่ ไหร่ ใหร้ วมถงึ น๊อตปรับตงั ปากกาดว้ ย
1:1
2:2
3:3
4:4
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 150 :
กลไกดงั รปู จะมคี า่ Degree of Freedom เทา่ กบั เทา่ ไร
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
อสงวนส ิทธ ิ
ขอ้ ที 151 :สภาวิศวกร ขอ
กลไกดงั รปู จะมคี า่ Degree of Freedom เทา่ กบั เทา่ ไร
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 152 :
กลไกดงั รปู จะมคี า่ Degree of Freedom เทา่ กบั เทา่ ไร
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
กขลอ้ ไทกีด1งั 5ร3ูปจ:ะมีค่า Degree of Freedom เท่ากบั เท่าไร
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 154 :
โซค่ เิ นแมตกิ (Kinematic chains) ทมี รี ะดบั ขนั ความเสรี (Degree of Freedom) เทา่ กบั 1 จะเป็ นโซค่ เิ นแมตกิ ชนดิ ใด
1 : โซค่ เิ นแมตกิ เชงิ บงั คบั
2 : โซค่ เิ นแมตกิ แบบบงั คบั ไมไ่ ด ้
3 : โซล่ อ๊ ค
4 : โซค่ เิ นแมตกิ แบบขบั เคลอื น 2 ทาง
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 155 :
อสงวนส ิทธ ิ
จงหาระดบั ขนั ความเสรี (Degree of Freedom ของกลไกในรูปสภาวิศวกร ขอ
1:2อสงวนส ิทธ ิ
2:1
3:3
4:0
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขจงอ้หทารี 1ะ5ด6บั ข:นั ความเสรี (Degree of Freedom ) ของกลไกในรูป
1:1
2:2
3:3
4:0
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขจงอ้คทาํ นี 1ว5ณ7ระ:ดบั ขนั ความเสรีของโซ่คิเนเมติกในรูป
1:1
2:2
3:3
4:0
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 158 :
กลไกดงั แสดงในรปู มี Degree of freedom เป็ น
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 159 :
กลไกดงั แสดงในรปู Degree of freedom เป็ น
สภาวิศวกร ขอ
1:0
2: 1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขกอ้ญุ ทแีจ1ล6อ็ 0ค:(Locking pliers) ในรูปมีค่า Degree of freedom เท่าไร
1: 0
2: 1
3: 2
4: 3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขMอ้ oทbีil1it6y1ขอ: ง four-bar linkage (a) และ (b) มีค่าเท่ากบั
1 : (a) = (b) = 1
2 : (a) = 1 , (b) = 0
3 : (a) = 0 , (b) = 1
4 : (a) = 1 , (b) = -1
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขกลอ้ ไทกีอ1ดั 6ช2ิน:งานดงั รูป จงหาจาํ นวนชินต่อโยงและจาํ นวนคู่สมั ผสั ขนั ตาํ
1 : 677 ชชชชิิิินนนนตตตต่่่่ออออโโโโยยยยงงงง 676 คคคคูููู่่่่สสสสมมมมัััั ผผผผสสสสัััั ขขขขนนนนัััั ตตตตาาาาํํํํ
2 : 6 7
3 :
4 :
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 163 : อสงวนส ิทธ ิ จงหาจาํ นวนชินต่อโยงของกลไกตกั ดา้ นหนา้
ถา้ กาํ หนดใหต้ วั ถงั รถเป็นเฟรมหรือกราวด(์ Frame or ground)
กลไกของรถตกั ดงั รูป
สภาวิศวกร ขอ
1:6
2:7
3:8
4:9
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
หขกลอน้ ไทา้ กีข1อ6ง4รถ:ตกั ดงั รูป ถา้ กาํ หนดใหต้ วั ถงั รถเป็นเฟรมหรือกราวด(์ Frame or ground) จงหาระดบั ขนั ความเสรี(Degree of freedom หรือ Mobility) ของกลไกตกั ดา้ น
1:1
2:2
3:3
4:0
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
กขลอ้ ไทกีข1อ6ง5รถ:ตกั ดงั รูป ถา้ กาํ หนดใหต้ วั ถงั รถเป็นเฟรมหรือกราวด(์ Frame or ground) จงหาจาํ นวนคู่สมั ผสั ขนั ตาํ (Lower pair joint)ของกลไกตกั ดา้ นหนา้
1 : ไมม่ ขี อ้ ใดถกู
2 : 11
3 : 10
4:9
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
กขลอ้ ไทกี 1Jo6in6st:ick ในรูป มีค่า Degree of freedom เท่ากบั
1:0
2:1
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขกลอ้ ไทกีใ1น6ร7ูปม:ีค่า Degree of freedom จากการคาํ นวณดว้ ย Grubler’s equation เป็นเท่าไร และมี degree of freedom จริงเท่าไหร่
อสงวนส ิทธ ิ
1 : สภาวิศวกร ขอคคคค่่่่าาาาDDDDeeeeggggrrrreeeeeeeeooooffffffffrrrreeeeeeeeddddoooommmmจจจจาาาากกกกกกกกาาาารรรรคคคคาาาาํํํํ นนนนววววณณณณ====-10-12คคคค่่าา่่าาDDDDeeeeggggrrrreeeeeeeeooooffffffffrrrreeeeeeeeddddoooommmmจจจจรรรริิงงิิงง====-0121
2 :
3 :
4 :
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
เนอื หาวชิ า : 260 : 8. Mechanism Design 1
ขอ้ ที 168 :
กลไก 8-ขอ้ ตอ่ ชดุ หนงึ ประกอบดว้ ยขอ้ ตอ่ แบบ 2-รอยตอ่ 7 ตวั ขอ้ ตอ่ ตวั ทแี ปดตอ้ งเป็ นชนดิ มกี รี อยตอ่
1:3
2:4
3:5
4:6
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 169 :
กลไก 8-ขอ้ ตอ่ ชดุ หนงึ ประกอบดว้ ยขอ้ ตอ่ แบบ 2-รอยตอ่ 4 ตวั ขอ้ ตอ่ ทเี หลอื ตอ้ งเป็ นชนดิ มกี รี อยตอ่
1:3
2:4
3:5
4:6
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 170 :
กลไก 8-ขอ้ ตอ่ ชดุ หนงึ ประกอบดว้ ยขอ้ ตอ่ แบบ 2-รอยตอ่ 6 ตวั ขอ้ ตอ่ ทเี หลอื ตอ้ งเป็ นชนดิ มกี รี อยตอ่
1:3
2:4
3:5
4:6
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 171 :
กลไก 6-ขอ้ ตอ่ ชดุ หนงึ ประกอบดว้ ยขอ้ ตอ่ แบบ 2-รอยตอ่ 5 ตวั ขอ้ ตอ่ ทเี หลอื ตอ้ งเป็ นชนดิ มกี รี อยตอ่
1:3
2:4
3:5
4:6
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 172 :
ในกลไกชนดิ 4 ขอ้ ตอ่ ถา้ S= ขอ้ ตอ่ ทสี นั ทสี ดุ L=ขอ้ ตอ่ ทยี าวทสี ดุ P และ Q เป้นความยาวของขอ้ ตอ่ ทเี หลอื
ถา้ S+L < P+Q และ S เป็ นแทน่ เครอื ง กลไกนคี อื
1 : Drag link mechanism
2 : Crank Rocker
3 : Double Rocker
4 : Change point mechanism
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
อสงวนส ิทธ ิ
ขอ้ ที 173 :สภาวิศวกร ขอ
ในกลไกชนดิ 4 ขอ้ ตอ่ ถา้ S= ขอ้ ตอ่ ทสี นั ทสี ดุ L=ขอ้ ตอ่ ทยี าวทสี ดุ P และ Q เป้นความยาวของขอ้ ตอ่ ทเี หลอื
ถา้ S+L < P+Q และ S เป็ นดา้ นขา้ ง กลไกนคี อื
1 : Drag link Mechanism
2 : Double rocker
3 : Change point mechanism
4 : Crank rocker
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 174 :
ในกลไกชนดิ 4 ขอ้ ตอ่ ถา้ S= ขอ้ ตอ่ ทสี นั ทสี ดุ L=ขอ้ ตอ่ ทยี าวทสี ดุ P และ Q เป้นความยาวของขอ้ ตอ่ ทเี หลอื
ถา้ S+L < P+Q และ S เป็ นกา้ นสง่ กลไกนคี อื
1 : Drag link Mechanism
2 : Crank Rocker
3 : Double Rocker
4 : Change point mechanism
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 175 :
ในกลไกชนดิ 4 ขอ้ ตอ่ ถา้ S= ขอ้ ตอ่ ทสี นั ทสี ดุ L=ขอ้ ตอ่ ทยี าวทสี ดุ P และ Q เป้นความยาวของขอ้ ตอ่ ทเี หลอื
ถา้ S+L = P+Q และ S เป็ นแทน่ เครอื ง กลไกนคี อื
1 : Change point Mechanism
2 : Double rocker
3 : Crank rocker
4 : Double rocker of the second kind of triple rocker
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 176 :
กลไกดงั รปู มชี นิ ตอ่ โยง 2 เป็ นตวั ขบั เคลอื นทกี ลบั ไปกลบั มาได ้ กลไกนจี ะเกดิ Dead Points ไดเ้ มอื ไร
1 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 3 และชนิ ตอ่ โยง 4 อยใู่ นแนวเดยี วกนั
2 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 2 และชนิ ตอ่ โยง 3 อยใู่ นแนวเดยี วกนั
3 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 1 และชนิ ตอ่ โยง 4 อยใู่ นแนวเดยี วกนั
4 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 2 และชนิ ตอ่ โยง 4 อยใู่ นแนวเดยี วกนั
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 177 :
อสงวนส ิทธ ิ
กลไกดงั รปู มชี นิ ตอ่ โยง 2 เป็ นตวั ขบั เคลอื นทกี ลบั ไปกลบั มาได ้ กลไกนจี ะเกดิ Dead Points ไดเ้ มอื ไรสภาวิศวกร ขอ
1 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 1 และชนิ ตอ่ โยง 4 อยใู่ นแนวเดยี วกนั
2 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 3 และชนิ ตอ่ โยง 4 อยใู่ นแนวเดยี วกนั
3 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 1 และชนิ ตอ่ โยง 4 ตงั ฉากกนั
4 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 3 และชนิ ตอ่ โยง 4 ตงั ฉากกนั
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 178 :
กลไกดงั รปู มชี นิ ตอ่ โยง 2 เป็ นตวั ขบั เคลอื นทกี ลบั ไปกลบั มาได ้ กลไกนจี ะเกดิ Dead Points ไดเ้ มอื ไร
1 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 2 และชนิ ตอ่ โยง 4 อยใู่ นแนวเดยี วกนั
2 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 1 และชนิ ตอ่ โยง 4 อยใู่ นแนวเดยี วกนั
3 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 2 และชนิ ตอ่ โยง 3 อยใู่ นแนวเดยี วกนั
4 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 3 และชนิ ตอ่ โยง 4 อยใู่ นแนวเดยี วกนั
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 179 :
กลไกดงั รปู มชี นิ ตอ่ โยง 2 เป็ นตวั ขบั เคลอื นทกี ลบั ไปกลบั มาได ้ กลไกนจี ะเกดิ Dead Point ไดเ้ มอื ไร
1 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 3 และชนิ ตอ่ โยง 4 อยใู่ นแนวเดยี วกนั
2 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 1 และชนิ ตอ่ โยง 4 ตงั ฉากกนั
3 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 1 และชนิ ตอ่ โยง 4 อยใู่ นแนวเดยี วกนั
4 : เมอื ชนิ ตอ่ โยง 3 และชนิ ตอ่ โยง 4 ตงั ฉากกนั
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 180 :
จงระบุระดบั ขนั ความเสรี ( Degree of Freedom ) ของกลไกในรูป
1:1
2:0
3:2
4:3
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
อสงวนส ิทธ ิ
ขอ้ ที 181 :สภาวิศวกร ขอ
กลไก 6-ขอ้ ตอ่ ทมี รี อยตอ่ ทกุ รอยเป็ นแบบหมนุ และมรี ะดบั ขนั ความเสรเี ทา่ กบั 1จะมขี อ้ ตอ่ ทมี รี อยตอ่ สงู สดุ ไดก้ รี อย
อสงวนส ิทธ ิ
1 : 3 รอย
2 : 2 รอย
3 : 4 รอย
4 : 5 รอย
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 182 :
กลไก 8-ขอ้ ตอ่ ทมี รี อยตอ่ ทกุ รอยเป็ นแบบหมนุ และมรี ะดบั ขนั ความเสรเี ทา่ กบั 1จะมขี อ้ ตอ่ ทมี รี อยตอ่ สงู สดุ ไดก้ รี อย
1 : 4 รอย
2 : 3 รอย
3 : 5 รอย
4 : 6 รอย
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 183 :
โซค่ เิ นแมตกิ เชงิ บงั คบั ทมี รี อยตอ่ ทกุ รอยเป็ นแบบหมนุ จะมจี ํานวนขอ้ ตอ่ ทมี ี 2 รอยตอ่ (binary link) อยา่ งนอ้ ยทสี ดุ กขี อ้ ตอ่
1 : 4 ขอ้ ตอ่
2 : 5 ขอ้ ตอ่
3 : 6 ขอ้ ตอ่
4 : 2 ขอ้ ตอ่
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 184 :
กลไก 5-ขอ้ ตอ่ ชดุ หนงึ ประกอบดว้ ยขอ้ ตอ่ แบบ 2-รอยตอ่ 4 ตวั ขอ้ ตอ่ ทเี หลอื ตอ้ งเป็ นชนดิ มกี รี อยตอ่ ถา้ ตอ้ งการให ้ DOF เทา่ กบั 1
1:3
2:4
3:5
4 : ไมม่ คี ําตอบ
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 185 :
กลไก 6-ขอ้ ตอ่ ชดุ หนงึ มขี อ้ ตอ่ แบบ 4 รอยตอ่ หนงึ ตวั ขอ้ ตอ่ ทเี หลอื ตอ้ งเป็ นชนดิ มกี รี อยตอ่
1:2
2:3
3:4
4:5
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 186 :
กลไกในรูปเป็นกลไกสาํ หรับ
1 : เลยี นแบบ
2 : ลากเสน้ ขนาน
3 : เขยี นเสน้ ตรง
4 : ลากเสน้ ตงั ฉาก
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 187 :
กลไกทีใชค้ วบคุมแป้นวางเตาไมโครเวฟดงั รูป เป็นกลไกแบบทีทาํ งานตามหลกั การใด
สภาวิศวกร ขอ
1 : MFPPaauottnhhtciotcginoeonnngteergronaeletnlireoeadrntaigotienonneration
2 :
3 :
4 :
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขกลอ้ ไทกีท1ีใ8ช8ค้ ว:บคุมหวั ปากกาเครืองพลอ็ ตแบบ(Drawing) บนระนาบ 2 มิติ (XY plotter) เป็นกลไกแบบทีทาํ งานตามหลกั การใด
PMไFมauotn่มhtciีขotgiอn้eonใngดeegrถnaeeูกtniroearntaiotinon
1 :
2 :
3 :
4 :
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 189 : โดยทวั ไปควรใชว้ ธิ ีการใดดงั ต่อไปนีทีน่าจะเหมาะสม ถา้ ใหเ้ ตาไมโครเวฟเลือนขึนลงไดต้ ามตอ้ งการ
ในการออกแบบกลไกทีใชว้ างเตาไมโครเวฟดงั รูป
1 : Three-position synthesis with specified fixed pivots
2 : Three-position synthesis with alternate moving pivots
3 : Two-position synthesis with angular displacement
4 : Two-position synthesis with complex displacement
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขใอน้ ทระี 1บ9บ0di:sk cam และ roller follower ถา้ motion ของ follower เป็น parabolic motion “jerk” ใน follower จะมีค่า
1 : คงที
2 : เพิมขึน
3 : ลดลง
4 : infinity
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขกลอ้ ไทกีใ1น9ร1ูปเ:ป็ นกลไกสาํ หรับ
1 : เลียนแบบ อสงวนส ิทธ ิ
2 : ลากเสน้ ขนาน
3 : เขียนเสน้ ตรง
4 : ลากเสน้ ตงั ฉาก
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขจงอ้หทาอี 1ตั 9ร2าส:่วนเวลา (time ratio) ในการทาํ งานของกลไกดงั รูป เมือชินส่วนขาเขา้ (input link) คือหมายเลข 2สภาวิศวกร ขอ
1 : 2001....5000
2 :
3 :
4 :
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
เนอื หาวชิ า : 261 : 9. Mechanism Design 2
ขอ้ ที 193 :
กลไก 4-ขอ้ ตอ่ ตวั หนงึ มจี ดุ หมนุ บนแทน่ เครอื งหา่ งกนั 65 มม. ขอ้ ตอ่ ตวั ขบั ยาว 20 มม. และขอ้ ตอ่ ตวั ตามยาว 52 มม. ตอ้ งการใหก้ ลไกนเี ป็ น
กลไกแบบขอ้ เหวยี ง-แขนแกวง่ ทแี กวง่ เป็ นมมุ 45O ดงั นันกา้ นสง่ ของกลไกนตี อ้ งยาวกมี ลิ ลเิ มตร
1 : 44
2 : 62
3 : 81
4 : 95
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 194 :
กลไก 4-ขอ้ ตอ่ ตวั หนงึ มจี ดุ หมนุ บนแทน่ เครอื งหา่ งกนั 65 มม. ขอ้ ตอ่ ตวั ขบั ยาว 20 มม. และขอ้ ตอ่ กา้ นสง่ ยาว 44 มม. ตอ้ งการใหก้ ลไกนเี ป็ น
กลไกแบบขอ้ เหวยี ง-แขนแกวง่ ทแี กวง่ เป็ นมมุ 45O ดงั นันขอ้ ตอ่ ตวั ตามของกลไกนตี อ้ งยาวกมี ลิ ลเิ มตร
1 : 35
2 : 52
3 : 71
4 : 85
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 195 :
กลไก 4-ขอ้ ตอ่ ตวั หนงึ มจี ดุ หมนุ บนแทน่ เครอื งหา่ งกนั 65 มม. ขอ้ ตอ่ ตวั ตามยาว 52 มม. และขอ้ ตอ่ กา้ นสง่ ยาว 44 มม. ตอ้ งการใหก้ ลไกนเี ป็ น
กลไกแบบขอ้ เหวยี ง-แขนแกวง่ ทแี กวง่ เป็ นมมุ 45O ดงั นันขอ้ ตอ่ ตวั ขบั ของกลไกนตี อ้ งยาวกมี ลิ ลเิ มตร
1 : 20
2 : 35
3 : 40
4 : 55
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 196 :
กลไก 4-ขอ้ ตอ่ ตวั หนงึ มขี อ้ ตอ่ ตวั ขบั ยาว 20 มม. ขอ้ ตอ่ ตวั ตามยาว 52 มม. และขอ้ ตอ่ กา้ นสง่ ยาว 44 มม. ตอ้ งการใหก้ ลไกนเี ป็ นกลไกแบบขอ้
เหวยี ง-แขนแกวง่ ทแี กวง่ เป็ นมมุ 45O ดงั นันจดุ หมนุ บนแทน่ เครอื งของกลไกนตี อ้ งหา่ งกนั กมี ลิ ลเิ มตร
1 : 40
2 : 45
3 : 51
4 : 65
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
อสงวนส ิทธ ิ
ขอ้ ที 197 :
ในการออกแบบกลไกประเภท Quick-Return คา่ อตั ราสว่ นเวลาของกลไกประเภทนคี วรจะมคี า่ เป็ นอยา่ งไร
1 : นอ้ ยกวา่ 0
2 : อยใู่ นชว่ งระหวา่ ง 0 กบั 1สภาวิศวกร ขอ
3 : เทา่ กบั 1
4 : มากกวา่ 1
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 198 :
คา่ อตั ราสว่ นเวลาของกลไกประเภท Quick-Return ในขอ้ ใดถกู ตอ้ ง
1:0
2 : 0.5
3:1
4 : 1.5
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 4
ขอ้ ที 199 :
กลไกประเภท Quick-Return คอื อะไร
1 : ชว่ งเวลาการทํางานนานกวา่ ชว่ งเวลาการเคลอื นทกี ลบั
2 : ชว่ งเวลาการทํางานนอ้ ยกวา่ ชว่ งเวลาการเคลอื นทกี ลบั
3 : ชว่ งเวลาการทํางานเทา่ กบั ชว่ งเวลาการเคลอื นทกี ลบั
4 : ไมม่ ขี อ้ ถกู
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 200 :
กลไกขอ้ ใดไมใ่ ชก่ ลไกประเภท Quick-Return
1 : Drag Link
2 : Whitworth
3 : Scotch Yoke
4 : Crank Shaper
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 201 :
กลไก Crank & Rocker ดงั ภาพ จะมคี า่ Time ratio =?
1 : 0.3
2 : 1.0
3 : 1.3
4 : 1.5
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 202 :
อสงวนส ิทธ ิ
โจทยแ์ สดงเป็ นรปู ภาพ สภาวิศวกร ขอ
1 : 1.05 อสงวนส ิทธ ิ
2 : 1.30
3 : 1.35
4 : 1.5
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3
ขอ้ ที 203 :
โจทยแ์ สดงเป็ นรปู ภาพ
1 : 1.554
2 : 1.354
3 : 1.278
4 : 1.05
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 3สภาวิศวกร ขอ
ขอ้ ที 204 : และมคี า่ f = กลไกนจี ะมคี า่ Time ratio = ?
กลไกดงั ภาพ ถา้ a =
1 : 1.25
2 : 1.15
3 : 1.05
4 : 1.03
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 205 :
โซค่ เิ นแมตกิ เชงิ บงั คบั 6-ขอ้ ตอ่ สามารถมขี อ้ ตอ่ ทมี รี อยตอ่ สงู สดุ ไดก้ รี อยตอ่
1 : 3 รอยตอ่
2 : 2 รอยตอ่
3 : 4 รอยตอ่
4 : 5 รอยตอ่
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 206 :
ในการออกแบบกลไก 4-ขอ้ ตอ่ แบบ Grashof crank-rocker ถา้ กําหนดตําแหน่งของแขนแกวง่ มาให ้ 2 ตําแหน่ง ดงั แสดงในรปู การกําหนดขนาด
ของขอ้ ตอ่ ทเี หลอื จะเรมิ ตน้ ทใี ดกอ่ น
1:
เลอื กตําแหน่งของจดุ หมนุ O2 บนเสน้ ทลี ากตอ่ ระหวา่ ง จดุ B1และ B2 ทตี อ่ ยาวออกไปในทศิ ใดกไ็ ด ้ ซงึ จะเป็ นการกําหนดความยาวของขอ้ ตอ่
1 ไ: ปเลใือนกตควั วามยาวของขอ้ ต่อ 2 ก่อน
2
3:
เลอื กความยาวของกา้ นสง่ 3 กอ่ น
4:
กําหนดความยาวของขอ้ ตอ่ 1 เป็ นทแี น่นอนกอ่ น
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 207 :
ในการออกแบบกลไก 4-ขอ้ ตอ่ ทกี ําหนดตําแหน่งของกา้ นสง่ CD มา 2 ตําแหน่ง ดงั ในรปู ขนั ตอนแรกของการออกแบบคอื การกําหนดจดุ หมนุ
O2และ O4 ดงั นี
อสงวนส ิทธ ิ
1:
ืั
บนเสน้ แบง่ ครงึ ตงั ฉากกบั C1C2และD1D2 เลอื กจดุ หมนุ O2 และ O4 ตามลําดบัสภาวิศวกร ขอ
2:อสงวนส ิทธ ิ
บนเสน้ แบง่ ครงึ ตงั ฉากกบั C1D1 และ C2D2 เลอื กจดุ หมนุ O2 และ O4 ตามลําดบั
3:
จดุ O2 และ O4 ไมส่ ามารถกําหนดไดเ้ นอื งจากโจทยใ์ หต้ ําแหน่งของขอ้ ตอ่ CD มาเพยี ง 2ตําแหน่ง
4:
บนเสน้ แบง่ ครงึ ตงั ฉากกบั C1D2 และ C2D1 เลอื กจดุ หมนุ O2และ O4 ตามลําดบั
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 208 :
ขอ้ ใดเป็ นคําตอบทถี กู ตอ้ งในการออกแบบกลไก 4-ขอ้ ตอ่ แบบ Crank-rocker เมอื กําหนดตําแหน่งของแขนแกวง่ (Rocker) มา 2 ตําแหน่งดงั รปู
1:
เมอื กลไกทไี ดไ้ มเ่ ป็ นกลไกกราชอฟ ใหเ้ ลอื กตําแหน่งจดุ หมนุ O2 และ O4 ใหม่
2:
เมอื กลไกทไี ดป้ ็ นกลไกกราชอฟ ใหเ้ ลอื กตําแหน่งจดุ หมนุ O2 และ O4 ใหม่
3:
เมอื กลไกทไี ดไ้ มเ่ ป็ นกลไกกราชอฟ ใหต้ รวจสอบมมุ สง่ ทอดใหไ้ ดม้ มุ สง่ ทอดทเี ล็กทสี ดุ
4:
เมอื กลไกทไี ดเ้ ป็ นกลไกกราชอฟ ใหเ้ ลอื กตําแหน่งจดุ หมนุ O2 และ O4 ใหมพ่ รอ้ มตรวจสอบมมุ สง่ ทอดใหไ้ ดม้ มุ สง่ ทอดทเี ล็กทสี ดุ
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 1
ขอ้ ที 209 :
กลไก 4-ขอ้ ตอ่ ตวั หนงึ มจี ดุ หมนุ บนแทน่ เครอื งหา่ งกนั 65 มม. ขอ้ ตอ่ ตวั ขบั ยาว 20 มม. กา้ นยาวสง่ 44 มม. และขอ้ ตอ่ ตวั ตามยาว 52 มม. กลไก
นจี ะมมี มุ แกวง่ กอี งศา
1 : 30
2 : 45
3 : 60
4 : 90
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขอ้ ที 210 :
กลไก 4-ขอ้ ตอ่ ตวั หนงึ มจี ดุ หมนุ่ บนแทน่ เครอื งหา่ งกนั 60 มม. ขอ้ ตอ่ ตวั ขบั ยาว 20 มม. และขอ้ ตอ่ กา้ นสง่ ยาว 40 มม. และขอ้ ตอ่ ตวั ตามยาว 45
มม. กลไกนจี ะมมี มุ แกวง่ กอี งศา
1 : 35
2 : 53
3 : 71
4 : 85
คําตอบทถี กู ตอ้ ง : 2
ขสอ้าํ ทหรี 2ับ1ก1าร:ทาํ งานของกลไกในรูป จุดทีตอ้ งอยกู่ บั ทีคือ
1 : จดุ O
2 : จดุ B
3 : จดุ D